ฝันเฟื่อง ตอนที่ 9
บ่ายคล้อยแล้ว ขณะที่รัฐรวี กับมณฑิราเดินมาส่ง รัฐ และภัสสรที่ลานจอดรถ
“แม่ไปเลยแล้วกันนะลูก จะได้ไม่อยู่เป็น ก.ข.ค.” ภัสสรยิ้มย่องผ่องใส
รัฐขำ “ถ้าคุณคิดอย่างนั้นจริงๆคุณไม่ควรมาตั้งแต่แรกแล้ว”
ภัสสรค้อนควักตีแขนสามีเผียะ
ระหว่างนี้รถของอิงอรขับเข้ามาจอดตรงมุมหนึ่งของลานจอดรถ หมอฉบังกับอิงอรลงจากรถ
รัฐขำๆ อยู่ แล้วเหลือบไปเห็นด้านหลังอิงอรกับหมอฉบัง เดินเข้าไปในรีสอร์ต
“นั่นเหมือนหนูอิงอรเลยคุณ”
พอรัฐรวีหันไป อิงอรกับหมอฉบังเดินเลี้ยวหัวมุมไปแล้ว
“หนูอิงจะมาที่นี่ได้ยังไง ไปกันเถอะคุณ” ภัสสรว่า แล้วหันมาบอกรัฐรวี “ไปตาวี พาหนูมณไปเดินเล่นสิลูก ที่นี่เค้าสวยนะ”
“ครับแม่”
ภัสสรเยื้อนยิ้มพอใจ พากันขึ้นรถไปกับรัฐ
รัฐรวีกับมณฑิราหันมามองกันยิ้มๆ รัฐรวีโล่งใจที่รอดมาได้
ในขณะนั้นหมอฉบังกับอิงอรเดินเข้ามาที่เคาน์เตอร์ล็อบบี้ของรีสอร์ต
“ช่วยต่อห้องคุณอาทิตย์ด้วยค่ะ”
พนักงานดูคอมพิวเตอร์ “ไม่มีลูกค้าชื่อคุณอาทิตย์ค่ะ”
อิงอรคิดปราดเดียว “งั้นคุณรัฐรวีล่ะคะ”
พนักงานเช็ครายชื่อที่คอมพิวเตอร์อีกที “มีค่ะ สักครู่นะคะ”
พนักงานกดโทรศัพท์ไปที่ห้องรัฐรวี รอสายสักครู่แต่ไม่มีคนรับสาย
“ไม่มีคนรับสาย สงสัยจะไม่ได้อยู่ที่ห้องค่ะ”
หมอฉบังบอกกับอิงอร “ขอโทรศัพท์ผมคืนได้ไหมครับ เดี๋ยวผมโทร.หาให้”
อิงอรไม่ยอมให้ คิดอะไรบางอย่าง แล้วหันไปเห็นภูวเดชเดินผ่านล็อบบี้ไป อิงอรจำภูวเดชได้ หันมาบอกหมอฉบัง
“ไม่เป็นไรค่ะ อิงขอไปห้องน้ำก่อนนะคะ” อิงอรรีบเดินไป
หมอฉบังเซ็งหนัก หันไปเห็นทางไปห้องน้ำชาย เลยเดินไปเข้าห้องน้ำบ้าง
ฟากภูวเดชกำลังแอบตามรัฐรวีกับมณฑิรา ขณะที่อิงอรเดินตามมา
“คุณภูวเดช” ภูวเดชชะงักหันมามอง “นี่คุณก็มาเที่ยวที่นี่ด้วยเหรอคะ”
ภูวเดชกลัวเสียฟอร์ม “อ๋อ เอ่อ ครับ ผมมากับเพื่อน แล้วคุณอิงมากับใครเหรอครับ”
อิงอรชะงัก กลัวเสียฟอร์มเช่นกัน “อิงก็มากับเพื่อนเหมือนกันค่ะ”
ต่างคนต่างนิ่งคิดว่าจะพูดกับอีกฝ่ายยังไงดี แต่หาข้อแก้ตัวดีๆ ไม่ได้เลยจะเลี่ยงก่อนดีกว่า
“วันนี้อิงมีธุระ เดี๋ยวอิงขอตัวก่อนแล้วกันนะคะ”
“ผมก็เหมือนกันครับ”
อิงอรและภูวเดชต่างก็รีบหันหน้าจะเดินกันไปคนละทาง แต่แล้วต่างคนต่างก็ชะงัก คิดว่าควรหาพวกเอาไว้จะมีประโยชน์กว่า สองคนหันกลับมาหากัน
อิงอร ภูวเดช ต่างหัวเราะกลบเกลื่อน เดินเข้ามาหากัน
“คือ ผมนึกได้ว่าเพื่อนของเพื่อนผมก็รู้จักคุณอิง ส่วนเพื่อนของเพื่อนคุณอิงก็รู้จักผม เพราะฉะนั้นเราสองคนก็น่าจะสนิทกันไว้ ดีไหมครับ”
“ถูกค่ะ เผื่อว่ามี..ข้อมูล..อะไร เราจะได้เผื่อแผ่กัน”
ภูวเดชดีใจที่อิงอรคิดเหมือนกัน “ยินดีเลยครับ”
ภูวเดชยื่นมือให้อิงอรจับ อิงอรมองแล้วยิ้มร้ายจับมือกับภูวเดช
“ถ้าอย่างนั้น คุณภูเห็นเพื่อนของคุณรัฐรวี ที่ชื่อคุณอาทิตย์บ้างไหมคะ”
“ผมก็เดินจนเกือบทั่วแล้ว ไม่เห็นเลยนะครับ” อิงอรผิดหวัง “อ้อ! แต่ผมยังไม่ได้ไปแถวริมทะเล เค้าอาจจะอยู่ตรงนั้นกันก็ได้นะครับ”
อิงอรหันไปมองที่ทะเล แล้วหันกลับมา
“ขอบคุณค่ะ ถ้ามีอะไรอิงจะติดต่อไปนะคะ”
อาทิตย์เดินจูงมือวิไลลักษณ์เดินเล่นอยู่ที่ชายหาด วิไลลักษณ์นั้นท่าทางเขินๆ
“เดี๋ยวตอนเย็นผมจะพาคุณวิไลลักษณ์ไปเดินเที่ยวปากน้ำปราณดีไหมครับ”
“เสร็จแล้วพาวิไลลักษณ์ไปไหว้พระด้วยได้ไหมคะ”
“ดีครับ ทำบุญร่วมกันชาตินี้ ชาติหน้าเราจะได้เกิดมาเจอกันอีก”
อิงอรเดินเข้ามา “งั้นอิงไปด้วยสิคะ ชาติหน้าอิงจะได้เจอคุณอาทิตย์ด้วยคน”
อาทิตย์กับวิไลลักษณ์หันไปทางเสียง เห็นอิงอรยืนอยู่ “บังเอิญจังเลยนะคะมาเจอกันที่นี่ อิงก็มาเที่ยวเหมือนกันค่ะ”
อาทิตย์นั้นเซ็งมาก วิไลลักษณ์ไม่ชอบใจเอาเลย
ด้านหมอฉบังออกมาจากห้องน้ำมองหาอิงอรแต่ไม่เห็น หมอฉบังแปลกใจเดินออกไปตามหา
บริเวณแปลงผักปลอดสารพิษในรีสอร์ต รัฐรวีกับมณฑิราเดินเล่น คุยกันอยู่ตรงนั้น “ต้องขอบคุณคุณมณมากนะครับที่มาช่วยผมวันนี้”
“ไม่เป็นไรค่ะ ถือว่ามณช่วยเพื่อน”
พบว่าที่มุมหนึ่ง ภัสสรกำลังชะโงกหน้าแอบดูรัฐรวีกับมณฑิรา โดยมีรัฐยืนอยู่ข้างหลัง
ภัสสรยิ้มเพ้อ “ตาวีกับหนูมณน่ารักจังเลยนะคุณ”
“อ้าวคุณไม่ไปถ้ำพญานครแล้วเหรอ”
ภัสสรตีแขนรัฐ “คุณก็มาแซวชั้น ก็รู้อยู่ว่าชั้นอ้าง แค่อยากให้ตาวีกับหนูมณอยู่กันสองต่อสอง”
