ใยกัลยา ตอนที่ 2
ศวัสยังคงนั่งนิ่งอยู่ในห้องรับแขกด้วยอิริยาบถนิ่งขึงเดิมนั้น ขณะเยาวภาเดินเข้ามาหา นัยน์ตาที่เย็นชาเป็นประจำของคุณแม่บ้านอ่อนโยนลง เธอมองศวัสอยู่ครู่หนึ่ง จึงเอ่ยถามขึ้นว่า
“คุณพ่อขึ้นไปแล้วหรือคะ”
ศวัสขยับตัว “ครับ” เขาลุกขึ้นและหันมา “ผมไม่เข้าใจว่าทำไมคุณพ่อถึงเข้าข้างเด็กนั่น”
เยาวภานิ่งอยู่อย่างนั้น
ศวัสนึกได้ “ผมขอกุญแจห้องคุณแม่หน่อยได้มั้ยครับน้าภา”
เยาวภากังวลขึ้นมาแวบหนึ่ง “ทำไมคะ...ถ้าคุณหนูอยากได้อะไร บอกน้าภาก็ได้ น้าภาจะไปหยิบให้”
“ผมจะเข้าไปดูเฉยๆ น่ะครับ ไม่มีอะไร”
ไฟในห้องแต่งตัวของพุธกันยา บนชั้นสองของบ้านสว่างขึ้น ศวัสเปิดประตูเข้ามา ยืนอยู่ใกล้สวิชต์ไฟที่เพิ่งเปิด โดยมีเยาวภายืนอยู่ ข้างหลัง
ศวัสมองไปโดยรอบห้องซึ่งหน้าต่างและม่านปิดมิดชิด ตรงมุมหนึ่งมีกล่องหลายขนาด ซึ่งภายใน
บรรจุหนังสือพิมพ์ นิตยสารและโปสเตอร์ ภาพถ่ายรวมทั้งเรื่องราวเกี่ยวกับพุธกันยา วางซ้อนกันอยู่หลาย
ใบ อีกมุมเป็นตู้เก็บข้าวของเครื่องใช้ส่วนตัว ด้านหนึ่งเป็นโต๊ะเครื่องแป้งวางขวดน้ำหอมและเครื่องสำอางกับแปรงและหวีที่เคยใช้ ทุกส่วนมีฝุ่นบางๆ จับ คล้ายไม่ได้ทำความสะอาดทุกวัน
เยาวภารีบออกตัวกลายๆ “ห้องรกหน่อยนะคะ แจ่มมันเปิดทำความสะอาดอาทิตย์ละครั้ง คุณหนูอยากได้อะไรน้าภาจะหยิบให้”
“ไม่เป็นไรครับ น้าภาไปพักผ่อนเถอะ ผมอยากดูอะไรนิดหน่อย เดี๋ยวปิดห้องเอง”
เยาวภาทำท่าเหมือนจะพูดอะไร แต่แล้วก็เปลี่ยนใจ เดินออกไปเงียบๆ
ศวัสเดินตรวจดูตามกล่อง ซึ่งมีสก๊อตเทปสีน้ำตาลขนาดใหญ่ปิดสนิท ไม่มีร่องรอยฉีกขาดด้วยความโล่ง
ใจ
พอศวัสเดินไปเปิดตู้เสื้อผ้าและชะงัก เมื่อเห็นตรงที่แขวนเสื้อบางอันมีชุดและเสื้อผ้าถูกปลดเอาไป ชายหนุ่มเปิดลิ้นชัก ดูเครื่องประดับบางกล่องมีใครบางคนมาหยิบเอาไป ศวัสนิ่วหน้ามองไปที่โต๊ะเครื่องแป้ง พบว่ากล่องและขวดน้ำหอมหายไป 2-3 ขวด
หมอฟันหนุ่มยังคงนิ่วหน้าครุ่นคิด
ด้านเยาวภานั่งนิ่งเหมือนกำลังคิดอะไรอยู่ในครัว ขณะศวัสเดินเข้ามา
“น้าภาครับ”
เยาวภาสะดุ้ง หันมามองแล้วลุกขึ้น
“คุณหนู”
ศวัสส่งกุญแจให้ “ผมเอากุญแจมาคืน”
เยาวภารับมาเงียบๆ ศวัสทำท่าจะเดินออกไป แล้วหันมาใหม่
“กุญแจอีกดอกยังอยู่ที่คุณพ่อใช่ไหมครับ”
“ค่ะ”
ศวัสพยักหน้าช้าๆ “งั้นก็คงจะเป็นคุณพ่อ” หมอหนุ่มถอนใจ “คุณพ่อไม่เคยปล่อยคุณแม่ไปได้เลย มีเสื้อผ้า ขวดน้ำหอม และก็ข้าวของบางอย่างของคุณแม่หายไป”
เยาวภาทำเป็นตกใจ “ตายจริง ตอนที่แจ่มทำความสะอาดน้าก็มาเฝ้านะคะ ไม่น่าจะขโมยไปได้ อีกอย่างแจ่มก็อยู่กับเรามานานจนรู้นิสัยว่าไม่ไช่คนมือไวใจเร็ว”
“ผมคิดว่า คงเป็นคุณพ่อที่หยิบของของคุณแม่ไปเก็บไว้ในห้องท่านมากกว่า” เขาถอนใจอีก “เวลาก็ผ่านมาตั้งนานแล้ว”
“คุณพ่อท่านรักคุณแม่มากค่ะ คุณหนูอย่าไปถามอะไรท่านดีกว่านะคะ ปล่อยให้ท่านมีความสุขของท่านไป”
“ครับ”
ศวัสเดินออกไป เยาวภามองตามอย่างโล่งใจ
ประตูห้องเปิดออก เยาวภาก้าวเข้ามาแล้วปิดกดล็อคเบาๆ เดินมาที่หน้าตู้เสื้อผ้า แล้วเปิดออก ยกหีบใบหนึ่งออกมา
เยาวภายกหีบนั้นมาวางบนเตียงแล้วเปิดออก ภายในหีบ มีเสื้อผ้าที่หายไป รวมทั้งขวดน้ำหอมและเครื่องประดับบางส่วน
เยาวภาหยิบวิกผมสั้น ทรงเดียวกับผมพุธกันยาขึ้นมา เดินไปที่กระจกและสวมวิกนั้นช้าๆจากนั้นเดินไปหยิบเสื้อผ้าขึ้นมาทาบตัว
เยาวภาอยู่ในชุดพร้อมทรงผมและเครื่องประดับของพุธกันยา ยืนบิดกายไปมาอยู่หน้ากระจก ด้วยรอยยิ้มพึงพอใจ สีหน้าแววตาเหมือนคนเป็นโรคจิตเภท!
หอมน้ำมาเรียนแต่เช้า เวลานี้เธอนั่งซึมอยู่คนเดียวที่โต๊ะหนึ่งข้างอาคารเรียนคณะ
สักพักหนึ่ง โกศลเดินคุยมากับเพื่อนนักศึกษาสาวสวย โกศลชะงัก เมื่อมองไปเห็นด้านหลังของหอมน้ำ พร้อมกับอุทานเบาๆ ด้วยความแปลกใจแกมดีใจ
“หอมน้ำ”
เพื่อนสาวค้อนอย่างหมั่นไส้ “แหมๆ ๆ ๆ แค่เห็นข้างหลังก็จำได้”
“ปรางไปก่อนนะ ผมขอทักทายหอมก่อน”
“เฮ้ย เดี๋ยวเข้าเรียนไม่ทัน”
“ทันน่า เหลืออีกตั้งเกือบ 20 นาที”
เพื่อนสาวค้อน หน้างอ มองโกศลที่เดินไปหาหอมน้ำตาขุ่น แล้วสะบัดหน้าเดินไป
“หอมไม่ไปฝึกงานหรือ” โกศลยิ้มทัก
หอมน้ำส่ายหน้าซึมๆ “คงไม่ไปแล้วละ”
“อ้าว ทำไมล่ะ แล้วนี่องครักษ์เขนไปไหน”
“เขนไปฝึกงาน”
หอมน้ำยังพูดไม่ทันจบ เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น
“ขอโทษนะโก” หอมน้ำรับโทรศัพท์ “มีอะไรหรือเขน” สีหน้าหอมน้ำเปลี่ยนจากเซื่องซึม เป็นดีใจ “อะไรนะ จริงเหรอเขน ได้ ได้ ว่าแต่เขาไม่ไล่ออกมาแน่นะ จ้ะ...จ้ะ ไปเดี๋ยวนี้แหละ”
หอมน้ำลุกขึ้นอย่างกระฉับกระเฉง “หอมไปละนะจ๊ะโก”
โกศลลุกยืนตามทันที “ผมไปส่งให้ไหม”
“ไม่ต้องจ้ะ ขอบใจมาก โกไปเรียนเถอะ”
หอมน้ำหันหลังเดินแกมวิ่งไป โดยมีสายตาโกศลมองตามด้วยสายตาหวานเชื่อม
หอมน้ำซ้อนมอเตอร์ไซค์รับจ้างเข้ามาจอดหน้าบ้านศวัส ซึ่งเขนยืนกระโดดโลดเต้นโบกไม้โบกมือรอรับ
อย่างตื่นเต้นดีใจ
หอมน้ำลงมา ส่งเงินให้แล้วเดินมาที่เขน ทั้งสองกอดกันกระโดดโลดเต้นดีใจ
“ดีใจ ดีใจจังเลย”
“ทำไมเขาเกิดเปลี่ยนใจล่ะ เขน”
“เขนก็ไม่รู้ แต่พี่โค้กมาบอกให้รีบโทรตามหอมมาเร็วๆ ไป เข้าไปหาพี่โค้กกัน”
สองสาวเดินเข้าบ้านไปอย่างร่าเริง
โค้กและผู้กำกับกำลังคุยเฮฮากับอธิปหรือไก่ในขณะที่หอมน้ำและเขนเดินเข้ามา
เขนตะโกนบอกทุกคน “มาแล้วค่ะ มาแล้ว หอมน้ำมาแล้ว”
ทุกคนหันมามอง โค้กเดินมารับขณะที่ไก่มองจ้องหอมน้ำอย่างเพ่งพิศด้วยแววตาพึงพอใจ
ไก่พูดกับผู้กำกับแต่ตาอยู่ที่หอม “นางเอกใหม่หรือป๋า น่ารักจัง”
“ไม่ใช่ นักศึกษาฝึกงาน มาตั้ง 2-3 วันแล้ว เพิ่งเห็นเหรอ”
“ก็ตอนนั้นมันยุ่งๆ เลยไม่ได้สังเกต นี่เป็นนางเอกได้เลยนะ”
ไก่ และ ผู้กำกับ มองตามหอมน้ำซึ่งโค้กกับเขนพาเดินไปที่ตัวบ้าน
ส่วนที่ห้องรับแขก บุรีนั่งพูดคุยอยู่กับศวัสซึ่งนั่งฟังเงียบๆ ดูออกว่าพ่อกำลังเตือนลูกชาย โค้กเดินนำหอมน้ำและเขนเข้ามา ท่านนายพลหันไปเห็น
“มากันแล้ว”
ศวัสยังคงนั่งเฉยๆ ไม่ยินดียินร้ายขณะที่หอมน้ำและเขนไหว้พ่อกับลูก
บุรีเตือน “ศวัส น้องไหว้แน่ะ”
ศวัสรับไหว้อย่างเสียไม่ได้ หอมน้ำก้มหน้าไม่กล้าสบตา
“ไหนเมื่อกี้เห็นว่ามีอะไรจะพูดกับน้องไม่ใช่เรอะ”
“เชิญตามสบาย” ศวัสลุกขึ้น “แต่ฉันจะคอยจับตาดูเธอ ผมไปทำงานล่ะครับคุณพ่อ เสียเวลาไปมากแล้ว” ประโยคหลังสุดเขามองหอมน้ำเหมือนจะตำหนิและกล่าวหาทำให้เสียเวลา แล้วเดินออกไป
โค้กยิ้มแห้งๆ
“โห ดุจังเลยนะคะ ไม่ยักเหมือนคุณลุง” สินีนุชปากไวตามเคย
หอมน้ำกระทุ้งพื่อน “เขน”
“นั่งซิ” บุรีหันมาบอกโค้ก “เชิญคุณตามสบายนะครับ ไม่ต้องห่วงเด็ก 2 คนนี่”
โค้กไหว้ขอบคุณ “ขอบคุณท่านมากครับ”
จากนั้นโค้กหันมาพยักหน้าให้ 2 สาว แล้วเดินเลี่ยงออกไป
“ลูกชายลุงเขาเป็นอย่างนั้นแหละ เครียด ซีเรียส” บุรีปรารภ
“เขนกับหอมไม่ถือหรอกค่ะ คนเป็นหมอส่วนใหญ่เขาก็เต๊ะ เอ๊ย เคร่งเครียดแบบนี้”
บุรีฟังแล้ว สีหน้าที่อารมณ์ดีอยู่ขรึมลงไปถนัด “ความเป็นหมอไม่ได้ทำให้ศวัสเครียดหรอกเป็นเพราะเขากำพร้าแม่มาตั้งแต่เล็กๆ ต่างหาก”
พลางบุรีมองไปที่รูปใบใหญ่ของพุธกันยา เขนกับหอมน้ำมองตาม แล้วหันกลับมาหอมน้ำเหมือนนึกอะไรได้ หันกลับไปมองใหม่
หอมน้ำสะดุ้ง ภาพหญิงคนหนึ่งที่เธอคิดว่าเป็นตัวประกอบเข้ามาในห้วงความคิด หอมน้ำยังคงจ้องภาพนั้นแบบตะลึงตะไล
คล้ายกับว่าดวงตาที่มองเหม่อไปข้างหน้าของพุธกันยา เลื่อนลงมาสบตาหอมน้ำจังๆ
หอมน้ำเป็นลมด้วยความตกใจและหวาดกลัวสุดขีด
บุรีตกใจ “อ้าว...หนูหอม”
เขนตกตะลึง “ไอ้หอม”
หอมน้ำถูกนำตัวส่งโรงพยาบาล และพักฟื้นอยู่ในห้องพิเศษ มีหมอเจ้าของไข้ เพื่อนศวัส และทุกคนยืนอยู่รอบเตียง มองมายังหอมน้ำซึ่งนอนมีสายน้ำเกลือห้อยเป็นจุดเดียว
ใบหน้าที่หลับตาอยู่ของหอมน้ำ เปลือกตาขยับไปมา แล้วลืมขึ้นช้าๆ มองแต่ละคนงงๆ
“ฟื้นแล้ว” บุรีดีใจ
หอมน้ำมองไปโดยรอบแล้วจะลุกขึ้นนั่ง แต่ถูกศวัสกดไหล่เอาไว้และพูดเสียงดุ
“อย่าเพิ่งลุก”
“หอม..หอมอยู่โรงพยาบาลหรือคะ” หญิงสาวพยายามทบทวน
“หนูเป็นลมน่ะ” ท่านนายพลบอก
หอมน้ำนอนหลับตาลง
“เมื่อคืนหอมเขานอนไม่หลับค่ะ คิดมากเรื่อง...” เขนจะบอกแต่พูดไม่ทันจบ
หอมน้ำลืมตาขึ้น พูดทันทีเหมือนเพิ่งนึกออก “ผี”
ทุกคนชะงัก ศวัสหันมาทางเพื่อนหมอซึ่งเริ่มมองหอมแปลกๆ ประมาณหอมท่าทางจะเป็นโรคจิต
“ไปตรวจคนไข้ต่อเถอะ ขอบใจมาก” ศวัสตบไหล่เบาๆ
“ไม่เป็นอะไรมากใช่ไหม คุณหมอ” บุรีถาม
“ครับ เดี๋ยวออกจากโรงพยาบาลก็วิ่งปร๋อแล้ว” หมอพูดอย่างอารมณ์ดี แล้วเดินออกไป
“จริงๆ นะคะคุณลุง หอมเจอผีภรรยาคุณลุง ตอนแรกที่เห็นหอมรู้สึกว่าหน้าตาท่าทางคุ้นๆ พอดูรูปอีกทีเลยนึกได้” เด็กสาวอธิบาย
ศวัสไม่พอใจ “อย่าเอาแม่ของฉันมาพูดเล่นสนุกๆ”
“หอมเปล่าพูดเล่นสนุกๆ จริงๆ ค่ะ หอมเห็น”
ศวัสเสียงเข้ม “ฉันบอกว่า”
บุรีตัดบท “แกออกไปก่อนศวัส มีคนไข้ไม่ใช่หรือ”
ศวัสไม่ตอบ เดินหุนหันออกไปท่าทีโกรธๆ
“คุณลุงคะ หอมไม่ได้โกหก”
“หนูนอนพักให้สบายก่อน อย่าเพิ่งคิดอะไรมาก หนูเขน คืนนี้นอนเป็นเพื่อนหนูหอมที่โรงพยาบาลนี่ก็แล้วกัน”
หอมน้ำสะดุ้ง “อุ๊ย ไม่ค่ะ หอมไม่ชอบนอนโรงพยาบาล”
“ไม่ชอบก็ต้องนอนให้หมอเขาดูอาการคืนหนึ่งก่อน ลุงจะไปบอกคุณโค้กเขาให้”
“งั้นฉันจะกลับไปเอาเสื้อผ้าที่หอก่อนนะ จะเอามาเปลี่ยนให้แกด้วย กุญแจอยู่ในกระเป๋าใช่ไหม” เขนว่า
หอมน้ำพยักหน้า “อยู่ในห้องรับแขกบ้านคุณลุง”
“อยู่คนเดียวได้หรือเปล่า ถ้ายังไงลุงจะได้ให้พยาบาลพิเศษมาเฝ้า”
“ไม่เป็นไรค่ะคุณลุง หอมอยู่ได้”
“แล้วไม่ต้องห่วงเรื่องค่าห้อง ค่ารักษา...ลุงรับผิดชอบเอง ทำใจให้สบาย”
บุรีเดินออกไปเลย โดยที่หอมน้ำมัวแต่ตกใจกับคำพูดของท่านนายพบ จนไหว้ขอบคุณไม่ทัน
บริเวณหน้าหน้าห้องตรวจแผนกทันตกรรม ศวัสเดินตรงมามาทางนี้
เสียงเอิงเรียกดังขึ้น “คุณหมอขา คุณหมอ คุณหมอศวัส”
ศวัสหยุดเดินและหันมามอง
เอิงอยู่บนรองเท้าส้นสูงปรี๊ดและเสื้อผ้าราวกับออกมาจากหนังสือแฟชั่น หล่อนเดินแกมวิ่งตรงมาอย่างน่ากลัวว่าจะหกล้ม
ศวัสถอยหลังเล็กน้อยเพื่อเตรียมตัวหนี หากเอิงจะโผเข้าหาเป็นหลักยึด
