ทางเดินแห่งรัก ตอนที่ 5
บรรยากาศท้องถนนยามค่ำคืน ณ บาร์เล็กๆข้างทาง ซันกับวุธนั่งอยู่ด้วยกัน ซันกับวุธชนแก้วคอกเทลกัน
"ฉลองให้บริษัทใหม่ของนาย"
พูดจบซันก็ยกแก้วขึ้นดื่ม
"นี่ หลายแก้วแล้วนะซัน เดี๋ยวก็เมาหรอก"
"พูดยังกะไม่รู้จักกัน แค่เนี้ย ชิลๆ"
"ลืมไป เธอมันพวกคอทองแดง"
"ตกลงว่านายคิดดีแล้วใช่ไหมเรื่องแต่งงาน"
"อือ แล้วเธอคิดว่าไง"
"ถ้านายว่าดี มันก็ต้องดี จะมาถามฉันทำไมบ่อยๆ"
ซันยกคอกเทลแก้วเดิมกระดกหมดแก้วเพื่อปกปิดความช้ำใจ
อ้อมที่อยู่ในชุดนุ่งขาวห่มขาวนั่งหลับตาทำสมาธิ
"ยุบหนอ พองหนอ... สงบจิตหนอ ไม่คิดมากหนอ"
วินที่เพิ่งกลับมาถึงบ้านเปิดประตูเข้ามาในห้อง เขามองอ้อมที่กำลังตั้งใจทำสมาธิอย่างงงๆ
"ทำอะไรน่ะอ้อม"
อ้อมจุ๊ปากตอบวินโดยไม่ลืมตามอง
"จุ๊ๆ วิน อย่าเพิ่งกวนสมาธิ อ้อมกำลังกำหนดจิตอยู่"
"จ้ะๆ"
วินเหวอนิดๆ แต่ก็ปล่อยอ้อมทำไป อ้อมเพ่งภาวนาต่อไป
ซันยืนเมากึ่มๆ อยู่ริมทาง วุธมองซันส่ายหน้า
"ก็บอกแล้วว่าเดี๋ยวจะเมา"
"ฉันไม่เป็นไรหรอกน่า ระดับนี้แล้ว ดูแลตัวเองได้"
วุธไม่อยากจะเชื่อ ระหว่างนั้นเขาก็โบกมือเรียกรถแท็กซี่คันหนึ่ง
"เดี๋ยวเรานั่งไปส่งเธอก่อน"
"เฮ้ย ไม่ต้อง"
รถแท็กซี่แล่นเข้ามาจอดเทียบ
"ไป ขึ้นรถ"
วุธดึงตัวให้ขึ้นนั่งที่เบาะหลังรถแล้วตามเข้าไปนั่งข้างๆ
บนรถแท็กซี่ ซันนั่งหลับสับปะหงกด้วยความเมา วุธมองซันแล้วส่ายหน้าขำๆ เขานั่งมองซันสักพักจากสายตาแบบเพื่อนก็ค่อยๆเปลี่ยนไปสายตาที่มีความรู้สึกพิเศษกับซัน
สักพักซันก็ตัวเอนมาทางวุธ ซันซบไหล่วุธพอดีโดยไม่รู้ตัว วุธมองมือของเขากับซันที่วางอยู่ชิดกันบนเบาะ เขาอยากจะเอื้อมมือไปจับมือซัน แต่แล้วเสียงโทรศัพท์วุธดังขึ้น วุธหยิบขึ้นมาดูก็เห็นว่าเป็นชื่อจ๋าที่โทรมา วุธมองซันแล้วตัดสินใจไม่รับสาย
วุธมาส่งซันที่หน้าห้อง ซันกำลังมึนเมาจึงไขกุญแจห้องอย่างยากลำบาก
วุธขำ "ต้องให้ช่วยไหม"
"ไม่ต้อง แค่นี้ จัดการได้"
ซันไขกุญแจห้องได้แล้วก็ผลักประตูเข้าไปแล้วหันกลับมาจะลาวุธ แต่ตัวของเธอโอนเอนจนเซถลาไปชนวุธ วุธรับตัวไว้ได้ทัน
"ขอโทษที"
วุธไม่ได้ดึงซันออกแต่กลับกอดไว้ ซันซบอกวุธนิ่งด้วยความรู้สึกทั้งเมาทั้งเป็นสุข
"ขออยู่แบบนี้อีกสักพักได้ไหม"
ทั้งคู่กอดกันนิ่ง
เจนเดินมาตามทางเดินแล้วตรงมาทางห้องซัน ในมือของเจนถือเสื้อผ้ามาด้วย
"ให้พี่ซันช่วยเลือกดีกว่าว่าชุดไหนสวย"
พอเจนเดินมาถึงห้องซันก็เห็นว่าประตูห้องเปิดอยู่ เธอเห็นวุธกับซันกอดกันพอดี เจนตาค้างหน้าเหวอ
ซันลืมตามาเห็นเจนแต่ก็มองภาพเจนด้วยสายตาพร่าเลือน
"เจน"
วุธเห็นว่าเจนยืนอยู่ก็ผละออกมาจากซัน ซันล้มร่วงลงกับพื้นแล้วน็อคไป
วินที่เปลี่ยนเสื้อผ้าเรียบร้อยแล้วออกมารินน้ำดื่ม เขาเห็นอ้อมยังนั่งทำสมาธิอยู่ วินเดินเข้ามาหาอ้อมแล้วนั่งลงข้างๆ ก่อนจะทำปูไต่แขนเพื่อเชิญชวน
"อ้อม... วันนี้วินกลับบ้านเร็วนะ เราจะไม่ทำการบ้านกันเหรอ"
อ้อมลืมตามอง
"วันนี้คงไม่ได้หรอกวิน"
"ทำไมล่ะ"
"ที่โทรไปบอกไงจ๊ะ ว่าวันนี้อ้อมไปฝังเข็มมา"
"อือ แล้วเป็นไงบ้าง"
"หมอบอกว่าอ้อมจิตใจไม่สงบ ฝังเข็มไปก็ไม่ช่วยอะไร อ้อมต้องทำให้จิตใจผ่อนคลายก่อน"
"อ๋อ อ้อมก็เลยมานั่งสมาธิ"
"ใช่ ในหนังสือธรรมะเขายังบอกอีกว่าถ้าจะทำสมาธิให้ได้ดีก็ต้องถือศีลด้วย อ้อมเลยว่าจะถือศีลแปดสักอาทิตย์นึง"
"ศีลแปด? ศีลแปดนี่หมายถึง ห้ามเรากุ๊กกิ๊กกันด้วยใช่ไหม"
"ใช่จ้ะ เพราะต้องถือเพศพรหมจรรย์ให้ได้หนึ่งอาทิตย์ด้วย"
"อ้อม คนที่จะท้องได้เนี่ย มันต้องผ่านกระบวนการปฏิสนธินะจ๊ะ มันเป็นหลักการทางวิทยาศาสตร์ นั่งทำสมาธิิอยู่เฉยๆแล้วเด็กจะเข้ามาอยู่ในท้องได้ยังไง"
"เออ ก็จริงนะ"
อ้อมหัวเราะแหะๆ เพราะเพิ่งคิดได้
"งั้นเราจะมาเริ่มกระบวนการทางวิทยาศาสตร์กันได้หรือยัง"
อ้อมพยักหน้าตกลง ทั้งสองคนจูงมือกันเดินเข้าไปในห้องนอน
เช้าวันใหม่ อ้อมเปิดม่านที่หน้าต่างห้องทำให้แสงสว่างส่องเข้ามามองเห็นบรรยากาศเช้าอันสดใสในห้องของซัน ซันที่นอนอยู่บนเตียงค่อยๆลืมตาตื่นมาเห็นอ้อมกับเจนยืนกอดอกมองอยู่แล้ว
"โอย ปวดหัว"
"ดื่มไปเท่าไหร่ล่ะ"
ซันที่มีท่าทางแฮงค์ยกนิ้วขึ้นสามนิ้ว
"แค่สามแก้วเนี่ยนะเมา" เจนว่า
"ไวน์สามขวด ยังไม่นับวอดก้าอีกไม่รู้ตั้งกี่แก้ว เจน เมื่อคืนวุธเขาว่าไงบ้าง" ซันถาม
"ไม่ได้ว่าไงนี่ พอช่วยเจนหามพี่ขึ้นเตียงเสร็จ เขาก็กลับเลย"
ซันนึกถึงเรื่องเมื่อคืนแล้วก็รู้สึกอับอายตัวเอง
"โธ่เอ๊ย... ไม่น่าเลย ไปเมาหมดสภาพขนาดนั้นได้ยังไง"
"แล้วทำไมต้องดื่มเยอะขนาดนั้น"
เจนพูดเหมือนรู้อะไรบางอย่าง "ทำเหมือนกำลังช้ำใจอะไรสักอย่าง"
"ช้ำใจ ช้ำเรื่องอะไร" อ้อมสงสัย
ซันไม่ตอบ อ้อมพยายามนึก
"อ๋อ... เข้าใจแล้ว เพราะซันเห็นเพื่อนๆทยอยแต่งงานไปทีละคน อ้อมเพิ่งแต่งงาน นี่วุธก็กำลังจะแต่งไปอีกคน แต่ตัวเองยังไม่มีแฟน ก็เลยคิดมากใช่ม๊า"
"นี่อ้อม ถึงฉันจะอายุมากขึ้นทุกวัน ถึงจะยังไม่มีแฟน แต่ฉันก็ไม่ได้คิดมาก ฉันไม่ได้มีปัญหาอะไรเรื่องนั้น" ซันบอก
"อ้าว... งั้นมีปัญหาอะไรล่ะ" อ้อมถาม
"ปัญหาที่ว่า แอบหลงรักเพื่อนที่เป็นแฟนเพื่อนอีกคนน่ะซี้"
อ้อมคิดตามที่เจนพูด "เพื่อน...ที่เป็นแฟนเพื่อน" อ้อมนึกออก "หา...”
ซันถอนหายใจอย่างกลุ้มๆ ก่อนจะทิ้งตัวลงนอนหงายลงบนเตียง
"เฮ้อ...”
อ้อมมองซันแบบเริ่มจะเข้าใจเรื่องราวขึ้นมารางๆ แล้วอ้อมก็หันไปมองเจน เจนพยักหน้ายืนยันว่าใช่แน่
"ชัวร์...” เจนบอก
ซันนั่งแฮงค์อยู่ ศศิวางแก้วน้ำให้ตรงหน้า
"เอ้า แฮงค์ก็กินน้ำเข้าไปเยอะๆ"
ศศิ อ้อม ซัน และเจนนั่งคุยกันอยู่ในร้านกาแฟ
"เรื่องสำคัญแบบนี้ ทำไมไม่บอก" ศศิว่า
"เรื่องแบบนี้จะบอกคนอื่นง่ายๆ ได้ยังไงกันล่ะเจ๊" ซันบอก
"ไม่ได้หมายถึงบอกพวกเรา แต่ทำไมไม่บอกเจ้าตัวเขา ชอบเขาแล้วอมพะนำเก็บไว้ทำไมตั้งหลายปี"
"พวกทิฐิเยอะก็แบบนี้แหละ จะบอกรักใครทีนึงก็กลัวดอกพิกุลจะร่วงจากปาก" อ้อมบอก
"แล้วไหนอ้อมบอกว่าเมื่อก่อนวุธเขาก็เหมือนจะชอบเธออยู่ แล้วทำไมตอนนั้นทำไมไม่รับรักเขา" ศศิถาม
"กลัวโดนเพื่อนล้อน่ะสิ" อ้อมชิงตอบ
"ไม่เข้าท่า ทีเรื่องอื่นล่ะจัดการได้เชี๊ยะๆ" ศศิบอก
"โอย ช่างเถอะ เลิกพูดเถอะ ยังไงเขาก็จะแต่งงานแล้ว"
"ยิ่งเขาจะแต่งงานก็ยิ่งต้องบอกความจริง ก่อนที่จะเขาจะตกไปเป็นของคนอื่นอย่างถูกต้องตามกฎหมาย"
"แล้วถ้าบอกไปแล้ว แต่เขาไม่ได้ชอบซันล่ะเจ๊" ซันกังวล
"ถึงตอนนั้นจริงๆ ก็ตัดใจสิ จะไปยากอะไร ขอให้ได้คำตอบจากปากเขามาก่อนเถอะ ว่าเขาไม่ได้คิดอะไรกับเธอจริงๆ"
"ไม่ชอบได้ยังไง เมื่อคืนนะ เห็นกอดพี่ซันซะแน่นเชียว"
จูดี้ผละจากแมนมาร่วมกลุ่มสาวๆ
"แต่พี่จูดี้ว่า เขาจะแต่งงานแล้วก็อย่าไปยุ่งกับเขาเลย หาผู้ชายคนอื่นดีกว่า"
"นั่นสิ คุณสมบัติเลิศอย่างแกน่ะ หาแฟนไม่ยากอยู่แล้ว"
"ผู้ชายเกิดใหม่ทุกวัน เดี๋ยวก็มีคนคู่ควรกับน้องซัน"
"แล้วไอ้ที่เกิดใหม่เนี่ย จะทันใช้ไหมพี่จูดี้"
"อ๊ะๆ มันก็ไม่แน่ ดูอย่างพี่สิคะ"
จูดี้บุ้ยใบ้ไปทางแมน
"จริงๆพี่ก็ไม่ได้อยากให้เธอไปแย่งแฟนใครเขาหรอกนะ แต่ถ้าเป็นพี่ ถ้ายังไม่ได้คำตอบที่ชัดเจน ยังไงฉันก็ไม่ถอย"
"แต่ถ้าวุธกับซันลงเอยกันขึ้นมาจริงๆ จ๋าจะไม่เสียใจแย่เหรอ"
ถึงซันจะฮึดขึ้นมาด้วยคำพูดของศศิ แต่พออ้อมพูดเรื่องของจ๋าซันเองก็ลำบากใจเหมือนกัน
จ๋ากำลังเปิดตัวอย่างการ์ดแต่งงานแบบต่างๆให้วุธดู แต่วุธมีท่าทางไม่ค่อยสนใจนัก
"วันนี้จ๋าไปคุยกับโรงพิมพ์เรื่องการ์ดแต่งงาน เขามีแบบมาให้เลือกตั้งเยอะแน่ะ วุธว่าแบบไหนดีกว่ากัน
"แบบไหนก็ได้ จ๋าเลือกเถอะ" วุธว่า
จ๋าวางของชำร่วยหลายแบบลงบนโต๊ะรับแขกให้วุธดู
"แล้วของชำร่วยล่ะ แบบนี้ก็สวยดีนะ แต่แบบนี้ คนก็เอาใช้ประโยชน์ได้ หรือจะเป็นแบบ...”