“จริงๆนะคุณ ผมว่าปล่อยเค้าสองคนไปเถอะคุณ ถ้าเค้าจะรักกันมันก็เรื่องของเค้า เราอย่าไปยุ่งเลย อีกอย่างถ้าตาวีกับหนูมณมาเห็น มันจะน่าเกลียด”
รัฐพูดเป็นเชิงเตือน แล้วดึงภัสสรออกไป
มณฑิรายังยืนคุยกับรัฐรวีอยู่
“ว่าแต่ตอนนี้คุณมณฑาอยู่ที่ไหนคะ”
“เค้าอยู่กับเจ้านายเค้าที่รีสอร์ตใกล้ๆ นี่ละครับ”
“มณมาคิดๆดูแล้ว ที่จริงคุณวีน่าจะถือโอกาสนี้ พาคุณมณฑามาเจอกับคุณพ่อคุณแม่ซะเลยนะคะ”
รัฐรวีหนักใจ “ครับ แต่ผมยังไม่รู้จะอธิบายให้คุณแม่ฟังยังไง ก็เลยยังไม่กล้าพามาให้เจอกันน่ะครับ”
“มณก็ห่วงเรื่องนี้แหละค่ะ เพราะท่าทางคุณอาจะตั้งความหวังกับเรื่องของเราสองคนไว้มาก มณเข้าใจนะคะว่าความเหมาะสมไม่ใช่คำตอบของความรักเสมอไป แต่ไม่รู้ว่าคุณอาท่านจะเข้าใจเหมือนมณรึเปล่า”
รัฐรวีคิดเครียด ท่าทางหนักอกหนักใจมาก
ภูวเดชเดินมาตามทางในรีสอร์ตหามณฑิรากับรัฐรวีแต่หาไม่เจอ หยุดยืนเช็ดเหงื่ออย่างโกรธเคือง
“คุณมณหายไปไหนแล้วเนี่ย”
ภูวเดชถอนใจ เริ่มหงุดหงิด
ฟากอิงอรมองอาทิตย์ และวิไลลักษณ์อย่างสะใจ
“ตกใจอะไรกันคะ อิงมาเที่ยวจริงๆ” อิงอรบอกกับอาทิตย์ “อิงพูดตามที่คุณอาทิตย์ขอร้องแล้ว นะคะ แต่ไม่รู้ว่าคุณวิไลลักษณ์จะเชื่อรึเปล่า” “หือ! คุณพูดอะไรของคุณน่ะคุณอิง” อาทิตย์โดนหางเลขที่อิงอรจงใจพูดกำกวม รีบหันมาทางวิไลลักษณ์ “ไม่จริงนะครับคุณวิไลลักษณ์” “ถ้าไม่จริง คุณอาทิตย์จะเช็คอินบอกอิงเหรอคะว่าคุณอาทิตย์อยู่ที่นี่”
อาทิตย์ชะงัก วิไลลักษณ์มองอาทิตย์นิ่งๆ แล้วเดินงอนงามออกไป สวนกับหมอฉบังที่วิ่งตามหาอิงอรเข้ามา
“คุณวิไลลักษณ์ครับ” อาทิตย์หันมองหมอฉบังเป็นคำถาม “อาทิตย์! ชั้นขอโทษ ชั้นโดนคุณอิงบังคับพามา”
อาทิตย์หันมองอิงอรอย่างโกรธเคือง “เรามีเรื่องต้องคุยกันแล้วละครับคุณอิง”
บ่ายคล้อย มณฑิรายังอยู่ในคราบคุณหนูมณฑิรา รีบร้อนเข้ามาในห้อง เปิดตู้เสื้อผ้าหยิบชุดของมณฑาแล้วรีบเข้าห้องน้ำ สักครู่หนึ่งก็เห็นมณฑิราในคราบมณฑาออกมาจากห้องน้ำ มณฑิราบ่นบ้าขำๆ “นายจะรู้ไหมว่าทำให้ฉันต้องเหนื่อยขนาดไหน”
มณฑิราเก็บเสื้อผ้า ปิดตู้เรียบร้อยแล้วเปิดประตูจะออกจากห้อง
รัฐรวีในชุดเดิมที่ทานข้าวกับพ่อแม่เมื่อครู่ ยืนรออยู่หน้าห้อง ท่าทางเครียดๆ มณฑิราอึ้งไป
ที่ริมชายหาด อาทิตย์กำลังระเบิดใส่อิงอรอย่างมีอารมณ์
“ผมบอกคุณอิงแล้วไงครับว่าผมมีแฟนแล้ว และผมก็รักเค้ามาก แล้วคุณอิงจะทำแบบนี้อีกทำไมครับ”
”ก็ทำเพราะอิงไม่ยอมไงคะ คุณอาทิตย์จะทิ้งอิงแบบนี้ไม่ได้ อิงบอกแล้วไงคะว่าอิงอยากได้อะไรต้องได้” อาทิตย์พูดดีๆ ด้วย “คุณอิงครับ! ผมจะทำยังไงให้คุณอิงรู้ครับว่าผมไม่ได้ชอบคุณอิงจริงๆ” “อิงไม่สนค่ะ” อิงอรเข้าไปควงแขนอาทิตย์ “คุณอาทิตย์ต้องไปกับอิง”
อาทิตย์สะบัดแขนออก “ไม่ครับ ผมจะไม่ทำให้คนที่รักเสียใจเพราะผมอีกแล้ว คุณอิงอรเชื่อผมเถอะครับ! ผมกับคุณอิงไม่เหมาะสมกันจริงๆ”
พูดจบอาทิตย์เดินหนีอิงอรไปทันที “คุณอาทิตย์”
เห็นอิงอรจะตามไป หมอฉบังรีบดึงอิงอรไว้
“อย่าตามไปเลยครับคุณอิง! ที่อาทิตย์มันพูดก็ถูกแล้วครับ ยังไงมันก็ไม่เหมาะกับคุณอิงหรอก”
อิงอรหันขวับไปมองหมอฉบัง
“ผมไม่อยากให้คุณอิงเสียใจไปมากกว่านี้”
อิงอรอึ้งๆ เดินหนีไปคนละทางกับอาทิตย์
ด้านภูวเดชยังคงเดินหามณฑิราไปทั่วรีสอร์ต โดยรัฐรวีเดินมามณฑิราในรูปลักษณ์สาวใช้มณฑา และกำลังจะเดินไปที่ริมทะเล ภูวเดชหันไปเห็นสองคนอยู่ไกลๆก็ชะงัก
“นั่นมันไอ้รัฐรวีนี่! มันเดินกับใคร ไม่ใช่คุณมณ”
ภูวเดชพยายามจะเดินเข้าไปใกล้เพื่อแอบดู แต่กลัวรัฐรวีจะรู้ตัวเลยไปหยุดอยู่แถวริมสระน้ำภูวเดชหยิบมือถือมากดถ่ายรูปรัฐรวีกับผู้หญิง(ไม่เห็นหน้ามณฑิรา)ไว้
ภูวเดชพยายามจะหามุมถ่ายให้เห็นหน้าผู้หญิงที่เดินกับรัฐรวี ภูวเดชไม่ทันระวัง เลยก้าวตกลงไปในสระว่ายน้ำทั้งตัว ตูม! คนทั้งสระหันมามอง
รัฐรวีกับมณฑิราชะงัก หันมา แต่ไม่เห็นภูวเดชเพราะจมลงไปในน้ำ รัฐวี มณฑิราเลยคิดว่าไม่มีอะไร เดินออกไป ภูวเดชโผล่ขึ้นจากน้ำ
ร้องโวยวายดังลั่น “มือถือ! มือถือผมตกน้ำ! ช่วยด้วย”
ตกเย็น รัฐรวีในชุดคนรวย กับมณฑิราในชุดมณฑาเดินเล่นอยู่ริมทะเล ท่าทางรัฐรวีคิดหนักเรื่องจะบอกความจริงมณฑิราดีไหม?
