เพลิงฉิมพลี ตอนที่ 8
ณไตรเข้าห้องมา หงุดหงิดสุดขีด ถอดสูทปาลงพื้นด้วยความโมโห ย้อนนึกถึงตอนที่เนื้อนางฟ้อนแง้น โดยมีเจ้าแสนพรหมรีบเข้าไปโอบ ณไตรหันไปกวาดของบนโต๊ะ ทั้งกรอบรูป หนังสือ ปากกา หล่นพื้น ระเนระนาด
ณไตรคิดถึงตอนเนื้อนางเชิดใส่ที่ระเบียง ชายหนุ่มมองแผลที่มือมีเลือดกรัง แล้วมองไปไกลอย่างเจ็บแค้น เพราะเข้าใจว่าเนื้อนางคือเมียเจ้าแสนพรหม
ฝ่ายเนื้อนางในชุดนอน สีหน้าทุกข์ระทม คำฝายนั่งเยื้องอยู่ด้านหลัง
“ต่อไปนี้ ถ้าเจอกันอีก ก็ไม่ต้องรู้จัก ไม่ต้องนึกถึงอดีต คิดเสียว่าหนานไตรที่เนื้อนางแต่งงานด้วย ตายไปแล้ว ผู้ชายคนนั้น พ่อเลี้ยงณไตร เค้าเป็นคนที่เราไม่เคยรู้จัก ไม่เคยใกล้ชิด ไม่เคยให้หัวใจ”
ส่วนณไตรนั่งหงุดหงิดงุ่นง่านอยู่ในห้อง แขไขเปิดประตูเข้ามา ณไตรหันขวับไปดู แขไขมองสภาพห้องแล้วพอจะเดาออก
“เนื้อนางละซีนะที่ทำให้พี่ไตรคลั่งได้ถึงขนาดนี้”
“ออกไป แขไข”
ณไตรเข้าไปดันตัวแขไขให้ออกไป แต่แขไขสะบัดตัวสุดแรง
“แขไม่ไป เราต้องพูดกันให้รู้เรื่อง ทำไมคะ พี่ไตรรังเกียจอะไรแขนักหนา แขมีทุกอย่างที่ดีพร้อมกว่าเนื้อนาง ทั้งฐานะ ชาติตระกูล ความงาม แล้วทำไมพี่ไตรถึงไม่แต่งงานกับแข”
แขไขมองจ้อง ณไตรมองแขไข
“นี่คุณจำอดีตไม่ได้เลยใช่มั้ย”
แขไขงง “อดีต...พี่ไตรพูดเหมือนเราเคยรู้จักกันมาก่อน”
“เราเคยรู้จักกัน แต่คุณไม่เคยจดจำผม”
แขไขนิ่วหน้าสงสัย ณไตรตอบด้วยเสียงประชดประชัน
“คุณไม่เคยจำผู้ชายที่คุณหว่านเสน่ห์ให้ เพราะผู้ชายพวกนั้น มีค่าเป็นแค่เครื่องประดับ ทำให้คุณดูมีค่า น่าหลงใหล สวยงามในสายตาทุกคน”
แขไขตกใจมาก ณไตรย้อนหล่อนนึกย้อนไปสู่เรื่องราวในอดีต
ณไตรวัย 20 เป็นหนุ่มน้อย แสนสุภาพ เดินเร็วรี่มาในสวนสวยริมน้ำ แขไขสาวรุ่นวัย 19 แต่งตัวสดใสทันสมัย ยืนอยู่ ค่อยๆ หันมา ณไตรเดินมาหยุดตรงหน้า ยื่นช่อกุหลาบให้
แขไขอมยิ้มดมกุหลาบด้วยสายตาตื่นเต้น ณไตร มองเขินอายกับรักแรก
อีกเหตุการณ์เกิดขึ้นในร้านอาหาร ณไตรถือช่อดอกไม้กำลังจะเดินไปให้แขไขที่ริมหน้าต่าง แขไขกำลังรับแก้วเครื่องดื่มจากกลุ่มผู้ชายที่ล้อมรอบ หัวร่อต่อกระซิก ณไตรกำช่อดอกไม้แน่น มองจ้องภาพแขไขหัวเราะหัวใคร่ ใส่จริตกับชายหนุ่มหน้าตาหล่อที่สุดในกลุ่ม
ต่อมาแขไขนั่งซบไหล่ชายหนุ่มอีกคนอยู่ในรถคันโก้ แขไขหัวเราะระรื่น โดยที่ณไตรยืนอยู่ใต้ต้นไม้ มองภาพบาดใจในรถ
ณไตรเห็นชายหนุ่มกุมมือแขไขขึ้นจูบ แขไขยิ้มอาย ชายหนุ่มโน้มตัวมาใกล้แล้วก้มลงจูบ
แขไขโอบรอบคอชายหนุ่มรับจูบดูดดื่มนั้น พลางเบียดร่างแนบชิด
ณไตรมองภาพของแขไขที่พัวพันผู้ชายมากหน้าด้วยแววตาผิดหวัง
แขไขนึกเรื่องราวตาม มองจ้องณไตร นึกไม่ถึงว่าจะเคยรู้จักกับเขามาแล้วในอดีต
“พี่ไตรเคยรู้จัก เคยรักแขมาก่อน”
“ไม่ใช่ความรัก มันแค่ความหลงของผู้ชายคนนึงที่มองแต่เปลือกนอกสวยงาม แต่พอเห็นนิสัยรักเผื่อเลือกของคุณ ผมถึงได้ตาสว่าง ไม่เคยอยากเข้าใกล้คุณอีก”
“ตอนนั้นแขไม่รู้ว่าพี่ไตรเป็นใคร พี่ไตรไม่ยอมบอกแข แขไม่รู้ว่าครอบครัวเรารู้จักกัน”
“ดีแล้วที่คุณตัดสินผมแค่ภายนอก แล้วก็ไปหว่านเสน่ห์ให้ผู้ชายคุณคิดว่าโก้กว่า ไม่รู้กี่คนต่อกี่คน” ณไตรเน้นคำตอนท้าย “ไม่เคยซ้ำหน้า”
“แขผิดไปแล้ว ตอนนั้นแขยังเด็ก พี่ไตรยกโทษให้แขได้มั้ยคะ”
“ผมต้องขอบคุณคุณต่างหาก แขไข คุณทำให้ผมรู้ตั้งแต่วันนั้นว่า สิ่งที่ผมเกลียดที่สุดและไม่มีวันยอมรับได้ คือผู้หญิงมากรัก หลายใจ”
ณไตรผลักแขไขออกไปพ้นประตู
“อย่าเข้ามาใกล้ผม”
แขไขอ้อนวอน “พี่ไตร แขขอโทษ พี่ไตรก็รู้ว่าเราคู่กัน ให้หนีความจริงแค่ไหน แขก็ยังเป็นคนที่อยู่ในใจพี่ไตร อยู่มาก่อนเนื้อนางด้วยซ้ำ ตอนนั้นแขโง่เองที่ล้อเล่นกับความรักของพี่ไตร”
“คุณไม่ได้อยู่ในใจผมอีกแล้ว ผมไม่ได้รักคุณ แขไข ใจผมมีแต่ เนื้อนาง”
ณไตรไม่ยอมดันแขไขออกไปอย่างแรงจนแขไขเซ พอร่างแขไขออกพ้นประตู ณไตรกระชากประตูปิดปังทันที
แขไขทุบประตูไม่ลดละ
“พี่ไตร แขขอแก้ตัว ตอนนี้แขรักพี่ไตรนะคะ แขรักพี่ไตรคนเดียว”
ณไตรไม่สนใจ เดินหงุดหงิด
“ไปให้พ้น”
เสียงณไตรตวาดดังลั่นออกมาด้านนอก แขไขตกใจ ถอยออกมา แต่แววตาดื้อดึง อยากเอาชนะ
“พี่ไตรเคยรักแขมาแล้ว ทำไมแขจะทำให้พี่ไตรรักแขไม่ได้อีก”
ณไตรตื่นแต่เช้าเดินเร็วเป็นพายุจะไปคุ้มเจ้าแสนพรหม ธรรพ์กำลังยืนจิบชาอยู่หันมามองพี่ชาย
“ไปไหนแต่เช้าครับพี่”
“คุ้มเจ้าแสนพรหม”
“ยังตกลงเรื่องซื้อกิจการของเจ้าไม่เสร็จเหรอครับ เมื่อคืนก็เห็นกลับมาดึก”
วันดีถือถาดเดินผ่านมาจะเข้ามาเก็บแก้วชา เห็นพี่น้องคุยกันก็มองอยู่ห่างๆ
ธรรพ์วางถ้วยชาลง มองพี่ชาย ณไตรเอ่ยขึ้น
“ฉันเจอเนื้อนางแล้ว”
ธรรพ์ตกใจ วันดียังหลบฟังอยู่ หน้าตาอยากรู้
“เนื้อนางเป็นเมียเจ้าแสนพรหม”
“ไม่น่าเป็นไปได้”
“ฉันเห็นกับตา”
ธรรพ์มองสีหน้าฉุนเฉียวของพี่แล้วเอ่ยปลอบ
“ถ้าเนื้อนางเลือกจะเป็นเมียเจ้าแสนพรหม ผมว่าพี่ก็ไม่ควรไปใกล้เค้าอีก ตัดใจจากเนื้อนางเถอะครับ”
“ไม่ เนื้อนางเป็นของฉัน เค้าสัญญาว่าจะรอฉัน ฉันไม่เชื่อว่าเนื้อนางจะออกจากปาง แล้วไปเป็นเมียเจ้าแสนพรหมง่ายๆ ฉันต้องรู้ความจริงทั้งหมด” ณไตรขุ่นเคืองเอามากๆ
“ความจริงก็คือ ถ้าเนื้อนางเค้ามั่นคงกับพี่ เค้าจะไม่มีวันยอมเป็นของผู้ชายคนอื่น พี่ไตร พี่คือตัวแทนหิมวัต มีศักดิ์ศรีหน่อยสิครับ” ธรรพ์เตือนอย่างหวังดี
“ศักดิ์ศรีของฉันคือรักษาของๆ เรา เอาของที่เป็นเรากลับคืนมา ไม่ใช่ขี้ขลาดตาขาว เอาแต่หดหัวอยู่ในกระดองที่แม่นายสร้างให้"
ธรรพ์อึ้งที่ถูกพี่ชายด่ารุนแรงเพียงนี้ วันดีมองธรรพ์ด้วยแววตาสงสาร
“ใช่ ผมขี้ขลาด ไม่เข้มแข็งเหมือนพี่ แต่ผมก็ยังคิดได้ ถ้าพี่ยังวุ่นวายกับเนื้อนางอีก คนที่จะเสียใจที่สุดคือแม่นาย พี่อยากเห็นอย่างนั้นเหรอครับ”
ณไตรฉุน “ฉันมั่นใจว่าแม่นายต้องรู้เห็นเรื่องเนื้อนางออกจากปาง ฉันจะไม่ยอมถูกปิดหูปิดตาแล้วจมอยู่กับความผิดหวัง ยอมรับชะตากรรมที่คนอื่นเลือกให้”
ณไตรเดินเร็วรี่ออกไป ธรรพ์มองตามด้วยแววตาขุ่นเคือง
วันดีรอจนเห็นณไตรห่างไปไกลแล้ว จึงเดินมาหาธรรพ์
“น้ำเชี่ยวก็อย่าเพิ่งเอาเรือไปขวางเลยนะเจ้า”
ธรรพ์โกรธจนพาล “ป้าวันดีก็คิดเหมือนกันใช่มั้ยผมมันคนอ่อนแอ ขี้ขลาดอย่างที่พี่ไตรพูด”
“ไม่ใช่นะเจ้าคุณธรรพ์เป็นคนดี เข้าใจทุกคน”
ธรรพ์บอกด้วยน้ำเสียงเยาะหยันตัวเอง “คนดีที่ไม่มีใครต้องการ”
“ไม่จริงเลยเจ้า บ้านนี้มีแต่คนรักคุณธรรพ์”
“อย่ามาปลอบผมเลย ป้าวันดี ป้ามีอะไรจะทำก็ไป นี่มันเรื่องของผมกับพี่ชาย ป้าอย่ายุ่ง”
ธรรพ์เดินออกไปอย่างไม่พอใจอีกคน วันดีมองตามหน้าสลด
ธรรพ์เดินมาสีหน้าหงุดหงิด แขไขก้าวเร็วมาจากอีกทาง ธรรพ์เห็นท่าทางรีบร้อนของแขไขแล้วถามขึ้น
“จะไปตามพี่ไตรอีกล่ะสิ”
“พี่ไตรเป็นคนรักของแข”
ธรรพ์ได้ยินคำตอบก็ดึงแขนยึดแขไขไว้ทันที
“คนรักประสาอะไร ทิ้งคุณไว้ที่นี่”
แขไขดึงแขนออกจากธรรพ์ แต่ธรรพ์ไม่ยอมปล่อย
“มันเรื่องแขกับพี่ไตร พี่ธรรพ์ไม่เกี่ยว พี่ไตรไปที่คุ้มเจ้าแสนพรหมใช่มั้ย”
ธรรพ์นึกหวงขึ้นมาทันทีที่แขไขจะตามณไตรไป ดึงแขไขเข้ามาใกล้
“เลิกตามพี่ไตรได้แล้ว คุณมีค่ามากกว่าจะวิ่งตามผู้ชายที่เค้าไม่รักหันมามองคนที่เค้าสนใจคุณ... รักคุณสิ แขไข”
ธรรพ์จ้องแขไขลึกลงไปในดวงตา อยากจะให้แขไขรู้ แต่แขไขไม่ยอมเปิดใจ และไม่สนใจ
“แล้วใครล่ะคะ คนนั้น” ธรรพ์กำลังจะเปิดปากพูด “ไม่มี ฟังนะคะ พี่ธรรพ์ แขไม่ได้วิ่งตามผู้ชายที่ไม่รักแข เรื่องแขกับพี่ไตร คนนอกอย่างพี่ธรรพ์ ไม่เข้าใจ ไม่เคยรู้เรื่องมาก่อน” แขไขสะบัดแขนออกสุดแรง “ต่อไปนี้ ถ้าแขไม่ขอร้อง พี่ธรรพ์ก็อยู่ห่างๆแขเถอะค่ะ แขไม่ต้องการน้ำใจของพี่ธรรพ์อีกแล้ว”
ธรรพ์ดึงแขไขรั้งไว้ แต่แขไขปัด แถมผลักอกธรรพ์ให้ถอยออกอย่างแรง
“คุณกำลังหลอกตัวเอง”
“แขไม่ใช่คนหัวอ่อน ที่ต้องสร้างวิมานหรือเกราะกำบังหลอกตัวเองอย่างพี่ธรรพ์ แขรู้ว่าแขต้องการอะไร ต้องทำยังไงกับคนที่ควรจะเป็นของแขมาตั้งแต่แรก”
แขไขเชิดหน้า เดินออกไป
ธรรพ์มองตามแขไข แววตาที่เคยอ่อนโยนเต็มไปด้วยความโกรธขึ้ง เคียดแค้น เขาเดินตามออกไปทันที
แขไขเดินเร็วออกมา เห็นบุญลือที่ถือสมุดบัญชี กำลังยืนอยู่กับวันดี
“ป้าวันดี ไปบอกให้คนงานเอารถมา ฉันจะไปคุ้มเจ้าแสนพรหม”
ธรรพ์เดินมาถึงตวัดสายตามองห้ามวันดี วันดีมองสายตาเข้มของธรรพ์ ก็บอกขึ้นว่า
“แม่นายออกไปธุระในเวียง รถที่เหลือก็เอาไปซ่อมเจ้า”
แขไขได้ยินก็หงุดหงิด หันไปทางบุญลือ
“แกน่ะ คนงานใช่มั้ย รู้จักคุ้มเจ้าแสนพรหมหรือเปล่า”
“ไม่รู้จักครับ” บุญลือบอก
“กลับไปรอข้างในเถอะครับคุณแข”
แขไขหันมามองธรรพ์แบบไม่ใส่ใจ แล้วหันไปสั่งวันดี
“รถที่ซ่อมกลับมาเมื่อไหร่ รีบไปบอกฉันด้วย”
แขไขเดินฉับๆ แยกไปอีกทาง วันดีมองตาม ถามด้วยน้ำเสียงเป็นกังวล
“คุณธรรพ์ มีเรื่องอะไรกันเจ้า คุณแขไขเธอจะไปคุ้มเจ้าแสนพรหมให้ได้”
“ไปสั่งคนงานทั้งหมดนะ ป้าวันดี ห้ามใครพาคุณแขออกไปข้างนอก”
วันดีจะท้วง “แต่ว่า...”
“ผมสั่ง ไม่ต้องถาม หรือว่าคำสั่งผมมันไม่มีความหมาย” ธรรพ์เสียงแข็งใส่เป็นครั้งแรก
“ไม่ใช่เจ้า คุณธรรพ์อย่าคิดแบบนั้น”
วันดีสีหน้ากระอักกระอ่วน
ธรรพ์หันไปมองทางบุญลือ วันดีมองสายตาธรรพ์ แล้วแนะนำขึ้น
“บุญลือเจ้า ผู้จัดการปางคนใหม่”
“ผมจะเอาบัญชีของเดือนนี้มาให้แม่นายครับ” บุญลือว่า
“ฝากไว้ที่ฉัน”
บุญลือส่งสมุดบัญชีให้ธรรพ์อย่างนอบน้อม
“ไปได้แล้ว”
บุญลือถอยออกไป ธรรพ์สีหน้าเครียด วันดีมองอย่างสงสัย
“มีอะไร ก็ไปทำสิ”
วันดีรีบออกไปอีกคน ธรรพ์อารมณ์หงุดหงิด ขวางหูขวางตาไปทุกอย่าง เพราะเรื่องแขไข
เนื้อนางกำลังเก็บดอกไม้อยู่ในสวนคุ้ม คำฝายคอยช่วย ประกายเดินมา มีบัวติ๊บตามหลัง เนื้อนางพอเห็นประกายรี่เข้ามา ก็รีบหันไปบอกคำฝาย
“ไปกันเถอะพี่คำฝาย”
เนื้อนางขยับเดิน ด้วยไม่อยากมีเรื่อง แต่ประกายพุ่งเข้ามาขวาง
“คิดจะหนีหน้าฉัน รีบไปออดอ้อน ออเซาะเจ้าล่ะสิ”
“ฉันเก็บดอกไม้ จะเอาไปไหว้พระ”
“เชอะ แม่นางฟ้า แม่เทพธิดาบนดิน”
ประกายปัดกระจาดในมือเนื้อนางร่วงพื้น ดอกไม้กระจาย
“อีคุณประกาย เมื่อเช้ากินน้ำข้าวไม่อิ่มหรือไง ถึงได้มาเที่ยวไล่กัดคนอื่น” คำฝายด่า
บัวติ๊บด่าขึ้นมาลอยๆ “ปากบ่ดี”
“ปากแกนี่แหละ นังคำฝาย ที่จะไม่ได้กินน้ำข้าวอีก”
ประกายเงื้อมือ คำฝายเงื้อทันทีเหมือนกัน
“เอาสิ แลกกันไปเลย จะได้รู้ว่าปากใครจะฉีกก่อนกัน”
“ฉันขอร้องนะ คุณประกาย พวกฉันเจียมตัวว่าเป็นแค่คนอาศัย ทำงานแลกข้าวไม่คิดจะไต่เต้า ทำตัวเสมอกับเมียเจ้าอย่างคุณ”
บัวติ๊บพูดลอยๆ “มารยา”
“พูดดังๆ ก็ได้ นังบัวติ๊บ กล้าๆหน่อย หรือกลัวศพไม่สวย”
คำฝายมองกราด ประกายมองจ้องเนื้อนาง แล้วเหยียบขยี้ลงไปบนดอกไม้บนพื้น
“เนื้อนาง ฉันจะเตือนแกไว้ วันไหนถ้าแกดีดดิ้นระริกระรี้...”
