พรายพยากรณ์ ตอนที่ 5
แม่นมนวลยื่นกล่องกำมะหยี่ใส่สร้อยเพชรกับต่างหูให้ ภูมินทร์ที่กำลังแต่งตัวอยู่หน้ากระจก รีบยื่นมือไปรับ ก่อนจะเปิดดูแล้วยิ้มอย่างพอใจ จากนั้นก็รีบเดินออกไป
แน่นมนวลหันไปมองตามอย่างรู้ใจ “ปากบอกไม่สนใจหนูพิณ แต่นมว่าคุณหนูไม่รู้ใจตัวเองมากกว่า”
ก้องภพขับรถพาภูมินทร์มาที่ขวัญทิพย์อพาร์ตเม้นต์ นั่งรออยู่ครู่หนึ่ง จนเลยเวลานัด เขาจึงอาสาเดินเข้าไปตาม แล้วก็ถึงกับชะงัก
ภูมินทร์เห็นก้องภพหยุดเดิน ก็แปลกใจ รีบเปิดประตู แล้วดินตามเข้ามา ก่อนจะมองเลยไปด้านหลังก้องภพ เห็นพิณชนิดาแต่งหน้า แต่งตัว อย่างงดงาม เดินออกมาด้วยท่วงทีที่สง่า จนเขาเองก็ตะลึงไม่แพ้“ขอโทษที่มาช้า”
ก้องภพหันไปมองภูมินทร์ เพราะเกรงว่าฝ่ายหลังจะโวยวาย แต่ทว่า...
“ไม่เป็นไร ขึ้นรถได้แล้ว”
จากนั้นก็รีบเดินไปเปิดประตูด้านหลังแล้วผายมือให้พิณชนิดา
“ขึ้นรถสิ รออะไรอยู่”
พิณชนิดายืนเหวอ แล้วก็ขึ้นรถ ภูมินทร์ขึ้นตาม ก้องภพยืนมองเหมือนเห็นเรื่องประหลาด
“คุณภูเปิดประตูให้คุณพิณ?”
เมื่อนั่งอยู่ในรถด้วยกัน ภูมินทร์ก็อดไม่ได้ที่จะลอบมองเรียวขาขาวของพิณชนิดาที่โผล่พ้นกระโปรงขึ้นมา ก่อนที่จะนึกขึ้นมาได้ รีบหยิบกล่องกำมะหยี่มายื่นให้ พิณชนิดาหยิบมาเปิดดู ก็ตาวาว
“ให้ฉันเหรอ?”
“ให้.... ยืม”
พิณชนิดาหุบยิ้มแทบไม่ทัน
“ฉันบอกแล้วไงว่าการที่ฉันออกงานคู่กับใคร คู่ของฉันจะต้อง..”
ภูมินนทร์ยังพูดไม่จบ พิณชนิดาก็พูดแทรกขึ้นมา “ไร้ที่ติ”
พูดพลางหยิบต่างหูออกมาใส่ก่อน แล้วก็หยิบสร้อยขึ้นมาจะใส่ แต่ก็ก็เก้ๆ กังๆ จนภูมินทร์เห็นแล้วก็ขัดใจ เลยยื่นหน้าเข้ามา พิณชนิดาผงะ ตกใจ
“จะทำอะไร?”
“ฉันไม่ใช่คนสิ้นคิด ที่จะทำอะไรผู้หญิงอย่างเธอ”
ภูมินทร์ยื่นมือออกมาใส่สร้อยให้พิณชนิดา ทำให้หน้าของเขากับเธอแนบชิดกัน จนฝ่ายหลังใจเต้นตึกตัก ก้องภพมองทางกระจกหน้า แล้วก็อึ้งๆ จนเกือบจะชนท้ายรถคันหน้า เขารีบเบรคเอี๊ยด ภูมินทร์หน้าคะมำ ทำให้ริมผีปากแตะกับปากพิณชนิดาพอดิบพอดี ทั้งคู่ชะงักงัน นิ่งอึ้ง
เมื่อได้สติเขาก็เสทำเป็นขยับสูทให้เข้าที่ พลางหันไปทางหน้าต่าง เอามือจับปากตัวเอง อีกฝ่ายก็อยู่ในอาการไม่ต่างกัน
ทางด้าน เอกกับฟ้ารุ่งกำลังล้อมวงเม้าท์อยู่กับเพื่อนๆ ฟ้ารุ่งออกจะมั่นใจว่า พิณชนิดาไม่มางานนี้แน่นอน
จากนั้นก็แกล้งทำทีเป็นยกมือขึ้นโบกต่างพัด เพื่อโชว์แหวนเพชรเม็ดเล็กๆ ที่นิ้วนางข้างซ้าย เพื่อนๆ ทั้งวงฮือฮา เมื่อรู้ว่าฟ้ารุ่งกับเอกหมั้นกันแล้ว
ครู่หนึ่งพิณชนิดาก็เดินควงมากับภูมินทร์เข้ามา ทุกคนในกลุ่มหันไปมอง ฟ้ารุ่งถึงกับแทบจะร่วงไปตรงนั้น ส่วนเอกจ้องมองพิณชนิดาที่สวยเซ็กซี่ แบบตาไม่กระพริบ
เพื่อนๆ รีบกรูเข้าไปห้อมล้อม พร้อมยิงคำถามรัวเป็นชุด พิณชนิดาทำเป็นหัวเราะน้อยๆ
“ฉันกับคุณภูเพิ่งตกลงเป็นแฟนกันไม่นานใช่มั้ยคะดาร์ลิ่ง”
ภูมินทร์หันมามอง พิณชนิดาขยิบตาให้พูด แต่อีกฝ่ายกลับยืนเฉย
“อุ๊ย อะไรติดผมดาร์ลิ่งอ่ะคะ”
พิณชนิดายื่นหน้าไปใกล้หู แกล้งเอามือปัดผม แล้วแอบกระซิบ
“โซฟาน่ะ อยากได้มั้ย?”
ภูมินทร์ชะงักไปครู่หนึ่ง ก่อนจะตัดสินใจโอบพิณชนิดาแนบแน่น
“ผมกับตัวเล็ก เอ่อ ผมหมายถึงพิณน่ะครับ แต่ผมชอบเรียกเธอว่าตัวเล็ก มันน่ารักดีว่ามั้ยครับ ผมกับตัวเล็ก ถึงจะเพิ่งคบกัน แต่ผมกลับรู้สึกว่าผมรู้จักเธอมานานแสนนาน เหมือนเธอคือพรหมลิขิตของผม”
เพื่อนๆ ร้องกรี๊ดกร๊าด พิณชนิดายิ้มเขิน พลางรีบแกะมือภูมินทร์ออก
“ดาร์ลิ่งอ่ะ พูดอะไรไม่รู้ พิณเขินนะคะ”
“จะเขินทำไมครับ? ก็เรารักกัน”
พูดพลางยื่นปากไปจุ๊บหน้าผากพิณชนิดา เพื่อนๆพากันยิ้มกรุ่มกริ่ม ทันใดนั้นฟ้ารุ่งกับเอก ก็เดินเข้ามา
ฟ้ารุ่งรีบทำเป็นสนิทสนมกับพิณชนิดา ด้วยการโผเข้ากอด
“เพื่อนรัก ไม่ได้เจอกันตั้งนาน คิดทึ้ง คิดถึง”
พูดพลางแอบหยิกเอวพิณชนิดา อีกฝ่ายฝืนยิ้ม แล้วก็หยิกกลับ
“ฉันก็คิดถึงเธอมากเหมือนกัน”
พอทั้งคู่ผละออกจากกัน ฟ้ารุ่งก็รีบหันไปทางภูมินทร์
“สวัสดีค่ะคุณภูมินทร์ เราเคยเจอกันแล้ว จำได้มั้ยคะ”
ภูมินทร์นิ่วหน้าเพราะจำไม่ได้
“ขอโทษนะครับ ผมจำคุณไม่ได้”
ฟ้ารุ่งยิ้มเก้อ พิณชนิดาแอบยิ้มสะใจ เอกรีบตัดบท
“พวกเรามากันครบแล้ว ผมว่าเราไปถ่ายรูปกับเจ้าบ่าวเจ้าสาวดีกว่า”
ฟ้ารุ่งรีบควงเอกเดินออกไปกับเพื่อนๆ พิณชนิดาหันมาทางภูมินทร์
“นังฟ้าร่วงหน้าซีดไปเลยตอนที่นายบอกจำไม่ได้ ขอบใจนะที่ช่วยตอกหน้ายัยนั่นแทนฉัน”
ภูมินทร์ส่ายหน้า
“ผมไม่ได้ช่วย ผมจำไม่ได้จริงๆ ตามเพื่อนคุณไปได้แล้ว”
ฟ้ารุ่งมองสร้อยเพชรที่คอพิณชนิดา ที่จงใจพูดอวดว่าภูมินทร์ให้ ด้วยความริษยา ก่อนจะรีบหันไปทางเอก
“ฟ้าอยากได้เพชรใหญ่กว่านี้”
แต่เอกกลับพุดกลับมาหน้าตาเฉย “ได้ เอาเงินมาให้เอกสิ เดี๋ยวเอกไปซื้อให้”
เพื่อนๆ รีบถามราคา ภูมินทร์ยิ้มนิดๆ ก่อนตอบ
“ไม่เท่าไหร่หรอกครับ สร้อยกับต่างหู ก็ประมาณสิบล้าน”
พิณชนิดาอ้าปากค้าง ฟ้ารุ่งถึงกับสำลักน้ำ แววตาเต็มไปด้วยความอิจฉา
ระหว่างที่พิณชนิดายืนอยู่ที่ซุ้มอาหาร ฟ้ารุ่งก็เดินเข้ามาด้วยท่าทางเอาเรื่อง พลางแกล้งสาดน้ำจากแก้วในมือใส่พิณชนิดา เลอะตรงบริเวณลูกไม้พอดี
“อุ๊บ ซอรี่ ขอโทษนะ ไม่ได้ตั้งใจ”
พูดจบก็เดินเชิดหน้าออกไป พิณชนิดาหันไปมองด้วยความโมโหมาก ก่อนจะก้มมองชุดที่เลอะอย่างขัดใจ จากนั้นก็เข้าไปห้องน้ำ จะล้างคราบน้ำออก แต่ไม่สำเร็จ
ภูมินทร์เริ่มเซ็ง เพราะจู่ๆ พิณชนิดาก็หายไป แต่เพียงครู่เดียวคนทั้งงานก็ส่งเสียงฮือฮา พลางหันไปมองพิณชนิดาเป็นตาเดียว เพราะเธอฉีกลูกไม้ที่ปิดตรงหน้าอกออก เผยให้เห็นเนินอกเซ็กซี่
เอกมองตามแล้วก็อ้าปากค้าง จนอาหารร่วงจากปาก ฟ้ารุ่งหันไปมอง ก็ยิ่งหัวเสีย
ภูมินทร์เห็นผู้ชายในงานพากันมองพิณชนิดาด้วยสายตาที่โลมเลียก็รู้สึกไม่พอใจอย่างบอกไม่ถูก จากนั้นก็รีบเดินไปตรงหน้า พลางถอดสูทออกมาคลุมตัว พิณชนิดาถึงกับชะงักงัน
“กลับได้แล้ว”
พูดจบก็รีบคว้ามือพิณชนิดาแล้วกึ่งลาก กึ่งประคองกอดออกไป คนทั้งงานยิ่งฮือฮาหนัก เพราะ กระโปรงที่ผ่ายาว เผยให้ต้นขายาว ยิ่งทำให้ดูเซ็กซี่มากขึ้นไปอีก
ผู้ชายคนหนึ่งในงานรีบเอามือถือมาถ่ายรูปภูมินทร์กับพิณชนิดาเอาไว้
“ได้ข่าวใหญ่แล้วเรา”
ทางด้านภิชาสินี ที่นั่งกินข้าวอยู่กับอรรถพร จู่ๆ วิญญาณของปราชญ์ก็โผล่มานั่งข้างๆ พลางทำหน้าเศร้า
“ภิ พ่อขอโทษ ยกโทษให้พ่อน้า”
ภิชาสินีหันไปมองอย่างขัดใจ
“ภิขอทานข้าวก่อน แล้วค่อยคุยกัน”
อรรถพรหน้าเหวอ “เออ ผมยังไม่ได้คุยอะไรเลย”
“ฉันไม่ได้พูดกับคุณ ฉันพูดกับพ่อฉัน”
อรรถพรมือไม้สั่น ถึงกับทำช้อนร่วงลงพื้น พลางหันไปมองรอบๆ
“พ่อ ?”