มณฑิรามองชุดที่รัฐรวีใส่ แล้วแกล้งถาม
“นายไปไหนมาเหรอวันนี้ ทำไมถึงแต่งตัวแปลกๆ”
“คุณมณ ถ้าผมบอกอะไรไป คุณสัญญาได้ไหมครับว่าจะไม่โกรธผม”
“แสดงว่ามันอาจจะทำให้ฉันโกรธนายได้ใช่ไหม” รัฐรวีนิ่ง “ก็ได้ ลองบอกมาสิ”
“เมื่อกลางวันที่ผมหายไป เพราะพ่อกับแม่มาหาผมที่นี่ครับ”
“อ้าว แล้วทำไมไม่พาฉันไปไหว้พ่อแม่นายล่ะ” รัฐรวีชะงักตอบไม่ถูก “มีปัญหาอะไรรึเปล่า”
รัฐรวีมองมณฑิราแล้วตัดสินใจพูด “ความจริงแล้ว.. ผมไม่ได้เป็นคนขับรถของอาทิตย์ คุณพ่อผมท่านเป็นนายทหารเรือ ส่วนคุณแม่ทำธุรกิจจิวเอลรีครับ”
มณฑิราอึ้งไปที่อยู่ๆ รัฐรวีก็ยอมบอกตรงๆ
รัฐรวีเข้าใจว่ามณฑาอึ้งไปเพราะโกรธที่โกหก “ผมขอโทษครับที่ผมโกหกคุณมาตลอด”
ฝ่ายวิไลลักษณ์นั่งร้องไห้อยู่ในห้อง ด้วยความเสียใจ เพราะเข้าใจว่าอาทิตย์ชวนอิงอรมา และนึกถึงเรื่องที่อิงอรเหมาะสมกับอาทิตย์มากกว่าตัวเอง วิไลลักษณ์หยิบโทรศัพท์มาโทรหาเวก
ที่เรือนคนใช้บ้านมณฑิรา เวกกำลังอ่านหนังสือเรียนอยู่ มือถือเวกดัง เห็นว่าวิไลลักษณ์โทร.มาเวกกดรับ
“เป็นไง ไปเที่ยวทะเลสนุกไหม”
วิไลลักษณ์ร้องไห้อยู่อย่างนั้น
เวกได้ยินเสียงน้องสาวสะอึกสะอื้นก็ตกใจ “นี่แกร้องไห้เหรอ? แกเป็นอะไรวิไล”
วิไลลักษณ์ยังไม่ตอบสะอื้นอยู่
“แกไม่พูดชั้นก็ไม่รู้นะว่าแกเป็นอะไร”
“วิไลลักษณ์จะเลิกกับคุณอาทิตย์จริงๆ แล้วพี่เวก”
เวกงง “อ้าว แกก็เลิกไปแล้วไม่ใช่เหรอ”
“คุณอาทิตย์เค้าตามมาง้อวิไลที่นี่ แล้ววิไลก็ใจอ่อนคืนดีกับเค้า วิไลไม่น่าเลย”
เวกบ่น “เฮ้อ! ผู้หญิง... แล้วเค้าทำอะไรให้แกเสียใจอีกเนี่ย”
“เค้าชวนคุณอิงอรมาที่นี่ด้วย”
“วิไล ฉันว่าแกตัดใจจากเค้าให้ได้เหอะ ถ้าแกไม่สงสารตัวเองก็สงสารพ่อแม่ สงสารคุณมณและคนอื่นๆบ้าง โลกนี้ไม่ได้มีแค่แกกับคุณอาทิตย์สองคนนะ”
วิไลลักษณ์ร้องไห้หนักเพราะยังตัดใจจากอาทิตย์ไม่ขาด
มีเสียงเคาะประตูห้องดัง
เป็นอาทิตย์ดัดเสียง “รูมเซอร์วิสครับ”
“แค่นี้ก่อนนะพี่เวก” วิไลลักษณ์วางสาย
วิไลลักษณ์เปิดประตูห้องออกมา พบว่าเป็นอาทิตย์ที่มาเคาะประตู เลยจะปิดประตู แต่อาทิตย์ดันประตูไว้ “เดี๋ยวครับ ผมไม่ได้ชวนคุณอิงอรมานะครับ แล้วผมก็ไม่ได้เช็คอินบอกคุณอิงอรด้วย” “พอเถอะค่ะคุณอาทิตย์ วิไลลักษณ์ตัดสินใจแล้วค่ะ เราเลิกกันดีกว่า”
“ไม่นะครับ”
“เราสองคนคบกันไปก็มีแต่ปัญหา คุณอิงอรเค้าเหมาะสมกับคุณอาทิตย์ทุกอย่าง ส่วนวิไลลักษณ์ไม่มีอะไรคู่ควรกับคุณอาทิตย์เลย”
อาทิตย์อึ้ง ก้มหน้าคิดหนัก ในที่สุดก็ตัดสินใจเงยหน้ามองวิไลลักษณ์แล้วสารภาพความจริง
“ไม่จริงครับ! ผมต่างหากครับที่ไม่คู่ควรกับคุณวิไลลักษณ์”
“คุณอาทิตย์พูดเรื่องอะไรคะ”
อาทิตย์ตัดสินใจบอกความจริง
“ที่จริงแล้วผมไม่ใช่คนรวยครับ ผมเป็นแค่คนขับรถของคุณรัฐรวี เป็นคนจน ที่ไม่มีอะไรเหมาะสมกับคุณวิไลลักษณ์ซักอย่าง แต่ผมก็รักคุณวิไลลักษณ์จริงๆ คุณวิไลลักษณ์รู้แบบนี้แล้วยังจะรักผมอยู่ไหมครับ”
วิไลลักษณ์อึ้งไปชั่วขณะหนึ่ง “นี่คุณอาทิตย์พูดจริงเหรอคะ” อาทิตย์พยักหน้า “ทำไมคุณอาทิตย์ต้องหลอกวิไลลักษณ์ด้วย”
“ผมขอโทษครับ แต่ถ้าผมไม่ทำอย่างนี้ คนอย่างคุณวิไลลักษณ์คงไม่มองคนจนๆ อย่างผม”
“รู้ตัวก็ดีแล้วนี่คะ! แทนที่จะเจียมตัวแต่แรก ดันอยากจะเด็ดดอกฟ้า ทำตัวเหมือนหมาเห่าเครื่องบิน ไสหัวออกไปจากชีวิตวิไลลักษณ์เถอะค่ะ วิไลลักษณ์ไม่อยากเจอหน้าคุณอาทิตย์อีก เหม็นสาบคนจน!”
อาทิตย์อึ้ง ตกตะลึงตาค้างกับคำพูดนั้น
อ่านต่อหน้า 2
ฝันเฟื่อง ตอนที่ 9 (ต่อ)
อาทิตย์ยังนิ่งงันอยู่ จนกระทั่งมีวิไลลักษณ์เรียกเสียงดังขึ้น
“คุณอาทิตย์คะ คุณอาทิตย์”
อาทิตย์สะดุ้งรู้สึกตัว เลยรู้ว่าเมื่อกี๊ตัวเองแค่คิดฝันไปเอง
“ได้ยินที่วิไลลักษณ์พูดไหมคะ กลับไปหาคุณอิงอรเถอะค่ะ”
อาทิตย์นึกถึงสิ่งที่คิดไปเองเมื่อกี๊ เลยไม่กล้าบอกความจริงกับวิไลลักษณ์ แต่แล้วตัดสินใจบางอย่าง ”คุณวิไลลักษณ์ครับ ผมรู้แล้วว่าผมจะทำยังไงเพื่อพิสูจน์ให้คุณเชื่อว่าผมรักคุณจริงๆ”
อาทิตย์คุกเข่าลง กุมมือวิไลลักษณ์ มองจ้องตาวิไลลักษณ์อย่างจริงจังและจริงใจ
“คุณวิไลลักษณ์แต่งงานกับผมนะครับ!” วิไลลักษณ์อึ้งไปเลย
ฟากรัฐรวีกับมณฑิรานั่งอยู่ข้างกันบนหาดทราย ท่ามกลางบรรยากาศสวยงามของทะเลยามเย็น รัฐรวีเห็นมณฑิราเอามือกอดอกเพราะลมเย็นของทะเล รัฐรวีถอดเสื้อตัวนอกออก เหลือเพียงเสื้อกล้ามอยู่ด้านใน
“ขออนุญาตนะครับ”
รัฐรวีเอาเสื้อคลุมไหล่มณฑิรา
“เดี๋ยวนายก็ไม่สบายหรอก”
รัฐรวียิ้มเย้า “เป็นห่วงผมแบบนี้ แปลว่าไม่โกรธผมใช่ไหมครับ”
มณฑิราพยักหน้าให้ “เป็นเพราะนายมาสารภาพกับฉันเองหรอกนะ ฉันถึงเชื่อว่านายไม่ได้มีเจตนาร้ายจริงๆ ว่าแต่นายกับคุณอาทิตย์นี่กะล่อนจริงๆ รวมหัวกันหลอกฉันกับคุณหนูเสียสนิท”
“ผมขอโทษครับ แต่มีเรื่องนึงนะครับที่ผมไม่เคยหลอกคุณ”
มณฑิราจ้องหน้าเขา “เรื่องอะไร”
“ผมรักคุณ”
มณฑิราอึ้งไปชั่วขณะหนึ่ง “ถ้านายรักฉันจริง ทำไมวันนี้นายไม่พาฉันไปหาพ่อกับแม่นาย”
“ผมขอโทษครับ ผมยังไม่ได้บอกคุณพ่อกับคุณแม่ผมเรื่องของคุณเลย”
“ฉันเข้าใจ นายคงไม่กล้าบอกพ่อกับแม่นายว่านายคบกับคนใช้”
“ไม่ใช่อย่างนั้นครับ ก็ได้ครับ! กลับไปกรุงเทพฯคราวนี้ ผมจะพาคุณไปพบคุณพ่อคุณแม่ผม”
“แล้วนายไม่กลัวพ่อแม่นายรับไม่ได้เหรอ”
รัฐรวีอึ้ง หนักใจไม่น้อย
“แล้วถ้าท่านยอมรับไม่ได้ล่ะ นายจะทิ้งฉัน แล้วไปคบกับคนที่พ่อแม่นายเห็นว่าเหมาะสมกับนายมากกว่าไหม”
รัฐรวีอึ้งไปอีก นั่นสิ?