"เลือกอันที่จ๋าชอบแล้วกัน"
"แต่มันเป็นงานของเราสองคนนะ จ๋าอยากให้วุธมีส่วนร่วมบ้าง"
"มันก็แค่ของชำร่วย นี่จ๋ายุ่งกับมันมาสามวันแล้วนะ เลือกอันไหนก็เหมือนกันนั่นแหละ"
"ของชำร่วยมันก็สำคัญนะวุธ มันเป็นที่ระลึกถึงวันสำคัญที่สุดของเราสองคน จ๋าถึงต้องเลือกชิ้นที่มันน่าประทับใจที่สุด"
วุธถอนหายใจเพราะไม่อยากเถียง
"งั้นไม่เป็นไร เดี๋ยวจ๋าเอาไปให้ซันช่วยเลือก"
"ทำไมต้องไปรบกวนเขา"
"แค่เลือกของชำร่วยมันไม่ลำบากอะไรนี่ แล้วอีกอย่าง ซันเขาก็สไตล์เดียวกับวุธ ถ้าซันช่วยเลือก จ๋าก็มั่นใจ"
"ไม่ต้องไปหาซันเขาหรอก เดี๋ยววุธเลือกเอง"
วุธเลือกหยิบตัวอย่างของมาชิ้นหนึ่งแล้วพูด
"อันนี้แล้วกันนะ"
"แต่แบบนั้นจ๋าไม่ค่อยชอบน่ะ แบบนี้ดีกว่าไหม" จ๋าหยิบอีกชิ้นหนึ่งขึ้นมา
"เห็นไหมล่ะ วุธถึงได้บอกว่าให้จ๋าเลือกเอง ถ้าจ๋าชอบอย่างนึง วุธชอบอย่างนึง ยังไงมันก็ไม่จบ"
วุธถอนหายใจเนือยๆ แล้วลุกเดินหนีไป จ๋ารู้สึกไม่ดี
เจนนั่งทำงานอยู่ที่โต๊ะ ทิชาเดินมาหาด้วยหน้าตาจิก
"เจน! บัตรเชิญเสร็จหรือยัง"
เจนตกใจเพราะเพิ่งนึกได้ "เออ... ฉันลืม"
"ลืม! นี่หล่อนสมองฝ่อหรือไงยะ ฉันให้งานไปตั้งหลายวันแล้วนะ"
"เดี๋ยวจะรีบทำเดี๋ยวนี้แหละ" เจนบอก
"เธอต้องทำให้เสร็จพรุ่งนี้ เพราะฉันต้องเอาบัตรเชิญไปใช้งาน ไม่งั้นฉันจะฟ้องพี่ปุ๊กกี้"
ทิชาสะบัดหน้าเดินกลับไปที่โต๊ะ เจนทำหน้าเบะใส่แล้วเริ่มเกาหัวว่าจะทำยังไงกับบัตรเชิญที่ยังไม่ได้เริ่ม
อาร์ทมองเจนอยู่จากโต๊ะตัวเอง
เวลาผ่านไป นาฬิกาที่ผนังบอกเวลาเที่ยง ทุกคนในออฟฟิศทยอยกันออกไปพักจนเหลือเจนที่กำลังนั่งเครียดอยู่หน้าคอมพิวเตอร์เพราะคิดไม่ออกว่าจะเอายังไง อาร์ทกำลังจะไปพักแต่หันมาเห็นเจนกำลังกุมขมับ ไม่ยอมลุกไปกินข้าว อาร์ทจึงเดินเข้ามาหา
"เอามา" อาร์ทพูดขึ้น
เจนงง "อะไรของนาย"
"บัตรเชิญน่ะ เอารายละเอียดมา เดี๋ยวทำให้"
"นายเนี่ยนะ จะทำให้? ไม่ต้อง ขอบใจ"
"แล้วทำเป็นหรือไง"
เจนชะงักแล้วก็อึ้งไปเพราะเธอทำไม่เป็น
"กราฟฟิค ทำเป็นไหม" อาร์ทถาม
เจนส่ายหน้า
"แต่งรูปล่ะ"
เจนส่ายหน้า
อาร์ทถามต่อ "จัดหน้า หาฟอนท์"
เจนก้มหน้าคอตกเพราะทำไม่เป็นสักอย่าง
"งั้นก็เอามา ข้อความที่ต้องเขียนน่ะมีอะไรบ้าง"
เจนยังลังเลเพราะไม่รู้ว่าอาร์ทจะมาไม้ไหน
"ถ้าไม่อยากให้ช่วยก็ตามใจ"
อาร์ทจะเดินกลับ
เจนเรียกไว้ "เดี๋ยว"
เจนรีบเอากระดาษที่เขียนข้อความยื่นให้อาร์ท
"ไม่อยากจะเชื่อว่านายก็มีน้ำใจเหมือนกัน" เจนพูด
อาร์ทรับกระดาษมาแล้วเดินออกไป
เจนกลับมาเปิดหน้าต่างในเครื่องคอมพิวเตอร์ต่อ หน้าต่างขึ้นมาเป็นรูปเว็บไซต์ช้อบปิ้งซึ่งมีภาพกระเป๋า 2ใบอยู่บนหน้าจอ อันที่จริงสิ่งที่ทำให้เจนเครียดก็คือเลือกไม่ถูกกว่าจะเอากระเป๋าใบไหนดี
"เฮ้อ...เอาใบไหนดีน๊า ทำไมมันเลือกยากแบบนี้เนี่ย"
อ้อมกลับมาที่คลีนิคอีกครั้ง เธอนอนอยู่บนเตียงในห้องฝังเข็มที่เดิม หมอเตรียมเข็มอยู่ข้างเตียง
"แน่ใจนะว่าวันนี้พร้อม" หมอถาม
"พร้อมค่ะหมอ วันนี้ฉันมีสมาธิเต็มที่" อ้อมบอก
"ดีครับ งั้นเริ่มเลยนะ"
หมอเริ่มลงมือฝังเข็ม
วินนั่งทำงานอยู่ที่โต๊ะ พยาบาลเดินเอาแฟ้มมายื่นให้
"คุณหมอคะ ยาที่คุณหมอให้เอาไปให้แลปตรวจเมื่อวันก่อน ผลออกมาแล้วนะคะ"
"ขอบคุณครับ"
พยาบาลออกไปจากห้อง วินเปิดแฟ้มดูแล้วก็มีสีหน้าแปลกใจ
อ้อมนอนอยู่บนเตียง มีเข็มปักอยู่ตามใบหน้าและร่างกาย เสียงโทรศัพท์ดังครั้งแรกแต่อ้อมเกรงใจหมอไม่กล้ารับ เสียงโทรศัพท์ดับไปแล้วดังขึ้นมาอีก คราวนี้อ้อมจำต้องหยิบขึ้นมาดูก็เห็นว่าเป็นชื่อวินโทรเข้ามา อ้อมขออนุญาติหมอด้วยความเกรงใจ
"ขอโทษนะคะหมอ สายนี้ต้องรับอ่ะค่ะ สงสัยสามีมีเรื่องด่วน"
อ้อมไม่รอคำตอบ เธอกดรับทันที หมอเซ็ง
"จ้ะวิน ว่ายังไง...." อ้อมฟัง "รู้เรื่องยาตัวนั้นแล้วใช่ไหม ตกลงว่ามันเป็นยาแก้ไมเกรนหรือเปล่า"
อ้อมหยุดฟังวินจากปลายสายสักพัก แล้วเธอก็เบิ่งตาโตขึ้นอย่างไม่อยากเชื่อ
"จริงหรือวิน...”
ศศิกำลังพูดโทรศัพท์กับอ้อม เธอเพิ่งได้รับข่าวที่อ้อมบอก
"วินเอายานั่นไปเช็คมาแล้วใช่ไหมอ้อม ไม่ใช่ยาแก้ปวดไมเกรน! แล้วมันเป็นยาอะไร" ศศิหยุดฟังอ้อมครู่หนึ่งแล้วก็ถึงกับตาโตขึ้นเสียงสูงทันที "ว่าไงนะ"
ซันพูดโทรศัพท์กับศศิเพราะเพิ่งฟังเรื่องยามาจากศศิ
"แน่ใจนะเจ๊ ว่าเป็นยากล่อมประสาท"
เจนแอบงุบงิบก้มคุยโทรศัพท์กับซันโดยที่รับรู้เรื่องนี้เป็นคนสุดท้าย
"ยากล่อมประสาทชนิดรุนแรงซะด้วยหรือพี่ซัน โอ้โห..งานนี้สนุกแน่"
อ้อมกระเด้งตัวลุกขึ้นมานั่งอยู่บนเตียงฝังเข็มโดยที่เข็มยังเต็มหน้าอยู่ ในมือของเธอยังถือโทรศัพท์ค้างไว้ หมอชะงัก
"ตอนนี้เลยเหรอเจ๊ โอเคๆ"
อ้อมรีบกดสางสายแล้วหันไปบอกหมออย่างร้อนรน
"หมอคะ เอาไว้ก่อนนะคะ วันนี้มีธุระด่วน ต้องรีบไป"
อ้อมลุกจากเตียงไปทันที
"อ้าว เดี๋ยวสิคุณ" หมอฝังเข็มเรียก
รถของศศิแล่นเข้ามาจอดหน้าโรงพยาบาลดังเอี๊ยด ทั้งสี่สาวลงมาจากรถพร้อมกันแล้วมุ่งหน้าไปที่โรงพยาบาล
"พี่ว่าแล้วเชียว ว่าทำไมพี่กินยาไปถึงได้ซึมเศร้าขนาดนั้น เพราะมันเป็นยากล่อมประสาทนั่นเอง"
อ้อมเดินมาพร้อมเพื่อนๆ โดยที่บนใบหน้ายังมีเข็มเล่มหนึ่งโผล่ออกมาจากปลายคิ้ว
"วินยังบอกด้วยนะว่า ยานั่นน่ะเป็นยาที่เขาใช้กับคนป่วยโรคจิต ประเภทบ้าคลั่ง" อ้อมบอก
ศศิยิ่งฟังก็ของยิ่งขึ้น เธอรีบเดินไป ก่อนที่อ้อมจะเดินตาม ซันเข้ามาสะกิดอ้อมไว้
เดี๋ยวก่อนอ้อม
ซันดึงเข็มออกมาจากใบหน้าอ้อม
"อะไรของแกเนี่ย"
อ้อมหน้าแหย "อุ้ย"
ทั้งสี่สาวนั่งอยู่ที่มุมล็อบบี้ของโรงพยาบาล สายตาของทั้งสี่คนจับจ้องมองหญิงสาวคนหนึ่ง ซึ่งก็คือลัดดาที่กำลังไหว้ขอบคุณคนไข้ที่เพิ่งตรวจเสร็จ
"คนนั้นหรือพี่ศิ ที่สวยๆหวานๆนั่นน่ะนะ"
"ใช่"
"ดูแล้วไม่น่าเป็นคนร้ายนะ"
"คนเราน่ะ เห็นแค่หน้าไม่รู้ใจหรอก"
"แล้วเขาจะทำอย่างนั้นเพื่ออะไร ทำไมต้องเอายากล่อมประสาทให้พี่ศิ"
"นั่นแหละที่พี่อยากรู้"
"หรือว่า...งานนี้จะเกี่ยวกับพี่โจ"
"หมายความว่าไง"
"ก็วันก่อนอ้อมมาเจอพี่โจที่โรงพยาบาล ที่อ้อมเล่าให้พี่ศิฟังไง แต่อ้อมก็แค่เดานะ"
พอได้ยินว่าเป็นเรื่องของโจ ศศิก็ของขึ้นทันที
"เข้าไปลุยเลยดีกว่า"
ศศิลุกขึ้นแต่ซันรีบดึงตัวศศิให้นั่งลง
"เฮ้ย เดี๋ยวสิพี่ศิ ปรึกษากันก่อนว่าจะพูดกับเขายังไง ให้เขายอมพูดความจริง"
"นั่นน่ะสิ เออ ซัน เราใช้ยานั่นเป็นหลักฐานได้ไหม"
"ก็น่าจะได้นะ เราไปแจ้งกับทางโรงพยาบาลก่อนดีกว่า ว่ามีการจ่ายยาแบบผิดๆ"
อ้อมกับซันปรึกษากันอยู่ เจนสะกิดแล้วบอก
"พี่อ้อม พี่ซัน พี่สองคนมัวแต่ปรึกษากันอยู่นั่นแหละ ไม่ทันแล้ว"
อ้อมกับซันมองหาศศิไม่เจอ เพราะศศิลุกขึ้นเดินตรงไปที่ลัดดาแล้ว
"อ้าว...”
"เจ๊นี่ก็ใจร้อนตามเคย" อ้อมว่า
ศศิเดินตรงมาหาลัดดาที่กำลังทำงานอยู่ที่เคาน์เตอร์
"คุณลัดดา"
"อ้าว สวัสดีค่ะ คุณศศิ วันนี้มาพบหมอหรือมาทำอะไรคะ"
"มาพบคุณนั่นแหละ"
ลัดดาทำท่าแปลกใจ แนบเนียน
"หาลัดดาหรือคะ มีธุระอะไรหรือเปล่า"
"มี ธุระสำคัญด้วย เรื่องยาที่วันก่อนคุณให้ฉันมา"
"ใช่ค่ะ กินแล้วดีขึ้นไหมคะ"
"ก็ต้องดีสิ เพราะมันเป็นยากล่อมประสาท"
ลัดดาทำงงเพราะไม่เข้าใจ "ยากล่อมประสาท... ? นี่คุณศศิเข้าใจอะไรผิดหรือเปล่าคะ"
"ไม่ผิดแน่ ฉันเอายานั่นไปตรวจมาแล้ว มันเป็นยากล่อมประสาทไว้ใช้กับคนไข้ที่เป็นโรคจิตคลุ้มคลั่ง"
"คุณศศิฟังลัดดาก่อนค่ะ ไมเกรนเนี่ยเป็นอาการที่เกิดจากความเครียด แล้วยาที่ลัดดาให้คุณศิไปน่ะ มีส่วนผสมของยากล่อมประสาทอย่างอ่อนเท่านั้นเอง เพื่อช่วยให้สมองคลายเครียด รู้สึกสงบ ผ่อนคลาย"
"แต่มันไม่ใช่แค่คลายเครียด ฉันกินแล้วมึน อ่อนเพลีย เซื่องซึม คุณจะอธิบายว่าไง" ศศิซัก
"ที่จริงลัดดากับเพื่อนๆก็กินยาตัวนี้เหมือนกันแต่ไม่มีผลอะไรแบบที่คุณศิว่า บางทีอาจเป็นเพราะร่างกายคุณศิอาจจะแพ้ยาบางตัวในนั้นก็ได้ แล้วอีกอย่างลัดดาจะให้ยากล่อมประสาทคุณศิไปเพื่ออะไรกันคะ"
"ฉันสิต้องถามเธอ ว่าเธอให้ยาแบบนั้นกับฉันทำไม" ศศินึกบางอย่างได้ เธอจ้องหน้าลัดดาแล้วคาดคั้น "เธอรู้จักโจหรือหรือเปล่า"
"ใครคะ"
"สามีฉันเอง"
"ทำไมลัดดาต้องรู้จักด้วยล่ะคะ"
"แน่ใจนะ"
ศศิมองหน้าลัดดาอย่างสำรวจเพื่อหาพิรุธ แต่ลัดดาทำหน้าซื่อเหมือนไม่รู้จักจริงๆ
"คุณศศิคะ ลัดดาสาบานได้ว่าลัดดาให้ยาคุณศิไปเพราะหวังดีจริงๆ แต่ถ้าความหวังดีของลัดดาทำให้คุณศิเดือดร้อน" ลัดดาเสียงเครือ "ลัดดาก็ต้องขอโทษด้วยจริงๆค่ะ มันคงเป็นความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ของลัดดาเอง"
ศศิเริ่มใจอ่อนเพราะคิดว่าบางทีลัดดาอาจไม่ได้ตั้งใจคิดร้าย แต่เธอก็ยังไม่มั่นใจ
อ่านต่อหน้าที่ 2
ทางเดินแห่งรัก ตอนที่ 5 (ต่อ)
สี่สาวเดินกลับมาขึ้นรถของศศิ ปิดประตูทั้งสี่ด้านเสร็จสรรพแล้วทั้งสี่ก็ชะโงกหน้าคุยกันทันที
"พี่ศิ ทำไมไม่ซักให้ละเอียดกว่านี้" ซันถาม
"ก็เขาดูหน้าซื่อๆ คงไม่ใช่กิ๊กโจหรอกมั้ง เรียบๆแบบนั้นน่ะไม่ใช่สเป็คโจเขาด้วย" ศศิบอก
"แล้วเรื่องยาจะอธิบายว่าไง" อ้อมถามต่อ
"เขาว่าพี่อาจจะแพ้ยา" ศศิบอก
"ผู้ร้ายก็ต้องปากแข็งแบบนี้แหละ" เจนว่า
"งั้นก็แจ้งโรงพยาบาลเลยดีไหม เอายาไปให้ทางโรงพยาบาลดูเป็นหลักฐาน รับรองดิ้นไม่หลุดแน่"
"พี่ว่าอย่าเพิ่งทำขนาดนั้นเลย"
"ทำไมล่ะ"
"เพราะถ้าเขาทำไปเพราะหวังดีกับพี่จริงๆ เขาก็จะเดือดร้อน"
"แล้วถ้าเขาหวังร้ายล่ะเจ๊" อ้อมถาม
ศศิทำสีหน้าเอาจริง "ถ้าเขาหวังร้าย เขาก็จะเจอเรื่องที่มันร้ายกว่านี้หลายเท่า"
"เจ๊เนี่ยน้า พอบทจะดุล่ะก็ดุยังกับเสือ พอบทจะใจอ่อนขึ้นมา นางฟ้ายังอาย" ซันพูด
โจหิ้วกระเป๋าเพราะเพิ่งกลับจากออฟฟิศ เขาเดินเข้ามาในห้องทำงานที่บ้านก่อนจะวางกระเป๋าและเอกสารลงที่มุมหนึ่งใกล้โต๊ะทำงาน โจวางโทรศัพท์มือถือไว้บนโต๊ะทำงาน เสียงข้อความline ทางโทรศัพท์ดังขึ้น โจหยิบโทรศัพท์เครื่องสำรองที่ไว้คุยกับลัดดาออกมาจากกระเป๋าเอกสารออกมากดดู
หน้าจอมีข้อความจากลัดดา ว่า "กลับถึงบ้านหรือยังเอ่ย ดูแลตัวเองด้วยนะคะ เป็นห่วง"
โจยิ้มๆ เขาพิมพ์บางอย่างกลับแล้ววางโทรศัพท์ทั้งสองเครื่องคู่กันไว้บนโต๊ะ เสียงศศิดังขึ้นจากด้านหลัง
"โจ! รู้จักพยาบาลที่ชื่อลัดดาหรือเปล่า"
โจหันขวับไปเห็นศศิยืนอยู่หน้าห้องทำงานของเขาแล้ว
"ลัดดาไหน" โจทำไก๋
ศศิเดินตรงาด้วยสีหน้าเอาจริง เธอจ้องใบหน้าโจเพื่อจับพิรุธ
"เฮ่ย นี่ศิคิดว่าโจต้องรู้จักผู้หญิงทุกคนบนโลกนี้หรือไง"
"ไม่จำเป็นต้องรู้จักผู้หญิงทุกคนบนโลก แต่คนนี้ รู้จักหรือเปล่า" ศศิถาม
"เขาเป็นใครล่ะ"
ขณะพูด โจนึกได้ว่าโทรศัพท์เครื่องสำรองยังวางอยู่บนโต๊ะ เขาพยายามยืนบังไม่ไห้ศศิเห็น
"แน่ใจนะว่าไม่รู้จัก"
"โธ่ศิ เชื่อใจโจบ้างสิ ช่วงนี้โจทำแต่งานนะศิก็เห็น วันนี้โจก็กลับบ้านเร็วแล้วนะ"
"กลับบ้านเร็ว แต่เสาร์อาทิตย์ก็ไม่ค่อยอยู่ เดี๋ยวนี้โจไปพัทยาทุกอาทิตย์เลย"
"นั่นมันก็เรื่องงาน แล้วไอ้ที่ไปน่ะ ไม่ใช่ว่าโจอยากไปหรอกนะ แต่ลูกค้าเขาอยู่ที่โน่น อ้ะ ถ้าไม่เชื่อใจกัน สุดสัปดาห์นี้ไปด้วยกันเลย"
"ไปไม่ได้ วันเสาร์ลูกๆต้องเรียนพิเศษ วันอาทิตย์เรียนดนตรี"
"อ้าว เหรอ เสียดายจัง"
"ที่ชวนเนี่ยเพราะรู้อยู่แล้วใช่ไหมว่าศิไปไม่ได้"
"โธ่... คิดมากน่าศิ"
ขณะเดียวกันมือของโจที่อยู่ด้านหลังก็พยายามหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมา
"แล้วนั่น ซ่อนอะไรไว้ด้านหลัง" ศศิถาม
"ไม่ได้ซ่อน แต่จะหยิบโทรศัพท์ให้ศิดู"
ศศิกำลังจะอ้อมไปดูด้านหลัง แต่โจรีบยื่นโทรศัพท์ไปตรงหน้าศิ
"อ้ะ โทรศัพท์ อยากเช็คก็เช็คเลย โจบริสุทธิ์ใจ ไม่มีอะไรต้องกลัวอยู่แล้ว"
ศศิรับมากดดู ระหว่างที่ศศิก้มหน้าอยู่กับโทรศัพท์ โจก็รีบหยิบโทรศัพท์สำรองเก็บแว้บใส่กระเป๋ากางเกงทันที ศศิไม่เห็นอะไรผิดปกติ เธอเงยหน้าส่งโทรศัพท์คืนโจ โจฉีกยิ้ม
"เห็นไหม ไม่มีอะไรจริงๆ โจไปอาบน้ำก่อนดีกว่านะ เดี๋ยวลงไปกินข้าวด้วย"
ศศิเรียกไว้ "เดี๋ยวก่อน!”
