ทางเดินแห่งรัก ตอนที่ 9
ดารณีนั่งคุยกับวุธและจ๋าอยู่ในบ้าน
"จ๋าเขามาปรึกษาแม่ ให้แม่ช่วยจัดการเรื่องฤกษ์แต่งงานให้ แม่ก็เลยเอาวันเกิดของลูกสองคนไปให้พระอาจารย์ท่านดูให้แล้ว ท่านก็เลยให้วันมา ตามนี้" ดารณีส่งกระดาษใบเล็กๆให้วุธ "วุธรับไปดู จ๋าเอนตัวมาดูด้วย"
"อีกสองเดือน" วุธบอก
"แม่ว่ามันนานไปหน่อย เลยอยากจะให้ลูกสองคนหมั้นกันซะก่อน" ดารณีว่า
"แต่สมัยนี้ คู่แต่งงานส่วนใหญ่เขาก็หมั้นกับแต่งวันเดียวกันนะคะคุณแม่" จ๋าบอก
"แต่ละคนก็มีเหตุผลไม่เหมือนกัน หมั้นไว้ก่อนก็ดี จ๋าเขาจะได้สบายใจ วุธว่ายังไง" ดารณีถามลูก
"ยังไงก็ได้ครับ ถ้าจ๋าอยากหมั้น ก็หมั้น" วุธบอก
จ๋ายิ้มออกมาด้วยความดีใจที่วุธโอเคและดารณีพยายามช่วย
"อีกเรื่องนึงที่แม่อยากคุยด้วย คือเรื่องบริษัทของวุธ แม่ว่า..วุธน่าจะใส่ชื่อจ๋าเข้าไปเป็นหุ้นส่วนบริษัทด้วย"
ดารณีพูดเหมือนแค่แนะนำแต่น้ำเสียงเป็นเชิงออกคำสั่งอยู่ในนั้น
"จะดีหรือคะคุณแม่" จ๋าถาม
"ยังไงก็ต้องแต่งงานกันอยู่แล้ว สามีภรรยากันจะมีชื่อในธุรกิจร่วมกันก็ไม่แปลก แล้วบริษัทวุธก็จะมีโอกาสหาลูกค้าได้มากขึ้น” ดารณีบอก
“จริงค่ะ คุณพ่อจ๋ามีคอนเนคชั่นกับพวกนักธุรกิจใหญ่ๆเยอะแยะ ให้คุณพ่อช่วยหาลูกค้าให้ก็ได้นะวุธ” จ๋าว่า “เราอยากทำงานกับลูกค้าที่เราเลือกเอง ไม่อยากใช้คอนเนคชั่นคนอื่นหางาน"
"แต่ถ้าพ่อจ๋าเขาช่วยวุธก็จะไม่เหนื่อย”
"ผมไม่เคยกลัวเหนื่อย ผมแค่อยากจะยืนบนขาของตัวเอง" วุธบอก
จ๋าเห็นบรรยากาศระหว่างวุธกับดารณีเริ่มไม่ค่อยดีจึงพยายามแก้ไขสถานการณ์โดยช่วยให้วุธเย็นลง
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะคุณแม่ ไม่ต้องเอาชื่อจ๋าไปใส่หรอก จ๋าเองก็ไม่รู้เรื่องงานของวุธ ไม่รู้เรื่องธุรกิจ คงช่วยอะไรวุธไม่ได้อยู่ดี”
“เอาเป็นว่าอย่าเพิ่งรีบตัดสินใจ วุธลองเก็บไปคิดดูดีๆก่อนก็แล้วกัน” ดารณีบอก
เจนกับอาร์ทนั่งกินหมูกระทะด้วยกันในร้านเดิมที่เคยมา
"มื้อนี้ฉันเลี้ยงขอบใจที่นายช่วยฉันเรื่องคุณอรสา” เจนบอก
“แล้วพี่ปุ๊กกี้เขาว่าไงบ้าง” อาร์ทถาม
“เขาก็ปลื้มน่ะสิ ชมฉันใหญ่เลย ไม่ใช่แค่พี่ปุ๊กกี้นะ พี่จ๊อดด้วย”
“คุณจ๊อดทำไม”
“เขาก็ปลื้มในผลงานฉันน่ะสิ นี่ยังบอกว่าจะพาฉันไปเลี้ยงข้าวด้วย”
อาร์ทหน้าเสียไปเล็กน้อยแต่เจนไม่สังเกต เธอใช้ตะเกียบคีบหมูย่างจากเตาไปใส่จานของอาร์ท
“อ้ะ กินซะ ชิ้นนี้ฉันย่างไว้ให้”
อาร์ทมองเจนอย่างไม่อยากจะเชื่อ
“ยังจะมาทำหน้างงอีก คนเขาปิ้งให้แล้วก็กินเข้าไปเยอะๆสิ”
อาร์ทกินหมูย่างยิ้มๆ
เจนยืนรอเรียกแท็กซี่ อาร์ทยืนส่งเจน สักพักแท็กซี่คันหนึ่งก็แล่นมาจอดเทียบ
"แล้วนี่นายจะกลับยังไง" เจนถาม
"ก็แท็กซี่" อาร์ทบอก
"ฉันว่านะ นายไปกับฉันดีกว่า เดี๋ยวให้แท็กซี่แวะไปส่งนายก่อน นายจะได้ไม่ต้องเสียค่ารถ"
"ไม่เป็นไร ผมกลับเองได้"
"ไปด้วยกันนั่นแหละน่า นายเก็บเงินไว้ทำอย่างอื่นเถอะ เดี๋ยวฉันไปส่ง"
อาร์ทรีรอเพราะไม่อยากขึ้นรถ แต่เจนเร่งเร้า
"มาเร็ว รถเขารออยู่"
อาร์ทจำยอมขึ้นรถไปด้วยในที่สุด เจนบอกคนขับ
“ไป..... ค่ะพี่ แต่เดี๋ยวแวะส่งเพื่อนหนูก่อน”
รถแท็กซี่แล่นมาตามถนน เจนกับอาร์ทนั่งอยู่เบาะหลัง คนขับหันมาถาม
"จะให้แวะส่งที่ไหนครับ"
"เอ่อ...ซอยข้างหน้านี่แหละ แต่เดี๋ยวพี่จอดแถวนี้เลยดีกว่า ริมถนนตรงนี้เลย" อาร์ทบอก
แท็กซี่หักเข้าจอดริมถนนตามที่อาร์ทบอก
"อ้าว แล้วบ้านนายอยู่ไหน" จนสงสัย
"อยู่ในซอยนี้แหละ"
"งั้นก็เข้าไปส่งในบ้านเลยสิ"
"ไม่ต้อง ทางมันไม่ค่อยดี ขอบใจที่มาส่ง"
อาร์ทเปิดประตูลงจากรถ แท็กซี่เคลื่อนออกจากบริเวณนั้น
"อะไรของเค๊า" เจนบ่นกับตัวเอง "ไม่อยากให้ไปส่งถึงบ้าน... โธ่เอ๊ย กลัวจะเห็นสภาพบ้านล่ะสิ นายซอมบี้นี่ก็น่าสงสารเหมือนกันนะ”
เจนเห็นใจอาร์ทสุดๆ
อาร์ทเดินมาถึงประตูรั้วหน้าบ้านหลังหนึ่ง ประตูรีโมทเปิดออกช้าๆ อาร์ทก้าวเข้าในบริเวณบ้านหลังใหญ่โตอลังการหรูหรา
วุธกับจ๋านั่งคุยกันอยู่ในบ้าน จ๋าดูนิตยสาร weddingไปพลางๆ ส่วนวุธอ่านเอกสารงาน สักพักจ๋าก็ชวนคุย
“เออนี่วุธ เมื่อคราวก่อนที่เราคุยเรื่องการ์ดแต่งงานกันน่ะ ยังไม่ได้ข้อสรุปเลยนะ"
“ก็จ๋าเลือกแบบไปแล้วไม่ใช่เหรอ" วุธว่า
“ยังจ้ะ จ๋ารอให้วุธเลือกอยู่"
“แต่อันที่วุธเลือกให้จ๋าก็ไม่ชอบนี่"
“งั้นเรามาช่วยกันดูอีกทีดีไหม แบบการ์ดที่จ๋าเอามาคราวก่อน วุธยังเก็บไว้หรือเปล่า"
“น่าจะอยู่แถวโต๊ะทำงานนะ"
จ๋าลุกขึ้นเดินไปทางห้องทำงานของวุธ
จ๋าค้นหาการ์ดที่โต๊ะทำงานของวุธ เธอเปิดดูในแฟ้มเอกสาร ยกกองหนังสือขึ้นดูแล้วก็ไม่เจอจึงเปิดลิ้นชักโต๊ะทำงานออกมา ขณะที่กำลังมองหาการ์ด จ๋าก็เจอภาพถ่ายโพลารอยด์ที่วุธได้มาจากฟาร์มออร์แกนิค จ๋ามองภาพคู่วุธกับซันอย่างไม่สบายใจ
ซันนั่งทำงานอยู่เงียบๆ ที่โต๊ะ สักพักเสียงโทรศัพท์มือถือก็ดังขึ้น ซันมองหน้าจอเห็นเป็นชื่อจ๋า ซันทำเฉยไม่รับ พอเสียงสายแรกเงียบไป เสียงข้อความก็ดังขึ้น ซันเห็นเป็นข้อความจากวุธก็กดอ่าน
"ยุ่งอยู่หรือเปล่า"
ซันบ่น "โอย สองคนนี้นี่ ทำไมถึงได้ยุ่งกับฉันนัก"
ซันนึกถึงคำพูดของอ้อมที่พูดกับเธอเมื่อวันก่อน
"ใช่ แกต้องเลิกไปเจอเขาทั้งสองคน ทั้งวุธและจ๋า" อ้อมบอก
"ตลอดไปเหรอ" ซันถาม
"จนกว่าเขาจะแต่งงานกันไปแล้ว"
"แต่ฉันเป็นเพื่อนเจ้าสาวนะ"
"เรื่องนั้นน่ะ แกก็ควรจะยกเลิกไปด้วยซะเลย"
ซันตัดสินใจไม่กดส่งข้อความตอบ เธอกดปิดเสียงโทรศัพท์ แล้วก้มหน้าก้มตาทำงานต่อ
โทรศัพท์ของซันสั่นขึ้นชื่อของจ๋าโชว์อยู่ที่หน้าจอแต่ซันไม่สนใจ
ศศิมาที่บริษัทของโจ ก่อนจะถึงห้องทำงานของโจเธอก็เห็นโจยืนคุยกับเด็กสาววัยยี่สิบต้นๆ หน้าตาสวยคล้ายกำลังสั่งงาน ศศิมองอย่างระแวง เธอเดินเข้ามาใกล้ โจหันมาเห็น
"มาแล้วเหรอศิ"
"จ้ะ เสร็จงานหรือยัง ไปช้าเดี๋ยวลูกรอนานนะ" ศศิบอก
"เดี๋ยวรอโจเก็บของแป๊บนึง"
โจเดินแยกเข้าห้อง เด็กสาวเดินผ่านศศิไปอย่างสุภาพ ศศิหยุดมองเด็กสาวอยู่หน้าห้องโจ ปรางค์เห็นก็ทักขึ้น
"มารับคุณโจหรือคะคุณศศิ"
"ค่ะ นัดกันไว้ วันนี้มีกิจกรรมที่โรงเรียน จะไปดูข้าวหอมแสดงบนเวที" ศศิบอก
ปรางค์ชม "เป็นครอบครัวที่น่ารักจังเลย"
