xs
xsm
sm
md
lg

สามใบไม่เถา ตอนที่ 4

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


สามใบไม่เถา ตอนที่ 4

เวศม์เดินวนไปวนมาหน้าห้องผ่าตัด สีหน้าดูเป็นกังวลและห่วงอันตรา ภิสิตกับอินทุอรมาถึง
 
"คุณคงเป็นญาติคุณอันตรา"
"ครับ" ภิสิตบอก
"พี่อันเป็นยังไงบ้างคะ"
"ขาหักครับ กำลังผ่าตัดอยู่" เวศน์บอก
"เดี๋ยวอาโทร.บอกพ่อหนูอินก่อนนะ" ภิสิตกดโทร.หาอัษฎา
เวศม์กับอินทุอรไปยืนชะเง้อมองผ่านกระจกหน้าห้องผ่าตัด มองเข้าไปก็ไม่เห็นอันตรา

อุรวสาคุยโทรกับภิสิต ส่วนพ่อกับแม่ไม่มีกะจิตกะใจรับโทรศัพท์
"ถ้าเจ้าอันออกจากห้องผ่าตัด อาสิตโทรบอกด้วยนะคะ" อุรวสาวางสาย
อัษฎาถาม
"น้องเป็นยังไงบ้างลูก"
"แค่ขาหักค่ะ ไม่ได้บาดเจ็บสาหัส"
แต่หัวอกคนเป็นพ่อเป็นแม่ก็ห่วงแสนห่วงลูกอยู่ดี อัษฎากับบราลีหน้าเครียดจัด อยากกลับไปดูอาการลูกสาวคนกลางไว ๆ
อนุวัติขับรถพาพงษ์ชัยกลับมา
พงษ์ชัยบอก
"หาเรือไม่ได้ครับ คุณอัษฎาคงต้องรอเรือเฟอร์รี่ออกตอนเช้า"
"ผมรอไม่ไหวหรอก ! จะบ้าตายอยู่แล้วเนี่ย เป็นห่วงลูก"
"ดิฉันเห็นเรือจอดอยู่ที่ท่าตั้งหลายลำ ไม่ยอมไปซักลำเลยเหรอคะ" บราลีถาม
"คุณพงษ์ชัยบอกคนเรือรึเปล่าคะ เราต้องกลับกรุงเทพฯด่วน เพราะคนในครอบครัวเกิดอุบัติเหตุ"
"บอกครับ แต่คนเรือไม่ยอมไปอ้างว่าดึกแล้ว"
แสงฉานขับรถอัษฎากลับมา
"หาเรือได้แล้วครับ เจ้าของเรือสตาร์ทเครื่องรออยู่ที่ท่า"
อัษฎาบอก
"รีบไปเลย"
แสงฉานรีบขนกระเป๋าเสื้อผ้าขึ้นรถ พงษ์ชัยหน้าตึง ไอ้แสงฉานมันหาเรือได้ยังไงวะ

ท่าเรือเกาะช้างเวลากลางคืน แสงฉานลงเรือก่อนจะยื่นมือไปรับอุรวสา บราลีลงเรือ พงษ์ชัยกับอนุวัติตามมาส่ง
"พรุ่งนี้ผมจะขับรถคุณอัษฎาไปส่งให้ที่บ้านนะครับ"
"ครับ" อัษฎาถามแสงฉาน "ถึงฝั่งแล้วไปยังไงต่อ เราไม่มีรถ"
"ผมจะโทร.หาคนรู้จัก ให้ขับรถไปส่งที่กรุงเทพฯ" พงษ์ชัยบอก
"ผมโทรติดต่อรถตู้แล้วครับ ตอนนี้รถรอเราอยู่ที่ท่าเรือฝั่งนู้น"แสงฉานบอก
อุรวสาถาม
"แสงเอาเบอร์รถตู้มาจากไหน"
"เห็นติดประกาศไว้ที่ท่าเรือฝั่งนู้น เลยเซฟเบอร์เก็บไว้ เผื่อมาเที่ยวอีก
ได้ใช้บริการน่ะ..ฮ่ะ"
อัษฎายิ้มขอบใจแสงฉาน แสงฉานเป็นธุระจัดหาเรือหารถให้ ขณะที่อัษฎาห่วงอันตราจนทำอะไรไม่ถูก
พอทุกคนนั่งที่เรียบร้อย ไต้ก๋งก็ออกเรือ
"เดี๋ยวพูดฮ่ะ เดี๋ยวพูดครับ เป็นพวกสองเพศหรือยังไงเนี่ย" อนุวัติว่า
พงษ์ชัยหงุดหงิด
"ตอนนี้ฉันไม่สน ไอ้แสงฉานเป็นเกย์ไม่เป็นเกย์ มันหักหน้าฉัน มันหาเรือได้ ดูคุณอัษฎาก็เห็นความดีของมัน"
พงษ์ชัยมองแสงฉานบนเรือที่แล่นห่างท่าไปไม่ไกล เหม็นขี้หน้าแสงฉานขึ้นเรื่อย ๆ

ทั้งหมดกำลังเดินทางเข้ากรุงเทพฯ ไม่มีใครคุยอะไรกัน ทุกคนใจจดใจจ่อ ห่วงแต่อันตรา โดยเฉพาะอัษฎากับบราลี ตั้งแต่มาจากเกาะช้าง สีหน้าทั้งคู่ไม่ได้ดีขึ้นเลย เป็นห่วงลูกมาก
อุรวสาเองก็ห่วงน้อง กังวล แสงฉานบีบมือ ปลอบใจ อัษฎาที่เป็นกังวลอยู่ หันมาเห็นแสงฉานบีบมืออุรวสา และมองกันอย่างให้กำลังใจ เขาสังเกตเห็นอาการนี้

อำพลออกจากห้องผ่าตัด
"คุณอันตราเป็นยังไงมั่ง"
"กระดูกขาซ้ายหัก ต้องใส่น็อตดามเหล็ก"
อินทุอรใจเสีย
"ถึงกับต้องใส่น็อตเลยเหรอคะ"
"หลานผมจะเดินได้เหมือนเดิมหรือเปล่าครับ" ภิสิตถาม
"คนไข้อายุยังน้อย ทำกายภาพบำบัดเดี๋ยวก็เดินได้ตามปกติครับ"
ทั้งหมดค่อยโล่งอก

อันตราถูกย้ายจากห้องผ่าตัดมานอนพักฟื้น ขาซ้ายเข้าเฝือก เธอหลับเพราะฤทธิ์ยา อินทุอรนั่งข้างเตียงจับมือพี่สาว
เวศม์มองใบหน้าซีดเซียวของเธอ อยากให้อันตราฟื้นซะที
ภิสิตออกไปคุยโทรศัพท์กลับเข้ามา บอกอินทุอรที่สีหน้ายังคงเป็นห่วงพี่สาวอยู่
"พ่อแม่หนูอินถึงชลบุรีแล้วนะคะ"
"ผมขออนุญาตอยู่รอพ่อแม่คุณอันตรานะครับ อยากขอโทษที่ทำให้ลูกสาว
ท่านขาหัก"
"จากที่คุณเล่า หลานผมขี่รถชนท้ายรถคุณเอง"
"ถึงยังไงผมก็ผิดครับ ผมควรขอโทษ"
"ขอโทษพี่อัษตอนนี้เหรอ อืม ผมว่า อย่าเลยครับ"
"พี่อัษ"
"พ่อเจ้าอันน่ะครับ ผมแนะนำให้คุณมาหาพี่อัษวันหลัง รอให้พายุทอร์นาโดลดกำลังลงกลายเป็นดีเปรสชั่นจะดีกว่า"

เวศม์พยักหน้าเข้าใจ ภิสิตเปรียบเปรยแบบนี้ แสดงว่า พ่ออันตราดุมาก

อำพลมาส่งเวศม์ที่รถ ท้ายรถคันงามของเวศม์ยุบ จากการถูกอันตราชนท้าย
 
"ไม่เห็นแกโทร.หาประกัน จะซ่อมเองเหรอ"
"ฉันไม่สนใจเรื่องรถ ห่วงแต่คุณอันตรา ฉันทำให้เค้าเกิดอุบัติเหตุ"
"เค้าสะกดรอยตามแกไปเองเวศม์.. แกชอบผู้หญิงคนนั้นใช่มั้ย"
"คอยโทร.รายงานอาการให้ฉันรู้ด้วยล่ะ"
เวศม์เดินหันหลังกลับไป เหมือนไม่อยากให้เพื่อนสังเกตอาการของตัวเอง
"ไอ้ปากแข็ง ... มีความรักก็ดี"
อำพลยิ้ม ดีใจเห็นเพื่อนรักชอบผู้หญิงจริงจัง หลังปิดใจมานาน

อันตรานอนหลับสนิทเพราะฤทธิ์ยาอยู่ภายในห้องคนเดียว ที่ระเบียงนอกห้อง อินทุอรกับภิสิตออกมายืนรับลมด้วยกัน มองแสงไฟ
"สวยจังเลยนะคะอาสิต"
อินทุอรมองฟ้ามองไฟ แต่สายตาภิสิตมองจับอยู่ที่ผมสยายเพราะลมพัด เขาเอื้อมมือไปหาอินทุอรอย่างเผลอตัว ก่อนเอามือไปปัดผมที่ระหน้าให้
อินทุอรมองภิสิตแบบสงสัยที่เขายืนตาลอย ที่แท้กำลังมโนอยู่
"อาสิตคะ อาสิตคิดอะไรอยู่คะ"
ภิสิตสะดุ้งตกใจ ก่อนจะหน้าเศร้าลง
"อากำลังคิดในเรื่องที่ไม่ควรคิด"
อินทุอรหยอกเล่น
"ถ้าเรื่องไม่ควรคิด ก็แปลว่ามันคงเป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้อง"
ภิสิตยิ่งหน้าเศร้าหนักลงไปกว่าเดิม อย่างเห็นได้ชัด
" ใช่จ้ะ มันเป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้อง"
อินทุอรยิ้มกว้างให้ภิสิต
"ถ้างั้นหนูอินก็มั่นใจว่าอาสิตคงแค่คิดแน่ ๆ เพราะคนดีอย่างอาสิตจะไม่ทำเรื่องที่ไม่ถูกต้อง"
ภิสิตนิ่งอึ้งไป กับคำพูดของอินทุอร ที่ไม่รู้เลยว่าภิสิตกำลังหลงรักเธออยู่

ภายในห้องพักโรงพยาบาล ซึ่งดับไฟแล้ว อินทุอรกับภิสิตแยกกันนอนที่โซฟาเฝ้าไข้คนละตัว
ภิสิตขยับตัวตื่น เขาเดินไปดูอันตราก็เห็นเธอยังหลับสนิท
เขาเดินต่อไปดูอินทุอร ก่อนที่จะเข้าไปขยับผ้าห่มให้เธออย่างอ่อนโยน ก่อนจะถอยกลับมายืนมองเธอ ถอนหายใจกับความรักที่เป็นไปไม่ได้

เวศม์ท่าทางเหนื่อยเดินมาทิ้งตัวนั่งที่โซฟา
"ยัยตัวแสบเอ๋ย หายเร็ว ๆ นะฉันเป็นห่วง"
ตอนนี้สีหน้าเขามีรอยยิ้ม ตาพราวระยับเพราะเขาชอบอันตราเข้าแล้วจริง ๆ

ในห้องพักตอนเช้ามืด อันตราตื่นแล้ว หิวมาก อินทุอรถือกล่องนมให้อันตราดูดอั้กๆๆ ภิสิตยังไม่กลับ พ่อ แม่ พี่สาว พี่เขยมาถึง
"เจ้าอันลูกพ่อ"
อัษฎา บราลี อุรวสาไปรุมล้อมเตียง
อัษฎาจับเฝือก
"เจ็บมากมั้ยลูก"
อันตรายิ้มๆ
"จะเจ็บก็เพราะคุณพ่อเนี่ยแหละค่ะ"
"แม่เคยขอแล้ว ให้เลิกขี่มอเตอร์ไซค์ ลูกก็ดื้อไปรถชนจนได้"
อุรวสาบอก
"หายซ่าได้แล้วนะเรา ทำพ่อแม่พี่ห่วงแทบตาย"
อัษฎามองหาอย่างเอาเรื่อง ไม่เห็นไอ้คนที่ขับรถชนลูกสาว
"ไหน !ไอ้คนที่ขับรถชนลูกพี่มันอยู่ไหนสิต"
"พี่อัษครับ คนของเราไปชนท้ายเค้านะครับ"
"เห็นมอเตอร์ไซค์พุ่งมาข้างหลัง ทำไมมันไม่หลบ"
"คุณพ่อคะ จะให้เค้าฝ่าไฟแดงหลบอันเหรอคะ อันเป็นฝ่ายผิดค่ะ"
"อาสิตโทรเล่าให้พ่อฟังระหว่างทาง มอเตอร์ไซค์ลูกเบรกเสีย มันเกินวิสัยที่จะ
หลบ แต่ไอ้รถเก๋งนั่นน่ะ คันเร่งมันอยู่แค่ปลายเท้า เหยียบลงไปนิดเดียวก็เลี่ยงไม่ให้รถชนท้ายได้แล้ว ไอ้คนไร้น้ำใจ!"
อินทุอรกระซิบภิสิต
"อาสิตคิดถูกแล้วค่ะ ให้เค้ากลับไปก่อน "
"นี่ถ้ามันไม่โผล่หัวมา ชิ่งหนีไปล่ะก็พ่อจะเอาข่าวลงหนังสือพิมพ์ ออกทีวี ให้สัมภาษณ์เรื่องเล่าเช้านี้เลย ประจานมัน"
ทุกคนมึน อัษฎาโกรธแค้นอะไร ลูกสาวตัวเองไปชนรถเค้าแท้ ๆ

แสงฉานเดินอยู่ที่ระเบียงทางเดิน ชะเง้อมองเข้าไปที่ห้องอันตรา แต่ไม่อยากเข้าไป เพราะรู้สึกว่าตัวเองเป็นคนนอก ยังไม่ได้รับการยอมรับจากอัษฎา
พยาบาลเดินอยู่ที่หน้าห้อง แสงฉานหันไปถามพยาบาล
"คุณพยาบาลครับ .. คนไข้รถชนอาการปลอดภัยแล้วใช่มั้ยครับ"
"ใช่ค่ะ ตอนนี้ฟื้นได้สติแล้ว เข้าไปเยี่ยมได้นะคะ"
"เอ้อ...ไม่เป็นไร ขอบคุณมากครับ"
พยาบาลเดินออกไป แสงฉานยิ้มๆ แล้วเดินไปพิงผนังด้านกระจกอย่างโล่งใจ

แสงฉานกับอุรวสากลับถึงห้อง เพลียมาก ง่วงสุดๆ
อุรวสาดูนาฬิกาสะลึมสะลือ
"ตี 5 แล้ว"
"วสาอาบน้ำนอนเถอะจ้ะ ผมเอาของออกจากกระเป๋าเอง"
"งั้นวสานอนก่อนนะคะ พรุ่งนี้ต้องไปดูน้อง"
แสงฉานยกกระเป๋าไปข้างเครื่องซักผ้า
"แสงคะ คุณเปลี่ยนใจเรื่องเซ้งร้านอาหารแล้วใช่มั้ย"
แสงฉานไม่อยากทะเลาะกับอุรวสา พยักหน้ารับไป
"ดีแล้วค่ะ"
เธอสะโหลสะเหลเข้าห้องนอน แสงฉานถอนหายใจ มีปัญหาเรื่องเปิดร้านอาหารกับภรรยา ความเห็นไม่ตรงกัน

แสงฉานนอนไม่หลับยืนมองพระอาทิตย์ที่กำลังจะผ่านขอบฟ้า เครียดเรื่องเซ้งร้านอาหาร
ร้านที่แสงฉานชอบแต่อุรวสาไม่ชอบ

คิดถึงเมื่อหลายปีก่อน แสงฉานกับอุรวสาทานดินเนอร์ใต้แสงเทียนที่ดาดฟ้าตึกสวยที่ซานฟรานซิสโก ซึ่งจัดโต๊ะเป็นการส่วนตัวและแสงฉานเป็นคนทำอาหารเอง เขายกของหวานสไตล์ฝรั่งเศสหรูหราเสิร์ฟในแก้วแชมเปญมาให้เธอ
อุรวสาตักของหวาน ปรากฏว่าในแก้วกลับมีแหวนเพชร อุรวสาตักแหวนเพชรขึ้นมาแสงฉานคุกเข่าหน้าเธอ อุรวสาตื่นเต้นยิ้มเขินๆรู้ว่าแสงฉานกำลังจะทำอะไร
"วสา.. แต่งงานกับผมนะ"
อุรวสายิ้มเขินๆ ดีใจและปลื้มใจ

"ค่ะ"

