xs
xsm
sm
md
lg

สามใบไม่เถา ตอนที่ 1

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


สามใบไม่เถา ตอนที่ 1

มหาเศรษฐีคนดัง นายอัษฎา อัศวเรืองชัย ดำเนินธุรกิจบริษัทก่อสร้าง บนอาคารสำนักงานขนาดใหญ่โต ซึ่งตั้งตระหง่านอยู่กลางเมือง ในนามบริษัท "ดนยาคอนสตรักชัน" (Donya Construction) ชื่อ "ดนยา" นั้น มีความหมายว่า ลูกสาว!

วันนี้ มีงานเปิดโครงการคฤหาสน์หรูพันล้านของอัษฎา ซึ่งจัดในฮอลล์ของโรงแรมหรูแห่งหนึ่ง แขกที่มาร่วมงานล้วนระดับมหาเศรษฐี สถานที่จัดงานหรูหรา บนเวทีมีจอโปรเจกเตอร์ขนาดใหญ่ ไฟในห้องหรี่ลง พร้อมๆ กับเสียงบรรยายประกอบ
"ช่วงเวลาแห่งความภาคภูมิใจมาถึงแล้ว ดนยาคอนสตรักชัน โดยคุณอัษฎา อัศวเรืองชัย ขอเชิญพบกับ The Empire โครงการคฤหาสน์หรู..ที่ควรค่าแก่บุคคลผู้มีระดับ..."
เสียงดนตรีตื่นเต้นเร้าใจกระหึ่มขึ้น อันตรา ในชุดเสื้อและกางเกงหนังสีดำ สวมถุงมือดำโหนสลิงลงจากเพดานห้องเรียกเสียงฮือฮา เธอร่อนลงบนเวทีด้วยท่าสวย เหล่าสตั๊นแมนล้อมไว้ เธอวาดลวดลายการต่อสู้ บู๊เร้าใจ ตรึงทุกสายตาของผู้ชม ภาพบนจอโปรเจกเตอร์ตอนนี้แสดงภาพกราฟิกแบบคฤหาสน์หรูแบบหนึ่ง ซึ่งใช้วัสดุซึ่งทำด้วยหิน
อัษฎา บราลี สมศักดิ์ และอัปสรมองอย่างตื่นเต้น โดยเฉพาะอัษฎา เผลอเชียร์ลูกสาวเบาๆ
"อื้อฮือ...นั่น...มันต้องอย่างนั้น"
บนเวทีอันตราบู๊แหลก ซัดเหล่าสตั๊นแมนจนหมอบราบคาบแก้ว
เสียงบรรยายประกอบดังขึ้น
"คฤหาสน์แบบ "อันตรา" สวยงาม เรียบง่าย แต่แฝงไว้ด้วยความแข็งแกร่งดั่งหินผาโครงสร้างอันโดดเด่น...เหมาะสำหรับผู้ที่ไม่ต้องการเหมือนใคร"
อันตราหมุนตัวเตะสตั๊นตัวลอยล้มลงกลางเวที แล้วเธอหันมาไหว้ผู้ชมอย่างอ่อนน้อมสวยงาม คนในงานปรบมือให้
อันตรายืนมาดเท่ จอโปรเจกเตอร์ที่ด้านหลังเธอ ฉายรูป 3 มิติ คฤหาสน์หลังใหญ่ ผนังบ้านตกแต่งด้วยหิน ไฟบนเวทีมืดลง

ไฟฟอลโลยิงใส่ร่าง อินทุอร หญิงสาวอยู่ในชุดราตรีสีขาวลายลูกไม้อ่อนหวานซึ่งยืนอยู่ที่เวทีอีกมุมหนึ่ง
อินทุอรยกมือไหว้ผู้ชม แล้วเดินตรงเข้าไปหลังแกรนด์เปียโนที่วางอยู่บนเวทีด้านหนึ่ง เธอเริ่มเล่นเปียโน เพลงหยาดเพชร ไฟฟอลโลอีกดวงยิงใส่คู่ลีลาศ เต้นรำคลอเพลงนั้น
เสียงบรรยายดังขึ้นอีกว่า
"คฤหาสน์แบบ "อินทุอร" ที่ๆ ซึ่ง ความหรูหรากับความอ่อนหวานรวมกันอย่างลงตัว เพื่อบุคคลผู้มีระดับที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความอบอุ่น"
อัษฎา บราลี สมศักดิ์ อัปสร มองอินทุอรอย่างชื่นชม แววตาอัษฎาเป็นประกายอ่อนโยน ด้วยรักเอ็นดูลูกสาวคนเล็ก
อัปสรเป็นปลื้มไม่แพ้อัษฎา เธอยิ้มแก้มปริ โยกตัวตามเสียงเปียโน
มือเรียวเล็กบอบบางของอินทุอร ดีดเปียโนราวกับมืออาชีพ ใบหน้าหวานสวยงาม
มีอยู่ช่วงหนึ่ง...นักเต้นตรงเข้ามาหาอินทุอร เธอลุกจากเปียโนขึ้นไป ร่วมเต้นกับนักเต้นในลีลานักบัลเล่ย์ประยุกต์สวยงามตรึงตาตรึงใจผู้ชมเป็นอย่างยิ่ง
จอโปรเจคเตอร์บนเวที เล่นภาพดอกไม้หลากสี สลับกับคฤหาสน์ที่เป็นระเบียงกว้าง ประดับประดาไปด้วยกระถางดอกไม้สีสวย เพิ่มความรู้สึกอ่อนหวาน ละมุนละไมให้การแสดงชุดนี้
เพลงหยาดเพชรจบลง อินทุอรโพสท่าสวยงามอยู่ที่กลางเวที คนในงานปรบมือให้ไฟเวทีมืดลง

ธีมของงานเปลี่ยนจากความนุ่มนวลอ่อนหวานจากการแสดงของอินทุอร เป็นเร่งรีบ อินเทรนด์ ดนตรีสมัยใหม่จังหวะเร็วเร้า รับภาพบนจอโปรเจกเตอร์ที่เล่นวิดีโอภาพย่านธุรกิจใจกลางเมือง
อุรวสาในชุดสาวออฟฟิศแต่งหน้า ทำผมนำสมัย เดินแบบพร้อมเหล่านายแบบในชุดสูท ลีลาเดินแบบอุรวสา ไม่แพ้นางแบบอาชีพ
"คฤหาสน์แบบอุรวสา ความโอ่อ่าอัครฐานที่ผุดขึ้นกลางใจเมือง สำหรับผู้บริหารมีระดับ ที่ๆ ความสำเร็จมาพร้อมกับความสวยงามและมุ่งมั่น"
อัษฎามองอุรวสา ลูกสาวคนโตด้วยสายตาชื่นชม
บนเวทีอุรวสาเดินแบบไปตามจุดมาร์กบนพื้นเวที เธอเดินทั่วทุกมุมของเวที ให้คนทั้งงานเห็น
เหล่านายแบบเดินลงจากเวที เธอยืนโพสท่าเก๋ไก๋กลางเวที จอโปรเจกเตอร์ด้านหลังฉายรูป 3 มิติ คฤหาสน์หลังใหญ่ โรงจอดรถขนาดใหญ่แยกจากตัวบ้านมีสระว่ายน้ำส่วนตัว
อุรวสายืนโพสท่า แววตามั่นใจในตัวเองสุดๆ ไฟเวทีมืดลง

ไฟบนเวทียังมืดสนิทอยู่ เสียงประกอบดังขึ้นในห้องจัดงาน
"ณ บัดนี้…ขอเชิญทุกท่านพบกับประธานบริษัท ดนยา คอนสตรักชัน คุณอัษฎา อัศวเรืองชัย พร้อมกับนักแสดงกิตติมศักดิ์ทั้งสามคนครับ"
บนเวทีไฟสว่างขึ้นอีกครั้ง เห็นอัษฎากับลูกสาวทั้ง 3 นั่งอยู่บนโซฟา โดยมีพิธีกรนั่งอยู่ด้านข้าง
"สวัสดีครับ…คุณอัษฎา เรามาคุยกันเรื่องรายละเอียดของโครงการกันสักนิดดีมั้ยครับ"
"ครับๆ ขอบคุณทุกท่านที่มาร่วมงานเปิดตัวโครงการ The Empire ของผมนะครับ"
"อยากทราบแรงบันดาลใจของคุณอัษฎาในการออกแบบคฤหาสน์ทั้งสามหลังหน่อยครับ"
"บริษัทของผมชื่อ “ดนยาคอนสตรักชัน แรงบันดาลใจก็ต้องมาจากลูกสาวของผมทั้งสามคนนี่แหละครับ แบบบ้านอุรวสา ผมได้แรงบันดาลใจจากคุณวสา...ลูกสาวคนโต"
อุรวสายิ้มมั่นใจ
อุรวสา เป็นลูกของอัษฏากับเมียเก่า แม่เป็นนางงามแต่ป่วยตายเมื่อเธอยังเด็ก จบการออกแบบมาจากเมืองนอก
"คุณวสา...เป็นผู้หญิงทำงานที่ประสบความสำเร็จตั้งแต่ยังสาว คฤหาสน์แบบอุรวสาจึงเป็นตัวแทนของ ความมุ่งมั่น โฉบเฉี่ยวและทันสมัย"
อันตราที่ยิ้มอยู่ข้างอุรวสา
อันตรา เป็นลูกติดของบราลี ภรรยาคนที่สอง ที่เกิดจากสามีที่เป็นตำรวจ ลักษณะอย่างทอมบอย บู๊ เฮี้ยว จบพละศึกษา ทำงานนักสืบเป็นงานอดิเรก เป็นลูกคนโปรดของพ่อ
"เจ้าอันลูกสาวคนกลางของผม…เป็นผู้หญิงเข้มแข็ง สปอร์ตเกิร์ล คฤหาสน์แบบอันตราจึงเน้นความแข็งแกร่งโดยใช้หินตกแต่งในงานดีไซน์"
อินทุอร น้องสาวคนเล็ก เป็นลูกของบราลีกับอัษฎา เพิ่งจบอักษรศาสตร์ เป็นสาวช่างฝัน
"แล้วนี่หนูอิน.. ลูกสาวคนเล็ก หนูอินเป็นผู้หญิงอ่อนหวานเรียบร้อย คฤหาสน์อินทุอรจึงถูกออกแบบให้อบอุ่นอ่อนหวานครับ"
พิธีกรถามว่า
"ทราบมาว่าคุณอัษฎาหวงลูกสาวมาก ทำไมงานนี้ถึงยอมเปิดตัวลูกสาวครับ"
"ก็พ่อเอาชื่อลูกมาเป็นแบบบ้าน เลยต้องให้ลูกสาวมาโชว์ตัวครับ" อัษฎายิ้มอารมณ์ดี "แต่ขออนุญาตแจ้งให้ทราบ ผมขายแต่บ้านนะครับ ไม่ขายลูกสาว...กี่พันล้านก็ไม่ขาย"
คนในงานหัวเราะครืน ลูกสาวทั้ง 3 ขำมุขพ่อที่ยิงสด

ผ่านเวลามา ครอบครัวอัษฎาคุยอยู่กับบรรดาเศรษฐีนี ลูกสาวทั้ง 3 ยังสวมชุดที่ขึ้นโชว์เมื่อครู่
หญิง 1ถามขึ้นว่า
"คุณอันตราคงเป็นลูกสาวคุณอัษฎาสินะคะ บุคลิกห้าวๆ เหมือนผู้ชาย"
"เจ้าอันเป็นลูกดิฉันค่ะ คุณวสาต่างหากลูกคุณอัษ" บราลีบอก
"แล้วคุณอินทุอร...คนเล็ก"
"เป็นลูกของเราครับ สามใบไม่เถา ของผมน่ะ สามคนสามแบบ เลี้ยงมาด้วยกันแท้ๆ ไม่รู้ทำไม นิสัยถึงต่างกัน"
สมศักดิ์พานักธุรกิจชายมาหาอัษฎา
"ผมจองบ้านแล้วนะครับคุณอัษฎา เลือกแบบบ้านอุรวสา" ชาย 1บอก
"แหม…เหมาะกับคุณอลงกรณ์เลยครับ..." อัษฎาบอกอุรวสา "คุณอลงกรณ์เป็นซีอีโอคน
ล่าสุดของเดอะเนตเวิร์ค"
อุรวสายิ้มๆ ยกมือไหว้
"อีกไม่กี่เดือนคุณวสาจะกลับมาจากอเมริกา เพื่อมาช่วยงานผมที่บริษัทครับ"
อุรวสาชักสีหน้าทันที ไม่ค่อยสบอารมณ์ที่พ่อพูดแบบนี้ แล้วกระซิบบอก
"เราคุยกันแล้วนะคะคุณพ่อ วสาจะมาคุมสาขาบริษัทอินทีเรียของอเมริกา ไม่ไปทำงานกับคุณพ่อ"
อัษฎาหงุดหงิด เสียงแข็ง
"คุณวสาต้องทำงานให้พ่อ ! ไปทำให้คนอื่นไม่ได้"
อุรวสาเสียงแข็งขึ้นมาบ้าง
"แต่วสาเซ็นสัญญาทำงานกับเค้าไปแล้วนะคะ"

"ไปยกเลิกสัญญาซะ"

บราลี อันตรา อินทุอร ได้ยินพ่อกับอุรวสาเริ่มจะเถียงกันเสียงดังขึ้น ห่วงจะเกิดเรื่อง

"ไม่ค่ะ วสาอยากทำงานของตัวเอง ! ไม่ต้องการอาศัยบารมีคุณพ่อ"
อุรวสาหงุดหงิดโมโหเดินออกจากห้องจัดงาน อัษฎาจะตามไป สมศักดิ์ยิ้มแห้งให้ชาย 1
บราลีบอก
"หนูอินไปเคลียร์ทีลูก"
บราลีรู้ดีว่า ลูกคนนี้มีวิธีพูดให้พ่อใจอ่อน เมื่อใดที่พ่อเกิดอาการเคือง เธอจะส่งลูกคนนี้ไปทำหน้าที่กาวใจ
อินทุอรรีบตามพ่อกับพี่สาวคนโตไป บราลีไปขอโทษชาย 1

อัษฎาตามอุรวสามาทะเลาะกันต่อในห้องแต่งตัว
"วสาต้องฟังพ่อ"
ช่างแต่งหน้ากำลังจกส้มตำ วงแตก รีบออกจากห้องให้พ่อลูกเค้าทะเลาะกัน อุรวสาเข้ากระโจมแต่งตัว ถอดเสื้อผ้าเปลี่ยนเครื่องแต่งตัว
"วสาจะกลับซานฟรานคืนนี้ค่ะ บอกทางโรงแรมให้เตรียมรถไปส่งสนามบินแล้ว"
"พ่อไม่ให้ไป"
อินทุอรตามมากู้สถานการณ์ตึงเครียด
"คุณพ่อขา กลับเข้างานเถอะค่ะ"
อุรวสาถอดชุดเดิมออกแล้ว โผล่หัวจากกระโจมบอกน้องสาว
อุรวสาชี้ชุดที่แขวนอยู่
"หนูอิน ส่งชุดให้พี่ที"
อินทุอรจะหยิบชุด แต่โดนอัษฎาแย่งไป
"ใส่ชุดเดิมซะ คุณวสาต้องออกไปรับแขกกับพ่อ ห้ามไปไหนทั้งนั้น"
พ่อลูกจ้องตากัน ไม่มีใครยอมใคร

ฝ่ายบราลีเริ่มกังวลชะเง้อรอสามีกับลูก ไม่กลับมาซะที อันตรายืนข้างแม่ กำลังคุยโทรศัพท์มือถือท่าทางร้อนรนและเป็นกังวล
"คนของอันยืนยัน “เป้าหมาย” ค่ะ งานนี้ไม่น่าพลาด"
สมศักดิ์บอกกับบราลี
"ผมว่าคุณบราลีไปเองเถอะครับ ท่าหนูอินจะเอาไม่อยู่"
อันตราวางสาย
"คุณแม่คะ อันต้องไปแล้วค่ะ มีงาน"
"คุณพ่อเค้าให้อยู่จนงานเลิกนะลูก"
"ลูกน้องโทร.ตามให้ไปด่วนค่ะ ไปนะคะอาศักดิ์"
"ไม่เปลี่ยนชุดก่อนหรอหนูอัน" สมศักดิ์ถาม
"ขืนเข้าห้องแต่งตัว ได้โดนพ่อด่าสิคะ"
อันตราเดินแทรกแขกเหรื่อไป บราลีจะตาม แต่โดนอัปสรเดินมาจับแขนไว้
"น้องบราลีขา... หนูอินของพี่หายไปไหนคะ พี่หาไม่เจอ"
บราลีมองอันตราที่หายไปอย่างไวมาก บราลีสีหน้ากลุ้ม มาเกิดเรื่องวุ่นในงานเปิดโครงการจนได้

อัษฎาไม่ยอมส่งชุดให้ลูกสาวที่อยู่ในกระโจมเปลี่ยนเสื้อผ้า อินทุอรหน้าเสียไม่กล้าเข้าข้างใคร
อุรวสายื่นมือ
"เอาชุดมาให้วสาค่ะ"
"ไม่ให้ ถ้าดื้อนัก...ก็ยืนอยู่อย่างนี้แหละ"
บราลีเข้ามา
"คุณแม่ช่วยทีค่ะ" อินทุอรบอก
"คุณคะ.. เจ้าอันไปแล้วค่ะ บอกว่ามีงานด่วน"
อัษฎาหงุดหงิดขึ้นมาอีก
"เจ้านั่นก็ดื้อพอกับพี่สาว" อัษฎาส่งชุดให้บราลีถือ พร้อมกำชับ "ห้ามให้คุณวสา"
อัษฎารีบออกไป

อัษฎาเดินกึ่งวิ่งมาหน้าโรงแรม เพราะรู้ว่าอันตราจอดรถตรงนี้ แต่เธอขึ้นขี่มอเตอร์ไซต์แล้ว กำลังสตาร์ทรถ
"ห้ามไปนะเจ้าอัน"
"บ๊ายบายค่ะคุณพ่อ แล้วเจอกันนะคะ ... จุ๊บๆ"
อันตรายักคิ้วให้พ่อ สวมหมวกกันน็อคแล้วขี่มอเตอร์ไซค์ไป อัษฎาหน้านิ่วโมโหลูก

เธอขี่มอเตอร์ไซค์แบบเท่สุดๆ แหวกความมืดออกไป

อัษฎากำลังจะเดินกลับไปที่งาน แต่แทบผงะ เพราะ อุรวสา อินทุอร บราลี เดินเข้ามา
ส่วนอุรวสาเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดเดินทางเรียบร้อยแล้ว
"ไปนะคะคุณแม่"
"เฮ้ยๆๆ จะไปไหน"
อุรวสายังงอนพ่อ ไหว้แต่ไม่พูดด้วย เธอรีบขึ้นรถโรงแรมสั่งให้ออกรถทันที อัษฎาห้ามไม่ทัน
"ลูกต้องรีบไปน่ะค่ะ เดี๋ยวตกเครื่อง" บราลีบอก
อัษฎาเลยพาลเมีย
"ไม่ไปส่งลูกสาวคนโปรดที่ซานฟรานซะเลยล่ะ"
บราลีไม่อยากเถียงกับสามี เดินกลับเข้าตัวโรงแรม อินทุอรกอดออเซาะให้พ่อหายโมโห
"ท่าทางคุณพ่อเหนื๊อยเหนื่อย กลับถึงบ้านแล้ว.. อินนวดให้นะคะ คุณพ่อรู้มั้ย..ในงานมีค็อกเทลอร่อยมาก คุณพ่อต้องลองชิม รับรองจะติดใจ"
อัษฎามองลูกสาวคนเล็กอย่างเอ็นดู เวลาหงุดหงิดลูกสาวอีก 2 คน ก็ได้อินทุอรนี่แหละที่ทำให้พ่อยิ้มออก

