สามใบไม่เถา ตอนที่ 6
ร้านแสงฉานเงียบเหงาตั้งแต่เช้าไม่มีลูกค้าซักคน บริกรหาวหวอดๆ
เขาชะเง้อมองนอกร้าน อยากให้มีลูกค้ามา รถคันหนึ่งจอดหน้าร้าน เขาลุ้น ลูกค้าหรือเปล่า จนเห็นชายหญิงบนรถเดินมาที่ประตูร้าน เป็นลูกค้า แสงฉานดีใจ รีบไปต้อนรับลูกค้ารายแรกของวันถึงประตู
แสงฉานยิ้มแย้มเปิดประตูให้
“สวัสดีครับ”
ลูกค้าที่มาก็คือ บุษบาบัณ กับ กิ๊กหนุ่มหล่อ แวบแรกที่บุษบาบัณเห็นแสงฉานก็ปื๊งทันที ผู้ชายคนนี้ยิ้มอบอุ่น หน้าตาก็หล่อเหลาโดนใจมาก เธอยิ้มพราว หว่านเสน่ห์ให้ ไม่แคร์กิ๊กหนุ่มที่ควงมาแต่อย่างใด เธอจิกตามอง
“ร้านสวยจังค่ะ”
“ภรรยาผมตกแต่งให้น่ะครับ”
เธออารมณ์สะดุดนิดหนึ่ง ก่อนยิ้มระรื่น มีเมียแล้วไง ไม่แคร์ แสงฉานพาบุษบาบัณกับคู่ควงไปนั่ง
“เป็นเจ้าของร้านเหรอคะ”
แสงฉานรู้สึกอึดอัด ไม่ค่อยชอบท่าทางหว่านเสน่ห์ของผู้หญิงคนนี้นัก เชาพยายามไม่คิดอะไร
“เป็นทั้งเชฟทั้งเจ้าของครับ”
บุษบาบัณมองแต่รูปปากน่าจูบของแสงฉาน
แสงฉานเอาออเดอร์โต๊ะบุษบาบัณมาให้ผู้ช่วยเชฟ
“ออเดอร์แรกของวันมาแล้ว”
บริกรเดินเข้ามา
“ลูกค้าถามหาเชฟค่ะ ถ้าทำเมนคอร์สเสร็จแล้ว อยากให้เชฟออกไปแนะนำของหวานด้วยตัวเอง”
แสงฉานหน้านิ่วคิ้วขมวดแปลกใจ ลูกค้าผู้หญิงที่มากับแฟน ดูเหมือนให้ท่าเค้าอย่างงั้นแหละ
ผู้ช่วยเชฟถาม
“เป็นอะไรครับเชฟ”
“เปล่า..ไม่มีอะไรหรอก”
แสงฉานกับผู้ช่วยเชฟเริ่มลงมือทำอาหารตามออเดอร์
CUT /
เวศม์กำลังด่าพนักงานบริษัทหลักทรัพย์วีระเวศม์ที่ไล่ทุบหุ้นอัษฎา พนักงานคนอื่น ๆ ละมือจากงานกลัวเวศม์กันไปหมด เขาด่าใส่อารมณ์แรง ๆ พนักงานที่ถูกด่าหน้าเสีย ไม่กล้าพูดซักคำ
“ผมไม่ได้ตั้งบริษัทขึ้นมาเพื่อทำลายบริษัทคนไทยด้วยกัน”
“แต่เราได้กำไรมหาศาลเลยนะครับ”
“เงินไม่ใช่ทุกสิ่งทุกอย่างของชีวิต”
อุรวสามาหาเวศม์ เห็นเวศม์กำลังเล่นงานลูกน้องพอดี
“เราต้องมีคุณธรรมและจริยธรรม ถึงทำงานกับเงิน แต่เงินซื้อจิตวิญญาณความถูกต้องไม่ได้! ผมไล่คุณออก”
เวศม์รู้สึกผิดกับอุรวสามาก
เวศม์อธิบายให้อุรวสาเข้าใจเรื่องการไล่ทุบหุ้นบริษัทอัษฎา
“ผมไม่รู้มาก่อนเลยว่าลูกน้องรับเป็นนายหน้าให้กองทุนต่างชาติเพื่อไล่ทุบหุ้นบริษัทพ่อของวสา ผมเสียใจมาก”
เวศม์หน้าสลดรู้สึกผิดมาก อุรวสาเชื่อใจ ไม่โกรธเวศม์
"วสาเชื่อค่ะว่าคุณไม่ทำร้ายคนไทยด้วยกัน"
"พ่อวสาเป็นยังไงบ้าง"
"คุณพ่อไม่เคยเอาปัญหาเรื่องงานกลับมาบ้าน แต่วสาคิดว่าคุณพ่อคงโกรธคุณมากแน่ๆ"
"ผมอยากไปขอโทษ"
อุรวสาเงียบ ไม่แน่ใจว่า เวศม์ไปขอโทษแล้วจะช่วยให้สถานการณ์ดีขึ้น
บุษบาบัณกับกิ๊กทานอาหารหมดแล้ว บริกรเช็คบิลเรียบร้อย บุษบาบัณให้ทิปไปหนึ่งร้อยบาท แสงฉานยืนส่งยิ้มให้หลังเคาน์เตอร์
บุษบาบัณบอกกับกิ๊กว่า
"ไปสตาร์ทรถ เปิดแอร์รอบุษก่อน"
กิ๊กหนุ่มออกไป บุษบาบัณเดินยิ้มหวานหว่านเสน่ห์มาหาแสงฉานที่เคาน์เตอร์ เขาค่อยๆหุบยิ้ม ชัวร์เลย... ผู้หญิงเดินมาหาด้วยท่าทางอย่างนี้ ยิ้มแบบนี้ อ่อยแน่นอน...
เธอมาหยุดยืนหน้าเคาน์เตอร์ สบตาแสงฉาน ส่งสายตาวิบวับให้
"อาหารอร่อยจังค่ะ"
เธอพยายามหาเรื่องคุย แต่ไม่ได้ชมจริงจังนัก แสงฉานชักกลัวผู้หญิงคนนี้
"เอ้อ.. ขอบคุณครับ"
"บุษชักติดใจ... รสชาติอาหารซะแล้วสิคะ"
แสงฉานผ่อนลมหายใจเบา ๆ โล่งอก นึกว่าบุษบาบัณจะพูดว่า ติดใจแสงฉาน....ซะอีก
"ครับ"
"ต่อไปบุษคงต้องมาที่นี่บ่อยๆ ร้านคุณแสงคงต้องเป็นร้านประจำของบุษ See u นะคะ"
บุษบาบัณยิ้มพราวให้แสงฉาน หว่านเสน่ห์ทิ้งทวนก่อนเดินเยื้องย่างย้ายสะโพกออกไป
เขาอึ้ง มากับแฟน ยังทอดสะพานให้เค้า ว้าว..ผู้หญิงสมัยนี้ช่างน่ากลัว
ภายในดนยาคอนสตรักชัน อัษฎาปรึกษาเครียดกับหัวหน้าฝ่ายลงทุน
"ราคาหุ้นตกกราวรูดธนาคารแจ้งขอทบทวนเงินกู้อีกครั้งเราอาจจะต้องระงับโครงการใหม่ไปก่อน"
สมศักดิ์บอก
"ไม่ได้นะอัษ ทำอย่างนั้นเราจะเสียเครดิต"
"ทู่ซี้ทำทั้งที่มีปัญหาเรื่องเงินกู้ ถ้าต้องทิ้งโครงการกลางคัน เราจะยิ่งเสียชื่อ"
"ก็จริง" เครียดเหมือนกัน
"โครงการก่อสร้างที่เริ่มไปแล้วให้ทำต่อ ส่วนที่ยังไม่ได้เริ่มให้ระงับทั้งหมด จนกว่าบริษัทจะมีสภาพคล่องเหมือนเดิม"
"ทำใจให้สบาย ภิสิตกำลังมา...บางทีคอนเน็คชั่นส่วนตัวระหว่างภิสิตกับแบงค์ต่างชาติ อาจจะช่วยอะไรเราได้บ้าง"
อัษฎาเครียดมาก บริษัทเหลือเงินหมุนเวียนน้อยลง หากบริหารไม่ดีบริษัทที่สร้างมากับมืออาจล้มละลาย
อัษฎา สมศักดิ์ หัวหน้าฝ่ายลงทุนปรึกษางานกันเสร็จ ออกมาหน้าห้อง หัวหน้าฝ่ายลงทุนแยกไป พนักงานหนุ่มรายหนึ่งทำทีเป็นเช็คเอกสารที่โต๊ะทำงานศจี เจตนาที่แท้จริง คือ มาหลีอินทุอร
อัษฎารู้ทัน เพ่งสายตาอำมหิตใส่พนักงานหนุ่ม หนุ่มรีบเผ่นไป อินทุอรอมยิ้ม คุณพ่อหวงลูกสาวซะเหลือเกิน
สมศักดิ์พูดขำๆ
"ไม่ว่าบริษัทมีปัญหาหนักหนาสาหัสแค่ไหน นายอัษฏาก็ยังคงเอกลักษณ์เดิม...หวงลูกสาว"
"ก็มันคนละเรื่องกันเว้ย"
อุรวสาพาเวศม์มาขอโทษอัษฎา เวศม์เอากระเช้าดอกไม้สีขาวมาให้เป็นการขอโทษด้วย
อัษฎาหน้าบึ้ง เกลียดไอ้เวศม์มาก
"มาทำไม"
"ผมเสียใจ"
อัษฎาแค้นใจ
"เสียใจที่ฟันกำไรไม่สะใจเหรอ"
เวศม์หน้าเสีย
"เวศม์มาขอโทษคุณพ่อค่ะ"
"ลูกน้องผมทำไปโดยพละการ แต่ผมไล่ลูกน้องคนนั้นออกไปแล้ว มีทางอะไรที่ผมจะช่วยได้มั้ยครับ"
"ไม่ต้องมาแกล้งทำเป็นดี แกมันพ่อมดการเงินไม่มีจรรยาบรรณ คอยดูนะ..วันหนึ่งกรรมจะสนอง"
อัษฎาตาลุก จ้องเวศม์เขม็งแค้นเวศม์มาก
"ไอ้ชั่ว!ออกไป! ก่อนที่ฉันจะทนไม่ได้"
อุรวสาเห็นพ่อโกรธเวศม์มาก ไม่กล้าช่วยพูดให้ อินทุอรเห็นใจเวศม์ ก็ยังไม่กล้าช่วยพูด
"ออกไปจากบริษัทฉัน ! แกกำลังจะทำลายทุกสิ่งทุกอย่างที่ฉันสร้าง อย่ามาเหยียบที่นี่อีก"
เวศม์ยอมรับสภาพ การมาขอโทษเปล่าประโยชน์ อัษฎาไม่มีวันให้อภัย เวศม์ไหว้ลาอัษฏาแล้วเดินคอตกไป เวศม์เดินออกไปโดยอัษฎาไม่เหลียวมองตาม
เวศม์เดินถือกระเช้าดอกไม้มากดลิฟต์ เขาซึม อัษฎาไม่ยกโทษให้ เขาเดินออกมาจากลิฟท์อย่างไม่สบายใจ ชะงักเมื่อเดินมาเจอภิสิตซึ่งกำลังจะไปหาอัษฎา
"อาสิต.. เอ้อ สวัสดีครับ"
ภิสิตมองเวศม์อย่างไม่พอใจ ภิสิตมีเหตุผล 2 ข้อ คือ เรื่องอัษฎา และหึงอินทุอร
"คุณไม่ควรมาที่นี่"
"ผมอยากมาอธิบายให้คุณอัษฎาเข้าใจ"
"ไม่เข้าใจหรอกคุณทำกับพี่อัษไว้เยอะ ทั้งเรื่องงาน เรื่องหนูอิน"
"เรื่องหนูอิน"
"คุณพาหนูอินออกไปดึกดื่นค่อนคืน ไม่เห็นใจพี่อัษ ไม่เห็นใจคนที่เป็นห่วงหนูอินเลย"
เวศม์สะกิดใจกับอาการภิสิต แสดงอาการหวงแบบนี้ ไม่ใช่แค่อาหลานแล้ว
"ดูอาสิตเป็นห่วงหนูอินมาก"
"หนูอินบอบบางเกินกว่าจะถูกหลอกลวง เลิกยุ่งกับหนูอินซะเถอะ ผมขอร้อง ผู้หญิงคนนี้มีความสำคัญกับผม ถ้าคุณทำให้เธอเสียใจ ผมจะไม่มีวันให้อภัยคุณเลย"
อุรวสาออกมาหาเวศม์ได้ยินภิสิตพูดพอดี
ภิสิตหันมาจึงเห็นว่า อุวรสายืนอยู่ เธอทำหน้าไม่ถูกเลยยิ้ม ๆ ให้ภิสิตไป
"บอกเพื่อนเราให้กลับไปซะ"
ภิสิตไม่รู้ตัวว่าเผลอพูดความรู้สึกเบื้องลึกต่ออินทุอรออกไป เขาเดินขึ้นลิฟท์ไป อุรวสามองด้วยสายตาครุ่นคิด
อุรวสากับอินทุอรช่วยกันอธิบายให้แม่กับอันตราเข้าใจเวศม์
"เวศม์ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องด้วยเลยนะเจ้าอัน"
"อย่าแก้ตัวแทนเพื่อนเลยค่ะ" อันตราบอก
"พี่เวศม์เสียใจมากจริง ๆ นะคะอินเห็นหน้าแล้วสงสารน่าดู"
"หนูอินใจอ่อน ไอ้กระจั๊วนั่นถึงจีบเราไง หลอกง่าย"
อินทุอรหน้าเสีย จ๋อยไปที่โดนอันตราดุ
"แต่การที่เค้ารู้สึกผิดทั้งที่ได้กำไรมากมาย...กล้าที่จะมาสารภาพผิดกับคุณพ่อ
ผู้ชายคนนี้ใจไม่ธรรมดานะ"
"คุณแม่เชื่อหมอนั่นเหรอคะ"
"แม่เชื่อคุณวสา คุณวสาไม่เคยแก้ตัวแทนใคร"
อุรวสากับอินทุอรคลายยิ้ม ทำให้แม่เชื่อได้
"แต่อันไม่เชื่อ"
อันตราเบ้ปาก แม่กับพี่น้องมองหน้ากันอย่างอ่อนใจ
อันตราเข้ามาในห้อง หน้าตาเซ็ง ๆ เวศม์ไม่ได้เรื่อง ทำให้ตัวเองเดือดร้อน อันที่จริงอันตราก็เชื่ออุรวสา ว่าเวศม์ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการไล่ทุบหุ้นบริษัทพ่อของเธอ คำพูดของบราลีเข้ามาในความทรงจำของอันตรา เธอถอนหายใจยาว สับสนในจิตใจ
ทั้งหมดทานอาหาร ภิสิตถูกจัดให้นั่งใกล้อัษฎา ติดกับภิสิตคืออินทุอร
ภิสิตบอก
"ทำใจได้ก็ดีแล้วครับ สมบัตินอกกายยึดติดมาก ๆ ก็เป็นทุกข์"
"พี่ก็พยายามคิดอย่างนี้แหละ"
อุรวสามองภิสิตแล้วนิ่วหน้า เริ่มผิดสังเกตกับภิสิตมากขึ้น เพราะอาการเริ่มไม่ปกติกับน้องอินทุอร
ภิสิตอยากคุยกับอินทุอร ความที่ใจคิดไม่ซื่อ เลยคิดเยอะ กลัวโดนจับได้ อุรวสาเห็นภิสิตดูประหม่า ครุ่นคิด เหมือนชายหนุ่มกำลังคิดประดิษฐ์คำพูดชวนหญิงสาวที่พึงใจ พูดคุย
"กับข้าวอร่อยมากนะคะหนูอิน"
"คุณแม่ทำค่ะ"
อุรวสาสังเกตน้องสาว ที่วางตัวกับภิสิตเป็นปกติ
"แม่ทำจานเดียวเองจ้ะ ที่เหลือหนูอินทำ"
"วันหลังหนูอินไปทำกับข้าวให้อาสิตเค้าที่บ้านนะลูก ทำเยอะ ๆ ให้อาเค้ากินจนพุงแตกเลย ชอบชมนัก..หมั่นไส้ว่ะ"
อัษฎาพูดไม่ได้คิดอะไรมาก
"หนูอินจะไปเมื่อไหร่.. โทรบอกอานะคะ อาจะมารับ"
"ค่ะ"
ทุกคนกินอาหารต่อไม่ได้สนใจอะไร ภิสิตลอบยิ้มกรุ้มกริ่ม อุรวสาเห็นยิ้มนั้น ทั้งยังเหลือบมองหนูอินตลอด เธอแน่ใจแล้ว ภิสิตชอบน้องสาว
อุรวสากระซิบอันตราที่นั่งติดกัน
"โค้ดเรด... ประชุมด่วน"
อันตรากระซิบถาม
"โค้ดเรด? เรื่องอะไรคะคุณวสา"
ภิสิตที่ยังยิ้มกรุ้มกริ่มไม่หยุด อุรวสาไม่ใคร่พอใจภิสิต คิดไม่ซื่อกับน้องสาว
ภิสิตจะกลับ อินทุอรเดินมาส่งถึงหน้าประตูบ้าน
"หนูอินไม่ต้องออกไปส่งอาหรอกค่ะ ส่งแค่นี้ก็พอแล้ว"
อินทุอรยกมือไหว้ภิสิต
"สวัสดีค่ะ ขับรถดีๆนะคะอาสิต"
"ขอบคุณหนูอินมากนะที่เป็นห่วงอา เมื่อไหร่หนูอินจะไปทำกับข้าวให้อาทานที่บ้านล่ะจ๊ะ คุณพ่ออนุญาตแล้วนะ จะไปวันไหนอาจะได้มารับ"
"คงไม่เหมาะมั้งคะ คุณพ่อคงพูดเล่นมากกว่าค่ะ"
ภิสิตรู้สึกตัวว่าพูดแสดงความในใจมากไป รีบแก้
"อาตั้งใจว่าถ้าวันไหนหนูอินจะไป อาจะได้ชวนป้าอัปสร ป้าต้อย ป้าแต๋ว ไปด้วย หนูอินจะได้สนุก"
อุรวสายืนแอบมองอยู่มุมบ้าน สีหน้าไม่พอใจ อินทุอรค่อยยิ้มออก
"ถ้าอย่างนั้นก็โอเคค่ะ แต่ถ้าไปคนเดียวอินคงไม่กล้าค่ะ"
ภิสิตมองอินทุอร พยายามทำหน้าปกติ ระวังตัวไม่ให้หลุด
"อากลับล่ะจ้ะ"
"ค่ะ"
อินทุอรมองตามภิสิตไม่ค่อยสบายใจ
สามสาวพี่น้องประชุมด่วน อุรวสายืนกอดอกหน้าตาซีเรียส น้อง ๆ สงสัย พี่สาวมีประเด็นด่วนอะไร
"สนธิสัญญาระหว่างพี่น้อง...ถ้ามีเรื่องสำคัญกับชีวิต เราจะปรึกษากันในทุกกรณี... หนูอิน"
"คะ"
"รู้เรื่องอาสิตมั้ย" อุรวสาถาม
"เรื่องอะไรคะ"
"ก็เรื่องที่อาสิตชอบหนูอินไง"
อันตราอุทาน
"หา!"