เขาสวมแหวนให้อุรวสา ทั้งคู่กอดกันนิ่งนาน ซึมซับความรู้สึกวินาทีขอแต่งงาน
 
"เราจะกลับไปทำพิธีที่เมืองไทยนะจ๊ะ ผมจะให้ผู้ใหญ่ไปสู่ขอวสา"
"คุณเพิ่งเรียนจบ คุณพ่อไม่ยอมหรอกค่ะ"
"แต่ผมกำลังจะทำงานเป็นเชฟในโรงแรมอันดับหนึ่งของรัฐนี้แล้วนะ"
"คุณพ่อตั้งความหวังลูกเขยคนโตไว้สูงลิบ ต้องประสบความสำเร็จระดับประเทศ ลำพังเพิ่งเริ่มต้นเป็นเชฟท่านไม่ยอมแน่ๆ"
"แต่ผมรักวสาที่สุด พร้อมที่จะสร้างฐานะและเกียรติยศไปด้วยกัน ความรักของผมที่มีให้คุณ...มันไม่เพียงพอที่จะเอาชนะใจท่านเหรอ"
"ยากค่ะ คุณพ่อย้ำเสมอ.. สามีของวสาต้องเป็นนักธุรกิจระดับประเทศ แสงคะ.. ถ้าเราบอกคุณพ่อ เราจะไม่ได้แต่งงานกัน"
"แล้วคุณจะให้ผมทำยังไง"
"วสายังต้องทำงานที่นี่อีกหลายปี เราจะแต่งงานกันที่นี่โดยไม่บอกให้ใครรู้ เราจะสร้างฐานะและเกียรติยศไปด้วยกัน จนถึงเวลาที่เหมาะสม เราจะไปกราบคุณพ่อด้วยกันนะคะW
อุรวสากอดแสงฉาน ขณะที่แสงฉานไม่สบายใจ แต่งงานโดยผู้ใหญ่ไม่รับรู้

เขาคิดไม่ตกจะเดินหน้าทำตามความฝันตัวเอง หรือยอมหักดิบกับเมีย เซ้งร้านที่เมียไม่ชอบ
ได้แต่ถอนหายใจ ผ่อนลมหายใจยาว

แสงฉานมาเซ็นสัญญาซื้อขายร้านอาหารจากเจ้าของเดิมกำลังจรดปากกา จะเซ็นชื่อท้ายสัญญา แล้วเกิดอาการลังเล เมื่อคิดถึงคำพูดของเมีย
"แสงคะ คุณเปลี่ยนใจเรื่องเซ้งร้านอาหารแล้วใช่มั้ยคะ"
แสงฉานไม่อยากทะเลาะกับอุรวสา พยักหน้ารับไป
แสงฉานยังไม่เซ็น
เจ้าของร้านบอก
"กลับไปคิดดูอีกทีก่อนเซ็นสัญญาซื้อขายก็ได้นะครับ"
แสงฉานมองร้าน สภาพร้านยังดี เป็นร้านขนาดเล็ก มีประมาณ 30 ที่นั่ง หน้าร้านเป็นถนนซอย เข้าออกสะดวก แสงฉานพอใจสภาพโดยรวมของร้าน ขนาดร้านเล็กกำลังดี ถนนหน้าร้านก็ไม่วุ่นวาย รถไม่จอแจ
แสงฉานตัดสินใจเด็ดขาด เลือกทำตามความฝันตัวเอง แสงฉานเซ็นชื่อในสัญญาซื้อขายเป็นอันว่า เซ้งร้านนี้เรียบร้อย เป็นร้านของแสงฉานแล้ว

ภายในห้องพักของโรงพยาบาล พ่อแม่ดูแลเอาใจใส่ ป้อนข้าวป้อนน้ำอันตรา ภิสิต อุรวสา อินทุอรมา เธอหิ้วของกินเต็มสองมือ
"ไม่ยกตลาดมาเลยล่ะหนูอิน"
"พี่อันเนี่ย" เธอค้อนพี่สาว
"ปากเก่งซ่าเหมือนเดิมแล้วนี่"
อันตรายักคิ้ว ซ่าอยู่แล้ว
ภิสิตบอกกับอัษฎา
"ผมเจอคุณวสากับหนูอินข้างล่างครับ เลยขึ้นมาด้วยกัน"
ภิสิตส่งแจกันดอกไม้เยี่ยมให้อันตรา
"หายเร็ว ๆ นะเจ้าอัน"
อันตรารับแจกัน
"ขอบคุณค่ะอาสิต คุณพ่อคุณแม่กลับบ้านไปพักได้แล้วล่ะค่ะ"
"ก็ดีเหมือนกัน แม่ไม่ได้อาบน้ำตั้งแต่เมื่อวาน แค่ล้างหน้าแปรงฟัน" บราลีบอก
"คุณกลับไปคนเดียว พ่อจะอยู่เฝ้าลูก"
"คุณพ่อก็กลับไปด้วยค่ะ ไปนอนซักงีบ" อันตราบอก
"พ่อนอนนี่แหละ"
อุรวสาท้วงบอก
"พยาบาลเข้า ๆ ออก ๆ หลับไม่สนิทหรอกค่ะ"
"เอ๊ะ ! ก็พ่ออยากอยู่ ฟังไม่เข้าใจรึไง"
อุรวสากับอันตราส่งสายตาบอกอินทุอร เกลี้ยกล่อมพ่อด่วน
"คุณพ่อขา... กลับบ้านนะคะ หลับให้เต็มอิ่มแล้วค่อยมานอนเฝ้าพี่อันคืนนี้ นะคะคุณพ่อ..นะคะ"
อัษฎาใจอ่อนกับลูกสาวคนเล็กทุกที
"อ่ะๆๆ กลับก็ได้"
"คุณวสาขับรถไปส่งคุณพ่อคุณแม่นะคะ เมื่อคืนคุณพ่อคุณแม่แทบไม่ได้นอน อันไม่อยากให้ขับรถ"
"ได้จ้ะ"
"งั้น สิต พี่ฝากอยู่เป็นเพื่อนหนูอินหน่อยนะ"
ภิสิตยิ้มฝืด ต้องอยู่ใกล้อินทุอรอีกแล้ว

อุรวสา อัษฎา บราลีเดินมาที่ประตูเชื่อมไปลานจอดรถ
"คุณพ่อคุณแม่รอตรงนี้ค่ะ วสาไปเอารถมารับ"
อุรวสาไป เวศม์ถือแจกันดอกไม้เยี่ยมมา เวศม์กับอุรวสาไม่เห็นกัน
"ไอ้คนที่ชนลูกเรา มันหายหัวไปเลย หาตัวเจอเมื่อไหร่นะ ผมจะตัดหัวมันเสียบประจานสี่มุมเมือง !"
เวศม์ได้ยิน...สยองแทนไอ้คนที่จะถูกตัดหัวเสียบประจาน หารู้ไม่ว่าคือเวศม์เอง เขาไม่รู้ว่าอัษฎากับบราลีเป็นพ่อแม่อันตรา

ภายในห้องพัก บรรยากาศโกลาหลเมื่ออันตราจะปาแจกันดอกไม้เยี่ยมใส่เวศม์
"เฮ้ย !อย่า เดี๋ยวเศษแก้วบาดเลือดออก"
อันตราไม่ปาแจกันก็ได้ดึงดอกไม้ในแจกันปาใส่เวศม์ ขว้างโครม...
ดอกไม้โดนหน้าเวศม์แบบเต็มๆ
"โอว เต็มๆ"
"ไม่เอาน่าเจ้าอัน"
อันตราเกรงใจภิสิต เลิกปา
"อย่าเอาหน้าเน่า ๆ ของนายมาให้ฉันเห็นอีก"
"เจ็บขามากมั้ย"
"ขาฉัน ! ไม่ใช่ขานาย"
"อยากกินอะไรมั้ย"
"อยากควักหัวใจนายมาเคี้ยวเล่น"
"พูดกันดี ๆ ไม่ได้เหรอ"
"ไม่ได้! ฉันเกลียดนาย"
เวศม์ถอยดีกว่า กลับ เขาเซ็งที่อันตราไม่ยอมญาติดีด้วย
ภายในห้อง อันตรายังยัวะเวศม์ไม่หาย
"เมื่อวานพี่อันยังเข้าข้างอยู่เลย บอกว่าเค้าไม่ได้ขับรถชนพี่" อินทุอรว่า
"นั่นสิ...วันนี้เกลียดกันซะแล้วเหรอ" ภิสิตถาม
"อันกับนายนั่นไม่กินเส้นกันมาก่อนน่ะค่ะ เรื่องมันยาว ขี้เกียจเล่า"

ภิสิตกับอินทุอรไม่ซักไซ้ถาม เพราะอันตรายังฮึ่ม ๆ อารมณ์ไม่ดี

ผ่านเวลา อินทุอรเดินเลือกซื้อของกินให้พี่สาวอยู่ในมินิมาร์ท ภิสิตเดินถือตะกร้าตาม ยิ้มกรุ้มกริ่มหนุ่มใหญ่คนนี้เต็มใจบริการสาวน้อย
 
อินทุอรหยิบขนมปัง นม แยม เครื่องดื่มบำรุงสุขภาพใส่ตะกร้า ใส่ๆๆๆ..หันมาดูอีกที ของกินเต็มตะกร้า
"อุ๊ย ! มาค่ะ อินถือเอง"
"หนูอินเดินเลือกของสบาย ๆ เถอะค่ะ"
"แต่ตะกร้าหนัก"
"เพราะหนักไงคะ อาถึงต้องถือให้"
"อืม งั้นซื้อแค่นี้ก็พอค่ะ"
อินทุอรเดินนำไปจ่ายเงิน ภิสิตกับอินทุอรช่วยกันหยิบของออกจากตะกร้า เขาสุขใจที่ได้ทำอะไรเล็กๆ น้อยๆ ร่วมกับอินทุอร แล้วความสุขใจก็วูบหายหมดไปทันที เมื่อบุษบาบัณโทร.มา เขาเดินเลี่ยงไปคุยโทรศัพท์
"มีอะไรบุษ"
อินทุอรเฉย ๆ ไม่ได้อยากรู้ว่า บุษบาบัณโทรมาเรื่องอะไร

ภิสิตขับรถมาถึงหน้าบ้าน ก็แปลกใจ เห็นรถจอดเรียงยาว เต็มถนนหน้าบ้าน พอลงจากรถ ก็ได้ยินเสียงเพลงดังมาจากในบ้าน ทันที ที่เขาเข้าบ้านมา ก็ตะลึง ! บ้านกลายเป็นผับ ! เสียงเพลงดังกระหึ่ม ไฟสลัว นักเที่ยวหญิงชายจับคู่แด๊นซ์ ภิสิตไปไม่เป็น ไม่รู้จะเดินไปทางไหน คนเต็มไปหมด
บุษบาบัณเดินถือขวดเหล้า แหวกนักเที่ยวมาหาภิสิต
"Hi darling welcome to my party..."
"เกรงใจข้างบ้านบ้างสิบุษ"
"ไม่เอาค่ะ อย่าทำเสียบรรยากาศ นี่ไม่ใช่ปาร์ตี้ของบุษคนเดียวนะคะ เป็นปาร์ตี้ของคุณด้วย บุษถึงโทร.ชวนคุณมาไง"
บุษบาบัณจูงภิสิตไปกลางกลุ่มเพื่อน ๆ นักเที่ยว
"เฮ้ๆๆ พวกเราหยุดเต้นเดี๋ยว นี่สามี เอ้ย Sorry ว่าที่อดีตสามีบุษ เจ้าของร่วมปาร์ตี้คืนนี้ .... ปาร์ตี้ฉลองความโสด"
เหล่านักเที่ยวเฮ
"ดื่มให้ท่านทูตภิสิตผู้แสนดี" บุษบาบัณชูขวดเหล้า ...เชียร์!!
เหล่านักเที่ยว ... เชียร์ !!
"Thank you ทุกคน"
ภิสิตไม่ค่อยพอใจจะเดินหนีออกไป
บุษบาบัณยัดขวดเหล้าใส่มือภิสิต
"ถ้าหนีออกไป คุณจะพลาดของขวัญชิ้นพิเศษที่บุษเตรียมไว้ให้นะคะ เชียร์ค่ะ"
บุษบาบัณไปสังสรรค์กับเพื่อนๆ เต้นระบำเร่าร้อนสนุกสนาน ภิสิตรู้สึกแปลกแยก เค้าไม่ใช่นักเที่ยว ไม่รู้จักใครซักคนตรงนี้
ศศิพิมลมาหาภิสิต
"สวัสดีค่ะคุณภิสิต"
"คุณศศิพิมล...สวัสดีครับ"
"ไม่ชินกับบรรยากาศแบบนี้เหรอคะ"
ภิสิตมองนักเที่ยว ไม่ชอบปาร์ตี้กินเหล้าเมายาแบบนี้เลย

ภายในคอนโดฯ แสงฉานเอาสัญญาซื้อขายร้านอาหารมาให้อุรวสาอ่าน
"คุณแต่งงานทำไมคะแสง ถ้าไม่อยากแชร์ชีวิตกับคนอื่นคุณทำตามความฝันของคุณ...ไม่สนความฝันของวสาเลย
"นี่แค่ร้านแรกจ้ะ ร้านที่สองผมจะทำร้านอาหารใหญ่ ๆ มีเป็นร้อยที่นั่ง อย่างที่วสาฝันไว้"
"อีกกี่ปีคะ 2 ปี 3 ปี 5 ปี หรือ 10 ปี"
"เราต้องทำร้านแรกให้มั่นคงก่อน วสาน่าจะเข้าใจนะจ๊ะ มันเป็นเรื่องทางธุรกิจ"
"ธุรกิจเหรอ ! พูดอย่างกับคุณมีหัวทางธุรกิจอย่างนั้นแหละ"
"ที่รักมี ที่รักก็ให้คำปรึกษาผมสิจ๊ะ"
"แนะนำแล้วฟังมั้ย ! ไอ้สัญญางี่เง่านี่เป็นคำตอบ แสงไม่เคยฟังคำแนะนำ
ของวสาเล"
อุรวสาจะออกไป
"ไปไหนจ๊ะ"
"กลับไปนอนบ้านค่ะ"
อุรวสาปิดประตูปัง ! ใส่ แสงฉานกลุ้ม ไม่ทันเปิดร้านก็ทะเลาะกับอุรวสาซะแล้ว

อุรวสาเดินเข้ามาในห้องนอนตัวเอง ทิ้งตัวลงนั่ง สีหน้ากลัดกลุ้ม เครียดและคิดมากเรื่องที่ทะเลาะกับแสงฉาน เธอค่อยๆ ทรุดตัวลงนั่งบนเตียง
บราลีเข้ามาหาหยุดมอง นึกรู้ว่าน่าจะเกิดเหตุการณ์บางอย่างกับลูกสาวคนโต
"ทะเลาะกับแสงเหรอลูก ถึงกลับมานอนบ้าน"
อุรวสาอึกอักนิดหนึ่ง
"งอนกันตามประสาเพื่อนสาวน่ะค่ะคุณแม่"
"เล่าให้แม่ฟังสิ"
"เรื่องเล็กน้อยไม่สำคัญอะไรหรอกค่ะ คุณพ่อไปนอนเฝ้าเจ้าอันเหรอคะ"
"จ๊ะ พ่อกับแม่ผลัดเวรกัน"
อุรวสายิ้มๆ
"อันตราเนี่ย...ลูกสาวคนโปรดคุณอัษฎาจริงๆ ไว้วสาเคลียร์งานให้เบาลงแล้วจะผลัดเวรไปช่วยเฝ้าด้วยนะคะ"
"จ้ะ.. แน่ใจนะว่าไม่มีอะไรจะคุยกับแม่"
อุรวสายิ้มมั่นใจในตัวเอง
"ไม่มีค่ะ"
บราลีไม่อยากกวนลูกสาว เดินออกไป

อุรวสาเครียด ความหวังที่จะผลักดันให้แสงฉานเป็นนักธุรกิจใหญ่ ริบหรี่ ซึ่งต้องมีผลถึงความสัมพันธ์ระหว่างอุรวสากับพ่อ อุรวสาต้องปิดพ่อเรื่องแต่งงานไปเรื่อยๆ

สามใบไม่เถา ตอนที่ 4 (ต่อ)

ยิ่งดึกปาร์ตี้ยิ่งมั่ว นักเที่ยวเมากันเละ จับคู่กอดลูบไล้กัน บุษบาบัณแดนซ์กับหนุ่มหล่อชนิดเนื้อแนบเนื้อ ปลุกเร้าอารมณ์กัน
 
