พรายพยากรณ์ ตอนที่ 7
พิณชนิดาถอนใจ
“ช่วงนี้นายภูมินทร์กำลังถูกวิญญาณชั่วร้ายตามรังควาน ไพ่ THE DEVIL ปรากฏ หมายถึง โทสะรุนแรง ความโกรธแค้น พยาบาท นายภูคงเคยทำให้วิญญาณตนนี้เจ็บใจมากแน่ ๆ พี่จะทำยังไง? เตือนนายภูดีมั้ย ดวงนายนั่นแย่มาก จะขาดแหล่มิขาดแหล่ แถมยังโดนผีร้ายตามรังควานอีก ถ้าไม่ช่วย คงอยู่ไม่พ้นปีนี้ ให้คุณก้องพาไปทำบุญเก้าวัดดีมั้ย ? หรือจะให้คุณก้อง เกลี้ยกล่อมนายภูให้บวชเป็นพระไปเลย พอพ้นเคราะห์ค่อยสึก”
ภิชาสินีส่ายหน้าหงึกๆ “ความคิดนี้ ยิ่งเป็นไปไม่ได้”
พิณชนิดาเดินวนไปวนมาหาทางช่วยภูมินทร์ ปิ่นเพชรมองแล้วแอบอมยิ้มอย่างรู้ทัน พอพี่สาวเดินเข้าไปในห้อง ภิชาสินีก็หันมองหาพ่อ แม่ ป้า ที่ปรากฎร่างขึ้นมา
“เอายังไงดีคะ จะให้พี่พิณช่วยนายภูมินทร์ดีรึเปล่าคะ?”
พ่อรีบบอกให้อยู่ห่างๆ แต่แม่กับป้าไม่เห็นด้วย ภิชาสินีฟังทั้งสามทุ่มเถียงกัน ก็ยิ่งเครียด
จากนั้นภิชาสินีก็เดินตามพิณชนิดาเข้ามาในห้อง พลางรีบพูดเป็นเชิงเตือน
“ภิว่าเราอยู่ห่าง ๆ นายภูมินทร์เอาไว้ดีกว่า ในเมื่อเค้าไม่ได้ขอให้ช่วย มันก็ไม่ใช่ความผิดเรา”
พิณชนิดาถอนหายใจ
“แต่ถ้าเราอยู่เฉย ๆ เค้าอาจจะไม่รอด ถ้านายนั่นตายขึ้นมา พี่จะบาปรึเปล่า ที่รู้แล้วไม่เตือน”
“เตือนแล้ว นายภูอาจจะไม่เชื่อพี่ก็ได้นะ เรื่องผีสาง ถ้าไม่เห็นกับตัว ไม่มีใครเชื่อง่าย ๆ โดยเฉพาะคนหัวแข็งแบบนั้น ขืนพี่บอกไป จะโดนเค้าตอกหน้ากลับมาว่าบ้า”
พิณชนิดาฟังน้องสาวแล้วครุ่นคิดตาม แต่สีหน้ายังกังวลไม่หาย
ภูมินทร์ขับรถมาตามทาง พลางรู้สึกเหมือนมีคนจ้องมองจากด้านหลัง แต่พอหันมองไป กลับไม่เห็นใคร
“คืนนี้เป็นอะไร ? ทำไมรู้สึกเหมือนมีคนจ้องตลอดเวลา สงสัยจะทำงานมากจนเบลอ”
ภูมินทร์พยายามไม่สนใจ พลางขับรถต่อไป
ผีพรายปรากฏตัวขึ้นมาที่เบาะหลัง พลางมองจ้องภูมินทร์ด้วยแววตาอาฆาต
“แกต้องชดใช้ในสิ่งที่แกทำกับฉัน”
ทางด้านพิณชนิดาก็ตัดสินใจแล้วว่าจะต้องหาทางช่วยเหลือภูมินทร์ให้จงได้ เพราะจุดประสงค์ในการเรียนไพ่ยิปซีของเธอก็เพื่อนำมาช่วยเหลือคน เยียวยาความทุกข์ ความเจ็บปวดในใจของคน
ภูมินทร์ขับรถตรงมาเรื่อยๆ พลันก็เห็นผู้หญิงในชุดสีขาว ยืนตัวเปียก ยืนโบกรถอยู่ริมถนน เขาชะงักไปนิดหนึ่ง แล้วก็ขับผ่านไป
ผีพรายมองตามรถของภูมินทร์ พร้อมกับแสยะยิ้มร้าย
ก้องภพในชุดนอนกำลังคุยโทรศัพท์กับพิณชนิดาด้วยสีหน้าประหลาดใจสุด ๆ
“ผีตามรังควานคุณภู ? ”
“ฉันรู้ค่ะ ว่ามันฟังดูบ้า แต่เชื่อฉันเถอะนะคะ ฉันพูดจริง”
“คือ เอ่อ ผมไม่รู้จะพูดยังไงดี?”
พิณชนิดารีบบอก “ไม่ต้องพูดค่ะ แค่ทำตามที่บอกก็พอ หาสร้อยพระให้นายภูมินทร์ใส่ป้องกันตัว ถ้าเป็นไปได้ ก็พาไปทำบุญ อุทิศส่วนกุศลให้เจ้ากรรมนายเวร”
ก้องภพถือสายฟังด้วยสีหน้าลำบากใจ
“ต่อให้ผมพูดให้ตาย คุณภูก็ไม่มีทางเชื่อผมหรอกครับ”
“คุณก้องต้องพยายามนะคะ วิญญาณตนนี้เต็มไปด้วยความอาฆาตแค้น เค้าต้องเอานายภูถึงตายแน่”
ภูมินทร์ขับรถตรงไปเรื่อยๆ พลางก็เห็นผู้หญิงในชุดขาวคนเดิมยืนโบกรถอีก เขาเพ่งมองด้วยใจระทึก รีบเหยียบคันเร่งผ่านไป โดยไม่กล้าแม้แต่จะเหลียวไปมอง
ขับเลยไปได้ครู่หนึ่ง จู่ๆ ผู้หญิงคนเดิมก็ยืนโบกรถอีกครั้ง ภูมินทร์ตกใจแทบช็อก ก่อนจะตัดสินใจหันไปมอง ขณะขับผ่านก็เห็นผู้หญิงคนนั้นยืนก้มหน้าก้มตา ภูมินทร์รีบหันหนี ทันใดนั้น ก็เห็นผู้หญิงคนเดิมยืนอยู่หน้ารถ เขารีบหักหลบโดยสัญชาติญาณทันที ทำให้ให้รถเสียหลักแฉลบออกข้างทาง ขณะที่รถกำลังพุ่งเข้าชนต้นไม้
วินาทีนั้นเขาก็เหยียบเบรกจนมิด รถหยุดห่างจากต้นไม้เพียงคืบเดียว ภูมินทร์ถอนหายใจเฮือกใหญ่ ก่อนจะซบหน้าลงกับพวงมาลัยรถ
บรรยากาศโดยรอบเงียบสนิท ได้ยินเพียงเสียงหายใจแรง ๆ ของเขาที่อยู่ในภาวะตกใจไม่หาย
จู่ ๆ เสียงมือถือก็ดังขึ้น ภูมินทร์สะดุ้งด้วยความตกใจ ก่อนจะหันไปมองมือถือ เห็นเป็นเบอร์ก้องภพ จึงรีบกดรับสาย
“คุณภูอยู่ที่ไหนครับ ผมโทร. ไปที่บ้าน แม่นมนวลบอกว่าคุณภูยังไม่กลับ”
“เกิดอุบัติเหตุขึ้นนิดหน่อย”
ก้องภพตกใจ “ที่ไหนครับ คุณภูบาดเจ็บรึเปล่า?”
ภูมินทร์ยังไม่ทันตอบ ก็รู้สึกเหมือนมีเงามืดค่อย ๆ ขยับมายืนที่ประตูข้างรถฝั่งคนขับ เขาหวาดกลัวสุดชีวิต เหงื่อซึมออกมาเม็ดใหญ่ ตัวสั่นไปทั้งร่าง ไม่กล้าแม้แต่จะหันไปมอง
“ คุณภู ฮัลโหล คุณภูยังอยู่รึเปล่าครับ คุณภู”
ภูมินทร์กดวางสาย ไม่กล้าพูด ไม่กล้าแม้แต่จะขยับตัว แทบกลั้นหายใจด้วยซ้ำ
ทันใดนั้นก็มีเสียงเคาะกระจก ภูมินทร์ทำอะไรไม่ถูก เสียงเคาะกระจกดังขึ้นเรื่อย ๆ ก่อนที่เขาจะตัดสินใจ หันไปยกมือไหว้ข้างรถ ด้วยความกลัว
“ผมกลัวแล้ว อย่ามาหลอกมาหลอกกันเลย ไปที่ชอบ ๆ เถอะ”
พลันเสียงเคาะกระจกก็เงียบไป ภูมินทร์ค่อย ๆ เงยหน้าขึ้นมอง พอไม่เห็นใคร ก็ถอนหายใจเฮือกใหญ่ ทันใดนั้นลุงแก่คนหนึ่งก็ก็ยืนขึ้นพรวด ภูมินทร์ตกใจร้องลั่น
“อ๊าก ผี ผี ผี”
“ตั้งสติครับคุณ ตั้งสติ ผมเป็นคนไม่ใช่ผี”
ภูมินทร์หยุดร้อง พลางเพ่งมองด้วยสายตาไม่ไว้วางใจ
“ผมขับรถผ่านมา เห็นรถคุณประสบอุบัติเหตุเลยเข้ามาดูว่าเป็นอะไรรึเปล่า?”
“แล้วจู่ ๆ เมื่อกี๊คุณหายไปไหน?”
ลุงหัวเราะแหะๆ “ผมทำกุญแจรถหล่น เลยก้มลงเก็บ”
ภูมินทร์เห็นเป็นคนแน่แล้ว ก็รีบลงจากรถ
“ช่วยผมด้วย”
“บาดเจ็บตรงไหนรึเปล่าครับ?”
ภูมินทร์ส่ายหน้า
“ช่วยไปส่งผมที่บ้านด่วน ผมไม่กล้าขับรถกลับคนเดียว”
เมื่อลุงขับรถมาส่งที่บ้าน ภูมินทร์ก็ยื่นเงินให้สองพัน พลางคาดคั้นให้ลุงรับไป จากนั้นเขาก็รีบลงจากรถ ก่อนจะรีบเข้าไปที่ประตูเล็กติดกับป้อมยาม
“เปิดประตู”
รปภ.เห็นเป็นภูมินทร์รีบเปิดประตูเล็กให้อย่างแปลกใจ ภูมินทร์รีบเดินเข้าบ้าน ทันใดนั้นผีพรายก็ปรากฏตัว กำลังจะพุ่งเข้าประตูตามภูมินทร์เข้าไป วินาทีนั้นก็เกิดลำแสงสว่างจ้า คล้ายบางสิ่งบางอย่างกระทบกันอย่างจัง ก่อนร่างของผีพรายจะกระเด็นตกลงพื้นอย่างแรง พร้อมกับร่างของเจ้าที่ปรากฏตัวขึ้น ชี้ไปที่ผีพราย ด้วยแววตาถมึงทึง
“นี่ไม่ใช่ที่ของเจ้า เข้าไม่ได้”
เช้าวันรุ่งขึ้น ก้องภพรีบสาวเท้าเข้ามาในบ้านของภูมินทร์อย่างร้อนใจ ก่อนที่จะถูกเจ้าของบ้านลากตัวออกไปคุยกันเงียบๆ ตามลำพัง
“ตกลง เมื่อคืนมันเกิดอะไรขึ้นครับ ทำไมคุณภูถึงวางสายไป?”