เอิงหยุดทันพอดี แต่ก็ต้องเบรกจนหน้าคะมำ “คุณหมอ” หล่อนหายใจหอบเหนื่อยเล็กๆ
ศวัสยังระวังตัว “มีอะไรหรือครับ”
ผู้คนในบริเวณนั้นต่างจ้องมองและซุบซิบกัน
“นี่เอิง คุณหมอจำได้มั้ยคะ เอิงถ่ายละครที่บ้านคุณหมอ เอ้อ ที่เรื่องนี้เป็นเพื่อนนางเอก แต่เรื่องหน้าจะเป็นนางเอกไงคะ” เจ้าหล่อนพยายามทบทวนความทรงจำศวัสเต็มที่
“จำได้แล้วครับ คุณมีธุระ”
เอิงรีบขัดทันที “เอิงจะมาทำฟันกับคุณหมอ”
“งั้นเชิญที่เคาน์เตอร์ก่อน คุณเคยมารักษาที่นี่หรือเปล่าครับ ถ้าไม่เคยต้องไปทำบัตรก่อน”
เอิงนิ่วหน้าฉงน “ว้า ยุ่งยากจัง ใช้เส้นคุณหมอไม่ได้หรือคะ คือ เอิงไม่เคยต้องเข้าคิวเข้าแถวอะไรทั้งนั้น เอิงใช้เส้นตลอด ชื่อเอิงเป็นภาษาฝรั่งเศสแปลว่าหนึ่ง เอิงเลยต้องเป็นที่หนึ่งในทุกๆ สถานการณ์ค่ะ”
“ผมเป็นแค่หมอธรรมดา ไม่ใช่เจ้าของโรงพยาบาลคงช่วยคุณไม่ได้หรอกครับ อีกอย่างคนไข้กำลังคอยผมอยู่ ขอตัวก่อนนะครับ”
ศวัสรีบเดินเข้าไปยังแผนกทันตกรรม โดยไม่ยอมฟังเอิงอีก
“คุณหมอขา...คุณหมอ”
เอิงหันหน้าหันหลัง และเดินไปที่เคาน์เตอร์ติดต่อ
ด้านวดีพูดโทรศัพท์อยู่ในห้องทำงานที่ออฟฟิศด้วยสีหน้าหงุดหงิดรำคาญใจอย่างยิ่ง
“อีกแล้วเหรอ แล้วนี่คุณเจครู้หรือเปล่า ดี...ดี...อย่าเพิ่งบอกใครนะ พี่จะโทร.ตามเอง ขอบใจมาก”
วดีวางโทรศัพท์ลงอย่างหงุดหงิด
“นังเอิงนะ...นังเอิง”
ที่ห้องแต่งตัว ธุรกิจกองวางโทรศัพท์ลงและถอนใจเฮือกอย่างกลัดกลุ้ม
ทับทิมถามทันที “ว่าไง”
“คุณป้าก็ไม่รู้ว่าคุณหลานไปอยู่ที่ไหน” อุมา ช่างหน้าประชด
โค้กเดินเข้ามา “ติดต่อนังเอิงได้หรือยัง”
“ยังเลยค่ะ พี่โค้ก แต่คุณวดีกำลังโทรตามให้” ธุรกิจกองบ่น
โค้กเซ็ง “เฮ้อ ต้องรอนางอยู่คนเดียว”
เอิงได้บัตรคิวที่เพิ่งทำเสร็จ และกำลังจะเดินไปแผนกทันตกรรม เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น เอิงก้มลงมอง ถอนใจเฮือกและรับสาย
“ว่าไงคะ ป้าวดี”
วดีโมโหสุดๆ “นี่แกอยู่ที่ไหนฮึ ยัยเอิง”
“เอิงมาทำฟันที่โรงพยาบาลค่ะ แค่นี้นะคะ” ปิดโทรศัพท์เลย
“ยัยเอิง ยัยเอิง...ดูมัน”
วดีวางโทรศัพท์ เดินไปเดินมาอย่างหงุดหงิดงุ่นง่าน แล้วระบายอารมณ์ด้วยการปาสิ่งของอีก...ตามเคย
ส่วนในห้องพิเศษ หอมน้ำนอนหลับอยู่ด้วยความอ่อนเพลีย เหมือนใครคนหนึ่งกำลังเดินช้าๆ ตรงมาที่เตียง หอมน้ำเริ่มกระสับกระส่าย ใครคนนั้นเดินมาหยุดหน้าเตียงและจ้องมองหอมน้ำอย่างเอาจริงเอาจัง
หอมน้ำค่อยๆ ลืมตาขึ้นและร้องกรี๊ดด้วยความตกใจกลัวสุดๆ
วิญญาณพุธกันยากำลังก้มหน้าลงมองมาในระยะประชิด
หอมน้ำร้องลั่นตกใจตื่น ผุดลุกขึ้นนั่งเหงื่อแตกพลั่ก ประตูห้องเปิดออก พยาบาลคนหนึ่งรีบเดินเข้ามาด้วยสีหน้าตกใจ เพราะเสียงร้องดังออกไปถึงข้างนอก
“เป็นอะไรหรือคะน้อง ร้องเสียงดังออกไปข้างนอกเลย”
“หนู...เอ้อ..เปล่าค่ะ”
พยาบาลยังคงมองเหมือนไม่เชื่อ
หอมรีบพูดต่อ “เอ้อ หนูคงฝันร้ายน่ะค่ะ”
มีเสียงเคาะประตูเบาๆ แล้วทับทิมเดินนำพิไลและอุมาเข้ามา โดยทับทิมส่งเสียงเข้ามาก่อน
“จ๊ะเอ๋! คุณน้อง” ทับทิมชะงักเมื่อเห็นสีหน้าหอมน้ำและพยาบาล “มีอะไรหรือเปล่าคะ”
“หอมฝันร้ายน่ะค่ะ ไม่มีอะไร” หอมน้ำมองพยาบาลแล้วไหว้ “ขอบคุณค่ะพี่ หนูไม่ได้เป็นอะไรจริงๆ”
พยาบาลรับไหว้และเดินออกไป สามคนรีบเข้ามาข้างเตียง
พิไลมีสีหน้าและนัยน์ตาตื่นเต้น “ผีหลอกหรือหนู”
ทับทิมกับอุมาร้อง “ว้าย” กระโดดเข้ากอดกัน
หอมน้ำเองก็สะดุ้งหน้าซีดด้วยความตกใจกลัว
“ต้องใช่แน่ๆ โรงพยาบาลนี้มีคนตายทุกห้องนั่นแหละ บางทีนะ” พิไลเหลียวซ้ายแลขวาและทำสุ้มทำเสียงประกอบ “คนไข้กำลังนอนอยู่ดีๆ พอหันไป มองดันมีใครไม่รู้มานอนอยู่ข้างๆ”
สามสาวสะดุ้งเฮือกปิดปากร้อง ด้วยความหวาดกลัว รวมทั้งพิไลเองด้วย
พยาบาล 1 ที่ดูแลหอมน้ำ กำลังโทรศัพท์อยู่ ตรงเคาน์เตอร์พยาบาลเวร
“จ้ะ เดี๋ยวฝากเรียนอาจารย์หมอศวัสด้วยก็แล้วกัน”
พยาบาล 1 วางโทรศัพท์ลงและหันมาบอกเพื่อนที่มองอยู่
“อาจารย์หมอศวัสฝากดูคนไข้ห้อง 980 ไม่รู้เป็นอะไร อยู่ดีๆ ร้องกรี๊ดกร๊าด เผอิญหนูเดินผ่านไปพอดี”
ทับทิม พิไล อุมา เขน (สะพายกระเป๋าใส่เสื้อผ้าและของใช้ส่วนตัวมาด้วย ไม่ต้องเยอะ แค่ค้างวันเดียว) พยาบาล 1 คน
พิไลทำหน้าทำตา สุ้มเสียงจริงจัง “ต้องใช่พี่พุธกันยาแน่ๆ”
คนอื่นๆ เออออ “พี่พุธกันยา”
หอมน้ำฉงน “ใครคือพุธกันยาคะ”
พิไลจิ้มหน้าหอมน้ำพลางบอก “แม่เด็กสมัยใหม่ แม่เด็กอินเตอร์ รู้จักแต่ดาราฝรั่ง เกาหลี ญี่ปุ่น ไม่รู้จักดาราไทย” สุ้มเสียงและสีหน้าพิไลดูเคืองจริงๆ เพราะเป็นแฟนคลับดาราไทยตัวยง โดยเฉพาะพุธกันยา
ทับทิมตีแขนพิไลเบาๆ “ต๊าย ไปจิ้มหน้าจิ้มตาเค้าได้ยังไงยะเจ๊ น้องหอมเค้าไม่ใช่ลูกใช่หลานตัวเองซักหน่อย จะฟ้องพี่โค้ก”
“อุ๊ย ขอโทษค่ะ น้องหอม ป้าลืมไป”
“ไม่เป็นไรค่ะ ที่จริงหอมก็รู้จักดาราไทยเยอะแยะ พี่กบ สุวนันท์ พี่อั้มพัชราภา พี่แพนเค้ก เขมนิจ แต่ไม่รู้จัก เอ้อ...คุณพุธกันยา เอ๊ะจะว่าไปหอมน่าจะเคยได้ยินชื่อนี้แวบๆ เหมือนกันนะคะ”
อุมาบอก “คุณพุธกันยาเป็นภรรยาของท่านบุรี เจ้าของบ้านที่เรากำลังถ่ายละครอยู่ไงคะ”
หอมน้ำเบิกตากว้าง ภาพถ่ายพุธกันยาที่บันได และวิญญาณที่ตนเห็น ผุดเข้ามาในห้วงความคิด
เธอกลืนน้ำลายเอื้อก “งั้น...งั้น...”
พิไลพยักหน้าอย่างหนักแน่นจริงจัง “ใช่ค่ะ ถ้าหนูน้องหอมยืนยันว่าเห็นผู้หญิงหน้าตาสวยมาก ผมซอยสั้น ข้างหน้าเป็นผมม้าเป๋ๆ ป้าก็ขอยืนยันเหมือนกันว่านั่นคือวิญญาณคุณพุธกันยา”
หอมน้ำขนลุกเกรียว ลูบแขนตัวเอง “ขนลุกเลย”
“แล้วทำไมคนอื่นถึงไม่เห็น ทำไมน้องหอมต้องเห็นคนเดียว” ทับทิมแปลกใจ
“รู้ได้ยังไงว่าคนอื่นไม่เห็น” พิไลแย้ง
“ที่แน่ๆ คุณหนกข้างบ้านแกเห็นเกือบทุกคืน แกเม้าท์ให้พี่กับเจ๊พิฟัง” อุมาบอก
ทับทิมยกมือทาบอกและพึมพำแบบสยอง “บ้านผีสิง”
หอมน้ำหน้าซีด ตาเบิกกว้าง พูดอะไรไม่ออก ทั้งห้องตกอยู่ในความเงียบสนิท
เสียงเขนดังกังวานขึ้นท่ามกลางความเงียบนั้น “จ๊ะเอ๋”
ทุกคนร้องลั่น “อ๊าย...” พร้อมยกมือปิดหน้าปิดตา โดยทับทอม พิไล และอุมากระโดดเหย็งๆ ไปด้วย
เขนซึ่งเป็นเจ้าของเสียงนั้น พลอยร้องไปด้วยความตกใจเช่นเดียวกัน
บุรีอยู่บ้านกำลังพูดโทรศัพท์กับศวัสซึ่งอยู่โรงพยาบาล บนโต๊ะข้างหน้าเป็นอัลบั้มภาพพุธสวยๆ ในอิริยาบถต่างๆ เปิดไว้
“แกก็แวะไปดูน้องหน่อยไม่ได้เหรอไง”
“เด็กนั่นไม่ใช่น้องผมครับ”
“เออน่า แกอยู่แค่นั้นก็ช่วยไปดูหน่อยเป็นไร อย่าลืมว่าหมอต้องจิตใจดีมีเมตตากรุณา ช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน”
“ผมบอกคุณพ่อได้เลยว่า เพื่อนมนุษย์ คนนี้ต้องการจิตแพทย์มากกว่าทันตแพทย์ครับ”
บุรีเสียงแข็ง “แกนั่นแหละต้องการจิตแพทย์ มีอย่างที่ไหน…”
เสียงศวัสขัดขึ้นว่า “ก็ได้ครับคุณพ่อ เดี๋ยวตรวจเสร็จแล้วผมจะไป”
“เออ! ก็แค่นี้แหละ”
บุรีวางโทรศัพท์ลง สีหน้าครุ่นคิดขณะมองรูปในอัลบั้มนั้น
“คุณสื่อสารผ่านเด็กคนนั้นถึงผมได้ไหมกัลยา”
ภาพพุธกันยาบนผนังห้องไม่ได้มีอะไรผิดปกติ
ประตูห้องตรวจเปิดออก เห็นเอิงเดินฉับๆ นำหน้าพยาบาลเข้ามาด้วยสีหน้าหงุดหงิด
“เบื่อจัง เอิงไม่เคยรออะไรนานขนาดนี้เลย คุณหมอมีคลินิกหรือเปล่าคะ เอิงจะได้ไปทำที่นั่น”
“ไม่มีครับ”
เอิงขึ้นไปนั่งบนเก้าอี้ตรวจและทำฟัน ขณะที่ศวัสอ่านใบประวัติผู้ป่วยที่ส่งเข้ามาจบแล้วเดินมาที่เอิง
“อ้าปากครับ”
เอิงทำตามว่าง่าย แถมจ้องหน้าหมอตาหวานฉ่ำ ขณะที่พยาบาลลอบมองเอิงอย่างประหลาดใจ
ศวัสเริ่มตรวจฟัน “ฟันคุณเอิงไม่ได้เป็นอะไรเลยนี่ครับ ซี่นี้ก็อุดเรียบร้อยแล้ว”
“งั้นเอาออกแล้วอุดใหม่ได้มั้ยคะ”
“ไม่ได้ แล้วก็ไม่ดีด้วยครับ หมอคนเดิมเขาทำมาอย่างดี”
“งั้นคุณหมอช่วยหาซี่ที่ผุใหม่”
“ไม่มีนี่ครับ”
เอิงอ้าปากจะต่อรองใหม่ แต่ศวัสรีบขัดขึ้น
“เอาอย่างนี้ ฟันคุณเอิงตอนนี้ปกติดีทุกอย่าง คราวหน้าถ้าหากเป็นอะไรขึ้นมาค่อยมารักษาที่ผม”
“ก็ได้ค่ะ”
เอิงรับคำแต่ยังไม่ขยับตัว ศวัสดูเหมือนจะอับจนถ้อยคำ
พยาบาลเลยเข้ามาช่วย “เชิญค่ะ เดี๋ยวคนไข้คนต่อไปจะได้เข้ามา”
เอิงขยับตัวขึ้น ถลึงตามองพยาบาลแล้วก้าวลงมา
“แล้วพบกันที่บ้านนะคะคุณหมอ”
เอิงเน้นคำว่า “ที่บ้าน” แล้วเดินออกไป โดยเชิดหน้าปรายตามองพยาบาลเหยียดๆ
ภายในห้องพักฟื้นหอมน้ำในโรงพยาบาล เวลาผ่านไปอีกสักระยะแล้ว สินีนุชวางหนังสือแล้วลุกเดินมาที่หอมน้ำเกาะเตียงถาม
“หิวยัง”
“ยัง เขนล่ะ”
“หิวมาก ฉันจะลงไปซื้ออะไรขึ้นมากินกันนะ”
หอมน้ำใจเสีย “อย่าไปนานล่ะ”
“กลัวเหรอ”
หอมน้ำพยักหน้านัยน์ตาละห้อย
“เฮ้ย ผีไม่มากลางวันแสกๆ หรอก”
“น้อยไปซิ”
“เอางี้ละกัน”
เขนดึงสร้อยพระพวงใหญ่ออกมาไหว้ ทำปากมุบมิบเหมือนสวดพึมพำ แล้วคล้องให้คนป่วย หอมน้ำพนมมือรับพระทั้งพวง
“ทีนี้ก็ปลอดภัยแล้ว”
“ขอบใจจ้ะ”
เขนเดินออกไป
สินีนุชออกมาหน้าห้องเดินไปได้ 4-5 ก้าวก็ชะงัก เมื่อเห็นหมอศวัสกำลังเดินตรงมา
สาวอวบรีบฉีกยิ้มกว้าง “มาหาหอมน้ำหรือคะ”
“เปล่า”
ศวัสเดินเลยไปที่ห้องหอมน้ำ โดยไม่ได้สนใจอะไรอีก เขนมองตามพลางเกาหัวงงๆ
“ไอ้หอมหัวโกร๋นแน่”
หอมน้ำนอนหลับตา ศีรษะเอียงไปอีกด้าน เธอรู้สึกเหมือนมีใครคนหนึ่งกำลังเดินเข้ามาในห้อง
หอมน้ำหลับตาปี๋ด้วยความกลัวสุดขีด เพราะความรู้สึกบอกว่ามีคนเข้ามา
มือหอมน้ำค่อยๆ เลื่อนขึ้นมากุมพระพวงใหญ่นั้นไว้แน่น เหมือนใครคนนั้นเดินมาหยุดข้างเตียงและชะโงกหน้ามาดู หอมน้ำกรีดร้องลั่นด้วยความกลัวสุดขีด
“แอร๊ย...”
เสียงตวาดอย่างดุดังขึ้น “หยุดเดี๋ยวนี้”
หอมน้ำชะงัก หันขวับมาลืมตามองและสะดุ้งเฮือก
“คุณหมอฟันทันตแพทย์” เธอขยับจะลุกขึ้น
ศวัสกดไหล่ให้นอนลงไปใหม่ “ไม่ต้องลุก แล้วจะเรียกฉันว่าอะไรก็เลือกเอาสักอย่าง”
“ค่ะ คุณ คุณหมอฟันมาทำไมคะ หนู...หนู ไม่ได้ปวดฟัน”
ศวัสรำคาญ “รู้แล้ว”
หอมน้ำหน้าเหยเก
“นึกเหรอว่าฉันอยากจะมา”
หอมน้ำส่ายหน้าทันที “ไม่นึกค่ะ”
“ดี ฉันมาเพราะคุณพ่อบังคับให้มา พยาบาลเขาโทร.มาบอกว่าอยู่ดีๆ เธอก็ร้องกรี๊ดกร๊าดเสียงดังทะลุออกไปข้างนอก”
หอมน้ำอึ้ง “หนู...”