โจหยุดกึกแล้วกลืนน้ำลาย เขาไม่แน่ใจว่าศศิจะเห็นโทรศัพท์สำรองหรือไม่
"แล้วเย็นนี้อยากกินอะไร" ศศิถาม
"อะไรก็ได้จ้ะ ศิทำอะไรให้ก็ชอบทั้งนั้นแหละ แต่ขอนมสีชมพูด้วยได้ไหมจ๊ะ"
ศศิพยักหน้า โจพยายามยิ้มหวานตอบ
ซันนั่งครุ่นคิดถึงตอนที่คุยกับศศิเรื่องวุธอยู่ตามลำพัง
เสียงศศิดังในหัวของซัน "ยิ่งเขาจะแต่งงานก็ยิ่งต้องบอกความจริง ก่อนที่จะเขาจะตกไปเป็นของคนอื่นอย่างถูกต้องตามกฎหมาย"
"แล้วถ้าบอกไปแล้ว แต่เขาไม่ได้ชอบซันล่ะเจ๊"
"ถึงตอนนั้นจริงๆ ก็ตัดใจสิ จะไปยากอะไร ขอให้ได้คำตอบจากปากเขามาก่อนเถอะว่าเขาไม่ได้คิดอะไรกับเธอจริงๆ"
วุธนั่งทำงานอยู่หน้าเครื่องคอมพิวเตอร์ สักพักเขาก็เปิดดูภาพถ่ายเก่าๆ วุธนั่งมองภาพถ่ายของซันตอนเป็นนักศึกษาแล้วนึกถึงเหตุการณ์เมื่อคืนก่อน
ภาพเหตุการณ์เมื่อคืนก่อนย้อนกลับมา ซันไขกุญแจห้องได้ก็ผลักประตูเข้าไปแล้วหันกลับมาจะลาวุธ แต่ตัวของเธอโอนเอนจนเซถลาไปชนวุธ วุธรับตัวไว้ได้ทัน
"ขอโทษที" ซันพูด
วุธไม่ได้ดึงซันออกแต่กลับกอดเธอไว้ ซันซบอกวุธนิ่งด้วยความรู้สึกทั้งเมาทั้งเป็นสุข
"ขออยู่แบบนี้อีกสักพักได้ไหม" ซันพูด
ทั้งคู่กอดกันนิ่ง
วุธถอนหายใจเบาๆ ด้วยความรู้สึกอาลัยอาวรณ์ เสียงโทรศัพท์ของวุธดังขึ้น ที่หน้าจอชื่อ"จ๋า" โทรเข้ามา
ซันหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมากดไล่รายชื่อที่หน้าจอโทรศัพท์แล้วหยุดที่ชื่อวุธ เธอลังเลว่าจะโทรดีไหมแล้วก็ถอนหายใจเพราะชั่งใจจะเอายังไงดี
เสียงศศิดังขึ้นในหัวของซัน "จริงๆพี่ก็ไม่ได้อยากให้เธอไปแย่งแฟนใครเขาหรอกนะ แต่ถ้าเป็นพี่ ถ้ายังไม่ได้คำตอบที่ชัดเจน ยังไงก็ไม่ถอย"
ซันฮึดขึ้นมาอีกครั้ง
"เอาล่ะ เป็นไงเป็นกัน"
ซันทำท่าจะกดโทรศัพท์ ทันใดนั้นเสียงข้อความline ในโทรศัพท์ซันก็ดังขึ้นมาเสียก่อน ซันหยิบขึ้นมาดูเห็นเป็นข้อความจากวุธ
"วุธ...”
ซันอ่านข้อความเบาๆ
"มีเรื่องสำคัญจะคุยด้วย"
ซันตื่นเต้นขึ้นมาทันทีจะเป็นเรื่องอะไรกัน
วุธกับซันนั่งกินข้าวด้วยกันในร้านแห่งหนึ่ง
"ตกลงนายนัดฉันมานี่ มีเรื่องอะไร" ซันถาม
"ก็...ที่จริงมีหลายเรื่องที่อยากพูด แต่ไม่รู้จะเริ่มต้นยังไงดี" วุธ
ทั้งคู่เงียบไปสักพักเหมือนไม่รู้จะคุยอะไรกันแล้วจู่ๆก็โพล่งขึ้นพร้อมกัน
"เรื่องเมื่อคืนก่อน" / "เรื่องคืนนั้น"
วุธกับซันชะงักเมื่อรู้ตัวว่าพูดพร้อมกัน
"เธอพูดก่อนสิ"
"คือฉันจะบอกว่า เรื่องเมื่อคืนก่อนน่ะ ขอบใจนะที่ไปส่ง ฉันไม่น่าเมาขนาดนั้นเลย"
"ไม่เป็นไร ไม่ได้เห็นภาพเธอเมาแบบนั้นนานแล้วนะ นึกถึงตอนเรียนเลย นี่จำได้บ้างหรือเปล่าว่าคืนนั้นทำอะไรลงไป"
ซันเริ่มเขินแต่ทำไม่รู้เพราะไม่กล้ายอมรับ
"คืนนั้นเหรอ จำ..จำไม่ได้เลย ถ้าฉันทำอะไรให้นายลำบากใจก็ ลืมมันไปซะเถอะนะ" ซันบอก
"อือ งั้นก็ช่างเถอะ ที่เรานัดซันมาวันนี้ เพราะเรา...มีเรื่องสำคัญที่ต้องบอก" วุธบอก
"พอดีเลย ฉันก็มีเรื่องต้องบอกนายเหมือนกัน"
"งั้น ซันพูดเรื่องซันมาก่อนสิ"
"เอ่อ..." ซันรวบรวมความกล้าแล้วก็พึมพำกับตัวเอง "พูดออกไปซี่" ซันตัดสินใจ "วุธ! เอ่อ...ฉัน..." แล้วซันก็ไม่กล้า "เรื่องของฉันมันพูดยาก... ของนายก่อนดีกว่า"
"เรื่องที่เราจะพูดมันอาจจะทำให้ซันลำบากใจ สัญญาก่อนนะว่าจะไม่โกรธ"
"ได้ ฉันจะไม่โกรธ"
"ฟังนะซัน คือ เรา....”
เสียงหนึ่งดังขึ้นด้านหลังพอดี
"วุธ...”
ซันกับวุธหันไปมองก็เห็นจ๋ากำลังเดินยิ้มเข้ามา
"จ๋า!”
จ๋านั่งร่วมโต๊ะกับวุธและซันแล้ว มีจ๋าคนเดียวที่ดูท่าทางร่าเริงอารมณ์ดี
"ที่จ๋าขอให้วุธนัดซันออกมาวันนี้ เพราะจ๋ามีเรื่องสำคัญอยากจะขอร้องซันให้ช่วยน่ะจ้ะ"
"เรื่องอะไร"
"คือจ๋ากับวุธคุยกันแล้ว เราสองคนอยากให้ซันเป็นเพื่อนเจ้าสาว"
"เพื่อนเจ้าสาวเนี่ยนะ" ซันหันไปถามวุธ "ที่นายจะบอกฉันก็คือเรื่องนี้เหรอวุธ"
วุธพยักหน้ารับ "เธอรับปากแล้วนะว่าจะไม่โกรธ"
"ตั้งแต่วุธกับจ๋าตกลงว่าจะแต่งงานกัน ไม่เคยมีอะไรที่เราสองคนเห็นตรงกันเลยสัก อย่างเดียวทั้งการ์ดเชิญ ทั้งเรื่องของชำร่วย แต่ถ้ามีซันมาอยู่ตรงกลางคอยช่วยตัดสินใจบางเรื่องให้ งานนี้ก็น่าจะง่ายขึ้น"
"แต่เรา...”
"น้า ช่วยจ๋าเถอะ จ๋าน่ะเชื่อใจซันที่สุด ส่วนวุธเขาก็ฟังซันอยู่คนเดียว"
"คือเราไม่ค่อยสะดวกน่ะ แค่งานที่บริษัทก็ยุ่งมากพออยู่แล้ว"
วุธก็มีท่าทางไม่สบายใจเหมือนกัน
"นั่นสิ ถ้าเธอยุ่งก็ไม่เป็นไรนะซัน"
"แต่จ๋าสัญญานะว่าจ๋าจะไม่รบกวนมากเกินไป จะขอโทรไปขอคำแนะนำเฉพาะเรื่องที่จำเป็นเท่านั้น"
"คือ...”
ซันตอบไม่ถูกแต่ก็รู้สึกลำบากใจ
"อย่าปฏิเสธเลยนะซัน" จ๋าบอก
วุธกับซันเดินออกมาด้วยกัน วุธจะไปส่งซันที่รถ
"ขอบใจมากนะซัน ที่จริงเราเองก็ไม่อยากรบกวนเธอ แต่ถ้ามีซันเป็นเพื่อน จ๋าเขาคงสบายใจขึ้น"
"ที่นัดฉันออกมาวันนี้ก็เพื่อเรื่องนี้ใช่ไหม"
วุธพยักหน้ารับ
ซันหงุดหงิด "ฉันกลับล่ะ นายไม่ต้องไปส่ง ฉันไปเองได้"
ซันเดินไปแต่วุธยังเรียกไว้
"ซัน! เดี๋ยวก่อน"
ซันหยุดแล้วหันกลับมามองวุธ
"แล้วที่เธอบอกว่ามีเรื่องจะบอกเรา มีอะไรหรือเปล่า"
"ฉันลืมไปแล้วล่ะ ช่างมันเถอะ"
ซันเดินไปที่รถ จ๋าที่เพิ่งออกมาจากห้องน้ำทีหลังเดินตามมาถึงหน้าร้าน เธอเห็นซันขับรถออกไปพอดี จ๋าโบกมือให้ด้วยท่าทางใสๆ
"อ้าว ซันไปแล้วเหรอวุธ" จ๋าโบกมือให้ "ขับรถดีๆนะซัน"
ซันเปิดประตูห้องเข้ามา โดยมีอ้อมกับเจนตามมาติดๆ
"กำลังจะไปบอกว่าชอบเขา แต่กลับไปโดนเขาขอให้เป็นเพื่อนเจ้าสาวซะงั้น ยังไงกันเนี่ยพี่ซัน"
ซันทิ้งตัวลงนั่งที่โซฟาในห้องอย่างเซ็งๆ
"ฉันก็ไม่ได้คิดว่ามันจะออกมาเป็นแบบนี้"
"ก็ดีแล้วล่ะ ฉันว่าแกตัดใจเรื่องวุธซะเถอะ"
"พูดง่ายๆแบบนั้นได้ยังไงพี่อ้อม ระดับพี่ซันนะ เคยยอมแพ้อะไรง่ายๆซะที่ไหน"
"แต่เรื่องแบบนี้ จะอาชนะไปเพื่ออะไร พอคนนึงชนะอีกคนก็ต้องเจ็บปวด"
"แล้วพี่อ้อมจะให้พี่ซันทำยังไง"
"ก็ไม่ยากนี่ หาแฟนสักคน ถ้าซันได้เปิดโอกาสให้ตัวเองเจอผู้ชายคนอื่นบ้าง ซันต้องตัดใจจากวุธได้แน่"
เจนเริ่มคล้อยตาม "เออ... ก็ดีนะ เอาแบบหล่อเวอร์ รวยเว่อร์ จะได้ฟินเวอร์กันไปเลย"
ซันหันมามองทั้งสองสาวอย่างเซ็งๆ
"นี่ ไอ้ที่ตกลงเออออกันอยู่เนี่ย ถามฉันสักคำหรือยัง"
"ยัง แล้วก็จะไม่ถามด้วย แกอยู่เฉยๆ เรื่องนี้ฉันจัดให้แกเอง"
อ้อมมีแผนในใจ แต่ซันยังไม่อยากรับรู้อะไร
แพทเดินนำสุธีร์เข้ามาในออฟฟิศ พนักงานกำลังทำงานอยู่ แพทเปิดประตูห้องห้องหนึ่งออก ภายในห้องมีโต๊ะทำงานว่างๆ ตั้งอยู่ตัวหนึ่ง
"นี่ห้องทำงานเธอ ต่อไปเธอก็มาทำงานที่นี่นะ สุธีร์"
"ว้าว...มีห้องส่วนตัวด้วยเหรอ"
"ใช่"
"แพท ฉันขอบใจเธอจริงๆนะ ถ้าไม่มีเธอฉันคงไม่รู้ว่าจะทำยังไงต่อ"
"ไม่ต้องมาขอบใจหรอก เพื่อนเขามีไว้ช่วยเหลือกันไม่ใช่หรือ"
"นี่แหละเขาถึงว่าในยามลำบากเราถึงจะเห็นเพื่อนแท้ เธอคือเพื่อนแท้ที่ดีที่สุดของฉันจริงๆ ส่วนนังซัน ฉันก็จะไม่มีวันยกโทษให้นังนั่นเลย คอยดู"
แพทยิ้มพอใจที่ซื้อใจสุธีร์มาเป็นพวกได้สำเร็จ
ณ บริษัทรับออกแบบตกแต่งภายในของโจ ศศิจูงต้นกล้ากับข้าวหอมเข้ามาอย่างคุ้นเคย ในมือศศิมีถุงเครื่องสำอางแบรนด์หรูมาด้วย "ปรางค์" เลขาของโจพอเห็นศศิก็ตรงรี่เข้ามาหา
"คุณศศิ วันนี้มาถึงออฟฟิศเลยหรือคะ"
"ค่ะ พอดีวันนี้เด็กๆเลิกเรียนเร็ว ว่าจะพาไปกินข้าวนอกบ้าน ก็เลยแวะมารับโจด้วย" ศศิยื่นถุงเครื่องสำอางให้ปรางค์ "นี่ค่ะ ศิเอาของมาฝากคุณปรางค์ด้วยนะคะ"
"อูย ของแพงขนาดนี้ ทีหลังไม่ต้องมาฝากก็ได้ค่ะ ปรางค์ก็แค่เลขาเล็กๆ คนนึงเท่านั้นเอง"
"เลขาเล็กๆ แต่ก็เป็นคนสำคัญของบริษัทนะจ๊ะ และที่สำคัญเป็นคนที่ศิไว้ใจที่สุด" ศศิเสียงเบาลง "เป็นไงบ้างคะ ช่วงนี้ มีข่าวอะไรที่ศิควรรู้ไหม"
ปรางค์ทำเสียงเบาตาม "ไม่มีเลยค่ะ เงี๊ยบเงียบ ไม่มีเจ๊าะแจ๊ะใครให้เห็นเลย"
"เหรอ งั้นก็ดีแล้วล่ะ แล้วที่ไปพัทยา...”
