ใยกัลยา ตอนที่ 6
หอมน้ำยังคงถูกสิงอยู่ ขณะนั่งซ้อมบทกับขวัญอนงค์ ภายในห้องรับแขกบ้านศวัส เพียงสองคน
ขวัญอนงค์ตั้งใจซ้อมบทเต็มที่ “แก้ว ลูกทำอะไรลงไป บอกแม่มาซิ”
หอมน้ำนั่งพิงเก้าอี้ ยกบทบังใบหน้า เหมือนกำลังท่องอยู่ แต่เอ่ยขึ้นว่า
“เคยดูเรื่องแม่นาคพระโขนงใช่ไหม”
ขวัญอนงค์ชะงัก งวยงง “อะไรนะหนู”
หอมน้ำยังไม่เอามือที่ถือบทลดลง “แม่นาคน่ะ เขารักสามีของเขามากถึงขนาดไม่ยอมไปผุดไปเกิด”
ขวัญอนงค์ยิ่งงงหนัก นิ่วหน้า มองหอมน้ำอย่างประหลาดใจ
“ใครที่จะมาพรากสามีไปจากเขาเป็นต้องถูกฆ่าหมด”
“หอมน้ำ” ดาราสาวใหญ่ตกใจ
หอมน้ำค่อยๆ ลดบทละครลง ปรายยิ้มนิดๆ แต่ดวงตาเป็นประกายกร้าว
“น่ากลัวมากนะคะ” แล้วพุธกันยาก็ปรับท่าทีคืนทำเป็นหอมน้ำ
“อยู่ดีๆ ทำไมถึงเกิดพูดเรื่องนี้ขึ้นมา”
หอมน้ำไหวไหล่ด้วยท่าทางของพุธกันยา “ไม่ทราบซิคะ บังเอิญมันเกิดแวบ เข้ามาในหัว”
ขวัญอนงค์ส่ายหน้า “อย่านอกเรื่อง มาต่อบทกันได้แล้ว”
“เรื่องเมื่อกี้ก็เหมือนกัน” พุธกันยาในร่างหอมน้ำไม่ยอมจบ
“เรื่องไหนอีกล่ะ”
“ก็เรื่องที่...” หอมน้ำไม่เอ่ยชื่อขวัญอนงค์ “หกล้ม ไม่คิดหรือว่าอาจจะเป็นเพราะกัลยา”
ขวัญอนงค์ชักฉุน “หอมน้ำ! เอาอะไรมาพูด”
“เขาอาจจะไม่พอใจ”
ขวัญอนงค์โกรธจนสุดทน “พอที อยู่ดีๆ ก็เป็นบ้าอะไรขึ้นมา จะต่อหรือไม่ต่อ”
หอมน้ำลุกขึ้น “ไม่จำเป็น”
ขวัญอนงค์เงยหน้ามองท่าทีหอมน้ำอย่างงุนงงเป็นที่สุด
“เรื่องแบบนี้ฟังไว้บ้างก็ไม่เสียหายนะ” หอมน้ำเดินเชิดระเหิดระหงในมาดพุธกันยาออกไป
จู่ๆ เหมือนมีลมเย็นๆ พัดผ่านมาวูบหนึ่ง จนขวัญอนงค์ต้องยกมือกอดอกและห่อตัว ขณะมองตามอย่างงวยงงไม่หาย
ทางด้านเจคกำลังนั่งจิบกาแฟดูบทหนังอยู่ขณะที่คนอื่นๆ ทำงานกันไป ขวัญอนงค์เดินเข้ามามีอาการกระเผลกๆ เล็กน้อย
“เจคคะ” ขวัญอนงค์ร้องทัก
เจคเงยหน้ามอง “อะไร” พลางก้มมองข้อเท้า “ดีขึ้นแล้วหรือ”
ฟ้าเดินหน้าตาตื่นเข้ามา
“คุณเจค! คุณขวัญ”
เจคหันไปหา “อะไร”
ขวัญอนงค์มองฟ้าเป็นเชิงถามเช่นกัน
“มาดูนี่หน่อยค่ะ” ฟ้าบอก
เจคและขวัญอนงค์มีสีหน้าแปลกใจ
ขณะที่อธิปและคนอื่นๆ กำลังมองดูรถของขวัญอนงค์ที่จอดอยู่ริมรั้วนอกบ้าน เจค ขวัญอนงค์ และฟ้า เดินเข้ามา ขวัญอนงค์ต้องเกาะแขนฟ้าช่วยพยุงมา
“รถพี่เป็นอะไร”
อธิป คนอื่นๆ หันมามอง เปิดทางให้ เจคและขวัญอนงค์ชะงัก โดยเฉพาะขวัญอนงค์นั้นเบิกตากว้างอย่างตะลึงตะไล เมื่อพบว่ากระจกหน้ารถเธอ เหมือนถูกอะไรหนักๆ ทุบจนแตก เศษกระจกกล่นเกลื่อน
ขวัญอนงค์มีสีหน้าและแววตาตกใจถึงขีดสุด
ฝ่ายหอมน้ำซึ่งถูกพุธกันยาสิง กำลังนั่งอ่านบทอยู่บริเวณซุ้มต้นพุดซ้อน สักครู่ ขวัญอนงค์ และ เจค เดินเข้ามา
ขวัญอนงค์เรียกเสียงเข้ม “หอมน้ำ”
หอมน้ำค่อยๆ หันกลับมา
“เธอทุบกระจกรถฉันแตกใช่ไหม”
หอมน้ำนิ่วหน้าเล็กน้อย “เปล่า”
ขวัญอนงค์ขึ้นเสียง “อย่าโกหก”
หอมน้ำชักโกรธ “อย่ามาหาเรื่องกัน”
เจคแตะแขนขวัญอนงค์ซึ่งกำลังจะโวยต่อ แล้วพูดเอง
“เธอขู่ขวัญเขาไม่ใช่หรือ” เจคถาม
“ข่มขู่...อ๋อ...ที่เล่าเรื่องแม่นาคให้ฟังน่ะเหรอ นั่นไม่ใช่การข่มขู่ แค่เล่าให้ฟัง! อีกอย่าง! ฉันยังไม่รู้เลยว่ารถเธอคันไหน”
เจคนิ่วหน้า มองหอมน้ำอย่างพิศวง กับสรรพนามที่เรียกดารารุ่นพี่ว่า เธอ
“ไม่อยากคิดเลยว่า...”
ขวัญอนงค์พูดไม่ทันจบ เจคตัดบท “ขวัญ...ช่างเถอะ”
“ช่างไม่ได้ค่ะ! เด็กคนนี้ทำเกินไปแล้ว” แม้ปกติขวัญอนงค์ไม่ใช่คนใจร้าย แต่คราวนี้ยังไงก็ต้องเอาเรื่อง
“เอาเถอะ ตามผมมา”
เจคจับแขนขวัญอนงค์ประคองให้เดินออกไป โดยมีหอมน้ำยิ้มเยาะมองตาม
“สมน้ำหน้า”
เจคพาขวัญอนงค์เดินเลี้ยวมาหยุดตรงมุมตึก
ขวัญอนงค์หยุดเดินสีหน้าฉงน “ทำไมคะเจค”
เจคหันมามอง “คุณไม่เห็นหรือว่า หอมน้ำแปลกไป”
ขวัญอนงค์พยักหน้ารับ “ค่ะ”
เจคลูบคาง สีหน้าแววตายังสับสนลังเล
“ผมน่ะสังเกตมาสักพักหนึ่งแล้ว”
“คุณจะบอกอะไรหรือคะ”
เจคส่ายหน้า “ผมยังบอกไม่ได้ เพราะผมก็ยังไม่รู้” หนุ่มใหญ่ถอนใจเฮือก
“แต่ขวัญบอกได้...”
เจคขัดขึ้น “เอารถผมไปใช้ก่อนระหว่างที่รถคุณเข้าศูนย์ ผมจะให้คนขับด้วย ขออย่างเดียว อย่าเพิ่งพูดอะไรกับใคร...แล้วก็อย่าเพิ่งเอาเรื่องหอมน้ำ”
“ทำไมละคะ เจค” ขวัญอนงค์งวยงง
“ผมยังไม่มีคำอธิบายอะไรให้คุณ เพราะผมก็งงเหมือนกัน”
ขวัญอนงค์มองหน้าเจคอาการงวยงง และประหลาดใจถึงขีดสุด
ไม้ดอก ไม้ใบ อวดความสวยรอบบริเวณบ้าน เวลาผ่านไปอีกช่วงหนึ่ง หอมน้ำกำลังเข้าฉากกับลูกนัท ธันวา ช่วงสุดท้ายพอดี
“ไม่โกรธกันนะจ๊ะ คุณเพื่อน”
ลูกนัทบีบมือหอมน้ำ “ไม่โกรธจ้ะ”
หอมน้ำทำตาหวานกับธันวา
“ไปละนะ” ลูกนัทบอก
หอมน้ำพยักหน้า ลูกนัทพยักหน้าชวนธันวาออกไป ธันวาโอบเอวลูกนัทอย่างไม่เกรงใจหอมน้ำ พาออกไป
หอมน้ำเม้มปากแน่น มองตามไปอย่างเคียดแค้น
“คัท”
หอมน้ำเดินออกจากตรงนั้นไปเลย สีหน้าแววตายังถมึงทึงต่อเนื่องจากในฉาก
เจคมองตามอย่างใช้ความคิด
ดอกพุดซ้อนออกดอกสะพรั่ง หอมน้ำเดินออกมา ทอดถอนใจยาว แล้วทรุดตัวลงนั่งบนม้านั่งยาว เขนตามออกมา ในมือถือสร้อยพระ
“คุณพุธคะ”
พุธกันยาในร่างหอมน้ำถอนใจรำคาญแล้วหันกลับมา ตวัดสายตาไปที่สร้อยพระแวบหนึ่ง
“เดี๋ยวหอมเข้าฉากอีกที 5 โมงเย็น ขอให้เขาพักหน่อยเถอะค่ะ”
พุธกันยาไหวไหล่ ท่าประจำตัว “ฉันก็ไม่ได้ทำอะไรให้เพื่อนเธอเหนื่อยนี่”
“ได้โปรดเถอะค่ะ” เขนขยับสร้อย
“ก็ได้! แล้วถ้าฉันเกิดรำคาญขึ้นมา ไม่เข้าสิงเพื่อนเธออีก...จะมาโทษกันไม่ได้นะ”
“ค่ะ”
พุธกันยาขู่ด้วยสีหน้าหงุดหงิด แล้วออกจากร่างหอมน้ำ เลือนหายไป
ร่างหอมน้ำเหมือนจะซวนเซไปครู่หนึ่ง แล้วยกมือลูบหน้า ขณะที่เขนเดินมาคล้องสร้อยพระให้เพื่อน
“ขอบใจจ้ะ” หอมน้ำทรุดตัวลงนั่ง
“เขนต้องไปช่วยพี่ทับ ไปด้วยกันมั้ย”
“เขนไปเถอะ หอมจะนั่งพักที่นี่แหละ เย็นดี”
เขนถาม โดยลดเสียงลง “คุณพุธ”
หอมน้ำมองโดยรอบพลางยิ้ม “เขาไม่อยู่แล้ว”
“อยู่คนเดียวได้แน่น่ะ”
หอมน้ำยิ้มพยักหน้ารับ แล้วเอนตัวนั่งพิงพนัก หลับตาลงอย่างเหนื่อยอ่อน เขนมองเพื่อนอย่างเป็นห่วงครู่หนึ่งจึงเดินออกไป
ภายในห้องแต่งตัวตอนนี้ ทับทิม กับฟ้า กำลังวุ่นวายเรื่องดูเสื้อผ้าอยู่ ขณะที่อุมา ช่างคนอื่นๆ ต่างช่วยกันเติมหน้า แต่งผมให้บรรดาดาราที่จะต้องเข้าฉากต่อ
“ใครเห็นเขนบ้าง โอ้ย เกิดจะไปไหนไอ้ตอนที่เขายุ่งๆ”
เขนเปิดประตูเข้ามาพอดี “มาแล้วค่ะ มาแล้ว”
“มาช่วยกันหน่อย หมู” ทับทิมยิ้มอารมณ์ดี
“หนูค่ะ ไม่ใช่หมู”
ฝ่ายทางหอมน้ำกำลังเริ่มจะเคลิ้มหลับ ไอเย็นเริ่มออกมาจากลมหายใจ หอมน้ำถอนใจเบือนหน้ามา ลืมตาขึ้น
“จะหลับก็หลับไป ฉันไม่กวนหรอก! แค่นั่งเป็นเพื่อน”
“ทำไมต้องนั่งเป็นเพื่อนคะ”
เสียงอธิปดังขึ้น “น้องหอมมาอยู่ที่นี่เอง”
หอมน้ำหันมามอง “พี่ไก่”
อธิปเดินมาทรุดตัวลงนั่งข้างๆ หอมน้ำทันที พุธกันยารีบลุกก่อนอย่างหงุดหงิด
“ไม่มีมารยาท ฉันกำลังนั่งอยู่ไม่เห็นเรอะไง”
“เมื่อกี้คุยกับใครอยู่หรือครับ”
“เปล่าค่ะ เอ้อ...หอม...หอมกำลังท่องบทน่ะค่ะ”
“เริ่มโกหกเป็นแล้วนี่” พุธกันยาเหน็บ
หอมน้ำทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้กับพุธ
“ดีเลย งั้นหอมช่วยพี่หน่อย” อธิปขี้หลีขยับเข้าใกล้อีก “คืองี้ค่ะ คุณเจคเพิ่งเปลี่ยนบทพี่กับเพลิน พี่จะขอซ้อมแต่เพลินเขาหงุดหงิดอะไรก็ไม่รู้ หอมช่วยซ้อมกับพี่หน่อยได้ไหมคะ”
หอมน้ำลังเล
พุธกันยาบอก “ถอดสร้อยพระซิ ฉันจะได้ช่วย”
“ไม่เป็นไรค่ะ”
อธิปงง “ไม่เป็นไรแปลว่า ได้หรือไม่ได้คะ”
หอมน้ำตอบอย่างเกรงใจ “ได้ค่ะ”
“ดีเลย งั้นพี่ไปเอาบทมาก่อนนะคะ”
“ค่ะ”
“ตัวเธอเองยังเอาไม่รอดเลย” พุธกันยาแดกดัน
หอมน้ำบอกทั้งตัวเองและพุธกันยาอย่างมั่นอกมั่นใจเต็มที่ “หอมจะลองดูค่ะ”