"คุณปรางค์คะ แล้วนั่น" ศศิพยักเพยิดไปทางเด็กฝึกงานคนนั้น "พนักงานใหม่หรือ ศิไม่เคยเห็นเลย"
"ค่ะ เพิ่งเข้ามาฝึกงาน"
"เด็กฝึกงานนี่ต้องหน้าตาดีขนาดนี้เลยเหรอ"
“ปรางค์รู้นะคะว่าคุณศิไม่สบายใจ แต่น้องฝ้ายเขาเป็นลูกสาวของลูกค้ารายใหญ่ของเราน่ะค่ะ คุณพ่อเขาฝากมาให้ฝึกงาน จะปฏิเสธก็คงไม่ได้"
ศศิครุ่นคิดว่าควรจะไว้ใจดีไหม
ศรัณย์นั่งคุยอยู่กับอ้อมและเปิดipad ให้อ้อมดูก่อนจะแนะนำ
“ผมอ่านต้นฉบับที่อ้อมเขียนมาแล้วนะ”
“เป็นไงบ้างคะ” อ้อมถาม
“สนุกดีครับ ผมอ่านแล้วก็ลุ้นตามไปด้วยว่าเมื่อไหร่คุณจะสมหวังซะที เออ คุณอ้อมเคยลองไปขอลูกจากสิ่งศักดิ์สิทธิ์มั่งไหม”
“ก็มีแม่วินน่ะค่ะ ไปขอลูกจากเทพเจ้าให้หลายครั้ง แต่อ้อมไม่เคยขอเอง”
“มีวัดที่ผมรู้จักอยู่วัดนึง เขาว่ากันว่าพระทันใจที่นั่นศักดิ์สิทธิ์มาก ใครๆมักจะไปขอพรกันโดยเฉพาะเรื่องลูก”
“แล้วสมหวังกันไหมคะ”
“ผมก็ไม่รู้นะ แต่ถ้าคุณอ้อมอยากลองดู ผมจะพาไป”
“เอาล่ะ ลองพึ่งสิ่งศักดิ์สิทธิ์ดูสักครั้งก็ไม่เสียหาย งั้นคุณศรัณย์ว่างเมื่อไหร่ เราไปด้วยกัน” อ้อมบอก
ซันนั่งทำงานอยู่ในห้อง เสียงเคาะประตูดังขึ้นก่อนที่พิสมัยจะเปิดประตูเข้ามา
"คุณซันคะ มีแขกมาขอพบค่ะ"
"ใคร"
จ๋าโผล่มายืนหลังพิสมัยพร้อมกับยิ้มให้ซัน
"จ๋าเอง"
จ๋าคุยกับซันอยู่ในห้องทำงาน
"จ๋าโทรหาซันตั้งหลายครั้งแต่ซันไม่รับสาย จ๋าเดาว่าซันคงจะงานยุ่งอยู่ ก็เลยลองแวะมา ไม่งั้นคงไม่มีโอกาสได้คุยกันสักที"
"พอดีเรายุ่งอยู่น่ะ" ซันแก้ตัว
"จ๋าก็ว่างั้นแหละ"
"แล้วนี่จ๋ามีอะไรด่วนหรือเปล่า"
"จ๋าจะมาบอกว่า จ๋าได้ฤกษ์แต่งงานมาแล้ว"
ซันชะงักไปเล็กน้อยแล้วก็ฝืนฉีกยิ้ม "อะ..อ๋อ เหรอ เมื่อไหร่ล่ะ"
"อีกสองเดือนจ้ะ จริงๆก็เตรียมการมาตั้งนานแล้วนะ แต่พอจะถึงเวลาจริงแล้วก็ยังรู้สึกตื่นเต้นอยู่เลย ตอนนี้จ๋าก็ติดต่อเรื่องสถานที่จัดงานไว้เรียบร้อยแล้ว"
"ดีแล้วนี่"
"แต่ที่จ๋ามาหาเพราะอยากให้ซันช่วย จ๋ากำลังจะทำการ์ดแต่งงงาน แต่ตัดสินใจเลือกแบบไม่ได้สักที อย่าเพิ่งว่าจ๋ายุ่งเลยนะ"
"ทำไมไม่ให้วุธเลือกล่ะ" ซันถาม
"วุธเขากำลังยุ่งกับงานที่บริษัท พอถามทีไรเขาก็บอกอันไหนก็ได้ ถ้าจ๋าเซ้าซี้มากก็พาลจะทะเลาะกันทุกที จ๋าก็เลยต้องมาพึ่งซันอีกแล้ว ซันพอจะรู้จักคนออกแบบการ์ดเก่งๆไหม"
"อืม... พวกบริษัทออกแบบกราฟฟิคที่เราทำงานด้วยก็มีอยู่หลายคนนะแล้วจะถามให้"
"ขอบใจมากเลยจ้ะ งั้นจ๋าขอฝากซันเป็นธุระเรื่องการ์ดให้ด้วยนะ"
ซันปฏิเสธไม่ออก
ครอบครัวของโจนั่งอยู่ด้วยกันในห้องนั่งเล่น เด็กๆ ทำการบ้าน ศศิช่วยลูกดู จู่ๆ โจก็ชวนคุยขึ้นมา
"เออศิ เมื่อวานโจเพิ่งประชุมกับน้องๆที่ออฟฟิศมา เรื่องที่จะพาพนักงานในออฟฟิศไปทัวร์ต่างประเทศปีนี้ พวกเราว่าจะไปเกาหลีกัน ศิจะไปด้วยหรือเปล่า"
ศศิตื่นเต้นขึ้นมาทันที "ก็ต้องไปสิ"
"เดี๋ยวให้ปรางค์จองตั๋วของศิกับลูกๆไว้เลย"
"โจนี่น่ารักที่สุด" แต่แล้วศศิก็ชะงัก "ว่าแต่ ไปเมื่อไหร่"
"อาทิตย์หน้า" โจบอก
"อาทิตย์หน้า!”
"อาทิตย์หน้าผมมีสอบมิดเทอมนะครับคุณแม่" ต้นกล้าบอก
"ข้าวก็มีแสดงบัลเล่ต์ คุณแม่จะไม่อยู่กับพวกเราได้ยังไงคะ" ข้าวหอมพูด
ศศิหน้าจ๋อย "งั้นคงไปไม่ได้แล้วล่ะโจ"
"อืม..งั้นคราวนี้โจไปกับน้องที่ออฟฟิศก่อน ส่นครอวครัวเราเอาไว้ไปเที่ยวพร้อมกันตอนปิดเทอมดีไหม"
"ใช่ แบบนั้นดีกว่า ดีเหมือนกันนะลูกนะ"
เด็กๆพยักหน้า
ศศินั่งไม่ติด เธอเดินไปเดินมาเพราะคิดหนักอยู่ในห้องนอน พอโจเข้ามาในห้องนอน ศศิก็ถามทันที
"โจ เอาท์ติ้งบริษัทนี่ น้องฝึกงานคนที่ชื่อนุ่นไปด้วยหรือเปล่า"
"ไปสิจ๊ะ ก็ไปกันทั้งบริษัทนั่นแหละ" โจตอบ
"งั้นศิไม่ให้ไป"
"ได้ยังไงกันล่ะสิ โจบอกพนักงานทุกคนไปแล้ว นี่บริษัทก็เตรียมปิดแล้ว ขืนโจยกเลิกทริปนี้ พวกน้องๆมันจะหาว่าบริาัทเราเคี่ยว พูดไม่เป็นคำพูด"
"งั้นไปก็ได้ แต่ไม่ให้ไปต่างประเทศ ศิไม่อยากให้โจไปไกลหูไกลตาโดยที่ไม่มีศิไปด้วย"
"คิดมากอีกแล้ว"
"ก็ต้องป้องกันไว้ก่อน ถึงศิจะให้อภัยเรื่องผ่านมา แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าศิจะลืมนะ"
"เอาล่ะ ก็ได้ ถ้าไม่ให้ไปเกาหลี แล้วจะไปที่ไหน"
"ที่ไหนก็ได้ แต่ต้องเป็นที่ที่ไม่ไกลเกินไป แล้วก็ต้องเดินทางไปได้สะดวก”
"นี่ศิเป็นห่วงโจเดินทางลำบากเหรอจ๊ะ”
“เปล่า เป็นห่วงตัวเอง กลัวว่าถ้าไปไกลๆแล้วโจก่อเรื่องอะไรขึ้นมาอีก ศิจะตามไปจัดการไม่ทัน"
โจถอนหายใจอย่างจำยอม
อ้อมกำลังทาครีมบนใบหน้าเตรียมตัวจะนอน วินเดินไปเดินมาอย่างไม่สบายใจ
“อ้อมจะไปต่างจังหวัดกับคุณศรัณย์สองต่อสองไม่ได้” วินบอก
“งั้นวินก็ไปด้วยกันสิ” อ้อมเสนอ
“วินทิ้งงานไปไม่ได้ วันเสาร์มีเคสผ่าตัดด้วย”
“เห็นไหมล่ะ วินก็ไปไม่ได้อยู่ดี อ้อมถึงต้องให้คุณศรัณย์เขาพาไปไงล่ะจ๊ะ”
“แล้วพวกแก๊งค์สาวๆล่ะ”
อ้อมทาครีมเสร็จก็มาที่เตียงเพื่อเตรียมจะนอน
“ไม่มีใครว่างหรอกจ้ะวิน พี่ศิต้องพาลูกไปเรียนพิเศษ ช่วงนี้ยัยซันก็ยุ่งเรื่องงานอยู่ ส่วนยัยเจนก็ขับรถไม่เป็น”
“งั้นหาคนอื่นไปเป็นเพื่อนสิ”
“ทำไมต้องหาด้วยล่ะ ในเมื่อคุณศรัณย์เขาก็อาสาอยู่แล้ว อย่างอแงสิจ๊ะวิน นี่อ้อมทำเพื่อครอบครัวเรานะ ไปขอพรหลวงพ่อให้บันดาลลูกน่ารักๆให้เราสองคนไง ไม่แน่นะไปไหว้พระปุ๊บ เดือนหน้าอ้อมอาจจะท้องปั๊บเลยก็ได้ มานอนได้แล้วล่ะ”
วินไม่อยากเถียงจึงเดินมาล้มตัวลงนอนที่เตียง แต่เขาก็พลิกไปพลิกมาโดยในใจครุ่นคิดว่าต้องทำอะไรสักอย่าง
เช้าวันใหม่ อ้อมขนถุงขยะออกจากห้องไปเตรียมเอาไปทิ้ง วินแอบยื่นหน้ามามอง พอเห็นอ้อมออกไปแล้วก็รีบกดโทรศัพท์ เขารอสักพักจนอีกฝ่ายรับสาย
“ฮัลโหล วศิน”
วศินอยู่ที่บ้านเตรียมจะออกไปทำงาน เขาคุยโทรศัพท์กับวิน
“อ้าว พี่วิน มีอะไร โทรมาแต่เช้าเลย”
“พี่มีเรื่องให้ช่วยหน่อย”
“ว่ามาเลยครับพี่”
“วันเสาร์นี้นายว่างหรือเปล่า พี่อยากให้นายไปต่างจังหวัดเป็นเพื่อนอ้อมเขาหน่อย”
“พี่อ้อมเขาจะไปไหน”
“ไปวัดอะไรสักอย่าง แต่พี่ด้วยไม่ได้ มีผ่าตัดช่วงบ่าย”
“อืม ผมจะว่างหรือเปล่าก็ไม่รู้สิ”
“ช่วยหน่อยเถอะ บอกตรงๆพี่ไม่ไว้ใจคุณศรัณย์”
วศินหูผึ่ง “คุณศรัณย์”
“คุณศรัณย์เนี่ย เขาเป็นบก.เก่าที่อ้อมเคยทำงานด้วย เขา....”
