xs
xsm
sm
md
lg

พรายพยากรณ์ ตอนที่ 6

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


พรายพยากรณ์ ตอนที่ 6

พิณชนิดายืนจ้องที่บอร์ดประกาศ แล้วก็สังเกตเห็นข้อความเล็กๆ ตรงท้ายกระดาษ เธอรีบยื่นหน้าเข้าไปใกล้ แล้วหรี่ตาพยายามอ่านข้อความ
 
“นับตั้งแต่วันที่ 8 สิงหาคม พ.ศ. 2557 เป็นต้นไป เจ้าของขวัญทิพย์อพาร์ตเม้นท์ ถูกเปลี่ยนเป็นของบริษัทอัครมโหฬาร คอนสตรัคชั่น จำกัด”
พิณชนิดาอึ้งตกใจ ภิชาสินี อรรถพร หนึ่ง รวมทั้งวิญญาณของพ่อ แม่ ป้า หันมามองหน้ากัน
“นายภูมินทร์ บริษัทนายภูมินทร์มาเทคโอเวอร์ที่นี่ไปแล้ว”
อรรถพรไม่วายข้องใจ “ว่าแต่นายภูมินทร์ซื้อที่นี่ไปทำไม?”
“จะเกี่ยวกับที่พี่พิณไม่ยอมให้เค้าเช่าห้องรึเปล่า?” ภิชาสินีหันมาถาม
พิณชนิดากำมือแน่น สีหน้าไม่พอใจ
“เดี๋ยวก็รู้”

พิณชนิดาจ้ำเดินมาที่รถเต่าคู่ใจ พลางรีบเปิดประตูเข้าไปนั่ง ภิชาสินีรีบตามมา
“ภิไปด้วย”
ภิชาสินีเปิดประตูเข้าไปนั่ง พิณชนิดาขับรถออกไป แล้วก็ต้องเบรคเอี๊ยดเพราะอรรถพรกับหนึ่งวิ่งมาขวางหน้ารถ

พิณชนิดา ภิชาสินี อรรถพร และหนึ่ง มาถึงด้านหน้าออฟฟิศของภูมินทร์ แต่เจอ รปภ. ออกมายืนขวาง
“พวกคุณจะไปไหน?”
หนึ่งกับอรรถพรมองหน้าอย่างรู้กัน แล้วก็ตัดสินใจกอดล็อกรปภ.เอาไว้ พร้อมกับรีบหันมาบอก 2 พี่-น้อง
“รีบเข้าไป”
พิณชนิดากับภิชาสินีรีบวิ่งเข้าไปด้านในทันที ระหว่างนั้นสัญชัยกับแสงโชติเดินมาพอดี แสงโชติเห็นพิณชนิดาก็จำได้ สัญชัยเห็นลูกชายหยุดเดิน แต่กลับมองไปที่พิณชนิดาที่ยืนอยู่หน้าลิฟต์กับภิชาสินี ก็นึกแปลกใจ
“แกมองอะไร?”
“นู่นไงพ่อ ผู้หญิงที่เป็นข่าวกับไอ้ภู”
จากนั้นสองพ่อ-ลูกก็เดินไปหาพิณชนิดากับภิชาสินีพร้อมกัน
“สวัสดีครับ ผมชื่อแสงโชติ ส่วนนี่คุณพ่อของผม เป็นคุณอาของพี่ภูมินทร์ครับ”

พิณชนิดากับภิชาสินีตาลุกวาว ก่อนจะหันมามองหน้ากัน

พอสิรวิทย์รู้ว่าภูมินทร์ลงทุนซื้อกิจการอพาตเม้นต์เพราะต้องการห้องที่พิณชนิดาพักอยู่ก็นึกแปลกใจ
 
“แกก็รู้ว่าคนอย่างฉัน ถ้าอยากได้อะไร ก็ต้องได้ ในเมื่อยัยประหลาดไม่ยอมให้ฉันเช่าห้อง ฉันก็ต้องซื้อทั้งหมด”
“แล้วแกแน่ใจได้ไง ว่าถ้าแกได้อยู่ห้องนั้น แล้วแกจะนอนหลับ” สิรวิทย์ย้อนถาม
“เพราะตอนที่ฉันอยู่ที่นั่น ฉันนอนหลับน่ะสิ ไม่เห็นจะคิดยากตรงไหน ใช่มั้ยก้อง”
ก้องภพยังไม่ทันตอบ ประตูก็เปิดพรวดเข้ามา ทั้งสามคนหันไปก็ชะงัก เพราะพิณชนิดากับ
ภิชาสินีจ้ำเดินเข้ามา โดยมีสัญชัยกับแสงโชติเดินตามมาข้างหลัง
พิณชนิดาไม่พูดพล่ามทำเพลงตรงเข้ามาตบหน้าภูมินทร์อย่างแรง ทำเอาทุกคนตกใจ ยกเว้น
แสงโชติ ที่แอบยิ้มอย่างสะใจ
ภูมินทร์กำมือแน่นด้วยความไม่พอใจ พลางหันมาจะด่า แต่กลับถูกพิณชนิดาชี้หน้า
“หยุด ฟังฉัน ฉันไปทำอะไรให้ นายถึงคอยตามรังควานชีวิตฉันนัก นายจะเอาอะไรกับฉันนักหนา จะแกล้งกันไปถึงไหน กะจะไม่ให้ฉันมีที่ซุกหัวนอนเลยใช่มั้ย?”
ภูมินทร์ตอบกลับด้วยความโมโห “ใช่”
พอเธออ้าปากจะโต้ เขาก็ยกนิ้วชี้หน้า “หยุด”
พิณชนิดาโมโห อ้าปากงับนิ้วภูมินทร์เต็มแรง จนเขาถึงกับสะดุ้ง
“นอกจากประหลาดแล้ว ยังจะบ้าอีกด้วย เรียกรปภ.มาจับยัยประหลาดสองคนนี้ออกไป”
พิณชนิดาหันขวับไปทางสิรวิทย์ทันที
“ถ้าแตะต้องตัวฉัน ฉันจะแจ้งความข้อหาลวนลามกระทำชำเรา”
จากนั้นก็หันกลับมาจ้องหน้าภูมินทร์อย่างเอาเรื่อง
“ยกเลิกสัญญาซื้อขายอพาร์ทเม้นต์เดี๋ยวนี้”
ภูมินทร์ส่ายหน้ากวนๆ
“ไม่ ในเมื่อเธอไม่ให้ฉันเช่าห้องของเธอ ฉันก็จะซื้อทั้งตึก ที่เธอไม่มีที่ซุกหัวนอน มันเป็นเพราะเธอ ไม่ใช่เพราะฉัน และถ้าเธอยังไม่ออกไปจากที่นี่ ฉันก็จะแจ้งความจับเธอข้อหาบุกรุก ฉันมีพยาน แต่เธอไม่มี ใครกันแน่ที่เสียเปรียบ”
พิณชนิดาพูดไม่ออก สัญชัยรีบเข้ามาช่วยไกล่เกลี่ย
“ใจเย็นก่อนตาภู ค่อยๆ พูดค่อยๆ จากันดีกว่า”
แต่ภูมินทร์กลับตะคอกใส่ จนแสงโชติโมโห
“เกรงใจพ่อผมหน่อย ยังไงพ่อของผมก็มีศักดิ์เป็นอาแท้ๆ ของพี่ภูนะครับ”
“ฉันไม่เกรงใจใครทั้งนั้น เพราะฉันเป็นคนจ่ายเงินเดือน”
แสงโชติกัดกรามแน่นอย่างจะเอาเรื่อง สัญชัยรีบพูดขึ้นมา
“เอาเป็นว่าอาขอโทษก็แล้วกันที่อาก้าวก่ายเรื่องของเรา ฉันว่าหนูสองคนออกไปก่อนดีกว่านะ”
พิณชนิดาหันมาทางภูมินทร์
“ฉันไปก็ได้ แต่ที่ไป ไม่ใช่เป็นเพราะกลัว แล้วก็อย่าคิดว่าจะได้ห้องของฉันไปง่ายๆ เงินของนายไม่ใช่พระเจ้า มันซื้อไม่ได้ทุกอย่าง”
ขาดคำก็คว้ามือภิชาสินีเดินออกจากห้องไป สัญชัยกับแสงโชติเดินตามออกไปด้วย
สิรวิทย์รีบพูดขึ้นมา
“ฉันว่าแกเปลี่ยนใจ...”

