เมียเถื่อน ตอนที่ 7
เมี่ยงเดินกล้าๆ กลัวๆ เข้ามาในห้องนอนของเขต
"ไม่รู้ไปทำอะไรมา จู่ๆ ก็สลบไป"
เมี่ยงเห็นฟ้าสางเสื้อผ้าเปียกปอนก็แปลกใจ
"แล้วทำไมเสื้อผ้าคุณฟ้าเปียกอย่างนี้ล่ะคะ"
เขตโกหกหน้าขรึม
"ไม่รู้เหมือนกัน เห็นสลบอยู่ในห้องน้ำ เดี๋ยวผมจะไปรออีกห้อง พี่เมี่ยงช่วยเปลี่ยนเสื้อผ้าให้เค้าหน่อย เอาที่หนาๆ จะได้อบอุ่น อ้อ เอายาแก้ไข้ให้ทานด้วยนะ"
"ได้ค่ะ คุณเขต"
เขตเดินเลี่ยงออกไป เมี่ยงจับตัวฟ้าสางเห็นว่าอุ่นจนร้อน
"คุณฟ้านะคุณฟ้า ไม่น่าเลย วันนี้ก็ตากแดดช่วยคนงานทั้งวัน ยังจะมาเล่นน้ำอีก เป็นไข้แน่ๆ เลย น่าสงสารจริงๆ"
เขตแง้มประตูห้องทำงานเล็กแอบมอง สีหน้ารู้สึกผิด
ผ่านเวลา เมี่ยงออกไปแล้ว เขตยืนมองฟ้าสางนอนหลับด้วยอาการหนาวสั่น แล้วละเมอออกมา
"พ่อจ๋า กอดฟ้าหน่อย ฟ้าหนาว"
เขตได้ยินเสียงฟ้าสางละเมอด้วยพิษไข้ ตัดสินใจกอดฟ้าสาง เพราะใจก็เรียกร้อง เขตเผลอใจกอดจูบฟ้าสางที่ปาก ฟ้าสางกอดตอบเขตเพราะเป็นไข้ไม่รู้ตัว
เขตได้สติ พยายามหักห้ามใจตัวเอง ดึงฟ้าสางมากอดไว้แล้วหอมหน้าผากอย่างทะนุถนอม ก่อนปล่อยให้ฟ้าสางนอนบนเตียง
เขตตัดสินใจลงไปนอนกอดบนเตียงแล้วกอดฟ้าสางไว้ เพื่อถ่ายทอดไออุ่นจากร่างกายให้
บนเตียงนอน เขตนอนกอดให้ความอบอุ่นกับร่างกายฟ้าสาง...จนเช้า เขาลืมตาตื่น มองหน้าสวยของฟ้าสางแล้วเขี่ยผมที่ปิดหน้าไปมา...ใจหวั่นไหว เขาก้มหน้าลงแบบอดใจไม่ได้เผลอใจหอมแก้มฟ้าสางอีก เธอลืมตา มองไปรอบๆ พอเห็นว่าเขตนอนร่วมเตียงอยู่ก็ตกใจรีบถอยหนี
"เธอจะหนีไปไหน ทีเมื่อคืนฉันเปลี่ยนเสื้อผ้าให้ เธอก็เรียกให้ฉันกอดฉันจูบไม่ยอมหยุด"
ฟ้าสางทั้งอายทั้งไม่แน่ใจ ตกใจว่าตัวเองได้สูญเสียอะไรไปหรือยัง
"ไม่...ไม่จริง"
"ถ้างั้นเรามาทบทวนบทเรียนเมื่อคืนเรียกความทรงจำกันอีกรอบดีกว่า"
เขตยิ้มเยาะแล้วดึงฟ้าสางมากอดอีก...
ฟ้าสางพยายามจะขัดขืน แต่ยังป่วยอยู่ทำไม่ถนัด ได้แต่น้ำตาไหลพราก
"ได้โปรดเถอะค่ะ"
"โปรดทำอีกใช่มั้ย"
ฟ้าสางไม่ตอบ พยายามฝืนสะอื้น
พลอยใสคุยกับสาลี่อยู่ที่ด้านหน้าห้องนอนเขต
"พี่เขตยังไม่ตื่นอีกเหรอคะ น้าสาลี่ สงสัยเมื่อวานจะเหนื่อยมาก"
"นั่นสิคะ ปกติคุณเขตไม่เคยตื่นสาย"
สาลี่ลองเปิดประตูห้องนอนที่เขตไม่ได้ล็อก
"ห้องไม่ได้ล็อกด้วยค่ะ"
พลอยใสลืมตัวถือวิสาสะเปิดประตูห้องนอนเขตแล้วเดินเข้าไป
"พี่เขตขา มอร์นิ้งค่ะ"
พลอยใสเดินเข้าไปด้านใน สาลี่เดินตามไป เขตยังกอดฟ้าสางอยู่ เหมือนสองคนหยอกล้อกันบนเตียง พลอยใสตกตะลึงกับภาพตรงหน้า ทั้งหึงหวง ทั้งตกใจ
"ว้าย"
"ทุเรศ ไร้ยางอายที่สุด"
ฟ้าสางตกใจเหมือนกัน แต่ด้วยฤทธิ์ไข้ยังไม่จาง ไม่มีแรงจะลุกหนี
"คุณพลอย น้าสาลี่"
ฟ้าสางเห็นบดินทร์เดินตามเข้ามาเหมือนกัน แต่บดินทร์รีบหมุนตัวออกไป... เขตทำเป็นไม่มีอะไร ลุกขึ้นจากเตียงนอน
"ผมขอตัว"
เขตเดินไปที่ประตูห้องทำงานเล็ก สาลี่ยุยงพลอยใสอยู่ด้านหลัง เสียงเย็น
"จัดการเลยค่ะ คุณหนูพลอย ให้รู้บ้างว่าอะไรควรไม่ควร...เดี๋ยวน้าช่วย"
พลอยใสจากที่อายพอเจอลูกยุเลยเดินเข้าไปจ้องหน้าฟ้าสางเขม็งด้วยสายตาไม่เป็นมิตร
"คุณฟ้าคะ พลอยขอคุยด้วยหน่อยนะคะ พลอยจะไปรอที่ห้องนั่งเล่นนะคะ"
พลอยใสเดินเชิดหน้าเหนือกว่าออกไป
สาลี่หันไปสั่งฟ้าสาง
"รีบตามมานะ อย่าให้คุณหนูพลอยต้องคอยนาน"
สาลี่รีบตามพลอยใสไป ฟ้าสางพยายามฝืนตัวเองลุกจากเตียงนอน...