อัษฎาเดินโอบลูกสาวคนเล็กกลับเข้ามาในงาน อัปสรเดินรี่ไปหา ดึงอินทุอรจากอ้อมแขนอัษฎา
อัษฎาหน้าเหวอเล็กน้อย ที่โดนฉกลูก
"หนูอินทั้งเต้นบัลเล่ย์ ทั้งเล่นเปียโนเพราะที่สุดในโลกเลยลูก นี่เป็นของรางวัลสำหรับคนเก่งนะจ๊ะ"
อัปสรหยิบพวงมาลัยดอกมะลิในกระเป๋า คล้องข้อมืออินทุอร
"ขอบคุณค่ะ สวยขนาดนี้ป้าอัปสรต้องร้อยเองแน่ๆ ไว้สอนอินร้อยบ้างนะคะ"
อัปสรพาอินทุอรไปแนะนำให้ใครต่อใครในงานให้รู้จัก อัษฎากับบราลีมองตาปริบ ๆ
สมศักดิ์แซวอัษฎา
"เฮ้ย.. ถามจริงเหอะ แกขอหนูอินมาเลี้ยงใช่มั้ยเนี่ย" สมศักดิ์พูดพลางชี้ไปทางอัปสร "นั่นแม่แท้ ๆ หนูอิน"
"งงเหมือนกันว่ะ ตั้งแต่หนูอินเข้าไปอยู่แฟนคลับชรินทร์เนี่ย มีแต่เพื่อนต่างวัย"
บราลีขำ อัษฎาหน้ามุ่ย หวงลูกมาก ไม่ว่ากับใคร

คืนเดียวกัน นักเที่ยวเยอะ เข้าแถวรอเข้าผับ พนักงานผับปั๊มข้อมือนักเที่ยวตรงประตู
อันตราในชุดเสื้อและกางเกงหนังสีดำมาถึง มองซ้ายมองขวาหาลูกค้าที่โทร.ตาม
อีกมุมหนึ่ง เวศม์มาเที่ยวผับกับอำพล ผู้เป็นเพื่อนสนิท และออม ซึ่งเป็นแฟนของอำพล
อำพลจูงมือออมอย่างสนิทสนม แต่อำพลมีสายเข้ามือถือพอดี
"โรงพยาบาลโทร.มา นายพาออมเข้าไปหาที่นั่งก่อน" อำพลบอกเพื่อนแล้วเดินหาที่เงียบ ๆ คุยโทร.
แถวประตูทางเข้าผับ อันตรากดโทร.หาเมียหลวงของเสี่ย
"ดิฉันมาถึงแล้ว คุณสกุณาอยู่ไหนคะ"
เมียหลวงพูดพร้อมเสียงสะอื้น
"ในรถค่ะ"
อันตราเห็นเสี่ยเดินโอบเอวเมียน้อยเข้าผับ อันตรามองเสี่ยอย่างชิงชัง
"เห็นสามีคุณแล้วค่ะ"
"ผู้ชายดี ๆ ไม่มีเลยรึไงคะคุณอันตรา"
"มีค่ะ แต่ล้านคนจะมีซักคน ผู้ชายส่วนใหญ่มันก็เลวทั้งนั้นแหละค่ะ"
เวศม์กับออมเดินมาแถวประตูทางเข้า ได้ยินอันตรากำลังด่าผู้ชายพอดี เวศม์มีสีหน้าไม่พอใจ
เขาเป็นคนมีปมกับเรื่องนี้ ... พ่อแม่ตายตั้งแต่เรียนมัธยม อาศัยกับญาติ ขาดความอบอุ่น เคยรักอยู่กับศศิพิมลที่อายุมากกว่าเขา 10 ปี ต่อมาเธอทิ้งเวสม์ไปแต่งงานกับพงษ์ชัย เจ้าพ่อร่ำรวย ชีวิตช้ำรักหนีไปอยู่อเมริกา และส่งเสียตัวเองจนเรียนจบ
อันตราบอก
"ซื่อสัตย์ ดูแลเรา รักเราจริง นั่นคุณสมบัติสุนัขเพศผู้ ไม่ใช่มนุษย์เพศผู้ค่ะ"
เวศม์ที่ได้ยินเข้าถึงกับชะงัก
"เช็ดน้ำตาซะแล้วรีบมา ดิฉันจะรออยู่แถวหน้าประตูนะคะ"
เธอวางสาย เวศม์ถาม
"เป็นแฟนคลับ “ผู้ชายเลวกว่าหมาและไม่ได้มาจากดาวอังคาร” ใช่มั้ยคุณ"
อันตราหันมองเวศม์ ไม่พอใจ
เวศม์อมยิ้มตั้งใจแกล้งยั่ว
"แล้วอย่าเผลอเล่นกับหมานะ"
เวศม์พาออมไปต่อแถว อันตราจ้องตามเวศม์เห็นควงกับออมก็นึกว่าเป็นแฟนกัน

ภายในผับ เวศม์กับออมเพิ่งได้ที่นั่ง คืนนี้ นักเที่ยวเยอะจริง
"ออมไปห้องน้ำเดี๋ยวนะเวศม์"
สาวสวยนักเที่ยวโต๊ะข้าง ๆ ส่งสายตาให้เวศม์ เวศม์ยิ้มตอบ สนใจสาวเหมือนกัน

บริเวณหน้าผับ เมียเสี่ยมาถึง ตาแดงก่ำ เพิ่งร้องไห้มา อำพลยังยืนคุยโทรศัพท์อยู่
"สามีคุณเข้าไปข้างในแล้วค่ะ" อันตราบอก
เมียหลวงพูดอย่างแค้น
"ไอ้ผัวเฮงซวย"
อันตราจับมือเมียหลวง
"เข้มแข็งไว้ค่ะ ผู้ชายไม่ดีก็เขี่ยทิ้งซะ"
เมียหลวงเสี่ยไม่ต่อแถว แซงคนอื่นเข้าไปก่อน
อันตราบอกกับนักเที่ยวที่ต่อแถว
"เห็นใจเมียหลวงหน่อยนะคะ"
อันตรารีบรุดตามเมียหลวงเสี่ยเข้าไป

ในผับค่อนข้างมืด อันตรากับเมียหลวงมองหาเสี่ยกับเมียน้อย เธอเห็นเวศม์นั่งคุยกับสาวสวย ที่ไม่ใช่ผู้หญิงที่เข้ามาด้วยกัน
"แฟนเผลอล่ะสีหญิงอื่น ... ผู้ชายมันก็เลวจริง ๆ นี่หว่า"
เมียหลวงหันไปเห็นเสี่ย
"มันอยู่นั่น !"
เมียหลวงหยิบปืนจากกระเป๋า
อันตราตกใจมาก
"เฮ้ย..คุณสกุณา"
เมียหลวงเดินถือปืนไปโต๊ะผัวกับเมียน้อย นักเที่ยวแตกตื่น เสี่ยกับเมียน้อยจิตกระเจิง
"ณาอย่า"
อันตรากล่อม
"วางปืนลงค่ะ"
เมียหลวงบอกกับเสี่ย
"เลือกเอา...จะตายก่อนหรือจะตายที"
เมียหลวงเองก็เลือกไม่ถูก จะยิงผัวหรือเมียน้อยผัวดี ได้แต่ส่ายกระบอกปืนไปมาอย่างหวาดเสียว
"ติดคุกเพราะชายโฉดหญิงชั่ว ไม่คุ้มกันนะคะ"
เวศม์เดินย่องมาข้างหลังเมียหลวง จะเข้าแย่งปืน
"อย่าคุณ"
เสียงอันตราทำให้เมียหลวงหันมา ปากกระบอกปืนหันมาทางเวศม์แทน ทั้งสองคนยื้อปืนกันไปมาชวนหวาดเสียว แล้วในที่สุด...ปืนลั่น เสียงปืนดังปัง ! ร่างเวศม์ล้มลง
อันตรากรี๊ด เมียหลวงช็อกทิ้งปืน
"อย่าตายนะคุณ"
อันตราหาแผลถูกยิงบนลำตัวเวศม์ เอามือลูบตัว เขาปัดมืออันตรา ลุกหนี
"ผู้หญิงอะไร ลวนลามผู้ชาย"
"ไอ้บ้า ! ฉันคิดว่านายโดนยิง"
"ผมตกใจเสียงปืนเลยล้ม"
เมียหลวงกลัวความผิดจะหนี เวศน์จับตัวไว้
"จะไปไหน"
"ช่วยด้วยค่ะคุณอันตรา ดิฉันไม่อยากติดคุก"

เวศม์จ้องหน้าอันตรา กล้าช่วยมั้ยล่ะ! เธอหน้าเจื่อน ทั้งรู้ว่าเมียหลวงผิด ไม่รู้จะช่วยอย่างไร

หลังเมียหลวงทำปืนลั่น ผับปิด ไฟเปิดสว่าง เมียหลวงถูกตำรวจคุมตัว ตำรวจเจอปลอกกระสุนปืนบนพื้น เก็บใส่ถุงเป็นหลักฐาน
เสี่ยเพ่งมองหน้าอันตรา คุ้นมาก
"ลูกสาวคุณอัษฎานี่... เคยเจอที่บริษัท"
เมียหลวงบอก
"ก็เจอพร้อมกัน พอรู้ว่าคุณอันตราเป็นนักสืบ ฉันเลยจ้างให้ตามแก ไอ้ผัวเฮงซวย!"
"ก็เพราะปากร้ายแบบนี้ไง.. ฉันถึงมีเมียน้อย"
"ไอ้แก่! ไอ้หื่น! ไอ้คนไม่มีสามัญสำนึก" เมียหลวงด่าเป็นชุด
ตำรวจบอก
"เอ้า ๆ อย่าตีกัน ไปตกลงกันที่โรงพัก" ตำรวจบอกอันตรา "คุณก็ไปด้วย ไปเป็นพยาน"
อันตราหน้ามู่ทู่ ไม่อยากไปเวศม์ยิ้มสมน้ำหน้า
"ยิ้มอะไร ! แหม.. เมื่อกี้มันน่าโดนลูกกระสุน"
"คนดี ซื่อสัตย์ รักเดียวใจเดียวอย่างผม พระคุ้มครอง"
"ช่างกล้าพูดนะ รักเดียวใจเดียว" เธอหันมาพูดใส่ออม "เฝ้าแฟนให้ดีนะคุณ ระวังจะแปลงร่างเป็นหมาเจ้าชู้"
อันตราออกไปกับตำรวจ เสี่ย เมียหลวง เมียน้อย
อำพลถาม
"ออมรู้จักผู้หญิงคนนั้นเหรอ"
ออมงง
"ไม่ค่ะ"
"เพี้ยนน่ะ.. อย่าสนใจเลย"
เวสม์บอกแล้วมองตามเธอออกไป

บ้านอัษฎา ฝนเวลากลางคืน เป็นคฤหาสน์หลังใหญ่ หรูหรา มีดีไซน์ ด้วยอัษฎาเป็นเจ้าของบริษัทก่อสร้างยักษ์ใหญ่ระดับประเทศ บ้านบ่งบอกบุคลิกผู้เป็นเจ้าของ
ภายในห้องโถง อินทุอรจัดแผ่นเสียงเพลงลูกกรุง ของเก่าของแท้หลายแผ่นใส่กล่อง พวกคนใช้ขนแผ่นเสียงจากห้องอินทุอร ลงมาเพิ่ม
"หมดหรือยังจ๊ะ"
"หมดแล้วค่ะ" สาบอก
"ไม่เสียดายหรอลูก สะสมมาตั้งหลายปี"
อินทุอรพูดอย่างตัดใจ
"อินสัญญากับป้าอัปสรไว้แล้วค่ะว่าจะยกให้"
อัษฎาออกอาการหวงลูก
"คุณอัปสรนี่ก็แปลก.. อยากมีลูกก็น่าจะมีเอง ไม่น่ามาแย่งลูกของคนอื่น"
"มีคนรักลูกเราก็ดีแล้วนี่คะคุณ" บราลีบอก
"ผมดีใจที่คนอื่นรักลูกเหมือนที่เรารัก แต่กลัวลูกเราน่ะซี่...จะรักคนอื่น
มากกว่าเรา"
อัษฎาทำหน้าน้อยใจลูก
"คุณพ่อขา ยังไงอินก็รักคุณพ่อคุณแม่มากที่สุดค่ะ"
อินทุอรกอดเอาใจแม่ตามด้วยพ่อ เจอพ่อกอดไม่ปล่อย
"นี่ๆๆ ต้องกอดให้แน่นๆ แบบนี้เลย"
บรรยากาศยิ้มแย้มอบอุ่น อินทุอรต้องขืนตัวจากอ้อมกอดพ่อ จัดแผ่นเสียงใส่กล่องต่อให้เสร็จ
บราลีอยู่ที่มุมหนึ่งของบ้าน เสียงมือถือดัง เธอรับสาย
"อะไรนะ!!เจ้าอัน"
บราลีเดินเข้ามาหาลูกสาวที่เพิ่งจัดแผ่นเสียงใส่กล่องเสร็จ เธอถอนหายใจอย่างขำ ๆ ก่อนเล่าให้ลูกสาวฟัง
"เจ้าอันก่อเรื่องอีกแล้วล่ะหนูอิน"
"เกิดอะไรขึ้นคะคุณแม่" อินทุอรถาม
"เพิ่งโทร.มาบอกว่าคืนนี้จะกลับดึกมาก เพราะตอนนี้อยู่ที่โรงพัก"
อินทุอรตกใจ หน้าตาตื่นรีบลุกมาหาแม่
"พี่อันเป็นอะไรเหรอคะ ทำไมต้องไปโรงพัก เราไปบอกคุณพ่อกันเถอะค่ะ"
อินทุอรทำท่าจะออกเดิน แต่บราลีรีบคว้าตัวไว้ได้ทัน
"ไม่ต้องบอก ขืนบอกคงได้ยกกันไปโรงพักทั้งบ้านแน่ ๆ"
อินทุอรทำหน้าเห็นด้วย ว่าต้องเป็นเรื่องใหญ่ถ้าพ่อรู้
"ไม่มีอะไรหรอกหนูอินไม่ต้องเป็นห่วง วีรกรรมปกติของเจ้าอัน"
บราลีกับอินทุอรมองตากันแบบเข้าใจกัน ถึงจะรู้ดีว่าอันตราบู๊แค่ไหน แต่ก็ยังอดเป็นห่วงไม่ได้อยู่ดี

เวลาต่อมา อันตราย่องเข้าบ้านกลางดึก บ้านปิดไฟหมดแล้ว กำลังเดินผ่านจะขึ้นบันได อินทุอรที่นั่งรออยู่ก็เปิดไฟพรึ่บ อันตราสะดุ้งโหยง ก่อนถอนหายใจโล่งอกเมื่อเห็นอินทุอร
"ต๊กกะใจโหม้ด หนูอินอะ ไม่ให้สุ่มให้เสียง"
"แหม พี่อันกลัวอะไรกับใครเขาเป็นด้วยเหรอคะ"
"แล้วดึกป่านนี้ทำไมยังไม่นอน มานั่งมืด ๆ ทำไม"
อินทุอรเดินมาหามากอดอันตราไว้แบบอ้อน ๆ
"นอนไม่หลับค่ะ เป็นห่วงพี่อิน จริง ๆ คุณแม่ก็อยากรอนะคะแต่กลัวคุณพ่อสงสัย"
อันตราเป็นหน้าแหยเมื่อคิดถึงพ่อ
"ยังไงก็ไม่รอดแน่ ๆ เป้าหมายดันเป็นลูกค้าคุณพ่ออะ"
อินทุอรทำตาโตก่อนหัวเราะ
"งานพี่อันน่าสนุกจัง วันหลังชวนอินไปด้วยสิคะ"
"ลองพาไปสิ คุณพ่อได้ฆ่าพี่ทิ้งแน่ โทษฐานที่พาลูกสาวสุดที่รักไปผจญภัย"
น้องสาวทำแก้มป่องแบบงอน ๆ
"พี่อันก็ได้ทำงานที่ชอบ พี่วสาก็ได้ไปเรียนต่อเมืองนอก อินไม่ได้ทำอะไรสักอย่างเลย"
อันตราบีบแก้มน้องทั้งสองข้างอย่างรักใคร่
"แค่หนูอินทำตัวน่ารักเหมือนที่ทำอยู่ทุกวันนี้ พวกเราก็รักหนูอินจะแย่อยู่แล้ว แต่ตอนนี้พี่ง่วงมาก ไปนอนกันดีกว่า เก็บแรงไว้ให้พ่อด่าพรุ่งนี้"
อันตรากอดไหล่น้อง พาเดินขึ้นข้างบน

วันถัดมา อันตราถูกพ่อบังคับให้ขอโทษเสี่ย โทษฐานรับจ้างเมียหลวงสะกดรอยตามเสี่ยกับเมียน้อย เธอไม่เต็มใจมา และไม่เอ่ยปากขอโทษเสี่ยซะที
"ขอโทษคุณอาเค้าซะ... เร็ว"
"อันทำใจไม่ได้ค่ะ ไหว้ผู้ชายเจ้าชู้ไม่ลง"
เสี่ยบอก
"เด็กนิสัยเสีย ก้าวร้าวผู้ใหญ่ ชีวิตไม่มีวันเจริญหรอก"
อัษฎาชักไม่พอใจเสี่ย
"อ้าวๆๆ เสี่ยอย่าแช่งลูกผมสิ"
"ก็ลูกคุณมันไม่ดี ผมเห็นมาเยอะแล้ว คนแบบนี้มีแต่เจริญลง ๆ"
อัษฎาโกรธที่เสี่ยว่าลูก
"คุณธรรมถดถอยอย่างเสี่ย มีสิทธิตำหนิใครด้วยเหรอ"
เสี่ยโมโห สมศักดิ์ คนสนิทอัษฏารีบห้าม
สมศักดิ์กระซิบ
"ใจเย็นๆ อัษ นี่ลูกค้ารายใหญ่"
"ไม่มีใครสำคัญกว่าลูก ผมเปลี่ยนใจแล้ว เสี่ยต้องขอโทษลูกสาวผมก่อน แล้วเดี๋ยวผมถึงจะให้เจ้าอันขอโทษเสี่ย"
"เฮ้ย.. ทำไมเป็นแบบนี้"
"ก็แบบนี้แหละ เร็วๆ สิ ไม่งั้นก็ไม่ต้องขอโทษกันแล้ว"
เสี่ยโกรธอัษฎา
"รู้แล้วทำไมลูกเป็นอย่างนี้ ก็พ่อมันไม่ดี ผมจะยกเลิกสัญญาว่าจ้างกับบริษัทคุณทั้งหมด"
"นึกว่ากลัวเหรอ... อัษฎาไม่เคยยอมให้ใครขู่!"
อัษฎาหยิบสัญญาว่าจ้างของเสี่ยในตู้ออกมา
"นี่สัญญา" อัษฎาฉีกทิ้งกระจุย "ไม่ต้องเสียเวลามาเซ็นยกเลิก"
เสี่ยโมโหมากชี้หน้าอัษฏา แล้วผลุนผลันออกไป ปิดประตู ปัง !
อันตราหน้าเสีย
"อันขอโทษค่ะ ทำให้คุณพ่อเสียลูกค้า"
"บริษัทพ่อมีธรรมมาภิบาล ไม่ร่วมสังฆกรรมกับคนไม่ดีลูก"
อันตรายิ้มออก พ่อไม่โกรธ
สมศักดิ์บอก
"เงินทั้งน้าน"
สมศักดิ์เก็บเศษกระดาษสัญญาว่าจ้างขึ้นมาต่ออัษฎากับอันตรามองยิ้ม ๆ