“อะไรที่ฉันตัดสินใจแล้ว ฉันไม่มีทางเปลี่ยนใจ”

ระหว่างที่เดินออกมาด้วยกัน แสงโชติก็ฉวยโอกาสทำความรู้จักกับพิณชนิดา
 
“ถ้ามีอะไรให้ผมช่วย โทร. หาผมได้เลยนะครับ ไม่ต้องเกรงใจ ผมอยากทำอะไรให้พวกคุณ เพื่อชดเชยในสิ่งที่พี่ภูทำ“
พิณชนิดายื่นมือไปรับนามบัตร พร้อมกับส่งยิ้มให้อย่างเป็นมิตร
“ขอบคุณนะคะ ไม่นึกเลยว่าคุณสองคนจะเป็นญาติกับคุณภูมินทร์ นิสัยต่างกันราวฟ้ากับเหว”
สัญชัยกับแสงโชติยิ้มตอบ จังหวะนั้นเสียงโวยวายก็ดังขึ้นมา พอทั้งหมดหันไป ก็เห็นรปภ.กำลังรุมทำร้ายอรรถพรกับหนึ่งอยู่
“ปล่อยพวกเค้าไป”
สัญชัยออกคำสั่ง รปภ.ชะงัก อรรถพรกับหนึ่งหันไปเห็น 2 สาวอยู่กับ 2 พ่อ-ลูก
แสงโชติรีบพูดเสริม “เรื่องเข้าใจผิดกัน ทุกคนเป็นเพื่อนผม”
รปภ.พยักหน้ารับ ก่อนจะค่อยๆ ถอยออกมา
แสงโชติหันไปมองหนึ่งแล้วก็ชะงัก เพราะรู้สึกคุ้นหน้า แล้วก็นึกออก เพราะเคยเห็นรูปหนึ่งที่ลูกน้องถ่ายไว้ตอนที่ไปสืบเรื่องรถเต่าที่อู่ พลางนึกในใจ
“ไอ้เด็กผู้ชายคนนี้ เกี่ยวข้องกับเจ้าของรถเต่าที่ช่วยไอ้ภูเอาไว้?”
จากนั้นก็รีบพูดขึ้นมา
“ผมออกไปส่งพวกคุณดีกว่า เพราะรปภ.ยังมองพวกเราอยู่ เค้าจะได้เชื่อว่าพวกคุณเป็นเพื่อนผมจริงๆ”

ทันทีที่แสงโชติเห็นรถเต่าก็จำได้ทันที พิณชนิดาภิชาสินี หนึ่ง รีบขึ้นรถ ยกเว้นอรรถพรที่มอง
แสงโชติอย่างไม่ค่อยวางใจ
พอรถเต่าแล่นออกไป แสงโชติก็หน้าเหี้ยมขึ้นมาทันที
“ที่แท้ยัยนี่ก็คือคนที่ช่วยไอ้ภูเอาไว้”

“ฉันนึกออกแล้วว่าจะทำยังไงให้พี่แพนกับพี่ขวัญยกเลิกสัญญา แต่เราต้องตามหาสองคนนั้นให้เจอก่อน”
พิณชนิดาโพล่งออกมาต่อหน้าทุกคน เมื่อกลับมาถึงอพาร์ตเม้นต์ อรรถพรรีบเสนอตัว
“ผมจะช่วยเช็คภาพจากกล้องวงจรปิดให้ อาจจะได้เบาะแส”
แต่พิณชนิดากลับบอกว่าช้าเกินไป จากนั้นก็รีบไหว้วานให้ปิ่นเพชรช่วยจัดการ

ขณะที่แพนเค้กกับขวัญทิพย์กำลังอยู่ในตู้อบสมุนไพร แบบรูดซิบด้านหน้า แล้วโผล่แต่หัวออกมา สองผัว-เมียกำลังมีความสุข โดยไม่รู้เรื่องรู้ราวเลยว่าหายนะกำลังจะมาเยือน

ปิ่นเพชรปรากฎตัวขึ้นมาตรงหน้าทุกคน หนึ่งตกใจ จนตกเก้าอี้ดังโครม
“เค้ารู้แล้วว่าพี่แพนกับพี่ขวัญอยู่ไหน? อีกไม่เกินหนึ่งชั่วโมง เค้าสองคนจะกลับมาที่นี่แน่นอน เจ๊ลงไปรอข้างล่างได้เลย”
ปิ่นเพชรยิ้มมุมปากอย่างมีแผนร้าย

หนูตัวหนึ่งวิ่งอยู่ใต้ฝ้า มาจนถึงท่อสายไฟ จู่ๆ ไฟก็ดับพรึ่บ พนักงานในร้านสปาพากันหันไปมอง ด้วยสีหน้าแปลกใจ
“ไฟดับได้ยังไง?”

ส่วน 2 ผัว-เมียแพนเค้กกับขวัญทิพย์ ก็ติดอยู่ในตู้อบออกมาไม่ได้ ท่ามกลางเสียงจิ้งจก ตุ๊กแกร้องเสียงดังระงม

แพนเค้กกับขวัญทิพย์หัวตั้งหัวฟูวิ่งหน้าตาตื่นเข้ามาที่ทิพย์อพาร์ทเม้นต์ เจอพิณชนิดา ภิชาสินี อรรถพร และหนึ่งยืนกอดอกรออยู่ 2 ผัว-เมียเห็นพิณชนิดาก็ดีใจ รีบเข้าไปหา
 
“น้องพิณช่วยพี่ด้วย พี่เจอเรื่องแปลกประหลาด”
พิณชนิดาพูดสวนขึ้นมาทันที “เจอกองทัพจิ้งจกมาใช่มั้ยคะ”
แพนเค้กกับขวัญทิพย์หันมามองหน้ากันแบบงงๆ

ขวัญทิพย์กับแพนเค้กสีหน้าตื่นกลัวสุดขีด เมื่อได้ฟังสิ่งที่พิณชนิดาเล่า
“พ่อปิ่นเพชรเค้าโกรธพี่มากขนาดนั้นเลยเหรอ?”
พิณชนิดาแกล้งทำหน้าขึงขัง “ใช่ค่ะ ปิ่นเพชรโกรธพวกพี่มาก เพราะที่นี่เป็นบ้านของน้องเค้า แต่อยู่ดีๆ พี่สองคนก็ขายบ้านเค้าให้คนอื่น ทั้งๆ ที่เค้าช่วยเหลือพวกพี่เอาไว้ตั้งมากมาย”
ภิชาสินี หนึ่ง อรรถพร รีบช่วยพูดเสริมให้ดูจริงจังมากขึ้น ทำเอาขวัญทิพย์กับแพนเค้ก ตื่นตระหนก พลางหันมามองหน้ากันด้วยความวิตก
“คราวนี้พิณช่วยพี่ไม่ได้แล้วล่ะค่ะ เพราะปิ่นเพชรกะจะเอาพวกพี่ให้ถึงตาย”
ขวัญทิพย์กลัวจนลนลาน พลางรีบบอกว่าจะยกเลิกสัญญาขายอพาร์ตเม้นต์ พิณชนิดา ภิชาสินี หนึ่ง และอรรถพรหันมามองหน้า แล้วลอบยิ้มให้กันที่แผนสำเร็จ
“ภิจะลองบอกปิ่นเพชรดูนะคะ แต่ภิไม่รู้ว่าปิ่นเพชรจะยอมอภัยให้พวกพี่รึเปล่า ?”
ขวัญทิพย์กับแพนเค้กหน้าเสีย

“ขอบใจมากนะปิ่นเพชร เราทำดีมาก เก่งที่สุด”
พิณชนิดาโยกหัวปิ่นเพชรด้วยความเอ็นดู ภิชาสินีรีบถามขึ้นมาบ้าง
“ว่าแต่ปิ่นเพชรจะทำยังไงกับพี่แพนและพี่ขวัญ”
ปิ่นเพชรยักคิ้ว สีหน้ากระหยิ่มยิ้มย่องได้ใจมาก
“เค้าคิดเอาไว้แล้ว”

พิณชนิดาแกล้งมาบอก 2 ผัว-เมีย ว่าปิ่นเพชรต้องการให้ทั้งคู่ออกมาเต้นแบบจัดเต็มต่อหน้าคนทั้งอพาร์ตเม้นต์

แพนเค้กกับขวัญทิพย์ จำต้องยอมทำตามแบบไม่มีทางเลี่ยง !!

พรายพยากรณ์ ตอนที่ 6 (ต่อ)

ภูมินทร์ตบโต๊ะดังปังพร้อมกับลุกขึ้นยืนมองหน้าก้องภพด้วยสีหน้าเอาเรื่อง
 
“เจ้าของอพาร์ตเม้นต์เปลี่ยนใจไม่ขาย”
ก้องภพหน้าเจื่อน “ครับ ไม่ว่าผมจะพูดยังไง เค้าก็ไม่ยอม บอกแต่ว่าอย่าติดต่อมาอีก”
“ต้องเป็นฝีมือยัยประหลาดแน่ๆ”
ภูมินทร์กำมือแน่นด้วยความโมโหสุดๆ
ตรงข้ามกับพิณชนิดาที่หัวเราะร่วนอย่างสะใจ
“นึกแล้วสมน้ำหน้านายภูมินทร์ เล่นกับใครไม่เล่น มาเล่นกับพิณชนิดา สะใจจริง”
ปราชญ์เห็นลูกหัวเราะออก ก็พลอยดีใจไปด้วย แต่พัณทิพากลับเป็นกังวล
“ไปทำกับเค้าไว้เจ็บแสบขนาดนี้ คนร้าย ๆ อย่างนายภูมินทร์ไม่จบง่าย ๆ แน่ นายนั่นต้องหาทางเอาคืน เรื่องคงบานปลายใหญ่โต”
ปราชญ์ครุ่นคิดอย่างเป็นห่วงลูก จู่ๆ กานต์กมลก็นึกขึ้นมาได้
“แต่ดูๆ ไป ยัยพิณกับนายไข่เจียวเป็นแบบนี้ มันเหมือนในละครเลยนะคะ ที่พระเอกนางเอกตีทั้งเรื่อง ทำไปทำมา สุดท้ายก็รักกัน”
พลันมีเสียงเคาะประตูดังขึ้นมา วิญญาณทั้งสามรีบหายตัวไป พิณชนิดาหันไปมองที่หน้าประตู อย่างแปลกใจ
วิญญาณทั้งสามปรากฏตัวเข้ามาเห็นเอกยืนเคาะประตูอยู่ ก็ชะงัก
“ไอ้นี่มันไว้ใจไม่ได้ เราไม่ควรปล่อยให้มันอยู่กับยัยพิณสองต่อสอง”
ปราชญ์พูดอย่างไม่พอใจ พัณทิพาพยักหน้าเห็นด้วย
“เราต้องไปตามปิ่นเพชร”
จากนั้นวิญญาณทั้งสามก็หายตัววับไปทันที พร้อมๆ กับที่เอกเคาะห้องซ้ำ
“พิณเปิดประตู”
พิณชนิดาได้ยินเสียงเอกก็ตะโกนกลับไป
“ไม่เปิด มาทางไหน กลับไปทางนั้น”