ภูมินทร์หน้าซีด “ฉันไม่รู้จะเริ่มเล่ายังไง? นายเชื่อเรื่องผีรึเปล่า?”
ก้องภพผงะ “อย่าบอกนะครับว่าคุณภูเจอผี ไม่อยากจะเชื่อ คุณพิณพูดถูกจริงๆ”
ภูมินทร์ได้ยินก็นึกแปลกใจ “ยัยประหลาดนั่นมาเกี่ยวอะไรด้วย”
“เมื่อคืนคุณพิณโทรหาผม ให้เตือนคุณภู ว่ากำลังจะโดนผีตามรังควาน ตอนแรกผมก็ไม่เชื่อ แต่พอฟังเสียงคุณพิณแล้ว รู้สึกว่าเธอไม่น่าโกหก ผมเลยโทรไปหาคุณภู”
ภูมินทร์ครุ่นคิดตาม
“อะไรมันจะบังเอิญขนาดนั้น ฉันว่ายัยประหลาดนั่นต้องเป็นคนวางแผนเรื่องทั้งหมด”
แต่ก้องภพไม่เห็นด้วย
“คุณพิณไม่น่าเป็นคนแบบนั้น เมื่อคืนน้ำเสียงของเธอ ฟังดูหวังดีจริง ๆ”
ภูมินทร์เบ้ปาก “หวังดีประสงค์ร้าย ฉันมั่นใจว่ายัยประหลาดคือคนที่ส่งผีมา ยัยนั่นเลี้ยงตุ๊กแกผีได้ ทำไมจะเลี้ยงผีไม่ได้ ฉันไม่ยอมให้ยัยนั่นทำกับฉันแบบนี้แน่”
พิณชนิดากำลังทำความสะอาดห้องอยู่ พอเธอกวาดเข้าไปในซอกตู้ ก็มีซากเสื้อชั้นในเก่าติดไม้กวาดออกมา ทำเอาเธอถึงกับชะงัก
“นี่มันเสื้อในกับกางเกงในเราที่หายไป ทำไมมาอยู่ที่ซอกตู้?”
ภิชาสินีกับปิ่นเพชร เดินออกมาเห็นพอดี
“ชุดชั้นในเก่าๆ มันนิ่ม หนูมันคงชอบ เลยขโมยมาทำรัง”
พิณชนิดารีบยกขึ้นดม “อี๋ กลิ่นฉี่หนูจริง ๆ ด้วย”
ปิ่นเพชรยิ้มขำ “ที่แท้ก็เป็นหนูที่ขโมยชุดชั้นในเจ๊ ไงล่ะ ด่านายภูมินทร์เอาไว้ซะเยอะ”
พิณชนิดาบักไหล่ “คนไม่รู้ ย่อมไม่ผิด”
พิณชนิดากับภิชาสินี กำลังจะเดินออกมาจากอพาร์ตเม้นต์ ภูมินทร์ก็เดินรี่เข้ามาทันที ก้องภพรีบเดินตามมาติดๆ
“เธอมันร้ายกว่าที่ฉันคิดไว้มาก อยากได้ฉันเป็นสามีจนตัวสั่นถึงขั้นส่งผีไปทำร้ายฉัน เลิกพยายามสักที จะให้พูดอีกกี่ครั้ง คนอย่างฉันไม่มีทางใฝ่ต่ำคว้าเธอมาเป็นเมีย”
พิณชนิดาฉุนกึก
“ แยกแยะระหว่างความมั่นใจกับหน้าด้านนิดนึง ผู้ชายปากขยะ นิสัยเสียอย่างนาย ฉันไม่สิ้นคิด ไขว่คว้ามาเป็นสามี ต่อให้เหลือนายเป็นผู้ชายคนเดียวในโลก ฉันก็ไม่เอา”
ภูมินทร์มองด้วยสายตาหยามหยัน
“เลิกโกหกเรียกร้องความสนใจซะที ถ้าไม่ใช่ฝีมือเธอ แล้วจะเป็นใคร ?”
ยังไม่ทันที่พิณชนิดาจะพูดอะไร ภิชาสินีก็ชิงแทรกขึ้นมา
“วิญญาณผู้หญิงคนนั้นมา เพราะตัวคุณเอง ไม่เกี่ยวกับใครทั้งนั้น”
ภูมินทร์ถึงกับอึ้ง “เธอรู้ได้ยังไงว่าเป็นผู้หญิง?”
“ก็เค้ายืนอยู่ข้างหลังคุณ”
ผีพรายยืนอยู่หลัง มองภูมินทร์ด้วยแววตาอาฆาต
พิณชนิดามองน้องสาวอย่างแปลกใจ ขณะที่ภูมินทร์มองด้วยสายตาไม่ไว้วางใจ
“จะบอกว่าตัวเองเห็นผีงั้นสิ อย่าคิดว่าฉันจะเชื่อ”
“ผู้หญิงคนนั้น ตัวเปียก ซีดๆ ผมยาว ใส่ชุดสีขาว”
ก้องภพรีบสะกิดถามอย่างหวาด ๆ “จริงรึเปล่าครับคุณภู”
ภูมินทร์หน้าเสีย พูดไม่ออก ได้แต่หันมองรอบตัวเองอย่างหวั่น ๆ
ภูมินทร์ พิณชนิดา ก้องภพ ยืนมองภิชาสินีเจรจากับผีพรายอย่างไม่อยากจะเชื่อ
“ตกลงจะตอบได้รึยัง? เรื่องมันเป็นมายังไง? ฉันช่วยคุณขึ้นมาจากน้ำ เพื่อให้คุณไปเกิดในภพภูมิที่ดี ไม่ใช่มาตามจองล้างจองผลาญคนอื่นแบบนี้”
ผีพรายชี้มือไปที่ภูมินทร์อย่างโกรธจัด “ถ้าไม่ใช่เพราะมัน ฉันคงไม่ตาย”
ภิชาสินีตกตะลึง “หมายความว่ายังไง?”
ภาพในอดีตตอนที่ภูมินทร์โยนแฟ้มไปตรงหน้าอย่างแรงด้วยความโมโห ชมพู่หน้าเสีย ก้องภพมองอย่างเห็นใจ
“ชมพู่ขอโทษค่ะ“
“ขอโทษแล้วมันช่วยอะไรได้มั้ย ตัวเลขในสัญญา แค่จุดทศนิยมเดียว มันเป็นเงินหลายร้อยล้าน ถ้าฉันไม่เจอซะก่อน บริษัทจะสูญเงินเท่าไหร่? ทำงานแบบนี้ มีสมองรึเปล่า?”
ชมพู่ร้องไห้กระซิกๆ
“ชมพู่ขอโทษจริง ๆ ค่ะ ชมพู่ผิดไปแล้ว ครั้งหน้าชมพู่จะตรวจทานเอกสารสัญญาให้ดี ไม่ให้พลาดแบบครั้งนี้อีกเด็ดขาด”
แต่กลับถูกภูมินทร์ตะคอกใส่หน้า “ไม่มีครั้งหน้า”
ชมพู่อึ้งพูดไม่ออก ขณะที่ภูมินทร์มองหน้าอย่างเอาเรื่อง
“เธอทำงานผิดพลาดมาสองครั้ง ครั้งนี้ถือเป็นครั้งที่สาม พอกันที ฉันจะไม่ยอมให้มีครั้งที่สี่ ฉันไล่เธอออก”
ชมพู่แทบช็อก ก้องภพมองอย่างสงสาร แต่ก็ช่วยอะไรไม่ได้
ภูมินทร์กับก้องภพหันมองหน้ากัน อย่างประหลาดใจ
“สิ่งที่คุณภิเล่ามา มันถูกต้องทุกอย่างเลยครับ”
ภูมินทร์ผงะ “นี่แสดงว่าวิญญาณที่เธอว่า ก็คือยัยชมพู่พนักงานธุรการที่ฉันไล่ออกไปเมื่อปีก่อน”
“เธอตายได้ยังไงครับ?” ก้องภพไม่วายสงสัย
ชมพู่เครียดจัด นั่งเมาอยู่ที่ร้านลาบข้างทาง พลางฟูมฟายโวยวายอยู่คนเดียว
“จู่ ๆ ก็โดนไล่ออก หนี้บัตรก็เยอะแยะ จะทำยังไงดีวะ งานก็ยิ่งหายากอยู่ ไอ้ภูมินทร์ ไอ้คนใจร้ายผิดพลาดแค่นี้ ทำไมต้องไล่ออก”
เธอเอาแต่โวยวาย จนไม่ทันสังเกตว่ามีโจร 2 คนแอบมองมาเป็นระยะ
ชมพู่เดินเมาโซซัดโซเซออกมาจากร้าน 2 โจรฉวยจังหวะ เข้าไปกระชากกระเป๋า แต่ชมพู่รั้งเอาไว้ทัน 2 โจรชักมีดมาขู่ ความเมาทำให้ชมพู่บ้าบิ่นเข้าไปแย่งมีดกับโจรโดยไม่กลัวตาย ทั้ง 3 คนคนชุลมุน ยื้อมีดกันไปมา
บังเอิญโจรคนหนึ่งเกิดสะดุดล้มหงายหลัง ชมพู่ที่ยื้อมีดอยู่ล้มตามลงไป โดนมีดเสียบเข้าต็มๆ
2 โจร ตกใจ ก่อนที่จะช่วยกันแบกศพของเธอมาโยนทิ้งที่แม่น้ำ
“ทำไมไม่ไปจัดการไอ้คนที่ทำให้เธอตาย มารังควานฉันทำไม ? ฉันเกี่ยวอะไรด้วย?”