“ พ่อ แม่ แล้วก็ป้าของฉันยืนอยู่ข้างคุณ”
อรรถพรหันไปมองช้าๆ แล้วก็กลืนน้ำลายเอื๊อก พลางรีบยกมือไหว้
“สวัสดีครับคุณพ่อ คุณแม่ คุณป้า”
พัณทิพายิ้มอย่างเอ็นดู
“พ่อหนุ่มนี่ดูไปดูมาก็น่ารัก มีมารยาท น่าคบหา แถมอนาคตไกล ถ้าหลานภิได้เป็นคู่ชีวิต ก็คงจะสบาย”
ภิชาสินีถอนหายใจ “เลิกจับคู่ได้แล้วค่ะป้า”
ภูมินทน์กับพิณชนิดายืนอยู่ข้างรถ ที่ขับมาจอดหน้าขวัญทิพย์อพาร์ตเม้นต์ มีก้องภพยืนรออยู่ไม่ห่าง
“พรุ่งนี้คุณให้คนมาขนโซฟาไปได้เลย”
พิณชนิดาพูดพลางจะถอดสูทคืนให้
“ไม่ต้องคืน ใส่ไว้”
“ถึงบ้านแล้ว ไม่ต้องใส่”
ภูมินทร์ตวาดเสียงเข้ม
“ต้องใส่ ผู้หญิงของภูมินทร์ ใครก็มองไม่ได้ทั้งนั้น”
พิณชนิดได้ยินก็ถึงกับอึ้ง ภูมินทร์พูดเองก็ชะงักเอง พลางรีบเปลี่ยนเรื่อง
“เครื่องเพชรชุดนี้ ก็ไม่ต้องคืน ถือเป็นค่าโซฟา ฉันไม่ชอบรับของใครฟรีๆ”
พิณชนิดาส่ายหน้า “มันแพงมากเกินไป”
“อย่าขัดใจฉัน”
พูดจบก็รีบหันหลังเดินขึ้นรถ ก้องภพรีบขึ้นตาม แล้วเคลื่อนรถออกไป พิณชนิดามองตามรถภูมินทร์ด้วยความสงสัย
“ผู้หญิงของภูมินทร์? หมายความว่ายังไง?”
ขณะที่ภูมินทร์ก็ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกัน
“ผู้หญิงของภูมินทร์ พูดอะไรออกไปเนี่ย?”
สองแม่-ลูก ปณิตากับเปรมสุดา กำลังนั่งจิบกาแฟดูทีวี พลันก็เห็นภาพภูมินทร์กับพิณชนิดาเต็ม ตาในรายการเม้าท์มันยามเช้า สองแม่-ลูกถึงกับตาค้าง
“นี่มันตาภู ตาภูกับใคร ? ”
ภาพในทีวี เห็นภูมินทร์ประคองพิณชนิดา จนดูเหมือนกอดกัน สองพิธีกรกำลังลังเล่าข่าวอย่างสนุกปาก
“เม้าท์มันส์เช้านี้ ถ้าไม่พูดเรื่องคุณภูมินทร์ อัครมโหฬาร ไฮโซหนุ่ม รูปหล่อ คงไม่ได้ เพราะล่าสุดเพิ่งมีภาพหลุดกับสาวปริศนาในงานแต่งงาน ดูรูปสิคะ สาว สวย เซ็กซี่ ขยี้ใจสุด ๆ ที่น่าสนใจพอ ๆ กัน คือ คุณภูควงสาวออกหน้าออกตาแบบนี้ คุณเปรมสุดา สาวคนสนิทจะว่ายังไง ?”
พิธีกรเกย์หนุ่มรีบพูดเสริม
“อั๊ยย่ะ จะเป็นรักสามเศร้ารึเปล่า ? งานนี้คงต้องรอคุณภูมินทร์ออกมาเคลียร์เอง ว่าตกลง ระหว่างสาวปริศนากับคุณเปรมสุดา ใครคือตัวจริง?”
เปรมสุดาได้ยินก็แทบกรี๊ด ขณะที่ปณิตามองอย่างคุ้นๆ
“แม่ว่าหน้าตามันคุ้นๆ หมอพิณ พูดเลย”
เปรมสุดานึกตาม แล้วก็ทำหน้าไม่พอใจ
“มิน่า มันถึงบอกว่าสุดาไม่ใช่เนื้อคู่ภู โกหกชัด ๆ สุดาจะไปตบมัน”
ปณิตารีบปราม ว่าผู้ชายชอบผู้หญิงสวมบทนางเอก เปรมสุดาพยักหน้ารับฟัง
“ดีมากลูก แต่นังหมอดูมันควงภูออกงานได้ยังไง ?”
“หรือว่ามันจะแอบตลบหลังสุดา ตอนดูดวง มันคงจะไปสืบข้อมูลของสุดา พอรู้ว่าสุดามีแฟนหล่อ รวย อย่างภู มันก็คงไปอ่อย นังหมอดูงูพิษ”
เปรมสุดาตาวาวด้วยความแค้น
พรายพยากรณ์ ตอนที่ 5 (ต่อ)
ทางด้านเอกก็มองรูปพิณชนิดามือถือด้วยความเสียดาย ฟ้ารุ่งเดินมาเห็นก็โวยวายเอาเรื่อง
“อาลัยอาวรณ์มันเหรอ ? อย่าคิดที่จะกลับไปเด็ดขาด ไม่งั้นฟ้าจะยึดของคืนให้หมด รถคันใหม่ที่เอกอยากได้ ก็อย่าหวัง”
เอกเห็นท่าไม่ดี รีบเข้าไปกอดฟ้ารุ่งเอาไว้อย่างเอาใจ แต่แอบทำสีหน้าเบื่อลับหลัง
แสงโชตินั่งอ่านข่าวในแท็บเล็ต ครู่หนึ่งสัญชัยก็เดินออกมา เตรียมกำลังจะไปทำงาน พลางถามย้ำถึงเรื่องที่จะต้องเตรียมตัวพรีเซ้นต์ในที่ประชุม
“ไม่ต้องห่วงครับพ่อ โปรเจ็กต์ห้าร้อยล้านขนาดนี้ ผมไม่ยอมให้พลาดแน่”
พูดพลางเหลือบเห็นภาพข่าวภูมินทร์กับพิณชนิดา
“ผู้หญิงคนใหม่ของภูมินทร์ ?”
“ข่าวลือเหมือนเดิมละมั้ง”
สัญชัยพูดพลางเดินออกไปอย่างไม่ใส่ใจ แสงโชติมองด้วยแววตาครุ่นคิด พลางนึกย้อนไปตอนที่ตัวเองยังเป็นเด็ก วันหนึ่งพ่อของภูมินทร์เดินเข้ามาพร้อมกับภูมินทร์
“พี่จะมาคุยรายละเอียดห้างสรรพสินค้าที่เรากำลังจะเปิด นายพอจะมีเวลาคุยกับพี่มั้ย?”
สัญชัยพยักหน้ารับ “มีครับ เชิญนั่งครับพี่”
ระหว่างที่พ่อของภูมินทร์คุยกับสัญชัย ภูมินทร์เหลือบเห็นหุ่นยนต์ในมือแสงโชติ ก็รีบเดินตรงเข้าไปหายืนดูอย่างสนใจ
แสงโชติรีบพูดอวดประสาเด็ก “พ่อผมเพิ่งซื้อให้ เท่มั้ย?”