ด้านขวัญอนงค์นั่งพิงพนักอยู่ตามลำพัง มีบทละครอยู่บนตัวเหมือนกำลังท่องบท แต่ดวงตากลับมองเพดานอย่างครุ่นคิด
สักพักหนึ่ง เพลินพิศเดินเข้ามา ด้วยสีหน้ากระตือรือร้น ตื่นเต้น
“อาขวัญคะ”
ขวัญอนงค์ขยับตัวทันที เพลินพิศทรุดตัวลงนั่งตรงข้าม
“เพลินไปดูรถอาขวัญมาแล้ว น่ากลัวจังเลย...มีอะไรหายหรือเปล่าคะ”
“ไม่มีจ้ะ”
“ถ้าอย่างนั้นก็ไม่น่าจะใช่ขโมย เอ! อาขวัญก็ไม่น่าจะมีศัตรู ใครๆ ก็รักอาขวัญทั้งนั้น อีแบบนี้ต้องเป็นการกลั่นแกล้งกันแน่ๆค่ะ อาขวัญแจ้งความหรือยังคะ”
ขวัญอนงค์ขยับตัว เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นพอดี ขวัญอนงค์จึงหยิบขึ้นมา
“ขอโทษนะ...ว่าไงโค้ก...อ๋อ...ขอบใจมากจ้ะ โค้กช่วยจัดการให้พี่หน่อยนะ” ขวัญอนงค์วางโทรศัพท์ตามเดิม “คงไม่มีอะไรหรอก นี่ช่างก็มาขับไปศูนย์แล้ว
เพลินพิศเซ้าซี้ “อาไม่สงสัยใครบ้างหรือคะ”
“ไม่จ้ะ ของอย่างนี้จับมือใครดมไม่ได้ ขออาท่องบทหน่อยนะ ซีนนี้พูดยาวตั้งเกือบ 3 หน้า อายังจำไม่ค่อยได้เลย”
เพลินพิศหน้าเจื่อนๆ ไป เหมือนถูกไล่ “ค่ะ”
ขวัญอนงค์ก้มหน้าลง ทำปากประมาณท่องบท เพลินพิศมองครู่หนึ่งแล้วค่อยๆ เลี่ยงออกไป
พอนางร้ายรุ่นลูกลับตัวไป ขวัญอนงค์กลับเข้าสู่อิริยาบถครุ่นคิดตามเดิม
ด้านน้ำหอมเงยหน้าขึ้นมองอธิป ตามบทประมาณว่า น้องขอโทษพี่
อธิปยกมือจับไหล่หอมน้ำดึงเข้ามากอด พุธกันยามองแล้วถอนใจเฮือกพลางส่ายหน้า
“เอ๊ะ! ในบทไม่มีแบบนี้นี่ค่ะ” หอมน้ำงง ขืนตัวไว้ด้วยความตกใจ
“ก็เราทำให้สมบทบาทไง น้องมาขอโทษพี่ พี่ก็กอดน้องเป็นการให้อภัย”
พุธกันยาบอก “มันหลอกแต๊ะอั๋งเธอน่ะซิ”
“ไม่ได้ค่ะ ถ้าไม่เล่นตามบทเดี๋ยวคุณเจคดุตาย”
“โอเค! งั้นเริ่มต้นใหม่”
พุธกันยาบอกอีก “อย่าไปเชื่อ เดี๋ยวมันก็หลอกกอดเธออีกหรอก”
หอมน้ำเลยบ่ายเบี่ยง “หอมว่า พี่ไก่ไปซ้อมกับพี่เพลินดีกว่านะคะ”
อธิปทำเป็นน้อยใจ “ช่วยพี่แค่นี้ก็ไม่ได้ ทีพี่ยังคอยช่วยน้องหอมเลย”
หอมน้ำไม่รู้ว่าจะทำยังไงดี “ก็ได้ค่ะ”
อธิปยิ้มออกมา หูตาแพรวพราว จนหอมน้ำต้องหลบอย่างอึดอัด
พุธกันยามองท่าทางนั้นอย่างครุ่นคิด
ศวัสกลับจากข้างนอก ขับรถเข้ามาจอด แล้วเปิดประตูก้าวลงไป ศวัสชะเง้อมอง บริเวณประตู มีพิไล ฟ้า ทีมงาน 2-3 คนยืนมุงดูการถ่ายทำหนังอยู่ ศวัสถอนใจเฮือก ส่ายหน้าหงุดหงิด เขาเปิดประตูจะขึ้นรถ จู่ๆ ตรงประตูรถเหมือนมีใครผลักอย่างแรกให้ปิด
หมอหนุ่มมองฉงน แล้วดึงเปิดใหม่ หงุดหงิดมากขึ้น
“อะไรอีกล่ะ”
ศวัสพยายามจะเปิด แต่สุดท้ายก็ไม่เปิด ตัดสินใจเดินอ้อมไปเข้าทางหลังบ้าน
หากศวัสมองเห็นจะพบว่าภายในรถยามนี้ พุธกันยานั่งนิ่งอยู่
ส่วนหลังบ้านบริเวณที่นั่งซุ้มพุดซ้อน อธิปจับแขนหอมน้ำไว้ ดึงจะให้มานั่งข้างๆ
“คืนนี้ให้พี่พาไปส่งหอนะคะ พี่ไก่จะพาไปเลี้ยงข้าวเป็นการขอบคุณที่ช่วยต่อบทให้”
หอมน้ำขืนตัวไว้ “ไม่เป็นไรค่ะ! หอมกลับกับเขนได้”
“ให้ยัยอ้วนนั่นกลับไปก่อน”
เสียงศวัสดังขึ้น “หอมน้ำ”
สองคน สะดุ้งหันไปมอง หอมน้ำทั้งดีใจและโล่งใจอย่างเห็นได้ชัด ขณะที่อธิปปล่อยมืออย่างเสียดาย
ศวัสมองมาสีหน้าเคร่ง “มาหลบทำอะไรกันแถวนี้”
“อ๋อ! เรามาซ้อมบทกันครับ”
“พี่ไก่ขอให้หอมช่วยน่ะค่ะ”
ศวัสมองผ่านอธิปมาจ้องหอมน้ำเขม็ง “แล้วทำไมต้องจับมือถือแขนกันด้วย” เขาเว้นนิดแล้วมุมปากยกขึ้นนิดๆเหมือนยิ้มเยาะ “หรือว่าเป็นเลิฟซีน” หมอหนุ่มทำมองไปโดยรอบ “บรรยากาศแถวนี้เหมาะเสียด้วยซิ”
หอมน้ำหน้าแดงแล้วซีดด้วยความละอาย พูดอะไรไม่ออก
อธิปยิ้ม ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ “จริงของคุณหมอ แถวนี้โรแม้นซ์ ชวนให้เคลิบเคลิ้มตามบท เข้าไปซ้อมต่อกันข้างในเถอะค่ะ .. น้องหอม”
หอมน้ำมองศวัสละล้าละลัง อธิปถือโอกาสจับแขนหอมน้ำจูง
“ไปค่ะ”
ศวัสพูดออกไปโดยไม่รู้ตัว “หอมน้ำยังไปไม่ได้”
อธิป กับ หอมน้ำ หันมามองศวัสอย่างแปลกใจ แล้วอธิปจึงค่อยๆ ยิ้มออกมาราวกับรู้ทันแดกดันเล็กๆ ว่า
“คุณหมอคงไม่ได้จะตรวจน้องหอมหรอกนะครับ น้องหอมฟันสวยไม่น่าจะมีปัญหาอะไร”
“ที่จริงมีมากทีเดียวครับ” ศวัสมองหอมน้ำ “ใช่ไหม”
หอมน้ำไม่รู้จะทำอย่างไร ได้แต่อ้อมแอ้มไปตามเรื่องด้วยความเกรงใจศวัส
“เชิญคุณเข้าไปซ้อมข้างในต่อเลยครับ จะได้ไม่เสียเวลา”
อธิปขบกรามท่าทีฉุนเฉียว แต่ก็จำต้องเดินเข้าไปข้างใน หอมน้ำมองตาม
“อยากจะตามเข้าไปนักหรือ”
หอมน้ำรีบปฏิเสธทันที “เปล่าค่ะ”
ศวัสจ้องหน้าหอมน้ำเขม็ง คนถูกมองได้แต่ก้มหน้าหวาดๆ
หอมน้ำบ่นอุบอิบ “ดุทั้งแม่ทั้งลูกเลย”
ศวัสได้ยินแต่ไม่ถนัดหูนัก “ว่าอะไรนะ”
หอมน้ำสะดุ้ง “เปล่าค่ะ”
“ฉันได้ยินเธอพูด”
หอมน้ำจะร้องไห้เสียให้ได้ “หอม หอมบอกว่า เอ้อ...ดุ...ดุทั้งแม่ทั้งลูกเลยค่ะ” พอพูดจบเธอก็ทำคอย่น หลับตาปี๋ ประมาณว่าไม่น่าพูดเล้ย...
ศวัสชักสีหน้า สายตาเย็นชาเป็นอย่างยิ่ง
ขวัญอนงค์กำลังนั่งพลิกดูบทอยู่ในห้องรับแขก ขณะพุธกันยานั่งตรงข้ามมองด้วยนัยน์ตาประสงค์ร้าย
เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น ขวัญอนงค์หยิบขึ้นมาดู แล้วยิ้มออกมาทันทีอย่างมีความสุข
“ค่ะ...พี่บุรี”
พุธกันยาสะดุ้ง ตาจ้องเขม็ง
“อ๋อ ขวัญถ่ายฉากสุดท้ายประมาณ 6 โมงค่ะ ทุ่มครึ่งก็น่าจะเสร็จ ขวัญทานได้ทั้งนั้นแหละค่ะ พี่บุรีซื้อมาเถอะค่ะ...อย่าลืมของโปรดของหมอศวัสด้วยก็แล้วกัน! ค่ะ...แล้วพบกัน”
พุธกันยาโมโห “หน้าด้าน”
ขวัญอนงค์วางโทรศัพท์ลงด้วยสีหน้ามีความสุขสมหวัง เช่นคนที่ตกอยู่ในความรัก
“ผัวของเพื่อนแท้ๆ แกยังแย่งได้ลงคอ”
ขวัญอนงค์มีสีหน้าขรึมลง พุธกันยาชะงักมอง เห็นขวัญอนงค์ถอนใจยาว
“ใครจะไปนึกว่าเราจะมีวันนี้”
“ไม่ว่าวันนี้หรือวันไหน แกก็จะไม่มีวันมี”
พุธกันยาจ้องมองขวัญอนงค์ด้วยสีหน้าอาฆาตมาดร้าย
หลังบ้านตรงซุ้มพุดซ้อน ศวัสมองหอมน้ำซึ่งเวลานี้เริ่มน้ำตาซึม ยกแขนขึ้นเช็ดหน้าตัวเอง
“ร้องไห้ทำไม” เขาถาม
“ก็...ก็...คุณหมอ...คิดว่าหอมเป็นคนไม่ดี คุณหมอคิดว่าหอมแอบมา เอ้อ...จู๋จี๋กับพี่ไก่ใช่มั้ยล่ะค่ะ”
“เปล่า”
หอมน้ำงง “อ้าว”
“ฉันดูออกว่านายพระเอกนั่น...”
หอมน้ำรีบขัด “พระรองค่ะ ไม่ใช่พระเอก”
“จะพระอะไรก็ช่างเถอะ นายคนนั้นเขาจงใจจะล่วงเกินเธอ! เพราะฉะนั้นทีหน้าทีหลังอย่ายอมให้ผู้ชายพามาอยู่ในที่ลับหูลับตาคนเด็ดขาด”
หอมน้ำอ้าปากหวอมองศวัส
“ผู้ชายน่ะ ถ้าไม่ใช่พ่อก็ไว้ใจไม่ได้ทั้งนั้น ถ้าไม่อยากให้ใครมาแตะเนื้อต้องตัว ต้องรู้จักปฏิเสธ ไม่ต้องเกรงใจใครทั้งนั้น”
หอมน้ำยิ้มออกมา มองศวัสด้วยนัยน์ตาใสแจ๋ว
ศวัสเริ่มขมวดคิ้วอีก “ยิ้มทำไม”
“หอมรู้แล้วว่า คุณหมอฟันทันตแพทย์เป็นห่วงหอม”
ศวัสมีสีหน้าเก้อเขินออกมาโดยไม่รู้สึกตัว แต่แล้วก็รีบเก๊กทำหน้าดุ หอมน้ำเดินมาไหว้ที่แขนอย่างน่ารัก
“ขอบคุณมากค่ะ”
ศวัสก้มลงมองหอมน้ำด้วยสีหน้าอ่อนโยนโดยไม่รู้ตัว หอมน้ำเงยหน้าขึ้นพอดี ตาสบตาจังๆ
หอมน้ำยิ้มตาใสแหน๋วอย่างบริสุทธิ์ใจเต็มที่ แต่ศวัสหลบตาอย่างมีพิรุธ
“เวลาคุณหมอไม่ทำหน้าดุแล้วหล่อออก!...ดูใจดีด้วย”
ศวัสปั้นหน้าดุทันที
หอมน้ำหน้าสลดลง “ว้า...ทำหน้าอีกแล้ว”
“ฉันไม่ได้อยากจะหล่อ แล้วก็ไม่ใช่คนใจดี”
“แต่คุณหมอหล่อแล้วก็ใจดี”
“เพ้อเจ้อ เหลวไหล”
ศวัสเดินหน้าบึ้งเข้าบ้านไป มีหอมน้ำมองตามสีหน้าสลดที่ถูกดุจนได้
ดวงจันทร์บนท้องฟ้าสาดแสงสว่างนวลไปทั่วบริเวณ แลเห็นบรรดานักแสดง ทีมงาน ต่างพากันขึ้นรถกลับบ้าน โดยมีแฟนคลับมารอขอถ่ายรูป มอบของกับเหล่าดารา ต่อสักพักหนึ่ง
ด้านในบ้าน แจ่มตักข้าวเสิร์ฟให้ทั้ง 3 คน ยืนคอยดูแลอยู่ โดยมีพุธกันยานั่งอยู่ตรงกันข้ามกับบุรี คอยมองบุรีด้วยสีหน้าแววตาเจ็บช้ำ
บุรีมองหา ก่อนจะถามกับแจ่ม “เยาวภาล่ะ”
“ไม่ค่อยสบายตั้งแต่เมื่อตอนบ่ายค่ะ”
“เป็นอะไรมากหรือเปล่า” ศวัสถาม
“เห็นแกบอกว่า...”