"นั่นน่ะเรื่องงานจริงๆค่ะ คุณโจต้องไปเตรียมงานเรื่องออกแบบตกแต่งโรงแรมที่โน่นน่ะค่ะ"
"แล้วคุณปรางค์ไม่ได้ไปด้วยหรือคะ"
"หูย... เสาร์อาทิตย์ปรางค์ไปไม่ได้หรอกค่ะ ปรางค์มีครอบครัวต้องดูแลนะคะคุณศิ"
"ไม่เป็นไรค่ะ ศิเข้าใจ"
"ถ้ามีอะไร ปรางค์จะรีบส่งข่าวทันทีเลยค่ะ"
"แล้วนี่โจทำอะไรอยู่คะ"
"ตอนนี้คุณโจคุยงานอยู่ค่ะ"
ปรางค์พูดไม่ทันขาดคำ ต้นกล้ากับข้าวหอมก็พากันวิ่งไปที่ห้องเองทำงานโจซะแล้ว ศศิห้ามไม่ทัน
ต้นกล้ากับข้าวหอมถลาเข้ามาในห้องทำงานของโจ โดยมีศศิตามมาดู
"คุณพ่อ...”
ศศิเห็นว่าโจกำลังดูร่างงานออกแบบตกแต่งอยู่กับแพท โจหันมามองอย่างแปลกใจที่เห็นศศิกับลูกๆ มา
"อ้าว...มาได้ยังไงกัน"
โจกอดลูกทั้งสองคนอย่างคิดถึง
"พอดีไปแวะรับลูกมา ยัยข้าวหอมบ่นคิดถึงพ่อ ศิก็เลยพามาหา จะพาโจไปกินข้าวด้วยกัน"
"ได้เลย แต่ว่าทุกคนต้องรอพ่อคุยงานให้เสร็จก่อนนะ"
ศศิกับแพทมองหน้ากัน โจรีบแนะนำ
"อ้อศิจ๊ะ นี่ คุณแพท คุณแพทเป็นมีเดียแพลนเนอร์มือหนึ่ง ตอนนี้คุณแพทกับโจกำลังทำโปรเจคโรงแรมด้วยกัน คุณแพทนี่ศศิ ภรรยาผม"
"เป็นมีเดียแพลนเนอร์ ต้องมาคุยงานถึงบริษัทออกแบบเลยหรือคะ"
แพทยิ้มเป็นมิตรอารมณ์ดี "อ๋อ พอดีแพทมีเรื่องต้องปรึกษาคุณโจด่วนน่ะค่ะ แพทก็ เลยแวะมา เดี๋ยวแพทจะรีบคุยงานให้จบแล้วกันนะคะ พี่โจจะได้ไปกินข้าวกับครอบครัว"
ศศิยังไม่ไว้ใจแพทเท่าไหร่
ศศิออกมาจากห้องทำงานของโจ เธอเข้ามาถามปรางค์ที่โต๊ะอีกครั้ง
"คุณปรางค์คะ ผู้หญิงในห้องโจเมื่อกี๊...”
"อ๋อ คุณแพทน่ะค่ะ"
ศศิคุ้นๆชื่อ "แพท...”
"จากบริษัทเอเจนซี่ค่ะ เจอกันแค่ไม่กี่ครั้ง ไม่มีอะไรในกอไผ่ค่ะ"
"แน่ใจใช่ไหมคะ"
"รับประกันเลยค่ะ เปรี้ยวเผ็ดเข็ดฟันแบบนี้ ไม่ใช่สเป็คคุณโจหรอก"
โจกับแพทออกมาจากห้องทำงานพอดีเพราะคุยงานเสร็จแล้ว
"ดีใจนะคะที่ได้เจอคุณศศิตัวจริง พี่โจพูดถึงคุณศศิให้ฟังตลอดเลยค่ะ"
"คุยว่าไงคะ"
"พี่โจบอกว่าคุณศศิเคยทำงานเอเจนซี่มาก่อนเหมือนกัน เป็นครีเอทีฟมือทองด้วย"
"คุณแพทเขาพูดอยู่หลายครั้งแล้วว่าอยากเจอศิ"
"พอดีแพทเพิ่งกลับมาจากต่างประเทศมาได้แค่ไม่กี่เดือน อยากคุยกับคนที่มีประสบการณ์ในวงการโฆษณาบ้านเราบ้าง พี่โจเลยบอกว่าพี่ศิเคยทำงานเอเจนซี่ชื่อดัง แพทก็เลยคิดว่า ถ้ามีโอกาส จะมาขอความรู้จากพี่ศิบ้าง"
"ถ้างั้นก็ยินดีค่ะ"
"แต่วันนี้ท่าทางจะเป็นวันครอบครัว แพทไม่กวนดีกว่านะคะ เอาไว้คราวหน้าแพทจะขอนัดพี่ศิเป็นการส่วนตัวคุยกันแบบผู้หญิงผู้หญิง พี่โจคงไม่ว่านะคะ"
"เชิญตามสบายเลยครับ"
"งั้นวันนี้แพทกลับก่อนนะคะ"
"เดี๋ยวผมไปส่ง"
ศศิมองตามโจกับแพทไป คู่นี้ดูไม่มีพิรุธแต่ศศิก็ไม่รู้ว่าจะวางใจดีหรือเปล่า
โจเดินมาส่งแพทที่หน้าประตูบริษัท
"วันนี้แพทได้ความรู้ใหม่จากพี่โจหลายเรื่องเลยนะคะ ขอบคุณมากๆเลยค่ะ"
"ด้วยความยินดีครับ เอ่อ คุณแพทครับ เรื่องที่พัทยา...”
"เรื่องคุณลัดดาใช่ไหมคะ"
โจพยักหน้ายอมรับ
"พี่โจไม่ต้องห่วงหรอกค่ะ แพทรู้ว่าอะไรควรพูดหรือไม่ควรพูด พี่โจกับแพทก็ถือว่าเป็นเพื่อนกัน เพื่อนก็ต้องช่วยรักษาความลับของเพื่อน ถูกไหมคะ"
"ขอบคุณมากครับแพท"
แพทโบกมือลาโจแล้วเดินออกจากออฟฟิศไป พอคล้อยหลังแพทก็ยิ้มมุมปากเพราะมีแผนการบางอย่างในใจ
อ้อมนั่งเปิดนิตยสารอ่านไปเรื่อยๆ ด้วยสีหน้าเครียดเล็กน้อย จูดี้เดินมานั่งตรงข้าม
"น้องอ้อม หน้ายุ่งแบบนี้ หาข้อมูลเรืื่องทำลูกอีกล่ะสิ"
"ค่ะ"
"แล้วนี่ไม่ไปฝังเข็มแล้วเหรอ" จูดี้ถาม
"คราวก่อนอ้อมหนีหมอออกมากลางคันแบบนั้น หมอเขายังโกรธอยู่เลยค่ะ คงไม่กล้ากลับไปแล้วล่ะ"
"วันนี้พี่จูดี้มีเคล็ดลับใหม่ๆมาบอก สนใจไหม"
อ้อมตื่นตัวขึ้นทันที "อะไรคะ"
"เคล็ดลับอันนี้นะเด็ดสุดๆ ถ้าไม่รักกันจริง พี่จูดี้ไม่เอาบอกเด็ดขาด เราเรียกมันว่าลีลาเด็ด 11 กระบวนท่า"
“11กระบวนท่า มันเป็นยังไงอ่ะพี่จูดี้"
"มันก็คือกระบวนท่าที่จะช่วยให้คุณน้องมีลูกได้เร็วสมหวังดังใจไงล่ะคะ" จูดี้บอก
จิตสมรเดินผ่านร้านกาแฟ พอมองเข้าไปในร้านก็เห็นจูดี้กับอ้อมกำลังก้มอ่านอะไรบางอย่างอย่างตั้งใจ จิตสมรอดสอดรู้ไม่ได้จึงต้องเข้าไปดูให้รู้ชัด พอจิตสมรเข้ามาในร้านก็ตรงไปหาอ้อมทันที
"ทำอะไรกันอยู่คะคุณอ้อม ท่าทางเครียดเชียว" จิตสมรถาม
"กำลังช่วยพี่จูดี้อ่านโพยอยู่ค่ะ" อ้อมบอก
จิตสมรถามต่อ "โพยอะไรเอ่ย"
จิตสมรชะโงกหน้าไปดูกระดาษแผ่นนั้นบนโต๊ะ แล้วส่งเสียงราวกับขยะแขยงในตอนแรก
"อ๊าย... ตายแล้ว เรื่องแบบนี้ อี๊... เรื่องบัดสีแบบนี้" แล้วจิตสมรก็อารมณ์เปลี่ยนเป็นสนุกไปด้วย "ทำไมไม่ถามจิตหมอนล่ะคะ จิตหมอนถนัดที่สุด"
จูดี้เซ็ง "เอาล่ะ ถ้าถนัดก็ดีแล้ว มาช่วยกันหน่อยซิ"
"ช่วย ทำอะไร" จิตสมรงง
ซันกับเจนเพิ่งกลับมาจากทำงานด้วยกัน ทั้งสองกำลังจะเข้ามาในร้านของจูดี้แต่ภาพตรงหน้าก็ทำให้ทั้งคู่ต้องยืนตะลึง เพราะทั้งคู่เห็นจูดี้กับจิตสมรกำลังจัดท่าเข้าคู่กับจิตสมร โดยจูดี้นอนราบบนพื้นโต๊ะ จิตสมรขึ้นคร่อม เพื่อสาธิตให้อ้อมดู อ้อมยกกล้องมือถือขึ้นเก็บภาพไว้
"ท่าแรกเรียกว่า ท่ามาตรฐาน มิชชั่นนารี ผู้หญิงอยู่ข้างล่าง ผู้ชายอยู่ข้างบน" จูดี้บอก
"นี่ นังจู ง่ายไปมั้ยยะเนี่ย ท่าเนี้ย" จิตสมรว่า
"เออน่า อย่าบ่นได้ไหม"
ซันกับเจนเดินเข้ามาสมทบ
"ทำอะไรกันเนี่ย" ซันถาม
"สอนน้องอ้อมเรื่อง ลีลาเด็ด11ท่าอยู่ค่ะ" จูดี้บอก
"พี่จูดี้เขาบอกว่า ท่าพวกนี้จะช่วยให้มีลูกง่ายขึ้น"
เจนพูดซื่อๆ "ท่าอะไรเหรอ ออกกำลังกายเหรอคะพี่จูดี้"
"ค่ะ ออกกำลังกายในร่มน่ะค่ะ" จิตสมรบอก
จูดี้กับจิตสมรช่วยกันทำท่าสาธิตดูตลกๆ อีกหลายท่า จูดี้กับจิตสมรนอนตะแคงตัวประกบกันโดยหันหน้าไปทางเดียวกัน
"ท่านี้เรียก ตะแคงข้างสร้างทายาท" จูดี้บอก
จูดี้โก้งโค้ง จิตสมรเข้าประกบด้านหลัง ทั้งคู่ทำหน้าแยกเขี้ยวเหมือนสัตว์ป่า
จิตสมรพูดชื่อท่า "สัตว์ป่ากระหายรัก"
จูดี้กับจิตสมรขึ้นคร่อมกันโดยสลับหัวสลับหาง
"ตลก69”
จิตสมรนั่งฟินอยู่บนเก้าอี้
"เก้าอี้หรรษา"
สามสาวเริ่มเหวอกับท่ายาก
ศศิกับโจกลับถึงบ้านแล้ว ทั้งคู่ก็เข้ามาในห้องนอน ศศิลองเลียบเคียงถามเรื่องแพทหยั่งเชิงดูท่าทีโจ
"คุณแพทนี่เขาสวยนะโจ" ศศิว่า
"อือ ก็สวยเฉี่ยวดี แต่โจว่ายังไงศิของโจก็สวยกว่า" โจบอก
"มาชมกันแบบนี้ พยายามจะกลบเกลื่อนอะไรอยู่หรือเปล่า"
"กลบเกลื่อนอะไรกัน ไม่มีหรอกน่า โจไม่ได้คิดกับคุณแพทเขาแบบนั้น"
"แล้วคิดแบบไหน"
"ก็แค่เพื่อนร่วมงานธรรมดา"
ศศิสำรวจสีหน้าแววตาโจแต่ก็ดูไม่มีลับลมคมในอะไร
"บ้านคุณแพทเขาอยู่ที่ไหน"
"ไม่รู้สิ ไม่เคยถาม"
"แล้วเขามีแฟนหรือยัง"
โจเข้ามากอดหลังเพื่อเอาใจศศิเพราะอยากให้ศศิมั่นใจ
"โธ่...ศิจ๊ะ โจจะไปรู้ได้ยังไง นี่ไม่ต้องจับผิดเลยนะ โจกับคุณแพทไม่มีอะไรจริงๆ"
"งั้นก็แล้วไป" ศศิว่า
อ้อมกับวินนั่งอยู่ข้างกันบนเตียง อ้อมเปิดภาพถ่ายจูดี้กับจิตสมรให้วินดู วินทำท่าสยองพลางคิดในใจว่านี่มันท่าประหลาดอะไรเนี่ย
"ในตำราเขาแนะนำว่า การทำท่าพวกนี้จะช่วยให้ท้องง่ายขึ้น"
"นี่เราต้องทำหมดทุกท่าเลยหรือเปล่า"
"ใช่สิ ถ้าลองได้หมดทุกแบบ โอกาสติดลูกก็มีมากขึ้นไงจ๊ะ"
"แล้วเราจะไหวเหรอ"
"แหม ก็ไม่จำเป็นต้องทำทุกอย่างในวันเดียวนี่จ๊ะวิน เราลองดูทุกวัน วันละแบบก็ได้"
"ทุกวัน"
อ้อมพยักหน้าซื่อๆ แต่หนักแน่นมั่นใจและเอาจริง "อื้อ"
วินเริ่มหนักใจจึงบ่นพึมพำกับตัวเอง
"เหนื่อยแน่เรา"
อ่านต่อหน้าที่ 3
ทางเดินแห่งรัก ตอนที่ 5 (ต่อ)
ศศิ ซัน อ้อม และเจนนั่งกินขนมพลางพูดคุยกันไป
"แพทน่ะ เป็นเพื่อนสมัยเรียนมหาลัยของอ้อมกับซันเอง" อ้อมบอก
"พี่ก็เดาไว้แล้วว่าต้องเป็นคนเดียวกันกับที่ซันเคยเล่าให้ฟัง" ศศิว่า
"แพทกับอ้อมไม่สนิทกันหรอกพี่ศิ เรียนคนละสาขา" อ้อมแกล้งแซวซัน "แต่นั่นน่ะ เพื่อนรักของซันเขาล่ะ"
"เพื่อนรักอะไรกัน คู่แค้นล่ะมากกว่า"
"แต่วันนัั้นเขาโอเคนะ ดูไม่มีพิษไม่มีภัยอะไร"
"มันฟังดูแปลกๆนะพี่ศิ" ซันท้วง "ปกติยัยแพทไม่ใช่คนเฟรนด์ลี่แบบนี้ แล้วก็ไม่ใช่คนที่จะออกปากของคำแนะนำจากคนอื่นได้ง่ายๆ"
"คิดมากไปหรือเปล่าซัน ขนาดคุณปรางค์ที่เป็นสายให้พี่มาตลอด เขายืนยันกับพี่เองว่า คุณแพทกับโจไม่ได้สนิทกันมาก เป็นแค่เพื่อนร่วมงานธรรมดา แล้วอีกอย่างเขาก็เห็นแล้วว่าโจมีครอบครัวอยู่แล้ว"
"เมื่อก่อนพี่ศิเป็นคนบอกเจนเองนะ ว่าผู้หญิงสมัยนี้ชอบผู้ชายสำเร็จรูป แล้วพี่ศิคิดว่าเขาจะแคร์เรื่องที่พี่โจมีครอบครัวแล้วด้วยเหรอ"