ภูมินทร์ดึงหุ่นยนต์ตัวใหม่ แสงโชติรีบยื้อเอาไว้
“ของผม”
“ฉันจะเอา”
เด็ก 2 คน ยื้อแย่งกัน พ่อภูมินทร์หันมอง สัญชัยรีบเข้ามาดึงหุ่นยนต์ไป แล้วยื่นให้ภูมินทร์ พลางบอกแสงโชติ
“ให้พี่เค้าซะ”
แสงโชติน้ำตาไหล “แต่พ่อเพิ่งซื้อให้ผม”
“ไม่เป็นไร เดี๋ยวพ่อซื้อให้ใหม่ ตอบแทนพี่เค้าบ้าง เค้าเอาของเล่นมาให้เราเยอะแยะ”
แสงโชติพูดไม่ออก ภูมินทร์รับหุ่นยนต์มาด้วยสีหน้ามีชัย พลางมองเยาะเย้ยอีกฝ่ายตามประสาเด็ก แต่ครั้นเล่นหุ่นยนต์จนพังยับเยิน ก็เอามาคืนแสงโชติ
“ฉันเบื่อแล้ว เอาคืนไป”
พุดจบก็เดินออกไป แสงโชติมองหุ่นยนต์ ก่อนจะมองภูมินทร์ด้วยสายตาจงเกลียดจงชัง
แสงโชติก้มลงจ้องมองรูปพิณชนิดา ด้วยแววตาชิงชัง
“ทุกอย่างที่เป็นของแก จะต้องเป็นของฉัน”
ระหว่างที่ภูมินทร์นั่งกินอาหารเช้า โดยมีแม่นมนวล ป่านแก้วกับปูเปรี้ยวยืนรอดูแลอยู่ห่าง ๆ
ครู่หนึ่งก้องภพก็เดินเข้ามาพร้อมกับไอแพด ก่อนจะยื่นให้ภูมินทร์ดู พลางรีบบอก
“ข่าวคุณภูกับคุณพิณ กำลังเป็นที่สนใจของนักข่าว สื่อโทรมาหาผมถามถึงคุณพิณ จนสายแทบไหม้”
“แล้วนายตอบไปว่ายังไง?” ภูมินทร์ย้อนถาม
“ผมไม่ได้รับสายครับ รอถามคุณภูก่อน”
“ถ้านักข่าวโทรมาอีก บอกว่านายไม่รู้อะไรทั้งสิ้น เดี๋ยวก็คงลืมกันไปเอง”
แม่นมนวลรีบพูดแทรกขึ้นมา
“ข่าวแบบนี้คงไม่ลืมกันง่าย ๆ หรอกค่ะคุณหนู”
“ใช่ครับ สื่อกำลังเล่นเรื่องรักสามเศร้าของคุณภู คุณสุดา และคุณพิณ”
ภูมินทร์หัวเราะแบบไม่ใส่ใจ
“สื่อเล่น แต่ฉันไม่เล่น เดี๋ยวก็เงียบไปเอง เชื่อเถอะ วันนี้ฉันมีธุระให้นายจัดการ”
ก้องภพมองภูมินทร์อย่างสงสัย ?
ฟากขวัญทิพย์กับแพนเค้กก็กำลังนั่งดูข่าวภูมินทร์กับพิณชนิดาเช่นเดียวกัน
“นี่แสดงว่าน้องพิณ ยังไม่ถูกมหาเศรษฐีเขี่ยทิ้ง เมียมีวิธีโปรโมตอพาร์ตเม้นต์แล้ว รับรองว่างานนี้ต้องมีคนรู้จักอพาร์ตเม้นต์ของเราเยอะแน่นอน พอมีคนรู้จักมาก ก็จะมีคนเข้ามาพักมาก เงินทองไหลมาเทมามากมากๆ”
คิดได้ดังนั้น ขวัญทิพย์ก็หันไปคว้าโทรศัพท์มือถือ มากดเบอร์โทร. ออก
“ฮัลโหล ต่อฝ่ายรายการสตาร์ดาราบันเทิงค่ะ ดิฉันมีข้อมูลผู้หญิงปริศนาของคุณภูมินทร์”
นักข่าวกำลังรุมสัมภาษณ์ขวัญทิพย์กับแพนเค้ก ที่ต่างก็พยายามเก๊กหน้าหล่อ-สวยกับกล้องพร้อมกับที่นักข่าวยิงคำถามรัว จังหวะนั้นพิณชนิดาก็เดินลงมาพอดี แพนเค้กเห็น ก็รีบหันไปบอกนักข่าว
“นั่นไงครับ น้องพิณ ผู้หญิงของคุณภูมินทร์ มหาเศรษฐีชื่อดัง”
นักข่าวรีบวิ่งกรูเข้าไปหา พิณชนิดาตกใจ เพราะไม่ทันตั้งตัว
“คุณชื่ออะไรคะ?”
“คบกับคุณภูมินทร์นานแค่ไหนแล้ว?”
พิณชนิดานิ่วหน้า เมื่อได้ยินคำว่า “ภูมินทร์”
“เจอกับคุณภูมินทร์ได้ยังไงคะ?”
“รู้รึเปล่าคะว่าคุณภูมีสาวคนสนิทที่ดู ๆ กันอยู่แล้ว”
พิณชนิดาทำอะไรไม่ถูก ตัดสินใจวิ่งฝ่าฝูงนักข่าวขึ้นด้านบนทันที นักข่าวพากันเหวอ ขวัญทิพย์กับแพนเค้กถลามาจ่อที่ไมค์สัมภาษณ์ทันที
“น้องพิณไม่พูด พี่พูดเอง”
แพนเค้กรีบช่วยพูดเสริม
“ พี่ไม่อยากพูดเลยว่า คุณภูมินทร์เคยมาอยู่ที่นี่พักนึง”
“อยู่กับใครคะ?”
ขวัญทิพย์หัวเราะคิก
“จะใครซะอีกล่ะคะ? ก็น้องพิณไงคะ อยู่ห้องเดียวกัน แหม ไม่อยากเล่าเลเพราะมันไม่ใช่เรื่องของเรา แต่คุณนักข่าวคิดดูสิคะ ผู้ชายผู้หญิงอยู่ห้องเดียวกัน ความสัมพันธ์จะไปถึงไหน ?”
นักข่าวพากันฮือฮา แพนเค้กรีบฉวยโอกาส
“อย่าลืมลงโฆษณาให้เราด้วยนะครับ ขวัญทิพย์อพาร์ตเม้นต์ สะอาด ประหยัด ปลอดภัย ใกล้ใจกลางเมือง หรูหราระดับไฮคลาส แต่ราคาสำหรับคนโลว์คลาสไม่ดีจริง มหาเศรษฐีคงจะไม่มาพัก”
พิณชนิดาวิ่งหน้าตาตื่นเข้ามาในห้อง พลันโทรศัพท์ก็ดังขึ้นมาพอดี
“ฮัลโหล คุณก้อง ?”
ก้องภพยืนคุยโทรศัพท์ พลางมองฝูงนักข่าวที่กำลังสัมภาษณ์แพนเค้กกับขวัญทิพย์อยู่อีกด้าน
“ผมมารับโซฟาตามคำสั่งคุณภูครับ”
“อย่าเพิ่งเข้ามาค่ะ นักข่าวเต็มหน้าอพาร์ตเม้นต์เลยค่ะ”
ก้องภพยิ้ม “ไม่ต้องห่วงครับ ผมมีวิธีเข้าไป”
จากนั้นเขาก็แต่งตัวเป็นคนส่งพิซซ่ามาเคาะห้อง พิณส่องตาแมวดู ก่อนจะเปิดประตูออกมาบอก
“ไม่ได้สั่งค่ะ จำผิดห้องแล้ว”
ก้องภพถอดหมวกออกแล้วยิ้มให้ “ผมมารับโซฟาครับ”
“คุณก้อง?”
พิณชนิดารีบเปิดประตูกว้างขึ้น
“เชิญเลยค่ะ”
ก้องภพ พร้อมลูกน้อง 2 คน รีบเดินเข้ามาในห้อง
“คุณก้องใช้วิธีนี้หลบนักข่าวบ่อยเหรอคะ?”
ก้องภพพยักหน้ายิ้มๆ
“ครับ ผมมีของพวกนี้ติดรถตลอด คุณภูมีข่าวบ่อยครับ นักข่าวตามคุณภูไม่ได้ก็จะมาตามที่ผมแทน “
จู่ๆ ปราชญ์ กานต์กมล พัณทิพา ก็ปรากฏตัวขึ้น พลางมองก้องภพหัวจรดเท้า แล้วนึกเปรียบกับภูมินทร์
พิณชนิดาชี้มือไปที่โซฟา “ตัวนี้ค่ะ เอาไปเลย”
ก้องภพมองสภาพโซฟาอย่างแปลกใจมาก “ตัวนี้น่ะเหรอครับ? ไม่อยากจะเชื่อ ว่าคนเลือกมาก เรื่องเยอะอย่างคุณภู จะอยากได้โซฟาแบบนี้? ขอโทษครับ ที่วิจารณ์โซฟาของคุณ?”
พิณชนิดายิ้มเจื่อนๆ
“ไม่เป็นไรค่ะ คุณพูดถูก เชิญเอาไปได้เลยค่ะ”
ลูกน้อง 2 คน รีบช่วยกันยกออกไป ก้องภพหันมายิ้มกับพิณชนิดาอย่างเป็นมิตร
“ขอบคุณนะครับ ช่วงนี้คุณพิณไปไหนก็จะถูกคนมอง คนสนใจ หรือไม่ก็มีพวกปาปาราซซี่ตาม อดทนหน่อยนะครับ อีกสักพักก็ซาไปเอง ถ้าไม่อยากเป็นเป้าสายตา ลองใช้วิธีของผมดูนะครับ”
พิณชนิดายิ้มรับ “ค่ะ ขอบคุณนะคะที่แนะนำ”
ก้องภพยิ้มตอบ แล้วเดินออกไป ปราชญ์มองตามอย่างพอใจ พลางยิ้มเจ้าเล่ห์
หนึ่งรินน้ำร้อนใส่ชามบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ก่อนจะเอาจานเล็กๆ วางปิดไว้ พลางหันไปหยิบขวดยาพารามาเปิด ปรากฏว่าไม่มียาสักเม็ด
“มาหมดอะไรตอนกำลังไม่มีตังค์วะ”
พลันมีเสียงเคาะห้อง ก่อนที่แม่หนึ่งจะเปิดเข้ามา พร้อมกับยื่นซองเงินให้
“เดือนนี้ให้เงินช้าไปหน่อยนะ แม่ยุ่ง”
“ยุ่งไปเที่ยวญี่ปุ่นใช่มั้ย?” หนึ่งประชดกลับไป
“โทษที แม่ลืมซื้อของฝากมาให้”
“ ไม่เป็นไรหรอกครับ แม่ไม่เคยจำอะไรเกี่ยวกับผมได้อยู่แล้ว แค่แม่รู้ว่าผมยังมีชีวิตอยู่ผมก็ดีใจจะแย่”
แม่ส่ายหน้าอย่างเซ็งๆ ก่อนจะรีบเดินออกจากห้องไป โดยไม่สนใจหนึ่งที่หน้าซีด ไอไม่หยุด เด็กหนุ่มมองตามแม่ แล้วก็น้ำตาร่วง
“แม่ไม่คิดจะถามผมบ้างเหรอ ว่าผมสบายดีรึเปล่า?”