“เลิกเรียกตัวเองว่าหนูเสียทีได้ไหม หนูยังงั้นหนูยังงี้ น่ารำคาญ” หมอหนุ่มกระแทกเสียงนิดๆ
“งั้น งั้น...เรียกว่าหอม ก็แล้วกันนะคะ”
“จะหอมจะเหม็นอะไรก็ตามใจ…นึกยังไงถึงได้ร้องเสียงดังลั่น”
“หนู เอ๊ย หอมฝันเห็นผีค่ะ”
“ผีบ้าผีบอที่ไหน”
“ผีคุณแม่คุณหมอค่ะ”
ศวัสชะงักแล้วจ้องหน้าหอมน้ำตาแข็ง บอกเสียงเย็นชา
“อย่าลามปามมาถึงคุณแม่ของฉัน”
ศวัสหันหลังเดินออกไป หอมน้ำมองตามอย่างสำนึกผิด พึมพำกับตัวเอง
“พูดอะไรไม่คิดอีกแล้ว หอมน้ำเอ๊ย”
อีกฟาก ภายนอกกำลังถ่ายละครกัน ส่วนภายในขวัญอนงค์เดินเข้ามาที่ห้องโถงบ้านศวัส เหลียวมองโดยรอบอย่างลังเล แล้วจึงตรงมาที่โถงบริเวณบันไดทางขึ้น
ขวัญอนงค์หยุด เงยหน้ามองภาพพุธกันยา ภาพนั้นยังคงมองตรงไปข้างหน้า
ขวัญอนงค์ยังคงมองภาพนั้นด้วยสีหน้าแววตาอ่อนโยน บุรีเดินออกจากห้องมาหยุดที่หัวบันได
“คุณขวัญใช่ไหม”
ขวัญอนงค์สะดุ้ง เงยหน้ามอง “พี่บุรี เอ้อ ขอโทษค่ะที่ถือวิสาสะเข้ามาโดยไม่ได้ขออนุญาต”
“ไม่เป็นไรครับ” บุรียิ้มขณะก้าวลงมา “คุณเล่นละครเรื่องนี้เหมือนกันหรือ เชิญทางนี้ดีกว่า”
“ค่ะ”
ขวัญอนงค์เดินตามบุรีมาทรุดตัวลงนั่ง ขณะพูดว่า
“พอรู้ว่าจะต้องมาถ่ายละครบ้านพี่บุรี ขวัญอดคิดถึงกัลยาไม่ได้...คิดถึงวันเก่าๆ”
บุรีนิ่งไป สีหน้าหมองลง
เยาวภาเดินเข้ามา ในมือถือถาดวางแก้วน้ำเปล่าและน้ำผลไม้มาวางให้
ขวัญอนงค์มองเยาวภา ยิ้มให้ “เยาวภาก็ยังอยู่กับพี่บุรีหรือจ๊ะ”
ใบหน้าเยาวภาขณะเงยขึ้นมองผู้เอ่ยทัก สีหน้าแววตาเย็นชาไม่เป็นมิตรอย่างยิ่ง
“ค่ะ”
ขวัญอนงค์ค่อยๆ หุบยิ้มลง เยาวภาเดินออกไป
“ลูกชายผมเป็นหนุ่มใหญ่แล้วนะ” บุรีว่า
“ค่ะ เป็นทันตแพทย์ด้วย ขวัญไปเป็นคนไข้ของหมอศวัส แต่ก็ไม่ได้บอกหรอกนะคะว่าขวัญเป็นเพื่อนสนิทของคุณแม่เขา” ขวัญอนงค์เว้นไปนิด แล้วมองไปที่รูปบนผนัง “ถ้ากัลยายังอยู่ คงภาคภูมิใจมาก”
บุรีมองตามสายตา “ใช่ ผมรู้ว่าเขาภูมิใจในตัวลูกชายมาก” ท่านนายพลเปลี่ยนปรับสีหน้าและน้ำเสียงให้แจ่มใสขึ้น “เห็นว่าพรุ่งนี้จะเข้ามาถ่ายภายในใช่ไหม”
“ค่ะ หลายฉากด้วย แล้วพี่บุรี...”
บุรีตอบโดยเร็วว่า “ไม่ต้องเป็นห่วง ผมมีนัดเล่นกอล์ฟกับพวกที่ เออร์ลี่รีไทร์ ด้วยกันพอดี ถ้าขวัญต้องการอะไรก็บอกเยาวภาได้ ผมสั่งไว้เรียบร้อยแล้ว”
ขณะทั้งสองคุยกัน ภาพพุธกันยานัยน์ตาที่จ้องไปข้างหน้า คล้ายเลื่อนลงมามองสองคนด้วยสีหน้าเคร่งขรึม
ป้าหลานอยู่ภายในห้องทำงาน วดีมองเอิงหงุดหงิด
“ไม่เล่น แกจะไม่เล่นละครที่ฉันอุส่าห์ฝากฝังเขาเรียบร้อยแล้วเนี่ยนะ”
เอิงยักไหล่ “ค่ะ”
“เหตุผล”
“เอิงอยากเป็นนางเอกไม่ใช่เพื่อนนางเอก เอิงบอกป้าไปแล้วนี่คะ”
“ฉันก็บอกไปแล้วเหมือนกันว่า แกเพิ่งเล่นเป็นเรื่องแรกจะเอาอะไรนักหนา เขาไม่ให้เป็นคนใช้ก็ประเสริฐเลิศหรูแล้ว นี่ดูเหมือนคุณเจคเขาจะให้เพิ่มบทเราเป็นพิเศษด้วย เพราะฉะนั้นแกต้องไปถ่ายละครเรื่องนี้ตามที่ตกลงกันไว้ เข้าใจมั้ย”
เอิงทำหน้าทำตาปากบิดไปบิดมาอย่างไม่พอใจ
อ่านต่อหน้า 2
ใยกัลยา ตอนที่ 2 (ต่อ)
ไม่นานนัก ลิซซี่รู้เรื่องว่าเอิงจะเบี้ยวกองไม่ไปถ่ายละครแล้วถึงกับยกมือทาบอก
“ว้ายตายแล้ว แบบนี้คุณป้าวดีมิถูกถอนหงอกเหรอคะ คุณน้องขา”
ทั้งสองคนซุบซิบนินทากันอยู่ที่โต๊ะทำงานลิซซี่
เอิงยักไหล่ “ช่วยไม่ได้ น้องเอิงบอกแล้วว่าน้องเอิงไม่อยากเล่นบทนี้ แต่นางก็ยังบังคับ” เจ้าหล่อนเปลี่ยนท่าทีเป็นกระหยิ่มยิ้มย่อง “นี่ พี่ลิซซี่รู้มั้ยว่า น้องเอิงเจอเนื้อคู่แล้ว อีตาแจ๊ค ธันวายังสู้ไม่ได้เลย”
ลิซซี่ทำหูทำตาสู้รู้ “ใครคะ คุณน้อง”
“คุณหมอศวัส”
ลิซซี่ดี๊ด๊า “ต๊าย ฉลาดเลอค่า”
“เขาเป็นหมอฟัน” เอิงเล่า พร้อมกับทำสีหน้าเพ้อฝัน
ลิซซี่ทำหัวเราะคิกคัก นัยน์ตาเจ้าเล่ห์ “ชอบจังเลย หมอ...ฟัน เนี่ย”
เอิงถลึงตาใส่ “ทะลึ่ง น้องเอิงไม่ชอบให้มาลามปามล้อเลียนแฟนน้องเอิงนะ”
ลิซซี่ทำหน้าจ๋อยๆ
เอิงทำตาเพ้อฝันต่อ “คุณหมอเขาเป็นลูกชายเจ้าของบ้านหลังมหึมาที่ไปถ่ายละครด้วยค่ะ”
“อ้าว” กะเทยนักข่าวเบิกตากว้าง
“เพราะฉะนั้น น้องเอิงมาคิดทบทวนดูแล้ว ถ้าจะเล่น..น้องเอิงต้องเป็นนางเอกเท่านั้น มันถึงจะโอ”
สีหน้าเอิงมาดมั่นเอามากๆ
ที่กองถ่ายละคร ณัชชากับธันวากำลังเข้าฉากแง่งอนกันอยู่
ณัชชากำลังสะบัดหน้าจะเดินออกไป
ถูกธันวากระชากแขนไว้ “จะไปไหน”
“ไปไหนก็ได้ที่ไม่มีคุณ ปล่อยนะ”
ธันวาหัวเราะเยาะ “ปากแข็ง”
ณัชชาเงยหน้ามองธันวาเหมือนไม่เข้าใจ
“ผมรู้นะว่าที่จริงแล้วคุณอยากอยู่ใกล้ๆ ผมจะตายไป แต่ที่ทำเป็นสะบัดสะบิ้งเกลียดชังก็เพราะต้องการเรียกร้องความสนใจ”
ณัชชาตบหน้าธันวาอย่างแรง
เสียงผู้กำกับร้อง “คัท” ดังลั่น
ณัชชาและธันวาเดินไปดูมอนิเตอร์เพื่อหาข้อบกพร่อง
ธุรกิจเดินมาพูดเบาๆ กับผู้กำกับด้วยสีหน้ากังวล ผู้กำกับนิ่วหน้า
เจคอยู่ในห้องทำงาน ออฟฟิศสร้างศิลป์ฯ พูดโทรศัพท์ด้วยสีหน้าหงุดหงิด
“งั้นก็หาคนอื่นมาเล่นแทน งานเรารอไม่ได้ ไม่เป็นไรพี่จะพูดกับคุณวดีเอง”
เจควางโทรศัพท์ลงและถอนใจเฮือกอย่างรำคาญ
ทุกคนหารือกันอยู่ผู้กำกับเอ่ยขึ้น “คุณเจคให้หาคนอื่นมาเล่นแทน”
ธุรกิจเครียด “จะไปหาใครที่ไหนทัน จะถ่ายเย็นนี้แล้ว”
พูดพลางหยิบสมุดภาพดารามาส่งให้ ผู้กำกับ เล่มหนึ่ง แล้วตัวเองเปิดอีกเล่ม
“ไม่เป็นไร ยกไปถ่ายพรุ่งนี้แทน เฮ้อ…”
โค้กตัดสินใจเอ่ยขึ้น “น้องหอมน้ำไงพี่”
สองคนคนเงยหน้าจากสมุดภาพ
“สวยไป นั่นน่าจะเล่นเป็นนางเอก” ผู้กำกับว่า
ธุรกิจส่ายหน้า “หนูว่าคงไม่เล่นหรอก ท่าทางขึ้อายจะตาย”
“เฮ้ย ช่วยกันกล่อมก็ได้พี่ ถ้าสวยไปเราก็เพิ่มบทให้อีก แล้วให้เป็นนางเอกเต็มตัวเรื่องหน้าเลย” ผู้กำกับนิ่งคิดครู่หนึ่ง “เดี๋ยวพี่ขอปรึกษาคุณเจคก่อน”
ผู้กำกับจัดการโทรศัพท์ออกทันที
ภายในห้องพักฟื้นหอมน้ำ ตอนกลางวันวันเดียวกัน
สินีนุชปิดสายโทรศัพท์แล้วมองหน้าหอมน้ำอย่างตื่นเต้น
“แกได้เล่นละคร”
หอมน้ำทำหน้างงๆ
เขนบอกว่า “ยัยเอิงเบี้ยวคิว แกก็เลยได้แสดงแทน”
หอมน้ำส่ายหน้าดิก “ไม่”
“เหอะน่า แกเป็นดารา ฉันจะได้มีหน้ามีตาไปด้วย” เขนว่า
“งั้นแกก็เล่นเองซิ ฉันจะเป็นผู้จัดการให้”
เขนส่ายหน้า “เขาไม่เอา เออน่า หอม เล่นเถอะ..ใครๆ เขาก็อยากเล่นกันทั้งนั้น”
“แต่ฉันไม่อยากนี่”
เขนพยายามกล่อมต่อ “เงินดีนะแก ดีไม่ดีแกอาจกลายเป็นซุปตาร์ รวยเละไปเลย แถมยังได้เลี้ยงพ่อเลี้ยงแม่...เป็นลูกกตัญญู”
หอมน้ำพูดหนักแน่น
“ไม่ ฉันเล่นไม่เป็น แล้วก็รู้ตัวว่าไม่มีวันเล่นได้เด็ดขาด”
ที่ใต้ต้นไม้บ้านใหญ่ศวัส กลุ่มฟ้า ทับทิม กับพิไลกินข้าวกันไปคุยกันไปเรื่องหอมน้ำ
“นี่ไงเขาว่าแข่งเรือแข่งพายยังแข่งกันได้ แต่แข่งบุญแข่งวาสนาแข่งไม่ได้ ไม่สามารถ” พิไลว่า
ฟ้าดูถูก “จะเล่นได้เร้อ”
“อุ๊ย...อย่าเพิ่งดูถูก ทับได้ยินมาแว่วๆ ด้วยว่า เรื่องต่อไปน้องหอมจะได้ขึ้นแท่นเป็นนางเอกเลย”
ฟ้าเบ้ปาก “เรื่องนี้ก็เอาให้รอดก่อนเถอะ”
“อิจฉาแทนน้องเอิงล่ะซิ เห็นซี้กันนี่” พิไลหมั่นไส้
“โทร.ไปฟ้องหรือยังล่ะเจ๊” ทับทิมเย้า
ฟ้าสะบัดเสียงใส่ “น้องเอิงปิดโทรศัพท์ แต่ไม่ต้องกลัว เรื่องนี้ถึงน้องเอิงแน่”
“แล้วอย่ายุให้รำตำให้รั่วล่ะ อย่าลืมว่าแกเป็นพี่เลี้ยงหนูน้ำหอมกับหนูเขน แกต้องยุติธรรม” พิไลดักคอ
“โอ๊ย ไม่ต้องห่วงหรอกย่ะ ฉันน่ะยุติธรรม ผิดเป็นถูก ถูกเป็นผิดอยู่แล้ว”
พิไลกับทับสะดุ้งมองหน้ากัน
“พูดพิลึก”
พิไลพยักพเยิดและเบ้ปากใส่ฟ้า ดูเป็นคนดีเต็มที่
ดึกสงัดตัวบ้านทั้งหลังตกอยู่ท่ามกลางความมืดสนิท
ประตูบ้านศวัสเปิดออกกว้างเอง ก่อนจะเห็นหอมน้ำเดินเข้ามา เธอเหลียวซ้ายแลขวา เสียงสะท้อนก้อง
“มีใครอยู่บ้างคะ ฮัลโหล...ฮัลโหล”
เสียงหอมน้ำสะท้อนกลับมา
“มีใครอยู่บ้างคะ”
เสียงสะท้อนกลับมาดังเดิม
“ฮัลโหล” เด็กสาวเดินเข้ามาเรื่อยๆ
มีเงาของใครคนหนึ่งลอยแวบ มาทางด้านหลัง
“มีใครอยู่บ้างคะ”
“ฉันอยู่นี่”
หอมน้ำหันหลังไปมองทางทิศที่มาของเสียง ตรงบริเวณบันไดหน้ารูปพุธกันยา และสะดุ้งเฮือก เบิกตากว้างเมื่อเห็นพุธกันยายืนอยู่ตรงหน้ารูปนั้น
หอมน้ำพยายามจะพูด แต่ไม่มีเสียงออกมา จะขยับตัวขาก็เหมือนถูกตรึงกับที่
พุธกันยาก้าวลงมาช้าๆ เดินตรงมาหา ใบหน้านัยน์ตาจ้องเขม็งมาที่หอมน้ำ
ใบหน้าหอมน้ำเหมือนถูกสะกด นัยน์ตาเบิกกว้างมองพุธกันยา
พุธกันยาเดินใกล้เข้ามาเรื่อยๆ จนมาหยุดข้างหน้าหอมน้ำ โดยที่หอมน้ำยังคงเบิกตากว้างมอง แต่ไม่อาจ
ขยับไปไหนได้ พุธกันยาเองก็จ้องมองหอมน้ำเช่นกัน
พุธกันยาขยับเดินต่อเหมือนจะเข้าสิงหอมน้ำ แต่แล้วก็หยุดชะงักร้องลั่น
นัยน์ตาพุธกันยาเลื่อนลงมาที่คอ เจอพระพวงใหญ่ที่หอมน้ำห้อยคออยู่
หอมสะดุ้งตื่นจากฝันร้าย มือยังกุมพระที่คอไว้เหมือนในฝันเมื่อครู่นี้
หอมน้ำค่อยๆ ขยับลุกขึ้นนั่ง สีหน้าแววตาหวาดกลัวขณะเบือนหน้าไปเรียกเขน
เรียกเพื่อนเสียงสั่น “ขะ...ขะ เขน...เขน”
เขนนอนหลับไม่ขยับเขยื้อน
หอมน้ำพยายามอีก “ขะ...ขะ...เขน”
เขนยังคงนอนอ้วนหลับสนิท
หอมน้ำเหลียวซ้ายแลขวาแล้วขยับไปที่หัวเตียง พยายามเอื้อมมือไปหยิบโทรศัพท์มาเลือกชื่อ “เขน” แล้วโทร.
เสียงโทรศัพท์ของเขนที่วางตรงหัวนอนดังขึ้น เสียงดังก้องขึ้นมาในความมืด
เขนสะดุ้งเฮือกและหยิบมารับ “ใครโทรมาป่านนี้ ฮัลโหล” พูดโดยไม่ได้ดูชื่อด้วยงัวเงีย “ใครเฮอะ”
“ฉันเอง หอมน้ำ”
เขนหาวยังไม่รู้สึกตัวดี “โทร.มาทำไมป่านนี้ อ้าว...”