ภิสิตไม่รู้สึกแย่เหมือนก่อน เมื่อตัดสินใจหย่ากับบุษบาบัณแล้ว บุษบาบัณจะคั่วผู้ชายที่ไหน ก็เหยียบย่ำศักดิ์ศรีภิสิตไม่ได้ เขาได้แต่ยืนนิ่งพิงกำแพงอยู่ทางหนึ่ง มองบรรยากาศด้วยอาการปลงๆ
สาวเซ็กซี่ เมามากมากอดคอ ยั่วภิสิต
"คุณเมาแล้ว"
สาวเซ็กซี่คลอเคลีย เอาตัวแนบชิด เขาขืนตัวออก สาวเซ็กซี่กลับกอดเขาแน่นขึ้น บุษบาบัณหันมองเขา กับสาวเซ็กซี่ ชอบเสียอีกเห็นภิสิตโดนยั่ว
ศศิพิมลมาช่วยภิสิต ดึงสาวเซ็กซี่ไป
"มานี่เหอะ"
บุษบาบัณผละจากหนุ่มหล่อ มาหาภิสิต
"หาความสุขใส่ตัวบ้างสิคะสิต หนูอินคนดีไม่รู้หรอก"
"เลิกพูดถึงหนูอินซะทีบุษ"
"เราจะหย่าอยู่กันแล้ว ไม่ต้องอมพะนำหรอกค่ะคุณชอบหนูอินก็พูดมาให้ชัดๆ บุษไม่โกรธ"
"ถึงผมจะรู้สึกยังไงกับใคร ผมก็ไม่มีวันทำเรื่องผิดศีลธรรม ตราบใดที่ผมยังมีคู่เป็นตัวเป็นตน ผมยังไม่ได้หย่า"
"ค่ะ...คุณผู้ชายแสนดี แสนดีแบบนี้สมควรได้รับสิ่งดี ๆ ตอบแทน ของขวัญชิ้นพิเศษที่บุษจะให้คุณก็คือใบหย่า พรุ่งนี้เราไปหย่ากัน"
"คุณพร้อมแน่นะ"
"ชีวิตคู่ของเรามันเลวร้าย อยู่ไปก็ทรมานทั้งสองฝ่าย ตั้งแต่พรุ่งนี้...คุณจะมีอิสระทำตามหัวใจได้เต็มที่ ส่วนบุษ...ก็จะโบยบินไปหาความสุขที่ใจปรารถนา ฮะๆๆ"
เธอหัวเราะเริงร่า...เต้นระบำออกไปหาหนุ่มหล่อ ส่งสายตาเสน่หาให้กัน อารมณ์พิสวาสถูกบิ้วมาตลอดคืนจนได้ที่ บุษบาบัณจูงมือหนุ่มหล่อขึ้นบันไดไปห้องนอนชั้นบน
ภิสิตมองตามว่าที่อดีตภรรยา อย่างไม่อาทรใด ๆ อีกแล้ว ชีวิตคู่เส็งเคร็ง ถูกเมียสวมเขา กำลังจะจบ
ภิสิตยิ้มสบายใจ โล่งใจอย่างบอกไม่ถูก

ปาร์ตี้เลิกแล้ว ขวดเหล้า เศษบุหรี่เกลื่อนบ้าน ภิสิตช่วยคนใช้เก็บขวดเหล้า ศศิพิมลยังอยู่ช่วยเก็บ
"ไม่ต้องเก็บแล้วล่ะครับ กลับบ้านเถอะ ขับรถไหวมั้ยครับเนี่ย"
"ศิจิบเหล้าไปนิดเดียวเองค่ะ งั้นศิกลับนะคะ ราตรีสวัสดิ์ ไม่ใช่สิ ต้องอรุณสวัสดิ์ จะเช้าแล้ว"
"ขับรถดี ๆ นะครับ"
"ค่ะ"
ศศิพิมลเดินออกไป ภิสิตมองเพื่อนสาวคนนี้ของบุษบาบัณ นิสัยดีใช้ได้ผิดกับบุษบาบัณ

เช้านี้อากาศสดชื่น ภิสิตอารมณ์ดี รดน้ำต้นไม้
บุษบาบัณใส่เสื้อคลุมชุดนอน ออกมาส่งหนุ่มหล่อที่รถ จูบลากัน ภิสิตเมินไม่มอง ไม่ได้หึง ความผูกพันระหว่างเขากับบุษบาบัณมันหมดสิ้นจนไม่เหลือเยื่อใยแล้ว
หลังส่งหนุ่มหล่อคู่นอนเมื่อคืนกลับ บุษบาบัณก็มาหาภิสิต
"คิดว่าคุณจะเก็บเสื้อผ้ากลับไปนอนที่บ้านตัวเอง..ตั้งแต่เมื่อคืนซะอีก"
ภิสิตเป็นสุภาพบุรุษ ไม่บอกเหตุผลที่นอนค้าง เพราะบุษบาบัณรับปากจะไปหย่าวันนี้
บุษบาบัณยิ้มมีเลศนัย
"อ้อ.. จริงสิ บุษนัดคุณไปหย่าวันนี้ คุณเลยอยู่รอ"
"อาบน้ำอาบท่า ทานอาหารเช้าก่อนก็ได้"
บุษบาบัณระเบิดเสียงหัวเราะร่วน ส่งสายตาสมเพชภิสิต มองตั้งแต่หัวจรดเท้าแล้วเดินวนรอบมองด้วยสายตาเกลียดชังมาก
ภิสิตไม่เข้าใจ ท่าทีกลับไปกลับมาของบุษบาบัษ เธอเอาฝักบัวรดน้ำต้นไม้ รดหัวภิสิต!
"บุษ !"
"ในชีวิตบุษ...ไม่เคยมีใครบอกเลิก คิดเหรอว่าบุษจะยอมหย่าง่ายๆ เมื่อคืนบุษหลอกคุณให้ดีใจเล่น แน๊...ดันเชื่ออีกแน่ะ ฮะๆๆ"
ภิสิตเศร้าใจ
"คุณต้องเป็นสามีหัวหลักหัวตอ ทนดูบุษเล่นชู้ไปเรื่อยๆ จนกว่าเราจะตายจากกัน คุ้มมั้ยคะ... ที่อุตส่าห์อยู่รอจนเช้า ฮะๆๆ"
เธอเดินหัวเราะร่วนเข้าบ้าน เป็นที่สะใจของคุณเธอ ภิสิตเจ็บปวด บุษบาบัณย่ำยีหัวใจเขาอีกครั้ง

แสงฉานตามมาง้ออุรวสาถึงที่บ้าน เธอทำงานในไอแพด ทำเหมือนเขาไม่มีตัวตน
"กลับห้องเรานะจ๊ะ"
อุรวสาเฉย
"ที่รักจ๋า"
อุรวสาเฉยเมยไม่ยอมพูดด้วย ไม่ตอบ
"อยากทานอะไรเป็นอาหารเช้า เดี๋ยวผมทำให้ทาน วันนี้จะป้อนให้ด้วย"
แสงฉานยังคงกอดอุรวสา และยังยิ้มเอาใจอีกต่างหาก อุรวสาแกะมือของแสงฉานที่กำลังกอดเธอออก แล้วเดินหนีไปหน้าตาเฉย หอบไอแพดไป ไม่อยากยุ่งด้วย แสงฉานซึมมองตาม
"คุณวสา"
บราลี มองวิธีการง้อของแสงฉาน ไม่เหมือนเพื่อนสาวง้อกัน เหมือนชายหนุ่มง้อหญิงสาวมากกว่า
แสงฉานจะกลับ บราลีออกมาคุยด้วย
"จะกลับแล้วหรอจ๊ะแสง"
"ครับ"
บราลีมองประเมิน แสงฉานยืนตัวเกร็ง ถูกสายตาจับผิด
"มีอะไรจะเล่าให้แม่ฟังมั้ย"
แสงฉานอึดอัดอยากบอกความจริงใจจะขาด แต่อุรวสาต้องการปิดเป็นความลับ
"ทุกอย่างขึ้นอยู่กับวสาครับ..ไม่ใช่ผม ผมลานะครับคุณแม่"

แสงฉานไหว้ลาบราลีแล้วจึงเดินออกไป บราลีเริ่มสงสัยเหมือนที่อัษฎาสงสัยมาตลอด แสงฉานอาจไม่ใช่เกย์

อุรวสากับบราลีเขียนรูปดอกไม้สีสวยในตะกร้า ฝีมือเขียนรูป เก่งพอกัน มีหัวศิลป์มากทั้งคู่
 
"นึกถึงสมัยคุณวสาอยู่มัธยมนะจ๊ะ นั่งเขียนรูปกับแม่ทุกเสาร์อาทิตย์"
"วสาวาดรูปเก่งก็เพราะเรียนรู้จากคุณแม่นี่แหละค่ะ"
บราลีสองจิตสองใจ จะถามลูกเรื่องแสงฉานดีหรือไม่ สุดท้ายก็ตัดสินใจถาม
"คุณวสามีเรื่องจะเล่าให้แม่ฟังมั้ยจ๊ะ อืม..เรื่องแสงน่ะ"
"ไม่มีนี่คะ"
อุรวสายิ้มให้แม่ ทำฟอร์มนิ่งเฉย ทั้งที่ในใจกังวล ทำไม อยู่ ๆ แม่ก็ถามเรื่องแสงฉานขึ้นมา
อุรวสาหันไปเพิ่มสมาธิเขียนรูปต่อถือเป็นการเลี่ยงคุยกับแม่ไปในตัว
บราลีดูออกว่าอุรวสามีเรื่องปกปิด เธอไม่ใช่แม่ที่คาดคั้นเอาความกับลูก เลยได้แต่เก็บความกังวลเป็นห่วงลูกไว้ในใจ

บ้านเล็กๆ ภิสิตนั่งจมอยู่กับหดหู่ บุษบาบัณไม่ยอมหย่า ซ้ำขู่จะเล่นชู้ ทำร้ายจิตใจภิสิตไปจนตายจากกัน อารมณ์เหงาหงอย ซ้ำเติมความรู้สึกภิสิตขึ้นไปอีก
พวกป้า ๆ มา เสียงมาก่อนตัว
"ตาสิตลูก ตาสิต"
เสียงต้อยบอก
"บ้านน่าอยู่เหมือนกันนะเนี่ยเธอ"
เสียงคุยเจี๊ยวจ๊าวของป้าๆ ทำลายความเงียบของบ้านได้ชะงัด ปลุกภิสิตจากความทุกข์ เขาลุกไปต้อนรับป้า ๆ พวกป้าซื้อกับข้าวมาเพียบ
"ป้ามาทำกับข้าวให้กิน" อัปสรบอก
"ฉันเอาของไปไว้ในครัวเอง" แต๋วหิ้วกับข้าวไป
ต้อยมองบ้านทั้งหลัง มีแต่โซฟากับชุดโต๊ะกินข้าว
"ต๊าย บ้านตัวอย่างยังมีของเยอะกว่านี้เลย"
เสียงแต๋วร้อง
"อ๊าย"
ต้อยถาม
"จิ้งจกเหรอแม่แต๋ว"
แต๋วหน้าเริ่ดมาจากครัว
"จะทำกับข้าวยังไงล่ะเนี่ย ทั้งครัวมีอยู่แค่เนี้ย"
แต๋วยกจาน 1 ใบ ช้อนส้อม 1 คู่ให้อัปสรกับต้อยดู
ภิสิตยิ้มๆ
"ผมเพิ่งมาอยู่ครับ ทั้งบ้านมีของอยู่แค่ห้องนี้ห้องเดียว"
"ไม่ต้องทำกับข้าวแล้ว ไปซื้อของเข้าบ้านก่อน"
ภิสิตหน้าม่อย ไม่อยากออกไปไหน วันนี้อยากอยู่เงียบ ๆ คนเดียว จะทำใจเรื่องบุษบาบัณไม่ยอมหย่า

ป้า ๆ เลือกอุปกรณ์ครัวใส่รถ ภิสิตรับหน้าที่เข็นรถ อินทุอรมาพอดี
อินทุอรไหว้ป้า ๆ
"จ๊ะเอ๋ค่ะ"
"มาแล้วหรอลูก ป้าโทร.ตามหนูอินมาช่วยซื้อของน่ะ"
"อินเพิ่งรู้ว่าอาสิตย้ายบ้าน"
"เพิ่งย้ายค่ะ"
ต้อยบอก
"หนูอินช่วยป้าเลือกกระทะทีลูก เอาใบไหนดี"
อินทุอรไปช่วยต้อยกับแต๋วเลือกกระทะ
ภิสิตพูดเบาๆ
" ป้าครับ… ผมยังไม่หย่า นัดให้หนูอินออกมาแบบนี้...ผมเกรงว่า"
อัปสรสวนทันที
"ป้าไม่ได้บอกให้เราจีบซะหน่อย เรียนรู้กันไปเรื่อย ๆ ผูกสัมพันธ์กันไป ทำไม! มีเพื่อนต่างวัย โลกสดใสดีออก"
ภิสิตกังวล กลัวอินทุอรรู้ แต่อัปสรไม่กังวล ยิ้มแป้นไปหาอินทุอรทันที

จากเครื่องครัว มาตู้เสื้อผ้า ป้าต้อยเลื่อนบานตู้เสื้อผ้าเล่นไปมา
"เดี๋ยวตู้เค้าก็พังหรอกแม่ต้อย" แต๋วบอก
"เป็นการตรวจสอบสินค้าก่อนซื้อย่ะ"
"ตู้ใบนี้สวยดี ข้างในมีลิ้นชักด้วย"
อัปสรแทนที่จะถามภิสิตกลับหันไปถามอินทุอร ยังความพอใจให้กับแต๋วกับต้อยถึงกับยิ้มหันมาตีมือกัน
"หนูอินชอบมั้ยลูก"
"ป้าอัปสรถามผิดคนแล้วค่ะ ต้องถามอาสิต"
"ถามใครก็เหมือนกันแหละ"
อัปสรยิ้มล้อ อินทุอรไม่เข้าใจป้า ยิ้มล้ออะไร คำตอบเมื่อกี้ก็แปลก ๆ เหมือนสื่อความหมายบางอย่าง
ภิสิตแอบส่ายหน้าบอกป้าอัปสร อย่าพูดอะไรที่สื่อความหมายเชิงชู้สาวอีก อัปสรทำหน้าเป็นใส่หลานชาย ทำไม ป้าจะพูดอีกป้าชอบ

มาที่แผนกเตียง แต๋วกับต้อยนอนเตียง นุ่มสบาย ไม่อยากลุก กระเด้งตัวเองหันซ้ายหันขวา อย่างสนุกสนาน
"รุ่นเธอสองคนเนี่ย ไม่ต้องซื้อเตียงหรอก อีกไม่นานก็ลงไปนอนโลงแล้ว" อัปสรบอก
"ต๊าย... ฟังพูดเข้าแม่อัปสร" แต๋วบอก
"มันก็ลงไปนอนโลงไล่ ๆ กันทั้งสามคนนั่นแหละ" ต้อยว่า
"ตาสิตลองนอนดูลูก"
แต๋วกับต้อยลุกขึ้น ให้ภิสิตลองนอน
"สบายดีครับ"
"หนูอินลองนอนดูสิลูก"
อัปสรจับอินทุอรนอน อยากให้ลองนอนข้างภิสิต ภิสิตรีบลุกขึ้น
"ลุกทำไมล่ะ.. นอนลง"
ภิสิตไม่ยอมนอน พวกป้า ๆ อ้อมเตียงไปจับภิสิตนอน
พอภิสิตนอน อินทุอรก็ลุกขึ้น
"หนูอิน... นอนสิลูก ป้าอยากรู้... เตียงเนี้ย นอน 2 คนเบียดมั้ย"
"ป้าอัปสรลองนอนเองดีกว่าค่ะ"
"ช่วยป้านิดเถอะลูก"
อินทุอรไม่ยอมลงนอน พวกป้า ๆ อ้อมเตียงมาจับอินทุอรนอน พออินทุอรนอน ภิสิตก็ลุกขึ้น
"เอ้า ตาสิต...ลุกอีกแล้ว"
พวกป้า ๆ อ้อมไปอ้อมมา จับภิสิตกับอินทุอรนอนเหมือนจับตุ๊กตาล้มลุก
ภิสิตเสียงเข้ม
" พอได้แล้วครับป้า"
โดนภิสิตเสียงเข้มใส่ พวกป้า ๆ ถึงหยุดได้ภิสิตอ่อนใจกับพวกป้า ๆ ผละไปดูของอย่างอื่น
"แหม... ไอ้เราก็อยากช่วย"

อินทุอรชักเอะใจ พวกป้า ๆ ต้องการให้เธอใกล้ชิดกับอาสิต เพื่ออะไร?