ฝ่ายหมอฉบังขับรถมาส่งอิงอรที่คอนโดตอนค่ำ อิงอรนั่งเครียดครุ่นคิดเรื่องที่อาทิตย์บอกว่าไม่เหมาะสมกับตัวเอง หมอฉบังลงจากรถแล้วเดินมาเปิดประตูฝั่งอิงอร
“ถึงคอนโดคุณอิงอรแล้วครับ”
“ทำไมคุณอาทิตย์กับคุณหมอถึงบอกว่าอิงไม่เหมาะสมกับคุณอาทิตย์ล่ะคะ”
หมอฉบังอึกอัก จะบอกว่าอาทิตย์เป็นแค่คนขับรถก็บอกไม่ได้ เลยแกล้งบิดตัว ทำเป็นเหนื่อยล้า
“ผมรู้สึกเหนื่อยๆ น่ะครับ คุณอิงอรขึ้นไปพัก ผมกลับก่อนนะครับ”
อิงอรเห็นหมอฉบังเดินไปท่าทีมีพิรุธ รู้สึกว่าต้องมีอะไรแน่ๆ เลยแกล้งเดินแล้วสะดุดล้ม
“โอ๊ย”
หมอฉบังรีบเข้ามาดูอิงอร
“เป็นอะไรรึเปล่าครับคุณอิงอร”
“สงสัยขาจะแพลงน่ะค่ะ คุณหมอช่วยประคองอิงไปส่งที่ห้องหน่อยได้ไหมคะ”
“ได้ครับ”
หมอฉบังประคองอิงอรเดินไป อิงอรลอบยิ้มสาสมใจที่แผนขาแพลงของหล่อนใช้ได้ผลอีกแล้ว
ด้านอาทิตย์ และวิไลลักษณ์เดินอยู่ด้วยกันในสวนของรีสอร์ต วิไลลักษณ์ท่าทางสับสน ลังเล
“คุณอาทิตย์แน่ใจแล้วเหรอคะว่าอยากแต่งงานกับวิไลลักษณ์”
“แน่ใจครับ คุณวิไลลักษณ์เป็นผู้หญิงเพียงคนเดียวที่ผมอยากใช้ชีวิตที่เหลืออยู่ด้วย”
“แต่เราเพิ่งรู้จักกันไม่นาน ถ้าแต่งงานกันไปแล้วอยู่ด้วยกันไม่ได้ก็ต้องเลิกกันเหรอคะ”
“ก็ยังดีกว่าให้คุณวิไลลักษณ์ไม่เชื่อว่าผมไม่ได้รักคุณจริงๆ นี่ครับ ถ้าต่อไปเราจะต้องเลิกกันก็ให้มันเป็นเรื่องของอนาคต ตอนนี้ผมแค่อยากทำทุกอย่างให้ดีที่สุดก่อน”
“แต่ถึงยังไงวิไลลักษณ์ก็ยังแต่งงานกับคุณอาทิตย์ตอนนี้ไม่ได้หรอกค่ะ”
“ผมเข้าใจครับ คุณพ่อคุณแม่คุณวิไลลักษณ์คงจะไม่ยอม ถ้าไม่ติดว่าคุณวิไลลักษณ์เป็นลูกผู้ดีมีตระกูล ผมก็คงจะชวนคุณวิไลลักษณ์ไป ช่างมันเถอะครับ ยังไงก็เป็นไปไม่ได้”
“พูดมาเถอะค่ะ สมมุติว่าวิไลลักษณ์เป็นแค่คนธรรมดา คุณอาทิตย์จะชวนวิไลลักษณ์ไปไหนคะ”
“ผมจะชวนคุณวิไลลักษณ์หนีไปด้วยกันกับผมคืนนี้ แล้วพรุ่งนี้เช้าเราก็ไปจดทะเบียนสมรสกัน”
วิไลลักษณ์อึ้งไป กับท่าทางอาทิตย์ที่ดูจริงจังมาก
ระหว่างนี้รัฐรวีเดินจูงมือมณฑิราเข้ามา วิไลลักษณ์มองไปเห็นก็รีบเดินไปหาสองคน และต่อว่ารัฐรวีทันที “นี่นายทำอะไรน่ะนายวี”
รัฐรวีปล่อยมือมณฑิรา
วิไลลักษณ์หันมาฟ้องอาทิตย์ “คุณอาทิตย์คะ! วิไลลักษณ์ไม่ยอมนะ ปล่อยให้คนขับรถคุณอาทิตย์มาจับมือพี่มณแบบนี้ได้ยังไง”
อาทิตย์อึกอักจะอธิบาย มณฑิราพูดแทรกขึ้น “ใจเย็นๆ นะคะคุณหนู ความจริงแล้วนายวีไม่ใช่คนขับรถค่ะ”
อาทิตย์ชะงักเหลียวขวับมามองรัฐรวีทันที วิไลลักษณ์งง “ไม่ใช่คนขับรถ” “ค่ะ นายวีจริงๆ แล้วชื่อ รัฐรวี เป็นเพื่อนของคุณอาทิตย์” มณฑิราบอก
รัฐรวียิ้มวิไลลักษณ์งงๆ
สองสาวอยู่ในห้องพักแล้ว วิไลลักษณ์โล่งอกที่รู้ว่าจริงๆ แล้วรัฐรวีเป็นคนรวย
“ที่แท้คุณวีก็เป็นลูกของเพื่อนคุณหญิงป้าคุณมณนี่เอง โล่งอกไปที วิไลจะได้หมดห่วง”
วิไลลักษณ์คิดถึงเรื่องที่จะหนีตามอาทิตย์ไป แต่อีกใจก็ไม่อยากทำแบบนั้น อยากจะกลั้นใจสารภาพความจริงกับอาทิตย์ไปเลย
“คุณมณคะ ถ้าอย่างนั้นวิไลสารภาพความจริงกับคุณอาทิตย์เลยดีไหมคะ เหมือนอย่างที่คุณรัฐรวีสารภาพกับคุณมณ”
“อย่าเพิ่งจ้ะวิไล ฉันยังอยากจะลองใจคุณรัฐรวีอยู่ วิไลช่วยเล่นละครต่อไปอีกสักหน่อยนะจ๊ะ”
“ยังต้องลองใจอะไรอีกเหรอคะ คุณรัฐรวีเค้าก็บอกรักคุณมณทั้งๆที่คิดว่าคุณมณเป็นแค่คนใช้แล้วนี่คะ”
“เค้าอาจจะแค่พูดเท่านั้น ฉันอยากดูว่าเค้าจะกล้าเสี่ยงขัดคำสั่งคุณแม่ของเค้าเพื่อมาคบกับคนใช้อย่างฉันจริงๆ ไหม บางทีที่เค้าบอกรักฉันเมื่อกี๊ อาจจะเป็นแค่อารมณ์ชั่ววูบก็ได้”
“จริงด้วยค่ะ เราควรตัดสินคนที่การกระทำ ไม่ใช่แค่คำพูด”
วิไลลักษณ์หวนคิดถึงเรื่องของตัวเองกับอาทิตย์
ทางฝ่ายอิงอรดื่มเหล้าเศร้าๆ อยู่ หมอฉบังอยู่ด้วย อิงอรเริ่มเมาแล้ว กำลังจะยกแก้วดื่ม
“ดื่มให้กับความผิดหวัง” “พอเถอะครับคุณอิงอร คุณอิงอรเมามากแล้วนะครับ”
“อิงไม่เมา อิงไม่เข้าใจทำไมคุณอาทิตย์ถึงบอกว่าไม่เหมาะสมกับอิง”
หมอฉบังเครียด ที่บอกไม่ได้ว่าความจริงแล้วอาทิตย์เป็นคนขับรถ “อิงเสียใจ คืนนี้อิงจะกินเหล้าให้หมดขวดเลย” อิงอรหยิบแก้วจะยกดื่มอีก หมอฉบังแย่งแก้วเหล้าจากมืออิงอร “อย่าเลยครับคุณอิง” เขายกเหล้าแก้วนั้นดื่มเอง
เวลาผ่านไป อิงอรเริ่มมีสติแล้ว เห็นหมอฉบังนั่งกินเหล้าเมาอยู่
“คุณอิง” หมอฉบังเหลียวหา แต่ไม่เห็นอิงอร “คุณอิงไปไหนครับ”
“อิงอยู่นี่ค่ะ”
อิงอรอยู่ข้างๆ นั่นเองจับหน้าหมอฉบังหันกลับมา “เมาขนาดนี้ อิงว่าพอเถอะค่ะคุณหมอ”
เสียงหมอฉบังอ้อแอ้ๆ “ใครว่าผมเมา แค่นี้ชิลล์ๆ มาครับคุณอิง ดื่มก่อนสิครับ ผมรู้ว่าวันนี้คุณอิงอรเสียใจ เรื่องที่ไอ้ทิตย์มันบอกว่ามันกับคุณอิงอรไม่เหมาะสมกัน ที่มันพูดก็ถูกนะครับ”
อิงอรสนใจ “หมายความว่ายังไงคะ”
“ก็คุณอิงอรเป็นถึงลูกสาวเจ้าของบริษัทจิวเอลรี แล้วไอ้อาทิตย์มันเป็นใคร”
อิงอรตื่นเต้น “เป็นใครคะ”
“ไอ้อาทิตย์มันเป็น...เป็นคนขับรถของไอ้วีครับ”
อิงอรอึ้ง ชะงักกึก หมอฉบังกินเหล้าต่อ โดยไม่รู้ตัวว่าเผลอหลุดปากอะไรออกไป
ด้านอาทิตย์นั่งเกากีต้าร์เซ็งๆ ซึมๆ อยู่ รัฐรวีที่อาบน้ำเสร็จเดินอารมณ์ดีเข้ามา “ไอ้อาทิตย์ เล่นเพลงรักให้ฟังหน่อยสิ”
อาทิตย์เล่น ร้องเพลง “คนไม่สำคัญ” “ไม่ว่าเป็นที่เท่าไหร่ของเธอ เธอก็คือที่สุดเสมอไป ถ้าเผื่อเธอพอมีเหลือแม้เพียงเสี้ยวใจ จะแบ่งปันให้ชั้นได้รึเปล่า” “เอาเพลงอื่น”
อาทิตย์เล่น ร้องเพลง “ผิดไปแล้ว” “ผิดไปแล้ว ผิดไปแล้ว แต่ก็ยังยืนยันว่าชั้นไม่ได้ตั้งใจ”
รัฐรวีเดินไปจับสายกีต้าร์ให้หยุดเล่น ฉุกคิด
“เดี๋ยว แกร้องเพลงสื่อความหมายเหมือนไปทำอะไรผิดมา บอกชั้นมาเลยว่าแกไปทำอะไรมา” “ผมไม่ได้ทำอะไรผิดครับ แต่ในอนาคตซึ่งเราไม่รู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ผมอาจจะทำ ผมก็เลยอยากให้คุณวีนึกถึง และสงสารคนที่ไม่สำคัญคนนี้ครับ”
รัฐรวีงง อาทิตย์มองรัฐรวีเหมือนอยากจะบอกอะไรบางอย่าง แต่แล้วตัดสินใจไม่พูด “ผมขอตัวไปนอนก่อนนะครับ”
อาทิตย์เดินออกไป รัฐรวีครุ่นคิด มั่นใจว่าอาทิตย์ต้องมีอะไรในใจแน่ๆ
ฟากภูวเดชนั่งจาม เพิ่งเอาซิมการ์ดใส่มือถือเครื่องใหม่ แล้วเปิดเครื่อง ทันทีที่เปิดเครื่อง อิงอรก็โทร.เข้ามา ภูวเดชรับสาย
อิงอรอยู่ที่คอนโด ท่าทางโกรธจัด และหงุดหงิด โวยใส่ทันที
“ปิดมือถือทำไมคะ อิงโทร.หาอยู่ตั้งนาน”
ภูวเดชงงอยู่โดนด่า “เอ่อ มือถือผมตกน้ำ เพิ่งจะใช้ได้ คุณอิงมีอะไรเหรอครับ”
“มีสิคะ อิงว่าถึงเวลาที่เราสองคนจะต้องคุยกันจริงจังแล้วค่ะ”
อิงอรมีท่าทางมุ่งมั่นมาดหมาย โกรธแค้นอาทิตย์มาก
ภูวเดชแปลกใจว่าอิงอรไปเจออะไรมา?