"แต่ท่าทางคุณแพทเขาไม่ใช่ผู้หญิงที่ต้องคอยวิ่งจับผู้ชายมีเงินนะ พี่สืบมาแล้ว ครอบครัวเขารวยจะตาย พ่อเป็นดอกเตอร์ แม่เป็นไฮโซ หน้าที่การงานของตัวเขาเองก็ดี"
"ถ้าเขาจะอยากได้พี่โจ ก็อาจไม่ใช่เพราะเรื่องเงินก็ได้ ซันว่าเรื่องแพทนี่มันต้องมี อะไรผิดปกติแน่ๆ ยังไงพี่ศิก็ต้องระวังไว้หน่อยแล้วกัน"
ตกเย็น บรรยากาศในออฟฟิศเงียบเหงา เหลือแต่โต๊ะเจนกับอาร์ทที่ยังเปิดไฟทำงาน เจนยังนั่งเปิดนิตยสาร แล้วจดข้อมูลบางอย่างอยู่ อาร์ทเข้ามาหาแล้วยื่นusb ไดรฟ์ให้
"เอ้า เสร็จแล้ว แบบอยู่ในนี้ เอาไปปรินท์ใช้งานได้เลย"
เจนไม่ไว้ใจ "คิดตังค์ป่าว"
"ฟรี"
เจนรับมาด้วยความรู้สึกว่าอาร์ทก็มีน้ำใจเหมือนกัน อาร์ทสะพายกระเป๋าเรียบร้อยแล้วทำท่าจะกลับออกไปเลย
"งั้นเดี๋ยวฉันเลี้ยงข้าว" เจนบอก
อาร์ทหันกลับมามอง
"ไม่ต้อง"
อาร์ทเดินออกไปด้วยท่าทางไม่สนใจ
"เฮ้ย เดี๋ยวสิ"
เจนรีบเก็บของลุกตามไป
เจนกับอาร์ทนั่งกินข้าวอยู่ด้วยกันที่ร้านข้างทาง
"ถามจริงๆ ทำไมนายช่วยฉัน" เจนถาม
"คิดว่าไงล่ะ" อาร์ทย้อนถาม
"เพราะนายเห็นความน่ารักของฉันน่ะสิ"
"ไม่ใช่ ให้ตอบตรงๆไหม"
เจนพยักหน้าหงึกๆ
"เพราะรำคาญ" อาร์ทบอก
เจนทิ้งช้อนตกจากมืออย่างหมดอารมณ์
"แผนกคุณเนี่ย วันๆเอาแต่ส่งเสียงวี๊ดว้ายไปทั่วออฟฟิศ พวกผมไม่เป็นอันทำงาน"
"ไม่ใช่ฉันนะ"
"โดยเฉพาะคุณ ผมไม่เห็นคุณจะทำงานอะไรเสร็จสักอย่าง ยิ่งคุณเซ่อซ่า อืดอาดเท่าไหร่ เสียงทิชาก็ยิ่งดังขึ้นเท่านั้น ผมเลยต้องช่วยเอาการ์ดมาทำเองซะให้มันจบๆไป"
"นี่นายว่าฉันเซ่อซ่าเหรอ" เจนย้อนถาม
"ไม่ใช่แค่เซ่อซ่า แต่ยังเปิ่น โก๊ะ ซุ่มซ่าม ที่จริง ผมก็ไม่เห็นพวกพีอาร์อย่างคุณทำอะไรมาก นอกจากพยายามจับผู้ชาย"
เจนของขึ้นจึงปรี๊ดใส่
"นี่! ถ้าไม่ใช่เพราะนายช่วยฉันไว้วันนี้ล่ะก็ ฉันเอาน้ำก๋วยเตี๋ยวสาดนายไป" เจนลุกขึ้น
"แล้วนี่คุณจะไปไหน" อาร์ทถาม
"กลับบ้าน"
"แล้วไหนว่าจะเลี้ยงไง"
"ไม่เลี้ยงแล้ว! จ่ายค่าก๋วยเตี๋ยวฉันด้วยแล้วกัน"
เจนเดินออกไป อาร์ทมองตามแล้วยิ้มมุมปาก เขาเริ่มนึกสนุกที่ได้ต่อปากต่อคำกับเจน
เจนเดินมาที่โต๊ะทำงานของทิชา เธอยื่นUSBให้พร้อมกับกระดาษที่พิมพ์ตัวอย่างการ์ด
"เอ้า การ์ดเชิญงานเปิดตัว เสร็จแล้ว"
ทิชารับไปอย่างไม่ได้ยินดียินร้ายอะไรนัก ก่อนจะเสียบUSBเข้ากับเครื่องคอมพิวเตอร์แล้วเปิดดู
"แน่ใจนะว่าทำเอง" ทิชาถาม
"ใช่น่ะสิ ไม่ได้มีกฏไม่ใช่เหรอว่าห้ามให้คนอื่นช่วยทำ"
"โอเค แบบผ่าน" ทิชาถอดUSBออกแล้วส่งคืน "ต่อไปก็เอาไปพิมพ์ออกมาให้ครบตามจำนวนแขก รายชื่อแขกอยู่นี่" ทิชาหยิบกระดาษรายชื่อให้อีก
"ฉันอีกแล้วเหรอ" เจนถาม
"ใช่ งานออกแบบนี่แค่เริ่มต้น เริ่มแล้วก็ต้องต่อไปให้ครบขั้นตอน ไม่งั้นจะเรียกว่าทำงานเสร็จได้ยังไง"
"แล้วจะเอาไปพิมพ์ที่ไหน"
"โอ๊ย ทำไมต้องถามทุกเรื่อง คิดเองบ้างสิ"
เจนเซ็งแล้วจะเดินออกไป แต่ทิชานึกบางอย่างได้อีกจึงเรียกไว้
"เดี๋ยวก่อน"
เจนชะงัก "อะไรอีกล่ะ"
"เดี๋ยวช่วยลงไปเอาของที่ชั้นล่างให้ด้วย"
"ของอะไร" เจนถาม
"วันนี้มีคนเอาครีมตัวอย่างที่จะแจกนักข่าวมาส่ง ตอนนี้ของอยู่ที่ชั้นล่างแล้ว แต่ยังไม่มีคนไปขนขึ้นมาที่ออฟฟิศ"
"ทำไมต้องเป็นฉันด้วยล่ะ"
"เพราะคนอื่นเข้ายุ่งอยู่น่ะสิยะ เป็นน้องใหม่ไม่ต้องมาซักมาก"
เจนรับงานกลับไปที่โต๊ะด้วยสีหน้าบูด
เวลาผ่านไป เจนหอบกล่องน้ำตาลที่ซ้อนกันเป็นแถวสูงหลายกล่องจนบังหน้าเดินมาตามทางเดินในอาคาร พลางบ่น
"ได้ทีล่ะเป็นจิกหัวใช้ ฉันมาเป็นพีอาร์นะยะ ไม่ใช่กรรมกร ถ้ารู้ว่ามันจะหนักขนาดนี้ล่ะก็ ฉันไม่มีทางรับปากหรอก"
เจนมาถึงหน้าลิฟท์แล้วก็พยายามจะกดปุ่มขึ้นให้ได้ แต่เธอก็ปล่อยมือก็ไมไ่ด้ เจนพยายามจะใช้ข้อศอกบ้าง เข่าบ้างกดปุ่ม แต่ก็ยังไม่สำเร็จซะที จนกระทั่ง ใครบางคนมาช่วยยกกล่องออกไปครึ่งแถว เจนหันมามองคนที่มาช่วย ก็เห็นว่าเป็นจ๊อดนั่นเอง
"ผมช่วย" จ็อดบอก
"ขอบคุณค่ะ"
"ของหนักแบบนี้ทำไมมาแบกอยู่คนเดียวล่ะ น่าจะเรียกคนมาช่วยนะ"
"อ๋อ ไม่เป็นไรค่ะ แค่นี้เองเจนทำได้"
เจนกับจ๊อดยืนรอลิฟท์อยู่ด้วยกัน เจนแอบยิ้มน้อยยิ้มใหญ่อยู่คนเดียว
จ๊อดแบกกล่องใส่ของเดินตามเจนเข้ามาในออฟฟิศ ทุกสายตาในออฟฟิศจ้องมองด้วยความสงสัย อาร์ทที่ทำงานอยู่เงยหน้ามอง จ๊อดกับเจนวางของลงบนโต๊ะ
"ขอบคุณมากค่ะ"
"ไม่เป็นไร" จ๊อดบอก
จ๊อดกำลังจะเดินไป แต่ทิชารีบเดินเข้ามาหา
"พี่จ๊อด วันนี้ทิชาขอกลับด้วยนะ จะได้กินข้าวเย็นด้วยกันด้วย"
"ได้สิ เดี๋ยวเลิกงานแล้วค่อยคุยกันนะทิชา" จ๊อดบอก
จ๊อดเดินจากไป ทิชาหันขวับมาเล่นงานเจนทันที
"เจน! เธอไปทำสำออยอะไร ทำไมพี่จ๊อดต้องเดิือดร้อนช่วยเธอแบกของมาด้วย"
เจนทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้และไม่ตอบทิชาแต่แกล้งทำเป็นพูดลอยหน้าลอยตา
"ก็ไม่รู้สินะ"
MD. ยื่นแฟ้มงานมาให้ตรงหน้าซัน ซันรับไปเปิดดู
"งานด่วนมาอีกแล้วนะคุณซัน"
"สยามสมาร์ทโฟน" ซันอ่าน
"บริษัทมือถือเปิดใหม่ เป็นแบรนด์ไทย เตรียมจะเปิดตัวสู่ตลาดอีกสองเดือนข้างหน้า ตอนนี้เขาต้องการเห็นโมเดลแผนการตลาด การโฆษณา และการวางสื่อทั้งหมด ผมยกหน้าที่ให้ทีมคุณจัดการ" MD. บอก
"ได้ค่ะบอส"
"แต่งานนี้เราต้องพิชงานแข่งกับบริษัทอื่นด้วยนะ บริษัทที่ขายไอเดียได้ถูกใจลูกค้าที่สุด บริษัทนั้นก็จะได้งานนี้ไป เอาให้อยู่นะคุณซัน"
ซันพยักหน้ารับด้วยความมั่นใจ
ซันกำลังประชุมทีม เธอแจ้งข่าวเรื่องงานใหม่
"งานใหม่อีกแล้วเหรอพี่แต่งานอื่นที่ยังคาอยู่ก็ยังมีอีกตั้งหลายงาน พวกเราคงรับไม่ไหวหรอก"
"นี่มันอะไรของพวกเธอเนี่ย ยังไม่ทันได้เริ่มก็บอกว่าไม่ไหวซะแล้ว" ซันว่า
ทุกคนเงียบไปแล้วก็มีสีหน้าหนักใจ
ซันพูดขึ้นมา "งานนี้ถือว่าเป็นงานใหญ่งานแรกตั้งแต่ที่ฉันได้ตำแหน่งใหม่มา เราต้องทำให้ทุกคนในบริษัทได้เห็นว่า ฉันได้ตำแหน่งนี้มาไม่ใช่เพราะโชคช่วย แต่เพราะฝีมือ เพราะฉะนั้น งานนี้ทุกคนต้องทุ่มเทให้เต็มที่ เย็นนี้เลิกงานแล้วมาประชุมกันต่อที่นี่"
หลังจากการประชุม ลูกน้องในทีมซันก็เดินออกมาจากห้อง ทุกคนมีสีหน้าบอกบุญไม่รับ
"ทุ่มเทเต็มที่ไปทำไม ทุ่มเทแล้ววันนึงพวกเราจะโดนไล่ออกเหมือนนังธีร์รึเปล่าเนี่ย" ลูกน้องคนหนึ่งพูด
"งานเก่ายังไม่เสร็จ นี่จะเอางานใหม่แล้ว ผมคนนึงล่ะที่ไม่จะไม่เข้าประชุมเย็นนี้" ลูกน้องอีกคนบอก
พิสมัยท้วง "เฮ้ย จะดีเหรอ"
"เออ ผมก็คิดงานไม่ออกเหมือนกัน เดี๋ยวว่าจะขอลาครึ่งวัน" ตั้มบอก
เจนกลับจากช่วงพักกลางวัน เธอถือถุงใส่แซนวิชมาด้วยอันนึงพร้อมกับเดินเข้ามาหาอาร์ทที่โต๊ะทำงาน
เจนกระแอม "อะแฮ่ม"
อาร์ทเหลือบตาขึ้นมามองแล้วทำเป็นไม่อยากสนใจ เจนวางแซนวิชให้บนโต๊ะ
"เห็นนายไม่ได้ไปกินข้าวกลางวัน ก็เลยซื้อมาฝาก" เจนบอก
"คราวนี้จะให้ช่วยอะไร" อาร์ทถาม
"ช่วย? ช่วยอะไร? ไม่มี๊... คนอย่างฉันน่ะมีน้ำใจกับเพื่อนร่วมงานนะยะ ไม่ได้ทำอะไรเพื่อหวังผลหรอกน่า"
เจนพูดแล้วก็เดินจากไป อาร์ทไม่อยากจะเชื่อแต่ก็ไม่ใส่ใจอีกจึงทำงานต่อ แต่เจนเดินไปได้ไม่ถึง3 ก้าวก็วกกลับมาที่โต๊ะอาร์ทอีก
"ว่าแต่..นายรู้จักร้านพิมพ์การ์ดมั่งไหมอ่ะ"
อาร์ทบ่น "ว่าแล้วเชียว..." อาร์ทตอบเจน "ไม่รู้จัก"
"แต่นายทำงานพวกกราฟฟิคนะ นายต้องรู้จักพวกร้านพิมพ์ โรงพิมพ์อะไรแบบนี้มั่งสิ"
อาร์ทเงียบ
"ถ้านายไม่ช่วย ฉันต้องโดนยายทิชาโขกสับจนเละแน่" เจนบอก
"นั่นมันก็เรื่องของคุณ"
"นี่นายจะปล่อยให้ผู้หญิงบอบบางอย่างฉัน ถูกยัยพวกหมาป่ารุมทึ้งจนไม่เหลือซากหรือไง"
เจนเห็นอาร์ทยังเงียบอีกจึงคิดหาเหตุผลโน้มน้าว
"ถ้านายไม่ช่วยฉัน ฉันก็จะมาตื๊อที่โต๊ะนายทุกวัน แล้วก็จะพูดๆๆจนนายไม่มีสมาธิทำงาน แล้วถ้าฉันทำงานนี้ไม่เสร็จ พวกยัยทิชาก็จะด่าๆๆฉันไปทั่วออฟฟิศ นายก็จะไม่มีสมาธิทำงานเหมือนกัน"
"พอ... หยุดพูดซะทีเถอะคุณ แล้วเดี๋ยวจะถามเพื่อนให้ เรื่องโรงพิมพ์"
เจนยิ้ม "ต้องอย่างนี้สิ"
เจนพูดกับตัวเองขณะเดินกลับไปที่โต๊ะตัวเอง
"ผู้หญิงน่ารักก็ดีอย่างนี้ ทำอะไรใครๆก็อยากช่วย"
ตกกลางคืน ซันนั่งรอลูกน้องอยู่ในห้องทำงานแต่ก็ไม่มีใครโผล่หน้ามาประชุม เธอมองนาฬิกาครั้งแล้วครั้งเล่าจนถอดใจ
"ไม่มาก็ช่าง ฉันจัดการงานนี้เองก็ได้"
เวลาผ่านไป ในออฟฟิศเงียบเหงาแต่ซันก็ยังนั่งทำงานอยู่อย่างคร่ำเคร่ง สักพักเธอก็ร้องขึ้น
"โอย คิดไม่ออกๆ ทำไงดี ไม่มีสมาธิเลย"
ซันพยายามใช้ความคิด แล้วสักพักเธอก็นึกได้
"รู้แล้ว ต้องหาคนช่วย"
ซันกดโทรศัพท์มือถือโทรหาใครบางคน หลังจากรอสายสักพักก็มีเสียงศศิรับสาย
"ฮัลโหล"
"เจ๊ มีเรื่องให้ช่วยอีกแล้ว" ซันบอก
ศศิกำลังพูดโทรศัพท์กับซันที่บ้าน