“ก็เรียกแล้วแกไม่ได้ยินนี่”
เขนชะงัก เมื่อเริ่มหายง่วงและหันมามองหอมซึ่งกำลังมองมา
“เฮ้ย จะบ้าเหรอหอม”
หอมน้ำวางโทรศัพท์ลง “ก็ฉันเรียกตั้งนานแล้วแกไม่ตื่นนี่”
“แล้วแกจะเรียกฉันหาอะไรกลางดึก” เขนดูนาฬิกา
“ฉัน ฉัน...ฝันอีกแล้ว”
เขนเดินมาหาทันที “ผีเหรอ”
หอมน้ำพยักหน้า นัยน์ตาหวาดกลัวสุดๆ
วันนี้ ด้านนอกหมู่บ้านการจราจรติดขัด ถึงแม้จะสายแล้วด้วยฝนตกพรำๆ ตลอด
ภายในห้องแต่งตัวที่กองถ่าย พิไลยกถาดวางข้าวต้มปลาร้อนๆ ให้ 2 สาวอย่างใจดี
“ข้าวต้มปลากะพงพิเศษสำหรับคนเจ็บ แล้วก็เพื่อนคนเจ็บจ้า”
หอมน้ำและเขนยกมือไหว้ “ขอบคุณค่ะ ป้าไล”
“แล้วของหนูล่ะ ป้า” ทับทิมท้วง
“แกไปกินข้าวราดแกงท้ายรถโน่น” พิไลหน้าตาตื่นเต้น “เออ นี่น้องหอมรู้ตัวหรือยังว่าจะได้เล่นละครแทนน้องเอิง”
“หอมเล่นไม่เป็นหรอกค่ะ”
ขณะทั้ง 3 คุยกัน ธุรกิจกองและอุมาเดินเข้ามาสีหน้าธุรกิจกังวลยุ่งยากใจ
“เป็นอะไรยะคิ้วผูกโบว์แต่วันเลย” ทับทิมเย้า
ธุรกิจบอก “ไม่ผูกได้ไง ดาราโทรมาว่ารถติดมาก ฝนตกทีไรเป็นแบบนี้ทุกที น้องหอม...เดี๋ยวทานข้าวเสร็จแล้วไปหาป๊ะป๋าข้างในหน่อยนะ”
หอมน้ำหันขวับไปมองเขน
“แกจะเล่นหรือไม่เล่นก็ไปพูดกับป๊ะป๋าเอง”
หอมน้ำมีสีหน้ายุ่งยากใจ
“เดี๋ยวดังแล้วขอลายเซ็นให้ป้าเป็นคนแรกเลยนะคะ ป้ารับรองว่าจะทำกับข้าวอร่อยๆ ให้หนูทานทุกมื้อเลย”
หอมน้ำยิ้มแห้งๆ
ภายในห้องนั่งเล่นในบ้านศวัสตอนนี้ บุรี ผู้กำกับ โค้ก ขวัญ และฟ้า กำลังนั่งคุยกันอยู่อย่างสนุกสนาน บนโต๊ะมีน้ำ ขนม และผลไม้เลี้ยงเต็มที่
เขนและหอมน้ำเดินเข้ามา ท่าทางหอมน้ำยังกังวลอยู่
บุรีนั่งหันหน้ามาทางนั้นพอดี “มากันแล้ว เข้ามาซิหนู”
สองสาวเดินเข้ามาและทรุดตัวลงนั่ง
ขวัญอนงค์มองอย่างเอ็นดู “หน้าตาเป็นนางเอกได้เลยนะคะ”
หอมน้ำยิ้มแห้งๆ ยกมือไหว้ พึมพำ “ขอบคุณค่ะ” เบาๆ
“ว่าไง น้ำหอม เอ๊ย หอมน้ำ” ผู้กำกับถามอย่างอารมณ์ดี
หอมน้ำยังคงยิ้มแห้งๆ อีก “หอมเล่นไม่เป็นจริงๆ ค่ะ”
“ไม่มีใครเล่นเป็นมาตั้งแต่เกิดหรอก ทุกคนมาเรียนมาฝึกกันทีหลังทั้งนั้น นึกว่าเห็นแก่พี่ เอ๊ย บริษัทเราเถอะนะน้อง” โค้กหว่านล้อมเต็มที่
หอมน้ำขยับตัวอย่างอึดอัด “หอม”
“ลองดูก็ไม่เสียหายนี่”
“ภรรยาลุงก็เคยคิดว่าเขาเล่นหนังเล่นละครไม่ได้เหมือนกัน”
ทุกคนหันหน้ามามองบุรีด้วยความประหลาดใจ บุรีมองไปข้างหน้าเหมือนจะทบทวนความทรงจำ
รำลึก
“เขาไม่รู้ว่าตัวเองมีพรสวรรค์จนกระทั่งได้ลองดู หลังจากนั้นเขาก็มีความสุขกับงานแสดง” บุรีเว้นไปนิดสีหน้าแววตาหมองลง “จนกระทั่ง...”
บุรีส่ายหน้าช้าๆ ก้มลงครู่หนึ่งแล้วเลยขึ้น พยายามขจัดแววเศร้าให้หายไป
“หนูไม่ได้มีความลับอะไรเหมือนเขา หนูยังเด็ก ยังมีอนาคตอีกยาวไกล ทำไมไม่ลองใช้โอกาสดีๆ ที่ผ่านเข้ามาในชีวิต เพราะมันไม่ใช่หาได้ง่ายๆ และไม่ใช่ทุกคนที่จะได้รับ หนูน่าจะลองดู ถ้าไม่ได้จริงๆ ก็แล้วไป
ผู้กำกับเสริม “พวกเราทุกคนจะไม่ลืมบุญคุณน้องหอมเลยที่ช่วยให้ละครเรื่องนี้ผ่านไปด้วยดี”
“โอเค นะครับ น้องหอม” โค้กยิ้ม
หอมน้ำเบือนหน้ามามองเขนอย่างลังเล
ภายในห้องทำงานวดีตอนนี้ ทั้ง 3 คนหน้าตาซีเรียส โดยวดีกำลังพูดโทรศัพท์อย่างหงุดหงิด
“เจคทำอย่างนี้เหมือนหักหน้าวดีนะคะ เรื่องแค่นี้พูดกันดีๆ ก็ได้ ไม่ใช่อยู่ดีๆ ก็ปลดยัยเอิงกลางอากาศ”
เอิงหยิบทิชชูจากโต๊ะวดีมาซับน้ำตา ลิซซี่จัดการทำตามทันทีอย่างสอพลอ
“แล้วจะให้ผมทำยังไง ในเมื่อหลานคุณเบี้ยวคิวตั้งแต่วันเปิดกล้อง แถมยังปิดโทรศัพท์ไม่ให้ทางกองถ่ายติดต่ออีก อย่าลืมว่าละครของผมมีคิวออนแอร์อีก 2 เดือนข้างหน้าแล้ว”
“ถึงยังไงคุณก็น่าจะแจ้งให้ทางเราทราบก่อน วดีจะได้รีบลงข่าวว่ายัยเอิงขอถอนตัวเอง แกจะได้ไม่ขายหน้า ในเมื่อเจคไม่ไว้หน้าวดี วดีก็จะไม่ไว้หน้าเจคเหมือนกัน แล้วอย่ามาว่าวดีไม่เตือนนะคะ”
“คุณก็ไม่เคยเตือนใครอยู่แล้วนี่ ผมไม่เคยลืมหรอกว่าคุณเลือดเย็นแค่ไหน”
เจควางโทรศัพท์ทันที
วดีผุดลุกขึ้นร้องกรี๊ด ทำให้เอิงและลิซซี่ซึ่งกำลังฟังเพลินๆ สะดุ้งเฮือกด้วยความตกใจไม่คาดคิด เท่านั้นยังไม่สาแก่ใจ วดีขยับเก้าอี้จะยกขึ้นทุ่ม แต่ก็ยกไม่ไหว
วดีหันมาตวาด 2 สาว “ช่วยฉันยกหน่อยซิ ยืนเบิ่งตากันอยู่ได้”
“ป้าจะยกไปไหนคะ”
“ยกทุ่มระบายความแค้น ไอ้เจคมันไม่ไว้หน้าฉัน”
สองสาวรีบกุลีกุจอช่วยยก แต่วดีกลับนั่งลงใหม่ สองสาวมองงงๆ
“ฉันเปลี่ยนใจแล้ว”
สองสาวร้อง “อ้าว”
“เรื่องอะไรจะทำลายข้าวของตัวเอง สู้ทำลายชื่อเสียงของมัน ทำลายละครมันไม่ได้”
สีหน้าวดีอาฆาตมาดหมายยิ่งนัก
ที่ห้องนั่งเล่นบ้านศวัส ผู้กำกับวางโทรศัพท์ลงด้วยสีหน้าออกจะโล่งใจ โค้กถามทันที
“มีอะไรหรือครับ”
“คุณเจคเปลี่ยนให้พี่ไปกำกับเรื่อง “กลิ่นกรรณิการ์” ส่วนแกจะมากำกับเรื่อง “เพลิงนารี” แทน”
“อ้าว..ทำไมล่ะครับ”
“แกกลัวคุณวดีจะตามรังควานที่เราปลดน้องเอิงกลางอากาศ ถ้าแกมาดูแลเองอย่างน้อยคุณวดีก็ทำอะไรไม่ถนัดนัก”
บุรีส่ายหน้า “นิสัยไม่เคยเปลี่ยน”
ทุกคนเว้นผู้กำกับมองบุรีแปลกใจ เพราะผู้กำกับอยู่กับเจคมาตั้งแต่แรก จึงรู้เรื่องดี
ผู้กำกับขยับตัว “ไปซ้อมบทให้หอมน้ำกัน คืนนี้ต้องเข้าฉากแล้ว” พลางเบือนหน้ามาทางบุรี “ขอบคุณพี่มากนะครับ”
“มีอะไรจะให้ช่วยก็บอก”
ทุกคนไหว้ขอบคุณบุรีอีกครั้ง แล้วลุกเดินออกไป บุรีเอนตัวลงพิงพนักเก้าอี้ ถอนใจยาว
รถเจคแล่นมาตามถนนสายหนึ่ง
ภายในรถเจคนั่งด้านหลัง ทอดสายตาไปข้างหน้าเหมือนจะทบทวนความทรงจำ
เหตุการณ์นั้นเกิดขึ้นที่ออฟฟิศสร้างศิลป์ เจคและศักดิ์สิทธิ์หน้าตาเคร่งเครียดดูสองคน วดี และพุธกันยาทะเลาะกันอยู่
“เอาซิ แน่จริงก็เปิดโปงฉันซิ เพราะฉันก็จะเปิดโปงแกเหมือนกัน”
พุธกันยาเถียงทั้งน้ำตา “ค่าตัวหนูพี่ก็หักครึ่งหนึ่งทุกอย่าง ที่พี่มีกินมีใช้ทุกวันนี้ก็เพราะหนู แล้วทำไมต้องโกงหนูอีก”
“เอ้อ... ลำเลิกเหรอ” วดีชี้หน้า
“หนูพูดความจริง”
“ฉันก็พูดความจริง ฉันเป็นคนปั้นแกมา ฉันย่อมมีสิทธิ์ที่จะเรียกค่าตอบแทน”
“ก็พี่หักไปแล้วครึ่งหนึ่งทุกครั้ง”
“งั้นก็ฟ้องเอาซิ” วดีท้า
“หนูฟ้องแน่”
วดีหัวเราะเย้ยหยัน “เอาเล้ย..ไปเดี๋ยวนี้เลย ผู้คนจะได้รู้กันเสียทีว่า พุธกันยา นางเอกใสซื่อที่ประกาศกับใครต่อใครว่ายังไม่มีแฟนน่ะ ที่จริงใจแตกมีทั้งลูกทั้งผัวเรียบร้อยแล้ว”
พุธกันยาโกรธจัด ตบเปรี้ยงจนวดีหน้าหงาย
วดีโกรธจนตาถลน “แกกล้าตบฉันเหรอ นี่แน่ะ”
วดีตบเปรี้ยงตอบ ทั้งสองคนเข้าตบตีกันด้วยอารมณ์อันรุนแรงทั้ง 2 ฝ่าย
เจคและศักดิ์สิทธิ์ตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง แล้วเข้าดึงทั้ง 2 คนออกจากกัน แต่ทั้งคู่ยังพยายามดิ้นรนจะ
ห้ำหั่นกันต่ออีก
ศักดิ์สิทธิ์พูดแทบเป็นตวาด “พอที โตๆ กันแล้วยังมาทะเลาะเป็นเด็กๆ”
“ปล่อย ฉันจะสั่งสอนอีเนรคุณนั่น”
“พี่ต่างหากที่เนรคุณหนู” พุธกันยาย้อน
วดีกรี๊ดๆ
ศักดิ์สิทธิ์ตวาด “บอกให้หยุด”
“วดี คืนเงินให้กัลยา” เจคมักเรียก กัน-ละ-ยา เสมอ “ไป อย่าลืมว่าพวกคุณยังต้องพึ่งพาอาศัยกัน”
วดีกรีดเสียงหัวเราะเย้ยหยัน ตาแทบถลน “อ๊อ...ฉันไม่มีวันพึ่งพาอาศัยมันอีกแล้ว คนอย่างฉันเมื่อเขียนด้วยมือได้ ก็ลบด้วยเท้าได้เหมือนกัน”
ภาพอดีตเหล่านั้นจางหายไปสิ้น เจคยังคงมีสีหน้าเคร่งขรึม ขณะรถเลี้ยวเข้าซอยบ้านพุธกันยา
เวลานั้นศวัสเดินเข้ามาภายในห้องรับแขก แล้วหยิบหนังสือพิมพ์มาเปิดอ่าน สักพักหนึ่ง บุรีก็เดินเข้ามา
“วันนี้ไม่ไปไหนหรือลูก”
“ว่าจะออกไปตอนเที่ยงครับ คุณพ่อล่ะครับ” เขาลดหนังสือพิมพ์ลง
“พ่อว่าจะอยู่ให้กำลังใจหนูหอมน้ำเขาหน่อย”
ศวัสซึ่งก้มลงกางหนังสือพิมพ์จะอ่านต่อ เงยหน้าขึ้นทันที สีหน้าแววตาแปลกใจ
บุรีหัวเราะ “เย็นนี้เขาจะเข้าฉากน่ะ”
ศวัสฉงน “เข้าฉาก”
“นักแสดงคนหนึ่งเบี้ยวคิว เขาเลยตัดสินใจให้หอมน้ำเล่นแทน รู้สึกว่าจะเพิ่มบทเด่นให้ด้วย”
ศวัศเหยียดยิ้มมุมปากเยาะหยัน “อีกหน่อยก็ใจแตก เรียนไม่จบ”
“เฮ้ย นี่มันเทอมสุดท้ายแล้ว ฝึกงานเสร็จก็จบ ดีไม่ดีได้งานทำเลย เป็นดาราสมัยนี้…”
ศวัสลุกขึ้นทันทีพร้อมกับขัดขึ้น “ไม่ว่าสมัยนี้หรือสมัยไหน ผมก็ไม่เห็นด้วย”
บุรีมองลูกอย่างแปลกใจ ขณะที่วิญญาณพุธกันยาปรากฏขึ้น มองดูพ่อลูกอย่างแสนรัก
“คุณพ่อลืมไปแล้วหรือครับว่าคุณแม่ไม่เคยมีเวลาให้ครอบครัว ผมอยู่กับน้าภามากกว่าคุณแม่เสียอีก”
“เดี๋ยว เดี๋ยว หนูหอมน้ำเขายังไม่มีครอบครัวนะ แล้วมันก็เป็นโอกาสของเขา อีกอย่างหนูหอมกับแม่เป็นคนละคน คนละเรื่อง”
“ขอโทษครับ”
ศวัสเดินขึ้นบันไดไป ทั้งแม่ผีและพ่อคนมองตาม โดยพุธกันยาดูร้อนใจขณะที่บุรีงงๆ
“มันเป็นอะไรของมัน”
ศวัสเดินเข้าห้องนอนมา แล้วทิ้งตัวนั่งบนเตียงหงุดหงิด วิญญาณพุธกันยาปรากฏตัวขึ้น มองลูกอย่างร้อนใจ
“ศวัส ลูกโกรธแม่หรือ”
ศวัสลุกขึ้น พุธกันยาเดินมาหยุดตรงหน้า
“ศวัส ฟังแม่ก่อน แม่ขอ…”
พุธกันยายังพูดไม่จบ ศวัสเดินทะลุร่างของพุธกันยาไป
พุธกันยารีบหันตามไปพูดต่อ “โทษ...”