ในวันเดียวกัน อันตรากลับมาสำนักงานนักสืบ ซึ่งเป็นห้องเล็ก ๆ ด้านหน้าเป็นฟิตเนส มีพนักงานคนเดียวคืออันตรา
เธอนั่งโต๊ะทำงาน มองรูปถ่ายพ่อแท้ ๆ ของตัวเอง ซึ่งเป็นตำรวจชั้นสัญญาบัตร เธอยิ้ม .. ทำมือตะเบ๊ะให้พ่อแท้ๆ ของตัวเอง
โทรศัพท์โต๊ะทำงานดัง
" สำนักงานนักสืบอันตราค่ะ ... สามีคุณทำอะไรให้สงสัยว่ามีเมียน้อยคะ"
อันตราหยิบสมุดบันทึกมาเตรียมจดข้อมูลลูกค้า

อัษฎายังออกอาการไม่สบายใจ นั่งอ่านแฟ้มงานอยู่ในห้องทำงานไป ถอนใจไป สมศักดิ์ที่นั่งขำทำงานอยู่ด้วย
"เป็นไร เสียดายลูกค้าขึ้นมารึยังไง"
"ไม่เสียดายโว้ย ลูกค้าพรรณนั้น"
"แล้วจะถอนใจทำไมทุกห้านาที"
"เป็นห่วงเจ้าอันมัน หาแต่เรื่องใส่ตัวไม่เว้นแต่ละวัน เป็นผู้หญิงแท้ ๆ แต่บู๊แหลกราญเหลือเกิน"
"ก็บังคับให้เลิกสิ ทีคุณวสาเห็นแกบังคับแหยง ๆ แต่พอเจ้าอันไหงไม่กล้าพูดซะได้"
อัษฎาอึ้งไปนิด แววตาอ่อนลง เมื่อนึกถึงเหตุที่ไม่กล้ายื่นคำขาดกับอันตรา
"เจ้าอันเขาอยากเจริญรอยตามพ่อแท้ ๆ ฉันไม่กล้าหักหาญน้ำใจลูก"
สมศักดิ์พยักหน้าหงึกหงักเข้าใจ
"งั้นก็ทำใจ"
"ทำไม่ได้โว้ย"

สมศักดิ์ส่ายหน้าดิก มึนกับอัษฎาที่ออกอาการหงุดหงิดงุ่นง่านต่อ

ในอดีต ภายในโถงบ้าน อัษฏากับบราลีนั่งตรงกลางระหว่างลูกสาวทั้งสามคน บนเก้าอี้ยาวตัวเดียวกัน ฝ่ายพ่อแม่กำลังดูสมุดเกรดของลูก สีหน้าภูมิใจที่ลูกทุกคนในวัยเด็กเรียนดี

"ลูกสาวพ่อ เก่งกันทุกคนเลย โตขึ้นอยากเป็นอะไรกันบ้างล่ะลูก"
อันตราบอก
"อันจะเป็นตำรวจค่ะ"
อัษฏาหน้าเสียไปนิด ไม่ชอบใจแต่ไม่ห้ามอะไร พูดแบบขำ ๆ
"มันอันตรายนา พ่อเป็นห่วง ไว้ลองคิดอีกทีแล้วกันนะ"
"คุณวสาล่ะลูก" บราลีถาม
"คุณวสาจะโตแล้วเก่งเหมือนเหมือนคุณพ่อคะ" วสาพูดแบบมั่นใจในตัวเองสุด ๆ "จะเก่งกว่าด้วย"
อัษฏาขยี้หัวลูกสาวคนโตด้วยความเอ็นดู อินทุอรยิ้มแฉ่ง รีบบอกพ่อด้วยอีกคน
"อินจะโตขึ้นเป็นเด็กดีของคุณพ่อคุณแม่ค่ะ"
พี่สาวทั้งสองร้องโห ขึ้นมาพร้อมกัน
"หนูอิน ตอบแบบนี้เอาคะแนนไปเต็มร้อยเลย ดูสิคุณพ่อยิ้มแก้มจะฉีกอยู่แล้ว" อันตราบอกทุกคนหัวเราะชอบใจ ในขณะที่อัษฏายิ้มแก้มปริจริงเหมือนที่อันตราว่า

อัษฎาหน้าหงิกหน้างอ ...
"แล้วเป็นไงล่ะ โตขึ้นมาดื้อกันทุกคน มีแต่หนูอินนี่แหละที่พอให้ชื่นใจบ้าง"
"ไม่จริงมั้ง ฉันว่าลูกสาวแกเป็นเด็กดีกันทุกคน เพียงแต่ไม่ได้ดังใจคุณพ่อจอมเผด็จการเท่านั้นเอง"
อัษฏามองตาขวาง สมศักดิ์ยักคิ้วให้ ไม่สนใจ
"เด็กดีแบบคุณวสาเหรอ ไม่เคยยอมลงให้ฉันเลย ถ้าฉันบอกซ้ายคุณวสาก็จะไปขวา ฉันนี้กลัวใจ ไม่รู้ดื้อเหมือนใคร"
"ก็เหมือนแกไง ถามได้"
อัษฏาทำหน้าตื่น
"เฮ้ย!! ฉันเป็นคนมีเหตุผล พร้อมรับฟังคนอื่นเสมอนะ"
"เหรอ"
สมศักดิ์ทำเสียงสูงลากเสียงยาวแบบประชด

ในห้องพัก เมืองซานฟรานซิสโก ตอนเวลากลางวัน มีกล่องใส่ของหลายใบ แพ็กปิดเรียบร้อย ข้าวของในตู้โชว์แทบไม่มีเหลือ นอกจากรูปแต่งงานของแสงฉานกับอุรวสา สองสามีภรรยากำลังจะย้ายออก
อุรวสานั่งอยู่ที่โต๊ะทำงาน บนโต๊ะมีอาหารน่าทานหลายอย่าง
แสงฉาน กำลังควงตะหลิวผัดอาหารบนกะทะ แล้วตักใส่จานวางบนโต๊ะอาหาร พลางหันมายิ้มให้
"ที่รักจ๋า.. เพิ่งกลับมาถึงเมื่อเช้าก็ทำงานเลย เหนื่อยแย่"
แสงฉาน เป็นอีกคนหนึ่งที่ดั้นด้นไปอยู่ที่อเมริกา หลังพ่อแม่ตาย หลังแต่งงานแสงฉาน
มักเรียกอุรวสาว่า "ที่รัก"
อุรวสาหน้าเครีย
"ต้องส่งแบบวันนี้ค่ะ"
แสงฉานเดินไปหยิบจานกับข้าวบนโต๊ะอาหาร มาตักป้อนอุรวสา
"โชว์รูมที่พาโลอัลโต้กำลังจะเปิด เร่งแบบใหม่น่าดูเลย"
อุรวสาไม่หยุดบ่น แสงฉานเลยป้อนกับข้าวอีกคำ
"อร่อยจังค่ะ"
"อร่อยก็ต้องกินตอนร้อนๆ .. ไปกินข้าวเถอะจ้ะ"
แสงฉานจูงอุรวสาไปนั่งโต๊ะอาหาร กับข้าวบนโต๊ะหน้าตาน่ากินมาก
เขาเคยเป็นผู้ช่วยพ่อครัวอยู่ในร้านอาหารไทย แล้วไปเรียนเซฟอาหารฝรั่งเพิ่มเติม ดังนั้น อาหารแต่ละจานของเขาจึงอร่อย สวยงาม และประณีตสูง
แสงฉานตักข้าวให้เมียแบบรู้ใจ
"ข้าวครึ่งทัพพี.. เน้นกับข้าวไม่เน้นแป้ง"
"น่ารัก.. รู้ใจวสาจริงๆ" เธอเอร็ดอร่อยกับการกิน จนลืมบ่นเรื่องงานไปเลย "รู้มั้ยตั้งแต่แต่งงานกับแสง วสาน้ำหนักขึ้นตลอดเลย"
แสงฉานยิ้ม มองแหวนแต่งงานที่นิ้วนางซ้ายอุรวสา
"ทันทีที่เรากลับไปอยู่เมืองไทยแล้ว ผมจะไปกราบขอขมาพ่อแม่วสา"
"ขอขมาเสร็จ..ก็ไปหย่ากันเลยนะคะ คุณพ่อไม่ยอมรับคุณแน่ๆ"
"แล้วเราจะอยู่ด้วยกันยังไงล่ะจ๊ะหลบ ๆ ซ่อน ๆ งั้นเหรอ"
"ต้องเป็นอย่างนั้นไปก่อน จนกว่าโครงการร้านอาหารระดับชาติของคุณจะเป็น
รูปเป็นร่าง... ประสบความสำเร็จ"
แสงฉานไม่สบายใจ อุรวสาแคร์ความรู้สึกสามี จับมือเขามาจูบ
"เราจะผ่านปัญหาพวกนี้ไปด้วยกันค่ะ"
แสงฉานเป็นผู้ชายอารมณ์ดีไม่คิดมาก ยิ้มๆ เหมือนกำลังให้กำลังใจตัวเอง
"คอยดูนะ... ผมจะพิสูจน์ตัวเองให้เร็วที่สุด"
"วสารักคุณนะคะ แสง"
แสงฉานยิ้มๆ
"ผมรักคุณมากกว่า"
แสงฉานระดมจูบมืออุรวสา จูบไล่ไปถึงต้นแขน ลำคอ เขาลุกไปหาเธอหมายจะเริ่มบทรักแต่แล้วดันพากันตกเก้าอี้... โครม ! ทั้งคู่นอนหัวเราะร่วนบนพื้น บทรักของแสงฉานพาให้เจ็บตัวซะงั้น

รอบบ้านอัปสร เป็นบ้านผู้ดีเก่าแก่ มีบริเวณกว้าง สนามหญ้า ตัวบ้านใหญ่ และมีเรือนหลังเล็ก ในอาณาบริเวณเดียวกัน
อัปสรเจ้าของบ้านทำห้องหนึ่งเป็นพิพิธภัณฑ์ชรินทร์ นันทนาคร นักร้องคนโปรด ห้องนั้นมีขนาดไม่ใหญ่มาก เพิ่งเริ่มตกแต่ง ช่างไฟกำลังต่อไฟ
อินทุอรกับคนรับใช้ขนเพลงชรินทร์และเพลงลูกกรุงอื่นลงมาจากรถ
"ยกให้ป้าหมดเลยเหรอ ทำไมป้าไม่มีหลานสาวน่ารักอย่างหนูอินนะ"
อัปสรรักใคร่เอ็นดูอินทุอรมาก หอมแก้มใส ๆ ของสาวน้อย
"ป้าอัปสรก็มีหลานชายนี่คะ"
อัปสรน้อยใจนิดๆ
"โอ๊ย.. ตั้งแต่แต่งงานตาสิตก็ไม่ค่อยติดต่อป้าเลย เออ... หนูอิน พอพิพิธภัณฑ์เสร็จแล้ว หนูอินต้องมาช่วยป้าเฝ้านะจ๊ะ"
"อินจะมานอนเฝ้าเลยล่ะค่ะ"
อัปสรเลือกแผ่นเสียงเพลงโปรดมาเปิดที่เครื่องเล่นแผ่นเสียงของพิพิธภัณฑ์ เสียงเพลงหยาดเพชรดังขึ้น ... "เปรียบเธอเพชรงามน้ำหนึ่ง หวาน ปานน้ำผึ้งเดือนห้า"
"เพลงโปรดอิน"
"ป้ารู้"
อัปสรอารมณ์ดี ทำท่าเต้นรำคลอเพลงหยาดเพชรอยู่คนเดียว เพลงหยาดเพชร ทำให้เธอคิดถึงผู้ชายคนหนึ่งในความทรงจำ

อินทุอร สาวช่างฝันจากคณะอักษรศาสตร์ เคลิ้มไปว่า ... เพลงหยาดเพชรยังคลออยู่ แต่เธอ
แต่งตัวในชุดสวยงามพริ้วไหว ยืนอยู่ตรงหน้าผู้ชายคนหนึ่งที่กำลังโค้ง ก่อนส่งมือให้ อินทุอรยิ้มวางมือเธอลง ก่อนเขาจะประคองกอดเธอไว้แล้วพาเต้นรำไปตามจังหวะเพลง สีหน้าของเธอมีความสุขมากยิ้มหวานตลอดเวลา เงยหน้ามองผู้ชายคนนั้น

อินทุอรยืนอมยิ้มอยู่

อ่านต่อหน้า 2

สามใบไม่เถา ตอนที่ 1 (ต่อ)

เย็นวันใหม่ สนามหญ้าหน้าบ้านถูกตกแต่งสวยงาม เป็นสถานที่จัดงานวันเกิดอัษฎา มีป้ายแขวนว่า “สุขสันต์วันเกิด..คุณพ่อที่รัก”

อินทุอร ลูกสาวคนเล็กเป็นแม่งาน คุมพวกคนใช้ให้ยกจานอาหารมาวางบนโต๊ะ อันตรากำลังหยิบของว่างกิน
"พี่อันคะ..."
อันตราชูสองนิ้ว
"ไม่มีช้อน..พี่เลยใช้ช้อนธรรมชาติ ... เพื่อนซี้ต่างวัยเราไม่มาเหรอ หนูอิน"
"ป้าอัปสรนอนหัวค่ำ แต่ฝากของขวัญมาให้คุณพ่อแล้วค่ะ"
อันตราหันมองโต๊ะของขวัญ มีกล่องของขวัญของอัปสร และคนในครอบครัว
อันตราเย้าน้องสาว
"คนแก่ก็งี้แหละนอนเร็ว แล้วป้าอินล่ะจ๊ะไหวมั้ย ไม่ใช่ 2 ทุ่มก็โงกเงกง่วงแล้วนา"
อินทุอรค้อนพี่สาว อันตราหัวเราะคิก

เย็นวันเดียวกัน บนถนนมอเตอร์เวย์ รถลีมูซีนคันหนึ่งกำลังแล่นมาตามทาง บ่งชัดว่ามาจากสุวรรณภูมิ ภายในรถเห็นแสงฉานนั่งอยู่กับอุรวสา เธอสีหน้าไม่ค่อยสบายใจนัก
"สัญญานะคะแสง ว่าจะไม่หลุดปากเรื่องของเรา"
"จ้ะ...ถ้าพ่อของที่รักถาม ผมต้องโกหกว่าเป็นเพื่อนของเพื่อนวสา เราเผอิญนั่งเครื่องไฟลท์เดียวกัน วสาเลยชวนผมหุ้นค่ารถลีมูซีน"
อุรวสาดูกังวลใจ ในขณะที่แสงฉานดูชิลๆ ตามประสาคนอารมณ์ดีไม่คิดอะไรมาก


มืดแล้ว เพื่อนฝูง ญาติพี่น้องอัษฎามากันครบกล่องของขวัญวางเต็มโต๊ะ อัษฎาส่องกล้องดูดาวกับเพื่อน ๆ กลุ่มนักดูดาว บราลี อันตราคุยกับสมศักดิ์ อินทุอรเดินสำรวจ แขกเหรื่อคนไหนขาดเครื่องดื่ม สั่งให้คนรับใช้เสิร์ฟ
อินทุอรเห็นผู้ชายคนหนึ่งเดินเคียงคู่มากับผู้หญิง เธอมองอย่างจำได้ แต่ไม่ได้แสดงอาการอะไรมาก
"อาสิต"
อินทุอรดีใจเดินไปหาภิสิต สายตาอินทุอรมองเห็นแต่ภิสิต ไม่เห็นผู้หญิงที่ยืนข้างเขา
"สวัสดีค่ะ อาสิตกลับมาจากสวิสเมื่อไหร่คะ"
ภิสิตมองหญิงสาวตรงหน้าเต็มตา คลับคล้ายคลับคลามาก
"หนูอินเหรอเนี่ย โตเป็นสาวแล้วอาจำแทบไม่ได้"
แววตาเขาเจือด้วยความชื่นชมความงามของอินทุอร เป็นเชิงชายหนุ่มมองหญิงสาว ความรู้สึกผิดชอบชั่วดีในตัวภิสิต ทำให้ความรู้สึกนั้นหายไปอย่างรวดเร็ว จนอินทุอรไม่ทันสังเกต
อัษฎาเดินลิ่วมาหาภิสิต ดึงเพื่อนรุ่นน้องมากอดให้หายคิดถึง ทั้งนี้เรียนจบจากสถาบันเดียวกัน แม้ภิสิตจะเป็นรุ่นน้อง คนละคณะ แต่ทั้งคู่ก็ร่วมกิจกรรมในชมรมดูดาวด้วยกัน
"ภิสิต"
"รัดผมเป็นงูเหลือมเลยพี่อัษ"
"ก็คิดถึงนี่หว่า ไม่เจอกันตั้ง 10 กว่าปี" อัษฎาหันไปทางข้างๆ ภิสิต "สบายดีเหรอ
ครับคุณบุษบาบัณ"
บุษบาบัณเป็นภรรยาภิสิตสวยเฉิดฉาย สวมชุดเข้ารูปเซ็กซี่เกินกว่าจะเหมือนเป็นผู้หญิงแต่งงานแล้ว
"สบายดีค่ะ" แล้วเธอก็หันไปเห็นหนุ่มหล่อ แขกชาวต่างประเทศ
"แฟรงกี้... แฟรงกี้ใช่มั้ย" เธอกับอัษฎา "ขอตัวก่อนนะคะ ... แฟรงกี้ ไม่นึกเลยว่าจะเจอยูที่นี่"
บุษบาบัณผละไปหาฝรั่งอย่างไร้มารยาท ภิสิตหน้าม้าน
"ขอโทษแทนบุษด้วยนะครับ"
"ไม่เป็นไรๆตอนสิตโทร.บอกพี่ว่าจะมางานวันเกิด พี่ดีใจน่าดู โทร.ตามพี่ ๆ น้อง ๆ กลุ่มนักดูดาวให้มาเจอสิต"
ภิสิตโบกมือทักเพื่อนกลุ่มนักดูดาว
"มากันยกเซ็ตเลยผมกับบุษมีของขวัญมาให้ พี่อัษด้วยครับ"
"ขอบใจมาก...หนูอินเอาไปวางทีลูก" เขาบอกรุ่นน้อง "ไปหาเพื่อน ๆ เหอะ คิดถึงสิต
กันทุกคนเลย"
อินทุอรรับของขวัญจากภิสิต ใจสั่นตื่นเต้นที่ได้เจอ มองตามเขาด้วยสายตาชื่นชม ส่วนภิสิตเฉยๆ แล้ว ควบคุมความรู้สึกตัวเองได้ อัษฎาพาภิสิตไปหากลุ่มเพื่อนนักดูดาว
ผู้ชายคนนี้แหละคือ รักฝังใจอินทุอร ! คนที่เธอมโนไปว่า มาโค้งเธอเต้นรำ...