"จริงๆก็ไม่ใช่ว่าพี่ไม่อยากช่วยนะซัน แต่ตอนนี้พี่ต้องช่วยตัวเองให้รอดก่อน"
"มีเรื่องอะไรอีกล่ะ" ซันถาม
"ก็เรื่องกิ๊กที่โจซุกไว้ที่ไหนสักแห่งน่ะสิ ช่วงนี้พี่ยุ่งอยู่แต่เรื่องนี้นี่แหละ ถ้าหาความจริงไม่เจอพี่ก็คงไม่มีใจไปทำอย่างอื่นหรอก"
"แล้วนี่ซันจะทำยังไงล่ะเจ๊"
"ขอโทษด้วยนะซัน งานนี้เธอต้องช่วยตัวเองไปก่อนแล้วล่ะ" ศศิบอก
ซันวางสายจากศศิไปแล้วก็ยังนั่งครุ่นคิดว่าจะเอายังไงต่อ สักพักก็มีเสียงข้อความเข้า ซันหยิบขึ้นมาดูเห็นเป็นข้อความจากจ๋า
"ซันจ๊ะ เรื่องที่จ๋าขอให้เป็นเพื่อนเจ้าสาว ซันว่าไงเอ่ย"
ซันเซ็ง "เฮ้อ อีกละ"
ข้อความขึ้นที่หน้าจออีกสองข้อความ
"จ๋ารอความหวังอยู่นะ"
"อาทิตย์หน้าจ๋ากับวุธจะเลือกของชำร่วยแล้ว อยากให้ซันช่วยจริงๆ"
ซันกลุ้มใจ "โอย จะอะไรกับฉันนักหนาเนี่ย งานตัวเองก็จะแย่อยู่แล้ว ถ้าฉันมัวแต่ไปช่วยเจ้าสาวแล้วใครจะมาช่วยงานฉันไม่ทราบ" ซันนึกได้ "รู้แล้วว่าใคร"
ซันหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาอีกครั้ง เธอกดหาชื่อวุธแล้วจ้องชื่อวุธอย่างใช้ความคิด
ศศิเดินสำรวจตรวจตราหาสิ่งผิดปกติในห้องทำงานโจ เธอเปิดลิ้นชักแต่ก็ไม่พบอะไรน่าสงสัย ศศิที่ยืนอยู่ข้างโต๊ะพยายามคิดว่า โจซ่อนอะไรไว้ตรงไหนได้บ้าง แต่เธอก็นึกไม่ออก ศสิจะเดินออกไปแต่บังเอิญมือไปปัดเอากองเอกสารบนโต๊ะร่วงลงพื้น
ศศิก้มเก็บเอกสาร ทันใดนั้น ศศิก็เห็นซองใส่ผลตรวจสุขภาพจากโรงพยาบาล ตอนแรกศศิยังไม่สนใจ แต่พอจะวางคืนบนโต๊ะ สายตาของเธอก็พลันเห็นเบอร์โทรศัพท์ที่เขียนอยู่บนซอง ศศิจ้องเบอร์โทรนั้นด้วยความเชื่อว่ามีอะไรบางอย่างผิดปกติ
เจนกำลังกรี๊ดกร๊าดด้วยความสุขใจ
"นี่มันเป็นงานในฝันเจนเลยนะพี่ซัน พี่อ้อม พีอาร์ของเครื่องสำอางค์แบรนด์ดัง เฮ้อ...โชคดีจริงๆเลย"
ซันกับอ้อมนั่งฟังเจนพร่ำเพ้ออยู่ ทั้งสองมองหน้ากันแล้วก็พยักเพยิดเป็นทำนองว่าปล่อยมันไป
เจนพูดไม่หยุด "ยังไม่พอนะ เจนยังได้พบกับชายในฝันอีกต่างหาก"
"ใครอีกล่ะคราวนี้" ซันถาม
"พี่จ๊อด ลูกชายเจ้าของบริษัท ตอนนี้มาช่วยแม่เขาทำงานอยู่ที่บริษัทด้วย หล่อ รวย เพอร์เฟ็คอ่ะ"
อ้อมถามทันที "โสด?”
"ใช่ ยังโสด แต่กำลังควงกับยัยทิชาสาวในบริษัทอยู่คนนึง แต่ก็เป็นแค่คู่ควงเท่านั้น เพราะเนื้อคู่พี่จ๊อดตัวจริง ได้เดินทางมาถึงแล้ว"
เจนทำท่าโอเว่อร์ แต่ซันกับอ้อมไม่ตื่นเต้นด้วย เจนชะงักเมื่อเห็นพี่ๆไม่สนใจ
"คนนี้เจนเอาจริงนะ" เจนบอก
"เพิ่งเจอกันสองสามครั้งแล้วบอกว่าเอาจริง" อ้อมว่า
"งานยังไม่ได้เริ่ม ก็คิดจะหาเรื่องใส่ตัวซะแล้ว แล้วนั่นอะไรอีก"
ซันมองเห็นถุงช้อบปิ้งของเจนที่วางอยู่ข้างตัว
เจนอธิบาย "เสื้อผ้าไว้ใส่ไปทำงาน"
"แล้วของเก่าล่ะ" อ้อมถาม
"ของเก่ามันก็เก่าแล้ว" เจนบอก
"แล้วที่เพิ่งซื้อมาใหม่วันก่อนล่ะ" ซันถามต่อ
"อันนั้นมันชุดไว้ใส่ไปเที่ยว"
ซันกับอ้อมพากันเซ็ง เจนลุกขึ้นไปหยิบถุงมา
"ซื้อมายังไม่ได้ลองเลยอ่ะ งั้นเจนกลับไปลองที่ห้องดีกว่า"
"อ้อมก็จะกลับห้องเหมือนกัน เดี๋ยววินก็คงกลับแล้ว วันนี้เป็นวันสำคัญซะด้วย"
อ้อมยิ้มๆเป็นปริศนา
โจกับลัดดานั่งอยู่ในร้านแห่งหนึ่ง
"พี่ว่า เราต้องเจอกันน้อยลงแล้วนะลัดดา" โจบอก
"ทำไมล่ะคะ" ลัดดาถาม
"พี่ไปพัทยากับลัดดามาสามอาทิตย์ติดแล้ว ศิเขาเริ่มสงสัยแล้วล่ะ"
"มิน่าล่ะคะ วันนั้นคุณศิเขามาหาลัดดาที่โรงพยาบาล"
"ห๊า...ไปหาลัดดาถึงโรงพยาบาล เขาว่าไงบ้าง"
"เขาก็ถามลัดดาว่ารู้จักพี่โจหรือเปล่า"
"แย่แน่ๆ นี่เขาไปได้กลิ่นมาจากไหนของเขา"
เสียงโทรศัพท์ลัดดาดังขึ้น ลัดดาหยิบขึ้นมาดูก็เห็นเป็นเบอร์แปลกๆ
"ใครนะ โทรมาป่านนี้"
ลัดดาทำท่าจะกดรับสาย แต่โจที่มีความระแวงเป็นทุนเดิมอยู่แล้วรีบร้องห้าม
"หยุด! อย่าเพิ่งรับ"
ลัดดาชะงัก
"ไหน พี่ขอดูเบอร์หน่อย"
ลัดดาส่งโทรศัพท์ให้โจดูเบอร์ โจเบิ่งตาโตทันที
"นี่มันเบอร์ศิ อย่ารับนะลัดดา อย่ารับเด็ดขาด"
"แล้วจะให้ทำยังไงล่ะคะ ยิ่งไม่รับเขาจะไม่ยิ่งสงสัยเหรอคะ"
เสียงโทรศัพท์ดังจนตัดไป แล้วก็ดังขึ้นอีก
"ดังอีกแล้วค่ะ"
โจคว้าโทรศัพท์ของลัดดาขึ้นมาก่อนจะตัดสินใจแบบแมนๆ
"เอาล่ะ เรื่องนี้พี่รับผิดชอบเอง" โจบอก
ศศิถือโทรศัพท์แนบหู อีกมือหนึ่งถือซองผลตรวจสุขภาพของโจ ศศิกำลังรอสายแต่ก็ยังไม่มีคนรับ จนสัญญาณหลุดไป ศศิยังไม่ยอมแพ้กดโทรออกอีกครั้ง เธอรอจนกระทั่งมีเสียงเหมือนกดรับสาย
เด็กเสิร์ฟผู้ชายคนหนึ่งในร้านอาหารพูดสายกับศศิ
"สวัสดีครับ"
ศศิเริ่มกระตือรือร้นเมื่อมีคนรับสาย
"สวัสดีค่ะ นั่นเบอร์ใครคะ"
เด็กเสิร์ฟพูดกับศศิ
"เบอร์สมชายครับ"
"สมชายไหน" ศศิถาม
"ก็สมชายน่ะครับ แล้วคุณล่ะครับเป็นใคร โทรมาหาผม มีธุระอะไรหรือเปล่า"
"พอดีฉันเจอเบอร์นี้ที่บ้านน่ะค่ะ ก็เลยสงสัยว่าเป็นเบอร์โทรของใคร นี่คุณทำงานที่โรงพยาบาลหรือเปล่า"
"ครับ ผมเป็นเอ่อ...”
เด็กเสิร์ฟคุยโทรศัพท์อยู่ข้างโต๊ะของโจกับลัดดา โดยมีโจคอยลุ้นอยู่ใกล้ๆ เด็กเสิร์ฟมองโจอย่างขอความคิด โจทำปากแบบไม่มีเสียงเป็นคำว่าบุรุษพยาบาล
"เป็นบุรุษพยาบาลครับ" เด็กเสิร์ฟพูด
"แล้วเบอร์คุณมาอยู่บนซองประวัติสุขภาพสามีฉันได้ยังไง"
"อ๋อ...คือผมเป็นบุรุษพยาบาล แต่ผมก็ขายประกันด้วย"
"ขายประกัน"
"ครับ คือเป็นอาชีพเสริมน่ะครับ เวลามีลูกค้ามาที่โรงพยาบาลผมก็ให้เบอร์ไปแบบนั้นทุกคนแหละครับ เผื่อว่าจะมีใครสนใจจะซื้อประกันกับผม"
โจยกนิ้วให้เด็กเสิร์ฟว่าทำดีมาก
ศศิถามต่อ "แล้ว...”
"แค่นี้นะครับพี่ ผมคุยไม่ได้แล้ว ติดธุระอยู่ หรือถ้าพี่จะซื้อประกันค่อยโทรมาใหม่นะครับ"
เด็กเสิร์ฟกดวางสายแล้วส่งโทรศัพท์คืนโจ โจถอนใจเฮือกจากนั้นก็ส่งแบงค์พันให้เด็กเสิร์ฟ
"ดีมากน้อง น้องช่วยชีวิตพี่ไว้เลยนะเนี่ย"
ศศิวางสายไปแต่ยังไม่หยุดความสงสัย เธอใช้โทรศัพท์ถ่ายภาพเบอร์โทรที่เขียนอยู่บนซองโรงพยาบาลนั้นเอาไว้
โจพาลัดดามาส่งที่รถ
"พี่ว่าลัดดาต้องเปลี่ยนเบอร์โทรศัพท์แล้วล่ะ" โจบอก
"นี่พี่โจกลัวเมียมากขนาดนั้นเลยหรือคะ" ลัดดาถาม
"ไม่ได้กลัว แต่พี่เกรงใจเค๊า"
"แล้วถ้าลัดดาไม่เปลี่ยนล่ะคะ"
"ก็ตามใจนะ แต่ถ้าศิเขารู้เรื่องเราพี่ก็คงมาเจอลัดดาไม่ได้อีก"
"งั้นลัดดาเปลี่ยนก็ได้ค่ะ"
"เราคงต้องหยุดเจอกันสักพักจริงๆซะแล้ว"
"สักพักนี่นานแค่ไหนคะ"
"สักเดือนนึง"
"เดือนนึง! ลัดดาทนคิดถึงพี่โจนานขนาดนั้นไม่ไหวหรอกค่ะ"
"ไม่ไหวก็ต้องไหว เราเคยตกลงกันไว้แล้วไง"
"ค่ะ"
โจพาลัดดาเข้ารถแล้วปิดประตูให้ก่อนจะเดินไปยังรถตัวเอง ลัดดานั่งหน้าเศร้าและเซ็ง
อ้อมเปิดประตูห้องเพื่อให้วินที่เพิ่งกลับจากทำงานเข้ามา
"ดึกแล้วนะจ๊ะอ้อม ยังรออยู่อีกหรือ" วินถาม
"ก็ต้องรอสิ เรามีภารกิจร่วมกันนะ วินลืมแล้วเหรอ" อ้อมบอก
"อ๋อ ไม่ได้ลืมจ้ะ แต่ว่า..นี่มันดึกแล้ว เราเลื่อนเป็นพรุ่งนี้ดีไหม"
"วินจ๊ะ วินเป็นคนบอกอ้อมเองนะ ว่าถ้าเราไม่ทำการบ้าน อ้อมก็ท้องไม่ได้"
"แต่นี่เราก็ทำการบ้านเกือบทุกกันแล้วนะจ๊ะ"
"แต่พี่จูดี้บอกว่าต้องลองให้ครบทุกแบบ ไม่งั้นจะไม่ได้ผลนะ"
"งั้นก็ได้ ว่าแต่วันนี้เป็นแบบไหนจ๊ะ"
อ้อมโชว์ภาพถ่ายที่หน้าจอมือถือให้วินดู วินยิ้มแต่ก็แอบเหนื่อย
โจเปิดประตูห้องนอนเดินเข้ามาเบาๆ เขาเห็นศศินั่งอ่านนิตยสารรออยู่ที่เตียง
"อ้าวศิ ยังไม่นอนเหรอจ๊ะ"
"ยัง เย็นนี้โจไปไหนมา"
"มีประชุมกับลูกค้าจ้ะ"
"โจรู้จักคนชื่อสมชายไหม"
"สมชายไหน อ๋อ.. สมชาย เจอที่โรงพยาบาลน่ะ เป็นพวกชอบตื๊อขายประกัน ศิรู้จักเขาด้วยเหรอ"
"แค่โทรคุยกันน่ะ"
"เขาจะขายประกันล่ะสิ ศิอย่าไปสนใจเลย" โจรีบตัดบท "โจอาบน้ำแป๊บนึง เดี๋ยวมานอนด้วยนะ"
โจเดินเข้าห้องน้ำ ศศิยังไม่สามารถสงบได้จึงลุกขึ้นจากเตียงมาเปิดกระเป๋าสตางค์ของโจดู ศศิเห็นบิลค่าอาหารโรงแรมกับนามบัตรของแพท ศศิหยิบนามบัตรของแพทขึ้นมาดูแล้วเอามือถือของตัวเองมากดบันทึกเบอร์ไว้
ซันมาหาวุธที่บริษัท วุธกำลังจัดโต๊ะเก้าอี้อยู่
"จะให้เราช่วยงานโปรเจคท์สยามสมาร์ทโฟน" วุธทวน
"ใช่" ซันตอบ
"แต่เราก็กำลังจะเปิดบริษัทของเราเองนะซัน"
"ก็นายบอกเองว่าบริษัทนายกว่าจะเปิดทำงานก็เดือนหน้า หมายความว่าช่วงนี้นายก็ยังพอมีเวลาอยู่ เอาไว้บริษัทนายเปิดเมื่อไหร่ ฉันจะช่วยนายเป็นการตอบแทน"
"จริงนะ"
"แน่นอน สัญญา"
"งั้นก็ตกลง"
"นี่ตอบตกลงง่ายไปไหมเนี่ย"
วุธยิ้มๆ
อ่านต่อหน้าที่ 4
ทางเดินแห่งรัก ตอนที่ 5 (ต่อ)
แพทกับสุธีร์ลงจากรถแพท ทั้งสองเดินตรงมาทางอาคารบริษัทของวุธ
"นี่เรามาที่นี่ทำไมกันน่ะแพท" สุธีร์ถาม
"มาดูบริษัทใหม่ของวุธ" แพทบอก
"เพื่อ...”