"เบา ๆ เจ้าอัน เดี๋ยวคุณพ่อคุณแม่ได้ยินจะเป็นเรื่อง... ว่ายังไง...หนูอินรู้มั้ย อาสิตคิดยังไงกับเธอ"
อันตราใจร้อนห่วงน้องสาวคนเล็กมาก แต่เห็นอาการนิ่งๆ ของอินทุอรแล้วเริ่มผิดสังเกต
"ทำไมนิ่งผิดปกติ"
"รู้ค่ะ.. รู้มาซักพักแล้ว อินวางตัวไม่ถูก...ลำบากใจมาก"
อันตราไม่พอใจ
"พี่จะไปเคลียร์กับอาสิตเอง"
"อย่านะคะพี่อันอินไม่อยากเสียอาที่แสนดีไป"
"เค้าคิดกับเราอย่างอาซะที่ไหน เค้าหวังจะเคลมเรา"
"พี่อันพูดน่าเกลียด"
"ก็มันจริงนี่"
"พอแล้ว ไม่ต้องเถียงกัน"
น้อง ๆ เงียบ เกรงใจอุรวสา พี่สาวคนโต
"นี่เป็นเรื่องใหญ่ แต่เราบอกคุณพ่อคุณแม่ไม่ได้เพราะพวกท่านต้องโกรธอาสิตมาก รับปากพี่..อย่าไม่ให้คุณพ่อคุณแม่รู้"
อินทุอรพยักหน้ารับปาก อันตรายักท่าอยากฟ้องพ่อแม่
อุรวสาจ้องอันตรา ใช้สายตาบังคับอันตราให้รับปาก อันตราพยักหน้าแบบเซ็ง ๆ รับปากก็ได้
"ค่ะ"
"เราจะทำยังไงกันดีคะคุณวสา"
อุรวสาครุ่นคิดหาทางแก้ปัญหาแบบละมุนละม่อม เธอเป็นพี่สาวคนโต มีหน้าที่แก้ปัญหาให้น้อง
ภายในคอนโดฯ แสงฉานกับอุรวสากำลังจะเข้านอน เธฮเล่าเรื่องภิสิตชอบอินทุอรให้แสงฉานฟังแล้ว
"ไม่แปลกหรอกที่อาสิตชอบหนูอิน หนูอินน่ารักเรียบร้อย การศึกษาดี เหมาะเป็นภรรยาทูต"
"วสาไม่มายด์หรอกนะคะถ้าน้องจะคบผู้ชายอายุมากกว่า แต่อาสิตมีเมียแล้ว น้องของวสาต้องเป็นที่หนึ่ง ไม่ใช่เป็นกิ๊กสามีชาวบ้าน"
แสงฉานมองอย่างเห็นใจ
"ผมเข้าใจ"
อุรวสาเปลี่ยนเรื่องพูด
"ที่ร้านเป็นยังไงบ้างคะแสงขายดีมั้ย"
แสงฉานอึกอักนิดหนึ่ง
"เรื่อย ๆ จ้ะ"
"เรื่อยๆ เนี่ย .. ดีหรือไม่ดีคะ"
"แหม..ก็ร้านเพิ่งเปิด จะให้คนแน่นร้านมันเป็นไปไม่ได้หรอกจ้ะ"
แสงฉานตอบแบบเลี่ยง ๆไม่อยากบอกเมียว่าร้านขายไม่ดีเลย เขาทิ้งตัวลงนอนหันหลังให้เมีย กลุ้มใจ เครียดอยู่คนเดียว อุรวสามองเป็นห่วง แต่ก็ปากหนัก ไม่เซ้าซี้ให้แสงฉานเล่าปัญหา
บุษบาบัณมาร้านแสงฉานอีก เพราะติดใจความหล่อ เธอสั่งเครปซูเซสซึ่งต้องเข็นมาทำที่โต๊ะ
แสงฉานกำลังทำเครป จุดไฟลุกพรึ่บอย่างคล่องแคล่วสมเป็นเชฟ บุษบาบัณจ้องมองแสงฉานอย่างชื่นชอบ แสงฉานทำเสร็จแล้วใส่จาน ตักไอศครีมด้านข้าง ส่งให้
"ขอบคุณนะคะ บริการถึงโต๊ะเลย"
บุษบาบัณส่งสายตาวิบวับให้ แสงฉานไม่เล่นตอบ ไม่สบตา ไม่ใส่ใจเป็นอื่น นอกจากลูกค้าคนหนึ่งเท่านั้น เมื่อแสงฉานแสดงท่าทีไม่เล่นด้วย ทำให้บุษบาบัณอยากเอาชนะ ต้องได้ผู้ชายมาควงให้ได้
"ผมขอตัวไปดูในครัวนะครับ"
"เดี๋ยวสิคะ อยู่รอฟังคำวิจารณ์ของหวานก่อน"
บุษบาบัณค่อย ๆ เผยอริมฝีปากอวบอิ่ม ลีลาเย้ายวน บุษบาบัณอ้าปากช้า ๆ บรรจงละเลียดกินไอศกรีม พลางส่งสายตาหวานฉ่ำให้แสงฉาน
แสงฉานมองอึ้ง ผู้หญิงคนนี้ ยั่วกันเห็น ๆ ภิสิตเข้ามาในร้าน เห็นบุษบาบัณกำลังยั่วแสงฉานก็รับไม่ได้
ภิสิตดึงบุษบาบัณมาทะเลาะกันหน้าร้าน
"คุณทำเกินไปแล้วบุษ นั่นสามีหลาน"
"หลานไหนคะ"
"คุณวสาไง แสงฉานเป็นสามีคุณวสา"
"อ๋อ..คุณวสา So what แล้วไงคะ"
ภิสิตทุเรศทุรังเมียสุด ๆ แม้แต่สามีหลาน บุษบาบัณก็ไม่เว้น
"คุณจะมั่วกับผู้ชายคนไหนก็ได้ แต่ผมไม่ยอมให้คุณยุ่งกับคนของหลานสาวผม"
อุรวสากำลังจะเดินเข้ามาที่ร้าน ภิสิตหยุดต่อว่า อุรวสาไหว้อาสิตกับอาบุษ เห็นทั้งคู่หน้าบึ้งตึง รู้ว่าต้องทะเลาะกัน อุรวสามีมารยาท ไม่ถามซ่อกแซ่ก
"วสาไม่รู้ว่าอาสิตจะพาอาบุษมาด้วย"
บุษบาบัณมองเย้ย อีกหน่อยเถอะ จะชวนสามีอุรวสาเล่นชู้
"อาสิตไม่ได้พามา...แต่อามาเอง เพราะติดใจ รสชาติอาหารของสามีคุณวสาจ้ะ อาไปนะจ๊ะ"
อุรวสาแปลก ๆ คำพูดบุษบาบัณ ติดใจอะไรกันแน่ !?
บุษบาบัณเดินยิ้มระรื่นไปขึ้นรถ She ไม่แคร์โลก ไม่แคร์ใครทั้งนั้น ภิสิตส่ายหน้า ผู้หญิงอย่างบุษบาบัณมัวเมาในกิเลสตัณหา ยากจะสำนึกได้
ภิสิตนั่งอยู่กับอุรวสา สงสัยหลานมีอะไรถึงโทร.ไปนัดมาเจอ
"คุณวสามีเรื่องอะไรจะคุยกับอาเหรอ"
อุรวสาท่าทางไม่สบายใจ จำเป็นต้องเสียมารยาท เปิดใจเคลียร์กับภิสิตเรื่องน้องสาว
"ไม่อ้อมค้อมนะคะ วสารู้แล้ว...ว่าอาสิตคิดยังไงกับหนูอิน"
ภิสิตโดนจู่โจม ตั้งตัวไม่ทัน หลบตาทันที ด้วยความละอายแก่ใจ
"วสาเป็นพี่คนโตมีหน้าที่ต้องปกป้องไม่ให้น้องสาวมีชีวิตด่างพร้อย เลิกคิดแบบนั้นกับหนูอินเถอะนะคะ เพราะถ้าอาสิตไม่เลิก...วสาอาจจะต้องบอกความจริงกับคุณพ่อ"
ภิสิตสบตาหลาน เพื่อแสดงความจริงใจ
"อากับอาบุษแยกบ้านกันอยู่แล้ว เรากำลังจะหย่ากัน"
"นั่นเป็นเรื่องส่วนตัวของอาสิตค่ะ แต่ตราบใดที่ยังไม่หย่า...อาสิตก็ยังมีพันธะ เพราะฉะนั้นอาไม่มีสิทธิ์ยุ่งเกี่ยวกับผู้หญิงคนไหนทั้งนั้น"
"อารู้... อาพยายามเก็บความรู้สึกที่มีต่อหนูอินแล้ว อาขอโทษ"
ภิสิตหลุบตาลงหน้าสลด รู้สึกผิด เค้าไม่ควรหลงรักหลานตัวเอง ถึงไม่ใช่หลานแท้ ๆ ก็เถอะ
อุรวสารับรู้ได้ว่าภิสิตรู้สึกผิด ถึงไม่ใคร่พอใจภิสิตนัก แต่ก็ไม่ได้โกรธ เพราะอาสิตเป็นคนดี เรื่องหัวใจมันห้ามกันยาก
"ถ้าพูดแรงไป วสาขอโทษนะคะ"
อุรวสาไหว้ภิสิต
"อาต่างหากต้องขอโทษ อาควรห้ามใจตัวเองให้มากกว่านี้"
ภิสิตนึกตำหนิตัวเอง ทำผิดกลับไปแก้ไขไม่ได้ เพราะใจรักอินทุอรไปเต็มเปาแล้ว เขาถอนหายใจยาวเดินออกไป อุรวสามองตาม
ในครัวแสงฉานนวดแป้งจะทำขนมปัง อุรวสาอยู่ข้าง ๆ เขายังมีท่าทางบันเทิงอยู่มาก
"ผู้หญิงคนนั้นเป็นภรรยาอาสิต ว้าว... ผมถูกคุณอาสาวหว่านเสน่ห์"
"ระวังนะคะจะหลงเสน่ห์ตกหลุมรักโดยไม่รู้ตัว"
อุรวสามองหยั่งเชิงสามี อยากรู้ สามีจะพูดว่ายังไง จะออกพิรุธบ้างมั้ย
"ที่รักจ๋า.. ผมตกหลุมรักผู้หญิงคนไหนไม่ได้อีกแล้วล่ะ"
อุรวสายิ้มดีใจ สามีไม่วอกแว่ก ไม่หลงเสน่ห์บุษบาบัณ
"รู้มั้ยจ๊ะว่าทำไม" แสงฉานทำตาเจ้าชู้ใส่ภรรยาสุดที่รัก
แม้เธอจะรู้คำตอบแล้ว แต่ยื่นหน้าไปถามใกล้ๆ
"ทำไมคะ"
"เพราะผมตกหลุมลึก...ที่สุดที่รักขุด จนป่านนี้ยังขึ้นจากหลุมไม่ได้เลย"
อุรวสาหัวเราะมีความสุข จุ๊บแก้มสามีไป 1 จุ๊บ แสงฉานจุ๊บมั่ง รักเมียมาก
ภิสิตกลับมาจากคุยกับอุรวสาเรื่อง อินทุอร ก็รู้สึกไม่ค่อยสบายใจ
"อาสิตจะไม่ทำอะไรให้หนูอินต้องเสียหายเพราะอาเป็นอันขาด"
ภายในฟิตเนส อันตราเอาผ้าเช็ดเครื่องออกกำลังกาย เวศม์ตามง้อทำหน้าทะเล้นไปตามเครื่องเล่นต่างๆ ที่สุดแล้ว..อันตรารำคาญ เลยเอาผ้านั้นเช็ดหน้าเวศม์ซะเลย
"เฮ้ย สกปรก"
"ลืมไป... ต้องเช็ดตรงหัวใจ ไอ้คนหัวใจสกปรก ไอ้คนขายชาติ"
"อื้อหือ เล่นข้อหาแรงนะเนี่ย ไปชกมวยกันเหอะ ออกกำลังกายหนักๆ จะได้หายโกรธไง นะ.. ซักยกสองยก"
อันตรายักท่าเล่นตัว ใจจริงก็อัดเวศม์อยู่เหมือนกัน
สามใบไม่เถา ตอนที่ 6 (ต่อ)
บริเวณลานเอนกประสงค์ในฟิตเนส เวศม์กับอันตราเตรียมชกกัน ไม่มีเวที ไม่สวมนวม ไม่สวมรองเท้า คนดูรอเชียร์
"แมทช์นี้ ไม่มีกติกา จะชกมวยวัด มวยข้างถนน หรือมวยไทย ทำยังไงก็ได้ให้อีกฝ่ายหนึ่งยอมแพ้"
"เผอิญสมัยเรียนผมตกภาษาไทย สะกดคำว่าแพ้ไม่เป็น"
"ไม่เป็นไรน้อง พี่สอนให้"
อันตราเจาะยาง เตะขาพับเวศม์ ป้าบๆๆ
"เฮ้ย... ให้ตั้งตัวก่อนดิ"
"บอกแล้วไง ไม่มีกติกา"
อันตราหมุนตัว ศอกกลับใส่ เวศม์หลบได้
"โอ๊ะ..โอ... วืด"
อันตราใช้ท่าจระเข้ฟาดหาง เตะอย่างสวย เวศม์หลบสวยกว่า ไม่โดน
"ฮ่าๆๆ ไปต่อขาให้ยาวกว่านี้นะน้อง"
อันตราเข้าคลุกวงใน โน้มคอตีเข่าเวศม์ ปั้กๆๆๆ...
