สามใบไม่เถา ตอนที่ 9
อุรวสากับพงษ์ชัยกำลังจะเดินทางไปเกาะช้าง อุรวสาปลีกตัวไปยืนห่าง ๆ พงษ์ชัย เพื่อคุยโทรศัพท์กับแสงฉาน
“วสาไปไม่กี่วันเองค่ะ”
แสงฉานคุยโทรศพท์ พลางรีบแต่งตัว จะไปหาอุรวสา
“นาทีเดียวผมก็ไม่ฝากปลาย่างไว้กับแมว ผมจะรีบไปหาคุณ ไปเกาะช้างกับคุณด้วย”
“วสาให้เจ้าอันไปเป็นเพื่อนค่ะ”
“เจ้าอันไปกับคุณเหรอ”
“ค่ะ วสาเห็นแสงเพิ่งเปิดร้าน ไม่อยากให้ทิ้งร้านไป”
“ถึงไงผมก็เป็นห่วง ผมจะตามไปเฝ้าคุณ”
อุรวสาไม่ชอบใจ เสียงแข็ง ยื่นคำขาดให้เลือก
“คุณไป แสดงว่าไม่ไว้ใจวสา คุณไม่ไป แสดงว่าไว้ใจ”
แสงฉานอึ้ง การไว้ใจกันระหว่างสามีภรรยาเป็นสิ่งสำคัญ
“เจ้าอันอยู่กับคุณจนถึงวันกลับเลยรึเปล่า”
“อยู่ค่ะ”
“งั้น ผมไม่ไปก็ได้จ้ะ”
“ถึงเกาะช้างแล้ว วสาจะโทรบอกคุณค่ะ”
แสงฉานวางสายอุรวสา กังวลใจ ห่วง หวง ภรรยา
อันตราขี่มอเตอร์ไซค์สะพายเป้ออกมาจากบ้าน กำลังจะออกไปหาอุรวสากับพงษ์ชัย เธอเจอเวศม์ยืนพิงรถยนต์รออยู่ อันตราเมิน จะบิดคันเร่งหนี แต่เวศม์รีบเดินไปขวางทาง
“คุยกันก่อนสิ”
“ไม่เห็นจะต้องคุยอะไรนี่”
“วันนั้นคุณต้องเห็นผมกับพี่ศิแน่ๆ แต่จริงๆ แล้วมันไม่มีอะไร”
เวศม์จับไหล่อันตรา เหมือนต้องการจะปรับความเข้าใจ อันตราไม่สนใจ สะบัดแขนออก บิดคันเร่งหนีออกไปเลย
“คุณ ฟังก่อนสิ”
เวศม์ยืนขยี้หัวตัวเอง จนใจ มองจนมอเตอร์ไซค์อันตราลับตาไป ถอนหายใจออกมาเบาๆ
อันตราขี่มอเตอร์ไซค์อยู่ รถตู้ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียนขับปาดหน้ามอเตอร์ไซค์ให้อันตราหยุดรถ คนร้าย 2 คน สวมหมวกไหมพรมปิดหน้า ลงจากรถตู้ พุ่งมาจับตัวอันตรา
“เฮ้ย”
อันตราสู้ยิบตาไม่ยอมถูกจับขึ้นรถตู้ ทั้งเตะ ทั้งต่อย ทั้งถีบ แต่เธอสู้แรงผู้ชายสองคนไม่ไหว ถูกจับขึ้นรถตู้ไปจนได้ อันตรายังไม่หมดฤทธิ์ ต่อยหน้าคนร้าย จึงถูกคนร้ายต่อยท้อง จนจุก ตัวงอ
คนร้ายจับอันตรามัดมือ สวมหมวกไอ้โม่ง เพื่อไม่ให้เห็นหน้าคนร้าย พออันตรามองไม่เห็นหน้าแล้ว คนร้ายอีกคนที่นั่งบนเบาะหลังรถตู้ ก็ถอดหมวกไอ้โม่งออก เป็นอนุวัติ ลูกน้องพงษ์ชัย อนุวัติหยิบโทรศัพท์มือถือของอันตรา มากดปิดเครื่อง
พงษ์ชัยส่งคนไปดักจับอันตรา เพื่อจะได้ไปเกาะช้างกับอุรวสาสองคน เขายิ้มย่อง มองอุรวสาพยายามโทรหาอันตรา แต่ก็ไม่ติด
“น้องวสาปิดเครื่องค่ะ ลืมนัดพี่แน่ๆ เลย”
“ต้องไปแล้วครับคุณอุรวสา เดี๋ยวขึ้นเครื่องไม่ทัน”
อุรวสาลังเลใจ ไม่อยากไปเกาะช้างกับพงษ์ชัยสองคน พงษ์ชัยรู้ใจอุรวสา พยายามเร่ง
“คนงานไปรอที่เกาะช้างแล้ว คุณอุรวสาไม่ไป ก็ไม่มีใครคุมงานนะครับ”
“ไปค่ะ”
พงษ์ชัยลอบยิ้ม แผนไปเกาะช้างกับอุรวสาสองคนสำเร็จลุล่วง เขาหันไปบอกคนขับให้ออกรถไปสนามบิน
เวศม์ขับรถหาอันตราไม่เจอ จนมาเจอมอเตอร์ไซค์ล้มอยู่ข้างทาง ตกใจนึกว่ามีอุบัติเหตุ รีบจอดรถลงไปดูทันที
“คุณอัน”
เวศม์มองซ้ายมองขวาหาอันตราไม่เจอ สังหรณ์ใจว่าจะเกิดอะไรไม่ดี ร้อนใจ เอากุญแจมอเตอร์ไซค์ที่เสียบคาอยู่มาเก็บไว้ รีบขึ้นรถตามหาอันตรา
รถตู้แล่นมาจอดที่เปลี่ยว อันตราถูกมัดมือ สวมหมวกไอ้โม่ง ไม่ให้เห็นหน้าคนร้าย
“พวกแกต้องการเงิน พ่อฉันให้ได้นะ”
อนุวัติลงรถ ไปคุยกับลูกน้องนอกรถ ไม่ให้อันตราได้ยินเสียง เกรงจะจำเสียงตนได้
“กักตัวไว้สองสามวันแล้วค่อยปล่อยไป”
คนร้าย 2 คน พยักหน้ารับคำสั่ง ขึ้นรถขับออกไปทันที อนุวัติมองรถตู้ขับออกไป เดินกดมือถือโทรหาพงษ์ชัย ระหว่างเดินไปที่รถของตัวเองที่จอดอยู่ข้างทาง
“จับตัวไปเรียบร้อยแล้วครับ”
พงษ์ชัยยิ้ม ชำเลืองมองอุรวสาที่นั่งอยู่ข้างๆ
“ดีมาก”
อุรวสาหันไปมอง สังเกตเห็นสายตาพงษ์ชัยแล้วรู้สึกไม่สบายใจ แต่ก็ทำเป็นไม่สนใจ
คนร้ายออกมาจากรถตู้เดินไปเปิดประตูรั้วบ้าน คนร้ายอีกคนลากอันตราลงมาจากรถ พอถึงพื้นแล้ว อันตราก็ดิ้นสุดใจ มือถูกมัดก็ยังพยายามต่อสู้กลับ จนหมวกไหมพรมหลุดออก คนร้ายถูกอันตราเตะไปกองกับพื้น
อันตราเปิดประตูรถตู้เอากุญแจปาทิ้ง รีบวิ่งหนีออกไปอย่างรวดเร็ว คนร้ายลุกขึ้นจะขับรถตาม ก็หากุญแจไม่เจอ ต้องวิ่งทุลักทุเลตามไป
อันตราแกะมือที่ถูกมัดออกได้ วิ่งหนีไม่คิดชีวิต ใกล้หมดแรง คนร้าย 2 คนใกล้เข้ามาทุกที เธอวิ่งโซเซมาถึงทางแยก รถเวศม์จอดข้างหน้าพอดี เปิดหน้าต่างตะโกนเรียก
“อันตรา”
อันตราไม่พูดพร่ำทำเพลง เปิดประตูกระโดดขึ้นรถไป หนีคนร้ายที่วิ่งตามมาได้เฉียดฉิว
เวศม์พาอันตรามานั่งสงบสติอารมณ์ เธอนั่งเหงื่อแตกซิก ยังเหนื่อยหอบ เวศม์เลื่อนกาแฟเย็นตรงหน้าให้พร้อมยื่นผ้าเช็ดหน้าให้
“เช็ดหน้าเช็ดตาก่อนดีกว่า ดื่มอะไรเย็น ๆ จะรู้สึกดีขึ้น”
“ขอบคุณนะ ทั้งสำหรับผ้าเช็ดหน้า แล้วก็ขอบคุณที่มาช่วยฉันด้วย”
“โชคดีที่ผมตามคุณไป เลยช่วยทัน ไม่อย่างนั้นไม่รู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ผมว่าคุณควรแจ้งตำรวจนะ”
“ไม่ดีกว่า ฉันคิดว่าน่าจะเป็นคนที่ฉันไปสืบเรื่องเขาแล้วไม่พอใจ จะสั่งสอนฉันซะมากกว่า แจ้งไปก็เท่านั้น”
เวศม์พยักหน้ายอม ก่อนตัดสินใจคุยเรื่องศศิพิมล
“พี่ศิเขาไปจากชีวิตผมแล้ว”
อันตราชะงัก
“ฉันไม่ได้อยากรู้”
“วันนั้นเขามาบอกลา ให้ผมโชคดี ไม่มีอะไรไปมากกว่านั้นจริงๆ”
“แต่ที่ฉันเห็น”
“นั่นไง แปลว่าคุณแอบดูผมจริงๆ ด้วย”
อันตราหลบตา ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้
“เขาก็แค่กู๊ดบายคิสที่แก้มนิดเดียวเป็นการอำลา ผมก็ไม่ชอบเหมือนกัน แต่ห้ามไม่ทัน”
เวศม์จับมืออันตรา เธอตกใจ เงยหน้าขึ้นมา สบตากัน
“ผมไม่ขอให้คุณเชื่อตอนนี้ แต่ผมขอโอกาส ให้ผมได้พิสูจน์ตัวเองว่าผมจริงใจกับคุณ และไม่มีคนอื่นมาเกี่ยวข้องในชีวิตผมอีกแล้ว นอกจากคุณคนเดียว”
อันตราเอามือออกอย่างไว้ตัว แต่ไม่ได้โกรธ
“จะรู้ได้ยังไงว่าคุณจะไม่มาหลอกฉันเล่นๆ”
“ให้เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์ ผมมั่นใจว่าสุดท้ายแล้ว คุณจะรับรู้ถึงความจริงใจของผม”
อันตรากับเวศม์มองหน้ากัน เธอลังเล แต่สุดท้ายก็ยอมพยักหน้า เวศม์ยิ้มดีใจกุลีกุจอเอามือพัดให้หายร้อน
อันตราขี่มอเตอร์ไซค์มาหน้าบ้าน เวศม์ขับรถตามหลังคอยดูแล ก่อนจะจอดรถที่หน้าบ้าน อันตราพูดซึม ๆ กับเวศม์
“อย่าบอกคุณวสากับพี่แสงนะว่าฉันไปโดนอะไรมา ฉันไม่อยากให้รู้ไปถึงคุณพ่อคุณแม่ ท่านต้องไม่สบายใจมาก”
“ครับ”
“ขอบคุณอีกครั้งนะเวศม์”
อันตราขี่มอเตอร์ไซค์เข้าบ้าน เวศม์ห่วง อยู่รอจนเห็นอันตราเข้าบ้านอย่างปลอดภัย
อันตราเดินเข้าห้องมา อินทุอรตามพี่สาวเข้ามา
“พี่อันคะ ทำไมเมื่อกี้พี่อันมากับพี่เวศม์ล่ะคะ”
อันตราไม่อยากบอกน้อง
“พวกเราเคยจับมือสัญญากัน มีปัญหาอะไรจะเล่าให้กันฟังนะคะ”
“หนูอิน เมื่อกี้พี่ พี่โดนลักพาตัว”
“อะไรนะ”
อุรวสาคุยโทรศัพท์กับอันตราอยู่ที่เกาะช้าง
“อะไรนะ”
“คงเป็นพวกที่ไม่พอใจอัน ที่อันไปสืบเรื่องเขาน่ะค่ะ”
อุรวสาโกรธจนสั่นไปทั้งตัว พงษ์ชัยเข้ามาหา
“พี่จะเอาพวกมันติดคุกให้หมด มันบังอาจทำน้องพี่”
“อย่าดีกว่าค่ะ มันจะเสียงานอันไปกันใหญ่ อันไม่อยากแจ้งความด้วยค่ะ เรื่องแบบนี้ คนนอกรู้ก็พูดกันไปจนเลยเถิด”
“แล้วเราเป็นยังไงมั่ง หายตกใจรึยัง”
“ดีขึ้นแล้วค่ะ คุณวสาล่ะคะเป็นยังไง นายพงษ์ชัยลามปามคุณวสารึเปล่า อันขอโทษที่ไม่ได้ไปเป็นเพื่อน”
“พี่เอาตัวรอดได้ไม่ต้องห่วง เจ้าอัน ต่อไปเราต้องระวังตัว เวลาไปข้างนอก มองหน้ามองหลังให้ดี”
“ค่ะ อันจะไปอาบน้ำล้างเนื้อล้างตัว แค่นี้นะคะคุณวสา”