เอกตะโกนสวนกลับมา “เอามือถือเอกมาก่อน”

พิณชนิดาก็เปิดประตูมา พลางรีบยื่นมือถือให้ เอกรับมาพร้อมกับจับมือเธอไว้ ฝ่ายถูกจับพยายามสะบัด แต่เอกจับเอาไว้แน่น
 
“เอกรู้นะว่าพิณยังรักเอกอยู่”
“ ฉันไม่มีทางรักผู้ช่วยห่วยๆ อย่างนาย”
เอกกุมมือพิณชนิดาไว้แน่น
“อย่าหลอกตัวเองอีกเลยพิณ ถ้าพิณไม่ได้รักเอก พิณจะหาเรื่องให้เอกทะเลาะกับฟ้าทำไม? อยากให้เอกเลิกกับฟ้า แล้วกลับมาหาพิณใช่มั้ย ?”
พูดพลางใช้กำลังดึงตัวเธอเข้ามากอด พิณชนิดาสู้แรงไม่ไหว ถูกเอกกอด และพยายามจะจูบ เธอได้แต่เบือนหน้าหนี
ภูมินทร์เดินเข้ามาเห็นพอดี ก็ถึงกับชะงัก
“เล่นหนังสดกันตรงนี้ ไม่รู้จักอายคนอื่นบ้างรึไง”
พิณชนิดารีบฉวยโอกาสผลักเอกออกไป อีกฝ่ายยิ้มเจ้าเล่ห์ รีบหันไปบอกภูมินทร์
“อย่าเข้าใจผิดนะครับ เราไม่ได้มีอะไรกัน ผมแค่แวะมาเอาโทรศัพท์มือถือ ที่ลืมไว้ ส่วนภาพที่เห็นเมื่อกี๊ มันเป็นแค่การทักทายแบบฝรั่ง ที่เราทำกันเป็นประจำ”
พิณชนิดาอ้าปากจะด่า แต่ภูมินทร์สวนมาทันควัน
“ไม่ต้องอธิบาย ผมไม่สนใจว่าพวกคุณจะทักทายกันแบบไหน”
“ใจกว้างนะครับ เห็นขนาดนี้ยังไม่หึง”
ภูมินทร์ยักไหล่ “ทำไมต้องหึง ยัยนี่ไม่ได้เป็นอะไรกับฉัน”
พิณชนิดากลัวเสียเรื่อง รีบถลาเข้าไปเกาะแขนภูมินทร์ พลางทำเป็นออดอ้อน
“โถๆ ดูสิโกรธจนตัดเยื่อใยกันเลย ขอโทษนะคะดาร์ลิง เมื่อกี๊มันเป็นเรื่องเข้าใจผิด”
พูดพลางก็หยิกหมับเข้าที่ที่เอวและหลัง ภูมินทร์เจ็บจนพูดไม่ออก จากนั้นก็รีบหันไปไล่เอก
“ได้โทรศัพท์แล้วก็กลับไป อย่ามาให้เห็นหน้าอีกเป็นอันขาด ไป”
เอกเสียหน้าที่ถูกพิณชนิดาไล่ต่อหน้าแฟนใหม่ จึงรีบเดินออกไป ภูมินทร์รีบตะโกนตาม
“อย่าเข้าใจผิด ฉันไม่ใช่แฟนของยัย...”
ทว่ายังพูดไม่จบ ก็ถูกพิณชนิดหยิกอีกหลายดอก ภูมินทร์ร้องลั่น
“โอ๊ย! นี่ทำบ้าอะไรของเธอ อยากโดนข้อหาทำร้ายร่างกายรึไง”
พิณชนิดาเหลือบมอง พอเห็นเอกเดินไปแล้ว ก็เท้าสะเอวมองภูมินทร์อย่างเอาเรื่อง
“หยิกแค่นี้ โวยวายอะไรนักหนา ตุ๊ดชัดๆ”
ภูมินทร์ถึงกับฉุน
“ยังมีหน้ามาด่าคนอื่นอีก ตัวเองเล่นหนังสดกับผู้ชายหน้าห้อง ถามจริง ๆ มียางอายบ้างรึเปล่า?”
พิณชนิดายกมือชี้หน้าแต่นึกคำด่าไม่ออก “ไอ้..ไอ้...”
ภูมินทร์ยิ้มเยาะ
“ไหนว่าเลิกกับมันแล้ว หรือว่ายังตัดใจไม่ได้ ลืมไปแล้วรึไง ผู้ชายคนนั้นเป็นแฟนเพื่อนเธอ แย่งแฟนคนอื่นมันบาป ระวังจะตกนรก ผู้หญิงอย่างเธอ ใครได้ไปเป็นแฟนคงจะโชคร้ายมาก ทั้งปลิ้นปล้อน กะล่อน เจ้าเล่ห์ เพราะเธอใช่มั้ย ที่ทำให้เจ้าของอพาร์ตเม้นต์นี้เปลี่ยนใจ”
พิณชนิดาเชิดหน้าอย่างสะใจ “ใช่ จะทำไม”
“ชาตินี้ เธอไม่มีวันได้มีชีวิตสงบสุขแน่”
ภูมินทร์พูดจบก็เดินสะบัดออกไปด้วยความแค้นใจ พิณชนิดามองตาม แอบแลบลิ้นใส่ ก่อนจะปิดประตูเสียงดัง
แต่พอเข้ามาในห้องก็ทำหน้าเครียด จนปิ่นเพชรนึกเป็นห่วง
“ทำยังไงดี? เจ๊เล่นนายภูมินทร์เอาไว้ซะเยอะ ซื้อเสื้อเกราะดีมั้ย?”
“เสื้อเกราะกันได้แต่ตัว กันหัวไม่ได้นะเจ๊ มีใครพึ่งได้บ้างมั้ยเจ๊?”
พิณชนิดาครุ่นคิด ก่อนจะยิ้มออก

“มี”

แสงโชติกำลังนัวเนียอยู่กับเปรมสุดาในคอนโด จู่ๆ เสียงมือถือก็ดังมาขัดจังหวะ เขารีบผละออกไปคว้ามือถือมากดรับสาย
 
“คุณแสงโชติคะ นี่พิณเองนะคะ จำได้รึเปล่า?”
แสงโชติแปลกใจนิดหนึ่ง ก่อนจะตอบกลับไป
“จำได้สิครับ”
“พิณอยากพบคุณแสงโชติค่ะ ไม่ทราบว่าสะดวกมั้ยคะ?”
แสงโชติแอบยิ้มอย่างสมใจ
“สะดวกครับ พบกันที่ไหนดี? ครับ แล้วพบกันนะครับ”
แสงโชติกดวางสาย เปรมสุดารีบปราดเข้าไปเกาะแขน
“จะรีบไปไหนคะ ไม่อยากอาบน้ำกับสุดาแล้วเหรอ?”
“เอาไว้วันหลัง วันนี้ผมรีบ”
พูดพลางก็รีบผลุนผลันออกไป เปรมสุดามองตามอย่างขัดใจ
“ไปหาใคร ทำไมต้องรีบขนาดนี้ ? เราจะมามัวเสียเวลากับแสงโชติไม่ได้ เป้าหมายของเราคือภูเท่านั้น เอาชนะใจภูยังไงดี?”
เปรมสุดาครุ่นคิด แล้วก็นึกได้
“สิรวิทย์”