"โอ๊ย ๆๆ"
กองเชียร์ร้อง
"ฮึ่ยๆๆ"
เวศม์โดนตีเข่า ชักเริ่มจุก กอดอันตรา
"ปล่อย !"
"มวยไทย เวลาถูกคลุกวงใน ต้องกอดคู่ต่อสู้"
"เค้ากอดแล้วทุ่ม"
"นี่ลีลาใหม่ กอดแล้ว...จูบ"
กองเชียร์เฮ ไป ๆ มา ๆ เป็นคู่รักต่อยกัน
เวศม์ถามกองเชียร์
"จูบกี่ทีดีน้อง"
"ไอ้บ้าเวศม์"
เวศม์ปากยื่นปากยาว แกล้งจะจูบอันตรา
"เมียนายมา"
เวศม์หันไปดู อันตราได้โอกาสถีบเวศม์ออก
ศศิพิมลมาจริง ๆ อารมณ์รื่นเริงเฮฮาของเวศม์ดับลงทันที
"คู่ชกตัวจริงมาแล้ว เชิญคลุกวงในกันตามสบาย"
อันตราเดินฉับๆๆ ไป กองเชียร์แยกย้าย หมดสนุกแล้ว เวศม์มองไม่ชอบใจ ศศิพิมลตามตอแยเวศม์ไม่เลิก
พนักงานต้อนรับสาว ๆ ในฟิตเนสเมาท์กัน
สาว 1บอก
"เสียดายคุณเวศม์เนอะ ดันมีเมียแล้ว"
สาว 2บอก
"เฮ้ย... ไม่มั้ง เคยได้ยินคุณเวศม์คุยคนที่เล่นเวทด้วยกันว่ายังโสด ใช่มั้ยคะพี่อัน"
"ไม่รู้ ไปถามเอาเองสิ"
อันตราเซ็ง...เบื่อความรู้สึกของตัวเองที่เผลอชอบผู้ชายคนนี้อยู่เหมือนกัน
เวศม์มองศศิพิมลร้องไห้ตั้งแต่มาถึง เธอเอาแต่ร้องไห้ ไม่พูดไม่จา
"พี่ศิครับ... น้ำตาพี่อาจจะทำให้ผมสงสาร แต่มันก็แค่ความสงสารนะครับ เรื่องระหว่างเรามันจบไปแล้ว ไม่มีวันเหมือนเดิมหรอกครับ"
ศศิพิมลน้อยใจมาก
"เวศม์รักผู้หญิงคนนั้นมากกว่าพี่"
อันตราเดินเข้ามาพอดี
"เอ้า... ยังเคลียร์กันไม่เสร็จอีก อีกเดี๋ยวเค้าจะใช้ลานตรงนี้ทำกิจกรรม"
"คุณอันตรา คุณใจดำมาก คุณทำร้ายผู้หญิงด้วยกัน"
อันตราชะงักไป สีหน้าเบื่อหน่ายไม่อยากรับรู้เรื่องชู้สาวแบบนี้
"ฉันกับเวศม์... เรารักกัน เลิกยุ่งกับคนรักของฉันซะ"
"โธ่เอ๊ย.. นายเวศม์ชอบฉันซะที่ไหนเล่า นายเวศม์ชอบน้องสาวฉัน"
ศศิพิมลหันมองเวศม์ เป็นความจริงหรอ ?
เวศม์เออออไปด้วย
"ใช่ครับใช่ ผมจีบน้องสาวอันตราอยู่"
"เตือนไว้ก่อนนะ คุณไประรานหนูอินล่ะก็ ... " อันตราชูกำปั้นขู่ หน้าเหี้ยม
ศศิพิมลกลัวอันตรา แม่นี่ท่าทางบ้าเลือด
เวศม์อมยิ้ม เห็นอันตราเล่นบทโหด ศศิพิมลสับสน เวศม์ชอบน้องสาวอันตราแน่เหรอ ก็เห็น ๆ อยู่เวศม์ตามตอแยอันตรา มันยังไงกันแน่
แหล่งท่องราตรีในกรุงเทพฯ ศศิพิมลทุกข์เรื่องเวศม์ มาผับกับบุษบาบัณ ศศิพิมลจิบเหล้าที่เหลือครึ่งแก้ว เธอค่อย ๆ จิบจนหมดแก้ว บุษบาบัณรินเหล้าให้ตัวเอง ชนแก้วกับศศิพิมล สองสาวดื่มเหล้ารวดเดียวหมดแก้ว
หนุ่มหล่อหุ่นดีเดินเข้ามานั่งที่เคาน์เตอร์บาร์ข้างสองสาว ส่งสายตามาให้ศศิพิมล
บุษบาบัณหันไปมองหนุ่มหล่อคนนั้น หนุ่มยิ้มให้ บุษบาบัณสะกิดให้ศศิพิมลหันไปมองหนุ่ม
วันใหม่ ศศิพิมลรู้สึกตัวตื่น ปวดหัวจี๊ด จากอาการแฮ้งค์ เธอค่อย ๆ รวบรวมสติ มองไปทั่วๆ แล้วตกใจ เห็นเสื้อผ้าของเธอถูกถอดอยู่ที่พื้นข้างเตียง เมื่อหันมามองข้างๆ พบว่าตัวเองนอนเปลือยอยู่บนเตียง ข้างกายเป็นหนุ่ม ไม่เคยเห็นหน้ามาก่อน
ศศิพิมลลุกพรวดจากเตียง ดึงผ้าห่มปกปิดร่างกาย
"คุณ..คุณเป็นใคร"
"เมาจนจำไม่ได้เลยเหรอ พวกคุณชวนผมมาต่อที่บ้าน นี่คุณบุษกับเพื่อนผมอยู่อีกห้อง"
ศศิพิมลพอจะระลึกได้ว่าเกิดอะไรขึ้น สีหน้ารู้สึกผิดอย่างเห็นได้ชัด หนุ่มหล่อเดินตรงเข้ามาหาดึงร่างศศิพิมลเข้ามากอด
"นอนต่อเถอะ...ผมยังคิดถึงคุณอยู่เลย"
"ไม่...ออกไปนะ อย่ามายุ่งกับฉัน"
ศศิพิมลรีบเก็บเสื้อผ้าตัวเองที่กระจัดกระจายบนพื้นจะกลับบ้าน
ศศิพิมลเดินปาดน้ำตามาที่รถ เสียใจกับการกระทำชั่ววูบเพราะความเมา เธอรู้สึกขยะแขยงตัวเอง เอามือถูแขน ถูหน้า ถูคอถูปากตัวเอง อยากขจัดคราบโลกีย์จากชายแปลกหน้าไปให้หมด
เธอออกรถอย่างรวดเร็ว อยากไปจากที่นี่ให้เร็วที่สุด
ศศิพิมลกลับมาถึงบ้านก็เช้าแล้ว พงษ์ชัยกำลังจะไปทำงาน ไม่พอใจที่ศศิพิมลไม่กลับบ้านทั้งคืน ทันทีที่เธอลงจากรถ เขาก็เข้าเล่นงานทันที
พงษ์ชัยได้กลิ่นจากตัวศศิพิมล
"หายไปไหนมาทั้งคืน กลิ่นเหล้าหึ่งเลย"
"จะไปไหนมันก็เรื่องของฉัน คุณเคยสนใจฉันด้วยเหรอ"
"ไม่สน...แต่สมเพช จะทำอะไรก็ทำ...แต่อย่าให้จับได้นะว่าเล่นชู้"
"ทำยังกับตัวเองไม่ทำ"
"อย่าหือ! แค่เมาซมซานกลับมาบ้านแบบนี้ก็ทุเรศเกินทนแล้ว"
"ยังกับคุณไม่เคยเมากลับมาให้ฉันเช็ดอ้วก"
พงษ์ชัยตบศศิพิมล เพี้ยะ
"อย่ายอกย้อน"
"ตบอีกสิคะ ศิทำผิด ศิสมควรโดน ตบสิคะคุณพงษ์ชัย ตบสิ!"
ศศิพิมลจับมือ อยากให้พงษ์ชัยตบหน้า ลงโทษตนที่ไปนอนกับผู้ชายแปลกหน้า
"ตบสิ...ตบสิคะ"
พงษ์ชัยผลักศศิพิมลล้ม
"บ้าไปแล้วรึไง"
พงษ์ชัยเดินหนีออกไป
ศศิพิมลร้องไห้ทุเรศตัวเอง ทำผิดซ้ำซาก ทำให้ตัวเองต้องเจ็บปวด เธอทิ้งตัวลงกับพื้น ร้องไห้เสียใจอย่างที่สุด เพราะเหมือนกับเธอทรยศต่อความรักที่มีให้กับเวศม์ด้วยเช่นกัน
ภายในร้านอาหาร แสงฉานกำลังคุยกับลูกค้า พงษ์ชัยกับอนุวัติมา ไม่ได้หวังดี พงษ์ชัยมาเพื่อประเมินแสงฉาน ซึ่งเป็นคู่แข่ง แสงฉานเองก็มองระแวงพงษ์ชัย
"ผมเพิ่งรู้ว่าคุณเปิดร้านอาหารก็เลยมาอุดหนุนยินดีด้วยนะครับที่ได้ภรรยาสุดเพอร์เฟคอย่างคุณวสา"
"ต้องขอโทษด้วยนะครับ ที่หลอกว่าเป็นเกย์"
"ผมเข้าใจ"
พงษ์ชัยมองไปรอบๆ ร้าน น้ำเสียงปรามาสดูถูก ซ่อนในคำชม
"ร้านเล็กกะทัดรัดดีนะครับ"
แสงฉานฟังน้ำเสียงออก พงษ์ชัยไม่ได้ชม ดูถูกซะมากกว่า แสงฉานไม่โต้ตอบ คุยดีด้วยตามปกติ
"ผมชอบร้านเล็ก ๆจะได้เทคแคร์ลูกค้าได้ทั่วถึง"
"ก็มีลูกค้าอยู่คนเดียว ไม่ทั่วถึงได้ยังไง" อนุวัติบอกพลางหัวเราะเยาะฮึๆๆ
"พูดตรงไปรึเปล่าอนุวัติ"
พงษ์ชัยทำหน้าดุใส่ ทำทีเป็นไม่พอใจ ทั้งที่จริง พงษ์ชัยก็สะใจ
อนุวัติอ่านเมนู
"มีอาหารนิดเดียว.. ไม่ค่อยน่าสนใจเลย"
พงษ์ชัยบอกอนุวัติ
"ไปรอที่รถ"
อนุวัติออกไป
"ขอโทษแทนลูกน้องด้วย อนุวัติชอบอาหารไทยแต่ร้านคุณดันมีแต่อาหารฝรั่ง ขอมาอุดหนุนวันหลังนะครับ"
"ยังไงก็ได้ครับ"
พงษ์ชัยยิ้มลา แต่แววตามุ่งร้าย แสงฉานยิ้มตอบ ไม่ได้คิดร้ายต่อพงษ์ชัยเหมือนที่พงษ์ชัยส่งสัญญาณถึง พงษ์ชัยมองดูถูกดูแคลน ร้านเล็ก ๆ ของนักธุรกิจตัวเล็กๆ
พงษ์ชัยออกไปแล้ว แสงฉานส่ายหัว ไม่ชอบพวกปากอย่างใจอย่าง คนประเภทนี้ คบไม่ได้
พงษ์ชัยโทร.คุยกับอุรวสา
"เมื่อเที่ยงผมไปร้านคุณแสงฉานมาครับ ร้านสวย บรรยากาศดี"
อุรวสาคุยโทร.กับพงษ์ชัย พลางทำงานไป ตาจ้องหน้าจอโน้ตบุ๊ก
"ชอบ ก็ไปอีกนะคะ"
"ความจริงผมอยากไปปรึกษาเรื่องงานกับคุณวสาที่ร้าน จะได้ถือโอกาสอุดหนุนกิจการของสามีคุณด้วย เห็นคนน้อยเต็มทีนี่ครับ ฮึๆ" แล้วก็แกล้งเปลี่ยนเรื่องพูด "โรงแรมที่เกาะช้างไปถึงไหนแล้วครับ"
"ส่วนของดิฉันเสร็จเรียบร้อย ตอนนี้โอนงานให้ลูกน้องคุมงานต่อแล้วค่ะ เอ้อ...พอดีตอนนี้ดิฉันกำลังทำ Project ใหม่ ยุ่งมากจะให้ลูกน้องโทร.หาคุณพงษ์ชัยนะคะ"
"ได้ครับ ขอบคุณมากครับ" พงษ์ชัยวางสาย
อุรวสาไม่ค่อยชอบพฤติกรรมพงษ์ชัยนัก
"ชอบเอางานมาบังหน้า"
อุรวสาทำงานต่อ เลิกนึกถึงพงษ์ชัย เพราะไม่ใช่คนสลักสำคัญอะไรในชีวิต
ส่วนพงษ์ชัยคุยอยู่กับอนุวัติ
"ไม่อยากคุยกับฉัน ฮึ.. คิดเหรอจะหนีพ้น"
"คุณอุรวสาเป็นคนฉลาด ไม่นานหรอกครับ ต้องทิ้งไอ้เชฟโง่ๆ นั่น"
"บริษัทอัษฎากำลังมีปัญหา...อาจจะทำให้ฉันฮุบบริษัทง่ายขึ้น ฮึๆ ได้ทั้งเมีย ได้ทั้งบริษัทพ่อตา"
พงษ์ชัยกับอนุวัติหัวเราะฮ่าๆๆเจ้านายกับลูกน้อง นิสัยแย่พอกัน
คืนเดียวกัน ฟิตเนสปิดแล้ว เวศม์เดินตามง้อ อันตราเดินหนีแต่เวศม์เดินตามอย่างไม่ลดละ
เธอตัดสินใจขึ้นขี่รถมอเตอร์ไซค์ เวศม์ขึ้นซ้อนทันที
"ลงไป ! ฉันจะไปธุระ"
"อย่าขี่มอเตอร์ไซค์อีกเลย ผมขับรถไปส่งเอง ขี่รถไป เดี๋ยวก็ชนอีกหรอก"
"จะลงไม่ลง"
เวศม์ไม่ลง
อันตราสวมหมวกกันน็อค บิดรถ พรื้ด... เวศม์เกือบหล่น
"เฮ้ย เบา ๆ หน่อยดิ"
อันตราออกรถรวดเร็ว สวนกับรถอุรวสาที่ขับมารับอันตรา ทั้งคู่ไม่ได้มองรถอุรวสา
ภายในรถ อุรวสาห่วงว่าทั้งคู่จะไปไหน เธอขับตามน้องไป
อุรวสาขับรถตามมอเตอร์ไซต์น้องสาวซึ่งเข้ามาในถนนของซอยๆหนึ่ง ซอยนี้มีแยกย่อย เลี้ยวได้หลายทาง เธอเลี้ยวตาม แต่พอพ้นเลี้ยวมา รถอันตรากลับหายไป ข้างหน้าเป็นทางแยก เลี้ยวซ้ายกับเลี้ยวขวา เธอไม่รู้จะเลี้ยวไปทางไหน เธอเป็นห่วงน้องสาวอย่างเห็นได้ชัด
อันตรากับเวศม์ซุ่มอยู่ริมรั้วข้างบ้านเดี่ยวหลังหนึ่ง มอเตอร์ไซต์อันตราจอดดับเครื่อง
เธอมองไปภายในบ้าน เวศม์สงสัย
"บ้านเมียน้อยเสี่ย เมียเสี่ยเร่งมา คืนนี้ยังไงต้องได้ภาพเด็ด เสี่ยกับเมียน้อย" อันตราบอก
"งานคุณนี่สนุกดีเนอะ"
อันตราปีนรั้วบ้าน เวศม์ไม่ได้ห้าม เพราะเป็นพวกชอบลุย ชอบเสี่ยงเหมือนกัน เวศม์ปีนรั้วตามไป
ภายนอกตัวบ้าน ทั้งสองย่องมาที่หน้าต่างข้างบ้าน ม่านเปิดอยู่ ในบ้านเปิดไฟ เขาและเธอค่อย ๆ โผล่หน้าแอบดู เห็นผู้ชาย 3 คนในบ้าน
เสี่ย กับลูกน้อง 2 คนกำลังแกะยาเม็ดสีส้มจำนวนมาก ออกจากห่อหลายห่อ
ภายนอกบ้าน ทั้งสองเพ่งมองยาเม็ดสีส้มๆ ในห่อ ...ใช่เลย
"ยาบ้า !"