“จ้ะ”
อุรวสาวางสายน้องสาว ยังโกรธอยู่ พงษ์ชัยแสร้งเป็นห่วง
“น้องสาวคุณอุรวสาเป็นอะไรเหรอครับ”
“ไปเจอคนไม่ดีทำร้ายน่ะค่ะ แต่ปลอดภัยแล้ว”
พงษ์ชัยแววตาเจ้าเล่ห์
“เริ่มงานกันเลยดีกว่าค่ะ งานเสร็จเร็วจะได้กลับกรุงเทพฯ”
อุรวสามองพงษ์ชัยอย่างรู้ทัน เธอต้องการออกห่างจากผู้ชายคนนี้ให้เร็วที่สุด
พงษ์ชัยมองอุรวสาคุยกับหัวหน้าคนงาน สั่งงานคล่องแคล่ว เขาคิดแผนออก จะสร้างความร้าวฉานให้อุรวสากับสามีอย่างไร เมื่ออุรวสาสั่งหัวหน้างานเสร็จ พงษ์ชัยก็เดินยิ้มไปหา
“ถ่ายรูปคู่กันหน่อยครับ เป็นที่ระลึกว่าเราเคยทำงานร่วมกัน”
พงษ์ชัยไปยืนข้างอุรวสา ถ่ายรูปแรกยังยืนไม่ใกล้มาก พอรูปต่อ ๆ มา ก็ขยับยืนชิดอุรวสา
ไหล่ชนไหล่ อุรวสาไม่ชอบใจ แต่ทำเฉย ขณะที่พงษ์ชัยยิ้มร่าให้กล้อง
บุษบาบัณเอารูปถ่ายพงษ์ชัยกับอุรวสาในมือถือ ให้แสงฉานดู
“คุณพงษ์ชัยเพิ่งส่งมาค่ะ”
แสงฉานเอาโทรศัพท์มือถือบุษบาบัณมาเลื่อนดูรูปถ่ายเอง เป็นรูปถ่ายอุรวสากับพงษ์ชัย ถ่ายที่โรงแรมพงษ์ชัยที่เกาะช้าง ยืนชิดไหล่ชนไหล่ เขาหึงขึ้นมาติดหมัด
“งานคงไม่หนักนะคะ มีเวลาถ่ายรูปเล่น”
แสงฉานหน้าบึ้ง
“อืม ดูสนิทกันจังนะคะ”
แสงฉานดูรูปถ่าย คล้อยตามบุษบาบัณ
“ลบออกดีกว่า เดี๋ยวศศิ เพื่อนบุษ เห็นอาจเข้าใจผิดได้ แสงเตือน ๆ ภรรยาบ้างนะคะ คุณพงษ์ชัยเป็นคนเจ้าชู้มาก เสน่ห์แพรวพราว ผู้หญิงคนไหนอยู่ใกล้ ติดกับดักทุกราย”
แสงฉานอยู่เฉยไม่ได้แล้ว กลัวอุรวสาเผลอใจ หลงเสน่ห์พงษ์ชัยขึ้นมา เขาผละจากบุษบาบัณไปหาผู้จัดการร้าน
“ดูร้านด้วย พรุ่งนี้ผมไม่เข้า”
แสงฉานผลุนผลันออกไป บุษบาบัณยิ้มร้าย รู้ว่าแสงฉานรีบไปไหน หัวเราะสะใจ งานนี้ได้ผลเกินคาด
เวศม์กำลังลงจากรถ แสงฉานรีบร้อนมาที่รถเขา หน้าตาบึ้งตึง ในใจปะทุไปด้วยความ
หึงหวง
“มีเรื่องอะไรแสง”
“ไอ้พงษ์ชัยเอางานมาอ้าง พาวสาไปเกาะช้าง วสาลากเจ้าอันไปเป็นเพื่อน แต่ผมก็ไม่ไว้ใจหมอนั่นอยู่ดี”
“คุณอันไม่ได้ไปเกาะช้าง ที่ผมมาหาคุณ จะมาคุยเรื่องเขานี่ละ อยากให้คุณช่วยดูแล วันนี้คุณอันถูกแก๊งรถตู้ฉุดขึ้นรถ”
“มันทำอะไรเจ้าอันรึเปล่า”
“คุณอันเอาตัวรอดมาได้”
แสงฉานขบคิด หาเหตุผลประกอบเหตุการณ์
“ไอ้พงษ์ชัยต้องไม่อยากให้วสาพาน้องไปเป็นก้างขวางคอ ต้องเป็นฝีมือมันแน่ๆ ที่ส่งคนไปดักจับเจ้าอัน”
“จะขนาดนั้นเลยเหรอ”
“ผมต้องไปเคลียร์กับหมอนั่นให้รู้เรื่อง”
แสงฉานขึ้นรถ
“คุณออกตอนนี้ ไปถึงตราดก็มืด ต้องรอเฟอร์รี่พรุ่งนี้อยู่ดี นั่งเครื่องไปพรุ่งนี้ดีกว่า”
“ผมทนนอนอยู่กรุงเทพฯไม่ได้หรอกครับ ตอนนี้ใจผมเหาะไปถึงตราดแล้ว”
แสงฉานรีบขับรถไป เวศม์มองอย่างเป็นห่วง
อินทุอรกับบราลีช่วยกันจัดข้าวของที่อินทุอรต้องขนไปเมืองนอก กระเป๋าเดินทางวางเกลื่อนห้อง
“เฮ้อ จัดเสร็จซะที ใกล้วันเดินทาง ค่อยดูอีกทีว่าลืมอะไรมั้ย”
บราลีมองลูกสาวคนเล็กอย่างเห็นใจ เป็นห่วง เพราะรู้อินทุอรรักภิสิต
“หนูอิน แม่ถามอะไรอย่างหนึ่ง ตอบแม่มาตรงๆ นะลูก”
“ค่ะ”
“หนูอินรู้สึกยังไงกับอาสิตคะ”
อินทุอรอึ้งที่แม่ถาม แต่ก็ตัดสินใจ บอกไปตามตรง
“อินรู้สึกดีกับอาสิตค่ะคุณแม่ แต่ตอนนี้ยังไม่ใช่เวลาที่จะมาคิดเรื่องนี้ อินยังต้องไปเรียนต่อ ชีวิตยังมีอะไรต้องทำอีกเยอะ”
บราลีมองลูกอย่างซึ้งใจที่มีความคิด
“อินทำอะไรตอนนี้ก็ไม่เหมาะค่ะคุณแม่ ทั้งอาสิต ทั้งอินจะดูไม่ดีทั้งคู่”
“หนูโตขึ้นมาก รู้จักยับยั้งชั่งใจ รู้ว่าอะไรควรไม่ควร โดยที่พ่อแม่ไม่ต้องบอก”
“ก็อินเป็นลูกแม่นี่คะ”
อินทุอรกอดแม่ รักแม่มาก แม่อบรมสั่งสอนเธอมาอย่างดี บราลีกอดลูกอย่างรักใคร่เอ็นดู ยิ้มสบายใจ ลูกสาวรอบคอบกว่าที่แม่คิดไว้มาก
อัษฎากำลังคุยโทรศัพท์กับทางโรงพยาบาล
“วันที่ 16 ผมไม่ว่าง ช่วยเช็คคุณหมอวันที่ 17 หน่อยนะครับ”
บราลีกลับมาจากห้องอินทุอร อัษฎารีบตัดบท กลัวภรรยารู้
“แล้วผมจะโทรกลับไปถามอีกที ขอบคุณมากครับ ช่วยหนูอินจัดของไปถึงไหนแล้วจ๊ะ”
“เรียบร้อยแล้วค่ะ คุณไปดูลูกซีคะ ลูกจัดกระเป๋าไปกี่ใบ”
“ไว้พรุ่งนี้แล้วกันจ้ะ”
“ไปถามไถ่ลูกบ้างค่ะ คุณน่ะ ไม่ได้ช่วยลูกจัดของเลย เดี๋ยวหนูอินแอบน้อยใจนะคะ”
“งั้นผมต้องรีบไปง้อซะแล้ว”
อัษฏายิ้มอารมณ์ดีออกไป อะไรที่เกี่ยวกับลูกสาวคนเล็ก เขาอารมณ์ดี มีความสุขไปหมด บราลีรีบเปิดดูเบอร์ที่อัษฎาโทรคุยเมื่อสักครู่
“เบอร์ใคร”
บราลีลองโทรกลับไป
“สวัสดีค่ะ คุณอัษฎาคะ ตกลงคุณหมอว่างนะคะ”
“คุณหมอ เอ่อ คุณมีธุระอะไรกับคุณอัษฎาคะ คือดิฉันเป็นภรรยาคุณอัษฎา”
“ดิฉันเป็นเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลค่ะ พอดีกำลังคุยกับคุณอัษฎาเรื่องเลื่อนนัดคุณหมอ”
“สามีดิฉันป่วยเป็นอะไร”
“ไม่ทราบค่ะ คุณต้องถามคุณหมอ”
บราลีเป็นกังวลมาก อัษฎาเจ็บป่วยไม่ยอมบอกคนในครอบครัว
แสงฉานขับรถขึ้นเรือเฟอร์รี่ หน้าตาเคร่งเครียดมาก เมื่อคืนไม่ได้นอน ใจร้อนเป็นไฟ อยากข้ามไปเกาะช้าง ไปหาอุรวสาให้เร็วที่สุด
เมื่อถึงโรงแรมพงษ์ชัยที่เกาะช้าง แสงฉานจอดรถ รีบไปเดินหาอุรวสา เห็นแต่คนงานกำลังทำงาน พงษ์ชัยก็ไม่อยู่
“คุณอุรวสาอยู่ไหนครับ”
“ไปกับคุณกับพงษ์ชัยครับ”
“ไปไหน”
“ไม่รู้ครับ”
แสงฉานโทรหาอุรวสา กดหลายครั้งก็ไม่สำเร็จ หัวหน้าคนงานเห็นเลยบอก
“บางจุดบนเกาะ สัญญาณไม่ดีครับ”
แสงฉานกวาดตามองกว้างไปบนถนน ไม่รู้ว่าพงษ์ชัยพาอุรวสาไปไหน
บริเวณไซต์ก่อสร้างรีสอร์ตอีกแห่งหนึ่ง อุรวสาเดินตามพงษ์ชัยมา เธอไม่พอใจที่พงษ์ชัยพามาไซต์ก่อสร้างอีกที่ ที่ไม่เกี่ยวข้องกับตัวเอง
“คุณพงษ์ชัยพาฉันมาที่นี่ทำไมคะ”
“ผมอยากให้คุณมาดูโลเคชั่นไว้ก่อนไงครับ รีสอร์ตใหม่นี้เสร็จเมื่อไหร่ ผมจะต้องใช้บริการออกแบบจากคุณแน่ จะได้เห็นภาพ”
“แต่ที่นี่ไม่เกี่ยวกับข้อตกลงที่ฉันมาครั้งนี้”
“น่า มาแล้วก็ดูให้ทั่ว จะได้ไม่เสียเที่ยวไงครับ”
พงษ์ชัยเดินนำดูไซต์งาน ยิ้มแย้ม อุรวสาจำต้องเดินตาม ไม่พอใจ
อินทุอรเล่นเปียโนอยู่ภายในพิพิธภัณฑ์เพลง ภิสิตเดินเข้ามา อินทุอรหยุดเล่น ภิสิตไปนั่งข้างๆ เล่นเปียโนมือซ้ายให้ พยักเพยิดให้อินทุอรเล่นมือขวา สองคนเล่นเปียโนคนละมือ เป็นเพลงเพราะ มองหน้ากัน บรรยากาศหวานซึ้ง
ภิสิตมาทำงาน ยิ้มสุขใจ กำลังฝันกลางวันว่าได้เล่นเปียโนกับอินทุอร เสียงโทรศัพท์ปลุกเขาจากฝันหวาน
“ครับป้า”
อัปสรโทรคุยกับภิสิต แต๋วกับต้อยอยู่ข้าง ๆ อยากคุยกับภิสิตด้วย
“ตาสิตลูก เย็นนี้มากินข้าวบ้านป้านะ ป้านัดหนูอินไว้แล้ว พวกป้าซื้อแหวนไว้ให้พ่อสิต มอบให้หนูอิน”
สามป้ายิ้มกริ่ม วางแผนจับคู่หลาน
“ให้แหวน โจ่งแจ้งไปครับ”
“หนูอินกำลังจะไปเรียนต่อเมืองนอก เราต้องรีบตีตราจองเอาไว้ ตาสิตจะไม่ยอมให้แหวน”
อัปสรหันมาบอกแต๋ว ต้อย แต๋วแย่งโทรศัพท์มาคุยกับภิสิต
“พวกป้าอุตส่าห์หุ้นกันซื้อแหวน ตาสิตต้องให้หนูอิน ไม่อย่างงั้น ป้าโกรธ”
ต้อยแย่งโทรศัพท์มาคุยกับภิสิต
“ป้าเป็นคนเลือกแหวน เลือกอยู่ตั้งนานกว่าจะเจอวงถูกใจ ตาสิตอย่าทำให้ความพยายามป้าสูญเปล่า”
“ฉันคุยกับหลานฉันเอง”
อัปสรแย่งโทรศัพท์คืน
“ไม่รู้ล่ะ วันนี้ตาสิตต้องสวมแหวนจับจองหนูอินไว้ก่อน ป้ารับหนูอินเป็นหลานสะใภ้คนเดียวเท่านั้น คนอื่นป้าไม่เอา”
อัปสรวางสายไป ป้าทั้งสามนิ่วหน้าหงุดหงิดหลานชาย ในขณะที่ภิสิตขำพวกป้า ที่พยายามเป็นแม่สื่อ
“ถ้าไม่ให้แหวน แล้วให้อะไรดี”
ภิสิตครุ่นคิด ซื้อเครื่องประดับอะไรให้อินทุอรดี ถึงจะดูไม่น่าเกลียด