อินทุอรทิ้งระยะห่างจากภิสิตกับป้า ๆ แอบสังเกตอยากรู้ป้า ๆ กำลังทำอะไรกับเธอและอาสิต
 
อัปสรเห็นอินทุอรแยกตัว เลยเดินมาตาม
"ไปช่วยอาสิตเลือกม่านสิหนูอิน หนูน่ะต้องมองม่านนี้บ่อย ๆ น้า"
อีกแล้ว ป้าอัปสรพูดมีเลศนัยอีกแล้ว อินทุอรต้องรู้ความหมายที่แท้จริงให้ได้
"ป้าอัปสรหมายความว่ายังไงคะ ป้ากำลังทำอะไร แล้วอินกับอาสิตเกี่ยวอะไรกับเรื่องนี้คะ"
"หนูอิน ... ป้ารักภิสิตกับหนูเหมือนลูกในไส้ ป้าอยากเห็นคนที่ป้ารักมีความสุข ตอนนี้ตาสิตเค้าทุกข์มากหนูรู้มั้ย"
"ทุกข์เหรอคะ"
"อาสิตเค้ากำลังจะหย่า"
"หย่า"
"จ้ะ..หนูอินจ๋า ระยะนี้ช่วยเป็นเพื่อนอาสิตเค้าหน่อยนะเค้าจะได้หายเศร้าไปได้บ้าง ไปช่วยอาสิตเลือกม่านนะลูก ความเห็นของหนูสำคัญกับอาสิตนะจ๊ะ"
อัปสรก็ได้ใจ จูงมืออินทุอรไปยืนใกล้ ๆ ภิสิต
อินทุอรวางตัวไม่ถูก ไม่รู้จะคุยอะไรกับภิสิต สถานการณ์เพิ่งสดใหม่ แล้วอินทุอรก็ไม่รู้ อาสิตคิดยังไงกับเธอและเธอเริ่มรู้สึกแล้วว่าป้าอัปสรกำลังจะทำตัวเป็นแม่สื่อให้ภิสิต

เวศม์มาเยี่ยมกลางวันโดนอันตราไล่เลยมาเยี่ยมตอนดึก ก่อนเข้าห้องเวศม์มองผ่านกระจกประตูในห้องปิดไฟมืดนอนแล้ว
เวศม์เปิดประตูเบา ๆ เข้าไปเห็นอันตราหลับ มีผู้หญิงวัยกลางคนนอนหลับบนโซฟา
เวศม์วางกระเช้าดอกไม้เยี่ยมบนโต๊ะหัวเตียง ก้มมองอันตราใกล้ ๆ ขนาดนอนโรงพยาบาลอันตรายังน่ารักมาก
เวศม์พูดเบาที่สุด
"หายเร็ว ๆ นะ ยายตัวแสบ"
อันตราพลิกตัว... เวศม์ไม่อยากโดนด่าเลยหันหลังเดินกลับออกไป
ที่จริงอันตราแกล้งหลับ เธอค่อยๆ ลืมตาขึ้นมามองตามเวศม์ออกไป แล้วเอื้อมมือไปหยิบกระเช้าดอกไม้เวศม์มาดูแล้วเผลอยิ้มปลื้มกับดอกไม้ที่เวศม์เอามาเยี่ยม

คืนนั้น เวศม์นอนยิ้มตาลอย คิดถึงอันตรา ยิ่งรู้จัก ยิ่งรัก
อันตรานอนยิ้มหวาน คิดถึงเวศม์ แม้พยายามห้ามใจตัวเองไม่ให้ชอบเ แต่ปล่อยใจไปแล้ว ดึงกลับคืนไม่ได้

อุรวสานอนไม่หลับ คิดถึงแสงฉาน ตั้งแต่แต่งงานกัน น้อยครั้งที่แยกกันนอนด้วยเหตุเรื่องงาน ไม่ใช่เพราะทะเลาะกันอย่างครั้งนี้ อุรวสาไม่สบายใจเลย
อุรวสาลุกขึ้นมาจากเตียง ยืนนิ่งอยู่ที่ริมหน้าต่าง คิดถึงแสงฉาน
แสงฉานถูกทิ้งให้อยู่คนเดียว เหงาคิดถึงเมียมาก ผัดสปาเก็ตตี้อยู่หน้าเตาอย่างหงอยๆ ใส่เครื่องปรุงอย่างซังกะตาย มองที่โต๊ะอาหารที่อุรวสาเคยนั่งรอทาน ว่างเปล่า...
แสงฉานเอาสปาเก็ตตี้ร้อนควันฉุยใส่จานสองจาน แล้วยกสองจานมาวางไว้ที่โต๊ะ ทำเหมือนมีอุรวสาอยู่ด้วย

สุดท้ายแสงฉานนั่งจ๋อง เอามือเท้าคางมองจานสองจาน กินไม่ลงเพราะคิดถึงอุรวสาสุดหัวใจ

อุรวสากำลังจะออกไปข้างนอก เจอพ่อนั่งอยู่ อัษฎามาดักรอคุยกับอุรวสา
 
"จะไปทำงานแล้วเหรอลูก"
"ค่ะ เย็น ๆ วสาจะไปดูเจ้าอันนะคะ"
"เรายังไม่ได้เคลียร์กันเรื่องแสงฉานเลย"
อุรวสาชะงักไปเมื่อเห็นอัษฎาส่งสายตาเอาจริง
อัษฎาเสียงเข้ม
"คุณวสาช่วยไอ้หมอนั่นหลอกพ่อเรื่องเกย์ใช่มั้ย"
"เราไม่ได้หลอกคุณพ่อค่ะ แสงเป็นเกย์จริง ๆ วสาจะไม่วางแผนทำหลักฐานปลอมอะไรอีกแล้ว จะเชื่อหรือไม่เชื่อก็แล้วแต่คุณพ่อค่ะ"
อุรวสาเดินออกไปอย่างไม่สนใจพ่อ อัษฎาหน้านิ่วคิ้วขมวดที่ลูกไม่ยอมรับความจริง

บนโต๊ะอาหารสปาเก็ตตี้สองจานยังคงวางอยู่ตรงนั้นโดยไม่มีใครกิน แสงฉานฟุบหลับอยู่ตรงโต๊ะอาหารนั้นเอง
อุรวสาไขกุญแจเปิดประตู เดินเข้ามาในห้องเบาๆ แสงฉานยังคงไม่ตื่นฟุบอยู่ที่โต๊ะอาหารตั้งแต่เมื่อคืน เธอเห็นจานสปาเก็ตตี้สองจาน และแสงฉานฟุบหลับ เธอนึกรู้ว่าสามีเป็นอะไรและคิดถึงเธอมากแค่ไหน
เธอยิ้มเอ็นดูแสงฉาน แล้วจึงเดินเข้ามาจุ๊บแก้มปลุกสามีสุดที่รัก แสงฉานงัวเงีย
"วสา"
แสงฉานลืมตา ดีใจที่ภรรยากลับมาแล้ว
"วสากลับมาแล้ว"
"แสง… วสาไม่สบายใจเลยค่ะที่เราทะเลาะกัน"
"ผมก็เหมือนกันจ้ะ"
ทั้งคู่กอดตอบกันด้วยความรัก
"ผมคิดถึงคุณ"
อุรวสาหันไปชี้จานสปาเก็ตตี้สองจานบนโต๊ะอาหาร
"ไม่ได้ทานอะไรตั้งแต่เมื่อคืนใช่มั้ย"
"สปาเก็ตตี้ไม่อร่อยเลย .. ถ้าไม่มีคุณอยู่ทานด้วยกัน"
แสงฉานกอดกระชับอุรวสาให้หายคิดถึง

เวศม์ซื้อของกินมาเยี่ยมอันตรา เจออำพลกำลังคุยกับพยาบาลที่วอร์ด
"โอ้โฮ...ตั้งแต่เป็นเพื่อนกันมา แกมาหาฉันที่โรงพยาบาลไม่รู้กี่หน แต่ไม่เคยซื้อของกินมาฝากสักครั้งเลยนะ"
"ก็แกไม่ใช่คนป่วย"
"ไม่กลัวเค้าไล่ออกมาเหรอ"
เวศม์ยิ้มๆ
"เฮ้ย.. เค้ารับกระเช้าดอกไม้ฉันแล้ว"
"ถามจริง"
"บอกตรง"
เวศม์ทำหน้าว่าข้าเจ๋งอวดเพื่อน ลักไก่อวดจริง ๆ อันตราไม่ได้รับกระเช้าดอกไม้ เวศม์แอบเอาไปวาง

ในห้องพัก อัษฎาประแป้งหน้าลูกสาวคยรอง ทำเหมือนอันตราเป็นเด็กอนุบาล
"มามะ... ประแป้งหอมเย็นชื่นใจ สดชื่นดีนะเจ้าอัน"
"ไม่เอานะพ่อ...อันไม่ใช่เด็กอนุบาลนะ ไม่เอา"
"เอาน่า...พ่อเทแป้งมาแล้ว"
"เทมาแล้วก็ประตัวเองสิคะ ฮึๆ ทำยังกะเทศกาลสงกรานต์"
อันตราไม่เอาเบือนหน้าหนีมือพ่อ หันมาทางประตูเห็นเวศม์เคาะประตูแล้วเดินเข้ามา
อันตราสีหน้าเปลี่ยนไปทันที
"มาทำไม ! กลับไป"
"อื้อหือ..ต้อนรับอบอุ่นมากครับ"
อัษฎาตาขวางเข้าใส่แบบไม่พอใจทันที
"ไอ้คนนี้รึเปล่าที่ขับรถชนลูก"
"อันชนท้ายรถเค้าเองค่ะคุณพ่อ"
อัษฎาชัวร์ว่าเป็นเวศม์ จ้องหน้าเขม็ง แค้น เวศม์สยอง
"ลูกบอกว่า... ลูกสะกดรอยตามไอ้หมอนี่"
"ใช่ค่ะ เมียเค้าจ้างให้อันตาม"
"อึม...เข้าใจแล้ว พ่อว่าไอ้หมอนี่รู้ตัวว่าโดนตามก็เลยจงใจแกล้งแล้วทำให้ดูเหมือนลูกเป็นฝ่ายชน"
"ผมไม่แผนสูงขนาดนั้นหรอกครับ"
"ฉันเจอคนมาเยอะ หน้าตาอย่างแก เค้าเรียก... ไอ้พวกหน้าเนื้อใจเสือ"
เวศม์สะดุ้ง !
"ฉันจะหาหลักฐานว่าแกเจตนาทำร้ายลูกสาวฉันแล้วฉันจะเอาแกเข้าคุก ! ฟ้องแกให้หมดเนื้อหมดตัว"
"หมอนี่ไม่มีเงินหรอกค่ะคุณพ่อ ที่มีกินมีใช้บันเทิงอยู่เนี่ย เงินผู้หญิงทั้งนั้น"
"อ๋อ..นี่เป็น..ไอ้แมงกะจั๊ว"
"เอ้ย ! ไม่"
"ไม่ต้องโกหก ไอ้กะจั๊ว ไปห่าง ๆ ลูกสาวฉัน"
อัษฎาเดินมาไล่เวศม์เวศม์เผ่นออกไป
"ไอ้กะจั๊วสกปรก ! ไป๊"

หน้าห้อง เวศม์งงเป็นไก่ตาแตก ทำไมอันตราถึงคิดว่าตนเป็น..คุณแมง...

สามใบไม่เถา ตอนที่ 4 (ต่อ)

เวศม์ยังมึนตึ้บหลังโดนอันตรากับพ่อตราหน้าว่าเป็น..แมงดา เวศม์กับอำพลเดินคุยกันช่วยกันวิเคราะห์หาเหตุผลถึงสาเหตุการเข้าใจผิดมหันต์ครั้งนี้

เวศม์ทบทวนเหตุการณ์
“อันตราไปดักดูฉันที่หน้าบ้าน ตามฉันไปที่ผับ ก็ไม่เห็นมีอะไรที่ทำให้เค้าเข้าใจผิดว่าฉันเป็นผู้ชายอย่างว่า”
“ต้องมีสิ แกทบทวนดี ๆ ช่วงที่ผ่านมา แกไปไหน ทำอะไรกับใครบ้าง”
เวศม์พยายามนึก ... จนนึกออก
เขาได้รับของกำนัลจากสาวใหญ่เป็นรถป้ายแดง
“เค้าเห็นที่ผู้หญิงเอารถป้ายแดงให้ฉันเลยคิดว่าฉันเกาะผู้หญิงกิน”
“ใช่แล้ว ต้องเหตุผลนั้นแหละ รถคันนั้นอยู่ไหนไม่เคยเห็นแกขับ”
“ฉันขายเอาเงินไปบริจาคแล้ว ฉันจะไปบอกอันตราว่าเค้าเข้าใจผิด”
เวศม์ร้อนใจ จะไปเคลียร์เดี๋ยวนี้ แต่อำพลรั้งไว้
“ไปตอนนี้มีหวังได้โดนไล่ออกมา”
“ไอ้หมอ… ตั้งแต่เกิดมาฉันไม่เคยอับอายขายขี้หน้าขนาดนี้เลย อยู่ดี ๆ ก็โดนด่า
หาว่าเป็นไอ้แมงกะจั๊ว”

อันตราใส่อารมณ์ สาธยายความเลวของเวศม์ให้พ่อฟัง
“นายเวศม์แผนสูงมากค่ะ สมัครอบรมที่ตลาดหุ้น ไปจับผู้หญิงรวยๆ ที่เล่นหุ้น”
เจ้าหน้าที่โรงพยาบาลเปลี่ยนถุงขยะ หูผึ่ง !
“อันเห็นสาวใหญ่คนนึงให้รถนายเวศม์ คันเป็นล้านแน่ะค่ะ”
เจ้าหน้าที่โรงพยาบาลฟังแล้วเก็บข้อมูล กะเอาไปเม้าท์ต่อ
“ไอ้เจ้าเวศม์มันต้องรู้ว่าลูกรวย เลยอยากเกาะลูกกิน หึย... ไอ้แมงกะจั๊ว อย่าให้เจอนะ จะเด็ดปีกมาหักทิ้งให้มันบินไม่ขึ้น แล้วเหยียบให้แบนแต๊ดแต๋”
อัษฎาหน้าตากระเหี้ยนกระหือรือ อยากบดขยี้เวศม์ให้แหลกลาญ

พยาบาลสาว 2คน คุยกัน
พยาบาล 1 บอก
“เพื่อนหมออำพลที่หล่อๆ หายไปหลายวันแล้วเนอะ”
เจ้าหน้าที่โรงพยาบาลกวาดพื้นอยู่ คันปาก มาเมาท์มอยด์ให้พยาบาลฟัง
เจ้าหน้าที่บอก
“กำลังง่วน หาผู้หญิงรายใหม่มั๊งคะ พ่อหน้าหล่อนั่นน่ะ... เป็นแมงดา”
ตรงทางเดิน เวศม์เดินถือช่อดอกไม้มาเยี่ยมอันตราได้ยินคำว่า..แมงดาก็ชะงักกึ้ก!... ถอยไปตั้งหลักแอบฟังคนพวกนี้คุยกัน เมาท์ตนป่าววะ?
พยาบาล2 ถาม
“เอาอะไรมาพูดน่ะ”
“คุณอันตราเล่าให้ฟังค่ะ คนชื่อเวศม์จะจับเธอ”
เวศม์หน้าเสีย โดนเข้าให้แล้วไง
“ฟังผิดหรือเปล่า ท่าทางคุณเวศม์ดี๊ดี” พยาบาลบอก
เจ้าหน้าที่ใส่สีตีไข่
“คุณอันตรายังบอกด้วยว่า นายเวศม์หลอกเงินผู้หญิงมาเป็นสิบ บ้าน รถ โทรศัพท์มือถือแม้แต่กางเกงใน นายเวศม์ยังไม่ซื้อเองเลยค่า”
พยาบาล 1 บอก
“หมออำพลรู้รึเปล่าเพื่อนสนิทเป็นผู้ชายปีกทอง”
เวศม์อยากจะบ้าตาย ตัวเขาได้กลายเป็นแมงดาในสายตาผู้คนไปเสียแล้ว พยาบาลกับเจ้าหน้าที่เมาท์ถึงเวศม์ไม่หยุด เวศม์เลยไม่กล้าเดินผ่านวอร์ดพยาบาล ขอกลับไปตั้งหลักก่อน

ผ่านเวลา เวศม์ ไม่กล้าเดินผ่านวอร์ดพยาบาล แต่ขึ้นผ่านมาทางบันไดหนีไฟ ทางเดินหน้าห้องพัก เวศม์จะไปห้องอันตรา เจอเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลคนเดิมมองเวศม์ตั้งแต่หัวจรดเท้า เวศม์หน้าม้านไป พยาบาลออกมาจากห้องผู้ป่วยอีก มองเวศม์ด้วยสายตาดูแคลน พยาบาลและเจ้าหน้าที่คนอื่น ๆ เดินมาเห็นเวศม์ ต่างหยุดมองเวศม์เป็นตาเดียว
แต่ละคนจ้องเวศม์อย่างกับเวศม์เป็นฆาตกรฆ่าข่มขืน เวศม์ใส่เกียร์ถอยหลัง เดินถอยกลับ ผลุบหายไปหลังประตูบันไดหนีไฟ

วันถัดมา เวศม์ถึงขนาดต้องพรางตัว สวมหมวกใส่แว่นดำ แต่งตัวเป็นแร๊พโย่ พยาบาลจำเวศม์ไม่ได้ เวศม์รอดด่านแรกมาได้
แต่เวศม์ไม่รอดด่านที่สอง แร็พโย่เวศม์โดนอัษฎาเขวี้ยงของไล่
อัษฎาอ้าปากด่า อันตราเย้ว ๆ เชียร์พ่ออยู่บนเตียง เวศม์โดนเขวี้ยงหลายจนล่าถอยกลับไป