ภูมินทร์เปรยออกมาเสียงดัง ผีพรายชมพู่หันไปชี้หน้าอย่างเรื่อง
“ถ้าแกไม่ไล่ฉันออก ฉันก็คงไม่กินเหล้าเมา แล้วไปเจอกับไอ้โจรชั่ว จนโดนฆ่าตายแบบนั้น”
ภูมินทร์ไม่ได้ยินสิ่งที่ผีพรายพูด พลางทำท่าจะโวยวายต่อ แต่ภิชาสินีรีบห้าม
“หยุด ยิ่งคุณพูด เรื่องมันก็ยิ่งบานปลาย ถึงคุณจะไม่มีส่วนทำให้เค้าตาย แต่อย่างน้อยก็ทำให้เค้าเสียใจ ขอโทษเค้าเถอะ”
ภูมินทร์ส่ายหน้า “เรื่องอะไรฉันต้องขอโทษ ฉันไม่ได้ผิด ยัยชมพู่ทำงานพลาดเอง มาโทษฉันได้ยังไง”
ผีพรายชมพู่ได้ยินเช่นนั้นก็ยิ่งโกรธ
“คนอย่างแกมันไม่เคยสำนึก ต้องให้ชดใช้ถึงจะรู้สึก”
ทันใดนั้นก็พุ่งเข้าสิงร่างของภูมินทร์ทันที ภิชาสินีตกใจ พิณชนิดากับก้องภพได้แต่ยืนงง
ภูมินทร์ก็หัวเราะลั่นออกมาด้วยเสียงผู้หญิง พิณชนิดากับก้องภพยิ่งตกใจหนัก
“ไอ้ภูมินทร์ แกตายแน่”
พรายพยากรณ์ ตอนที่ 7 (ต่อ)
ภูมินทร์ตะโกนลั่นด้วยเสียงผู้หญิง ก่อนที่จะคุกเข่าลง เอาหัวโขกพื้น ท่ามกลางความตกใจของทุกคน
“ฉันจะเอาเลือดชั่วๆ ของแกออกมาให้หมด”
พิณชนิดา ก้องภพ ภิชาสินี รีบเข้าไปห้าม แต่สู้แรงผีพรายไม่ได้ พิณชนิดาเห็นท่าไม่ดี รีบร้องห้าม“อย่าทำแบบนี้เลย มันจะเป็นบาปติดตัวคุณไปนะ”
“ฉันไม่กลัว”
ภูมินทร์พูดพลางจะโขกพื้นให้ได้ พิณชนิดา ก้องภพ ภิชาสินี พยายามช่วยกันยื้อ อรรถพรเดินออกมาเห็นเหตุการณ์ชุลมุน ก็แปลกใจ
“พวกคุณกำลังเล่นอะไรกัน?”
ภิชาสินีรีบหันมาถาม “สร้อยพระของพ่อฉันยังอยู่รึเปล่า?”
อรรถพรรีบถอดสร้อยที่คล้องคออยู่ยื่นให้ ภิชาสินีพยายามจะใส่ให้ภูมินทร์ แต่ผีพรายที่สิงร่าง
ดิ้นหนี พิณชนิดาหันไปตะโกนลั่นบอกอรรถพร
“ช่วยกันจับนายภูมินทร์เร็วเข้า”
ทั้ง 4 คน ช่วยกันจับภูมินทร์เอาไว้ ภิชาสินีรีบเอาสร้อยพระคล้องคอ พลันแสงสีแดงก็พุ่งออกมาก่อนที่ทุกอย่างจะสงบลง
ภูมินทร์หมดสติลงไป พิณชนิดา ภิชาสินี ก้องภพ ช่วยกันประคองเอาไว้ อรรถพรยังไม่หาย
แปลกใจ
“มันเกิดอะไรขึ้น?”
จากนั้นอรรถพรกับก้องภพ ก็ช่วยกันประคองภูมินทร์ที่หมดสติเข้ามานอนที่โซฟาในห้องของ
พิณชนิดา 2 พี่-น้องเดินตามมาติดๆ
พิณชนิดาหันมองหน้าน้องสาวทันที
“ตกลงที่น้องเคยบอกว่าเห็นผีตอนเด็ก ๆ เป็นเรื่องจริง”
“เรื่องนั้นเอาไว้คุยกันทีหลังเถอะค่ะ ตอนนี้เราต้องช่วยนายภูมินทร์ก่อน ไม่งั้นแย่แน่”
พิณชนิดาหน้าเครียด “จะช่วยยังไงดี?”
จู่ๆ วิญญาณพ่อ แม่ ป้า ก็ปรากฏตัวขึ้น พ่อรีบขันอาสา
“พ่อจะไปช่วยเจรจากับผีพรายให้เอง”
พัณทิพามองอย่างแปลกใจ “ไหนว่าไม่อยากให้ช่วย ทำไมจู่ ๆ จะเจรจาให้?”
“ผมไม่อยากให้ลูกต้องเดือดร้อนเพราะไอ้เบื๊อกนี่”
กานต์กมลรีบบอก “กานต์ไปช่วยด้วยนะคะ ผู้หญิงน่าจะคุยกับผู้หญิงเข้าใจกันมากกว่า”
“พี่ไปช่วยอีกแรง ไปกันขนาดนี้ ผีพรายตนนั้นต้องใจอ่อน”
จากนั้นวิญญาณทั้งสามก็หายตัววับไป ภิชาสินีมองตาม ก้องภพหันมาถาม
“ตกลงจะเอายังไงต่อครับ?”
ภิชาสินีหันมาตอบ “รอก่อนค่ะ กำลังไปเจรจา”
“ใครไปเจรจาเหรอครับ?”
“ปิ่นเพชรเหรอ?”
ภิชาสินีพยักหน้า ไม่กล้าบอกพี่สาวว่าเป็นวิญญาณพ่อ แม่ และป้า
ก้องภพแปลกใจ
“ปิ่นเพชรเป็นใครเหรอครับ?”
วิญญาณทั้งสามปรากฏตัวขึ้นที่หน้าอพาร์ตเม้นต์ ปราชญ์รวบรวมความกล้าขยับเข้าหาผีพราย
“มีอะไร ค่อย ๆ พูด ค่อย ๆ จากันดีกว่านะครับ อย่าใช้ความแค้นตัดสินปัญหา”
ผีพรายหันมองตาดุ พร้อมกับตะโกนเสียงดังลั่น
“ออกไป”
พัณทิพาเห็นว่าไม่ได้การ จึงอาสาที่จะพูดกับผีพราย ด้วยการเตือนสติว่าทำแบบนี้เป็นบาป แต่ผีพรายกลับบอกถึงรู้ว่าถึงบาป ก็จะทำ เพราะสะใจ
“สะใจแล้วได้ลงนรก มันคุ้มรึไง?”
“คุ้มหรือไม่คุ้ม มันก็เรื่องของฉัน ถ้าพวกแกยังไม่เลิกวุ่นวาย ฉันจะเอาพวกแกลงนรกไปด้วย”
ผีพรายชมพู่มองจ้องอย่างเอาเรื่อง จนวิญญาณทั้งสามถอยกรูด ก่อนจะหายวับไป
พิณชนิดากำลังเอายาหม่องคลึงที่หัวของภูมินทร์เบา ๆ ก้องภพดูอยู่ใกล้ๆ ภิชาสินีกับอรรถพรยืนมองที่หน้าต่าง แล้วกระซิบคุยกัน
“เป็นยังไงบ้างครับ? ผีพรายไปรึยัง?”
ภิชาสินีส่ายหน้า “ยังอยู่ค่ะ”
“แบบนี้แสดงว่าเจรจาไม่สำเร็จเหรอครับ?”
“ไม่แน่ใจค่ะ คงต้องรอถาม พ่อ แม่ ป้า ของฉันอีกที”
ทางด้านภูมินทร์ก็ค่อยๆ รู้สึกตึวตื่นขึ้นมา พลางทำหน้างงๆ ก่อนจะหันมาถามก้องภพ
“ทำไมฉันถึงเจ็บหัว แล้วมาอยู่นี่ได้ยังไง?”
“คุณภูถูกผีชมพู่เข้าสิง แล้วเอาหัวโขกพื้นครับ พอผีออกจากร่าง พวกเราก็เลยพาคุณภู มาที่ห้องคุณพิณ”
ภูมินทร์โวยวายเสียงดัง
“ทำไมไม่พาฉันกลับบ้าน พาฉันมาห้องแคบ ๆ เท่ารังหนูนี่ทำไม?”
ภิชาสินีรีบหันมาตอบเสียงเข้ม
“ที่นี่มีเจ้าที่ ผีพรายเข้ามาไม่ได้ ขืนพาคุณกลับไป มีหวังโดนผีพรายเล่นงานตายกลางทาง”
ภูมินทร์เถียงไม่ออก จังหวะนั้นวิญญาณ พ่อ แม่ ป้า ก็ปรากฏตัวขึ้นมา ภิชาสินีรีบหันไปมองเป็นเชิงถาม แต่ทั้งสามกลับส่ายหน้าพร้อมกัน
ภิชาสินีถอนหายใจอย่างผิดหวัง
“เจรจาไม่สำเร็จ”
ทุกคนครุ่นคิดหน้าเครียด พยายามหาทางออก พลันพิณชนิดาก็นึกออก
“ถ้าพวกเราจัดการไม่ได้ ก็ต้องให้คนอื่นจัดการ”
จากนั้นทั้งหมดก็ขึ้นรถ ก่อนที่ก้องภพจะรีบขับออกไปจากอพาร์ตเม้นต์ทันที ผีพรายชมพู่มองตาม อย่างเอาเรื่อง
“แกไม่มีทางหนีฉันพ้น ไอ้ภูมินทร์”
ระหว่างที่นั่งอยู่ในรถด้วยกัน โดยมีผีพรายตามหลังมาติดๆ มือถือของภูมินทร์ก็ดังขึ้นมา เขารีบกดรับสาย
“มีอะไร?”
เอ๋ถามกลับมาทางปลายสายอย่างร้อนรน
“คุณภูมินทร์อยู่ที่ไหนคะ วันนี้คุณภูมินทร์มีประชุมตอน 11 โมง ตอนนี้หุ้นส่วนมากันครบแล้ว
รอแค่คุณภูคนเดียวค่ะ”
ภูมินทร์ชะงัก
“ลืมสนิทเลย วันนี้ฉันมีธุระด่วน คงไปไม่ได้แล้ว บอกยกเลิกการประชุมไปก่อน ไว้ฉันว่างเมื่อไหร่จะนัดใหม่อีกที”
พอเอ๋เดินเข้าไปแจ้งในห้องประชุมตามที่ได้รับคำสั่ง หุ้นส่วนทุกคนก็ชักสีหน้าไม่พอใจ สัญชัยต้องรีบแก้แทน แต่แสงโชติกลับพูดย้ำให้เห็นว่าภูมินทร์ทำไม่ถูก
“ทุกข์ร้อนอะไรกันมารึโยม?”