พวกป้าทั้งสาม มานั่งคุยกัน
“ทำแบบนี้จะได้ผลเหรอ” แต๋วถามขึ้น
“หนูอินกำลังจะไปเรียนต่อเมืองนอก ขืนรอตาสิต เราคงอดได้หนูอินมาเป็นหลานสะใภ้กันพอดี” ต้อยไม่พอใจ
“ใช่เราต้องรีบตีตราจอง”
อัปสรเอากล่องแหวนออกมา
“ฉันจะให้แหวนวงนี้กับหนูอิน”
“แล้วก็บอกว่าตาสิตเป็นคนให้” แต๋วเสนอ
“ช่าย แล้วหลังจากที่ตาสิตสวมแหวนให้หนูอิน หนุ่มสาวก็จะได้เปิดใจต่อกัน ตาสิตก็จะได้สารภาพรักหนูอิน โอ้ย แผนนี้เริ่ด” ต้อยเคลิ้ม
อัปสรมองแหวนในมือ
“แหวนวงนี้ฉันหวงมาก ยัยบุษบาบัณอยากได้ใจจะขาด ถึงกับเคยเอ่ยปากขอ แต่ฉันไม่ให้ ฉันประกาศไว้แล้วว่าแหวนวงนี้ ฉันจะให้หลานสะใภ้คนที่ฉันรักเท่านั้น”
ป้าทั้งสามยิ้มแย้ม มีความหวัง
แสงฉานเดินไปมาอย่างคนร้อนใจ อุรวสาหายไปกับพงษ์ชัยนานแล้ว เขาทนรอไม่ไหว ขับรถออกไปตามหาอุรวสาเอง เขาขับไปรอบ ๆ เกาะช้าง ตามหาแบบไม่มีจุดหมาย ขับไปตามถนน ผ่านร้านอาหารก็แวะดู แต่ก็ไม่เจอ หาเท่าไหร่ก็หาไม่เจอ แสงฉานโมโหหึงมากขึ้นไปอีก
แสงฉานขับรถมาถึงหมู่บ้านชาวประมงท้ายเกาะ ยังไม่ทันลงจากรถ มองเข้าไปในหมู่บ้านชาวประมง เห็นอุรวสากับพงษ์ชัยกำลังเดินคุยกันอยู่ เขามองหน้าอุรวสาไม่ชัด นึกว่ากำลังยิ้มแย้มกัน แต่จริงๆ แล้ว อุรวสาหน้านิ่วคิ้วขมวด ไม่พอใจ
“ฉันไม่อยากซื้อของฝากให้ใครค่ะ”
“ไม่ซื้อให้ใครก็ซื้อให้ตัวเองก็ได้ครับ อาหารทะเลสดๆ ทั้งนั้น มาทั้งทีไม่ได้ติดไม้ติดมือไปไม่ได้นะ”
“แต่ฉันอยากกลับที่พักแล้ว”
พงษ์ชัยทำเป็นไม่ได้ยิน เดินเลี่ยงออกไปถามราคาของสดจากแม่ค้า อุรวสาต้องเดินตามไปอย่างเสียไม่ได้
แสงฉานมองไป เข้าใจว่า อุรวสากับพงษ์ชัยกำลังเดินซื้อของฝาก เขาเห็นสามีภรรยาเดินจับจ่ายซื้อของข้างกัน ทำให้แสงฉานยิ่งหึง ปิดประตูรถเสียงดัง เดินปรี่เข้าหมู่บ้านชาวประมงตั้งใจไปเอาเรื่อง
สามใบไม่เถา ตอนที่ 9 (ต่อ)
แสงฉานเดินหน้าตาบึ้งตึงมาหาอุรวสา
“แสง”
“กลับกรุงเทพฯ”
แสงฉานคว้าแขนอุรวสา จะพาออกไป อุรวสาไม่พอใจ
“งานวสายังไม่เสร็จค่ะ”
“เนี่ยนะ มาทำงาน เหมือนมาเที่ยว”
“พรุ่งนี้คุณอุรวสาจะกลับเรือเฟอร์รี่เที่ยวเช้า เลยมาซื้อของฝากครับ พรุ่งนี้ไม่มีเวลา” พงษ์ชัยบอก
“ใครถามคุณ”
แสงฉานพูดเสียงดัง ชาวบ้านหันมามอง
“อายเขาบ้างสิคะแสง”
“ฟังนะครับทุกคน ผู้ชายคนไหนมีภรรยาแล้วให้ระวังผู้ชายคนนี้ ผู้ชายคนนี้ชอบยุ่งกับภรรยาชาวบ้าน”
แสงฉานจับแขนอุรวสาพาเดินออกไป พงษ์ชัยโกรธที่ถูกประณาม
แสงฉานดึงแขนอุรวสาพามาที่รถ อุรวสาทำถุงของฝากหลุดมือ แสงฉานก็ไม่หยุดให้เก็บ จนอุรวสาโมโห สะบัดแขนหลุด
“ทำตัวอย่างกับอันธพาล”
พงษ์ชัยตามออกมา
“คุณอุรวสาแลดูเป็นผู้ดี ทำไมถึงไปคว้าผู้ชายข้างถนนมาเป็นสามีล่ะครับ”
“อยากโดนต่อยข้างถนนมั้ยล่ะ”
แสงฉานทำท่าจะต่อยพงษ์ชัย พงษ์ชัยก็พร้อมมีเรื่อง ชาวบ้านมามุงดู อุรวสาไม่อยากให้เรื่องบานปลายไปกว่านี้
“ไปเถอะแสง”
แสงฉานชี้หน้าพงษ์ชัย ก่อนขึ้นรถ ขับพาอุรวสาออกไป
อุรวสามาเก็บเสื้อผ้าที่ห้องพัก ไม่ทันใจแสงฉาน เขาเอาของยัด ๆ ใส่กระเป๋า
“เลิกใช้อารมณ์ได้แล้ว”
“ไม่ให้ใช้อารมณ์ จะให้ใช้กำลังรึไง”
“นี่คุณจะตบตีวสาเหรอ”
“ไอ้พงษ์ชัยต่างหาก ผมอยากต่อยหน้ามัน”
พงษ์ชัยตามมาอีก ไม่เลิกรา
“เรียกคนอื่นว่ามัน ไม่ให้เกียรติเลยนะครับ คุณอุรวสา คุณทิ้งงานไปไม่ได้นะ”
“ดิฉันจะโทรบอกหัวหน้าคนงานว่าต้องทำอะไรอีกบ้าง”
“เลิกเอางานมาบังหน้าซะที ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ภรรยาผมจะไม่ทำงานให้คุณ”
แสงฉานหิ้วกระเป๋าเสื้อผ้า อีกมือก็จับมืออุรวสา พาออกไป พงษ์ชัยโมโห ระบายอารมณ์เตะข้าวของในห้อง
เรือเฟอร์รี่กำลังแล่นบนผืนน้ำทะเลสีครามแสนสวย แต่บรรยากาศระหว่างสองสามีภรรยาไม่สวยงามเหมือนน้ำทะเลสีคราม
“คุณไปเดินจับมือถือแขนกับเขากลางตลาดได้ยังไง”
“ไม่ได้จับมือถือแขน เดินดูของเฉยๆ”
“ก็นั่นล่ะ ไหนว่ามาทำงาน ทำไมถึงมาเดินควงกันซื้อของกะหนุงกะหนิง”
อุรวสาไม่พอใจ สวนกลับไปบ้าง
“เดินซื้อของเฉยๆ คุณนั่นแหละทำไมต้องพูดเสียงดัง อายชาวบ้านชาวช่องเขา ถามวสาก่อนมั้ยว่าเรื่องมันเป็นยังไง”
“ไม่เห็นจะต้องถาม”
“ต้องถามสิ คุณไม่ไว้ใจวสา เลยทำอย่างนี้”
“แล้วสิ่งที่คุณทำมันน่าไว้ใจมั้ย”
อุรวสาเหนื่อยจะเถียง สะบัดหน้าหนี แสงฉานก็โกรธเหมือนกัน ลุกขึ้นไปนั่งเก้าอี้ห่างๆ โมโหกันทั้งคู่
ภิสิตมาซื้อเครื่องประดับให้อินทุอร ขอดู ต่างหู สร้อยข้อมือ กำไล แต่ไม่เอาแหวน เพราะการให้แหวน โจ่งแจ้งเกินไป ระหว่างนั้นศศิพิมลเดินผ่านมา หยุดมองภิสิตเลือกเครื่องประดับอย่างสนใจ
บุษบาบัณพูดอย่างแค้นใจ เมื่อบุษบาบัณมาเล่าเรื่องภิสิตให้ฟัง
“น้ำหมึกในใบหย่ายังไม่แห้งดี ก็จะแต่งงานใหม่”
“ฉันไม่ได้บอกสักคำว่าสามีเก่าเธอจะแต่งงานใหม่ ฉันบอกว่าเห็นเขามาซื้อเครื่องประดับ”
“ผู้ชายให้เครื่องประดับผู้หญิง มันก็คือการบอกรักดี ๆ นี่แหละ”
“ปล่อยคุณภิสิตไปเถอะบุษ”
“ฉันก็หย่าให้เขาแล้วไง”
“หมายถึงปล่อยเขาออกจากใจ เลิกคิดแค้นเขาซะ”
“เลิกแค้นงั้นเหรอ หึ”
บุษบาบัณนึกถึงเรื่องที่เธอต้องแต่งงานกับภิสิต ทำให้แฟนของเธอต้องตายเพราะเมา
“ไม่มีวันซะหรอก ฉันไม่มีความสุขกับความรักของฉันก็เพราะเขา ภิสิตต้องไม่มีวันมีความสุข”
“แต่ตอนนี้ เป็นเธอเองนะที่ไม่มีความสุข”
บุษบาบัณไม่พอใจ มองหน้าศศิพิมล แต่ศศิพิมลยังพูดต่อ
“ถ้าเธอปล่อยวางได้ เธอจะสงบ พอสงบแล้ว ความสุขก็จะผุดขึ้นมาเองในใจเรา”
“โถ แม่พระ สวดมนต์ให้ตัวเองบ่อย ๆ นะ ชีวิตจะได้เจริญขึ้น”
ศศิพิมลหดหู่ใจ หวังดีกับเพื่อนแท้ ๆ กลับโดนเพื่อนตอกย้ำชีวิตตกอับ
ภิสิตเดินเข้ามาในบ้านอัปสร ก่อนชะงักไป เมื่อเห็นป้าทั้งสามกำลังนั่งคุยอยู่กับอินทุอร เขาจับจ้องที่หน้าของอินทุอร ซึ่งกำลังยิ้มแย้มน่ารัก ภิสิตสีหน้าอ่อนโยน
มองอินทุอรด้วยสายตาชื่นชม อินทุอรเงยหน้าขึ้นมาพอดี ทั้งสองสบตากัน อินทุอรเห็นสายตาภิสิตก็ชะงักไป
“อ้าวตาสิตมาแล้ว เร็ว ๆ เข้ามานั่งนี่สิ จะมายืนอยู่ทำไม” แต๋วเรียก
ภิสิตไหว้ป้า ๆ อินทุอรยกมือไหว้ภิสิต
“สวัสดีค่ะอาสิต”
“สวัสดีจ๊ะหนูอิน บังเอิญจังนะที่ได้มาเจอหนูอิน”
“ค่ะ พวกป้า ๆ ท่านเหงาเลยโทรชวนหนูอินมากินข้าวด้วยน่ะค่ะ”
ภิสิตกวาดสายตาไปที่ป้า ๆ แบบจับผิด ว่ากำลังคิดทำอะไรอีก สามป้าทำไม่รู้ไม่ชี้
“ไหน ๆ ก็มากันพร้อมหน้าแล้ว พวกเรากินข้าวกันเลยดีกว่า พวกป้าทำกับข้าวเอาไว้แล้ว”
“เสร็จแล้วจะได้กินของหวานกัน วันนี้พวกป้าเตรียมของหวานพิเศษไว้ด้วย”
“ว้าน หวาน”
สามป้าเหลือบมองกันเอง แอบยิ้มเจ้าเล่ห์ให้กัน ในขณะที่อินทุอรกับภิสิตดูนิ่ง ๆ ต่างฝ่ายต่างสงวนท่าที
ป้าทั้งสามซุ่มทำกะท้อนลอยแก้ว มีถ้วยหนึ่งพิเศษสุด อัปสรใส่แหวนเพชรลงไป เอาถ้วยนี้ให้อินทุอร
“พอหนูอินเจอแหวน เราก็บอกว่า”
“ตาสิตซื้อให้”
ทั้งสามพูดพร้อมกัน หัวเราะคิกคัก
ทั้งหมดกินกะท้อนลอยแก้ว พวกป้า ๆ แอบลุ้นให้อินทุอรเจอแหวนในถ้วย อินทุอรกินหมดถ้วยแล้วกลับไม่เจอแหวน อัปสรตกใจ
“หนูอินกินเข้าไป”
“กินอะไรคะ”
“อาเจียนออกมาเร็วลูก”
แต๋วเจอแหวนเพชรในถ้วยตัวเอง
“อยู่นี่ แม่ต้อย หล่อนให้หนูอินผิดถ้วย”
“ถ้วยมันเหมือนหมดกัน จะไปรู้ได้ไงยะ”
“อะไรกันคะป้า อินงงไปหมดแล้ว”
“หนูอินลูก แหวนวงนี้”
“ป้า ๆ ซื้อให้หนูอินจ้ะ เป็นรางวัลที่เข้าสถาบันบัลเล่ต์ได้”
ภิสิตรีบบอกแทน สามป้าหันมาค้อนภิสิตอย่างพร้อมเพรียง ทำลายแผนการทั้งหมด