ในร้านกาแฟ เวศม์นั่งหน้างอหงิก ในขณะที่อำพลกับออมหัวเราะสนุกสนานคิกคักกันอยู่สองคน เวศม์ประชด
“ขำมาก ตลกมาก มีความสุขมาก”
ทั้งสองยังหัวเราะกันอยู่
“แหม ขอโทษค่ะ แต่มันก็ขำจริง ๆ นะ จากนายหน้าค้าหุ้นที่มีความสามารถหาตัวจับยาก จู่ ๆ ก็กลายเป็นแมงดานาซะงั้น”
“เพราะยัยตัวแสบนั่นคนเดียว คนเลยเข้าใจฉันผิดไปทั้งโรงพยาบาล” เวศม์บอก
“แกจะไปแคร์ทำไมวะ ฉันยังไม่สนใจเลย ตอนนี้มีแต่คนมาถามว่าฉันคบกับแกเข้าไปได้ยังไง”
“ไม่สนไม่ได้โว้ย ตอนนี้ฉันยังไม่ได้เข้าไปเยี่ยมอันตราเลย พ่อเขาเห็นฉันทำท่ายังกะเห็นหนอน”
ออมหรี่ตามองเวศม์แบบจับผิด
“ก็ไม่เห็นต้องสนใจนิคะ ไม่อยากให้เยี่ยมก็ไม่ต้องเยี่ยม”
“ไม่ได้ ผมเป็นคนทำให้เขาเจ็บ ผมต้องรับผิดชอบ แต่ตอนนี้แค่เข้าไปดูอาการใกล้ ๆ ยังทำไม่ได้เลย”
ออมยิ้มมุมปาก เวศม์ห่วงอันตราชัวร์
ผ่านเวลา เวสม์กลับไปแล้ว เหลือแค่อำพลกับออม อำพลกำลังจะยกแก้วกาแฟขึ้นดื่ม
“เพื่อนคุณ ท่าทางจะมีความรักซะแล้ว” ออมว่า
อำพลแทบสำลัก หน้าตื่น
“แน่ใจนะออม ผมเองก็สงสัยอยู่เหมือนกัน แต่ไม่แน่ใจเท่าไหร่ ไอ้เวศม์มันปิดใจไม่สนผู้หญิงคนไหนมาตั้งแต่โดนศศิทิ้งไป ผมเชียร์ยังไงก็ไม่เคยสน”
“เชื่อออมเถอะคะ ถึงจะปากแข็งยังไง แต่เซนต์ผู้หญิงมันบอก”
อำพลอมยิ้ม นึกหาทางที่จะทำให้เวศม์ยอมรับให้ได้ว่าชอบอันตรา

วันใหม่ อำพลเรียกพยาบาลและเจ้าหน้าที่เข้ามาคุยในห้อง พร้อมกับอัษฎาและอันตรา พูดทีเดียวกันไปเลย
“หมอขอเวลาชี้แจงแป๊บเดียวครับ เพื่อนของหมอไม่ได้เป็นอย่างที่ทุกคนคิด เวศม์เป็นที่ปรึกษาการลงทุนเล่นหุ้น”
อันตราบอก
“หมอโดนเพื่อนหลอกแล้วล่ะค่ะ”
“ผมเอาเกียรติเป็นประกัน เวศม์ไม่ได้เป็นอย่างที่คุณอันตราเข้าใจผิดครับ”
“เลิกคบนายนั่นซะเถอะครับหมอคบคนพาล พาลพาไปหาผิด คบแมงกะจั๊ว แมงกะจั๊วพาไปทำชั่ว”

ทุกคนในห้องพยักหน้าเห็นด้วยกับอัษฎา เป็นห่วงชื่อเสียงอำพล สรุปเป็นอันว่า ไม่มีใครเชื่อหมออำพล

อำพลกับเวศม์มาคุยตรงมุมอับ ปลอดคนของโรงพยาบาล
 
"ช่วงนี้ฉันโดนราหูอม หุ้นก็ตก โดนหาว่าเป็นผู้ชายอย่างว่าอีก"
"ปล่อยเค้าคิดไปเหอะเวศม์ อีกเดี๋ยวก็ไม่เจอกันแล้ว"
เวศม์รีบแย้ง
"เฮ้ย! ปล่อยไม่ได้ แกต้องไปพูดจนกว่าเค้าจะเชื่อ"
"แกแคร์เค้าขนาดนี้ ชอบเค้าสิ"
เวศม์ปากแข็ง ตีหน้าตาย
"ไม่ได้ชอบ"
อำพลไม่เชื่อ
"เหรอ เออ... งั้น...ฉันไม่ช่วยแกแล้วกัน ไปดูคนไข้ก่อนนะ"
อำพลทำเป็นเดินไปช้า ๆ รอให้เวศม์ร้องขอให้ช่วย เวศม์ก็ปากแข็งไม่พูด จนอำพลจวนเดินพ้นมุมตึก ก็ทนปากแข็งไม่ไหว
"เออๆ"
อำพลหันมา
"เออๆ อะไร"
"แกก็เดาเองซี"
"ฉันเป็นหมอรักษาคน ไม่ใช่หมอดู จะได้เดาเก่ง"
อำพลยิ้ม บีบเวศม์ให้พูดออกมา เวศม์เหล่อำพล ไอ้เพื่อนตัวแสบเวศม์เลยพูดซะชัดถ้อยชัดคำ
"เออ ฉันชอบคุณอันตรา"
อำพลยิ้มร่า
"ก็แค่เนี้ย ฉันดีใจที่แกเปิดใจซะที ฉันจะหาโอกาสพูดกับคุณอันตราอีกที แต่ไม่รับปากว่าจะทำให้เค้ามองแกใหม่ ดูเค้าปักใจเรื่องแกมาก"
เวศม์ถอนหายใจดัง..เฮือก...กลุ้ม ผู้หญิงที่ชอบดันเข้าใจเค้าผิดอย่างแรง

วันเดียวกัน แสงฉานพาอุรวสามาดูร้านที่เซ้ง อุรวสาไม่ชอบร้าน ไม่พอใจแสงฉานที่เซ้งร้านโดยไม่บอก อุรวสาเก็บอารมณ์ ไม่อยากทะเลาะ
"ผมอยากทาร้านสีทึม ๆ จ้ะ ดูขรึมดี"
อุรวสาพยายามไม่โวยแนะนำสามีดีๆ
"ร้านเล็กต้องใช้สีสว่าง จะได้ดูกว้างขึ้นค่ะ"
"ตรงนี้ ผมจะตั้งตู้เก็บไวน์"
"กินเนื้อที่เปล่า ๆ ค่ะ"
แสงฉานเริ่มหงุดหงิด ตั้งแต่มาถึง ปรึกษาเรื่องตกแต่งร้าน อุรวสาขัดแสงฉานทุกเรื่อง
"วสา คุณเห็นด้วยกับผมซักเรื่องได้มั้ย"
อุรวสาหมดความอดทน ขึ้นเสียง
"แสงอยากเอาของตั้งในร้านเยอะๆก็หาร้านที่ใหญ่กว่านี้ แล้วดูสิ ที่จอดรถก็ไม่มี ลูกค้ามา จะจอดรถที่ไหน"
"ริมถนนไง"
"แล้วถ้ามีคนอื่นมาจอดล่ะคะ เลือกร้านต้องดูทำเล แต่แสงไม่ดูเลย"
แสงฉานขึ้นเสียง
"ก็ผมชอบร้านนี้ วสาควรเอาใจช่วยผมไม่ใช่จ้องจับผิด"
แสงฉานส่ายหน้า อุรวสาไม่พอใจ จะต่อว่าสามีสายเข้าโทรศัพท์มือถือซะก่อน เธอรับสาย "สวัสดีค่ะคุณพงษ์ชัย...ไปถูกค่ะ เดี๋ยวเจอกันค่ะ" เธอวางสายแล้วบอก "วสาต้องไปคุยงานค่ะ"
"5 โมงครึ่งเนี่ยนะ"
"งานคุณพงษ์ชัยเร่งมากค่ะ"
อุรวสาหงุดหงิดออกไป ฝ่ายแสงฉานก็หงุดหงิดพอกันเริ่มตกแต่งร้าน ก็เริ่มทะเลาะกับเมีย

อนุวัติพาอรุวสามาหาพงษ์ชัยในห้องส่วนตัว พงษ์ชัยสั่งอาหารรอไว้แล้ว อนุวัติไม่อยู่เป็นก้างขวางคอ เดินออกไป
อุรวสารู้ทันว่า พงษ์ชัยต้องการอยู่กับเธอลำพัง เธอวางตัวดี เป็นแค่เพื่อนร่วมงาน
"ไม่พาเพื่อนมาด้วยเหรอครับ"
อุรวสาไม่ตอบ.. คุยเรื่องอื่นแทน
"ดิฉันเร่งแก้แบบโรงแรมให้อยู่นะคะ น่าจะเสร็จภายในอาทิตย์นี้"
"เยี่ยมครับ แล้วน้องสาวเป็นยังไงบ้างครับ"
"ขาหัก ยังอยู่โรงพยาบาลค่ะ"
พงษ์ชัยชวนคุยธรรมดา ไม่ให้อุรวสารู้สึกว่าถูกหลอกถาม
"เอ คุณอัษฎาทราบมั้ยครับว่าคุณแสงฉานเป็นเกย์"
อุรวสาตอบอย่างเสียไม่ได้
"ทราบค่ะ"
"ขออนุญาตพูดตรง ๆ นะครับ คุณอัษฎาค่อนข้าง Conservative หัวเก่าจะยอมรับได้เหรอครับ"
"ค่ะ... คุณพ่อค่อนข้างหัวโบราณ" เธอรู้ทัน ไม่ตอบคำถามที่พงษ์ชัยอยากรู้ "คุณพงษ์ชัยดูแบบส่วนที่แก้ให้หน่อยสิคะ ถูกใจไม่ถูกใจยังไง ดิฉันจะได้แก้ไข"
อุรวสาหยิบไอแพดมาเปิดให้พงษ์ชัยดู พงษ์ชัยรู้ว่า อุรวสาไม่ชอบให้ถามเรื่องส่วนตัว จึงไม่หลอกถามอีก เกรงทำให้เธอไม่พอใจ
พงษ์ชัยเจตนานัดอุรวสามาหลอกถามว่า แสงฉานกับอัษฎามีเรื่องอะไรกันที่เกาะช้าง

แสงฉานเป็นห่วง กระวนกระวายรออุรวสา หันมองนาฬิกา 5 ทุ่มกว่าแล้ว อุรวสายังไม่กลับ
เขาโทร.หาเป็นครั้งที่สิบ อุรวสาก็ไม่รับสาย

เวลาต่อเนื่องมา อุรวสากำลังขับรถอยู่ หันไปหยิบไอแพดขึ้นมาเปิดดูแบบงานที่เพิ่งพรีเซนต์พงษ์ชัยไป เผลอเหม่อไม่ได้มองทางด้านหน้า พอเงยหน้าขึ้นมองถนนด้านหน้า แล้วมีสีหน้าตกใจมาก
"ว๊าย"
อุรวสารีบหักพวงมาลัยหลบอย่างกะทันหัน เสียงรถเบรคเอี๊ยดดังลั่น

พงษ์ชัยบ่นกับอนุวัติในคลับส่วนตัว พนักงานยกอาหารเก็บ เอาเหล้ามาเสิร์ฟให้แทน
"ยังไงคุณวสาก็ไม่ยอมเล่าว่าแสงฉานกับคุณอัษฎาทะเลาะกันรึเปล่า"
สายเข้ามือถือพงษ์ชัย
พงษ์ชัยมองหน้าจอมือถือ ไม่โชว์ชื่อคนโทร...เขาแปลกใจ
"สวัสดีครับ"
ที่คอนโด แสงฉานโทรหาพงษ์ชัย ลืมตัว พูดจาผู้ชาย ไม่ลงท้ายฮ่ะๆ
"ผมแสงฉาน เพื่อนวสานะครับ"
แสงฉานโทรคุยกับพงษ์ชัย น้ำเสียงเป็นห่วงมาก
"วสาอยู่กับคุณพงษ์ชัยรึเปล่าครับ"
"กลับไปตั้งแต่สองทุ่ม"
แสงฉานวางสายทันที
"ขอบคุณมากครับ"
พงษ์ชัยจะถามต่อ แต่แสงฉานดันวางสายเร็ว
"แสงฉานโทรมา ถามถึงคุณอุรวสา"
"มันหึงเหรอครับ"
พงษ์ชัยส่ายหน้า
"น้ำเสียงดูเป็นห่วง"
"โทร.ตามอย่างกับ..."
"ผัวตามเมีย...ไอ้แสงฉานไม่ได้เป็นเกย์ !"

พงษ์ชัยตาลุกวาว แสงฉานหลอกตน หลอกอัษฎา แสงฉานเป็นคู่แข่งสำคัญของพงษ์ชัย!

แสงฉานมาหาอุรวสาที่บ้าน ยืนนอกรั้วคุยกับบราลี
 
"วันนี้พ่อเค้าไปนอนเฝ้าเจ้าอัน คุณวสาไม่ได้กลับบ้านจ้ะ"
แสงฉานบ่นกับตัวเอง
"ดึกแล้ว..วสาไปไหน"
แสงฉาน บราลีต่างเป็นห่วงอุรวสา
"ไม่รับสายครับ รถอาจเสียระหว่างทาง ผมจะนั่งแท็กซี่ไปตระเวนดู"
"เอารถที่บ้านไปจ้ะ แม่ไปหยิบกุญแจก่อน"
บราลีรีบเข้าบ้านไปหยิบกุญแจรถ

บนถนน รถของบราลีแล่นผ่าความมืดเข้ามา
ภายในรถ...แสงฉานขับรถบราลี วิ่งเลนซ้ายขับช้า ๆ มองหารถอุรวสา แต่ไม่เห็น
"แสงแน่ใจว่าถนนเส้นนี้เหรอ"
"เวลาคุณวสากลับคอนโด จะวิ่งเส้นนี้ครับ"
"วันนี้วสาอาจกลับทางอื่น แม่จะโทรถาม จส. 100"
บราลีโทรหาจส.100
"เมื่อตอนหัวค่ำ ได้รับแจ้งรถเสียบ้างมั้ยคะ คนขับเป็นผู้หญิง ชื่ออุรวสา" ... บราลีฟังปลายสายตอบ ช็อก ! แสงฉานเห็นอาการบราลี รีบเอารถจอดริมถนน
"เค้า...เค้าบอกว่า ตอน 3 ทุ่ม มีรถชนกัน แก๊สระเบิด คนขับ คนขับตายทั้งคู่"
แสงฉานเอามือถือมาคุยเอง
"คนขับชื่ออะไรครับ"
แสงฉานขับรถไปดูที่เกิดเหตุรถชนกัน คนขับตาย แสงฉานใจเสีย แต่ยังพยายามมองโลกแง่ดี ต้องไม่ใช่อุรวสา ต้องไม่ใช่ ! ส่วนบราลีร้องห่มร้องไห้ ใจสลายไปแล้ว
"ตำรวจบอกว่ารถไฟไหม้..ไม่เห็นป้ายทะเบียน กำลังเช็คกับวงจรปิดอยู่ครับ"
บราลีหน้าเสียน้ำตาซึม
"คุณวสา"
"ผมว่าไม่ใช่รถวสาหรอกครับ"
สายเข้ามือถือแสงฉาน
"วสาโทรมา !" เขารีบรับ โพล่งถาม "คุณเป็นอะไรหรือเปล่าวสา"

ภายในออฟฟิสที่เปิดไฟไว้เพียงดวงเดียวตรงโต๊ะอุรวสา แสงฉานกับบราลีเดินเข้ามาหา
บราลีพุ่งไปหาลูกก่อน กอดอุรวสาไว้ในอ้อมอก
"แม่คิดว่าเสียคุณวสาไปแล้วซะอีก"
"ไม่มีอะไรนี่คะ เมื่อหัวค่ำก็แค่มีคนวิ่งตัดหน้ารถ แต่วสาหักหลบทัน..."
อุรวสาเห็นแม่ตาแดงก่ำร้องไห้มา ก็รู้สึกผิดกับแม่
"ขอโทษค่ะ...ที่ทำให้เป็นห่วง วสาทำงานเลยปิดเสียงมือถือ"
แสงฉานไม่ถึงกับร้องไห้ แต่สีหน้าแววตาเต็มไปด้วยความกลัว กลัวการสูญเสีย
พอบราลีปล่อยอุรวสา แสงฉานเผลอตัวดึงอุรวสามากอดทันที
"เราอย่าทะเลาะกันอีกเลยนะ ถ้าวันนี้คุณจากผมไป สิ่งสุดท้ายที่ผมจำได้คือเราทะเลาะกัน ผมทนไม่ได้ ผมจะขายร้าน ให้คุณเลือกร้านที่คุณชอบ"
"ถ้าวันนี้วสาจากแสงไป สิ่งสุดท้ายที่วสาทำกับแสงคือทำลายความฝันของคุณ วสาเองก็ทนไม่ได้หรอกค่ะ แสงทำตามความฝันตัวเองเถอะ ส่วนความฝันของวสา...วสารอได้"
"สัญญากับผมนะ เราจะไม่ทะเลาะกันอีก"
อุรวสายิ้มๆ
"งั้นแสงต้องให้วสาตัดลิ้นออก ลิ้นได้ไม่กระทบกับฟัน อืม..หรือแสงจะเสียสละยอมเป็นคนตัดลิ้นทิ้งเอง"
"ที่รักนี่ จริง ๆ เลย"
แสงฉานดึงเมียรักมากอดอย่างรักใคร่สุดหัวใจ อุรวสากอดตอบ ทั้งคู่ลืมเสียสนิทว่า บราลีอยู่ตรงนี้ และมั่นใจว่า แสงฉานเป็นคนรักอุรวสา