วศินตอบทันที “ตกลง”
“นี่ยังฟังไม่จบเลยนะ” วินว่า
“ผมว่างพอดีพี่วิน ผมไปเอง”
วินกดวางสายแบบงงๆ
“นี่มันยอมง่ายไปหรือเปล่า”
เจนที่เพิ่งมาทำงานยืนรอลิฟท์อยู่ตามลำพัง เธอจะขึ้นไปชั้นซึ่งเป็นออฟฟิศ อาร์ทเดินมาแต่ไกล พอเห็นเจนเขาก็ทำท่าจะเข้ามาหา แต่แล้วอาร์ทก็เห็นจ๊อดโผล่มายืนข้างเจน จ๊อดสะกิดไหล่เจน
เจนหันมาเห็น "อ้าว พี่จ๊อด”
"จำได้หรือเปล่า ที่พี่บอกว่าจะพาไปเลี้ยงข้าว"
"อ๋อ ค่ะๆ"
"วันเสาร์นี้นะ ว่างไหม"
เจนตาโตเพราะรู้สึกเหมือนโชคหล่นทับ ส่วนอาร์ทแอบมองอยู่ไกลๆ ด้วยสีหน้าผิดหวัง
แพทกับสุธีร์มาคุยกับโจในห้องทำงาน
"บริษัทพี่โจจะไปเอาท์ติ้งกันที่ปากช่อง" แพทพูดทวน
"จ้ะ พาทุกคนไปเที่ยวประจำปีน่ะ เสียดายปีนี้ศิเขาไปไม่ได้ ก็เลยไปได้แค่ปากช่อง เขาใหญ่แค่นี้เอง" โจบอก
"อากาศคงกำลังดีนะคะช่วงนี้ ที่จริงแพทก็กำลังจะพาน้องๆในทีมไปพักร้อนที่ต่างจังหวัดเหมือนกัน ใช่ไหมธีร์" แพทหันมาถาม
สุธีร์รีบรับมุข "ใช่ค่ะใช่ เรื่องไปเอาท์ติ้งนี่เราคุยกันไว้นานแล้วนี่เนอะ"
"น่าไปจอยกับพี่โจจังเลยนะคะ จะได้ไม่ต้องเสียเวลาคิดเรื่องสถานที่" แพทว่า
"จริงด้วย น่าจะจัดทริปไปด้วยกันซะทีเดียวเลย ไปด้วยกันสองทีมเลย คนเยอะๆ สนุกออก ยังไงช่วงนี้ก็ต้องทำงานด้วยกันอยู่แล้ว"
"ใช่ค่ะ พี่โจว่าไงคะ"
“พี่ก็ไม่มีปัญหาอะไรนะ ไปด้วยกันก็ดี”
แพทกับสุธีร์มองหน้ากันเพราะเป็นแผนที่รู้กันแค่สองคน
อ่านต่อหน้าที่ 2
ทางเดินแห่งรัก ตอนที่ 9 (ต่อ)
รถของศรัณย์แล่นเข้ามาจอดที่ด้านหน้าอาคารคอนโด ซึ่งมีวิน อ้อม และวศินยืนคอยอยู่แล้ว พอศรัณย์จอดรถ อ้อมก็เดินเข้าไปหา วินดึงแขนวศินไว้แล้วพูดกับน้อง
“อย่าลืมนะวศิน ดูแลเมียพี่ให้ดี อย่าให้นายศรัณย์นั่นเข้าใกล้อ้อมเป็นอันขาด”
“รู้แล้วน่า ปล่อยให้เป็นหน้าที่ผมเถอะพี่วิน”
วศินเดินไปขึ้นรถ ทั้งคู่โบกมือให้วิน
“ไปแล้วนะจ๊ะวิน” อ้อมโบกมือ
วินมองตามรถของศรัณย์ที่แล่นห่างออกไป
ศศิกับแพทเลือกซื้อเสื้อผ้าอยู่ด้วยกัน
"แผนกของแพทจะไปเที่ยวต่างจังหวัดกันพร้อมกับบริษัทของพี่โจนะคะ ไม่รู้ว่าพี่โจบอกพี่ศิหรือยัง"
"บอกแล้วค่ะ ก็ดีแล้วล่ะถ้าแพทไปด้วยพี่ก็เบาใจ" ศศิบอก
"เอ..ที่ว่าเบาใจ นี่หมายความว่าตอนนี้มีเรื่องหนักใจอยู่หรือคะ มีอะไรหรือเปล่า"
"ก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรหรอกค่ะ พี่แค่ไม่ค่อยไว้ใจเรื่องเด็กฝึกงานคนใหม่ในออฟฟิศ ถ้ามีแพทไปด้วย โจจะได้เกรงใจไม่กล้านอกลู่นอกทาง เพราะอย่างน้อยแพทก็คุ้นเคยกับพี่"
"อ๋อ เข้าใจแล้ว งั้นแพทจะช่วยเป็นหูเป็นตาให้พี่ศินะคะ" แพทบอก
"งั้นฝากดูแลโจด้วยนะ"
"แน่นอนค่ะ อะไรที่พี่ศิขอมา แพทจะช่วยเต็มที่"
แพทยิ้มให้ด้วยท่าทางจริงใจ
อ้อมก้มกราบพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์สามครั้งจนรู้สึกสบายใจ
“รู้สึกดีจังเลย อ้อมว่ากลับไปคราวนี้อ้อมต้องท้องแน่ๆเลย”
อ้อมหันไปมองด้านข้างก็ศรัณย์กับวศินก้มลงกราบพระ แล้วหันมายิ้มให้กันด้วยท่าทางเขินๆ อ้อมเห็นหญิงท้องคนหนึ่งกำลังกราบพระอยู่ข้างๆเธอพร้อมไข่ต้มมากมาย ศรัณย์เอี้ยวตัวมากระซิบบอกอ้อม
“นี่ไง สงสัยมาขอลูกแล้วสมใจ เลยมาแก้บน”
อ้อมมีความหวังขึ้นมารำไร
อ้อม วศิน และศรัณย์ปล่อยนกออกจากกรง นกตัวเล็กๆบินขึ้นฟ้า อ้อมมองอย่างอิ่มเอมใจ พอหันไปมองคนข้างๆ ศรัณย์ก็กำลังจะปล่อยนกแต่ฝากรงติดขัดทำให้เปิดไม่ออก วศินมาช่วยขยับเปิดประตูกรงนกจนนกบินปร๋อออกจากกรง อ้อมมองทั้งคู่ยิ้มๆ
ศรัณย์กับวศินคุยกันอยู่ที่มุมหนึ่ง
“คุณวศินก็ชอบเข้าวัดปฏิบัติธรรมเหมือนกันเหรอครับ”
“ใช่ แต่หม่าม๊าผมน่ะชอบไหว้เจ้า เลยเถียงกันประจำ”
“ผมเคยสนทนากับพระอาจารย์รูปนึง ท่านบอกว่า คนเราเกิดมาเลือกสภาวะทางเพศไม่ได้ แต่เลือกทางที่จะเดินได้ ในทางพุทธนั้นถือว่าจิตแท้ไม่มีเพศ ไม่มีผู้หญิง ไม่มีผู้ชาย จิตทุกดวงมีโอกาสที่จะเข้าถึงธรรมได้เท่ากัน ตั้งแต่ได้ฟังพระอาจารย์ผมก็ประทับใจมาตลอด ทุกวันนี้ถ้ามีเวลาผมก็จะหาโอกาสไปนั่งวิปัสสนาบ่อยๆ”
“งั้นถ้าเมื่อไหร่ไปอีกก็ชวนผมบ้างสิ”
“ได้ครับ จะได้เป็นเพื่อนกัน”
อ้อมเข้ามาหาศรัณย์กับวศิน
“แหม คุยกันสนุกเลยนะ กลับกันดีกว่าไหม นี่วินส่งไลน์มาตามหลายรอบละ” อ้อมบอก
ทั้งสองหนุ่มพยักหน้า อ้อมเริ่มเข้าใจแล้วว่าความสัมพันธ์ระหว่างสองคนนี้กำลังงอกงาม
เจนนั่งบิดกระมิดกระเมี้ยนด้วยความเขินปนดีใจที่ได้มาดินเนอร์กับจ๊อดสองต่อสอง
"เจน เป็นอะไรไปหรือเปล่า อาหารไม่อร่อยเหรอ" จ๊อดถาม
"อร่อยค่ะ อร่อยมากเลย แต่มันตื่นเต้นน่ะค่ะ เลยกินไม่ค่อยลง" เจนบอก
"ตื่นเต้นอะไร"
"ตื่นเต้นที่ฝันของเจนเป็นจริงน่ะสิคะ"
"ฝันอะไรจ๊ะ"
"ก็ฝันที่จะได้มากินกับข้าวกับพี่....เอ๊ย คือ ฝันที่ได้มากินร้านนี้น่ะค่ะ"
"งั้นคงต้องเตรียมตัวไว้ให้ดีแล้วล่ะ เพราะพี่คงพาเจนมากินข้าวด้วยแบบนี้บ่อยขึ้น" จ๊อดบอก
อาร์ทยืนรอรถไฟฟ้าอยู่ตามลำพังพร้อมกับเล่นโทรศัพท์ไปด้วย อาร์ทกดโทรศัพท์เข้าไปดูหน้าIGของเจน ก็เห็นภาพถ่ายเจนselfieตัวเองกับบรรยากาศในร้านอาหารหรู
อาร์ทอ่าน "ดินเนอร์สุดหรูกับพี่จ๊อด"
อาร์ทมองภาพถ่ายนั้นอย่างเซ็งๆ
รถของจ๊อดแล่นเข้ามาจอดหน้าอาคารคอนโด เจนลงจากรถ จ๊อดตามมาส่งที่หน้าประตู
"หลับฝันดีนะเจน" จ๊อดอวยพร
"พี่จ๊อดก็ขับรถกลับดีๆนะคะ"
จ๊อดขับรถออกไปแล้วแต่เจนยังยืนหลับหูหลับตากรี๊ดอยู่คนเดียว พอหันกับเข้าคอนโดก็เจอจูดี้ยืนอยู่พอดี
“ใครมาส่งคะน้องเจน” จูดี้ถาม
"พี่จ๊อดค่ะ” เจนตอบ
"ที่บอกว่าหล่อ รวย เป็นลูกเจ้าของบริษัท"
"นั่นแหละ คนนี้เจนเอาจริงนะพี่จูดี้"
"แล้วน้องอาร์ทมาดกวนของพี่จูดี้ล่ะคะ"
"ตานั่นมาเกี่ยวอะไรด้วยล่ะพี่จูดี้”
“อ้าว พี่นึกว่าเขาตามจีบน้องเจนอยู่ซะอีก”
“เขาไม่ใช่สเป็คเจนหรอกค่ะ แล้วเจนก็ไม่ใช่สเป็คเขาด้วย"
จูดี้ยังไม่อยากจะเชื่อ แล้วทั้งคู่ก็พากันกลับเข้าคอนโดมีเนียม
กลางดึก อ้อมกำลังดูทีวีอยู่ วินมานั่งลงข้างๆ เพราะอยากรู้เรื่องที่ไปกับศรัณย์มาวันนี้
"วันนี้ไปวัดมาเป็นไงบ้างจ๊ะอ้อม" วินถาม
"ก็ดีจ้ะ แฮปปี้ดี" อ้อมตอบ
วินถามต่อ "ใครแฮปปี้"
"ก็ทุกคนนะ”
"แล้วคุณศรัณย์ล่ะ มีท่าทีแปลกๆหรือเปล่า"
"ท่าทีแปลกๆเยังไงจ๊ะวิน" อ้อมนึก “เออ ที่จริงเขาก็มีท่าทีบางอย่างนะ แต่สมัยนี้ก็ถือว่าไม่แปลกเท่าไหร่แล้ว"
วินยิ่งสงสัยเพราะนึกว่าอ้อมพูดถึงท่าทีระหว่างศรัณย์กับอ้อม
“หมายความว่าไงที่ว่าสมัยนี้ไม่แปลก” วินสงสัย
เสียงโทรศัพท์อ้อมดังขัดจังหวะพอดี
"ใครโทรมา"
"คุณศรัณย์" อ้อมตอบ
"โทรมาทำไม"
"สงสัยมีเรื่องปรึกษามั้ง เห็นส่งข้อความมาบอกตั้งแต่ตอนเย็นแล้ว"
"แต่นี่มันดึกแล้วนะ"
"ถึงจะดึกแค่ไหน แต่ถ้าเพื่อนมีปัญหาก็ต้องช่วยนะจ๊ะวิน” อ้อมกดรับสาย “ฮัลโหล คุณศรัณย์เป็นไงบ้าง"
วินบ่นกับตัวเองด้วยความหงุดหงิด “แต่นี่มันไม่ใช่แค่เพื่อนน่ะสิ"
วินทนไม่ได้อีกต่อไปจึงเข้าไปดึงโทรศัพท์ออกจากมืออ้อมทันทีโดยอ้อมไม่ทันตั้งตัว อ้อมตกใจว่าวินจะทำอะไร วินเอาโทรศัพท์มาแนบหูแล้วดัดเสียงเป็นเสียงผู้หญิงตอบรับอัตโนมัติจากโทรศัพท์
"ตู๊ดๆๆ ขอโทษค่ะ ไม่มีสัญญาณตอบรับจากเลขหมายที่ท่านเรียก กรุณาติดต่อใหม่อีกครั้งค่ะ"
วินพูดจบแล้วกดวางสายทันที อ้อมตาค้าง
"วิน ทำอะไรน่ะ"
“นี่มันเวลาทำลูก ไม่ใช่เวลาทำงาน ไป! นอนได้แล้ว แล้วก็ปิดโทรศัพท์เลยนะอ้อม" วินบ่นศรัณย์ “คนอะไรไม่รู้จักเกรงใจกันบ้าง"
วินจูงมืออ้อมเข้าห้องนอน อ้อมส่ายหัวเพราะไม่รู้จะอธิบายยังไง
แพท สุธีร์ และลูกน้องในแผนกมาถึงล๊อบบี้ของโรงแรมแถวปากช่องพร้อมกับโจและทีมของบริษัท
"เดี๋ยวพวกเราสองบริษัท พอได้ห้องแล้วก็แยกย้ายพักผ่อนตามอัธยาศัยนะคะ แล้วพอหกโมงมารับประทานอาหารเย็นพร้อมกัน" ปรางค์พูด
ทุกคนรับกุญแจจากปรางค์แล้วเตรียมจะแยกย้ายกัน แพทคุยกับโจ
"อยู่ชั้นไหนคะพี่โจ" แพทถาม
โจโชว์เลขกุญแจให้ดู
"ชั้นเดียวกันเลยค่ะ" แพทบอก
"ให้พี่ช่วยถืออะไรไหม" โจถาม
"ไม่ต้องหรอกค่ะ เดี๋ยวพอเก็บของเรียบร้อยแล้ว แพทว่าจะไปปั่นจักรยานแถวๆนี้ ไปด้วยกันไหมคะ"
"ก็ดีเหมือนกัน”
แพทกับสุธีร์เดินไปทางลิฟท์พร้อมกับโจ ทั้งคู่มองหน้ากันด้วยความคิดว่ามีต้องเรื่องแซ่บๆ เกิดขึ้นแน่
เจนนั่งเล่นโทรศัพท์อยู่ตามลำพังในร้าน จิตสมรเข้ามาในร้านแล้วก็เห็นเจน
"น้องเจน..... เมื่อวานพี่จิตหมอนเห็นน้า ใครมาส่งเอ่ย ขับรถหรู๊หรูนะ"
"เจ้านายน่ะค่ะ" เจนบอก
“อู๊ย ท่าทางงานจะดีนะคะเนี่ย เจ้านายขับรถมาส่งถึงที่เลย วันนี้พี่จิตหมอนมีสูตรลับมานำเสนอ ทำให้ผู้ชายรักผู้ชายหลง ไม่รู้น้องเจนจะสนใจหรือเปล่า"
"สูตรแบบไหนคะพี่จิตหมอน"
"ถ้าไม่รักกันไม่บอกนะคะเนี่ย"
จิตสมรหยิบกระปุกวิตามิน betterlife ออกมาจากกระเป๋าแล้วโชว์เจน
เจนเซ็ง "ว่าแล้ว...”