“พวกป้าไม่น่าสิ้นเปลืองเลยค่ะ”
“ป้า ๆ เขาเต็มใจให้หนูอินจ้ะ ใช่มั้ยครับ ป้าอัปสร ป้าแต๋ว ป้าต้อย”
อัปสรจำต้องเออออตามภิสิต
“ป้าอยากให้ของขวัญหนูน่ะลูก”
อัปสรส่งแหวนให้อินทุอร อินทุอรไหว้ขอบคุณป้าทั้งสาม ภิสิตส่งสร้อยข้อมือที่เพิ่งซื้อมาให้อินทุอร
“นี่ของอาจ้ะ อาเห็นพวกป้าๆ ซื้อแหวน อาเลยซื้อสร้อยข้อมือให้”
“ขอบคุณค่ะอาสิต”
อินทุอรสวมแหวนได้พอดี ส่วนสร้อยข้อมือติดตะขอไม่ได้
“ป้าแต๋วช่วยติดตะขอให้ทีค่ะ”
“ป้าต้องเอาถ้วยไปเก็บ”
“ป้าด้วย”
“ป้าก็ด้วยอีกคน”
ป้าทั้งสามหนีหายเข้าครัวไปอย่างรวดเร็ว ให้หนุ่มสาวอยู่ด้วยกัน ภิสิตยิ้ม ๆ เอื้อมมือไปติดตะขอสร้อยข้อมือให้อินทุอร ทั้งสองสบตากัน
ในอดีต ป้าทั้งสามเคยนั่งคุยกัน ภิสิตซื้อของฝากมาให้ โดยพาบุษาบาบัณมาด้วย อัปสรใส่แหวนวงที่ให้อินทุอรอยู่
“ขอบใจนะตาสิต อุตสาห์หาของมาฝาก”
อัปสรเหลือบตามองบุษบาบัณแบบหมั่นไส้ ที่นั่งหน้าหงิก คอแข็ง ไม่เต็มใจจะมา
“แต่ใครที่ไม่เต็มใจมา คราวหลังไม่ต้องมาก็ได้นะ ฉันก็ไม่ได้อยากต้อนรับ”
บุษบาบัณโกรธตาลุก จะพูดสวน ภิสิตรีบพูดก่อนเพื่อตัดบท
“แหวนวงนี้ไม่เห็นป้าใส่มาตั้งนานแล้วนะครับ”
อัปสรยกมือขึ้นมา ทำท่ากรีดนิ้วกรุยกรายโชว์แหวน บุษบาบัณชะงักมองแหวนอย่างสนใจ
“เอามาใส่เล่นน่ะ จำได้ไหม ป้าเคยบอกสิตว่าแหวนวงนี้ป้าเก็บไว้ให้หลานสะใภ้”
บุษบาบัณมองแหวนตาวาว
“ป้าจะให้แหวนวงนี้กับบุษงั้นเหรอคะ”
“ฉันจะให้ หลานสะใภ้ที่ฉันรัก เธอว่าใช่เธอไหมล่ะ”
บุษบาบัณมองหน้าอัปสรอย่างเกลียดชัง ภิสิตหน้าเสีย อัปสรทำหน้าเชิดใส่บุษบาบัณ
ภิสิตกับป้า ๆ มาส่งอินทุอรที่รถ อินทุอรสวมแหวน และสร้อยข้อมือที่ได้เป็นของขวัญ
“เวลาเห็นแหวน ก็นึกถึงพวกป้านะลูก”
“แล้วถ้าเห็นสร้อย” แต๋วถาม
“ก็ให้นึกถึง”
ต้อยจะพูดต่อ ภิสิตรีบปราม
“ป้าแต๋ว ป้าต้อย ครับ หนูอินขับรถดีๆ นะจ๊ะ”
อินทุอรไหว้ลาทุกคนขับรถกลับ ภิสิตมองตาม ยังแปลกใจไม่หาย กับสายตาอินทุอรที่มองเขาตอนติดตะขอสร้อยข้อมือให้
“ฮั่นแน่ๆๆ มีความสุขมากเลยนะวันนี้ตาสิต”
ภิสิตยิ้มๆ
“อะไรครับ”
“พวกป้าแอบดูอยู่หรอกนะ ตอนใส่สร้อยให้กัน”
“มองตากันหวานซึ้งเชียะ เห็นแล้วเขินเว่อร์”
ภิสิตโบกไม้โบกมือปฏิเสธเขินๆ
“ไม่เห็นมีอะไรแบบนั้นเลยครับ”
“ไม่ต้องเขินน่า แผนของพวกเราสำเร็จ”
สามป้าไชโยดีใจกันยกใหญ่ ภิสิตยิ้ม มีความหวังในรักครั้งนี้เป็นครั้งแรก นับแต่แอบรักอินทุอร
อินทุอรขับรถมากลับบ้าน เห็นบุษบาบัณนั่งคุยกับแม่ในสวนหน้าบ้าน เธอไม่อยากทักทายบุษบาบัณ แต่กลัวเสียมารยาท เลยไปไหว้ บุษบาบัณเห็นแหวน กับสร้อยข้อมือของอินทุอรพอดี
“แหวนสวยดีนะจ๊ะ”
บุษบาบัณจ้องอินทุอรอย่างจะกินเลือดกินเนื้อ บราลีมองแหวนกับสร้อยข้อมือของลูกสาวด้วยความสงสัย จำได้ว่าอินทุอรไม่มีแบบนี้
“ป้าอัปสรให้ค่ะ อินขอตัวนะคะคุณแม่ อาบุษ”
อินทุอรเลี่ยงไปโดยเร็ว ระแวง ระวังตัว บุษบาบัณตาวาว รู้ทันว่าอินทุอรโกหก
อินทุอรเข้ามาในห้องนอน มองปลื้มสร้อยข้อมือที่ภิสิตให้มา โทรศัพท์มือถือของเธอดังขึ้น
“ฮัลโหล”
บุษบาบัณโทรศัพท์คุยกับอินทุอรอยู่ในรถ เสียงหวาน แต่แววตาลุกโชนด้วยความแค้น
“อาบุษนะจ๊ะหนูอิน ออกมาหาอาหน่อยซี่”
“อาบุษมีธุระอะไรกับอินค่ะ”
“เป็นเรื่องที่เกี่ยวกับหนูอินโดยตรงเลยจ้ะ อาไม่อยากคุยทางโทรศัพท์ อาจะไปรอที่ร้านกาแฟปากซอยบ้านหนูอินนะจ๊ะ อีก 10 นาทีเจอกันจ้ะ”
บุษบาบันวางหูไม่ให้อินทุอรปฏิเสธ อินทุอรใจคอไม่ดี ไม่รู้ว่าบุษบาบัณจะนัดไปคุยเรื่องอะไร เพื่อเป็นการไม่ประมาท เธอจึงถอดสร้อยข้อมือและแหวนออก เกรงว่าจะเป็นประเด็นให้บุษบาบัณเอาเรื่องได้
อินทุอรเดินเข้ามาในร้านกาแฟ บุษบาบัณรออยู่ กวักมือเรียก เมื่อทั้งสองนั่งเผชิญหน้ากัน บุษบาบัณสังเกตดู อินทุอรไม่ได้สวมแหวน และสร้อยข้อมือแล้ว
“ถอดแหวนทำไมล่ะจ๊ะ”
“คับไปค่ะ อินต้องเอาไปแก้”
“ให้อาสิตเขาแก้ให้สิ อะไรกัน ซื้อแหวนมา ไม่ดูให้พอดีกับนิ้วหลาน”
“อาสิตไม่ได้ให้แหวนอินค่ะ”
บุษบาบัณไม่เก็บอาการแล้ว
“วัยรุ่นใสๆ จริงนะ แต่อย่างหนูอินนี่คงไม่ใช่ใสธรรมดา ต้องเป็นใสใส่สี สีดำสกปรก เปรอะเต็มทั้งตัวทั้งใจ”
อินทุอรของขึ้น หน้าบึ้ง ไม่รักษามารยาทแล้ว
“อินกลับแล้วค่ะ”
อินทุอรลุก บุษบาบัณลุกตาม ไม่ยอมให้กลับง่ายๆ
“ผู้ชายมีตั้งเยอะแยะไม่เอา มาแย่งสามีอา”
“อาบุษน่าจะรู้ดีกว่าใครนะคะ ทำไมอาสิตถึงฟ้องหย่า”
“เธอรู้อะไรมา”
“อินไม่ขอพูดนะคะ”
“ทำครอบครัวคนอื่นแตกแยก แล้วยังตีหน้าซื่อ โยนความผิดให้เมียหลวง หน้าด้าน”
“อาบุษทำลายชีวิตคู่ตัวเองต่างหาก อาบุษมีชู้”
บุษบาบัณโกรธมาก ตบหน้าอินทุอร คนทั้งร้านมองอินทุอรเป็นตาเดียว เธออับอายมาก
วิ่งออกไปขึ้นรถ ไม่เคยรู้สึกอับอายขายหน้ามากขนาดนี้ อินทุอรร้องไห้โฮ
แสงฉานกับอุรวสาเพิ่งกลับมาถึงคอนโด อุรวสาลากกระเป๋าหนีเข้าห้องนอน โกรธ ไม่อยากคุยด้วย โมโหสามีตั้งแต่บนเรือเฟอร์รี่ข้ามเกาะช้าง นั่งๆ อยู่แล้วก็นึกอยากไปเคลียร์ เดินไปที่ประตูจะเปิด แต่เสียงแสงฉานที่พูดบนเรือก็ดังขึ้นในหัวก่อน
“แล้วสิ่งที่คุณทำมันน่าไว้ใจมั้ย”
อุรวสาน้ำตาคลอ ผิดหวังในตัวสามี
ในขณะที่แสงฉานนั่งหงุดหงิดบนโซฟา ทุกอย่างแย่ไปหมด เดินไปจะเคาะประตู แต่ก็รู้ตัวว่าหงุดหงิดอยู่ คุยไปก็ทะเลาะกันเปล่าๆ
เวศม์กับอันตราเดินกลับมาที่รถซึ่งจอดที่ฟิตเนส ช่วงนี้อันตราขับรถยนต์ เลิกขี่มอเตอร์ไซค์ชั่วคราว เพื่อความปลอดภัย หลังโดนจับตัวขึ้นรถตู้
“นายไม่ต้องขับตามไปส่งฉันที่บ้านหรอก ฉันเอารถมา เห็นอะไรไม่ชอบมาพากล ก็ล็อครถได้”
รถตู้แล่นมาจอดใกล้ ๆ อันตราระแวง เกาะแขนเวศม์ กลัว คนขับรถตู้ลงจากรถ เป็นพวกมาออกกำลังกาย อันตราหายผวา
“ช่วงนี้เจอรถตู้แล้วสยอง”
“อยู่กับผมคุณสบายใจได้ ผมไม่ยอมให้คุณโดนทำร้ายแน่ๆ”
เวศม์ถือโอกาสจูงมืออันตราไปขึ้นรถ อันตรามองที่มือตัวเอง เขินๆ
อัษฎามาโรงพยาบาล หมอให้เขาดูรูปอวัยวะภายในมนุษย์
“ต่อมหมวกไต อยู่เหนือไตทั้งข้าง ถ้าปล่อยให้เนื้องอกต่อมหมวกไตลุกลามถึงไต อาจต้องตัดไตทิ้ง”
“หมอคิดว่า ผมควรผ่าตัดเมื่อไหร่ครับ”
“ภายในอาทิตย์นี้”
อัษฏาถอนหายใจเฮือก เร็วเกินไป เขายังไม่ได้บอกครอบครัว
อัษฎาหน้าเครียดออกจากห้องตรวจ มองไปเห็นบราลียืนอยู่ เขาตกใจมากว่าบราลีรู้ได้อย่างไร บราลีมองอัษฎาด้วยความเป็นห่วงมาก เธอเข้าไปคุยกับสามีด้วยความตกใจ
“เนื้องอก”
“อาจไม่ใช่มะเร็งก็ได้จ้ะ”
“ทำยังไงถึงจะรู้ว่าเป็นเนื้องอก หรือเป็นมะเร็ง”
“หมอว่าต้องผ่าตัด”
“งั้นก็รีบผ่าเลยค่ะ”
“บริษัทยังมีปัญหาอยู่ แล้วผมก็ยังไม่อยากบอกลูก ๆ หนูอินกำลังจะบินไปเรียนต่อ”
“ปัญหาที่บริษัท ช่างมันเถอะค่ะ แต่เรื่องลูกๆ ถ้าหนูอินรู้ หนูอินต้องไม่ยอมไปเรียนต่อ”
“เข้าใจผมแล้วใช่มั้ย ทำไมผมถึงต้องปิดคุณ ปิดลูก ๆ”
บราลีคิดหาทางออก อยากให้สามีเข้ารับการรักษา และลูก ๆ ไม่ได้รับผลกระทบ
“ผมกลัวลูกรู้แล้วลูกร้องไห้ ผมไม่อยากเห็นน้ำตาลูก”
อัษฎาก็จะร้องไห้ บราลีจับมือสามี เมื่อสามีอ่อนแอ เธอต้องเข้มแข็ง เป็นหลักให้
“ลูก ๆ จะไม่รู้ จนกว่าผลตรวจชิ้นเนื้อจะออก ถึงวันนั้น ฉันจะเป็นคนบอกลูกเอง คุณให้หมอนัดผ่าตัดเลย ฉันจะโกหกลูกว่าคุณไปต่างประเทศ หาหุ้นส่วนมาร่วมทุน ส่วนฉันจะแอบมาเฝ้าคุณที่โรงพยาบาล”
อัษฏายิ้ม เหมือนยกภูเขาออกจากอก สบายใจขึ้น มีภรรยาร่วมทุกข์ ช่วยแก้ปัญหา
อ่านต่อพรุ่งนี้ เวลา09.30น.