ในห้องนั่งเล่น พลอยใสมองหน้าฟ้าสางที่ยังมีพิษไข้อยู่แล้วถามด้วยเสียงและสีหน้าผู้ดีสุดๆ
"คุณฟ้าคะ พลอยขอถามอะไรตรงๆ ในฐานะที่เราก็เป็นผู้หญิงเหมือนกัน ได้มั้ยคะ"
"ได้ค่ะ"
"คุณฟ้าเป็นอะไรกับพี่เขตกันแน่คะ"
"ฟ้าเป็นลูกหนี้ของคุณเขตค่ะ"
"ลูกหนี้ แล้วทำไมต้องนอนเตียงของพี่เขต อยู่ในห้องนอนพี่เขต คุณฟ้าใช้หนี้ยังไงหรือคะ"
ฟ้าสางหน้าชาอับอายสุดชีวิต อึกอักตอบไม่ถูก
"ฟ้า...ฟ้า"
"ว่าไงคะ ตอบมาเถอะค่ะ พลอยรับได้ ถ้าพี่เขตจะมีผู้หญิงชั่วคราวสนุกๆ แต่พลอยสงสัย คุณฟ้าไม่มีศักดิ์ศรีหรือยางอายเลยหรือคะ"
"คุณพลอยคงต้องถามคุณเขตเองค่ะ"
พลอยใสเชิดหน้าแล้วมองหน้าฟ้าสางแบบดูถูกเหยียดหยาม
"คำตอบคุณฟ้าเนี่ยไร้ศักดิ์ศรีจังนะคะ"
"หน้าหนาหน้าทนด้วยค่ะ คุณหนูพลอย" สาลี่ย้ำ
ฟ้าสางอายจนแทบแทรกแผ่นดินหนี ได้แต่ก้มหน้ารับสภาพ พลอยใสอึดอัดขัดใจ ทำอะไรไม่ได้เลยเดินออกจากห้องไป สาลี่บึ้งตึงใส่ฟ้าสาง
"ชั้นจะคอยดูว่าคนไร้ยางอายอย่างเธอ จะทนได้สักแค่ไหน"
ฟ้าสางน้ำตาร่วงเผาะ เก็บกดเสียใจ ไม่มีทางออก
บดินทร์ถามเขตด้วยสีหน้าขรึมเช่นกัน
"ตกลงคุณฟ้าเป็นภรรยาพี่เขตเหมือนที่คนงานพูดกันใช่มั้ยครับ"
"แล้วนายคิดยังไงล่ะ"
"ผมเองก็เห็นเต็มๆ ว่าคุณฟ้านอนห้องเดียวกับพี่ จริงๆ ผมก็ไม่น่าจะถาม แต่ผมแปลกใจ ผู้ชายที่เป็นสุภาพบุรุษ แล้วก็ให้เกียรติผู้หญิงมากอย่างพี่เขต กลายเป็นผู้ชายที่ข่มเหงรังแก ไม่ให้เกียรติผู้หญิงตั้งแต่เมื่อไหร่ครับ"
เขตจ้องหน้าบดินทร์อย่างไม่พอใจ ไม่ตอบ เดินเลี่ยงไป
"ว่าไงครับ พี่เขต พี่เขต"
บดินทร์หน้าเครียด เพราะยิ่งได้ใกล้ชิดฟ้าสางก็ยิ่งเห็นว่าเป็นคนดี เลยสงสารเห็นใจ
พลอยใสเดินหน้างอง้ำออกมาจากในบ้านเขต...ไปที่รถ บดินทร์เดินออกมาเช่นกัน ทั้งสองคนชนกัน พลอยใสเข้าไปอยู่ในอ้อมกอดของบดินทร์ที่รับไว้เพราะกลัวจะล้ม ไม่ได้อยู่ในอารมณ์จะหยอกเล่น
พลอยใสรู้ตัวรีบสะบัดออก ทำท่ารังเกียจบดินทร์มากมายจนโอเวอร์
"เลิกฉวยโอกาสได้แล้ว...ปล่อยฉัน"
"คุณเข้ามาให้ผมกอดเองนะนั่น"
"ไอ้...บ้า"
บดินทร์เลยนึกสนุกหันมาปะทะคารมกับพลอยใสอย่างกวนๆ
"ผมอาจจะบ้า แต่ผมก็หล่อ ที่สำคัญยังโสดสนิท ไม่ได้มีพันธะแล้วแบบพี่เขต"
"นายพูดอะไร"
"หน้าตาก็ฉลาด ไม่น่าจะ..."
พลอยใสสวนกลับทันที
"หยุดนะ ฉันไม่ได้โง่ แต่นายมันงี่เง่า"
"ผมอาจจะดูงี่เง่าในสายตาคุณหนูพลอยใส แต่ผมก็ไม่เคยทำตัวเป็นมือที่สาม"
"นายหมายความว่าไง"
"พี่เขตกับคุณฟ้าเป็นอะไรกัน คุณก็น่าจะเห็นชัดเจนแล้ว...ถ้าไม่มโนหลอกตัวเอง"
พลอยใสเลยย้อนบดินทร์กลับ
"แล้วที่คนเค้าเห็นซับเหงื่อดูแลกันใกล้ชิดมาก ทั้งโรงเลื่อยเมื่อวาน...นายเป็นมากกว่ามือที่สามหรือเปล่า"
บดินทร์ยิ้มกวนๆ ก่อนจะตอบโต้ไม่ยอมเช่นกัน
"คนเค้าจิตใจดี ไม่น่าเชื่อว่าจะมีคนมองลงต่ำ"
พลอยใสพยายามระงับอารมณ์สวนกลับ
"จริงสิ อย่างนายเค้าไม่ได้เรียกมือที่สาม เค้าเรียก ชู้ เห็นผู้หญิงไม่ได้"
บดินทร์ยิ้มกว้างก่อนจะดึงร่างพลอยใสเข้ามากอดแบบไม่ทันตั้งตัว
"เห็นแล้วต้องทำแบบนี้ใช่มั้ย"
บดินทร์แกล้งยั่ว ทำท่าจะจูบพลอยใส เธอขัดขืน บดินทร์เลยแกล้งปล่อย จนเธอ พลอยใสเซเกือบล้ม
"ไอ้เลว...ฉวย..."