"มันเป็นสุดยอดแห่งสารต้านอนุมูลอิสระที่สกัดจากเปลือกสนฝรั่งเศสผสมกับน้ำมันจากตับปลาฉลามน้ำลึกจากแม่น้ำแยงซีเกียง”
"พี่หมอนคะ แม่น้ำแยงซีเกียงมันมีฉลามซะที่ไหนกันเล่า”
จูดี้โวยมาแต่ไกลเพราะได้ยินหมดแล้ว
“โฮ้ย แก่เพราะกินข้าวนะหล่อนเนี่ย แต่อายุสมองไม่โตตามตัว โตป่านนี้ขนาดนี้แล้วยังแยกสัตว์น้ำเค็มกับน้ำจืดไม่ออก จะขายของทั้งทีก็รู้จักหาความรู้รอบตัวบ้างสิยะ”
“จะน้ำอะไรก็ช่างเถอะน่า แต่ที่แน่ๆ อาหารเสริมตัวนี้กินแล้วรับรองว่าผิวพรรณเปล่งปลั่งสดใส สวยขึ้นทันตาภายในหนึ่งเดือน ไม่แพงเลยน้า กระปุกละพันเก้า ถ้าซื้อสองกระปุกพี่ลดให้ถ้วนๆไปเลยค่ะ...สี่พัน! สั่งเลยไหมคะ"
เจนชะงักมอง "พี่จิตสมร... กระปุกละพันเก้า สองกระปุกก็ต้องสามพันแปด แต่พี่หมอนบอกสี่พัน ถึงเจนจะซื่อใส ไร้เดียงสา แต่เจนก็ไม่โง่นะ"
"โอ๊ว หรือคะ สงสัยพี่จะคำนวณผิดน่ะค่ะ โฮะๆๆ” จิตสมรหัวเราะกลบเกลื่อน
จิตสมรหาทางเอาตัวรอด เธอเหลือบไปเห็นหญิงสาวอีกคนนั่งอยู่ในร้านจึงรีบรวบของแล้วผละไปหาเหยื่อรายใหม่ทันที
"คุณฟ้า ไม่เห็นหน้าตั้งนาน หน้าไม่สดใสเลยนะคะช่วงนี้"
"แหม ชิ่งเชียวนะนังนี่” จูดี้ว่า
จูดี้มองหน้าเจนแบบทั้งหน่ายทั้งขำ
โจ แพท สุธีร์ ปรางค์ และพนักงานอื่นปั่นจักรยานเล่นอยู่ในไร่องุ่นภายใต้บรรยากาศสดชื่น ทุกคนสนุกแจ่มใส
สักพัก ฝ้าย เด็กฝึกงานปั่นไปแล้วจักรยานล้ม ทุกคนตกใจ
“ต๊าย น้องฝ้าย เป็นอะไรหรือเปล่าคะ” ปรางค์ตกใจ
โจกับเพื่อนๆในบริษัทรีบลงไปดูก็เห็นฝ้ายมีแผลที่หัวเข่า
“เป็นแผลด้วย ไปทำแผลเถอะค่ะ” ปรางค์บอก
“ทิ้งจักรยานไว้ที่นี่แหละ เดี๋ยวค่อยให้ใครสักคนกลับมาเอา ขึ้นซ้อนท้ายพี่ไปทำแผลก่อนดีกว่า” โจบอก
ระหว่างที่ทุกคนวุ่นวายเพราะเป็นห่วงน้องฝึกงาน แพทกับสุธีร์ก็มองหน้าอย่างรู้กัน สุธีร์ซึ่งสะพายกล้องตัวเล็กมาด้วยตลอดกดถ่ายภาพไว้หลายภาพ ฝ้ายซ้อนท้ายจักรยานโจ โจปั่นออกไป สุธีร์กดถ่ายภาพไว้ได้อีกหลายภาพ
สี่สาวนั่งคุยกัน โดยมีจูดี้ร่วมวงด้วย
"ทำแบบนี้ ระวังจะเข้าตำรา ฝากกระดูกไว้กับหมา ฝากปลาย่างไว้กับแมวนะคะคุณศิ"
"คงไม่มีอะไรหรอกน่า ศิสืบมาแล้ว คุณแพทเขามีแฟนแล้ว"
"ของแบบนี้มันโกหกกันได้นี่ พี่ศิเองก็ยังไม่เคยเจอผู้ชายที่นางอ้างว่าเป็นแฟนเลย" เจนว่า
"แล้วเขาจะโกหกเพื่ออะไร" ศศิถาม
"เพื่อให้พี่ศิไว้ใจไง" เจนบอก
"พี่ก็ไว้ใจเขาอยู่แล้วนะ เขาไม่มีท่าทีอะไรกับโจ ส่วนโจเองก็ดูไม่เห็นจะรู้สึกอะไรพิเศษกับแพทเลย"
"ตอนนี้ยังไม่คิด แต่วันหน้าอะไรจะเกิดขึ้นก็ไม่รู้ คุณโจก็เหมือนไฟส่วนยัยคุณแพทอะไรนั่นก็น้ำมันดีๆนี่เอง ไฟกับน้ำมัน ทิ้งไว้ใกล้กันก็ติดไฟ เคยได้ยินไหมคะ" จูดี้ว่า
"นี่คุณจูดี้อย่าพูดให้ใจเสียสิ ตอนนี้เขาก็ไปปากช่องกันแล้วด้วย” ศศิบอก
“ตามเลยไหม” เจนยุ
“ยุอีกแล้วยัยเด็กคนนี้ ตามไปแล้วมันจะได้อะไรขึ้นมา พี่ศิก็บอกเองว่าเขาสองคนยังไม่มีท่าทีอะไรกัน แล้วแพทน่ะเขาก็มาเจอครอบครัวพี่ศิตั้งหลายครั้ง เขาคงไม่มีเจตนาจะแย่งพี่โจหรอก แพทเขาอาจจะเปรี้ยวดูแรงก็จริง แต่ก็ไม่น่าจะแรงถึงขนาดคิดแย่งสามีคนอื่น” อ้อมบอก
ซันที่นิ่งฟังอยู่นานเริ่มทนไม่ได้
“โอย.. ยัยคุณแม่บ้านคิดบวกไป นี่แกจะโลกสวยไปไหน” ซันหันมาหาศศิ “ปกติพี่ศิก็เป็นคนฉลาดนะ แต่ซันไม่เข้าใจ ทำไมเรื่องแค่นี้ถึงได้ตีโจทย์ยัยแพทไม่แตก ทั้งเรื่องไปเอาท์ติ้งพร้อมกับบริษัทพี่โจพอดี ทั้งอาสาพี่ศิจะดูแลพี่โจให้ ที่เขาทำมาทั้งหมดมันไม่มีอะไรน่าไว้ใจเลย ซันบอกพี่ไปหลายครั้งแล้วนะว่าให้ระวังๆ”
ศศิเริ่มคิดมากและกังวลขึ้นมาอีกรอบ
ระหว่างทางที่แพทเดินกลับห้อง เธอก็กดมือถือส่งข้อความและภาพถ่ายไปให้ศศิ
ศศิวางสายจากโจแล้วก็ได้รับเสียงข้อความจากแพทพอดี ศศิกดดูก็เห็นภาพถ่ายโจนั่งคนเดียวที่หน้าโรงแรมตอนดื่มไวน์ ตามด้วยข้อความ
“แพทส่งพี่โจเข้าห้องไปแล้วนะคะ สบายใจได้”
“คืนนี้ไม่มีนอกลู่นอกทางแน่นอน”
“Good Night ka sis”
ศศิยิ้มด้วยความรู้สึกเชื่อใจแพทเต็มที่
แพทยิ้มกระหยิ่มกับแผนที่ยังไม่จบ
ภาพถ่ายโจนั่งอยู่คนเดียวที่รีสอร์ทปากช่องซึ่งเป็นภาพที่แพทส่งมาให้อยู่ในวงสนทนาของสี่สาวและจูดี้ที่นั่งล้อมวงกันอยู่
"แค่เขาส่งรูปมาให้ดู พี่ศิก็เชื่อเนี่ยนะ" ซันถาม
"รูปมันก็อธิบายทุกอย่างอยู่แล้วนี่ แต่ก็ไม่ใช่แค่รูปนะ โจยังโทรมายืนยันกับพี่เองว่าแพทคอยคุมเขาตลอด" ศศิบอก
“ที่เขาเฝ้าพี่โจให้พี่ศิ ก็ต้องหวังผลบางอย่าง คนอย่างยัยแพทไม่เคยทำอะไรให้ใครโดยไม่หวังผล ยัยนี่มีเล่ห์เหลี่ยมแพรวพราวรอบตัว ถ้าอยากได้อะไรเขาก็ต้องทำทุกวิถีทางที่จะเอาให้ได้” ซันบอก
“เอาอีกแล้วซัน นี่เธอจะไม่พยายามมองแพทในแง่ดีบ้างเลยใช่ไหม ไอ้เรื่องปัญหาสมัยเด็กๆ ก็เก็บไว้เป็นอดีตเถอะ ตอนนี้แพทเขาอาจจะเปลี่ยนไปแล้วก็ได้" ศศิว่า
"ซันไม่เชื่อว่าเขาจะเปลี่ยน ยัยนี่มันก็เหมือนงูพิษ ทำซุ่มเงียบๆเนียนๆ แต่จะแว้งฉกเราเมื่อไหร่ก็ไม่รู้”
ระหว่างที่ศศิกับซันแย้งกันไปมา อ้อมกับเจนก็ได้แต่ฟังคนโน้นทีคนนี้ทีพร้อมทำตาปริบๆ
"พี่ว่าเธออคติเกินไป พี่เคยถามแพทแล้ว เขาบอกว่าเขาไม่มีอะไรกับเธอเลย เขาพร้อมจะปรับความเข้าใจกับเธอทุกเวลา"
"ถ้าเป็นยัยนี่ ต่อให้อมพระมาพูดซันก็ไม่เชื่อ"
“เอางี้ พี่จะนัดแพทให้มากินข้าวกับพวกเรา ทุกคนจะได้สบายใจว่าแพทเขาไม่มีอะไรหมางใจกับซัน ซันเองก็จะได้ทำความเข้าใจกับแพทเขาซะด้วย” ศศิเสนอ
ซันรีบบอก “ไม่มีทาง”
"แต่ฉันว่าพวกเราไปเจอเขาพร้อมกันสักครั้งก็ไม่เสียหายนะแก เจนว่าไง" อ้อมถามความเห็น
"พี่ๆว่าไงเจนก็ว่างั้นอยู่แล้ว พี่ๆลุยเจนก็ลุย พี่ถอยเจนก็ถอย"
"ถ้าพี่ศิอยากจะนัดก็นัด ใครจะไปก็ไป แต่ฉันไม่ไปแน่ๆ” ซันยืนยัน
ซันทำท่างอนแล้วก็ลุกเดินออกจากร้านไปเลย
อ้อมตกใจ “เฮ้ย”
“งอนเบย” เจนว่า
ทุกคนได้แต่มองตาม
“ดู ดูความทิฐิของมัน นี่มันจะรังเกียจรังงอนอะไรเค้านักหนา” ศศิบอก
อ้อมกับเจนมองหน้ากันพลางคิดในใจว่าจะเกิดเรื่องยุ่งไหม
วุธกับซันประชุมกับเจ้าของฟาร์มผักออร์แกนิคและลูกน้องไม่กี่คนในบริษัท
"ผักออแกนิคมีต้นทุนการผลิตสูงมาก เมื่อเทียบกับฟาร์มผักทั่วไปที่ใช้สารเคมี เพราะฉะนั้นราคาที่จะออกวางขายก็ต้องสูงตามไปด้วย กลุ่มเป้าหมายของเราน่าจะเป็นกลุ่มคนชั้นกลางขึ้นไปที่มีฐานะค่อนข้างจะดี" วุธบอก
"ผู้บริโภคสมัยนี้ให้ความสำคัญกับเรื่องของสุขภาพกันมาก ถ้ามีผักปลอดสารพิษออกมาเป็นทางเลือก ก็น่าจะทำการตลาดไม่ยาก เพราะมีลูกค้าบางกลุ่มที่ยอมจ่ายเพื่อสุขภาพที่ดีกว่า" ซันพูด
"ก่อนอื่นเลย ทางเราคงต้องติดต่อห้างสรรพสินค้าระดับพรีเมี่ยม เอาผักไปวางขาย"
"จริงๆแถวสถานีรถไฟฟ้าก็น่าสนใจเหมือนกันนะวุธ ถ้าเราทำบู๊ทเล็กๆขายผักสลัดคู่กับน้ำสลัดออร์แกนิค แบบนี้สาวออฟฟิศชอบแน่ๆ"