สามใบไม่เถา ตอนที่ 9 (ต่อ)
ตอนเช้า อินทุอรยกข้าวต้มออกมาตักใส่ถ้วยรอทุกคนมากินข้าวเช้า อัษฎากับบราลีนั่งมองอย่างปลื้มๆ
“ข้าวเช้าเสร็จแล้วค่ะทุกคน ทานของอร่อยกันแต่เช้าได้แล้วจ้ะ”
อันตราเดินหาวหวอดหัวยุ่งมาจากข้างบน เห็นกับข้าวก็ตาโต อัษฎา บราลีเดินมานั่งที่โต๊ะ
“คุณวสาลงมาเร็วๆ ไม่รีบมาเดี๋ยวอันฟาดเรียบไม่รู้ด้วย”
อุรวสาในชุดสบายๆ เดินตามลงมา หน้าตาเบื่อ ๆ ยังคงเครียดเรื่องทะเลาะกับแสงฉาน ทุกคนนั่ง เริ่มกิน อัษฎายิ้มถูกใจ
“ฝีมือหนูอินอร่อยไม่เปลี่ยนเลย ต่อไปพ่อจะหาข้าวต้มอร่อยๆ อย่างนี้กินได้ที่ไหนเนี่ย”
อินทุอรหัวเราะ
“เดี๋ยวอินบินกลับมาทำให้กินทุกอาทิตย์เลยดีมั้ยคะ”
ทุกคนยิ้มแย้ม แต่บราลีสังเกตเห็นอาการไม่แจ่มใสของอุรวสา นึกสงสัย
“เมื่อคืนทำไมมานอนบ้านล่ะจ๊ะคุณวสา”
อุรวสาอึกอักเล็กน้อย ไม่อยากให้แม่รู้เรื่องทะเลาะกับแสงฉาน ตัดสินใจโกหกไป
“วสามาเอางานที่ลืมไว้ที่นี่น่ะค่ะ เห็นดึกแล้วเลยไม่อยากขับรถไปคอนโดมืดๆ นอนนี่ดีกว่า”
บราลีไม่ติดใจ อัษฎามองรอบโต๊ะเห็นทุกคนอยู่พร้อมหน้าพร้อมตา
“อยู่พร้อมหน้าพร้อมตากันแบบนี้ เราไปปิกนิคกันดีมั้ย”
“ไปขี่จักรยานกันดีกว่าค่ะพ่อ เราไม่ได้ไปกันมาตั้งนานแล้ว” อันตราเสริม
“เอาสิ นานๆ ไปออกกำลังกันบ้าง สนุกดี”
“ชวนแสงไปด้วยสิ”
บราหันมาบอกอุรวสา อุรวสาเก็บความไม่พอใจเอาไว้ ต้องเดินแยกออกมาโทรศัพท์หาแสงฉาน ไม่อยากให้มีพิรุธ แต่บราลียังคงสงสัย ว่ามีเรื่องอะไรหรือไม่
แสงฉานกำลังแต่งตัวในห้องคนเดียว เห็นอุรวสาโทรมา ลังเลเล็กน้อย แต่ก็กดรับ
“ทำไมเมื่อคืนไม่กลับบ้าน”
“ส่งเมสเสจบอกแล้วไงว่ามานอนบ้านพ่อ แม่ให้โทรมาตามคุณไปปิกนิคด้วย”
แสงฉานได้ยินเสียงแข็งๆ ของอุรวสา เลยหงุดหงิด ประชด
“แล้วคุณอยากให้ผมไปมั้ยล่ะ”
“เอ๊ะแสง อย่าหาเรื่องนะ”
“ผมไม่ได้หาเรื่อง แค่ถามว่าอยากให้ไปมั้ย”
อุรวสาลังเล ใจจริงๆ ก็อยากให้มาเพราะจะได้ปรับความเข้าใจกัน แต่ก็ปากแข็ง
“คุณจะมาไม่มาก็เรื่องของคุณสิ”
แสงฉานหงุดหงิดกว่าเดิม ประชดต่อไป
“งั้นผมไม่ไป คุณโทรชวนลูกค้ากิตติมศักดิ์ของคุณแทนก็แล้วกัน”
แสงฉานวางสายทันที โยนมือถือลงบนเตียง นั่งหงุดหงิดหัวฟัดหัวเหวี่ยงอยู่คนเดียว
ในขณะที่อุรวสาดูมือถือชื่อแสงฉาน จะกดโทรไปอีกรอบ แต่ทิฐิก็ทำให้กดปิดแทน อันตราเดินเข้ามาไม่รู้เรื่อง
“สรุปพี่แสงมามั้ย จะไปกันแล้วนะ”
“เขา เอ่อ ติดงานที่ร้านน่ะ เราไปกันเลยแล้วกัน”
อันตราเดินนำออกไป อุรวสาเดินตามไปสีหน้าไม่ดีนัก
ที่สวนรถไฟ ครอบครัวสุขสันต์ปั่นจักรยานกันท่ามกลางต้นไม้เขียวๆ อัษฎาปั่นจักรยานแข่งกับอันตรา มีอินทุอรพยายามตามอยู่ข้างหลัง แต่ตามไม่ทัน อัษฎามีท่าทางหอบๆ เล็กน้อย คล้ายหายใจไม่ทัน แต่คิดว่าไม่เป็นอะไร ยังคงยิ้มแย้มปั่นอยู่อย่างนั้น อุรวสาขี่จักรยานคู่มากับบราลี คุยกันสนุก ลืมเรื่องหงุดหงิดใจไป
ทั้งหมดมานั่งกันใต้ต้นไม้ มีเสื่อปู อินทุอรเปิดตะกร้าแจกแซนด์วิชทุกคน หัวเราะสนุกสนาน
“ได้มาพักผ่อนกันอย่างนี้คิดถึงตอนเด็กๆ นะคะ”
อินทุอรหันไปอ้อนพ่อ กอดเอวพ่อไว้
“แต่ก่อนอินซ้อนจักรยานคุณพ่อ คุณวสาซ้อนคุณแม่ ส่วนพี่อัน นู่น ปั่นไปไกล ไม่รอใครเลย”
อินทุอรหัวเราะสดใส อัษฎาสลดลงนิดหนึ่ง เห็นทุกคนอยู่ด้วยกันก็อดคิดถึงสุขภาพตัวเองไม่ได้
“ต่อไป พ่ออาจจะมาปั่นจักรยานกับพวกหนูไม่ได้อีกแล้ว”
บราลีหันไปมอง ปรามไม่ให้พูด
“คุณ”
“ถ้าพ่อมาไม่ได้ คุณวสาต้องดูแลน้องๆ เจ้าอันก็ต้องปกป้องทุกคน ส่วนหนูอินก็ดูแลคุณแม่กับพี่ ๆ นะ”
“คุณพ่ออย่าพูดแบบนี้สิคะ” อุรวสาใจไม่ดี
“ใช่ๆ พ่อจะต้องมาแข่งกับอินไปจนแก่เลย”
อินทุอรกอดพ่อแน่น
“อินไม่ยอมให้พ่ออุดอู้อยู่บ้านคนเดียวหรอกค่ะ”
อัษฎาสบตากับบราลีเศร้า ๆ รู้ดีว่าอาจจะอยู่ได้อีกไม่นาน บราลีพยายามกลบเกลื่อน
“เอ้า เรามาเล่นเกมกันดีกว่า ใครแพ้จะต้อง”
อุรวสา อันตรา อินทุอร พูดพร้อมกัน
“โดนจั๊กจี้”
ทุกคนร่าเริง ลืมคำพูดเป็นลางของอัษฎาไป
อุรวสาร่างแบบตกแต่งคอนโดอยู่ที่ห้องทำงาน เจ้านายชาวอเมริกันเดินมาหา
“วสากำลังจะอีเมลแบบตกแต่งคอนโดไปให้บอสค่ะ”
“คุณพงษ์ชัยโทรมายกเลิกสัญญารีโนเวทโรงแรมที่เกาะช้าง เรียกร้องค่าเสียหายเกือบห้าสิบล้าน บอกว่าคุณทิ้งงาน”
“มากขนาดนั้นเชียวเหรอคะ”
“โรงแรมของเขาเป็นโรงแรมใหญ่นะคุณ ความเสียหายเล็กๆ น้อยๆ ก็กลายเป็นเรื่องใหญ่ได้”
“วสามีปัญหานิดหน่อย เลยโทรมอบหมายให้หัวหน้าช่างคุมงานแทนค่ะ”
“ทางเขาไม่พอใจมาก คุณพงษ์ชัยเป็นลูกค้าสำคัญของบริษัทเรา คุณต้องดึงเขากลับมา”
เจ้านายออกไป อุรวสาครุ่นคิดเล็กน้อย เครียด เอาโทรศัพท์ขึ้นมาโทรหาพงษ์ชัย พงษ์ชัยกำลังดูแบบโรงแรมแห่งใหม่ที่กำลังจะก่อสร้าง ไม่รับสาย อุรวสาเปลี่ยนเป็นโทรหาอนุวัติแทน แต่พงษ์ชัยยกมือห้าม
“ไม่ต้องรับ ใช้ไม้อ่อนมาพอแล้ว ถึงเวลาต้องใช้ไม้แข็งกับผู้หญิงคนนี้บ้าง”
“มีมาตรการเด็ดขาด จัดการคุณอุรวสายังไงครับ”
“อุรวสาจริงจังกับงาน ต้องทำทุกอย่างเพื่อให้ฉันกลับไปจ้างบริษัท เตรียมตัวรอรับ เวิร์กกิ้ง วูแมน คนนี้บุกมา”
พงษ์ชัยหน้าตาฉลาดร้าย ทันคน
อนุวัติกำลังคุยกับเลขาพงษ์ชัยอยู่ เห็นอุรวสาเดินหน้าตาซีเรียสเข้ามา
“ดิฉันขอพบคุณพงษ์ชัยค่ะ”
“คุณพงษ์ชัยไม่สะดวกครับ”
“ช่วยไปเรียนคุณพงษ์ชัย ดิฉันมาขอโทษเรื่องที่เกิดที่เกาะช้าง หวังว่าเราจะได้ร่วมงานกันจนจบโครงการ”
“ผมขออนุญาตแนะนำคุณอุรวสา เจ้านายผมชอบดอกกุหลาบสีแดง หากคำขอโทษมาพร้อมกับดอกไม้โปรด คำขอโทษนั้น ก็มีน้ำหนักมากขึ้นครับ”
อนุวัติเดินแยกออกไป อุรวสายืนหน้าเครียด พงษ์ชัยแอบดูอยู่ ยิ้มกริ่ม
อุรวสานั่งมองดอกกุหลาบสีแดงในแจกันผูกริบบิ้นสวยตรงหน้า วางอยู่ในห้องทำงาน เธอมองอย่างลังเล จรดปากกาเขียนลงบนการ์ด
“ขอโทษค่ะ อุรวสา’
อุรวสาเอาการ์ดขึ้นมามอง รู้สึกว่าสิ่งที่ทำนี่ไม่ใช่ตัวเองเลย เธอไม่ใช่คนที่จะต้องยอมคนขนาดนั้น ยิ่งนึกถึงตอนที่พงษ์ชัยทำรุ่มร่ามกับเธอที่เกาะช้าง อุรวสายิ่งไม่พอใจ ตัดสินใจโยนดอกไม้โครมไว้หลังโต๊ะทำงาน ไม่สนใจ ตัดสินใจกดโทรศัพท์หาเจ้านาย
“บอสคะ ฉันมีวิธีขอโทษคุณพงษ์ชัยแล้วค่ะ”
ภายในร้าน แสงฉานยกอาหารมาเสิร์ฟด้วยตัวเอง ลูกค้าเป็นชายหนุ่มหญิงสาวคู่รัก ผู้หญิงดูมึนตึง
“สปาเก็ตตี้ผัดขี้เมาครับ”
“ฮึ ขี้เมาเหมือนใครก็ไม่รู้”
ลูกค้าชายรีบทำเสียงอ้อน ง้อ
“โธ่ ผมขอโทษ สัญญาว่าจะไม่เมาขนาดนั้นอีกแล้ว”
ลูกค้าหญิงมองหน้าลูกค้าชาย อ่อนลง
“แค่นี้ก็จบแล้ว ทำไมไม่รู้จักขอโทษตั้งแต่เนิ่นๆ”
“ผมขอโทษจริงๆ คราวหน้าจะไม่ยอมให้ความงี่เง่ามาทำลายเวลาดี ๆ ของเราอีกแล้ว”
แสงฉานได้ยินคำพูดนั้นก็ชะงักไปนิดหนึ่ง เดินเข้าในครัวไป
คื้นนั้น แสงฉานยืนทำอาหารไป คิดคำพูดของลูกค้าเมื่อครู่ไป สีหน้าอ่อนลง คิดถึงอุรวสา ตัดสินใจฝากงานเชฟอื่นให้ทำแทน แล้วไปหาอุรวสาที่ห้องทำงาน ตั้งใจจะมาง้อแต่มองไปรอบๆ ไม่เห็นใคร คว้ามือถือขึ้นมาจะโทรหา สายตาชะงักที่ดอกกุหลาบในแจกัน เดินเข้าไปอ่านการ์ด แล้วโกรธขึ้นมาทันที คิดถึงอดีตที่เขากับอุรวสาเดินคู่กันมาผ่านร้านดอกไม้
“มีอะไรคะแสง”
“เห็นดอกไม้สวยๆ แล้วอยากซื้อให้คุณ”
อุรวสายิ้มให้ แต่ส่ายหน้า
“ขอบคุณนะคะ แต่อย่าดีกว่า ดอกไม้ น้ำเน่า”
แสงฉานเดินหัวเราะกับอุรวสาผ่านร้านไป
แสงฉานโมโหมาก คว้าแจกันขึ้นมาตาขวาง เพื่อนร่วมงานอุรวสาเดินเข้ามา จะเอาแฟ้มมาวาง ชะงักเมื่อเห็นแสงฉาน
“รู้ไหมครับว่าคุณวสาไปไหน”
แสงฉานถือแจกันกุหลาบสีแดงเข้ามาในร้านอาหารหรู ท่าทางโมโห มองหาอุรวสากับพงษ์ชัยไม่เห็น เลยไปถามพนักงานที่เคาน์เตอร์
“คนชื่อพงษ์ชัย จองห้องไหนไว้ครับ”
“ไม่มีชื่อพงษ์ชัยค่ะ”
“อุรวสาล่ะครับ”
พนักงานบอกห้อง แสงฉานไม่รอพนักงานอธิบาย เดินไปหาเอง ใจร้อนเป็นไฟ เขาเดินหาห้องรับรองส่วนตัวที่อุรวสาจองไว้ พอเจอก็เปิดเข้าไป ไม่เคาะประตูให้เสียเวลา
ภายในห้อง อุรวสากำลังคุยกับพงษ์ชัย เธอหน้าเหรอว่าแสงฉานมาได้อย่างไร แสงฉานวางกระแทกแจกันดอกกุหลาบบนโต๊ะ อุรวสาสะดุ้ง
“มีเรื่องอะไรไปคุยกันที่บ้าน วสากำลังคุยงานค่ะ”
“งานที่เกาะช้างมันจบไปแล้ว”
พงษ์ชัยยั่วโมโห
“ผู้ชายหึงภรรยา เกิดจาก 2 สาเหตุ หนึ่ง ไม่มั่นใจในความรักของภรรยา กับสอง ไม่มั่นใจในตัวเอง รู้ว่าตัวเองไม่ดีพอ เลยกลัวโดนภรรยาทิ้งไปหาผู้ชายที่เหนือกว่า”
พงษ์ชัยมองเหยียดแสงฉาน แสงฉานยัวะ กระชากคอเสื้อพงษ์ชัย เจ้านายฝรั่งของอุรวสาเข้ามา เห็นกำลังมีเรื่อง จึงเข้าห้าม ดึงแสงฉานออก แสงฉานไม่ทันดูว่าใคร สะบัดแขนโดนเจ้านายล้ม
“บอส”
อุรวสาตกใจ แสงฉานได้ยินอุรวสาเรียกเจ้านาย ก็หันไปดู เห็นอุรวสากำลังพยุงฝรั่งแต่งตัวดีลุกขึ้น
“ขอโทษแทนสามีด้วยค่ะบอส”
“นี่บอสวสา I apologize for this man’s ruthless behavior”.