ศวัสเดินกลับไปกลับมาอย่างหงุดหงิด โดยมีพุธกันยาเดินไปทรุดตัวลงนั่งบนเตียง
“ศวัส แม่ต้องอธิบายให้ลูกเข้าใจ”
ศวัสเดินมาหยุดหน้ารูปแม่ “คุณแม่รักการแสดงมากกว่าผม มากกว่าคุณพ่อ”
วิญญาณพุธกันยาเข้ามาอยู่ในรูป พยายามจะให้ลูกเห็น
“ไม่จริงลูก ศวัสคือแก้วตา พ่อของลูกคือดวงใจของแม่”
ศวัสไม่รับรู้หันหลังกลับ “การแสดงทำให้คุณแม่ต้องฆ่าตัวตาย”
พุธกันยาปรากฏตัวตรงหน้า “ไม่จริง แม่ไม่ได้ฆ่าตัวตาย”
ศวัสเดินมาทิ้งตัวลงนอนอยู่บนเตียง หลับตาลง ความเจ็บปวดระบายอยู่ทั่วใบหน้า
พุธกันยาเดินช้าๆ มาทรุดตัวลงนั่งใกล้ๆ ลูก “เด็กคนนั้นเป็นคนเดียวที่เห็นแม่ ถึงเวลาแล้วที่ทุกๆ คนจะได้รู้ความจริงเสียที”
พุธกันยายกมือขึ้นลูบผมลูก แต่มือกลับผ่านลงไปโดยไม่ได้สัมผัสกับอะไรเลย พุธกันยาน้ำตาคลอ
เวลาผ่านไปอีกสักระยะ ภายในห้องแต่งตัวหลังบ้าน เขนและทับทิมกำลังช่วยกันต่อบทให้หอมน้ำ ซึ่งสีหน้าเต็มไปด้วยความกังวล
ทับทิมทำเสียงเป็นผู้ชายด้วยซ้อมบทอธิปให้ โดยในเรื่องหอมน้ำจะต้องเล่นคู่กับอธิป หรือ ไก่
“ฟังผมก่อนซิครับ”
“ฉันไม่ฟัง” หอมน้ำพูดแบบไร้อารมณ์ “ฉันเกลียดคุณ”
เขนทำหน้าที่ผู้กำกับ “คัท”
หอมน้ำหันมามองอย่างสิ้นหวัง
“ใช้ไม่ได้เหรอ”
“ฟังนะหอม แกต้องพูดแบบโกรธๆ แกต้องมโนเอาว่าแกทะเลาะกับแฟน”
หอมน้ำบอกเสียงอ่อยๆ “ฉันไม่เคยมีแฟนนี่”
เขนกุมขมับ
“บอกแล้วว่าฉันเล่นไม่ได้แกก็ไม่เชื่อ” หอมน้ำจะร้องไห้
ทับทิมรีบเข้าช่วยทันที “ไม่มีแฟนก็ไม่เป็นไรค่ะ คุณน้องลองมโนว่าทะเลาะกับน้องเขนก็ได้”
“แต่หอมก็ไม่เคยทะเลาะกับเขนเหมือนกันค่ะ”
“เวรกรรม เอางี้ น้องหอมเคยโกรธใครมากๆ มั้ยคะ”
หอมน้ำส่ายหน้าซื่อๆ “ไม่เคยค่ะ”
ทับทิมมึนตึ๊บ “กรรมเวร เอาไงดีคะ น้องเขน”
“มืดแปดด้านค่ะ บางทีอาจจะมืดถึงสิบด้านด้วยซ้ำ”
ทับทิมนิ่งคิดไปครู่หนึ่ง “เอางี้ ต้องบิวท์”
สองสาวประสานเสียง “บิวท์ยังไงคะ”
“ตบค่ะ พี่จะตบน้องหอม น้องหอมจะได้โกรธเป็น”
เขนส่ายหน้า “เขาจะร้องไห้โฮด้วยความเสียใจที่ถูกตบมากกว่าค่ะ”
ทับทิมถอนใจเฮือก “แล้วไม่โกรธ”
“คงจะโกรธเหมือนกันนะคะ”
ระหว่างทั้งหมดซักซ้อมพูดคุยกันเคร่งเครียดนั้น พุธกันยาปรากฏตัวขึ้น
หอมน้ำคนเดียวที่เริ่มมีไอเย็นออกมาจากลมหายใจและปาก เด็กสาวสะดุ้งและหันขวับไปมอง เห็นพุธกันยานิ่งมองมาจากมุมดอกพุธซ้อน ส่งยิ้มน้อยๆ มาให้
หอมน้ำเบิกตากว้าง อ้าปากด้วยความหวาดกลัว
สองคนมองตามสายตาหอม แล้วหันมามองหอมงงๆ
“น้องหอมคะ”
เขนยกมือปัดไปปัดมาตรงหน้าหอม ซึ่งยังคงจ้องเขม็งไปยังพุธกันยา
“ไอ้หอม เป็นอะไร ทำหน้ายังกับเห็นผี”
หอมน้ำพยักหน้าที่เต็มไปด้วยความหวาดกลัว “ใช่...คุณแม่คุณหมอฟันทันตแพทย์”
สองคนกระโดดเข้าหากันโดยอัตโนมัติ
“กลาง...กลางวันแสกๆ เนี่ยนะคะ” ทับทิมเหวอ
หอมน้ำพยักหน้า ตายังมองพุธกันยาอยู่ พุธกันยาพูดอะไรบางอย่าง
คราวนี้หอมน้ำรีบกอดแขนสองสาว “ไปกันเถอะ”
สามสาวมองหน้ามองหลังแล้วรีบเดินออกไป
พุธกันยามองตามหอมน้ำ ด้วยสีหน้าแววตามาดหมาย
เวลาล่วงเลยไปอีกช่วงหนึ่งเป็นบ่ายคล้อย ภายในห้องแต่งตัว ช่างแต่งหน้ากำลังแต่งให้หอม ซึ่งนั่งหน้าตาไม่สบาย โดยมีเขนถือบท คอยต่อให้ตรงหน้า
อุมาแต่งให้เพลินพิศซึ่งมองหอมเหยียดๆ ทับทิมกำลังเลือกชุดให้หอม
เพลินพิศทำพูดขึ้นลอยๆ “เฮ้อ วันนี้มีโอกาสถ่ายถึงสว่าง”
“อ้าว งั้นก็แย่กันหมดสิคะ” อุมาว่า
เพลินพิศเบ้ปาก “พี่อุมายังไม่แย่เท่าเพลิน เพลินต้องเข้าฉากกับแม่นี่ด้วย มีหวังขาแข็งคอแหบคอแห้งตายคาฉาก เพลินล่ะเบื่อ เบื่ออีพวกเด็กใหม่ การแสดงก็ไม่เคยเรียนแต่อยากจะเป็นดารากับเขาบ้าง”
ทับทิมและช่างผมลอบมองเพลินพิศแบบไม่พอใจแว่บหนึ่ง ขณะที่หอมน้ำก้มหน้าบีบมือ แต่เขนเงยหน้าหันมามองเพลินพิศและอุมาตรงๆ
“ทุกคนก็เคยเป็น อีพวกเด็กใหม่ กันทั้งนั้นแหละค่ะ”
หอมน้ำตกใจมาก “เขน”
เพลินพิศและอุมาสะดุ้งด้วยไม่คาดคิดว่าเขนจะกล้า ขณะที่ทับทิมลอบหัวเราะไม่มีเสียงแบบถูกอกถูกใจ
“เท่าที่จำได้ ดูเหมือนพี่เพลินเองก็เคยได้ฉายาว่า น้องหิน ไม่ใช่ หรือคะ” เขนใส่ไม่ยั้ง
เพลินพิศผุดลุกขึ้นทันที จนอายไลน์เนอร์ที่อุมากำลังใช้กรีดขอบตาให้ ขีดพรืดยาวออกไปจนดูตลก
“จะมากไปแล้วอีอ้วน”
“อ้าว เล่นขึ้นไอ้ขึ้นอีเลยเหรอคะ อี...”
หอมน้ำรีบลุกขึ้นอุดปากเพื่อน “พอแล้วเขน” พลางหันไปทางเพลินพิศ “หอมขอโทษแทนเขนด้วยค่ะพี่เพลิน”
เพลินพิศชี้หน้าทั้ง 2 คน “ฉันจะเอาเรื่องแก 2 คนให้ถึงที่สุดแน่ พี่อุมาเป็นพยานให้เพลินด้วย”
“พี่ทับก็จะเป็นพยานให้น้องหอมกับน้องเขนเหมือนกันค่ะ พี่ทับละเกลี๊ยด เกลียดไอ้พวกที่ชอบกระแนะกระแหนด่าคนอื่นเขาทั้งๆ ที่ตัวเองไม่ได้มีอะไรดีเลยซักนิด ยิ่งเห็นเขาไม่เอาเรื่องก็ยิ่งได้ใจ หารู้ไม่ว่าตัวเองน่ะน่าสมเพชเต็มทน”
เขนหัวเราะลั่นขณะที่หอมน้ำทำหน้าจะร้องไห้เสียให้ได้
“พี่ทับไม่ได้ว่าใครนะคะ แต่พูดกว้างๆ”
เพลินพิศถลาเข้ามาจะตบทับทิม “นังทับ”
เสียงธุรกิจดังมาก่อนตัว “น้องหอม แต่งหน้าแต่งตัวเสร็จหรือยังจ๊ะ”
ทุกคนหยุดชะงัก โค้กและธุรกิจเดินเข้ามา ทั้งสองมองทุกคนอย่างแปลกใจ
โค้กมองสีหน้าและท่าทางที่ทุกคนค้างไว้ “มีเรื่องอะไรกัน”
เพลินพิศเปลี่ยนสีหน้าเป็นยิ้มหวานทันที “พวกเราช่วยน้องหอมน้ำซ้อมละคร”
ทับทิมและเขนเบิกตากว้างอ้าปากจะปฏิเสธ แต่หอมน้ำรีบพูดขึ้นก่อนด้วยสีหน้าเรียบๆ อ่านความรู้สึกไม่
ออก
“ขอบคุณค่ะ พี่เพลิน”
เพลินพิศเป็นฝ่ายหน้าเหยๆ อ้อมแอ้มตอบรับ
“อีก 10 นาที ทุกคนไปพร้อมกันที่ห้องรับแขกนะ” โค้กสั่ง
ทุกคนรับปาก บรรยากาศเต็มไปด้วยความอึดอัด
อ่านต่อหน้า 3
ใยกัลยา ตอนที่ 2 (ต่อ)
ทับทิม อุมา และพิไล ทั้งสามคนแอบดูอยู่ตรงประตูเงียบๆ
ภายในห้องรับแขก ฉากพร้อม นักแสดงพร้อม ทุกคนอยู่ในความเงียบ
ศวัสก้าวลงมาอยู่ที่บันไดขั้นหนึ่ง ในมุมที่สามารถมองเหตุการณ์ในฉากได้อย่างชัดเจน
ในฉากณัชชาและเพลินพิศ ซึ่งจะต้องทะเลาะกันอยู่ประจำ โดยที่หอมน้ำซึ่งจะต้องเข้าฉากไปห้ามปราม
ยืนมือเย็นท้าวเย็น ต้องบีบมือตัวเองเพื่อตั้งสติ
อธิปหรือไก่ซึ่งคอยอยู่แล้วเดินเข้ามาใกล้หอมน้ำ ช่วยแนะนำเพื่อปูทางให้หอมไว้วางใจ
ศวัสมองภาพนั้นเยาะหยัน “ทำเป็นใสซื่อ”
เจคสั่งเดินกล้อง “5-4-3-2 Action”
“แกใช่มั้ยที่ไปฟ้องพี่ต้น” เพลินพิศเล่มสมบทบาท
“จะต้องให้บอกกี่ครั้งว่า ฉันไม่รู้เรื่อง” ณัชชาก็เช่นกัน
“นี่แน่ะ ไม่รู้เรื่อง”
เพลินพิศเงื้อมือตบณัชชา แต่อีกฝ่ายหลบแล้วตบสวน
“อะไรกัน อะไรกัน” หอมน้ำเข้าไปตามคิว อาการออกมาดูเหยาะแหยะตลกๆ แถมออกเสียงแบบภาษาเขียน ไม่มีอารมณ์ ขัดกับบรรยากาศมาคุในฉากโดยสิ้นเชิง จึงยิ่งดูตลกขึ้นไปอีก
หอมน้ำหน้าเหลอหลา ขณะที่เพลินพิศทำท่ารำคาญและโกรธสุดๆ
“อย่างนี้หนูก็โดนตบฟรีซิคะ”
ณัชชาโอบไหล่หอมน้ำปลอบ “ไม่เป็นไร น้องต้องใส่อารมณ์ให้มากกว่านี้นะจ๊ะ”
“ค่ะ”
ศวัสอดยิ้มขันๆ ออกมาไม่ได้
“หอมน้ำมานี่”
หอมน้ำเดินเกรงๆ ไปหา
เจคอธิบายให้ฟังใหม่ “เราเห็นเพื่อนทะเลาะกันต้องตกใจ แล้วรีบเข้ามาห้าม เข้าใจมั้ย”
หอมน้ำหน้าเสีย “ค่ะ”
“เวลาพูดก็เหมือนกัน พูดให้เหมือนคนตกใจหน่อย ไม่ใช่ยานคางเป็นผีแบบนั้น”
“ค่ะ”
เจคร้องบอก “เอาใหม่ ทุกคนเข้าประจำที่”
ทุกคนเข้าประจำที่ อธิปเข้าปลอบใจหอมน้ำตามเคย
กลุ่มพิไล ทับทิมกับอุมาเม้าท์มอยกันไป
“น่าสงสารหนูหอมจังเลย แกไม่มีพรสวรรค์เอาจริงๆ”
“หนูว่าไม่รอดแน่เลย” อุมาว่า
สองคนวิจารณ์กันขณะทับทิมยกมือไหว้บนบานศาลกล่าว
เจคร้องขึ้น “5-4-3-2 Action”
“แกใช่มั้ยที่ไปฟ้องพี่ต้น”
“จะต้องให้บอกกี่ครั้งว่าฉันไม่รู้เรื่อง”
ลมหายใจหอมน้ำเริ่มมีไอเย็นออกมา หอมน้ำหันขวับไปมอง
พุธกันยายิ้มและพยักหน้าให้ “วิ่งเข้าไปเลยหนู”
เจคหงุดหงิดสุดขีด “จะหันไปมองหาสวรรค์วิมานที่ไหนเฮอะ”
หอมน้ำตกใจหันกลับมา เห็นทุกคนมองด้วยความหงุดหงิดสุดๆ
หอมน้ำยกมือปิดหน้าวิ่งร้องไห้ออกไป ทุกคนมีสีหน้ากึ่งตกใจกึ่งอ่อนใจ ยกเว้นเพลินพิศสะใจมาก
พุธกันยากอดอกมองตามและส่ายหน้า
ศวัสมองตามหอมเหมือนเวทนานิดๆ
“เล่นไม่เป็นแล้วยังแค่นจะเล่น”
หอมน้ำวิ่งร้องไห้เข้ามาในห้องแต่งตัวแล้วปิดประตูล็อค
ทับทิม โค้กตามมา ทับทิมร้องเรียกอยู่หน้าห้อง “น้องหอม...เปิดประตูหน่อยค่ะ”
“น้องหอม...ให้พี่โค้กเข้าไปนะคะ”
“หอมอยากอยู่คนเดียวค่ะ”
โค้กและทับทิมร้อง “น้องหอม” พร้อมกัน
“หอมไม่เป็นอะไรหรอกค่ะ หอมอยากอยู่คนเดียวเงียบๆ”
ทับทิมทำท่าจะเรียกอีก
โค้กบอกว่า “ปล่อยให้เขาอยู่คนเดียวสักพัก เดี๋ยวก็คงดีขึ้นเอง”
ทับทิมพยักหน้า
ส่วนหอมน้ำร้องไห้สะอึกสะอื้นอยู่คนเดียวในห้อง
จนสักพักหนึ่ง เริ่มมีไอเย็นออกจากปากและจมูก หอมน้ำชะงัก หยุดร้องไห้ทันที นัยน์ตาแสดงความหวาดกลัว
เสียงพุธกันยาดังขึ้น “เรื่องแค่นี้เอง ไม่เห็นจะต้องมานั่งร้องไห้เป็นวรรคเป็นเวรเล้ย”
หอมน้ำค่อยๆ หันกลับไปมองทางเสียง เห็นพุธกันยานั่งอยู่มุมหนึ่ง
เด็กสาวเบิกตากว้าง จะพูดก็พูดไม่ออก
“ฉันมีข้อเสนอ”
ฟากเจคนั่งใช้ความคิดอยู่มุมหนึ่งในห้องรับแขก โดยมีคัมภีร์และธุรกิจอยู่ด้วย ณัชชานั่งเล่นไลน์อยู่อีกมุม
ส่วนเพลินพิศเดินมาหา ไก่ หรือ อธิปซึ่งเพิ่งเลิกโทรศัพท์
“คุยกับใครน่ะ”
“หุ้นส่วนธุรกิจครับ”
เพลินพิศเริ่มนินทา “จ้างให้ เด็กฝึกงานนั่นก็เล่นไม่ได้ เพลินว่าเสียเวลาเปล่าๆ บทแบบนี้ใครเล่นก็ได้”
“คงไม่ได้มั้ง ผมได้ยินพี่เจคบอกว่าจะสร้างภาคสองให้ตัวละครที่น้องหอมเล่นเป็นนางเอก” อธิปบอก
เพลินพิศสะดุ้ง “อะไรนะ แม่นั่นน่ะเหรอจะได้เป็นนางเอกภาค 2”
“ลองไปถามพี่เจคดูซิ”
เพลินพิศเดินไปหาเจค “พี่เจคขา ไก่บอกว่าพี่เจคจะให้หอมน้ำเล่นเป็นนางเอกเพลิงนารีภาค 2 หรือคะ ภาคแรกยังทำท่าจะไม่รอดเล้ย” ประโยคหลังหล่อนทำสุ้มเสียงทีเล่นทีจริง
เสียงโทรศัพท์เจคดังขึ้น เจคหยิบขึ้นมาดูแล้วเดินออกไปรับข้างนอก เพลินพิศมองตามพลางยักไหล่และหันไปหาพวก
“ใครเห็นด้วยกับเพลินบ้าง”
อธิปเดินมาชวนณัชชาคุย ขณะที่โค้กเดินเข้ามาท่าทางกังวลนิดๆ