"ใช่ ยิ่งถ้ามีบริการส่งตามบ้านด้วย จะเข้าถึงลูกค้าได้มากขึ้น"
"แล้วใช้สื่อโซเชี่ยลเน็ตเวิร์คในการโปรโมท ก็จะประหยัดค่าโฆษณาไปได้เยอะเลย"
"คุณสยามว่าไงครับ"
"ผมก็เห็นด้วยนะ" สยามบอก
“งั้นเดี๋ยวทางผมจะทำคอร์สไปให้ทางคุณสยามดู ว่าถ้าเรามีบริการส่งผักถึงบ้าน ทางฟาร์มมีค่าใช้จ่ายเท่าไหร่ แล้วต้องมีลูกค้าสั่งมากแค่ไหน เราควรคิดราคายังไงถึงจะคุ้มกับต้นทุนที่สุด”
“ดีครับ” สยามบอก
ทุกคนนั่งประชุมกันต่อ
อ่านต่อหน้าที่ 3
ทางเดินแห่งรัก ตอนที่ 9 (ต่อ)
วุธออกมาส่งซันที่หน้าบริษัท
"ขอบใจมากนะซัน" วุธบอก
"จะขอบใจทำไมบ่อยนัก นายเองก็ช่วยฉันมาตั้งหลายครั้งนะวุธ ฉันเคยบอกแล้วไงว่าถ้านายเดือดร้อน หรือมีปัญหาอะไร ฉันจะช่วยนายเต็มที่"
"ช่วยเต็มที่ งั้นหมายความว่า ถ้ามีงานใหม่มา เธอก็จะมาลุยกับเราอีกใช่ไหม"
“เรื่องลุยงานน่ะฉันพร้อมอยู่แล้ว แต่บอกมาก่อนแล้วกันว่างานอะไร จะได้เตรียมตัวแต่เนิ่นๆ ฉันไปก่อนนะ มีอะไรก็ส่งข่าวด้วยล่ะ"
ทั้งคู่โบกมือให้กัน วุธมองตามซันที่กำลังเดินไปขึ้นรถ
สุพงษ์กำลังเล่นเกมคุ๊กกี้รันด้วยท่าทางลุ้นมากในขณะเดินลงบันไดมาจากชั้นบนของบ้าน
“โดดๆ … วิ่งๆๆๆ เอ้า โดดซี่”
สุพงษ์มัวแต่กดเกมส์และลุ้นจนตัวโก่งจนก้าวขาพลาดจากขั้นบันได
“เฮ้ย”
สุพงษ์กลิ้งตกลงมาจากชั้นบนลงไปกองอยู่กับพื้น วิภาวิ่งออกมาจากหลังบ้านหลังจากได้ยินเสียงตุ้บ ในมือของเธอกำธูปมากำนึงเพราะกำลังจะไหว้เจ้า พอเห็นภาพสุพงษ์ตรงหน้าวิภาก็ตกใจ
“เฮีย”
นิคกับหวานเข้ามาในบ้านพอดีก็เห็นสุพงษ์นอนกุมหัวร้องโอดโอยอยู่
“ป๊า”
นิครีบพุ่งไปหาสุงพษ์เป็นคนแรก วิภาทิ้งธูปในมือแล้ววิ่งไปดูสุพงษ์พร้อมกับนิค หวานตามไปด้วย
“นี่ไปทำท่าไหนเข้าครับป๊า โห นี่หัวแตกแล้วมั้ง” นิคว่า
“อ๊าย ปากไม่มงคลเลยอานิค อย่าพูดๆ” วิภาห้าม
สุพงษ์เงยหน้าขึ้น หัวของเขาปูดโนออกมา
สมาชิกในครอบครัวของวินกำลังประชุมเข้ม สุพงษ์มีอาการดีขึ้นโดยมีสำลีแปะที่หัว วิภาเดินไปเดินมาด้วยท่าทางหนักใจ
“เป็นไปตามคำทำนายของแป๊ะกงเป๊ะเลยดูสิ ท่านบอกว่าจะมีคนในบ้านเจ็บป่วย ม๊าว่านะสถานการณ์บ้านเราตอนนี้เข้าสู่ขั้นวิกฤติแล้ว” วิภาบอก
“ที่ป๊าตกบันไดนี่เป็นเพราะมัวแต่กดมือถือเล่นเกมส์ไม่ใช่เหรอครับป๊า” วศินถาม
“นั่นสิ” หวานเห็นด้วย
“เอ่อ...” สุพงษ์ไม่กล้าตอบเพราะกลัวภรรยาด่า
“แล้วเกมส์คุ๊กกี้รันซะด้วย เคยได้ยินข่าวไหมครับ ที่ว่ามีคนลุ้นเกมส์นี้ แล้วไซต์มากจนตกตึกน่ะ” นิคบอก
“โฮ่ย ไม่รู้อย่าพูดมากกันเลยน่า” วิภาว่า “ที่มันเป็นแบบนี้มันเป็นเพราะบ้านของพวกเรากำลังมีเคราะห์ร้ายเข้าครอบงำต่างหากล่ะ ขืนปล่อยไว้เคราะห์นี้มันจะแย่น่า ดีไม่ดี จะติดต่อมาถึงม๊าด้วย”
“โห เคราะห์นะครับม๊า ไม่ใช่หวัด จะได้ติดต่อกันได้” นิคบอก
วิภาจิกตามองนิคแบบปรามๆ ส่วนหวานตีแขนสามีให้เงียบ
“ยังไงก็เหอะ เราต้องหาทางแก้ปัญหาด้วยกัน และหนทางเดียวของพวกเราก็คือ ครอบครัวเราต้องมีทายาทมาสืบสกุล” วิภาบอก
“นี่ไงครับม๊า” นิคยิ้มภูมิใจก่อนจะชี้ที่ท้องของหวาน
“ไม่พอ... แค่หลานยายดวงยังไม่แข็งพอ แป๊ะกงบอกว่าต้องเป็นหลานจากลูกชายเท่านั้น” วิภาบอก
วินกับวศินกระพริบตาปริบๆ
“ของอาวินนี่ก็พยายามกันมาพักใหญ่แล้วยังไม่เห็นผล” วิภาบอก
อ้อมยิ้มแหยๆ
“ม๊าก็เลยเตรียมทางออกของเรื่องนี้ไว้แล้ว นั่นก็คือ.. อาวศินต้องมีเมีย” วิภาสรุป
วศินตกใจ “เฮ้ย”
“เออ ก็ดีนะวศิน พี่ไม่เคยเห็นแกมีแฟนสักคน หรือมีแล้วไม่บอก” วินว่า
วศินอ้อมแอ้ม “เอ่อ.. ก็พอมี กำลังดูๆกันอยู่”
“ก็ดีสิ งั้นก็พามาแนะนำให้พวกเรารู้จักเลย” หวานบอก
“ผมยังไม่พร้อม” วศินบอก
“มัวแต่รอให้พร้อมก็ไม่ทันการแล้ว ถ้ายังไม่พร้อมม๊าหาให้เอง” วิภาพูด
วิภาหยิบอัลบั้มรูปที่วางอยู่บนโต๊ะขึ้นมาเปิดโชว์ ด้านในเป็นภาพถ่ายหญิงสาวหลายคน
“แม่สื่อเขาเอามาให้ม๊าเมื่อเช้า เลือกมาสักคนแล้วม๊าจะนัดดูตัวให้” วิภาส่งอัลบั้มให้วศิน
“ม๊า! ผมยังไม่อยากแต่งงาน” วศินเสียงดังขึ้น
“แต่วศินอายุไม่น้อยแล้วนะ มันถึงวัยแล้ว” หวานบอก
วศินไม่ยอมรับอัลบั้มไปดู นิคจึงหยิบมาแทน
“มา ถ้าไม่อยากเลือก พี่เลือกให้เอง”
“อานิค!”
วิภามองนิคดุๆ หวานตีแขนนิคด้วยความหมั่นไส้ นิคส่งอัลบั้มรูปคืนวศิน วศินทำหน้าเซ็งแบบเสียไม่ได้
วศินดึงแขนอ้อมให้ออกมาคุยกันในมุมลับตาคนอื่น
“พี่อ้อม ช่วยคิดหน่อยสิ ผมจะทำยังไงดี” วศินถาม
“ก็ยอมไปดูตัวสักครั้ง คงไม่เป็นไรหรอกน่า” อ้อมบอก
“ไม่ได้ พี่อ้อมก็รู้ว่าผมไม่ชอบแนวนั้น”
“ก็ฝืนใจหน่อย คิดซะว่าทำให้ป๊ากับม๊าสบายใจ ขนาดพี่ยังต้องตั้งหน้าตั้งตาท้องเพื่อเอาใจหม่าม๊าเลย”
“เรื่องท้องมันเรื่องธรรมชาติของผู้หญิง แต่เรื่องมีเมียนี่มันไม่ใช่ธรรมชาติของผม แล้วอีกอย่างที่สำคัญเลยก็คือ...” วศินมองซ้ายมองขวาเพราะกลัวคนได้ยิน “ตอนนี้ผมคบกับคุณศรัณย์มาได้สักพักแล้ว”
“ทำไมเร็วอย่างนั้นล่ะ เธอกับคุณศรัณย์เพิ่งเจอกันเองนะ”
“เรื่องของหัวใจมันไม่เกี่ยวกับเวลาหรอกพี่อ้อม”
“โอเคๆ พี่เข้าใจ งั้นบอกความจริงทุกคนไปเลยไหมว่าเธอ...เอ่อ...”
“ไม่ได้ บอกได้ยังไงกันล่ะ พี่ก็รู้ว่าหม่าม๊าเป็นยังไง พูดไปมีหวังบ้านแตก พี่อ้อมเองก็ห้ามบอกป๊ากับม๊าเรื่องคุณศรัณย์เด็ดขาดนะ ผมขอร้อง”
“บอกวินได้ไหม” อ้อมถาม
“พี่วินก็ไม่ได้ ยังบอกใครไม่ได้ทั้งนั้น สัญญานะ”
อ้อมจำยอมต้องรับปาก “จ้ะ”
“เออ พี่อ้อม แล้วพี่อ้อมคิดว่าคุณศรัณย์เป็นยังไงบ้าง” วศินถาม
วินเดินผ่านมาได้ยินตอนอ้อมพูดถึงศรัณย์พอดี
“คุณศรัณย์น่ะเหรอ ก็น่ารักดีนะ ทั้งหล่อ ทั้งสุภาพ ใจดี ใจเย็น ทำให้คนอยู่ใกล้ๆรู้สึกอบอุ่น”
วศินยิ้มออกที่ดูคนไม่ผิด แต่วินชะงักและยิ่งกังวลใจ
จ๋าคุยโทรศัพท์กับซันขณะอยู่ในบ้านดารณี โดยมีดารณีคอยกำกับอยู่ข้างๆ
"ซัน จ๋าจะโทรมาถามเรื่องทำการ์ดที่จ๋าฝากให้ช่วยดูน่ะจ้ะ...เป็นไงบ้าง"
"อ๋อ...การ์ดเหรอ จ๋าเพิ่งเอารายละเอียดมาให้เราเมื่อไม่กี่วันก่อนเองนะ จะใช้แล้วเหรอ" ซันถาม
"ใช่ พอดีคุณแม่ของวุธเขาอยากเอาไปแจกเพื่อนๆพรุ่งนี้ ตอนนี้คุณแม่ก็เลยต้องการการ์ดด่วนมากๆ"
ซันตกใจ "พรุ่งนี้"
อ้อมกับเจนรีบรุมเข้ามาฟังด้วย
"ขอโทษจริงๆนะซัน คือจ๋าพยายามโทรหาวุธแล้ว แต่สงสัยจะติดประชุม เลยไม่รับสาย" จ๋าบอก
"เราคงทำให้เร็วขนาดนั้นไม่ได้หรอกนะจ๋า" ซันบอก
อ้อมพยักหน้าสนับสนุน
จ๋าหันไปบอกดารณี
"ซันบอกว่า คงไม่ได้ค่ะคุณแม่"
"ถ้าความสามารถไม่พอ คิดว่าทำไม่ได้ก็ไม่เป็นไร จะได้ไปไหว้วานคนอื่น บอกเขาไปแล้วกัน"
ซันได้ยินก็รู้สึกเหมือนถูกท้าทายฝีมือจึงเกิดลูกฮึดขึ้นมาทันที
"แม่วุธเขาพูดแบบนั้นเหรอ"
"จ้ะ งั้นจ๋าคงไม่รบ...”