ย้อนหลังกลับไป เมื่ออินทุอรในวัย 12 ขวบ เธอมองผู้ใหญ่เต้นรำบนฟลอร์ พ่อกับแม่พามางานเลี้ยงแต่งงาน คู่บ่าวสาวกำลังเต้นรำเพลหยาดเพชร พ่อแม่ แขกเหรื่ออีกหลายคู่เต้นรำอยู่
ภิสิตเดินยิ้มมาหาอินทุอร
"หนูอินเต้นรำกับอามั้ยคะ"
เธอยิ้มแฉ่ง ให้ภิสิตจูงมือไปบนฟลอร์เริ่มเต้นรำ
อินทุอรวัยเด็กเงยหน้าคุย
"อาสิตตัวสูงจังค่ะ"
ภิสิตพาอินทุอรเต้นรำสวยงาม เธอยิ้มแก้มปริ ภิสิตยิ้มเอ็นดู

เย็นต่อเนื่อง แสงฉานมองออกไปนอกหน้าต่างรถ หันมองโน่นนี่อย่างสนใจเพราะเขาไม่ได้กลับเมืองไทยมานานหลายปีมาก
อุรวสามองสามีอย่างเอ็นดู
"ไม่ได้กลับมาแค่ไม่กี่ปี กรุงเทพเปลี่ยนไปมากเลยนะที่รัก ตึกสูง ๆ ขึ้นเพียบเลย"
"วสากลับมาบ่อยเลยชินน่ะคะ แต่ก็ไม่แปลกนิคะ ทุกอย่างก็ต้องเปลี่ยนแปลงไปเรื่อยๆ อยู่แล้ว เดี๋ยวแสงก็ชินค่ะ"
แสงฉานนิ่งไปนิดนึง แต่ก็ยังอารมณ์ดีอยู่
"ก็คงเหมือนชีวิตเราสองคนสินะ ที่หลังจากนี้คงไม่เหมือนเดิมอีก"
แสงฉานหันมาจับมือเมียขึ้นมาจูบฟอดใหญ่ ยิ้มแย้มแบบคนมองโลกในแง่ดี
"แต่ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ผมกับที่รักจะต้องฟันฝ่าไปด้วยกันให้ได้นะ"
"ค่ะ"

ทั้งคู่มองหน้ากันด้วยรอยยิ้มอย่างแสนรักในกันและกัน

อินทุอรมองภิสิตคุยสรวลเสเฮฮากับพ่อ และเพื่อนกลุ่มนักดูดาว ระหว่างนั้น อันตราเดินมาหาน้องสาว

"อาสิตคนนี้ใช่มั้ย... ที่หนูอินจองเป็นเจ้าบ่าวตอนเด็ก ๆ"
"แค่เต้นรำด้วยกัน อย่าพูดเสียงดังไปสิคะ เดี๋ยวภรรยาเค้าได้ยิน"
อินทุอรมองบุษบาบัน
"ดูจากสภาพการณ์แล้ว อีกเดี๋ยวคงเมาไม่รู้เรื่อง"
อินทุอรมองบุษบาบัณดื่มแชมเปญอีกแก้วกับฝรั่งหนุ่มหล่อคนหนึ่ง หัวเราะร่า ท่าทางคุยกันแบบไม่ถือตัว
บุษบาบัณเดินเข้าไปส่องกล้องดูดาว ท่าก้มดูกล้องของเจ้าหล่อน อวดหุ่นโค้งเว้า สะโพกกลมมน
ภิสิตหน้าม้านที่ภรรยาให้ท่าฝรั่งอยู่ เพื่อนภิสิต ๆ ไม่มีใครมองหุ่นบุษบาบัณ
บุษบาบัณพูดกับแฟรงกี้
"ดาวศุกร์อยู่ไหนคะเนี่ย"
ไกลับไปดูที่บ้านเถอะบุษ" ภิสิตบอก
"แต่บุษอยากดูตอนนี้" บุษบาบัณหว่านเสน่ห์ใส่แฟรงกี้ "หาดาวศุกร์ให้หน่อยสิคะ"
แฟรงกี้ทำตัวไม่ถูกเมื่ออยู่ต่อหน้าภิสิตแบบนี้
อินทุอร อันตรา บราลี ยืนจับกลุ่มมองพฤติกรรมน่าละอายของบุษบาบัณ
"คุณบุษเธอชอบหว่านเสน่ห์มาแต่ไหนแต่ไรแล้วจ้ะ ไม่คิดว่าแต่งงานแล้วจะยังไม่เลิก"
อินทุอรมองภิสิตอย่างเห็นใจ บุษบาบัณยังคงหน้าระรื่น หาได้แคร์ผัวไม่ !
อัษฎาช่วยภิสิตกู้สถานการณ์
"คืนเดือนมืดเห็นดาวศุกร์ไม่ชัดหรอกครับ"
"งั้นวันไหนข้างขึ้น บุษโทร.นัดพวกคุณไปดูดาวนะคะ"
บุษบาบัณยิ้มพราว หว่านเสน่ห์ใส่เพื่อน ๆ สามี กลายเป็นฝ่ายเพื่อน ๆ ภิสิตอายแทนบุษบาบัณ เขาโมโหเมีย แต่ยังพูดเสียงนุ่ม
"ตามผมมา"
ภิสิตเดินนำไปทางตัวบ้าน บุษบาบัณเหยียดยิ้ม เดินตามสามี

มุมหนึ่งในบ้านอัษฎาภิสิตต่อว่าเมียด้วยอารมณ์โกรธมาก บุษบาบัณหน้าเซ็ง เบื่อผัว
"อยู่สวิสคุณทำเฟลิร์ตใส่ใครก็ได้..แต่อย่าทำที่เมืองไทย"
"บรรดาเพื่อนคุณน่ะ...ไม่น่าจะมีใครตื่นเต้นกับเรื่องแบบนี้แล้ว"
ภิสิตโมโหมากแต่ความเป็นคนสุภาพ จึงไม่ระเบิดอารมณ์
"ผมขอร้องล่ะ ถ้าไม่เห็นแก่หน้าผม ก็ขอให้เห็นแก่ชื่อเสียงวงศ์ตระกูลคุณบ้าง"
บุษบาบัณมาจากครอบครัวผู้ดีเก่า
"พ่อแม่บุษตายไปแล้ว ท่านไม่รับรู้หรอก คุณต้องแฟร์กับบุษ.. เราแต่งงานกันเพราะพ่อแม่เห็นว่าเหมาะสม ไม่ได้รักกันซักนิด"
"ผมพยายามจะรักคุณแล้ว"
"แต่คุณก็ไม่รัก และบุษก็ไม่รักคุณ ไม่มีวันจะรัก"
อัษฎามาตามภิสิต
บุษบาบัณบอก
"เจ้าของวันเกิดมาตามคุณแล้ว"
บุษบาบัณยิ้มระรื่น เดินสวนออกไป ไม่สนใจและใส่ใจภิสิตเลย อัษฎาเป็นฝ่ายยิ้มไม่ออก รู้ว่า ภิสิตกำลังมีปัญหาชีวิตคู่

แสงฉานกับคนขับรถขนสัมภาระอุรวสาลงจากรถหมดแล้ว แสงฉานตื่นเต้นจะได้เจอพ่อตาครั้งแรก อุรวสาท่าทางเครียด
" ไม่เอาน่า.. อย่าเครียด ผมยังสบายๆ อยู่เลย"
อุรวสาถอดแหวนแต่งงานเก็บไว้ในกระเป๋า แสงฉานมองมาพอดี
"ขอโทษนะคะ วสาจำเป็นต้องทำแบบนี้"
แสงฉานยิ้มไม่คิดมาก
"แต่ผมไม่ถอดนะจ๊ะ แหวนวงนี้เป็นตัวแทนของที่รัก ผมอยากให้วสาอยู่กับผมตลอดเวลา"
อุรวสาซึ้งใจสามี
"ขอโทษนะคะที่ทำให้ลำบากใจ"
"ผมเข้าใจ... ผมสัญญาว่าจะสร้างเนื้อสร้างตัวเข้ามาที่นี่ในฐานะลูกเขยให้เร็วที่สุด"
อุรวสาลากกระเป๋าเดินทาง เดินนำแสงฉานที่หิ้วสัมภาระอื่น เข้าบ้าน

อัษฏายืนคุยกับภิสิตแค่สองคน ในมุมที่ปลอดคน
"มีปัญหาอะไรก็ปรึกษาพี่ได้นะสิต"
ภิสิตแค่นยิ้ม
"ก็ปัญหาครอบครัว ทั่วไปล่ะครับ"
อัษฏาตบไหล่เพื่อนรุ่นน้องเบา ๆ
"ปัญหาครอบครัวน่ะ ต่อให้เรื่องเล็กแค่ไหนแต่คนที่ต้องอยู่ด้วยกันทุกวัน มีปัญหาเดิมๆ อยู่เรื่อย ๆ โดยที่ไม่ได้รับการแก้ไข วันหนึ่งมันจะกลายเป็นเรื่องใหญ่นะ"
ภิสิตยิ้มเจื่อน ไม่กล้าเล่าความจริงให้อัษฏาฟังเพราะอาย
"ขอบคุณพี่อัษมากนะครับ ที่เตือนสติ"
"ไม่เป็นไร ๆ ไม่มีครอบครัวไหนไม่มีปัญหาหรอก ออกไปสนุกกับเพื่อน ๆ กันดีกว่า"
อัษฏาออกเดินนำไป ทำให้ไม่เห็นว่าภิสิตหน้าเศร้ามาก เขาพยายามสูดลมหายใจลึกบอกตัวเองให้เข้มแข็งก่อนเดินตามออกไป

อัษฎากำลังคุยกับภรรยาและลูกสาว 2 คน ตอนที่อุรวสา ลูกสาวโตลากกระเป๋าเดินทางมา
"คุณวสา!"
"เซอร์ไพรส์ค่ะ"
พ่อลูกเดินเข้าหากัน กอดกัน ที่เคืองกันคราวก่อน หายไปแล้ว
"สุขสันต์วันเกิดนะคะคุณพ่อ"
"ไหนว่ากลับอาทิตย์หน้าไงลูก"
แม่กับน้อง ๆ เดินมาหาอุรวสา
"แม่จะไปรับที่สนามบินก็ไม่ยอม"
"คุณรู้เหรอว่าลูกจะกลับวันนี้"
"อันกับหนูอินก็รู้ค่ะ พวกเราเตี๊ยมกันจะเซอร์ไพรส์คุณพ่อ" อันตราบอก
"เป็นของขวัญวันเกิดที่ดีที่สุดเลย" อัษฎามองแสงฉานแล้วถามลูกสาว "ใครน่ะ"
แสงฉานไหว้อัษฎากับบราลีอย่างนอบน้อม สำหรับแสงฉานคือการแนะนำตัวกับพ่อตาแม่ยายเป็นทางการครั้งแรก แถมแนะนำตัวรวดเร็วอารมณ์ดีตามสไตล์
"สวัสดีครับ... แสงฉาน ฉัตรประพงศ์พ่อแม่ผมเสียแล้ว ผมเหลือญาติไม่กี่คน พอจบปริญญาตรีที่เมืองไทย ผมก็ไปเรียนต่อที่อเมริกาค้นพบว่า ตนเองสนใจทำอาหาร ก็เลยเรียนเป็นเชฟครับ"
"แนะนำตัวยังกับสัมภาษณ์งาน"
อุรวสาหน้าไม่ดี กลัวพ่อสงสัย ชิงบอก
"แสงเป็นเพื่อนของเพื่อนค่ะ เจอกันบนเครื่อง...วสาเลยชวนนั่งรถมาด้วยกัน"
"ถ้าว่างก็อยู่กินเลี้ยงก่อนได้นะ"
แสงฉานกำลังจะรับคำ แต่โดนอุรวสาตัดหน้า
"แม่แสงโทร.ตามหลายรอบแล้วค่ะ"
"อ้าว...ไหนบอกแม่ตายแล้ว"
"เอ้อ.. คือ..."
"วสาพูดผิดค่ะ ป้าค่ะป้า ไม่ใช่แม่ รีบกลับบ้านเถอะแสงเดี๋ยวป้าโทร.ตามอีก"
อุรวสาใช้สายตาไล่แสงฉาน
"ผมลานะครับคุณพ่อคุณแม่"
อัษฎาหันขวับไปมองแสงฉานทันที ! แสงฉานก้มหัวไหว้พ่อตาแม่ยาย กลับไป
บราลีบอก
"เพื่อนลูกคนนี้มารยาทดีจังนะ"
แต่อัษฎาบ่นเบาๆ
"มาเรียกฉันว่าพ่อทำไม" ว่าแล้วก็หันไปถามลูกสาว "เพื่อนแน่นะ... คุณวสา"
อุรวสารีบบอกกก่อนเปลี่ยนเรื่องพูดทันที
"ถ้ามีแฟน...คุณพ่อต้องรู้คนแรกค่ะ ... หิวจังเลยค่ะ"
"น้องทำของกินไว้เยอะเลยลูก" อัษฎาบอก

อัษฎากับบราลีเอาใจตักอาหารให้ลูกสาวคนโต ไม่ติดใจซักถามเรื่องแสงฉานอีก

แสงฉานกลับออกมาหน้าบ้าน หยิบกล่องของขวัญกล่องเล็ก ๆ ที่เตรียมไว้ให้พ่อตาในกระเป๋ากางเกงออกมา

"เก็บไว้ให้คุณพ่อตาปีหน้าก็ได้"
แสงฉานไม่น้อยใจขึ้นรถบอกคนขับ
"ไปคอนโดฯ หน้าปากซอย"
รถลีมูซีนแล่นไป

อัษฎาแนะนำอุรวสากับกลุ่มเพื่อนร่วมงาน จนมาถึงที่สมศักดิ์ เพื่อนซี้ของอัษฏา
"ฝากลูกสาวด้วยนะ จะไปเริ่มงานที่บริษัทเราเร็ว ๆ นี้"
อุรวสาของขึ้นอีก
"คุณพ่อคะ จะให้วสาย้ำอีกกี่ครั้ง วสาไม่ทำงานกับคุณพ่อค่ะ"
"พ่อสั่งให้ทำ"
สมศักดิ์บอก
"อัษ...ลูกทำงานกับบริษัทข้ามชาติใหญ่โตก็ดีแล้วนี่"
อัษฎาชักเสียงแข็งใส่ลูก
"บริษัทพ่อก็ใหญ่.. ทำไมจะทำกับพ่อไม่ได้"
สมศักดิ์กวักมือขอความช่วยเหลือด่วน บราลี อันตรา อินทุอรพุ่งไปทันที
"อย่าคิดว่าโตแล้วจะดื้อกับพ่อได้นะคุณวสา!"
"คุณพ่อขา...ไปดูเค้กวันเกิดดีกว่าค่ะ อินสั่งทำพิเศษให้คุณพ่อเลยนะคะ"
อินทุอรพาพ่อแยกจากพี่สาวคนโต อันตราตามไปช่วยคุมพ่อ อุรวสาหงุดหงิด เดินแยกไปอีกบราลีตามไปปลอบ
ภิสิตมองเหตุการณ์มาแต่แรก เดินมาหาสมศักดิ์
"พี่อัษกับลูกสาวคนโตยังเป็นไม้เบื่อไม้เมากันเหมือนเดิมนะครับ"
สมศักดิ์พูดขำๆ
"ใครมาเห็นคงเป็นเง็งนะครับ"
สมศักดิ์หันไปมองบราลีกำลังปลอบอุรวสา
"ลูกเลี้ยงสนิทกับแม่เลี้ยง"
สมศักดิ์เหลียวไปอีกทาง เห็นอันตราคุยกับอัษฎา
"ลูกติดเมีย..ดั๊นสนิทกับพ่อเลี้ยง"
อินทุอรเดินไปมาระหว่างพ่อกับพี่สาวคนโต ไกล่เกลี่ยให้หายเคืองกัน
"ส่วนลูกสาวคนเล็กเป็นสหประชาชาติ เจรจาให้สองฝ่ายสงบศึก"
ภิสิตมองอินทุอร อดเผลอชื่นชมไม่ได้

ได้เวลาเป่าเค้กวันเกิดแล้ว แต่อุรวสายังเคืองพ่อ ไม่มายืนรวมกับครอบครัว
"วสา...มานี่ลูก"
อุรวสาเชื่อฟังแม่เลี้ยง เดินไปรวมกับครอบครัว
พ่อดึงเธอมากอดยิ้มให้ลูก อุรวสาหายเคืองพ่อ
"สำหรับพ่อ ความสุขที่สำคัญที่สุด ไม่ใช่การมีเกียรติยศชื่อเสียง หรือเงินทอง แต่มันคือการมีครอบครัวที่อบอุ่น ผูกพันกันด้วยความรักและความเข้าใจ... พ่อรักทุกคนนะ"
อัษฎาโอบเมียและลูกสาวทั้งสาม อันตราเป็นต้นเสียงร้องเพลง Happy birthday to You
อัษฏาหลับตาอธิษฐานเป่าเทียนวันเกิดภรรยากับลูก ๆ หอมแก้มอัษฎา

คืนเดียวกัน คอนโดหรูที่แสงฉานกับอุรวสาแอบซื้อไว้ก่อนกลับเมืองไทย ซึ่งอยู่ปากซอยหน้าบ้านอัษฎา ในห้องนอน แสงฉานจัดเสื้อผ้าใส่ตู้ พับเรียบกริ๊บ พลางคุยโทรศัพท์กับเมียรัก
"มาต่างบ้านต่างเมือง..ผมกลัว ไม่กล้านอนคนเดียวจ้ะที่รัก"
อุรวสาแอบคุยโทรศัพท์กับแสงฉาน
"เหรอค้า... พ่อเด็กโข่งคืนนี้ขอให้โดนผีหลอก"
"อยากโดนหลอกจัง แม่ผีผ้าห่มมาหลอกเร็ว ๆ นะจ๊ะ จะนอนรอ"
"คืนนี้วสาต้องนอนบ้านค่ะแสง"
อัษฎามาตามอุรวสา เห็นคุยโทรศัพท์อยู่ก็มีสีหน้าแปลกใจ
"คุยกับใครน่ะคุณวสา"
อุรวสาอึกอัก
"เพื่อนค่ะ.. แค่นี้นะแอน"
"พ่อคุณอยู่ล่ะสิ เออ..วสา เมื่อกี้สาวข้างห้องเรา เอาขนมเค้กมาต้อนรับผม อยู่คุยกันอยู่ตั้งนาน...แน่ะ" แสงฉานแกล้ง
อุรวสาเม้มปาก อยากเคลียร์ สาวข้างห้องไหนแต่พูดไม่ได้ พ่ออยู่ตรงนี้
"อ้าว...มีคนมาเคาะประตูแล้ว สงสัยคุณน้องคนสวยเอาอะไรมาให้กินอีก" แสงฉานแกล้งตะโกน "รอแป๊บนะคร้าบ กำลังไปเปิดประตูให้ ... แค่นี้นะจ๊ะ"
แสงฉานวางสายอมยิ้ม ได้แกล้งเมียเล่น ขณะที่อุรวสาหน้าง้ำ หวงสามี
"ทะเลาะกับเพื่อนเหรอลูก" พ่อถาม
"เพื่อนวสาคนนี้ชอบอำน่ะค่ะ ไม่รู้พูดจริงหรือพูดเล่น เจอเมื่อไหร่จะเอาคืน! กลับไปที่งานเถอะค่ะ"
อุรวสาโอบเอวพ่อ เดินกลับไปรวมกับคนอื่นในงาน
ฝ่ายแสงฉานหงอย คืนนี้ต้องอยู่คนเดียว เมียไม่มานอนที่คอนโดด้วย

ผ่านเวลา อัษฎากับบราลีจะเข้านอน แต่อัษฎานอนไม่หลับ เมื่อนึกถึงเรื่องอุรวสาไม่ยอมไปทำงานที่บริษัท
"คิดมากเรื่องคุณวสาใช่มั้ย ปล่อยวางบ้างเถอะค่ะ"
"เกลียดนัก...รู้ทัน"
"ในชีวิตคุณคิดมากอยู่สองเรื่อง งานกับลูก อัษคะ เราเลี้ยงลูกได้แต่ตัว โตขึ้นเค้าอยากทำอะไรเราคงต้องปล่อย ขอแค่เค้าเป็นคนดีก็พอ"
อัษฎานิ่งฟัง บราลีคิดว่าสามีคล้อยตาม เลยพูดต่อ
"คุณวสาเป็นตัวของตัวเองมาตั้งแต่เด็ก มั่นใจในตัวเองเป็นที่หนึ่ง ถึงประสบความสำเร็จในชีวิตเร็วกว่าคนในวัยเดียวกัน"
อัษฎาพยักหน้าเห็นด้วย บราลียิ้มพอใจคิดว่า อัษฎาเข้าใจแล้ว
"เข้าใจลูกแล้วนะคะ"
"คุณนอนก่อนนะ...ผมจะไปคุยกับคุณวสา ยังไงลูกต้องไปทำงานกับผม"
อัษฎาออกไป
"ว่าลูกดื้อ ก็ดื้อเหมือนใครล่ะ"
บราลีส่ายหน้า สามีก็ดื้อพอกับอุรวสา ลูกสาวคนโตเหมือนกัน

ภายในห้องอุรวสา ไม่มีใครอยู่ ของในกระเป๋าเดินทางยังไม่รื้อออกมา อัษฎามีสีหน้าแปลกใจ

อัษฎาเคาะประตูห้องอันตรา
"เจ้าอัน พี่วสาเค้าออกไปไหนรู้มั้ย"
อันตราไม่มาเปิดประตู อัษฎาจึงเปิดเอง ห้องนอนนั้นตกแต่งเรียบ เก๋ อันตราไม่อยู่ในห้องเหมือนกัน
ลูกสาวหายไปสองคน อัษฎารัวเคาะห้องอินทุอร ก๊อกๆๆๆ
"หนูอิน พี่ ๆ เค้าหายไปไหนไม่รู้ หนูอิน หนูอิน"
ไม่มีเสียงตอบ อัษฎาเปิดประตูห้อง ไม่มีใครอยู่ในห้อง ห้องนอนของลูกสาวคนเล็กตกแต่งสไตล์วินเทจ อ่อนหวาน มีเครื่องเล่นแผ่นเสียงตั้งอยู่

อัษฎาครุ่นคิด ลูกๆ น่าจะอยู่ตรงไหนของบ้านสักแห่ง แล้วก็นึกออก

อัษฎามาโรงรถเก่า แต่ก่อนโรงรถแห่งนี้เคยเป็นที่เล่นของลูกสาวทั้งสามคน เสียงหัวเราะของลูกสาวสามคน ดังออกมาจากในโรงรถ อัษฎายืนฟังเสียงลูก ๆ หัวเราะ
เสียงนั้นซ้อนกับเสียงหัวเราะเด็กผู้หญิง 3 คน จากความทรงจำอัษฎา...