อ่านต่อหน้า 3
เช้าวันถัดมา หมอฉบังนอนหลับอยู่ที่โซฟาคอนโดอิงอร ครู่หนึ่งหมอฉบังรู้สึกตัวตื่นขึ้นมา อาการยังแฮงค์ๆ งงๆ อยู่ อิงอรที่กำลังต้มข้าวต้มอยู่ เห็นหมอฉบังตื่น เลยรินน้ำใส่แก้วแล้วเอามาให้
“น้ำเย็นเย็นแก้แฮงค์ค่ะคุณหมอ”
หมอฉบังนวดขมับตัวเอง “ผมขอโทษนะครับคุณอิง ที่ทำให้ลำบาก เมื่อคืนผมคงเมามากเลยเหรอครับ”
อิงอรยิ้มขัน “ไม่มากหรอกค่ะ แค่เมาไม่รู้เรื่อง”
หมอฉบังบ่นกับตัวเอง “ไม่น่ากินเหล้าเลย”
“อิงเตรียมอาหารเช้าไว้ให้คุณหมอแล้วนะคะ”
“ขอบคุณมากนะครับคุณอิงอร”
“ไม่เป็นไรค่ะ อิงต่างหากที่ต้องขอบคุณ.. เพราะคุณหมอทำให้อิงตาสว่าง”
หมอฉบังชะงักงง แล้วคิดทบทวนว่าเมื่อคืนตัวเองพูดอะไรออกไปรึเปล่า
อีกฟาก รัฐรวีเคาะประตูห้องอาทิตย์ ”ไอ้ทิตย์ ตื่นได้แล้ว ไอ้ทิตย์”
รัฐรวีเห็นอาทิตย์ไม่ตอบ เลยเปิดประตูเข้าไปดู แต่พบว่าภายในห้องไม่มีอาทิตย์อยู่
“ไปไหนของมันแต่เช้าวะ หรือว่าไปหาคุณวิไลลักษณ์”
รัฐรวีกดมือถือโทร.หาอาทิตย์ “ปิดเครื่องด้วย”
รัฐรวีเหลือบไปเห็นตู้เสื้อผ้าในห้องแง้มอยู่ เลยเดินไปดู เห็นว่าเสื้อผ้าข้าวของของอาทิตย์ไม่อยู่แล้ว
รัฐรวีเอะใจหันไปมองรอบห้อง จนเจอบนโต๊ะมีจดหมายฉบับหนึ่งวางอยู่ มีขวดน้ำเปล่าวางทับไว้ รัฐรวีหยิบจดหมายมาอ่าน ความว่า
"ถึงคุณวีเจ้านายที่เคารพและพี่ชายที่ผมรักยิ่งชีวิต”
รัฐรวีชะงัก “ผมรู้สึกผิดและเสียใจเหลือเกินครับที่ต้องบอกคุณวีว่า ผมได้ตัดสินใจจะพาคุณวิไลลักษณ์หนีกลับกรุงเทพเพื่อไปอยู่ด้วยกันฉันสามีภรรยา” รัฐรวีอึ้งไปเลย “เพราะผมกลัวและไม่กล้าบอกความจริงกับคุณวิไลลักษณ์ว่าผมเป็นเพียงแค่คนขับรถ ผมคงมีชีวิตอยู่ต่อไปไม่ได้หากเธอทิ้งผมไป...แต่ถ้าผมกับคุณวิไลลักษณ์ได้ใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันแล้ว ถึงตอนนั้นผมเชื่อว่าเธอคงจะรักผมจนพอที่จะให้อภัยผมได้...ตลอดเวลาที่ผ่านมา คุณวีช่วยเหลือผมมานับครั้งไม่ถ้วน และเอ็นดูผมเหมือนน้องชายแท้ๆ...ขอครั้งนี้เป็นครั้งสุดท้ายที่ผมจะสร้างความเดือดร้อนให้คุณวี...หลังจากนี้เมื่อเรื่องทุกอย่างเรียบร้อย ไอ้ทิตย์คนนี้จะกลับไปให้คุณวีเตะลงโทษจนกว่าจะพอใจ
ป.ล. ผมพอจะมีเงินติดตัวอยู่บ้างจากเงินเดือนที่คุณวีเพิ่งให้มา แต่ถ้าไปไม่รอดจริงๆ ก็คงจะต้องบากหน้ากลับไปขอรบกวนคุณวีอีก หวังว่าคุณวีจะไม่ตัดเยื่อสิ้นใยจากไอ้อาทิตย์คนนี้นะครับ
รักและเคารพ ... อาทิตย์”
รัฐรวีตกใจ คาดไม่ถึง “ไอ้ทิตย์”
ด้านมณฑิราเองก็กำลังอ่านจดหมายที่วิไลลักษณ์เขียนทิ้งไว้เช่นกัน
”กราบเท้าคุณมณที่เคารพรักของวิไล
วิไลขอโทษนะคะที่ต้องทำแบบนี้ คุณมณคงจะโกรธวิไลมาก แต่ที่วิไลทำแบบนี้เพราะวิไลกลัวว่าถ้าวันนึงคุณอาทิตย์รู้ความจริง เค้าอาจจะหาว่าคุณมณช่วยวิไลหลอกลวงเขา ทำให้ชื่อเสียงของคุณมณเสียหายไปอีก วิไลยอมไม่ได้ค่ะ วิไลจะขอรับความผิดนี้ไว้แต่เพียงผู้เดียว วิไลกราบเท้าขอบพระคุณสำหรับทุกอย่างที่คุณมณทำเพื่อวิไล เมื่อเรื่องทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว วิไลจะขอกลับมารับใช้คุณมณอีก ฝากขอโทษและดูแลพ่อกับแม่และพี่เวกแทนวิไลด้วยนะคะ
รัก...วิไล”
มณฑิรายืนอึ้งชั่วขณะ แล้วจึงเดินไปเปิดดูตู้เสื้อผ้า ก็พบว่าวิไลลักษณ์เก็บเอาเสื้อผ้าข้าวของส่วนตัวไปหมดแล้วจริงๆ
มณฑิราหยิบโทรศัพท์มาโทร.หาวิไลลักษณ์ แล้วได้ยินเสียงโทรศัพท์วิไลลักษณ์ดังจากมุมห้อง เมื่อมองไปก็เห็นก็เห็นมือถือกำลังเสียบชาร์จไฟอยู่
มณฑิราถอนหายใจ ที่ติดต่อวิไลลักษณ์ไม่ได้
มณฑิรายืนใช้ความคิดครู่หนึ่ง แล้วตัดสินใจเก็บกระดาษจดหมายนั้นใส่กระเป๋ากางเกง แล้วรีบออกจากห้องไป
ขณะที่มณฑิราเดินออกมาจากห้องท่าทางตกใจนั้น ก็เห็นรัฐรวีที่ยืนพยายามโทรศัพท์หาอาทิตย์อยู่ พอรัฐรวีเห็นมณฑิราเดินออกมาก็วางสาย
“แย่แล้วนายวี! คุณหนูไม่อยู่ในห้อง แถมเสื้อผ้าข้าวของก็หายไปหมดเลยค่ะ”
“ไอ้ทิตย์ก็เก็บเสื้อผ้าไปหมดแล้วเหมือนกันครับ ผมโทร.หามันก็ไม่ยอมรับ นี่แสดงว่า ไอ้ทิตย์กับคุณวิไลลักษณ์หนีไปด้วยกัน”
“คุณอาทิตย์ เค้าไม่ได้เขียนโน้ตอะไร บอกนายไว้บ้างเลยเหรอว่าจะหนีไปที่ไหน”
รัฐรวีรีบกลบเกลื่อน “ไม่มีนะครับ เมื่อคืนเห็นมันทำท่าจะพูดอะไรกับผมซักอย่างแต่ก็ไม่ได้พูด ผมเองก็ไม่ได้เอะใจ นึกไม่ถึงว่ามันจะทำแบบนี้ แล้วคุณวิไลลักษณ์ล่ะครับ ไม่ได้ทิ้งจดหมายบอกอะไรไว้บ้างเลยเหรอครับ”
มณฑิราโกหกเช่นกัน “ไม่มีค่ะ ฉันจะทำยังไงดี ฉันจะบอกคุณพ่อคุณแม่ของคุณหนูว่ายังไง ฉันไม่น่าเลย ฉันผิดเอง”
“อย่าโทษตัวเองเลย คุณวิไลลักษณ์เค้าตัดสินใจหนีไปเอง”
“คุณหนูมากับฉัน ยังไงฉันก็ต้องรับผิดชอบ! ฉันไม่น่าพาคุณหนูมาเจอคุณอาทิตย์ที่นี่เลย ไม่นึกว่าคุณอาทิตย์จะเป็นคนแบบนี้”
รัฐรวีอดไม่ได้ที่จะแก้ต่างให้คนของตัวเอง “จะไปว่าคุณอาทิตย์คนเดียวก็ไม่ถูกนะครับ ผมเชื่อว่าเค้าไม่ได้บังคับคุณวิไลลักษณ์ไปแน่ แต่คุณวิไลลักษณ์ไปด้วยความสมัครใจของตัวเอง”
มณฑิราฉุน “นี่คุณจะบอกว่าคุณอาทิตย์ไม่ผิดงั้นเหรอ”
“เอาล่ะ ผมยอมแพ้ ยังไงอาทิตย์ก็ผิดเต็มประตู ผมว่าเราเลิกเถียงกันแล้วรีบไปตามสองคนนั้นก่อนดีกว่า”
“แล้วเราจะไปตามที่ไหน”