หลวงตาที่นั่งอยู่ในกุฏิ เอ่ยถามอย่างมีเมตตา
พิณชนิดารีบยกมือไหว้
“หนูจะรบกวนหลวงตา ช่วยเจรจายุติปัญหากับวิญญาณดวงหนึ่งให้ค่ะ”
หลวงตาหันมอง เห็นปราชญ์ กานต์กมล พัณทิพา เข้ามานั่งด้วย ก่อนจะหันมองออกไปที่ประตูหน้าโบสถ์
“เข้ามาเถอะโยม ในนี้ไม่มีสิ่งใดทำร้ายโยมหรอก ที่นี่มีแต่กระแสธรรม”
ภูมินทร์รีบขยับมาใกล้หลวงตา
“ชวนเข้ามาจะดีเหรอครับ เกิดเค้าโมโหหักคอผมขึ้นมาจะว่ายังไง?”
“ไม่ต้องกลัว ต่อหน้าพระเจ้า เค้าไม่ทำแบบนั้น”
ผีพรายชมพู่เดินเข้ามานั่งที่ท้ายกลุ่ม แล้วก้มลงกราบหลวงตา
“อาฆาตพยาบาทเค้า มีความสุขรึเปล่าโยม? ยิ่งโกรธ ยิ่งทุกข์ ยิ่งทุกข์ยิ่งโกรธ จะแบกทุกข์อีกนานเท่าไหร่ล่ะโยม?”
“จนกว่ามันจะชดใช้เจ้าค่ะ”
หลวงตาย้อนถาม “ชดใช้แล้วโยมจะได้อะไร?”
“ได้ล้างแค้นเจ้าค่ะ”
หลวงตาพยายามพูดเตือนสติ
“ตรองให้ดีนะโยม แค้นอยู่ที่ไหน? อยู่ที่ผู้ชายคนนี้ หรืออยู่ที่ตัวโยม โยมโกรธ ความโกรธอยู่ในใจโยมจริงไหม? เพราะฉะนั้นโยมแค้น ความแค้นก็ต้องอยู่ที่ใจโยมเช่นกัน ถ้าจะล้างแค้น ก็ต้องล้างความแค้นในใจของโยม ไม่ใช่ที่ผู้ชายคนนี้”
ผีพรายนิ่งคิด ภิชาสินีหันไปบอก
“เรื่องทั้งหมดจะโทษนายภูมินทร์คนเดียวคงไม่ถูก ถึงจะโดนไล่ออก แต่ถ้าคุณไม่กินเหล้าจนขาดสติ เหตุการณ์ร้ายแรงก็คงไม่เกิดขึ้น”
ผีพรายย้อนกลับทันควัน “ถ้ามันไม่ไล่ฉันออก ฉันก็คงไม่กินเหล้า”
“ถึงเวลาตาย ก็ต้องตาย ต่อให้วันนั้นโยมไม่ถูกไล่ออก โยมไม่กินเหล้า แต่ถึงที่ตาย โยมก็ต้องตายอยู่ดี ถ้าโยมฆ่าเขา แล้วต้องชดใช้กรรมอีก 500 ชาติ มันคุ้มรึเปล่า?”
ผีพรายได้ฟัง ก็เริ่มอ่อนลง หลวงตามองปราชญ์ กานต์กมล พัณทิพา แล้วสั่งสอนรวม ๆ
“รัก โลภ โกรธ หลง ล้วนเป็นทุกข์ รักมากก็ห่วงมาก โกรธมากก็แค้นมาก ปล่อยวางห่วงต่าง ๆ เสียเถิด อย่ายึดถือยึดมั่นในสิ่งใดๆ เลย เพราะทุกอย่างล้วนเป็นของไม่เที่ยง มาแล้วก็ไป เกิดแล้วก็ดับ”
ทุกคนก้มลงกราบหลวงตา ภูมินทร์รู้สึกผิด รีบหันไปถามภิชาสินี
“ชมพู่อยู่ตรงไหน?”
ภิชาสินีชี้มือไป ภูมินทร์หันมองตาม พลางพูดอย่างสำนึกผิด
“ถ้าสิ่งที่ฉันพูด ฉันทำ เป็นเหตุให้เธอโกรธ ฉันต้องขอโทษด้วย ฉันไม่ได้ตั้งใจ ทำให้เธอเจ็บปวด ทุกข์ใจ มากขนาดนี้ ฉันขอโทษอีกครั้ง ฉันผิดไปแล้ว อโหสิกรรมให้กันเถอะ”
พลันใบหน้าที่โกรธแค้น น่าหวาดกลัวของผีพรายชมพู่ ก็กลายเป็นอ่อนโยน
“อโหสิ”
ภิชาสินีรีบหันไปบอกภูมินทร์
“เค้าอโหสิให้คุณแล้ว”
ภูมินทร์ยิ้มดีใจ “ขอบคุณนะชมพู่ ขอบคุณ”
ผีพรายชมพู่ยิ้มตอบ ก่อนที่ร่างจะกลายเป็นควันลอยขึ้นสู่เบื้องบน หลวงตาหันไปหยิบน้ำมนต์พรมให้กับทุกคน พร้อมกับให้พรอย่างมีเมตตา
จากนั้นทั้งหมดก็ลงมาให้อาหารปลาอย่างสุขใจ ก้องภพเหลือบมองพิณชนิดาอยู่ตลอดเวลา ภูมินทร์แอบเห็น แต่ไม่พูดอะไร
วิญญาณของพ่อ แม่ ป้า เห็นความใกล้ชิดของอรรถพร กับภิชาสินีก็เบาใจ
“ถ้ายัยภิ ได้แต่งงานกับผู้ชายดี ๆ อย่างหมวดอรรถ กานต์คงหมดห่วง เหลือแต่ยัยพิณ”
พัณทิพาหันมาถาม “จับคู่กับใครดี?”
ปราชญ์รีบบอก
“นายก้องภพไง ผู้ชายคนนี้สุภาพ อ่อนโยน ใช้ได้ ผมรู้สึกถูกชะตาจริงๆ ไม่เหมือนไอ้เบื๊อกภูมินทร์”
พัณทิพายิ้มขำ “ระวังนะ ยิ่งเกลียดยิ่งเจอ เผลอ ๆ จะยิ่งได้มาเป็นลูกเขย”
ก้องภพพยายามหาจังหวะขยับไปใกล้พิณชนิดา
“ขอบคุณมากนะครับสำหรับวันนี้ คุณพิณช่วยคุณภูเอาไว้อีกแล้ว”
พิณชนิดาจงใจพูดเสียงดัง ให้ภูมินทร์ได้ยิน
“คนที่ต้องขอบคุณ ควรจะเป็นเจ้านายคุณมากกว่า”
ทุกคนหันมามองเป็นตาเดียว ภูมินทร์ทนสายตากดดันไม่ได้ ก็เอ่ยขอโทษแบบไม่ค่อยเต็มใจนัก“ขอบคุณให้มันเต็มใจหน่อย โตจนหมาเลียก้นไม่ถึงแล้ว หัดขอบคุณ ขอโทษ อย่างจริงใจบ้าง ชีวิตจะได้มีคนดี ๆ เข้ามา ไม่ใช่มีแต่ศัตรูคอยไล่ล่าแบบนี้ ทั้งคน ทั้งผี ตามฆ่าไม่เว้นแต่ละวัน”
ภูมินทร์หน้าเสีย พิณชนิดารู้สึกตัวว่าพูดแรงไป ก็เอ่ยขอโทษเสียงอ่อย
“ฉันขอโทษ”
สิ้นคำว่าขอโทษ ทิฐิในใจของภูมินทร์ก็ทลายลงทันที
“ไม่เป็นไร สิ่งที่เธอพูดมันเป็นความจริง ยังไงฉันก็ต้องขอบคุณเธอกับน้องสาวเธอมาก ที่ช่วยฉันเอาไว้อีกครั้ง ขอบคุณนะ”
พิณชนิดายิ้มออกมาได้ พลอยให้ทุกคนยิ้มตาม ก่อนที่ทั้งหมดจะพากันเดินออกไป
ภูมินทร์กับก้องภพขยับเดินเข้าไปใกล้อรรถพร
“ผมมีเรื่องให้คุณช่วย ในฐานะเจ้าหน้าที่ตำรวจ”
พิณชนิดา ภิชาสินี กับปิ่นเพชร มองอยู่ห่าง ๆ อย่างสงสัย
อรรถพรแปลกใจไม่น้อย เมื่อได้ยินความต้องการของภูมินทร์
“อยากให้ผมทำคดีที่คุณถูกลอบยิง ตำรวจเยอะแยะ ทำไมต้องเป็นผม?”
“นายเคยช่วยฉันเอาไว้”
ก้องภพรีบพูดเสริม “อีกอย่าง ผมสืบมาแล้ว หมวดเป็นตำรวจที่เก่ง และซื่อสัตย์ ไว้ใจได้”
อรรถพรนิ่งคิดครู่หนึ่ง ก่อนจะตัดสินใจ
“ตกลง ผมจะช่วยสืบคดีของคุณเอง แต่คุณต้องเอาหลักฐานทุกอย่างที่มีมาให้ผม”
“โอเค หวังว่าเราจะจับตัวไอ้คนที่ตามฆ่าผมได้ซะที ผมอยากรู้ว่ามันต้องการฆ่าผมเพราะอะไร?”
พรายพยากรณ์ ตอนที่ 7 (ต่อ)
ทางด้านสัญชัย แสงโชติ ก็พาหุ้นส่วนมานั่งทานนอาหารอย่างเป็นกันเอง หุ้นส่วนแต่ละคนเห็นพ้องต้องกันว่าสัญชัยมีคุณสมบัติเหมาะที่จะเป็นผู้บริหารมากกว่าภูมินทร์
สัญชัยรีบปฏิเสธ
“ไม่เป็นไรหรอกครับ ผมทำงานแบบนี้ก็ดี ไม่ต้องแบกภาระรับผิดชอบมากมาย”
“คุณสัญชัยกับแสงโชติ นิสัยดีผิดกับนายภูมินทร์จริงๆ ถ้ามีโครงการ หรือโปรเจ็กต์รีบนำเสนอได้เลยนะครับ พวกเราพร้อมจะผลักดันคนมีฝีมืออย่างพวกคุณ”
“ขอบคุณมากครับที่ให้โอกาสเราพ่อ-ลูก ขอบคุณครับ”
สัญชัยยิ้มนอบน้อม ผิดกับแสงโชติที่ยิ้มอย่างพอใจ
เมื่อกลับเข้ามาถึงห้องด้วยกัน พิณชนิดาก็รีบออกปากขอโทษภิชาสินี ที่เธอไม่เคยมองน้องสาวอย่างเข้าใจ ถึงขนาดเกือบพาไปรักษาที่โรงพยาบาลบ้ามาแล้ว ภิชาสินียิ้มให้พี่สาวอย่างเข้าใจ
“เอ้อ จริงสิ พี่ว่าจะไปซื้อพิซซ่ามาถวายปิ่นเพชร เป็นรางวัลที่ไปช่วยเจรจากับผีชมพู่”
ภิชาสินีตัดสินใจสารภาพ
“ไม่ใช่ปิ่นเพชรที่ไปเจรจา พ่อ แม่ แล้วก็ป้าต่างหากที่เป็นคนไปช่วยพูดกับผีชมพู่”
พิณชนิดาได้ฟัง ก็ตะลึงงัน
“พ่อ แม่ ป้า พวกท่านยังไม่ได้ไปผุดไปเกิดเหรอ?”