ภายในห้องนอนอัษฎา คืนนี้อัษฎาไปนอนเฝ้าอันตราที่โรงพยาบาล บราลีนอนคนเดียว ข่มตาไม่ลง วันนี้เพิ่งได้รู้ แสงฉานหลอกว่าเป็นเกย์ อันที่จริงเป็นคนรักลูกสาว บราลีตัดสินใจไม่ถูกว่าจะโทร.ไปหาอัษฎาที่โรงพยาบาลดีมั้ย เธอสับสน ไม่อยากให้เป็นประเด็นใหญ่โตของครอบครัวในเวลานี้ ด้วยรู้จักนิสัยของอัษฎาเป็นอย่างดี

อัษฎากำลังเดินเลือกซื้อขนมเอาไปให้อันตราอยู่ในมินิมาร์ท ตอนกลางคืน พูดโทรศัพท์มือถือกับบราลีไปด้วย
"เจ้าอันหิวขนม ผมเลยลงมาหาซื้อให้กิน คุณโทร.มาดึกๆ มีอะไรเหรอ"
บราลีคิดไม่ตก บอกสามี... ลูกสาวก็ต้องโดนเล่นงาน ไม่บอกก็รู้สึกผิดต่อสามี
"เอ้อ...ฉันมีเรื่องสำคัญจะบอก"
"เรื่องสำคัญอะไรจ๊ะ"
บราลีลังเล
"เอ้อ...คือ..."
อัษฎาได้ยินเสียงบราลีแล้วนึกสงสัยว่าคงเป็นเรื่องสำคัญ เขาหยุดเดินเลือกของ
"มีเรื่องอะไรว่ามาเลยจ้ะ"
บราลีลังเลสุดๆ
"เอ้อ...คือ ฉัน ฉันคิดถึงคุณ"
อัษฎาหัวเราะชอบใจ
"อ๊ะ...อะไรนะ ฮะๆ วัยรุ่นนะเรา โทรมาบอกรักตอนดึก"
"เอ้อ..ก็.. ก็คุณไม่ค่อยได้ไปไหน เราอยู่ด้วยกันตลอด จู่ๆ วันนี้ไม่มีคุณนอนข้างๆ ฉันรู้สึกแปลกๆ ค่ะ"
อัษฎาหัวเราะชอบใจ ไม่ได้รู้สึกผิดสังเกตอะไร
"ฮึๆ ฟังแล้วชุ่มชื่นหัวใจ เอาอย่างนี้...พรุ่งนี้ผมรอให้คุณหลับก่อน แล้วค่อยมาเฝ้าเจ้าอันก็ได้ คุณจะได้ไม่ต้องคิดถึงผมมาก แค่นี้นะจ๊ะที่รัก...ผมทิ้งเจ้าอันไว้ข้างบนนานแล้ว กู๊ดไนท์ เลิฟยูนะจ๊ะ จุ๊บๆ"
อัษฎากดปิดโทรศัพท์ไปอย่างอารมณ์ดี เดินเลือกซื้อขนมต่อ ขณะที่บราลีนิ่งคิดมาก ตัดสินใจไม่ถูกกับเรื่องนี้

อันตรานอนดูทีวีกินขนมอยู่คนเดียวในห้อง มือถือเธอดัง อันตรามองเบอร์ไม่รู้จัก เธอขมวดคิ้วก่อนรับ
"สวัสดีค่ะ นักสืบอันตราค่า"
เวศม์ที่ยิ้มหวานกับโทรศัพท์
"แหม..นอนขาหักอยู่ยังคิดทำมาหากินอีกเหรอ"
"นาย!! รู้เบอร์ฉันได้ยังไง"
"หาไม่ยากหรอก ในเมื่อรับสืบเรื่องชาวบ้านทั่วราชอาณาจักร"
"โทร.มาทำไม"
เวศม์เสียงจริงจังเลิกล้อ
"ผมเป็นห่วง เจ็บมากไหม"
อันตรานิ่งอึ้งไปนิด
"เรื่องของฉัน ไม่ต้องมายุ่ง"
อันตรากดตัดสายทันที ก่อนรีบบอกตัวเอง
"นายนั่นเป็นผู้ชายอันตราย เป็นแมงกระจั๊ว เกาะผู้หญิงกิน คบไม่ได้ จำไว้ให้แม่นนะ อันตรา"

เวศม์ยืนทอดถอนใจสีหน้าเซ็ง ชอบผู้หญิงเข้าทั้งที กลายเป็นเธอเข้าใจเขาผิดซะอีก

วันใหม่ อัปสรคุยโทรศัพท์ ไอแค่ก ๆ เหมือนป่วย แต่หน้าตาสดใส
 
"ไม่ต้องซื้อหยูกยามานะลูก ป้าต้อยป้าแต๋วซื้อมาให้ป้าแล้ว" อัปสรบอกแล้วก็วางสายไป
แต๋วกับต้อยอยู่ข้าง ๆ อัปสร
"อีกเดี๋ยวตาสิตมา"
3 ป้าหัวเราะคิกคัก ฮิๆๆ หลอกภิสิตมาเจออินทุอร


ในห้องนอนอัปสรนอนเล่นยิ้มแป้นบนเตียง ภิสิตรู้แล้ว โดนป้าหลอกมา ออกอาการเซ็งเล็กน้อย
"ป้าอัปสรหลอกผมมาทำไมครับ"
ต้อย แต๋ววิ่งหน้าเริ่ดเข้ามา
"หนูอินมาแย้ว"
ภิสิตเข้าใจ ป้า ๆ หลอกมาเจอหนูอินนี่เอง
ต้อยรีบเอาไดร์เป่าผม เป่าหน้ากับแขนอัปสรให้ร้อน แกล้งป่วยให้แนบเนียน
"ฉันไม่ใช่ไก่ย่างถูกเผานะยะ พอแล้ว"
ต้อยเก็บไดร์เป่าผมซ่อนเรียบร้อย อินทุอรเข้ามา ไหว้ภิสิตกับอัปสร อินทุอรทำตัวปรกติ ผิดกับภิสิตที่วางตัวไม่ถูก ตั้งแต่วันที่ภิสิตเผลอพูดเป็นนัยๆ ว่าชอบอินทุอร ภิสิตก็ไม่เจออินทุอรอีกเลย ไม่รู้หญิงสาวคิดยังไงกับตน
"หน้าป้าอัปสรแดง ๆ นะคะ" เธอแตะแขนอัปสร " ตัวร้อนจี๋เลย" อัปสรทำเป็นเซื่องซึม "ป้าไข้ขึ้นน่ะลูก"
ภิสิต อึดอัด รู้ว่าหลานชายวางตัวไม่ถูก อัปสรบอกกับภิสิต
"ไปเอาน้ำอุ่นมาให้ป้าทีลูก เผื่อจะเช็ดตัว"
"ครับป้า"
ภิสิตรีบออกไป เป็นโอกาสดี ได้เลี่ยงอินทุอรชั่วคราว
ต้อยถาม
"หนูอิน... หนูพอจะรู้มั้ยว่าอาสิตคิดยังไงกับหนู"
"คิดยังไงคะ"
อินทุอรหน้าบ้องแบ๊ว ตากลมใสซื่อ
"นี่หนูไม่รู้เหรอ"
"รู้อะไรคะ"
"อาสิตน่ะเค้า"
อัปสรตัดสินใจพูดแทรกขึ้น
"เค้ารักเอ็นดูหนูมาก ชมหนูให้ป้าฟังประจำ ว่าหนูน่ารัก เป็นแม่บ้านแม่เรือน"
"ค่ะ" บังเอิญเธอเอามือโดนแขนป้า "เอ๊ะ ! ตัวป้าหายร้อนแล้ว"
"อ๋อ..อืม..ได้ยาดีน่ะลูก สมุนไพรไทย บรรเทาอาการไข้ ตัวร้อนได้ชะงัดนักแหละ"
3 ป้ายิ้มหน้าตาย อินทุอรเชื่อป้าสนิท

ภิสิตกดน้ำอุ่น กังวล ใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว อัปสรคุยอะไรกับอินทุอรบนห้องนอน
แล้วไปโผล่มาข้าง ๆ ภิสิตตกใจ เผลอทำน้ำอุ่นรดมือตัวเอง
"เหม่อจริงลูก พวกป้าแอบถามหนูอินแล้วนะ หนูอินไม่รู้ว่าตาสิตชอบ"
"ป้าแน่ใจเหรอครับ พวกป้าแสดงออกซะขนาดนั้น"
"ฉลาดเรื่องเรียน.. แต่อ่อนต่อโลก หนูอินไม่เคยมีความรัก เด็กที่พ่อแม่ดูแลอย่างดีก็อย่างงี้แหละ ใสซื่อ บริสุทธิ์"
ภิสิตยิ้มได้เต็มที่ เหมือนยกภูเขาออกจากอก ไม่ต้องเป็นกังวลเรื่องอินทุอรแล้ว
"ป้ากำชับแม่แต๋วแม่ต้อยไม่ให้บอกหนูอิน กลัวตาสิตวางตัวกับหนูอินไม่ถูก"
"ทีนี้ผมก็ทำตัวเหมือนเดิมได้แล้วครับ"
"จ้ะ... ลูกเอ๊ย ป้าไม่ได้ป่วยจริง กดน้ำอุ่นทำไม นี่เบลอเลยเหรอเรา"
ภิสิตหัวเราะแก้เก้อ กังวลจนเบลอจริง ๆ

ทั้งหมดยกโขยงมาปูผ้านั่งเล่นในสวน อากาศยามเย็นสดชื่น อินทุอรห่อเมี่ยงคำ วางเรียงบนจานอย่างเรียบร้อย
ภิสิตมองอินทุอรกะร่อยกะหริบห่อเมี่ยงคำ แสดงถึงความเป็นแม่บ้านแม่เรือนในตัวสาวน้อย เขาเผลอทำตาหวานฉ่ำ ผู้หญิงแบบนี้แหละที่ภิสิตปรารถนาอยากได้เป็นศรีภรรยา แต่อินทุอรไม่เห็นสายตาคู่นั้น
แต๋วบอก
"นึกถึงบรรยากาศท้องสนามหลวงนะเธอ ปูเสื่อนั่งกินเมี่ยงคำ ดูแข่งว่าว"
อินทุอรหน้าฉงน แข่งว่าวอะไร ภิสิตไม่ต้องกังวลแล้วว่าอินทุอรจะรู้สึกไม่ดีกับตน ทำตัวสนิทสนมเหมือนเดิม
"แต่ก่อนมีแข่งว่าวที่สนามหลวงค่ะ ตอนเด็ก ๆ ป้าอัปสรพาอาไปดูประจำ นักเลงว่าวเอาเศษแก้วทากาวติดสายป่านว่าว ให้สายว่าวสีกัน ว่าวใครขาด คนนั้นแพ้ ไว้อาจะพาหนูอินไปเที่ยวเทศกาลว่าวไปดูเค้าแข่งว่าวกัน"
อินทุอรเฉย ไม่รับคำภิสิต เขารู้สึกถึงความเปลี่ยนไป ธรรมดาอินทุอรต้องขอให้ภิสิตพาไปเที่ยวด้วยซ้ำ
"ทานเมี่ยงคำค่ะ"
ป้า ๆ หยิบเมี่ยงคำกิน ภิสิตจะหยิบ พบว่าอินทุอรทำเมี่ยงคำ 3 อันให้ป้า ๆ ไม่ทำเผื่อภิสิต
"เมี่ยงคำร้านนี้อร่อยดีนะ น้ำจิ้มไม่หวานมาก"
พวกป้า ๆ กินเมี่ยงคำหมดอย่างรวดเร็ว
"อินห่อให้ใหม่ค่ะ"
อินทุอรปรนนิบัติห่อเมี่ยงคำให้ป้าๆ ปล่อยให้ภิสิตห่อเมี่ยงคำกินเอง เขาสัมผัสได้ เด็กสาวไว้ตัวมากขึ้น พาให้ภิสิตกลับมากังวลอีก

ผ่านเวลา ... ทุกคนมาส่งอินทุอรที่รถ
"ขอบใจนะลูกที่มาเยี่ยม"
"ค่ะ"
อินทุอรกลับ ภิสิตมองตามรถไม่สบายใจ เห็นท่าทีที่เปลี่ยนไป
"ป้าครับ..ผมรู้สึกว่าหนูอินเปลี่ยนไป"
"ระแวงไปเองรึเปล่าลูก"
"คนมีชนักติดหลังก็อย่างนี้แหละ..กลัวโดนจับได้ ฮิๆ ไปชอบเด็กอ่อนกว่าเป็นรอบก็อย่างนี้แหละ" แต๋วบอกพลางหัวเราะชอบใจ
อัปสรแหวทันที
"นี่หล่อน! ว่าหลานฉันเป็นเฒ่าหัวงูรึ อย่างกับตัวเองดีตายแหละ เด็กส่งแก๊ส ช่างล้างแอร์มาบ้านฉันทีไร วี้ดวิ้วกระตู้วู้ ปากมันเชียว อยากเคี้ยวหญ้าอ่อน"
ต้อยบอก
"อู้ย .. แม่แต๋วเค้าไม่ได้เป็นหญ้าอ่อนย่ะเค้าเป็นหญ้าแก่ อยากให้โคอ่อนเคี้ยว"
3 ป้า ย้ายทำเลกลับไปนั่งเสื่อ เถียงกันเรื่องหญ้าอ่อน โคแก่ โคอ่อน หญ้าแก่ ภิสิตมีสีหน้าไม่สบายใจ

ในโรงพยาบาล อินทุอรนั่งหน้าเครียดอยู่ข้างเตียง อันตราหลับสนิท เธอกลัดกลุ้มใจมาก นั่งทอดถอนใจครู่หนึ่ง ก่อนระบายความอัดอั้นให้พี่สาวที่นอนหลับไม่รู้เรื่องฟัง
"พี่อันคะ อินไม่กล้าเล่าให้ใคร คุณพ่อคุณแม่รู้ต้องไม่พอใจอาสิต พี่อันกับคุณวสาก็ด้วย พี่อันคะ อาสิต อาสิตชอบอินค่ะ"
อินทุอรสีหน้าผ่อนคลายขึ้น เพราะได้ระบายออกมา
"อาสิตแยกบ้านกับอาบุษแล้วก็จริง แต่ยังไม่หย่า อินไม่อยากยุ่งเรื่องสามีภรรยาเค้าเลยค่ะ จะตัดขาดอาสิตก็เสียดายความผูกพันตั้งแต่เด็ก แต่เวลาเจอ อินก็วางตัวลำบาก อาสิตนะอาสิต"
ยังระบายไม่หมด อัษฎาโผล่มา เปิดประตูระเบียงกลับเข้าห้อง อินทุอรแทบหยุดหายใจ พ่ออยู่ ! พ่อได้ยิน !
"เอ่อ.. พยาบาลบอกว่า คุณพ่อ คุณพ่อลงไปข้างล่าง"
"ทำไมถึงพูดติดอ่างล่ะลูก"
"เอ่อ..อิน"
"พ่อกลับขึ้นมาตั้งนานแล้ว ออกไปรับลมข้างนอก อาสิตทำไมลูก พ่อได้ยินหนูพูดแว่ว ๆ"
"อาสิต..คือว่า อาสิต"
"อาเค้ารำคาญหนูสิ หนูอินโตแล้วนะลูก อย่าเที่ยวถามนู้นถามนี่ ช่างซักอาสิตเหมือนตอนหนูเด็กๆอาเค้ายุ่ง งานเยอะ"
อินทุอรหน้าเหวอ พ่อไม่ได้ยินใจความที่เธอพูดเมื่อกี้หรอเนี่ย
"ค่ะ อินจะไม่รบกวนอาสิต"
"ดีแล้วลูก"

อัษฎาห่มผ้าให้อันตรา อินทุอรยังหน้าเสีย พ่อเกือบรู้ว่าอาสิตชอบเธอ

สามใบไม่เถา ตอนที่ 4 (ต่อ)

ภิสิตกลับถึงบ้าน เหงาหงอย เงียบเชียบ แม้อินทุอรกับพวกป้าช่วยเลือกซื้อของตกแต่งบ้านให้แล้ว แต่บ้านก็ยังดูไม่มีชีวิตชีวา มันเป็นบ้านชายโสดที่มีชีวิตซังกะตาย ทำงานหนักไปวัน ๆ
ภิสิตปล่อยใจคิดถึงอินทุอร แล้วยิ้มหวาน ฝันกลางวันหากได้อินทุอรมาเป็นศรีภรรยา ชีวิตตนต้องมีความสุขมาก ทั้งคู่ความคิดความอ่านคล้ายกัน อินทุอรน่ารัก อ่อนหวาน ช่างปรนนิบัติ

ในเวลาเดียวกัน บุษบาบัณถ่ายแบบให้นิตยสารหัวไฮโซ สวมใส่เสื้อผ้าแบรนด์ดังลุคออกเซ็กซี่นิด ๆ เครื่องประดับเป็นเครื่องเพชรสั่งทำเข้าชุด ของประกอบฉากหรูหรา คู่ควรกับสาวไฮโซ
บุษบาบัณออกงานสังคม ถูกถ่ายรูปมาเยอะ เลยโพสท่าเก่ง วางท่าสวยสง่า ใช้สายตาจิกกล้องเป็น แววตาบุษบาบัณสวยซึ้ง มีเสน่ห์ เย้ายวนใจ น่าค้นหา