แจ่มไม่ทันพูดจบศวัสบอก “ไปดูซิ”
“ค่ะ” แจ่มเดินออกไป
“คงจะแพ้อากาศน่ะค่ะ ช่วงนี้อากาศเปลี่ยนแปลงบ่อย”
พุธกันยาหันมาขวัญอนงค์อย่างจงเกลียดจงชัง
“นั่นฉันต้องเป็นคนพูด ไม่ใช่แก”
ฝ่ายแจ่มเดินตรงมาหน้าห้องเยาวภา แล้วเคาะประตู
“คุณแม่บ้านคะ”
ภายในห้อง เยาวภาแต่งตัวเป็นพุธกันยานั่งนิ่งราวกับรูปปั้นอยู่บนเตียง
“คุณแม่บ้านคะ”
เยาวภาถามกลับสุ้มเสียงเย็นชา “เรียกทำไม”
“คุณศวัสให้มาดูว่า คุณแม่บ้านเป็นอะไรมากหรือเปล่าน่ะค่ะ”
“แล้วคุณบุรีล่ะ”
“ไม่เห็นท่านพูดอะไรนี่คะ”
เยาว์สีหน้าเจ็บปวดรวดร้าวเหลือแสน ขณะคร่ำครวญออกมา
“คุณบุรี ช่างทำกับกัลยาได้ลงคอ”
แจ่มได้ยินเสียงร้องไห้แว่วๆออกมา “คุณแม่บ้านเป็นอะไรหรือเปล่าคะ”
เยาวภาแข็งใจ “เปล่า แกไปได้แล้ว”
แจ่มลังเลครู่หนึ่ง จึงเดินออกไป
ปล่อยเยาวภาให้ตีอกชกหัวครวญคร่ำร่ำไห้ไว้ลำพัง
ขวัญอนงค์ตักกับข้าวให้บุรีและศวัสอย่างอ่อนโยน เอาอกเอาใจ มองดูราวกับครอบครัวที่มีความสุข พร้อมหน้าพ่อแม่ลูก
พุธกันยามองดูภาพนั้นด้วยความเจ็บปวดร้าวรานใจ
แจ่มเดินกลับเข้ามา
ขวัญอนงค์ถาม “ว่าไงจ๊ะแจ่ม เยาวภาเป็นยังไงบ้าง”
“แจ่ม...แจ่มตอบไม่ถูกค่ะ”
“อ้าว” ผู้ถามงง
บุรีตัดบท “ช่างเถอะ ยิ่งแก่ยิ่งเรียกร้องความสนใจ”
ศวัสขยับตัวจะลุก “ผมไปดูเอง”
“ไม่ได้เป็นอะไรมากหรอกน่า ไม่ต้องไปดูหรอก เดี๋ยวจะเคยตัว”
“ผมไปดูหน่อยดีกว่าครับ”
ศวัสลุกเดินออกไป
“หมอศวัสนี่ใจดีนะคะ”
“เขาเลี้ยงกันมาตั้งแต่เด็กๆ พอกัลยาเสีย...ก็ได้เยาวภานี่แหละที่ทำหน้าที่แทน”
พุธกันยายกมือขึ้นปิดหน้าสะอึกสะอื้นโหยหวน ฟังดูเหมือนเสียงลมหวีดหวิววังเวง
บุรีชะงัก “เสียงอะไร”
ขวัญอนงค์นิ่งฟังเช่นกัน “เสียงลมน่ะค่ะ หรือว่าฝนจะตก”
พุธกันยาโกรธ กรีดเสียงร้องโหยหวน “เสียงฉัน ไม่ใช่ลม ได้ยินมั้ยว่าเสียงฉัน”
ภายนอก ลมพัดหวีดหวิว ฟังดูน่ากลัว รวมทั้งเสียงโหยหวนนั้นด้วย
จู่ๆ ท้องฟ้าเบื้องบนเป็นสีแดงจัด บรรยากาศยิ่งน่ากลัว
ศวัสเดินมาหน้าห้องเคาะประตู ส่งเสียงเรียกแข่งกับเสียงลมพายุภายนอก
“น้าภาครับ น้าภา”
ประตูเปิดออก เยาวภาเปลี่ยนเสื้อผ้าปกติแล้ว และยืนอยู่ในความมืดสลัว ไฟในห้องปิด มีแต่ไฟจากระเบียงที่ไม่จ้านัก
“น้าภาเป็นอะไรหรือเปล่า” ศวัสถามเสียงอ่อนโยน
“ปวดศีรษะนิดหน่อยค่ะ น้าภาทานยาแล้ว...เดี๋ยวก็คงหาย...คุณศวัสไม่ต้องเป็นห่วง”
ศวัสพยักหน้ารับรู้ “แต่ถ้าเป็นอะไรมาก ต้องเรียกผมนะครับ”
เยาวภาตื้นตัน “พ่อคุณ คงมีคุณศวัสคนเดียวที่เป็นห่วงน้าภา ไปนอนเถอะค่ะ น้าภาไม่ได้เป็นอะไรจริงๆ”
“ครับ”
ศวัสเดินออกไป เยาวภาปิดประตูห้องลง
บนท้องถนนค่ำคืนนี้ รถราไม่ติดนักด้วยเป็นเวลาดึกพอสมควร บุรีขับรถมาส่งขวัญอนงค์ ที่ชวนคุยมาตลอดทาง
“แปลกจังนะคะ พอออกจากบ้านพี่บุรี ก็ไม่มีวี่แววของลมพายุเลย”
“ก็คงคล้ายๆกับฝนตกไม่ทั่วฟ้านั่นแหละครับ”
รถมาจอดติดไฟแดง มีเด็กชายวัย 7-8 ขวบเดินมาขายพวงมาลัย บุรีกดกระจกลง
“เอามา 3 พวง”
ขณะบุรีหยิบเงิน พอเด็กมองเข้าไปในรถต้องสะดุ้งเฮือก แหกปากร้องลั่น
“ผีหลอก”
เด็กวิ่งหนีไปทันที ขณะที่บุรีและขวัญอนงค์มองตามงงๆ
ตรงเบาะหลังเวลานี้ พุธกันยานั่งหน้าเขียวคล้ำด้วยความโกรธ แสงจากไฟภายนอกส่องผ่านเข้ามาภายในรถก่อให้เกิดแสงเงาน่ากลัว
“เลยไม่ขายพวงมาลัยเลย”
“ท่าทางแกคงจะกลัวจริงๆ นะคะ”
บุรีหันไปมองเบาะหลัง ขวัญอนงค์ค่อยๆ เหลียวไปมองตาม พอพบว่าเบาะหลังว่างเปล่าเป็นปกติ
ขวัญอนงค์ลอบผ่อนลมหายใจโล่ง
ไฟเปลี่ยนเป็นสีเขียว บุรีขับรถไป พุธกันยายังคงนิ่งขึงอยู่ในอิริยาบถเดิมทางเบาะหลัง
บรรยากาศภายนอกหอพัก ค่อนข้างเงียบ มีผู้คนไม่คึกคักเหมือนตอนหัวค่ำ
ในห้องหอมน้ำ สองสาวแต่งชุดนอนทั้งคู่ เขนฟังเรื่องอธิปจากปากเพื่อน ถึงกับยกมือทาบอก อุทานลั่น
“แม่จ้าว ไอ้เราเรอะนึกว่าเป็นสุภาพบุรุษ ที่แท้ก็พวกนักฉวยโอกาสดีดีๆ นี่เอง”
“หอมกลัวแทบตาย ดีที่คุณหมอฟันทันตแพทย์เข้ามาช่วย”
“ต่อไปนี้หอมต้องระวังตัวนะ อย่ายอมอยู่ตามลำพังกับมัน” สาวอวบหน้าหวานหาว “เขนไปนอนละ”
“จ้ะ ขอบใจที่มาอยู่เป็นเพื่อน”
เขนลุกเดินไปที่ประตู โดยมีหอมตามไปด้วย
“กู๊ดไนท์”
หอมน้ำพยักหน้ายิ้มส่ง พลางเปิดประตูให้เขนออกไป แล้วปิดล็อกประตูใส่กลอนหันกลับมาปิดไฟ ก่อนจะเดินมาขึ้นเตียงเตรียมนอน
หอมน้ำสวดมนต์ไหว้พระ แล้วล้มตัวลงนอน แล้วยื่นมืดไปปิดไฟโคมหัวเตียง ทั้งห้องมืดสลัว
หอมน้ำดึงผ้าห่มถึงคอแล้วหลับตาลง ขณะเคลิ้มคล้อยใก้จะหลับแล้ว จู่ๆ มีเสียงเหมือนสะอื้นเบาๆ ดังขึ้น
หอมน้ำงัวเงียลืมตาดู แล้วร้องลั่น มีไอเย็นลอยออกมาจากปากจมูก
“ใครน่ะ”
ใครคนหนึ่งนั่งหันหลังให้อยู่ที่ปลายเตียง ท่าทางเหมือนคนกำลังร้องไห้
หอมน้ำลุกนั่ง เริ่มจำได้ “คุณพุธ โอ๊ย หัวใจจะวายตาย”
พุธกันยายังคงหันหลังให้ และร้องไห้ด้วยความร้าวรานใจ
หอมน้ำมีสีหน้า และสุ้มเสียงอ่อนลงด้วยความสงสาร “คุณพุธร้องไห้ทำไมหรือคะ”
“คุณบุรี คุณบุรีไม่รักฉันแล้ว เพราะนังขวัญคนเดียว” พูดเท่านี้ก็สะอึกสะอื้นขึ้นมาอีก “มันทำเป็นเจ้าของบ้าน เป็นเจ้าของลูกฉัน มันเรียกผัวฉันว่าพี่บุรี”
หอมน้ำทอดถอนใจ ทั้งสงสารและอ่อนใจ
พุธกันยารับรู้หันขวับมาทันที ใบหน้าที่เคยสวยงาม เขียวคล้ำน่ากลัวจนหอมน้ำสะดุ้ง แม้จะค่อนข้างคุ้นเคยอยู่แล้ว
“หยุด ไม่ต้องมาพูดสั่งสอนให้ฉันไปที่ชอบๆ เพราะที่ชอบของฉันอยู่ที่บ้านนั้น บ้านที่มีบุรี มีลูกศวัสที่เป็นทั้งแก้วตาดวงใจของฉัน”
หอมน้ำก้มหน้าลงมองปลายนิ้วตัวเอง น้ำตารื้นด้วยความเวทนาสงสารในคำรำพันนั้น
“คุณบุรีเป็นคนอ้อนวอนไม่ให้ฉันไปจากเขา จากลูก แต่แล้วเขากลับเป็นคนที่จะไปจากฉัน ตลอดเวลา 20 กว่าปีที่ผ่านมามันนานพอที่จะทำให้เขาลืมฉันได้ลงคอเชียวหรือ” พุธกันยาพิลาปรำพันออกมา
“ก็...คุณลุงท่านไม่ทราบนี่คะว่าคุณยังวนเวียนอยู่ในบ้าน ยังไม่ได้ไปไหน”
พุธกันยานิ่งไป สีหน้าแววตาคล้ายครุ่นคิด
“คุณพุธคะ”
“นอกจากเธอแล้ว ยังมีคนเห็นฉันอีก”
“ใครคะ”
“เด็ก เด็กที่ยังไร้เดียงสา จิตใจพวกเขายังสะอาดบริสุทธิ์ ไม่มีเรื่องราวมากมายมาบดบัง เขาถึงมองเห็นฉันได้”
พูดเท่านั้นร่างพุธกันยาค่อยๆ เลือนหายไป
“อ้าว! ไปซะแล้ว”
หอมน้ำค่อยๆ เอนกายลงนอน ใบหน้าสวยในแสงสลัว มีน้ำตาคลอไหลรินรดแก้มนวล
“ที่ใดมีรัก ที่นั่นมีทุกข์จริงๆ”
หอมน้ำพึมพำ พร้อมกับทอดถอนใจยาว ก่อนจะหลับผล็อยไปในที่สุด
อ่านต่อหน้า 2
ใยกัลยา ตอนที่ 6 (ต่อ)
ยามเช้าวันนี้อากาศแจ่มใสนัก บริเวณหน้าคอนโดหอพักเริ่มมีชีวิตชีวา
หอมน้ำและสินีนุชเดินออกมา ทั้งสองหยุดยืนสูดลมหายใจยาว
“อากาศดีจัง”
เขนชะงัก สะกิดหอมน้ำบุ้ยใบ้ให้ดู หอมน้ำมองตาม
สองสาวเห็นโกศลยืนอยู่ข้างรถสปอร์ตคันหรูด้วยท่าทางภาคภูมิใจ แล้วจึงเปิดประตู พร้อมกับโค้งผายมือเหมือนเชื้อเชิญให้หอมมาขึ้นรถ
“มันเป็นอะไรของมัน” เขนนิ่วหน้า
“ไปถามซิ”
เขนเดินนำมา ปรายตามองที่รถแวบหนึ่ง “รถใหม่เหรอ”
โกศลยืนเก๊กพยักพเยิดอย่างภาคภูมิ “อือฮึ แม่เพิ่งซื้อให้เนื่องในโอกาสที่สอบเทอมที่แล้วได้คาบเส้น เฉียดฉิวจะตกมิตกแหล่ แต่ก็ไม่ตก”
เขนลูบคาง ท่าทีไม่เชื่อนัก “สอบเทอมที่แล้ว ทำไมเพิ่งมาให้เทอมนี้”
“พ่อพยายามขัดขวาง แต่ในที่สุดก็ต้องแพ้แม่ บอกแล้วว่ายังไงผู้ชายก็ต้องแพ้ผู้หญิงวันยังค่ำ เชิญหอมขึ้นรถครับ...โกจะพาไปส่ง”
“แล้วเขนล่ะ จะให้นั่งตรงไหน” สาวอวบทักท้วง
“แหม จะให้นั่งเกาะท้ายรถไปก็กลัวรถบุบ นั่งแท็กซี่ตามไปละกันโกจะออกตังค์ให้”
“ไม่ได้หรอกโก เขนกับหอมไปไหนต้องไปด้วยกัน” หอมน้ำบอก
“แล้วเอาไงดีล่ะ”
ท่าทางโกศลมืดแปดด้านจริงๆ เพราะรถสปอร์ตของตนนั่งได้แค่สองคน
รถสปอร์ตโกศลแล่นมาตามถนนซึ่งโล่งด้วยเป็นเวลาค่อนข้างเช้า เขนเป็นคนขับ มีหอมน้ำนั่งคู่ ชำเลืองมองเขนซึ่งรูปร่างอวบอิ่มเหมือนปลากระป๋องถูกอัดแน่นในรถสปอร์ตหรู
“อึดอัดมั้ยเขน”
“คับที่อยู่ได้ คับใจอยู่ยาก เกิดมาชาตินึงได้ขับรถสปอร์ตก็ปลื้มจนตัวเบาแล้ว ฮิๆ สมน้ำหน้าไอ้โก ซ่าดีนัก”
หอมน้ำหัวเราะคิกคัก เขนหัวเราะตามจนลืมมองทาง รถแล่นฉิวอย่างเร็วจนใกล้จะชนรถข้างหน้า
หอมน้ำร้องลั่น “เขน ระวัง”
เขนหักรถหลบได้อย่างหงุดหงิด
โกศลที่นั่งแท็กซี่ตามมามองลุ้นภาพเบื้องหน้า พร้อมกับทรุดลงไปนั่งที่เบาะปิดหน้าร้องลั่น
“โอ๊ย”
แท็กซี่ก็ตกใจไม่ต่างกัน “เฮ้ย”
โกศลยังคงปิดตาทำสุ้มเสียงจะร้องไห้เสียให้ได้
“เละมั้ยพี่”
แท็กซี่บอก “หวิดไป”
โกศลค่อยๆ เอามือออกจากหน้า ขณะที่เลื่อนตัวขึ้นมานั่งบนเบาะตามเดิมท่าทีโล่งใจสุดๆ “เฮ้อ...”
แท็กซี่ถาม “เกี่ยวอะไรกับเขาด้วย”
“นั่นรถผมครับ”
แท็กซี่มองทางกระจกอย่างดูหมิ่น “รถตัวเองแล้วให้คนอื่นขับ ตัวเองมานั่งแท็กซี่ บ้ารึเปล่า”
โกศลยิ้มแห้งๆ
เขนขับมาจอดหน้าบ้านศวัส มาดอย่างเปรี้ยวที่สุด ตบพวงมาลัยโครม
“เจ๋งว่ะ ไม่อยากลงเลย”
หอมน้ำหันไปมองข้างหลัง “โกยังมาไม่ถึงเลย”
ระหว่างนี้กนกรัตน์ถือกล้องรีบเดินตรงมาเตรียมขอถ่ายรูปทันที
“แต่ป้าหนกมาแล้ว”
สองสาวเปิดประตูลงไป
กนกรัตน์ตื่นเต้น และแปลกใจสุดๆ “อ้าว หนูหอม หนูแขน”
“แขน ก็แขน” เขนเซ็งเรียกป้าเอาคืน “รถสวยมั้ยคะป้า เอ๊ย พี่หนก”
“เริดค่ะเริด เห็นแล้วฟินฝุดๆ รถหนูเขนหรือคะ”
เขนยิ้มๆ ขณะหอมน้ำพยักหน้าไปตรงทางเลี้ยว ซึ่งมีแท็กซี่แล่นตรงมา
“เจ้าของมาแล้วค่ะ”
แท็กซี่แล่นมาจอด โกศลรีบลงมาและเข้ามาลูบคลำหาริ้วร้อยด้วยความเป็นห่วงสุดๆ
“ลูกพ่อ! ไม่เป็นอะไรนะลูกนะ”
“เวรกรรม มีลูกเป็นรถ” กนกรัตน์ว่า
ประตูรั้วใหญ่เปิดออกพอดี ทั้งหมดหันไปมอง
ศวัสเดินตรงมาด้วยสีหน้าเคร่งขรึม
“หลบไปหน่อยได้ไหม จะเอารถออก”
“ครับ”
โกศลเหวอเล็กๆ รับกุญแจจากเขนแล้วขึ้นรถ ขณะที่คนอื่นๆ ถอยไปเงียบๆ ติดแผงต้นไม้บ้านกนกรัตน์
ศวัสเดินกลับเข้าไป หอมน้ำนึกบางอย่างได้ตัดสินใจวิ่งตาม
“คุณหมอคะ”
ศวัสเดินมาถึงรถ ขณะที่หอมน้ำวิ่งตามพลางร้องเรียก
“คุณหมอขา”
ศวัสชะงักกึกนิ่วหน้าไม่ได้หันมามอง ด้วยอารามรีบ หอมน้ำเลยสะดุดเท้าตัวเอง หน้าคะมำหกล้มลงโครม
“โอ๊ย”
ศวัสหันมามอง ทำหน้าเหนื่อยใจ “อ้าว”
หอมน้ำนิ่วหน้าเพราะความเจ็บ ซูดปาก “อูย...”