คนในบ้านได้ยินเสียงอันตรา หันขวับมาดู
"ซวยแล้ว ! หนีเร็ว"
เวศม์กับอันตราวิ่งแยกไปคนละทาง อันตราวิ่งไปหน้าบ้าน เวศม์วิ่งไปข้างบ้าน
"อันตรา ทางนี้"
อันตราวิ่งไปแล้ว ไม่ย้อนกลับ เวศม์เลยต้องวิ่งตามอันตรา แก๊งยาบ้ารีบวิ่งไปประตูบ้าน จะออกไปจับเวศม์กับอันตรา
อันตราวิ่งนำเวศม์ออกมาทางประตูหน้าบ้าน
"มอเตอร์ไซต์"
"ก็เรียกแล้วไม่ฟัง คุณมาผิดทาง คุณจอดไว้ข้างบ้าน"
แก๊งยาบ้าตามออกมา ถือปืน !
"เฮ้ย !"
"วิ่ง...!" เวศม์บอก
เวศม์กับอันตราวิ่งสุดฝีเท้า ลูกน้องเสี่ยวิ่งถือปืนไล่ตาม
เวศม์กับอันตราวิ่งหนีแก๊งค้ายา จนเธอเริ่มหมดแรง วิ่งช้าลง เวศม์จับมืออันตราหมับ...
เขาจับมือเธอวิ่งหนี แก๊งค้ายาวิ่งไล่ใกล้เข้ามา
ขณะที่อุรวสาขับรถตามหา ... เธอเห็นภาพที่เวศม์กับอันตราวิ่งจับมือกัน เป็นภาพที่สะดุดตามาก พลันเห็นชาย 2 คน ถือปืน วิ่งไล่ตามน้องสาว เธอตกใจ รีบไปช่วยน้อง อุรวสาขับรถไปใกล้ๆแล้วชะลอรถ
"ขึ้นมาเร็ว"
เวศม์กับอันตรากระโดดขึ้นเบาะหน้า อันตรานั่งตักเวศม์
อุรวสาสะดุดตาอีกแล้ว คู่นี้มันยังไงกัน อุรวสาขับรถเลี้ยวหนีคนร้ายไปได้
หลังหนีพ้นคนร้าย อุรวสาจอดรถแถวชุมชน ในมุมปลอดภัย เวศม์วางสายจากตำรวจ
"โทร.แจ้งตำรวจแล้ว ตำรวจจะส่งเจ้าหน้าที่ไปบ้านหลังนั้น"
"ป่านนี้มันหนีไปแล้วล่ะ" อันตราบอก
"ยังไงเราก็ทำหน้าที่พลเมืองดี"
"เวศม์ เราต้องกลับไปเอามอเตอร์ไซต์เจ้าอัน มันสืบหาเจ้าอันจากทะเบียนรถได้"
"ทะเบียนปลอมค่ะ รถคันนั้นอันใช้สะกดรอย"
เวศม์บอก
"เลิกเป็นนักสืบเหอะ มันอันตราย"
"ตอนแรกนายยังบอกสนุก"
"ตอนนี้เป็นห่วงแล้ว"
"ชีวิตฉัน นายไม่เกี่ยว"
เวศม์มองอันตราด้วยสายตาห่วงใย และโจ่งแจ้งมาก ว่าแคร์ผู้หญิงคนนี้ อุรวสาเห็นพฤติกรรม เป็นสายตาผู้ชายที่ชอบพอผู้หญิงชัดๆ
อุรวสาขับรถกลับมาฟิตเนสแล้ว เธอเดินมาส่งเวศม์ที่รถ เพราะต้องการคุยด้วย อุรวสาหน้าบึ้ง ไม่พอใจ
"จับปลาสองมือ เดี๋ยวตามจีบหนูอิน เดี๋ยวตามตอแยเจ้าอัน"
"ผมไม่ได้จับปลาสองมือ"
"ก็เห็น ๆ อยู่ วสารับไม่ได้ เราไม่ต้องเป็นเพื่อนกันอีก"
"ผมไม่ได้ชอบหนูอิน วันนั้นวสาทึกทักเอาเอง"
"อ้าว แล้วทำไมเวศม์ไม่ปฏิเสธล่ะ"
"ก็..อืม...คือ"
อุรวสารู้ทันเวศม์ก็อมยิ้มหายโกรธเพื่อน
"รู้แล้ว...เป็นวิธีจีบสาวอย่างนึงของผู้ชายเจ้าชู้ใช่มั้ย ไม่บอกว่าเป้าหมายตัวจริงคือใคร"
อุรวสาหันไปมองอันตราในรถ ยิ้มล้อเวศม์
"เอ้ย นั่นยิ่งไม่ชอบเข้าไปใหญ่ ผู้หญิงอะไร เอะอะท้าตีท้าต่อย กลับนะวสา"
เวศม์เดินกลับไปขึ้นรถ หนีไปไม่ยอมคุยกับอุรวสาต่อ แต่ยังไม่วายหันมาชี้หน้าบอก
"อ้อ...ลืมแก้ข่าวไป ผมไม่ใช่หนุ่มเจ้าชู้แล้ว เข้าใจด้วยนะครับคุณอุรวสา"
อุรวสาหัวเราะ เวศม์โดนจับไต๋ได้ รีบเผ่นไปเชียว
คืนเดียวกัน อัษฎากับบราลีไปยืนรอรับลูกสาว 2 คนถึงประตูบ้าน เป็นห่วง ดึกมากแล้ว ลูกเพิ่งกลับบ้าน สองพี่น้องเดินเข้ามา
อัษฎาถามอุรวสา
"พ่อให้ไปรับน้อง หายไปไหนมา จะตี 1 แล้ว"
อันตราทำตาละห้อย ขอร้องพี่สาว อย่าบอกพ่อนะ อันตราเกือบโดนแก๊งส์ค้ายายิง
"วสาหิว เลยชวนเจ้าอันไปกินโจ๊กโต้รุ่งค่ะ"
"แม่ทำให้กินก็ได้ แล้วดูสิปล่อยให้พ่อแม่รอ ไม่โทร.มาบอก"
"วสาขอโทษค่ะ คุณพ่อคุณแม่ขึ้นนอนเถอะค่ะ"
"รีบอาบน้ำนอนนะลูก"
อัษฎากับบราลีขึ้นข้างบน
"ขอบคุณนะคะคุณวสา ช่วยปิดให้อัน"
"เจ้าอัน เราเลิกเป็นนักสืบได้แล้ว วันเนี้ย เกือบตายแน่ะ"
"ไม่ได้แดนเจอร์แจ็คพอตแตกอย่างนี้ทุกครั้งนะคะ นี่ครั้งแรกที่อันไปเจอดีเข้า"
"เราต้องเลิก ไม่อย่างนั้น พี่จะบอกคุณพ่อ"
อันตราหน้ามุ่ย ไม่เถียงพี่สาว แต่ก็ไม่รับคำ อุรวสาส่ายหน้า รู้ว่าน้องคนนี้ดื้อ
"ไปหว่านเสน่ห์ใส่เวศม์เค้าอีท่าไหน เค้าถึงหลงเราซะขนาดนี้"
อันตราตกใจ
"หึย.. หลงอะไร นายนั่นชอบหนูอิน"
"นี่เราไม่รู้จริง ๆ เหรอ ว่าความจริงเวศม์เค้าชอบใคร"
อันตรามึน จริงเหรอ เป็นไปได้ยังไง ไม่ใช่หรอก อุรวสามองเอ็นดูน้อง อันตราดีแต่ห้าว
ไม่ประสีประสาเรื่องความรัก
อันตราเดินหน้ามึนเข้าห้อง อุรวสาเพิ่งบอกว่าเวศม์ชอบเธอ ไม่ใช่อินทุอร
"นายเวศม์เนี่ยนะ ชอบเรา"
อันตราหน้ายุ่งสับสน ไม่อยากเชื่อ ใจหนึ่งก็ดีใจ อมยิ้ม เป็นจริงก็ดีสิ
วันใหม่ อินทุอรเพิ่งสอนบัลเล่ต์เสร็จ นักเรียนตัวน้อยไหว้ลา เธอลูบหัวเด็ก ๆ ด้วยความเอ็นดู สาวเจ้าของโรงเรียนมาหาอินทุอร
"บอกเด็กๆ เหรอยังคะหนูอิน เทอมหน้าหนูอินไม่อยู่สอนแล้ว จะไปเรียนบัลเล่ต์ที่อเมริกา"
อินทุอรหน้าเศร้า ถอนหายใจยาว
"อินอาจไม่ไปค่ะ"
"ทำไมล่ะคะ"
อินทุอรไม่บอกเหตุผล บอก.. ก็เท่ากับเอาพ่อมาประจาน ที่ไม่ไป ก็เพราะพ่อ
"สถาบันบัลเล่ต์ที่อเมริกา มีนักบัลเล่ต์ทั่วโลก อยากเข้าเรียนเค้ารับหนูอินแล้ว หนูอินห้ามทิ้งโอกาสนะคะ"
อินทุอรยิ้มเศร้า ไม่ได้อยากทิ้งความฝันตัวเองเลยซักนิด
อินทุอรกลับจากสอนบัลเล่ต์ หน้าซึม ทำใจ อาจไม่ได้ไปเรียนบัลเล่ต์ที่อเมริกา
อินทุอรเจออัษฎาหน้าตาโกรธขึง อินทุอรถามพ่อ
"ทะเลาะกับคุณวสาอีกแล้วเหรอคะ"
"พ่อเข้าไปหาเอกสารการประชุมในห้องหนูอิน เจอไอ้นี่"
อัษฎาชูจดหมายตอบรับจากสถาบันบัลเล่ต์ที่อเมริกาให้อินทุอรเห็น เธอตกใจ หน้าซีด พ่อรู้แล้ว !