บัวติ๊บพูดลอยๆ อีก “แรด”
ประกายเสริม “ใช่ แรด ทอดกาย ทำตัวให้เจ้าสนใจ รับรองว่าแกจะถูกขยี้ยิ่งกว่าดอกไม้ใต้อุ้งเท้าชั้น”
ประกายขยี้แรงแล้วถอยออกมา ดอกไม้แหลกจมดิน เนื้อนางก้มลงเก็บกระจาดแล้วดึงคำฝายถอยออกไป
ประกายมองตามด้วยสายตาอาฆาตมาดร้ายเต็มที่
เนื้อนางกับคำฝายเดินหนีมาตามทางในคุ้ม คำฝายบ่นขึ้นดังๆ
“หนอย นังประกาย เป็นเมียเล็กเมียน้อย ไม่ใช่เมียออกหน้าออกตาของเจ้าสักหน่อยทำเป็นขู่ฟ่อๆ”
“พี่คำฝาย ขึ้นชื่อว่าเมีย เค้าก็มีสิทธิ์จะหวงสามีเค้า”
“แล้วตั๋วล่ะ ทำไมไม่หวงหนานไตร ทำไมไม่ดึงหนานไตรกลับมาจากคุณแขไข ตั๋วเป็นเมียหนานไตรนะ”
“หนานไตรเค้าไม่มีความจริงใจ เค้ามีคุณแขไขอยู่ตลอดเวลา แต่เค้าแกล้งมาหลอกให้เนื้อนางรัก พอได้สมใจ เค้าก็กลับไปหาคนของเค้า”
คำฝายยิ่งฟังยิ่งเจ็บใจ เนื้อนางเมินหน้าไปทางอื่นเปลี่ยนเรื่อง
“เนื้อนางไปเก็บดอกไม้ทางโน้นก่อนนะ”
“ไม่ต้อง ตั๋วไปอยู่ในคุ้ม ใกล้ๆ เจ้าเถอะ เผื่อนังประกายมันจะตามมาหาเรื่องเจ้าจะได้ช่วยตั๋ว พี่ไปเก็บให้เอง”
คำฝายดึงกระจาดแล้วเดินแยกไปอีกทาง เนื้อนางหันตัวเดินไปทางคุ้ม
พอเนื้อนางเลี้ยวหลังพุ่มไม้ ก็เห็นณไตรกำลังเดินตรงเข้ามาหา
เนื้อนางหันขวับ จะเดินหนี แต่ณไตรตรงเข้ากระชากแขกเนื้อนาง
“จะรีบไปไหน คุณเนื้อนาง”
“ฉันต้องไปรับใช้เจ้า”
เนื้อนางพูดตามตรง แต่ไม่รู้เลยว่าณไตรได้ฟังก็ยิ่งโกรธ
“รับใช้ถึงอกถึงใจมากสินะ เจ้าถึงไม่ยอมให้ห่างตัว”
“หนานไตร”
“จำชื่อนี้ได้ด้วยเหรอ นึกว่าจะจำได้แต่ชื่อผู้ชายคนล่าสุด”
เนื้อนางทุบลงไปบนอกณไตรด้วยความโกรธ
“อย่ามาแตะตัวฉัน”
“ผมจะแตะ ผมอยากให้คุณจำได้ เนื้อตัวคุณ...มีตรงไหนที่ผมไม่เคยสัมผัส”
เนื้อนางหน้าแดงทั้งอายทั้งโกรธ ณไตรดึงเนื้อนางมาชิด เนื้อนางปัดป้อง ร้องเรียก
“ช่วยด้วย”
ณไตรปิดปากเนื้อนาง ลากออกไปจากตรงนั้นทันที
ฝ่ายเจ้าแสนพรหมนอนเอกเขนกอยู่บนเรือนใหญ่ มีประกายบีบนวดเอาใจ
“เจ้าจะให้เนื้อนางมันอยู่นานแค่ไหนคะ”
“ทำไม...เธอเป็นเจ้าของคุ้มนี้เหรอ ประกาย”
ประกายกลัวเจ้าแสนพรหมโกรธ ก็เริ่มเลื้อยขึ้นมาใกล้
“ประกายกลัวเนื้อนางมันจะทำให้เจ้ารำคาญใจ ดูอย่างเมื่อวาน เจ้าก็คงอายขายหน้าแขกเพราะเนื้อนางมันฟ้อน เสียดายประกายไม่สบาย ไม่งั้นประกายจะฟ้อนเอง”
“ดีแล้วที่เธอไม่ขึ้นมาฟ้อน ฉันเลยได้โอกาสเห็นของดี ของเด็ด”
เจ้าแสนพรหมทำท่าสยิว เมื่อนึกถึงท่าเนื้อนางฟ้อนแง้น
ประกายโกรธจนเผลอซัดเข้าที่แขนเจ้าแสนพรหมแรงๆ
“โอ๊ย มือหรือไม้หน้าสาม จะฆ่าฉันหรือไง”
ประกายทำเป็นรีบลูบไล้เอาใจ แต่สายตาก็มองเจ้าแสนพรหมโดยไม่วางใจ
เนื้อนางถูกณไตรดึงมาหลังพุ่มไม้มุมลับตาคนในคุ้ม
“คุณหนีผมออกจากปางมาทำไม”
“ฉันไม่ได้หนี คุณต่างหากที่ทิ้งฉัน คุณผิดสัญญา ไม่มารับฉัน คุณทิ้งฉันไปแต่งงานกับคุณแขไข”
“ไม่จริง ผมไม่ได้แต่งงานกับแขไข”
“โกหก”
“ผมไม่ได้โกหก คุณปู่ผมเสีย”
เนื้อนางชะงัก คิดไม่ถึง ณไตรอธิบาย
“ผมยุ่งเรื่องงานศพคุณปู่ พอกลับไปหา คุณก็ออกจากปางไปแล้ว”
“เราต้องออกมาเพราะคุณให้ผู้จัดการคนใหม่มาขับไสไล่ส่งพวกเรา คุณใจร้ายมากทำลายฉันชีวิตเดียวไม่พอ...ตาเสียใจ อายคน จน...”
เนื้อนางน้ำตาคลอเมื่อพูดถึงตา ณไตรมองจ้องแววตาอยากรู้
“หมื่นหล้าเป็นอะไร เนื้อนาง”
“ตาตรอมใจตาย”
เนื้อนางน้ำตาหยดลงทันที ณไตรตกใจ
“เพราะหลานไม่รักดีอย่างฉัน เพราะฉันรักคุณ ตาถึงต้องตาย”
“เนื้อนาง ผมไม่รู้เรื่องผู้จัดการคนใหม่ ไม่รู้เรื่องหมื่นหล้าตาย พอกลับมาหาคุณ ก็ไม่เหลือคนเก่าๆ ที่ปาง ผมไม่รู้เลยว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง”
“ฉันไปหาคุณที่บ้าน ไปบอกเรื่องตา แต่ฉันเห็นการ์ดแต่งงานของคุณกับคุณแขไข”
ณไตรนึกออกทันที “ฝีมือแม่นาย”
เนื้อนางพอได้ยินว่าใครที่เป็นต้นเหตุก็ทดท้อใจ ขยับตัวออกห่างณไตร
“กลับไปซะเถอะ พ่อเลี้ยงณไตร เรื่องที่ผ่านมา ฉันเจ็บจนเกินพอแล้ว คุณจะแต่งหรือไม่แต่งงานกับคุณแขไข เราก็แตกต่างกันมากอยู่ดี ไม่มีใครอยากให้เราอยู่ด้วยกัน เราไม่ควรจะรู้จักกันอีก”
“คุ้มเจ้าแสนพรหมมันคงเชิดหน้าชูตาได้มากกว่าอยู่ปางไม้ล่ะสิ คุณถึงต้องคอยย้ำผมว่า อย่ารู้จักคุณอีก”
ณไตรบีบไหล่ จ้องเนื้อนางแววตาไม่สนใจเหตุผลที่เนื้อนางพูดเลย
“อยากให้ผมลบความทรงจำมากใช่มั้ย ว่าคุณไม่ใช่เมียผม”
เนื้อนางมองตื่นกลัวณไตรที่แววตายามนี้มีแต่โทสะ
ส่วนบนเรือนใหญ่ เจ้าแสนพรหมนอนให้ประกายบีบนวด ประกายใช้ทั้งมือ ทั้งศอก โน้มตัวลงไปนวดเคล้าคลึงให้แสนพรหมมีความสุข ฉอเลาะเสียงหวาน
“เจ้าขา...ประกายอยากได้แหวนทับทิมใหม่ๆ สักวง สองวง”
“ที่มีอยู่ก็ใส่ครบสิบนิ้วแล้ว จะเอาไปอีกทำไม”
“ก็ยังเหลือนิ้วเท้าอีกตั้งสิบนิ้วนะคะเจ้า”
แปงเดินเร็วเข้ามาบอก
“พ่อเลี้ยงณไตรมาแล้วครับ ผมเห็นรถจอด แต่ไม่รู้ว่าพ่อเลี้ยงอยู่ที่ไหน”
เจ้าแสนพรหมกระเด้งขึ้นมา ประกายถึงกับหงายหลัง
“ก็ไปตามหาสิวะ แล้วรีบเชิญพ่อเลี้ยงเข้ามาที่นี่ น้ำท่าอาหารจัดสำรับมา”
แปงรีบออกไป เจ้าแสนพรหมลุกขึ้น สั่งประกาย
“บอกเอื้องเดือน พิมพา ให้รีบแต่งตัวกันเลยนะ แต่งให้สวยที่สุด ไปสิ”
“ค่ะ ค่ะ”
ประกายรีบออกไป เจ้าแสนพรหมยิ้มเจ้าเล่ห์
“มาเลย พ่อเลี้ยงณไตร ฉันมีดอกไม้สวยๆ ไว้เตรียมดูดเงินในกระเป๋าพ่อเลี้ยงอยู่แล้ว”
ฝ่ายณไตรกำลังบีบไหล่เนื้อนางที่อยู่ตรงหน้า
“ตั้งใจปิดบังเรื่องของเราเต็มที่เลยสินะ คงกลัวเจ้าแสนพรหมจะรู้ว่าไม่ได้ใสซื่อ หมดจด ไร้ราคี”
เนื้อนางตบหน้าณไตรเต็มแรง ณไตรโมโห กระชากเนื้อนางมาใกล้
“คุณลืมไม่ได้หรอก เนื้อนาง ว่าเคยเป็นเมียผม ต่อให้จนตาย ผมก็จะทำให้คุณลืมไม่ลง ไม่ว่าหน้าไหนที่ได้แตะต้องตัวคุณ รสชาติมันก็ไม่มีวันเหมือนผม”
ณไตรก้มลงจูบ เนื้อนางปัดป้อง ทุบไหล่ให้ณไตรปล่อย
เสียงแปงดังเข้ามา “พ่อเลี้ยงณไตรครับ พ่อเลี้ยงอยู่แถวนี้หรือเปล่าครับ”
ณไตรผละจากเนื้อนาง สองคนแยกห่างจากกัน ณไตรมองไปด้านนอก
แปงกำลังเดินตรงมาที่พุ่มไม้ ณไตรก้าวออกมา
“พ่อเลี้ยง”
เนื้อนางอยู่ด้านหลัง ได้ยินเสียงแปงก็หลบเงียบ
“ฉันแวะมาดูสวนของเจ้า ดอกไม้สวยดี”
“ดอกไม้”
แปงแปลกใจมองไปรอบๆ เพราะไม่เห็นมีดอกไม้สักดอกเดียว เนื้อนางหลบเงียบ
ณไตรพูดขึ้น “พาฉันไปหาเจ้าสิ แปง”
แปงหันกลับมา รีบเดินนำณไตรไปทางคุ้ม
เนื้อนางมองตาม ถอนใจเบาๆ โล่งใจที่แปงไม่เห็นว่าตนคุยกับณไตร
เจ้าแสนพรหมยืนรอต้อนรับ ณไตรเดินเข้ามา แปงหลบไปด้านข้าง ณไตรยกมือไหว้ เจ้าแสนพรหมรับไหว้ด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม
“เชิญ ๆๆ คุ้มแสนเมืองเป็นเกียรตินัก”
“ผมคงไม่มากวนเวลาพักผ่อนของเจ้า”
“ไม่เลย พ่อเลี้ยง ผมรู้ว่าคุณอยากลงทุนกับผมเร็วๆ ผมถึงได้เตรียมของดีๆ ไว้รอต้อนรับพ่อเลี้ยงอยู่แล้ว”
เจ้าแสนพรหมยิ้มเจ้าเล่ห์ แววตากรุ้มกริ่ม ณไตรยิ้มตอบอย่างรักษามารยาท
เนื้อนางอยู่ตรงหน้าคำฝายที่สีหน้าตกใจ
“หนานไตรเค้าจะเอาตัวเนื้อนางออกไปจากที่นี่ ไปอยู่บ้านหิมวัตในฐานะเมีย”
“เมีย! แม่นายไม่มีวันยอมรับเนื้อนางเป็นเมียหนานไตรหรอก”
“ใช่ พี่คำฝาย อย่างมากเราก็จะเป็นได้แค่นางบำเรอของเศรษฐี ตำแหน่งเมียมันมีไว้ให้คนอย่างคุณแขไขเท่านั้น”
“งั้นเราก็ไม่ไป เราจะอยู่ที่นี่ มีเจ้าแสนพรหมเป็นที่พึ่งดีกว่าไปกราบกรานให้แม่นายเหยียบย่ำ”
คำฝายดึงมือเนื้อนาง
“พี่ขอไปดูหน้าไอ้ผู้ชายใจดำคนนั้นหน่อย อยากเห็นกับตานัก ว่าเป็นพ่อเลี้ยงแล้วหน้าตาท่าทางมันจะเป็นยังไง”
คำฝายดึงเนื้อนางตัวปลิวออกไป
เวลานั้น ณไตรมองไปที่ประกาย เอื้องเดือน พิมพาในชุดสวย สามสาวโปรยยิ้มหวาน ทอดสายตาให้ เจ้าแสนพรหมยืนยิ้มอยู่ด้านหลัง
“ประกาย เอื้องเดือน พิมพา รู้จักพ่อเลี้ยงณไตรสิ”
ทุกคนส่งตาหวานให้ณไตร ประกายไม่ยอมเหมือนคนอื่น เดินเข้าไปก้มลงกราบในอกณไตร
เนื้อนางกับคำฝายที่เดินมาหลบมองอยู่ด้านนอก เห็นภาพนั้นพอดี เนื้อนางชักสีหน้า หึงหวงขึ้นมาอย่างไม่รู้ตัว
“ประกายกราบสวัสดีพ่อเลี้ยง มีอะไรให้ประกายรับใช้ ประกายเต็มใจปรนนิบัติทุกอย่างเลยค่ะ”
ณไตรประคองมือประกายไว้ เนื้อนางจ้อง
“พ่อเลี้ยงชอบการลงทุนแบบไหน ขนาดไหน เชิญเลือกได้ตามใจชอบ”
เจ้าแสนพรหมทำเสียงเล็กเสียงน้อย บอกนัยให้ณไตรรู้ว่าหมายถึงผู้หญิง
ณไตรปล่อยมือประกายแล้วขยับออกห่างอย่างมีมารยาท
“มีแค่นี้เองหรือครับ สมบัติสวยๆ งามๆ ที่เจ้าอยากอวด”
ณไตรแกล้งยั่ว เหมือนว่าสนใจ
คำฝายมองแล้วคำรามให้เนื้อนางได้ยินกันแค่ 2 คน
“สันดานผู้ชาย เหมือนกันหมด”
เนื้อนางมองณไตรที่ยิ้มให้ทุกคน แล้วไม่อยากทนดูต่อ
“ไปเถอะพี่คำฝาย”
เนื้อนางสะบัดหน้าเดินออกไป คำฝายอยากจะอยู่ดู แต่ก็ตามออกไปอย่างเสียดาย
ณไตรมองไปยังทั้งสามสาว แล้วหันมาทางเจ้าแสนพรหม
“ผมคิดว่าเจ้ายังมีของสวยๆงามๆที่เก็บซ่อนไว้อยู่อีกหนึ่งนะครับ”
เจ้าแสนพรหมรู้ทัน ส่ายหัวยิ้มกริ่ม “คนนั้นไม่ได้...ผมบอกแล้วว่าเนื้อนาง...ไม่ได้เด็ดขาด”
ประกายได้ยินชื่อเนื้อนางก็ตาลุกวาวโดยความริษยา เจ้าแสนพรหมขยับมาใกล้บอกณไตร
“สำหรับเนื้อนางดูแต่ตา มือห้ามต้อง ผมจองไว้แล้ว...ทั้งวันทั้งคืน”
ณไตรยิ้มนิ่ง แต่แววตาดุดัน เตรียมพร้อมจะทำทุกอย่างเพื่อเอาเนื้อนางกลับไปเป็นของตน
“ทีนี้เรามาคุยกันดีกว่าพ่อเลี้ยงอยากซื้อบริษัทไหนของผม ว่ามาเลย”
ณไตรมองเจ้าแสนพรหมด้วยแววตาเจ้าเล่ห์มีแผนบางอย่างในหัวแล้ว
เนื้อนางเดินมาที่ท่าน้ำ พยายามระงับอารมณ์ มองไปไกลลิบ ตรงข้ามกับคำฝายที่ฮึดฮัดโกรธไม่หาย
“เชอะ พ่อเลี้ยงณไตรรูปงาม แต่พี่เหม็นน้ำหน้ามันนัก ตั๋วน่าจะเข้าไปประกาศว่ามันนี่แหละเคยหลอกตั๋วกินแขก”
“พูดไปใครจะเชื่อ พ่อเลี้ยงแต่งงานกับหลานสาวควาญช้าง”
เนื้อนางพูดออกมาด้วยน้ำเสียงเย้ยหยันชะตาชีวิตตัวเอง
“เค้าก็ต้องคิดว่าเราแต่งเรื่อง เรามักใหญ่ใฝ่สูง อยากสบายทางลัด”
“ทำไมวะ...คนจนมันก็มีหัวใจ มีความรักได้เหมือนกัน”
“หัวใจคนจน มันไม่มีค่าสำหรับเศรษฐี มันก็แค่เลือดเนื้อให้เค้าขยี้ขยำทำร้ายจนสะใจ แล้วก็ขว้างทิ้ง”