"เดี๋ยวก่อนจ๋า เอาการ์ดกี่ใบนะ.... สามร้อยใช่ไหม ได้..เดี๋ยวเราจัดการเอง การ์ดจะถึงมือจ๋ากับคุณป้าพรุ่งนี้ก่อนเที่ยง"
อ้อมกับเจนร้องเสียงหลง "เฮ้ย"
ซันวางสายจากจ๋า อ้อมรีบโวย
"แกไปรับปากเขาทำไมน่ะซัน"
"คนอย่างฉัน..แกก็รู้ ฆ่าได้หยามไม่ได้"
"พี่ซันเขาไม่ชอบไม่ใครท้า ท้าแล้วของขึ้น" เจนบอก
"แล้วแกจะทำให้เขาทันเหรอ" อ้อมถาม
"งานเอเจนซี่ไม่เคยมีคำว่าไม่ได้ ทำงานพรีเซนท์ลูกค้าแบบด่วนสามชั่วโมงยังทำมาแล้ว กะแค่การ์ดแต่งงานมันเรื่องขี้เล็บ" ซันบอก
"แต่นี่มันขี้เล็บสามร้อยใบนะพี่ซัน ไหนจะออกแบบ ไหนจะส่งโรงพิมพ์ มันจะทันเที่ยงได้ยังไง แล้วนี่ก็เลิกงานแล้ว ใครเขาจะมาทำให้"
"ต้องหาคนออกแบบการ์ดก่อน แล้วก็โรงพิมพ์"
"ฉันพอจะรู้จักโรงพิมพ์อยู่ เดี๋ยวหาเบอร์ให้" อ้อมบอก
"ส่วนคนออกแบบ เจนรู้ว่าใครช่วยได้" เจนพูด
อาร์ทที่กำลังจะกลับบ้านพูดโทรศัพท์กับเจน
"ตอนนี้เลยเหรอ"
เจนคุยโทรศัพท์กับอาร์ทอยู่ในร้านจูดี้
"ถ้าไม่ใช่ตอนนี้แล้วฉันจะโทรมาหานายทำไม"
อาร์ทพูดกับเจน
"จะใช้งานผมก็พูดจาให้มันน่าฟังหน่อยสิคุณ"
"นี่มันไม่ใช่เวลามาต่อปากต่อคำกันนะอาร์ท นายจะช่วยหรือไม่ช่วยก็บอกมาเลยถ้าไม่ช่วย ฉันจะได้ไปหาคนอื่น"
"คุณจำไม่ได้หรือว่า เวลาอยากให้ผมช่วย คุณต้องทำยังไง"
"นี่!”
"เอาสิ ผมรอฟังอยู่"
เจนอึดอัดฟึดฟัดในตอนแรก เธอลังเลว่าจะเอายังไงแต่แล้วตัดสินใจ
เจนกระแอม "คุณอาร์ทคะ กรุณามาช่วยออกแบบการ์ดให้หน่อยได้ไหมคะ ช่วยหน่อยนะคะ"
ซันกับอ้อมถึงกับต้องหันมามองหน้ากันแล้วกลั้นหัวเราะ
อาร์ทยิ้มสนุก
"อืม..ค่อยยังชั่วหน่อย"
"แล้วตกลงนายจะมาช่วยไหม" เจนถาม
"เดี๋ยวไป" อาร์ทบอก
วุธที่เพิ่งคุยงานเสร็จเดินออกมาส่งลูกค้าที่หน้าบริษัท
“ถ้ามีไอเดียอะไรใหม่ๆ ผมจะแจ้งไปแล้วกันนะครับ”
“ค่ะ” ลูกค้าตอบ
วุธยกมือไหว้ลา ลูกค้าเดินจากไป วุธหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูก็เห็นมิสคอลจากจ๋า
เจนเปิดประตูห้องของซันออก อาร์ทยืนรออยู่ด้านหน้า
"เข้ามาก่อนสิอาร์ท" ซันเชิญ
อาร์ทเข้ามาในห้อง เจนปิดประตูแล้วเดินตามมาทำเบะหน้าใส่
"ขอบใจมากนะที่อุตส่าห์มาช่วย นี่เราต้องใช้เวลานานแค่ไหน" ซันถาม
"ออกแบบการ์ดไม่ยากหรอกครับ สองสามชั่วโมงก็คงเสร็จแล้ว" อาร์ทบอก
อาร์ทหาที่นั่งแล้วเตรียมเปิดโน้ตบุ๊คเพื่อเริ่มงาน เสียงเคาะประตูดังขึ้นอีกครั้ง
"ใครมา” ซันสงสัย
ซันเดินไปเปิดประตูก็เห็นวุธยืนอยู่
"อ้าว นี่นายมาได้ไง”
“จ๋าโทรบอกเราว่าเธอกำลังทำการ์ดให้เสร็จทันพรุ่งนี้” วุธบอก
“ใช่ เข้ามาสิ”
วุธเข้ามาในห้องก็เห็นอาร์ทเปิดคอมพิวเตอร์เตรียมเริ่มงาน
"นี่อาร์ท เพื่อนยัยเจน มาช่วยออกแบบการ์ดให้" ซันแนะนำ
"หวัดดีครับ" อาร์ททักทาย
"เรื่องการ์ดนี่มันเป็นงานของเราแท้ๆ แต่ทำให้ทุกคนต้องมาเดือดร้อนไปด้วย ขอโทษจริงๆ" วุธบอก
"ไม่เป็นไรหรอกน่า ฉันรับปากแม่นายมาแล้ว ยังไงก็ต้องช่วยให้ถึงที่สุด" ซันพูด
อ้อมนั่งดูทีวี แต่วินมีท่าทางกระสับกระส่ายเพราะไม่สบายใจ
“อ้อม วินถามจริงๆนะ อ้อมคิดยังไงกับคุณศรัณย์”
“คุณศรัณย์ ก็ดีนี่จ๊ะ เป็นเพื่อนที่ดี เป็นนายจ้างที่มีน้ำใจ”
“แค่นั้นเหรอ แล้วทำไมเมื่อวันก่อน อ้อมต้องไปซุบซิบกับนายวศินกันสองคนเรื่องคุณศรัณย์ด้วย”
“อ๋อ พอดีวศินถามถึงคุณศรัณย์น่ะ”
“ทำไมวศินต้องถามถึง คุณศรัณย์นี่มีอะไรน่าสนใจมากหรือไง”
“คุณศรัณย์เขาเป็นคนดีนะวิน ถ้าวินได้รู้จักเขามากขึ้น วินจะเข้าใจ”
“คนที่คิดจะจีบภรรยาคนอื่นนี่เป็นคนดีตรงไหน”
“โธ่วิน... นี่ยังไม่เลิกหึงอีกเหรอ มันไม่ใช่อย่างที่วินเข้าใจหรอกจ้ะ เขาไม่ได้มาจีบอ้อม เขาจีบคนอื่น”
“ใคร” วินถาม
อ้อมพูดไม่ได้จึงพยายามหาทางเปลี่ยนเรื่อง
“เอ พรุ่งนี้เราต้องไปซื้อของเข้าบ้านกันใช่ไหมวิน ต้องซื้ออะไรบ้างน้า เดี๋ยวอ้อมไปเช็คดูก่อนนะ”
อ้อมเดินเลี้ยงไปทางอื่น วินระแวงเพราะรู้ว่าอ้อมมีอะไรปิดบังเขาแน่ๆ
อาร์ทกำลังตกแต่งการ์ดบนหน้าจอคอมพิวเตอร์ วุธกับซันนั่งอยู่ข้างอาร์ทคนละด้านเพื่อช่วยกันดูแบบการ์ด
บางขณะวุธกับซันก็ชะโงกหน้าไปดูหน้าจอทำให้ใบหน้าใกล้กัน วุธแอบเหลือบมองซัน วุธกับซันปรึกษากันว่าแบบไหนดีกว่ากัน ซันแอบเหลือบมองวุธขณะวุธจิบกาแฟ เจนนั่งคุดคู้หลับอยู่ที่โซฟา
เวลาผ่านไป ภาพร่างของการ์ดที่เสร็จสมบูรณ์โชว์อยู่บนหน้าจอคอมพิวเตอร์ วุธมองอย่างพอพึงใจ ซันกำลังเก็บล้างแก้วอยู่ในครัว วุธร้องเรียก
"ซัน เสร็จแล้วนะ มาดูสิ"
ซันหยุดมือจากถ้วยแก้วแล้วรีบมาดูผลงานของอาร์ท
"เป็นไงบ้าง"
ซันยืนอยู่ข้างวุธ ทั้งคู่ยิ้มอย่างพอใจและลืมตัวเหมือนเป็นคู่บ่าวสาวเสียเอง
"นายชอบไหมวุธ" ซันถาม
"ชอบ เราว่าทันสมัย ไม่เหมือนใครดี แล้วซันชอบหรือเปล่า" วุธถามกลับ
"แหม...นั่งเฝ้ามาทั้งคืนก็ต้องชอบสิ" ซันบอก
"พี่วุธถามเหมือนพี่ซันเป็นเจ้าสาวเลยนะพี่"
ซันรู้สึกเขินขึ้นมาจึงทำเป็นโวยใส่วุธ
"เออ..นั่นสิ นายจะมาถามฉันทำไม ฉันไม่ใช่คนที่จะต้องใช้การ์ดนี้ซะหน่อย แล้วนี่เราต้องให้จ๋าดูก่อนพิมพ์หรือเปล่า"
"เราว่าจ๋าเขาน่าจะโอเค อะไรที่ซันชอบ จ๋าเขาก็ชอบด้วยทั้งนั้น" วุธบอก
วินยังงอนอยู่ พอเข้านอนแล้วเขาจึงยังนอนหันหลังให้อ้อม อ้อมพยายามง้อด้วยการนอนเบียดเข้าไปชิดหลัง
วินเขยิบตัวหนี อ้อมกระแซะเข้าไปอีก วินเขยิบไปจนสุดเตียง อ้อมก็ยังตามไป
"อ้อม นี่วินจะตกเตียงแล้วนะ" วินบอก
"งั้นวินก็กลับมานอนใกล้ๆอ้อมสิ"
อ้อมเคลื่อนตัวกลับมากลางเตียงแล้วตบเตียงให้วินมานอนข้างๆ วินถอยกลับมาในตำแหน่งปกติ อ้อมเลยเอื้อมมือโอบตัววินไว้แล้วยิ้มขำๆ
อาร์ทส่งแผ่นCD ให้ซัน ก่อนจะสะพายกระเป๋าแล้วเตรียมตัวกลับ
"ไฟล์งานอยู่ในนี้แล้วนะพี่ พรุ่งนี้ให้โรงพิมพ์เขาเปิดแล้วก็ใช้ได้เลย ถ้ามีปัญหาอะไรโทรมาหาผมก็ได้"
"ขอบใจจ้ะ"
ซันกับวุธเดินมาส่งอาร์ทกับเจนที่ประตู เจนยืนง่วงๆ วุธยื่นซองสีขาวให้อาร์ท
"อาร์ท ขอบใจมากที่อุตส่าห์มาช่วย นี่ค่าตอบแทนเล็กๆน้อยๆ" วุธบอก
"ไม่เป็นไรครับพี่วุธ พี่ซัน งานนี้ผมเต็มใจมาช่วย" อาร์ทว่า
"แต่อาร์ทเสียเวลามาทำงานให้พี่ทั้งคืนเลยนะ" ซันบอก
"เก็บไว้เถอะพี่ เอาไว้คราวหน้าค่อยเลี้ยงข้าวผมแล้วกัน"
ซันกับวุธมองหน้ากันแล้วพยักหน้ายอมตามนั้น
"อย่างนั้นก็ได้"
เจนกับอาร์ทจะออกจากห้องแต่ซันดึงแขนเจนไว้แล้วกระซิบเบาๆ ให้ได้ยินกันสองคน
"นี่เจน อาร์ทเขาเป็นคนดีมากรู้ไหม ผู้ชายมีน้ำใจแบบนี้ไม่ใช่ว่าจะหากันได้ง่ายๆ ดูแลเขาให้ดีๆล่ะ"
เจนกระซิบตอบ "ก็รู้ว่ามีน้ำใจ แต่มันไม่ใช่เรื่องที่เจนจะไปดูแลเขาซะหน่อย พี่ซันเองนั่นแหละ ดูแลพี่วุธให้ดีๆก็แล้วกัน คืนนี้เป็นโอกาสของพี่แล้วนะ"
เจนยักคิ้วทะเล้นๆใส่ซันก่อนจะเดินตามอาร์ทไป
เจนกับอาร์ทเดินมาตามทางเดินออกจากห้องซันแล้วตรงไปที่ลิฟท์
"นี่คุณ" อาร์ทพูดขึ้น
"อะไร" เจนถาม
"ที่ห้องคุณมีอะไรกินหรือเปล่า"
"ทำไม"
"ผมหิว"
"มาหิวอะไรกันตอนนี้"
"คนทำงานใช้สมองทั้งคืนก็ต้องหิวเป็นธรรมดา"
"ห้องฉันไม่มีอะไรกินหรอก มีแต่มาม่า"
"มาม่าก็ยังดี"
"แล้วเมื่อกี๊ทำไมไม่บอก จะได้กินที่ห้องพี่ซันซะเลย"
"ขืนผมบอก พี่สองคนนั้นเขาก็ไม่มีโอกาสได้อยู่ด้วยกันเงียบๆตามลำพังน่ะสิ"