"สถาบันบัลเล่ต์ที่อเมริกา ตอบรับหนูอินเข้าเรียน หนูอินแอบไปทดสอบตั้งเมื่อไหร่ !ทำไมไม่บอกพ่อ ห้ามโกหกพ่อนะแอบไปมาเมื่อไหร่"
อินทุอรไม่เคยทำให้พ่อโกรธมากขนาดนี้ อินทุอรกลัว ไม่กล้าพูด บราลีเข้ามา
"ฉันพาลูกไปเองค่ะ"
อัษฎาอึ้ง ไม่กล้าว่าบราลี ด้วยเป็นคนเกรงใจภรรยา
"จำทริปที่ฉันพาหนูอินไปอเมริกากันสองคนได้มั้ยคะ" อัษฎาพยักหน้า "ฉัน
โกหกคุณ ฉันไม่ได้ไปหาเพื่อน ฉันพาหนูอินไปทดสอบที่สถาบันบัลเล่ต์"
อัษฎาเสียใจ ลูกกับแม่ช่วยกันโกหกพ่อ
"อัษคะ ให้หนูอินไปเรียนเถอะค่ะ มันเป็นความฝันของลูก หนูอินโตแล้วดูแลตัวเองได้ คุณคิดถึง ก็บินไปเยี่ยมลูกบ่อย ๆ"
อัษฎาเจ็บปวด ลูกสาวคนเล็กจะทิ้งพ่อไป
"หนูอินอยากไปมากเหรอลูก"
อินทุอรไม่ยอมตอบคำถามพ่อ
"พ่อแม่ก็เหมือนเรือ เราพายเรือให้ลูกนั่งมานาน จนเรือของเราเก่า ใกล้ผุพัง เราต้องส่งลูกขึ้นเรือลำใหม่ เรือลำที่ลูกเลือกเอง"
อัษฎาฟังเมียเปรียบเปรยแล้วยิ่งเจ็บปวด
"ใช่ เรือของพ่อมันเก่าแล้ว มันใกล้ผุพังเต็มที ... ลูก ๆ ถึงสละเรือกันหมด"
คำพูดพ่อเฉือนหัวใจ อินทุอรน้ำตาร่วงทันที อัษฎาน้ำตาคลอ เสียใจที่ลูก ๆ จะพากันทิ้งพ่อไปหมด อัษฎาหันหลังเดินไปช้า ๆ
พอพ่อเดินหายไป อินทุอรก็ปล่อยโฮ บราลีรีบมากอดปลอบลูกสาว
สามใบไม่เถา ตอนที่ 6 (ต่อ)
เช้าวันใหม่ อินทุอรหน้าซึมจากการไม่เข้าใจกับพ่อ เธอกำลังช่วยบราลีแพ็ครูปเขียน มีคนขอรูปบราลีไปประมูลช่วยการกุศล
อุรวสากับอันตราหน้าตายิ้มแย้ม ถือคัพเค้กสีชมพูหวานแหววแบบที่อินทุอรชอบเข้ามา
"ยินดีกับนักบัลเล่ต์คนใหม่จ้า"
"พวกพี่ภูมิใจในตัวหนูอินม๊าก....มากจ้ะ" อันตราหอมแก้มน้องสาวคนเล็ก
อินทุอรมองหน้าเค้กที่ตกแต่งเป็นรูปนักบัลเล่ต์ อินทุอรยิ้มเศร้า ปลื้มที่พี่ ๆ ที่ฉลองให้ เธอคงไม่ได้เป็นนักบัลเล่ต์อย่างที่ฝัน
"อินไม่ไปเรียนบัลเล่ต์หรอกค่ะ ไม่อยากหักหาญน้ำใจคุณพ่อ"
"แม่จะค่อย ๆ พูดกับคุณพ่อให้จ้ะ"
"คุณพ่อไม่ฟังคุณแม่หรอกค่ะ"
อุรวสาบอก
"พี่จะช่วยพูดอีกคน"
"คุณพ่อเคืองคุณวสาเรื่องพี่แสงอยู่นะคะ"
อุรวสาหน้ามุ่ย จริงสิ... เธอเองก็มีเรื่องขุ่นเคืองกับพ่ออยู่
"ให้เจ้าอันพูดไง เจ้าอันเป็นคนโปรดคุณพ่อ"
อันตราคุยโอ่
"เชื่อมือพี่ได้เลยหนูอิน เจ้อันตรา....รับเคลียร์ปัญหาทั่วราชอาณาจักร"
บราลีกับอุรสาขำอันตรา ยังอุตส่าห์มีมุก แต่อินทุอรไม่ขำ อารมณ์นี้ขำไม่ออก
"พี่อันอย่าทำให้คุณพ่อโกรธอีกคนเลยค่ะ ขอบคุณทุกคนมากนะคะที่พยายามช่วยอิน"
อินทุอรหน้าเศร้าออกไป แม่ พี่ ๆ เห็นใจมาก
อุรวสามองรูปเขียนของแม่
"ใครขอเอาไปประมูลอีกคะคุณแม่"
"คนรู้จักเพื่อนแม่จ้ะ"
สองพี่น้องช่วยแม่แพ็ครูปเขียน แต่ไม่คล่องเท่าอินทุอร เพราะไม่ค่อยได้ช่วยแม่แพ็คบ่อย
อินทุอรเดินซึมเข้ามาในโรงรถเก่า ที่พ่อทำเป็นห้องของเล่นให้ลูก ๆ สมัยลูกเป็นเด็ก ทุกวันนี้พ่อก็ยังเก็บไว้ในสภาพเดิม อินทุอรเข้าไปในนั่งในเต็นท์ของพ่อ นึกถึงความดีของพ่อที่มีต่อเธอ
เด็กหญิงอินทุอรหน้าตาตื่นเต้น พ่อซ่อนของเล่นอะไรไว้ข้างหลัง ก่อนยื่นตุ๊กตาบลายธ์...
ให้ลูกสาวตัวน้อย อินทุอรดีใจสุด ๆ คว้าบลายธ์มากอด อยากได้มาก
"ตัวที่อินอยากได้เลยค่ะ ... อินรักคุณพ่อที่สุดเลย"
อัษฎาทำเป็นน้อยใจ หยอกเย้าลูกสาว
"โตขึ้น หนูอินก็ไปรักคนอื่น ไม่รักพ่อ"
"อินรักคุณพ่อ อินจะอูย่กับคุณพ่อคนเดียว"
"เราจะอยู่ด้วยกันตลอดไปเลยนะลูกนะ"
"ค่า"
อัษฎาดึงลูกสาวคนเล็กมานั่งตัก โอบกอดไว้อย่างแสนรัก
ปัจจุบัน ในโรงรถเก่า
"อินจะอยู่กับคุณพ่อตลอดไป อินจะไม่ไปไหนคะ"
อินทุอรร้องไห้รู้สึกผิดต่อพ่อ รู้สึกสิ้นหวังกับความฝันเป็นนักบัลเล่ต์ ณ เวลานี้อินทุอรเต็มไปด้วยความรู้สึกเศร้า
ฝ่ายพ่อก็เศร้า นั่งหน้าซึมที่โต๊ะทำงาน สมศักดิ์ส่งรายชื่อพนักงานให้
"รายชื่อพนักงานที่ต้องปลดออก เพื่อให้บริษัทอยู่ได้ในช่วงขาดสภาพคล่อง"
อัษฎาไม่สนใจดูรายชื่อพนักงาน ในหัวนึกถึงเรื่องลูกสาวจะไปเรียนต่ออเมริกา
สมศักดิ์รู้เรื่องอินทุอรจะไปเรียนต่อแล้ว อัษฎาเล่าให้ฟัง
"หนูอินก็เหมือนแกนั่นแหละ ตอนเรียนหนังสือแกเคยเชื่อใครที่ไหน หนีเรียนออกไปทำงานจริงตามไซท์งาน พ่อแม่ก็ตามใจให้ไป เพราะเหตุนี้แกถึงก้าวหน้ากว่าเพื่อนรุ่นเดียวกัน อัษ..ตัดใจส่งหนูอินไปเรียนที่อเมริกาเถอะ หนูอินอาจจะได้เป็นนักบัลเล่ต์ระดับโลกก็ได้"
"แกไม่มีลูก..แกไม่เข้าใจหรอก หนูอินเป็นลูกสาวคนเล็กมาทั้งชีวิต ยังไม่แกร่งพอที่จะไปเผชิญโลกคนเดียว"
สมศักดิ์หนักใจ อัษฎาหวงลูกสาวคนเล็กเกินเหตุ ไม่ปล่อยให้ลูกทำตามความฝันตัวเอง
โทรศัพท์มือถืออัษฎา สายเข้า
"ว่าไงเจ้าอัน เอาสิ เราไม่ได้ประมือกันนานแล้ว พ่อจะบดขยี้เราให้แหลกเลย"
อันตราชวนพ่อมาตีแบด ซึ่งเคยเป็นกิจกรรมประจำของทั้งคู่ สองพ่อลูกตีใส่กันไม่มียั้ง
อันตราตบลูกลงได้แต้ม ทำหน้าเยาะเย้ยพ่อ
"เย้ !.... เป็นไงล่ะ เจอลูกตบน้องเมย์ รัชนกเข้าไป"
อัษฎาตบลงได้แต้ม
"เป็นไง.. ซุปเปอร์แมน พลศักดิ์มาเอง ฮะฮ่า ... น้องเมย์ไหวมั้ย"
อันตราเอาคืนได้ กระโดดตัวลอย
"น้องเมย์ออกจากร่างไปแล้ว กลายเป็น Wonder Woman"
สองพ่อลูกตีแบดต่อกำลังตีโต้กันไปมาอย่างสนุกสนาน หัวเราะลั่นคอร์ท อัษฎาเกิดปวดหลังขึ้นมากะทันหันต้องหยุดเล่น อัษฎาไปนั่งพักเอามือจับหลัง อันตรารีบไปดูพ่อ
"พ่อเป็นอะไรคะ"
"ปวดหลัง.. พักนี้เป็นบ่อยสงสัยนั่งทำงานหน้าคอมฯ นานไปหน่อย"
"แล้วทำไมไม่บอกอันล่ะคะ ปวดหลังแล้วมาออกกำลังกายเดี๋ยวก็แย่กันไปใหญ่ ไม่ต้องเล่นแล้วค่ะ ไปกินข้าวกัน...อันเลี้ยงเอง"
อันตราเก็บไม้แบดใส่กระเป๋า
อัษฎาจับบริเวณหลังของตัวเอง ปวดชะมัด สีหน้าเป็นกังวลเล็กน้อยไม่รู้ว่าตัวเองเป็นอะไร
อันตราบริการปิ้งเนื้อคีบใส่จานให้พ่ออัษฎาที่หายปวดหลังแล้วแทบไม่กิน
"คุณพ่อบอกหิวไม่ใช่เหรอคะ"
"หมู่นี้พ่อกินไม่ค่อยลง"
อัษฎาเหล่ลูกสาวคนกลางทุ่มเทบริการขนาดนี้ ต้องขออะไรแน่ ๆ
"เราเคยบริการพ่อซะที่ไหน มากินร้านปิ้งย่างทีไร พ่อแทบจะปิ้งใส่ปากเรา
ที่วันนี้มาทำดี ชวนมาตีแบด แล้วบอกจะเลี้ยงข้าวพ่ออีก จะเอาอะไร.... มอเตอร์ไซค์คันใหม่"
อันตราส่ายหน้า ไม่ใช่
"รถสปอร์ต"
อันตราก็ส่ายหน้า ไม่ใช่ อัษฎาเดาไม่ถูก เลยรอให้ลูกบอกเอง
อันตราหน้าไม่ยิ้มแล้ว พูดออกไปก็กลัวพ่อเคืองเหมือนกัน แต่รับปากน้องไว้แล้ว ต้องช่วยน้อง
"อัน... อันขอให้น้องค่ะ อันอยากให้หนูอินได้เดินตามความฝันตัวเอง เป็น นักบัลเล่ต์"
อัษฎาจากยิ้มแย้มอารมณ์ดี หน้าขรึมลงทันที
"หนูอินเป็นเด็กดี ไม่เคยทำให้คุณพ่อคุณแม่เป็นห่วง เด็กอะไร๊ เรียนจนจบมหาวิทยาลัยแล้วยังเคยไม่มีแฟนกับเค้าซักคน อันมั่นใจ..น้องไปเรียนที่นู่น น้องต้องมุ่งมั่นเรียนอย่างเดียว ไม่สนใจเรื่องอื่นค่ะ"
"กินสิลูก ชิ้นนี้จะไหม้แล้ว"
อัษฏาตัดบทไปเฉย ๆ ทำให้อันตราไม่กล้ารบเร้าขอพ่อต่อ บรรยากาศการกินปิ้งย่างมื้อนี้ เริ่มต้นด้วยคุยกันเฮฮา แต่จบลงที่ความอึมครึม
อินทุอรใจจดใจจ่อรอพ่อกลับบ้าน อยากง้อพ่อให้หายเคือง บราลีคอยอยู่เป็นเพื่อนอินทุอรไม่ห่าง ห่วงลูกคิดมากเรื่องพ่อ
อัษฎากับอันตรากลับมา อินทุอรยิ้มหวาน ต้อนรับพ่อ
"คุณพ่อกินอะไรมาเหรอยังคะ"
"กินกับพี่อันแล้วลูก"
สายตาอัษฎาแฝงความน้อยใจ จนอินทุอรรับรู้ได้ พ่อคุยสั้นๆ ไม่หยอกล้อ ก่อนขึ้นข้างบน
อินทุอรน้ำตาคลอ พ่อไม่หายโกรธเธอซะที
"คุยกับคุณพ่อว่ายังไงเจ้าอัน" บราลีถาม
อันตราส่ายหน้าเป็นคำตอบ...คุยไม่สำเร็จ
"พี่ขอโทษนะหนูอิน"
"พี่อันทำดีที่สุดแล้วค่ะ ขอบคุณมากนะคะ"
อินทุอรสะเทือนใจเรื่องพ่อ น้ำตาร่วง
"โถ หนูอิน"
พี่สาวดึงน้องสาวมากอด โอ๋น้องให้หยุดร้องไห้
ในห้องน้ำ อัษฎาปวดหลังมาก ทรุดตัวลง หน้าเหยเก ผ่านไปครู่หนึ่งอาการปวดก็ทุเลาลง
อัษฎาครุ่นคิด วิตกกังวลว่า ตนเองป่วยเป็นโรคอะไร
วันใหม่ หมอกำลังตรวจอัษฎาโดยอุลตร้าซาวด์ เขาไม่ค่อยสบายใจเลย
ในห้องแพทย์ อัษฎานั่งอยู่หน้าหมอ
"หมอตรวจพบชิ้นเนื้องอกบริเวณต่อมหมวกไต...น่าจะเป็นสาเหตุที่ทำให้คุณปวดหลังอย่างรุนแรง"
อัษฎาหน้าเสีย
"มีอะไรน่าหนักใจมั้ยครับ"
"เราคงต้องเอ็กซ์เรย์คอมพิวเตอร์โดยละเอียด หมอจะนัดเอ็กซ์เรย์คอมพิวเตอร์ให้นะครับ"
อัษฎาสีหน้าไม่ค่อยดี กลัวว่าตัวเองจะเป็นอะไรมาก
พงษ์ชัยนัดอุรวสามาคุยงานที่ร้านแสงฉาน เพิ่งคุยจบ อุรวสาปิด Note Book
"แก้แบบเสร็จแล้วจะเมลไปให้คุณพงษ์ชัยดูนะคะ"
"ครับ"
พงษ์ชัยมองแสงฉานกับพนักงานในร้าน ช่วยกันเก็บร้าน 4 ทุ่มแล้ว ร้านปิด
พงษ์ชัยพูดกับอุรวสา แต่เจตนาเยาะเย้ยแสงฉาน
"นั่งมาตั้งแต่เย็น นี่ก็ปิดร้านแล้ว ยังไม่มีลูกค้าซักโต๊ะเลยนะครับ"
แสงฉานได้ยินฏ้ไม่ค่อยพอใจ รู้สึกถึงน้ำเสียงเยาะเย้าอยู่ในทีของพงษ์ชัย
อุรวสาแก้แทนแสงฉาน
"วันธรรมดาคนไม่ค่อยเยอะน่ะค่ะ ต้องวันหยุด ลูกค้าแน่นร้าน"
"คราวก่อนผมมาวันหยุด ก็ไม่มีคน"
"มื้อนี้ผมขอเลี้ยงคุณพงษ์ชัยนะครับ"
"เอาไว้ร้านคุณแสงฉานขายดีแล้วค่อยเลี้ยงผมเถอะครับ" พงษ์ชัยหยิบเงิน 3 พัน
วางบนโต๊ะ ทั้งที่สั่งอาหารไม่กี่อย่าง "ไม่ต้องทอนนะครับ ผมทิป"
แสงฉานเจอดูถูกขนาดนี้ ปั้นหน้ายิ้มไม่ไหว หน้าตึงใส่ พงษ์ชัยยิ้มสะใจ ได้มาเยาะเย้ยไอ้แสงฉานถึงร้าน
"ผมจะรอ อีเมล นะครับคุณอุรวสา"
"ค่ะ"
พงษ์ชัยยิ้มกริ่มอย่างผู้ชนะออกไป
อุรวสาเข้าใจความรู้สึกแสงฉาน มองสามีด้วยสายตาเป็นห่วง
"ผมไม่เป็นไรจ้ะ"
แสงฉานเก็บร้านต่อ แต่ยังหงุดหงิดกับพงษ์ชัย
พงษ์ชัยกลับมาที่รถ อนุวัติรออยู่
อนุวัติบอก
"เมียออกเก่ง ผัวไม่ได้เรื่อง"
พงษ์ชัยหน้าตาครุ่นคิด พอรู้วิธีทำให้ทั้งคู่ผิดใจกัน
"คุณพงษ์ชัยมีแผนเหนือชั้นอะไรอีกครับ"
พงษ์ชัยหันมองร้าน ไอ้ร้านนั่นแหละ คือรอยแยกของคนคู่นี้ !