คำฝายเจ็บแค้นณไตร ขณะที่เนื้อนางกลั้นทำนบน้ำตาแห่งความน้อยใจไว้
พ่อเลี้ยงณไตรยืนอยู่ตรงหน้าเจ้าแสนพรหม
“ผมสนใจหลายๆ กิจการของเจ้า” เจ้ายิ้มกว้าง พ่อเลี้ยงพูดต่อ “แต่เท่าที่ผมทราบ กิจการส่วนใหญ่ขาดทุน”
แสนพรหมหัวเราะกลบเกลื่อน “ข่าวลือทั้งนั้น”
“ถ้าอย่างนั้นผมก็ยินดีซื้อทุกกิจการ”
“ตัดสินใจถูกแล้วพ่อเลี้ยง”
“ในราคาทั้งหมด 5 แสนบาท”
เจ้าแสนพรหมฉุนกึก “ห้าแสน แค่ปางไม้มันก็เป็นล้านแล้ว คุณจะมากดราคาซื้อทั้งหมด 5 แสน บริษัทผมไม่ใช่บ้าน ไม่ใช่รถคันนึง มันมีค่าเป็นสิบๆ ล้าน”
“ไม่เป็นไรครับ ถ้าเจ้าไม่สะดวกใจจะขาย ผมก็จะไม่เซ้าซี้”
ณไตรทำเป็นไม่สนใจ เจ้าแสนพรหมรีบเอ่ยขึ้น
“เดี๋ยวๆ พ่อเลี้ยง เอาอย่างงี้ ผมขอคิดดูก่อน ไหนๆ วันนี้พ่อเลี้ยงก็มาแล้วผมก็ไม่อยากให้พ่อเลี้ยงกลับไปมือเปล่า ผมจะยกเอื้องเดือนให้ไปดูแลรับใช้พ่อเลี้ยงสักอาทิตย์”
เจ้าแสนพรหมยิ้มให้ณไตรด้วยแววตาเจ้าเล่ห์แสนกล
ที่เรือนเล็กในคุ้มเอื้องเดือนแต่งตัวสวยเดินผ่านหน้าประกาย กับ พิมพา บัวติ๊บถือกระเป๋าออกมาให้ แปงยืนรออยู่ ประกายเห็นหน้าตาเอื้องเดือนเยาะเย้ยสุดๆ ก็ให้หมั่นไส้
“โธ่...กะอีแค่พ่อเลี้ยงณไตรรับไปค้างด้วย ไม่ต้องทำหน้าเหมือนถูกหวยรวยเบอร์หรอก นังเอื้องเดือน”
เอื้องเดือนยิ้มเยาะ เดินกรีดกรายลงจากเรือนตามแปงไป บัวติ๊บถือกระเป๋าตามติด
“ทำไม วาสนาแม่เลี้ยงมันไม่ตกมาถึงอีประกาย”
ประกาย กับพิมพานึกเจ็บใจ เดินเชิดกลับเข้าห้องใครมัน
เนื้อนางกับคำฝายที่หลบอยู่ด้านหลังเรือน ได้ยินทุกคำพูดของประกาย
“ไหนว่าไอ้พ่อเลี้ยงมันจะมาเอาตั๋วไป ดูมัน พอไม่ได้ตั๋ว มันก็คว้าเมียเจ้าไปแทน ผู้ชายอย่างนี้ มันน่าสับๆๆ หนอนให้ป่น แล้วโยนให้เป็ดกิน”
เนื้อนางยิ่งฟังยิ่งสีหน้าเจ็บใจ
ณไตรเดินออกจากคุ้มกำลังจะเดินกลับไปขึ้นรถ ส่วนอีกด้านเอื้องเดือนถูกแปงลากมา บัวติ๊บตามหลัง
ณไตรมองเห็นเอื้องเดือนถูกแปงลากผ่านหน้าไปก็หลบมอง เอื้องเดือนกำลังโวยวายเอากับแปง
“ไหนล่ะ พ่อเลี้ยงณไตรที่จะรับตัวฉันไปน่ะ”
“อย่าฝันหวานไปเลย พ่อเลี้ยงณไตรเค้าปฎิเสธเจ้า ไม่รับใครกลับไปสักคน”
“อ้าว...ไม่ได้ไปอยู่กับพ่อเลี้ยงณไตร แล้วจะพาฉันไปไหน”
“เจ้าให้มันไปรับใช้เสี่ยกวง” แปงบอก
บัวติ๊บสงสัย “เสี่ยกวง”
“เจ้าหนี้เงินกู้ของเจ้า วันนี้วันส่งดอก”
“เงินคืนยังไม่มี...ก็ต้องส่งเมียไปขัดดอก” บัวติ๊บเยาะ
เอื้องเดือนโวยลั่น “ฉันไม่ไป”
“ไม่ไป ก็ตาย”
แปงกระชากเอื้องเดือนที่กลัวตัวสั่น ไปทางรถที่จอดอยู่ บัวติ๊บรีบตามไป
ณไตรที่หลบฟังอยู่ ได้เห็นได้ยินทุกอย่าง สีหน้าเต็มไปด้วยความกังวล ห่วงเนื้อนาง
ฟากแขไขเดินมาในสวนกับแม่นายศรีวัลลา จันตาเดินกางร่มให้สองคน
“หนูแขจะไปคุ้มเจ้าแสนพรหมทำไม ณไตรไปคุยเรื่องงานกับเจ้า เราจะไปเกะกะหรือเปล่า”
ธรรพ์อ่านหนังสืออยู่แถวนั้น ได้ยินเสียงก็ขยับออกมามองแขไขกับแม่นาย
“แขอยากช่วยงานพี่ณไตรค่ะ แขไม่อยากอยู่ที่นี่ ทำตัวไร้สาระไปวันๆ”
“เตรียมตัวรับตำแหน่งแม่เลี้ยงเลยหรือคะ” จันตาสอด
แม่นายดุ “ฉันยังเป็นใหญ่ที่นี่ จันตา”
จันตาคอย่น “บ่าวหมายถึงคุณแขไขช่วยงานแม่นายด้วยน่ะเจ้า”
“แขอยากทำตัวให้เหมาะสมกับการเป็นภรรยาที่ดีพี่ณไตร ช่วยงานทุกอย่างของหิมวัตค่ะ”
แม่นายฟังแล้วยิ้ม ที่เห็นแขไขพูดด้วยสายตามั่นใจในตัวเอง ธรรพ์ปิดหนังสือลงอย่างไม่พอใจ ก้าวออกมา
แม่นายร้องทัก “อ้าว ธรรพ์ แม่นึกว่าออกไปกับณไตร”
“พี่ไตรไม่ให้ใครตามไปคุ้มเจ้าแสนพรหมหรอกครับ”
“หมายความว่ายังไงคะ ไม่ให้ใครตาม มีอะไรที่คุ้มเจ้าแสนพรหมหรือคะ”
“ก็ต้องมีอะไรดีๆ สิครับ...พี่ไตรถึงกีดกันคุณแขจากที่นั่นนักหนา คงกลัวว่าคุณแขจะเข้าไปทำลายความสุขกับคนพิเศษ”
ธรรพ์ทอดเสียง จงใจพูดยั่วให้แขไขยืนไม่ติด
“ใครคะ คนพิเศษของพี่ไตร หรือว่า...” แขไขสังหรณ์ใจครามครัน “เนื้อนาง”
อ่านต่อหน้า 2
เพลิงฉิมพลี ตอนที่ 8 (ต่อ)
ที่คุ้มแสนเมือง เนื้อนางเดินมาในสวนกับคำฝาย ประกายเดินมาจากอีกด้าน พอเห็นเนื้อนางก็หมั่นไส้ ตวาดใส่เสียงแข็ง
“ทำไมแกไม่คุกเข่าลงกับพื้น ถ้าฉันเดินผ่าน ขี้ข้าอย่างแกต้องคุกเข่า”
เนื้อนาง กับ คำฝายมองแปลกใจอันฉุนเฉียวนั้น
“แต่ก่อนก็ยืนแบบนี้ทุกที” คำฝายย้อน
“ต่อไปนี้ ชั้นสั่งให้แกคุกเข่า เวลาอยู่ต่อหน้าชั้น”
“ถ้าคุณต้องการบังคับเรา เพื่อความสะใจ ฉันกับพี่คำฝายขอไม่ทำ ไม่ใช่เพราะอยากแข็งข้อกับคุณ เราสองคน อยู่ที่นี่ไม่คิดจะระราน รบกวนใคร ขอให้คุณมีความยุติธรรมกับเราด้วย”
เนื้อนางย้อนด้วยสายตาไม่ยอมคน ประกายมองตาขวาง แค้นใจเป็นที่สุด
“สันดานผู้หญิงอย่างแก...ทำดัดจริตเป็นแม่คนดี ลับหลังก็ตลบตะแลงสารพัด จนเจ้าหลงเชื่อ เวทนาแก”
“ฉันไม่ใช่คนหน้าอย่างหลังอย่าง นิสัยสอพลออย่างที่คุณด่า แต่ก็ไม่แน่ ถ้าวันไหนความอดทนมันหมด โดนรังแกมากๆ ฉันอาจจะเปลี่ยนใจ ทำอย่างที่คุณพูด”
คำฝายรับลูก “ทีนี้...มันก็คงมีคนกระเด็นออกไปจากคุ้มเร็วกว่าเดิม”
คำฝายมองเยาะ ประกายเชิดหน้า
“อย่านึกว่าเจ้ารักแก หลงแก ฉันเป็นเมียเจ้าแสนพรหมมาก่อน แล้วคนอย่างชั้น ไม่เคยเสียเปรียบใคร คอยดูว่าฉันนี่แหละ จะเป็นคนเฉดหัวแกไปจากคุ้มของชั้น”
ประกายสะบัดหน้าเดินฉับๆ ขึ้นไปทางเรือนเล็กของตน
คำฝายหมั่นไส้ “คุ้มของชั้น เชอะ...คุ้มของเจ้าต่างหาก วาสนาริบหรี่ลงทุกวัน ยังไม่สำนึกอีก”
เนื้อนางมองตามอย่างอ่อนอกอ่อนใจ
ด้านแขไข ยังคงมองธรรพ์ด้วยสายตาร้อนใจ อยากรู้
“เนื้อนางใช่มั้ยที่พี่ณไตรไปเจอที่คุ้มเจ้าแสนพรหม”
ธรรพ์ทำเป็นไม่ตอบ จงใจยั่วให้แขไขคลั่ง จันตาอดปากไม่ไหว
“นังเนื้อนางนี่มันคงทำเสน่ห์ เล่ห์กล ถึงได้มีคาถาดีเรียกผัว”
แม่นาย และแขไขจ้อง จันตานึกได้ว่าพลั้งปาก รีบแก้
“คือ...เรียกคุณณไตรให้วนเวียน กลับไปหาน่ะค่ะ”
“ไม่มีคาถาบ้าบออะไรทั้งนั้น คนอย่างนังเนื้อนาง...กำพืดมัน...มีแต่ความแพศยา”
ระหว่างนี้ณไตรเดินเร็วเข้ามาทางนี้พอดี ทุกคนหันไปมอง ณไตรเดินตรงรี่เข้ามาที่แม่นายกับแขไข
“งานศพคุณปู่ควรจะเป็นช่วงเวลาไว้ทุกข์ จิตใจมีแต่กุศล แต่ผมไม่คิดเลยว่าแม่นายจะกล้าทำเรื่องเลวร้ายลงไปได้”
ทุกคนมองตกใจกับท่าทางเกรี้ยวกราดของณไตร
“แม่นายให้คนไปไล่เนื้อนางออกจากปาง โกหกว่าผมกำลังจะแต่งงานกับแขไข”
“ใครเล่าให้แกฟัง มันใส่ร้ายฉันชัดๆ” ศรีวัลลาหรือจะรับ
“ใส่ร้ายเหรอครับ จะมีใครกล้าใส่ร้ายแม่นายได้ สาบานมั้ยครับ ต่อหน้าศพคุณปู่ ว่าแม่นายไม่รู้ไม่เห็นเรื่องไล่เนื้อนางออกจากปาง ออกไปจากชีวิตผม”
จันตาสอดอีก “คุณณไตรคะ ไม่ดีนะเจ้า ถึงกับท้าสาบาน”
ณไตรตวาด “หุบปาก คนนอกไม่เกี่ยว ออกไป
จันตารีบถอยไป หลบให้พ้นสายตา วันดีที่กำลังถือถาดของว่างมา หลบมุมฟังอยู่อีกด้าน
แขไขเอ่ยขึ้น “ก็ดีแล้วนี่คะ ถ้าแม่นายกำจัดผู้หญิงอย่างเนื้อนางไปพ้นพี่ไตรได้ ชีวิตพี่ไตรก็จะดีขึ้นสักที”
“คุณก็เหมือนแม่นายนะ แขไข ไม่รู้จักคำว่า เมตตา ไม่มีคำว่าเห็นใจ”
ณไตรมองจ้องแม่นายกับแขไข
“เนื้อนางเค้าไม่ผิดอะไรที่แต่งงานกับผม แต่แม่นายกับแขไขจองเวรเค้าทุกอย่าง รู้มั้ยครับว่า ใครต้องช้ำใจจนตาย คนดีที่สุดคนหนึ่ง คนที่รับใช้ปางของเรามาด้วยความซื่อสัตย์ตลอดชีวิตเค้า หมื่นหล้าตายเพราะคิดว่าผมทิ้งหลานสาวเค้า”
แม่นายสวนออกมา “มันตาย ก็ช่างมันสิ ทำไมแกต้องมาเรียกร้องความยุติธรรมแทนด้วย มันเป็นญาติสนิทของแกหรือไง”
“ผมนับถือหมื่นหล้าเหมือนญาติผู้ใหญ่ แล้วผมก็ไม่มีโอกาสแม้กระทั่งจะกราบศพเค้าครั้งสุดท้าย เพราะความอิจฉาริษยาของแม่นายกับแขไข”
ธรรพ์ขัดขึ้น “พี่ไตร หยุดเถอะ เรื่องมันผ่านไปหมดแล้ว พี่ไม่ควรมาว่าแม่นายกับคุณแข”
ณไตรพาลไปหมด “เพราะพี่ไม่ใช่คนอย่างแก ธรรพ์ พี่ไม่มีวันปล่อยให้ใครมาชี้เป็นชี้ตายชีวิตตัวเอง”
“พี่กำลังทำให้พวกเราคิดว่า พี่เห็นเนื้อนางดีกว่าแม่”
ณไตรหันขวับมองน้อง ธรรพ์พูดต่อด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ
“หรือพี่จะบูชาผู้หญิงใจง่ายที่ทิ้งพี่ไป”
ณไตรโกรธจัด ชกธรรพ์คว่ำลงไปกับพื้นสวน ทุกคนตกใจ วันดีรีบวางถาดเข้ามาประคองธรรพ์ แม่นายพุ่งเข้ามาตบหน้าณไตรฉาดให้ ทุกคนมองตะลึง
“แกมันบ้าไปแล้ว ณไตร แกบ้าเพราะนังเนื้อนาง”
“ผมบ้าเพราะแม่นายไม่เคยให้ความยุติธรรมกับเมียผม กับคนในปางเลยต่างหากกี่ชีวิตที่แม่นายทำให้เค้าต้องออกไปจากที่ๆ เคยอยู่ เคยทำมาหากิน แม้กระทั่งคนอย่างหมื่นหล้า เค้าไม่สมควรตายเพราะรักหลานสาว”
ณไตรตาแดงก่ำ มองแม่ด้วยความกดดันเป็นที่สุด
“ทุกอย่างที่แม่นายทำ แม่นายอ้างความรัก ความหวังดี เพราะแม่นายอยากเอาชนะ แม่นายไม่เคยสนใจเลยว่าความสุขของผมคืออะไร ทุกคนมีหน้าที่ทำตามคำสั่งให้แม่นายพอใจ”
“เพราะชั้นคือแม่ของแก ชั้นคือแม่นายของหิมวัต”
“ไม่ว่าแม่จะทำอะไร ลูกชายคนนี้ไม่ได้รัก ไม่ได้เคารพแม่น้อยลงเลย แต่อย่ายัดเยียดชีวิตที่ผมไม่ได้เลือกเลยนะครับ แม่”
ณไตรน้ำตาหยดรินออกมา แล้วกลืนกินความเสียใจทั้งหมด หันหลังออกไปจากบ้าน
“แขจะไปตามพี่ณไตรกลับมาขอโทษแม่นาย”
แม่นายร้องห้าม “ไม่ต้อง ช่างมัน เลือดก้อนเดียวฉันตัดได้”
ทุกคนอึ้งเงียบ กับประกาศิตของศรีวัลลา
ขณะที่เนื้อนางนั่งทอดสายตามองสายน้ำที่ไหลเอื่อย แสงทองส่องกระทบน้ำยามเย็น เนื้อนางนึกถึงภาพที่เคยมีความสุขฉันท์สามีภรรยากับหนานไตร แต่ภาพที่ณไตรในมาดพ่อเลี้ยง มีประกายกราบในอก ผุดซ้อนขึ้นมาบดบัง เนื้อนางน้ำตาไหลด้วยความขมขื่นใจ
ฟากณไตรขับรถตะบึงมาด้วยความเร็วจนฝุ่นตลบ พุ่งตรงเข้าไปในปาง
ณไตรเดินเข้ามาหน้าเรือนเนื้อนาง มองไปยังบนเรือนที่ถูกทิ้งร้างไว้ ไม่มีคนอยู่ ณไตรเจ็บใจพุ่งขึ้นไปคว้าข้าวของที่ระเบียงเหวี่ยงปาไปไกล บุญลือวิ่งอ้อมมาจากทางหนึ่ง เห็นณไตรกำลังอาละวาด
“คุณณไตร”
ณไตรพอเห็นบุญลือก็วิ่งลงมากระชากคอเสื้อ
“แกเป็นคนของแม่นาย แกไล่เนื้อนางไปใช่มั้ย”
“ผมไม่รู้เรื่อง”
“โกหก”