จากนั้นหนึ่งก็ไปหาพิณชนิดาที่ห้อง พลางร้องไห้โฮ อีกฝ่ายต้องคว้าตัวมากอดปลอบ
“ทะเลาะกับแม่มาอีกแล้วใช่มั้ย?”
จากนั้นพิณชนิดาก็พาหนึ่งเข้ามาในห้อง พลางหายาให้เด็กหนุ่มกิน
“ตัวร้อนนิด ๆ กินยาแล้วนอนเดี๋ยวก็คงดีขึ้น”
“ขอบคุณครับพี่พิณ ถ้าชีวิตผมไม่มีพี่คงจะแย่”
พิณชนิดายิ้มให้หนึ่งอย่างเอ็นดู
“อ่อนไหวได้ แต่อย่าอ่อนแอ เกิดมาเป็นคนมันต้องสู้ หนึ่งยังมีแม่ แต่พี่กับภิ ไม่มีใครสักคน”
“ผมมีแม่ก็เหมือนไม่มี”
พิณชนิดยกมือลูบผมหนึ่งเบาๆ
“ยังไงเค้าก็แม่ ถ้าเค้าไม่รัก คงไม่ส่งเสียหนึ่งมาจนถึงป่านนี้”
หนึ่งหันมองพิณชนิดาแล้วยิ้มให้ อีกฝ่ายรีบยิ้มตอบ
“ยิ้มได้ แสดงว่าหายเศร้าแล้ว กินยาซะ จะได้นอน”
หนึ่งหน้าเศร้า “ผมนอนที่ห้องพี่ได้รึเปล่า? เวลาไม่สบาย ผมไม่อยากนอนคนเดียว”
“ได้สิ เดี๋ยวพี่ไปเอาหมอนกับผ้าห่มมาให้นะ”
พิณชนิดาเดินเข้าห้องนอนไป หนึ่งมองตามด้วยความรู้สึกอบอุ่นใจ
ภายในห้องประชุมที่บริษัทของภูมินทร์ ขณะที่ในจอสไลด์กำลังฉายภาพตึกโรงแรม ที่ติดกับภูเขา ด้านหน้าติดริมทะเล แสงโชติยืนพรีเซนต์โปรเจ็กต์ต่อหน้าทุกคน
“เราจะสร้างโรงแรมสไตล์ธรรมชาติ ขายบรรยากาศแห่งความร่มรื่นของแมกไม้ และสายลมทะเล”
ภูมินทร์รีบพูดขัดขึ้นทันควัน
“เดี๋ยว โครงการนี้ลงทุนเท่าไหร่?”
แสงโชติชะงักไปนิดหนึ่ง ก่อนตอบ
“500 ล้าน”
“สร้างโรงแรมติดป่า ริมทะเล ตรวจสอบผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมรึยัง?”
แสงโชติอึกอัก “กำลังจะทำครับ”
“กำลังเหรอ? ทำโครงการมูลค่า 500 ล้าน มาเสนอที่ประชุม โดยไม่ผ่านการตรวจสอบสิ่งแวดล้อม ถือว่าชุ่ยมาก”
ภูมินทร์พูดพลางโยนแฟ้มงานทิ้งอย่างไม่ไยดี แสงโชติโมโห แต่พยายามเก็บอารมณ์
“ไม่ยักรู้ ว่าคนอย่างคุณภูมินทร์เป็นห่วงสิ่งแวดล้อม”
“ฉันไม่ได้ห่วงสิ่งแวดล้อม ฉันเป็นห่วงเงิน 500 ล้านที่ฉันต้องจ่ายต่างหาก ทำโครงการแบบนี้หาข้อมูลให้มันเยอะๆ ลำดับความสำคัญให้ดี อะไรก่อนหลัง เพราะถ้าผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมไม่ผ่าน โครงการล่ม ใครจะรับผิดชอบ จะเสนออะไร หัดวิเคราะห์ให้มันรอบคอบรอบด้านเสียก่อน ไม่ใช่คิดจะทำอะไรก็ทำ คนอื่นจะดูถูกเอา ว่าอยากได้เงินแต่ไม่มีสมอง”
ภูมินทร์พูดจบก็เดินออกไป แสงโชติกำหมัดแน่นอย่างโกรธจัด สัญชัยพูดไม่ออก
“กล้าหักหน้าฉันในห้องประชุมแบบนี้ ได้เห็นดีกันแน่”
แสงโชติพูดด้วยอารมณ์แค้น พลางรีบหยิบมือถือออกมากด
“ฉันมีงานให้แกทำ”
ทางด้านภูมินทร์ก็โทร. สั่งการกับก้องภพให้รีบจัดการให้ป่านแก้วกับปูเปรี้ยวทำความสะอาดโซฟาให้สะอาดหมดจดทุกซอกทุกมุม แล้วให้คนยกขึ้นไปบนห้องนอน
ก้องภพรีบหันมาสั่งการตามคำสั่ง ป่านแก้วกุลีกุจอหันไปหยิบผ้าขนหนู ส่วนปูเปรี้ยวลอบมองโซฟาอย่างสงสัยใคร่รู้
ระหว่างที่ภูมินทร์นั่งอยู่ที่เบาะรถทางด้านหลัง คนขับกำลังจะขับออกจากบริษัท จู่ๆ ก็เบรกหัวแทบทิ่มเพราะมีมอเตอร์ไซค์ตัดหน้าในระยะประชิด มอเตอร์ไซค์แกล้งล้มลงไป พลันชายร่างใหญ่ 2 คน ก็ลุกขึ้นมาชี้มาที่รถภูมินทร์อย่างเอาเรื่อง
“ลงมาเคลียร์กันให้รู้เรื่อง”
คนขับของภูมินทร์รีบลงจากรถ
“ผมยังไม่ได้ชนเลยนะครับจะให้เคลียร์อะไร อีกอย่างคุณขับรถมาตัดหน้าผมเอง”
“เพราะแก พวกฉันถึงได้ล้ม”
ชายร่างใหญ่โวยวายไม่หยุด คนขับรถไม่รู้จะทำยังไง ภูมินทร์ที่มองอยู่ในรถ เริ่มรำคาญ พลางรีบเดินลงจากรถ พร้อมกับหยิบเงินให้ห้าพัน
ชายร่างใหญ่ปัดเงินภูมินทร์ออก
“คิดว่ารวย แล้วจะเอาเงินฟาดหัวคนอื่นได้รึไงวะ”
ภูมินทร์เริ่มโมโห “แล้วจะเอายังไง”
อีกคนรีบบอก “ขอโทษพวกเราเดี๋ยวนี้”
ภูมินทร์ยิ้มเยาะพลางขู่ว่าจะเรียกรปภ.มาลากตัวออกไป
ขาดคำชายร่างใหญ่ทั้งคู่ ก็รุมเข้ามารุมชกภูมินทร์ คนขับรีบเข้าไปช่วย ภูมินทร์พลาดท่า ถูกมันคนหนึ่งล็อกไว้ ขณะที่อีกคนกำลังจะเข้ามาต่อยซ้ำ สิรวิทย์ที่ผ่านมาเห็นเหตุการณ์พอดี รีบปราดเข้ามาช่วย พวกมัน เห็นท่าไม่ดีรีบเข้าไปที่มอเตอร์ไซค์ แล้วขี่หนีออกไปทันที
สิรวิทย์กับคนขับ รีบเข้าไปดูอาการภูมินทร์ พร้อมกับที่คนขับเปรยอกมา
“พวกมันจงใจมาหาเรื่องเราชัด ๆ เลยนะครับ”
ภูมินทร์หน้าเครียด สิรวิทย์มองแล้วครุ่นคิดตาม
พรายพยากรณ์ ตอนที่ 5 (ต่อ)
จากนั้นสิรวิทย์ก็ประคองภูมินทร์กลับเข้ามาที่ห้องทำงานอีกครั้ง
“ขอบใจมากที่ช่วย”
สิรวิทย์พยักหน้ายิ้มๆ “เพื่อนกัน ไม่ช่วยแก แล้วจะช่วยใคร”
“มาหาฉันมีอะไร? รึว่าได้ความคืบหน้าไอ้คนที่จะฆ่าฉันแล้ว”
สิรวิทย์ส่ายหน้า พลางบอกว่าตั้งใจจะมาคุยเรื่องข่าว เพราะสงสารเปรมสุดา
“สงสารทำไม? เค้าไม่ได้เป็นอะไรกับฉัน แกก็รู้”
“แต่คุณสุดา เค้าชอบแกมาก คนในสังคมก็รู้ ว่าเค้าเป็นว่าที่คู่หมั้นคู่หมายของแก”
ภูมินทร์ถอนหายใจ “ความจริงก็คือความจริง สุดาต้องรู้ ว่าตัวเองเป็นใคร ไม่มีสิทธิ์อะไรมาหึงหวงฉัน”
พูดพลางเบ้หน้าเพราะเจ็บแผล สิรวิทย์มองเพื่อนอย่างเป็นห่วง
“เรื่องวันนี้ แกควรจะแจ้งความ”
ภูมินทร์ส่ายหน้า “แจ้งไปก็ไม่มีประโยชน์”
“มีสิ พวกมันจงใจมาหาเรื่องแกถึงในบริษัท”
“ตำรวจจับพวกมันแล้วฉันจะได้ประโยชน์อะไร ?”
“ได้ตัวคนบางการ”
ภูมินทร์ชะงัก พลางนิ่งคิด
ขณะที่แสงโชติกดรับสายลูกน้อง พลางรีบถามอย่างร้อนใจ
“เป็นยังไงบ้าง? อัดหน้าไอ้ภูจนยับรึเปล่า ? หะ ไม่สำเร็จ มีคนมาช่วยมัน พวกแกรีบหลบไปก่อน เอาไว้ฉันจะติดต่อไป”
จากนั้นก็กดวางสายอย่างหัวเสีย
“โชคไม่เข้าข้างแกทุกครั้งแน่ ไอ้ภู”
เมื่อภูมินทร์ยืนยันว่าจะไม่ยอมแจ้งความ สิรวิทย์ก็รีบบอก
“ถึงแกไม่แจ้งความ ก็ควรสืบว่าไอ้สองคนนี้มันเป็นใคร มาจากไหน ?”