พลันปราชญ์ พัณทิพา กานต์กมล ก็ปรากฏกายขึ้นมาข้างๆ พิณชนิดา พลาวมองลูกสาวคนโตด้วยความรัก
“ใช่จ้ะ พวกท่านไม่ยอมไปไหน เพราะเป็นห่วงเรา”
พิณชนิดาปล่อยโฮออกมาทันที ทำเอาพ่อ แม่ ป้า พลอยเศร้าตาม
“ตอนนี้พ่อแม่ป้าอยู่ไหน?”
“ข้างพี่พิณ”
พิณชนิดาหันไปทางที่พ่อ แม่ ป้า ยืนอยู่ แล้วก็ร้องไห้ออกมาไม่หยุด
“พ่อขา แม่ขา ป้าขา พิณไม่เคยรู้เลยว่าพ่อแม่ป้าอยู่กับพิณตลอดเวลา พิณขอโทษนะคะที่ทำให้พ่อแม่ป้าเป็นห่วง ทำให้ไม่ได้ไปผุดไปเกิด เพราะเป็นกังวลเรื่องพิณกับภิ แต่ต่อไปนี้พ่อ แม่ ป้าไม่ต้องห่วงแล้วนะคะ พิณจะดูแลน้องเอง”
ปราชญ์ยิ้มทั้งน้ำตา
“คนเป็นพ่อเป็นแม่ ยังไงก็ไม่มีวันหมดห่วงลูก ยังไงซะพ่อ แม่แล้วก็ป้า ก็ยังไปไหนไม่ได้ จนกว่าพวกเราจะแน่ใจว่าจะมีคนดีมาคอยดูแลลูกทั้งสอง เมื่อถึงเวลานั้นเราจะไปเอง”
ภิชาสินีรีบหันมาบอกพี่สาว
“พ่อบอกว่าพ่อ แม่ ป้าจะไม่ไปไหน จนกว่าจะมีคนมาดูแลพวกเรา”
พิณชนิดาซาบซึ้งใจจนร้องไห้ออกมาอีกครั้ง พลอยให้ภิชาสินีร้องตามไปด้วย จากนั้นก็ดึงพี่สาวมากอด พร้อมกับที่วิญญาณพ่อ แม่ ป้า โอบกอด 2 พี่-น้องไว้แน่น
แสงโชติยื่นแก้วไวน์ให้สัญชัย ที่รับมาชนแก้วกับลูกชายอย่างอารมณ์ดี
“วันนี้ลูกทำให้พ่อเห็นว่าลูกโตเป็นผู้ใหญ่ขึ้นมาก ที่รู้จักพลิกวิกฤตให้เป็นโอกาส ไม่เสียแรงที่พ่อเฝ้าสั่งสอนลูกมา ต่อจากนี้ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของพ่อ ในการเสนอโปรเจ็กต์ใหญ่ของเรา”
แสงโชติได้ฟังก็ไม่พอใจ
“อ้าว ทำไมพ่อไม่ให้ผมทำโปรเจ็กต์นี้ต่อล่ะครับ พ่อเพิ่งชมผมอยู่หยกๆ “
“ใช่ พ่อชมลูก แต่คำชมแค่ครั้งเดียว ไม่ได้เป็นการตัดสินว่าพ่อจะสามารถปล่อยให้ลูกรับผิดชอบงานใหญ่คนเดียว ยังไงงานนี้ก็ห้ามพลาดเด็ดขาด เพราะเราต้องใช้เงินลงทุนสูง เราต้องละเอียด รอบคอบ ถ้าพ่อลุยเอง รับรองไม่มีพลาด”
สัญชัยพูดอย่างมั่นใจ ขณะที่ลูกชายกำแก้วไวน์แน่นอย่างไม่พอใจ
แสงโชติหลบไปนั่งดื่มสงบสติอารมณ์ในผับ ครู่หนึ่งเปรมสุดาก็เดินเข้ามา พลางพูดเตือนสติ
“การทำแบบนี้ ไม่ใช้เป็นการพิสูจน์ตัวเอง แต่เป็นการดิสเครดิตตัวเองต่างหาก คืนนี้กลับไปพักผ่อนนอนหลับให้เต็มที่ แล้วพรุ่งนี้เสนอตัวช่วยพ่อคุณ ทำให้พ่อคุณเห็นว่าคุณตั้งใจกับงานชิ้นนี้จริงๆ สุดาว่าอีกไม่นานพ่อคุณก็ต้องให้คุณรับผิดชอบ"
"ถ้าอยากชนะพ่อคุณ อยากชนะภู คุณต้องอดทนนะคะ อดทนเพื่อวันของเรา"
เปรมสุดาทำหน้าอ้อน แสงโชติพยักหน้าอย่างคล้อยตาม
ภูมินทร์ยืนแต่งตัวอยู่หน้ากระจก โดยมีก้องภพยืนอ่านตารางนัดให้ฟังจากไอแพด จากนั้นก็ทำอ้ำๆ อึ้งๆ จนอีกฝ่ายสงสัย
“มีอะไรจะพูดกับฉันอีกรึเปล่า?”
“ถ้าผมพูด คุณภูอย่าเพิ่งฉุนนะครับ ผมคิดว่าคุณภูน่าจะเลี้ยงคุณพิณกับน้องสาวเป็นการตอบแทนที่เค้าช่วยคุณภูเอาไว้”
ภูมินทร์ขมวดคิ้ว “จะเลี้ยงให้ยุ่งวุ่นวายทำไม ให้เงินไปก็จบแล้ว”
“แต่ของแบบนี้ ผมคิดว่าคุณภูควรจะตอบแทนด้วยใจมากกว่า ถ้าให้เป็นเงิน เค้าจะว่าเอาได้ ว่าเราไม่จริงใจ ถ้าอย่างนั้นผมไปจัดการเลยนะครับ”
ก้องภพพูดเองเออเอง พลางรีบเดินออกไปทันที ทำเอาภูมินทร์ทำหน้าเหวอ
“ไอ้ก้อง ฉันยังไม่ได้ตอบตกลง”
เมื่อเดินลงมาเจอกับสิรวิทย์ด้านล่าง ก้องภพก็รีบปรึกษาเรื่องร้านอาหาร แต่แล้วภูมินทร์ที่เดินตามลงมาก็โพล่งออกมาเสียงดัง
“ไม่ต้องไปร้านไหนทั้งนั้น”
ก้องภพหันไปมองอย่างงงๆ “อย่าบอกว่าเปลี่ยนใจนะครับ”
“ฉันไม่ได้เปลี่ยนใจเพราะฉันยังไม่ได้รับปากว่าฉันจะเลี้ยงข้าวยัยประหลาดสองคนนั้น แต่แกก็พูดถูก จัดการทุกอย่างให้เรียบร้อย แล้วก็โทร. ไปชวนยัยนั่นให้มาทานข้าวที่นี่”
พูดจบก็รีบเดินนำสิรวิทย์ออกจากบ้านไป ก้องภพยิ้มดีใจ
“ทำไมเราต้องดีใจมากขนาดนี้ด้วย?”
ภูมินทร์ชักชวนสิรวิทย์ไปคุยกับตำรวจ ส่วนก้องภพก็แวะมาหาพิณชนิดาที่อพาร์ตเม้นต์ พอเห็นฝ่ายหลังเดินออกมา เขาก็แอบยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ พลางขยับเสื้อผ้าให้เรียบร้อย
“สวัสดีครับคุณพิณ ขอโทษนะครับที่มากวนแต่เช้า”
“ไม่เป็นไรค่ะ อย่าบอกนะคะว่านายขี้เก๊กส่งคุณก้องมานี่เค้าจะเอาอะไรกับพิณอีก?”
หนึ่งเดินผิวปากมาเห็นพิณชนิดากับก้องภพก็ผงะ ครู่หนึ่งแพนเค้กกับขวัญทิพย์ก็ยืนข้างๆ
“คุณก้องภพ คนสนิทของคุณภูมินทร์”
หนึ่งหันไปเห็นสองผัวเมียก็ตกใจ แพนเค้กรีบเอามือปิดปากหนึ่ง เป็นเชิงไม่ให้เสียงดัง
“เงียบๆสิ เดี๋ยวน้องพิณได้ยิน ก็อดรู้กันพอดีว่าเค้าคุยอะไรกัน”
ก้องภพยิ้มให้พิณชนิดาอย่างสุภาพ
“คุณภูส่งผมมาก็จริงครับ แต่ไม่ได้ให้มาหาเรื่องคุณพิณ คุณภูให้ผมมาเชิญคุณพิณกับน้องสาวไปทานข้าวที่บ้านเย็นนี้ คุณภูต้องการตอบแทนความมีน้ำใจของคุณสองคน”
หนึ่ง แพนเค้ก ขวัญทิพย์ ถึงกับตาโต
“ไม่จำเป็น ฉันทำไปเพราะความถูกต้อง ไม่ได้ทำเพราะอยากช่วยเจ้านายคุณ หัวเราะอะไรคะ ไม่ได้พูดตลก”
ก้องภพหยุดหัวเราะทันที
“คุณพิณเป็นคนชัดเจนดีมากน่ะครับ ผมชอบ เอ่อ ผมหมายถึง ผมชอบนิสัยน่ะครับ คุณพิณรับปากผมเถอะนะครับ เจ้านายผมเค้าอยากตอบแทนพวกคุณจริงๆ มานะครับ ผมขอร้อง”
พิณชนิดานิ่งคิดครู่หนึ่ง “ก็ได้ ฉันไปเพราะคุณนะคะคุณก้อง”
ก้องภพอาสาว่าจะมารับ แต่พิณชนิดากลับบอกว่าจะไปเอง พลางบอกต่ออย่างเกรงใจ
“ว่าแต่คุณมาหาฉันเพราะเรื่องแค่นี้? ความจริงโทร. มาก็ได้”
ก้องภพรีบแก้ตัว
“พอดีผม ต้องผ่านมาแถวนี้อยู่แล้วนะครับ ผมไปนะครับ แล้วเจอกัน”
ก้องภพยิ้มให้เดินออกไป พิณชนิดาหันหลังเดินออกไปผ่านตรงที่หนึ่ง แพนเค้ก ขวัญทิพย์ซ่อนตัวอยู่
“ส่งคนสนิทมาเชิญให้ไปทานข้าวด้วยกันแบบนี้ ท่าทางคุณภูมินทร์จะจริงจังกับน้องพิณมาก”
แพนเค้กเห็นด้วยกับเมีย“กินกันในบ้านด้วย คิดดูสิ ถ้าไม่ใช่คนสำคัญจริง ๆ คุณภูมินทร์คงไม่พาเข้าบ้าน น้องพิณนี่มีบุญจริง”
หนึ่งกำมือแน่น ด้วยความหึงหวง
จากนั้นหนึ่งก็รีบเดินมาเอาเรื่องพิณชนิดาถึงห้อง
“ผมบังเอิญได้ยินพี่จะไปดินเนอร์กับไอ้. เอ่อ นายภูมินทร์เหรอ?”