"หัดจะเล่นบทนางร้าย ยืนให้มันดีๆ หน่อย เสียศูนย์ร่วงไป เดี๋ยวจะกลายเป็นยายเป๋นะ"
พลอยใสค้อนบดินทร์ แล้วเดินเชิดหน้าเป็นคุณหนูแสนหยิ่ง รีบขึ้นรถแล้วขับจากไปอย่างเร็ว
บดินทร์ยืนยิ้ม รู้สึกมีความสุขที่ได้พูดยั่วพลอยใส เริ่มแปลกใจตัวเอง
อ่านต่อหน้า 2
เมียเถื่อน ตอนที่ 7 (ต่อ)
รถแท็กซี่แล่นมาจอดที่หน้าบ้านปรีดา ภายในรถ ราตรีหน้าโทรมๆ เหนื่อยๆ นับเงินค่าโดยสารเพื่อจ่ายให้แท็กซี่
"ไวๆ หน่อยป้า ผมเร่งส่งรถ"
ราตรีนับเงิน แต่ไม่พอค่าแท็กซี่ ขาดไป 20 บาท
"เอาไป...งกนัก"
แท็กซี่รับไป แล้วหันมามองหน้าทำตาดุ
"ขาดไป 20 นะป้า อย่ามั่วนิ่ม ผมคนทำมาหากิน จะโกงกันรึไง อยู่บ้านหลังใหญ่โต"
"ใครโกงแกวะ ฉันไม่มีเงินไทย เพิ่งกลับจากเมืองนอกอะ รอได้เปล่า เดี๋ยวเข้าบ้านไปหยิบมาให้"
"อย่ามามุก รีบลงๆ ไปเลย 20 บาท ถือว่าให้หมาแดก"
ราตรีไม่พอใจ แต่รู้ตัวว่าไม่มีเงินเลยจำต้องทำเป็นโกรธ
"เฮ้ย ไหงปากหมาอย่างนี้วะ ลงก็ได้ ทำไมต้องไล่ด้วย"
ราตรีรีบลงจากรถพร้อมกระเป๋า แล้วปิดประตูดังๆ
แท็กซี่มองเหยียด ก่อนจะออกตัวรถไปอย่างดัง
"เออ คนมันดวงตก หมายังเห่าใส่เลย...อย่าให้อีราตรีกลับมามีเงินอีกแล้วกัน"
ราตรีลากกระเป๋าเข้าบ้านไปด้วยสีหน้าเซ็งสุดที่หมดเงินกับการพนัน
ราตรีเดินเข้าไปในบ้านแบบคนไร้เรี่ยวแรง...ยังไม่ทันนั่งลง เมษาเดินขาเป๋ๆ ใบหน้ายังบอบช้ำมีริ้วรอยที่โดนจอมจัดหนักมา สุดแสนเซ็งชีวิตเข้ามา
ราตรีตกใจในสภาพลูกสาว รีบถลาเข้าไปดูหน้า
"เมษา นี่แกไปถูกรุมโทรมมารึไง...ใครทำแก พวกมันมีกี่คน"
เมษาร้องกรี๊ดเสียงดัง
"แม่...จะบ้าเหรอ จู่ๆ ก็เอาเรื่องอัปมงคลมาให้ลูกสาวตัวเอง ใครจะมารุมโทรมชั้น"
เมษาเดินไปนั่งหมดแรงที่โซฟา ราตรีเข้าไปซักถามต่อ
"อ้าว งั้นแกก็ยินยอมพร้อมใจเหรอ ทำไมถึงเป็นอย่างนี้ ลูกเอ๊ย ทำไมชอบให้ผู้ชายมันกินฟรี"
"แม่..." เมษาหวีดเสียงดังกว่าเดิม "ปากเหรอนั่น ทำไมเน่าเหม็นยิ่งกว่าปลาร้า...หมดอายุ"
"ก็แกไม่เล่า แล้วฉันจะรู้มั้ย"
"จะมีใคร ไอ้พี่จอมแหละ คอยดูนะ ฉันจะเลิกกับมัน"
"ให้มันจริงเถอะ สวยระดับแก หาผู้ชายที่มันรวยๆ ดีๆ ถมไป เงินทองเรายิ่งหมดหน้าตักอย่างนี้ด้วย"
"แม่...อย่าบอกนะว่า แม่เสียการพนันที่ประเทศเพื่อนบ้านหมดตูดอะ เซ็งง่ะ"
"หน้าอย่างนี้ แกว่าฉันได้รึไงยะ"
"แม่นี่นะ อุตส่าห์จับนังฟ้าใส่ตะกร้าออกขายได้เงินมาตั้งเยอะ ทำไมต้องเอาเงินไปเททิ้งหมด"
"แกอย่ามาว่าฉันนะ ความสุขเล็กน้อยของฉัน แกเองล่ะ ใช้เงินมือเติบสุดๆ เคยหามาช่วยมั้ย"
"ทำไมเราต้องโทษกันด้วย แทนที่จะคิดหาทางหาเงินเพิ่ม"
ราตรีเลยได้สติว่า การโทษกันไปมาไม่ได้ประโยชน์อะไร
"เออ ก็จริงของแก...รวมกันเราอยู่"
"ตาแก่บัญชาของแม่ล่ะ ตอนนี้น่าจะกำลังหลงนังฟ้า แม่น่าจะบีบน้ำตาตีหน้าเศร้าเล่าความเท็จสักนิด"
ราตรียิ้มดีดนิ้วได้ความคิดทันที
ราตรีทำเสียงอ่อนเสียงหวานเล่นละครในบทแม่เลี้ยงใจดีในห้องนั่งเล่น โทร. คุยกับบัญชา
"ดิฉันก็รักฟ้าสางเหมือนลูกสาวแท้ๆ เค้าไปอยู่ไกลหูไกลตาก็เป็นห่วงนะคะ คุณบัญชา จะกินจะนอนจะทุกข์จะร้อนยังไง สบายดีมั้ย หัวอกคนเป็นแม่ก็อยากรู้ค่ะ"
บัญชาบอกตามตรง
"ผมว่าเรื่องที่อยู่ อาหารการกิน หนูฟ้าก็น่าจะโอเค.นะครับ แต่เรื่องแม่ลูกคิดถึงกัน ผมก็เข้าใจครับ"
"ฟ้าก็ใจจืดจริงๆ ไม่เคยโทร.หาแม่เล้ย...ไม่ห่วงคุณปรีดาสักนิด ไม่ถามเลยว่า พ่อต้องใช้เงินอีกเท่าไหร่มาจ่ายค่ารักษา ที่ได้มาก็ร่อยหรอ"