“แกเอาภาพจากกล้องวงจรปิดไปสืบให้ฉันที”
สิรวิทย์รับคำ พลางมองเพื่อนอย่างครุ่นคิด “ฉันจะส่งคนมาอารักขาแก”
แต่ภูมินทร์กลับปฏิเสธ
“ไม่ต้อง ฉันรำคาญ ไม่ชอบเวลามีคนเดินตาม ตอนนี้ฉันยังปลอดภัยอยู่ เอาไว้เริ่มเห็นท่าไม่ดี ฉันจะจ้างแกเอง”
พูดพลางก็รีบขึ้นรถไป สิรวิทย์มองตามอย่างเป็นห่วง
พิณชนิดายกข้าวต้มมาให้หนึ่ง พลางกดเปิดทีวี ที่กำลังเป็นรายการเม้าท์มันส์ยามเย็น พิธีกรกำลังเม้าท์อย่างออกรส
“ข่าววงใน เม้าท์ว่าคุณภูมินทร์อยู่กินกับสาวปริศนาในอพาร์ตเม้นต์ค่ะ เรื่องนี้มีสักขีพยาน เป็นเจ้าของอพาร์ตเม้นต์ของฝ่ายหญิง แว่วว่าสวีทหวาน รักกันน่าดู”
พิณชนิดาถึงกับสำลักน้ำ ส่วนหนึ่งผงะ อย่างตกใจ
“ตกลงพี่พิณกับไอ้หมอนั่นเป็นแฟนกัน?”
พิณชนิดารีบหันมาปฏิเสธ
“ไม่ใช่นะหนึ่ง พี่กับเค้าไม่ได้เป็นอะไรกัน”
หนึ่งหันไปเห็นภาพในงานเลี้ยงที่ภูมินทร์ประคองพิณชนิดาปรากฎขึ้นที่หน้าจอ
“กอดกันขนาดนี้เนี่ยนะ ไม่ได้เป็นอะไรกัน พี่พิณทำแบบนี้ได้ยังไง ทั้งๆที่พี่ก็รู้ว่าผมชอบพี่ พี่พิณใจร้าย ใจร้ายที่สุด”
จากนั้นหนึ่งก็ร้องไห้ฟูมฟาย แล้วรีบวิ่งออกจากห้องไป
ทางด้านเปรมสุดา ที่กำลังดูข่าวเดียวกันอยู่กับปณิตา ก็ยิ่งแค้นใจ
“ที่แท้ช่วงที่ภูหายไป ก็ไปกกอยู่กับนังหมอดูนี่”
“หมายความว่า มันรู้มาตลอดว่าตาภูอยู่ที่ไหน แต่มาโกหกเราต่าง ๆ นานา เห็นหน้าหงิม ๆ แต่ร้ายเกินคาด”
เปรมสุดาจ้องมองหน้าพิณชนิดาผ่านจอทีวีอย่างอย่างเอาเรื่อง
“สุดาไม่ยอม สุดาจะไปฆ่านังหมอดูนั่น”
“ก่อนจะฆ่ามัน เอาตาภูเป็นผัวให้ได้ก่อน”
เปรมสุดาส่ายหน้าอย่างขัดใจ
“พูดยังกับซื้อปลาทู สุดาอ่อยจนไม่รู้จะอ่อยยังไงแล้ว แต่ภูก็ไม่เคยชายตามอง กลับไปคว้านังหมอดูกากๆ มันมีดีกว่าสุดาตรงไหน?”
พูดพลางเปิดไอแพดมาดูรูปพิณชนิดาในชุดออกงาน
“ก็เซ็กซี่กว่า หรือว่าภูจะชอบผู้หญิงตู้ม ๆ ถ้าอย่างนั้น สุดาจะไปทำนม”
ปณิตารีบห้าม “ทำนมมันแพงนะลูก เราแห้งกรอบขนาดนี้ จะหาเงินจากที่ไหน? แม่รู้แล้ว ว่าแกจะสู้นังหมอดูนั่นได้ยังไง ?”
ที่แท้ปณิตาก็จัดการให้เปรมสุดายัดถุงเท้าใส่หน้าอกตัวเองจนตู้มขึ้นมาทันตา ฝ่ายลูกสาวยิ้มพอใจ พร้อมๆ กับที่เสียงมือถือดังรัวขึ้นมา
“ว่าไงนังปูเปรี้ยว อะไรนะ ภูให้คนขนโซฟาเก่าๆ เข้าห้องนอน ? ”
เปรมสุดากดวางสาย ก่อนจะหันมาทางปณิตา
“ จู่ ๆ ภูก็อยากสะสมของเก่า มันแปลก ๆ นะคะคุณแม่”
“ไม่แปลกหรอก คนรวยเค้าก็สะสมของเก่ากันทั้งนั้น ถ้าตาภูมีโซฟา แกก็ควรจะซื้อของที่เข้ากับโซฟาไปให้ตาภู จะได้เป็นข้ออ้างไปหาตาภูด้วย”
เปรมสุดายิ้มร้าย
พอภูมินทร์กลับมาถึงบ้าน ก็รีบบอกว่าแม่นมนวลว่าจะรีบขึ้นไปนอน
“เพิ่งหกโมง จะนอนแล้วเหรอคะ? โบราณเค้าถือ ไม่ให้นอนเวลาผีตากผ้าอ้อมนะคะ”
“ไม่เป็นไรครับ ผมเหนื่อย อยากนอนมากๆ ห้ามให้ใครขึ้นไปรบกวนนะครับ”
ภูมินทร์พูดยิ้มๆ แล้วเดินขึ้นไปอย่างอารมณ์ดี
ภิชาสินีนัดทานข้าวกับเพื่อนๆ ที่ร้านอาหารริมแม่น้ำ ระหว่างเดินทาตามทาง เธอก็เหลือบไปเห็น ผู้หญิงคนหนึ่งกระโดดลงแม่น้ำ เธอรีบวิ่งเข้าไปดู แต่กลับไม่เห็นใคร
ทางด้านอรรถพรกับเพื่อนๆ ก็เดินเข้ามาในร้านเดียวกันอีกทางหนึ่ง
ภิชาสีนียืนจ้องมองไปที่แม่น้ำ มองหาร่างผู้หญิง พลันก็มีมือขาวซีดยื่นขึ้นมาจากในน้ำ จับข้อเท้าของเธอไว้ ภิชาสินีตกใจมาก ก่อนที่ร่างของเธอจะถูกดึงลงตกน้ำตูม มือขาวซีดจับข้อเท้าของเธอไว้ไม่ปล่อย ซ้ำกลับดึงให้ค่อย ๆ จมลง ภิชาสินีดิ้นพลาดๆ พยายามพุ่งตัวขึ้นสู่ผิวน้ำให้ได้ จนในที่สุดก็ใช้แรงทั้งหมดที่มี โผล่หน้าขึ้นมาพ้นน้ำ พลางตะโกนลั่น
“ช่วยด้วย”
แต่แล้วร่างของเธอก็ถูกดึงลงไปในน้ำอีก ภิชาสินีพยายามตะเกียกตะกายเอาชีวิตรอด
อรรถพรกับเพื่อนได้ยินเสียงก็ชะงัก
“เสียงเหมือนคนร้องให้ช่วย”
ภิชาสินีพยายามช่วยตัวเองไม่ให้จมน้ำ แต่สุดท้ายก็สู้แรงไม่ไหว ถูกดึงลงไปใต้น้ำ
อรรถพรกระโดดตูมลงไปในน้ำ พลางรีบคว้าตัวภิชาสินี แล้วรีบพาขึ้นมาเหนือน้ำ พอเห็นหน้า
เธอชัดๆ เขาก็ตกใจ
“คุณภิ ?”
พวกเพื่อนของอรรถพร ช่วยกันดึงร่างของภิชาสินีที่หมดสติขึ้นมา อรรถพรช่วยผายปอดด้วยการปั๊มหัวใจแบบเม้าท์ทูเม้าท์อยู่สักครู่หนึ่ง ภิชาสินีรู้สึกตัวตื่นมาก็ผงะ เพราะเห็นปากอรรถพรกำลังแตะอยู่ที่ปากตัวเอง อรรถพรเหลือบไปเห็นภิชาสินีได้สติ ก็ถอนหายใจอย่างโล่งอก
“ปลอดภัยแล้วนะ”
ภิชาสินีก้มหน้าอย่างประหม่าเขินอาย
จากนั้นก็เล่าเหตุการณ์ให้อรรถพรฟัง ขณะที่อีกฝ่ายประคองตัวมาแถวๆ ที่เขาจอดรถ
“ฉันเห็นผู้หญิงกระโดดน้ำ”
“คุณก็เลยลงไปช่วย ?”
ภิชาสินีส่ายหน้า “เปล่า ฉันตามไป แต่พอไปถึง ก็ไม่เจอใคร”
“อ้าว แล้วคุณตกน้ำได้ยังไง?”
ภิชาสินีนิ่วหน้า อย่างแปลกใจ
“นั่นสิ ฉันก็ไม่รู้ตัวเหมือนกัน มันน่าแปลก ทั้งๆ ที่ฉันว่ายน้ำเป็น แต่กลับขึ้นมาจากใต้น้ำไม่ได้”
อรรถพรมองร่างที่สั่นเทาของภิชาสินี พลางรีบเปิดประตูรถ แล้วเอื้อมมือเข้าไปหยิบเสื้อแจ๊คเก๊ตในรถมาคลุมให้
“คลุมไว้จะได้ไม่หนาว ไป ขึ้นรถ กลับบ้าน”
“คุณไม่อยู่กินข้าวกับเพื่อนเหรอ ?”