ทีมงานถ่ายรูปเสร็จแล้ว กำลังเก็บอุปกรณ์ ศศิพิมลยืนคุยกับหญิง 1 เจ้าของนิตยสาร
บุษบาบัณเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้ว เดินเฉิดฉายมาหาศศิพิมล เธอยื่นกล่องใส่เครื่องประดับให้
ถือ ศศิพิมลหน้าเจื่อน บุษบาบัณเห็นศศิพิมลเป็นลูกไล่
หญิง 1บอก
"ขอบคุณคุณบุษมากนะคะที่มาเป็นแบบให้หนังสือของเรา ขนเครื่องเพชรมาเองเลย"
"เพชรไม่ครบชุด บุษไม่ใส่ค่ะ ในกล่องเนี่ย เครื่องเพชรเก่าแก่ของตระกูลทั้งนั้น ปักษ์นี้จะวางแผงเมื่อไหร่คะ"
"อาทิตย์หน้าค่ะ ต้องขายดีเป็นเทน้ำเทท่า คนเลือกซื้อนิตยสาร ดูที่ปกเป็นอันดับแรก ปักษ์นี้นางแบบเราสวยสุดบนแผงค่ะ"
บุษบาบัณปลื้มความสวยตัวเอง เชิดหน้า
ศศิพิมลร่วมด้วยช่วยยอ
"สงสารนางแบบปกข้าง ๆ นะคะ โดนบุษฆ่าตายสนิท"
"เดี๋ยวนี้สาวไฮโซเข้าวงการบันเทิงกันหลายคน คุณบุษไม่เข้าบ้างล่ะคะ ตำแหน่งเจ้าหญิงแห่งวงการบันเทิง จะไปไหนเสีย"
"บุษเค้าเป็นลูกผู้ดีแท้ ๆ ไม่เต้นกินรำกินหรอกค่ะ เล่นละคร เปลืองตัวด้วย โดนพระเอกแตะเนื้อต้องตัว บุษน่ะ หวงตัวจะตาย"
บุษบาบัณจิกตาใส่ ศศิพิมลยอไปเรื่อย หรือ หลอกด่า บุษบาบัณหวงตัวซะที่ไหน ชอบมั่วผู้ชาย ศศิพิมลหน้าจ๋อย รู้ตัวว่าเผลอพูดไม่เข้าหูบุษบาบัณ
"บุษกลับนะคะ"
บุษบาบัณเดินเชิดหน้าไปก่อน ให้ศศิพิมลเดินตามต้อย ๆ เหมือนขี้ข้าประจำตัว

วันใหม่ อันตราขาเข้าเฝือกฝึกเดินโดยใช้ไม้ค้ำ ครอบครัวมาให้กำลังใจ สมศักดิ์มาด้วย อุรวสาไม่อยู่ ออกไปโทรศัพท์ข้างนอก อันตราจะล้ม ทุกคนรีบโผมาหา จะช่วย
"ไม่ต้องค่ะ อันต้องเดินให้ได้"
เวศม์มา เห็นครอบครัวอันตราอยู่กันพร้อมหน้าผิดคาด
"อุ้ย !"
"แกยังกล้ามาอีกหรอ ! ศักดิ์ นี่ไง ไอ้แมงกะจั๊วที่มาวอแวเจ้าอัน"
"หน้าหนาอย่างเนี้ย ด่าอย่างเดียว เอาไม่อยู่"
อัษฎากับสมศักดิ์จะรุม เวศม์เตรียมเผ่น บราลีขวางอัษฎาไว้
"ให้ฉันคุยเองค่ะ" บราลีพูดจาดีด้วย แม้ไม่ชอบเวศม์ "อย่ารบกวนลูกสาวดิฉันเลยค่ะ ลูกดิฉันไม่เหมาะกับคุณหรอก"
"คือผมไม่ใช่"
"แกแหละใช่"
อัษฎายัวะ มองหาของ จะเขวี้ยงใส่เวศม์
อันตราส่งไม้ค้ำให้พ่อ
"นี่ค่ะคุณพ่อ"
"เฮ้ย ! เล่นของแข็งเลยเหรอ"
"ฟาดมันเลยเจ้าอัษ"
อัษฎาจะเอาไม้ค้ำตีเวศม์ เวศม์รีบเผ่นออกไป
"อินเคยคุยกับคุณเวศม์วันที่เค้าพาพี่อันมาโรงพยาบาล เค้าดูเป็นคนดีออกค่ะ"
"หนูอิน...ห้ามคุยกับหมอนั่นอีกนะ หัวอ่อนอย่างเรานี่แหละ เหยื่อชั้นดีของนายเวศม์" อันตราบอก
"เชื่อฟังพี่เค้านะลูก ถ้ามันคืบคลานเข้ามาใกล้ เอาไบก้อนฉีดไล่มันเลย"
ทุกคนต่างชิงชังเวศม์ ยกเว้นอินทุอรที่เห็นใจ เวศม์ ไม่เชื่อว่าเวศม์เป็นผู้ชายอย่างว่า

ภายในร้านอาหาร เวลาต่อมา ศศิพิมลนั่งหน้าเศร้าใช้ส้อมเขี่ยอาหารไปมา บุษบาบัณมองแปลกใจ
"เลิกทำหน้าเหมือนปลาสำลักน้ำสักทีเหอะ ฉันรำคาญ"
"ก็ฉันเครียด เวศม์เขามีคนอื่นแล้วจริง ๆ"
"แล้วยังไง ในเมื่อเธอเองก็ยังอยู่กับพงษ์ชัย"
"ฉันอยากเลิกกับพงษ์ชัยใจจะขาด แต่ฉันไม่กล้าแตกหักกับเขา ในเมื่อตอนนี้ฉันก็ยังไม่ได้เวศม์กลับคืนมา"
บุษบาบัณเบ้ปาก มีรอยยิ้มหยัน
"เธอนี่เห็นหงิม ๆ แต่ไม่ธรรมดาเหมือนกันนะ"
" บุษหมายความว่ายังไง"
"คนรักก็จะเอา เงินก็อยากได้กลัวเสียความสุขสบายที่เคยมี"
บุษบาบัณหรี่ตามองศศิพิมล ก่อนถามจี้ใจ
"ฉันถามเธอจริงเหอะศศิ ถ้าเวศม์ไม่ได้เปลี่ยนไปจนร่ำรวยขนาดนี้ ยังเป็นนายเวศม์ที่จนต๊อกต๋อยเหมือนเดิม เธอยังจะอยากได้เขากลับคืนมาไหม"
ศศิพิมลอึ้งนิ่งไป

เวศม์เดินจ้ำพรวด ๆ มาตามทางเดินในโรงพยาบาล เพื่อมาหาอำพลที่รออยู่
เวศม์โวยใส่เพื่อน
"คุณอันตราอยู่คนเดียวซะที่ไหน พ่อแม่พี่น้องเค้าอยู่กันครบ"
"ก็คราวก่อนที่ลงมาหัดเดิน.. เค้ามาคนเดียว"
เวศม์กับอำพลรีบไป อุรวสาคุยโทร.จบ ก็วางสายโทรศัพท์ หันมาเห็นข้างหลังเวศม์ คุ้นมาก เธอมองจนเวศม์เดินเลี้ยวหายไป เหมือนๆ จะเคยรู้จัก อุรวสาเดินกลับไปทางห้องกายภาพบำบัด

อุรวสากลับเข้ามา เห็นพ่อโมโหเดือด สงสัย พ่อโมโหใคร
"พ่อเราเค้าเพิ่งไล่ไอ้แมงกะจั๊วไปน่ะ"
"แหมเสียดาย วสาไม่เห็น อยากรู้จะหล่อซักแค่ไหน"
"ไอ้หล่อน่ะไม่หล่อเท่าไหร่หรอกค่ะคุณวสา แต่คารมน่ะ สุดยอด ผู้หญิงถึงหลงพลีให้ทั้งตัว ทุ่มให้ทั้งเงิน"
"คนที่อเมริกาโทร.มาทำไมลูก" บราลีถาม
"วสาลืมของไว้ที่อพาร์ทเม้นท์ค่ะ เจ้าหน้าที่เค้าโทร.มาถามที่อยู่"
"ของที่ลืมไว้ สำคัญมากหรอลูก"
"Profile งานเก่า ๆ ของวสาค่ะ อยากเก็บไว้"
อันตราฝึกเดินมาร่วมชั่วโมง เมื่อย จะนั่ง
"อินช่วยค่ะ"

อินทุอรไปประคองอันตรานั่ง อุรวสาเอาไม้ค้ำไปวางพาดให้ สามสาวพี่น้องดูแลกันและกันดี

ณ ดนยาคอนสตรักชัน อินทุอรยืนรอพ่อหน้าลิฟต์ ห่างออกไป อัษฎากับสมศักดิ์ยืนคุยธุระกับลูกน้อง หนุ่มออฟฟิศมารอลิฟต์ ปิ๊งอินทุอร เพราะ สวยน่ารักซะ
 
"พนักงานใหม่หรอครับ ไม่เคยเห็นหน้า"
"ค่ะ มาฝึกงานวันแรก"
อัษฎาเห็นอินทุอรถูกหนุ่มคุยวอแว ก็เดินดุ่มมายืนข้างลูก ตีหน้ายักษ์ใส่
หนุ่มยกมือไหว้
"สวัสดีครับบอส"
อัษฎาไม่พูด ใช้สายตาประหัตประหาร ไอ้หนุ่มนี่บังอาจคุยกับลูกสาวโดยไม่ได้รับอนุญาต
หนุ่มงง ตูทำอะไรผิดฟะ สมศักดิ์ช่วยแถลงไขให้เข้าใจ
"นี่คุณอินทุอร ลูกสาวคุณอัษฎา"
หนุ่มตกใจ ไหว้อินทุอร
"สวัสดีคร้าบ ลูกสาวบอส"
ไอ้หนุ่มไม่อยู่แล้ว เผ่นไปจากตรงนี้อย่างด่วน เดาะจีบลูกสาวบอสใหญ่ อัษฎาไม่ให้อภัยง่าย ๆ มองตามไอ้หนุ่มนั่น ฆ่ามันได้ ฆ่าแล้ว!

วันนี้มีประชุมผู้ถือหุ้น อินทุอรนั่งจดรายละเอียดการประชุม
อัษฎาบอก
"เศรษฐกิจโลกเริ่มฟื้นตัวผมมั่นใจ ไตรมาสถัดไป ผลประกอบต้องสูงกว่าเดิม มีอะไรคืบหน้า ผมจะเรียกประชุมผู้ถือหุ้นครับ"
ผู้ถือหุ้นพอใจการทำงานอัษฎา ทยอยกลับ
หญิง 1บอก
"ลูกสาวคุณอัษฎาสวยน่ารักจังนะคะ"
ชาย 1แซว
"น่าจะไว้หนวดนะครับ ให้รู้ว่าพ่อดุ"
สมศักดิ์เสริม
"หนวดไม่พอครับ นายอัษมีลูกสาวสวยตั้ง 3 คน ต้องแบกปืนอาก้า"
"ดิฉันลานะคะ"
อัษฎามองลูกสาวอย่างเอ็นดู
"จดอะไรไปบ้างลูก"
"หัวข้อที่ประชุมวันนี้ค่ะ คุณศจีให้อินไปพิมพ์เก็บไว้ ใช้เป็นฐานข้อมูลค่ะ"
อัษฎาบอกกับศจีฃ
"สอนงานลูกสาวผมด้วยนะครับ ปีหน้าคุณศจีลาออก ผมก็ต้องพึ่งลูก"
"หนูอินฉลาด หัวไว เรียนรู้งานเดี๋ยวเดียวก็เก่งค่ะ"
อัษฎาลูบหัวลูกสาวคนเล็กด้วยความเอ็นดู อินทุอรยิ้มให้ศจีอย่างฝากเนื้อฝากตัว

อินทุอรโทร.ไประบายปัญหาให้แม่ฟัง
"อินพยายามแล้วค่ะคุณแม่ แต่อินไม่มีความสุขกับงานที่นี่ อินไม่อยากเป็นสาวออฟฟิศ อินอยากเป็นนักบัลเล่ต์"

บราลีวางพู่กัน คุยโทร.กับอินทุอร ปลอบลูกสาว
"แม่เข้าใจจ้ะ แต่ช่วงนี้บ้านเรากำลังมีเรื่อง พี่อันถูกรถชน แม่ไม่อยากบอกเรื่องหนูอินจะไปเรียนบัลเล่ต์ที่อเมริกา คุณพ่อเค้าต้องหงุดหงิดโมโห"
"งั้นรอพี่อันหาย คุณแม่คุยกับคุณพ่อนะคะ"
"ระหว่างหนูฝึกงานที่บริษัทคุณพ่อ หนูต้องทำให้เต็มที่ แม่สอนให้หนูเป็นคนมีความรับผิดชอบ ไม่ทำอะไรหยิบหย่ง ไม่ว่าเรื่องอะไร"
"อินจะตั้งใจฝึกงานค่ะ ถึงเป็นงานที่อินไม่รักก็ตาม"

ในที่ทำงานอัษฎา อินทุอรวางสายจากแม่ แล้วหันมองท้องฟ้าข้างนอก เห็นนกโบยบินอยู่บนท้องฟ้า เธอเศร้าสร้อย นึกอิจฉานกที่มีอิสรเสรี โบกบินไปที่ไหนก็ได้
"นกควรได้อยู่บนฟ้า ไม่ควรถูกขังอยู่ในกรง"
ตอนยังเรียนไม่จบ ถูกพ่อควบคุมชีวิตก็ไม่เท่าไหร่ แต่นี่อินทุอรเรียนจบปริญญาตรีแล้ว พ่อยังควบคุมชีวิตทุกอย่าง แม้กระทั่งเรื่องงาน ซึ่งหมายถึงอนาคตทั้งชีวิตของเธอ อินทุอรหดหู่ใจ
ที่เธออาจไม่ได้ทำงานที่ตัวเองรักไปตลอดชีวิต

ผ่านเวลาหลายวัน
โต๊ะเลขาหน้าห้องทำงานอัษฎา ตอนกลางวัน อินทุอรจัดเอกสารเข้าแฟ้ม ตามที่ศจีสอน
บริเวณเครื่องถ่ายเอกสาร เธอถ่ายเอกสาร หนุ่มออฟฟิศมาต่อคิวถ่ายเอกสาร ยิ้มกรุ้มกริ่มให้ พ่อมายืนกอดอก ถลึงตาไล่หนุ่ม สมศักดิ์หัวเราะ อัษฎาหวงลูกสาวเกิ๊น

ภิสิตหอบงานจากกระทรวงกลับมาทำที่บ้าน ท่าทางเหนื่อยล้ากับงาน

ฉานกับอุรวสาอยู่ระหว่างตกแต่งร้าน ช่างทาสีผนังเป็นสีอ่อน ตามที่อุรวสาสั่ง แสงฉานกับอุรวสาเถียงกันเรื่องตั้งโต๊ะเก้าอี้ เห็นไม่ตรงกัน ควรตั้งมุมไหนบ้าง

ห้องกายภาพบำบัดอันตราใช้ไม้ค้ำ หัดเดินเหินคล่องขึ้น พ่อแม่พี่น้อง สมศักดิ์มาให้กำลังใจ
เวศม์แอบดูหน้าประตูห้อง

กลางคืน ภิสิตคิดถึงอินทุอร ไม่ได้เจอร่วมอาทิตย์ อยากเห็นหน้าหวาน ๆ ของสาวน้อย

วันหยุด ณ ซูเปอร์มาร์เก็ตทันสมัย ภิสิตมาซื้ออาหารสำเร็จรูปและเดินผ่านแผงหนังสือ สะดุดตา ... อินทุอรขึ้นปกนิตยสาร
ปกนิตยสารหัวไฮโซ อินทุอรถ่ายแบบออกมาเป็นแนวผู้หญิงหวาน นุ่มนวลน่ารักสมวัย

ย้อนไปวันที่อินทุอรถ่ายแบบ เธอถ่ายที่สตูดิโอเดียวกับบุษบาบัณ ตากล้องก็คนเดียวกัน เพียงแต่นัดมาถ่ายคนละวัน เลยไม่เจอกัน อินทุอรโพสท่าไม่เก่งเหมือนบุษบาบัณ ตากล้องต้องแนะนำ ซึ่งอินทุอรก็ทำออกมาได้อย่างดี

ภิสิตเปิดดูรูปอินทุอรด้านในนิตยสาร ตาเคลิ้ม หนูอินของอาสวยน่ารักมาก เขาหยิบรวบหนังสือมาหมดทั้งแผง ส่งให้พนักงานขาย
"จะรับทุกเล่มเลยเหรอคะ" พนักงานถาม
"ครับ"

พี่ ๆ นั่งประกบอินทุอร ซ้ายขวา รุมดูรูปน้องสาวบนปกนิตยสาร ปลื้มน้องสาวมาก
"น้องสาวพี่สวยที่สุด แก้มงี้ปลั่ง น่าหยิก" อุรวสาบอก
"รอช้าอยู่ใยเล่าคุณวสา ตัวจริงก็นั่งอยู่ตรงเนี้ย"
อุรวสากับอันตราหยิกแก้มอินทุอรคนละข้างเบา ๆ ด้วยความรักเอ็นดูน้องสาวคนเล็ก
"โอ๊ย " เธอหันไปทางอัษฎา "คุณพ่อขา คุณวสากับพี่อันแกล้งอินค่ะ"
อัษฎาหน้ามู่ทู่ หวงอินทุอร
"ผู้ชายทั้งประเทศเลยรู้เลยว่าลูกสาวพ่อสวย ไม่น่ายอมให้คุณพาหนูอินไปถ่ายแบบเลย" อัษฎาตัดพ้อเมียอีกต่างหาก
บราลีย้อนสามี
" อ้าว...แล้วทีให้ลูกเป็นพรีเซ็นเตอร์หมู่บ้านไม่พูดบ้างล่ะ เจ้าของนิตยสารเล่มนี้เป็นเพื่อนฉัน เค้าขอหนูอินไปถ่ายตั้งนานแล้วค่ะ"
"ตายแล้ว"
อุรวสาถาม
"อะไรหนูอิน"

อินทุอรดูรูปถ่ายหน้ากลาง ...