ณไตรบันดาลโทสะ ชกบุญลือกระเด็น บุญลือลุกขึ้น
“จริงๆ นะครับ เนื้อนางหนีไปกับแสงคำ”
ณไตรชกบุญลือคว่ำไปอีก บุญลือมอง เริ่มกลัวท่าทางเหมือหมาบ้าของณไตรที่พุ่งมา ก็หันหลังวิ่งหนีหัวซุกหัวซุน ณไตรยืนคว้าง มองไปบนเรือน
นึกถึงภาพที่เนื้อนางกับหนานไตรใกล้ชิดกันบนเรือนนี้ แต่ถูกบดบังด้วยภาพเนื้อนางที่มีเจ้าแสนพรหมโอบไว้
“อ๊ากกก”
ณไตรระเบิดเสียง ตะโกนออกมาด้วยความเจ็บปวดแสนสาหัสในใจ
เนื้อนางยังนั่งใจลอยอยู่ที่ท่าน้ำยามเย็น ตามองไปไกล คำฝายเดินเข้ามามอง
“คิดถึงหนานไตรอยู่ใช่มั้ย”
เนื้อนางไม่อยากโกหกคำฝาย มองเมินไปทางอื่น คำฝายเห็นก็เข้าใจความรู้สึกเนื้อนาง
“ถ้าตั๋วไม่อยากเห็นหน้าหนานไตรอีก เราก็ไปจากที่นี่”
“เราต้องหนีอีกกี่ครั้งล่ะ พี่คำฝาย คิดว่าชาตินี้จะไม่ต้องเห็นหน้ากันแล้ว ก็ยังมาเจอกันที่คุ้ม”
“ถ้ารักกัน เค้าก็เรียกบุพเพสันนิวาส แต่ตอนนี้คงเป็นเวรเป็นกรรม”
“ไม่ต้องห่วงหรอกพี่คำฝาย เจ็บแล้วจำเค้าเรียกว่าคน เนื้อนางจะไม่มอบใจพ่อเลี้ยงณไตร คนที่ไม่เห็นค่าความรักของเนื้อนางอีกแล้ว”
เนื้อนางแข็งใจพูดออกมาทั้งๆที่หวั่นไหวเมื่อต้องเจอหนานไตรอีกครั้ง
ณไตรนั่งเดียวดายโดยลำพัง อยู่ที่ระเบียงผาในเวลายามเย็น อาทิตย์กำลังลับฟ้า
คบไฟถูกจุดขึ้น สว่างในความมืด ณไตรยืนนึกถึงภาพที่เคยเกี่ยวก้อย ใกล้ชิดเนื้อนางครั้งแรก
ยิ่งคิดยิ่งเจ็บช้ำ เพราะคิดว่าถูกเนื้อนางทรยศความรักความไว้ใจ
ณไตรหันไปคว้าคบไฟข้างตัว เดินหุนหันออกไป ด้วยหัวใจอัดแน่นด้วยความแค้นที่ลุกโชนไม่ต่างจากเปลวไฟ
ที่คุ้มแสนเมือง เจ้าแสนพรหมมองเอื้องเดือนที่ถูกแปงผลักลงมากองตรงปลายเท้า สภาพเอื้องเดือนยับเยิน หน้าตาบวมช้ำ มีร่องรอยถูกตบตี ไม่เหมือนตอนออกไป
“โถ...เอื้องเดือน เจ็บมั้ยจ๊ะ”
เอื้องเดือนร้องไห้ “เจ้าขา อย่าส่งเอื้องเดือนไปรับใช้เจ้าหนี้อีกเลยนะคะ เสี่ยกวงมันใจร้าย มันตบตีเอื้องเดือน มันบังคับให้เอื้องเดือนนอนกับมัน”
“โถ ๆๆ สาวน้อย ฉันเห็นใจเธอเหลือเกิน”
เอื้องเดือนมองเจ้าโผเข้ากอดเจ้าแสนพรหม
“แต่มันถึงเวลาต้องส่งดอกเสี่ยเค้า ฉันก็ต้องให้เธอทำงานคุ้มข้าวสุกของชั้นหน่อยสิ”
เอื้องเดือนผละออกจากเจ้าทันที
“แล้วถ้าฉันไม่สั่ง ก็อย่าหนีออกมาอีก เธอต้องอยู่รับใช้จนกว่าเสี่ยกวงเค้าจะเบื่อ”
“ไม่ไป เอื้องเดือนไม่ไป”
เจ้าแสนพรหมมองรำคาญ ตรงเข้าไปตบเอื้องเดือนสุดแรง เอื้องเดือนร่วงถึงกับสลบ
เจ้าแสนพรหมพยักหน้าให้แปงจัดการ แปงหิ้วปีกเอื้องเดือนออกไป เจ้าแค่มองเฉยๆ
ประกายหลบมองอยู่ กลัวจับใจ ส่วนด้านหลังพิมพาถูกคนงานชายอีกคนพาเข้ามาหาเจ้า
“เจ้าจะให้ฉันไปไหน”
“วันนี้ฉันต้องส่งดอกเงินกู้อีกเจ้า...ของเถ้าแก่เล้ง”
เจ้าแสนพรหมมองไปที่คนงานชายแล้วสั่ง
“ขับรถไปส่งที่บังกะโล”
“ไม่...เจ้าอย่าขายพิมพา เจ้า พิมพาเป็นเมียเจ้านะ”
“แกน่ะ มีผัวก่อนฉันมากี่คนแล้วห๊ะ เป็นเมียฉันก็ต้องรู้จักช่วยทำมาหากิน ไปซะ ไปทำงานของแก ทำให้เถ้าแก่เค้าพอใจ อย่าดื้อด้านอย่าหนีกลับมาเหมือนนังเอื้องเดือน ไม่งั้นแกได้ไปนอนสวยในหลุมแน่”
แสนพรหมมองสั่งคนงาน พิมพาถูกคนงานลากออกไปอีกคน
ประกายที่หลบมองอยู่ ยิ่งกลัวจับใจ รีบออกไปจากตรงนั้น
“ทีนี้ก็เป็นเวลาพรอดรักของเราแล้ว...เนื้อนางจ๋า”
เจ้าแสนพรหมฮัมเพลงเบาๆ ในคอ เดินออกไปด้วยสีหน้าหวังเต็มเปี่ยม
เนื้อนางกับคำฝายกำลังสวดมนต์ก่อนนอน เสียงเคาะประตูห้องดังขึ้น
“เนื้อนางจ๋า”
สองสาวมองหน้ากัน ตื่นกลัว
เจ้าแสนพรหมยิ้มหวานรอ
“ฉันมีเรื่องสำคัญอยากจะถามสักนิด เนื้อนางออกมาคุยกับฉันหน่อยได้มั้ยจ๊ะ”
ประตูแง้มออก เจ้าแสนพรหมยื่นหน้าไป เห็นคำฝายโผล่ออกมา เจ้าผงะตกใจ
“ผีบ้านผีเรือนที่ไหนวะ”
“ดึกแล้วว... จะคุยอะไรจ๊ะ”
คำฝายลากเสียงแกล้ง
เจ้าแสนพรหมจับหน้าคำฝายพ้นสายตา มองไปเห็นเนื้อนางอยู่ด้านหลัง
“ออกมาคุยเป็นเพื่อนฉันหน่อยได้มั้ยจ๊ะ คืนนี้ฉันเหงากาย เหงาเหลือเกิน”
เนื้อนางมองเจ้าแสนพรหมด้วยสีหน้าลำบากใจ
ฝ่ายณไตรพกแค้นโผล่เข้ามายืนจังก้าหน้าเรือนเนื้อนาง ในมือมีคบไฟ สีหน้าพร้อมจะเผาเรือนให้มอดไหม้สาสมแค้น
ณไตรตรงเข้าไปจ่อคบไฟที่เรือน แววตากระด้าง เจ็บแค้นเนื้อนาง ภาพความใกล้ชิดของหนานไตรกับเนื้อนางที่เรือนนี้
ณไตรจ่อคบไฟ เปลวไฟลุกใกล้เรือน ณไตรนึกถึงภาพวันที่แต่งงานกับเนื้อนางที่เรือนหลังนี้ เปลวไฟกำลังจะลุกติดเรือน ณไตรมองแล้วเผาเรือนไม่ลง โยนคบไฟลงกับพื้น กระทืบจนคบไฟดับมอดลง
สีหน้าณไตรคั่งแค้นนัก เจ็บใจเนื้อนางมากเท่าทวีคูณ
ทางด้านเนื้อนางนั่งพับเพียบอยู่ด้านล่าง เจ้าแสนพรหมยิ้มใจดีประคองเนื้อนางขึ้น
“มานั่งใกล้ๆ ฉันเถอะจ้ะ ฉันไม่ชอบถือยศถืออย่างอะไร”
เนื้อนางขึ้นมานั่งใกล้ เจ้าลูบไล้จากบ่าลงมาจับที่มือเบาๆ
“เนื้อนางไปหัดฟ้อนมาจากที่ไหนจ๊ะ สวยเหลือเกิน ฉันไม่เคยเห็นเลย”
“หัดมาตั้งแต่เด็กๆ แล้วจ้ะ แม่เนื้อนางเคยเป็นช่างฟ้อน”
“ถ้าฉันอยากดูอีก เนื้อนางฟ้อนให้ฉันดูได้มั้ยจ๊ะ คืนนี้”
เนื้อนางยังไม่ทันตอบ คำฝายถือถาดเครื่องดื่มในขวดเจียระไนสวยเข้ามา เจ้าแสนพรหมปรายตามอง
“วางไว้ตรงนั้นคำฝาย เธอจะไปนอนก็รีบไปเถอะ”
คำฝายทำเป็นถอยไปพับเพียบด้านหลัง เจ้าแสนพรหมขัดใจ
“ไม่ไปล่ะ”
“คำฝายจะอยู่รับใช้เจ้า”
“ไม่ต้องหรอก เนื้อนางคนเดียวก็พอแล้ว”
คำฝายทำเป็นคลานถอยไปอีกนิด แต่ก็ยังแอบอยู่
เนื้อนางสบตากับคำฝายแล้วรีบรินเครื่องดื่มลงแก้ว
“เนื้อนางนี่ช่างเอาใจ หวานไปทั้งเนื้อทั้งตัว ว่าไงจ๊ะ ฟ้อนแง้นให้ฉันดูอีกสักรอบได้มั้ย”
เนื้อนางยกแก้วจ่อเสิร์ฟถึงปากเจ้า ส่งสายตาหวาน
“ได้สิจ๊ะ ดื่มก่อนนะจ๊ะ”
เจ้าแสนพรหมปฏิเสธไม่ได้ เนื้อนางป้อนถึงปาก
คำฝายคลานเข้ามา รินลงอีกแก้ว เนื้อนางวางแก้วแล้วถืออีกแก้วมาจ่อ
เจ้าแสนพรหมยิ้ม “จะมอมฉันหรือ”
“เนื้อนางอยากให้เจ้าสนุก จะได้ดูฟ้อนสวยๆ”
เนื้อนางคะยั้นคะยอให้เจ้าดื่มจนหมดแก้ว เจ้าแสนพรหมจับมือ เนื้อนางยอมให้จับโดยดี
“เนื้อนางจ๋า เนื้อนางสวยมากเลยนะจ๊ะ”
เจ้าแสนพรหมเลื่อนมือขึ้นมาที่แขน เนื้อนางยิ้ม หันไปหยิบอีกแก้ว
“คุยกันบ้างก็ได้จ๊ะ คุยกันก่อน”
“ไม่หมด เนื้อนางไม่ฟ้อนให้ดูจริงๆด้วย”
เห็นเนื้อนางทำหน้าแง่งอน เจ้าแสนพรหมรีบดื่ม เนื้อนางป้อน
คำฝายเป็นฝ่ายเทเหล้าลงแก้ว แก้วแล้วแก้วเล่า เนื้อนางป้อน พอเจ้าแสนพรหมจะคุย เนื้อนางก็ป้อน
คำฝายมองขวดเครื่องดื่มพร่องไปกว่าครึ่ง
เนื้อนางป้อนอีกแก้ว แสนพรหมหน้าแดงก่ำ เมาจนเอนนอนพับลงที่ตักเนื้อนาง
เนื้อนางสบตากับคำฝายดีใจ
คืนนั้นเจ้าแสนพรหมเมาจนไม่ได้สติ ถูกคำฝายหิ้วปีกเข้าห้องนอน เจ้าพยายามทรงตัว หมุนมาทางร่างคำฝายเพราะเข้าใจว่าเป็นเนื้อนาง
“เนื้อนางจ๋า มามะ ฟ้อนให้ฉันดูหน่อย”
เจ้าแสนพรหมกำลังจะมองคำฝายเต็มตา คำฝายรีบเอื้อมไปกดสวิตช์ ไฟดับพรึบลงทั้งห้อง เจ้าแสนพรหมหัวเราะคิก
“ชอบมืดๆ เหรอจ๊ะ”
คำฝายบีบเสียง “จ้ะ เนื้อนางชอบความมืด เนื้อนางอายน่ะเจ้า”
“อายทำไม มันเป็นเรื่องธรรมชาติ มามะ ครูจะสอนให้”
เจ้าแสนพรหมระริก ยื่นหน้าจะจูบ คำฝายดันหน้าเจ้าที่กำลังจะจูบไปห่างด้วยควาขยะแขยง
“เจ้าร้อนมั้ยจ๊ะ ร้อนก็ถอดเสื้อก่อน”
“มาผลัดกันถอดดีกว่านะ ฉันชิ้นนึง เนื้อนางสองชิ้น”
เจ้าแสนพรหมหัวเราะคิก
“งั้นเจ้าถอดก่อนสิจ๊ะ”
เจ้าแสนพรหมถอดเสื้อหมุนกลางอากาศ แล้วโยนลงพื้น คำฝายมองเห็นพุงกระเพื่อมก็อดทนมอง
“ไม่ต้องอาย มาจ้ะ มาให้ฉันชื่นใจ”
เจ้าแสนพรหมพุ่งพรวดคว้าตัว คำฝายถอยหนีแล้วดันหงายหลังลงบนเตียง เจ้าคลานตามขึ้นมา
“อย่ารีบสิคะ เจ้า เนื้อนางไม่เค้ยไม่เคย”
คำฝายกระถดขาหนี เจ้าแสนพรหมพุ่งเข้ามาบนเตียง แต่ชะงักกึก หลับกลางอากาศไปในท่าโก้งโค้งน่าขัน คำฝายม้วนตัวลงจากเตียงแล้วยกเท้าถีบเข้าให้ เจ้าแสนพรหมกลิ้งหลับไป
“ไอ้ลามก”
คำฝายกลั้นใจเข้าไปดึงกางเกงเจ้าแสนพรหมพรวดออก แล้วเหวี่ยงลงบนพื้น คำฝายปิดตา ก่อนจะแหวกนิ้วชี้ดู
“อยากดูนักใช่มั้ย ฟ้อนแง้น ดูฟ้อนเล็บฉันไปก่อนเหอะ”
คำฝายทำท่ากางเล็บ อยากจะข่วน แต่เห็นแสนพรหมนอนกรนดังสนั่น
คำฝายมองแล้วขนลุก รีบย่องออกไปจากห้องโดยเร็ว
เจ้าแสนพรหมยังนอนกรนเสียงดัง หลับเป็นตายไม่รู้เรื่อง
เนื้อนางยืนรออยู่ด้วยความกังวล พอเห็นคำฝายเปิดประตูเข้ามาก็รีบเข้าไปหา
“พี่คำฝาย เจ้าทำอะไรพี่หรือเปล่า”
“ถ้าทำ คงได้รอดออกมาหรอกนะ พี่ถอดเสื้อผ้าเจ้าออกหมดแล้ว พอตื่นขึ้นมา เจ้าจะได้คิดว่า” คำฝายยกนิ้วชี้สองนิ้วมาแปะคู่กัน “จึ๊กกะดึ๋ยตั๋วไปแล้ว”
“จะได้ผลเหรอจ๊ะ”
“มันอยู่ที่ตั๋ว พรุ่งนี้ตั๋วต้องเล่นให้สมบทบาท” คำฝายดีดดิ้น “ตั๋วต้องทำสะเทิ้นอาย เหมือนว่าคืนนี้ตั๋วเป็นเมียเจ้าแล้ว”
เนื้อนางสะท้อนใจ “นี่เราหนีเสือมาปะจระเข้หรือเปล่า”
“นั่นน่ะสิ แต่ยังไงก็ต้องเอาตัวรอดให้ได้ ทนอยู่ในคุ้มนี้ไปก่อน จนกว่าเราจะได้ที่อยู่ใหม่”
เนื้อนางทอดถอนใจ มองไปไกลลิบตา กังวลถึงชีวิตที่ต้องเจอในวันข้างหน้า
รุ่งเช้า เจ้าแสนพรหมเดินไปเดินมา สีหน้าไม่แน่ใจเรื่องเมื่อคืน
“ได้ หรือ ไม่ได้ หรือหลับ หรือเกือบๆ จะ เข้าด้ายเข้าเข็ม”
เนื้อนางเดินถือถาดกาแฟเข้ามาวาง เจ้าแสนพรหมเห็นก็ปรี่เข้าไปทัก
“เนื้อนางจ๋า ทำไมไม่รอตื่นพร้อมฉัน”
เนื้อนางทำเป็นเอียงอาย หวังให้เจ้าแสนพรหมเข้าใจผิด
“ก้อเนื้อนางอายเจ้า”
เจ้าแสนพรหมยิ้มกริ่มเข้าใจว่าได้เนื้อนางแล้ว
“จะอายทำไม คืนนี้ฉันไม่ยอมแล้วนะ เนื้อนางต้องอยู่กับฉันจนเช้า ฉันอยากตื่นมาเห็นหน้าเนื้อนางคนแรก”
“จ้ะ”
เนื้อนางทำตอบเอียงอาย
ประกายแอบฟังอยู่หน้าประตูห้อง ตาโตด้วยความโกรธ
ขณะที่เนื้อนางกำลังเดินมาในสวน ประกายกระชากแขนเนื้อนางสุดแรง
“อีเนื้อนาง ฉันบอกแล้วใช่มั้ยว่าอย่ายุ่งกับเจ้า”
ประกายเงื้อมือ เนื้อนางระวังตัวอยู่ผลักจนประกายเซ
“แก แกกล้าสู้ฉัน”
ประกายตรงเข้าผลักเนื้อนางหงาย ล้มไปกับพื้น
“ให้ท่าระริกระรี้ดีนัก วันนี้ฉันจะจัดการสั่งสอนแกให้ตายคามือ”
ประกายพุ่งเข้าไปจะคร่อมร่างเนื้อนาง แต่คำฝายวิ่งมาข้างหลัง ถีบประกายกลิ้งไปอีกทาง