“ผมบอกเพื่อนแล้ว ไม่ต้องห่วง”
ภิชาสินีมองอรรถพร แล้วแอบรู้สึกดี
ภูมินทร์อาบน้ำ ใส่ชุดนอนเรียบร้อย เดินถือหมอนมาที่โซฟา มองด้วยใบหน้าเปี่ยมสุข จากนั้นก็ค่อย ๆ เอาหมอนวาง แล้วล้มตัวลงนอนบนโซฟา
พิณชนิดาเปิดประตูมาเห็นสภาพน้องสาวก็ตกใจ
“น้องภิ เกิดอะไรขึ้น ? ทำไมกลับมาสภาพนี้”
ภิชาสินียิ้มแหยๆ “ฝนตกที่ร้านอาหาร หนาวจะแย่ ภิไปอาบน้ำก่อนนะ”
พูดจบก็รีบวิ่งเข้าห้องน้ำ พิณชนิดามองตามอย่างแปลกใจ
“แล้วเอาเสื้อผู้ชายที่ไหนมาใส่? หรือว่าจะของเพื่อน”
ส่วนอรรถพรกำลังจะเดินกลับของตัวเอง แต่พอเดินผ่านห้องหนึ่ง ก็นึกขึ้นได้ จึงตั้งใจจะแวะทัก แต่พอเคาะประตู กลับไม่มีคนเปิด จึงถือวิสาสะเปิดประตูเข้าไป แล้วก็เห็นหนึ่งนอนตัวร้อนเป็นไข้อยู่ที่เตียง
“เฮ้ย ไม่สบายเหรอเนี่ย กินข้าวกินยารึยัง ?”
แต่หนึ่งกลับฟูมฟายใส่
“พี่พิณคบกับไอ้หมอนั่นอ่ะพี่อรรถ หนึ่งจะทำยังไงดี หนึ่งไม่อยากเสียพี่พิณไป”
อรรถพรถอนหายใจ มองหนึ่งอย่างเอ็นดู
“แม่มาหาบ้างมั้ย?”
หนึ่งหยุดฟูมฟาย แล้วตอบเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
“มาเมื่อเช้า เอาเงินมาให้ แล้วก็ไป ไม่ถามสักคำว่าผมเป็นยังไงบ้าง?”
พูดพลางหันไปหยิบเงินคืนให้อรรถพร
“ขอบคุณมากนะพี่ ถ้าไม่ได้พี่ผมคงแย่ ผมจะทำยังไงกับเรื่องพี่พิณดี? ผมไปต่อยไอ้ไฮโซนั่นเลยดีมั้ย?”
อรรถพรตบไหล่เป็นเชิงปลอบ
“หนึ่งบอกพี่ได้มั้ยว่า ทำไมถึงเสียใจที่คุณพิณไปมีแฟน?”
“ก็ผมรักพี่พิณ .เวลาเราเสียคนที่รักไป เราก็ต้องเสียใจสิพี่”
อรรถพรส่ายหน้า พลางอธิบาย
“หนึ่งรู้ตัวรึเปล่า ว่าหนึ่งกำลังเอาคุณพิณมาทดแทนแม่ หนึ่งแค่ต้องการความอบอุ่นจากใครสักคน หนึ่งไม่ได้รักคุณพิณแบบที่ผู้ชายรักผู้หญิง แต่หนึ่งรักคุณพิณแบบพี่สาว หนึ่งฟูมฟาย ไม่อยากให้คุณพิณรักใคร เพราะกลัวคุณพิณจะไม่มีเวลาให้หนึ่ง ไม่สนใจหนึ่ง เหมือนที่แม่กำลังทำกับหนึ่ง”
“ไม่จริง ผมไม่อยากได้ใครมาแทนแม่ ผมอยู่ได้โดยไม่ต้องมีแม่”
หนึ่งพยายามหลอกตัวเอง
“ค่อย ๆ ค้นหัวใจตัวเองให้เจอ แล้วยอมรับมันซะ นายต้องปล่อยความโกรธในใจของนายออกไปให้หมด นายถึงจะรู้จักความรักที่แท้จริง นอนพักเถอะ เดี๋ยวพี่จะออกไปซื้อข้าวมาให้”
อรรถพรเดินออกไป หนึ่งครุ่นคิดตาม
ภูมินทร์นอนหลับตานิ่งๆ อยู่ครู่หนึ่ง แล้วก็ลืมตาโพลง
“ทำไมถึงนอนไม่หลับ ? ตอนอยู่ห้องยัยประหลาดก็หลับดีนี่หว่า”
จากนั้นก็กระสับกระส่ายนอนไม่หลับเหมือนเดิม
ภิชาสินียังคงครุ่นคิดถึงตอนที่ถูกดึงขาจนตกน้ำ แล้วก็ตะเกียกตะกายอยู่ใต้น้ำจนเกือบเอาชีวิตไม่รอด
“แต่ตรงนั้นไม่มีใคร หรือว่าเราจะคิดไปเอง?”
ขณะเดียวกันผู้หญิงคนหนึ่งเดินกดมือถือมาเรื่อย ๆ แล้วมาหยุดยืนเล่นอยู่ตรงที่ภิชาสินีตกน้ำ
พลันมือขาวซีด ก็ค่อยๆ ยื่นเลื้อยขึ้นมา ก่อนที่ผีพรายจะค่อยๆ โผล่ขึ้นมาจากน้ำ พลางมองผู้หญิงคนนั้นด้วยสายตามุ่งร้าย
ทางด้านเปรมสุดาก็เดินถือหมอนที่สกรีนหน้าตัวเองเข้ามาในบ้านของภูมินทร์ด้วยสีหน้าระรื่น พร้อมหน้าอกที่ใหญ่บึ้ม พลางกำลังจะเดินขึ้นไปด้านบน แต่แม่นมนวลกับป่านแก้วปราดเข้ามาขวางไว้ เปรมสุดาดึงดันจะขึ้นไปให้ได้ พลางหันไปเรียกปูเปรี้ยวให้มาช่วย แต่ป่านแก้วกลับยกภูมินทร์มาขู่ จนปูเปรี้ยวไม่กล้าเสนอหน้า
ครู่หนึ่งภูมินทร์ก็เดินลงมาทั้งชุดนอน ด้วยสีหน้าหงุดหงิด
“เสียงดังอะไรกัน”
เปรมสุดารีบฟ้อง “ก็นังป่านแก้วน่ะสิคะ มันไม่ยอมให้สุดาขึ้นไปหาภู”
“เค้าทำถูกแล้ว คุณไม่เข้าใจภาษาคนรึไง ผมสั่งแล้วว่าห้ามใครรบกวน”
พูดจบ ก็เดินกระฟัดกระเฟียดออกไป อย่างอารมณ์เสียเพราะนอนไม่หลับ เปรมสุดาหน้าจ๋อย แต่ก็รีบตามไป พลางพูดแบบอ่อยๆ
“ถ้านอนไม่หลับ ให้สุดานวด หรือจะให้ทำอย่างอื่นก็ได้นะคะ”
ภูมินทร์ถอนหายใจอย่างหงุดหงิด “ขอผมใช้ความคิด ช่วยเงียบ ๆ ได้มั้ย”
เปรมสุดาไม่ยอมแพ้ ไต่มือขึ้นไปเรื่อย ๆ แถวซอกคอ พลางยื่นหน้าอกตู้มๆ ยั่วยวน แต่อีกฝ่ายกลับหันหน้าหนี
เปรมสุดาไม่เลิกตอแย กระโดดไปยืนหน้า พร้อมโชว์หมอนที่เป็นหน้าตัวเองให้ดู
“นี่เลยค่ะ เอาหมอนหน้าสุดาไปนอนกอด รับรองนอนหลับ ฝันหวาน...”
แต่ยังพูดไม่ทันจบ ภูมินทร์ก็เอาหมอนปิดหน้า ด้วยความรำคาญ ก่อนจะเดินออกไปอย่างอารมณ์เสีย
ภูมินทร์จ้ำเดินหนีมาอย่างหัวเสีย
“คนกำลังมีสมาธิ ก็วุ่นวายอยู่ได้ ตอนอยู่ที่ห้องยัยประหลาดนอนโซฟาตัวนั้น แล้วก็หลับสบาย ทำไมพอเอาโซฟามาที่นี่ถึงได้ไม่หลับ?”
ครู่หนึ่งก็ยิ้มออก
“นึกออกแล้ว”
พิณชนิดานั่งกินข้าวกับภิชาสินี มีปิ่นเพชรนั่งกินผลไม้อยู่ด้วย วิญญาณ พ่อ แม่ป้า ยืนมองลูกสาวทั้งสองกินข้าวอย่างมีความสุข
จู่ๆ เสียงเคาะประตูก็ดังขึ้นมา ภิชาสินีเดินไปเปิดประตู ก็เห็นก้องภพยืนยิ้มอยู่หน้าห้อง
“ว่าไงนะคะ"
พิณชนิดาอุทานอย่างแปลกใจ เมื่อได้ยินสิ่งที่ก้องภพพูด
“คุณภูจะขอเช่าห้องต่อจากคุณพิณครับ”
ภิชาสินีรีบพูดขัดขึ้นมา
“แต่เรายังมีสัญญาเช่ากับพี่ขวัญอีกหนึ่งปีค่ะ อีกอย่างถ้าเจ้านายคุณมาเช่า แล้วพวกเราจะไปอยู่ไหน?”
“ใจเย็น ๆ นะครับ คุณภูจะให้ค่าขนย้าย ค่าเช่า และค่าใช้จ่ายทุกอย่างที่คุณพิณต้องการขอเพียงแค่ให้คุณภูเช่าห้องนี้ต่อ”
“ไม่มีทาง จะจ่ายเท่าไหร่ ฉันก็ไม่ยอม กลับไปบอกเจ้านายคุณด้วย ว่าให้เลิกเอาเงินฟาดหัวคนอื่นได้แล้ว”
พิณชนิดาพูดด้วยสีหน้าจริงจัง ก้องภพได้แต่ยิ้มแหย ๆ
ภูมินทร์ส่ายหน้าอย่างเจ็บใจ เมื่อก้องภพกลับมารายงานผล
“นายมันใจดีเกินไป เห็นที งานนี้ฉันต้องจัดการเอง”
พรายพยากรณ์ ตอนที่ 5 (ต่อ)
ตำรวจเต็มพื้นที่ กำลังระดมกำลังเข้าตรวจที่เกิดเหตุบริเวณริมบึง ที่มีการเอาเชือกมากั้นไว้
ศพผู้หญิงนอนตัวเปียกหน้าซีดบนเตียงที่วางบนพื้น ที่มือยังกำโทรศัพท์มือถือแน่น ไม่นานเจ้าหน้าที่ก็เอาผ้าคลุมหน้าแล้วก็ยกศพออกไป จ่าหันมาทางอรรถพรที่ยืนอยู่
“จากการสันนิษฐานเบื้องต้น คาดว่าผู้ตายน่าจะเล่นโทรศัพท์มือถือเพลินจนตกน้ำลงไปเองครับ”
อรรถพรพยักหน้ารับ พลางมองไปที่ริมแม่น้ำแล้วก็นึกย้อนกลับไปตอนที่เขากระโดดลงไปช่วย
ภิชาสินีขึ้นจากน้ำ
“มีคนตายตรงที่ฉันตกน้ำ?”