บัญชาเริ่มเบื่อหน่ายที่ราตรีร่ายยาวชักแม่น้ำทั้งห้า
"แล้วคุณราตรีมีธุระอะไรอีกหรือเปล่า พอดีช่วงนี้ผมงานยุ่"
"มีค่ะ มี...คือ ดิฉันอยากจะขอรบกวนกู้เพิ่ม"
บัญชาถอนหายใจแล้วตัดสินใจบอก
"เรื่องกู้เพิ่ม ผมเองก็ไม่ใช่เจ้าของเงิน ผมว่าคุณราตรีคงต้องถามเจ้าหนี้ตัวจริงด้วยตัวเองแล้วล่ะครับ"
ราตรีเพ่งรู้ว่าบัญชาไม่ใช่เจ้าหนี้ตัวจริง
"อะไร ยังไง ที่ไหนเหรอคะเนี่ย ค่ะ ค่ะ ได้ค่ะ"
ราตรีวางสายจากบัญชาแล้วทำหน้ามึนๆ เมษามองหน้าแม่แล้วสงสัยไปด้วย
"มีอะไรเหรอแม่ ตาแก่นั่นไม่ยอมให้กู้เพิ่มเหรอ"
ราตรีส่ายหน้า เดินมานั่งลง เมษาตามติดมานั่งด้วย
"คุณบัญชาบอกว่า เจ้าหนี้ตัวจริงจะมาทำธุระที่กรุงเทพ ให้แม่ไปต่อรองกับเจ้าหนี้เอง"
เมษาทำหน้างงตามแม่ ที่เพิ่งรู้ว่าบัญชาไม่ใช่เจ้าหนี้ตัวจริง
"อ้าว แล้วใครเป็นเจ้าหนี้ตัวจริงล่ะแม่"
ภายในร้านอาหารมีระดับ ในเวลากลางวัน เขตยกมือไหว้ลูกค้า พร้อมจับมือล่ำลากัน บัญชาอยู่ด้วย
"ผมขอบคุณที่ให้โอกาสโรงเลื่อยศักดิ์สุวรรณครับ"
ลูกค้าชายบอก
"เราค้าขายกันมานาน ช่วยๆ กันครับ"
ลูกค้าเดินออกไป เขตเดินตามไปส่ง
อีกมุมหนึ่ง ราตรีกับเมษานั่งมองเขตอยู่ เมษาตาวาวที่เห็นว่าเขตหน้าตาหล่อ ดูดีมากมาย
"อย่าบอกนะว่า เจ้าหนี้นังฟ้าคือ ผู้ชายคนนั้น หล่อเทพใจละลายเลยแม่จ๋า"
"ถ้าอยากรู้ก็ต้องไปถามคุณบัญชา...ไปเร็ว"
ราตรีฉุดมือเมษาไปที่โต๊ะ บัญชาจ่ายค่าอาหารเตรียมจะไป
"อ้าว คุณราตรี ทำไมเพิ่งมา ผมต้องกลับแล้วครับ"
"เหรอคะ จริงๆ ดิฉันกับลูกสาวอีกคนมานานแล้ว แต่เห็นคุยงานกัน ก็เลยเกรงใจ" ราตรีสะกิดเมษา "ไหว้คุณบัญชาสิ เมษา"
เมษารีบไหว้บัญชาทำเป็นอ่อนน้อม
"สวัสดีค่ะ คุณอา"
บัญชารับไหว้เมษา
"ไหว้พระเถอะหนู"
"ว่าแต่เจ้าหนี้ตัวจริงคือ..."
เขตเดินกลับเข้ามา บัญชาแนะนำ
"คุณเขต ศักดิ์สุวรรณ เป็นเจ้าหนี้ตัวจริงครับ"
เขตมองราตรีที่ยิ้มให้ เมษาส่งสายตาปิ๊งทอดสะพานมา เขตแปลกใจว่า ทั้งคู่เป็นใคร
"ครับ"
"คุณราตรีกับลูกสาว ญาติของหนูฟ้าสางไง เขต"
"ดิฉันเป็นแม่ฟ้าสางค่ะ แม่เลี้ยงน่ะค่ะ"
"ยัยฟ้าเป็นน้องสาวของเมค่ะ"
"อ้อ ครับ ผมคงต้องขอตัว พอดีมีธุระต่อ"
เขตเดินออกไป...
"ขอตัวเหมือนกันนะครับ" บัญชาบอก
ราตรี เมษายกมือไหว้บัญชาที่รีบเดินตามเขตออกไป
"แม่...ทำไมไม่พูดอะไร เค้าไปแล้วเห็นมั้ย"
"งานนี้เราไม่ต้องพูด แต่เราต้องทำเลย"
เช้าวันใหม่ ราตรีเก็บเสื้อผ้าใส่กระเป๋าพร้อมจะเดินทาง เมษาลากกระเป๋ามามากมายหลายใบ
"เมษา แกจะขนกระเป๋าไปเยอะแยะขนาดนั้นทำไมเนี่ย"
"แหม แม่ เราไปอยู่โรงเลื่อยภูธรก็จริง แต่คนอย่างเมษาต้องสวยเป๊ะนะจ๊ะ ไม่งั้นคุณเขตสุดหล่อจะประทับใจเหรอ"
"รวยขนาดนั้น ค่อยหาซื้อเอาใหม่ ขืนแกขนไปเยอะแยะ จะกลายเป็นภาระ ถ้าไอ้จอมมันตามมา หนีไม่สะดวกนะ"
"แม่อะ อย่าพูดเป็นลางสิ"
เสียงมือถือเมษาดังขึ้น หน้าจอทั้งภาพและชื่อ จอม ปรากฏขึ้น
"เห็นมั้ย มันโทรจิกแต่เช้าเลย"
"งั้นก็รีบไปเหอะ แท็กซี่มารอแล้"
เมษาตัดสายจอมทิ้ง แล้วจำต้องตัดใจเอากระเป๋าไปใบเดียว
"ไปจ้ะ ไปเลย"
ราตรีกับเมษารีบเดินออกไปจากบ้านอย่างไว
จอมยืนอยู่หน้าบ้านปรีดา แล้วกดมือถือหาเมษาที่ปิดเครื่องหนี เขาโมโหกดรัวกริ่งหน้ารั้วบ้าน เงียบ ไม่มีใครออกมาเปิด !
"น้องเมษา...นังเม เปิดประตูเดี๋ยวนี้นะ อย่าให้พี่จอมโมโห"
จอมยังคงไปกดกิ่งรัวๆ อีกหลายรอบ กุญแจคล้องไว้ที่รั้วด้านในบ้าน
"อย่าคิดว่าเก็บของหนีพี่จอมแล้วจะพ้น..."