“ผมว่าตอนนี้ไอ้ทิตย์น่ากำลังพาคุณวิไลลักษณ์กลับกรุงเทพฯ แล้วล่ะครับ ผมว่าเราเข้าไปตั้งหลักที่กรุงเทพฯก่อน ค่อยหาทางกันว่าจะตามหาสองคนนั้นยังไง”
สองคนต้นเรื่องอยู่ที่บริษัทบริการเช่ารถ อาทิตย์นับเงินจ่ายเงินให้พนักงานที่เคาน์เตอร์ 2,000 บาท พนักงานยื่นกุญแจรถส่งให้
“เดี๋ยวถึงกรุงเทพฯ แล้วก็เอารถเข้าไปคืนที่ศูนย์ได้เลยนะคะ ถ้าไปส่งช้ากว่าเวลาก็จะมีค่าปรับ”
อาทิตย์พยักหน้าแล้วเดินออกมา เปิดกระเป๋าเงินดู พบว่ามีธนบัตรเหลืออยู่ไม่มาก อาทิตย์ถอนหายใจอาทิตย์เดินกลับมาหาวิไลลักษณ์ที่นั่งรออยู่ มีกระเป๋าเดินทางสองใบวางข้างๆ
“ไปกันเถอะครับ” อาทิตย์เดินไปจะถือกระเป๋าให้ แต่เห็นวิไลลักษณ์มีท่าทางกลุ้มๆ จึงพยายามปลอบ
“ไม่ต้องห่วงนะครับ ทุกอย่างจะต้องผ่านไปได้ด้วยดี”
“วิไลลักษณ์เป็นห่วงพี่มณค่ะ ถ้าพี่มณตื่นมาไม่เจอวิไลลักษณ์ ไม่รู้จะเป็นห่วงวิไลลักษณ์ขนาดไหน” วิไลลักษณ์เครียดจนร้องไห้ออกมา “แล้วถ้าพ่อกับแม่รู้ว่าวิไลลักษณ์หนีตามคุณอาทิตย์ไป ท่านคงเสียใจ....”
อาทิตย์ปลอบ “คุณวิไลลักษณ์อย่าเพิ่งคิดอะไรเลยครับ ยังไงเราก็ตัดสินใจลงไปแล้ว”
วิไลลักษณ์มองหน้าอาทิตย์ “เราเพิ่งรู้จักกันไม่นาน ถ้าวันนึงคุณอาทิตย์...” สาวใช้ช่างฝันอยากจะพูดว่ารู้ความจริงเรื่องสถานภาพตัวเองแต่ก็พูดไม่ออก “คุณอาทิตย์จะทิ้งวิไลลักษณ์ไหมคะ”
อาทิตย์ลงนั่งข้างๆวิไลลักษณ์แล้วกอดปลอบ “ผมจะทำอย่างนั้นได้ยังไงครับนางฟ้าของผม พอถึงกรุงเทพ ทุกอย่างจะเรียบร้อย เชื่อผมนะ”
อาทิตย์พูดไปทั้งๆ ที่ก็ไม่รู้ว่าจะจัดการกับปัญหาที่รออยู่ข้างหน้ายังไง
รัฐรวีขับรถมาตามถนน โดยมีมณฑิรานั่งอยู่ข้างๆ
“ฉันไม่เข้าใจเลย เค้าสองคนก็ปรับความเข้าใจกันได้แล้ว ทำไมคุณอาทิตย์ยังต้องพาคุณหนูหนีไปด้วย”
“อาทิตย์มันคงไม่กล้าไปบอกความจริงกับคุณพ่อคุณแม่คุณวิไลลักษณ์”
มณฑิรางง “ความจริงอะไรอีก”
“คือ เรื่องที่อาทิตย์เป็นเพื่อนผม ว่าใช่ก็ใช่ จะว่าไม่ใช่ก็ไม่ใช่”
มณฑิราฉงน “นายหมายความว่ายังไง”
“คือ...จริงๆแล้วเค้าเป็นลูกของแม่บ้านที่เลี้ยงผมมา” มณฑิราชะงัก “เราโตมาด้วยกันตั้งแต่เด็กก็เลยสนิทกัน ตอนนี้มันทำงานเป็นคนขับรถให้ผม”
มณฑิราอึ้ง “คนขับรถ คุณอาทิตย์เป็นคนขับรถของคุณงั้นเหรอ”
“ครับ...มันคงกลัวว่าถ้าคุณพ่อคุณแม่ของคุณวิไลลักษณ์รวมถึงตัวคุณวิไลลักษณ์รู้ความจริง จะไม่ยอมให้มันรักกับคุณวิไลลักษณ์ มันก็เลยพาเค้าหนีไป”
มณฑิราอึ้งไป ในใจก็รู้สึกแย่ ว่าที่เรื่องมันบานปลายไปเช่นนี้ เพราะทั้งอาทิตย์และวิไลลักษณ์ต่างคนต่างโกหกกัน รวมทั้งตัวเองด้วยที่ขอร้องให้วิไลลักษณ์โกหก เพราะอยากจะพิสูจน์ความจริงใจของรัฐรวี
รถที่อาทิตย์เช่าแล่นมาตามถนน อาทิตย์กำลังขับรถอยู่ มีวิไลลักษณ์นั่งกลุ้มใจอยู่ข้างๆ โทรศัพท์อาทิตย์ดัง อาทิตย์หยิบมาดูเห็นว่าเป็นรัฐรวีโทร.มา หันมาบอกกับวิไลลักษณ์ว่า
“นายวีโทร.มาตามผมน่ะครับ”
อาทิตย์วางโทรศัพท์ไว้ไม่รับสาย
“ของวิไลลักษณ์ไม่เห็นพี่มณโทร.มาเลย หรือว่าพี่มณโกรธจนไม่อยากคุยอะไรกับวิไลลักษณ์แล้วคะ”
“ไม่มั้งครับ คุณวิไลลักษณ์ปิดเสียงรึเปล่า”
วิไลลักษณ์เปิดกระเป๋าจะหยิบโทรศัพท์มาดูแต่หาไม่เจอ
“แย่แล้วค่ะคุณอาทิตย์! วิไลลักษณ์ชาร์จมือถือแล้วลืมทิ้งไว้ที่รีสอร์ต”
อาทิตย์ปลอบ “ก็ดีแล้วล่ะครับ ผมว่าตอนนี้คุณวิไลลักษณ์อย่าเพิ่งติดต่อใครเลยครับ พอถึงกรุงเทพฯ ผมจะพาคุณวิไลลักษณ์ไปจดทะเบียนสมรสทันทีเลย”
วิไลลักษณ์คิดถึงเรื่องต้องไปเจอพ่อแม่อาทิตย์ แล้วหนักใจกลัวความลับแตก
“คุณอาทิตย์คะ ถ้าเราจดทะเบียนสมรสกันแล้ว วิไลลักษณ์อยากจะขออะไรคุณอาทิตย์ซักอย่างได้ไหมคะ”
“ผมเคยบอกแล้วไงครับ ถ้าเป็นความต้องการของคุณวิไลลักษณ์ จะกี่ร้อยอย่างผมก็จะทำให้”
“คือ วิไลลักษณ์ไม่ทราบว่าญาติพี่น้องของคุณอาทิตย์จะคิดกับวิไลลักษณ์ยังไง ที่อยู่ดีๆก็หนีตามคุณอาทิตย์มาแบบนี้” วิไลลักษณ์มองอาทิตย์อย่างขอร้อง “วิไลลักษณ์เลยอยากขอให้เราแยกไปอยู่ด้วยกันตามลำพังก่อน อย่าเพิ่งให้วิไลลักษณ์เข้าไปอยู่บ้านเดียวกับคุณพ่อคุณแม่ของคุณอาทิตย์จะได้ไหมคะ”
อาทิตย์ดีใจ เพราะกลัววิไลลักษณ์จะรู้ความจริงแล้วรับไม่ได้ที่ตนเองไม่ใช่คนรวยพอดี
“ตกลงครับ”
วิไลลักษณ์ยิ้มดีใจและโล่งอก
อ่านต่อหน้า 4
ฝันเฟื่อง ตอนที่ 9 (ต่อ)
ตอนสายวันนี้ อาทิตย์กับวิไลลักษณ์หิ้วกระเป๋าเสื้อผ้าเข้ามาที่ล็อบบี้ของคอนโดหรูแห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ วิไลลักษณ์หงุดชะงักท่าทีคล้ายลังเล
“เราจะอยู่ที่นี่กันเหรอคะ”
“คุณวิไลลักษณ์ไม่ชอบเหรอครับ ผมว่ามันก็ดูหรูดีนะครับ คุณวิไลลักษณ์จะได้อยู่สบายๆ เราเข้าไปดูห้องกันดีกว่าครับ”
อาทิตย์จูงมือวิไลลักษณ์เดินเข้าไปที่เคาน์เตอร์
พนักงานต้อนรับส่งใบเรตราคาค่าห้องพักของคอนโดให้อาทิตย์ สองคนมองดูใบราคาแล้วต่างคนต่างอึ้งไป เพราะราคาขั้นต่ำห้องสตูดิโอเริ่มที่ 12,000 บาท
อาทิตย์นั่งอยู่กับวิไลลักษณ์ตรงมุมรับรองแขก ใบเรตราคาวางอยู่บนโต๊ะตรงหน้า สองคนมองใบราคาต่าคนต่างคิด
อาทิตย์คิดว่า “เดือนละตั้ง 12,000 มัดจำ 3 เดือนก็ 36,000 เป็น 48,000”
ส่วนวิไลลักษณ์คิดว่า “หรูหราสมราคาจริงๆ”
อาทิตย์คิดต่ออีก “ทั้งเนื้อทั้งตัวเหลือ 40,000 ติดลบตั้ง 8,000...”