คำฝายพุ่งเข้ามากระชากผมประกายลุกขึ้น
“ใครจะตายกันแน่ อีคุณประกาย”
คำฝายเงื้อมือ แต่ประกายปัดมือออกแล้วตบคำฝายเต็มแรง คำฝายไม่ยอม ตบกลับอย่างแรง สองคนเซกันไปคนละทาง เนื้อนางที่ยังจุก ลุกไม่ขึ้น จึงร้องตะโกนเรียก
“ช่วยด้วย ใครก็ได้ ช่วยด้วย ช่วยห้ามที
ประกายพุ่งเข้าบีบคอคำฝาย เนื้อนางพยายามลุก แต่ประกายบีบคอคำฝายแรง คำฝายเริ่มหน้าเขียว แปงวิ่งมาจากอีกด้าน พุ่งเข้ามากระชากประกายออก เนื้อนางรีบเข้าไปดึงคำฝายออกห่างประกาย
“ปล่อยกู ไอ้แปง ปล่อย กูจะฆ่าอีเนื้อนาง อีคำฝาย”
“หยุดบ้าได้แล้ว เจ้าเรียกไปหา”
ประกายตกใจ มองแปง “เจ้าเรียกเหรอ”
เนื้อนางกับคำฝายมอง เห็นประกายมีท่าทางสงบลงทันที
เจ้าแสนพรหมมองประกายที่รีบจีบปากจีบคอใส่ไฟฟ้อง
“คำฝายกับเนื้อนางมันรุมตบตีประกายค่ะ”
“นึกว่าฉันจะเชื่อลิ้นสองแฉกของแกเหรอ ประกาย” เจ้าผลักประกายออกห่าง “ไปแต่งตัวใหม่ แล้วก็ไปทำงานของแกได้แล้ว วันนี้ฉันต้องส่งดอกเบี้ยเงินกู้เสี่ยใช้ โรงไม้”
“ไม่ไป ประกายไม่อยากไปเหมือนเอื้องเดือน พิมพา อย่ายกประกายให้เจ้าหนี้เลยนะ”
ประกายคลานไปกอดขาขอความเห็นใจเจ้าแสนพรหม
“เจ้าขา อย่าให้ประกายไปนอนกับเจ้าหนี้ของเจ้าเลยนะ”
เจ้าแสนพรหมยิ้ม “เธอไม่ไป แล้วฉันจะเอาเงินที่ไหนไปขัดดอกละจ๊ะ ประกายคนสวย...ไอ้แปง”
เจ้าแสนพรหมชักเท้าออกด้วยความรำคาญ หันไปทางแปง
แปงรู้งานหยิบแส้มาส่งให้เจ้า...เจ้าแสนพรหมรับมาสะบัดฟาดเฉียดร่างประกายนิดเดียว
ประกายร้องกรี๊ด ตกใจกลัว
“ยอมแล้วจ้ะ ประกายยอมแล้ว เจ้าอย่าทำร้ายประกายนะ”
“ดีนะที่ฉันต้องออกไปธุระ ไม่งั้นแกเจ็บตัวยิ่งกว่านี้” เจ้าแสนพรหมหันไปสั่งแปง “จัดการส่งมันให้เรียบร้อยด้วย ถ้าปัญหามาก ก็ถีบตกรถ โยนทิ้งก้นเหวให้เสือคาบไปกินเลย”
“ครับ เจ้า”
ประกายตัวสั่นกลัว แสนพรหมเดินไปจิกหัวประกายขึ้น ประกายร้องลั่น หวาดกลัวที่สุด
“กลัวแล้ว อย่าฆ่าฉันเลย กลัวแล้ว จะให้ประกายทำอะไรก็ยอมทุกอย่างแล้ว”
เจ้ายิ้มเหี้ยม มองจ้องประกายตาวาว
“รู้มั้ยว่าผู้หญิงที่ขัดใจฉัน มันไม่เคยรอดไปจากคุ้มนี้”
เจ้าแสนพรหมผลักประกาย แล้วเดินออกไป ประกายหน้าตาหวาดกลัวสุดชีวิต
ที่ท่าน้ำตอนนี้ เห็นร่างแสงคำผุดขึ้นมาเกาะที่ท่า มองซ้ายมองขวาไม่เห็นใครก็ปีนขึ้นมา เนื้อตัวเปียก แสงคำเจอทางเข้าคุ้มก็รีบเดินลัดเลาะ เอาต้นไม้กำบังกาย วิ่งเข้าไปด้านในอย่างเร็ว
เนื้อนางนั่งปรับทุกข์อยู่กับคำฝาย สีหน้ากังวล
“เราจะทำยังไง พี่คำฝาย เจ้าให้เนื้อนางไปหาคืนนี้อีก”
คำฝายเครียด “แผนเดิมท่าจะไม่ได้ผล”
“เราต้องรีบออกไปจากที่นี่”
“แล้วจะไปอยู่ไหนกัน”
ขณะที่เนื้อนางกับคำฝายเป็นกังวลอยู่นั้น แสงคำโผล่ออกมาจากพุ่มไม้ใกล้ๆ เนื้อตัวเสื้อผ้าเปียกซก สองสาวหันไปเห็นก็ดีใจ
“อ้ายแสงคำ”
แสงคำวิ่งมาจับมือเนื้อนางด้วยความดีใจ
“แกเข้ามาได้ยังไง” คำฝายมอง “เนื้อตัวเปียกขนาดนี้หรือว่า ขึ้นมาทางท่าน้ำ”
เนื้อนางสงสาร “โธ่ อ้ายแสงคำ ลำบากแท้ๆ”
“ไม่เป็นไรเลย เนื้อนาง อ้ายทำได้ทุกอย่าง ขอให้ได้เจอเนื้อนาง”
แสงคำยิ้มกว้าง สีหน้าดีใจมากที่ได้เจอเนื้อนางจนได้
สามคนอยู่ในห้องนอนเนื้อนาง แสงคำเช็ดเนื้อเช็ดตัวเสร็จ ตรงเข้ามาจับไหล่เนื้อนางอย่างห่วงใย
คำฝายกระแอมดัง แสงคำปล่อยมือ
“เนื้อนางเป็นยังไงบ้าง เจ้ามันทำอะไรเนื้อนางหรือเปล่า”
“ไม่จ้ะ เนื้อนางสบายดี”
“ข้าอยู่ด้วยทั้งคน เนื้อนางไม่เสียท่าใครง่ายๆ หรอก” คำฝายบอก
“อ้ายแสงคำล่ะจ๊ะ ทำงานที่ปางอื่น เป็นยังไงบ้าง”
“หนักงาน อ้ายไม่เคยบ่นอยู่แล้ว แต่อ้ายหนักใจ อ้ายอยากรู้ว่าเนื้อนางเป็นยังไง อ้ายอยากเห็นหน้าเนื้อนาง”
เนื้อนางยิ้มให้กับความซื่อของควาญหนุ่ม แสงคำพอเห็นรอยยิ้มเนื้อนางก็สดชื่นขึ้นมาทันที
“เนื้อนาง อ้ายอยากพาเนื้อนางกับคำฝาย ออกไปจากที่นี่ ไปหาบ้านใหม่ อยู่ด้วยกันเหมือนแต่ก่อน ไอ้ม่อนดอยด้วย ไปวันนี้เลยนะ เนื้อนาง”
“ใจเย็นๆ อ้ายแสงคำ ทำอะไรผลีผลามอย่างนั้นไม่ได้ เรามาขออาศัย เจ้าแสนพรหม ถ้าเราจะไป เราก็ต้องบอกเจ้าก่อน” เนื้อนางบอก
“งั้นไปบอกตอนนี้เลย” แสงคำว่า
“เจ้าไม่อยู่น่ะสิ เพิ่งออกไปข้างนอก ไม่งั้นไปกันซะวันนี้เลย”
“ยังไงเราก็ต้องลาเจ้า จะพากันออกไปอย่างไม่รู้จักบุญคุณคนไม่ได้ อ้ายแสงคำรออีกนิดนะจ๊ะ”
เนื้อนางยิ้มให้ แสงคำยิ้มตอบอย่างดีใจ
คำฝายโผล่หน้ามาออกมาจากพุ่มไม้ ดูต้นทางให้ เนื้อนาง และแสงคำที่รออยู่ด้านหลัง
“ทางสะดวกแล้ว ไปเร็ว แสงคำ”
เนื้อนางพาแสงคำออกมา รีบเดินเร็วจะไปทางท่าน้ำ ณไตรเดินเข้ามา มองเห็นเนื้อนางกับแสงคำก็หยุดมอง แสงคำมองณไตรสายตาสงสัย
“ไอ้หนานไตร นั่นมัน...ไอ้หนานไตร”
เนื้อนางดึงแขนแสงคำทันทีเพราะไม่อยากให้มีเรื่องกัน คำฝายมองกังวล
ณไตรมองจ้องเนื้อนางที่ดึงแขนแสงคำด้วยความหึงหวง
“มึงหายหัวไปไหนมา รู้มั้ยว่าหมื่นหล้าตายเพราะมึง” แสงคำด่าอย่างรุนแรง
“แกก็เลยต้องคอยตามปลอบใจคนรักเก่าไปทุกที่” ณไตรมองเนื้อนางนิ่งแววตาดูแคลน “มีหนึ่งไม่พอยังมีของเก่าสำรองอยู่อีกคน หัวใจเธอทำด้วยอะไร เนื้อนาง ถึงได้เก็บผู้ชายไว้ได้หมด ทั้งเก่า ทั้งใหม่ไม่ซ้ำหน้า”
เนื้อนางกับทุกคนตกตะลึงกับคำพูดดูถูกนั้น ณไตรมองจ้องเนื้อนางกับแสงคำด้วยสายตาคั่งแค้น
อ่านต่อหน้า 2
เพลิงฉิมพลี ตอนที่ 8 (ต่อ)
ขณะเดียวกันนั้น แขไขเดินเร็วรี่จะออกไปนอกบ้านหิมวัต ธรรพ์ก้าวเข้ามาดักหน้าไว้
“จะไปคุ้มเจ้าแสนพรหมหรือครับ”
“รู้แล้วจะถามทำไม หลีกทางค่ะ แขรีบ”
“ผมจะพาไปเอง”
ธรรพ์บอก พลางคว้าข้อมือแขไขพาเดินไป แขไขแปลกใจท่าทางธรรพ์ที่ประชิดตัวมากขึ้น
ทางฝ่ายณไตรมองจ้องเนื้อนาง เอ่ยถามด้วยเสียงเหยียดหยัน
“เนื้อนาง ชีวิตเธอต้องมีผู้ชายอีกกี่คน เธอถึงจะพอ”
แสงคำโมโหพุ่งเข้าไปชกหน้าณไตรเต็มแรง ร่างณไตรเซไป แล้วหันมาชกกลับหลายหมัด แสงคำล้มไปกับพื้น
สองสาวตกใจ เนื้อนางร้องห้าม
“หยุดนะ หยุดทำตัวเป็นหมาบ้า กัดไม่เลือกหน้าสักที อ้ายแสงคำเจ็บมั้ย”
เนื้อนางเข้าไปประคองแสงคำที่พื้น ณไตรเห็นยิ่งโกรธ
“เจ็บแทนเหลือเกินนะ ไอ้ควาญช้างสถุลนี่”
“ใช่ ฉันเจ็บแทนอ้ายแสงคำคนดี แล้วฉันจะเก็บใครไว้ มันก็เป็นความพอใจของฉัน ชีวิตของฉัน คนอื่นไม่เกี่ยว”
ณไตรโกรธ “ผมไม่ใช่คนอื่น ผมเป็นผัวคุณ”
เนื้อนางหันขวับมา “รู้ไว้ด้วย ตั้งแต่ออกจากปาง ฉันก็ถือว่าฉันไม่มีผัวอีกแล้ว”
“เนื้อนาง” ณไตรขึ้นเสียง
เนื้อนางสู้ตาณไตร แสงคำลุกขึ้น จะเข้าไปอัดณไตร
คำฝายที่ชะเง้อมองทาง เห็นแปงกำลังวิ่งมาไกลๆ ก็ร้องห้ามขึ้น
“ไปก่อน แสงคำ ไอ้แปงมันมาทางนี้แล้ว”
แสงคำละล้าละลัง ณไตรได้ยินก็ตะโกนบอก
“แปง มีคนบุกรุกคุ้มเจ้า แปง ทางนี้”
เนื้อนาง แสงคำ และคำฝายมองนึกไม่ถึง ว่าณไตรจะทำอย่างนี้ แถมตะโกนเร่ง
“ทางนี้แปง เร็ว แปง โจรอยู่ทางนี้”
เนื้อนางผลักแสงคำทันที
“ไป อ้ายแสงคำ หนีไปก่อน”
แสงคำไม่อยากไป เนื้อนางผลักอีก แสงคำรีบวิ่งไปทางท่าน้ำ คำฝายมองณไตรอย่างเจ็บใจ
“แก ไอ้หนานไตร! ไอ้หน้าไหว้หลังหลอก ไอ้หมาหวงก้าง”
แปงวิ่งมากับคนงานชาย 2 คน ณไตรชี้ไปทางท่าน้ำ
“มันหนีไปทางโน้น”
แปงกับคนงานชาย 2 คนวิ่งตามไปทันที คำฝายมองแล้วเป็นห่วงแสงคำ วิ่งตามไปอีกคน
เนื้อนางมองณไตรด้วยสายตาโกรธมาก
“คุณทำแบบนี้ทำไม โกรธเกลียดอะไรก็มาลงที่ฉันคนเดียว อ้ายแสงคำไม่เกี่ยว”
“ต้องเกี่ยว ใครที่มาแย่งความรักไปจากชั้น มันต้องเกี่ยว ฉันไม่ละเว้นใครทั้งนั้น เธออยากให้ฉันเป็นหมาบ้า ฉันก็จะเป็น” ณไตรมองจ้องเนื้อนาง พาลเต็มที่
“เธอหักหลังฉัน เธอผิดสัญญากับฉันก่อน ในเมื่อเธอคิดว่าความรักของฉันมันไม่มีค่า เธอจะทอดกายให้ผู้ชายกี่คนก็ได้ ฉันก็จะสั่งสอนให้รู้ว่า เธอไม่มีสิทธิ์รักใครได้อีก”
ณไตรกับเนื้อนางมองจ้องกันด้วยความเจ็บช้ำในใจทั้งคู่
แสงคำวิ่งเร็วรี่มาที่ท่าน้ำ โดยที่ด้านหลังแปงกับคนงานวิ่งตามมา แสงคำกระโดดน้ำพุ่งลงไป แปงกับคนงานหยุดที่ท่า มองเห็นแสงคำว่ายน้ำหนีไปได้ ก็หยุดตาม
คำฝายวิ่งมาถึง เห็นแสงคำว่ายไปไกลแล้ว ก็มองด้วยความโล่งใจ
ณไตรเดินเข้าหาเนื้อนาง จับแขนแล้วบีบอย่างแรง
“เป็นเมียฉัน มันคงไม่ดีเท่าเป็นเมียเจ้าแสนพรหม”
เนื้อนางน้อยใจแต่ก็ประชดออกไปทันที
“ใช่...เป็นเมียเจ้าแสนพรหม ฉันได้ทุกอย่าง”
“เธอยังไม่รู้จักเจ้าแสนพรหมดีพอ”
“ฉันก็ไม่เคยรู้จักหนานไตรมาก่อนเหมือนกัน ขนาดไม่รู้จัก ฉันก็ยังแต่งงานด้วยได้” เนื้อนางประชด
ณไตรแค้น “เนื้อนาง ธาตุแท้เธอก็เป็น...ผู้หญิงใจง่าย รักสบาย”
เนื้อนางย้อน “มีใครบ้างไม่อยากสบาย นั่งกินนอนกินอยู่บนกองเงินกองทอง”
เนื้อนางจะดึงแขนออก แต่ณไตรบีบแน่น
“ดี ถ้าเธอซื้อได้ด้วยเงิน ฉันก็จะให้ราคาเธอสูงกว่าคนอื่น ในฐานะ...วัวเคยค้า ม้าเคยขี่”
ขาดคำณไตรดึงเนื้อนางเข้ามากอด ปล้ำจูบ เนื้อนางผลักออกอย่างแรง โกรธจัดตบหน้าจนณไตรหน้าหัน
“มันไม่ง่ายเหมือนที่หลอกฉันคราวก่อนหรอก พ่อเลี้ยงณไตร คราวนี้คุณต้องทุ่มจนหมดตัว หมดทุกสิ่งทุกอย่าง ไม่ใช่มีแค่คำหวานๆ แล้วคิดจะหลอกฉันได้อีก”
เนื้อนางวิ่งออกไป ณไตรมองตาม สายตาเดือดดาลมีแต่ความแค้น
ธรรพ์ขับรถมาจนมองเห็นป้ายทางเข้าปางหิมวัต แขไขมองแล้วกระชากเสียงถาม
“จอด ๆๆ ก่อนค่ะ ไหนบอกว่าจะพาแขไปคุ้มเจ้าแสนพรหม”
ธรรพ์บอก “ผมขอแวะทำธุระที่ปางก่อน”
“นี่มันคนละทางเลยนะคะ แล้วธุระอะไรคะ แขรีบ”
ธรรพ์จอดรถลง แขไขมอง แล้วนึกเอะใจ
“พี่ธรรพ์หลอกแข พี่ธรรพ์พาแขออกมาแต่ไม่ยอมพาแขไปคุ้มเจ้าแสนพรหม”
“ผมไม่อยากให้คุณเสียใจมากกกว่านี้นะ คุณแข”
“เลิกปกป้องแขซะทีเถอะ บอกมาว่ามีอะไรที่คุ้ม พี่ไตรกับพี่ธรรพ์มีความลับอะไรกัน”
บุญลือขี่จักรยานผ่านมาพอดี เห็นแขไขกับธรรพ์ก็หยุดรถมอง แขไขหันไปเห็นบุญลือก็จิกใช้ทันที
“นี่แก พาฉันไปคุ้มเจ้าแสนพรหมหน่อย”
แขไขลงจากรถ ธรรพ์ไม่ยอม ลงมากระชากแขไขไว้
“อย่ามาห้ามแข”
แขไขสะบัด ผลักธรรพ์สุดแรง ธรรพ์กระเด็นล้มลงไป