แสงฉานยื่นมือขอเชคแฮนด์บอส บอสไม่พอใจ ไม่เชคแฮนด์ด้วย
“ผมไม่รู้ บอสวสามาด้วย วสาคุยงานต่อเถอะ”
แสงฉานรู้ตัวว่าผิด เดินหน้าเสีย กลับออกไป
แสงฉานเดินดุ่มมาที่รถ อุรวสาตามมาต่อว่า
“เลิกใช้อารมณ์ซะทีเถอะค่ะ ความไร้เหตุผลของแสง กำลังทำให้งานวสามีปัญหา”
“คุณก็เลิกเข้าข้างหมอนั่นซะที คุณก็รู้ว่ามันคิดไม่ซื่อกับคุณ”
“วสารู้ค่ะ คุณพงษ์ชัยมีเจตนาไม่ดี วสาถึงได้ระวังตัว ขอให้บอสมาด้วย ถ้าแสงเชื่อใจ ไว้ใจวสาสักนิด วันนี้ก็ไม่เกิดเรื่อง”
“แล้ววสาล่ะ ไว้ใจผมแค่ไหน วสาหึงผมกับคุณบุษ ชวนผมทะเลาะ”
“แสงอย่าเปลี่ยนเรื่อง”
“วสาก็อย่าเฉไฉ เมื่อกี้ผมผิด ผมขอโทษ แต่วสาก็ควรขอโทษผมเหมือนกัน วสาหึงผมกับคุณบุษบาบัณอย่างไร้เหตุผล”
อุรวสาโกรธแสงฉาน ไม่ยอมขอโทษ เธอหันเดินกลับเข้าร้านไป แสงฉานก็โกรธ ที่ขอโทษเมื่อครู่คือขอโทษส่งๆ ไม่ได้รู้สึกจริงๆ เท่าไร เขาขึ้นรถ ปิดประตูดังปัง
ตอนดึก แสงฉานนั่งบนโซฟา ในคอนโด รออุรวสากลับบ้าน หน้าตาบึ้งตึง ยังโกรธภรรยาไม่หาย อุรวสากลับมาสีหน้าท่าทางโกรธขึ้งพอกับสามี เธอไม่ทักทาย แสงฉานก็ไม่เริ่มพูดก่อน ได้แต่มองอุรวสาด้วยสายตาตำหนิ อุรวสาไม่แคร์ ถอดรองเก็บเข้าตู้ เข้าห้องนอน ล็อคประตู แสงฉานทิ้งตัวลงนอนบนโซฟา ร้อนรุ่ม โมโห ในขณะที่อุรวสาเครียดกับปัญหาชีวิตคู่ ถึงกับน้ำตาซึม
กลางดึก อัษฎารู้สึกตัวตื่นเพราะอาการปวดหลัง เห็นบราลีหลับสนิท เลยไม่ปลุก เขาฝืนความปวด ลุกไปหยิบยาแก้ปวดเอง อาการปวดทวีความรุนแรงขึ้น จนทนไม่ไหว ล้มลงไปกระแทกของบนโต๊ะเครื่องแป้งหล่นเสียงดัง ทำให้บราลีตื่น
“คุณอัษ”
บราลีถลาลงจากเตียงมาดูสามี อัษฎาปวดจนสลบ
“เจ้าอัน หนูอิน ตามรถพยาบาลเร็ว”
เจ้าหน้าที่โรงพยาบาลวิ่งเข็นเตียงอัษฎามาห้องผ่าตัด บราลี อันตรา อินทุอรวิ่งตาม ทุกคนตื่นตระหนก เจ้าหน้าที่เข็นอัษฎาเข้าห้องผ่าตัดไป หมอวิ่งตามมา
“ช่วยสามีดิฉันด้วยนะคะ”
หมอรีบเข้าห้องผ่าตัด บราลีหันมาหาลูก ๆ อินทุอรร้องไห้สะอึกสะอื้น อันตราตาแดงก่ำ บราลีพยายามกลั้นน้ำตา เวลานี้เธอต้องเป็นหลักให้ลูก ๆ
“คุณพ่อไม่เป็นไรมากหรอกลูก”
“ถึงขั้นสลบ ไม่เป็นมากได้ยังไงคะคุณแม่” อันตราแย้ง
แสงฉานกับอุรวสาวิ่งมา เห็นครอบครัวอยู่หน้าห้องผ่าตัด ทั้งคู่ตื่นตกใจ
“คุณวสามาแล้ว คุณแม่บอกเรามาเถอะค่ะ คุณพ่อป่วยเป็นอะไร”
บราลีเดินไปใกล้ลูก ๆ ถึงเวลาต้องบอกข่าวร้ายกับลูก ๆ สามสาวรอฟังแม่ด้วยหัวใจระทึก
“คุณพ่อ คุณพ่อเป็น เนื้องอกที่ต่อมหมวกไต”
ทุกคนตกใจมาก
“คุณพ่อเป็นมะเร็ง” อุรวสาอุทานเสียงดัง
“ไม่ใช่จ้ะ หมอต้องผ่าเอาเนื้องอกออกมาก่อน ถึงวินิจฉัยได้ ว่าเป็นเนื้องอกหรือเป็นเนื้อมะเร็ง เรายังมีความหวัง พวกหนูอย่าเพิ่งใจเสีย”
อินทุอรใจเสียหมดแล้ว ในหัวคิดแต่ว่าพ่อเป็นมะเร็ง เธอสะอื้นไห้หนักขึ้น บราลีต้องกอดอินทุอรไว้ อันตราน้ำตาไหล
อุรวสาดึงน้องสาวคนรองมากอด แสงฉานเห็นใจอุรวสาเป็นอย่างยิ่ง อยากให้กำลังใจภรรยา แต่ยังเงอะงะเพราะทะเลาะกันอยู่
ทุกคนเศร้าสร้อย รอฟังผลการผ่าตัด อินทุอรเป็นคนเดียวที่ยังร้องไห้สะอึกสะอื้น บราลีต้องกอดปลอบอยู่ตลอดเวลา
อันตราซบแม่อยู่อีกข้าง อุรวสานั่งกับแสงฉาน ไม่ร้องไห้ ในบรรดาสามสาว อุรวสาเข้มแข็งที่สุด แสงฉานหันมาพูดกับอุรวสา
“คุณพ่อผ่าตัดใหญ่ คงอีกหลายชั่วโมงกว่าจะเสร็จ เราไปซื้อของกินมาให้แม่กับน้อง ๆ เถอะ”
หมอออกมาจากห้องผ่าตัด ทุกคนแปลกใจ หมอออกมาเร็วเกินคาด
“สามีดิฉันเป็นยังไงบ้างคะ”
“ผ่าตัดไม่ได้ครับ หัวใจเต้นผิดปกติ คุณอัษฎาอาจช็อคระหว่างผ่าตัด”
“แล้วจะผ่าได้เมื่อไหร่คะ คุณแม่บอกว่า ต้องรีบผ่าเอาเนื้องอกออกมาให้เร็วที่สุด” อุรวสาถามขึ้น
“ต้องรอให้ร่างกายคนไข้พร้อมครับ”
ทุกคนเต็มไปด้วยความวิตกกังวล อินทุอรร้องไห้กระซิกๆ เศร้าหนักกว่าพี่ ๆ
ในห้องพัก อัษฎาฟื้นแล้ว พักผ่อนอยู่บนเตียง อินทุอรนั่งกุมมือพ่ออยู่ข้างเตียง ไม่ยอมห่างพ่อไปไหน อัษฎาพูดอย่างอารมณ์ดี
“พ่อไม่ใช่นักโทษ ไม่หนีไปไหนหรอกลูก ล็อคมือพ่อซะแน่นเชียว”
“ยังปวดหลังอยู่มั้ยคะคุณพ่อ”
“หมอฉีดยาแก้ปวดให้ ดีขึ้นแล้วล่ะลูก หนูอินกลับบ้านไปนอนเถอะลูก ร้องไห้ซะตาสวย ๆ ช้ำหมด”
“อินจะอยู่เฝ้าคุณพ่อค่ะ”
“แม่อยู่เฝ้าเองลูก แสง พาหนูอินกับเจ้าอันไปส่งบ้านทีนะ”
“ครับคุณแม่”
“อินไม่กลับค่ะ อินจะนอนเฝ้าคุณพ่อ อินอยากดูแลคุณพ่อ”
อินทุอรกุมมือพ่อแน่น ไม่ยอมไปไหน ทุกคนเลยยอม ไม่บังคับให้กลับบ้าน
“พรุ่งนี้พี่เอาเสื้อผ้ากับของใช้หนูอินมาให้จ้ะ”
“วสาพาเจ้าอันกลับนะคะ พรุ่งนี้จะมาแต่เช้า”
“คุณพ่อสู้ ๆ นะคะ” อันตราหันมาบอก
แสงฉาน อุรวสา อันตราออกไป อินทุอรนั่งกุมมือพ่อ
แสงฉาน อุรวสา อันตรา เดินออกมาหน้าห้อง
“ดูหนูอินทำใจไม่ได้เลยที่คุณพ่อป่วย”
“ไม่ใช่คุณพ่อคนเดียวที่ติดหนูอิน หนูอินก็ติดคุณพ่อค่ะ” อุรวสาบอก
บราลีหยิบหมอนกับผ้าห่มสำหรับคนเฝ้าไข้ในตู้ออกมา อินทุอรนั่งจับมือเฝ้าข้างเตียง มองหน้าพ่อตลอดเวลา ห่วงพ่อมากที่สุด อัษฎาลูบผมลูกสาวคนเล็กเบา ๆ
ศศิพิมลมาหาเวศม์ที่บริษัท ขอให้เขาช่วยเรื่องขอวีซ่าไปเมืองนอก
“พี่ไม่มีงานทำ เงินในบัญชีก็มีนิดเดียว ยื่นขอวีซ่าเองต้องไม่ผ่าน เวศม์ช่วยทำหนังสือรับรองให้พี่ได้มั้ยจ๊ะ สถานะทางการเงินเวศม์ดี”
“ผมจะให้ลูกน้องทำเอกสารให้ครับ เสร็จแล้ว จะโทรตามพี่ศิมารับ”
“เวลาเดือดร้อน เวศม์เป็นที่พึ่งให้พี่ทุกที”
ศศิพิมลมองเวศม์อย่างมีความหมาย ยังรัก เวศม์อึดอัด วางตัวลำบาก กิริยาของเวศม์ทำให้
ศศิพิมลเกรงใจ
“พี่ไม่รบกวนเวศม์แล้วจ้ะ”
เวศม์ลุก จะออกไปส่ง
“เวศม์ทำงานต่อเถอะจ้ะ”
ศศิพิมลกลับไป เวศม์ทำงานต่อ ดูหน้าจอกระดานหุ้น ลืมการมาของศศิพิมลไปอย่างรวดเร็ว ศศิพิมลยืนแอบมองเวศม์อยู่ที่หน้าห้อง สีหน้าเต็มไปด้วยความผูกพันกับผู้ชายคนนี้ เธอถอนหายใจออกมาเบา ๆ เหมือนรันทดใจในชะตาชีวิต ที่ไม่สามารถคู่กับผู้ชายคนนี้ได้
หมอยืนต่อหน้าอินทุอร พูดถึงอาการของอัษฎา
“ผลตรวจคลื่นหัวใจออกมาแล้วนะครับ คุณอัษฎามีภาวะหัวใจเต้นผิดปกติเป็นช่วง ๆ ไม่แน่นอน”
“คุณพ่อเป็นโรคหัวใจ”
อินทุอรตกใจอีกรอบ มีข่าวร้ายมาติด ๆ
“ผมไปออกกำลังกายกับลูกสาวคนรองออกบ่อย ผมไม่เห็นเหนื่อย”
“คุณอัษฎายังไม่ถือว่าเป็นโรคหัวใจครับ เป็นแค่ภาวะ แต่ต่อไปนี้ต้องคอยสังเกตตัวเอง ถ้าวูบหน้ามืด จะต้องแจ้งหมอทันทีนะครับ ตอนนี้หมอให้ยารักษาตามอาการไปก่อน”
พยาบาลส่งแก้วใส่ยาให้อัษฎา มีหลายแก้ว ยาหลายขนาน อินทุอรเห็นยาเยอะก็ใจเสีย
“ยาเยอะจังเลยค่ะคุณพ่อ จะพาผ่าตัดได้เมื่อไหร่คะคุณหมอ”
“ต้องรอให้ร่างกายแข็งแรง หัวใจเต้นเป็นปกติ ถึงจะผ่าได้ครับ”
“ผ่าเร็ว หัวใจก็เสี่ยง ผ่าช้า เนื้องอกก็อาจกลายเป็นเนื้อ”
อินทุอรพูดออกมาไม่ได้ ทำใจยอมรับไม่ได้
“หนูอินลูก คุณหมอเก่ง ไม่นานหรอก เดี๋ยวคุณหมอก็รักษาหาย”