สิรวิทย์นั่งรออยู่ในร้านกาแฟ ไม่นานเปรมสุดาในชุดเซ็กซี่ก็เดินเข้ามา เขาปรายตามองเธอด้วยแววตาเคลิบเคลิ้ม หลงใหล
“คุณสุดานัดผมออกมา มีอะไรครับ?”
“สุดามีเรื่องอยากถามคุณวิทย์ค่ะ”
พลางจงใจขยับตัวไปใกล้ จนอีกฝ่ายตัวเกร็ง แทบลืมหายใจ
“สุดาอยากรู้เรื่องภูค่ะ”
สิรวิทย์แอบเซ็ง พลางขยับหนี ก่อนจะหันไปถาม
“คุณสุดาอยากรู้เรื่องอะไรเหรอครับ?”
“ภูชอบผู้หญิงแบบไหน?”
สิรวิทย์ขมวดคิ้ว “ไอ้ภูชอบผู้หญิงแบบไหน ผมไม่ค่อยแน่ใจ เพราะไม่เคยเห็นมันชอบผู้หญิง
บ่อยนัก”
เปรมสุดาตกใจ “หมายความว่าภูชอบผู้ชายเหรอคะ?”
“ไม่ใช่ครับ ผมหมายถึง ผมไม่เคยเห็นภูจีบผู้หญิง หรือชอบใครจริง ๆ จัง ๆ แต่ถ้าจะถามว่า ภูไม่ชอบผู้หญิงแบบไหน ผมพอจะตอบได้”
“แล้วภูไม่ชอบผู้หญิงแบบไหน?”
“ไม่ชอบผู้หญิงแต่งหน้าจัด ทาปากแดง ติดขนตาปลอมยาวเว่อร์ๆ ใส่น้ำหอมฉุน แต่งตัววับ ๆ แวม ๆ ที่ไม่ชอบมากกว่านั้นคือ ผู้หญิงพูดมาก ตามจิก ขี้โวยวาย”
เปรมสุดาถึงกับไปไม่เป็น
“ที่คุณวิทย์พูดมา สุดาชัด ๆ มิน่าภูถึงไม่ชอบสุดาสักที ถ้าภูไม่ชอบผู้หญิงแบบสุดา ก็หมายความว่า ต้องชอบผู้หญิงที่ตรงกันข้ามกับสุดา สุดาจะเปลี่ยนตัวเอง”
สิรวิทย์มองหน้าอีกฝ่าย พลางย้อนถาม
“จะดีเหรอครับ คนเราถ้ารักกันจริง ก็ต้องยอมรับในตัวตนของอีกฝ่ายได้ ถึงแม้ว่ามันจะเป็นข้อเสียนะครับ”
“แต่สำหรับภู สุดาจะมีข้อเสียไม่ได้ สุดาจะทำทุกอย่างที่ภูชอบ คุณวิทย์ต้องช่วยสุดา”
เปรมสุดาจับมือสิรวิทย์ พลางส่งสายตาออดอ้อน
“ครับ ผมจะช่วยคุณสุดา”

เปรมสุดายิ้มดีใจ สิรวิทย์ยิ้มตอบ ด้วยแววตาเศร้า

ทางด้านพิณชนิดา ก็มานัดพบแสงโชติในร้านอาหาร ฝ่ายหลังจงใจยิ้มให้เธออย่างเป็นมิตร
 
“มีอะไรให้ผมรับใช้ครับ?”
“คุณแสงโชติเป็นคนดี มีน้ำใจ ผิดกับนายภูมินทร์มากจริง ๆ”
“พี่ภูเป็นแบบนี้มาตั้งแต่เด็กๆ แล้วครับ ใครทำอะไรไม่ถูกใจก็ระรานไปทั่ว”
พิณชนิดาพยักหน้าอย่างเข้าใจ
“มิน่าพี่ชายของคุณถึงไปขู่ฉันถึงห้อง ท่าทางเค้าแค้นฉันมากที่ฉันทำให้เค้าไม่ได้อพาร์ทเม้นต์ที่ฉันอยู่ ฉันกลัวเค้ากัดฉันไม่ปล่อย”
แสงโชติรีบเสนอตัว
“คุณพิณไม่ต้องกลัว ผมจะพูดกับพี่ภูให้เอง เราโตมาด้วยกัน พี่ภูฟังผมทุกเรื่อง ผมจะไม่ยอมให้พี่ภู ทำร้ายคุณพิณเด็ดขาด”
พิณชนิดาได้ฟังก็ยิ้มอย่างสบายใจ ตรงข้ามกับแสงโชติที่มองเธอด้วยแววตาร้าย

อรรถพรนั่งสอบสวนนักศึกษาสาวบนโรงพัก ด้วยสีหน้าแปลกใจ
“มีคนดึงขา ?”
“ใช่ค่ะ ฉันเห็นผู้หญิงตกน้ำ เลยวิ่งไปดู ยืนดูได้สักพัก ก็ถูกดึงตกน้ำ”
“ใครดึง?”
“ฉันไม่เห็นค่ะ เร็วมาก แต่รู้สึกจริง ๆ ว่ามีคนดึงขา พอตกน้ำลงไป ก็ถูกดึงลงไปใต้น้ำอีก แต่โชคดีที่ฉันเป็นนักกีฬาว่ายน้ำ เลยกลั้นหายใจได้นาน ฉันพยายมตะเกียกตะกาย จนว่ายขึ้นมาสำเร็จ คุณตำรวจต้องหาคนร้ายให้ได้นะคะ จงใจฆ่ากันชัด ๆ”
อรรถพรถามย้ำ “แน่ใจนะครับว่ามีคนดึงขาจริง ๆ”
นักศึกษาสาวไม่ตอบ แต่กลับยื่นขาให้เห็นรอยนิ้วแดงที่ข้อเท้าอย่างชัดเจน อรรถพรเห็นแล้วถึงกับตกใจ

“รอยนิ้วชัดขนาดนี้ แสดงว่าดึงแรงมาก”
ภิชาสินีดูรูปรอยนิ้วมือที่ข้อเท้าของนักศึกษาในมือถืออรรถพรอย่างอึ้งๆ
“เราต้องรีบหาทางจับผีตัวนี้ให้ได้ ไม่อย่างงั้นคงจะฆ่าคนไปเรื่อย ๆ”
“คนตาย ก็เหมือนคนเป็น ทำอะไรต้องมีเหตุผล ฉันว่าผีตัวนี้ ต้องการสื่ออะไรบางอย่าง เราต้องหาคำตอบ”

สีหน้าของภิชาสินีมุ่งมั่น

พรายพยากรณ์ ตอนที่ 6 (ต่อ)

พิณชนิดามองภิชาสินีที่กำลังค้นหาของอยู่แถวลิ้นชักอย่างแปลกใจ
 
“หาอะไร?”
“สร้อยพระของพ่อ พี่พิณเห็นบ้างรึเปล่า?”
พิณชนิดาส่ายหน้า “อยู่แถวนั้นแหละ ลองค้นดูดี ๆ”
ครู่หนึ่งภิชาสินีก็ค้นเจอ ก่อนจะหยิบออกมา
“จะเอาสร้อยพระของพ่อไปทำไม?”
ภิชาสินีอึกอัก
“เอ่อ ไม่มีอะไร ภิแค่คิดถึงพ่อ เลยอยากเอาสร้อยของพ่อมาห้อยคอ”
พิณชนิดาพยักหน้า แล้วรีบเปลี่ยนเรื่อง
“วันนี้นายภูมาขู่อาฆาตพี่ถึงนี่ พี่ไปคุยกับคุณแสงโชติแล้ว เค้ารับปากว่าจะคุยกับนายภูให้
เรื่องคงจบเร็ว ๆ นี้”
ภิชาสินียิ้มโล่งใจ พลางล้มตัวลงนอน พิณชนิดาขยับไปใกล้น้อง
“พี่ก็คิดถึงพ่อ แม่ ป้า เหมือนกัน ถ้าทุกคนยังอยู่ก็คงดีเนอะ ป่านนี้ พวกท่านคงอยู่บนสวรรค์กันหมดแล้ว”
ภิชาสินีนอนนิ่ง เพราะเห็นวิญญาณของพ่อ แม่ ป้า ปรากฏตัวอยู่ข้างๆ พิณชนิดาห่มผ้าให้น้องสาวแล้วนอนใกล้ ๆ พลางเอามือกอดไว้ แล้วร้องเพลงกล่อม
กานต์กมลมองลูกสาวทั้งสองด้วยความเศร้า ปราชญ์โอบกานต์กมล พัณทิพายืนน้ำตาซึม
สองพี่-น้องค่อย ๆ หลับตามลง ท่ามกลางกลิ่นไอความรักอันอบอุ่นของบุคคลอันเป็นที่รัก
ที่มิเคยจากไปไหน

แสงโชติยืนคุยโทรศัพท์ ด้วยสีหน้าจริงจัง
“ฉันมีงานสำคัญให้ทำ”
ครั้นหันไปเห็นสัญชัยเดินเข้ามา ก็รีบวางสาย