แขไขหันไปสั่งบุญลือ “เอารถพาฉันไปคุ้มเจ้าแสนพรหม”
ธรรพ์สั่ง “จับคุณแขไว้สิวะ บุญลือ จับไว้ก่อน”
สุดท้ายบุญลือตัดสินใจทำตามคำสั่งธรรพ์ จับแขนแขไขรั้งไว้ แขไขเอากระเป๋าฟาดบุญลือ
“ปล่อยฉันนะ ไอ้ขี้ข้า”
บุญลือยกมือป้อง แขไขเอากระเป๋าตบหน้าบุญลือเต็มแรง บุญลือตกใจพลั้งมือผลักแขไขอย่างแรง
“ว้าย”
แขไขเซถอยหลังหัวไปชนต้นไม้เต็มแรง สลบลงไปกับพื้น
“คุณแข”
ธรรพ์ตกใจรีบเข้ามาประคองแขไข บุญลือตกใจ
“ผม..ผมไม่ได้ตั้งใจนะครับ ให้ผมพาคุณแขไขไปหาหมอก่อน”
ธรรพ์มองเห็นแขไขแค่สลบ ไม่มีบาดแผลก็เห็นโอกาส หันมาสั่งบุญลือ
“ไม่ต้อง หุบปากให้สนิท บุญลือ อย่าพูดกับใครว่าฉันพาคุณแขมาที่นี่”
บุญลือมองงง ธรรพ์หยิบแบงค์ร้อยออกจากกระเป๋าเสื้อโยนให้
“อุ้มคุณแขขึ้นรถ”
บุญลือมองธรรพ์อีกที แล้วตัดสินใจก้มลงเก็บเงิน ตรงเข้าไปอุ้มแขไขมาวางบนรถ
ธรรพ์มองแขไขที่นอนสลบบนรถ ด้วยสายตาวาววับ ต้องการครอบครองแขไขไว้คนเดียว
ณไตรเดินตรงมายังเนื้อนางที่ยืนอยู่ เนื้อนางหันไปมองเห็นณไตรจ้องราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ
“ถึงจะมีแสงคำเป็นตัวสำรอง เธอก็ติดปีกหนีฉันไม่พ้นหรอก เนื้อนาง”
เนื้อนางกับณไตรมองจ้องประสานสายตากันอย่างขุ่นเคืองใจ
“อย่าคิดว่าฐานะเมียของเจ้าแสนพรหม จะคุ้มครองเธอให้รอดจากมือฉัน”
“คุณเจ็บเป็นคนเดียวหรือคะ พ่อเลี้ยงณไตร ความหวังที่คุณเคยให้ฉันมันก็เหมือนยาพิษ มันกัดกิน มันทำลายชีวิตทุกคนๆที่รักฉันทำลายกระทั่งชีวิตตา...คนที่ฉันรักที่สุด”
เนื้อนางเดินเข้ามาใกล้ณไตร พูดจาเชือดเฉือน
“เชิญคุณกลับไปใช้ชีวิตเศรษฐี ชีวิตพ่อเลี้ยงของคุณ อย่ามาเล่นสนุกกับผู้หญิงจนๆ อย่างฉันอีก”
เนื้อนางจะเดินผ่านหน้าณไตรออกไป ณไตรเอ่ยขึ้นอย่างวางอำนาจ
“แล้วคุณจะได้รู้ เนื้อนาง อะไรที่เป็นของผม ถ้าผมยังไม่ปล่อยมือมันก็ต้องเป็นของผมคนเดียว”
เนื้อนางสะบัดหน้าเดินหนีออกไปไม่แยแส ณไตรมองตามด้วยแววตาเจ็บใจ
ทางฝั่งธรรพ์ยืนมอง สั่งบุญลือที่หน้าเรือน
“แกเฝ้าแถวนี้ไว้ บุญลือ อย่าให้ใครผ่านไปผ่านมา”
“คุณธรรพ์จะ...” บุญลือไม่กล้าพูด มองไปด้านใน “... คุณแข”
“ฉันสั่งให้แกเฝ้า ไม่ต้องถาม”
“คือว่า...ผมก็ไม่อยากยุ่งเรื่องของเจ้านาย แต่ถ้าแม่นายรู้เรื่องนี้”
“ถ้าแกไม่เสือกปากโป้งสักคน ใครจะรู้”
ธรรพ์ตวาด บุญลือมองอย่างเกรงกลัว แต่ก็พยายามจะเตือนสติ
“คุณแขเธอเป็น...เป็นคนที่จะแต่งงาน...กับคุณณไตรไม่ใช่หรือครับ”
พอธรรพ์ได้ยินคำว่า ณไตร ก็ยิ่งฉุนขาด ถีบบุญลือก้นจ้ำเบ้าไปกับพื้น
“ฉันสั่งให้แกเฝ้า อย่าสะเออะพูดมาก หรืออยากโดนไล่ออก”
“ครับ...ครับ”
บุญลือถอยห่างออกจากเรือน ธรรพ์มองแล้วพุ่งขึ้นเรือนไปอย่างเร็ว
บุญลือถอยมาระวัง ดูต้นทางห่างจากเรือน ด้วยสายตาเป็นกังวลใจ
เย็นจวนค่ำธรรพ์เดินเข้ามาในห้องบนเรือนเก่าของเนื้อนาง เห็นแขไขที่ถูกมัดมือไว้เหนือหัวทั้งสองข้าง สายตาธรรพ์มองแขไขด้วยความรักและหลงใหล
ธรรพ์เอามือไล้ไปตามใบหน้าสวยของแขไข
“คุณแข คุณสวยเหลือเกิน”
แขไขรู้สึกตัว ลืมตามาเห็นเป็นธรรพ์อยู่ใกล้ พอขยับมือก็เห็นว่าถูกมัด แขไขมองตกใจ
“พี่ธรรพ์ มัดแขทำไม”
แขไขมองไปรอบๆด้วยสายตาขยะแขยง
“นี่มัน...เรือนเนื้อนาง...พี่ธรรพ์พาแขมาที่นี่ทำไม แขเกลียดที่นี่ ปล่อยแข แก้มัดแขเดี๋ยวนี้”
แขไขดิ้นรนเต็มที่ ธรรพ์ไม่ยอม กดมือแขไขลง แขไขร้องเสียงดัง
“ปล่อยนะ แขจะไปตามพี่ไตร”
ธรรพ์ได้ยินคำนี้ก็โมโห เลื่อนร่างมาคร่อมร่างแขไข กดลงไปที่แขนแขไขไม่ให้ดิ้นรน
“ชีวิตคุณไม่ได้มีแต่พี่ไตร คุณมีผม คุณแข มองผมสิ ถ้าคุณรักผม ผมจะไม่ทำให้คุณร้องไห้”
ธรรพ์ประคองหน้าแขไขมองจ้อง แขไขส่ายหน้าดิ้นหนี
“รู้ไว้ด้วยว่าแขกับพี่ไตรเคยรักกันมาก่อน แขโง่เองที่เคยล้อเล่นกับความรักความจริงใจของพี่ไตร แต่คราวนี้แขรู้แล้วว่าพี่ไตรคือผู้ชายที่ดีที่สุด”
“คุณไม่มีวันเอาชนะเนื้อนางได้ พี่ไตรไม่รักใครนอกจากเนื้อนาง ตัดใจจากพี่ไตรแล้วรักผมซะ แขไข มองผม ผมก็เป็นหิมวัตคนนึงเหมือนกัน”
“ถึงเป็นหิมวัต แต่ก็ต่างกันเหมือนฟ้ากับเหว แขไม่ต้องการให้ผู้ชายอ่อนแออย่างพี่ธรรพ์มานำชีวิตแข เข้าใจมั้ย”
ธรรพ์แค้นทับลงบนร่างแขไขที่ส่ายหน้าดิ้นหนีอย่างรังเกียจ
“อย่ามาแตะต้องแข...ปล่อยแข ปล่อย”
ธรรพ์ก้มลงระดมจูบด้วยอารมณ์โกรธสุดขีด
ขณะเดียวกันนั้น ณไตรนั่งรออยู่ที่โต๊ะในร้านอาหาร แสนพรหมเดินเร็วเข้ามานั่งตรงข้าม
“ไอ้แปงมันบอกว่า พ่อเลี้ยงจะมารอที่นี่ พอดีผมไปติดต่อธุรกิจนิดหน่อย มีคนอยากลงทุนด้วย”
“งั้นเจ้าก็คงไม่ต้องขายบริษัทให้ผมแล้ว”
“เดี๋ยวๆ ก่อน พ่อเลี้ยง คือที่จริงผมก็ยังไม่ตัดสินใจว่าจะขายให้ใคร ผมกำลังทบทวนเรื่องข้อเสนอ”
“ผมจ่ายเงินสด ทั้งหมดตามราคา”
“ผมว่าราคามันควรจะเพิ่มมากกว่าห้าแสนสักหน่อยนะ”
ณไตรเอ่ยขึ้น “6 แสน แลกกับของแถมอีกชิ้น”
เจ้าแสนพรหมมองณไตรยิ้มๆ
“ผมต้องการดอกไม้สวยๆ ของเจ้าไปประดับแจกันที่หิมวัต”
“ได้เลย ผมยกประกายให้พ่อเลี้ยงได้ทันที”
“ผมไม่ต้องการผู้หญิงคนไหนทั้งนั้น...นอกจากเนื้อนาง”
เจ้าแสนพรหมสำคำออกมาทันที “ไม่ได้...สำหรับเนื้อนาง...ผมบอกแล้วว่าไม่ได้”
“อย่าเพิ่งปฏิเสธสิครับ ผมอาจจะเป็นทางรอดเดียวของเจ้า” ณไตรพูดเป็นเชิงดูแคลน
เจ้าแสนพรหมคำราม “พ่อเลี้ยงณไตร”
“ผมให้เวลาเจ้าไตร่ตรอง เงินสดสำหรับใช้หนี้ 6 แสนบาท ผมจ่ายทันทีแล้วก็รับตัวเนื้อนางไป”
เจ้าแสนพรหมส่ายหน้า ไม่ยอมรับ ณไตรคลี่ยิ้มร้าย
ด้านธรรพ์กำลังก้มลงจูบแขไขที่ปัดป้องดิ้นรนพัลวัน
“แขไม่ได้เกิดมาเป็นของพี่ธรรพ์ คนอย่างแขจะไม่เลือกผิดซ้ำสอง เจ้าบ่าวของแขไขต้องชื่อณไตรเท่านั้น”
ธรรพ์เย้ยน้ำเสียงเยาะ “หิมวัตไม่ได้มีแค่ณไตร ยังมีผมอีกคน” แขไขมองธรรพ์ที่พรั่งพรูความรู้สึก “ผมรักคุณมานานแล้ว ผมดูแล เป็นห่วงคุณทุกอย่าง ความรักของผมไม่ได้น้อยหน้าพี่ไตร ถึงผมจะอ่อนแอ แต่ผมก็ปกป้องคนที่ผมรักได้ แขไข ผมสัญญา ผมจะทำให้คุณมีความสุขที่สุด”
แขไขมองธรรพ์ด้วยแววตาสมเพชกับคำรักและคำอ้อนวอนของเขา
“แขไม่เชื่อ น้ำหน้าอย่างพี่ธรรพ์ ดูแลตัวเองยังไม่ได้เลย กล้ามีปากมีเสียงกับแม่นายก่อนเถอะ แขไม่อยากแต่งงานกับลูกแหง่ มีแม่ชี้นิ้วสั่งทุกอย่าง”
ธรรพ์แววตาเจ็บปวดกับคำพูดนั้นของหล่อน แขไขยิ้มเหยียด
“ต่อให้ตายลงตรงหน้า ผู้ชายจืดชืด น่าเบื่ออย่างพี่ธรรพ์...ไม่มีวันได้อยู่ในใจแข”
แขไขดิ้นรน ธรรพ์ไม่ยอมปล่อย แขไขตัดสินใจกัดแขนธรรพ์ ธรรพ์เจ็บจนร้อง “โอ๊ย” สะบัดมือออก บันดาลโทสะ ตบแขไขฉาดใหญ่
แขไขหันกลับมาจ้องตาธรรพ์เขม็ง ธรรพ์อาละวาด
“อย่าบังคับผม แขไข ผมไม่อยากทำอย่างนี้กับคุณ”
“คนอย่างพี่ธรรพ์ มันก็แค่นี้ จะทำอะไรได้เหรอคะ ดูสภาพตัวเองซะก่อน อ่อนแอ ปวกเปียก ผู้หญิงที่ไหนจะรักเข้าไปลง”
ธรรพ์จับหน้าแขไข บีบปาก “ผมบอกให้หยุดพูด แขไข”
“แขไม่หยุด แขพูดความจริง พี่ธรรพ์ พี่มันเลว กล้าแย่งผู้หญิงของพี่ชายตัวเอง”
ธรรพ์บันดาลโทสะ ตบแขไขอีกฉาด แขไขร้อง ธรรพ์กระชากเสื้อแขไขออก กระดุมหลุดกระเด็น แขไขตกใจกลัว ตะโกนใส่หน้า
“อย่ามาแตะต้องตัวชั้น ชั้นไม่ใช่ของแก ชั้นเป็นของพี่ณไตร”
ธรรพ์ยิ่งโกรธจัด
“ไม่ใช่ คุณเป็นของผม ผมสิที่รักคุณ ผมต่างหากที่ทำได้ทุกอย่างเพื่อคุณ ไม่ใช่พี่ไตร”
ธรรพ์ชกแขไขจนหน้าหงาย ธรรพ์ปล่อยมือ มองด้วยแววตาผิดหวังในรักจนควบคุมตัวเองไม่ได้
“แขไข ถ้าคุณเป็นของผม คุณต้องรักผมคนเดียว คุณจะรักพี่ไตรไม่ได้อีก”
ธรรพ์ลืมผิดชอบชั่วดีจนสิ้น ก้มลงจูบปล้ำแขไขที่หมดแรงจะสู้ นอนนิ่งเหมือนไม่มีชีวิต เลือดไหลซึมออกจากมุมปาก พร้อมๆ กับหยดน้ำตาที่ไหลรินเป็นสาย
ร่างธรรพ์นอนทาบทับร่างงามของแขไข ในแสงสุดท้ายของวันที่กำลังเคลื่อนต่ำลง ความมืดโรยตัวลงคลุมทุกพื้นที่ในปางหิมวัต
คืนนั้น ณไตรยืนอยู่ระเบียงเรือนใหญ่ ต่อหน้าศรีวัลลา ที่ถามขึ้นด้วยความสงสัย
“แกจะเอาเงินไปทุ่มซื้อกิจการใกล้เจ๊งของเจ้าแสนพรหมทำไม”
“ผมจะทำให้มันมีกำไรขึ้นมาได้แน่นอนครับ”
“แน่ใจนะว่าไม่มีเหตุผลอื่นที่จะช่วยเจ้าแสนพรหม”
“เราทำธุรกิจกันครับแม่ ผมไม่ได้ให้เงินเจ้าฟรีๆ ผมมาบอกแม่เรื่องเงินไว้ก่อน”
“ฉันเชื่อแก แต่แค่เรื่องนี้เรื่องเดียวเท่านั้น ไม่เกี่ยวกับเรื่องผู้หญิง”
“ยังไงผมก็ไม่แต่งงานกับแขไข แม่นายมีลูกชาย 2 คน ไม่คิดว่าธรรพ์จะทำให้แขไขมีความสุขได้มากกว่าผมบ้างหรือครับ”
“แกเป็นลูกชายของแม่ ลูกที่จะต้องเป็นผู้นำคนต่อไปของหิมวัต ไม่ใช่ธรรพ์”
“แม่นายควรจะให้โอกาสน้องนะครับ ถึงธรรพ์จะไม่เหมือนผม แต่น้องก็มีความสามารถ ธรรพ์รู้จักดูแลคนอื่น”
“ฉันเลี้ยงแกสองคนมา ฉันมองออกว่าใครคือความหวังที่ดีที่สุด”
ศรีวัลลาตัดบท เดินหนีไป ณไตรมีสีหน้าไม่สบายใจ ที่แม่นายไม่ยอมเปลี่ยนความคิด
วันดียืนแอบฟังทุกอย่างอยู่ตั้งแต่ต้น สายตาสีหน้าเต็มไปด้วยความสงสารธรรพ์
“โธ่ คุณธรรพ์ น่าสงสารคนดีอย่างคุณเหลือเกิน”
แสงจันทร์ส่องเข้ามาอาบร่างแขไขที่นอนนิ่งอยู่ ธรรพ์ยืนมองด้วยสายตารู้สึกผิด แขไขลุกขึ้น
“คุณแข ผมขอโทษ”
แขไขหันขวับมองธรรพ์ ตาวาววับด้วยความโกรธ และความเสียใจ
“พูดเป็นแค่ขอโทษหรือไง” ธรรพ์อึ้ง แขไขระเบิดอารมณ์ใส่ทันที “ใช่สิ คนอ่อนแอมันจะคิดอะไรได้ มากกว่าคำว่าขอโทษ”
“ผมอ่อนแอ แต่ผมก็เป็นสามีคุณ”
“อย่ากล้ามาใช้คำว่า สามีกับฉัน เพราะฉันไม่ได้ยินยอมพร้อมใจ” แขไขน้ำตาร่วง ทั้งเจ็บใจ เสียใจที่พลาดท่าตกเป็นของธรรพ์ “คุณก็ได้ไปแต่ร่างกายฉัน หัวใจฉันไม่มีวันรักผู้ชายขี้แพ้”
ธรรพ์มองแขไขด้วยแววตาเจ็บปวด น้ำตาหยดรินอาบแก้มแต่หน้าเชิด มองธรรพ์ด้วยสายตาดูถูก
“แค่เอาชนะใจผู้หญิงยังทำไม่ได้”
แขไขจะเดินออกไป ธรรพ์คว้ามือหล่อนไว้ด้วยสายตารักและหวงแหนเต็มเปี่ยม
“ยังไงคุณก็เป็นของผมแล้ว ผมไม่ให้คุณเข้าใกล้ ไม่ให้คิดถึงพี่ณไตร”