วิไลลักษณ์คิดอีกว่า “ถ้าได้อยู่ที่นี่ก็คงจะดี”
สุดท้ายอาทิตย์เป็นฝ่ายเอ่ยขึ้น “คุณวิไลลักษณ์ครับ ผมว่า…”
วิไลลักษณ์บอกทันที “เราไปดูที่อื่นกันเถอะค่ะ”
อาทิตย์ฉงน “อ้าว ทำไมล่ะครับ”
“วิไลลักษณ์รู้นะคะว่าคุณอาทิตย์มีเงิน แต่เราสองคนหนีกันมาแบบนี้ คุณอาทิตย์ก็คงกลับไปทำงานเก่าไม่ได้ วิไลลักษณ์เองก็ไม่ได้มีเงินติดตัวมามาก ถ้าเราใช้เงินไม่ระวัง เงินที่มีอยู่ก็จะหมดไป วิไลลักษณ์ว่าเราน่าจะประหยัดเงินเอาไว้นะคะ”
“แต่ผมพาคุณวิไลลักษณ์มา ก็ไม่อยากพามาให้อยู่ลำบากนะครับ”
วิไลลักษณ์จับมืออาทิตย์ “วิไลลักษณ์อยู่ที่ไหนก็ได้ค่ะ ขอแค่มีคุณอาทิตย์อยู่ด้วยก็พอ”
อาทิตย์ยิ้ม ซาบซึ้งใจยิ่งนัก รู้สึกตนเลือกคนไม่ผิด
กลายเป็นว่าอาทิตย์ และวิไลลักษณ์พากันถือกระเป๋าเสื้อผ้าเข้ามาในห้องพักเล็กๆ ของอพาร์ตเมนต์ ให้เช่า สภาพกลางเก่ากลางใหม่ ไม่ไกลจากคอนโดหรูนัก
“คุณวิไลลักษณ์แน่ใจนะครับว่าอยู่ที่นี่ได้”
“แน่ใจค่ะ” วิไลลักษณ์ตอบ พลางเหลียวมองรอบห้อง “ห้องไม่กว้างมาก ทำความสะอาดง่ายดี” พอพูดไปแล้วนึกได้ กลัวอาทิตย์รู้ว่าติดนิสัยคนใช้ “เอ่อ...คือ วิไลลักษณ์หมายถึงไม่ต้องเสียเวลาดูแลรักษามาก”
ได้ยินเสียงตุ๊กแกร้อง ตุ๊กแก!! วิไลลักษณ์ตกใจผวาเข้าไปกอดอาทิตย์ร้องกรี๊ด “อ๊าย”
อาทิตย์เองก็กลัวตุ๊กแกเหมือนกัน แต่เห็นวิไลลักษณ์กลัวเลยต้องทำใจดีสู้เสือ
“เสียงมาจากในห้องน้ำ คุณอาทิตย์ช่วยไล่มันไปหน่อยสิคะ”
“ห๊ะ! ให้ผมไล่ตุ๊กแกเหรอครับ”
วิไลลักษณ์พยักหน้า
ในที่สุด เป็นวิไลลักษณ์ที่ถือด้ามไม้กวาด พยายามเขี่ยไล่ตุ๊กแกอยู่ในห้องน้ำ มีอาทิตย์ยืนกลัวๆเกาะอยู่ด้านหลัง
“ไป! ชิ้ว ไป”
ตุ๊กแกวิ่งหนีไปอีกทาง
สองคนตกใจร้องลั่น “เฮ้ย” / “ว๊าย”
อาทิตย์กับวิไลลักษณ์วิ่งหนีออกจากห้องน้ำ กระโดดขึ้นมานั่งกอดกันบนเตียง
สองคนหันมองหน้ากันแล้วชะงัก เพราะเพิ่งรู้สึกตัวว่ามากอดกันอยู่บนเตียงนอน
วิไลลักษณ์เขินจะถอยออก อาทิตย์ดึงตัวกอดไว้แล้วค่อยๆ จูบวิไลลักษณ์อ่อนโยน ก่อนจะมองซึ้ง ยิ้มให้กันอย่างมีความสุข
อาทิตย์ยิ้มพราย “พรุ่งนี้เราไปจดทะเบียนสมรสกันนะครับ”
วิไลลักษณ์ยิ้มตอบเขินๆ “ค่ะ”
อาทิตย์ยิ้มชื่น ตระกองกอดวิไลลักษณ์แนบอก
อีกฟากรถรัฐรวีแล่นมาจอดที่หน้ารั้วบ้านมณฑิรา รัฐรวีกับมณฑิราถือกระเป๋าเดินทาง ยืนคุยกันอยู่ที่หน้ารั้ว
“คุณมณครับ ให้ผมเข้าไปเถอะครับ คนของผมเป็นคนพาคุณวิไลลักษณ์หนีไป ยังไงผมก็ควรจะต้องเข้าไปอธิบายเรื่องทั้งหมดให้คุณพ่อคุณแม่คุณวิไลลักษณ์ฟังด้วยตัวเองนะครับ”
“เรื่องที่บ้านปล่อยให้ฉันจัดการเอง นายรีบหาทางติดต่อกับคุณอาทิตย์ให้เค้าพาคุณหนูกลับมาส่งที่บ้านให้เร็วที่สุดก็พอ”
รัฐรวีถอนหายใจหนักอก ยังอยากที่จะเข้าไปรับผิดชอบเรื่องที่เกิดขึ้นด้วยตัวเอง
“ทำตามที่ฉันบอกเถอะ ฉันขอร้อง”
มณฑิราเดินเข้าบ้านไป รัฐรวีหนักใจไม่หาย เพราะรู้สึกผิดแทนอาทิตย์
ขณะนั้นอิงอรนั่งนิ่งอยู่ที่โซฟาห้องรับแขก คุยอยู่กับเจ้าบ้าน รัฐและภัสสร สาวใช้แตงอ่อนเอาน้ำมาเสิร์ฟให้อิงอร
“มาหาป้าถึงที่บ้าน มีธุระอะไรด่วนเหรอจ๊ะ”
“คุณลุงคุณป้ารู้จักผู้ชายคนนี้ไหมคะ”
อิงอรยื่นโทรศัพท์มือถือตัวเองให้ดู รัฐกับภัสสรดูแล้ว เห็นว่าเป็นรูปของอาทิตย์
“รู้จักสิ นี่มันไอ้อาทิตย์ คนขับรถของตาวี” รัฐบอก
ภัสสรแปลกใจ “หนูอิงรู้จักอาทิตย์ด้วยเหรอจ๊ะ”
“ค่ะ แต่เค้าบอกอิงว่าเค้าเป็นเพื่อนพี่วี แล้วก็รวยด้วย”
ภัสสรร้อง “ห๊ะ”
อิงอรต่อว่ารัฐรวี “ที่สำคัญพี่วีก็รวมหัวกับนายอาทิตย์หลอกอิงด้วยค่ะ”
ในเวลาเดียวกันนั้น รัฐรวีขับรถเข้ามาจอดแล้วลงจากรถ เจอแม่ชื่นเดินเข้ามาหา แปลกใจที่พบว่ารัฐรวีขับรถมาเองคนเดียว
“อ้าว ทำไมคุณวีขับรถกลับมาเองคนเดียวล่ะคะ แล้วนี่ไอ้อาทิตย์มันไปไหน”
รัฐรวีอึกอัก
“หรือว่าไอ้อาทิตย์มัน เถลไถล ขอเที่ยวต่อคะ” แม่ชื่นซัก
“เปล่าครับ แต่ไอ้อาทิตย์มัน” รัฐรวีตัดสินใจบอกความจริง “มันพาแฟนมันหนีไปด้วยกันแล้วครับ”
แม่ชื่นตกใจมาก “ห๊ะ! คุณวีพูดใหม่สิคะ ไอ้ทิตย์มันพาใครหนีไปไหนคะ”
“แฟนของไอ้ทิตย์ชื่อวิไลลักษณ์ครับ มันพาเค้าหนีไปเมื่อเช้า” เขาหยิบจดหมายออกจากกระเป๋า “มันเขียนจดหมายฉบับนี้ทิ้งไว้ให้ผมครับ”