เขน และกนกรัตน์ ที่ตามมาเผลอหัวเราะ ส่วนโกศลตกใจเห็นหอมน้ำล้ม รีบถลาเข้าไป
“หอม”
กนกรัตน์ยื่นเท้ามาขัดขาโก ทำหน้าตาเฉยทำไม่รู้ไม่ชี้ แถมไม่ได้มองโกศล
โกศลถลาหกล้ม “โอ๊ย”
หอมน้ำกะ ศวัส หันมามอง เขนส่ายหัว กนกรัตน์ลอบขำคิกคัก
“โธ่เอ๊ย ไอ้โก”
หอมน้ำตะโกนถามทั้งๆ ที่นางยังอยู่ในท่าล้ม
“โก...”
โกศลอยู่ในท่าล้มเหมือนกัน “หอม”
ศวัสเดินมาที่หอมน้ำ “ลุกไหวมั้ย”
หอมน้ำเกรงใจ “ไหวค่ะ”
ทางด้านโกศล ได้เขนดึงลุกขึ้น
“โอ๊ย! เบาหน่อย” โกศลตกใจร้องลั่น “เฮ้ย”
เพราะเห็นศวัสกำลังช้อนตัวหอมน้ำอุ้มขึ้นมา เขนเองก็เบิกตากว้าง ขณะที่กนกรัตน์ฟินฝุดๆ อยากจะจิกหมอน
“โอ๊ย ฟินอ่ะ ฟินเว่อร์”
ศวัสอุ้มหอมน้ำเดินเข้าตัวบ้าน โกศลรีบผวาตาม แต่แล้วก็จะล้มอีกด้วยขาแพลง
“โอ๊ย”
เขนส่ายหน้า “จะไปไหน...ไอ้โก! ยืนยังแทบจะไม่อยู่เล้ย”
“เขน! ตามไป” โกศลสั่ง
เขนทำบื้อ “ตามใคร”
“ตามหอม! ไม่เห็นเรอะว่า ไอ้บ้านั่นมันอุ้มหอมเข้าบ้านไปแล้ว”
กนกรัตน์เบิ๊ดกะโหลกโกศลดังโป๊ก
“เขาเป็นหมอ ไม่ใช่ไอ้บ้า แล้วเขาก็อุ้มหนูหอมไปปฐมพยาบาล...โอเค้”
ถัดมา ศวัสกำลังปฐมพยาบาลให้หัวเข่าหอมน้ำอย่างคล่องแคล่ว โดยมีแจ่มคอยส่งเครื่องมือปฐมพยาบาลให้ตามขั้นตอนการทำแผล ครบครัน
หอมน้ำจดสายตามองจ้องศวัสด้วยความตื้นตันใจ
ศวัสเงยหน้ามอง ตาสบตา หอมน้ำหน้าแดงรีบหลบวูบ ขณะที่ศวัสผ่อนมือช้าลงแล้วทำแผลด้วยสีหน้าปกติ
บุรีเดินเข้ามา “อ้าว! นั่นหนูหอมเป็นอะไร”
หอมน้ำเงยหน้ามอง ไหว้บุรี อ้าปากจะตอบแต่ไม่ทันศวัส
“ซุ่มซ่ามครับ! เสร็จแล้ว”
หอมน้ำไหว้ และพูดอุบอิบ “ขอบคุณค่ะ”
แจ่มยกกล่องเครื่องมือปฐมพยาบาลออกไป
“เป็นอะไรมากหรือเปล่า” บุรีถามเสียงนุ่ม
“ไม่ครับ” ศวัสดูนาฬิกาข้อมือ “ผมไปละ เกือบ 8 โมงครึ่งแล้ว” ประโยคท้ายเขาปรายตามองหอมน้ำอย่างตำหนิ และบ่น “เสียเวลา”
หอมน้ำหน้าเสีย ศวัสเดินออกไป
“อย่าไปสนใจไอ้หมอขี้เก๊ก กินอะไรมาหรือยัง”
“เรียบร้อยแล้วค่ะ” หอมน้ำนึกได้ “ตายแล้ว เพื่อนหอมค่ะ เพื่อนหอมก็หกล้มเหมือนกัน”
ส่วนที่ห้องรับแขกบ้านกนกรัตน์ตอนนี้ เขนกำลังเทยาราดลงบนแผลโกศลด้วยความหมั่นไส้ที่ใจเสาะ
โกศลแหกปากร้องลั่น “โอ๊ย!”
เขนปิดแผลอย่างหนักมือ “หกล้มแค่เนี้ย ร้องซะยังกับเหยียบระเบิด”
“ลองล้มดูมั่งมั้ยล่ะ” โกศลฉุนเลยย้อน
“ฉันไม่ซุ่มซ่ามเหมือนแกนี่”
กนกรัตน์ยังฟินอยู่ไม่หาย “โอ๊ย! อยากจิกหมอน”
ทุกคนหันมามองกนกรัตน์
“อยากให้หมอศวัสเล่นละครคู่กับหนูหอมจุงเบย!”
วันทนาเอือมระอาเหลือแสน ทำตาเหลือกมองเพดาน ขณะที่เขน และโกศลเหวอ
“เหมาะสมกันฝุดๆ จิ้นยิ่งกว่าจิ้น” ติ่งสูงวัยเพ้อต่อ
เขนสะกิดโกศลให้เดินตามออกไป
“คุณหนก...คุณหนกคะ”
กนกรัตน์ไม่ใส่ใจเสียงเรียก หันมามองสาวใช้คู่ปรับสีหน้าตื่นเต้น
“ฉันจะไปเสนอไอเดียสร้างคู่จิ้นคู่ใหม่ให้คุณเจค”
วันทนาถอนใจ
กนกรัตน์ยกมือห้าม “อย่า! อย่าได้ห้ามฉันเด็ดขาด”
“อ๋อ! ไม่หรอกค่ะ”
วันทนาลุกเดินออกไป ขณะที่กนกรัตน์ยังคงเพ้อมีความสุขอยู่ในโลกส่วนตัวประสาติ่ง
ศวัสยืนท้าวสะเอวอยู่ตรงประตูรั้วหน้าบ้าน มองซ้ายมองขวาหาโกศลเพื่อเลื่อนรถให้พ้นประตูด้วยความหงุดหงิด เมื่อมองไม่เห็นใคร จนโกศล กับเขนเดินตรงมาพอดี
ศวัสบอกเสียงเขียว “เลื่อนรถให้หน่อย”
“ครับ”
ศวัสตำหนิ “ทีหน้าทีหลังอย่าจอดรถขวางประตูบ้านคนอื่น...เข้าใจไหม”
โกศลได้แต่ตอบรับ “เข้าใจครับ”
ศวัสพยักหน้า เดินกลับไปที่รถ
โกศลขึ้นรถ ขับถอยให้พ้นจากประตูบ้าน ศวัสขับรถออกมาแล้วเลยไป เขนเดินมาที่โกศล ซึ่งลงมาจากรถด้วยสีหน้าท่าทางฉุนสุดๆ
“ใครเฮอะ! กวนขั้นเทพเลย”
“เขาเป็นลูกชายเจ้าของบ้าน...เป็นหมอฟันทันตแพทย์” เขนว่า
โกศลหมั่นไส้ เหยียดปากทำหน้าดูถูก “เป็นหมอฟัน”
“เออ” เขนรำคาญกระแทกเสียงใส่
“เฮ่อ! กะอีแค่หมอฟัน...โกก็เป็นได้”
เขนดักคอ “แต่ไม่อยากเป็น”
“ถ้าสอบติด! เผอิญมันสอบไม่ติด”
เขนส่ายหน้า
ที่ห้องแต่งตัวภายในบ้าน ลูกนัท หอมน้ำ และธันวา ต่างนั่งทำผมแต่งหน้ากันอยู่ โดยอุมาแต่งให้ลูกนัท ส่วนหอมน้ำนั่งให้ช่างแต่งหน้าอยู่มุมห้องอย่างสงบเสงี่ยมเจียมเนื้อเจียมตัว
ประตูเปิดออก อธิป และเพลินพิศ เดินเข้ามา อธิปมองไปที่หอมน้ำโดยส่งสายตาเจ้าชู้ให้ทันที หอมน้ำรีบหลบตาลงด้วยความ กระอักกระอ่วน และอึดอัด
อธิปยิ้มอย่างมาดหมายด้วยเข้าใจผิดว่าหอมน้ำเอียงอาย แล้วเดินดุ่มเข้าไปใกล้ส่งอมยิ้มซึ่งใส่กระเป๋าเสื้อมายื่นให้
ทุกคนพากันกระแอมกระไอ ล้อเลียน เพลินพิศเบะปากเหยียด
ทับทิม ซึ่งกำลังดูเสื้อผ้าอยู่ หันมามองสบตาหอมน้ำแวบหนึ่ง
“อมยิ้มสำหรับน้องหอมน้ำค่ะ” อธิปว่า
เพลินพิศท้าวสะเอวมองหอมน้ำ เบ่งใส่ “เอ้า รีบรับๆ แล้วไปนั่งโน่น ฉันจะแต่งหน้า”
อธิปท้วง “น้องหอมยังแต่งไม่เสร็จ”
“รู้ ฉันมีตาย่ะ แต่ฉันคือเพลินพิศ”
ธันวาย้อน “เพลินพิศแล้วไง”
“เพลินพิศเป็นดาราดังไง ส่วนหอมน้ำเพิ่งจะถูกขุดขึ้นมาปั้น จะดังหรือดับก็ยังไม่รู้” เพลินพิศว่า
ลูกนัทปราม สีหน้ารำคาญปนเอือม “อย่ารังแกเด็กใหม่น่าเพลิน”
หอมน้ำไม่อยากให้มีปัญหา รีบขอตัวช่างลุกขึ้น “ไม่เป็นไรค่ะ หอมแต่งทีหลังก็ได้”
หอมน้ำเดินออกไป เพลินพิศลงนั่งแทนอย่างภาคภูมิใจ
อธิปมองตามหอมน้ำแวบหนึ่ง แล้วบอกว่า “ผมว่าดัง...”
เพลินพอศมองตาเขียว “ไอ้ไก่”
ทับทิมเอ่ยขึ้น “พี่ทับก็ว่าดังค่ะ”
ธันวายกมือขึ้น “เห็นด้วย” แล้วหันไปทำตาหวานกับลูกนัท “ลูกนัทละครับ”
ลูกนัทตอบทีเล่นทีจริง “ดังได้ แต่ไม่เท่าลูกนัท”
“อู๊ย...ไม่มีใครดังกว่าน้องลูกนัทแล้วละค่ะ” เพลินพิศประชดในที
ลูกนัทยิ้มภาคภูมิ ขณะเพลินพิศตวัดสายตาหมั่นไส้
หอมน้ำเดินลัดเลาะจะออกไปนอกบ้านด้วยน้ำตาเกือบจะหยด แล้วต้องสะดุ้ง เบรคสุดตัว เมื่อพุธกันยาปรากฏขึ้นตรงหน้า
“คุณพุธ”
“คนที่เข้มแข็งเท่านั้นถึงจะมีชีวิตรอด ไม่ว่าจะเป็นวงการนี้หรือวงการไหน”
หอมน้ำน้ำตาไหลออกมาทันที
“ยิ่งเห็นเธอยอม เขาก็ยิ่งได้ใจ...ข่มได้ข่มเอา”
“ก็มันจริงของเขานี่คะ คุณเพลินพิศเขาเป็นดาราใหญ่ ส่วนหอมเป็นเด็กต๊อกต๋อย”
“แต่เธอมาก่อน แล้วก็ช่างกำลังแต่งหน้าให้เธอ...เขาไม่มีสิทธิ์” พุธกันยาแย้ง
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ”
หอมน้ำเดินเลี่ยงไป
“จะไปไหน”
“ไปหาเขนค่ะ”
หอมน้ำตอบโดยไม่หันมามอง แล้วเดินไปต่อ พุธกันยามองตามใช้ความคิด
ตรงถนนริมรั้วหน้าบ้านศวัส มีบรรดาแฟนคลับต่างมาชะเง้อชะแง้มองเข้าไปในบ้าน
หอมน้ำค่อยๆ หลบหลังรถที่จอดอยู่ เดินไปยังรถโกศลที่จอดอยู่ห่างออกไป ประตูรถเปิดออกทันที หอมน้ำมองเข้าไป
“อ้าว เขนละ”
“เข้าไปข้างใน หอมร้องไห้ทำไม ใครรังแกบอกมา เดี๋ยวโกจะไปจัดการให้” โกศลก้าวลงจากรถ
“เปล่า” หอมน้ำน้ำตาปริ่มอีก
“เข้าไปนั่งในรถก่อนดีมั้ย”
หอมน้ำพยักหน้า และขึ้นไปนั่งในรถ โกศลตามเข้าไป หยิบทิชชู่ส่งให้
“ขอบใจ” หอมน้ำเช็ดน้ำตา เห็นโกศลสตาร์ทรถก็ตกใจ “จะไปไหน”
“ไปที่ไหนก็ได้ที่หอมสบายใจ”
“แต่หอมยังทำงานไม่เสร็จ”
“ไม่ต้องไปสนมัน”
“ไม่ได้” หอมน้ำเสียงแข็ง
“มันอยากรังแกกลั่นแกล้งหอม หอมต้องสั่งสอนให้พวกมันสำนึกบ้าง”
“โก! หอมจะกลับไปทำงาน”
โกศลไม่ฟัง ขับต่อไปเรื่อยๆ
ภายในห้องแต่งตัว ทุกคนแต่งหน้าทำผมไปเม้าท์มอยกันไป ประตูเปิดออก เขนเดินเข้ามาและกวาดตามอง
“หอมล่ะคะพี่ทับ”
“อ้าว ไม่ได้ไปหาเขนหรอกเหรอ”
“เปล่านี่คะ! เขนไปช่วยพี่โค้ก”
ลูกนัท “ไปแอบร้องไห้ที่ไหนหรือเปล่า”
เขนชะงัก “ทำไมหรือคะ ทำไมหอมต้องไปแอบร้องไห้”
เพลินพิศยิ้มเยาะ “สมน้ำหน้า”
ทุกคนมองเพลินพิศเป็นตาเดียวกัน
เพลินพิศยักไหล่ “ฉันไม่ได้ทำอะไรนะจ๊ะ”
แขนเดินออกมา ชะเง้อมองหารถโกศล
“ไอ้โกหายไปไหน”
เขนหยิบมือถือขึ้นมาโทร. ภายในรถโทรศัพท์โกศลดังขึ้น สองคนเหลือบมอง
หอมน้ำรีบหยิบมารับ “เขน”
“หอม นั่นหอมอยู่กับไอ้โกเหรอ”
“ฮือ หอมบอกให้กลับ...มันก็ไม่ยอมกลับ”
เสียงเขนดังออกมาว่า “ส่งโทรศัพท์ให้มัน เขนพูดเอง”
หอมน้ำส่งโทรศัพท์ให้โกศล “เขนจะพูดด้วย”
“ไม่พูด หอมบอกเขนไปเลยว่า โกจะไม่ยอมให้หอมถูกกลั่นแกล้งอีก! โกจะปกป้องหอม”
“ฟังนะโก ถ้าโกไม่ยอมกลับไป...เราก็เลิกเป็นเพื่อนกัน”
โกศลยิ้มแฉ่ง “เลิกเป็นเพื่อนแล้วเปลี่ยนเป็นแฟนใช่หรือเปล่า”
หอมน้ำส่ายหน้า บอกจริงจัง “เลิกเป็นเพื่อนคือเลิกคบกันไปเลย”
โกศลจ๋อยสนิท
เขนยืนชะเง้ออยู่บริเวณหน้าบ้านอย่างกังวล พักหนึ่ง รถโกศลเลี้ยวหัวมุมตรงเข้ามา เขนถอนใจเฮือกอย่างโล่งใจ รถแล่นมาจอด สองคนก้าวลงมา
โดยมีใครคนหนึ่ง กดหลายๆ ซ็อต ลอบถ่ายรูปไว้
เป็นกะเทยเผือก ลิซซี่ ซึ่งอยู่ภายในรถติดฟิลม์ดำวางกล้องลงด้วยสีหน้าสะใจ
“ไปได้ น้าดำ”
คนรถขับออกไปจากที่นั่นทันที เขนผลักหัวโกศลจนหน้าหงาย
“ไอ้บ้าโก ขืนทำบ้าๆแบบนี้อีก...อย่าหาว่าฉันไม่เตือน”
เขนดึงแขนหอมน้ำเข้าไปข้างในทันที
ออฟฟิศชิดขอบบันเทิง วันนี้ดูคึกคักวุ่นวายได้ที่ กองบรรณาธิการทำงานง่วนอยู่
ภายในห้องทำงาน วดีดูภาพในกล้องลิซซี่อย่างชอบอกชอบใจ
“ดีมาก ลิซซี่ นังเด็กนี้ต้องฉาวโฉ่ตั้งแต่หนังยังไม่ฉาย แกไปเขียนใส่ไข่ป้ายสีให้มันเหลวแหลกเละเทะเลยนะ”
“อู๊ย...ไม่ต้องห่วงเลยค่ะ เรื่องใส่ร้ายป้ายสีเนี่ย ลิซซี่จะเป็นรองก็แต่คุณวดีเท่านั้นแหละค่ะ” กะเทยนักข่าวหัวเราะคิกคัก “หนูน่ะจิ๊บๆ แค่ลูกศิษย์คุณวดี”
วดีซึ่งมีสีหน้ายิ้มแย้มค่อยๆ เปลี่ยนเป็นบึ้งตึง ลิซซี่หน้าเจื่อนจ๋อยลง
“หนูว่า หนูไป ทำงานต่อดีกว่าค่ะ”
ลิซซี่ย่อตัวลงไหว้แล้วเดินออกไปอย่างรวดเร็ว
“นังลิซซี่บ้า”
ค่ำลง กองถ่ายหมดคิวของหอมน้ำสักระยะหนึ่งแล้ว หอมน้ำเดินออกมาจากห้องแต่งตัว หลังจากล้างเครื่องสำอางออกหมด
เขนน้ำวิ่งตาม “คุณพุธคะ”
หอมน้ำที่ถูกพุธกันยาสิงหยุด เขนรีบเดินแกมวิ่งมาหยุดตรงหน้าพลางหอบเหนื่อย
“เธอควรจะลดความอ้วนได้แล้วนะ” พุธกันยาบอก
“คุณออกจากร่างหอมได้แล้วค่ะ วันนี้หอมหมดตัวแล้ว”
“ลูกฉันกำลังกลับมา ขอเวลาให้ฉันได้พูดคุยกับเขาสักนิด”
“แต่ว่า”
“ได้โปรด...”