ในอดีต ลูก 3 คน อายุไล่เรี่ยกันไป คนโต 12 ขวบคนกลาง 10 ขวบ และตนเล็กขณะนั้นอายุแค่ 6 ขวบ พ่อลูกช่วยกันต่อเต็นท์
อุรวสาอ่านคู่มือประกอบเต็นท์ บอกพ่อเป็นขั้นเป็นตอน
"ตามคู่มือ พ่อต้องเอาท่อนเอ...ไปต่อกับท่อนบี ไม่ใช่ค่ะ..อันนั้นไม่ใช่เอ"
อันตราเป็นลูกมือช่วยพ่อประกอบเต็นท์
"อันนี้ต้องดึงแผ่นคลุมออกก่อนพ่อ"
อินทุอรเป็นฝ่ายเสบียง เสิร์ฟบิ๊กกัลป์แก้วใหญ่ให้พ่อกับพี่สาว
"น้ำมาแล้วค่ะ"

อัษฎาแง้มประตูโรงรถดู สามสาวพี่น้องนั่งคุยในเต็นท์หลังเดิมของพ่อ สภาพเต็นท์ยังดี เพียงแต่สีซีดลงเท่านั้น
อัษฎามองลูก ๆ นั่งในเต็นท์หลังเดิม แล้วน้ำตาคลอ
"ลูกยังไม่ลืมเต็นท์ของพ่อ"
อัษฎาเดินอิ่มใจไป ปล่อยให้ลูกคุยกันตามประสาพี่น้อง

ในโรงรถ สามใบไม่เถานั่งคุยกัน อันตราเล่าประสบการณ์ฮา ๆ
"อีกเคสนึง..เมียหลวงสงสัยสามีเป็นชู้กับน้องสาวตัวเอง ตามไปเจอที่ม่านรูด
เมียหลวงหงายตึง สามีเป็นชู้กับน้องชาย"
อุรวสากับอินทุอรหัวเราะร่วน
"เจ้าอัน..งานเราอันตรายสร้างศัตรูเยอะ ไปทำงานกับพี่เถอะ"
"ให้อันไปออกแบบ !อันวาดรูปเสือออกมาเป็นรูปหมานะคะ" อุรวสาหัวเราะ น้องสาวคนรองพูดต่อ "อันมีความสุขกับงานที่ทำ เหมือนคุณวสานั่นแหละค่ะ"
เธอพยักหน้า เข้าใจน้อง
"งั้นก็ต้องระวังตัวมาก ๆ อย่าเอาตัวไปเสี่ยงเกินจำเป็น"
"พี่วสาจะไม่ไปทำงานกับคุณพ่อจริงเหรอคะ" อินทุอรถาม
"ขืนไป พี่ก็โดนคุณพ่อเชิดเป็นหุ่นกระบอกน่ะสิ"
"ยอม ๆ คุณพ่อไปเถอะค่ะ อินไม่อยากให้พี่วสาทะเลาะกับคุณพ่อ"
"โอ๊ย... ไม่ต้องห่วงคุณวสาหรอกหนูอิน เค้ามีตัวช่วย" อันตราบอก
"ช่ายพี่น่ะมีกันชนชั้นดี ซึ่งก็คือ..."
สองสาวโพล่งพร้อมกัน "หนูอิน"
อันตราหัวเราะร่วน
"หนูอินลูกรักของคุณพ่อ ยอมทำตามคำสั่งทุกอย่าง"
อินทุอรหน้าง้ำ โดนพี่ ๆ รุม
"อย่างอนน่าหนูอิน"
อุรวสาจั๊กจี้เอวอินทุอรให้หัวเราะ อันตราเอาหมอนตีอุรวสาทีเผลอ
"โอ๊ย ชอบเล่นทีเผลอเหมือนตอนเด็กเลยนะเจ้าอัน"
อุรวสาเอาคืนอันตรา สามสาวพี่น้องเล่นตีหมอนกันสนุกสนาน เหมือนเด็กๆแสดงความสัมพันธ์อันอบอุ่นของสามใบไม่เถา

สามสาวเดินคุยกันเข้ามาในบ้าน กำลังจะขึ้นห้องนอน อัษฏานั่งดักคอยลูกอยู่ไม่ยอมขึ้นนอนโผล่หน้ามาจ๊ะเอ๋กับลูกอย่างอารมณ์ดี
"จ๊ะเอ๋ นางฟ้าทั้งสามของพ่อ"
ลูกสาวทั้งสามมองพ่อขำๆ
อินทุอรถาม
"คุณพ่อยังไม่นอนอีกเหรอคะ"
"พ่อรอให้ลูกกลับขึ้นห้องกันก่อนไงล่ะ แล้ววันนี้พ่อก็ดีใจจนนอนไม่หลับ"
อันตราถาม
"คุณพ่อดีใจเรื่องอะไรคะ ถ้าจะให้อันทาย..."
อัษฎามองลูกยิ้มๆ
"เอ้าทายมาเจ้าอัน ดูซิจะทายถูกไม๊"
"เรื่องที่พี่วสากลับมาอยู่บ้าน"
อัษฎายกนิ้วโป้งให้
"ถูกต้องแล้วคร้าบ เก่งมากเจ้าอัน พ่อดีใจที่ลูกทั้งสามคนกลับมาอยู่บ้านพร้อมหน้าพร้อมตากัน ไม่งั้นคุณวสาหายไปคนนึง"
อุรวสามองพ่ออึดอัด รู้สึกผิดเรื่องแต่งงานโดยพ่อไม่รู้
"คุณพ่อขึ้นนอนเถอะนะคะดึกแล้ว แล้ววันนี้คุณพ่อก็เหนื่อยมาทั้งวัน"
อินทุอรเสริม
"จริงด้วยค่ะ ขึ้นข้างบนกันดีกว่า"

หน้าประตูห้องนอนอัษฎา
"กู๊ดไนท์ค่ะคุณพ่อ นอนอย่าลืมห่มผ้านะคะ" อินทุอรบอก
"กู๊ดไนท์จ๊ะ นางฟ้าทั้งสามของพ่อ"
อัษฎาดึงลูกเข้ามาหอมด้วยความรักทีละคน ดูอบอุ่นด้วยความรักในครอบครัว
"พ่อรักลูกทุกคนนะจ๊ะ"
"ค่ะพ่อ ลูกก็รักพ่อค่ะ"
อัษฎาเข้าห้องปิดประตู

แสงฉานนุ่งผ้าเช็ดตัว มีผ้าขนหนูผืนเล็กเช็ดผมอยู่ เขาเดินฮัมเพลงสักครู่ได้ยินเสียงประตูเปิด แสงฉานเบี่ยงหาที่หลบนิดนึงดูว่าใครมา อุรวสาเดินเข้ามาย่องๆ เหมือนจะมาจับผิด แสงฉานเลยแกล้งยั่วทำท่าตกใจ
"ที่รัก ไหนคุณบอกว่าคืนนี้คุณต้องนอนที่บ้านไง"
อุรวสาสะดุ้งหันไปมอง เห็นแสงฉานนุ่งผ้าเช็ดตัว ยิ่งมโนไปใหญ่โต
"แสงคุณทำอะไรอยู่ คุณอยู่กับใคร"
เธอจะเดินเข้าห้องนอน แสงฉานยิ่งแกล้งทำท่ามีพิรุธ
"ใจเย็นๆนะจ๊ะที่รัก อย่าเพิ่งโมโหนะ มาทางนี้นะจ๊ะมาทางนี้ก่อน ฟังผมก่อนนะ"
แสงฉานดึงอุรวสาไว้ไม่ให้เข้าไปในห้องนอน อุรวสายิ่งโกรธ
"แสงคุณมีอะไรปิดบังวสา แอบใครไว้นังน้องข้างหรอ"
อุรวสาไม่ยอมนั่ง เดินอย่างเร็วเข้าไปในห้องนอน ไม่เจอใคร แสงฉานเดินตามเข้ามา โอบกอดเธอไว้หัวเราะชอบใจหลอกเธอได้
"ที่รัก ไม่มีใครหลอกจ้ะ ผมล้อคุณเล่น คุณจะได้หึงผม แล้วก็มาหาผมไงจ๊ะ"
"ไม่สนุกเลยนะแสง อย่าทำให้วสาไม่สบายใจอีกเลย เท่าที่ต้องแยกกันอยู่วสาก็คิดถึงคุณจะแย่แล้วนะ"
"ผมก็คิดถึงที่รักเหมือนกัน ตั้งแต่เราแต่งงานกันยังไม่เคยแยกกันอยู่เลย แล้วคุณพ่อคุณก็ท่าทางดุซะด้วย"
"ใครๆ ก็รู้ค่ะว่าคุณพ่อหวงลูกสาวมาก เรื่องอื่นยอมได้ แต่เรื่องลูกสาวไม่เคยยอมเลย"
แสงฉานหน้าจ๋อย
"อดทนหน่อยนะคะแสง ทุกอย่างมันต้องมีทางออก"
ทั้งสองคนกอดกัน
"คืนนี้คุณนอนที่นี่นะที่รัก"
"ไม่ได้หรอกค่ะ ตอนเช้าถ้าคุณพ่อไม่เจอวสาจะเป็นเรื่องใหญ่"
"ที่รักใจร้ายมาวันแรกก็ทิ้งผมแล้ว"

อุรวสาสงสารแสงฉาน

อ่านต่อหน้า 3

สามใบไม่เถา ตอนที่ 1 (ต่อ)

วันใหม่ อินทุอรทำงานพาร์ทไทม์สอนบัลเล่ต์เด็ก คอร์สนี้เป็นคอร์สเบื้องต้นสำหรับเด็กเพิ่งเริ่มหัดเต้นบัลเล่ต์ เด็ก ๆ เกาะราว ยืนเรียงเป็นแถว ฝึกย่อขา อินทุอรเดินดู

"เกาะ บาร์เวิร์กสองมือค่ะน้องเบลล์ จะได้ทรงตัวได้"
อินทุอรมองเด็กหญิงตัวน้อยอีกคน
"น้องดรีมขา ครูอินสอนว่าอย่างไงคะ ยืนปลายเท้าแยกกันค่ะ"
อินทุอรแตะหลังเด็กผู้หญิงอีกคน ให้ยืดตรง เชยคางเล็ก ๆ ให้เชิ่ดขึ้น เด็กหญิงเงยหน้ายิ้มหวานให้ อินทุอรเป็นคนรักเด็ก รู้สึกเอ็นดูเด็กหญิงตัวน้อย
อินทุอรเดินดูเด็ก ๆ ฝีกบัลเล่ต์ท่าเบื้องต้น เด็ก ๆ ทำได้ไม่ดี อินทุอรก็ยิ้ม ไม่ดุไม่ว่าอะไร เป็นครูอินผู้แสนสวยใจดี

หลังเลิกคอร์สเรียน เด็ก ๆ กลับหมดแล้ว อินทุอรเปิดเพลงเต้นบัลเล่ต์ สาวเดินเข้ามาหาอินทุอร เธอหยุดเต้น
"จดหมายจ้ะ"
สาวส่งซองจดหมายให้ อินทุอรอ่านหน้าซอง พอเห็นว่าเป็นซองอะไร ก็หน้าตื่น ใจเต้นรัว
เธอรอคอยจดหมายฉบับนี้มาหลายเดือน เนื้อความจดหมายในซองเป็นตัวชี้อนาคตของเธอ จนเธอเองไม่กล้าเปิดจดหมายฉบับนั้นออกอ่าน
อินทุอรน้ำเสียงตื่นเต้น
" พี่เมย์เปิดอ่านให้ทีค่ะ"
"นี่เป็นโมเมนต์สำคัญในชีวิต หนูอินต้องอ่านเองค่ะ"
เธอไปยืนเกาะราวบาร์เวิร์กทำใจแกะซองจดหมายไม่ได้ กลัวผิดหวัง
เธอมองกระจเห็นตัวเองในชุดบัลเล่ต์ อาชีพนักบัลเล่ต์เป็นอาชีพในฝันของเธอตั้งแต่เด็ก

ในความทรงจำ เธอต้องฝึกหนัก จนเจ็บปลายเท้าไปหมด ล้มตอนกระโดดหมุนตัว ไม่ว่าเจ็บตัวแค่ไหน อินทุอรก็ไม่เคยล้มเลิกความฝัน เธอต้องนักบัลเล่ต์อาชีพให้ได้
ภาพการฝึกอย่างหนัก ทำให้เธอมั่นใจขึ้น เธอจะกลัวอะไรกับการเปิดจดหมายฉบับนี้อ่านเธอค่อยๆเปิดซองจดหมาย คลี่กระดาษจดหมายข้างในอ่าน ตะลึง จ้องเนื้อความในจดหมายตาไม่กะพริบ

ภายในห้องเขียนรูป บราลีกำลังเขียนรูปดอกไม้ในแจกัน การเขียนรูปเป็นงานอดิเรกของบราลีมาหลายสิบปี เนื่องจากเป็นผู้หญิงอ่อนหวาน บราลีจึงชอบเขียนรูปดอกไม้ แนวศิลปะที่บราลีถนัด คือ อิมเพรสชั่นนิส ที่แสดงอารมณ์ความรู้สึก ภายในห้อง มีงานภาพเขียนของบราลีหลายชิ้น นักสะสมงานศิลปะมักมาขอซื้อภาพเขียนของบราลี แต่เธอยอมขายเฉพาะบางชิ้นเท่านั้น
อินทุอรหน้าระบายยิ้ม มีความสุขล้นเหลือ มาหาแม่
"คุณแม่ขา สถาบันบัลเล่ต์ที่อเมริกาส่งจดหมายมาแล้วค่ะ"
อินทุอรยื่นจดหมายให้แม่อ่านเอง บราลีอ่านแล้ว ยิ้มหน้าบานพอกับลูกสาว
"ดีใจด้วยจ้ะ"
บราลีกอด จูบผม จูบแก้มลูกสาว คนเป็นแม่แสนปลาบปลื้มยินดีเมื่อลูกประสบความสำเร็จ
แรก ๆ อินทุอรก็ยิ้มแฉ่งกับแม่ แต่แป๊บเดียวก็ปรากฏริ้วรอยความวิตกกังวลบนใบหน้าอินทุอร
บราลีรู้ว่าลูกสาวกังวลเรื่องอะไร
"แม่จะพูดกับคุณพ่อให้"
"คุณพ่อจะพลอยโกรธคุณแม่ไปด้วยซีคะ คุณแม่แอบพาอินไปทดสอบที่สถาบัน
บัลเล่ต์ที่อเมริกา"
"พ่อเค้าคงไม่พอใจบ้างแต่สุดท้ายแล้วเค้าต้องเข้าใจ อาชีพนักบัลเล่ต์เป็นอาชีพที่หนูอินใฝ่ฝัน"
"อินไม่มั่นใจเลยค่ะ"
"อย่าคิดมากลูก...หนูอินฝ่าด่านคนตั้งหลายพันกว่าจะเข้าเรียนที่นี่ได้ แม่ภูมิใจในตัวหนูมากนะลูก"
อินทุอรคลายยิ้มกอดซบแม่ แม่เป็นคนที่เข้าใจเธอมากที่สุด แม่รับฟังปัญหา ช่วยแก้ปัญหาทุกเรื่องในชีวิตมาตลอด ตั้งแต่เล็กจนโต
สองแม่ลูกกอดกัน ซึมซับความปลาบปลื้มดีใจกับความสำเร็จของอินทุอร

อินทุอรถือซองจดหมายตอบรับจากสถาบันบัลเล่ต์ที่อเมริกาเข้ามาในห้อง ความรู้สึกของหญิงสาวผสมปนเปกันระหว่างความดีใจ กับความวิตกกังวล ยิ้ม..ก็ยิ้มได้ไม่สุด
"คุณพ่อ"
อินทุอรกังวลใจมาก แทบลืมความสุขจากความสำเร็จวันนี้ไปเสียสิ้น

วันเดียวกัน อันตราใช้สายตามองประเมินลูกค้าสาวรายใหม่ ศศิพิมลสวมแว่นดำอันใหญ่ ใส่หมวกใบเก๋
"สามีนอกใจใช่มั้ยคะลูกค้าผู้หญิงที่ปิดบังใบหน้า ร้อยทั้งร้อยมาเรื่องสามี"
ศศิพิมลถอดแว่น ถอดหมวก เผยให้เห็นใบหน้าสวย
"ความสวยไม่ได้การันตีเลยว่า สามีจะไม่นอกใจ"
"ดิฉันอยากรู้ว่าสามีไปติดพันผู้หญิงที่ไหน นี่รูปสามีดิฉันค่ะ"
ศศิพิมลหยิบรูปถ่ายในกระเป๋าส่งให้อันตรา รูปถ่ายในมือเป็นรูป...เวศม์
เธอนึกย้อน เมื่อครั้งที่เจอเวศม์กับออมในผับ เธอเกลียดผู้ชายคนนี้