"เออ...จริงด้วย แหม เห็นเฉื่อยๆ มึนๆแบบนี้ นายนี่ก็เรียนรู้ไวนะ" เจนเห็นด้วย
อ่านต่อหน้าที่ 4
ทางเดินแห่งรัก ตอนที่ 9 (ต่อ)
เจนยกชามมาม่าร้อนๆ ควันฉุยมาวางลงตรงหน้าอาร์ท
"กินแล้ว ก็รีบกลับซะที ฉันง่วงจะแย่อยู่แล้ว" เจนบอก
อาร์ทเตรียมตัวเริ่มกินมาม่า เจนยกแก้วน้ำมาวางให้
"นายกินไปนะ ฉันจะไปอาบนำ้ก่อน หวังว่าพอฉันออกมานายคงกินเสร็จพอดี"
เจนเดินไปเพื่อจะกลับไปทางห้องนอน อาร์ทพูดขึ้นแบบไม่รู้ไม่ชี้
"ก็ดี พอคุณอาบเสร็จ เดี๋ยวผมจะอาบบ้าง"
"ว่าไงนะ! นายจะอาบน้ำ"
"อื้อ" อาร์ทตอบสั้นๆ
"ที่นี่"
"ถ้าไม่ใช่ที่นี่ แล้วจะให้ผมไปอาบที่ไหน"
"ไม่มีทาง"
"นี่คุณ ใช้งานผมเสร็จแล้วก็จะขับไล่ไสส่งกันเลยหรือไง ตั้งแต่เลิกงานเมื่อเย็นผมยังไม่ได้อาบน้ำเลยเพราะมัวแต่มาช่วยพี่ซันของคุณ อย่างน้อยคุณก็ควรจะรับผิดชอบบ้าง"
"เออๆๆ ได้ ฉันจะสงเคราะห์นายอีกสักครั้ง ให้นายใช้ห้องน้ำในห้องฉันพออาบเสร็จแล้วก็รีบกลับล่ะ ฉันง่วงจะแย่อยู่แล้ว"
เจนบ่นแล้วก็เดินเข้าห้องนอนเพื่อไปอาบน้ำ
วุธกับซันยังนั่งคุยกันอยู่ในห้อง
"ตอนนี้เราคุยกับลูกค้ารายนึงอยู่ เป็นบริษัทผลิตเสื้อผ้าแบรนด์ไทยที่ธุรกิจกำลังไปได้ไม่ดีนัก เพราะแข่งกับแบรนด์ที่มาจากเมืองนอกไม่ได้ เสื้อผ้าของเขาคุณภาพดีมากราคาก็ไม่แพง เราว่าเราจะช่วยทำการตลาดให้เขา" วุธบอก
"พ่อพระอีกละ นายทำธุรกิจนะวุธ ไม่ใช่การกุศล ไหนว่าที่นายอยากตั้งบริษัทก็เพราะอยากสร้างครอบครัวไง รับแต่งานแบบนี้แล้วจะเลี้ยงครอบครัวได้ยังไง" ซันว่า
"สร้างครอบครัวมันก็มีหลายแบบนี่ เราไม่ได้อยากสร้างครอบครัวที่ร่ำรวย แต่อยากเป็นครอบครัวธรรมดาๆที่มีความสุข ไม่ต้องรวยก็ได้"
"แล้วจ๋าเขาเข้าใจนายหรือเปล่า"
"ก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน แต่ถ้าเขาเลือกจะแต่งงานกับเรา เขาก็ต้องรับสิ่งที่เราเป็นให้ได้" วุธถอนใจเหมือนยังมีเรื่องหนักใจ "แต่แม่เราซะอีกที่ไม่เข้าใจ ตอนนี้แม่เราอยากให้ใช้คอนเนคชั่นของพ่อจ๋าหางานเข้าบริษัท"
"ทำธุรกิจมันก็ต้องอาศัยคอนเนคชั่นทั้งนั้น" ซันบอก
"แต่มันก็ควรเป็นคอนเนคชั่นจากแวดวงธุรกิจที่พอใจงานของเรา ไม่ใช่คอนเนคชั่นจากญาติพี่น้องหรือพ่อแม่แฟน ถ้าเราต้องหางานด้วยการอาศัยบารมีจ๋ากับพ่อ แล้วเราจะนับถือตัวเองในฐานะหัวหน้าครอบครัวได้ยังไง"
ซันเข้าใจจึงอยากจะปลอบใจวุธ แต่ก็ทำได้แค่ตบบ่าเบาๆแบบเพื่อน
"ฉันเข้าใจนาย เอาเป็นว่านัดคุยกับเขาเมื่อไหร่ก็โทรมาบอกแล้วกัน ถ้าไม่ชนกับงานที่ออฟฟิศก็ไปช่วยได้”
วุธยิ้มขอบคุณ
เจนอาบน้ำเปลี่ยนเป็นชุดนอนเรียบร้อยแล้วเดินออกมาจากห้องนอนพร้อมกับผ้าขนหนู
"ฉันเอาผ้าขนหนูมาให้นายด้วย อาบแล้วก็รีบๆกลับ.... อ้าว...”
เจนออกมาเห็นอาร์ทนอนพาดตัวยาวหลับอยู่ที่โซฟา
"นี่!”
เจนทำท่าจะเข้าไปปลุก แต่แล้วก็ชะงักเมื่อเห็นอาร์ทกำลังหลับสนิท เจนจึงใจอ่อน
"นายซอมบี้เอ๊ย... หมดฤทธิ์ล่ะสิ"
เจนเดินกลับเข้าห้องนอน สักพักเธอก็กลับออกมาพร้อมผ้าห่ม เธอห่มผ้าให้อาร์ทก่อนจะปิดไฟแล้วกลับเข้าห้องนอน
วุธลุกขึ้นเตรียมจะกลับ
"เราคงไม่อยู่รบกวนเธอแล้ว ส่วนเรื่องการ์ด พรุ่งนี้เราจะเอาไปโรงพิมพ์เอง ถ้าไปแต่เช้าให้เขาเร่งให้ก็น่าจะเสร็จทัน"
"อ้อมเขาแนะนำโรงพิมพ์มาแล้ว เดี๋ยวฉันหานามบัตรให้ รอแป๊บนะ"
ซันหายเข้าไปในห้องนอน วุธนั่งรอซัน เขาเห็นหนังสือเล่มหนึ่งวางอยู่บนโต๊ะกลางห้องจึงตั้งใจจะหยิบมาเปิดดูผ่านๆ พอวุธเปิดหนังสือออกก็มีภาพถ่ายใบหนึ่งเสียบคั่นกลางหน้าหนังสืออยู่ วุธหยิบภาพถ่ายออกมาดูก็เห็นว่าเป็นภาพเขากับซันที่ฟาร์มผักออแกนิค
วุธมองภาพนั้นอึ้งๆ งงๆ เพราะคิดว่าซันคืนเจ้าของฟาร์มไปแล้ว วุธค่อยๆเก็บภาพถ่ายไว้ที่เดิม เขาปิดหนังสือ วางกลับลงที่เดิม ซันออกมาจากห้องนอนพร้อมนามบัตรในมือ
"อ้อมบอกว่าที่นี่ทำงานเร็ว ลองไปดูก็แล้วกัน"
"ขอบใจ งั้นเรากลับเลยนะ"
ซันไปส่งวุธที่ประตู ก่อนออกจากห้องวุธทำท่าเหมือนอยากถามอะไรบางอย่าง
"เออ ซัน เรื่องภาพถ่าย..”
"ภาพถ่ายอะไร"
"ไม่มีอะไร ช่างเถอะ ไปก่อนนะ"
วุธเดินห่างออกไปแต่ในใจยังสับสน
ภาพเหตุการณ์ในอดีตย้อนกลับมา เป็นตอนที่ซันปฏิเสธไม่เอารูปโพลารอยด์ที่ฟาร์มผักออแกนิค เจ้าของฟาร์มตั้งกล้องขึ้นอีกครั้ง วุธยิ้มให้กล้อง ซันกำลังมองวุธแบบคิ้วขมวดเหมือนงงๆ เจ้าของฟาร์มกดถ่ายภาพจังหวะนั้นพอดี แล้วส่งภาพให้วุธ วุธรับไปดูขำๆ
“ดูหน้าเธอสิ หน้างงมาก อ้ะ” วุธส่งภาพให้ซัน “เก็บไว้คนละใบ”
ซันเขินแต่พยายามกลบเกลื่อนตามนิสัย
"ไม่ล่ะ ฉันจะเก็บไว้ทำไมไม่ทราบ นี่เรามาทำงานนะ ไม่ได้มา เดท" ซันดึงภาพถ่ายมาจากวุธแล้วส่งคืนให้ช่างภาพ “คุณสยามเก็บไว้เถอะค่ะ”
เจ้าของฟาร์มรับไปงงๆ วุธถอนใจเพราะรู้แล้วว่าซันเป็นแบบนี้ไม่เปลี่ยน
วุธเริ่มสงสัยว่าซันจะรู้สึกเหมือนกันกับเขาหรือเปล่า
เช้าวันต่อมา จ๊อดเดินเข้ามาในคอนโดมีเนียมของเจนโดยหอบดอกไม้ช่อใหญ่มาด้วย จ๊อดเดินมาหยุดที่หน้าลิฟท์แล้วมองดอกไม้ในมือด้วยความมั่นใจว่าเจนต้องชอบ จูดี้ซึ่งอยู่บริเวณนั้นมองเห็นจ๊อดแล้วก็จำได้จึงรีบเข้ามาหา
"สวัสดีค่ะ น้องจ๊อดใช่ไหมคะเนี่ย" จูดี้ถาม
"หวัดดีครับพี่จูดี้"
จูดี้เหลือบมองช่อดอกไม้อย่างรู้ทัน
"แล้วนี่มาหาเจนหรือคะ" จูดี้ถาม
"ครับ ผมมาเซอร์ไพรส์เขาน่ะครับพี่ ว่าจะมารับเขาไปเที่ยววันหยุด" จ๊อดบอก
"ว้าย นี่แสดงว่าเจ้าตัวเขายังไม่รู้ตัวสิคะเนี่ย น่ารักอ่ะ โรแมนติกจังเลย เดี๋ยวพี่จูดี้พาไปที่ห้องน้องเจนเอง"
จ๊อดยิ้มขอบคุณ จูดี้เดินนำไป
อาร์ทเพิ่งตื่นนอนและกำลังนั่งบิดขี้เกียจอยู่ เขาเพิ่งรู้สึกถึงผ้าห่มที่อยู่บนตัก อาร์ทหยิบผ้าห่มขึ้นมามองยิ้มๆ เพราะรู้ว่าเจนเอามาให้ เจนออกมาจากห้องนอนพร้อมกับผ้าเช็ดตัวและแปรงสีฟันก่อนจะยื่นส่งให้อาร์ท
"นี่ เอาไปสิ ผ้าเช็ดตัว แปรงสีฟัน"
อาร์ทหยิบแปรงขึ้นมามองอย่างไม่ไว้ใจ
"นี่ของคุณใช้แล้วหรือเปล่าเนี่ย" อาร์ทถาม
"ของใหม่ย่ะ รีบๆอาบน้ำแล้วก็รีบกลับบ้านไปซะ ขืนอยู่นานเดี๋ยวคนในคอนโดมาเห็นจะเข้าใจผิดว่าฉันพาผู้ชายมานอนค้าง"
อาร์ททำเป็นไม่ฟังคำบ่น เขาลุกขึ้นยืนแล้วจะไปห้องน้ำ
"จะไปไหน" เจนถาม
"ก็อาบน้ำไง" อาร์ทตอบ
"ยังอาบไม่ได้" เจนบอก
"อ้าว คุณนี่ยังไงเนี่ย"
"ฉันต้องอาบก่อนสิ ส่วนนายน่ะ รอให้ฉันอาบเสร็จก่อน ระหว่างที่รอก็โน่นเลย...กาแฟอยู่มุมโน้น ชงเผื่อฉันด้วย"
เจนพูดแล้วก็เดินหายเข้าไปในห้องนอน
จูดี้เดินนำจ๊อดมาตามทางเดินตรงสู่หน้าห้องเจน พอถึงหน้าประตูห้อง จูดี้ก็จัดแจงยื่นมือมากดกริ่ง จ๊อดยืนอยู่ด้านหลังจูดี้โดยรอให้จูดี้จัดการให้
อาร์ทที่อยู่ในห้องกำลังต้มกาแฟอยู่ เสียงกริ่งหน้าห้องดังขึ้น อาร์ทตะโกนบอกเจน
"คุุณ มีคนมาหาแน่ะ"
เสียงเจนตะโกนตอบออกมา
"ดูทีสิว่าใคร พี่ซันหรือเปล่า"
อาร์ทมองที่รูตาแมวตรงประตูก็เห็นจูดี้ยืนยิ้มอยู่คนเดียว อาร์ทเห็นว่าเป็นจูดี้จึงเปิดประตูออกรับ จูดี้กำลังยิ้มกว้างอยู่เมื่อประตูเปิดออก เมื่อเห็นอาร์ทเป็นคนเปิดประตูแถมยังมีผ้าขนหนูพาดไหล่เหมือนค้างคืนที่นี่ จูดี้ก็ยิ้มค้าง ตกใจ จนหน้าเสีย
"อะ เอ่อ...เธอ...”