จอมระบายอารมณ์ด้วยการเตะรั้วบ้านแรงๆ
ต่อศักดิ์ขับรถมาจอด ลงจากรถ...มองจอมอย่างแปลกใจ เริ่มคุ้นหน้า ... เพราะครั้งหนึ่งจอมเคยอ้างตัวว่าเป็นตำรวจ
ต่อศักดิ์จำได้เลยเข้าไปถามจอม
"พี่ตำรวจ ทำไมถึงมาเตะรั้วบ้านประชาชนอย่างนี้ล่ะครับ"
จอมตกใจที่เจอกับต่อศักดิ์อีกรอบ รับรู้ว่าต่อศักดิ์น่าจะจำตัวเองได้
"ไอ้น้องนี่เอง เจอน้องฟ้าหรือยังล่ะ"
"ตกลงพี่ไม่ได้เป็นตำรวจใช่มั้ยครับ"
"เรื่องมาถึงป่านนี้แล้ว พี่บอกความจริงก็ได้ วันนั้นพี่เล่นละครหลอกน้อง เพราะน้องเมษากับแม่ขอร้อง"
"งั้นพี่ทราบมั้ยครับว่า ฟ้าอยู่ที่ไหน"
"เรื่องนี้พี่ก็ไม่รู้จริงๆ นะน้อง ตอนนี้สองแม่ลูกนั่นก็หายหัวไป น้องเมคงคิดว่า จะหนีคนอย่างพี่จอมพ้น แสบนัก อย่าให้เจอตัวละกัน พี่ขอตัวก่อนนะน้อง จะไปตามล่าผู้หญิงหลายใจ อย่าให้เจอนะ จะเอาคืนให้สาสม ทำพี่จอมรมณ์เสียจริงๆ"
จอมเดินแบบโกรธจัดไปที่รถตัวเอง ต่อศักดิ์ยิ่งเป็นห่วงฟ้าสาง
"ฟ้า เกิดอะไรขึ้นกับคุณ...ฟ้าหายไปไหน"
ต่อศักดิ์พยายามมองเข้าไปด้านในบ้าน ประตูบ้านปิดสนิท แต่มีป้าย “ขายหรือให้เช่า ติดต่อที่นี่” แต่ไม่มีเบอร์โทรศัพท์ใดๆ แขวนลวงไว้
อ่านต่อหน้า 3
เมียเถื่อน ตอนที่ 7 (ต่อ)
ถนนทางเข้าโรงเลื่อยศักดิ์สุวรรณ สองแม่ลูกนั่งรถรับจ้าง มองไปรอบๆ ตื่นใจตื่นเต้นกับความใหญ่ คนขับรถจอดรถด้านหน้าดึก บ้านของเขต แล้วขนกระเป๋ามาวางให้ก่อนจะไป
"นี่แหละครับ บ้านคุณเขต...เจ้าของโรงเลื่อยศักดิ์สุวรรณ"
ราตรีกับเมษาพากันยืนมองไปรอบๆ เหมือนพจมานกำลังจะเข้าบ้านทรายทองยังไงอย่างนั้น
เมษาเห็นความโอ่อ่าอลังการของบ้าน วิ่งหมุนวนไปรอบๆ ร่าเริงมาก
"บ้านใหญ่มาก...ทำไมแม่ไม่บอกฉันว่า นังฟ้ามันจะมาเป็นเมียเศรษฐี ฉันจะได้ไม่ให้มันมา"
"เฮ้ย เบาๆ หน่อย เดี๋ยวคนอื่นได้ยิน ความลับแตกโพละ"
"ก็คนสวยตื่นเต้นอะ...คอยดูนะ ฉันจะต้องกินคุณเขตให้ได้"
เมษาทำตาวาวแบบโลภมาก ราตรียิ้มเจ้าเล่ห์ คิดไม่ต่างจากลูกสาว
"บอกตรง แกไม่จัด ฉันก็ต้องจัดแกให้คุณเขต อยากเป็นแม่ยายเศรษฐีจนทนไม่ไหวแล้ว เมษาเอ๊ย..."
"ก่อนอื่น เขี่ยนังฟ้าออกไปให้กระเด็นไปสุดซอยเลยนะแม่นะ"
"จัดให้"
สองแม่ลูกตีมือกันด้วยความรื่นเริงใจในแผนการร้าย
เมษารีบชวนราตรีเข้าไปด้านในบ้าน ตื่นเต้นเก็บไว้ไม่อยู่
"เรารีบเข้าไปดูข้างในเหอะแม่...ฉันอยากเห็นว่า จะอลังการสักแค่ไหน"
ราตรีกับเมษาตื่นเต้น...รีบหิ้วกระเป๋าเดินเข้ามาด้านในบ้าน ทั้งสองตาโตด้วยความตื่นตาตื่นใจกับสภาพบ้านใหญ่โตโอ่โถง
"ตายแล้ว...นี่มันบ้านหรือมันวังเนี่ยแม่ ทำไมมันถึงได้กว้างขวางขนาดนี้"
ราตรีถลาไปที่โต๊ะที่วางของตกแต่งประดับบ้าน ตาโตเท่าไข่ห่าน
"โอ๊ย เมษา ดูของพวกนี้นี่สิ ท่าทางแพงทั้งนั้นเลยนะเนี่ย"
ราตรีหยิบของประดับชิ้นเล็กๆ ใส่กระเป๋าตัวเอง เมษาเห็นพอดี รีบตีมือแม่
"แม่ เอาออกมาเดี๋ยวนี้เลยนะ"
"อะไรวะเมษา...ของก็ไม่ใช่ของแกซะหน่อย แกจะหวงทำไม"
"ฉันไม่ได้หวง แต่ถ้าเกิดเจ้าของบ้านเค้าจับได้ว่าเราขโมยของของเค้า เรามิถูกเฉดหัวออกจากบ้านตั้งแต่ตอนนี้เหรอ"
ราตรีนึกได้
"เออ ถูกของแก...งั้นคืนไปก่อนก็ได้"
ราตรีรีบวางของคืนที่เดิมอย่างเสียดาย
"แม่ไม่ต้องเสียดายหรอกน่า อีกหน่อยทั้งบ้านทั้งโรงเลื่อยนี่ก็ต้องเป็นของฉันอยู่ดีนั่นแหละ"
"นั่นสินะ...ไม่ได้ตอนนี้ อีกหน่อยก็ได้ ลูกแม่ทั้งสาวทั้งสวยขนาดนี้ นายเขตนั่นจะไม่หลงหัวปักหัวปำก็ให้มันรู้กันไปสิ"
สองแม่ลูกกอดกันกลม ฝันหวานถึงวันที่จะได้ครอบครองบ้านและโรงเลื่อยของเขต