วันใหม่ ร้านอาหารมีลูกค้า 2 โต๊ะ โต๊ะหนึ่งเป็นหนุ่มแต่งตัวดี 2 คน คุยกันเงียบ ๆ
อีกโต๊ะแต่งตัวดูก็รู้ว่าเป็นนักเลง มากัน 2 คน แต่คุยเสียงดังลั่นร้าน
แสงฉานเป็นกังวล มองอยู่ เห็นโต๊ะหนุ่มแต่งตัวดีเหล่โต๊ะนักเลงอย่างไม่พอใจ แสงฉานเกรงจะมีเรื่องกัน
หนุ่ม 1 บอก
"คุณครับ ช่วยเบาเสียงหน่อยครับ"
ฝ่ายนักเลงบอก
"มึงมีปัญหาอะไร ! เจ้าของร้านยังไม่ว่าเลย"
แสงฉานหน้าตื่น เอาแล้วไง คาดไม่ผิด
หนุ่ม 2 บอก
"เฮ้ย ! ขึ้นมึงกูเลยเหรอ พวกมึงอยากแหกปากคุยกัน ก็ไปคุยกันที่บ้านมึงโน้น พวกกูหนวกหู"
นักเลงเริ่มก่อน ต่อยปากหนุ่ม 2 เกิดตะลุมบอนชกต่อยกันในร้าน โต๊ะเก้าอี้ถูกจับมาทุ่มใส่กัน พัง !
แสงฉานกับพนักงานเสิร์ฟ พยายามเข้าไปห้าม
นักเลงเอาเก้าอี้เขวี้ยงใส่กระจกร้านแตกทั้งบาน.. เพล้ง !
"หยุดเดี๋ยวนี้ ! ไม่หยุด ผมจะโทร.แจ้งตำรวจ"
4 หนุ่มเลิกตีกัน ออกจากร้านไป สภาพร้าน เสียหายมากทีเดียว แสงฉานนึกได้
"ตามไปจดทะเบียนรถเร็ว "
พนักงานเสิร์ฟรีบวิ่งออกไป แสงฉานเก็บเก้าอี้ขึ้นมา ขาเก้าอี้ หัก !
ริมถนนเส้นหนึ่ง อนุวัติให้เงินชาย 4 คน เป็นค่าจ้าง เข้าไปตีกันในร้านแสงฉานจนเสียหาย
"เจ้าร้านสงสัยมั้ย"
หนุ่ม 1บอก
"ไม่เลยครับ"
"ไว้จะเรียกใช้บริการอีก"
ชาย 4 คนไปขึ้นรถ อนุวัติกลับขึ้นรถ หันไปบอกพงษ์ชัยที่เบาะหลัง
"เรียบร้อยครับ"
พงษ์ชัยแววตาร้ายกาจ ต้องทำลายคู่สามีภรรยานี้ให้ได้
แสงฉานกับเด็กในร้านช่วยเก็บกวาดเศษกระจกแตก อุรวสารีบมาหลังแสงฉานโทร.บอกว่ามีเรื่องที่ร้าน
อุรวสาตกใจ
" ร้านเสียหายขนาดนี้เลยเหรอแสงแจ้งตำรวจหรือยังคะ"
แสงฉานหน้าตาเซ็งมาก
"ลูกน้องผมจดทะเบียนรถไม่ทัน คนพวกนั้นไม่กลับมาแล้วล่ะ"
อุรวสาช่วยเก็บเศษกระจก
" เสียหายมากขนาดนี้...ถ้าต้องซ่อมก็ต้องลงทุนอีกเยอะ ถือโอกาสย้ายร้านเถอะค่ะ เลือกทำเลดี ๆ มีซักร้อยที่นั่ง จะได้มีลูกค้าเยอะๆ"
"ผมโทรตามช่างมาติดกระจกแล้ว ช่างจะมาวันมะรืน"
"มามะรืน วันนั้นทั้งวันก็ต้องติดกระจก รวมเป็นต้องปิดร้าน 2 วันเต็มๆ เสียรายได้ไปอีกเท่าไหร่"
แสงฉานหงุดหงิดเมีย ร้านเพิ่งมีเรื่อ อุรวสามาบีบให้ย้ายร้านอีก
แสงฉานระงับอารมณ์ พยายามไม่ขึ้นเสียงกับเมีย
"ก็ถือว่าหยุดยาวก็แล้วกัน ให้ลูกน้องพัก"
อุรวสามองด้วยสายตาตำหนิ คิดได้อย่างไง ปิดร้านให้ลูกน้องพัก เธฮเบือนหน้า เบื่อจะพูดกับแสงฉานให้เข้าใจถึงวิธีการทำธุรกิจ
แสงฉานเองก็เบื่อที่อุรวสาไม่เข้าใจซะที แสงฉานไม่ได้อยากเป็นนักธุรกิจ แสงฉานอยากเป็นเชฟ
ทางเดินหน้าพิธภัณฑ์ภิสิตแต่งตัวหล่อ เดินยิ้มกรุ้มกริ่ม วันนี้เค้าจะได้เจออินทุอร
"วันเสาร์นี้ตาสิตมาพิพิธภัณฑ์ป้านะลูก หนูอินจะมาเป็นวิทยากรนำชม"
ในพิพิธภัณฑ์ 3 ป้านำชมพิพิธภัณฑ์ คนนำชมกับคนมาชมแก่พอกัน
"แผ่นเสียงพวกนี้เป็นของแท้นะคะ หลานสาวให้มา"
แต๋วเปิดแผ่นเสียงเพลง “ หยาดเพชร”
ต้อยร้องนำ
"...เปรียบเธอเพชรงามน้ำหนึ่ง หวาน ปานน้ำผึ้งเดือนห้า"
ทั้งคณะพากันร้องเพลงหยาดเพชรคลอไปกับเสียงชรินทร์ เป็นพวกฟิวส์เดียวกัน ชอบเพลงลูกกรุง อัปสรหันมาเห็นภิสิต เดินมาหาหลาน
"หนูอินไม่มาลูก โทร.มาบอกป้าว่าวันนี้ไม่สะดวก"
ภิสิตหน้าตาผิดหวัง ตั้งใจมาเจอหนูอินเต็มที่
ภายในบ้าน 3 ป้าจกส้มตำกันซี้ดซ้าดน่าอร่อย ภิสิตซึม
แต๋วบอก
"นั่งซึมเป็นแมวเซาอยู่อย่างนี้ได้อะไรขึ้นมา รีบๆไปหย่าซะ จะได้เดินหน้าจีบหนูอินเต็มฝีพาย"
"ใช้หัวผุๆ คิดหน่อยดิคะคุณป้าแต๋ว ถ้าแม่บุษยอมหย่า ตาสิตก็ไม่นั่งซึมอยู่อย่างนี้หรอกย่ะ" ต้อยว่า
"ตาสิต ป้าไปคุยกับเมียเราให้เอง ไม่ยอมหย่าล่ะก็ ป้าจะแฉให้หมดเปลือกเชียว"
ป้าแต๋ว ป้าต้อยตาลุก อยากรู้อยากเห็น
"แฉอะไรแม่อัปสร เธอรู้อะไรมา เล่าให้ชั้นฟังเดี๋ยวนี้นะ" แต๋วว่า
ภิสิตส่งสายตาบอกป้าอัปสร อย่าเล่าเรื่องบุษบาบัณมีชู้
"หือ เรื่องชาวบ้านเนี่ย ชอบกันนักนะยะ" อัปสรไม่ยอมเล่า
"ป้าครับ เรื่องบุษ..ผมจะจัดการเอง"
ภิสิตตัดสินใจแล้ว ต้องทำอะไรถึงจะได้ใบหย่า
ภิสิตกลับ แต๋วกับต้อยรบเร้าอัปสรให้บอกมานะ แม่บุษมีความลับอะไร ?
ภิสิตจอดรถหน้าสำนักงานทนายความ ไตร่ตรองให้มั่นใจอีกครั้ง เค้าเลือกวิธีที่เหมาะสม
และดีที่สุดแล้วหรือยังในการแก้ปัญหาชีวิตคู่ เขาตัดสินใจเด็ดขาด ลงจากรถเข้าสำนักงานทนายความ
ในฟิตเนส วันเดียวกัน อันตรายกดัมเบล เวศม์มาออกกำลังกายเหมือนกันหันมาจ้องหน้าอันตราแล้วยิ้มให้ อันตราเห็นเวศม์ก็เขิน เพิ่งรู้ว่าที่จริงแล้ว เวศม์ชอบเธอ ไม่ได้ชอบอินทุอร น้องสาว
อันตราเขินจนลืมนับครั้งยกดัมเบลยกเลยจำนวน
"เอ้า ๆ เกินแล้ว"
อันตราวางดัมเบล ทำเสียงจิ๊จ๊ะ หงุดหงิดใส่เวศม์ ยุ่งไม่เข้าเรื่อง !
ศศิพิมลโทรเข้ามือถือ เวศม์กดไม่รับสาย
ศศิพิมลเข้าบ้านไม่ได้ โดนเวศม์ตัดสายทิ้งอีก ศศิพิมลไม่ยอม โทร.หาเวศม์ใหม่
อันตราเดินหนีเวศม์ไปเล่นเครื่องออกกำลังกายคาร์ดิโอ เวศม์ตามมายืนคุยข้าง ๆ
"หาอาชีพใหม่ได้รึยัง"
"อาชีพใหม่อะไร"
ศศิพิมลโทรหาเวศม์อีกเวศม์ก็กดสายทิ้งอีก
"อาชีพนักสืบมันเสี่ยงอันตราย ผมไม่อยากให้คุณไปวิ่งหนีแก๊งค้ายาบ้าอีก"
"สนุกดี"
"มาทำงานกับผมมั้ย"
"จะบ้าเหรอ เล่นหุ้นเป็นซะที่ไหน"
"เป็นเลขาผมให้เงินเดือนแสนนึงเลย แค่ยิ้มหวาน ๆ ชงกาแฟให้ผม เลิกงานก็ไปกินข้าวดูหนังกัน" เขายิ้มกรุ้มกริ่ม
"นั่นไม่ใช่เลขาแล้ว นั่นมัน... คู่ขา"
เวศม์พูดจริงจัง
"อันตรา...ผมห่วงคุณจริง ๆ นะ"
เธอรับรู้ถึงความรู้สึกห่วงใยที่เวศม์ส่งผ่านสายตาและน้ำเสียง อันตราปลื้ม หันหน้าหนีเวศม์ อมยิ้ม น่ารัก ศศิพิมลโทรมาอีก เวศม์รำคาญ ปิดเครื่องไปเลย
ศศิพิมล ช้ำใจ น้ำตาคลอ
ที่ฟิตเนส เวศม์เห็นอันตราเล่นเครื่องคาร์ดิโอ เริ่มเหนื่อย เลยเลิกคุย เข้าล็อคเกอร์ไปเปลี่ยนเสื้อผ้า อันตราหันมองด้านหลัง ยิ้มหวาน
"ขอบใจนะนายเวศม์"
สายโด่งแล้ว บุษบาบัณเพิ่งตื่น ใส่ชุดนอนเดินกรุยกรายลงมาข้างล่าง คนรับใช้เอาซองจดหมายมาให้บุษบาบัณ
"ส่งมาหลายวันแล้วค่ะ"
"จดหมายลงทะเบียนต้องเป็นเอกสารสำคัญ ทำไมเพิ่งเอามาให้"
คนใช้กลัวโดนเหวี่ยง รีบเข้าหลังบ้าน
บุษบาบัณแกะจดหมายอ่าน เพียงเนื้อความในจดหมายไม่กี่ประโยค ดวงตาบุษบาบัณก็ลุกพองด้วยความโกรธเกรี้ยว เพราะเป็นหนังสือฟ้องหย่าจากภิสิตจากสำนักงานทนายความ เธอฉีกจดหมายเป็นชิ้น ๆ !