เขนถอนใจ และยกมือขึ้นเกาหัว หอมน้ำเดินต่อไป มีสายตาของเขนมองตามอย่ากลัดกลุ้ม
บริเวณหน้ารั้วบ้านศวัสด้านนอกตอนค่ำ ศวัสจอดรถแอบข้างทางและเปิดประตูก้าวลงมามองรถที่จอดยาวตลอดแนวอย่างหงุดหงิด
“อะไรกันนักหนา! จนป่านนี้ยังไม่กลับอีก”
เสียงเอิงดังขึ้น “คุณหมอขา”
ศวัสถอนใจเฮือก ทำสีหน้าเข็มสุดๆ ขณะที่หันกลับไป
เอิงเดินแกมวิ่งถลาเข้ามาตั้งใจจะโผกอดศวัสโดยวดีรีบตามมา ศวัสรีบเปิดประตูรถขวางไว้ทันที เอิงชนโครม
“โอ๊ย”
ศวัสทั้งตกใจและโล่งใจผสมกัน
“น้องเอิง เจ็บมั้ยลูก” วดีตกใจ
“ป้าวดีลองดูมั้ยล่ะคะ”
“ฮื้อ!.. เราละก็” วดีหันมาทักศวัส “คุณหมอเพิ่งกลับหรือคะ”
“ครับ” ศวัสขยับจะยกมือไหว้
เสียงหนึ่งดังขึ้นอย่างเย็นชา “ไม่ต้องไหว้”
ทุกคนหยุดชะงัก หันไปตามเสียง พบว่าเจคเดินออกมาจากเงามืด
วดีแปลกใจและตกใจ “เจค”
“คุณมาที่นี่ทำไม”
วดีตั้งสติได้ “ก็มาดูถ่ายหนังไง วดีจะโปรโมทให้ไม่ดีหรือคะ” เจ้าแม่บันเทิงว่า
เจคเสียงขุ่น “ผมไม่ต้องการ”
เอิงฉุน “เอ๊ะ นี่คุณวดี รักษ์ปัญญา เจ้าของหนังสือ “ชิดขอบบันเทิง” นะคะ กล้าพูดอย่างนั้นได้ไง”
เจคบอกน้ำเสียงเยาะ “นั่นมันชื่อใหม่...ชื่อเก่าเธอคือ สุรี ช้อยนิ่ม”
เอิงตกใจ “ป้าวดี”
“กลับไปที่รถก่อน” วดีบอกหลานเสียงเข้ม
“ผู้หญิงคนนี้แหละที่ทำให้…”
เจคหันไปบอกศวัส แต่ไม่ทันพูดจบ วดีสวนคำออกมา “เจค! นี่เกิดบ้าอะไรขึ้นมา”
“ผมไม่ชอบวิธีการทำงานของคุณ”
วดีโกรธสุดขีดสั่งหลาน “เอิง! กลับ”
“แต่เราเพิ่งมาถึง” เอิงอิดออด
“มานี่”
วดีกึ่งลากกึ่งจูงเอิงออกไป โดยที่เอิงเอะอะโวยวายตลอด ศวัสมองตามแล้วหันกลับมามองเจค
“ผมนึกว่า ยังถ่ายหนังกันไม่เสร็จ”
“เหลืออีก 2 ฉาก! พอดีอามึนๆ หัวเลยออกมาตากลมข้างนอก ให้โค้กเขากำกับแทน ขอโทษด้วยที่วันนี้ late ไปเกือบ 2 ชั่วโมง”
“ไม่เป็นไรครับ”
สองคนยืนคุยกัน โดยไม่รู้ว่าพุธกันยาในร่างหอมน้ำยืนมองทั้งคู่มาจากเงามืด
วดีขับรถเข้ามาจอดภายในบริเวณที่จอดรถคอนโด จู่ๆ หมา 2-3 ตัวในบริเวณนั้นหอนกันเกรียว
“ใครปล่อยให้หมาเข้ามาน่ะ” เอิงบ่น
วดีรู้สึกเหมือนขนลุกเกรียว เหลียวมองไปโดยรอบ จนเอิงถาม
“อะไรหรือคะ ป้าวดี”
วดีบอก “เปล่า”
“แล้วทำไมป้าทำท่ายังกับเห็นผี”
“เอ๊ะ! แกนี่”
วดีหงุดหงิดเดินไปที่ลิฟท์ เอิงรีบเดินตาม
“รอเอิงด้วยซิป้า เอิงกลัวผี”
วดีรีบเดินอย่างหงุดหงิดเป็นที่สุดๆ
พุธกันยายืนอยู่ข้างรถจดสายตามองตามไป
ไม่นานต่อมา สองป้าหลานเข้ามาภายใน และปิดประตู
“ป้าคะ ป้าว่าที่เมื่อกี้หมาหอนน่ะ...มันเห็น...”
วดีแหวใส่ “พอได้แล้ว ไม่ต้องพูด”
“ป้าว่าแปลกมั้ยคะที่อยู่ดีๆ มีหมาเข้ามาหอน...”
วดีโมโห “เอ๊ะ! ฉันบอกให้หยุด”
เอิงจงใจยั่วต่อ “เอิงรู้แล้วว่าป้ากลัวผี”
“ถ้าแกไม่หยุด ฉันจะไล่ออกไปเดี๋ยวนี้”
“ก็ได้”
เอิงยักไหล่เดินไปห้องของตน วดีมองไปโดยรอบท่าทีหวาดหวั่น
บริเวณบ้านศวัส รถรา และผู้คนกลับไปหมดแล้ว เหลือเพียงแต่รถของเจคซึ่งเข้ามาจอดข้างในไฟโคมที่สนามเปิดสว่าง
ภายในห้องรับแขก ศวัสมองเจคซึ่งนั่งพิงเก้าอี้หลับตานิ่งๆ สีหน้าเหมือนกำลังเจ็บปวดขมขื่น
แจ่มถือถาดกาแฟเข้ามาวางไว้บนโต๊ะอย่างเรียบร้อย ถอยออกไปเงียบๆ
ศวัสเรียกขึ้นท่าทีเกรงใจ “คุณอาครับ”
เจคลืมตาขึ้น
“เดี๋ยวกาแฟจะเย็นหมด”
เจคขยับถ้วยกาแฟขึ้นจิบ “คุณพ่อไม่ได้เล่าเรื่อง วดีให้ฟังเลยหรือ”
ศวัสส่ายหน้า “คุณพ่อไม่เคยพูดถึงเรื่องราวในอดีตของคุณแม่เลยครับ ผมทราบแต่ว่าท่านเคยเป็นนักแสดงเท่านั้น จนกระทั่งวันที่พบกับคุณวดีครั้งแรก ถึงได้ทราบว่าเป็นคนชักนำคุณแม่เข้าวงการ”
เจคจิบกาแฟอีก “ความจริงเรื่องมันผ่านไปนานมากแล้ว และอาก็ไม่อยากจะรื้อฟื้นอะไร แต่พอดีอาเห็นว่าจะเข้ามายุ่มย่ามกับคนที่นี่มากเกินไปทั้งๆ ที่เขาไม่ควรจะมาเหยียบที่นี่อีก”
ศวัสมองสีหน้าและแววตาเป็นประกายกร้าวของเจคอย่างประหลาดใจ
“ผู้หญิงคนนั้นมีส่วนที่ทำให้คุณแม่ของหมอคิดสั้น”
ศวัสชะงัก
“อาไม่ควรรื้อฟื้นขึ้นมา แต่หมอก็ควรจะรู้ เพื่อระวังตัวไว้เหมือนกัน เพราะเท่าที่เห็น หลานสาวของเขาก็ไม่ใช่เล่น”
“คุณวดีมีส่วนทำให้คุณแม่ผมคิดสั้นยังไงหรือครับ”
เจคทอดถอนใจยาว ขณะที่ศวัสมองอย่างรอฟังคำตอบ
ช่วงหัวค่ำ รอบๆ คอนโดหอพักสองสาว ยังคึกคักอยู่
ส่วนภายในห้องหอมน้ำนอนมองเพดานนิ่งๆ ครู่หนึ่ง แล้วพลิกตัวนอนตะแคง แต่ต้องเบิกตากว้าง ร้องลั่น เมื่อเห็นพุธกันยานอนตะแคงหันมาทางตน
พุธกันยานิ่วหน้า “ร้องเสียยังกับฉันเป็นผีเป็นสาง”
หอมน้ำดีดตัวลุกนั่งแล้วยกมือลูบอกเหมือนจะปลอบใจตัวเอง
“ก็ใช่น่ะซีคะ”
พุธกันยาลุกนั่งบ้างอย่างหงุดหงิด “บอกไม่รู้จักจำว่า ฉันเป็นวิญญาณ”
“มันก็เหมือนกันนั่นแหละค่ะ”
“ไม่เหมือน ฉันสาว...ฉันสวย...ไม่ได้ขึ้นอืดหน้าตาเละเทะ”
หอมน้ำลุกขึ้นยืน ขณะที่รีบขัดขึ้น “คุณมีธุระอะไรคะ”
“มะรืนนี้วันเกิดลูกชายฉัน ฉันอยากจะขอสิงเธอเพื่อไปใส่บาตรกับเขาได้ไหม”
“ไม่ได้ค่ะ มะรืนไม่มีถ่ายหนัง หอมต้องการเข้าไปพบอาจารย์...”