บริเวณหน้าบ้านเขต สาลี่ เมี่ยง ฟ้าสางเพิ่งกลับจากตลาด ทั้งสามเดินหิ้วตะกร้าจ่ายตลาดมาด้วยกัน
สาลี่เดินนำหน้า แต่หันหน้ามาพูดกับฟ้าสางและเมี่ยงที่เดินตามมา
"คุณเขตเป็นคนกินง่ายอยู่ง่ายก็จริง แต่ไม่ใช่ว่ากินอะไรก็ได้นะ... นี่เธอฟังฉันอยู่รึเปล่า""ฟังอยู่ค่ะ น้าสาลี่"
สาลี่ค้อนขวับ แล้วพูดกระทบกระเทียบต่อ
“ของที่จะทำให้คุณเขตทาน จะต้องสด สะอาด เป็นของดีมีสกุลรุนชาติ เอ๊ย เป็นของดีมีราคา ไอ้พวกของแบกะดินง่ายๆ ไม่มีค่าไม่มีราคาน่ะ อย่าเอามาให้คุณเขตรับทานเป็นอันขาด เดี๋ยวเธอจะเสาะท้องเอาเปล่าๆ”
ฟ้าสางได้ยินก็รู้ว่าสาลี่กำลังว่าตัวอยู่ เธอก้มหน้า ไม่ต่อล้อต่อเถียงกับสาลี่ เมี่ยงมองอย่างเห็นใจ แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ สาลี่ส่งเสียงแหวเมื่อเห็นเมี่ยงกับฟ้าสางหยุดเดิน
“อ้าว ก็เดินต่อสิยะ มัวแต่ยืนนิ่งอยู่ได้ รากงอกหรือไง”
“ก็มันถึงบ้านแล้วนี่คะ คุณน้าสาลี่”
สาลี่เห็นว่าถึงบ้านแล้วจริงๆ ก็เลยหน้าแตก ส่งตะกร้าของตัวเองให้ฟ้าสาง ท่าทางกระฟัดกระเฟียด
“แล้วก็ไม่บอก...เอาตะกร้านี่ไปเก็บที่ครัว เข้าใจไหม”
ฟ้าสางรับตะกร้าจากสาลี่ไป เมี่ยงกับฟ้าสางเดินอ้อมตัวบ้านไปทางด้านหลัง ขณะที่สาลี่เดินเข้าด้านหน้า
“เชอะ ทำเป็นเงียบๆ หงิมๆ น่าหมั่นไส้.” สาลี่ก้มมองที่พื้น “เอ๊ะ แล้วนี่รองเท้าใคร”
รองเท้าเมษากับราตรีถูกถอดทิ้ง กระจัดกระจายไม่ได้เก็บให้ดีที่หน้าบ้านเขต
สาลี่ก้าวผ่านประตูบ้านเข้ามา ท่าทางร้อนใจ เห็นเมษากำลังสำรวจไปรอบๆ ห้องรับแขกอย่างถือวิสาสะ ขณะที่ราตรีกำลังจะก้าวขึ้นบันไดจะไปสำรวจชั้นบน
“ตายแล้ว นี่พวกเธอสองคนเป็นใคร เข้ามาที่นี่ได้ยังไง”
สองแม่ลูกชะงัก มองสาลี่ตั้งแต่หัวจรดเท้า พอเห็นว่าแต่งตัวเป็นแม่บ้าน ก็ส่งสายตาดูถูก
“แล้วป้าล่ะเป็นใคร” เมษาถาม
“ชั้นก็เป็นแม่นมของคุณเขต เจ้าของบ้านนี้น่ะสิยะ”
ราตรีหัวเราะเยาะ
“เฮอะ แม่นม...เรียกซะสวยหรู ที่แท้ก็ขี้ข้าเค้านั่นแหละว้า”
สาลี่โกรธจนตัวสั่นที่ถูกหาว่าเป็นขี้ข้า
“ฉันไม่ใช่ขี้ข้า ถ้าพวกหล่อนสองคนมีการศึกษา ก็จะรู้ว่าแม่นมกับขี้ข้าต่างกันยังไง”
เมษาปรี๊ด
“แม่...อีป้านี่มันด่าว่าพวกเราไม่มีการศึกษา”
ราตรีโมโห
“เออ ฉันได้ยินแล้ว ไม่ต้องมาตอกย้ำก็ได้เมษา... ปากดีนักใช่ไหม นี่แน่ะ”
ราตรีตบหน้าสาลี่จนหน้าหัน สาลี่โกรธหันกลับมา โผเข้าจิกหัวราตรี
“กล้าตบฉันเหรอ อย่างแกมันต้องเจอแบบนี้”
ราตรีวี๊ดว้าย
“ว้าย ตายแล้ว ลูกเม ช่วยแม่ด้วย”
“รอเดี๋ยวนะแม่”
เมษาพยายามจับสาลี่ล็อกไว้ สาลี่ดิ้นๆ พลางส่งเสียงเอ็ดตะโร
“ปล่อยฉันนะ...ปล่อยฉัน”
เมี่ยงกับฟ้าสางวิ่งออกมาจากทางด้านหลังบ้าน ฟ้าสางเห็นราตรีกับเมษากำลังรุมสาลี่อยู่ ก็ตกใจ เมี่ยงร้องบอกแต่ยังไม่ขยับ
“ว้าย คุณนมโดนตบ”
“น้าราตรี...พี่เม”
เมี่ยงวิ่งเข้าไปดูอาการ ฟ้าสางรีบวิ่งเข้าไปดึงแขนเมษากับราตรีไว้ ฟ้าสางยกมือไหว้ขอร้อง
“น้าราตรี พี่เมขา...ฟ้าขอร้อง อย่ามาทะเลาะกันในบ้านหลังนี้เลยนะคะ”
“นังฟ้า หลบไป...ฉันจะจัดการนังแก่ปากเสียนี่ให้มันรู้บ้างใครเป็นใคร เป็นแค่แม่นม ทำเป็นผยองพองขน...รู้จักราตรีน้อยไปแล้ว”
ราตรีเข้าไปทำอะไรสาลี่ไม่ได้ ฟ้าสางเอาตัวขวางไว้
สาลี่มองหน้าฟ้าสางอย่างชิงชัง
“นี่พวกเธอรู้จักกันเหรอ มิน่าถึงได้ทำตัวต่ำเหมือนกันไม่มีผิด”
“หนอย นังนี่ ยังไม่เข็ดใช่ไหม...ขออีกสักทีเถอะ”
ราตรีผลักฟ้าสางอย่างไวแล้วเงื้อมือตบ ฟ้าสางถลันเข้าไปขวางทางไว้อีก เลยเจอฤทธิ์ฝ่ามือของราตรีฉาดใหญ่จนล้มไปกับพื้น ฟ้าสางน้ำตาคลอด้วยความเจ็บปวด