อัษฎาฝืนยิ้มให้ลูกสาวคนเล็ก ทั้งที่ในใจหดหู่มาก เขากินยาหลายขนานที่พยาบาลส่งให้ อินทุอรทำใจไม่ได้ เดินออกไปร้องไห้หน้าห้อง ภิสิตเอากระเช้าดอกไม้มาเยี่ยมอัษฎา
“หนูอิน คุณพ่อเป็นอะไรจ๊ะ”
อินทุอรเงยหน้ามองภิสิต น้ำตาไหลพราก
บุษบาบัณเดินเข้ามาที่เคาน์เตอร์ หันไปถามพยาบาล
“คุณอัษฎาพักฟื้นอยู่ที่ห้องไหนคะ”
พยาบาลหันไปกดคอมพิวเตอร์เช็คข้อมูลให้
อินทุอรน้ำตาไหลพราก ภิสิตเห็นอาการอินทุอรก็หน้าเสีย สงสารเด็กที่ตัวเองรัก
“อาสิตคะ อินทำใจไม่ได้ อินเสียคุณพ่อไปไม่ได้”
อินทุอรปล่อยโฮ ภิสิตสงสารอินทุอรจนลืมตัว ดึงหญิงสาวมากอด อินทุอรซบหน้าร้องไห้กับบ่าภิสิต บุษบาบัณเดินมาอีกทาง ก้มหน้าก้มตาเช็คข้อความในมือถือ เงยหน้าขึ้นมาเกือบเห็นสองคนอยู่ด้วยกัน พยาบาลเดินเข็นรถเข็นผ่าน ทำให้ยังไม่ทันเห็น ภิสิตกอดอินทุอรไว้ด้วยความสงสาร พยายามปลอบใจ
“เดี๋ยว อย่าเพิ่งคิดมากสิจ๊ะ ตั้งสติดี ๆ คุณพ่อหนูอินยังไม่เป็นอะไรนะจ๊ะ”
รถเข็นพยาบาลผ่านไป บุษบาบัณเห็นภิสิตกอดกับอินทุอรพอดี เดินรี่เข้ามา
“ทุเรศ”
สามใบไม่เถา ตอนที่ 9 (ต่อ)
ภิสิตกับอินทุอรผละจากกัน
“มาได้ยังไง”
“ฉันโทรไปที่บ้านหนูอินผู้อ่อนหวาน แม่บ้านบอกว่าคุณอัษฎาป่วย ฉันเลยตั้งใจจะมาเยี่ยม ไม่นึกเลยว่าจะได้เห็นอะไรบัดสีบัดเถลิงกลางโรงพยาบาล”
“ผมปลอบหลาน ไม่มีอะไร”
“นังเด็กมารยาร้อยเล่มเกวียน ใช้ทั้งความใส ความสาว ความน่าสงสาร แย่งสามีคนอื่น”
อินทุอรหน้าชา
“อย่าพูดจาต่ำ ๆ แบบนี้ใส่หนูอินนะบุษ”
“คำพูดต่ำ ๆ ก็เหมาะกับคนต่ำ ๆ แบบนี้ละค่ะ”
หมอกับพยาบาลออกมาจากห้องพัก บุษบาบัณยังต่อว่าอินทุอร
“แรดเงียบๆ แต่เหยียบคันเร่ง ฉกสามีอาไปกกได้นะหนูอิน”
อินทุอรอายหมอกับพยาบาลมาก ภิสิตหันไปบอกหมอกับพยาบาล
“เป็นเรื่องเข้าใจผิดกันน่ะครับ คุณอินทุอรไม่ได้เป็นอย่างที่ผู้หญิงคนนี้ว่า”
“แก้ตัวแทนว่าที่เมียใหม่นะคะสิต”
ภิสิตจับแขนบุษบาบัณพาไปจากตรงนั้น อินทุอรไม่กล้ามองหน้าหมอกับพยาบาล อับอายมาก
ภิสิตดึงแขนบุษบาบัณพามาคุยในมุมลับตาคน
“บุษ พฤติกรรมคุณก็ต่ำทรามพอแล้ว อย่าใช้วาจาต่ำทรามด้วยเลย”
“ใครกันแน่ต่ำทราม สิตจ้างนักสืบสะกดรอยตามบุษ ยังเอาเรื่องส่วนตัวบุษไปเล่าให้นังเด็กนั่นฟัง นังหนูอินของคุณด่าบุษมีชู้”
“ผมไม่เคยเล่าเรื่องแย่ ๆ ของคุณให้หนูอินฟัง หนูอินเคยบังเอิญไปเห็นคุณกับผู้ชายของคุณ”
“ไม่ว่านังเด็กหน้าใสใจทรามนั่นจะรู้ได้ยังไง คุณไปเตือนด้วยว่า ก้าวร้าวบุษอีก บุษก็จะตบอีก”
“ตบอีก นี่คุณ”
“กลางร้านเลยล่ะค่ะ”
บุษบาบัณยิ้มสะใจ ภิสิตโกรธบุษบาบัณจนสรรหาคำพูดมาต่อว่าไม่ถูก บุษบาบัณยิ้มเหยียด เดินลอยหน้าออกไป
อินทุอรยืนซึมอยู่หน้าห้อง รอภิสิตกลับมา ภิสิตหน้าละห้อยกลับมาหาอินทุอร
“อาบุษล่ะคะ”
“กลับไปแล้วจ้ะ เจ็บมั้ยจ๊ะหนูอิน ที่โดนอาบุษเขา”
ภิสิตพูดไม่ออก แตะแก้มอินทุอรเบาๆ
“อินอยากลืมเหตุการณ์วันนั้นค่ะ”
อินทุอรจะร้องไห้ ภิสิตมองสงสารจับใจ
“อาขอโทษนะจ๊ะ อาเป็นต้นเหตุ”
“ไม่ใช่หรอกค่ะ เราเข้าไปหาคุณพ่อกันเถอะค่ะ”
“จ้ะ”
อินทุอรเช็ดน้ำตาให้แห้ง ก่อนพาภิสิตเข้าไปเยี่ยมอัษฎาในห้อง
บุษบาบัณกลับถึงบ้าน ด้วยอารมณ์หงุดหงิด ศศิพิมลมาจากในครัว ยิ้มแย้มมารับเพื่อน
“กับข้าวเสร็จพอดี ทานเลยมั้ยบุษ”
“กินไม่ลง สิตปกป้องนังหนูอินอย่างกับนังเด็กนั่นเป็นเมีย”
“ทำใจเถอะบุษ ผู้ชายเขาไปแล้ว”
“ฉันไม่ยอมให้สิตทิ้งไปเสวยสุขกับนังเด็กนั่นหรอก”
บุษบาบัณครุ่นคิดด้วยแววตาโกรธและเกลียดชัง
“ตอนนี้ฉันไม่มีข้ออ้างเข้าบ้านนังหนูอินแล้ว คุณบราลีไม่ยอมสอนฉันวาดรูป เธอใช้สายสัมพันธ์กับเวศม์ สืบข่าวแม่สามสาวนั่นให้ที”
“ดูฉันเป็นตัวอย่างนะบุษ แพ้แล้วไม่ยอมหยุด สุดท้ายก็ไม่เหลืออะไร”
“แต่บุษบาบัณต้องไม่แพ้ ศิ ถ้าเธอช่วยฉันทำลายคู่นั้น ฉันจะให้เงินเธอก้อนหนึ่ง เธอจะได้เอาไปใช้ที่เมืองนอก”
ศศิพิมลส่ายหน้าไม่เอาด้วย กลับเข้าครัว บุษบาบัณโมโหที่ศศิพิมลกระด้างกระเดื่อง
คืนนั้น ภิสิตเดินวนไปวนมา ครุ่นคิด ก่อนตัดใจโทรหาอินทุอร อินทุอรกับบราลีนอนเฝ้าอัษฎาอยู่ อัษฎายังไม่หลับ อินทุอรดูเบอร์ภิสิต
“อินไปคุยโทรศัพท์ที่ระเบียงนะคะ”
“ใครโทรมาลูก” อัษฎาถาม
“เพื่อนค่ะ”
บราลีไม่เชื่ออินทุอรนัก ส่วนอัษฎาไม่ได้สงสัยลูกสาว
อินทุอรออกมารับโทรศัพท์ที่ระเบียง
“อาสิตมีอะไรคะ”
“อาไม่รู้จะปลอบใจหนูอินยังไงดี เรื่องที่อาบุษเขา อืม”
“ช่างมันเถอะค่ะ อินพยายามจะลืม”
“หนูอินอย่าเพิ่งวางนะจ๊ะ”
ภิสิตเปิดเพลงให้อินทุอรฟังทางโทรศัพท์
“อาก็ทำได้เท่านี้แหละจ้ะ”
อินทุอรระบายยิ้ม สบายใจขึ้นมาบ้างที่ภิสิตเปิดเพลงโปรดปลอบใจ
ตอนเช้า อัษฎาจะเปลี่ยนเสื้อผ้า เพื่อไปบริษัท ทุกคนช่วยกันห้าม ภิสิตก็อยู่ด้วย
“หมอสั่งให้คุณหยุดงานนะคะ”
“ผมไม่ยอมนอนอยู่เฉย ๆ ให้ผู้ถือหุ้นปลดผมออก”
“ตำแหน่งประธานบริษัท ไปเอาคืนเมื่อไหร่ก็ได้ครับ พี่อัษต้องรักษาตัวให้หายก่อน เจ้าอันกับหนูอินต้องการพ่อ ไม่ได้ต้องการประธานบริษัท”
อัษฎามองหน้าลูกเมีย สะเทือนใจ ไม่อยากด่วนจากครอบครัวไป แต่ก็ยังไม่ยอมแพ้ง่ายๆ
“แต่ถ้าเป็นพ่อที่ไม่มีงานทำ ช่วยเหลือลูก ปกป้องลูกไม่ได้ ผมก็ไม่รู้จะอยู่ไปทำไม”
อัษฎาเจ็บปวด อันตรากับอินทุอรสงสารพ่อมาก เวศม์ถือกระเช้าเยี่ยมเข้ามา อัษฎาด่าใส่เวศม์ทันที
“สมใจแกแล้วสิ พวกผู้ถือหุ้นเรียกประชุมด่วนจะลงมติปลดฉันออกแล้ว”
เวศม์หน้าเหรอหรา มาถึงก็โดนด่า
“เพราะแกคนเดียว พาเฮดฟันจ์ต่างชาติมาไล่ทุบหุ้นบริษัทที่ฉันสร้างมากับมือ ผู้ถือหุ้นพวกนั้นเลยใช้เป็นข้ออ้างปลดฉันออกจากประธานบริษัท ทำกับฉันขนาดนี้แล้วยังมีหน้ามาเยี่ยมอีกเหรอ”
อัษฎาแย่งกระเช้าเยี่ยมจากเวศม์มาปาทิ้ง
“คุณพ่อ อย่าค่ะ”
“เจ้าอันอย่าห้ามพ่อ ที่บริษัทฉันต้องพังพินาศ เป็นเพราะแกคนเดียว”
อัษฎาโกรธมาก จะเข้าไปทุบตีเวศม์ ภิสิตกับอินทุอรรีบเข้าไปดึงตัวไว้
“พอเถอะครับพี่อัษ”
ภิสิตกับอินทุอรพยายามจะห้าม แต่กำลังจะห้ามไม่อยู่ บราลีพูดเสียงดัง
“ที่คุณป่วย มาจากหลายสาเหตุ โทษเวศม์คนเดียวไม่ได้หรอกนะคะ ขอบใจที่มาเยี่ยม เธอกลับก่อนไปเถอะ”
เวศม์ไหว้ลาอัษฎากับบราลี มองหน้าอันตราเศร้า ๆ อันตรามองกลับอย่างเห็นใจ บราลีเห็นใจเวศม์ แต่อัษฎาโกรธขึ้ง โทษเวศม์คนเดียว
อุรวสาอยู่คอนโด หยิบแปรงสีฟันยาสีฟันมาใส่กระเป๋าเสื้อผ้า คืนนี้จะไปนอนเฝ้าพ่อที่โรงพยาบาล เธอลากกระเป๋าออกมา แสงฉานวางมือจากทำอาหาร เดินมาหา
“จะไปไหน”
“จะไปนอนเฝ้าพ่อที่โรงพยาบาล”
แสงฉานเดินกลับไปที่ครัวทำอาหารต่อไม่สนใจ อุรวสามองตาม ลังเล จะเดินเข้าไปง้อ แต่ก็ฟอร์มจัดก้าวฉับๆ ออกไป แสงฉานได้ยินเสียงปิดประตู ก็หันไปมองตาม ถอนหายใจกลุ้ม เสียงออดดังขึ้น แสงฉานเลิกคิ้วสงสัย รีบเดินไปเปิด ปรากฏเป็นเวศม์ ยิ้มแหย
“ขอข้าวกินสักมื้อได้ไหม”
แสงฉานเชิญเวศม์เข้ามา มองหาอุรวสา เห็นเดินไปตามทางลิบๆ ตัดใจปิดประตู
แสงฉานกับเวศม์กินอาหารอิ่ม เริ่มปรับทุกข์กัน