“ได้โปรด” หอมน้ำถอนใจ พุธกันยายิ้ม “ขอบใจมากจ้ะ”
หอมน้ำสะดุ้ง “หอมยังไม่ได้รับปากนะคะ”
“ฉันรู้ว่าเธอใจดี”
“แต่มันน่าเกลียดที่อยู่ดีๆ หอมซึ่งไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับคุณหมอฟันทันตแพทย์เลย จะไปทำบุญใส่บาตรด้วย...มันไม่มีข้องอ้างสมควรเลยค่ะ”
“มีสิ! ก็เรา...เธอกับฉันเป็นแม่ของเขาไง”
หอมน้ำสะดุ้งเฮือก
พุธกันยารีบพูดต่อ “นะจ๊ะ หอมน้ำ ได้โปรด”
พุธกันยาจ้องตาหอมน้ำแน่วนิ่ง หอมน้ำเหมือนถูกสะกดไปแล้ว
อ่านต่อหน้า 3
ใยกัลยา ตอนที่ 6 (ต่อ)
ศวัสเอนตัวพิงพนักโซฟาห้องรับแขก หลับตาลงครู่หนึ่งแล้วจึงลืมขึ้น นัยน์ตามีแววความเจ็บปวด
“อาไม่เคยคิดจะเล่าเรื่องนี้ให้ใครฟังเลย อะไรที่ผ่านมาแล้วก็ปล่อยให้มันผ่านเลยไป ทุกคนต่างเริ่มต้นชีวิตใหม่ เวลาจะช่วยบรรเทาความเจ็บปวด” หนุ่มใหญ่เจ้าของบริษัทสร้างศิลป์ ก้มหน้าลงซ่อนความเจ็บปวดไว้
ศวัสพึมพำเบาๆ “ความเจ็บปวดอาจบรรเทาลง แต่ไม่ได้หายไปไหน พอมีอะไรมาสะกิดมันก็จะกลับมาอีก”
เสียงศวัสขาดหายไปแววตาเจ็บปวด ขณะที่ใบหน้าเจคมีน้ำตารื้นขึ้นมา พลางพยักหน้าช้าๆ
ความเงียบเข้าครอบงำห้องนั้นครู่หนึ่ง
เสียงบุรีดังขึ้น “ยังไม่กลับอีกหรือคุณเจค”
ทั้งสองคนสะดุ้ง เหลียวหน้ามามองบุรี ซึ่งกำลังมองเจคอย่างประหลาดใจ
เจคขยับตัวเปลี่ยนท่า ทำน้ำเสียงให้แจ่มใส “กำลังจะกลับพอดีครับ คุยกับหลานชายเพลินไปหน่อย” แล้วลุกขึ้น “อากลับก่อนนะหมอ”
ศวัสลุกตาม “ผมจะไปส่งครับ”
“ขอบใจ” เจคไหว้ลาบุรี “ผมลาละครับ”
บุรีรับไหว้และยิ้มอย่างใจดี มองทั้งสองคนขณะเดินออกไป นัยน์ตามีแววประหลาดใจ
ศวัสและเจคเดินมาที่รถ เจคกดรีโมตประตูรถแล้วหันมา
“หมอเหมือนคุณแม่มาก โดยเฉพาะดวงตา”
ศวัสขยับมุมปากยิ้มนิดๆ
เจคตบต้นแขนศวัสเบาๆ “แล้วพบกัน”
เจคเปิดประตูขึ้นรถ ศวัสกดรีโมต ประตูรั้วเปิดออก เจคขับรถออกไป ศวัสกดรีโมทปิดประตู แล้วยืนอยู่อย่างนั้นครู่หนึ่ง
บุรีจดสายตามองลูกชายด้วยความสงสัยขณะศวัสเดินเข้ามา
“คุยอะไรกับคุณเจคหรือลูก”
“ก็เรื่องทั่วๆ ไปน่ะครับ”
“แปลก ทั้งคุณเจคทั้งแกไม่ใช่คนที่จะสนิทสนมคุยกับใครง่ายๆ แต่นี่อยู่ดีๆ กลับมานั่งคุยกันเอง”
“แล้วคุณพ่อกับคุณอาขวัญล่ะครับ เพิ่งจะสนิทกันช่วงนี้ หรือว่าเคยสนิทกันมานานแล้ว”
เจอคำถามนี้ บุรีนิ่งงันไป
ศวัสเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงนุ่มในท่าทีอ่อนโยน “ถ้าคุณพ่อจะเริ่มต้นชีวิตใหม่”
บุรีขัดขึ้นทันที “ไม่มีวัน พ่อรักแม่”
วิญญาณพุธกันยาปรากฏตัวขึ้น ดวงตามองบุรีด้วยความรักอันเต็มตื้น
“คุณแม่ท่านจากเราไปนานแล้วครับ”
พุธกันยาหันขวับมามองศวัส “ไม่จริง แม่ยังไม่ได้ไปไหน ยังอยู่กับลูก กับคุณพ่อ”
“ผมคิดว่าถึงเวลาแล้วที่คุณพ่อจะมีใครสักคน”
บุรี และพุธกันยาขัดขึ้น พร้อมๆ กัน “ศวัส” ส่วนบุรีว่า “พ่อไม่พร้อมจะมีใครทั้งนั้น”
บุรีเดินขึ้นบันไดไปศวัสมองตาม
พุธกันยาเดินมาตรงหยุดหน้าศวัสรำพัน “ศวัสไม่รักแม่แล้วหรือลูก ถึงได้ยุให้คุณพ่อมีเมียใหม่”
ศวัสส่ายหน้าและเดินขึ้นข้างบนไป พุธกันยาแหงนหน้ามองตาม
ในบรรยากาศวังเวงยามดึก เสียงลมพัดหวีดหวิว ไอหมอกจางๆ กระจายไปทั่ว พร้อมๆ กับตัวนกฮูก และเสียงนกแสก ภายในห้องบุรี มีไอหมอกจางๆ แทรกเข้ามาตามขอบประตูและหน้าต่าง ทำให้รู้สึกถึงความเยือกเย็นที่กระจายเข้ามา
ยินเสียงสะอื้นเหมือนคนที่กำลังเจ็บปวดโศกเศร้าดังแทรกสายลมขึ้นเบาๆ เสียงนั้นดังมาจากภายนอก
บุรีหันหน้าตะแคงไปทางผนังห้อง ใบหน้าบุรี เปลือกตาขยับเหมือนเริ่มรู้สึกตัว มีไอเย็นออกมาทางลมหายใจ
เสียงสะอื้นใกล้เข้ามาเหมือนอยู่ดังมาจากภายในห้อง
บุรีลืมตาขึ้นอย่างงัวเงียพร้อมกับค่อยๆ พลิกตัวหันกลับมาอีกด้าน แล้วต้องสะดุ้งเฮือกและ เบิกตากว้าง ด้วยในสายตาเห็นพุธกันยานั่งกับพื้นก้มหน้าร้องไห้ ค่อยๆ เงยหน้าขึ้น ใบหน้าสวยเศร้าสร้อย ปวดร้าว น้ำตาไหลช้าๆ อย่างน่าสงสาร
“กัลยา”
ใบหน้าพุธกันยาอันเศร้าหมองและเจ็บปวดค่อยๆ เปลี่ยนเป็นเขียวคล้ำเหมือนศพ บุรีร้องลั่นด้วยความตกใจ
ประตูมีเสียงเคาะรัวดังขึ้นพร้อมเสียงศวัส
“คุณพ่อ...คุณพ่อครับ”
บุรีฝัน กำลังกระสับกระส่ายไปมา เหงื่อออกเต็มหน้า ลืมตาตื่นขึ้น
“คุณพ่อครับเป็นอะไรหรือเปล่า” เสียงศวัสดังเข้ามา
บุรีลุกขึ้นนั่งสะบัดหน้าขณะที่เสียงเคาะประตูและเสียงเรียกยังคงดังขึ้น
“ไม่มีอะไร ศวัสไปนอนเถอะลูก”
“คุณพ่อ”
“พ่อไม่ได้เป็นอะไรจริงๆ”
พอเสียงหน้าห้องเงียบไป บุรีลุกจากเตียงแล้วเดินไปเข้าห้องน้ำ
บุรีเปิดก๊อกน้ำเหนืออ่างล้างหน้าหลังจากไฟถูกเปิดสว่างขึ้น ก้มหน้าลงมาและล้างหน้า บุรีเงยหน้าขึ้นและดึงผ้าขนหนูเช็ดหน้า บุรีจ้องมองหน้าตัวเองในกระจก
มีเสียงเหมือนมีใครคนหนึ่งเคลื่อนไหวอยู่ภายนอก บุรีรีบเปิดประตูเดินออกไป
ครู่ต่อมาบุรีเดินออกมากวาดตามองไปโดยรอบ แสงสว่างจากไฟในห้องน้ำลอดออกมา ทำให้เห็นว่าทุกอย่างไม่มีอะไรผิดปกติ
บุรีเอื้อมมือไปปิดไฟในห้องน้ำปิดประตู แล้วเดินมาทรุดตัวลงนั่งบนเตียง เปิดไฟโคมถอนใจยาว
“กัลยา คุณมาหาผมจริงๆ หรือว่าเป็นเพียงแค่ความฝัน”
อากาศยามเช้าภายนอกบ้านแสนสดใส แดดสวยส่องกระทบใบและดอกพุดซ้อนขาวสล้าง ส่วนภายในห้องอาหาร พ่อ ลูก นั่งอยู่ที่โต๊ะอาหาร แจ่มยืนดูแลรับใช้อยู่ห่างๆ
ศวัสยิ้มนิดๆ เมื่อฟังบิดาเล่าจบ “ฝันแน่นอนครับ ถ้าการเวียนว่ายตายเกิดมีจริง คุณแม่คงไปเกิดนานแล้ว”
“นึกแล้วว่าแกต้องพูดอย่างนี้”
ศวัสมองพ่อด้วยแววตาจริงจังขึ้น “ผมยังยืนยันเรื่องที่พูดกับคุณพ่อเมื่อคืนนี้ คุณพ่อควรจะมีใครสักคน”
บุรีบอกเซ็งๆ “ก็พ่อมีแกแล้วไง”
“ผมหมายถึงคนที่จะเป็นเหมือนเพื่อนคู่คิด ร่วมทุกข์ร่วมสุข”
“หมายความว่าแกจะทิ้งพ่อ”
“ผมหมายถึงคนที่จะมาแทนคุณแม่”
บุรีอึ้ง นิ่งงันไป
ศวัสย้ำ “ถึงเวลาแล้วที่คุณพ่อควรจะปล่อยท่านไปเสียที”
บุรีทานอาหารเช้าเงียบๆ เหมือนไม่สนใจจะฟังลูกชายอีกต่อไป
เช้าวันเดียวกัน โค้กเดินเข้ามาในออฟฟิศสร้างศิลป์ สวนกับพิไลที่กำลังจะเดินออกไป
“ป้า ผมเห็นรถคุณเจคจอดอยู่”
“ท่านไม่ได้กลับบ้านนี่ ป้าจะออกไปซื้อปาท่องโก๋มาให้ทานกับกาแฟ คุณโค้กจะรับด้วยไหม”
“ดีเหมือนกัน ขอบคุณครับ”
โค้กเดินเลยเข้าไป
พิไลนึกได้หันมาเรียก “อย่าเพิ่งเข้าไปกวนท่านล่ะ”
โค้กยิ้ม พลางพยักหน้ารับ แล้วเดินเข้าไป
ภายในห้องทำงานเจค โน้ตบุ๊คบนโต๊ะซึ่งเปิดค้างอยู่ มีรูปของพุธซึ่งอยู่ในผมทรงเจ้าหญิงไดอาน่า กำลังยิ้มบางๆ นัยน์ตาแฝงแววเศร้ากำลังมองตรงมา
เจคยิ้มตอบภาพนั้น แล้วคลิกภาพพุธกันยาเปลี่ยนไปเรื่อยๆ จนกระทั่งถึงภาพสุดท้าย
มันเป็นภาพพุธในสภาพนอนไร้วิญญาณหลังกินยาเกินขนาด
เจคขบกรามแน่น น้ำตารินออกมา
เจคคลิกต่อไป เป็นภาพใบหน้าพุธขาวซีด ผมรุ่ยร่ายยุ่งเหยิง ในตาหลับสนิท
เจคมองภาพนั้นนิ่งๆ ครู่หนึ่ง แล้วเอนตัวพิงพนักหลับตาลง สีหน้ายังคงเจ็บปวด
ภาพหอมน้ำในอิริยาบถแปลกๆ ผุดซ้อนเข้ามาในห้วงความคิด
พอภาพนั้นเลือนหาย เจคลืมตาขึ้น นัยน์ตาใคร่ครวญครุ่นคิด
ศวัสเดินตรงมาที่รถพร้อมกับกดรีโมต โดยมีคนสวนรดน้ำต้นไม้อยู่ไกลๆ พอศวัสจะเปิดประตูแต่ต้องชะงัก เมื่อเห็นอมยิ้มแท่งหนึ่งวางเสียบอยู่บริเวณที่ปัดน้ำฝน เป็นอมยิ้มอันค่อนข้างใหญ่ พร้อมกับกระดาษโน้ตสีสันหวานสดใส
ศวัสนิ่วหน้าพร้อมหยิบกระดาษโน้ตสีหวานนั้นมาเปิด
มีตัวหนังสือซึ่งเป็นตัวพิมพ์อยู่ในนั้นความว่า
“อยากให้คุณหมอยิ้มมากๆ โลกจะได้สดใส (ยิ้มแล้วหล่อฝุดๆ)“
ศวัสหันไปมองโดยรอบ แล้วเบือนกลับมามองอมยิ้มหงุดหงิด “หอมน้ำ”
ในใบหน้าอันบึ้งตึงศวัสหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทร.ออกทันที
อีกฟาก โทรศัพท์หอมน้ำบนโต๊ะทานข้าวในห้องพักดังขึ้น หอมน้ำซึ่งกำลังเตรียมตัวจะออกไปข้างนอก เดินมาหยิบขึ้นดู ที่หน้าโทรศัพท์ขึ้นคำว่า “Dentist”
“สวัสดีค่ะคุณหมอฟัน...”
น้ำเสียงศวัสเต็มไปด้วยความขุ่นเคืองดังขึ้นทันทีโดยที่หอมยังพูดไม่จบ
“นึกอะไรขึ้นมาถึงได้ทำบ้าๆ อย่างนี้”
หอมน้ำอ้าปากจะตอบ
ศวัสตวาดต่อทันควัน “ฉันไม่ใช่เพื่อนเล่นของเธอ...จำเอาไว้”
จากนั้นศวัสปิดโทรศัพท์ทันที หอมน้ำยังคงอ้าปากค้าง สีหน้ามึนตึ้บ
สองสาวคุยกันมาในแท็กซี่ที่แล่นมาตามทาง โดยหอมน้ำมีกระเป๋าใบโตมาด้วย ออกอาการซีเรียส
เขนถาม “แกไปทำอะไรให้เฮียเขาหงุดหงิดหรือเปล่า คิดให้ดีๆ”
หอมน้ำส่ายหน้า “เปล่า...แต่ที่จริงคุณหมอฟันทันตแทพย์เขาก็หงุดหงิดหอมทุกเรื่องอยู่แล้วละ” สีหน้าผู้พูดน้อยอกน้อยใจประโยคต่อไป “แค่หอมหายใจเขาก็ยังหงุดหงิดเลย”
“แต่นี่มันต้องมีสาเหตุ ไม่อย่างนั้นเขาจะโทร.มาด่าแต่เช้าทำไม”
หอมน้ำถอนใจเฮือก ทิ้งตัวพิงพนักเซ็งๆ ด้วยไม่รู้เหตุผลจริงๆ
ลุงคนสวนเปิดประตูให้สองสาว แล้วส่งถุงใบไม่ใหญ่นักให้
“คุณหมอฝากไว้ให้ครับ”
หอมน้ำงงๆ เช่นเดียวกับเขน “ขอบคุณค่ะ”
พอหอมน้ำหยิบอมยิ้มในถุงออกมา สีหน้างงหนักขึ้น
“เฮียเขาฝากอมยิ้มให้แกเหรอ”
ครู่ต่อมาสองสาวเดินเข้ามาวางข้าวของในห้องแต่งตัวด้านหลังตัวตึก
“ต้องมีใครสักคนใส่ร้ายแก”
“ใครล่ะ”
“ถามคุณพุธดูซิ” เขนบอก
เสียงพุธกันยาดังขึ้น “ฉันไม่รู้”
หอมน้ำสะดุ้งเฮือก หันไปตามเสียง จมูกและปากเริ่มมีไอเย็นลอยออกมา เขนเห็นท่าทีเพื่อนก็เลิกลักหันไปตาม