พิณชนิดากรีดร้องเสียงดังลั่นห้อง ภิชาสินีกับปิ่นเพชรรีบวิ่งถลันเข้ามาหา
“ชุดชั้นในของพี่หายไป เมื่อวานซักตากไว้ที่ระเบียง ตื่นเช้ามาก็หายเกลี้ยง”
“ถูกลมพัดปลิว ตกลงไปข้างล่างรึเปล่า?”
พิณชนิดาส่ายหน้า
“พี่เอาไม้หนีบ หนีบไว้แน่นหนา ไม่มีทางตกแน่ อีกอย่างพี่ลงไปดูข้างล่างแล้ว ไม่มี น้องเหมียว กับน้องหมี ตัวโปรดด้วย”
ภิชาสินีขมวดคิ้ว “เดี๋ยวนะพี่ น้องเหมียวกับน้องหมี มันทั้งเก่าทั้งขาด ไม่น่ามีใครขโมย”
“มีสิ ไอ้โรคจิตไง”
“แถวนี้ไม่เคยมีคนโรคจิต”
จู่ๆ พิณชนิดาก็นึกขึ้นมาได้
“นายภูมินทร์ ใช่แน่นอน เมื่อวาน นายนั่นอาฆาตแค้นพี่มาก เช้ามา ชุดชั้นในตัวโปรดพี่ก็หายไป ถ้าไม่ใช่มันแล้วจะเป็นใคร ? นายภูมินทร์ ไอ้วิปริต”
ภิชาสินีกับปิ่นเพชรมองหน้ากัน อย่างไม่เชื่อว่าเป็นภูมินทร์ แต่สีหน้าพิณชนิดามั่นใจมาก
“อย่าให้เจออีกนะ นายตายแน่”
ภูมินทร์ที่ไม่ได้นอนทั้งคืน นั่งขอบตาคล้ำอยู่ที่โต๊ะอาหาร ครู่หนึ่งเปรมสุดาก็เดินเข้ามา ด้วยใบหน้าที่ปราศจากเครื่องสำอาง แต่งเนื้อแต่งตัวมิดชิด กระโปรงยาว เสื้อแขนยาวคอปิดถึงกระโดงคอ ป่านแก้วกับปูเปรี้ยวหันไปเห็นก็ตกใจแทบช็อก ภูมินทร์หันไปมอง เห็นสภาพเปรมสุดาก็พลอยชะงัก
“ถึงกับตะลึงเลยเหรอคะภู ชอบล่ะสิ? สุดาเปลี่ยนตัวเองเพื่อภูเลยนะคะ”
พูดพลางหมุนตัวรอบๆ แล้วเข้าไปเกาะแขนภูมินทร์ ที่มองอย่างตกใจ
“ช่วยขยับไปไกลๆ ได้รึเปล่า เห็นสภาพคุณใกล้ ๆ แบบนี้ ผมกลัว ไม่ได้นอน ก็แย่พอแล้ว นี่ยังต้องมาเจออะไรสยอง ๆ แต่เช้าอีก สงสัยต้องทำบุญสะเดาะเคราะห์”
พูดจบก็รีบเดินออกไป เปรมสุดามองตาม แล้วอยากจะกรี๊ด

“สุดาเปลี่ยนตัวเองขนาดนี้ ภูยังไม่สนใจอีกเหรอคะ สุดาต้องทำยังไงอีก?”

เมื่อกลับมาถึงบ้าน ปณิตาก็พลอยตกใจกับใบหน้าที่ซีดเซียวของลูกสาว ก่อนที่จะรีบแนะนำ
 
“แม่มาคิด ๆ ดูแล้ว แม่ว่าปัญหามันอยู่ที่ลูกตามง้อภูมากเกินไป จนดูเป็นของตายไม่เร้าใจ ผู้ชายมีสัญชาติญาณนักล่า ชอบความท้าทาย ถ้าสุดากลายเป็นของยาก ภูจะต้องสนใจ”
สองแม่-ลูกแววตาเป็นประกายอย่างมีความหวัง
จากนั้นเปรมสุดาก็ทำทีเป็นโทร.ไปชวนสิรวิทย์ให้มากินข้าว แต่กลับย้ำให้เขาชวนภูมินทร์มาด้วยให้ได้
สิรวิทย์วางสาย ก่อนจะกดสายโทร. ออกไปนัดภูมินทร์
“ว่าไงไอ้วิทย์ กินข้าวเหรอ ได้ ๆ กลางวันนี้ฉันว่างพอดี เจอกัน”

ภูมินทร์กับสิรวิทย์นั่งอยู่ด้วยกันใรนร้านอาหาร กำลังจะหยิบเมนูมาสั่งอาหาร จังหวะนั้นเปรมสุดา ก็เดินเข้ามา ในชุดจัดเต็มมาก ทั้งเสื้อผ้า หน้าผม พลางแสร้งตีสีหน้าประหลาดใจ
“อ้าวภู มาด้วยเหรอคะ?”
ภูมินทร์หันขวับไปมองหน้าสิรวิทย์ทันที “ชวนคนอื่นทำไมไม่บอกฉัน”
เปรมสุดาหย่อนตัวนั่งลงข้างๆ สิรวิทย์ ทำเอาเขาถึงกับอึ้ง
“แหม ภูก็ คิดมากไปได้ ทานหลาย ๆ คน อร่อยจะตาย”
พลางยกมือแตะไหล่สิรวิทย์ จงใจให้ภูมินทร์หึง “จริงมั้ยคะคุณวิทย์”
“ครับ”
แต่ภูมินทร์กลับไม่ได้สนใจ เรียกพนักงานมาสั่งอาหาร
“ขอสลัดผัก แล้วก็เสต็กเนื้อแกะอบซอส”
ระหว่างนั้นเปรมสุดาก็รีบเรียกความสนใจ ด้วยการออดอ้อนสิรวิทย์
“คุณวิทย์ขา ร้านนี้อะไรอร่อยคะ?”
แต่พออีกฝ่ายอ้าปากจะพูด เปรมสุดาก็รีบเอานิ้วปิดปาก
“ห้ามบอกว่าอร่อยทุกอย่างนะคะ”
พลางหันไปสั่งพนักงาน “ฉันขอเหมือนที่สั่งเมื่อกี๊อีก 1 ชุดแล้วกัน”
พนักงานรับคำแล้วเดินออกไป เปรมสุดาจงใจยื่นหน้าเข้าไปใกล้สิรวิทย์ พร้อมเอานิ้วจิ้ม ๆ ที่หางตาแบบล้อๆ แล้วเสียงอ่อนเสียงหวาน
“ภูดูสิคะ สงสัยช่วงนี้คุณวิทย์จะทำงานมากไป หน้าดูเนื้อยเหนื่อย เอาไว้แวะไปหาสุดาที่บ้านสิคะ สุดาจะนวดหน้าให้ รับรองว่าผ่อนคลาย หายเหนื่อยเป็นปลิดทิ้ง”
สิรวิทย์รีบปฏิเสธ “ผมไม่กล้ารบกวนคุณสุดาหรอกครับ”
“รบกวนอะไรกันคะ คนกันเองทั้งนั้น”
ภูมินทร์รีบยุส่ง “นั่นสิ สุดาเค้าเสนอเอง แสดงว่าไม่รบกวน แกอย่าคิดมาก”
เปรมสุดาชะงักที่ภูมินทร์ไม่หึง จึงยั่วต่อ
“ใช่ค่ะ แวะไปบ้านสุดานะคะ แล้วสุดาจะทำอาหารให้ทาน”
สิรวิทย์ยิ้มเจื่อนๆ ทำตัวไม่ถูก ภูมินทร์มองทั้งคู่ แล้วตัดสินใจลุกขึ้น
“ฉันไปนะ”
เปรมสุดาแอบนึกในใจ “ภูคงหึงเรา จนทนดูเราสวีทกับคุณวิทย์ไม่ไหวแน่ ๆ”
แต่ภูมินทร์กลับพูดหน้าตาเฉย
“สวีทกันไปเถอะ ฉันไม่อยากนั่งเป็นก้างขวางคอแกกับสุดา”
จากนั้นก็เดินออกไปเลย ทำเอาเปรมสุดาหน้าเหวอ
“ทำไมภูไม่หึงสุดาสักนิด ภูใจร้าย ใจร้ายที่สุด”
เปรมสุดาแหกปากลั่นร้าน จนคนหันมามองกันทั้ง
“คุณสุดาครับ เบาเสียงลงหน่อยครับ คนหันมามองทั้งร้านแล้ว”

แต่เปรมสุดากลับแหกปากร้องไม่เลิก สิรวิทย์จำต้องค่อยๆ ดึงเธอให้ลงมาซบที่อก แล้วลูบหลังปลอบใจ

ภูมินทร์หลบมานั่งจิบกาแฟชิลล์อยู่มุมหนึ่ง โดยไม่ทันเห็นว่าพิณชนิดากำลังนั่งดูไพ่ยิปซีให้เจ้าของร้านอยู่อีกมุมหนึ่ง พอดูเสร็จเจ้าของร้านก็หยิบซองเงินยื่นให้
 
“ขอบคุณมากนะคะน้องพิณ ถ้าเนื้อคู่พี่มาจริง ๆ จะเรียกมาดูฤกษ์แต่ง”
“ขอให้โชคดีนะคะ”
พิณชนิดายิ้มแหยๆ แล้วรีบเดินออกไป เจ้าของร้านนั่งเคลิ้มฝันหวาน พอหันไปเห็นภูมินทร์ก็ชะงัก พลางจ้องมองอย่างอยากจะกลืนกิน จนภูมินทร์ต้องรีบลุกหนีไป