ชีวิตนักสืบเริ่มต้นอีกครั้ง... บริเวณถนนหน้าบ้าน รถกลางเก่ากลางใหม่ติดฟิล์มมืดจอดหน้าบ้านหรูของเวศม์ อันตราซุ่มอยู่ในรถส่องกล้องดูเวศม์
ในบริเวณบ้าน เวศม์แต่งตัวหล่อ ออกมาที่รถคันโก้
ภายในรถอันตรา เธฮกำลังบันทึกเสียงใส่เครื่องบันทึกแบบพกพา
"เวลา 11 นาฬิกา 5 นาที เป้าหมาย นายเวศม์ เริ่มเคลื่อนไหว"
เวศม์ขับรถออกจากบ้าน อันตราขับตาม รักษาระยะห่าง ๆ ไม่ให้อีกฝ่ายสงสัย

ภายในร้านอาหาร เวศม์นั่งรออาหาร ระหว่างรอก็ก้มหน้าจดจ่อกับหน้าจอไอแพดมินิ
ที่หน้าร้านอันตราซุ่มดูเวศม์
"เป้าหมายชอบเล่นเน็ต อาจคุย line กับผู้หญิง"
ในร้าน เวศม์เข้าเว็บตลาดหุ้นทั่วโลกทางไอแพดมินิ หน้าจอเป็นตารางหุ้น
สายเข้ามือถือเวศม์ เขารับสาย

"ว่าไงไอ้หมอ"

ที่โรงพยาบาล อำพลโทร.หาเวศม์

"มีเรื่องปรึกษา ฉันขายทองดีมั้ย กลัวราคาจะตกกว่านี้"

เวศม์โทรคุยกับอำพล
"เก็บไว้ก่อน รอดูสถานการณ์ตลาดยุโรปก่อน ตอนนี้ถ้ามีเงินเหลือน่าซื้อหุ้น แค่นี้ก่อนนะ ฉันตามหุ้นตลาดฮ่องกงอยู่"
เวศม์หน้าตาซีเรียส Bid ซื้อหุ้นทางไอแพด บริกรยกอาหารชั้นเลิศมาเสิร์ฟ
อันตราจับตาดูพฟติกรรมที่หน้าร้าน
"ใช้ชีวิตหรูหรา ไม่ทำงานทำการ เอาเงินที่ไหนใช้เนี่ย"
อันตราซูมกล้อง แอบถ่ายรูปเวศม์

อันตราสะกดรอยตามเวศม์มาถึงลานจอดรถ เวศม์ขึ้นรถ อันตราไปขึ้นรถตัวเองที่จอดไม่ห่างรถเวศม์
บริเวณนั้น มีโจรวัยรุ่นดักรอเหยื่อผู้หญิงมาคนเดียว โจรตามประกบอันตราขึ้นรถเบาะหน้าคู่คนขับ
"ส่งเสียง ขับไป"
เธอไม่มีทีท่าจะกลัว
"แกสั่งใคร"
เธอยัวะ จะจับโจรหักแขน โจรขัดขืน เธอสู้กับโจร ตัวเธอไปโดนแตรรถ เสียงแตรดังลั่น!!
ในรถ เวศม์ได้ยินเสียงแตร ลงรถไปดูว่าเกิดอะไรขึ้น เห็นผู้หญิงในรถคันนั้นกำลังสู้กับผู้ชายก็รีบไปช่วย
ภายในรถ เธอเล่นงาน จับหน้าโจรกระแทกกับคอนโซลรถหลายครั้ง
อันตราเห็นเวศม์กำลังเดินตรงมารถเธอ
"เฮ้ย ! ให้เป้าหมายเห็นหน้าไม่ได้"
เธอจะออกรถ อารามรีบจัดทำกุญแจรถหล่น ควานหากุญแจรถไม่เจอ เลยหนีลงรถ โจรหนีด้วย โจรวิ่งหนีตาม เวศม์เข้าใจว่าโจรวิ่งไล่จับอันตรา
"อย่าทำผู้หญิง"
เวศม์วิ่งไล่ตามโจร

เธอวิ่งหนีเวศม์ โจรวิ่งตามเธอ เวศม์วิ่งไล่ตามโจรอีกต่อ เธอหันไปด่าโจร
"ไอ้บ้า ! อย่าตามมา"
โจรยังวิ่งตาม เธอเลยหยุดวิ่ง ต่อยหน้าโจรเปรี้ยง ! โจรล้มทั้งยืน แล้วเธอก็วิ่งตีโค้งเลี้ยวหลบหายไป
วิ่งมาถึงจับโจร โจรขัดขืน โดนเวศม์ต่อยอีกหมัด เปรี้ยง !ทีนี้มึนตึ้บ ไปไม่เป็น ยามวิ่งมา เขาส่งโจรให้ยาม มองหาเหยื่อสาว
"พวกดักจี้ผู้หญิง คุณครับ ปลอดภัยแล้ว ออกมาได้แล้วครับ"
เธอหลบหลังรถ
"คุณครับ ไม่เป็นไรแล้ว คุณ..."
เวศม์เดินหา อันตราก้มมองขาเวศม์ผ่านใต้ท้องรถ เวศม์เดินใกล้มาอันตรานั่งยอง ๆ เคลื่อนตัวหลบไปเรื่อย ๆ เธอหลบหลังรถคันหนึ่ง แต่คนขับดันออกรถ
อันตรส่งเสียงเบา
"เฮ้ยๆๆ อย่าเพิ่งไป"
เวศม์กำลังจะเห็นอันตรา ! อันตราคลานสี่ขาอย่างเร็ว ไปหลบหลังรถอีกคันทันเวลา เขาไม่เห็น เธอรอดหวุดหวิด เวศม์งงเต๊ก เหยื่อสาวหายไปไหน

ภิสิตขับรถเข้าบ้าน คนรับใช้รับกระเป๋าทำงานจากภิสิต อัปสรโทร.มา
"สวัสดีครับป้า"

อัปสรคุยโทร.กับภิสิต เธอเป็นคนเลี้ยงหลานชายคนนี้จนโต เธอตัดพ้อ
"กลับมาตั้งหลายวันแล้ว ไม่เห็นมาหาป้าซักที"

ภิสิตเข้าบ้านพลางคุยโทร.กับป้าอัปสร
"ที่บ้านยุ่งมากน่ะครับ ยังจัดของไม่เสร็จ"
เสียงหัวเราะระริกระรี้ของบุษบาบัณดังแว่วมาจากข้างบน ภิสิตใจหายวาบ ภรรยาอยู่กับใคร ! เขาก้าวขึ้นบันไดช้า ๆ ไปดูบนห้องบุษบาบัณ
ถายในโถงบ้านอัปสร เธอคุยโทรศัพท์กับหลานชาย
"เรื่องบ้านช่องให้เมียทำซี่ เป็นหน้าที่ของแม่บุษเค้า"
อัปสรหน้างอ ไม่ชอบหลานสะใภ้

ภายในห้องบุษบาบัณ เห็นกำลังกอดรัดฟัดเหวี่ยงกับหนุ่มหน้าตาดีคนหนึ่ง
"คนเป็นเมียน่ะ...ต้องรู้จักหน้าที่ตัวเอง ปรนนิบัติคนเป็นสามีให้หายเหนื่อย"
ภิสิตมาถึงหน้าห้องนอนบุษบาบัณ ใจระทึก ! ค่อย ๆ เปิดประตูห้อง
"ตาสิต...แม่บุษเค้าดูแลปรนนิบัติเราบ้างมั้ย"
ภิสิตอึ้ง !.. บุษบาบัณกำลังกอดรัดฟัดเหวี่ยง หัวเราะหัวให้กับผู้ชาย ฝ่ายชายตกใจ ขณะที่บุษบาบัณเฉย ๆ ภิสิตคุยโทร.กับป้า พูดอย่างเจ็บปวด
"บุษดูแลผมดีมากครับเค้าทำหน้าที่ภรรยาได้ไม่ขาดตกบกพร่อง แค่นี้ก่อนนะครับป้า"
เขาวางสายอัปสร
บุษบาบัณบอก
"แหม... พ่อคนดีมีศีลธรรมพูดผิดศีลซะเอง"
"ขอโทษครับ ผมไม่รู้ว่าคุณบุษมีสามีแล้ว"
ชายคนนั้นรีบเก็บเสื้อผ้าบนพื้น ออกไป
"อย่าไปค่ะ...กลับมาก่อน" เธอหงุดหงิด พาลภิสิต "ไม่รู้จักหาความสุขใส่ตัว มันก็เรื่องของคุณ แต่อย่ามาขัดความสุขบุษ"
"ถึงเราไม่ได้อยู่กันฉันสามีภรรยา คุณก็ควรจะให้เกียรติผมบ้าง เราอยู่กันในฐานะเพื่อนก็อย่าหยามน้ำใจผมนักเลย"
"ในชีวิตบุษมีเพื่อนอยู่ 2 ประเภทค่ะ เพื่อนกินกับเพื่อนนอน แต่สิตเป็นไม่ได้ทั้งสองอย่าง เพราะฉะนั้นเราเป็นเพื่อนกันไม่ได้"
"คนเรานะบุษ ต่อให้เกลียดกันแค่ไหน ก็ควรมีใจเมตตาต่อกัน คนที่อยู่บนความโกรธความเกลียดตลอดเวลา ไม่เป็นสุขหรอก"
"นั่นสิคะ"
บุษบาบัณรำคาญภิสิตเทศนาสั่งสอน ลุกขึ้นแต่งตัว
"คุณจะไปไหน"
"ไปหาความสุข .. ซึ่งไม่ใช่ที่นี่"
"เพลา ๆ เรื่องเที่ยวลงบ้างเถอะ เป็นผู้หญิงออกเที่ยวทุกคืน...มันเหมาะแล้วรึ"
"น่าเบื่อ ! ทำอะไรก็ไม่ได้ซักอย่าง จะบอกให้นะคะ บุษน่ะมีความสุขดี คนที่ติดอยู่ในกรงความทุกข์ คือ คุณต่างหาก"
บุษบาบัณเหยียดยิ้มใส่ภิสิต แล้วหันไปแต่งหน้า

ภิสิตมองอย่างเศร้าใจ

ภิสิตเก็บตัวอยู่ในห้อง ทุกข์ระทมซึมเศร้า ภาพถ่ายในวันแต่งงานยังอยู่กลางผนังห้องนอน
เขาเจ็บช้ำ ค่อยๆ ทรุดลงนั่งจมปลักกับชีวิตคู่เส็งเคร็ง

แสงฉานนั่งนิ่งๆคิดถึงอนาคตตัวเอง ที่พอกลับมาเมืองไทยแล้วมันทำอะไรไม่ได้ อึดอัด
อุรวสาเงยหน้าขึ้นจากงานที่ทำ เห็นแสงฉานไม่ร่าเริงเหมือนเคย เลยลุกขึ้นมาหา โอบกอดข้างหลังด้วยความรัก
"แสง เป็นอะไรหรือเปล่าคะ"
แสงฉานหันมาพยายามจะทำร่าเริง
"ไม่มีอะไรนี่จ๊ะ เห็นที่รักทำงานอยู่ ผมเลยไม่อยากกวน"
เธอรู้ทัน
"พูดจาเป็นเรื่องเป็นราวอย่างนี้แปลว่าไม่ปกติ คิดอะไรอยู่ บอกมาซะดีๆ"
"ไม่มีอะไรจ้ะ ไม่มีจริงๆ"
เธอไม่เชื่อ คาดคั้น
"อย่าโกหกวสาซีคะ วันที่เราแต่งงานกัน เราสัญญากันแล้วว่าเราจะรักกัน ไว้ใจกัน และเราจะไม่มีความลับต่อกัน แสงคิดอะไรอยู่อย่าโกหกวสา"
แสงฉานจ้องหน้า ดึงวสาเข้ามากอด
"ผมขอโทษที่ผิดสัญญาของเรา ผมไม่ได้ตั้งใจจะปิดบังอะไรที่รักนะจ๊ะ"
"ถ้างั้นก็บอกมาซะดีๆว่าคิดอะไรอยู่ ไม่งั้นวสาไม่รักนะ"
"ผมคิดถึงตัวเอง พอกลับมาอยู่ที่นี่เข้าจริงๆ ผมทำอะไรไม่ได้เลย ช่วยอะไรคุณก็ไม่ได้ ไม่รู้ว่าผมจะต้องอยู่สภาพนี้ไปอีกนานเท่าไหร่ ผมเห็นที่รักเหนื่อย ทำงานเคร่งเครียด ผมกลับเป็นฝ่ายอยู่บ้านเฉยๆ"
"แสง เราเพิ่งกลับมานะคะ ชีวิตจริงๆของเราเพิ่งเริ่ม ที่วสามีงานทำก็เพราะบริษัทที่โน่นส่งวสามาทำงาน อย่าคิดมากซีคะแสง"
"ผมเป็นผู้ชาย ถ้าไม่มีงานทำ ไม่มีอาชีพ พ่อแม่คุณจะยอมรับผมได้ยังไง"
เธอรู้ว่าแสงฉานคิดมาก พยายามพูดให้รื่นเริง
"คิดมากไปแล้วนะคะคุณสามี เดี๋ยวคุณก็ได้ร้าน ได้ทำทุกอย่างตามที่ตั้งใจไว้"
"ถ้ามันง่ายอย่างที่คุณพูดก็ดีซีนะที่รัก" แสงฉานเปลี่ยนอารมณ์ทำสดชื่น "แต่เอาเถอะ ระหว่างที่เป็นกรรมกรตกงาน ผมจะพยายามทำทุกอย่างให้คุณสบายใจที่สุด จะไม่งี่เง่าทำตัวให้เป็นปัญหากับคุณ"
อุรวสามองหน้าแสงฉาน ในใจลึกๆสงสารความรู้สึกของสามีที่รัก เธอกอดเอวแสงฉานไว้แน่น
"คุณไม่ต้องพยายามทำอะไรมากมายนักหรอกค่ะแสง แค่คุณรักวสาอย่างเดียวมันก็เกินพอแล้วค่ะ"
แสงฉานกอดวสาไว้แน่น รักกันที่สุด
"เรื่องรักคุณผมไม่ต้องพยายามทำ เพราะ ชีวิตผมเกิดมาเพื่อรักคุณ คุณคือชีวิตและลมหายใจของผม"
สองคนกอดกันด้วยความรัก

อินทุอรขำป้าแต๋วกับป้าต้อยที่เหล่หนุ่มหล่อล่ำ ตัดหญ้าในสวน อัปสรออกจากตัวบ้าน เพิ่งเข้าไปโทรศัพท์หาภิสิตมา
"ว่ายังไงแม่อัปสร วันเสาร์นี้หลานเธอจะมามั้ย" แต๋วถาม
"ยังไม่ทันถามวางสายไปซะก่อน" อัปสรเห็นอาการเพื่อนแล้วอดไม่ได้ "น้ำหมากกระจายแล้วหล่อน สำรวมหน่อย"
"แหม...ฉันก็แค่เมียง ๆ มอง ๆ ให้ชุ่มชื่นหัวใจ อายุคราวหลาน..ฉันไม่คิดอะไรหรอกน่า"
แต๋วถาม
"มาใหม่สิพ่อคนเนี้ย..เพิ่งเคยเห็น"
แต๋วยักคิ้วให้ต้อย ตัดหน้าเอาน้ำไปให้หนุ่มตัดหญ้า ต้อยค้อนแต๋วขวับ
"ทานน้ำสิน้อง"
แต๋วสะดุดล้ม
หนุ่มตัดหญ้าอุทาน
"ว้าย...เป็นไรมั้ยฮะ"
ทั้งสาวน้อยสาวแก่หันขวับมามองหน้ากันแบบตกตะลึง ! หนุ่มหล่อล่ำเป็นกะเทย
ต้อยถาม
"เก้งเหรอ"
หนุ่มหล่อยิ้มเขินทุกคนหัวเราะร่วน
"ฮะๆๆ แห้ว" อัปสรว่า
อัปสรหัวเราะจนหอบถามหา อันเป็นโรคประจำตัวของเธอ เธอหายใจไม่ออก มือเท้าเกร็ง
"ป้าคะ"

ภายในห้องฉุกเฉิน อัปสรนอนให้ออกซิเจน อาการหอบบรรเทาลงแล้ว แต๋วกับต้อยร้องไห้กระซิกๆ
"โถ... เห็นกันอยู่หลัดๆ ไม่น่าเลย" แต้วว่า
"ฉันยังไม่ตายย่ะ!"
โทรศัพท์มือถืออินทุอรสายเข้า แม่โทร.มา
อินทุอรรับสาย
"อินพาป้าอัปสรมาโรงพยาบาลค่ะคุณแม่ ไม่เป็นไรแล้วค่ะ โรคหอบกำเริบอีกซักพักอินก็กลับค่ะ ค่ะคุณแม่"
อินทุอรวางสาย
"หนูอินกลับเถอะลูก ป้าโทร.บอกหลานแล้ว เดี๋ยวหลานป้ามารับ"
"อินอยู่รอหลานป้ามาก่อนดีกว่าค่ะ"
อัปสรคิดนิดหนึ่ง
"เออ...ก็ดีเหมือนกันนะ หนูจะได้รู้จักกับหลานชายป้าซะที หนูกับป้าคบกันมาตั้งนาน ไม่เคยเจอกันสักครั้ง"
แต๋วบอก
"หิวจัง"
"เดี๋ยวอินไปซื้อขนมปังมาให้กินรองท้องกันนะคะ"
อินทุอรออกไป

บริเวณโถงโรงพยาบาล ภิสิตรีบร้อนตรงดิ่งไปถามเจ้าหน้าที่เคาน์เตอร์ ถึงคนไข้ชื่ออัปสร
"คุณอัปสรอยู่ห้องไหนครับ"
อินทุอรเดินมาร้านมินิมาร์ท ภิสิตรีบไปห้องฉุกเฉิน ทั้งคู่จึงจึงไม่เห็นกัน

ภิสิตสีหน้าวิตกกังวล มาดูอาการป้าอัปสร
"ตอนมาถึงหายใจแทบไม่ได้เลย ตอนนี้ดีขึ้นแล้วลูก คิดถึงจังเลย"
อัปสรหอมแก้มหลานชายหลายฟอดให้หายคิดถึง
ภิสิตไหว้แต๋วกับต้อย
"ป้าแต๋วกับป้าต้อยสบายดีหรอครับ"
"ก็มีเจ็บป่วยบ้างตามประสาคนแก่น่ะจ้ะ" แต๋วบอก
พยาบาลมาปิดเครื่องออกซิเจน
"คุณหมอให้คุณอัปสรกลับบ้านได้แล้วค่ะ ไปชำระเงินได้เลย"
"ป้านอนพักเถอะครับ ผมไปจ่ายเงินเอง"
ภิสิตเดินออกประตูไป
หน้าห้องฉุกเฉิน อินทุอรหิ้วถุงขนมปังจะเข้าห้องฉุกเฉิน ภิสิตออกทางประตูหนึ่ง อินทุอรเข้าทางประตูสองเลยไม่เดินสวนกัน
"หลานป้ามาแล้ว หนูอินกลับบ้านเถอะลูก คุณแม่เป็นห่วง"
อินทุอรมองหา
"แล้วหลานป้าอยู่ไหนคะ"
"ไปจ่ายเงินจ้ะ"
"งั้นอินกลับนะคะ เมื่อกี้คุณพ่อก็โทรมา แล้วอินจะไปหาที่บ้านนะคะ"
"น่าเสียดายจัง...อยากให้เจอกัน"