ภิชาสินีแทบไม่เชื่อหูตัวเอง เมื่อได้ฟังเรื่องราวจากอรรถพรที่มาหาเธอถึงที่มหาวิทยาลัย
“ผมสอบถามจากคนแถวนั้น เค้าบอกว่าประมาณสองปีที่ผ่านมา ตรงนี้จะมีคนจมน้ำตายประจำ”
ภิชาสินีครุ่นคิด แล้วก็ตกใจจนหน้าซีด
“ตอนแรกฉันก็ไม่แน่ใจว่าที่ฉันเห็น คือตาฝาด หรือเห็นจริงๆ แต่พอฟังที่คุณเล่า ฉันว่าฉันไม่ได้คิดไปเองแล้วล่ะ”
“เธอเห็นอะไร?”
ภิชาสินีมองหน้าอรรถพรพลางกลืนน้ำลายเอื๊อก
ภิชาสินีกับอรรถพรย้อนกลับมาที่แม่น้ำอีกครั้ง ทั้งคู่ยืนมองดูสายน้ำนิ่งๆ ก่อนที่อรรถพรจะหันมาทางภิชาสินี
“ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อว่ามีวิญญาณอยู่ใต้น้ำ ตกลงว่าคดีนี้ผีเป็นคนร้าย? แล้วฉันจะจับผีได้ยังไง? หรือว่าเราต้องเรียกหมอผีมาปราบ”
ภิชาสินีหันไปทำหน้าดุใส่ “ใจร้าย”
“ใจร้ายตรงไหน ผีตัวนี้ฆ่าคนตายนะคุณ”
ภิชาสินีรีบอธิบาย “วิญญาณทุกดวง ไม่ได้อยากฆ่าใครตายหรอกนะ เพราะถ้าทำแบบนั้น มันจะทำให้เค้าเป็นบาป แล้วก็จะทำให้เค้าไม่ได้ไปผุดไปเกิด ฉันว่าวิญญาณที่อยู่ใต้น้ำคงมีเหตุผลบางอย่าง ถ้าเค้าได้ในสิ่งที่ต้องการ เค้าก็คงจะไม่ฆ่าใครอีก”
“แล้วเราจะรู้ได้ยังไง ว่าเค้าต้องการอะไร?”
ภิชาสินีคิดหนัก ขณะที่อรรถพรถอนหายใจด้วยความกลัดกลุ้ม
ในที่สุดพิณชนิดาก็ซื้อโซฟาตัวใหม่เข้ามาในไว้ห้องทดแทนตัวเดิม พลางรีบพูดอวดปิ่นเพชรว่าโซฟาตัวนี้ราคา 2 แสนบาท ปิ่นเพชรทำตาโต
“ประเทศไหนอ่ะเจ๊สองแสน ตายตายตาย ใช้เงินแบบเนี้ย ไม่หมดตูดเหรอเจ๊”
พิณชนิดาส่ายหน้าขำๆ “หมดไรล่ะ ยังเหลืออีกตั้งหลายบาท เจ๊เอาตุ้มหูเพชรไปขาย”
“แต่นายไข่เจียวให้เจ๊ไม่ใช่เหรอ เอาไปขายแบบนี้ ถ้าเค้ารู้ เค้าจะว่าเอานะ”
พิณชนิดายักไหล่อย่างไม่แคร์
“เค้าไม่มีสิทธิ์ว่า เพราะเค้าให้เจ๊แล้ว เจ๊มีของให้เราด้วยนะ”
พุดพลางหยิบกระพรวนฝังเพชรหนึ่งเม็ดออกมา ปิ่นเพชรตาลุกวาว
ระหว่างนั้นเสียงเคาะประตูก็ดังขึ้น พิณชนิดาหันไปมอง
“สงสัยยัยภิลืมเอากุญแจห้องไปอีกแล้ว เข้ามาเลย ประตูไม่ได้ล็อก”
ระหว่างนั้นก็หันพิณชนิดาใส่กระพรวนให้ปิ่นเพชรจนเสร็จ พร้อมๆ กับที่เสียงเอกดังขึ้นมา
“พิณ”
พิณชนิดาตกใจ พลางเงยหน้าเห็นเอกยืนอยู่พร้อมถือถุงขนม พร้อมส่งยิ้มจริงใจมาให้ ปิ่นเพชรมองเอกแบบไม่ชอบขี้หน้า
พิณชนิดาผลักเอกออกมานอกห้อง ปิ่นเพชรยืนกอดอกหน้าตาเอาเรื่องอยู่ข้างๆ
“อย่าตัดรอนน้ำใจเอกแบบนี้สิ เอกซื้อขนมเจ้าที่พิณชอบมาให้”
พิณชนิดาตะคอกกลับ “ตอนนี้ไม่ชอบแล้ว กลับไปซะ”
พูดพลางจะปิดประตู แต่อีกฝ่ายกลับเอามือยันประตูเอาไว้
“เอกรู้ว่าพิณยังไม่หายโกรธเอก เอกขอโทษจริงๆ ที่ทำตัวไม่ดี ทำให้พิณเสียใจ ถ้ายังไง เรามาเริ่มต้นกันใหม่เถอะนะ “
พิณชนิดายิ้มเยาะ “เริ่มต้นใหม่? เอกเลิกกับยัยฟ้าร่วงแล้วเหรอ?”
เอกตอบหน้าตาเฉย “ยัง”
“ยังไม่เลิก แล้วจะมาขอคบกับพิณใหม่เนี่ยนะ?”
“เราก็คบกันแบบเงียบๆ ไม่ต้องบอกใคร เอกรับรองว่าครั้งนี้ เอกจะรักพิณให้มากกว่าเดิม ดูแลพิณให้มากกว่าเก่า โอเคป่ะ”
พิณชนิดากำมือแน่น ด้วยความโกรธ
“ไอ้สารเลว ไอ้คนเห็นแก่ได้ ไอ้คนเห็นแก่ตัว ไอ้คนไม่ให้เกียรติเพศแม่ พูดมาได้ ทำแบบนี้เท่ากับให้ฉันเป็นเมียน้อยแกชัดๆ ฉันไม่มีวันโง่ซ้ำสอง”
“อย่าคิดมากสิจ๊ะ เมียน้อยอะไรกัน เอกก็รักเท่าๆ กันนั่นแหละ พิณยังไม่ต้องให้คำตอบเอกตอนนี้ก็ได้ เอาไว้อีกสองวันเอกจะมาเอาคำตอบ อ้อ อีกอย่าง เอกเปลี่ยนเบอร์มือถือแล้วนะ”
พูดพลางหยิบมือถือออกมากดโทร. ออก
“เอกยิงเบอร์เอกไปที่เครื่องพิณแล้ว เมมไว้ด้วยล่ะ”
พิณชนิดาทำหน้าเหวอ พูดไม่ออก เอกเอามือถือใส่กระเป๋ากางเกงข้างหลัง โดยไม่รู้ตัวว่าเผลอทำ มือถือหล่นพื้น
“เอกไปนะจ๊ะ”
เอกพุดพร้อมกับคว้ามือพิณชนิดาขึ้นมาหอมฟอดใหญ่ ทำเอาเธอถึงกับอ้าปากค้าง พอเขาเดินออกไป เธอก็รีบเดินไปปิดประตู พลางส่ายหน้าอย่างหงุดหงิด
“คนอะไร หน้าด้านสุดๆ พูดเองเออเองทุกอย่าง”
ปิ่นเพชรเหลือบมองเห็นมือถือบนพื้น “นั่นมือถือใคร?”
พิณชนิดาหันไปมองตาม พลางรีบหยิบขึ้นมากดเปิด เห็นรูปเอกกับฟ้ารุ่งที่หน้าจอทำท่าแอ๊บแบ๊ว คู่กัน
“กรรมสมัยนี้มันเร็วยิ่งกว่าจรวดจริงๆ”
พิณชนิดายิ้มมุมปาก อย่างมีแผนร้ายในใจ
ฟ้ารุ่งนั่งหงุดหงิดรอเอกอยู่ที่บ้าน กำลังจะหยิบมือถือโทร. ตาม แต่บังเอิญมีสายเรียกเข้าดังขึ้นมาก่อน พอเห็นหน้าจอเป็นชื่อเอก ก็รีบกดรับ
“อยู่ไหน?”
พิณชนิดาสางเสียงหวานกลับไป “ฟ้า”
ฟ้ารุ่งถลึงตาโต “ยัยพิณ”
“ดีใจจังที่เธอจำเสียงเพื่อนคนนี้ได้”
ฟ้ารุ่งทั้งโมโห ทั้งหึง “ทะ ทำ ทำไมเป็นแก?”
“เอกมาหาฉันที่ห้อง เค้าซื้อขนมเจ้าโปรดมาให้ เอกเนี่ยน่ารักจริงๆ ที่ยังจำได้ว่าฉันชอบอะไร”
ฟ้ารุ่งแทบกรี๊ด “โกหก ฉันไม่เชื่อ”
“ไม่เชื่อก็ไม่เป็นไร ถ้าไงฝากบอกเอกด้วยก็แล้วกันว่าเค้าลืมมือถือไว้ที่ห้องฉัน ให้กลับมาเอาคืนไปด้วย แค่นี้นะ บ๊าย”
พิณชนิดาวางสาย แล้วก็หันไปตีมือกับปิ่นเพชรด้วยความสะใจ
ตรงข้ามกับฟ้ารุ่งที่กำมือถือแน่นด้วยความโกรธเกรี้ยวที่สุด แล้วก็ทนไม่ไหว ปามือถือออกไปเต็มแรง แต่เอกที่เดินเข้ามาพอดี รับไว้ได้ทัน
“เอามือถือมาปาเล่นทำไมจ๊ะ”
ฟ้ารุ่งจ้องหน้าอย่างเอาเรื่อง
“ไปไหนมา?”