พิณชนิดาเดินออกมาจากร้าน พลางควานหากุญแจรถในกระเป๋า บังเอิญแบงค์ห้าร้อยที่หยิบติดมาด้วย ปลิวไปใต้รถของภูมินทร์ เธอจึงรีบก้มลงควานหา
ภูมินทร์เดินออกมา เห็นพิณชนิดาก้ม ๆ เงย ๆ อยู่ใต้ท้องรถ ก็ชะงัก
“ทำอะไร?”
พิณชนิดาเก็บเงินได้ ก็รีบเงยหน้าขึ้นมา สองคนมองหน้ากัน ต่างฝ่ายต่างผงะ แล้วพูดออกมาพร้อมกัน
“ไอ้วิปริต! / ยัยประหลาด”
ภูมินทร์หัวเราะขำ “นี่เป็นเอามาก ถึงขั้นสะกดรอยตามฉันเลยรึไง?”
พิณชนิดาสวนกลับ
“ฉันต่างหากที่ต้องพูดคำนั้น ขโมยชุดชั้นในฉันไปยังไม่พอรึไง จะตามมาขโมยอะไรอีก”
“คนอย่างฉัน ไม่ปัญญาอ่อนไปขโมยชั้นในผ้าขี้ริ้วเส็งเคร็งของเธอ ถ้าจะอ่อยฉันก็ช่วยอ้างเรื่องที่มันสมเหตุสมผลกว่านี้หน่อย”
พิณชนิดาทำปากแบะ “ถ้าจะอ่อยนาย ฉันไปอ่อยแมวอ่อยหมายังจะดีกว่า”
ภูมินทร์มองพิณชนิดาอย่างดูถูก
“พอเถอะ เลิกเสแสร้ง ทำเป็นมีศักดิ์ศรี ฉันรู้ดีว่าเธออยากจับฉันเป็นสามีจนตัวสั่น แต่จะบอกอะไรให้ ฉันไม่มีทางลดตัวลงไปนอนกับผู้หญิงอย่างเธอแน่ เลิกพยายามซะ”
ขาดคำก็รีบขึ้นรถ แล้วขับออกไปทันที มือปืนที่แอบมองอยู่อีกด้าน รีบขี่มอเตอร์ไซค์ตามภูมินทร์ไป
พิณชนิดาโกรธจนตัวสั่นไปหมด พูดไม่ออก ด่าไม่ถูก
“ไอ้ปากขยะ วันนี้ได้เห็นดีกันแน่”
ว่าแล้วก็รีบบึ่งรถตามภูมินทร์ไปทันที

มือปืนคนซ้อนท้ายจะหยิบปืนออกออกมาจ่อยิงภูมินทร์ แต่ทันใดนั้นรถเต่าของพิณชนิดาก็ปาดหน้าในระยะกระชั้นชิด ภูมินทร์เบรกหัวเกือบทิ่ม มือปืนรีบเก็บปืนทันที พร้อมๆ กับที่คนขี่ รีบเบี่ยงรถออกไป
พิณชนิดายื่นหัวออกมานอกรถ ชี้หน้า ตะโกนด่าภูมินทร์เสียงดังลั่น
“ไอ้โรคจิต ชอบขโมยชุดชั้นใน ไอ้บ้ากาม ไอ้วิปริตผิดมนุษย์”
จากนั้นก็บึ่งรถทิ้งห่างออกไป ภูมินทร์โมโหมาก รีบขับรถตามไป มือปืนบนรถมอเตอรืไซค์ ก็ขี่ตามไปด้วย

รถของภูมินทร์ขับมาปาดคืน พิณชนิดาเบรกหัวเกือบทิ่ม ภูมินทร์เปิดกระจกหันมายิ้มสะใจ ก่อนจะขับรถออกไป พิณชนิดาไม่ยอมแพ้ เหยียบคันเร่งตาม โดยมีมือปืนขี่มอเตอร์ไซค์ตามห่าง ๆ
รถของภูมินทร์กับพิณชนิดาแล่นมาถึงบริเวณทางรถไฟ จังหวะที่ที่ไม้กั้นกำลังจะยกลง พิณชนิดารีบเบรกเอี๊ยด แต่ภูมินทร์กลับบ้าบิ่น ขับผ่านไม้กั้นไปอย่างเฉียดฉิว พลางมองกระจกหลัง แล้วหัวเราะอย่างสะใจ
ไม่ทันสังเกตว่ามีรถมอเตอร์ไซค์แล่นตามมา
จังหวะที่มือปืนขี่มอเตอร์ไซค์มาใกล้รถภูมินทร์ พร้อมกับที่คนซ้อนกำลังหยิบปืนออกมาจะยิง
พิณชนิดาที่ขับรถตามมาเห็นก็ตกใจ รีบกดแตรยาวดังลั่นถนน แถมขับรถตรงดิ่งเข้าไปจะชนมอเตอร์ไซค์ของมือปืน ที่รีบขับหนี แต่คนซ้อนท้ายไม่วาย เล็งปืนใส่ภูมินทร์ แล้วยิงกราดไปหลายนัด
 
ภูมินทร์รีบก้มตัวลงหลบ กระสุนเฉียดไปถูกกระจกแตกกระจาย

พิณชนิดารีบจอดรถข้าง ๆ รถภูมินทร์ แล้วรีบลงไปดูด้วยความเป็นห่วง พอเห็นเขานอนหมอบอยู่ก็ตกใจ รีบเปิดประตูรถจะเข้าไปช่วย จู่ ๆ ภูมินทร์ก็ลุกพรวดขึ้นมา พิณชนิดาถึงกับร้องลั่น
 
“อ๊าย ฉันคิดว่านายถูกยิงตายไปแล้ว”
ภูมินทร์หันหน้ามาตวาดใส่ “ปากเสีย”
“ฉันเพิ่งช่วยชีวิตนายไว้แท้ ๆ ขอบคุณสักคำ มีมั้ย แบบนี้มันน่าปล่อยให้โดนยิงตายจริง ๆ ไอ้ปากตระกร้อ”
ภูมินทร์นิ่ง เพราะยังช็อกไม่หาย พิณชนิดาเห็นหน้าอีกฝ่ายไม่ค่อยดี เลยหยุดด่า
“แจ้งความสิ นั่งเฉยอยู่ทำไม ?”

จากนั้นทั้งคู่ก็พากันเข้ามาแจ้งความที่โรงพัก ครู่หนึ่งก้องภพกับสิรวิทย์วิ่งหน้าตาตื่นเข้ามา
“บาดเจ็บรึเปล่าครับคุณภู?”
ภูมินทร์ส่ายหน้า ก้องภพถอนหายใจอย่างโล่งอก พลางมองพิณชนิดาอย่างแปลกใจ
“ไม่ต้องสงสัยค่ะคุณก้อง ฉันช่วยชีวิตเจ้านายคุณไว้อีกแล้ว”
ภูมินทร์รีบพูดแทรกขึ้นมา “ก็ไม่ได้ช่วยอะไรมากมายหรอก”
พิณชนิดาหันมามองอย่างไม่พอใจ
“ช่วยชีวิตยังไม่มากอีกรึไง ? ถ้าไม่ได้ฉันบีบแตร ขับรถชนไอ้มือปืนนั่น ป่านนี้นายไปคุยกับ
ยมบาลแล้ว”
สิรวิทย์มองหน้าพิณชนิดาแล้วก็นึกขึ้นได้
“คุณที่เป็นข่าวกับภูนี่เอง ยินดีที่ได้รู้จักนะครับ ผมสิรวิทย์เพื่อนสนิทไอ้ภู”
พิณชนิดายิ้มตอบ
“ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ ฉันพิณชนิดา”
ภูมินทร์มองแบบเหยียด ๆ “ยิ้มกับผู้ชายไปทั่ว”
“ฉันมันคนอัธยาศัยดี ไม่ใช่คนปากเสีย หน้าไม่รับแขกอย่างนาย ถ้าไม่มีอะไรแล้ว ฉันขอตัวกลับนะคะ แถวนี้อากาศเป็นมลพิษ หายใจไม่สะดวก กลับก่อนนะคะ”
ก้องภพกับสิรวิทย์ยิ้มตอบ พิณชนิดาเชิดใส่ภูมินทร์แล้วเดินออกไป
“คุณพิณช่วยคุณภูไว้อีกแล้ว ยังกับพรหมลิขิตเลยนะครับ”
ภูมินทร์เบ้หน้า
“พรหมลิขิตบ้าบออะไร ยัยนั่นตัวซวยชัด ๆ อยู่ใกล้ทีไร ซวยทุกที ช่วยดำเนินการเรื่องนี้เงียบ ๆ ปิดเป็นความลับ อย่าให้นักข่าวรู้เด็ดขาดนะครับ”
ตำรวจรับคำ “ไม่ต้องห่วงครับ เราจะดำเนินการอย่างเงียบที่สุด”

ทั้งสิรวสิทย์ และก้องภพเห็นพ้องต้องกันว่าภูมินทร์สมควรจะต้องจ้างบอดี้การ์ด แต่เจ้าตัวกลับยืนยันปฏิเสธ พลางรีบเปลี่ยนเรื่อง
“ตกลงแกกับสุดาไปปิ๊งกันตอนไหน? เมื่อกลางวันเห็นหวานกันน่าดู”
สิรวิทย์หน้าเจื่อนไป “คุณสุดาทำแบบนั้นเพื่อประชดแก”
“ประชดอะไร ไร้สาระ”
พูดจบเดินนำออกไป แล้วก็นึกขึ้นมาได้ รีบหันมาทางสิรวิทย์
“แกรู้จักตำรวจนายผู้ใหญ่ใช่มั้ย? ฉันอยากให้ตำรวจคนนึงทำคดีนี้ ฉันมั่นใจว่าตำรวจคนนี้ไว้ใจได้”

สิรวิทย์มองหน้าอย่างแปลกใจ “ใคร?”