อินทุอรส่งถุงขนมปังให้ป้าแต๋ว ไหว้ลาบรรดาป้าๆ กลับบ้าน

ภายในคอนโดฯ อุรวสานั่งเขียนแบบในคอมพิวเตอร์ ได้กลิ่นอาหารหอมฉุยก็หันไปดู
แสงฉานกำลังยกเป็ดออกจากเตาอบ อุรวสาลุกไปหยิบมีดกับส้อมจะหั่นเป็ดกินแต่กลับโดนแสงฉานตีมือเบาๆ

"ของพ่อคุณ"
"พ่อฉัน?"
แสงฉานตัดเชือกมัดเป็ดออก ข้างในตัวเป็ดยัดไส้ สูตรฝรั่งเศส
"ผมรู้สึกผิดที่โกหกท่านว่าเป็นเพื่อนคุณ เลยอยากทำดีไถ่โทษ"
"ได้ชิมเป็ดอบยัดไส้สูตรฝรั่งเศสของแสง คุณพ่อต้องหายโกรธทันทีค่ะ"
"พ่อคุณไม่รู้ว่าผมเป็นคนทำนี่ ที่รักจ๋า...ลองแย๊บ ๆ กับพ่อหน่อยสิ ถ้าลูกเขยคนโตท่านเป็นเชฟ ท่านจะยอมรับมั้ย"
"ไม่ยอม"
"ลองเกริ่นดูไม่เสียอะไรนี่จ๊ะถ้าพ่อคุณไม่รังเกียจ ผมจะได้มีโอกาสเข้าไปเปิดตัว"
"ไม่ได้ผลหรอกค่ะ"
"ไม่ลองจะรู้เหรอ"
แสงฉานยิ้มกริ่ม มีความหวังได้เปิดตัวกับพ่อตา

ภิสิตนั่งรอจ่ายเงินแถวเคาน์เตอร์ อินทุอรเดินมาจากอีกทางหนึ่ง จังหวะนั้น ภิสิตหันไปมองก็จะเห็นเธออยู่แล้ว แต่ดันมีเด็กน้อยถือถุงขนมวิ่งมาชนเธอเต็มแรง จนขนมตกกระจาย อินทุอรรีบนั่งลงช่วยเก็บ
ทุกคนก็หันไปมองเหตุการณ์รวมทั้งภิสิตด้วย แต่ตอนนี้อินทุอรนั่งหันหลังให้ภิสิตแล้ว
อินทุอรช่วยส่งถุงขนมส่งให้เด็ก ก่อนจะลูบหัวเขาเบา ๆ ด้วยกิริยาอ่อนโยน ภิสิตจับตามองด้วยสายตาชื่นชมในความน่ารักของผู้หญิงคนนี้ ก่อนที่เขาจะมองเห็นว่ายังมีขนมกระเด็นแอบอยู่ที่มุมหนึ่ง
ภิสิตลุกขึ้นยืน ทำท่าจะเดินไปที่ถุงขนม แต่ต้องชะงักเมื่อพยาบาลที่หน้าเคาน์เตอร์เรียกชื่อให้ไปจ่ายเงิน
"คุณอัปสรค่ะ คุณอัปสรอยู่ไหมคะ"
ภิสิตเดินตรงไปที่หน้าเคาน์เตอร์ เขาหันกลับไปมองที่ ไม่เห็นทั้งเด็กและอินทุอรแล้ว ทำให้ทั้งคู่คลาดไม่ได้เจอกัน

บราลีกับอัษฎา และอุรวสา รอทานอาหารอยู่ บราลีคุยโทรศัพท์กับลูกสาวคนเล็ก
"ขับรถดี ๆ นะลูก" บราลีวางสาย แล้วบอก "หนูอินรถติดให้ทานกันก่อนค่ะ เจ้าอันโทร.บอกคุณพ่อแล้ว วันนี้ไม่กลับมากินข้าวบ้าน"
"ขอชิมเป็ดที่คุณวสาซื้อมาฝากก่อน" อัษฎากินเป็ดอย่างอร่อยมาก " อื้อหือ เนื้อนุ่มแทบ
ละลายในปาก ไส้ข้างในก็อร่อยมาก"
"เพื่อนวสาเคยเป็นเชฟโรงแรมห้าดาวที่ซานฟรานฯค่ะ"
"เหรอๆ เออๆ เข้าท่าดีนะ"
บราลีถาม
"แล้วเค้ากลับมาเมืองไทยเหรอจ๊ะ"
"ค่ะ เห็นบอกว่าจะมาทำร้านอาหารที่เมืองไทย"
"เรอะ.. รสชาติเยี่ยมเลย "
"คุณพ่อชอบเหรอคะ" หลังมองพ่อหยั่งเชิงแล้วตัดสินใจบอก "เนี่ย...เค้าตั้งใจทำเป็ดมาให้คุณพ่อโดยเฉพาะเลยนะคะ"
อัษฎาชะงักไปทันที หันไปมองจับผิดแบบหวงลูกสาว
"คุณวสารู้จักเค้าได้ยังไง"
"เอ้อ... เป็นคนไทยในซานฟรานเหมือนกันน่ะค่ะ"
"ตกลงเชฟคนเนี้ย...ผู้หญิงหรือผู้ชาย"
อุรวสาอึกอัก
"ผู้ชายค่ะ"
"สนิทกัน"
"ก็สนิทกันตั้งแต่งานสมาคมคนไทย"
"มันเอาเป็ดมาเซ่นพ่อ มันจีบลูก"
บราลีมองแบบระอาหน่อยๆ
"สรุปอย่างนั้นเลยเรอะ"
"ก็อย่างนี้แหละ" อัษฎาเลิกกิน เลื่อนจานเป็ดไปห่างๆ "กินคำแรก ๆ ก็อร่อยดี
กินไปเรื่อย ๆ รสชาติอย่างกับเป็ดไล่ทุ่ง ไม่ได้เรื่อง"
"วสานึกว่าคุณพ่อจะชอบ จะได้พาเค้ามาแนะนำให้คุณพ่อรู้จัก"
"พ่อไม่อยากรู้จัก ไม่ชอบแล้ว"
อุรวสาเซ็งที่พ่อไม่เปิดใจยอมรับ

คืนเดียวกัน อันตราแอบขับรถตามเวศม์กลับมาบ้าน เธอจอดรถโทร.รายงานศศิพิมล
"รู้ตัวชู้หรือยังคะ"

ศศิพิมลโทร.คุยกับอันตราอยู่ที่โถงบ้านพงษ์ชัย
"ผู้หญิงคนนั้นเป็นใคร"

อันตราโทร.คุยกับศศิพิมล
"ดิฉันตามดูสามีคุณทั้งวัน ยังไม่เห็นไปหาผู้หญิงที่ไหนนะคะ เอ... คุณศศิพิมลไม่ได้อยู่บ้านเดียวกับสามีเหรอคะ"
ศศิพิมลโกหก
"เค้าซื้อบ้านนั้นเพราะอยากอยู่ห่าง ๆ ดิฉันค่ะ ดิฉันเคยขอเค้า..."
ยังพูดไม่ทันจบ พงษ์ชัยก็โอบเอวสาวเข้าบ้าน ศศิพิมลมองเห็นเข้า รีบวางสายอันตราทันที
เธอโทร.กลับอีกครั้ง ศศิพิมลไม่รับสาย เลยเลิกโทร. เธอส่ายหัวไม่เข้าใจ ตัดสินใจขับรถออกมาจากหน้าบ้านเวศม์

ศศิพิมลโกรธพงษ์ชัย พาผู้หญิงมานอนบ้านอีกแล้ว
"ศิเพิ่งเปลี่ยนผ้าปูที่นอน ช่วยไปนอนกันที่อื่นเถอะค่ะ"
พงษ์ชัยขึ้นเสียง
"เข้าใจอะไรผิดรึเปล่า .. นี่บ้านผม !ผมจะพาใครมานอนก็ได้"
"มันชักจะมากเกินไปแล้วนะ"
"ทนไม่ไหวก็ไปซะ"
"เดี๋ยวนี้พูดกับศิอย่างนี้เหรอ"
"พูดมานานแล้ว ยังไม่ชินอีกเหรอ ! ผมใช้รถ 4 ปีก็ขายทิ้ง รถเก่า เครื่องเก่ามันไม่เร้าใจอยู่กับคุณมาเกิน 4 ปี หมดอายุการใช้งาน ไม่เอาไปขายต่อก็บุญเท่าไหร่แล้ว"
"ไอ้ชั่ว!"
พงษ์ชัยโมโหตบปากศศิพิมล เพี้ยะ !
"สำนึกไว้บ้างว่าใครหาเลี้ยง ! ถ้าอยากอยู่บ้านหลังนี้ต่อไป...เธอต้องทำตัวให้เหมาะสมมากกว่า"
พงษ์ชัยหน้าตาขึงขังชี้หน้าจะลงไม้ลงมือกับศศิพิมลอีก ก่อนหัวเราะเยาะใส่หน้า แล้วประคองกอดสาวขึ้นข้างบน

ศศิพิมลอึดอัดมาก เสียใจร้องไห้ สงสารตัวเอง

อ่านต่อหน้า 4

สามใบไม่เถา ตอนที่ 1 (ต่อ)

คืนเดียวกัน แสงฉานนั่งดูโทรทัศน์พลางหันมองประตูห้องอย่างรอคอย อุรวสาเปิดประตูเข้ามา แสงฉานรีบถามทันที

"เป็ดอบยัดไส้สูตรฝรั่งเศสทำคะแนนกับพ่อตาได้ไหมที่รัก"
เธอส่ายหน้าดิก จนผมกระจาย
"ไม่ได้ผลค่ะ วสาบอกคุณแล้ว"
เธอเดินมาทิ้งตัวลงนั่งแบบเหนื่อย ๆ แสงฉานยังมีท่าทางกระตือรือร้น
"เป็ดไม่ได้ผล งั้นเปลี่ยนเป็นไก่งวงดีไหมที่รัก อืม..จะทำเมนูอะไรดีนะ"
อุรวสามองนิ่ง แสงฉานาครุ่นคิดจริงจัง ไม่ได้สังเกตว่า เมียเริ่มอารมณ์ไม่ดีแล้ว
"หรือจะเปลี่ยนเป็นพวกของหวานดี"
เธอหมดความอดทน เสียงเข้มใส่
"แสงคะ เอาเวลาที่จะคิดทำเมนูอาหารเอาใจพ่อไปวัน ๆ ไปคิดเรื่องร้านอาหารจะดีกว่าไหมคะ ถ้าอยากให้พ่อยอมรับคุณ มีทางเดียวคือคุณต้องประสบความสำเร็จให้ได้"
แสงฉานจ๋อย
"คือ..ผมขอโทษ"
อุรวสาชะงักไปเมื่อระบายอารมณ์ออกมา เธอขยับไปกอดเขาเอาไว้ซุกตัวเข้ากับอก แสงฉานกอดตอบ
"วสาก็ขอโทษค่ะ วสาเองก็อยากให้พ่อยอมรับในตัวแสง ยอมรับในเรื่องของเรา เราต้องพยายามไปด้วยกันนะคะ"
อุรวสาเงยหน้าขึ้นหอมแก้มสามีฟอดใหญ่อย่างให้กำลังใจ แสงฉานจูบหน้าผากเมีย ในบรรยากาศมีแต่ความรัก

ภายในห้องปิดไฟมืด มีคนโทร.เข้ามือถือ เวศม์งัวเงียเปิดไฟหัวเตียงดูชื่อคนโทร.มา เห็นชื่อ “ศศิพิมล” เขานิ่วหน้านิดหนึ่งเมื่อเห็นว่าเป็นใคร กดรับสาย
"เวศน์...นี่พี่เอง พี่อยู่ที่หน้าบ้าน"

ภายในห้องนั่งเล่น เวศม์ส่งถ้วยชาร้อนให้ ศศิพิมลปากบวมเจ่อจากที่โดนพงษ์ชัยตบมา
"เค้าตบพี่อีกแล้ว"
"ผมไม่เข้าใจว่าพี่ทนอยู่กับผู้ชายแบบนี้ได้ยังไง"
"จะเลิกกับพงษ์ชัย .. มันไม่ง่ายหรอกเวศม์"
ศศิพิมลหันไปมองรูปรับปริญญาของเวศม์ที่วางอยู่บนหลังตู้ด้านหนึ่ง เธอเดินไปหยิบมาดูใกล้ ๆ
"มาบ้านเวศม์คราวก่อน...พี่ไม่ได้สังเกต วันรับปริญญาเวศม์สวมแหวนของเรา"
ในรูปเวศม์รับปริญญา เขาสวมแหวนเงินที่นิ้วนางซ้าย เธอสบตาเขาต่างคนต่างนึกถึงอดีตรัก"พี่ขอโทษที่ทำให้เวศม์เสียใจ พี่รู้ว่าเวศม์รักพี่มากแค่ไหน"
เวศม์ชูนิ้วนางซ้ายให้ศศิพิมลดู ไม่มีแหวนแล้ว!
"มันเป็นอดีตไปแล้ว เราต่างคนต่างมีชีวิตของตัวเอง"
"แต่เราก็กลับมาเจอกันอีก... เราหนีกันไม่พ้นหรอกเวศม์ เราเป็นคู่กัน"
"ระหว่างเรามันเป็นเพียงแค่คนที่เคยผูกพัน" เขาเปลี่ยนเรื่องพูด "ผมเตรียมห้องพักแขกให้พี่แล้ว พี่ขึ้นไปพักผ่อนเถอะครับ"
"เวศม์"
"ผมไม่อยากคุยเรื่องนี้แล้วครับ"
เวศม์หันไปกดปุ่มเปิดหนังดู เพื่อเลี่ยงไม่คุยกับศศิพิมล สายตาจ้องไปที่หน้าจอทีวี
เธอผิดหวังที่ดึงใจเวศม์กลับมาไม่ได้ซะที เดินหน้าเศร้าขึ้นข้างบน
เวศม์มองตาม ถอนหายใจ ศศิพิมลวอแวไม่เลิก

เช้าวันใหม่ เวศม์ในชุดสูทลงมาจากข้างบน ศศิพิมลเตรียมจัดอาหารรอไว้ที่โต๊ะ เป็นอาหารแบบง่ายๆ
"ทานโจ๊กก่อนสิ พี่รู้ว่าเวศม์ชอบทานโจ๊กปลาที่หน้าปากซอย เลยออกไปซื้อมา เตรียมไว้ให้ตั้งแต่เช้ามืด"
"ขอบคุณครับพี่ แต่ผมรีบ"
"อยู่ทานเป็นเพื่อนพี่สักนิดเถอะนะ เรามีเรื่องต้องคุยกัน"
เวศม์อึดอัดใจ ถอนหายใจยาว
"ทุกอย่างมันจบไปนานแล้วครับพี่"
ศศิพิมลพยายามโน้มน้าวใจเวศม์ เดินเข้ามากอดเขาไว้ทางด้านหลัง เอาหน้าซบกับแผ่นหลังเขาไว้ด้วยความผูกพัน

"อย่าโกหกพี่เลย เวศม์ยังรักพี่ ไม่งั้นเวศม์ไม่ยอมเปิดห้องให้พี่นอนทุกครั้งที่มีปัญหาหรอก"
ศศิพิมลดึงตัวเองมาอยู่ที่เบื้องหน้าเวศม์ จ้องตาเขา
"เวศม์ก็แค่ไม่ยอมรับใจตัวเอง เพราะเวศม์เป็นคนดี..ไม่ต้องการเป็นชู้กับเมียคนอื่น"
"พี่ยังจำได้ว่าตัวเองมีสามีก็ดีแล้ว.. กลับไปหาสามีพี่ซะเถอะ"
"วันนี้ถ้าเวศม์ขอให้พี่เลิกกับเค้า พี่จะเลิก พี่จะกลับมาหาเวศม์ พี่รักเวศม์ .. เรามาเริ่มต้นกันใหม่นะ"
ศศิพิมลกอดเวศม์จนแน่นจะจูบ เขาผลักศศิพิมลออกค่อนข้างแรง จนศศิพิมลเกือบล้ม
"ผมขอโทษ... แต่สำหรับผมเมื่อจบก็คือจบ วันนี้ผมรีบ...ขอตัวก่อนนะครับ"
เวศม์เดินออกไปจากตรงนั้นทันที ทิ้งให้ศศิพิมลมองตามด้วยแววตาเศร้าๆ

โรงแรมหรูระดับห้าดาวในกรุงเทพฯ ของพงษ์ชัย อุรวสาพรีเซ็นต์งานรีโนเวทโรงแรมของพงษ์ชัยที่เกาะช้าง เปิดรูปกราฟฟิคงานตกแต่งโรงแรมแนวนีโอคลาสสิก บนจอโปรเจกเตอร์
พงษ์ชัยซึ่งเป็นประธานในที่ประชุมจ้องมองอุรวสาอย่างถูกใจ
"เราจะรีโนเวทโรงแรมใหม่ทั้งหมด ระเบียงห้องพักทุกห้องจะตกแต่งด้วยเหล็กดัดเล่นลวดลาย สั่งทำจากฝรั่งเศส ภายในห้องคุมโทนด้วยสีน้ำตาล เฟอร์นิเจอร์ทั้งหมดเป็นแบบนีโอคลาสสิกผสมผสานความเก่า กับความทันสมัยอย่างลงตัวค่ะ"
พงษ์ชัยนัยน์ตาเจ้าชู้ ชมทั้งงาน ชมทั้งคน
"สวยมากครับ"
ทว่าอุรวสาไม่เล่นด้วยหันไปจิบกาแฟ

พงษ์ชัยมองเธอตาเป็นประกาย มัณฑนากรคนนี้สวยมาก และเก่งมาก

บริเวณโถงล็อบบี้โรงแรมพงษ์ชัยอัษฎากับสมศักดิ์ร้อนใจมาพบพงษ์ชัย หลังรู้ข่าวว่า บริษัทข้ามชาติเสนอโปรเจ็กต์แย่งงานบริษัท"ดนยาคอนสตรักชัน" สมศักดิ์โทรเช็คสายข่าวแล้ววางสาย