ธุรกิจถามทันที “ว่าไง...พี่โค้ก”
ทุกคนหันมามองโค้ก
“ไหวมั้ยคะพี่โค้ก” ณัชชาถาม
โค้กถอนใจเฮือก “ยังไม่รู้เลย คุณเจคล่ะ”
คัมภีร์บอกว่า “ออกไปข้างนอก”
โค้กพยักหน้ารับรู้แล้วเดินออกไป ธุรกิจและคัมภีร์ตาม
ณัชชาลุกขึ้นบิดตัวนิดๆ “จะถ่ายต่อหรือเปล่าเนี่ย ลูกนัทรับงาน Event ไว้ตอน 2 ทุ่ม”
เพลินพิศประชด “ไม่มีทางได้ไปร๊อก”
หอมน้ำซึ่งหมดสติไปค่อยๆ ลืมตาขึ้นพร้อมกับสะดุ้งเฮือก พบว่าพุธกำลังก้มหน้าลงมาดู พยักพเยิดกับตัวเองและถอยกลับไปนั่ง
“ไม่เป็นอะไรแล้วนี่”
หอมน้ำมองจ้อง แล้วกรีดเสียงร้องดังลั่น
“ช่วยด้วย ช่วยด้วย”
เสียงเคาะประตู ตามด้วยเสียง เขน ทับทิม และเสียงพิไลดังขึ้นไล่ๆ
“หอม...ไอ้หอม” / “น้องหอมเป็นอะไรคะ น้องหอม” / “หนูหอม เปิดประตูค่ะ หนูหอม”
หอมน้ำหลับหูหลับตา คลานเปะปะไปเปิดประตู ทับทิมกับพิไลและเขนพรวดพราดเข้ามา
“หอม แกเป็นอะไร”
“น้องหอมเป็นอะไรคะ” ทับทิมตกใจไม่ต่างจากเขน
หอมน้ำหลับหูหลับตาชี้ไปที่เก้าอี้ ซึ่งพุธกันยานั่งอยู่เมื่อสักครู่
สามคนมองตาม
พิไลบอก “ไม่เห็นมีอะไรเลย หนูหอม”
หอมน้ำค่อยๆ ลืมตาขึ้นมองหน้าคนทั้งสามคน
“มะ...ไม่...ไม่มีอะไร”
สามคนพยักหน้าพร้อมกัน เขนลดเสียงลงทำหน้าทำตาหวาดๆ
“แกเห็นอะไรอีกเหรอหอม”
พิไลผวา “ผะ..ผะ..ผี..ผี เหรอคะ”
หอมพยักหน้ารับ ทั้งสามร้องกรี๊ด หอมน้ำร้องตาม
เสียงเจคดังขึ้น “อะไรกัน”
ทั้งสี่สาวยิ่งหลับหูหลับตาร้องกันใหญ่
โค้กตามมาด้วย ร้องขึ้น “หยุด หยุด”
ทั้งสี่สาวชะงัก ค่อยๆ ลืมตาขึ้นมอง เห็นเจค โค้กและธุรกิจยืนนิ่วหน้ามองมา
ค่ำแล้ว ขณะแจ่มตักข้าวใส่จานให้ทุกคน ที่นั่งอยู่ในห้องทานอาหาร แล้วถอยออกไปยืนเงียบๆ
“แจ่มออกไปข้างนอกก่อน” บุรีหันไปบอก
“ค่ะ” แจ่มค้อมตัวแล้วเดินออกไป
“ตกลงหนูหอมน้ำจะได้เล่นหรือเปล่าครับ” บุรีถาม
“ต้องลองดูพรุ่งนี้อีกวัน ถ้ายังไม่ได้ก็คงต้องหาคนใหม่ครับ” เจคบอก
“น่าเสียดาย” บุรีว่า
โค้กรีบสนับสนุน “น่าเสียดายจริงๆ ครับ”
เจคปรายตาชำเลืองมอง โค้กหน้าเสียทำเป็นก้มหน้าก้มตากิน
เจคเปลี่ยนเรื่องและหันมามองศวัส “หมอครับ สนใจเป็นพระเอกละครไหม”
ศวัสตอบทันที “ไม่ครับ” สีหน้าหมอหนุ่มเคร่งขรึมลงไปอีก
ทุกคนพากันเงียบงันไป
ด้านนอกอาคารคอนโดหอพักในบรรยากาศยามค่ำ นักศึกษากำลังเดินกลับมาบ้าง เดินออกไปหาข้าว จับกลุ่มเม้าท์ตรงมุมนั่งเล่นบ้าง
ส่วนภายในห้องหอมน้ำ เขนกำลังคาดคั้นถามเพื่อนซึ่งนั่งท้าวคางมองข้าวด้วยท่าทางเหมือนกินไม่ลง
“แกพูดจริงๆ หรือว่าแกล้งแต่งเรื่องเพราะไม่อยากเล่นละคร”
“ฉันยอมรับว่าไม่อยากเล่นละคร แต่ยืนยันว่าไม่ได้แต่งเรื่องขึ้น ฉันเห็นผีคุณแม่หมอฟันทันตแพทย์จริงๆ”
“แล้วทำไมอยู่ดีๆ แกถึงเกิดเห็นขึ้นมาทั้งๆ ที่คนอื่นไม่เห็น”
หอมน้ำเซ็ง ถอนใจเฮือก “ไม่เชื่อก็อย่าเชื่อ ฉันเหนื่อยแล้ว...อยากนอน”
“ไปนอนที่ห้องฉันไหม”
“ไม่ล่ะ ขอบใจ คุณพุธกันยาคงไม่ตามมาถึงที่นี่หรอก”
“แกแน่ใจนะ”
หอมน้ำชักจะหวาดๆ “เขน”
เขนหัวเราะขำกลิ้ง “ล้อเล่นน่ะ ดูหน้าแกซิซีดเหมือนผีเลย”
“บ้า จะไปไหนก็ไป”
เขนลุกขึ้นพร้อมกับตบไหล่หอม “ชัวร์นะว่าคุณพุธกันยาตามมาไม่ถูก”
หอมน้ำชักหน้าเสียอีก “จะบ้าเหรอเขน พูดย้ำอยู่ได้...แม่ฉันเคยบอกว่า ทุกบ้านมีผีเหย้าผีเรือน ถ้ามีผีอื่นหลงมาท่านก็ไม่ให้เข้าหรอก” สีหน้าท่าทางเด็กสาวเหมือนพยายามปลอบใจตัวเอง
“แต่ที่นี่มันเป็นคอนโดฯ ไม่น่าจะมีผีเหย้าผีเรือน” เขนท้วง
“มี แต่เปลี่ยนเป็นผีคอนโดฯ”
“ยังไงก็ยังเป็นผีอยู่ดี”
“แต่เป็นผีคุ้มเกรงรักษา ประมาณผีผู้พิทักษ์ มักไม่ปรากฏตัวให้เห็นหรอก”
เขนอ้าปากจะพูด
หอมยกมือห้าม “หยุด พอได้แล้ว”
“โอเค ไปละ”
เขนเดินออกไป หอมน้ำถอนใจเฮือกแล้วค่อยๆ เหลียวมองไปโดยรอบอย่างหวาดระแวง
ชั้นล่างบ้านศวัส ไฟปิดหมดทุกดวง ด้วยเข้านอนกันแล้ว ภาพของพุธกันยาบริเวณโถงบันได รูปนั้นปกติไม่มีการเคลื่อนไหวใดๆ แต่บรรยากาศดูวังเวง และหลอนๆ
ที่ห้องนอนศวัสบริเวณรอบๆ ห้องสลัวราง ทั้งห้องเปิดเพียงโคมไฟบนโต๊ะหัวเตียง
ศวัสยืนกอดอกหันหลังพิงหน้าต่าง สีหน้ามีริ้วรอยหงุดหงิดปรากฏ
เขานึกถึงเหตุการณ์วันนี้ที่หอมน้ำเข้าฉากละคร แต่แสดงไม่ผ่านสักที
ภาพเหล่านั้นเลือนหาย ชายหนุ่มนึกถึงภาพวัยเด็กที่เห็นพุธกันยาร้องไห้กลับมาบ้านมาร้องทักแต่แม่ไม่หันมาหา
“ไม่รู้ว่าจะอยากเล่นกันทำไมนักหนา เห็นแต่น้ำตาท่วมบ้านทั้งนั้น”
อีกฟาก หอมน้ำเปิดโน้ตบุ๊ค เข้าสู่เว็บ Google มือกดคีย์บอร์ดจะพิมพ์ชื่อ สีหน้าลังเลนิดหนึ่งแล้วตัดสินใจ
พิมพ์ชื่อพุธกันยา ปานรัมภา แล้วคลิก
สีหน้าหอมตื่นเต้น ที่จอคอมพ์ ปรากฏรูปและประวัติพุธกันยา ปานรัมภา
หอมน้ำอ่านออกเสียง “พุธกันยา ปานรัมภา (25 กันยายน พ.ศ.2502 - 13 พฤษภาคม พ.ศ.2526) มีชื่อเดิมก่อนเข้าวงการว่า กัลยา งามกุล (จินต์ไท) เป็นนางเอกภาพยนตร์ไทยที่มีผลงานโดดเด่นในช่วงปลายปี พ.ศ.2524- พ.ศ.2526 โดยมีชื่อเสียงตั้งแต่การแสดงครั้งแรกจากภาพยนตร์เรื่อง เสน่หาอาวรณ์ (สร้างโดยบริษัทสร้างศิลป์) ซึ่งบทบาทที่ได้รับส่วนใหญ่เป็นบทหญิงสาวผู้มีความหยิ่งยโส หรือบทเศร้าเคล้าน้ำตา พุธกันยา ปานรัมภา เสียชีวิตหลังกินยาเกินขนาด เนื่องจากความเครียดหลังมีข่าวว่าแต่งงานและมีบุตรแล้ว”
หอมน้ำเลื่อนสายตามาดูรูปพุธกันยา ซึ่งใบหน้าในรูปแสดงความหยิ่งไว้ตัว
เด็กสาวเอนหลังพิงพนัก สีหน้าแววตาใช้ความคิดหนักพลางพึมพำ
“กินยาเกินขนาด ก็แปลว่า ฆ่าตัวตายน่ะซิ”
จู่ๆ ไฟในห้อง กระพริบๆ 2-3 ที แล้วดับพรึบลง โน้ตบุ๊คดับด้วย หอมน้ำสะดุ้งเฮือกและรีบปิดคอมพ์ แล้วพนมมือหลับตา
“หนูขอประทานโทษค่ะ ที่ละลาบละล้วงดูประวัติคุณ กรุณาอย่ามาหลอกหลอนหนูเลยนะคะ”
ในความมืดเสียงเคาะประตูรัวดังขึ้น หอมน้ำสะดุ้งสุดตัวอีกครั้ง
“ว้าย...” เด็กสาวกระโดดพรวดเดียวขึ้นเตียง หยิบผ้าห่มคลุมโปง
เสียงเขนดังเข้ามา “หอม หอม เปิดประตูหน่อย ไอ้หอม”
ในโปง หอมซึ่งกำลังสวดมนต์ลืมตาขึ้นทันที
“ไอ้หอม”
“เขน”
หอมน้ำสะบัดโปงเปิดออกแล้วรีบวิ่งออกไป
ประตูเปิดออก เขนยืนท้าวสะเอวหน้างอ หอมน้ำกระโดดเข้ากอดเพื่อนซี้อย่างดีใจ
“เขน”
“เฮ้ย.. เฮ้ย.. เดี๋ยวล้ม”
“เขน อยู่ดีๆ ไฟในห้องเรากระพริบๆ แล้วก็ดับ” หอมน้ำเล่าด้วยสุ้มเสียงหวาดกลัว
“ก็ดับทั้งหอนั่นแหละ นี่ฉันมาขอเทียน มีหรือเปล่า ไฟฉายถ่านหมด”
หอมน้ำทวนคำเหมือนโล่งใจ “ดับทั้งหอเหรอ”
“เออ ซึ่งแปลได้ความว่าถ้าผีจะมาหลอก ก็หลอกยกหอเลย ไม่ได้หลอกแกคนเดียว สบายใจหายห่วงได้”
หอมน้ำถอนใจเฮือก ทันใดนั้นไฟทั้งคอนโดก็สว่างขึ้น
“อ้าวเฮ้ย ไฟมาแล้ว แปลว่าผีกลับหลุมเรียบร้อย” เขนว่า
“บ้า”
“ไปล่ะ อยู่คนเดียวได้แน่นะ”
หอมน้ำยืดตัวขึ้นด้วยสีหน้ากล้าหาญ แล้วปิดประตูลง
ตอนเช้าตรู่ อาคารคอนโดหอพักนักศึกษาของมหาวิทยาลัยแห่งนั้น เริ่มคึกคักมีชีวิตชีวาด้วยเริ่มมี ความเคลื่อนไหวของผู้คนที่อาศัยอยู่
เขนเปิดประตูออกมาด้วยสีหน้างัวเงียหาวหวอดๆ
“ไม่รู้จะไปทำไมป่านนี้ กองถ่ายเขานัดตั้ง 9 โมง นี่เพิ่งตี 5 ครึ่งเอง”
“ก็เราต้องไปถวายสังฆทานอุทิศส่วนกุศลให้คุณพุธกันยาก่อน ฉันโทร.บอกแกเมื่อคืนแล้วไง”
“เอาจริงเหรอ”
“ฮื่อ ฉันเคยได้ยินใครไม่รู้บอกว่าถ้ามีภูตผีหรือวิญญาณมาปรากฏตัวให้เห็นแสดงว่าเขามาขอส่วนบุญ”
สาวอวบท้วง “เฮ้ย นั่นเปรตไม่ใช่เหรอ”
“ก็คล้ายๆ กันนั่นแหละ ไปได้แล้ว”
หอมน้ำออกเดิน เขนล็อคห้องแล้วตามไป
ศวัสปิดไฟหัวเตียงแล้วนอน ดึงผ้าห่มขึ้นมาห่ม
ใบหน้าศวัสทอดสายตามองเพดานครู่หนึ่ง แล้วจึงหลับตาลง
วิญญาณพุธกันยาซึ่งมายืนทอดสายตามองลูก ซึ่งเพิ่งหลับสนิทด้วยสายตาอ่อนโยน พุธค่อยๆ ยื่นมือมาลูบผมลูก มือเธอไม่สามารถจับหรือลูบได้ ด้วยเป็นเพียงวิญญาณ
พุธกันยาทอดถอนใจยาวก้มลงกระซิบ
“ฝันดีนะลูกรัก”
ศวัสหลับสนิท ลมหายใจสม่ำเสมอ
หอมน้ำและเขนพากันมาอยู่ที่ศาลาวัดละแวกคอนโด กำลังถวายสังฆทานพระ สองสาวกรวดน้ำ
ใบหน้าหอมตั้งใจแน่วแน่แผ่ส่วนกุศลเต็มที่ขณะฟังพระสวด ต่อมาหอมน้ำค่อยๆ เทน้ำใต้ต้นไม้ใหญ่
สองสาวเดินเรื่อยๆ ออกมาในบรรยากาศเงียบสงบภายในวัด สีหน้าหอมน้ำดูสบายใจขึ้น ในมือหอมน้ำถือถุงพวงมาลัยและธูปเทียนด้วย
“เป็นไง สบายใจขึ้นมั้ย”
หอมพยักหน้า “ฮือ ป่านนี้คุณพุธกันยาคงได้รับส่วนกุศลที่เราอุทิศให้ไปแล้วนะเขน”
“สงสัยจัง”
“อะไร”
“ทำไมคุณพุธกันยาไม่ยักไปปรากฏตัวให้ลูกให้สามีเขาเห็น ทำไมต้องปรากฏตัวกับแก”
“แกเคยสงสัยไปแล้ว”
“เหรอ”
“อือ..แท็กซี่มาแล้ว”
เขนหันไปมองตามขณะหอมน้ำออกไปโบกมือเรียกอย่างรีบร้อน
“จอดหน่อยค่ะ จอดหน่อย”
“เฮ้ย แค่โบกมือเขาก็จอดแล้ว ไอ้หอม”
แท็กซี่จอด สองสาวเปิดประตูขึ้นไป
แท็กซี่แล่นมาจอดหน้าบ้านศวัส
สองสาวก้าวลงมา หอมน้ำหยิบธูปเทียนและพวงมาลัยออกมาจากถุง
เขนชะเง้อมองเข้าไปในบ้าน “เฮ้ย รถคุณหมอฟันทันตแพทย์ยังอยู่เลย”
“ไม่เห็นจะเป็นไรเลย เรามาไหว้แม่เขา ไม่ได้ไหว้รถเขานี่”
ขณะที่สองสาวพูดกัน แจ่มเดินมาที่ประตู
“มากันแต่เช้าเลย จะเข้ามาก่อนมั้ยคะ”
“เข้าสิคะ” เขนบอก
แจ่มเปิดประตูเล็กให้ สองสาวเข้าไป
ศวัสอยู่ในห้องกำลังผูกเนคไทด์อยู่ใกล้หน้าต่าง เขาหันหน้าไปทางนั้นโดยไม่ได้ตั้งใจ แล้วหันกลับมา แต่ก็ต้องรีบหันกลับไปมองอีกทีอย่างคาดไม่ถึง
เห็นแจ่มเดินนำ สองสาวเข้ามาในบริเวณหลังบ้าน และเห็นสองสาวขอบอกขอบใจแจ่ม สาวใช้เข้าบ้านไปด้วยสีหน้ายิ้มแป้น
“มาทำอะไรแต่เช้า” ศวัสฉงนมองดูต่อ เห็นหอมน้ำหยิบพวงมาลัยและธูปเทียนออกมาจากถุง
คราวนี้ศวัสถึงกับสะดุ้ง หมอหนุ่มเดินออกไปจากห้องทันที
ขณะที่หอมน้ำกำลังคุกเข่ามือถือธูปและพวงมาลัย ปากก็ขมุบขมิบพึมพำไป เสียงโทรศัพท์เขนดังขึ้น เขนรีบหยิบมาดู เดินเลี่ยงออกไปทางหน้าบ้านเพื่อไม่ให้รบกวนสมาธิเพื่อน
หอมน้ำยังคงพึมพำ ขณะศวัสเดินออกมา มองภาพนั้นอย่างหงุดหงิด
“บ้านฉันไม่ใช่ที่ขอหวย”
หอมน้ำสะดุ้งทิ้งธูปและพวงมาลัยตกลงพื้น หันมามอง
“คุณหมอฟันทัน...”