“แต่คุณเป็นผี คุณน่าจะทราบนะคะ”
“ฉันไม่ใช่ผีชอบสอด” พุธกันยาบอกอีก
เขนกระซิบถาม “หรือจะเป็นคุณพุธเอง”
พุธกันยานัยน์ตาแดงวาบ หันไปจ้องเขนเขม็ง โดยที่เขนไม่รู้สึก
“บอกเพื่อนเธอว่าฉันเป็นนางเอก..ไม่ใช่นางอิจฉา”
ประตูเปิดออก อุมา ทับทิม และน้อยธุรกิจกองเดินเข้ามา ร่างพุธกันยาหายไป
“ฮัลโหล...น้องหอม น้องเขน” ทับทิมทักทายใบหน้ายิ้มแย้มเช่นเคย
“ทำไมไม่เปิดหน้าต่าง มืดจะตาย” อุมาบ่น
หอมน้ำและเขนช่วยกันเปิดหน้าต่าง
น้อยธุรกิจหันมาทางหอมน้ำ “วันนี้น้องหอมเหลือฉากเดียวนะคะ น้องนัทเพิ่งโทร.มาบอกว่าอาหารเป็นพิษ”
“ตายจริง...เป็นอะไรมากหรือเปล่าค่ะ”
“ถึงมือหมอแล้วคงไม่เป็นไรหรอก พี่อุมาแต่งหน้าให้น้องหอมเลย อาขวัญกำลังเดินมา” น้อยว่า
“มานี่เลยจ้ะน้องหอม” ทับทิมกวักมือเรียก
หลังหมดคิวถ่ายทำ สองสาวเรียกมอเตอร์ไซค์รับจ้าง มาส่งหน้าโรงพยาบาลที่ศวัสทำงานอยู่
“เขนจะกลับหอก่อนก็ได้ เดี๋ยวหอมคุยกับคุณหมอเสร็จแล้วก็จะกลับเหมือนกัน”
“เขนรออยู่ร้านอาหารแถวๆ นี้แหละ หอมเสร็จแล้วโทร.บอกนะ”
“จ้ะ”
หอมน้ำขยับออกเดินเข้าไป
“โชคดีนะหอม”
หอมน้ำหันมาพยักหน้าให้เพื่อนเลิฟอย่างมั่นอกมั่นใจ แล้วเดินเข้าไป
หอมน้ำเดินเหลียวซ้ายแลขวามองป้ายบอกไปเรื่อยๆ จนมาถึงหน้าแผนกทันตกรรม รีบเดินไปยืนหลบมุมรอศวัส ดูนาฬิกาเป็นระยะๆ
เห็นคนไข้เข้าออกไม่ขาดระยะ โดยมีสีหน้าท่าทางหอมน้ำค่อนข้างกระวนกระวายเมื่อเวลาผ่านไปนาน
ในที่สุดศวัสเดินออกมา หอมน้ำถอนใจเฮือกโล่ง แล้วรีบตาม แต่อารามรีบร้อนทำให้เท้าสะดุดกันเอง ถลาหกล้มโครม…ดังเคย
“โอ๊ย”
ทุกคนในที่นั้นหันขวับมามองเป็นตาเดียว รวมทั้งศวัสด้วย หมอหนุ่มถอนใจเฮือก เหนื่อยหน่าย เอะอะสะดุดล้มตลอดยัยซุ่มซ่ามคนนี้
หอมน้ำทำหน้าเหยเก ค่อยๆ ยันตัวลุกขึ้นนั่ง ปากพึมพำว่า “ขอโทษค่ะ ไม่เป็นไรค่ะ”
ศวัสเดินมาหยุดตรงหน้า “ลุกขึ้นไหวมั้ย”
“ไหวค่ะ”
ศวัสรำคาญ “ไหวก็ลุกขึ้นซิ
หอมน้ำยันตัวลุกขึ้นยืนอย่างลำบาก ศวัสเลยเอื้อมมาดึงตัวให้ลุกขึ้นอย่างรำคาญ
ทุกคนในบริเวณนั้นพากันมองเงียบกริบ
ศวัสดึงแกมลากหอมน้ำไปท่าทางตลกๆ ท่ามกลางสายตาของทุกคนที่มองตามเป็นตาเดียว
ศวัสพาหอมน้ำเข้ามาในห้องพักแพทย์ของโรงพยาบาล แล้วสั่งน้ำเสียงห้วนๆ
“นั่งลง”
หอมน้ำรีบร้อนนั่งตามคำสั่ง ทำให้เก้าอี้ที่จะนั่งหงายจะล้ม
“โอ๊ย”
ศวัสรีบช่วยจับแต่ไม่ทัน ทำให้ศวัสเองเสียหลักล้มลงไปด้วย มือของเขารีบช้อนรองหัวของหอมน้ำตามสัญชาติญาณหมอ ไม่ให้หัวกระแทกพื้น ตัวศวัสเลยทับลงมาบนตัวหอมน้ำ ใบหน้าห่างกันไม่ถึงคืบ
สีหน้าหอมน้ำทั้งตกใจและตกตะลึง สีหน้าศวัสก็เช่นเดียวกัน แต่เหมือนมีความรู้สึกอื่นเข้ามาด้วย สองคนนิ่งงันกันไป
จู่ๆ มีเสียงสัญญาณฝากข้อความดังขึ้น ทั้งสองรู้สึกตัว ศวัสลุกขึ้นโดยไม่มองหน้าหอมน้ำ
หอมน้ำหน้าตาแดงจัด รีบลุกขึ้นเช่นกัน มือเปะปะหยิบโทรศัพท์ออกมาจากกระเป๋าใบโต
หอมน้ำก้มลงดูข้อความแล้วนิ่วหน้า
“มีอะไร”
“คุณเจคให้ไปพบค่ะ”
ศวัสทำสุ้มเสียงหมางเมินใส่โดยไม่รู้ตัว “ก็ไปซิ”
“เดี๋ยวก็ได้ค่ะ หอมต้องพูดกับคุณหมอให้รู้เรื่องก่อน หอมไม่อยากให้คุณหมอเข้าใจผิด”
“ไหนขอดูขาหน่อย” ศวัสพูดพลางทรุดตัวลงนั่ง
หอมน้ำสะดุ้ง หดขาโดยไม่ได้ตั้งใจ
ศวัสชักรำคาญ “ฉันจะดูว่าเป็นอะไรหรือเปล่า”
“ไม่เป็นไรค่ะ”
ศวัสลุกขึ้นนั่ง “ตามใจ” เขามองหน้าหอมน้ำอย่างเย็นชา “มีอะไรก็ว่ามา”
ขณะเดียวกันนั้น เอิงพาตัวเองมาอยู่ที่แผนกทันตกรรม กำลังนิ่วหน้าถามพยาบาลเวรตรงหน้าห้องทำงานหมอศวัส
“ไปกับใคร ผู้หญิงหรือผู้ชาย”
พยาบาลบอกเสียงสุภาพ “ไม่ทราบค่ะ ทราบแต่ว่าเป็นผู้หญิง”
เอิงเสียงดังใส่ทันที “ผู้หญิงรูปร่างหน้าตาเป็นยังไง สวยสู้ฉันได้หรือเปล่า”
พยาบาลชักจะหงุดหงิดแต่พยายามระงับอารมณ์ “ดิฉันไม่ได้สังเกตค่ะ ขอตัวก่อนนะคะ”
พยาบาลรีบผละไป
เอิงมองรอบตัวอย่างหงุดหงิดแล้วยกโทรศัพท์ในมือโทร.ออกอีก แต่ปลายสายมีเพียงเสียงว่าติดต่อไม่ได้
“ผู้หญิงบ้าบออะไรที่ไหนอีกล่ะ”
ท่าทีเอิงหงุดหงิดถึงขีดสุด
ด้านหอมน้ำมีสีหน้าเด็ดเดี่ยว ทว่าดวงตาใสซื่อ
“ถ้าหอมทำจริงหอมก็กล้ารับค่ะ หอมแมนพอ แต่นี่หอมไม่รู้เรื่องเลยสักนิด กระดาษโน้ตแบบนั้นหอมไม่เคยใช้ อมยิ้ม หอมก็ไม่เคยกิน กลัวฟันผุ หอมไม่ชอบหมอทั้งหมดโดยเฉพาะหมอฟัน” นึกได้ว่าหลุดปาก ก็สะดุ้ง ยิ้มแหยๆ พลางไหว้ “ขอโทษค่ะ หอมหมายถึงหอมไม่ชอบโดนฉีดยาอะไรแบบนั้น”
ศวัสเลิกคิ้วฉงน “งั้นเธอก็ถูกใส่ร้ายป้ายสี”
หอมน้ำนิ่วหน้านิ่งคิด “แล้วใครจะมาทำกับหอมอย่างนั้นทำไม” เธอพูดเหมือนรำพึงรำพันกับตัวเอง “หอมไม่ใช่บุคคลสำคัญ”
“หิวหรือยัง”
หอมน้ำงง “คะ”
ศวัสรำคาญ “ถามว่าหิวหรือยัง”
“หิวค่ะ”
“งั้นก็ไปกินข้าวกัน”
หอมน้ำกระตือรือร้น “งั้นหอมชวนเขนด้วยได้มั้ยคะ เขนรอหอมอยู่หน้าโรงพยาบาล”
ศวัสพยักหน้าอนุญาต
“ขอบคุณค่ะ”
หอมน้ำไหว้ พลางหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทร.ออกทันที
อ่านต่อหน้า 4
ใยกัลยา ตอนที่ 6 (ต่อ)
ฝ่ายเขนอยู่ในร้านบะหมี่หน้าโรงพยาบาล กำลังเชิดปากขณะพูดโทรศัพท์ พบว่าตรงหน้ามีชามก๋วยเตี๋ยวที่เพิ่งกินหมด 3 ชามแล้ว
“ว่าไงหอม อ๋อ ไปๆ เขนเพิ่งกินก๋วยเตี๋ยวไปแค่ 3 ชามเอง” สาวอวบหันไปพยักหน้าเรียกบริกร ทำมือประมาณให้คิดเงิน “งั้นเขนไปรอตรงประตูทางออกนะ”
ไม่นานต่อมา สามคนนั่งทานอาหารอยู่ตรงโต๊ะมุมหนึ่ง ภายในร้านอาหารละแวกโรงพยาบาลนั้น ศวัส เขน และหอมน้ำ กำลังทานอย่างเอร็ดอร่อย
เขนตักคำสุดท้าย “อร่อยจัง”
ศวัสถาม “อีกจานไหม”
เขนมองจานข้าวเปล่าตรงหน้า “อิ่มแล้วค่ะ เขนกำลังไดเอต”
“หอมน้ำล่ะ”
“หอมก็อิ่มเหมือนกันค่ะ” หญิงสาวชั่งใจครู่หนึ่งแล้วตัดสินใจพูด “คุณหมอเชื่อแล้วใช่ไหมคะว่าหอมไม่ใช่เป็นคนแอบส่งอมยิ้มให้คุณหมอ”
เขนยกมือขึ้น “เขนเป็นพยานค่ะ ถ้าหอมทำเขนต้องรู้ แล้วหอมก็ไม่ใช่คนกุ๊กกิ๊กแบบนั้น”
“เธอสองคนเป็นเพื่อนกันก็ต้องเข้าข้างกันอยู่แล้ว”
สองสาวประสานพลังเสียง “ไม่ใช่ค่ะ”
หอมน้ำย้ำ “หอมสาบานได้”
“ต่อไปอย่าทำอย่างนี้อีก”
หอมน้ำก้มหน้าที่เขาไม่เชื่อ เม้มปากน้ำตาคลอ
เขนเถียงแทนเพื่อน “หอมเค้าไม่ได้ชอบเฮีย เอ้ย...คุณหมอ แล้วเค้าจะทำแบบนั้นทำไม”
ศวัสอึ้ง นิ่งงันไปเลย
แท็กซี่แล่นมาจอดหน้าบ้านศวัส หอมน้ำ และ เขน ก้าวลงมา
หอมน้ำกังวลไม่คลาย “ท่าทางคุณหมอเขาจะโกรธเรานะ”
“โกรธก็โกรธไป เราพูดความจริง”
คัมภีร์เดินออกมาพอดี “น้องหอมคุณเจครออยู่แน่ะ”
“ที่ไหนคะ”
เจคนั่งรออยู่ในรถตู้กองถ่าย ที่จอดนอกรั้วบ้าน หอมน้ำเปิดประตูขึ้นรถ พร้อมยกมือไหว้เจค
“สวัสดีค่ะ”
เจครับไหว้และมองหอมน้ำอย่างเพ่งพิศ จนหอมน้ำมีสีหน้างงๆ มองตอบ
“หอมทำอะไรผิดหรือเปล่าค่ะ”
เจคถอนใจและหันกลับไปเมื่อไม่เห็นสิ่งใดผิดปกติ แล้วพูดด้วยน้ำเสียงเรื่อยๆ
“ได้ยินคนในกองถ่ายพูดกันว่าเราเจอผี”
หอมน้ำสะดุ้งเล็กน้อย เจคหันหน้ากลับมามองยิ้มนิดๆ “ตกใจอะไร”
“เปล่าค่ะ แต่...แต่...หอมกลัวว่าคุณเจคจะคิดว่าหอมเหลวไหลเพ้อเจ้อ”
“ก็แล้วเราเหลวไหลเพ้อเจ้อหรือเปล่า” เจคยังจ้องหน้าเธออยู่
“พ่อแม่หอมสอนไม่ให้โกหก หอมก็เลยไม่พูดโกหกค่ะ”
เจคพยักหน้าช้าๆ “ผีที่เธอเห็นรูปร่างหน้าตาเป็นยังไง”
หอมน้ำสบตาเจคด้วยสีหน้าแน่วนิ่ง “หอมเห็นคุณพุธกันยาค่ะ เธอมีรูปร่างหน้าตาเหมือนในรูปทุกอย่าง”
เจคนิ่งอึ้งไป หอมน้ำทำท่าเหมือนจะพูดอะไรอีก แต่สุดท้ายก็เปลี่ยนใจ
“ไปได้แล้ว”
“คุณ...คุณเจค..ไม่เชื่อหอมใช่ไหมคะ”
“อาไม่ใช่คนที่จะเชื่ออะไรง่ายๆ โดยเฉพาะเรื่องแบบนี้ ต้องมีข้อพิสูจน์”
“ค่ะ” หอมพึมพำรับคำเบาๆ แล้วเปิดประตูออกไป
ส่วนเจคเอนศรีษะพิงพนัก ดวงตาแน่วนิ่ง
หอมน้ำกับเขนพากันนั่งแท็กซี่คันใหม่ สองสาวกลับเข้าบริษัท
“แล้วทำไมไม่บอกคุณเจคไปล่ะว่าหอมถูกสิง” เขนลดเสียงลงไม่ให้แท๊กซี่ได้ยินในตอนท้าย
“ทีแรกก็ว่าจะบอกเหมือนกัน แต่คิดอีกทีแค่เรื่องเห็นคุณพุธก็ยังไม่รู้ว่าแกจะเชื่อหรือเปล่า ก็เลยเปลี่ยนใจ
เขนพยักหน้า ทั้งสองนั่งกันไปเงียบๆ
ที่ออฟฟิศสร้างศิลป์ เห็นอธิปกำลังยืนคุยแถมหว่านเสน่ห์กับรัชนก พีอาร์สาวอยู่ที่เคาน์เตอร์
“ชะม้อยชม้าย ไปหรือปะ” รัชนกแซว
“แล้วชอบจริงปะล่ะ”
รัชนกเสียงสูง “จริ๊ง...แต่กลัวไม่ไป พี่เป็นดารา แต่นกแค่ พีอาร์”
อธิปจับมือรัชนกมาแล้วคลึงเบาๆ หยอดคำหวาน
“ดาราก็คน พีอาร์ก็คน รู้ตัวหรือเปล่าว่านกสวยไม่แพ้ดารา”
เสียงเขนดังขัดขึ้น “กำลังดูหมอกันหรือคะ”
สองคนสะดุ้ง อธิปรีบปล่อยมือรัชนก หันกลับมาทางเสียงทันที
“น้องหอมน้องเขนนั่นเอง พี่ไก่แวะมาถามนกว่ามีจดหมายจากแฟนคลับหรือเปล่านะค่ะ” อธิปแก้ตัว
เขนแดกดัน “อ๋อ... นึกว่าดูหมอ เห็นมีจับมือถือแขนกัน”
“จับแบบเพื่อนค่ะ น้องเขนกับน้องหอมแวะเข้ามาหาใครคะ เขาออกกองกันหมด” รัชนกแก้เก้อ
“หอมลืมของไว้ที่ห้องธุรกิจน่ะค่ะ”
“พี่ไก่เดินไปเป็นเพื่อนนะคะ”
รัชนกค้อนขวับ
“ไม่ต้องค่ะ หอมไปกับเขนได้”
ทั้งสองเดินเข้าไป อธิปมองตามหอมน้ำตลอดตัว
รัชนกกระแอม “มองเขม็งเลยนะ”
อธิปหันกลับมา “ผมกลับละ” แล้วเดินผละออกไป
“เดี๋ยว แล้วจะไปวันเกิดนกปะ”
“แล้วจะบอก”