“อย่าคิดจะห้าม หรือสั่ง ว่าฉันต้องทำอะไร เพราะคนอย่างฉันมีชีวิตเป็นของตัวเอง ไม่ต้องให้คนอื่นมาจูงจมูก” แขไขมองเหยียดหยันธรรพ์เต็มที่ “แล้วก็อย่าคิดจะอ้างสิทธิ์เหนือตัวฉัน ร่างกายฉัน เพราะมันเป็นวิธีของผู้ชายขี้ขลาด น่าสมเพชที่สุด”
แขไขสะบัดมือสุดแรง ธรรพ์อ่อนแรงจะยื้อยุด แขไขเดินพุ่งออกจากเรือนไป ธรรพ์รีบตามไปทันที
แขไขเดินเร็วลงมาหน้าเรือนเนื้อนาง ธรรพ์ตามมารั้งตัวเข้าไปกอดไว้ แขไขสะบัด
บุญลือที่เฝ้าดูต้นทางอยู่ด้านนอก ด้วยความไม่สบายใจ พอเห็นธรรพ์กับแขไขก็หลบมอง
ธรรพ์มองแขไขแล้วบอกขึ้น “ผมจะแต่งงานกับคุณ”
แขไขเหยียดยิ้ม “แต่งงาน”
“ผมจะรับผิดชอบในสิ่งที่ผมทำลงไป”
“ต้องให้ฉันย้ำอีกกี่ครั้ง ว่าฉันต้องการสามีที่ชื่อ ณไตร ไม่ใช่ ธรรพ์”
“แขไข ผมรักคุณมากนะครับ”
“ทิ้งความรักของคุณไปได้เลย เพราะชั้นไม่ต้องการ และสิ่งที่ชั้นเสียไป ชั้นถือว่าเป็นทาน ให้กับสุนัขหิวโซที่ไม่มีใครแลตัวนึง”
แขไขสะบัดหน้าเดินออกไป ธรรพ์เจ็บใจที่ทำให้แขไขรักตัวเองมากกว่าพี่ชายไม่ได้เลย รีบเดินตามออกไป
ณไตรอยู่ในห้อง เอาเงินสดปึกสุดท้ายวางใส่กระเป๋าที่อัดแน่นด้วยเงินมากมาย เตรียมจะเอาไปให้แสนพรหมวันรุ่งขึ้น
“เงินทั้งหมด ที่ฉันจะซื้อตัวเธอ เนื้อนาง เธอต้องกลับมาชดใช้ความผิดที่ทรยศความรักของฉัน
ณไตรปิดกระเป๋าลง แววตาดุดันคู่นั้น มีแต่ความแค้นฉายโชน
เนื้อนางมีสีหน้ากังวลมาก คำฝายที่ยืนอยู่ใกล้ มองห่วง เนื้อนางหันไปยืนยันกับคำฝาย
“หัวใจที่ตายไปแล้วของเนื้อนาง...ไม่มีความรัก ไม่มีความผูกพันอะไรกับหนานไตรอีก ความรู้สึกเดียวที่เหลือ คือความเกลียด”
ฟากณไตรยืนอยู่ที่ระเบียง กอดอกมองไปไกลลืบตา คิดถึงแต่เนื้อนาง แขไขที่กลับจากปางเดินเข้ามาหยุดมอง ณไตรหันมาเห็น
แขไขแววตาอ่อนแสงลงกว่าทุกครั้ง ขณะเดินเข้ามาหา
“ไม่ว่าพี่ไตรจะไล่แขกี่ครั้ง แขก็จะไม่ไป”
“ผมไม่ได้เล่าเรื่องอดีตของเรา เพื่อให้คุณมีความหวังนะ แขไข ผมอยากให้คุณรู้ว่า ผมกับคุณ เราไม่มีทางร่วมชีวิตกันได้”
“แขไม่เชื่อ...แขจะแต่งงานกับพี่ไตรค่ะ”
แขไขกอดแน่น ณไตรพยายามดันออก แขไขยิ่งกอดแน่นขึ้น
ธรรพ์ที่เดินตามเข้ามา สีหน้าโกรธจัดที่เห็นภาพบาดตา
แขไขกอดณไตรแน่น ณไตรผลักแขไขดันห่างตัว
“ผมมีเมียแล้ว เมียผมชื่อเนื้อนาง”
“มีก็มีไปสิคะ เมียอย่างเนื้อนางมันก็ทำให้พี่ไตรตื่นเต้นเล่นๆ แค่ชั่วครั้งชั่วคราว ไม่ใช่เมียที่จะยืนเคียงข้างในวงสังคมได้เหมือนแข”
“คุณค่าของผู้หญิง ไม่ได้อยู่ที่ฐานะรวยหรือจน มันอยู่ที่ความดี”
“แล้วเนื้อนางมีเหรอคะ ความดี ความซื่อสัตย์ พอพี่ไตรห่างมัน...มันก็ทิ้งพี่ไตร ใช่ค่ะ แม่นายอาจจะจะกีดกันพี่ไตรกับเนื้อนาง แต่ถ้ามันเป็นคนดีจริงๆ มันจะไม่ทิ้งพี่ไตรไปง่ายๆ ผู้หญิงโลเลอย่างเนื้อนางเหรอคะที่พี่ไตรเห็นว่าควรยกย่องเป็นเมียมากกว่าแขที่รักพี่ไตร รอพี่ไตรอยู่ตรงนี้”
ณไตรมองแขไขที่น้ำตาร่วง
“แขเคยทำผิดที่ไม่สนใจพี่ไตร ยกโทษให้แขนะคะ ให้แขพิสูจน์ว่าแขไม่ใช่ผู้หญิงคนเดิม ลืมเรื่องเก่าแล้วมาเริ่มต้นกันใหม่”
แขไขดึงมือณไตรขอร้อง ธรรพ์จ้อง
“แขจะรักพี่ไตรให้มากกว่าที่ผู้หญิงทุกคนรัก”
ณไตรดึงมือออกจากแขไข
“ผมลืมเนื้อนางไม่ได้ แล้วผมก็ไม่ต้องการใครมาแทนที่ เนื้อนาง เมียของผม”
ณไตรหันหลัง เดินห่างไปทางห้องนอนตัวเอง
แขไขฟังแล้วร้องไห้สะอื้นออกมา พอหันมาก็เห็นธรรพ์ที่เข้ามากระชากแขน แขไขจ้องธรรพ์ตาขวาง
“จะสมน้ำหน้าชั้นเหรอ”
“แขไข ผมยังยืนยันว่าผมพร้อมจะแต่งงานกับคุณ”
“ไปซะ ไปตายที่ไหนก็ไป” แขไขผลักธรรพ์พ้นทาง แล้ววิ่งออกไป
ธรรพ์ได้แต่มองตาม แววตาเสียใจที่แขไขมองข้าม ไม่เห็นค่าความรัก และความห่วงใยของตน
รุ่งเช้า ขณะที่เนื้อนางกำลังจะเดินไปที่เรือนใหญ่ เจ้าแสนพรหมมาดักรอพอเห็นเนื้อนางก็ก้าวออกมา
“ไอ้แปงมันเล่าว่าเมื่อวานมีผู้ชายแอบเข้ามาหาเธอ”
เนื้อนางหันไปยิ้มกับเจ้าแสนพหรม
“อ้ายแสงคำเองจ้ะ คนที่เนื้อนางเคยขอให้เจ้ารับมาทำงานที่นี่”
“อ้อ...สนิทกันมากเลยสินะ ถึงต้องดั้นด้นมาหา” เจ้าค่อนขอด
“เนื้อนางขอโทษแทนอ้ายแสงคำด้วยนะจ๊ะ ที่ไม่ได้ขออนุญาตเจ้าก่อน”
เจ้าแสนพรหมเดินเข้าใกล้เนื้อนางด้วยความเสน่หา
“โอ๊ย ยกโทษ ยกโทษ ต้องยกโทษให้เธออยู่แล้ว เนื้อนาง รู้มั้ยว่าฉันเอ็นดูเธอมากแค่ไหน...ยิ่งฉันได้เธอเป็นเมียแล้ว”
เจ้าแสนพรหมเอามือจับไหล่เนื้อนางไว้ เนื้อนางขยับถอยเบาๆ ไม่ให้เจ้ารู้สึกว่ารังเกียจ
“ฉันยิ่งอยากจะดูแลเธอให้เป็นเรื่องเป็นราว ไม่ให้ใครมันมาเกาะแกะ ยุ่งกับเธอได้อีก”
“เนื้อนางขอบคุณเจ้าที่เมตตาเนื้อนาง แต่เนื้อนางกับพี่คำฝายคงไม่อยู่รบกวนเจ้าแล้วล่ะจ้ะ”
เจ้าแสนพรหมอึ้ง “หมายความว่าอะไร”
“เนื้อนางกับพี่คำฝายจะขอลาเจ้า เราจะออกไปอยู่นอกคุ้ม”
“ไม่ได้นะ ฉันไม่ให้เนื้อนางไป คำฝายจะไป ก็ไปคนเดียวสิ”
“เนื้อนางกับพี่คำฝาย เราโตมาด้วยกัน ไปไหนเราก็จะไปด้วยกัน”
“ไม่ เนื้อนาง ฉันไม่ให้เธอไป เธอต้องอยู่ที่นี่กับฉัน”
เจ้าแสนพรหมจับเนื้อนางแน่น ไม่ยอมปล่อย ยื่นข้อเสนอ
“เนื้อนาง ฉันจะแต่งงานกับเธอก็ได้ ยกให้เป็นเมียออกหน้าออกตาเลยด้วยเอ้า”
“เนื้อนางไม่แต่ง”
“เธอจะได้เป็นเจ้าของคุ้มนี้นะ”
“เนื้อนางไม่ต้องการสมบัติอะไรเลยจ้ะ”
“อย่าเพิ่งไปเลยนะ เนื้อนาง อย่าเพิ่งไป”
เจ้าแสนพรหมพยายามหาทางยื้อ คิดปราดเดียว แล้วทำเป็นปล่อยมือจากไหล่เนื้อนาง จับที่หน้าอกตัวเอง เดินเซไปพิงต้นไม้
“เจ้า...เจ้าเป็นอะไรจ๊ะ”
“ฉันไม่เคยบอกเธอใช่มั้ย ว่าฉันเป็นโรคหัวใจ”
เนื้อนางตกใจ “โรคหัวใจ”
“ฉันไม่บอกใคร เพราะฉันไม่อยากให้ทุกคนเป็นทุกข์ จะตายวันตายพรุ่ง ก็ไม่รู้”
เนื้อนางมองมาด้วยความสงสาร เจ้าแสนพรหมบีบน้ำตา
“เนื้อนาง ถ้าเธอสงสาร ช่วยอยู่ดูแลฉันอีกสักพักได้มั้ย ถ้าฉันรู้ตัวว่าฉันไม่ไหว ใกล้ตายแล้วจริงๆ วันนั้นฉันจะไม่รั้งเธอไว้เลยนะจ๊ะ...นะจ๊ะ”
เนื้อนางมองเจ้าแสนพรหม หลงเชื่อ สงสารเป็นอย่างมาก
ฝ่ายประกายหน้าตาทรุดโทรม เนื้อตัวมีรอยช้ำ ถูกแปงหิ้วปีกมาผลักลงนั่งที่หน้าเรือนเล็ก
“พาฉันไปหาเจ้า”
“สภาพแบบนี้ อย่าเลย เดี๋ยวจะโดนหนักกว่าที่เสี่ยใช้ประเคนให้แกมา”
แปงเดินออกไปเลย ประกายระบมไปทั้งร่าง แทบลุกยืนไม่ไหว
คำฝายเดินผ่านมา เห็นประกายที่ลุกขึ้นแต่ก็ล้มลงก่อนถึงห้อง คำฝายรีบวิ่งเข้ามาพยุงประกาย
“เอ้า นังคุณประกาย เป็นอะไร หายไปไหนมา ทำไมโทรมเหมือนยังกับไปฟัดกับหมาทั้งฝูง”
“อย่ามายุ่งกับฉัน”
ประกายพยายามจะเดินไปเอง แต่ลุกขึ้นก็เดินได้แค่สองสามก้าวก็ล้มลงอีก คำฝายรีบมารับร่างหมดสติของประกายไว้ได้ทัน
ส่วนเจ้าแสนพรหมทำท่าอ่อนระโหย นั่งลง มองเนื้อนางที่พยุงมานั่ง
“เธอช่างเป็นเทพธิดาประจำใจฉันจริงๆ สวย อ่อนหวาน บริสุทธิ์เหลือเกิน”
“ยาของเจ้าอยู่ที่ไหนจ๊ะ เนื้อนางจะไปเอามาให้”
“ยา...” เจ้านึกได้ “อ้อ ยาแก้โรคหัวใจ...ฉันกินไปแล้ว นั่งตรงนี้ก่อนเถอะ เนื้อนาง”
เนื้อนางนั่งลงใกล้ เจ้าแสนพรหมถอดแหวนมรกตในนิ้ว แล้วสวมใส่ลงในนิ้วนางข้างซ้ายของเนื้อนาง
“เจ้า”
“อย่าจ้ะ อย่าบอกว่าไม่อยากได้ อย่าตีราคาค่างวดอะไรของมันเลย ถือว่าเป็นของขวัญจากใจฉันก็แล้วกัน”
“เอาคืนไปเถอะจ้ะ เนื้อนางรับไว้ไม่ได้จริงๆ”
เนื้อนางจะถอดออก เจ้าแสนพรหมทำจับหัวใจ หายใจแรง เนื้อนางเลยต้องหยุด
“ถ้าเธอถอดแหวนหัวใจฉันคงสลาย ตายเสียตั้งแต่ตอนนี้”
เนื้อนางจำต้องใส่กลับเข้าไปเพราะห่วงอาการเจ้าแสนพรหม
“เอาอย่างนี้แล้วกัน ถ้าเนื้อนางอึดอัดที่จะอยู่ในคุ้ม ฉันจะหาบ้านใหม่ให้เธอสักหลัง เธอจะได้ไม่ต้องอยู่รวมกับคนอื่นๆ ดีมั้ยจ๊ะ”
“มันมากไป เนื้อนางรบกวนเจ้าขนาดนั้นไม่ได้”
“ไม่เป็นไร เนื้อนางอยากออกไปอยู่ข้างนอก ฉันก็จะช่วยดูแลให้ ฉันจะได้มั่นใจว่าเนื้อนางมีที่อยู่ปลอดภัย ไม่ไกลหูไกลตาเกินกว่าที่ฉันจะคอยปกป้องเนื้อนางนะจ๊ะ...นะจ๊ะ”
เนื้อนางมองเจ้าแสนพรหม เห็นสีหน้าอ่อนโยนเป็นห่วงเป็นใย และจริงใจเหลือเกิน
ด้านคำฝายกำลังเช็ดตัวให้ประกาย มองเห็นแผลเขียวช้ำ ทั้งแขน ก็ถามขึ้น
“เนื้อตัวเขียวยังกะโดนทุบ โดนตี นังคุณประกาย แกไปทำอะไรมา”
ประกายจะดึงแขนกลับไม่ยอมให้คำฝายเห็น “ไม่ต้องยุ่ง”
คำฝายดึงแขนกลับ “อย่าเรื่องมาก เดี๋ยวฉันก็หักแขนแกซะเลย นอนเฉยๆ จะทายาให้”
คำฝายหันไปหยิบยาหม่อง ประกายมอง แววตาเหมือนกำลังจะซึ้งใจที่คำฝายมาช่วย
เนื้อนางเปิดประตูเข้ามาในห้อง สองสาวหันไปมอง เนื้อนางมองแล้วมานั่งลงข้างประกาย
“ไม่สบายเหรอจ๊ะ คุณประกาย”
“เขียวไปทั้งตัวเลย ใครทุบแกมา ห๊ะ บอกสิ” คำฝายซัก
“จะช่วยก็ช่วย ไม่ต้องถามมากนักได้มั้ย รำคาญ”
ประกายตะเบ็งเสียงแล้วไอออกมาเสียงดัง เนื้อนางเข้าไปประคอง
“ตัวคุณร้อน เหมือนเป็นไข้ ฉันไปต้มยาสมุนไพรให้กินนะ จะได้หายช้ำใน”
ประกายพยายามดึงแขนออก ไม่อยากให้เนื้อนางเห็นรอยแผลที่ถูกเจ้าหนี้ของเจ้าทุบตีมา แต่สายตาประกายเห็นแหวนมรกตของเจ้าแสนพรหมในนิ้ว ก็กรีดเสียงถาม ลืมความเจ็บ
“นี่มันแหวนของเจ้า แกได้มายังไง แกขโมยของเจ้าเหรอ เนื้อนาง”
“เปล่าจ้ะ ฉันไม่ได้ขโมย เจ้าให้ฉันมา”
“ไม่จริง เจ้าไม่มีทางให้แหวนติดตัววงนี้กับใคร”
ประกายมองเนื้อนาง พร้อมจะกินเลือดกินเนื้อทันที
ฝ่ายเจ้าแสนพรหมกำลังสั่งแปงด้วยความร้อนใจ
“เอ็งรีบไปหาบ้านเช่าหลังนึง ไม่ต้องใหญ่มาก เปลืองเงิน แต่เอาที่มีห้องนอนใหญ่ๆสำหรับข้ากับเนื้อนาง แล้วก็หาคนมาคอยรับใช้เนื้อนางด้วย”
“เจ้าจะย้ายเมื่อไหร่ครับ”
“เร็วที่สุด ได้วันนี้ยิ่งดี ข้าจะไม่ยอมยกเนื้อนางของข้า ให้ไอ้พ่อเลี้ยงณไตร เนื้อนางคนสวยต้องเป็นสมบัติของข้าคนเดียว”
เจ้าแสนพรหมบอกด้วยแววตาเจ้าเล่ห์
ฟากเนื้อนางมองประกายที่อาละวาด ลืมเจ็บ
“บอกมาว่าแกออดอ้อนออเซาะอะไรเจ้า แกถึงได้แหวนวงนี้”
“ฉันไม่ได้ทำอะไรเลย เจ้าให้ฉันมา แต่ฉันก็ไม่อยากได้หรอกนะ ออกไปจากคุ้มนี้เมื่อไหร่ ฉันก็จะคืนแหวนให้เจ้า”
“ออกไปจากคุ้ม แกไปแน่นะ ไปเลยสิ ไปตอนนี้เลย”
“อีผีบ้า ดูมัน! ชาวนากับงูเห่าแท้ๆ” คำฝายด่า ดึงเนื้อนางให้ลุกห่างออกจากประกาย “ไป เนื้อนาง ไม่ต้องไปช่วย ปล่อยให้นังขี้อิจฉา มันช้ำในตายอยู่ในห้องนี้แหละ”