"ก็มาดูไปอย่างนั้นแหละ ที่จริงจะมาชวนเขาไปทำงานกับพวกเรา"
"นี่ เขาปฏิเสธเธอไปแล้วไม่ใช่เหรอ"
"ใช่ แต่ฉันยังไม่ยอมแพ้ง่ายๆ ตื๊อเท่านั้นที่ครองโลก" แพทบอก
วุธกับซันยังคุยกันอยู่ในออฟฟิศ
"แล้วพวกทีมเธอไปไหนกันหมด ทำไมต้องมาใช้งานคนนอกอย่างเรา" วุธถาม
"ฉันบอกนายตรงๆนะ ไม่รู้ช่วงนี้พวกนั้นเป็นอะไร จู่ๆก็ทำเหมือนบอยคอตอะไรสักอย่าง สั่งงานอะไรก็บ่ายเบี่ยง เรียกประชุมก็ไม่เข้า ถ้าเอาแต่รอพวกนั้น งานก็ไม่เดินหน้าสักที เขาคงไม่อยากทำงานกับฉันแล้วมั้ง" ซันแอบเศร้า แต่ก็พยายามไม่คิดมาก "แต่ก็ช่างเถอะ ถึงไม่มีคนช่วยฉันก็ต้องรับผิดชอบงานนี้ให้รอดให้ได้"
วุธเห็นใจซันแล้วก็พยายามให้กำลังใจ
"เอาเถอะน่า ยังไงเราก็ช่วยเธอเต็มที่ เอ้ามา ออกแรงช่วยยกโต๊ะก่อน"
"นี่ วันนี้ฉันไม่ได้เตรียมชุดมาเป็นกรรมกรนะ" ซันบอก
"แค่ยกโต๊ะนิดเดียว เอาตัวนี้ไปไว้ผนังด้านโน้น"
ซันเข้ามาช่วยวุธยกอีกด้านหนึ่งของโต๊ะ ทั้งคู่ช่วยกันแบกไปวางมุมหนึ่ง
ระหว่างนั้น แพทกับสุธีร์ก็มาถึงหน้าออฟฟิศ ทั้งสองมองเข้าไปข้างในเห็นซันกับวุธยกโต๊ะอยู่ด้วยกัน
"นังซัน! นี่มันมาทำอะไรอยู่ที่นี่" แพทตกใจ
หลังจากที่วุธกับซันวางโต๊ะลงตรงตำแหน่งที่ต้องการ นิ้วของซันก็โดนมุมโต๊ะบาดเข้า
"โอ้ย"
"เป็นอะไร" วุธถาม
วุธรีบเข้ามาดู เขาดึงมือซันไปดู
"ไหนดูซิ เจ็บไหม"
"ก็เจ็บน่ะสิ ถามได้"
"เดี๋ยวต้องหายามาใส่ ในนี้ไม่มีซะด้วย"
"ช่างเถอะ นิดเดียวเอง"
วุธมองด้วยความเป็นห่วง เขาดึงผ้าเช็ดหน้ามาจากกระเป๋าพันรอบนิ้วให้ซัน ซันมองวุธที่กำลังเอาผ้าพันนิ้วให้เธออย่างเขินๆ ซึ้งๆ แพทกับสุธีร์มองวุธที่กำลังกุมมือซัน แล้วแพทกับสุธีร์ก็มองหน้ากัน
"แกเห็นอย่างที่ฉันเห็นไหมแพท" สุธีร์ถาม
"เห็นชัดเลยล่ะ" แพทบอก
แพทยิ้มน้อยๆ แบบมีแผนในใจ
จ๋านั่งฟังแพทกับสุธีร์เล่าเรื่องที่เกิดขึ้น แพทกับสุธีร์นั่งจ้องหน้าจ๋าแบบรอลุ้นเพราะอยากรู้ท่าทีของจ๋า
"ที่เล่ามาเนี่ยเป็นจริงทุกคำ ไม่มีใส่สีตีไข่" สุธีร์บอก
จ๋าหัวเราะเบาๆออกมาเพราะเห็นว่าเป็นเรื่องไร้สาระ
"เป็นไปไม่ได้หรอก ซันเนี่ยนะจะชอบวุธ ถ้าเขาชอบกัน เขาก็น่าจะเป็นแฟนกันไปตั้งนานแล้ว เขารู้จักกันก่อนที่วุธจะมาคบกับจ๋าซะอีก"
แพทกับสุธีร์เซ็งๆ ทั้งสองรู้สึกไม่สนุกที่จ๋ามองโลกในแง่ดีเกินไป
"แล้วสองคนนั้นน่ะนะ เจอหน้ากันทีไรก็มีแต่จะชวนกันทะเลาะ แพทกับธีร์เข้าใจผิดอะไรหรือเปล่า" จ๋าบอก
"ไม่ผิดแน่ๆ ทั้งจับมือกัน มองตากันหวานซึ้งเชียว แล้วมันเรื่องอะไรยัยซันถึงต้องไปขลุกอยู่ที่ออฟฟิศของวุธ บริษัทตัวเองก็มี"
"เขาอาจจะมีธุระกันก็ได้ วุธกับซันเขาไม่ใช่คนแบบนั้นหรอก จ๋าเชื่อใจทั้งคู่"
"แต่เธอไม่ได้ข่าวเหรอ ที่ว่าตอนมัยเรียน วุธเขาเคยชอบซันอยู่"
"ก็คงแค่เพื่อนแซวกันเล่นน่ะ แต่ถึงจะชอบจริงๆ แต่มันก็เป็นอดีตไปแล้วไม่ใช่เหรอ " จ๋าว่า
"อดีตมันก็เหมือนก้อนถ่านนะจ๋า ถ้ามันเป็นถ่านที่มอดดับไปแล้วมันก็ไม่เป็นไร แต่ถ้าอดีตที่มันยังติดไฟอยู่ ไฟมันอาจจะลุกโหมขึ้นมาสักวันก็ได้ ใครจะไปรู้" แพทยุ
จ๋าทำเป็นไม่ใส่ใจที่แพทและสุธีร์พูด แต่ลึกๆ เธอก็อดหวั่นไหวไม่ได้
วุธกับจ๋านั่งกินข้าวอยู่ด้วยกันในบ้าน จ๋าลองเลียบเคียงถามวุธ
"วุธ วันนี้ไปไหนมา"
"ถามแปลกนะจ๋า ก็ไปออฟฟิศน่ะสิ บริษัทกำลังจะเปิดมีเรื่องให้ทำตั้งเยอะ" วุธบอก
"ทำไมวุธไม่เคยชวนจ๋าไปออฟฟิศใหม่เลย"
วุธแปลกใจ "เอ วุธก็ไม่รู้นี่ว่าจ๋าอยากไป ไม่เห็นจ๋าเคยบอก วันหลังถ้าว่างจ๋าก็ไปดูสิ พรุ่งนี้ไปกับวุธก็ได้"
"แล้วซันล่ะ เคยไปออฟฟิศวุธหรือยัง" จ๋าถาม
"เคยไปสองสามครั้ง" วุธตอบ
"ช่วงนี้วุธเจอซันบ้างหรือเปล่า"
"วันนี้ก็เจอกันนะ เขาไปขอให้วุธช่วยเรื่องงานน่ะ"
"พอดีเจอกันแบบกระทันหันน่ะ ก็เลยไม่ได้บอกจ๋า แล้วนี่จ๋ารู้ได้ยังไง"
จ๋าโล่งอก "อ๋อ อย่างนี้นี่เอง แล้วเขาพูดอะไรไหม เรื่องเป็นเพื่อนเจ้าสาว"
"ก็ไม่เห็นว่าไงนะ แต่ถ้าเขาไม่สะดวกก็อย่าไปรบกวนเขาเลย"
จ๋ามองวุธแล้วคิดอยู่สักพักว่าควรถามไหม แล้วเธอก็ตัดสินใจ
"วุธ มีเรื่องนึงที่จ๋ายังไม่เคยถามวุธเลย"
"ว่าไง"
"วุธเอ่อ.. วุธเคยชอบซันหรือเปล่า"
วุธชะงักแล้วอึ้งไปเล็กน้อย
"ก็ชอบสิ ถ้าไม่ชอบจะเป็นเพื่อนกันมาตั้งหลายปีได้ยังไง"
"แล้วตอนนี้วุธคิดยังไงกับซัน"
"ก็เพื่อนกัน"
จ๋ายิ้มแต่ก็ไม่ค่อยสบายใจ เธอเชื่อใจวุธมากกว่า
"แค่นี้แหละ ที่จ๋าอยากฟัง เออ วุธ เรื่องการ์ดแต่งงานน่ะ วุธช่วยจ๋าดูหน่อยได้ไหม จ๋าเลือกแบบไม่ถูก"
"วุธมีงานค้างอยู่ ต้องรีบทำให้เสร็จ จ๋าตัดสินใจไปเลยแล้วกันนะ แบบไหนก็ได้วุธตามใจจ๋า"
วุธลุกออกไปเตรียมทำงานต่อ จ๋าอ่อนใจที่วุธดูไม่ใส่ใจเธอเลย
เช้าวันใหม่ที่คอนโดมีเนียม อ้อมกำลังทำอาหารอยู่ที่ครัว วินที่แต่งตัวเพิ่งเสร็จเดินออกมา
"ทำอะไรจ๊ะอ้อม กลิ่นหอมเชียว"
"ทำอาหารเช้าให้วินไง"
วินมองจานอาหารที่วางเรียงกันอยู่บนเคาน์เตอร์ซึ่งเป็นสารพัดเมนูไข่
"ไข่อีกแล้วเหรอจ๊ะ ไข่ตุ๋น ออมเลท แล้วยังมีไข่ต้มด้วยนะ"
"ก็นี่เป็นช่วงที่วินต้องบำรุงร่างกายเยอะๆ แล้วไข่เนี่ยก็มีประโยชน์ที่สุด" อ้อมบอก
"แต่ช่วงนี้กินไข่ทุกวัน จนหน้าวินจะกลายเป็นไข่แล้วนะ"
"อย่าบ่นสิ อุตส่าห์ทำให้กินนะ แล้วนี่เย็นนี้กลับกี่โมงจ๊ะ"
"ก็คงค่ำเหมือนเดิมน่ะจ้ะ"
"จ้ะ อ้อมจะรอนะ อย่าลืมว่าเรามีนัดกัน"
"เอ่อ... เมื่อไหร่เราจะหมดกระบวนท่าสร้างทายาทกันซะทีจ๊ะอ้อม"
"ก็อีกหลายวันน่ะจ้ะ นี่พี่จูดี้บอกว่าจะส่งแบบใหม่ๆมาให้เพิ่มอีก"
"หา..ยังมีอีกเหรอ"
อ้อมพยักหน้ารับแบบหน้าซื่อตาใส
ศศินั่งอยู่กับแพทในร้านอาหาร แพทยังมีทีท่าสบายๆ
"แพทตกใจเหมือนกันนะคะที่จู่ๆคุณศิก็โทรมา" แพทบอก
"คราวก่อนที่เจอกัน เห็นคุณแพทบอกว่าอยากคุยเรื่องวงการเอเจนซี่ พอดีวันนี้ศิว่างอยากออกมาข้างนอก ก็เลยลองโทรหาคุณแพทดู"
"แล้วเบอร์แพท" แพทสงสัย
"ขอมาจากโจน่ะค่ะ" ศศิบอก
แพทพยักหน้าเข้าใจ
"คุณแพทกลับมาเมืองไทยนานแล้วเหรอคะ"
"สามเดือนแล้วค่ะ"
"แล้วตอนนี้มีแฟนไหมคะ"
แพทหัวเราะ "ยังค่ะ มีคนเข้ามาจีบบ้างแพทก็ลองคบดูไปงั้นๆ ยังไม่ได้คบใครเป็นตัวเป็นตน แพทเป็นพวกอิสระ ไม่ชอบถูกผูกมัด"
ท่าทางของศศิเหมือนกำลังจับพิรุธจนแพทรู้สึกได้
"ที่จริงตอนนี้แพทก็ไม่มีอะไรจะถามคุณศิแล้ว แต่ดูเหมือนว่าคุณศิน่ามีเรื่องที่อยากถามแพทมากกว่า เรื่องพี่โจหรือคะ"
"เอาตรงๆเลยนะคะ... ใช่" ศศิบอก
เจนนั่งเล่มคอมพิวเตอร์ไปเรื่อยเปื่อยอยู่ที่โต๊ะ สักพักอาร์ทก็เดินเข้ามาหาเธอ
"ผมหาร้านพิมพ์การ์ดไว้ให้แล้ว"
"ขอบใจ"
เจนพูดแค่นั้นแล้วก็สนใจคอมพิวเตอร์ต่อ
"แล้วนี่ยังไม่ไปอีกเหรอ"
"ไปไหน" เจนถาม
"ก็ไปที่ร้านไง ผมบอกเขาว่างานด่วน นี่เขารออยู่"
"อ๋อ ดี งั้นนายก็ไปสิ"
"คุณ! นี่มันงานคุณนะ"
"อ้าว ฉันนึกว่านายจะจัดการให้ซะอีก"
อาร์ทหันกลับไปอย่างเซ็งๆ เจนรีบลุกขึ้นมาเรียกไว้
"เดี๋ยวสิ ฉันกำลังจะไปนี่ไง นายไปด้วยกันหน่อยสิ"
อาร์ทยังนิ่งทำไม่สนใจ
"นะๆๆ" เจนอ้อน
"รีบทำให้เสร็จด้วยล่ะ ผมมีธุระอย่างอื่นต้องทำ"
"โอเค แต่รอแป๊บได้ไหม"
"อะไรอีก"
"ก็จะให้ฉันออกไปข้างนอกแบบนี้ได้ไงล่ะ ต้องเติมแป้งที่หน้าก่อน"
"หรือจะไม่ไปก็ตามใจ"
อาร์ทเซ็งสุดๆ เขาเดินหนีไปทันที เจนรีบคว้ากระเป๋าแล้วเดินตามไป
"เดี๋ยวสิ รอด้วย ไปเลยก็ได้" เจนบอก
ศศิยังคงนั่งคุยกับแพทอยู่ในร้านเดิม
"ถ้าเป็นเรื่องพี่โจ คุณศิสบายใจได้ร้อยเปอร์เซ็นต์ค่ะ แพทกับพี่โจเจอกันแค่ไม่กี่ครั้ง ไม่ได้มีอะไรกันมากไปกว่าเพื่อนร่วมงาน พี่โจเขารักคุณศิมากนะคะ คุณศิน่าจะรู้คนที่คุณศิควรจระแวงน่ะ ไม่ใช่แพทหรอกค่ะ แต่เป็นคนอื่นมากกว่า"
"คนอื่น หมายถึงใครคะ" ศศิสงสัย
"แพทไม่ได้เจาะจงใครเป็นพิเศษหรอกค่ะ แพทหมายถึงว่าผู้ชายเพียบพร้อมอย่างพี่โจน่ะ ยังมีสาวๆอีกหลายคนที่คอยจ้องจะคว้าตัวไปอยู่"
เจนกำลังอธิบายงานให้พนักงานร้านเข้าใจ อาร์ทคอยอยู่ที่มุมหนึ่งในร้าน
อาร์ทกับเจนเดินออกมาจากร้านพิมพ์การ์ด ทั้งสองเดินมาด้วยกันเรื่อยๆ
"หิวแล้วอ่ะ ไปกินข้าวกันไหม" เจนชวน
"ไม่ล่ะ ผมจะกลับบ้านแล้ว" อาร์ทบอก
"นี่ ไปด้วยกันก่อนสิ คิดซะไถ่โทษเมื่อวันก่อนไง ที่ฉันบอกว่าจะเลี้ยงแล้วไม่ได้เลี้ยงน่ะ"
"คุณนี่รวยนักหรือไง จะมาเลี้ยงผมน่ะ"