เอกรีบแก้ตัว “ไปหาลูกค้ามาจ้ะ โทษทีนะที่กลับมาช้า อย่างอนเอกเลยนะ เอกหิวจนไส้จะขาดอยู่แล้ว”
พูดพลางเดินตรงรี่ไปที่โต๊ะอาหาร ฟ้ารุ่งหันมองค้อน
“นึกว่ากินมาอิ่มแล้วซะอีก เห็นยัยพิณโทรมาบอกว่าเอกเพิ่งออกมาจากห้องของมัน”
เอกที่กำลังจิ้มอาหารกิน ถึงกับสำลัก
“โถๆ ถึงกับสำลักเลยเหรอ ดื่มน้ำก่อนนะ เดี๋ยวจะติดคอตาย”
พูดพลางยกเหยือกน้ำบนโต๊ะขึ้นมาราดหัว เอกถึงกับหนาวสะท้านเพราะความเย็นของน้ำ จนพูดไม่ออก
“นี่แค่เบาะๆ ถ้าฟ้ารู้ว่าเอกยังกลับไปกินของเน่าอย่างนังพิณอีกล่ะก็ จะไม่ใช่แค่น้ำที่ราดหัว แต่จะเป็นกระสุนที่เจาะหัวเอกแทน”
ฟ้ารุ่งกระแทกเหยือกน้ำ แล้วก็จ้ำเดินออกไป เอกตัวสั่นปากสั่นทั้งกลัวทั้งหนาว
ภิชาสินีสูดลมหายใจเข้าเต็มปอดแล้วพ่นออกมาเพื่อคลายความตื่นเต้น ก่อนจะหยิบมือถือเดินไปที่ริมน้ำ ทำเป็นก้มมองมือถือ เดินมาตามทาง ทั้งที่ใจเต้นตึกตัก อรรถพรหาที่หลบและซุ่มดู
“ทำไมไม่มีอะไรเลย? เงียบ หรือว่าจะไม่อยู่แล้ว”
ภิชาสินีตัดสินใจเดินเข้าไปใกล้กับริมบึงน้ำ เท้าหมิ่นเหม่อยู่ที่ขอบเหมือนจะตกไม่ตกแหล่ พลางก้มมองไปที่น้ำ ยื่นหน้าเข้าไปใกล้มากขึ้นๆ จู่ๆ เท้าของเธอก็ลื่น จวนเจียนจะตกลงไป พลันมีมือมาคว้าเอวดึงเข้ามาได้ทัน ภิชาสินีหันขวับไป จมูกเกือบชนกับจมูกอรรถพร ทำเอาทั้งคู่ชะงัก
“ยกเลิกปฏิบัติการ ผมไม่ให้คุณทำแล้ว”
ภิชาสินีมองอย่างแปลกใจ “ทำไม? อดทนหน่อยสิ ฉันมั่นใจว่าอีกไม่นานผีตัวนั่นต้องโผล่ออกมา”
“ผมไม่ได้หมดความอดทน แต่ผมเป็นห่วงคุณ ถ้าเกิดผมช่วยคุณไม่ทัน แล้วคุณเกิดตายขึ้นมา ผมจะทำยังไง?”
ภิชาสินีชะงักไปนิดหนึ่ง “ก็ไม่เห็นต้องทำไง ทำบุญไปให้ฉันด้วยแล้วกัน เกิดแก่เจ็บตายเป็นของธรรมดา”
“แต่มันไม่ธรรมดาสำหรับผม ผมเสียคนที่ผมรักไปหมดแล้ว ผมไม่อยากสูญเสียอีก”
คราวนี้ภิชาสินีถึงกับอึ้ง อรรถพรก็ชะงักกับคำพูดตัวเองเช่นกัน
“ผมหมายถึงคุณเป็นเพื่อนของผม และผมคงจะเสียใจถ้าเกิดไรขึ้นกับคุณ กลับบ้านเถอะ”
พูดจบก็เดินนำภิชาสินีออกไป
คล้อยหลังทั้งคู่ ผีพรายก็ค่อยๆ โผล่ตาขึ้นมามองตามภิชาสินี แววตาแดงก่ำดูน่ากลัว เพียงไม่นานก็ลงน้ำหายไป
พิณชนิดานอนฝันว่าได้เข้าพิธีแต่งงานกับภูมินทร์ มีแขกเหรื่อมาร่วมแสดงความยินดีกันอย่างพร้อมหน้า
ภูมินทร์ค่อยๆ เชยคางเธอขึ้นมา พิณชนิดาหน้าแดงด้วยความเขินอาย
“อย่าเพิ่งสิคะคุณภู ทำพิธีก่อน”
ภูมินทร์ไม่สนใจ ยื่นหน้าเข้าไปแล้วแยกเขี้ยวหมายจะกัดคอ พิณชนิดาตกใจสุดขีด ร้องดังลั่น
“อ๊าย”
พิณชนิดานั่งซดกาแฟร้อน ด้วยสีหน้าที่ซีดเซียว พลางบอกกับภิชาสินีว่าเธอฝันร้าย พลันเสียงเคาะประตูก็ดังขึ้น สองพี่-น้องสาวหันไปมอง วิญญาณพ่อ แม่ ป้า หันมองตาม
ภิชาสินีนิ่วหน้าเดินมาเปิดประตู เจออรรถพรกับหนึ่งยืนอยู่
“เกิดเรื่องใหญ่แล้ว”
พิณชนิดายื่นหน้ามาข้างๆ น้องสาว
“มีอะไร?”
พิณชนิดา ภิชาสินี อรรถพร และหนึ่ง เดินลงมาด้านล่างอพาร์ตเม้นต์ เห็นคนเช่ามากมายยืนออกันที่หน้าบอร์ดประกาศข่าว ทั้งสี่รีบเบียดกลุ่มคนเข้าไปดู
พิณชนิดาอ่านป้ายเสียงดัง
“ประกาศ ให้ผู้เช่าทุกคนย้ายของออกไปภายในสามวัน เนื่องจากจะปิดอพาร์ตเม้นท์ บ้า บ้าแล้ว ทำแบบนี้ได้ยังไง ให้เวลาสามวันหาที่อยู่ใหม่เนี่ยนะ?”
อรรถพรหน้าเครียด “ผมจ่ายค่าเช่าล่วงหน้าไปสามเดือนแล้ว ยังไงก็ไม่มีวันย้ายออกไปเด็ดขาด”
คนเช่าคนอื่นๆ ต่างชูไม้ชูมือสนับสนุน
“พี่แพนกับพี่ขวัญอยู่ไหน?”
พิณชนิดาครุ่นคิดอย่างหนักว่าจะแก้ปัญหานี้อย่างไร ?
ภูมินทร์นั่งอ่านหนังสือพิมพ์ พลางหัวเราะเอิ๊กอ๊ากอย่างมีความสุข ทำเอาสิรวิทย์ที่นั่งตรงข้ามมองด้วยความแปลกใจ พอก้องภพก็เดินเข้ามา เขาก็รีบลดหนังสือพิมพ์ลง พลางเอ่ยถาม
“เรียบร้อยมั้ย”
“ครับ”
สิรวิทย์ได้ฟัง ก็ยิ่งงง
แพนเค้กกับขวัญทิพย์นั่งแช่เท้าอยู่ในสปาข้างๆ กัน สีหน้ามีความสุขเมื่อคิดถึงความหลัง
“ครั้งแรกที่ผัวเจอเมีย ผัวเหมือนเห็นนางฟ้าลงมาจากสวรรค์”
พูดพลางจับมือขวัญทิพย์ขึ้นมาเกาะกุมอย่างรักใคร่
“เมียก็เหมือนกัน เหมือนเห็นเทวดาลงมาอุ้มสม”
“แต่รักแท้ ก็มีอุปสรรค”
แพนเค้กกับขวัญทิพย์หน้าเศร้าเมื่อนึกย้อนกลับไป
พ่อกับแม่ยืนอยู่ตรงหน้าแพนเค้กกับขวัญทิพย์ที่นั่งคุกเข่าบนพื้น
“ถ้าแกเลือกผู้หญิงชั้นต่ำคนนี้ ก็ไม่ต้องมาเรียกฉันว่าพ่อ”
พ่อตวาดเสียงดังลั่น แม่รีบซ้ำ
“แล้วก็เก็บข้าวของออกไปจากบ้านหลังนี้ด้วย”
แพนเค้กหน้าเจื่อน
“แดดดี้ ม่ามี้ อย่าบังคับหนูเลยนะคะ หนูรักขวัญทิพย์จริงๆ ขอให้เราสองคนได้อยู่ด้วยกันเถอะนะคะ”
พ่อทำหน้าเหยียด “ไม่มีทาง พ่อไม่มีวันยอมรับผู้หญิงที่ไร้สกุล ไม่มีหัวนอนปลายเท้ามาเป็นสะใภ้”
ขาดคำพ่อ แพนเค้กก็จับมือขวัญทิพย์แล้วลุกขึ้นยืน
“ถ้าอย่างนั้นหนูต้องขอโทษพ่อกับแม่ ที่หนูต้องเป็นลูกอกตัญญู”
แพนเค้กลากกระเป๋าออกจากบ้านพร้อมกับขวัญทิพย์ สองคนหันมามองหน้ากัน
“ฉันขอโทษที่ทำให้คุณต้องลำบาก”
แพนเค้กยิ้มหวานกลับไป “ผมอยู่ได้ทุกที่ที่มีคุณ เราจะสร้างครอบครัวด้วยกันนะจ๊ะ”
จากนั้นสองคนก็ตระกองกอดกัน ราวกับตอนจบของละคร
แพนเค้กกับขวัญทิพย์ถอนหายใจออกมาพร้อมกัน
“หลายปีที่เราต้องทนกัดก้อนเกลือกิน”
แพนเค้กพยักหน้ารับ “หลายปีที่เรากินข้าวกับน้ำปลา กว่าจะมีวันนี้”
“สวรรค์คงจะเห็นใจเรา เพราะอีกไม่นานผัวขาก็จะได้กลับไปใช้ชีวิตเศรษฐีอย่างเก่า”
“ไม่เหมือนเก่า เพราะครั้งนี้มีเมียจ๋าอยู่ด้วย”
ทั้งคู่เอาจมูกมาขยี้ๆ กัน พนักงานที่กำลังนวดเท้าเห็นภาพนั้นก็ทำถึงกับแทบอาเจียน
จบตอนที่ 5