พิณชนิดาทำหน้างง พลางย้อนถามกลับ “อื้อ ทำไม?”
“ก็ต้องทำไมสิพี่ พี่คิดให้ดี ที่ผ่านมา นายนั่นเคยทำดีกับพี่บ้างรึเปล่า? วันๆ คอยหาแต่เรื่องให้พี่เดือดร้อน คนแบบนี้เนี่ยนะจะชวนพี่กินข้าว พี่แน่ใจได้ไงว่ามันจะไม่มีแผนร้ายรอต้อนรับพี่อยู่”
พิณชนิดาคิดตามแล้วก็อึ้ง
“นั่นสินะ ไอ้หมอนั่นเจ้าเล่ห์จะตาย แต่พี่รับปากเค้าไปแล้วน่ะ ถ้าพี่ปฏิเสธ มันจะหาว่าพี่กลัว
งานนี้ยังไงก็ต้องไป ไม่อย่างนั้นนายขี้เก็กจะหาว่าฉันป๊อด”
หนึ่งได้ทีรีบเสนอตัว
“เอางี้ ผมไปด้วย อย่างน้อย ผมจะได้ช่วยสอดส่อง เกิดเห็นท่าไม่ดี จะได้ช่วยกัน”
ปิ่นเพชรรีบอาสาด้วย “ไปกันหลายๆ คน เค้าจะได้ไม่กล้าทำไรเจ๊”
พิณชนิดาพยักหน้าตกลง ทำเอาหนึ่งยิ้มแป้น
ภูมินทร์นัดเจอกับอรรถพรที่ร้านกาแฟ พลางแนะนำสิรวิทย์ให้รู้จัก
“นี่นามบัตรผมครับหมวด โทรมาผมได้ตลอด 24 ชั่วโมง”
อรรถพรยื่นมือไปรับนามบัตร พลางยิ้มให้สิรวิทย์อย่างเป็นมิตร หลังจากคุยธุระเรื่องคดีความเสร็จ ภูมินท์ก็ออกปากชวนทั้งสิรวิทย์ และอรรถพรให้ไปร่วมปาร์ตี้ที่บ้านเย็นนี้ด้วย
ทางด้านก้องภพก็เตรียมการด้วยการสั่งการแม่นมนวลให้จัดเตรียมอาหารสำหรับปาร์ตี้ตอนเย็น ที่จะมีพิณชนิดาเป็นแขกคนสำคัญ ปูเปรี้ยวที่ผ่านมาได้ยิน ก็ตาวาว รีบเอาโทรศัพท์มากดโทร. ออกทันที
เปรมสุดารับสาย พลางจิกหน้าอย่างเอาเรื่อง
“ภูชวนนังหมอดูมาดินเนอร์ที่บ้าน?”
หลังจากวางสายก็เดินกระทืบเท้าปังๆ เข้าไปหาปณิตา ขณะที่ผู้เป็นแม่กำลังแต่งหน้าอยู่ในห้องนอน
“เป็นอะไรอีกคะลูก ?”
“ภูอ่ะค่ะ ภูชวนนังหมอดูมากินข้าวที่บ้านเย็นนี้ ปกติภูไม่เคยชวนสุดาไปทานข้าวที่บ้านเลย แต่
ทำมั้ย ทำไม ทำไมภูถึงชวนนังนี่”
ปณิตาพยายามพูดเตือนสติ
“แม่บอกแล้วใช่มั้ยคะว่าเราต้องมีสติ ในเมื่อภูชวนมันกินข้าว เราก็ต้องไป ไปทำให้มันรู้ว่าเราเป็นใคร และมันเป็นใคร?”
2 แม่-ลูก ยิ้มให้กันด้วยแววตาร้าย
ในที่สุดพิณชนิดา ภิชาสินี หนึ่ง และปิ่นเพชร ก็มาถึงบ้านของภูมินทร์
“ปิ่นเพชร ไปสำรวจรอบ ๆ ให้เจ๊ด่วนเลย ถ้ามีอะไรไม่ชอบมาพากล รีบมารายงานเจ๊ทันที”
ปิ่นเพชรรับคำ พลางรีบวิ่งออกไป ภิชาสินีหันมองพี่สาว
“ระแวงเกินไปรึเปล่า นายภูมินทร์อาจจะเลี้ยงขอบคุณเราจริงๆ”
หนึ่งรีบขัดขึ้นมาทันที
“พี่ภิมองคนในแง่ดีเกินไป ผมว่าคนอย่างนายภูมินทร์ไม่มีวันจริงใจกับใคร”
“อย่าตัดสินอะไรง่าย ๆ หนึ่งไม่รู้จักเค้าดีพอ”
หนึ่งยักไหล่ “ไม่เห็นต้องรู้จัก ดูจากที่เค้ามาซื้ออพาร์ตเม้นต์ของเรา แล้วให้ย้ายออกภายใน 3 วัน โดยไม่สนใจว่าพวกเราจะเป็นยังไง แค่นี้มันก็ชัดแล้ว ว่าคนอย่างนายภูมินทร์ไว้ใจไม่ได้ ทางที่ดี ผมว่าพวกเรากลับกันดีกว่า อย่าเข้าไปยุ่งเกี่ยวเลย”
พิณชนิดายืดอกอย่างไม่กลัวใคร
“มาขนาดนี้แล้ว จะกลับง่ายๆ ได้ยังไง นายภูมินทร์จะได้คิดว่าเจ๊ขี้ขลาด ไปเถอะ พวกเรามากันตั้ง 3 คน พ่วงตุ๊กแกเทพอีก 1 ตัว กลัวอะไร ลุย”
พอพิณชนิดา ภิชาสินี หนึ่ง เดินเข้ามาด่านใน ก็เจอกับ 2 แม่-ลูกเข้าพอดี เปรมสุดามองพิณชนิดาหัวจดเท้าอย่างดูถูก
“ เคยดูดวงตัวเองบ้างรึเปล่า? ดวงกาลากิณีอย่างเธอ มันไม่สมควรที่จะเข้าใกล้คนอย่างภู คนอย่างพวกฉัน”
พิณชนิดาเชิดหน้า
“คนอย่างพวกคุณ กับคนอย่างพวกฉัน มันก็คนเหมือนกัน ไม่เห็นจะต่างกันตรงไหน ?”
จากนั้นทั้ง 2 ฝ่ายก็เปิดศึกปะทะคารมกันแบบไม่มีใครยอมใคร กระทั่งก้องภพเดินเข้ามา
“เกิดอะไรขึ้นครับ?”
ทุกคนชะงัก ก้องภพเห็นท่าไม่ดีรีบเดินเข้ามาเชื้อเชิญพวกพิณชนิดาเข้าในบ้าน แต่พอเธอจะเดินเข้าไป เปรมสุดากับปณิตาจงใจเดินตัดหน้า เบียดชน พลางหันมาเยาะเย้ยใส่
พอเข้ามาในบ้าน เปรมสุดดาก็รีบตรงรี่เข้าไปหาภูมินทร์ พร้อมกับเกาะแขนอ้อนทันที
“มีเลี้ยงทั้งที ไม่เห็นบอกกันบ้าง ทำแบบนี้ สุดาน้อยใจนะคะ”
แต่อีกฝ่ายย้อนกลับ “บอกหรือไม่บอก ก็มาอยู่ดี”
ทางด้านพวกพิณชนิดาที่เดินเข้ามากับก้องภพ ก็รีบยกมือไหว้แม่นมนวลอย่างนอบน้อม
“นี่น้องสาวของพิณชื่อภิค่ะ ส่วนอีกคน...”
หนึ่งรีบพูดแทรกขึ้นมา “แฟนพี่พิณครับ”
ภูมินทร์ชะงัก พิณชนิดารีบแก้ตัว
“ไม่ใช่นะคะ แค่น้องข้างห้อง”
แม่นมนวลยิ้มให้พวกพิณชนิดาอย่างเอ็นดู ขณะที่เปรมสุดารีบพูดเหน็บ
“นาน ๆ จะได้กินของดี ๆ แบบนี้ กินให้เต็มที่นะจ๊ะ”
จากนั้น 2 แม่-ลูก ก็หัวเราะกันคิกคักเยาะเย้ยพวกพิณชนิดา ที่มองหน้ากันอย่างเซ็ง ๆ ก้องภพปราดจะเข้าไปดูแล แต่เสียงมือถือดังขึ้นมาขัดจังหวะ
“ครับ อยู่ไหนแล้วครับ โอเค. เดี๋ยวผมเดินออกไปรับครับ”
ส่วนภูมินทร์ก็โดนแม่นมนวลคะยั้นคะยอให้เข้าไปดูแลพวกพิณชนิดา เขาจึงจำยอมทำตามอย่างเสียไม่ได้ ด้วยการเข้าไปตักอาหารให้
“นี่อร่อยนะ นี่ก็ดี อันนี้ก็สุดยอด”
พิณชนิดามองภูมินทร์อย่างแปลกใจ พอภูมินทร์ยื่นจานให้ เธอก็มองอย่างไม่ไว้ใจ เปรมสุดาหันมาเห็นภูมินทร์ตักอาหารให้พิณชนิดาก็หัวเสีย จนปณิตาต้องจับแขนปรามไว้
พรายพยากรณ์ ตอนที่ 7 (ต่อ)
ปิ่นเพชรเดินสำรวจไปรอบๆ บ้าน จนกระทั่งมาเห็นสระว่ายน้ำ ก็ตื่นตาตื่นใจ รีบนั่งลง เอาขาจุ่มน้ำอย่างสบายใจมาก พลันมีมือมาสะกิด ปิ่นเพชรหงุดหงิด เลยหันไปโวยวาย แต่กลับเจอ เจ้าที่ 2 ตน ยืนมองอยู่
“เจ้าเป็นใคร เปรต สัมพะเวสีก็ไม่ใช่ เป็นตัวอะไรกันแน่?”
ปิ่นเพชรรีบบอก “เค้าเป็นตุ๊กแกจ้ะ แต่เป็นตุ๊กแกที่บำเพ็ญเพียรมานาน จนสามารถแปลงร่างได้”
ขณะที่ 2 เจ้าที่หันมาปรึกษากันว่าจะอนุญาตให้ปิ่นเพชรเข้าในบ้านได้หรือเปล่า พอหันกลับมาอีกที ปิ่นเพชรก็หายวับไปแล้ว
พิณชนิดายืนเฉย ไม่ยอมแตะต้องอาหารที่ภูมินทร์ตักให้ ภิชาสินีกับหนึ่ง ถือจานอาหารเข้ามา เห็นก็แปลกใจ
“ทำไมไม่ทาน?”