แม่ชื่นรีบเอาจดหมายมาอ่าน พออ่านจบก็หน้ามืด จะเป็นลมทันที
รัฐรวีรีบเข้าไปประคองแม่ชื่นลงนั่งที่เก้าอี้แถวนั้น “แม่ชื่น”
แม่ชื่นโกรธมาก “ไอ้อาทิตย์นะไอ้อาทิตย์ ทำไมถึงทำแบบนี้ พาลูกสาวเค้าหนีไปได้ยังไง ไอ้อาทิตย์ ไอ้ลูกเวร! แล้วนี่พ่อแม่เค้าจะว่ายังไง”
รัฐรวีกลุ้มใจ ไม่รู้จะตอบยังไง แม่ชื่นเศร้าหนัก แตงอ่อนเดินมาหาสองคน
“ป้าชื่นคะ คุณท่านให้มาตามค่ะ คุณวีด้วยนะคะ เมื่อกี๊เห็นคุณท่านถามหาคุณวีกับพี่อาทิตย์อยู่”
ถัดมา รัฐรวี เดินนำแม่ชื่นเข้ามา เห็นรัฐ กับภัสสรนั่งหน้าเครียดๆ อยู่กับอิงอร โดยอิงอรนิ่งขึงหน้าตาเอาเรื่องมาก
“อ้าวน้องอิง” รัฐรวีแปลกใจ
“ตาวีนั่งก่อน แล้วอาทิตย์ล่ะ” ภัสสรถาม
รัฐรวีมองหน้าแม่ชื่น แล้วเห็นอิงอรมองอยู่ เลยโกหก
“ผมใช้ให้ไปทำธุระอยู่น่ะครับ”
รัฐรวีตัดสินใจโกหกบุพการี
ภัสสรหันมาแนะนำแม่ชื่นกับอิงอร
“หนูอิงจ๊ะ นี่ชื่น แม่ของอาทิตย์”
รัฐรวีอึ้งตะลึงตะไล หันมองภัสสร กับอิงอร สงสัยว่าความกำลังจะแตก
รัฐเอ่ยขึ้น “แกไม่ต้องตกใจตาวี พ่อกับแม่รู้เรื่องไอ้ทิตย์แล้ว”
รัฐรวีกับแม่ชื่นตกใจมองหน้ากัน คิดว่าเป็นเรื่องพาหนี
“ผมก็ไม่คิดว่าไอ้ทิตย์มันจะกล้าทำขนาดนี้ครับพ่อ”
อิงอรงง “ไม่คิด! แต่พี่วีรวมหัวกับเค้าหลอกอิงเนี่ยนะคะ”
รัฐรวีงงกว่า “หลอก”
“ก็เรื่องที่คนขับรถของพี่วีมาหลอกอิงว่าเป็นเพื่อนพี่วีไงคะ พี่วีรู้ทั้งรู้แต่ไม่เคยบอกอิงเลยสักคำ พอเกิดเรื่องก็ยังหลบหน้า อิงโทร.หาก็ไม่รับสาย!” อิงอรใส่เป็นการใหญ่
แม่ชื่นบอกกับอิงอร อย่างตกใจ “นี่ไอ้ทิตย์มันไปหลอกคุณอีกคนเหรอคะ ทำไมไอ้ทิตย์มันเป็นคนแบบนี้ สร้างความเดือดร้อนไปทั่ว คุณอย่าไปว่าคุณวีกับคุณท่านเลยค่ะ คนที่ผิดเรื่องนี้มีไอ้ทิตย์คนเดียว ชั้นกราบขอโทษคุณแทนลูกด้วยนะคะ” ชื่นใจเสียจะก้มลงกราบ
รัฐรวีรีบลงไปห้าม “แม่ชื่นอย่าครับ!”
“ใช่ค่ะ คนที่จะต้องขอโทษอิงมีอยู่คนเดียว คือนายอาทิตย์” อิงอรบอก
“มันคงมาขอโทษคุณไม่ได้หรอกค่ะ ตอนนี้มันอยู่ที่ไหนยังไม่รู้เลย”
รัฐรวีพยายามปราม “แม่ชื่น”
“ไม่รู้อยู่ที่ไหนหมายความว่ายังไงวี ไหนบอกว่าอาทิตย์ไปทำธุระให้แกไง”
รัฐรวีอึกอักไม่อยากพูด
“ชื่น อาทิตย์ไปไหน” ภัสสรถาม
“มันพาแฟนมันหนีตามกันไปแล้วค่ะ”
ทุกคนตกใจ รัฐรวีเครียด แม่ชื่นรู้สึกผิดแทนลูก
เวลาเดียวกันที่บ้านมณฑิราก็อลเวงไม่แพ้กัน
แม่เมียดอ่านจดหมายที่วิไลลักษณ์เขียนทิ้งไว้ มณฑิรานั่งอยู่ด้วย ส่วนนายวง แม่เมียด เวกนั่งพื้น
แม่เมียดอ่านจดหมายแล้วชะงักนิ่งไป
“วิไลมันเขียนว่ายังไงแม่”
เวกดึงจดหมายจากแม่เมียดไปอ่านแล้วชะงักนิ่งเหมือนกัน
“อ๊าว อ่านแล้วนิ่งทั้งคู่เลยเว้ย ไหนเอามาดูซิ”
นายวงหงุดหงิด ดึงจดหมายจากเวกมาอ่านแล้วชะงัก
มณฑิราเอ่ยขึ้น “ชั้นขอโทษนะที่ดูแลวิไลไม่ดี”
“คุณหนูไม่ผิดหรอกค่ะ นังวิไลต่างหากที่ไม่รักดีหนีตามผู้ชาย”
นายวงแค้น “อย่าให้เจอนะไอ้คุณอาทิตย์! นึกว่ารวยแล้วจะทำอะไรก็ได้รึไง!”
“ชั้นยังมีอีกเรื่องที่จะบอกทุกคน”
เวกอึ้ง “มีเรื่องอะไรอีกเหรอครับคุณมณ”
มณฑิรามองหน้าทุกคน ลำบากใจที่จะบอกความจริงเรื่องอาทิตย์ไม่ใช่คนรวย
นายวง แม่เมียด และเวก เดินอึ้งๆ กันมาตามทางเดินจะกลับไปที่เรือนคนใช้ นายวงทนไม่ไหวหยุดเดินแล้วโวยวายออกมา
“นี่ตกลงเราโดนไอ้คุณอาทิตย์นั่นมันหลอกมาตลอดเลยเหรอเนี่ย! มันไม่ใช่คนรวย แต่จริงๆเป็นแค่คนขับรถ!”
เวกทักท้วง “อย่าลืมสิพ่อ เราก็ไปหลอกเค้าเหมือนกัน”
นายวงโกรธ “ไอ้เวก แกต้องตามหาน้องให้เจอนะ แล้วไปลากคอไอ้อาทิตย์นั่นมันหาพ่อ พ่อจะ...”
แม่เมียดโกรธบอกเสียงเข้ม “ไม่ต้อง” นายวงกับเวกชะงักทันที “นังวิไลมันไม่รักดีหนีตามผู้ชาย ถ้ามันคิดว่าจะอยู่กันได้ก็ให้มันอยู่ไป”
“แล้วแม่ไม่ห่วงน้องเหรอ”
“แล้วมันห่วงชั้นไหม ไหนจะคุณมณอีก ชั้นก็อยากรู้เหมือนกันว่าถ้ามันรู้ว่าต่างคนต่างเป็นแค่คนจนๆที่เผยออยากจะจับคนรวยเหมือนกัน มันยังจะรักกันอยู่รึเปล่า”
แม่เมียดอัดอั้นจนร้องไห้ นายวงเข้าไปกอดปลอบ เวกอึ้งๆ
ที่มุมหนึ่ง กุ๊กกิ๊กที่แอบฟังอยู่นานแล้วแอบขำ
“เรื่องนี้คุณต๋อยต้องรู้”
กุ๊กกิ๊กรีบวิ่งจู๊ดออกไปพร้อมข่าวใหญ่ประจำวัน!
อ่านต่อตอนที่ 10