วันใหม่ สองแม่ลูกแต่งตัวสวยในชุดงานเลี้ยงคอกเทลมาขึ้นรถ คนรถของที่บ้านรออยู่
อินทุอรกังวล
"อินกลัวคุณพ่อไม่มางานนี้ คุณพ่อยังโกรธอิน"
"คุณพ่อต้องมา เชื่อแม่สิ"
บราลีแตะตัวอินทุอร เป็นกำลังใจให้ลูกสาว สองแม่ลูกนั่งรถหรูของที่บ้านออกไป
งานประมูลรูปเขียนช่วยเด็กยากไร้ จัดในแกลอรี่สุดชิค งานเลี้ยงคอกเทลในบรรยากาศสบาย ๆ แขกทุกคนเป็นเศรษฐีไฮโซ ยืนจับกลุ่มคุยกันอย่างเป็นกันเอง บราลีคุยกับคนรู้จัก
หญิง 1บอก
"ดิชั้นจองรูปเขียนคุณบราลี กี่หมื่นก็สู้ค่ะ"
หญิง 2บอก
"คุณอัษฎาเค้าสู้ถึงหลักแสนค่าคุณดวงดาว"
อินทุอรชะเง้อรอพ่อ พอเห็นพ่อเข้างานมา เธอรีบเดินไปหา หน้าตาเบิกบานเหมือนเด็กที่ตั้งตารอพ่ออยู่ แล้วพ่อมาถึงซะที แต่อัษฎายิ้มเนือยๆ ไม่ค่อยสบายใจเรื่องอาการป่วยของตัวเองที่ไม่รู้ว่าเป็นอะไรแน่
บราลีมาสมทบเห็นพ่อลูกไม่คุยกัน เลยช่วยลูก
"หนูอิน.. ไปเอาของกินมาให้คุณพ่อสิลูก"
"ไม่ต้องลูก"
อินทุอรหน้าเศร้า คิดว่าพ่อไม่อยากให้ตนบริการ
"หมู่นี้พ่อเบื่ออาหาร ไม่ค่อยอยากกินอะไร"
"ไม่สบายเหรอเปล่าคะอัษ"
"เครียดเรื่องงานน่ะ เลยพาลกินไม่ลง"
พออัษฎาพูดจบก็เงียบ อีกใจหนึ่งก็ยังคงรู้สึกไม่เหมือนเดิมกับลูกสาวคนเล็ก กับภรรยา
บราลีกับอินทุอรเองก็อึดอัดใจ รู้ว่าอัษฎาทำตัวไม่เหมือนเดิม
ในห้องประชุม ของสำนักงานทนายความ ภิสิตมารอบุษบาบัณ เพื่อคุยเรื่องหย่า บุษบาบัณไม่มา ภิสิตจึงโทร.ไปหา
"ถ้าวันนี้คุณไม่มา ผมก็ให้ทนายนัดวันใหม่ได้"
สามใบไม่เถา ตอนที่ 6 (ต่อ)
บุษบาบัณสีหน้าโกรธจัด ในชุดออกงานคอกเทลเดินคุยโทรศัพท์กับภิสิต
"คุณกล้ามาก...ที่ให้ทนายส่งหนังสือฟ้องหย่ามา"
"ผมไม่มีทางเลือก"
"บุษก็ไม่มีทางเลือกเหมือนกัน วันนี้ บุษต้องมางานประมูลรูปเขียน คุณอัษฏา...กับคุณบราลี ว่าที่พ่อตาแม่ยายคุณมาด้วยนะคะ"
ภิสิตตกใจ บุษบาบัณจะทำอะไร !
บุษบาบัณเดินมาถึงหน้างานประมูลรูปเขียน
"พี่อัษของคุณจะรู้สึกยังไง ถ้ารู้ว่าน้องรักกับลูกสาวคนเล็กกำลังลอบเป็นชู้กัน...สวมเขาให้บุษ!"
"อย่าพูดนะบุษ"
บุษบาบัณวางสาย หน้าตาแค้นภิสิตมาก ต้องเอาคืน
ที่สำนักงานทนายความภิสิตหน้าเสีย กลัวบุษบาบัณแฉ
ภิสิตรีบโทรหาอัษฎา
"พี่อัษครับ พี่อัษไปงานประมูลรูปเขียนที่ไหนครับ"
อัษฎาเพิ่งกดวางสายภิสิต บุษบาบัณเดินเฉิดฉายเข้ามาในงาน อัษฎาเดินเข้ามาทักทายยิ้มแย้ม
"คุณบุษ.. ทำไมไม่มาพร้อมกับเจ้าสิตล่ะครับ เมื่อกี้เพิ่งวางสายไปเอง ถามว่าจัดงานที่ไหน"
"สิตตามมาก็ดีค่ะ หนูอินคงอยากเจออาสิต เห็นอาหลานสนิทกันมากนี่คะ"
อินทุอรได้แต่ยิ้ม คำพูดบุษบาบัณแฝงเลศนัยชอบกล ไม่ตอบดีกว่า
"วันนี้หนูอินสวยจังนะคะมีลูกสาวสวยขนาดนี้ คุณพ่อคุณแม่ต้องหวงน่าดู"
"ดิชั้นน่ะไม่เท่าไหร่หรอกค่ะ แต่คุณพ่อหวงมาก" บราลีบอก
"คุณอัษฎาอย่ามัวแต่ระแวงหนุ่มไกลตัวหนูอินนะคะ ระวังคนใกล้ตัวไว้บ้าง"
อินทุอรนิ่งไปเลย รู้ว่า บุษบาบัณหมายถึง ภิสิต ที่เป็น คนใกล้ตัว
"คุณบุษพูดถึงใครเหรอครับ"
อินทุอรหน้าเสีย กลัวพ่อรู้เรื่องอาสิตกับเธอ
"บุษหมายถึง..." เธอจงใจเว้นช่วงยาวแกล้งไซโคอินทุอร "พนักงานที่บริษัทคุณอัษฎาน่ะค่ะ
สิตบอกว่าหนูอินไปช่วยงานที่บริษัทคุณพ่อ"
อัษฎาหัวเราะ
" ฮึ ๆ ถ้าไม่ใช่เรื่องงาน ผมไม่ให้ใครเข้าใกล้หนูอินหรอก ไม่ไว้ใจ"
"ดีค่ะ คนใกล้ตัวนี่แหละน่ากลัวที่สุด เชื่ออานะคะหนูอิน"
บุษบาบัณยิ้มให้อินทุอร แต่แววตาคู่งามนั้นเต็มไปด้วยความชิงชังอินทุอร
การประมูลเริ่มไปได้ซักพักแล้ว ถึงคิวประมูลรูปเขียนบราลี
"ชิ้นต่อไป รูปเขียนของคุณบราลี ราคาประมูลเริ่มต้นที่ 3 หมื่นบาท" ผู้ขายทอดตลาดบอก
"4 หมื่น" อัษฎาบอก
บุษบาบัณบอก
"1 แสนบาท"
อัษฎากับบราลีไม่คาดคิด บุษบาบัณจะประมูลราคาสูง
"มีใครจะประมูลสูงกว่า 1 แสนบาทมั้ยครับ" ผู้ขายทอดตลาดบอก
ไม่มีใครสู้ราคา
"สุภาพสตรีสาวสวยท่านนั้นได้ไปครับ"
คนในงานปรบมือให้บุษบาบัณ
"เห็นเป็นคุณบุษ ผมถึงหลบให้"
"ถือว่าทำการกุศลร่วมกันนะคะคุณบุษ"
"ยินดีค่ะ"
บุษบาบัณยิ้มฉอเลาะกับอัษฎาและบราลี
อินทุอรมองระแวงบุษบาบัณ อาสาวพราวเสน่ห์ต้องการอะไร มาถือสนิทกับพ่อแม่เธอเพื่อ...
บุษบาบัณเขียนเช็คเงินสดให้เจ้าหน้าที่จัดงาน 1 แสนบาท
ภิสิตมาถึง หน้าตาหวาดระแวง บุษบาบัณบอกอะไรอัษฎากับบราลีไปบ้าง อัษฎาสงสัย ภิสิตมั้ยว่า กำลังติดพันอินทุอร
"คนช่วยยกรูปมาแล้ว. คุณบุษประมูลรูปเขียนบราลีได้น่ะสิต"
ภิสิตเห็นอัษฎาคุยยิ้มแย้มตามปกติก็โล่งใจ
"เรากลับกันเลยนะบุษ รูปอยู่ไหน"
"เพิ่งมาถึง จะรีบไปไหนคะ"
"ที่สิตรีบ เพราะสิต ติดเด็ก ค่ะ"
ภิสิตนิ่งไปเลย
"บุษเอาความลับมาแฉ ถึงกับอึ้งไปเลยนะคะสิต"
อัษฎากับบราลีทำหน้าไม่ถูก เข้าใจคำว่า ติดเด็ก ว่าติดผู้หญิง ภิสิตไปติดผู้หญิง
"เด็กที่ว่าเนี่ย เด็กเล็ก ๆ ค่ะ ลูกคนข้างบ้าน แก้มงี้แดง... น่าหยิก"
อัษฎากับบราลีคลายยิ้ม ค่อยยังชั่ว
"คุณบุษเล่นซะผมตกอกตกใจหมดเลยครับ" อัษฎาบอก
"คุณสิตรักเด็ก ก็น่าจะมีลูกซักคนนะคะ" บราลีว่า
บุษบาบัณเกาะแขนภิสิต เหมือนรักกันมาก
"เราสองคนแพลนว่า ปีนี้จะพยายามมีลูกให้ได้ค่ะ มีลูกของตัวเอง สิตจะได้ไม่ไป ติดเด็ก บ้านอื่น"
ภิสิตกับอินทุอรเงียบอย่างเดียว รู้ว่าถูกบุษบาบัณพูดกระทบ
อัษฎากับบราลียิ้มกับบุษบาบัณ ไม่รู้ว่าผู้หญิงคนนี้มาเพื่อกลั่นแกล้งลูกสาวของทั้งคู่
ภิสิตจับแขนบุษบาบัณพามาคุยหน้างาน
"ผมรู้นะบุษ คุณกำลังพยายามทำอะไร"
"อย่าคิดประกาศสงครามกับฉัน"
"ห้ามยุ่งกับครอบครัวหนูอิน"
"ถ้าคุณฟ้องหย่าบุษ บุษก็จะฟ้องพ่อแม่นังหนูอิน เด็กนั่นแย่งสามีบุษ"
บุษบาบัณสะบัดแขนหลุดจากมือภิสิต
"ฉันไม่มีวันแพ้นังเด็กคนนั้นหรอก ถ้าฉันไม่มีความสุข...ก็อย่าหวังว่าใครจะมี"
บุษบาบัณกลับเข้างานภิสิตยืนกลุ้ม อยากจะบ้าตาย บุษบาบัณก่อเรื่องแต่ละอย่าง หนักหนาสาหัสทั้งนั้น
อัษฎาเดินปวดหลังออกมาจากงาน
"พี่อัษเป็นอะไรครับ"
"ไม่ค่อยสบาย วานสิตบอกคุณบราลีกับหนูอินหน่อยนะว่า พี่มีงานด่วนต้องกลับออฟฟิศ อย่าบอกล่ะว่าพี่ไม่สบาย"
"ครับพี่อัษ"
อัษฎาปวดหลังมาก พยายามเดินตัวตรง ภิสิตได้ไม่รู้ว่าอัษฎาปวดมาก ภิสิตมองจนอัษฎาเดินพ้นสายตา ถึงกลับเข้างาน
งานประมูลเลิกแล้ว แขกเหรื่อเดินชมรูปเขียนที่นำมาโชว์ ภิสิตกับอินทุอรเดินตามบุษบาบัณกับบราลี สองคนระแวงว่า บุษบาบัณจะไซโคพูดอะไรอีก
"คุณบราลีเขียนรูปมานานรึยังคะ"
"ตั้งแต่ม.ปลายค่ะ "
"มิน่าล่ะ.. ถึงเขียนรูปเก่ง"
บุษบาบัณสะใจ ทำให้สองคนนี่ระแวงจนไม่เป็นทำอะไร ต้องมาเดินตาม ภิสิตกับอินทุอรได้แต่มองหน้ากัน หัวอกเดียวกัน แต่ปรับทุกข์กันไม่ได้
4 ทุ่ม ฟิตเนสปิดแล้ว อันตราปิดไฟทีละดวง พอหันหลังมา ตกใจ ! ศศิพิมลยืนอยู่
"ฉันไปรอที่บ้าน เวศม์ไม่กลับ เวศม์ต้องมาหาคุณ"
"หมู่นี้ไม่ค่อยมา งานที่บริษัทคงยุ่งน่ะ เป็นเจ้าของเองแล้วนี่"
ศศิพิมลไม่รู้
"เวศม์เป็นเจ้าของบริษัท"
"เค้าเปิดบริษัทหลักทรัพย์"
ศศิพิมลน้อยใจมาก เวศม์เปิดบริษัท ไม่บอกซักคำ อันตราเห็นศศิพิมลหน้าเศร้า ก็เห็นใจ
"คุณเป็นคนสวย...ยังหาผู้ชายได้อีกเยอะแยะ อย่าทุ่มเทความรักให้ผู้ชายที่ไม่เห็นค่าเลยค่ะ"
"ไม่ต้องมาสอน"
ศศิพิมลสะบัดหน้าพรืดกลับไป อันตราเบ้ปาก เซ็งยัยบ้านี่ อุตส่าห์เห็นใจ มาพูดไม่ดีใส่ซะนี่
ศศิพิมลเสียใจเรื่องเวศม์ มากินเหล้าบ้านบุษบาบัณ บุษบาบัณถือกระปุกยาลงมาจากข้างบน
บุษบาบัณส่งกระปุกยาให้
"ยาคลายเครียด เม็ดเดียว หลับสบายทั้งคืน"
"ทำไมเวศม์เปิดบริษัทแล้วไม่บอก"
บุษบาบัณรำคาญ
"คร่ำครวญอยู่นั่นแหละ ฉันขึ้นไปนอนก่อนนะ พรุ่งนี้มีนัดทำหน้าแต่เช้า ถ้าเธอจะค้างคืน ห้องพักแขกอยู่ข้างบน"
"อยู่คุยกับฉันก่อนไม่ได้เหรอ"
"ขี้เกียจฟังแล้ว พูดวนไปวนมาอยู่ได้ กินยาแล้วหลับซะ"
บุษบาบัณขึ้นข้างบน ทิ้งให้ศศิพิมลดื่มเหล้าคนเดียว กระปุกยาคลายเครียดวางข้างขวดเหล้า
ศศิพิมลกินเหล้าคนเดียวถึงเช้ามืด เมามาก โทรหาเวศม์ ความที่เมา ตาลาย เลยหาเบอร์อยู่นานกว่าจะเจอ
เสียงโทรศัพท์ปลุกเวศม์ตื่น หน้าตางัวเงีย เปิดไฟหัวนอน พอเห็นชื่อคนโทร.มาก็หงุดหงิด
"พี่ศิ ตี 4เนี่ยนะ"
เวศม์ตัดสายทิ้ง หลับต่อ
"เวศม์ไม่ยอมคุยกับพี่ เวศม์ไม่รักพี่แล้ว"
ศศิพิมลจะกินเหล้าต่อ คว้าแก้วเหล้า มือไปโดนกระปุกยาคลายเครียดล้ม เม็ดยาในกระปุก กระทบกันส่งเสียงดัง เรียกความสนใจศศิพิมล
ศศิพิมลมองกระปุกยาคลายเครียด นึกถึงคำพูดของบุษบาบัณ เธอเทยาใส่มือ เมาจัด เทไม่ลงมือซะที ทำยาหล่น
"โธ่เอ๊ย"