“วสาทำเหมือนตัวเองไม่ผิด รู้ทั้งรู้ว่านายพงษ์ชัยเอางานมาบังหน้า วสาก็ไม่ยอมโอนงานให้คนอื่น แถมยังมาว่าผมไม่มีเหตุผลบ้างล่ะ ใช้แต่อารมณ์บ้างล่ะ”
“ใจเย็นๆ วสาเป็นคนรับผิดชอบงานนะแสง เธอไม่ยอมทิ้งงานง่าย ๆ อยู่แล้ว”
“บางครั้งนะเวศม์ ผมก็คิดว่า ระหว่างงานกับผม วสาเลือกงาน”
“อย่าคิดไปเองสิ คู่ชีวิตกันทะเลาะกัน มีส่วนผิดส่วนถูกสลับกันไปนั่นแหละ”
“ตอนผมแต่งงานใหม่ๆ เพื่อนฝรั่งคนหนึ่งบอกผมว่า ชีวิตแต่งงานช่วงสองสามปีแรกยากที่สุด ผ่านช่วงนี้ไปได้ก็อยู่กันยาว ผมเริ่มคิดว่า ผมอาจไม่ผ่านช่วงที่ยากที่สุดนี้”
“หนักแน่นไว้ อย่าให้นายพงษ์ชัยป่วนชีวิตคู่ มันเคยทำลายความรักของผมมาแล้ว ผมไม่อยากเห็นมันทำลายความรักของเพื่อนผมด้วย”
แสงฉานเฉย ไม่รับปากเวศม์ว่าจะหนักแน่น ตัดสินใจเปลี่ยนเรื่องพูด
“แล้วคุณล่ะ เรื่องเจ้าอันเป็นยังไงบ้าง ทำไมหน้าเศร้ามาเลยวันนี้”
“เริ่มไปไม่เป็นแล้ว เหมือนๆ จะเอาชนะใจลูกสาวได้ ก็ต้องจำนนกับความผิดที่เราเคยก่อกับพ่อเขาไว้ แสง เวลาเราชอบใครสักคนมาก ๆ บางครั้งมันทำให้เรากลายเป็นคนโง่ คิดหาทางแก้ปัญหาอะไรไม่ออกเลยซะงั้น บอกตรง ๆ นะแสง เรื่องของอันตราทำให้ผมไปไม่เป็น ผมไม่รู้จะทำยังไง”
แสงฉานกับเวศม์มองหน้ากัน ต่างเห็นใจกันและกัน
พงษ์ชัยกับอนุวัติมาเยี่ยมอัษฎาที่โรงพยาบาล อนุวัติถือกระเช้าผลไม้ สองคนยืนรอลิฟต์อยู่ แสงฉานเอาของกินมาให้อัษฎา มองพงษ์ชัยอย่างไม่เป็นมิตร
“มาทำอะไรที่นี่”
“ผมมาเยี่ยม ว่าที่พ่อตา”
แสงฉานแค่นหัวเราะ เมินไปอีกทาง พงษ์ชัยยิ้มเจ้าเล่ห์
“เชิญขำไปเถอะ ตอนจบจะขำไม่ออก เมื่อเห็นคุณวสาเปลี่ยนใจจากเชฟกระจอกอย่างคุณมาซบอกผม”
แสงฉานยัวะผลักอกพงษ์ชัย อนุวัติออกโรงแทนเจ้านาย ผลักอกแสงฉานคืน อุรวสาลงมาซื้อของกินข้างล่าง เห็นแสงฉานมีเรื่องกับพวกพงษ์ชัยก็รีบไปห้าม
“ขอเถอะค่ะ เวลานี้ไม่ควรมาทะเลาะกัน”
แสงฉานกับอนุวัติถอยห่างจากกัน
“แสง คุณกลับไปก่อน”
“แต่ผมเพิ่งมา”
อุรวสาหันมาบอกพงษ์ชัย
“เชิญขึ้นไปเยี่ยมคุณพ่อค่ะ”
พงษ์ชัยยิ้มเยาะแสงฉาน อุรวสาเข้าข้างพงษ์ชัย แสงฉานโมโหเดินกลับไป ของเยี่ยมที่หิ้วมาก็ไม่ให้ อุรวสามองตามแสงฉานออกไป ไม่สบายใจนัก ก่อนจะหันมาบอกพงษ์ชัย
“กรุณาเข้าใจด้วยนะคะคุณพงษ์ชัย ที่ดิฉันเกรงใจคุณ เพราะคุณเป็นแขกของคุณพ่อ”
“ไม่ว่าคุณอุรวสามีเหตุผลอะไร ผมก็ยอมรับ”
พงษ์ชัยทำตากรุ้มกริ่มใส่อุรวสา อุรวสาเมิน ไม่เล่นด้วย
อินทุอรนั่งเศร้าในเต็นท์หลังเก่าของพ่อ ที่บ้าน แม่มาตาม
“เอาของขึ้นรถแล้วลูก ไปโรงพยาบาลกัน”
“ตอนเด็ก ๆ อินชอบมานอนในเต็นท์หลังนี้ ให้คุณพ่อเล่านิทานให้ฟัง เวลาอินถูกเพื่อนที่โรงเรียนแกล้ง ร้องไห้กลับบ้าน คุณพ่อเอาอินนั่งตัก ปลอบอินในเต็นท์หลังนี้”
บราลีมานั่งในเต็นท์ข้างลูกสาว
“คุณพ่อกับลูกช่วยกันต่อเต็นท์นี้ขึ้นมา เลยเป็นที่ ๆ พ่อลูกชอบมาขลุกอยู่ด้วยกัน”
“พออินเรียนมหาวิทยาลัย ได้คะแนนสอบไม่ดี คุณพ่อจัดปาร์ตี้เล็กๆ ในเต็นท์ ให้อินหายเศร้า ทุกครั้งที่ชีวิตอินมีปัญหา คุณพ่อจะรออยู่ที่นี่เสมอ วันนี้คุณพ่อป่วยหนัก อินจะทิ้งคุณพ่อไปได้ยังไง คุณแม่คะ อินไม่ไปเรียนบัลเล่ต์ที่อเมริกาแล้วค่ะ”
อินทุอรสบตาแม่ แววตาจริงจังมาก จนบราลีไม่อยากขัดใจลูกตอนนี้ อินทุอรมองเต็นท์ของพ่อ ความรักของพ่ออบอวลไปทั่ว
ตอนเย็น บุษบาบัณนั่งกินสเต๊กอยู่ในร้ายแสงฉาน สายตาสอดส่องหาเจ้าของร้าน แสงฉานเดินออกมาจากครัวพอดี บุษบาบัณรีบส่งสายตาให้สัญญาณลูกค้าชาย ลูกค้าโวยวายลั่น
“ร้านตกแต่งออกดี แต่ห่วยเรื่องแบบนี้ได้ยังไง”
ผู้คนพากันหันมามอง แสงฉานรีบเดินเข้าไปหา
“อาหารมีปัญหาอะไรหรือครับ”
“ผมสั่งสเต๊กแบบ Medium Rare แต่นี่อะไร สุกจนจะไหม้อยู่แล้ว แถมในซุปก็ยังมีเส้นผมอยู่อีก”
บริกรเข้ามายื่นรายการอาหารที่ลูกค้าสั่งมาให้ดู แสงฉานรับมาดูเร็วๆ
“คุณสั่งเป็นแบบ well done นี่ครับ ขอโทษนะครับ ผมไม่เห็นเส้นผมเลยนะครับ”
“จดผิดน่ะสิ แล้วพอผมเห็นก็ทิ้งไปแล้ว จะเก็บไว้ทำไม”
แสงฉานมองหนักใจ พยายามหาวิธีแก้ปัญหา
“ผมต้องขอโทษแทนบริกรด้วยนะครับที่จดผิด เดี๋ยวผมจะทำมาให้ใหม่”
“ไม่ ผมจะไปเขียนรีวิวในเว็บ ร้านไม่ได้เรื่องอย่างนี้ควรจะเจ๊งๆ ไปซะ”
แสงฉานหน้าเสีย บุษบาบัณรีบเดินเข้ามา
“เอาอย่างนี้ดีมั้ยคะคุณลูกค้า ทางร้านขอยกเว้นค่าอาหารมื้อนี้เป็นการขอโทษ”
ลูกค้าหันมามอง ชะงักนิดหนึ่ง
“และมอบไวน์ขวดนี้ ให้ด้วยค่ะ”
แสงฉานหันมามองบุษบาบัณอึ้งๆ
“อย่างนี้ค่อยพูดกันได้หน่อย ผมไม่เอาเรื่องก็ได้”
บุษบาบัณยิ้มหวานให้แสงฉาน ว่าเธอช่วยแก้ปัญหาได้
อุรวสานั่งเฝ้าพ่อซึ่งหลับอยู่ เธอคิดถึงเรื่องที่ทะเลาะกับแสงฉานแล้วนึกเสียใจ อยากไปขอโทษ หยิบมือถือขึ้นมาพิมพ์เมสเสจคำว่า ขอโทษ จะส่งออกไป บราลีกับอินทุอรเข้ามาพอดี
“คุณวสา ออกไปยืดเส้นยืดสายหน่อยก็ได้จ้ะ แม่กับน้องมาแล้ว”
อุรวสาลบเมสเสจ ตัดสินใจจะออกไปง้อแสงฉานด้วยตัวเอง
ร้านปิดแล้ว บุษบาบัณยังคงอยู่ แสงฉานปิดร้านเป็นคนสุดท้าย เดินเข้ามาหาบุษบาบัน อุรวสาขับรถมาจอดริมถนน เดินมาเห็นทั้งสองอยู่ด้วยกัน เธอแอบดูอยู่ไกลๆ ไม่ได้ยินเสียง
“ขอบคุณมากนะครับ ที่ช่วยเจรจากับลูกค้าให้”
บุษบาบัณเข้าไปจับบ่าแสงฉาน
“ไม่เป็นไร เห็นร้านแสงมีปัญหา คนรู้จักกันก็ต้องเข้าไปช่วย พวกลูกค้าผู้ชายน่ะ บางครั้งก็ต้องใช้ความอ่อนหวานของผู้หญิง แสงไม่รู้เหรอ”
บุษบาบัณขยับเข้าไปชิด จับมือขึ้นมา อุรวสามองตาม ไม่พอใจ บุษบาบัณมองสายตามีความหมาย
“ได้อะไรตอบแทนหน่อย ก็หมดเรื่องแล้ว แล้วนี่คุณวสาไปไหนล่ะ”
“เอ่อ ไปเฝ้าคุณพ่อที่โรงพยาบาลมั้งครับ”
“มั้ง ทำไมไม่แน่ใจ”
“เอ่อ”
“ฮึๆ ไม่อยากพูดก็ไม่เป็นไร มีภรรยาทำงานเก่งก็ต้องทำใจนะจ๊ะ เขาไม่ค่อยเห็นค่าของสามีเท่าไหร่หรอก”
แสงฉานไม่ตอบ ได้แต่ถอนหายใจออกมาเบาๆ
“ถอนหายใจออกมาแบบนี้แสดงว่าบุษพูดตรงใจน่ะสิ มีอะไรปรึกษาบุษได้นะ ผู้หญิงอย่างบุษ เข้าใจผู้ชายที่ถูกทำร้ายจิตใจอย่างแสงดี”
อุรวสาฉุนขาด มองแสงฉานที่ไม่พูดแก้ให้เธอเลยสักคำ อุรวสาตัดสินใจหันหลังขึ้นรถทันที แสงฉานเอามือออกอย่างสุภาพ เขยิบตัวออกมา
“ขอบคุณครับ ขอตัวนะครับ”
แสงฉานเดินไปเช็คนั่นนี่รอบสุดท้าย บุษบาบัณมองตาม ยิ้มร้าย
แสงฉานเดินเข้ามาในห้องคอนโด หน้าตาเคร่งขรึม ตั้งใจว่าจะมาเคลียร์ปัญหาให้เรียบร้อย
แต่เห็นอุรวสานั่งอยู่หน้าบึ้งตึง ข้างๆ มีกระเป๋าเสื้อผ้าใบใหญ่กางอยู่ หยิบของใส่ ปิดกระแทกกระทั้น
“จะไปเฝ้าคุณพ่อเหรอ ไปกี่อาทิตย์ล่ะวสา”
“วสาจะย้ายกลับไปอยู่กับคุณพ่อค่ะ”
“ไปอยู่”
“ค่ะ ไปอยู่ คุณอยู่คนเดียวเงียบๆ ก็ถามตัวเองดูนะคะ ว่าจะเลือกใคร ระหว่างฉันคนนี้ กับคุณอาไก่แก่แม่ปลาช่อนคนนั้น”
แสงฉานงง อยู่ๆ อุรวสามาขอแยกบ้าน อุรวสาลากกระเป๋าออกไป ปิดประตูดังปัง แสงฉานอึ้ง ยืนคว้างอยู่กลางห้อง
จบตอนที่ 9