"วงในไม่รู้ว่า ไอ้บริษัทข้ามชาติที่มาแย่งเสนองานกับเราชื่อบริษัทอะไร แต่ที่แน่ๆ มีนัดพรีเซ้นต์งานกันวันนี้"
บริเวณโถงประตูลิฟท์เปิดออก พงษ์ชัยกับอนุวัติ ซึ่งเป็นมือขวามาส่งอุรวสาที่ข้างล่าง
อัษฎาชะงักเมื่อเห็นลูกสาว เพิ่งรู้ว่าเป็นบริษัทข้ามชาติที่อุรวสาทำงานอยู่ด้วย เขาเดินเข้าไปหาลูกสาวทันที
"คุณวสา"
อุรวสาคาดไม่ถึง ตกใจเหมือนกัน
"คุณพ่อ"
"อย่าบอกนะ... บริษัทข้ามชาติที่แย่งงานพ่อคือบริษัทที่ลูกทำงานอยู่"
"บอสเพิ่งมอบหมายงานให้วสาค่ะ วสาไม่ได้แย่งงานคุณพ่อ"
อัษฎาชักเคืองลูก
"บอสสั่งล่ะทำตาม พ่อสั่ง... ไม่เคยทำ"
สมศักดิ์กระตุกแขนอัษฎา กระซิบ
"เฮ้ย อัษ เรามาเรื่องงานนะ"
"พ่อขอให้กลับมาอยู่เมืองไทย...คุณวสาไม่กลับ พอบอสสั่งให้ย้ายมาทำงานเมืองไทยเท่านั้นแหละ แพ็กของกลับมาทันที"
"ขอโทษนะครับ คุณอัษฎารู้จักคุณอุรวสาหรอครับ" พงษ์ชัยถาม
อัษฎาชี้ไปที่อุรวสา
"ลูกสาวผมเองครับ"
พงษ์ชัยมองทั้งสองคน ชอบใจที่อุรวสาไม่ใช่ผู้หญิงธรรมดา เป็นลูกสาวนักธุรกิจใหญ่
"ที่แท้ก็คนกันเอง ใจเย็นๆ ครับคุณอัษฎา โรงแรมของเรายังไม่ได้ตัดสินใจ ว่าจะเลือกบริษัทไหน"
"ถ้าเลือกบริษัทดิฉัน โรงแรมของคุณต้องสวยที่สุดในเกาะช้างแน่นอนค่ะ"
"เลือกบริษัทผม โรงแรมคุณต้องได้รับรางวัลการออกแบบระดับโลก"
สองพ่อลูกจ้องหน้ากัน แย่งงานกัน
"ไปคุยกันที่บ้าน"
"วสาต้องเข้าออฟฟิศค่ะ ลานะคะคุณพงษ์ชัย"
อัษฎากับอุรวสาเดินเถียงกันไป ล้งเล้งกันลั่นล็อบบี้ สมศักดิ์รีบเข้ามาเจรจา
"ทางที่ดีคุณพงษ์ชัยอย่าเพิ่งตัดสินใจนะครับ รอให้พ่อลูกเค้าเคลียร์กันก่อน"
"ไม่มีปัญหาครับ"
"ขอตัวก่อนนะครับ ... ต้องไปสงบศึกสายเลือด สวัสดีครับคุณพงษ์ชัย"
พงษ์ชัยยิ้มๆ มองตามอุรวสาออกไป แววตาชื่นชอบอย่างเห็นได้ชัด
อนุวัติบอก
"ลูกสาวคุณอัษฎาสวยน่าดูนะครับ เก่งด้วย"
พงษ์ชัยตาวาว อยากได้อุรวสาเป็นเมียแต่ง

อุรวสาลากกระเป๋าเดินทางจะไปนอนคอนโดฯ เพราะทะเลาะกับพ่อไม่เลิก บราลีกับอินทุอรที่กำลังช่วยกันจัดโต๊ะอาหารต่างหันมามองด้วยสีหน้าไม่ค่อยสบายใจนัก
"คุณวสาอย่าทำอย่างนี้กับพ่อ เรายังคุยกันไม่รู้เรื่อง จะหนีพ่อออกไปอย่างนี้ได้ยังไง"
"เราคุยกันรู้เรื่องแล้วค่ะ.. วสาไม่ได้แย่งงานคุณพ่อ โรงแรมของคุณพงษ์ชัยเค้าเปิดโอกาสให้บริษัทวสาเข้าไปเสนองานเอง"
"ไม่รู้ล่ะ...พ่อถือว่าแย่ง แย่งงานยังไม่พอ ยังดื้อกับพ่อจะออกไปนอนที่อื่นอีก ทำแบบนี้พ่อโกรธเป็นสองเด้งเลยนะ"
"งานก็ส่วนงานซีคะคุณพ่อ ต้องแยกกัน"
"บ้านเราก็มี วสาจะไปอยู่คอนโดทำไม"
"งานวสาเยอะมากนะคะ วสาอยู่คนเดียวจนชินแล้ว เวลาทำงานกลับดึกจะได้ไม่กวนคุณพ่อคุณแม่"
"ไม่เห็นกวนตรงไหน วันไหนกลับดึกก็โทร.บอก พ่ออยู่รอเปิดประตูให้ก็ได้"
อุรวสาหันไปขอความช่วยเหลือ หวังให้แม่ช่วยเจรจา
"คุณแม่คะ"
"คอนโดลูกอยู่ปากซอยนี่เองค่ะคุณ เราจะไปหาเมื่อไหร่ก็ได้"
อันตราเพิ่งกลับมาจากข้างนอก หน้าตาเหรอหราเมื่อเห็นอุรวสากำลังทะเลาะกับพ่อ อัษฎาเห็นอันตราเข้ามาก็รีบเข้าไปหาพวกทันที
"เจ้าอัน..พี่เราแอบไปซื้อคอนโดไว้ตั้งแต่ตอนอยู่เมืองนอก วางแผนจะไม่อยู่ พวกเรา บ้านเราเป็นประชาธิปไตย...มาลงมติกัน"
อัษฎาดึงลูกคนรองและคนเล็กเข้ามาใกล้ๆ
"ใครไม่ให้คุณวสาย้ายไปนอนคอนโดฯ ยกมือขึ้น"
อัษฎายกมือ...หันไปถลึงตามองอันตราให้ยกมือด้วย ลูกสาวคนรองเลยยกมือตามพ่อ
อัษฎามองอินทุอร ใช้สายตาสั่งให้ยกมือ แต่น้องสาวคนเล็กไม่ยกมือตามพ่อ
"ประเด็นนี้... อินของดออกความเห็นค่ะ"
"2 ต่อ 2 เสียงเท่ากัน... ถือว่าคุณพ่อไม่ชนะ วสาไปนะคะคุณแม่"
อุรวสาลากกระเป๋าเสื้อผ้าออกจากบ้า อัษฎาตามไปทะเลาะกันต่อที่หน้าบ้าน ทุกคนอ่อนใจกับคู่นี้ ทะเลาะกันได้ทุกเรื่อง
อุรวสาขับรถออกไป ไม่สนใจอัษฎาที่ยืนเท้าเอวโวยวายอยู่ที่หน้าบ้าน

เวลาต่อมา อัษฎานั่งหงอยในเต็นท์ของลูก ๆ บราลีตามมาคุย จะปลอบให้อารมณ์เย็นลงบ้าง
"คุณวสาโตแล้ว ไปอยู่เมืองนอกตั้งหลายปี ดูแลตัวเองได้ค่ะ"
อัษฎาน้อยใจ
"พอพึ่งตัวเองได้ ก็ไม่อยากพึ่งพ่อ ไม่เห็นความสำคัญ"
"คุณอัษคะ...ฉันว่าเยอะนะ วัยทองแล้วล่ะ"
"ผมยังไม่แก่ ผมยังวัยรุ่น !... ตอนเด็กๆ คุณวสาชอบให้ผมอุ้ม มาตอนนี้แค่จะกอดยังไม่ค่อยจะยอม"
"อาการเริ่มต้นของคนวัยทอง คือ..ขี้บ่น ไม่เอาละ ฉันไม่อยากวัยทองตาม ถ้ายังคิดว่าตัวเองวัยรุ่น ก็เลิกคิด เลิกน้อยใจ..ไปนอนได้แล้วค่ะ"
บราลียิ้ม ๆ ออกไป
"เราขี้บ่นตรงไหน" อัษฎาบ่นคนเดียวต่อ " อีกหน่อยเราต้องทำเรื่องขออนุญาตกอดลูกมั้ยเนี่ย ลูกนะลูก ลืมพ่อ"

อัษฎาน้อยใจอุรวสา

ภายในคอนโดฯ แสงฉานพูดโทรศัพท์ติดต่อกับเจ้าของร้านอาหารที่จะให้เช่า

"ถ้าอย่างนั้นพรุ่งนี้ผมจะเข้าไปดูร้านนะครับ ขอบคุณครับ"
เสียงประตูคอนโดเปิด แสงฉานชะโงกไปดู แปลกใจไม่คิดว่าวสาจะมา
อุรวสาเดินหน้าหงิก ลากกระเป๋าเข้ามาด้วยความหงุดหงิด ไม่พอใจ แสงฉานเดินไปลากกระเป๋ามาให้แทน
"เกิดอะไรขึ้นจ๊ะที่รัก พ่อคุณจับได้เรื่องเราเหรอ"
"เปล่าค่ะ วสาเบื่อ วสาไม่อยากทะเลาะกับคุณพ่อ"
"เรื่องอะไร เล่าให้ผมฟังซิจ๊ะ"
แสงฉานประคองอุรวสาให้มานั่งที่โซฟาอย่างเอาใจ
"คุณพ่อจะบังคับให้วสาไปทำงานกับคุณพ่อ ก่อนกลับมาวสาก็บอกคุณพ่อแล้วว่า วสาต้องกลับมาทำงานให้บริษัท คุณพ่อไม่ยอมฟังเหตุผลของวสาเลย คุณพ่อชอบบังคับ"
"ใจเย็นๆก่อนนะจ๊ะที่รัก ผมว่าคุณพ่อท่านหวังดีแล้วก็เป็นห่วงวสามากว่านะจ๊ะ แล้วอีกอย่างท่านก็คงเห็นว่าวสาทำงานแบบเดียวกับท่าน ก็เลยอยากให้มาทำด้วยกัน"
ฟังแล้วหงุดหงิดพาลงอนแสงฉานไปด้วย
"แปลว่าแสงเข้าข้างคุณพ่อเหรอคะ วสาผิดคนเดียวใช่ไม๊"
"ไม่เอาน่า ผมรักคุณผมจะไปเข้าข้างคนอื่นได้ยังไง ค่อยๆคิดนะ อย่าเพิ่งโมโห โกรธพ่อแม่เป็นบาปรู้ไม๊ แล้วเวลาที่เราโมโห เราจะคิดอะไรไม่ออก"
"งั้นแสงก็ช่วยวสาคิดหน่อยซีว่าวสาควรจะทำยังไง"
"ที่รักก็มาช่วยท่านเป็นการเฉพาะกิจซีจ๊ะ ถ้าท่านมีอะไรที่ต้องการให้ที่รักช่วยก็มาช่วยท่าน"
"บริษัทคุณพ่อแข็งแรงจะตายไป วสาจะไปช่วยอะไรได้ แล้วก็ไม่ใช่บริษัทของคุณพ่อคนเดียวมีหุ้นส่วนตั้งเยอะ รุ่นคุณพ่อทั้งนั้น เค้าจะมาเชื่ออะไรวสา"
"ผมเพียงแต่คิดว่ามันน่าจะเป็นทางออกที่นุ่มนวลกว่า วสาจะได้ไม่ต้องทะเลาะกับท่าน"
"แสงไม่รู้จักคุณพ่อวสาหรอก ดื้อจะตายไป"
"ถ้างั้นคุณก็เหมือนคุณพ่อซีนะ"
อุรวสาหันมาทันที
"แสง ว่าวสาเหรอ"
แสงฉานทำหน้าหงอย
"เปล่านะที่รัก คุณน่ารักจะตาย ไม่ดื้อเลย"
อุรวสายิ้มออก เข้ามาหาแสงฉานที่ไล่ตี
"กะล่อนนักนะ"
"แต่ก็รักใช่ป่ะ"
เขารวบตัวเธอไว้ในอ้อมกอด เธอดิ้นนิดหน่อยแล้วกอดตอบ รู้สึกอบอุ่น
"วสาขอบคุณแสงมากนะที่รักวสา ให้กำลังใจวสาเวลาที่วสาสับสนคิดอะไรไม่ออก ถ้าวสาไม่มีแสงไม่รู้ว่าชีวิตวสาจะเป็นยังไง"
" อย่าพูดอย่างนั้น คุณจะมีผมอยู่ข้างๆตลอดเวลา ตราบที่ผมยังมีลมหายใจ"
"ขอบคุณค่ะแสง วสารักคุณค่ะ รักคุณมากที่สุด"
ทั้งคู่กอดกัน ปัญหาทุกอย่างเป็นเรื่องเล็กไปทันที

ตัด
อันตราขับรถสะกดรอยตามเวศม์มาถึงตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย แล้วเลี้ยวรถตามเข้าไป

หน้าห้องสัมมนา มีป้ายชื่องาน “อบรมนักค้าหุ้นมือใหม่” อันตราแอบดูเวศม์กำลังคุยกับ
คนรู้จัก แล้วเข้าห้องสัมมนา อันตราจะตามเข้าไป ผ่านโต๊ะลงชื่อหน้าห้อง
"คุณคะ ลงชื่อก่อนค่ะ"
"ไม่ได้สมัครไว้ค่ะ"
"งานสัมมนานี้รับจำนวนจำกัด ถ้าไม่สมัครไว้ก็เข้าสัมมนาไม่ได้นะคะ"
เธอชะเง้อมอง ไม่เห็นเวศม์แล้ว ประตูห้องปิด...

ภายในห้อง เวศม์บรรยายพิเศษให้ประชาชนผู้สนใจซื้อขายหุ้น ท่าทางดูน่าเชื่อถือและเป็นกันเอง
"หุ้นบลูชิพ คือ หุ้นชั้นดีควรซื้อเก็บระยะยาว หุ้นบลูชิพในบ้านเราเป็นพวกหุ้นพลังงาน หุ้นสื่อสาร บริษัทโทรคมนาคมทั้งหลาย"

อันตรานั่งรอเวศม์ สาวใหญ่ท่าทางดีนั่งข้างอันตรา เหมือนกำลังชะเง้อรอใครบางคน
พักครึ่งสัมมนา เวศม์กับผู้เข้าสัมมนาทยอยออกจากห้อง
"น้องเวศม์"
สาวใหญ่ตรงเข้าไปกอดทักทายเวศม์ตามธรรมเนียมฝรั่ง อันตราที่นั่งอยู่ข้างกันพยายามเอาหมวกหลุบหน้า
"ผมนึกว่าพี่แนนซี่กลับอเมริกาไปแล้วซะอีก"
"กลับคืนนี้จ้ะ พี่ตั้งใจมาหาน้องเวศม์"
เวศม์ยิ้มให้สาวใหญ่ เธอเป็นลูกค้าที่เค้าดูแลซื้อขายหุ้นให้ ส่วนอันตราจับตามองความสัมพันธ์ระหว่างคนคู่นี้

สาวใหญ่เอารถหรูป้ายแดงมาให้ เวศม์ไม่ยอมรับกุญแจรถ
"ผมได้เปอร์เซ็นต์จากกำไรหุ้นพี่เป็นล้านแล้วครับ ผมรับไม่ได้"
อันตราแอบถ่ายรูปเวศม์กับสาวใหญ่
"ถือว่าเป็นโบนัส น้องเวศม์ขายหุ้นให้พี่ ทำกำไรให้พี่เป็นร้อยล้าน"
"ไม่เหมาะมั้งครับ"
"ถ้าน้องเวศม์ไม่รับ พี่จะไม่ให้ดูแลพอร์ต ไม่ห่วงเหรอ เกิดพี่ไปเจอคนไม่เก่งเท่าน้องเวศม์ทำพี่ขาดทุนยับ"
เวศม์รับกุญแจรถมาอย่างเสียไม่ได้
" ก็ได้ครับ ขอบคุณมากครับพี่แนนซี่"
"ไปลองรถกันจ้ะ"
เวศม์เทคแคร์เปิดประตูรถให้สาวใหญ่ เวศม์ขับรถไป
ไกลออกไปที่อีกด้านหนึ่งของตึก อันตราแอบดูอยู่ตั้งแต่แรก แต่ไม่ได้ยินที่ทั้งสองคนคุยกัน เห็นแต่เวศม์รับกุญแจรถจากสาวใหญ่
"เลวครบสูตร มีชู้ เกาะผู้หญิงกิน"

อันตรา ครุ่นคิดหาทางเล่นงานเวศม์ เกลียดนักผู้ชายแบบนี้

รถคันใหม่ของเวศม์แล่นเข้ามาจอดที่ข้างรถตัวเอง เขาชะงักไปนิดหนึ่งเมื่อเห็นมีคนมุงดูรถเขาอยู่เต็มไปหมด

"อ้าว...เกิดอะไรขึ้น" สาวใหญ่พูดขึ้น
ทั้งสองคนเดินลงจากรถ เวศม์แหวกคนเดินเข้ามาจนถึงที่รถตัวเอง แล้วมีสีหน้าตกใจ สาวใหญ่เอามือทาบอกด้วยความตกใจ ที่กระจกหน้ารถ มีลายมือเขียนไว้ชัดเจนด้วยลิปสติกว่า “แมงกระจั๊ว...เกาะผู้หญิง !”
เวศม์มองซ้ายมองขวา สงสัยว่าใครเป็นคนแกล้ง อันตราที่อมยิ้มแอบอยู่ที่มุมหนึ่ง สะใจที่แกล้งเวศม์ได้

เวศม์ขับรถ มองไปที่กระจกกระจกหน้ารถยังเหลือรอยลิปสติกเพราะลบไม่เกลี้ยง เขาหน้านิ่วคิ้วขมวดครุ่นคิด ใครกันที่แกล้ง
อันตราขับตามรถเวศม์ พร้อมๆ บันทึกเสียงอัดเสียง
"เป้าหมายออกจากตลาดหลักทรัพย์ตอนบ่ายสามโมง คล้ายมุ่งหน้ากลับบ้าน"
บนถนน...เวศม์เลี้ยวรถที่แยกๆ หนึ่ง อันตราเลี้ยวตาม เขามองกระจกหลัง เห็นรถคันหนึ่งเลี้ยวตาม เวศม์เพิ่งโดนแกล้งเลยระแวง ตัดสินใจจะทดสอบ ถึงแยกถัดไป เวศม์สาวพวงมาลัยเลี้ยวกะทันหัน รถคันหลังรีบเลี้ยวตามเช่นกัน
เวศม์จอดรถ รถคันหลังก็จอดตาม
เวศม์มองไปที่กระจกหลัง เริ่มมั่นใจ
"ขอดูหน้าหน่อยสิว่าเป็นใคร"
เขายิ้มกริ่มวางแผนเล่นงาน

เวศม์ขับรถเข้าซอย ๆ หนึ่ง แล้วจู่ๆ ก็หยุดรถ อันตราก็หยุดรถตาม เขาลงจากรถ เดินอาด ๆ จะไปดูเจ้าของรถคันหลังที่สะกดรอยตาม
อันตราตกใจขณะกำลังอัดเสียงตัวเอง
"เฮ้ย ! เป้าหมายรู้ตัว"
อันตรารีบเก็บเครื่องบันทึกเสียง เร่งเครื่องออกรถ ขับแซงร่างของเวศม์ออกไป
เวศม์มองตามท้ายรถอันตรายิ้มเยาะ
"คิดรึว่าจะรอด"
อันตราที่มองออกไปด้านหน้ารถ พบว่าเป็น...ซอยตัน ! กำแพงขวางอยู่
"ไอ้กระจั๊ว"
เธอหันหลังไปดู เวศม์ยืมยิ้มเท่อย่างผู้ชนะอยู่กลางถนน ขวางไม่ให้เธอถอยรถออก
เวศม์ตะโกนถาม
"แกเป็นใคร เขียนด่าฉันทำไม"
เวศม์จึงเดินย่างสามขุมไปหา อันตราลุกลี้ลุกลน หาทางตัวเอารอด
"เอาไงเอากัน"
เธอถอยรถพรืด เวศม์ไม่หลบ
"หลบไปซี่"
เวศม์กับอันตราวัดใจกัน ใครใจถึงกว่ากัน อันตราถอยรถเข้ามาเรื่อยๆ รถพุ่งจะชนเวศม์
"อยากตายรึไง"
เหมือนวัดใจกัน จนกระทั่งรถจวนถึงตัว เวศม์กระโดดหลบ อันตราถอยรถพ้นจากซอยขับฉิวหนีไป

เวศม์เจ็บใจจับตัวไม่ได้

อ่านต่อตอนที่ 2
กำลังโหลดความคิดเห็น