ศศิพิมลเลยกรอกยาจากกระปุกใส่ปาก แล้วซดเหล้าตาม
บุษบาบัณจอดรถพรืด ที่หน้าโรงพยาบาล
บุษบาบัณรีบแจ้งเจ้าหน้าที่
"คนกินยาตายค่ะ"
เจ้าหน้าที่รีบนำตัวศศิพิมลที่ไม่ได้สติ ใส่เตียงเข็นเร็วไปตามทางเดินตรงเข้าไปยังห้องฉุกเฉิน
บุษบาบัณรีบตามเข้าไป
อำพลเข้าเวรห้องฉุกเฉิน รีบออกมารับคนไข้
บุษบาบัณส่งกระปุกยาให้อำพล
"เพื่อนดิชั้นกินยาคลายเครียดค่ะ"
อำพลสั่งเจ้าหน้าที่
"เตรียมอุปกรณ์ล้างท้อง"
เจ้าหน้าที่รูดปิดม่าน อำพลรีบล้างท้องศศิพิมล
บุษบาบัณกระวนกระวาย กลัวศศิพิมลตาย
เวลาต่อมา อำพลออกมา บุษบาบัณรออยู่ รีบไปหาหมอ
"คนไข้ปลอดภัยแล้วครับ"
บุษบาบัณถอนหายใจ โล่งอก
"แต่ยังไม่ฟื้น เนื่องจากระดับแอลกอฮอล์ในเลือดสูงมาก"
"แล้วจะพากลับบ้านได้เมื่อไหร่คะ"
"หมอแนะนำให้นอนโรงพยาบาลซักคืน ดูอาการ เหล้ามีส่วนทำให้น็อคยาด้วย"
"ได้ค่ะ"
บุษบาบัณเข้าไปหาศศิพิมลในห้องฉุกเฉิน
อำพลจะโทรบอกเวศม์ แต่ลังเล ไม่อยากให้เวศม์กลับมาข้องเกี่ยวกับผู้หญิงที่เคยหักอกเวศม์ ทำเวศม์แทบเสียผู้เสียคน
ผ่านเวลา ศศิพิมลฟื้นแล้ว แต่สติสัมปชัญญะยังกลับมาไม่ครบถ้วน ยังคงซะลึมซะลืออยู่
"ฉันไม่ได้ฆ่าตัวตาย"
"ฟาดยาไปครึ่งขวดเนี่ยนะ"
"เมา ไม่รู้กินไปเท่าไหร่ ยังไงฉันก็ไม่มีทางคิดสั้นทำร้ายตัวเองแบบนั้นหรอก"
ตกลงอำพลโทร.บอกข่าวศศิพิมลให้เวศม์รู้ เวศม์รีบมาทันที
"พี่ศิ.. อย่าคิดสั้นอีกนะครับ"
ศศิพิมลกับบุษบาบัณมองหน้ากัน เวศม์เข้าใจผิดว่าศศิพิมลฆ่าตัวตาย สองสาวไม่บอกความจริง ด้วยมารยาพอกัน รู้กัน เวศม์เข้าใจแบบนี้ เป็นประโยชน์กับศศิพิมล
"เวศม์ไม่รักพี่แล้ว พี่จะมีชีวิตอยู่ไปทำไม"
บุษบาบัณหันมามองศศิพิมล เธอมีสีหน้าแค่นๆ ว่านังคนนี้เล่นละครเนียน
"พี่โทร.ไป เวศม์ก็ไม่ยอมคุยกับพี่"
"พี่โทร.ไปตอนตี 4 ผมหงุดหงิดเลยตัดสายทิ้ง"
"พี่ไม่เหลือใครแล้วจริงๆ นะเวศม์"
"พี่ศิครับ...อย่าทำแบบนี้อีก ถ้าพี่เป็นอะไรไป มันจะเป็นความผิดของผมไปตลอดชีวิต"
ศศิพิมลยิ้มที่มุมปาก รู้วิธีเรียกร้องความสนใจจากเวศม์แล้ว
เวศม์ระบายปัญหากับอำพล ทั้งสองกำลังเดินคุยกันอยู่ ท่าทางเวศม์ไม่สบายใจเลย
"จะทำยังไงได้.. ผู้หญิงเค้าเกือบตายเพราะฉัน ฉันก็ต้องอยู่ดูแลเค้าประคับประคองจิตใจ"
"จะประคับประคองไปถึงเมื่อไหร่"
"ก็จนกว่าพี่ศิจะเข้มแข็ง เลิกคิดสั้น"
"เวศม์.. พูดตรง ๆ นะ แกหนีผู้หญิงคนนี้ไม่พ้นหรอก"
อำพลพูดแล้วเดินนำออกไป เวศม์หน้าเครียด รู้สึกเหมือนตัวเองกำลังติดกับ
อันตราสอนลูกค้าหญิงยกดัมเบล
"เอาศอกแนบลำตัวนะคะ อย่ากางออก"
มีคนเข้าห้องยิม อันตรารีบหันไปดู พอเห็นว่าไม่ใช่เวศม์ ก็หน้าซึม ผิดหวัง เพราะเขาหายหน้าไปนานมากแล้ว
อันตราชกกระสอบอยู่คนเดียวจนหอบ แล้วจึงหยุด...เธอกำลังคิดถึงเวศม์
ร้านแสงฉานยังไม่เปิดบริการ ช่างยังไม่มาซ่อมกระจก แสงฉานโทร.ตาม แต่ช่างไม่รับสาย
"ช่างเบี้ยวแล้วล่ะค่ะ คงไปรับงานอื่นที่เงินดีกว่าซ่อมกระจกร้านอาหารเล็กๆ"
คำว่าร้านอาหารเล็กๆ กระทบใจแสงฉาน
"ต้องขนาดไหนเหรอวสา คุณถึงเรียกว่าร้านใหญ่ ๆ"
อุรวสารู้ว่าสามีไม่ค่อยพอใจ
"หงุดหงิดปัญหาที่ร้าน ก็อย่าพาลกับวสาสิคะ"
"ผมไม่ได้พาล ผมอยากรู้จริง ๆ คุณชอบบอกให้ผมหาร้านใหม่ เอาร้านใหญ่ ๆ
มีร้อยที่นั่งขึ้นไป"
"แสงก็รู้แล้วนี่คะว่าร้านใหญ่ ๆ หมายถึงร้านที่มีร้อยที่นั่งขึ้นไป แล้วมาถามวสา
ทำไม"
"คุณเคยสนใจมั้ยว่าทำไมผมถึงอยากทำร้านเล็ก ๆ มีไม่กี่สิบที่นั่ง ถ้าคุณสนใจ
คุณจะเข้าใจผมมากกว่านี้"
อุรวสาขี้เกียจเถียงด้วย
"วสากลับก่อนนะคะ คุณโทร.ตามช่างต่อไปแล้วกัน"
อุรวสาออกไป แสงฉานกลุ้มใจ ทะเลาะกับเมีย ร้านก็เปิดไม่ได้ มีแต่เรื่องแย่ ๆ เขานั่งคนเดียวในร้าน มองไปรอบๆ ร้านอย่างเครียดและไม่สบายใจเลย
บราลีบอกว่า
"แม่ว่าคุณวสาต้องใจเย็นๆนะ ค่อยๆคุยกัน แสงฉานเองเค้าก็คงกลุ้มใจ เราอยู่ด้วยกันต้องช่วยกันคิด ช่วยกันแก้ปัญหานะลูก อย่าใช้อารมณ์"
"วสาพยายามแล้วนะคะคุณแม่ อะไรที่วสาไม่พอใจ วสาก็ไม่พูดไม่แตะ จะได้ไม่ต้องทะเลาะกัน"
บราลีมองลูกอย่างเป็นห่วง
"นั่นไม่ใช่วิธีที่ถูกนะลูก มีปัญหาอะไรต้องพูดกันไม่ใช่ต่างคนต่างคิดแล้วก็ไม่เข้าใจกัน เรื่องเล็กก็จะกลายเป็นเรื่องใหญ่ เพราะต่างคนก็ต่างคิดว่าตัวเองถูก"
อุรวสาท่าทางเซ็งกับปัญหาที่มากมายรอบตัว
"ปัญหาเรื่องงานของวสาก็เยอะอยู่แล้ว ยังมีปัญหาของแสงอีก ทำไมการที่จะอยู่ด้วยกันให้ราบรื่นมันถึงยากนักคะ เดี๋ยวเรื่องโน้น เดี๋ยวเรื่องนี้ วสาชักจะท้อแล้ว"
"คุณวสา ฟังแม่นะ การที่จะใช้ชีวิตคู่น่ะ ต้องมีสติ ปัญหาอะไรเกิดขึ้นก็ค่อยๆช่วยกันแก้ บททดสอบของชีวิตคู่น่ะมันจะมีเข้ามาเรื่อยๆอันนี้น่ะยังเรื่องเด็กๆนะ ยิ่งเราโตขึ้นปัญหาที่เจอก็จะใหญ่ขึ้น จับมือกันแน่นๆจะได้พากันก้าวข้ามปัญหาไปได้ โดยที่เราจะไม่ต้องเสียคนที่เรารักไป"
อุรวสาเริ่มจะร้องไห้ บราลีดึงลูกเข้ามา ความเข้มแข็งที่เคยมีของอุรวสาก็หมดทันที เธอกอดแม่ร้องไห้เหมือนเด็กๆ
"ตอนที่เราอยู่ที่ซานฟราน วสากับแสงไม่เคยมีปัญหากันเลยนะคะคุณแม่ เราไม่เคยทะเลาะกัน"
"เป็นเพราะลูกอยู่ที่โน่น ลูกยังไม่ต้องรับผิดชอบอะไรมากหรือเปล่า มันไม่เหมือนกัน"
"วสาไม่อยากให้แสงทำร้านอาหารแล้ว แค่เริ่มก็เจอปัญหาขนาดนี้ ทำต่อไปก็ไม่รู้จะเจออะไรอีก"
"แต่ลูกก็รู้ว่าแสงฉานเค้าเรียนมาทางนี้ จุดมุ่งหมายของเค้าคือการที่จะมีร้านอาหารเป็นของตัวเองไม่ใช่หรอลูก ลูกเองก็เคยยอมรับเค้าได้ แต่ทำไมมาถึงวันนี้ลูกถึงได้เปลี่ยนความคิดไปล่ะจ๊ะ"
อุรวสาเริ่มคิดได้
แสงฉานนั่งหน้าเครียดกับสิ่งที่เกิดขึ้น สักครู่อุรวสาเปิดประตูเข้ามา แสงฉานหันไปมองนิดเดียวแล้วเบือนหน้ากลับไม่สนใจ อุรวสานึกถึงคำพูดแม่ ตัดสินใจเข้าไปหา ลงนั่งข้างๆ
"แสง มีอะไรให้วสาช่วยได้บ้างบอกวสานะ"
"ไม่มีหรอก"
"แสง แสงเป็นอะไร เดี๋ยวนี้แสงไม่อยากจะพูดกับวสาเลย แสงเริ่มเปลี่ยนไป ไม่เหมือนเมื่อก่อน" อุรวสาเริ่มน้อยใจจะร้องไห้
"ผมหรอที่เปลี่ยนไป วสาต่างหากที่เปลี่ยนไป รำคาญผมไม่อยากพูดกับผม ผมทำอะไรก็ผิด ไม่ถูกใจสาซักอย่าง ใช่ซีผมมันต่ำต้อย ไม่ได้อยู่ในแวดวงธุรกิจพันล้าน หมื่นล้าน เหมือนนายพงษ์ชัย"
อุรวสาตกใจไม่นึกว่าแสงฉานจะคิดเยอะขนาดนั้น
"แสงไปเอาเค้ามาเกี่ยวอะไร เรากำลังพูดถึงเรื่องเราสองคนนะ"
"ผมมันกระจอก ไม่ไฮโซ ไม่ร่ำรวย ไม่ใช่ลูกเศรษฐี ไม่เป็นที่ภูมิใจของใครเลย"
อุรวสาเอามือมากุมมือแสงฉานไว้ ด้วยความรู้สึกรักและสงสารแสงสานมาก
"แสงพอเถอะนะ หยุดคิดอะไรอย่างนั้นเถอะ วสาขอโทษที่วสาทำอะไรให้แสงคิดมาก แต่แสงเชื่อวสานะว่าวสารักแสงเหมือนเดิม วสาคงเครียดกับการทำงานมากเกินไป เลยลืมที่จะดูแลแสง"
แสงฉานหันมาจบมือวสา ต่างคนต่างใจหายที่เกิดเรื่องอย่างนี้ขึ้น สองคนจับมือกันแน่น มองตากันต่างคนต่างน้ำตาไหล ไม่สะอึกสะอื้น ไม่กอดกัน จ้องตากัน นิ่ง นาน ถ่ายทอดความรู้สึกให้กันผ่านทางมือที่จับกันแน่น ความอบอุ่นของทั้งสองคนกลับคืนมา
อินทุอรหน้าเศร้ามาหาเจ้าของโรงเรียน
"เด็ก ๆ ถามถึงครูอินกันให้แซ่ดเลยค่ะ ทำไมครูอินไม่มาสอน"
"อินมาขอลาออกค่ะ จะไปทำงานประจำที่บริษัทคุณพ่อ คงไม่มีเวลามาสอนบัลเล่ต์แล้ว"
"สอนวันเสาร์อาทิตย์ก็ได้นี่คะ"
"อินไม่อยากสอนค่ะ อินไม่อยากยุ่งเกี่ยวกับบัลเล่ต์อีกแล้ว"
อินทุอรตาเศร้าสร้อย มองห้องเรียนบัลเล่ต์ นี่เป็นครั้งสุดท้ายที่เธอได้อยู่ในห้องบัลเล่ต์ อันเป็นโลกส่วนตัวที่สวยงามของเธอ
วันเดียวกัน อัษฎาเดินอยู่ในบริเวณบ้าน กำลังเลือกหาหนังสือจากตู้หนังสือ แต่แล้วจู่ๆ ก็ปวดหลังมาก
"โอย"
อัษฎาปวดจนต้องทรุดตัวลงนั่ง
เวลาต่อมา อัษฎากำลังตรวจเอ็กซ์เรย์คอมพิวเตอร์ สีหน้าไม่สบายใจเลย หมอคนเดิมกำลังทำการเอ็กซ์เรย์กับเครื่องคอมพิวเตอร์อย่างตั้งใจ
หมอกำลังดูฟิลม์เอ็กซ์เรย์คอมพิวเตอร์ สีหน้าไม่ค่อยดีนัก อัษฎาชะง้อมองหมอ...รอฟังผลการตรวจ ลุ้น ไม่อยากให้ตัวเองเป็นโรคร้ายแรง
"วันนี้ครอบครัวคุณอัษฎาไม่มาด้วยเหรอครับ"
"คุณหมอบอกมาเลยครับ ผมป่วยเป็นอะไร"
"ดูจากผลเอ็กซ์เรย์คอมพิวเตอร์...อาการไม่ค่อยน่าไว้ใจ"
"ยังไงครับ"
"เนื้องอกที่ต่อมหมวกไต..โตขึ้นกว่าครั้งที่แล้วมาก"
"มันเป็นเนื้อร้ายหรือเนื้อดีครับ"
"ต่อมหมวกไตอยู่ลึกมาก...ยังบอกอะไรไม่ได้ นอกจากเราต้องผ่าตัด"
"ผ่าตัด"
อัษฎาตกใจ ตอนแรกคิดว่าตัวเองหูฝาด หน้ายังเหวออยู่ จนสติรับรู้ยอมรับว่าตนป่วยเป็นโรคร้าย
อัษฎาหน้าเศร้ามาก หากว่าตนตาย ลูกเมียจะเสียใจซักแค่ไหน
จบตอนที่ 6