บุษบาบัณโกรธมาก ดูรูปตัวเองในนิตยสาร มือบีบนิตยสารแน่น กระดาษแทบขาด
 
รูปถ่ายหน้ากลาง เป็นรูปที่ไปถ่ายแบบอาทิตย์ก่อน
"โทร.ไปโวยเลยบุษ ตอนติดต่อบอกว่าเธอขึ้นปก แต่ดันเอาคนอื่นมาขึ้นแทน"
บุษบาบัณทิ้งนิตยสารลงบนโต๊ะ.. ปัง ! อินทุอรขึ้นปก แย่งซีนบุษบาบัณอีกแล้ว
"เครื่องหน้าไม่สวยซักอย่าง หุ่นก็ไม่สมส่วน ใครมองว่านังเด็กนี่หน้าตาดี เสียสติ"
ศศิพิมลบอก
"ฉันก็ว่างั้นแหละ หน้าตาธรรมด๊า ธรรมดา"
"นังหนูอินนี่ไง...ที่เป็นต้นเหตุทำให้คุณสิตขอหย่าฉัน"
"ต๊าย.. ใจคอยายเด็กนี่ จะแย่งทุกอย่างของเธอเลยรึไงบุษ"
ใช่..อินทุอรกำลังจะแย่งทุกอย่างไปจากบุษบาบัณ ความโดดเด่นในวงสังคมความสดสวยซึ่งบุษบาบัณไม่มีวันสู้ได้เพราะอายุมากกว่า แล้วอินทุอรยังจะแย่งสามีไปอีกบุษบาบัณไม่ยอม ยังไงก็ไม่ยอม !

บุษบาบัณจอดรถหน้าบ้าน โกรธขึ้ง เดินฉับ ๆ เข้าไปหาภิสิตในบ้าน ศศิพิมลไม่ตามลงไป
บุษบาบัณหน้าบึ้งตึงเข้ามา เห็นภิสิตกำลังดูรูปอินทุอรบนปกนิตยสาร แถมซื้อนิตยสารมาเป็นตั้งอีกต่างหาก
"ปลาบปลื้มมากสิ เด็กในคอนโทรลแย่งบุษขึ้นปก"
บุษบาบัณกวาดนิตยสารล้มทั้งตั้ง นิตยสารกระจายบนพื้นทั่วห้องโถง
"บุษ ! ที่นี่เป็นบ้านของผม คุณไม่มีสิทธิมาทำกริยาเอาแต่ใจตัวเองแบบนี้"
"บุษเอาแต่ใจตัวเอง ก็ยังดีกว่าไอ้แก่บางคน ... อยาก" เธอยังพูดไม่จบ ภิสิตสวน
"หยุดนะ อย่าพูดอะไรต่ำๆ ออกมาอีก มันน่าทุเรศ"
บุษบาบัณสั่ง
"กลับบ้านไปกับบุษ เราต้องกลับไปอยู่ด้วยกัน"
"เป็นอะไรขึ้นมา ตอนผมขนของออกจากบ้าน คุณไม่เห็นรั้งผมไว้"
"บุษคิดได้แล้ว ชีวิตแต่งงานสำคัญกับบุษมาก เราต้องอยู่ด้วยกันไปจนตาย"
ภิสิตรู้ทันความคิดบุษบาบัณ
"คุณไม่ได้อยากแก่เฒ่าไปกับผมหรอก ที่คุณอยากเอาผมกลับไปเพราะคุณกลัวเสียผมให้คนอื่น"
ภิสิตพูดแทงใจดำ บุษบาบัณปรี๊ดแตก
"บุษจะแพ้นังหนูอินนั่นได้ยังไง ! สิตยังเป็นของบุษ ! เรายังไม่หย่ากัน ถ้านังหนูอินอยากได้คุณนักก็ต้องลักกินขโมยกิน บุษเหนือกว่าเยอะ"
"เลิกเล่นเกมไร้สาระของคุณซะทีเถอะ ผมมีชีวิตจิตใจ ปล่อยผมไปเถอะบุษ"
"แสดงว่าคุณไม่ยอมกลับ ได้.. ไม่กลับก็ไม่กลับ บุษก็ไม่หย่า! ดูสิ ใครจะทนกว่ากัน"
บุษบาบัณปึงปังกลับออกไป ภิสิตแสนเหนื่อยใจ ขนาดแยกบ้านแล้ว บุษบาบัณยังตามมาหาเรื่อง

อันตราอยู่บนเตียงของโรงพยาบาล อุรวสา บราลีกำลังช่วยกันปอกผลไม้ที่ข้างเตียง อัษฏาดูทีวี อินทุอรยังนั่งมองนิตยสารในมือ สีหน้าเธอครุ่นคิด จนคิ้วขมวด อันตราสังเกตุเห็น
"เป็นอะไรน่ะหนูอิน นั่งหน้าเครียดมาพักใหญ่แล้วนะ"
"คือ อินกำลังคิดว่าชีวิตแต่งงานที่เราเห็นว่าดี บางครั้งมันอาจจะไม่จริงเหมือนที่เห็นก็ได้นะคะ"
ทุกคนดูอึ้ง ๆ กันไปหมด ที่เธออินเปิดประเด็นนี้ขึ้นมา
"อารมณ์ไหนจ๊ะนี่ หนูอิน" พี่สาวคนโตถาม
อินทุอรอึกอัก
"คือ อินเพิ่งอ่านคอลัมน์ในหนังสือ เกี่ยวกับปัญหาครอบครัวค่ะ"
"สาว ๆ จำไว้นะลูก การแต่งงานคือการเริ่มต้นชีวิตครอบครัว ถ้าเริ่มต้นดีชีวิตก็จะไปได้ดี"
บราลีเหลือบตามองอุรวสา
"แล้วการเริ่มต้นครอบครัวใหม่ก็ควรให้ครอบครัวเก่ารับรู้ด้วย"
ทุกคนงงกับคำพูดของบราลี เธอจงใจพูดให้ลูกคนโตฟัง เพราะเธอเฟิร์มเรื่องแสงฉานแล้ว
"หมายความยังไงหรือคุณ ผมฟังแล้วไม่เข้าใจ"
"คือ ฉันหมายความว่า คนในครอบครัวต้องคอยดูแลกันและกันไงคะ ใครจะเริ่มต้นชีวิตใหม่กับใคร จะมีคนรัก มีแฟนก็ควรจะให้คนในครอบครัวรับรู้"
อัษฏาบอก
"ใช่ ๆๆ เพราะลูกสาวพ่อทั้งสามคน พ่อหวงมาก"
อัษฏาเดินมานั่งบนเตียงคนไข้ดึงอันตรามากอดไหล่ไว้ข้างหนึ่ง ก่อนอ้าแขนออกกว้าง
"มา ๆ มาให้พ่อกอดทั้งสามคนเลย"
สองสาวที่เหลือลุกมาให้พ่อกอดไว้ อัษฏาหันมองบราลี
"ส่วนคุณ ต้องกอดผมอีกที"
บราลีหัวเราะแต่ก็เดินมากอดอัษฏาไว้
"เจ้าอันขาหักก็ดีนะคะ ได้อยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตาดี"
ทุกคนหัวเราะขำ แต่อันตราทำหน้าแหย บรรยากาศอวลไปด้วยความรักในครอบครัว

เวลากลางคืน บุษบาบัณเมามากแล้ว ยังดื่มไม่หยุด ส่วนศศิพิมลไม่แตะเหล้า ไม่ชอบดื่ม
"สิบกว่าปีก่อน..ฉันคิดผิดจริงๆ ที่เลือกภิสิต ไม่ยอมสร้างครอบครัวกับผู้ชายที่ฉันรัก แล้วดูซิ...ฉันได้อะไรตอบแทน"
"แฟนเก่าเธอมีลูกมีเมียรึยัง กลับไปหาเค้าทันมั้ย"
บุษบาบัณแค่นหัวเราะ อเนจอนาถชีวิต
"นนท์ไม่มีโอกาสสร้างครอบครัวอีกแล้ว"
บุษบาบัณน้ำตาเอ่อ คิดถึงแฟนเก่าที่รักมาก และยังรักอยู่

ในอดีต นนท์แฟนเก่าบุษบาบัณช้ำรัก กินเหล้าเมาขับรถ นนท์มองรูปบุษบาบัณในมือ
"วันนั้นฉันบอกเลิกนนท์ นนท์เลยไปกินเหล้าทั้งที่ดื่มเหล้าไม่เป็น สุดท้ายคุมรถไม่อยู่ รถเสียหลัก ชนต้นไม้"
โครม !!
บุษบาบัณสีหน้าเครียดเศร้าเมื่อคิดถึงความหลัง คร่ำครวญ อาลัยรักแฟนเก่าที่ตายจาก
"นนท์ตายเพราะฉัน ฉันฆ่าเค้า ฉันฆ่าผู้ชายคนเดียวที่ฉันรัก"
"ไม่ใช่ความผิดบุษ มันเป็นอุบัติเหตุ"
บุษบาบัณโศกเศร้าเสียใจ ร้องไห้สะอึกสะอื้น ศศิพิมลสะเทือนใจ เพิ่งได้รับรู้ความรักความหลังอันเจ็บปวดของบุษบาบัณ
"ใช่...มันไม่ใช่ความผิดของฉัน แต่มันเป็นความผิดของภิสิต ถ้าฉันไม่โดนครอบครัวบังคับให้แต่งงานกับเค้า นนท์ก็จะไม่ตาย มันเป็นความผิดของภิสิตคนเดียว"
ศศิพิมลกวักมือเรียกบริกรให้เก็บเงิน บุษบาบัณกินเหล้าไม่ไหวแล้ว เมามาก คร่ำครวญ

คืนเดียวกัน ภิสิตนั่งเศร้าอยู่ อัปสรเห็นใจหลานชาย
"บุษเขายืนกรานว่ายังไงก็จะไม่หย่า จะทรมานผมไปแบบนี้เรื่อย ๆ"
"แล้วเขาจะได้อะไรขึ้นมา"
ภิสิตถอนหายใจอย่างหนักอก
"ความสะใจมั้งครับ เพราะบุษเขาโทษว่าเป็นเพราะเขามาแต่งงานกับผม ทำให้คนที่เขารักต้องตาย"
"ป้าไม่ได้เข้าข้างสิต แต่เหตุผลของบุษบาบัณมันคือความเห็นแก่ตัวของเขาเองต่างหาก เขาเป็นคนเลือกเองที่จะทิ้งคนรักมาแต่งงานกับสิตตามความเห็นชอบของผู้ใหญ่"
"แล้วเขาก็มารู้ทีหลังว่าเขาเลือกผิด ผมกับเขาไปกันไม่รอด"
"ขนาดชีวิตคู่ที่มีความรักเป็นพื้นฐานยังไม่ใช่เรื่องง่าย แล้วนี่ไม่ได้มีความรักต่อกัน มันก็ไม่แปลกที่จะไปกันไม่รอด จะมาโทษว่าเป็นความผิดของใครคนใดคนหนึ่งคงเป็นไปไม่ได้"

ภิสิตหนักใจมาก เพราะอยากหย่ากับบุษบาบัณอย่างที่สุด

ศศิพิมลกับคนใช้ช่วยกันใส่ชุดนอนให้บุษบาบัณ บุษบาบัณเมามากเพ้อหาคนรักเก่า
 
"นนท์ มารับบุษไปอยู่ด้วยนะ บุษคิดถึงนนท์ นนท์"
บุษบาบัณค่อย ๆ หลับไป น้ำตายังเปียกสองแก้ม
ศศิพิมลสงสารบุษบาบัณมาก แม้บุษบาบัณทำตัวร้ายกาจ แต่ก็มีมุมน่าสงสาร ศศิพิมลเช็ดน้ำตาให้ แล้วถอยไปยืน ย้อนคิดถึงความรักของตัวเอง

เธอเดินออกมาจากบ้านบุษบาบัณ เธอครุ่นคิดเพราะเธอก็เคยตัดสินใจผิด ทิ้งผู้ชายที่ตัวเองรักไป ศศิพิมลไม่อยากเสียใจซ้ำสอง เธอโทรหาเวศม์ แต่เขาปิดเครื่อง เข้าฝากข้อความ
"ผมเวศม์นะครับ ตอนนี้ไม่สะดวกรับสาย ยังไงฝากเรื่องไว้นะครับ"
"พี่เองนะจ๊ะ...พี่คิดถึงเวศม์มาก เราจะมีโอกาสพบกันเหมือนเดิมมั้ยเวศม์"

เช้าวันใหม่ เวศม์เปิดข้อความที่ศศิพิมลฝากไว้เมื่อคืนฟัง
"ชีวิตคนเราสั้น...จะตายวันไหนก็ไม่รู้ เราควรใช้เวลาที่มีอยู่ให้คุ้มค่าที่สุด ถ้ารักใครก็อย่าอยู่เฉย..ทำให้เค้ารู้ว่าเรารักเค้ามากแค่ไหน เมื่อวันสุดท้ายของชีวิตมาถึงเราจะได้ไม่เสียใจ ถ้าพบคนที่มีค่า...เราต้องทนุถนอมไว้เพราะเค้าคือ หัวใจของเรา"
คำพูดศศิพิมลกินใจเวศม์ เขาคิดได้ รีบคว้ากุญแจรถ รีบออกไปทันที

เวศม์อาจหาญมาเยี่ยมอันตรา แม้โดนไล่ตะเพิดหลายครั้ง พอเห็นหน้าเวศม์ปุ๊บ อัษฎาอ้าปากจะด่า...
"เสียใจด้วยครับ คราวนี้ไล่ยังไงผมก็ไม่ไป"
"ไอ้.. ไอ้...ไอ้...โว้ย.. ด่าจนหมดแม็กแล้ว"
"ระหว่างรอคุณพ่อโหลดกระสุนแม๊กใหม่ ผมขออนุญาตนะครับ"
เวศม์เดินอย่างไว ไปนั่งข้างอันตราบนโซฟายิ้มแฉ่งให้อันตรา
"เฮ้ย ! ไปไกล ๆ"
อันตราลุกหนีเวศม์ ขาเข้าเฝือก หลักไม่ดี เธอเซ ล้มลง นั่งแหมะบนตัก กอดคอเวศม์อย่างดิบดี
ทุกคนตะลึง ! มันจะลงตำแหน่งพอดีอะไรปานนี้ อันตรานั่งอึ้งบนตักเวศม์ อัษฎาโกรธจนหน้าเขียวหน้าเหลือง
"ไอ้เวศม์"
อัษฎากระชากเวศม์ลุกขึ้น จับเวศม์ถอดเสื้อ
"ทำอะไรน่ะคุณอัษ" บราลีถาม
"จะปล้ำผมเหรอครับ"
"บราลีปิดตาเจ้าอันกับหนูอิน ศักดิ์ ช่วยที"
บราลีปิดตาอันตรากับอินทุอรไม่ให้ลูกดูภาพอุจาดตา
ภิสิตเข้ามา
"อย่าครับพี่อัษ คุณศักดิ์"
อัษฎากับสมศักดิ์กอดปล้ำเวศม์ ช่วยกันเปลื้องผ้า

อัษฎากับสมศักดิ์ลากเวศม์ที่เหลือแต่บ๊อกเซอร์ออกมาประจาน พยาบาลตกใจว่าเกิดอะไรขึ้น ภิสิตตามมาห้าม
"ปล่อยเค้าเถอะครับพี่อัษ"
"มันไม่เลิกตอแยเจ้าอัน มันต้องโดนประจาน ! ศักดิ์..จับมันไปข้างล่าง"
"ได้เลยเพื่อน"
"อย่าครับ" เวศม์บอก
"คนอย่างแก อายเป็นด้วยเหรอ"
อัษฎากับสมศักดิ์ลากเวศม์ไปที่ลิฟต์ เวศม์กระเสือกกระสนหนี แต่สู้แรง 2 คนไม่ไหว
ประตูลิฟต์เปิด แสงฉานกับอุรวสาออกมา เห็นเวศม์ โพล่งเรียกพร้อมกัน
"เวศม์ !"

อัษฎากับสมศักดิ์ประหลาดใจ แสงฉานกับอุรวสารู้จักไอ้แมงกะจั๊วนี่ด้วย !!
 
จบตอนที่ 4 
กำลังโหลดความคิดเห็น