พรายพยากรณ์ ตอนที่ 6 (ต่อ)

อรรถพรกับปิ่นเพชรยืนมองภิชาสินีที่เตรียมตัวจะเดินลงไปที่ริมน้ำอย่างอึ้งๆ จนที่สุดอรรถพรก็เป็นฝ่ายทนไม่ได้
 
“คุณอย่าลงไปเลย ผมลงไปเองดีกว่า”
“แต่คุณกลัวผีมาก จะไหวเหรอ?”
อรรถพรสูดลมหายใจ “ไม่ไหวก็ต้องไหว ผมยอมให้คุณลงไปเสี่ยงไม่ได้หรอก”
ภิชาสินีมองอรรถพรด้วยความซาบซึ้งใจ อรรถพรถอดรองเท้า พร้อมกับหันไปชวนปิ่นเพชรให้ลงไปด้วยกัน แต่ฝ่ายถูกชวนส่ายหัวยิกๆ
ภิชาสินีมองอย่างสงสาร ก่อนจะรีบถอดสร้อยพระ แล้วคล้องคอให้อรรถพร
“ไม่ต้องกลัว พระท่านจะคุ้มครองคุณเอง นึกถึงพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์เข้าไว้ จิตที่ดี จะมีพลังที่ดีคุ้มครองป้องกัน”
อรรถพรพยักหน้า พลางรวบรวมความกล้า ใส่แว่นสำหรับว่ายน้ำ ก่อนจะลงน้ำไปในที่สุด

อรรถพรดำลงไปใต้น้ำท่ามกลางบรรยากาศมืดทึม ๆ ดูน่ากลัว เขาว่ายผ่านก้อนหินดำ ๆ ก้อนใหญ่ พลันก็รู้สึกเหมือนจะมีอะไรโผล่ออกมาจากหลังก้อนหิน เขากำสร้อยพระที่คอแน่น แล้วค่อย ๆ ว่ายเข้าไปใกล้ๆ ก้อนหินใหญ่ แต่ลับไม่เห็นอะไร จากนั้นก็ค่อย ๆ ว่ายผ่านไป
จู่ ๆ ก็มีผมยาว ๆ ลอยผ่านหน้ามา อรรถพรสะดุ้งตกใจ จับพระที่คออีกครั้ง แต่พอเพ่งมองชัดๆ จึงเห็นว่าเป็นตะไคร่ที่พันตอไม้เอาไว้ เขายิ่มอย่างโล่งใจ
ทางด้านภิชาสินีกับปิ่นเพชร ที่ยืนรออยู่ด้านบน ก็ทั้งลุ้น ทั้งเป็นห่วง
อรรถพรว่ายขยับไปที่ตอไม้ใหญ่ ค่อย ๆ มอง แต่ไม่เห็นอะไร แต่พอหันไปหันมาอีกด้าน ก็เจอกับหน้าผีพรายที่อยู่ใกล้จังๆ เขาตกใจแทบช็อก รีบว่ายหนี แต่ผีพรายตามมาจับขาเอาไว้ เขาดิ้นพรวดๆ พยายามเอาตัวรอด แต่กลับถูกผีพรายดึงลึกลงไปเรื่อยๆ จนใกล้จะหมดแรง พลันคำพูดของภิชาสินีก็เข้ามาในหัว
“นึกถึงพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์เข้าไว้ จิตที่ดี จะมีพลังที่ดีคุ้มครองป้องกัน”
อรรถพรกำพระเอาไว้แน่น พลางพยายามผลักผีพรายที่เข้ามาบีบคอ พร้อมกับสวดมนต์ในใจ
พลันแสงรัศมีจากสร้อยพระก็สว่างเป็นประกายเจิดจ้า
ภิชาสินีรอจนทนไม่ไหว กำลังจะลงน้ำไปตาม ทันใดนั้นร่างอรรถพรก็พุ่งพรวด ทะลึ่งขึ้นมาจากผืนน้ำ ภิชาสินีกับปิ่นเพชรถึงกับชะงัก พลางรีบเข้าไปช่วยกันลากร่างที่ทำท่าจะหมดแรงขึ้นมา
“เป็นยังไงบ้าง?”
อรรถพรหายใจหอบ จนตัวโยน “ผมเจอแล้ว”
“เจออะไร?”

หลังจากที่นักประดาน้ำงมโครงกระดูกของผู้หญิงขึ้นมาจากน้ำ เจ้าหน้าที่จากสถาบันก็ดำเนินการตรวจสอบ ภิชาสินี กับปิ่นเพชร ยืนมองอยู่ห่างๆ อรรถพรรีบเข้าไปถามเจ้าหน้าที่ที่กำลังปฏิบัติงาน
“ผู้หญิงใช่มั้ยครับ?”
เจ้าหน้าที่แปลกใจ
“จากโครงสร้าง น่าจะเป็นผู้หญิงค่ะ คุณตำรวจรู้ได้ยังไงคะ?”
“เห็นเต็ม ๆ เลยครับ เอ่อ ผมหมายถึง ผมเห็นโครงกระดูกมาเยอะครับ เลยเดาได้ คาดว่าเสียชีวิตมานานแค่ไหนแล้วครับ?”
เจ้าหน้าที่สันนิษฐาน
“ต่ำ ๆ ไม่น่าจะน้อยกว่า 1 ปี แต่ถ้าจะให้ชัวร์ ต้องรอตรวจสอบจากแล็บอีกทีค่ะ”

อรรถพรเดินไปหาภิชาสินีและปิ่นเพชร ทั้งหมดมองไปที่โครงกระดูกอีกครั้งด้วยความสงสาร

“ตกลงที่วิญญาณผู้หญิงคนนั้นลากคนลงน้ำ คงเป็นเพราะอยากให้มีคนเห็นศพของเธอ”
 
ภิชาสินีวิเคราะห์ขณะที่ยังอยู่ในรถกับอรรถพร และปิ่นเพชร
ปิ่นเพชรพยักหน้าเห็นด้วย
“นั่นสิ อยู่ในน้ำมานาน คงทรมาน หนาวสุด ๆ น่าสงสารนะเจ๊ จากประสบการณ์ ผีที่ฆ่าคน เป็นไปได้ว่าก่อนตาย มีความแค้นฝังอยู่ในจิต”
ภิชาสินีค่อยสบายใจขึ้นมาบ้าง
“เอาร่างของเธอขึ้นมาแล้ว เธอคงหมดห่วง ไปผุดไปเกิดเสียที พรุ่งนี้เช้าฉันจะทำบุญให้ เธอจะได้ไปเกิดในภพภูมิที่ดี”
อรรถพรถอนหายใจโล่งอก “เฮ้อ หมดเรื่องเสียที”

ทางด้านพิณชนิดายังคงครุ่นคิดถึงเหตุการณ์ที่ภูมินทร์ถูกคนร้ายลอบยิง
“ถูกตามฆ่าขนาดนั้น จะรอดรึเปล่า?”
คิดพลางหันไปหยิบไพ่มา แล้วกำไพ่เอาไว้ในมือแน่น ก่อนจะหยิบดึงไพ่ออกมา 3 ใบ จังหวะเดียวกับที่ภิชาสินีเปิดเข้ามากับปิ่นเพชร
“ห้ามบอกพี่พิณเรื่องผีพรายเด็ดขาด”
ปิ่นเพชรรับคำ “เค้ารู้แล้วน่า”
พิณชนิดาหันไปมองอย่างสงสัย
“กระซิบกระซาบอะไรกัน ไปไหนมา ทำไมเพิ่งกลับเอาป่านนี้?”
ภิชาสินีรีบปด “ไปติวหนังสือกับเพื่อน”
“ติวหนังสือ เอาปิ่นเพชรไปด้วยทำไม?”
ปิ่นเพชรเห็นภิชาสินีอึกอัก ก็รีบตอบแทน
“เค้าอยากไปเที่ยวที่อื่นบ้าง ก็เลยตามเจ๊ภิไปด้วย”
พิณชนิดาไม่เอะใจอะไร พลางเริ่มเปิดไพ่ ทีละใบ เป็นไพ่ Devil , Hang man และ 8 ดาบ
“ โอ้โห ดวงนายภูมินทร์ดิ่งลงเหวจริง ๆ ด้วย ไพ่ Devil อยู่ติดกับ Hang man วิญญาณชั่วร้าย”