“สมน้ำหน้า นังฟ้า แส่เข้ามาเอง แกนี่มันโง่ไม่มีที่สิ้นสุดจริงๆ”
ราตรีหันขวับไปหาสาลี่กับเมี่ยง เงื้อมือจะตบอีก สาลี่ไวมาก รีบดันเมี่ยงให้ออกรับหน้าแทน
“ว้าย น้าสาลี่ ทำไมทำแบบนี้ล่ะ”
“ถ้าแกรับลูกตบแทนฉัน ฉันจะเพิ่มเงินเดือนให้แกร้อยนึง”
เมี่ยงส่ายหน้าดิก
“ไม่เอา หนูไม่เอาค่ะ ไม่เห็นคุ้มเลย”
“ไม่ต้องแย่งกัน พวกแกสองคนได้สิทธิ์นั้นทั้งคู่นั่นแหละ”
ราตรีเงื้อมือจะตบทั้งเมี่ยงและสาลี่ ทั้งคู่หลับตาปี๋ด้วยความกลัว เมษายิ้มสะใจ
ทันใดนั้น เสียงของเขตก็ดังขึ้นจากประตูหน้าบ้าน
“มีอะไรกัน เสียงดังเอะอะไปถึงหน้าบ้าน”
เมษา ราตรีหันขวับด้วยความตกใจ เขตยืนหน้าเครียดอยู่ที่ประตูหน้าบ้าน โดยมีบัญชายืนเยื้องไปด้านหลังเล็กน้อย
บัญชาเห็นหน้าราตรีก็อุทานออกมาอย่างแปลกใจ
“คุณราตรี”
อ่านต่อหน้า 4
เมียเถื่อน ตอนที่ 7 (ต่อ)
ภายในห้องรับแขก บัญชากับเขตนั่งอยู่บนโซฟาฝั่งหนึ่ง ราตรีกับเมษานั่งอยู่อีกฝั่ง เล่นละครร้องไห้กระซิกๆ ขณะที่สาลี่อยู่อีกมุมฟ้องฉอดๆ
“คุณเขตต้องจัดการให้นมนะคะ นมไม่ยอมจริงๆ ด้วย” สาลี่ชี้ให้ดูแก้มที่ถูกตบ “ดูนี่สิคะ ยังเป็นรอยอยู่เลย”
เขตกับบัญชามองสภาพของสองแม่ลูกที่ถูกกระชากผมจนหัวยุ่งไปหมด
“แต่คุณนมก็จัดการเองไปบ้างแล้วนี่ครับ”
ราตรีแกล้งร้องไห้โฮ
“ดิฉันขอโทษค่ะที่ก่อเรื่อง แต่ดิฉันทนไม่ได้จริงๆ ที่จู่ๆ ก็ถูกด่าเหมือนเป็นหมูเป็นหมา ทั้งๆ ที่ดิฉันก็พูดดีๆ ด้วยแล้ว”
สาลี่เหวอ กลายเป็นฉันผิดได้ไงเนี่ย บัญชายกมือห้าม
“ผมว่าน่าจะเข้าใจผิดกัน ขอให้เลิกแล้วต่อกันไปดีกว่า ดีมั้ยเขต”
“ดีครับ ตกลงตามนั้นนะครับ คุณนม คุณราตรี”
สาลี่ ราตรีและเมษาจำใจพยักหน้า
“คุณนมออกไปก่อนนะครับ ผมจะคุยกับคุณราตรีสักหน่อย”
สาลี่กระฟัดกระเฟียดออกไปจากห้อง เขตหันมาหาสองแม่ลูก ถามด้วยเสียงจริงจัง ยังไม่รู้จักอย่างเป็นทางการ
“พวกคุณสองคนเป็นใคร”
บัญชาตอบแทน
“คุณราตรีเป็นแม่เลี้ยงของหนูฟ้า ส่วนหนู...”
เมษารีบส่งสายตาอ่อย แล้วพูดแทรก
“เมษาค่ะ คุณเขต เป็นลูกสาวแท้ๆ และแสนดีของแม่ราตรี”
“แล้วคุณสองคนมาที่นี่ทำไม”
ราตรีเห็นว่าเขตนิ่งมากเลยเล่นบทโศก แกล้งร้องไห้
“ฮือๆๆๆ ดิฉันกับลูกไม่รู้จะบากหน้าไปหาที่พึ่งที่ไหนแล้ว พอดีนึกถึงคุณเขตกับคุณบัญชาได้ ก็เลยมาขอพึ่งใบบุญน่ะค่ะ”
ราตรีหันมาทางลูกสาว ขยิบตาส่งซิกให้ไปอ้อน เมษาพยักหน้าเข้าใจแล้วรีบแสร้งปล่อยโฮแล้วลุกขึ้นไปนั่งลงกอดขาเขต
“ถ้าคุณเขตไม่ช่วย เมกับแม่ต้องถูกไอ้พวกเจ้าหนี้นอกระบบทำร้ายร่างกาย พวกมันโหดมาก เมเองก็เกือบโดนพวกมันลากตัวไปทำมิดีมิร้าย แต่โชคดีที่เมหนีมาได้ค่ะ”
เขตพยายามแกะมือเมษาออก
“ปล่อยผมเถอะครับ คุณเมษา”
เมษายอมปล่อยแบบเสียดาย
บัญชาหันไปถามราตรีอย่างแปลกใจ
“แล้วเงินที่ได้เพิ่มไปจากคุณเขตคราวก่อนล่ะ มันไม่พอหรือครับ”
ราตรีอึกอัก
“โธ่...คุณบัญชาคะ อาการป่วยของพี่ปรีดาน่ะ ค่าใช้จ่ายไม่ใช่น้อยๆ นะคะ ฉันเองก็อยากให้พี่ปรีดาได้รับแต่สิ่งที่ดีที่สุด จะได้หายเร็วๆ ก็เลยต้องไปกู้หนี้ยืมสินมาจากที่อื่นด้วย”
เมษาผสมโรง
“ใช่ค่ะ ถ้าไม่ได้คุณแม่ ป่านนี้คุณลุงปรีดาคงหนักกว่านี้ แต่ไม่ว่าเราจะทุ่มเทเงินเพื่อรักษาอาการของคุณลุงแค่ไหน แต่ก็ไม่มีอะไรดีขึ้นเลย”
“โถ หนูเมลูกแม่ ไม่ต้องถ่อมตัวหรอกจ้ะ... ลูกเมขาของดิฉันก็ช่วยทำงานทุกอย่างเท่าที่จะทำได้ เพื่อจะหาเงินมารักษาพ่อเลี้ยงของแกเหมือนกันค่ะ แต่ว่าหนูฟ้าสาง ลูกแท้ๆ ของพี่ปรีดากลับ...”