"แหม ถึงจะยังไม่รวย แต่ฉันก็ไม่ได้อดอยากขนาดเลี้ยงข้าวนายไม่ได้หรอกน่า อย่าไปร้านแพงก็แล้วกัน" เจนบอก
ศศิกับแพทเดินออกมาจากร้านอาหารพร้อมกัน ท่าทางของศศิดูเป็นมิตรมากขึ้น
"เรื่องพี่โจเนี่ยนะคะ เดี๋ยวแพทจะคอยดูให้ ยังไงเราก็ผู้หญิงเหมือนกัน แพทเข้าใจค่ะว่าพี่ศิรู้สึกยังไง" แพทบอก
"ขอบคุณคุณแพทมาก"
"งั้นเราก็เข้าใจกันแล้วนะคะ หวังว่าคราวหน้าคงมีโอกาสได้คุยกันอีก"
ศศิยิ้มให้ แพทยื่นมือให้จับ ศศิจับมือแพท
เจนกับอาร์ทนั่งอยู่ที่โต๊ะหนึ่งในร้านข้างทาง
"นี่...ถามหน่อยสิ นิสัยอย่างนายเนี่ย นึกยังไงถึงมาทำงานบริษัทเครื่องสำอาง" เจนบอก
"ก็ไม่ได้อยากขายเครื่องสำอาง แต่อยากลองออกแบบเว็บไซต์ เห็นเขาประกาศรับสมัคร ผมก็เลยลองสมัครดู"
"แล้วนายเรียนอะไรมา"
"สถาปัตย์"
"สถาปัตย์! โอ้โห ไม่คิดเลยนะเนี่ย ว่าหน้าตาทึ่มๆแบบนี้จะเรียนเก่ง ว่าแต่ทำไมมาเป็นกราฟฟิคดีไซน์เนอร์"
"เพราะผมเรียนศิลปกรรมด้วย"
"ตกลงเรียนอะไรกันแน่"
"เรียนทั้งสองคณะ ได้ปริญญามาสองใบ"
เจนตาโตเพราะไม่อยากจะเชื่อ
"หน้าตาแบบนาย ไม่น่าเรียนเก่ง" เจนว่า
"หน้าตาแบบคุณ ดูก็รู้ ว่าไม่ใช่คนเรียนเก่งเหมือนกัน" อาร์ทบอก
"ก็ไม่เก่งน่ะสิ แล้วไง คิดว่ากัดเรื่องเรียนไม่เก่งแล้วฉันจะเจ็บหรือยะ ฉันไม่เดือดร้อนหรอกจะบอกให้ แต่ถ้าบอกว่าฉันไม่สวยเมื่อไหร่ เรื่องใหญ่แน่"
เด็กเสิร์ฟเอาก๋วยเตี๋ยวสองชามมาเสิร์ฟ อาร์ทเตรียมหยิบตะเกียบ
เจนรีบเบรก "เดี๋ยว อย่าเพิ่งกิน"
เจนหยิบโทรศัพท์ออกมาถ่ายรูปก๋วยเตี๋ยวสองชามตรงหน้า
"เดี๋ยวจะเอาไปลงในอินสตาแกรม" เจนบอก
อาร์ทเซ็ง
วินวางชุดทดสอบวันตกไข่ลงบนโต๊ะตรงหน้าอ้อม
"นี่อะไรน่ะวิน"
อ้อมหยิบกล่องขึ้นมาอ่าน
"ชุดทดสอบวันตกไข่"
"วินว่าหมดเวลาสนุกแล้วล่ะอ้อม เราต้องคิดเรื่องมีลูกกันให้จริงจังมากขึ้น" วินบอก
"ที่ทำอยู่นี่ ยังจริงจังไม่พออีกเหรอวิน"
"มันก็จริงจัง แต่วินว่าตอนนี้มันถึงเวลาที่เราต้องใช้เหตุผลทางวิทยาศาสตร์มาช่วยแล้ว"
"ยังไงอ่ะ" อ้อมสงสัย
วินกับอ้อมนั่งคุยกันที่โซฟา วินเปิดไอแพดอธิบายให้อ้อมฟัง
"ผู้หญิงจะท้องได้เนี่ยนะอ้อม มันต้องมีช่วงเวลาตกไข่ คือตอนที่ไข่เคลื่อนมาฝังตัวรอสเปิร์มที่ผนังมดลูกใช่ไหม"
อ้อมพยักหน้าตาม
"ถ้ามีสเปิร์มเข้าไปตอนนั้น ก็จะเกิดการปฏิสนธิ แล้วผู้หญิงก็จะท้อง
"หมายความว่าการที่เราคิดแต่จะเอาสเปิร์มเข้าไป โดยที่ยังไม่ใช่ช่วงเวลาไข่ตก มันก็ไม่มีประโยชน์ใช่ไหม"
"ถูกต้อง เพราะถ้าไม่มีไข่ สเปิร์มเข้าไปก็ตายหมด กว่าจะถึงวันตกไข่ บางทีตัวขุนพลอาจจะตายหมดแล้วก็ได้"
"ก็จริง"
"ช่วงนี้งานวินก็ยุ่ง กลับบ้านก็ดึก วินก็เลยคิดว่าเราเก็บแรงไว้ตอนสำคัญเลย อ้อมดีกว่าไหม"
"โอเคจ้ะ อ้อมเห็นด้วย" อ้อมบอก
ประตูลิฟท์ของโรงแรมเปิดออก โจเดินออกมาจากลิฟท์ เขาเดินไปตามทางเดินที่ตรงไปสู่ห้องพัก เมื่อถึงหน้าห้อง โจก็ไขกุญแจ จู่ๆ ก็มีมือมากอดโจทางด้านหลัง โจสะดุ้งหันกลับไปมองก็เห็นลัดดายืนยิ้มอยู่
"ลัดดา! มาได้ยังไง"
"ก็มาหาพี่โจไงคะ ที่นี่ที่นัดพบของเราไม่ใช่หรือ" ลัดดาถาม
โจมองซ้ายมองขวาแบบเกร็งๆ
"แต่พี่บอกแล้วไงว่า ช่วงนี้เราต้องห่างกันสักพัก"
โจรีบเปิดประตูห้องแล้วดึงตัวลัดดาเข้าห้องมาเพราะกลัวคนมาเห็น โจรีบปิดประตูตามหลัง ลัดดาหันกลับมาแล้วทำน้ำตาคลอ
"พี่โจใจร้ายกับลัดดามากเลยรู้ตัวไหมคะ ไม่เคยติดต่อมาหาลัดดาเลย ลัดดาโทรหาก็ไม่รับสาย ทำไมพี่โจทำแบบนี้ล่ะคะ"
"คือ.. พี่ไม่อยากให้ที่บ้านมีปัญหา"
"แต่พี่โจบอกเองนี่คะว่าเรื่องทางครอบครัวพี่ จะไม่กระทบความสัมพันธ์ของเรา"
"แต่ตอนนี้ศิเขารู้เรื่องแล้ว แล้วพี่ก็เคยบอกลัดดาแล้วเหมือนกันว่าครอบครัวพี่ต้องมาก่อน"
ลัดดาใช้ไม้ตายคือการถอดเสื้อคลุมตัวนอกออกจนเหลือแต่เสื้อตัวบางข้างใน ลัดดาส่งสายตายั่วยวน
"พี่โจไม่คิดถึงลัดดาเลยหรือคะ ลัดดาคิดถึงพี่โจมากเลยนะ"
"เอ่อ...พี่....” โจอึกอัก
ลัดดาเข้ามากอดโจ
"ถ้าเราสองคนรักกัน อุปสรรคอย่างอื่นมันก็ไม่สำคัญหรอกนะคะพี่โจ ลัดดายอมทุกอย่าง พี่โจอย่าทิ้งลัดดาไปไหนเลยนะคะ ขอแค่ให้ได้อยู่กับพี่โจแค่ช่วงเวลาสั้นๆแบบนี้ ลัดดาก็พอใจแล้วค่ะ"
โจใจอ่อนเพราะพ่ายแพ้ต่อความสวยเซ็กซี่ที่อยู่ตรงหน้า
โจกับลัดดานั่งกินข้าวกันที่ร้านอาหารในโรงแรม ทั้งคู่ยิ้มแย้มให้กันอย่างมีความสุข ลัดดาพยายามเอาใจโจ ด้วยการตักอาหารให้ รินน้ำให้แล้วทำท่าจะป้อนอาหาร แต่โจก็ยังเกรงว่าจะมีคนเห็นอยู่ดี
แพทนั่งอยู่ในร้าน สุธีร์เพิ่งเดินเข้ามานั่งที่โต๊ะที่แพทนั่งแล้วเหลือบไปเห็นโจกับลัดดาพอดี
"โอ้โหพี่โจ...มาทำงานแค่ไม่กี่วัน มีปิ่นโตมาเสิร์ฟถึงที่เลยนะเนี่ย นี่ถ้าพี่ศิรู้เข้าได้อาละวาดแหลกแน่" สุธีร์ว่า
"แกรู้จักพี่ศิด้วยเหรอ" แพทถาม
"รู้สิ ก็พี่ศิเคยเป็นเจ้านายเก่าฉันที่เอเจนซี่เดิมไง พี่สาวสุดที่รักของยัยซันเขาล่ะ"
"พี่สาวสุดที่รัก" แพทงง
"ใช่ คู่นี้เขามีแก๊งค์สนิทกันอยู่ ยัยซันมีปัญหาอะไรก็ต้องเรียกให้พี่ศิช่วย แต่ตอนนี้ชักอยากจะรู้แล้วสิว่า แล้วถ้าพี่ศิมีปัญหาขึ้นมาซะเองพวกนั้นจะทำยังไง"
แพทคิดแผนอะไรบางอย่างออกจึงยกมือถือขึ้นถ่ายภาพตอนที่ลัดดาพยายามจะป้อนอาหารให้โจ เสียงชัตเตอร์ลั่นดังแชะ
โจกำลังทาครีมกันแดดที่หลังให้ลัดดาอยู่ที่ริมสระว่ายน้ำ เสียงแชะดังขึ้นอีกครั้ง แพทบันทึกภาพนั้นไว้ในมือถือ
โจกับลัดดาเดินเล่นด้วยกันบนชายหาด กล้องติดเลนส์ซูมยาวยื่นเข้ามา เสียงกดชัตเตอร์รัวเพื่อถ่ายภาพโจกับลััดดาเอาไว้
แพทเปิดโน้ตบุ๊คดูหน้าจอซึ่งเป็นภาพถ่ายของโจกับแพทที่เพิ่งถูกแอบถ่ายไว้สดๆร้อนๆ พนักงานชายของโรงแรมคนหนึ่งนั่งอยู่กับแพทด้วยท่าทีระแวงระวังเพราะกลัวคนเห็น แพทมองภาพถ่ายเหล่านั้นอย่างพึงพอใจ
"ทำได้ดีมาก"
แพทส่งเงินแบงค์พันสามใบให้เด็กพนักงาน พนักงานรับไว้แล้วรีบเดินจากไป
ศศิกำลังดูแลลูกๆ ให้กินข้าว เสียงโทรศัพท์ศศิดังขึ้น ศศิแยกตัวออกมากดรับสาย
"ฮัลโหล"
แพทกำลังโทรศัพท์หาศศิด้วยสีหน้ากังวลและเป็นห่วง
"พี่ศิ นี่แพทนะคะ"
"แพท ว่าไงจ๊ะ"
"แพทมีข่าวมาบอกค่ะ"
"มีอะไรเหรอ"
"เรื่องพี่โจค่ะ ที่จริงแพทรู้ว่าแพทไม่ควรเอาเรื่องแบบนี้มาบอกพี่ศิ แต่ว่าแพทเป็นห่วงพี่ศิจริงๆนะคะ"
"มีเรื่องอะไรหรือคะ" ศศิถาม
"พี่สัญญาก่อนนะคะว่าจะใจเย็นๆ"
"อ๋อ ปกติพี่ไม่ใช่คนใจร้อนอยู่แล้วค่ะแพท บอกมาได้เลย"
แพทกระหยิ่มยิ้มย่องที่ทุกอย่างกำลังเข้าทาง
ภาพถ่ายของโจกับลัดดาที่จับมือเดินเล่นกันที่ชายหาดโชว์อยู่บนipad ของศศิ ศศิเลื่อนดูภาพหลายภาพของคู่โจกับลัดดาที่ถูกถ่ายจากมุมต่างๆของโรงแรมด้วยความโกรธจัด
"โจ! ทำกันถึงขนาดนี้ วันนี้ต้องตายกันไปข้างนึง"
เจนยังนอนซุกใต้ผ้าห่มอยู่ เสียงไลน์จากมือถือดังกระหน่ำไม่หยุด เจนร้องโวยวายขึ้นอย่างรำคาญและงัวเงีย
"โฮ้ย นี่มันวันเสาร์นะ ใครกระหน่ำส่งไลน์มาถี่แบบนี้เนี่ย"
เจนเอื้อมมือหยิบโทรศัพท์มาจากโต๊ะข้างเตียงมากดดูก็เห็นข้อความจากศศิ
"อยู่ไหนกัน เรื่องด่วนๆๆๆ"
"มาเจอกันพี่บ้านพี่ด่วนๆๆ เดี๋ยวนี้"
อ้อมเพิ่งเปิดประตูออกมาจากห้องน้ำด้วยสีหน้าสดชื่ืนดีใจ
"วิน! วันนี้ไข่ตกแล้ว"
"จริงเหรอ งั้นวันนี้เราก็ปฏิบัติการกันเลยนะ" วินบอก
เสียงข้อความไลน์จากมือถืออ้อมดังหลายครั้งจนอ้อมต้องหยิบขึ้นมากดดู
"พี่ศิ"
อ้อมดูภาพถ่ายจากหน้าจอโทรศัพท์มือถือที่ศศิส่งมาแล้วตาค้าง
"พี่โจ! อีกแล้ว" อ้อมว่า
"อะไรน่ะอ้อม"
อ้อมโชว์ภาพถ่ายที่หน้าจอให้วินดู วินเห็นเป็นภาพโจกับลัดดา
"พี่โจนี่จริงๆเลย" วินกลุ้มใจ
"อ้อมต้องไปแล้วล่ะวิน"
"ไปไหน"
"ยังไม่รู้ แต่ต้องไปหาพี่ศิด่วน แต่ว่า..เรื่องไข่ตก"
"เอ้าๆ ไปเถอะ ไม่ต้องรีบก็ได้ ยังพอมีเวลาอยู่ รีบไปรีบกลับแล้วกันนะ"
อ้อมรีบคว้ากระเป๋าแล้วออกไปจากห้อง
วุธกับซันนั่งทำงานอยู่ด้วยกัน เสียงข้อความLINEของซันดังขึ้น ซันหยิบขึ้นมาดู หน้าจอโทรศัพท์ของซัน ในไลน์กลุ่มเป็นรูปsticker โกรธจัดจากศศิตามด้วยภาพถ่ายของโจกับลัดดา จากนั้นเป็นข้อความ
ซันอ่านข้อความเบาๆ "วันนี้ต้องตายกันไปข้างนึง"
"ฮ้ะ เธอว่าอะไรนะ" วุธถาม
"เปล่า ไม่เกี่ยวกับนาย พอดีวันนี้ฉันมีธุระด่วนต้องรีบไป ไปก่อนนะ"
ซันรีบคว้ากระเป๋าลุกขึ้นไปอย่างรีบร้อน
"อ้าว แล้วเรื่องงานล่ะ" วุธถาม
ซันไม่หยุดฟัง วุธได้แต่ส่ายหัว
อ่านต่อตอนที่ 6