เด็กสาวรีบกลืนคำต่อไปลงทันควันด้วยสายตาดุๆ นั้น และยังคงคุกเข่าอยู่
“ลุกขึ้น”
หอมน้ำรีบลนลานลุกตามคำสั่ง
“แล้วก็เก็บธูปเทียน พวงมาลัยนั่นไปทิ้งด้วย”
“ค่ะ”
หอมน้ำกำลังจะก้มลงเก็บแต่แล้วก็ชะงัก เบิกตากว้างตื่นเต้น ไอเย็นสีขาวลอยออกมาตามการหายใจของเธอ พุธกันยายืนอยู่ตรงประตู
ศวัสหันไปมองตามสายตาหอมน้ำ แต่ไม่เห็นอะไร
“อะไรอีกล่ะ”
“คุณพุธกันยาค่ะ”
ศวัสกำลังจะดุด้วยความไม่พอใจ มือหอมน้ำคว้ามือศวัสไว้ด้วยความลืมตัว เมื่อเห็นพุธกันยาหันหลังกลับเดินเข้าไปในบ้านช้าๆ
“เข้าไปในบ้านแล้ว ไปดูกันให้เห็นกับตาเลยค่ะ”
หอมน้ำดึงหมอศวัสให้ตามไป
ศวัสมองมือเด็กสาวที่จับมือตนดึงไปด้วยสีหน้าแปลกๆ แต่ก็ตามไปโดยดี
หอมน้ำจับมือศวัสจูงแกมลากเข้ามาภายในบ้านและหยุดเหลียวมอง พบว่าบริเวณนั้นว่างเปล่าและเงียบเชียบปราศจากผู้คน
“ไปไหนแล้ว”
ศวัสยังคงนิ่งไม่ดุอย่างเคย
จู่ๆ เหมือนมีเงาวูบผ่านด้านหลังสองคนไปทางห้องรับแขก
“ทางโน้นค่ะ”
หอมน้ำลากศวัสเข้าไปทางห้องรับแขก โดยที่ศวัสตามเข้าไปโดยดี
หอมน้ำจูงแกมลากศวัสเข้ามาในห้องรับแขกและเบิกตากว้าง เมื่อพบว่าร่างๆ หนึ่งยืนตรงหน้ารูปโดยหันหลังให้
“นะ...นะ...นั่นไงคะ ยืนอยู่ตรงหน้ารูปนั่น”
แต่สายตาศวัสเห็นบริเวณนั้นเป็นปกติ
“ไม่เห็นมีอะไร จะหลอกจับมือฉันก็บอกมาเถอะ”
หอมน้ำรีบปล่อยทันทีด้วยความตกใจ
“เปล่านะคะ หนู เอ๊ย หอมเปล่า”
หอมน้ำหันกลับไปและชี้มือไปที่พุธกันยายืนอยู่ ร่างวิญญาณพุธค่อยๆ หันกลับมา ใบหน้าสวยงามกลับซีดเซียวจนออกเขียวๆ แล้วค่อยๆ เลือนหายเข้าไปในภาพ สุดท้ายใบหน้าแสนสวยในภาพกลับกลายเป็นใบหน้าคนตาย
หอมน้ำเบิกตากว้าง พยายามจะร้องแต่ร้องไม่ออก แล้วเป็นลมหมดสติไป
ศวัสรับไว้ทันที
“หอมน้ำ”
ศวัสช้อนร่างหอมขึ้น แล้วประคองเดินไปวางบนโซฟา เขาลงนั่ง
“หอมน้ำ เลิกขวัญอ่อนได้แล้ว”
หอมน้ำค่อยๆ ลืมตาขึ้น ใบหน้าหอมน้ำนัยน์ตาลอยคว้าง เลื่อนมามองศวัส น้ำตาค่อยๆ เอ่อขึ้นมา
สุ้มเสียงและแววตาเต็มไปด้วยความตื้นตันใจและความสุขสมหวัง “ศวัส ลูกรักของแม่”
ศวัสกำลังจะลุกขึ้น ชะงักลงนั่งใหม่ “อะไรนะ”
หอมน้ำลุกขึ้นและโผเข้ากอดศวัส พลางร้องไห้สะอึกสะอื้น
“ศวัส ศวัสลูกแม่”
ศวัสตกใจทำอะไรไม่ถูก
หอมน้ำจูบศวัสด้วยความรักและตื้นตันใจ “ในที่สุดแม่ก็ได้กอด ได้จูบลูกของแม่แล้ว ชื่นใจเหลือเกิน”
หอมน้ำเฝ้าจูบ หอม ศวัสอย่างแสนรัก
พอรู้สึกตัวศวัสพยายามเบี่ยงหนี
“เฮ้ย อย่า ปล่อยฉัน บอกให้ปล่อย”
ทว่าอ้อมแขนหอมน้ำ ซึ่งก็คืออ้อมแขนของพุธกันยานั้นมีพลังมากเกินกว่าศวัสจะคาดคิด ภาพที่ออกมาคือศวัสพยายามจะดิ้นให้หลุดออกจากอ้อมแขนหอม
“นี่แม่เองลูก ไม่ต้องกลัวหลบแม่ทำไม” หอมน้ำพรมจูบผม หน้าผาก และแก้มศวัสอย่างอ่อนโยน
ขณะที่กำลังชุลมุนกันอยู่นั้น เขนเดินเข้ามาเห็นเบิกตากว้าง
“ไอ้หอม เฮ้ย ทำอะไรน่ะ”
หอมน้ำหันกลับมาช้าๆ แววตาที่มองเขนเยือกเย็น
“แกปล้ำคุณศวัส”
“ออกไป แม่ลูกเขาจะคุยกัน”
เขนชะงัก เบิกตากว้างมองเพื่อน ปากอ้าออกจะพูด แต่พูดไม่ออก
ศวัสฉวยโอกาสผลักหอมน้ำออกห่าง
หอมน้ำหันไปมองอย่างเจ็บปวด “ผลักแม่ทำไมลูก ไม่ดีใจหรือที่แม่กลับมาหาลูกแล้ว”
“เป็นบ้าอะไรของเธอน่ะ”
“ทำไมว่าแม่อย่างนั้นล่ะ บาปกรรมนะลูกนะ” พุธกันยาในร่างหอมน้ำตัดพ้อ
เขนตัดสินใจถอดสร้อยพระออกจากคอตัวเองแล้วรีบเข้ามาคล้องคอหอมน้ำหมับ
หอมน้ำกรีดร้องแล้วล้มลงไป ในขณะที่บุรีเข้ามาพอดี
“เกิดอะไรขึ้น”
ศวัสก้มลงมองหอมพลางส่ายหน้าแล้วเดินออกไป
บุรีมองตามลูก แล้วหันกลับมาที่เขนซึ่งกำลังช่วยประคองหอมขึ้นนั่งพิงโซฟา
“เกิดอะไรขึ้นหรือหนู”
เขนส่ายหน้าช้าๆ “หนูก็ไม่ทราบเหมือนกันค่ะ”
หอมน้ำพึมพำเบาๆ “เขน”
เขนโผกอดเพื่อนอย่างโล่งใจ “หอม แกกลับมาแล้ว”
ศวัสนั่งกุมขมับสงบสติอารมณ์อยู่ในห้องรับแขก บุรีเดินเข้ามาและยืนมองลูกนิ่งครู่หนึ่ง
“ศวัส”
ศวัสเงยหน้าขึ้นทันที “ผมจะไม่ทนต่อไปอีกแล้ว คุณพ่อต้องไล่คนพวกนั้นออกไปจากบ้านเราให้หมด”
“พ่อเป็นผู้ใหญ่แล้วนะศวัส”
“ถ้าอย่างนั้นผมจะเป็นคนพูดเอง”
“แล้วแกจะบอกเขาว่ายังไง อ้อ..หรือจะบอกว่าแกถูกผีหลอก”
ศวัสฉุน “คุณพ่อ”
“มีเหตุผลหน่อยซิ”
“คุณพ่อนั่นแหล่ะครับที่ต้องมีเหตุผล คุณแม่เสียไปยี่สิบกว่าปีแล้วนะครับ”
“แต่วิญญาณเขายังอยู่ที่นี่ ในบ้านหลังนี้”
“แล้วทำไมไม่มีใครเคยเห็นล่ะครับ”
“หอมน้ำ…”
ศวัสสวนคำ “เด็กนั่นเป็นพวก 18 มงกุฎ เขาต้องหวังผลประโยชน์จากพวกเรา”
“หอมน้ำไม่ใช่คนอย่างนั้น พ่อดูออก”
“คุณพ่อเชื่อเพราะใจคุณพ่อพร้อมที่จะเชื่ออยู่แล้ว”
บุรีตั้งท่าจะปฏิเสธ
ศวัสขัดขึ้นก่อนว่า “ผมอยากให้คุณพ่อคิดให้ดีๆ เด็กนั่นเป็นใครถึงได้บังอาจเห็นคุณแม่ ทั้งๆ ที่แม้แต่ผมซึ่งเป็นลูกแท้ๆ ก็ยังไม่เคยเห็น คุณพ่อซึ่งภาวนาเช้าเย็นอยากจะเห็นคุณแม่สักครั้ง แต่ก็ไม่เคยเห็น”
“เพราะเราสองคนไม่มีสัมผัสพิเศษ”
“ผมไม่เชื่อเรื่องซิกซ์เซ้นส์อะไรนั่นเลย เอาอย่างนี้ดีไหมครับ เราอนุญาตให้กองถ่ายทุกคนอยู่ทำงานต่อได้ยกเว้นหอมน้ำ”
“ทำไมแกถึงจงเกลียดจงชังเขานัก”
“ผมเปล่า”
“แกอิจฉาใช่ไหมที่หอมน้ำไม่ได้มีอะไรเกี่ยวข้องกับแม่แกสักนิด แต่กลับสามารถมองเห็นเขา ผิดกับแก…”
ศวัสขบกรามแน่น และลุกเดินออกไปก่อนที่พ่อจะพูดจบ บุรีมองตามพลางถอนใจยาว
ตรงหน้าประตู เยาวภายืนแอบฟัง 2 พ่อลูกคุยกันด้วยสีหน้าเย็นชาเช่นเดิม
สองสาวอยู่ในร้านอาหารหน้าปากซอย หอมน้ำทิ้งช้อนลงในชามโจ๊กและเงยหน้ามองเขนด้วยดวงตาเบิกกว้าง ขณะที่เขนตบปากตัวเอง
“จริงเหรอเขน ฉัน...ฉัน...เกาะ...กอด จะ..จะ..จูบ คุณ..คุณหมอฟันทันตแพทย์จริงเหรอ”
“ปากมอมจัง นังเขนเอ๊ย ว่าจะไม่พูดแล้วทีเดียว”
หอมน้ำน้ำตาคลอสะอึกสะอื้น “แกต้องบอกมาให้หมดว่าฉันทำอะไรทุเรศๆ บ้าง”
เขนเหลือบมองคนโดยรอบ ที่หันมามองหอม “จุ๊ๆ เบาหน่อย หอม”
หอมน้ำมองตามสายตาเขนและรีบเช็ดน้ำตากลั้นสะอื้น
เขนสำนึกผิดเต็มที่ “ขอโทษจริงๆ ว่ะหอม ฉันไม่น่าหลุดปากเล้ย ให้ตายซิ”
“แล้วต่อไปนี้ฉันจะมองหน้าเขาได้ยังไง”
“แกมองตรงอื่นก็ได้ ไม่ต้องมองหน้า”
หอมน้ำทอดถอนใจ เครียดจนหมดอารมณ์กินข้าวต่อ
“กินโจ๊กต่อเถอะ”
“กินไม่ลงแล้ว”
เสียงโทรศัพท์หอมดังขึ้น หอมน้ำสะดุ้งเฮือก หยิบมือถือขึ้นมาดู
“พี่โค้กโทรมา แกช่วยรับหน่อยได้ไหม”
เขนพยักหน้าแล้วรับโทรศัพท์จากหอมน้ำคุยสายเอง “สวัสดีค่ะพี่โค้ก”
หอมน้ำกระซิบกระซาบ “บอกเขาว่าวันนี้ฉันขออนุญาตลาป่วย”
เขนกลับตอบว่า “อ๋อ หอมเขาสบายดีค่า...เขาให้เขนรับแทน”
หอมน้ำสะดุ้ง จ้องเขนเขม็ง
เขนเจื้อยแจ้วต่อ “ตอนนี้เรากำลังกินโจ๊กหน้าปากซอยบ้านคุณบุรีค่ะ โอ๊เคค่ะ...บาย”
เขนส่งโทรศัพท์คืนให้หอม
หอมน้ำเซ็งสุดขีด “เขน...ทำไมแก”
“วันนี้วันพระ ยายฉันห้ามโกหก” สาวอวบอ้าง
หอมน้ำได้แต่ถอนใจอีกเฮือก “ฉันว่าจะขอถอนตัวดีกว่า”
“เฮ้ย ไม่ด๊าย ไม่ได้! ไม่ได้เด็ดขาด”
“ฉันว่าฉันทำไม่ได้”
หอมน้ำส่ายหน้าท้อแท้เหลือประมาณ
บริเวณปากซอยตรงที่จอดมอเตอร์ไซค์รับจ้าง ผู้คนใช้บริการวินกันคึกคัก จนไม่มีคันไหนว่าง ด้วยเป็นเวลาใกล้เร่งด่วน สองสาวออกจากร้านเดินตรงมาที่บริเวณวินนั้น
เขนร้อง “โห”
“กิจการดีขนาดนี้เชียว” หอมน้ำก็ทึ่ง
“เอาไงดี”
“กลับหอ”
หอมน้ำขยับหันหลังจะเดินออกไป
เขนรีบคว้าแขนไว้ “แกอย่ามั่ว ไอ้หอม เดินเอาก็ได้”
หอมน้ำยังพยายามต่อรอง “ไกลนะ”
“ไม่เป็นไร นึกว่าเดินย่อยอาหาร”
“แกซิย่อย กินโจ๊กตั้ง 2 ชาม ต้มเลือดหมูอีก 2 แถมก๋วยจั๊บอีก 1 แต่ฉันกินโจ๊กแค่ 2 - 3 คำ”
“เออน่า แกจะได้ทำสมาธิก่อนเข้าฉากด้วย ไป๊”
เขนลากแขนหอมน้ำเดินไป
อ่านต่อหน้า 4
ใยกัลยา ตอนที่ 2 (ต่อ)
ขณะที่ศวัสขับรถตรงออกมาในซอย มุ่งหน้าออกถนนใหญ่ด้วยสีหน้าบึ้งตึง เห็นสองสาวเดินคุยกันมา
ศวัสนิ่วหน้า “ยังจะมีหน้าเดินคุยกันหน้าระรื่นอีก”
คุณหมอฟันทันตแพทย์ชะลอรถให้ช้าลงและหยุด เมื่อ 2 สาวเดินมาใกล้
หอมน้ำเห็นก็ทำตาโตสะกิดเพื่อน “เขน”
เขนเห็นว่าเป็นไผถึงกับร้อง “โอ๊ะโอ”
“สงสัยว่ารถเขาจะเสียนะเขน”
“ข้ามไปเดินด้านโน้นดีกว่า”
หอมน้ำพยักหน้า พอทั้ง 2 ขยับจะข้ามแต่ศวัสเปิดประตูลงมา
“เดี๋ยว”
เขนกลืนน้ำลาย ขณะที่หอมน้ำเลื่อนสายตาลงมองแค่กางเกงศวัส
สาวอวบยิ้มสู้ “รถสตาร์ทไม่ติดเหรอคะ”
“ติด แต่ฉันต้องการจะพูดกับเพื่อนเธอ”
ศวัสเลื่อนสายตามายังหอมน้ำซึ่งยังคงมองจ้องแค่กางเกงศวัสอยู่ เขนยกข้อศอกกระทุ้งเพื่อน
“กางเกงฉันเป็นยังไง” เขนถาม
“เป็น...เป็นกางเกงค่ะ”
ศวัสรำคาญใจ “เงยหน้าซิ”
หอมน้ำทำหน้าเหมือนจะร้องไห้
“บอกให้เงยหน้า”
นอกจากไม่เงย หอมน้ำยิ่งก้มงุดลงไป
“หอมเขาไม่กล้ามองหน้าเฮีย เอ๊ย คุณหมอค่ะ.. เขาอาย” เขนว่า
หอมน้ำตกใจ “เขน”
“ฉันมีเรื่องจะพูดกับเรา”
หอมน้ำค่อยๆ เงยหน้าขึ้น ตาสบตา หอมหน้าแดงแล้วก้มหน้าลงใหม่
“แต่ตอนนี้ต้องไปทำงานแล้ว เอาอย่างนี้ ตอนเย็นค่อยพบกัน” คุณหมอฟันทันตแพทย์เว้นไปนิด แล้วดักคออย่างรู้ทัน “แล้วอย่ารีบหนีกลับเสียก่อนล่ะ เพราะฉันตามถึงที่แน่”
หอมน้ำสะดุ้งเงยหน้ามองศวัสซึ่งกลับขึ้นรถ แต่ไม่วายยื่นหน้าออกมาขู่ซ้ำ
“อย่าลืม” ศวัสขับรถไป
“ทำไงดีเขน”
เขนตบไหล่เพื่อนดังปั๊กจนหอมน้ำเซ “สู้เขาหอมน้ำ”
เช้าเดียวกัน วดีเดินวางสง่าเข้ามาในออฟฟิศ ชิดขอบบันเทิง ลูกน้องต่างไหว้กันนอบน้อม ขณะที่ลิซซี่ถือ หนังสือพิมพ์บันเทิงฉบับหนึ่งถลาเข้ามาหา
“คุณวดีขา คุณวดี เกิดเรื่องใหญ่แล้วละค่ะ”
“ถ้าไม่ใหญ่จริงฉันจะหักเงินเดือนเธอ 2 เดือน”
“อ้าว” ลิซซี่หน้าเสีย แล้วกลับมั่นใจอย่างเดิม “คุณวดีดูนี่ซิคะ”
ลิซซี่ยี่นหนังสือบันเทิงฉบับนั้นให้วดี ขณะที่คนอื่นๆ พากันเมียงๆ มองๆ
วดีรับมา กวาดตามอง
ลิซซี่ชี้รูปหอมน้ำ “นี่ค่ะ”
วดีชะงัก เห็นรูปหอมน้ำในอิริยาบถสวย น่ารัก พร้อมคำบรรยายใต้กรอบรูป “หอมน้ำ วาสิตา นางเอกดาว
รุ่งดวงใหม่ของบริษัท สร้างศิลป์ 2000”
ลิซซี่ใส่ไฟต่อ “ในข่าวบอกด้วยค่ะว่าแม่คนนี้จะมาแทนน้องเอิง”
วดีโกรธจัด ขยำหนังสือพิมพ์แล้วขว้างใส่ลิซซี่ แต่ลิซซี่ย่อตัวหลบทันทีเพราะรู้ล่วงหน้าว่าสาวใหญ่เจ้าอารมณ์จะมาไม้ไหน
วดีกำมือแน่น แล้วเดินเข้าห้องทำงานไป
ด้านเจคนั่งพลิกบทดู โดยมีโค้กทำหน้าที่ขับรถแล่นมาตามทาง
เจคพลิกบทดู “ตอน 3 ที่ไดอะล็อก ของหอมยาวเกินไป หอมน้ำเล่นไม่ได้หรอก เดี๋ยวโค้กช่วยโทรบอกคนเขียนบทให้ช่วยปรับให้หน่อย”
“ได้ครับ”
เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น เจคหยิบขึ้นมาดูแล้วถอนใจเฮือก
เจครับสาย “มีอะไรหรือวดี...”