อธิปเปิดประตูออกไป รัชนกมองตามหงุดหงิด
“คนบ้า เห็นดาราละลืมประชาสัมพันธ์เลย”
ภายห้องธุรกิจกองถ่าย แม่บ้านกำลังเก็บกวาด และจัดข้าวของอยู่ ขณะสองสาวก้าวเข้ามา
“สวัสดีค่ะป้า” สองสาวประสานเสียง
“สวัสดีค่ะ มาเอาอะไรหรือคะ” แม่บ้านละงานหันมาหา
“หอมลืมหนังสือค่ะ”
หอมน้ำเดินไปหยิบหนังสือ ขณะที่เขนยืนคุยกับแม่บ้าน
พุธกันยาปรากฏตัวขึ้นด้านหลัง หอมน้ำชะงักด้วยรู้สึกถึงไอเย็นที่ออกมาทางปากและจมูก และความเย็นที่แผ่ออกมาจากพุธกันยา จึงหันขวับมา
หอมน้ำสะดุ้งสุดตัวเมื่อพุธกันยาเข้าซ้อนสิงในร่างทันที พุธกันยาในร่างหอมน้ำ หยิบหนังสือแล้วชวนเขน
“ไป...เขน”
แม่บ้านมองหอมน้ำอย่างชื่นชม “แม่คุณ ยิ่งนับวันยิ่งสวย ขอป้ากอดหน่อยได้มั้ยคะ จะได้เอาไปเม้าท์แถวบ้านว่าได้กอดนางเอก”
หอมน้ำยิ้มนิดๆ ขณะแม่บ้านเข้ามาสวมกอด ป้าแม่บ้านสะดุ้ง คลายแขนจากหอมน้ำทันที
“หนูตัวเย็นเจี๊ยบเลย ไม่สบายหรือเปล่าคะ”
เขนชะงัก มองหอมน้ำอย่างจับผิด
“เปล่าค่ะ หนูเป็นคนเนื้อเย็นอย่างนี้เอง ไปก่อนนะคะ”
หอมน้ำพยักหน้ากับเขน แล้วเดินออกไป เขนเดินตาม
แม่บ้านมองตาม “ตัวเย็นยังกับน้ำแข็ง”
เขนรีบก้าวยาวๆ ตามหอมน้ำมาจนทัน
“คุณพุธกันยาเข้าสิงหอมใช่มั้ยคะ อยู่ดีๆ เข้าสิงไม่บอกไม่กล่าวแบบนี้ เขนไม่ชอบใจเลย หอมเองก็คงไม่ชอบเหมือนกัน”
หอมน้ำพูดโดยยังคงเดินไปเรื่อย “ฉันตกลงกับเพื่อนเธอแล้ว”
“แล้วทำไมหอมไม่บอกเขน”
หอมน้ำหยุดและหันกลับมาทันที “โอ๊ย แล้วทำไมจะต้องบอกกันไปหมดทุกกระดิกนะ”
“เพราะเรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญมากน่ะซิคะ”
“พรุ่งนี้เป็นวันเกิดศวัส ฉันอยากไปทำบุญกับลูก”
“ตลกตายเลย คุณหมอเขาจะคิดยังไงที่อยู่ดีๆ หอมทำเจ๋อเสนอหน้าไปทำบุญวันเกิดกับเขา ไม่เกี่ยวอะไรกันสักนิด”
“หอมน้ำไม่ได้ไปคนเดียว” พุธกันยาบอก
เขนมองหน้าหอมน้ำงงๆ
“เธอจะไปด้วย”
“เสียใจค่ะ เขนต้องไปพบอาจารย์”
“แล้วเธอจะปล่อยให้เพื่อนต้องเปิ่นเทิ่นเรอะ”
เขนเซ็ง “เฮ้อ…”
“ทุกปีศวัสจะไปทำบุญกับคุณบุรีที่วัดใกล้บ้าน เราก็ทำเป็นว่าไปทำบุญที่นั่นเหมือนกัน”
“เขาอาจจะคิดว่าทำไมเราไม่ไปทำใกล้บ้านเรา”
“ก็เพราะเราจะทำใกล้บ้านเค้านะซิ”
เขนมีสีหน้าอ่อนอกอ่อนใจ
ขวัญอนงค์กำลังนั่งท่องบทอยู่ตรงมุมสงบในบ้านศวัส เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น ขวัญเปิดกระเป๋าหยิบขึ้นมา เยื้อนยิ้มนิดๆ เมื่อเห็นชื่อคนโทร. เข้ามา
“สวัสดีค่ะหมอ อ๋อ...Happy birthday ค่ะ ได้ซิคะ ขอบคุณมากเลยที่ชวนอา วัดไหนนะคะ...โอเคค่ะ”
ศวัสโทร.มาจากห้องพักแพทย์ของโรงพยาบาล
“พรุ่งนี้พบกันนะครับ สวัสดีครับ”
ศวัสวางโทรศัพท์ลง สีหน้าพอใจ
เวลาเคลื่อนคล้อย กรุงเทพฯ จากยามค่ำ เข้าสู่ยามเช้าวันใหม่
หอมน้ำและเขน ซึ่งมีกับข้าวเตรียมมาถวายสังฆทาน กำลังนั่งรอศวัสและบุรีอยู่มุมหนึ่งภายในวัด บรรยากาศสงบร่มรื่นแห่งนี้ หอมน้ำซึ่งถูกพุธกันยาสิงนั้น คอยมองไปที่ประตูทางเข้าด้วยใจจดจ่อ
“คุณไม่กลัวพระหรือคะ” เขนเอ่ยขึ้น
พุธกันยาในร่างหอมน้ำเหมือนไม่ได้ยิน ด้วยใจจดจ่อรอสามีและลูกชาย
“คุณพุธคะ” เขนเสียงดังขึ้น
หอมน้ำหันกลับมา “อะไร”
“เขนถามว่า คุณพุธไม่กลัวพระหรือคะ ธรรมดาเขนเห็นในหนังผีต้องกลัวพระทั้งนั้น แต่นี่คุณพุธกลับจะเข้าไปทำสังฆทาน”
“ฉันอยู่ในร่างหอมน้ำ เดินเข้าออกวัด ทำบุญฟังเทศน์ได้สบาย” นัยน์ตาหอมน้ำตื่นเต้นขณะผุดลุกขึ้น “มากันแล้ว”
เขนมองตามไป เห็นรถบุรีแล่นเข้ามาจอด
พุธกันยาหยิบเครื่องถวายสังฆทาน ขยับออกเดินตรงไปเช่นเดียวกับเขน แต่แล้วพุธกันยาหยุดชะงัก นัยน์ตาตื่นเต้นเปลี่ยนเป็นวาวโรจน์ด้วยความโกรธ
“อีนังมาร”
บุรี และศวัสซึ่งนั่งคู่กันตอนหน้าลงรถมา บุรีกำลังเปิดประตูด้านหลังให้ขวัญอนงค์ ขณะที่ศวัสเดินไปเปิดหลังรถ หยิบชุดสังฆทานทั้งสดและแห้งลงมา โดยพวกของสดใส่กล่องอาหารในกระเช้าเรียบร้อย
“คุณอาขวัญก็มาด้วย”
เขนหันมาทางพุธกันยาในร่างหอมน้ำ ซึ่งยังคงยืนนิ่ง จ้องเขม็งไปที่ขวัญอนงค์อย่างจงเกลียดจงชัง
“อ้าว เป็นอะไรไปคะ”
“ใครชวนมันมา”
“ใครชวนก็ช่างเขา ไปกันเถอะค่ะ”
“ฉันไม่ไปแล้ว เธอจะไปก็ไป” พุธกันยาบอก
เขนเง็ง “อ้าว”
พุธวางของลงกระแทกกระทั้น แล้วจะเดินไป
“คุณตั้งใจจะมาทำบุญวันเกิดกับลูกคุณไม่ใช่หรือคะ” เขนท้วง
พุธกันยาหยุดนิ่ง สีหน้าแววตาเปลี่ยนจากโกรธเป็นเจ็บปวดขมขื่น ขณะมองตาม 3 คน ที่ดูกลมเกลียว
เหมือนพ่อแม่ลูกเดินเข้าไปข้างใน
เขนเสียงอ่อนลงด้วยความสงสาร “เขนเชื่อว่าทั้งคุณลุงแล้วก็คุณหมอไม่มีวันลืมคุณ”
พุธกันยาในร่างหอมน้ำเม้มปาก น้ำตารื้นขึ้นมา
“ไหนๆ คุณก็ตั้งใจไว้แล้ว อย่าให้ความขุ่นข้องหมองใจมาเป็นอุปสรรคเลยค่ะ” สาวอวบเตือนสติผีซุปตาร์
พุธกันยายังคงมองทิศทางที่ 3 คนเดินเข้าไปอย่างขมขื่น
ศวัส บุรี และขวัญอนงค์กำลังถวายสังฆทาน หอมน้ำ และเขน เดินเข้ามา
ลุงมัคนายก คนดูแลศาลาเชื้อเชิญ “เชิญจ้ะ”
เขนพยักหน้ากับหอมน้ำให้ตามเข้าไป หอมน้ำก้มหน้าก้มตาเดินตามเขนเข้าไปหมอบกราบพระ
ท่าทีหอมน้ำลังเลเล็กน้อย แล้วกราบห่างๆ ความรู้สึกเหมือนยังกลัวเกรง
ขวัญอนงค์หันมามองสองสาว ด้วยสีหน้าประหลาดใจ
“นั่นหอมน้ำกับเขนนี่”
ศวัส กับบุรี หันไปมอง หอมน้ำและเขนเลี่ยงไปนั่งรอคิว
“บังเอิญจัง หรือว่าศวัสชวนมา” ขวัญอนงค์ถาม
“เปล่าครับ”
บุรีร้องเรียก “หอมน้ำ เขนมานี่ซิ มาถวายพร้อมๆ กันเลย”
หอมน้ำเบือนหน้าหนีไปอีกทาง
เขนกระซิบบอกเบาๆ “ไปเถอะค่ะอย่าให้ผิดปกติ”
หอมน้ำจำใจตามเขนไปรวมกลุ่ม แต่ก็อยู่ห่างออกไป สีหน้าแววตาราบเรียบ ปล่อยให้เขนไหว้ทั้ง 3 คน
โดยตัวหอมน้ำไม่ได้ไหว้ใครเลย
ทั้งหมดถวายสังฆทานแล้วฟังพระ พระเจริญพุทธมนต์ให้ศีลให้พร ทั้งหมดกรวดน้ำ
ถึงตอนพระพรมน้ำมนต์ หอมน้ำสะดุ้ง และเลี่ยงออกไปข้างนอก พระมองตาม
หอมน้ำถอนใจยาว ขณะเดินออกมานั่งเก้าอี้ ด้านนอกศาลา
“ไม่เข้าไปรับน้ำมนต์หรือหนู”
หอมน้ำหันกลับไปมอง ลุงมัคนายกคนดูแลนั่งอยู่มุมหนึ่ง
“ข้างในมันร้อนน่ะค่ะ” หอมน้ำว่าพลางทรุดตัวลงนั่ง
บนศาลา การถวายสังฆทานเสร็จสิ้นลง พระประพรมน้ำมนต์เสร็จ ทุกคนก้มกราบ
บุรีหันมามอง “อ้าว หอมหายตัวไปไหน”
“ออกไปข้างนอกค่ะ เออ..เขนลานะคะ หอมเขารออยู่” เขนขยับตัว
บุรีห้ามไว้ “อย่าเพิ่งกลับ เดี๋ยวลุงจะพาไปเลี้ยงข้าว”
เขนยิ้มแห้งๆ
พระมองหน้าศวัสลึกซึ้ง “หมั่นทำบุญแผ่ส่วนกุศลไปให้โยมแม่มากๆ นะ น่าเวทนา เสียไปกี่ปีแล้วล่ะนี่”
“ยี่สิบเจ็ดปีแล้วครับ” ศวัสตอบ
“ตอนนั้นดูเหมือนท่านจะเพิ่งมาจำพรรษาที่นี่” บุรีว่า
“ก็นานโขอยู่ แต่ก็ยังตัดอาลัยไม่ขาด” พระพยักหน้า มองบุรี “คิดถึงน่ะคิดถึงได้ แต่อย่าพยายามรั้งเขาไว้”
แต่ละคน ต่างมีสีหน้าประหลาดใจ โดยเฉพาะบุรี
หลังถวายสังฆทานเสร็จ ทั้งหมดเดินออกมา เขนเหลียวมองหาเพื่อน
“อ้าว...หอมน้ำหายไปไหน”
“กลับไปแล้วมั้ง” ขวัญอนงค์ว่า
เขนเดินไปถามคนแถวนั้น “ลุงคะลุงเห็นเพื่อนที่มากับหนูไหม”
ลุงบอก “กลับไปแล้ว”
เขนสีหน้ากังวล และหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทร.หา แต่ไม่มีการตอบรับ
ศวัสหงุดหงิด “ช่างเขาเถอะ เราไปกันแค่นี้ก็ได้”
“เขนไปไม่ได้ค่ะต้องไปตามหอม สวัสดีค่ะ”
เขนไหว้ลาทุกคนแล้วเดินแกมวิ่งไป
“ทำไมอยู่ดีๆ ก็กลับไปก่อน” บุรีแปลกใจ
“ขวัญบอกแล้วไงคะว่าระยะหลังๆ มานี่ เด็กคนนี้ชอบทำอะไรแปลกๆ”
ศวัสเดินนำทั้งสองคนไปที่รถ
กระแสเบื้องหน้าน้ำไหลเอื่อยๆ หอมน้ำนั่งอยู่ที่ศาลาท่าน้ำวัด ทอดสายตามองสายน้ำนั้นอย่างเหม่อลอย ภาพสนิทสนมระหว่างบุรีและขวัญอนงค์ ตามด้วยภาพบุรี ศวัส และขวัญอนงค์ที่เพิ่งเกิดขึ้นเมื่อครู่นี้ผุดขึ้นมาในห้วงคิด จนภาพเหล่านั้นเลือนหาย หอมน้ำนัยน์ตาเป็นประกายแข็งกร้าว
“ฉันต้องเอาลูกผัวของฉันคืนมาให้ได้”
สินีนุชอ้างว่าเป็นห่วงเพื่อนขอกลับก่อน เวลานี้จึงมีเพียงสามคนนั่งอยู่ที่โต๊ะในบริเวณร้านอาหารค่อนข้างหรู บริกรยกอาหารมาเสิร์ฟทั้งสามคนแล้ว
ขวัญอนงค์เอ่ยขึ้น “เมื่อกี้หลวงพ่อท่านพูดแปลกๆ นะคะ”
บุรีมีสีหน้าขรึมลง ศวัสมองพ่อ พลางบอกว่า
“ท่านคงจะเตือนคุณพ่อ”
“กินข้าวเถอะเที่ยงกว่าแล้ว” บุรีตัดบท เหมือนไม่อยากพูดถึง
ศวัสสบตากับขวัญอนงค์แวบหนึ่ง แล้วลงมือกินข้าวตามเงียบๆ
เวลาผ่านไปอีก หอมน้ำนอนหลับอยู่บนเตียง เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น หอมน้ำตกใจตื่น งัวเงียเอื้อมมือไปหยิบโทรศัพท์มารับทั้งๆ ไม่ลืมตา
“หอมค่ะ”
เสียงเขนทั้งตื่นเต้นทั้งโล่งใจ “หอมอยู่ที่ไหน เป็นอะไรหรือเปล่า คุณพุธไปหรือยัง”
หอมน้ำตื่นเต็มที่จากคำถามรัวถี่ยิบพร้อมสุ้มเสียงของเขน “เดี๋ยว เขน ค่อยๆ พูดก็ได้”
“หอมอยู่ที่ไหน”
“อยู่ที่ห้อง”
ไม่นานหลังจากนั้น ประตูห้องพักเขนเปิดออก ทั้งสองคน ก้าวเข้ามา เขนปิดประตูลง
หอมน้ำถามขึ้นทันที “ทำไมถึงคุยในห้องหอมไม่ได้”
“กลัวคุณพุธแกแอบฟัง”
“ไม่อยู่หรอก หอมดูแล้ว”
“ว่าได้เหรอ เดี๋ยวแกเกิดโผล่ขึ้นมา ห้องเขนปลอดภัยกว่า” สาวอวบว่า
หอมน้ำลงนั่ง “ไหนเล่าซิมีเรื่องอะไร”
“เขนเริ่มจะไม่ไว้ใจคุณพุธอีกแล้วล่ะ”
หอมน้ำมองหน้าเพื่อน เขนพยักหน้าเพื่อย้ำหนักแน่นตามคำพูดนั้น จนหอมน้ำเครียดขึ้นมา
อ่านต่อตอนที่ 7