เอ๋กำลังล้างมืออยู่ในห้องน้ำ ล้างไปก็บ่นไป
“คุณภูยังเหลือเอกสารที่ต้องเซนต์อีกตั้งกองใหญ่ คืนนี้ดึกแน่เรา”
พลันหางตาก็รู้สึกเหมือนเห็นใครเดินผ่าน แต่พอหันไปมอง กลับไม่เห็นใคร
“สงสัยจะตาฝาด ทำไมคืนนี้ออฟฟิศดูวังเวง ๆ น่ากลัวยังไงบอกไม่ถูก”
พอเดินออกจากห้องน้ำ ก็เห็นคราบน้ำเต็มทางเดิน
“มืดค่ำป่านนี้ใครมาทำน้ำหกไว้ รึว่าแอร์จะรั่ว ก็ไม่รั่ว แล้วน้ำอะไร?”
เอ๋เดินตามคราบน้ำไปเรื่อย ๆ ท่ามกลางบรรยากาศเงียบ วังเวง ชวนขนลุก ทันใดนั้นมือถือก็ดังขึ้นมา เอ๋สะดุ้งโหยง ก่อนจะรีบกดรับสาย
“จ้าตะเอง งานเค้ายังไม่เสร็จเลย”

เอ๋หันไปพูดมือถืออีกทาง โดยไม่ทันเห็นผู้หญิงที่ร่างชุ่มไปด้วยน้ำในชุดสีขาวทางด้านหลังที่กำลังเดินตรงไปเรื่อย ๆ ช้า ๆ

เท้าซีดเซียวชุ่มไปด้วยน้ำ ค่อย ๆ เดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าห้องทำงาน ขณะที่ภูมินทร์นั่งเซ็นเอกสารอยู่ในห้อง
 
แต่บังเอิญเผลอทำปากกาหล่น เขารีบก้มลงเก็บ ปากกากระเด็นไปใต้โต๊ะ ภูมินทร์ค่อย ๆ คลานพลางเอื้อมมือจนสุดแขน ก่อนจะหยิบปากกาได้ในที่สุด
ทันใดนั้นก็มีเสียงเคาะประตู ภูมินทร์คิดว่าเป็นเอ๋ เลยไม่ได้สนใจ
“เข้ามา”
แต่ทุกอย่างกลับเงียบ จนภูมินทร์ชักเอะใจ หันมองประตู
“คุณเอ๋”
ไม่มีเสียงตอบกลับมา ภูมินทร์เริ่มใจไม่ดี ลุกขึ้นเดินไปที่ประตู
“ใคร? ฉันถามว่าใครอยู่ที่ประตู”
สรรพสิ่งยังคงเงียบงันเช่นเดิม พลันก็มีเสียงทุบประตูห้องอย่างแรง ฟังดูน่าตื่นตระหนก ภูมินทร์รีบถอยกรูดออกจากประตูทันที ก่อนจะตัดสินใจ ค่อย ๆ เอื้อมมือไปที่ลูกบิด เหงื่อซึมไปทั่วหน้า สีหน้าครุ่นคิด หวาดระแวง ก่อนจะเปิดผัวะในที่สุด
ทันทีที่ประตูเปิดออก เขาก็ร้องลั่น เพราะเห็นเอ๋ยืนอยู่ ต่างคนต่างตกใจ
“มายืนทำอะไรเงียบ ๆ เรียกตั้งนานก็ไม่ขาน”
เอ๋หน้าซีด “เอ๋เพิ่งมาเมื่อกี๊ยังไม่ถึงสองวิเลยค่ะ พอจะเปิดประตู คุณภูมินทร์ก็เปิดออกมาพอดี”
“อ้าว เธอไม่ได้เคาะประตูเหรอ ?”
เอ๋ส่ายหน้า “ยังไม่ทันได้เคาะค่ะ คุณภูมินทร์เปิดออกมาก่อน”
ภูมินทร์ถึงกับอึ้ง “ถ้าเธอไม่เคาะแล้วใครจะเคาะ?”
เอ๋มองซ้ายมองขวาอย่างหวาดหวั่น พลางทำหน้าเหมือนจะร้องไห้
“ตอนนี้ทั้งชั้น เหลือแค่คุณภูมินทร์กับเอ๋ ถ้าเราไม่ได้เคาะทั้งคู่ ก็น่าจะเป็น…”
ภูมินทร์ชี้หน้าอย่างเอาเรื่อง
“อย่าได้คิดจะพูดอะไรไร้สาระออกมาเด็ดขาด”
เอ๋รีบหุบปากแทบไม่ทัน ภูมินทร์ส่ายหน้าอย่างรำคาญ ก่อนจะเห็นรอยน้ำที่พื้น
“ทำน้ำหก ทำไมไม่เช็ด เกิดฉันเดินแล้วลื่นหัวฟาดขึ้นมา จะว่ายังไง”
เอ๋รีบส่ายหน้าปฏิเสธ
“เอ๋เปล่านะคะ เอ๋ก็สงสัยเหมือนกันค่ะ ว่าใครทำน้ำหก”
ภูมินทร์ขมวดคิ้วอย่างแปลกใจ
“แน่ใจนะว่าทั้งชั้นเหลือเราแค่สองคน”
“แน่ยิ่งกว่าแน่อีกค่ะ”
“ไม่จริง ฉันว่ารปภ.ต้องขึ้นมาตรวจความเรียบร้อย แล้วคงเอาน้ำขึ้นมากินแน่ ถึงได้หยดเป็นทางขนาดนี้ ฉันเซ็นเอกสารหมดเรียบร้อยแล้ว พรุ่งนี้ดำเนินการต่อด้วย”
พูดจบก็จะเดินออกไป แต่เอ๋รีบเรียกเอาไว้
“รอเอ๋ด้วยค่ะ”

เอ๋รีบวิ่งไปคว้ากระเป๋าที่โต๊ะ ก่อนจะเดินตามภูมินทร์ออกไป

ภูมินทร์รีบสาวเท้าเดินเข้ามาที่ลานจอดรถ ความเงียบสงัด ทำให้ได้ยินเสียงรองเท้าของเขากระทบพื้นอย่างชัดเจน
 
เขาเดินมาถึงรถ พลางเข้าไปที่นั่งคนขับ พลันปลายหางตาก็เหลือบเห็นเห็นผู้หญิงชุดขาวยืนอยู่ไกล ๆ แต่พอหันไปดู กลับไม่มีใคร เขาเริ่มรู้สึกใจคอไม่ดี จึงรีบสตาร์ทรถทันที
ทันใดนั้นก็มีเสียงเคาะกระจกดังขึ้น ภูมินทร์สะดุ้งสุดตัว แต่พอหันไปมองก็เห็นเป็นเอ๋ ยืนยิ้ม
แหย ๆ อยู่ข้างรถ
“จู่ ๆ ก็มาเคาะ ตกใจหมด มีอะไร”
“เอ๋จะมาเตือนคุณภูมินทร์ว่า อย่าลืมประชุม 11 โมงเช้าพรุ่งนี้ค่ะ”
“รู้แล้ว”
ภูมินทร์ปิดกระจก แล้วรับขับออกไปทันที เอ๋มองตาม แล็วก็เห็นคนนั่งที่เบาะหลังรถของภูมินทร์ “ใครอยู่ในรถคุณภูมินทร์ เมื่อกี๊ไม่เห็นมี”
พอขยี้ตาดูอีกที กลับเห็นใคร

พิณชนิดานั่งเหม่อมองไพ่ในมืออย่างครุ่นคิด ภิชาสินีออกมาเห็นพี่สาวนั่งเหม่อ ก็แปลกใจ
“คิดอะไรอยู่เหรอพี่พิณ?”
พิณชนิดาหน้าเครียด
“พี่ดูไพ่ให้นายภู ตอนนี้นายนั่นกำลังแย่ ดวงตกสุดขีด วันนี้ก็เกือบถูงยิงตาย ถ้าไม่ได้พี่ช่วย ป่านนี้นายนั่นซี้ม่องเท่งไปแล้ว”
ภิชาสินีรีบเข้าไปหาพี่สาวอย่างเป็นห่วง
“มันเกิดอะไรขึ้น? ทำไมพี่ต้องเข้าไปเสี่ยงขนาดนี้ คนยิงเป็นใคร พวกมันทำอะไรพี่รึเปล่า?”
“ใจเย็น ๆ พวกมันไม่ได้ทำอะไรพี่ ดูจากการลงมือ พวกนั้นน่าจะเป็นมือปืนอาชีพ เสียดายที่พี่ไม่เห็นหน้าพวกมัน”
ภิชาสินีพลอยเครียดตาม
“ทำไมพี่พิณถึงได้เข้าไปเกี่ยวข้องกับความเป็นความตายของนายภูมินทร์อยู่เรื่อย”
ปิ่นเพชรรีบบอก “เนื้อคู่กันก็แบบเนี้ยะ”
พิณชนิดาทำเสียงดุใส่ “ปิ่นเพชร มันก็แค่เรื่องบังเอิญ”
“โลกนี้ไม่มีความบังเอิญ ทุกอย่างมีเหตุมีผล”
พิณชนิดาเถียงไม่ออก ภิชาสินีหันมองไพ่ในมือพี่สาว ก็รีบถามอย่างสนใจ

“ไพ่สองใบนี้ หมายถึงอะไร?”
 
จบตอนที่ 6 
กำลังโหลดความคิดเห็น