ราตรีจงใจทิ้งท้ายไว้ ไม่พูดต่อเพื่อให้คนถาม เขตแม้จะไม่ได้เชื่อเต็มร้อย แต่ก็ลองถาม
“ฟ้าสางทำไมหรือครับ”
ราตรีอิดออด
“ดิฉันไม่ควรพูดเลย ลืมๆ มันไปเถอะนะคะ”
เขตเสียงเข้ม
“พูดมาเถอะครับ”
ราตรีลอบยิ้มกับเมษา ดีใจที่ทุกอย่างเป็นไปตามแผน
ในห้องครัว ฟ้าสางอยู่กับเมี่ยงรอฟังข่าว อยากรู้ว่าทั้งคู่มาทำไมกัน สาลี่เข้ามา มองฟ้าสางอย่างโกรธๆ
“ร้ายเหมือนกันไม่มีผิด”
ฟ้าสางรวบรวมความกล้าถามขึ้น
“น้าสาลี่คะ ทราบมั้ยคะว่าน้าราตรีกับพี่เมมาที่นี่ทำไม”
สาลี่เหวี่ยงใส่
“หน้าฉันเหมือนอีกานักหรือไง ถึงจะได้คาบข่าวมาบอกเธอน่ะ อยากรู้ก็ไปถามกันเอาเองสิ ก๊กเดียวกันไม่ใช่เหรอ”
สาลี่เดินเฉียดหน้าฟ้าสางกับเมี่ยงไปจนทั้งคู่ผงะ ฟ้าสางหน้าเสีย
“อย่าไปถือสาน้าสาลี่เลยค่ะคุณฟ้า สงสัยโดนตบ สมองเลยเบลอๆ”
เมี่ยงมองฟ้าสางด้วยแววตาเห็นใจ
ฝ่ายราตรีแกล้งทำเป็นอิดออดจนเขตต้องถามซ้ำเสียงเข้ม
“ว่ายังไงครับ คุณราตรี”
ราตรีถอนใจ
“อย่าหาว่าดิฉันเป็นแม่เลี้ยงใจร้ายเลยนะคะ แต่ว่าตั้งแต่คุณปรีดาล้มป่วย หนูฟ้าก็ไม่ได้ช่วยเหลืออะไรทางบ้านเลย ดีแต่ขอเงินเที่ยวเตร่ไปวันๆ”
“แต่ผมได้ยินมาว่าเธอทำงานเป็นพนักงานขายตั๋วหนัง แล้วยังรับจ็อบเป็นพิธีกรงานอีเวนต์ด้วยนี่ครับ”
ราตรีชะงัก คิดหาทางโกหกต่อ
“อ๋อ ใช่ค่ะ แต่เงินที่ได้มาก็ไม่เคยตกถึงทางบ้านสักบาท มีแต่ดิฉันกับหนูเมนี่ล่ะค่ะที่ดิ้นรนหาเงินหาทองมารักษาพี่ปรีดา หนูเม แม่ขอโทษที่แม่ทำให้ลูกลำบากไปด้วย ฮือๆๆ”
“โธ่ คุณแม่ขา อย่าร้องไห้เลยค่ะ คุณลุงปรีดามีพระคุณกับหนูเปรียบเสมือนพ่ออีกคนหนึ่ง จะให้หนูนิ่งดูดายได้ยังไงล่ะคะ ฮือๆ”
สองแม่ลูกกอดกัน บีบน้ำตาร้องไห้ดูน่าเวทนา บัญชากับเขตอึดอัดใจ
“เอ แต่ผมสงสัยอยู่อย่างหนึ่งครับ คุณราตรี”
ราตรีปาดน้ำตา
“เรื่องอะไรหรือคะ”
“ในเมื่อหนูฟ้าสางไม่สนใจจะรักษาอาการป่วยของพ่อของเธอ แต่ทำไมเธอถึงอาสามาทำงานเพื่อชดใช้หนี้ล่ะครับ” บัญชาถาม
สองแม่ลูกชะงัก ราตรีรีบตอบ
“จริงๆ หนูเมก็จะมาอยู่แล้ว แต่หนูฟ้าสิคะ บอกว่าพี่ปรีดาเป็นพ่อของแก เพราะฉะนั้นแกควรจะเป็นคนมาทำงานที่นี่เอง”
“ยายฟ้าบ่นกับเมมานานแล้วว่าอยากอยู่บ้านหลังใหญ่ๆ ไม่อยากอยู่บ้านเก่าๆ โทรมๆ พอสบโอกาส ยายฟ้าเลยอาสามาที่นี่แทนเมค่ะ คือ น้องรักสบายน่ะค่ะ”
เขตตาลุกวาว คำพูดของสองแม่ลูกตอกย้ำความเชื่อที่เขามีต่อฟ้าสางว่าเป็นผู้หญิงไม่ดีจริงๆ
เขาลุกพรวดขึ้น ทำให้สองแม่ลูกถึงกับงงว่าพูดอะไรผิดไปหรือเปล่า
“พวกคุณสองคนออกไปได้แล้ว”
“เอ๊ะ แล้วเรื่องที่พวกเราขอมาอาศัยที่นี่ล่ะคะ”
เขตไม่ตอบ เดินปลีกตัวไปอีกมุม บัญชาพูดกับสองแม่ลูก
“พวกคุณสองคนออกไปรอข้างนอกสักครู่นะครับ เดี๋ยวผมจะถามคุณเขตให้”
สองแม่ลูกมองหน้ากันอย่างไม่มั่นใจ
เวลาต่อมา สองแม่ลูกเดินออกมาจากห้องรับแขก เมษากระซิบถามราตรี
“แม่...แม่ว่าคุณเขตเขาจะยอมให้พวกเราอยู่ที่นี่มั้ย”
“ต้องให้อยู่สิ ถ้าไม่ให้อยู่แล้วพวกเราจะไปอยู่ที่ไหนกันล่ะ”
“แต่ฉันไม่เห็นเค้าจะมีท่าทางสนใจฉันเลยนะแม่”
“ตอนนี้ยังไม่สน แต่แกก็ต้องทำให้เค้าสนให้ได้...แกดูบ้านดูข้าวของพวกนี้สิ ถ้าแกทำให้นายเขตสนใจแกได้ เราสองคนแม่ลูกจะสบายไปทั้งชาติเชียวนะ”
เมษาเริ่มฮึกเหิมขึ้นตามคำยุยงของแม่
ฟ้าสางเดินกลับเข้ามาดูสองแม่ลูก
“น้าราตรีคะ”
“ว่ายังไงยะ นังฟ้าสาง พอได้ดิบได้ดี มาอยู่บ้านหลังโต ก็เลยไม่คิดถึงพ่อตัวเองเลยหรือไง”
“เรื่องนี้แหละค่ะที่ฟ้าจะมาคุยกับน้ากับพี่เม...อาทิตย์ก่อน ฟ้าโทร.กลับไปที่บ้านหลายหนแล้ว แต่ไม่มีคนรับ พอโทร.หาน้า น้าก็ปิดเครื่องอีก”
ราตรีกับเมษาหน้าแตก เลยตอบโกหกไปส่งๆ
“ฉันก็มีธุระต้องไปทำบ้างสิยะ จะให้อยู่บ้านทั้งวันคอยรับโทรศัพท์แก ก็เครียดตายกันพอดี”
“ใช่ ฉันเองก็ได้อยู่บ้านซะที่ไหนล่ะ พ่อแกน่ะสิ เดี๋ยวทรงเดี๋ยวทรุด ผลาญเงินไปไม่รู้เท่าไหร่ต่อเท่าไหร่แล้ว แล้วไหนจะพวกเจ้าหนี้ที่ตามมาทวงหนี้อีก”
ฟ้าสางตกใจ
“พ่ออาการทรุดลงหรือคะน้า แล้วน้าได้ย้ายพ่อไปที่โรงพยาบาลเฉพาะทางรึเปล่า”
ราตรีเหวี่ยง
“ก็แน่ล่ะสิยะ นี่แกคิดว่าฉันโกหกแกหรือยังไง”
ฟ้าสางส่ายหน้า
“เปล่าค่ะ ฟ้าไม่ได้ว่าน้าเลยจริงๆ นะคะ”
ฟ้าสางกังวลแกมเป็นห่วงอาการของพ่ออย่างจับใจ
อ่านต่อตอนที่ 8