พิณชนิดารีบกระซิบบอกน้องสาว
“ไม่น่าไว้ใจ ไม่รู้นายภูมินทร์แอบใส่อะไรในอาหารรึเปล่า ภิกับหนึ่งอย่ากินนะ”
แต่ช้าไปแล้ว หนึ่งตักอาหารเข้าปากคำใหญ่ พลางเคี้ยวตุ้ย ๆ 2 พี่-น้องหันมองจ้อง จนหนึ่งสงสัย
“มองผมทำไม มีอะไรเหรอ?”
“จะดูว่า กินอาหารแล้ว เป็นอะไรรึเปล่า?”
ขาดคำ หนึ่งก็ชะงัก พลางยกมือขึ้นบีบคอตัวเอง แล้วก็ทำหน้าเสีย 2 พี่-น้องตกใจ รีบเข้าไปดู แต่ที่แท้เด็กหนุ่มกลับแกล้งแหย่ทั้งคู่เล่น
ภิชาสินีเห็นว่าปลอดภัย จึงคะยั้นคะยอให้พี่สาวทาน แต่พิณก็ยังไม่ยอมแตะต้องอยู่ดี
ครู่หนึ่งก้องภพก็พาอรรถพรและสิรวิทย์เข้ามา สิรวิทย์เดินไปหาภูมินทร์ ส่วนอรรถพรและก้องภพมาที่โต๊ะของพิณชนิดา ภิชาสินีมองอย่างแปลกใจ
“หมวดมาได้ยังไง?”
“คุณภูมินทร์เชิญมาครับ”
พิณชนิดายิ้มดีใจ “ดีแล้ว มากันเยอะ ๆ แบบนี้ จะได้ช่วยกันจับตามอง”
อรรถพรสงสัย “จับตามองอะไร?”
พิณชนิดายังไม่ทันตอบ ภูมินทร์ก็เดินเข้ามา พอเห็นว่าเธอไม่ยอมแตะต้องที่เขาตักให้ก็แปลกใจ
“ตักให้แล้วไม่กิน เสียมารยาท”
พิณชนิดาสวนกลับทันที “เสียมารยาท ดีกว่าเสียชีวิต นายอาจจะใส่อะไรลงไปในอาหารพวกนี้ เพื่อแกล้งฉัน”
ภูมินทร์ส่ายหน้าอย่างระอา
“อาหารทั้งหมดนี่ แม่นมฉันเป็นคนทำ ไม่มีทางทำอะไรทุเรศๆ แบบนั้น”
แมนมนวลเห็นท่าไม่ดี ก็รีบเข้ามาจะปรามภูมินทร์ แต่เปรมสุดากับปณิตาเดินเข้าไปตัดหน้า“ถ้าเรื่องมากนักก็ไม่ต้องกิน”
เปรมสุดาพูดจบ แม่นมนวลก็เดินมาถึงพอดี
“ใจเย็น ๆ ค่ะ ค่อย ๆ พูด ค่อย ๆ จากันก็ได้ อาหารทุกอย่างทานได้ค่ะ ไม่มีสิ่งแปลกปลอมแน่นอน ฉันรับรองว่าปลอดภัย ถ้าไม่เชื่อ ให้คุณหนูทานให้ดูก็ได้นะคะ”
ภูมินทร์ขัดใจ แต่เมื่อแม่นมนวลป้อนอาหารให้ ก็จำต้องกิน
“เห็นรึยังว่าปลอดภัย”
พิณชนิดาหันมายิ้มแหยๆ กับแม่นมนวล
“ขอโทษด้วยนะคะที่ทำให้คุณนมเสียความรู้สึก คือพิณกับนาย ..เอ๊ย คุณหนูของคุณนม ไม่ค่อยลงรอยกันเท่าไหร่ พิณเลยระแวงค่ะ”
“ไม่เป็นไรค่ะ ฉันเข้าใจ”
เปรมสุดามองอย่างหมั่นไส้ พลางหันไปมองอรรถพรอย่างแปลกใจ ก่อนจะรีบหันมาถามภูมินทร์ “ใครเหรอคะภู?”
“เพื่อนใหม่ผมเอง”
เปรมสุดารีบเสนอหน้าเข้าไปแนะนำตัวกับอรรถพร
“สวัสดีค่ะ สุดาเป็นเพื่อนผู้หญิงที่สนิทที่สุดของภูค่ะ ส่วนนี่คุณแม่ของสุดาเองค่ะ”
อรรถพรยกมือไหว้ปณิตา จากนั้นก็แนะนำตัวเอง
“เรียกผมว่าอรรถก็ได้ครับ”
เปรมสุดายิ้มโปรยเสน่ห์ให้ แต่อรรถพรกลับยิ้มตอบตามมารยาท ภิชาสินีแอบรู้สึกหงุดหงิดอย่างไม่รู้ตัว
ปิ่นเพชรเดินสำรวจไปเรื่อย ๆ จนมาถึงบริเวณบ้านสัญชัย พลางมองเข้าไปด้านใน แสงเงาสลัว เกิดเงาวูบไหวของต้นไม้ ยิ่งทำให้บ้านดูมืด ลึกลับ ปิ่นเพชรมองอย่างสงสัย พลางทำท่าจะเดินเข้าไป
ทันใดนั้นก็มีงูเลื้อยลงมาจากต้นไม้ ยื่นหน้ามาหา ปิ่นเพชรถึงกับผงะ เหงื่อซึม ยืนนิ่ง ทำอะไรไม่ถูกอยู่ครู่ใหญ่ ก่อนจะตัดสินใจวิ่งหนีโกยแน่บสุดชีวิต
ขณะที่พิณชนิดาภิชาสินียืนคุยกันอยู่ที่มุมเครื่องดื่ม เปรมสุดาก็เดินเข้ามาหยิบเครื่องดื่ม แล้วจงใจเอาเท้าขัดขาพิณชนิดาที่กำลังจะเดินออกไปจนเธอล้ม เครื่องดื่มในมือหกเลอะ ภูมินทร์ที่อยู่อีกมุมมองเห็นเหตุการณ์พอดี
เปรมสุดายิ้มสะใจ
“เดินแบบผู้ดีสิจ๊ะ รู้จักรึเปล่า ถ้าไม่รู้จักจะสอนให้ ค่อย ๆ เดิน ค่อย ๆ ก้าว จะได้ไม่ล้มหัวคะมำ”
“ขอบคุณนะคะที่เตือน”
พิณชนิดาพูดพลางเอาทิชชู่ที่โต๊ะเครื่องดื่มมาเช็ดเสื้อ เปรมสุดายิ้มเยาะ
“ที่นี่ไม่ใช่ที่ของเธอ ทางที่ดี ฉันว่าเธอรีบกิน รีบกลับไปดีกว่า”
พิณชนิดาเย้ยกลับ “ทำไม กลัวรึไง? ”
“ฉันไม่ได้กลัวแก”
พิณชนิดามองเปรมสุดาด้วยสายตาสมเพช
“ถ้าไม่กลัว แล้วรีบไล่ฉันกลับทำไม ถ้าไม่กลัว จะตามประกบนายภูมินทร์ทำไม ยิ่งเธอวิ่งพล่าน
หาเรื่องฉันเท่าไหร่ มันก็ยิ่งทำให้ฉันรู้ว่าเธอกลัวฉันแค่ไหน”
เปรมสุดาโกรธจนสั่นไปทั้งตัว พิณชนิดายิ้มเยาะ
“มั่นใจในตัวเองหน่อย เห็นแล้วมันอดสมเพชไม่ได้”
พิณชนิดาพูดจบก็จะเดินออกไป เปรมสุดาสติหลุด หันไปคว้าชามน้ำพั๊นซ์ชามใหญ่ จะเอาไปสาดใส่พิณชนิดา แต่ภิชาสินีเห็นเสียก่อน จึงร้องเตือนพี่สาว
“พี่พิณระวัง”
พิณหันขวับไป เปรมสุดากำลังสาดน้ำพั้นซ์ใส่ ทั้งคู่ยื้อชามพั๊นซ์กันอย่างน่าหวาดเสียว ภูมินทร์ ก้องภพ สิรวิทย์ รีบเข้ามาห้าม แต่ช้าเกินไป เพราะพิณชนิดาใช้แรงที่มีเหนือกว่าดันชามพั๊นซ์ ผลักใส่เปรมสุดา จนน้ำพั๊นซ์ทั้งชามราดลงบนหัว บนตัวของอีกฝ่ายเต็มๆ เปรมสุดากรี๊ดลั่น พลางถลาจะเข้าไปตบพิณชนิดา ทันใดนั้น ก็มีมือมาจับไว้มือไว้ เปรมสุดาชะงักหันไปมอง พอเห็นภูมินทร์ก็ถึงกับอึ้ง
“อย่าทำแบบนี้กับแขกของผม”
“แต่แขกของภูทำกับสุดาแบบนี้ ภูต้องจัดการมันให้สุดา”
ภูมินทร์มองเปรมสุดาอย่างอ่อนใจ “เท่าที่เห็น คุณไปหาเรื่องเค้าก่อนนะ”
ปณิตารีบปราดเข้ามาช่วยลูกสาว
“แต่ทำกับยัยสุดาขนาดนี้มันเกินไป ภูต้องให้มันขอโทษสุดา”
พิณชนิดาสวนกลับทันที
“ถ้าจะขอโทษ คุณเปรมสุดาก็ควรจะขอโทษฉันก่อน เพราะเค้าเอาเท้ามาขัดขาจนฉันล้มไปเหมือนกัน”
เปรมสุดารีบปฏิเสธ หาว่าพิณชนิดาใส่ร้ายแต่ภูมินทร์ยินยันว่าเขาเห็นเองกับตา พลางมองจ้องสองแม่-ลูกอย่างเอาจริง
“ถ้าจะอยู่ในงานนี้ด้วยกันอย่างสงบ กรุณาอย่าหยาบคายกับแขกของผมอีก”
2 แม่-ลูกถึงกับหน้าเจื่อน ก่อนที่จะรีบเดินแยกออกมา สิรวิทย์รีบตามไปด้วย
ก้องภพหันไปหาพิณชนิดาด้วยความเป็นห่วง
“เจ็บตรงไหนรึเปล่าครับ?”