"พี่จูดี้ ผมอาร์ทไงครับ"
"รู้แล้ว ตะ..แต่...”
จูดี้เหล่ตาไปมองด้านหลัง จ๊อดปรากฏตัวขึ้นที่ด้านหลังจูดี้ด้วยสีหน้าผิดหวังรุนแรง
"อาร์ทนี่นาย...”
อาร์ทยังไม่ทันได้อธิบาย เจนก็เดินมาดูว่าใครมา
"ใครมา"
เจนผงะจนแทบช็อตเมื่อเห็นจ๊อดยืนหน้าตึงอยู่พร้อมดอกไม้ในมือ จูดี้ก็หน้าเสีย
"พี่เข้าใจแล้ว เป็นแบบนี้นี่เองใช่ไหมเจน"
"มันไม่ใช่แบบนั้นนะคะพี่จ๊อด"
"พี่เข้าใจแล้ว"
ดอกไม้ร่วงตกจากมือจ๊อดไปกองที่พื้น จ๊อดเดินจากไปด้วยความผิดหวังรุนแรง
"พี่จ๊อด เดี๋ยวก่อนค่ะ"
เจนอยากตามแต่มองสภาพตัวเองแล้วก็ไม่กล้าออกจากห้อง อาร์ททำหน้าแบบช่วยไม่ได้ จูดี้กุมขมับที่เป็นเรื่องจนได้
แก๊งค์สี่สาวเดินคุยกันมาตามทางในสวนสาธารณะ โดยที่เจนยังคงเศร้าและเซ็งอยู่
"เมื่อเช้านี้ก็น่าสงสารคุณจ๊อดจริงๆนะคะ หน้าถอดสีเลย พี่จูดี้ก็ไม่น่าเล๊ย ไม่รู้จริงๆนะคะว่าน้องอาร์ทจะค้างอยู่ที่ห้องน้องเจน"
"ฮือๆ ยิ่งพูดก็ยิ่งเศร้า ทำไมโชคเจนร้ายแบบนี้ กำลังจะแฮบปี้เอ็นดิ้งอยู่แล้วเชียว" เจนร้องไห้
"แฮบปี้เอ็นดิ้งกับใคร? นายอาร์ทหรือพี่จ๊อด" ซันถาม
"โห พี่ซัน ถามอะไรแบบนั้น ก็ต้องเป็นพี่จ๊อดสิ"
"เอาน่า รอให้เขาใจเย็นลงสักนิด พอเจอหน้ากันก็หาทางอธิบายความจริงให้เขาฟังซะ ถ้าเขารักเธอ เขาก็ต้องเข้าใจ" อ้อมบอก
"แล้วถ้าเขาไม่ฟังล่ะ" เจนถาม
"ก็แสดงว่าเขาไม่ได้รักเราน่ะสิคะ"
จูดี้ปากไวตามความเคยชินแต่เจนได้ยินก็แทบอยากจะปล่อยโฮ
“พี่จูดี้”
“โถๆ พี่ล้อเล่นค่า” จูดี้รีบบอก
"แต่ผู้ชายเวลางอนขึ้นมา ก็ท่าทางจะง้อยากซะด้วย" อ้อมนึกถึงวิน "วินก็อีกคนนึง"
"เรื่องง้อชายให้ใจอ่อนต้องถามพี่จูดี้ เอาไว้วันหลังจะแนะนำเคล็ดลับดีๆให้ รับรองอยู่หมัด วันนี้ทุกคนทำสมาธิให้ใจร่มๆกันก่อน เล่นโยคะสวยๆ จิตใจผ่อนคลายแล้วเดี๋ยวค่อยมาแก้ปัญหากัน"
สี่สาวเดินมาถึงบริเวณลานสำหรับเล่นโยคะซึ่งมีผู้คนปูเสื่อรออยู่แล้ว บางคนก็วอร์มร่างกาย ศศิกับแพทที่อยู่ในชุดกีฬาและหอบเสื่อโยคะเดินมาด้วยกันจากมุมหนึ่ง อ้อมเห็นศศิก็แปลกใจ
"อ้าวนั่น พี่ศิ"
ทุกคนมองตาม
"มาได้ไง" เจนงง
ศศิเห็นน้องๆ จึงเดินเข้ามาหา โดยมีแพทเดินตามมาด้วย
"คุณศิ ไหนว่ามาไม่ได้ไงคะ"
"ตอนแรกว่าจะไม่มา"
แพทรีบเสริม "แต่พอดีแพทกล่อมจนพี่ศิใจอ่อนน่ะค่ะ" แพทเห็นซัน "ซันเป็นไงบ้าง สบายดีนะ"
ซันไม่ตอบ เธอมองศศิกับแพทด้วยความรู้สึกทั้งน้อยใจ ทั้งหงุดหงิด
"ก่อนหน้านี้ยังสบายอยู่ แต่ตอนนี้เริ่มรู้สึกคันตามตัว" ซันบอก
"แพ้อะไรหรือเปล่า" แพทถาม
"เปล่า ที่คันเพราะรู้สึกเหมือนมีพวกเหลือบริ้นไรมาคอยกัด ซันกลับก่อนดีกว่านะพี่จูดี้ ไม่มีอารมณ์เล่นแล้ว เจอกันที่คอนโดนะอ้อม เจน"
ซันเดินหนีไปจากกลุ่ม ศศิได้แต่ถอนใจ แต่แพททำไม่รู้ไม่ชี้ จูดี้กระซิบกับอ้อมและเจน
"ท่าทางจะงอนกันจริงจังซะแล้วล่ะค่ะงานนี้"
แพทแอบยิ้มอย่างสะใจ
ดารณีกับจ๋ากำลังดูการ์ดที่พิมพ์เสร็จเรียบร้อยแล้ว
"แม่ว่าก็สวยดีนะ จ๋าชอบไหมล่ะ"
"จ๋าก็ชอบค่ะ"
"เอาล่ะ ตอนนี้การ์ดก็เสร็จเรียบร้อย จ๋าก็คงจะสบายใจไปเรื่องนึงแล้วนะ"
"ค่ะ"
"เดี๋ยวจ๋ากับวุธก็เริ่มเอาการ์ดไปแจกแขกที่จะเชิญมางานได้แล้วล่ะ แบ่งไว้ให้แม่แจกแขกของแม่สักสามสิบใบก็พอ"
"แล้วที่ว่าจะเอาการ์ดไปแจกวันนี้ล่ะครับ" วุธถาม
"อ๋อ พอดีเพื่อนๆแม่เขาเลื่อนนัดน่ะ แต่ก็ไม่เป็นไร ตอนนี้แม่ก็สบายใจแล้วว่างานแต่งงานของลูกสองคนจะไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง
วุธก้มมองจับจ้องการ์ดในมือก็เห็นวันที่ ชื่อตัวเองและจ๋า วุธเริ่มคิดหนัก จ๋าลอบสังเกตอาการวุธอยู่ตลอด
วุธกับจ๋าแยกมาคุยกันในมุมเงียบๆ วุธดูเครียด จ๋าเหลือบมองวุธ
"วุธ เป็นอะไรหรือเปล่า วันนี้วุธเงียบทั้งวันเลย" จ๋าถาม
"พอดีคิดเรื่องงานนิดหน่อย" วุธบอก
"เรื่องงานก็แล้วไป นึกว่าเรื่องงานหมั้นซะอีก"
อยู่ๆ วุธถามขึ้นเพื่อหยั่งเชิงความรู้สึกของจ๋า
"จ๋า... จ๋าว่าเราสองคนพร้อมหรือยังที่จะแต่งงาน"
"ทำไมวุธถามแบบนี้" จ๋าย้อนถาม
"วุธแค่สงสัยว่า ในความเป็นจริง เราสองคนจะสามารถอยู่ด้วยกันได้ตลอดชีวิตไหม"
"ถ้าถามจ๋า จ๋าตอบได้เลยว่า "ได้" จ๋าตัดสินใจเลือกวุธแล้ว หลายปีมานี่จ๋าไม่เคยคิดจะอยู่กับคนอื่นอีกนอกจากวุธ แล้ววุธล่ะพร้อมที่จะแต่งงานกับจ๋าหรือเปล่า"
วุธไม่กล้าสบตาจ๋า
"วุธเหรอ...ไม่รู้สิ ถ้า...ถ้าวุธตอบว่ายังไม่พร้อม จ๋าจะว่าไง"
"ก็ไม่ว่าไงหรอกจ้ะ เพราะจะพร้อมหรือไม่พร้อมวุธก็ต้องแต่ง"
จ๋าพูดยิ้มๆ เหมือนทีเล่นทีจริง แต่ในความเป็นจริงก็คือเธอไม่มีทางเปลี่ยนใจแน่นอน
จ๋าเพิ่งมาถึงฟาร์มกล้วยไม้ ตี๋น้อยเดินออกมารอรับ
"นึกยังไงถึงมาหาเราถึงนี่" ตี๋น้อยถาม
"มีเรื่องไม่สบายใจน่ะ อยากหาเพื่อนคุย" จ๋าบอก
จ๋ากับตี๋น้อยเดินคุยกันพร้อมกับดูกล้วยไม้ไปด้วย
"ตี๋น้อยเชื่อเรื่องเนื้อคู่ไหม" จ๋าถามขึ้น
"เชื่อสิ เราว่าคนเราถูกสร้างขึ้นมาเพื่อจะคู่กับคนอีกคนนึง ต้องมีใครสักคนที่รอเราอยู่ แต่ไม่มีใครรู้ว่าเราจะหาคนๆนั้นเจอเมื่อไหร่"
"ตี๋น้อยนี่โรแมนติคเนอะ จ๋าก็เชื่อแบบนั้นเหมือนกัน"
"ฝรั่งเขาเรียกว่าโซลเมท คือคนที่เรารู้สึกคุ้นเคย ผูกพันมานาน ถ้าอยู่ใกล้ๆเขา เราจะรู้สึกผ่อนคลายมีความสุข โซลเมทอาจจะไม่ใช่คนรักของเราเสมอไป อาจเป็นเพื่อนรึว่าเป็นคนในครอบครัวก็ได้"
"งั้นตี๋น้อยก็อาจจะเป็นโซลเมทของจ๋าก็ได้ใช่ไหม"
"ก็ใช่ เพราะว่าโซลเมทมีหลายระดับ แต่โซลเมทที่จะเป็นคู่แท้ของเรามีอยู่คนเดียว" ตี๋น้อยบอก
"จ๋าไม่มั่นใจเลย ว่าวุธเป็นคู่แท้ของจ๋าหรือเปล่า"
"เรื่องนี้คงไม่มีใครบอกได้"
"วันก่อนวุธเขาก็พูดแปลกๆ เหมือนเขาไม่พร้อมที่จะแต่งงานกับจ๋า"
"แล้วจ๋าว่ายังไง"
"จ๋าก็ไม่ยอมน่ะสิ เห็นจ๋านิ่มๆแบบนี้ จ๋าก็ไม่ใช่ว่าจะยอมแพ้อะไรง่ายๆนะ เออตี๋น้อยจ๋าว่าเราชวนซันเขามาเที่ยวที่นี่บ้างดีไหม"
"จะวางแผนจับคู่อีกแล้วล่ะสิ"
จ๋ายิ้มอย่างยอมรับ
โจนั่งทำงานอยู่ ทันใดนั้นก็มีเสียงเคาะประตูห้อง สักพักแพทก็เปิดประตูชะโงกหน้าเข้ามาถาม
"หวัดดีค่า ยุ่งอยู่หรือเปล่า"
"อ้าวแพท เข้ามาสิ ทำไมมาถึงนี่"
"พอดีแพทมาธุระแถวนี้ค่ะ ก็เลยแวะมาคุยด้วย"
ปรางค์เปิดประตูเข้ามาในห้องโจก็เห็นแพทกับโจกำลังคุยกันพร้อมกับหัวเราะสนุกสนาน แพทจับที่แขนโจอย่างเป็นกันเอง
"พี่โจนี่ตลกจังเลย" แพทชม
ปรางค์เอาแฟ้มมาวางให้โจที่โต๊ะ
"นี่เป็นแบบที่ทีมออกแบบเพิ่งทำเสร็จค่ะ น้องเขาอยากให้คุณโจดู" ปรางค์บอก
"ได้ เดี๋ยวผมตรวจดูคืนนี้ เออ คุณปรางค์ วันนี้ถ้าไม่มีอะไรแล้วก็กลับได้เลยนะ" โจบอก
"ค่ะ"
ปรางค์ยิ้มให้แพทก่อนจะเดินออกจากห้อง ปรางค์ออกไปแล้วก็ยังยืนลังเลอยู่หน้าห้อง เธอหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาหาเบอร์ศศิด้วยความลังเลว่าจะโทรดีไหม
ปรางค์พึมพำ "เอาไงดี คู่นี้ชักจะดูแปลกๆ จะบอกคุณศิดีไหม เฮ้ย.. แต่อย่าเลย ถ้าเกิดไม่มีอะไรในกอไผ่ขึ้นมาจะยุ่งไปซะเปล่าๆ รอดูไปสักพักแล้วกัน"
อ่านต่อตอนที่ 10