ในห้องทำงาน วดีซึ่งเดือดดาลเต็มที่ ไม่รอให้เจคพูดจบ ใส่ทันที “คุณทำได้ยังไง คุณหักหน้าฉันได้ยังไง”
เสียงเจคลอดออกมาว่า “ผมไปทำอะไร”
“ไอ้ที่คุณเอาเด็กที่ไหนก็ไม่รู้มาเล่นแทนน้องเอิงมันก็ทุเรศพออยู่แล้ว นี่ยังอุตส่าห์ส่งรูปให้หนังสือเล่มอื่นไปโปรโมทว่าจะเป็นนางเอกแทนหลานฉัน คุณกล้าหักหน้าฉัน”
“คุณพูดอะไรน่ะ”
“ไม่ต้องมาทำเป็นงง ไปอ่านข่าวบันเทิงเช้าวันนี้ดู ฮึ”
วดีกระแทกโทรศัพท์อย่างแรง เจคสะดุ้งเฮือก
“อะไรหรือครับ”
เจคหันไปหยิบหนังสือเบาะหลัง “หนังสือพวกนี้ใหม่หรือเปล่า”
“ใหม่ครับ”
เจคหยิบมาดู ที่คอลัมน์ต่างๆ ล้วนเป็นรูปและเรื่องของหอมน้ำ ถึงกับนิ่วหน้า
“ใครส่งรูปแล้วก็เรื่องพวกนี้ไปลง”
โค้กชำเลืองมองแว่บหนึ่ง “ไม่ทราบซิครับ นกหรือเปล่า”
“ฉันสั่งห้ามแล้ว เพราะยังไม่แน่ใจว่าจะเล่นได้หรือเปล่า” เจคน้ำเสียงขุ่นโมโหเอาการ
“งั้นจะเป็นใคร”
เจคจัดการกดโทรศัพท์โทร.ออกด้วยสีหน้ายังหงุดหงิด
รัชนก ฝ่ายประชาสัมพันธ์ กำลังพูดโทรศัพท์อยู่ในออฟฟิศสร้างศิลป์ด้วยสีหน้างงๆ แกมตกใจ
“ไม่ทราบค่ะ คุณเจคยังไม่สั่งนกก็ยังไม่ทำ ได้ค่ะ ค่ะ”
รัชนกวางโทรศัพท์ลงในขณะที่พิไลถือถาดข้าวต้มร้อนๆ มาให้ด้วยสีหน้าท่าทางแจ่มใสใจดี
“ข้าวต้มปลาร้อนๆ ค่ะ ปลาเป็นชิ้นๆ ไม่มีการแต่งสีใส่กลิ่น”
“อุ๊ย ขอบคุณค่ะป้าไล” รัชนกพูดพลางเปิดหนังสือบันเทิงดูและถอนใจเฮือก
“อะไรหรือคะ”
“ไม่รู้ใครส่งรูปกับเรื่องของยัยหอมน้ำไปให้หนังสือบันเทิง”
พิไลสนใจเต็มที่โดยไม่มีพิรุธ “ไหนคะ? ก็สวยดีนี่”
“สวยอะไรค่ะ คุณเจคโกรธจะแย่ ยังไม่มีคำสั่งโปรโมทสักหน่อย รู้แล้ว ยัยหอมต้องโปรโมทตัวเองแน่ๆ”
พิไลบอกเสียงหนักแน่นทำหน้าทำตาประกอบ “ไม่มีทาง”
รัชนกชักฉุน “ป้ารู้ได้ไง”
“หนูหอมน่ารักจะตาย แถมแกก็ไม่ได้อยากจะเล่นสักนิด คุณเจคเป็นคนบังคับแกมขอร้อง”
พีอาร์สาวยักไหล่ “ใครบ้างไม่อยากเล่นละครกับบริษัทสร้างศิลป์ 2000”
“ก็หนูหอมน้ำไงคะ” พิไลว่า
“นกไม่เชื่อหรอก ทำเงียบๆ หงิมๆ ที่แท้ก็อยากดังจะแย่ นกว่าไม่หอมน้ำก็ยัยเขนนั่นแหละเป็นคนส่งข่าว”
ขณะนั้นเจค ที่มีโค้กยืนข้างๆ กำลังถามหอมน้ำเรื่องข่าว ซึ่งหน้าซีดส่ายหน้าปฏิเสธ ในขณะที่เขนเม้มปากและปฏิเสธหนักแน่น
“ไม่ใช่เราสองคนแน่นอนค่ะ เพราะไม่รู้จะทำไปทำไม”
หอมน้ำพยักหน้าสนับสนุนแบบยังตกใจกลัว “ใช่ค่ะ”
“ไม่ใช่นกซึ่งเป็นประชาสัมพันธ์ ไม่ใช่เรา 2 คน แล้วจะเป็นใคร” เจคหันหน้ามาทางโค้ก “หรือว่าแก”
“โอ๊ย เปล่าครับ ผมไม่เกี่ยว”
“หอมว่าหอมถอนตัวดีกว่าค่ะ”
เจคมองหน้าหอมน้ำเพ่งพิศครู่หนึ่ง “ช่างมันเถอะ”
ทุกคนชะงัก มองสีหน้าท่าทางที่กลับมาเป็นปกติเหมือนเดิมของเจคอย่างแปลกใจ
“ในเมื่อมีคนแอบโปรโมทให้แล้ว หอมก็ต้องพยายามทำให้เต็มที่” เจคว่า
หอมน้ำมีท่าทีแหยงๆ “ไม่ไหวมั้งค่ะ หอมไม่ได้บอร์นทูบี ให้หอมเสิร์ฟน้ำยังจะดีกว่า”
เขนหันขวับมามอง “แกต้องเล่นหอม”
“แกก็เห็นแล้วว่าฉันเล่นไม่เป็น”
โค้กให้กำลังใจเต็มที่ “หอมต้องทำได้ พี่เชื่อมั่นในตัวหอม”
หอมน้ำจะร้องไห้ “แต่หอมไม่เชื่อนี่คะ”
เจคตัดบท “เอางี้ ทุกคนออกไปให้หมด ปล่อยให้เขาอยู่กับตัวเองสักพัก เผื่อจะตัดสินใจได้”
ทุกคนลุกขึ้นตามเจค
“ฉันก็เชื่อในตัวแกนะหอม”
“พี่ก็เชื่อว่าหอมทำได้” เจคว่า
“พี่เป็นกำลังใจให้หอม” โค้กบอก
หอมน้ำยิ้มแห้งๆ มองดูทุกคนเดินออกไป
ตรงบริเวณสนามหน้าบ้านศวัส สามคนเดินออกมาขณะที่คนอื่นๆ กำลังลงจากรถกองถ่าย
เจคหันมาสั่งโค้ก “อย่าเพิ่งให้ใครเข้าไปกวนหอมน้ำ”
โค้กครับ..
รับภาพกลุ่มช่างผมและช่างแต่งหน้าพากันเดินมาไหว้เจค
“ไปที่อื่นก่อน”
ทั้งหมดทำหน้างงๆ ทับทิมรีบมากระซิบถามโค้ก
“อะไรหรือพี่โค้ก”
“พี่เจคเขาให้หอมน้ำทำสมาธิก่อนเข้าฉาก”
คนอื่นๆ พยักพเยิดให้กัน
หอมน้ำเดินกลับไปกลับมาในห้องแต่งตัวด้วยสีหน้าท่าทางวุ่นวายใจ ในที่สุดเธอทรุดตัวลงนั่งและยกมือปิดหน้า
“โอ๊ย ทำไงดี”
เสียงพุธกันยาดังขึ้นว่า “ใครๆ เขาก็เชื่อมั่นในตัวเธอ”
หอมน้ำสะดุ้งเอามือออกจากหน้า ไอเย็นลอยออกมาจากจมูกและปาก
“คุณ...คุณผี!”
พุธกันยาฉุน “อย่าบังอาจเรียกฉันว่าผี”
หอมน้ำตกใจ “ก็...”
“ฉันไม่ใช่ผี ฉันเป็นวิญญาณ”
“แล้ว...แล้วไม่เหมือนกันหรือคะ”
“ไม่” พุธกันยากางแขนและหมุนตัวให้ดู “เห็นมั้ย ฉันเหมือนเธอทุกอย่าง”
“คุณ คุณต้องการอะไร เมื่อเช้าหนูก็ถวายสังฆทานทำบุญไปให้แล้ว”
“ขอบใจ แต่ฉันก็ไม่ได้ลำบากอะไร”
“แล้ว คุณ..คุณต้องการอะไรหรือคะ”
“ช่วยเธอ” พุธกันยาพูดด้วยนัยน์ตาเป็นประกายแวววับ
สองคน สินีนุชกับทับทิมซึ่งกำลังเอาหูแนบประตูหน้าห้องแต่งตัว หันมามองหน้ากัน ทับทิมกลืนน้ำลาย
“น้องหอมพูด พูดคนเดียว”
“เขา เขาอาจซ้อมบทก็ได้” เขนเองก็สยองไม่น้อย
ทับทิมพยักหน้ารับรู้ แต่สีหน้ายังไม่ดีขึ้น
ด้านในห้องแต่งตัว วิญญาณพุธกันยาพยายามเกลี้ยกล่อมหอมน้ำเต็มที่
“ว่าไงจ๊ะ เธอจะตกลงหรือเปล่า ให้ฉันสิงร่างเธอ แล้วเธอจะกลายเป็นนักแสดงที่เก่งที่สุด ฉันขอสิ่งตอบแทนแค่ได้โอกาสพูดคุยกับสามีบ้างเท่านั้นก็พอ”
หอมน้ำอึ้ง “หมายความว่าคุณจะต้องสิงหนูอีก”
พุธกันยายักไหล่นิดๆ “ก็ถ้าไม่สิงแล้วเขาจะได้ยินฉันพูดได้ยังไง”
หอมน้ำส่ายหน้าเด็ดเดี่ยว “ไม่ค่ะ หนูไม่ใช่เปลือกหอยนี่คะ ถึงจะยอมให้หอยตัวโน้นตัวนี้เข้ามาอยู่ เอ๊ย มาสิงได้ อีกอย่างตอนที่คุณเข้าสิงตัวหนูจะไปอยู่ที่ไหน”
พุธกันยาชักรำคาญ “เรื่องมาก ถ้าไม่ยอมเธอก็จะเล่นละครไม่ได้”
“หนูไม่ได้อยากเล่นอยู่แล้วละค่ะ ดีเสียอีกที่หนูไม่ต้องลำบากใจปฏิเสธ”
ก่อนที่ผีกับคนจะทะเลาะกันใหญ่โต เสียงโทรศัพท์ดังขัดขึ้น หอมน้ำหยิบขึ้นมาดูพลางเหลือบมองพุธกันยาเป็นเชิงขอตัว
“ขอโทษนะคะ คุณแม่หนูโทร.มา”
“ตามสบาย”
หอมน้ำรับสายแม่เสียงหวาน “แม่ขา...หอมคิดถึงแม่จังเลย”
อีกฟาก เกสร ผู้เป็นแม่หอมน้ำ นั่งคู่กับโสภณผู้เป็นพ่ออยู่ที่ห้องโถงบ้านต่างจังหวัด โดยโสภณเอาหูมาแนบโทรศัพท์ที่เกสรกำลังโทรอยู่ด้วยสีหน้ายิ้มแย้มทั้งคู่ โดยบนโต๊ะมีหนังสือหน้าข่าวบันเทิงกางอยู่
“แม่ก็คิดถึงลูกหอมจุงเบย” เกสรทักทายลูกสาว
โสภณพูแทรก “พ่อก็จุงเบยเหมือนกัน”
“ลูกหอมจะเป็นนางเอกละครหรือลูก แม่เห็นในหนังสือพิมพ์”
เสียงหอมน้ำอึกอัก “คือ…”
“แม่ปลื้มปริ่มมาก ปริ่มมากกว่าที่เคยปลื้มขวัญอนงค์อีก”
“พ่อจะได้มาเป็นแฟนคลับลูกหอมแทนพุธกันยา”
หอมน้ำชะงักแปลกใจ “ใครนะคะ”
เกสรบอกว่า “พ่อ...ลูกหอม เราเคยเป็นแฟนคลับพุธกันยานางเอกเก่าไง...หอม หอม ทำไมเงียบไปลูก”
“แค่นี้ก่อนนะคะแม่ แล้วหอมจะโทร.ไปใหม่ หอมรักพ่อรักแม่นะคะ”
หอมน้ำค่อยๆ วางโทรศัพท์ลงบนโต๊ะ พุธกันยาพูดเสียงอ่อยๆ อย่างภาคภูมิ
“สมัยนั้นใครๆ ก็เป็นแฟนคลับฉัน”
“คุณได้ยินหรือคะ”
พุธกันยาเปลี่ยนเรื่อง “ตกลงไหม หอมน้ำ”
หอมน้ำเม้มปากแน่น สีหน้ายุ่งยากใจสุดจะประมาณ
ครู่ต่อมาประตูห้องแต่งตัวเปิดออก เขนและทับทิม โล่งอก พากันถอนหายใจเฮือก
“เป็นไงบ้างคะ น้องหอม”
“ตกลงใช่ไหม”
หอมน้ำพยักหน้าเนือยๆ
สองสาวร้องเฮด้วยความยินดีเป็นอย่างยิ่ง
“แต่ถ้าคราวนี้หอมเล่นไม่ได้จริงๆ ก็เลิกเชียร์กันได้นะคะ”
ทับทิมพยายามต่อรอง “น้องหอมขา”
“หอมทำตามทุกคนแล้ว ทุกคนก็ต้องเห็นแก่หอมบ้าง” ดาวรุ่งตกกระไดบอก
“พี่ทับยังอยากจะแนะนำให้น้องหอมใจเย็นๆ แล้วไปเรียนการแสดง”
“ไม่ค่ะ หอมรู้ตัวดีว่าหอมไร้พรสวรรค์”
ทับทิมพยายามจะอ้อนวอนอีก สินีนุชห้ามเพราะรู้นิสัยเพื่อนเป็นอย่างดี
“อย่าไปบังคับขอร้องมันเลยพี่ทับ เห็นอ่อนๆ ใสๆ แบบนี้ มันดื้อเงียบน่าดู” เขนว่า
ตรงโลเกชั่นมุมสนามในสวนสวย ทุกอย่างในเซ็ตพร้อมถ่ายทำแล้ว โดยผู้ที่เข้าฉากประกอบด้วย หอมน้ำ และขวัญอนงค์
เจคร้องขึ้น “5...4...3...2...”
ขวัญอนงค์ทำสีหน้าเคร่งขรึมลงตามบทบาททันทีอย่างมือาชีพ
“แพท หนูต้องพูดความจริงมาว่าใครเป็นคนโกหก”
หอมน้ำยืนทื่อ ตาเบิกโพลง ท่าทีน่าขัน
เจคยกมือลูบหน้าอย่างกลัดกลุ้ม ขณะที่เพลินพิศยิ้มเยาะและเอียงหน้ากระซิบอธิป “คัท ๆๆ” และปรามาสว่า “เพลินบอกแล้วว่าไม่เวิร์ค”
อธิปยังคงมองหอมน้ำอย่างเอาใจช่วยโดยไม่สนใจคนพูดแม้สักน้อย จนทำให้เพลินพิศค้อนด้วยความโมโห
ขณะเดียวกันศวัสเดินเข้ามาพร้อมกับเดินไปทรุดตัวลงนั่งข้างๆ พ่อ พุธกันยาซึ่งนั่งใกล้ๆ บุรีรีบส่งยิ้มให้ลูก แต่ศวัสมองผ่านไปที่พ่อ
บุรีเบือนหน้ามามองแว่บหนึ่งและพูดเบาๆ “มาดูเขาถ่ายละครหรือ”
“มาทานข้าวบ้านกับคุณพ่อครับ”
“ไม่ต้อง ฉันกินคนเดียวได้”
“ไม่เป็นไรครับ”
เจคพยายามระงับความหงุดหงิดเต็มกำลัง “เอาใหม่นะ หอมน้ำ ตั้งใจดีๆ ฉากนี้ไม่มีอะไรยากสักนิดเดียว ไดอะล็อก พี่ก็ให้เขาตัดสั้นลงแล้ว”
“ค่ะ”
ขวัญอนงค์จับต้นแขนหอมน้ำดึงมากอดอย่างอ่อนโยนและหันมาทางเจค “ขวัญขอพาหอมน้ำไปทำความคุ้นเคยกันอีกหน่อยนะเจค”
เจคพยักหน้ารับ “อย่านานนักล่ะ”
“ค่ะ”
ขวัญอนงค์พาหอมน้ำเดินออกไป โดยมีสายตาศวัสมองตามเหมือนจะเยาะๆ
“10 ปีก็เล่นไม่ได้” เพลินพิศเหยียดยิ้ม
อธิปนิ่วหน้าหันมามอง
เพลินพิศวาดนัยน์ตาเหมือนท้าทายทีเล่นทีจริง “พนันกันไหมล่ะ ถ้าเพลินทายถูกไก่ต้องคบกับเพลิน แต่ถ้าผิด เพลินได้คบกับไก่”
อธิปหัวเราะ เจคหันมามองตาขุ่น สองคนรีบหยุดปาก
ขวัญอนงค์โอบไหล่หอมน้ำเดินออกมาบริเวณหลังบ้าน โดยมีพุธกันยาปรากฏตัวขึ้น
“หอมเล่นไม่ได้จริงๆ ค่ะ”
“บอกแล้วให้ทำตามคำแนะนำของฉัน” พุธกันยาสอด
หอมน้ำตอบว่า “ไม่ค่ะ”
ขวัญอนงค์งง “อะไรจ๊ะ อายังไม่ได้พูดอะไรเลย”
หอมน้ำพึมพำ “ขอโทษค่ะ”
“เราลองซ้อมกันดูนะ”
“ค่ะ”
พุธกันยาเย้ย “ไม่ได้ผลร้อก”
หอมน้ำพนมมือไหว้ผีอดีตซุปตาร์ “กรุณาอย่ายุ่งกับหนูได้ไหมคะ”
ขวัญอนงค์ตกใจ “หอมน้ำ หนูพูดกับใครน่ะ”
“เปล่าค่ะ” หอมน้ำกระวนกระวายอัดอั้นตันใจ “หนูรู้ว่าหนูเล่นไม่เป็น เล่นไม่ได้”
ขวัญอนงค์เริ่มมองหอมน้ำด้วยสายตาแปลกๆ
หอมน้ำเริ่มรู้สึกตัว สูดลมหายใจยาว “ขอหนูอยู่คนเดียวสักพักได้ไหมคะ”
“ได้ซิ”
ขวัญอนงค์เดินออกไป หอมน้ำทรุดตัวลงนั่งกุมขมับเครียดหนัก
ขวัญอนงค์เดินกลับเข้ามาในบริเวณเซ็ต แล้วเดินไปนั่งกับเจคซึ่งนั่งคุยกับบุรี
เจคหันมาถาม “เป็นไงบ้าง”
“แกขออยู่คนเดียวสักพักค่ะ”
เจคถอนใจยาว “ท่าทางจะเหลว”
“ถ่ายฉากอื่นไปก่อนไม่ได้หรือ ลองให้เวลาแกหน่อย” บุรีแนะนำ
“ก็คงต้องทำอย่างนั้นละครับ โค้ก ไปบอกให้ดาราที่เข้าฉากต่อไปเตรียมตัว”
“ครับ”
เขนขยับลุกขึ้นจะไปดูเพื่อน
ทับทิมเรียกไว้ “เขน ไปช่วยพี่ดีกว่า”
“เขนเป็นห่วงหอม”
“พี่ขวัญบอกแล้วไงว่าเขาขออยู่คนเดียว”
เขนตามทับทิมไปเงียบๆ
ฝ่ายหอมน้ำยกแขนปาดน้ำตาที่ไหลพรากๆ ด้วยความอัดอั้น ศวัสเดินเข้ามาและกอดอกพิงประตูยืนมองครู่หนึ่ง จึงเดินเข้ามาหยิบผ้าเช็ดหน้าส่งให้
หอมน้ำเงยหน้ามองพร้อมกับสะดุ้ง “คุณหมอ”
“ร้องไห้เก่งขนาดนี้ น่าจะเป็นนางเอกเจ้าน้ำตา ดราม่าทะลุจอได้”
อ่านต่อตอนที่ 3