“เปล่าค่ะ”
พิณชนิดารีบบอก พลางหันไปยกมือไหว้แม่นมนวล “ขอโทษนะคะ ที่ทำให้วุ่นวายไปหมด”
“ ไม่ต้องขอโทษหรอกค่ะ ไม่ใช่ความผิดคุณ”
พิณชนิดารู้สึกถูกชะตากับแม่นมนวลอย่างบอกไม่ถูก ขณะเดียวกันก็เริ่มมองภูมินทร์ด้วยความรู้สึกที่ดีขึ้น
เปรมสุดาปล่อยโฮอกมาด้วยความน้อยใจภูมินทร์ สิรวิทย์ที่เดินตามมามองเธอด้วยความสงสาร แต่ก็พูดอะไรไม่ออก ได้แต่ถอดเสื้อตัวนอกออก แล้วเอาไปคลุมให้เปรมสุดา
“รีบไปเถอะครับ ยืนโกรธเกลียดอยู่ตรงนี้ ก็ไม่ทำให้อะไรดีขึ้น ยิ่งอยู่นานก็ยิ่งหนาว ยิ่งเหนียวตัว เปล่า ๆ”
จากนั้นก็หยิบผ้าเช็ดหน้ายื่นส่งให้
“เช็ดหน้าก่อนนะครับ เลอะหมดแล้ว”
เปรมสุดารับผ้าเช็ดหน้ามาเช็ดอย่างว่าง่าย
“ถ้าภูดีกับสุดาได้ครึ่งของคุณวิทย์ก็ดีนะคะ”
ปณิตาขัดใจ รีบดึงเปรมสุดาให้ห่างจากสิรวิทย์ทันที แสงโชติเดินเข้ามา เห็นสภาพเปรมสุดาก็แปลกใจ
“มีอะไรกันเหรอครับ?”
“อุบัติเหตุนิดหน่อยค่ะ”
เปรมสุดาพูดจบก็เดินออกไปกับปณิตา สิรวิทย์เดินตาม แสงโชติหันมองเข้าไปในบ้านภูมินทร์อย่างสงสัย จากนั้นก็รีบตรงเข้าไปยังบริเวณงาน ขณะที่พวกพิณชนิดา กำลังยืนลาภูมินทร์กับแม่นมนวล
“มีงานเลี้ยงอะไรกันเหรอครับ?”
ภูมินทร์รีบบอก “ไม่ถึงกับงานเลี้ยง แค่กินอะไรกันนิดหน่อย”
แสงโชติเห็นพิณชนิดา ก็หันไปยิ้มหวานใส่ทันที
“อ้าว คุณพิณ ญาติดีกับพี่ชายผมแล้วเหรอ”
พิณชนิดายิ้ม ๆ พลางรีบแนะนำภิชาสินี อรรถพร และหนึ่งให้รู้จัก จากนั้นก็รีบขอตัวกลับ
“อ้าว ผมเพิ่งมา คุณพิณก็จะกลับเสียแล้ว ยังไม่ทันได้คุยกันเลย กลับยังไงครับ ให้ผมไปส่งมั้ย?”
ภูมินทร์หันไปมอง เห็นแววตาของแสงโชติกรุ้มกริ่ม
“ไม่เป็นไรค่ะ พวกเราเอารถมา ขอบคุณนะคะ”
แสงโชติมองพิณชนิดาอย่างพอใจ ตรงข้ามกับก้องภพที่มองอย่างไม่สบายใจ ภูมินทร์แอบเหล่มองท่าทีของแสงโชติกับพิณชนิดาอย่างหงุดหงิด
พวกพิณชนิดาเดินออกมาที่รถ พลางช่วยกันมองหาปิ่นเพชร
“ปิ่นเพชรไปไหน ทำไมยังไม่กลับมา ปกติไม่เคยเหลวไหลแบบนี้”
“กลับบ้านไปแล้วรึเปล่าครับ?” หนึ่งเดา
“ถ้ากลับ ปิ่นเพชรจะบอกก่อน ครั้งนี้เป็นอะไรรึเปล่า?”
ภิชาสินีเห็นพี่สาวกังวล ก็รีบบอก “รีบกลับไปดูที่บ้านดีกว่า”
แต่เมื่อทั้งหมดกลับมาถึงอพาร์ตเม้นต์ ก็กลับไม่เจอปิ่นเพชร 2 พี่-น้องหน้าเสีย พิณชนิดานึกได้ ก็รีบเข้าไปดูในห้องนอน ภิชาสินีรีบตามเข้าไปด้วย
พอ 2 พี่-น้องข้ามาในห้อง ก็เห็นประตูตู้เสื้อผ้าสั่น ๆ พิณชนิดากับภิชาสินีค่อย ๆ เดินย่องไปอย่างหวาดๆ พลางจับฝาตู้กันคนละด้าน
“นับสามแล้วเปิดพร้อมกันนะ หนึ่ง สอง สาม”
สิ้นคำว่าสาม 2 พี่-น้อง ก็เปิดตู้เสื้อผ้าออกพร้อมกัน ทันใดนั้นปิ่นเพชรก็ร้องลั่นด้วยความตกใจ
พิณชนิดากับภิชาสินีพลอยร้องตามไปด้วย
พอได้สติ ปิ่นเพชรก็ผวาเข้ากอดพิณชนิดาทันที
“เจ๊ช่วยเค้าด้วย”
พิณชนิดากอดปลอบ
“โอ๋ ๆ ใจเย็น ๆนะคนเก่ง ใครทำอะไรปิ่นเพชร บอกเจ๊มา เจ๊จะไปจัดการมันเอง”
“งูเจ๊ งู ตัวเบอเร่อเลย เค้าเกือบโดนงูกินแล้ว เค้าไม่ไปบ้านนายภูแล้ว เค้ากลัวงูที่นั่น”
พิณชนิดารีบพูดปลอบใจ
“โอ๋ ๆ ไม่ต้องกลัวนะ เจ๊อยู่นี่ งูที่ไหนก็ทำอะไรปิ่นเพชรไม่ได้”
ปิ่นเพชรยิ้มออก
“ได้ยินแบบนี้ค่อยสบายใจหน่อย นึกถึงงูตัวนั้นแล้วยังขนลุกไม่หาย”
“ไปเจองูที่ตรงไหนในบ้านนายภู?”
“แถวบ้านหลังเล็ก ๆ ไม่รู้เหมือนกันว่าบ้านใคร แต่บ้านหลังนั้น รังสีมืด ๆ ดำ ๆ น่ากลัวยังไงบอกไม่ถูก ได้เจ๊ปลอบ ตอนนี้เค้าหายดีแล้ว”
ปิ่นเพชรยิ้มเจ้าเล่ห์ พิณชนิดากับภิชาสินีส่ายหน้าในความทะเล้น
อรรถพรกับหนึ่งมองภิชาสินีอย่างแปลกใจ
“ปิ่นเพชรกลัวงู?”
“ใช่ค่ะ คู่ปรับ แพ้ทางกัน เหมือนงูกับเชือกกล้วย”
หนึ่งยิ้มเจ้าเล่ห์
“แบบนี้ ถ้าคิดจะไล่ปิ่นเพชรก็ไม่ยาก แค่เอางูมาหลอก ปิ่นเพชรก็คงแผ่นแน่บ”
ปิ่นเพชรมองค้อน อรรถพรยิ้มขำ ก่อนที่จะชวนหนึ่งกลับห้อง ปล่อยให้ 2 พี่-น้อง กับปิ่นเพชรอยู่กันตามลำพัง
ภูมินทร์ยังคงนอนไม่หลับตามเคย แต่คืนนี้แปลกกว่าทุกคืน เพราะเขาไม่ได้ฝันร้าย แต่ภาพของพิณชนิดาคอยรบกวนจิตใจของเขาอยู่ตลอดเวลา
พิณชนิดาก็นอนไม่หลับเหมือนกัน เพราะคิดถึงคำพูดของภูมินทร์
“อย่าทำแบบนี้กับแขกของผม”
แล้วเธอก็เผลอยิ้มออกมา
“ปกป้องคนอื่นก็เป็นด้วย ?”
พิณชนิดายกกับข้าวมาวางที่โต๊ะ ไม่นานภิชาสินีก็แต่งชุดนักศึกษาตามออกมา พร้อมๆ กับที่วิญญาณปราชญ์ กานต์กมล พัณทิพา ปรากฏตัวขึ้นมา
พิณชนิดาถามถึงพ่อ แม่ ป้า พลางออกปากถามหน้าเศร้าๆ
“ทำยังไง พี่ถึงจะติดต่อกับพวกท่านได้เหมือนภิ”
“ภิก็ไม่รู้ แต่ถึงพี่จะติดต่อเองไม่ได้ ก็ติดต่อผ่านภิไง”
พิณชนิดาน้ำตาซึม “หนูรักพ่อ หนูรักแม่ หนูรักป้านะคะ รักมาก ๆ”
กานต์กมลกับพัณทิพาถึงกับน้ำตาร่วง ปราชญ์เองก็ซึมไปเหมือนกัน
พิณชนิดาหันไปถามภิชาสินี
“พวกท่านเป็นยังไงบ้าง? ”
ภิชาสินีหันไปมองทุกคน เห็นกำลังเศร้า แต่ปราชญ์รีบบอก
“บอกยัยพิณว่า พวกพ่อกำลังยิ้ม มีความสุขมาก อย่าบอกว่าพวกพ่อกำลังร้องไห้ เดี๋ยวยัยพิณจะเสียใจ”
ภิชาสินีฝืนยิ้ม ก่อนจะหันไปบอกพี่สาว
“พวกท่านกำลังยิ้ม มองเรา 2 คน อย่างมีความสุข”
จากนั้นก็รีบเปลี่ยนเรื่อง เพราะกลัวตัวเองจะร้องไห้
“เรื่องระหว่างพวกเรากับนายภูมินทร์ จบลงด้วยดี ก็โล่งอกเหมือนกันนะคะ ทะเลาะกับคน
แบบนั้น ไม่สนุกเท่าไหร่”
“ใช่ ถึงเรื่องของเราจะจบ แต่เรื่องนายภูมินทร์คงไม่จบง่าย ๆ นายภูมินทร์ถูกตามฆ่า แต่ยังจับตัวคนร้ายไม่ได้”
ภิชาสินีนึกตาม
“ ตราบใดที่ยังจับตัวคนร้ายไม่ได้ นายภูมินทร์ไม่มีวันปลอดภัย หรือพี่พิณจะลองเปิดไพ่ดูดวงให้นายภูมินทร์อีกที เผื่อจะได้เบาะแสคนร้าย”
พิณชนิดากำลังเปิดไพ่ทีละใบ ภิชาสินีนั่งมอง โดยมีวิญญาณของพ่อ แม่ ป้า ยืนอยู่ด้วย แต่พอถึงไพ่ใบสุดท้าย มือถือของภิชาสินีก็ดังขึ้น
“ว่าไงแก ลืมไปเลยว่าวันนี้มีสอบ แย่แล้ว ภิไปก่อนนะพี่พิณ”
พูดพลางรีบคว้ากระเป๋ากับหนังสือวิ่งออกจากห้องไป พิณชนิดามองตาม ก่อนจะหันมาหยิบไพ่ขึ้นมาดู พลางทำหน้าเครียด
“นายภูมินทร์กำลังจะโดนวางยา”
จบตอนที่ 7