“เออไปเลย แกรีบไปให้พ้นหน้าฉัน ไปให้พ้นคุ้มนี้ แล้วอย่าซมซานกลับมาที่นี่อีก”
คำฝายดึงเนื้อนางออกไป
ประกายเจ็บระบมทั้งร่าง แต่ก็ยังมีหวัง แววตาดีใจที่รู้ว่าเนื้อนางจะออกจากคุ้มไป
ณไตรเดินถือกระเป๋าเงินเข้ามา มองไปที่คุ้มแสนเมือง ยิ้มร้ายผุดขึ้นที่ริมฝีปาก เพราะมั่นใจว่าจะต้องได้เนื้อนางกลับไป
อ่านต่อหน้า 4
เพลิงฉิมพลี ตอนที่ 8 (ต่อ)
เนื้อนางเดินมากับคำฝายจากอีกด้าน ณไตรกับเนื้อนางพอเห็นกันก็หยุดชะงัก คำฝายรีบมายืนใกล้เนื้อนาง ชักสีหน้าถาม
“มาทำไมอีก”
“ฉันมีธุระกับเจ้า”
“ธุระอะไร มาเลือกผู้หญิงอีกล่ะสิ สันดานผู้ชาย คลำดูไม่มีหาง ก็ได้หมด” คำฝายด่า
“ฉันรู้ว่าเธอโกรธ คำฝาย แต่ทางที่ดี ถ้าไม่รู้จริงก็เงียบไว้ดีกว่า”
“รู้จริงสิ ฉันน่ะรู้ทุกเรื่องแหละ เสียดายไม่น่าหลงคิดว่าแกเป็นคนดี แต่คนอย่างเนื้อนาง ช้ำใจไม่นานหรอก ตอนนี้เจ้าเค้าดูแลเนื้อนางอย่างดี ดีกว่าแกร้อยเท่า...นี่ดูนี่
คำฝายยกมือเนื้อนางที่ใส่แหวนเจ้าขึ้นอวด ณไตรมองจ้องรู้ว่าแหวนมีราคา
“ของขวัญเล็กๆ น้อยๆ จากเจ้า”
ณไตรแค่นน้ำเสียงเยาะ “ภูมิใจเหลือเกินนะ เจ้าก็คงใช้งานคุ้มกับค่าแหวน”
เนื้อนางมองเห็นสายตาเหยียดหยันของณไตรแล้วย้อนกลับ เชือดเฉือนกลับไปด้วยรอยยิ้ม
“ฉันก็ไม่ได้ทำอะไรมากหรอก เพราะเจ้าเค้าไม่อยากให้ฉันเหนื่อย ก็แค่ปรนนิบัติ ดูแลอย่างที่เจ้าต้องการ”
ณไตรมองอย่างเจ็บแค้น
“ภูมิใจไปเถอะเนื้อนาง เดี๋ยวเธอจะรู้ว่า เวลาของความสุข ความสบายมันกำลังจะหมดแล้ว”
ณไตรเดินหุนหันเข้าไปในคุ้มโดยเร็ว
เนื้อนางเปลี่ยนสีหน้าเป็นเศร้า คำฝายเข้ามาใกล้
“ยิ่งกว่าหมาหวงก้าง ไอ้พ่อเลี้ยงมันเป็นหมาบ้า แค่แหย่เรื่องแหวน มันทำท่ายังกับจะลากตั๋วไปให้ได้”
“เค้าไม่เคยมองเนื้อนางในแง่ดีเลย”
“ช่างมัน ความจริงเรารู้อยู่แก่ใจ ตั๋วยังไม่ได้เป็นเมียเจ้าแสนพรหมสักหน่อย”
เนื้อนางมองตามณไตรด้วยสายตาน้อยใจเต็มที่
ทางด้านเจ้าแสนพรหมมองเงินในกระเป๋าที่อยู่ตรงหน้าณไตร
“ตกลง ผมจะขายกิจการให้พ่อเลี้ยงทั้งหมด ตามราคาที่ตกลงกัน”
ณไตรเอ่ยขึ้น “แล้วเรื่อง...เนื้อนาง ที่เจ้าต้องยกให้ผมด้วย”
“ไม่มีปัญหา เรามาว่าเรื่องสัญญากันก่อนดีกว่า”
เจ้าแสนพรหมเอื้อมมือจะไปหยิบกระเป๋าเงิน แต่ณไตรเลื่อนออกห่าง มองด้วยสายตาไม่วางใจ
ประกายอยู่ในห้องนอนพยายามลุกขึ้น ทั้งๆ ที่ตัวเจ็บระบมไปหมด บัวติ๊บเปิดประตูเข้ามา เห็นสภาพก็ตกใจ
“ตายแล้ว คุณประกาย ไปโดนใครไล่กระทืบมาเจ้า”
“แกนั่นแหละจะโดนฉันกระทืบ อีบัวติ๊บ”
“หายไปไม่กี่วัน สภาพเหมือนโดน...ลากเข้าไปในป่า”
“ก็ไอ้เจ้าหนี้ของเจ้าน่ะสิ มันตบมันตี บังคับให้ฉันทำทุกอย่าง มานี่สิ นังบัวติ๊บ ยืนมองหาพระแสงอะไร มาพาฉันไปหาเจ้า”
บัวติ๊บรีบเข้ามาพยุงประกาย
“ฉันจะต้องถามเรื่องแหวนที่เจ้าให้นังเนื้อนาง”
บัวติ๊บพยุงประกายออกไปอย่างทุลักทุเล
เนื้อนางยืนชะเง้อมองไปทางท่าน้ำ คำฝายยืนอยู่ใกล้ เนื้อนางถามขึ้น
“อ้ายแสงคำบอกว่าจะมาอีกหรือเปล่า”
“ก็มัวแต่วิ่งหนีไอ้แปง ไม่ทันได้คุยอะไรกันสักคำ”
“เนื้อนางจะรออ้ายแสงคำที่นี่ อ้ายแสงคำต้องมาอีก”
เนื้อนางกับคำฝายชะเง้อชะแง้อยู่ แปงเดินมาด้านหลัง
“ไปเก็บของ”
เนื้อนาง กับคำฝายสะดุ้ง
“เก็บของ...เก็บไปไหน”
“อย่าถามมาก เจ้าสั่ง”
แปงเดินกลับไปทันที เนื้อนางมองหน้ากับคำฝายด้วยความสงสัย
ฟากณไตรมองเจ้าแสนพรหมที่ท่าทางใจเย็น อย่างนึกระแวง
“ผมต้องได้ตัวเนื้อนางไปวันนี้ พร้อมสัญญาซื้อขายกิจการทั้งหมด”
ประกายที่บัวติ๊บพยุงมา เห็นณไตรคุยกับเจ้าแสนพรหม ก็หลบฟังด้านนอก ยังไม่กล้าเข้าไป
“ผมไม่เคยโกงใครนะ พ่อเลี้ยง แต่วันนี้ผมยังไม่พร้อมเซ็นสัญญา ถ้าพ่อเลี้ยงไม่เชื่อใจ ก็ไม่ต้องซื้อกิจการผมก็ได้ ส่วนเนื้อนาง...ผมก็จะเก็บไว้เล่นๆ ในคุ้มนี้”
ณไตรยิ่งฟังก็ยิ่งกรุ่น หยิบสัญญาซื้อขายในกระเป๋ามาวางตรงหน้าเจ้าแสนพรหม
“ให้ทนายของเจ้าตรวจดูสัญญาก่อนได้เลย แล้วเจ้าก็รีบเซ็น เราจะได้ไม่ต้องมาเสียเวลาต่อรองกันอีก เจ้าได้เงิน ผมก็ได้ทุกอย่างที่ผมต้องการ”
“ไม่มีปัญหา ผมทำธุรกิจไม่เอาเปรียบใครอยู่แล้ว”
เจ้าแสนพรหมตอบณไตรอย่างไม่มีท่าทีทุกข์ร้อน
ประกายแอบฟังอยู่ยิ่งสงสัย
ประกายเดินนำมา บัวติ๊บตามหลังจีบปากจีบคอพูดยุ
“วาสนาเนื้อนางมันดีจริงๆ”
“หุบปาก ฉันไม่อยากฟัง ไหนว่าเจ้ารักมันหลงมันขนาดให้แหวน แต่ก็ยังขายมันให้พ่อเลี้ยงณไตร”
“หรือว่าเจ้าเบื่อเนื้อนางแล้ว มันอาจจะแข็งทื่อเป็นท่อนไม้”
“ไม่จริง เจ้าหลงมันหัวปักหัวปำ มันเพิ่งมาอยู่ ตะกละตะกรามอย่างเจ้ายังไม่ทันเบื่อหรอก”
ประกายยิ่งคิดยิ่งสงสัย โวยออกมาด้วยความเสียดาย
“ทำไม...ทำไมไม่เป็นฉันที่ได้ไปอยู่กับพ่อเลี้ยงณไตร”
เย็นนั้นณไตรเดินเข้ามาหยุดมองหน้าเรือนเนื้อนาง บุญลือยืนรอรับคำสั่งอยู่ด้านหลัง
“ให้คนมาปัดกวาด ทำความสะอาดเรือนหลังนี้”
“พ่อเลี้ยงจะให้ใครมาอยู่ครับ”
ณไตรตวัดสายตามอง บุญลือก้มหน้า
“ต่อไปนี้แกต้องรับคำสั่งจากฉันคนเดียว ไม่ใช่แม่นาย เพราะฉันคือเจ้าของที่นี่ ฉันเป็นคนดูแลปางไม้ทั้งหมด แล้วอย่าคิดจะเอาเรื่องที่นี่ไปบอกคนที่บ้านหิมวัต ถ้าแกปากพล่อย ฉันจะไล่แกออกทันที”
“ครับ พ่อเลี้ยง”
บุญลือก้มหัวรับคำแล้วออกไป ณไตรมองไปที่เรือนอย่างหมายมาด
“ผมจะพาคุณกลับมาที่ของเรา เนื้อนาง คุณไม่มีวันหนีผมได้”
ส่วนในคุ้มแสนเมือง เจ้าแสนพรหมยืนใช้ความคิด แปงเดินเข้ามาหา เจ้าหันไปถามทันที
“จัดการเรื่องเนื้อนางเรียบร้อยแล้วใช่มั้ย”
“ครับ เจ้า”
เจ้าแสนพรหมกำชับ “ห้ามให้พ่อเลี้ยงณไตรรู้เด็ดขาด มันคิดจะแย่งของรักของฉัน ฉันก็จะสอนมวยไอ้พ่อเลี้ยงมันบ้าง”
เจ้าแสนพรหมคลี่ยิ้มเจ้าเล่ห์ออกมา
ตอนเช้าวันถัดมา แขไขเดินเร็วมาเจอวันดีที่กำลังสั่งคนงานเก็บกวาดใบไม้
“เอารถออก ฉันจะไปคุ้มเจ้าแสนพรหม”
“คุณแขจะตามคุณณไตร มันจะไม่งามนะเจ้า” วันดีท้วง
“เรื่องของนาย ขี้ข้าไม่เกี่ยวนะป้าวันดี”
วันดีผงะ แขไขสะบัดหน้าใส่
เสียงธรรพ์ดังขึ้น “เอารถออก”
แขไขกับวันดีหันไปมอง เห็นธรรพ์เดินเข้ามาสั่ง
“ผมจะพาคุณแขไขไปคุ้มเจ้าแสนพรหม”
แขไขมองระแวง กลัวเหตุการณ์ซ้ำรอยเมื่อวานที่ธรรพ์พาไปปู้ยี่ปู้ยำที่ปาง
“ไม่ต้อง ฉันไปคนเดียวได้”
ธรรพ์เดินเข้าหา มองด้วยแววตาท้าทาย
“กลัวผมมากเหรอ คุณแข ไม่ต้องกลัวหรอก คุณบอกเองไม่ใช่เหรอ ว่าต้องการผู้ชายที่ดูแลคุณได้ มาสิ ผมจะดูแลคุณเอง”
ธรรพ์เข้ามาดึงแขน แขไขขืนตัวจะดึงกลับ ธรรพ์ไม่สนใจ ใช้กำลังลากแขไขให้เดินตามออกไป
วันดีมองสังเกตท่าทางของทั้งคู่ด้วยความแปลกใจ
ณไตรยืนอยู่ตรงข้ามเจ้าแสนพรหมในคุ้มแสนเมือง กระเป๋าเงินเปิดอยู่ตรงหน้า เจ้าแสนพรหมวางสัญญาที่ตรวจสอบแล้วอย่างใจเย็น
“สัญญาก็เรียบร้อย ยุติธรรมดี”
ณไตรมองไปรอบๆ “เนื้อนางอยู่ที่ไหน”
“เนื้อนาง...”
เจ้าแสนพรหมลากเสียงกวนๆ ณไตรใจร้อนเป็นไฟ
“วันนี้เนื้อนางต้องไปกับผม”
เจ้าแสนพรหมเล่นแง่ “ผมจะบอกยังไงดี”
“เจ้าแสนพรหม” ณไตรเสียงเข้ม “ผมไม่ชอบอะไรที่ไม่เป็นไปตามสัญญา”
ณไตรเสียงแข็ง แต่เจ้าแสนพรหมยังใจเย็น
“ผมพูดตรงๆ เลยนะ พ่อเลี้ยง ผมเกลี้ยกล่อมเนื้อนางเค้าสารพัด แต่เนื้อนางเค้าไม่ยอมไป”
ณไตรฟังแล้วหน้าเครียดขึ้นมาทันที
“เค้ายืนยันว่ายังไงก็ขออยู่กับผม เค้ารักผมเหลือเกิน”
ณไตรเสียงเข้ม “ถ้าไม่ได้เนื้อนางกลับไป ผมก็จะไม่ซื้อกิจการของเจ้าเลยแม้แต่บาทเดียว”
“ผมเองก็ลำบากใจมากนะ ลำบากใจจริงๆ โดยเฉพาะตอนนี้ เนื้อนางเค้าก็ไม่ได้อยู่ที่คุ้มแล้วด้วย”
“เนื้อนางหายไปไหน”
เจ้าแสนพรหมตั้งใจหัวเราะยั่วเบาๆ อย่างกวนอารมณ์
“นั่นน่ะสิ หายไปไหน แหม...ค่าตามหาตัวเนื้อนางนี่มันก็คงมีราคาอยู่นะ”
ณไตรจ้องหน้าเจ้าแสนพรหมนิ่งก่อนเอ่ย “เจ้าต้องการเงินเท่าไหร่”
“ค่าตัวเนื้อนางที่พ่อเลี้ยงอยากได้รับไปเชยชมต่อจากผมน่ะเหรอ”
ณไตรตาลุกวาวที่เจ้าแสนพรหมแหย่
“เอาอย่างนี้แล้วกัน ตอนนี้ผมยังคิดไม่ออกว่าจะหักค่าสึกหรอของเนื้อนางสักเท่าไหร่ถึงจะคุ้ม ขอผมคิดก่อนสักวันสองวันนะ พ่อเลี้ยง” เจ้าเล่นแง่
“เจ้าแสนพรหม ผมไม่มีเวลาว่างมาเล่นเกมกับเจ้า”
“ไม่เป็นไร ผมมีเวลาเยอะ เวลาว่าง เวลาสำราญของผมกับเนื้อนางมีเหลือเฟือ”
เจ้าแสนพรหมหัวเราะในคอ มองอย่างเป็นต่อ และเหนือกว่าณไตรที่กำลังพลุ่งพล่านด้วยความโกรธ
ที่เรือนเล็ก ประกายลุกขึ้นยืนต่อหน้าบัวติ๊บ หน้าตาตกใจมาก
“เจ้าเอานังเนื้อนางไปซ่อน”
“ของสักชิ้นในห้อง ยังไม่เหลือเลย บัวติ๊บไปค้นทุกซอกทุกมุมหมดแล้ว”
“แสดงว่าฉันก็ยังมีหวัง”
“หวังอะไรเจ้า”
“ฉันอาจจะได้ไปอยู่กับพ่อเลี้ยงณไตร แทนนังเนื้อนาง”
“สิ้นหวังแน่นอนเลยเจ้า เพราะเมื่อกี๊บัวติ๊บแอบได้ยินเจ้ากำลังโก่งราคาค่าตัวนังเนื้อนาง ขูดพ่อเลี้ยงณไตรเลือดซิบๆ”
ประกายขัดใจนัก “ปัดโธ่...พ่อเลี้ยงมาเอาตัวฉันไปแทนเลยสิ”
บัวติ๊บเอ่ยยุแยงขึ้นอีก “นังเนื้อนางนี่มันบุญพาวาสนาส่งจริ้งจริง มีแต่ผู้ชายมารุมตอม”
“แกว่าอะไรของแก”
“ก็เมื่อวันก่อนไง ตอนคุณถูกส่งไปรับใช้เจ้าหนี้ มีผู้ชายรูปหล่อกล้ามใหญ่ว่ายน้ำ ย่องมาหานังเนื้อนาง”
ประกายคิดออก “มิน่าถึงเอาตัวนังเนื้อนางออกไปจากคุ้ม ไอ้ผัวเจ้าเล่ห์ กระสุนนัดเดียวกะจะยิงนกสองตัว เก็บนังเนื้อนางให้ห่างผู้ชายคนนั้น แล้วก็มาโก่งราคาค่าตัวกับพ่อเลี้ยงณไตร”
“มีนกตัวที่สามด้วยนะเจ้า” บัวติ๊บว่า
“อะไรของแก”
“ก็ตอนที่ยังไม่ส่งตัวให้พ่อเลี้ยง เจ้าก็ย่องไปหานังเนื้อนางได้ทุกเวลา ทางโล่งโปร่งสะดวก รอดหูรอดตาคุณประกาย”
“ไอ้กะล่อน ฉันไม่มีวันยอมให้แกสำเริงสำราญกับอีเนื้อนาง“
แววตาประกายร้ายสุดขั้ว พร้อมจะขวางเรื่องนี้สุดตัว
เจ้าแสนพรหมเดินออกมาท่าทางสบายใจมาก ณไตรตามหลังออกมาด้วยหน้าตาเคร่งเครียด
เห็นธรรพ์กับแขไขเดินตามคนงานชายเข้ามา
ณไตรพอเห็นแขไขกับธรรพ์ก็ตกใจนิดๆ นึกไม่ถึง หันไปแนะนำกับเจ้าแสนพรหม
“ธรรพ์ น้องชายผม กับ คุณแขไข”
เจ้าแสนพรหมมองจ้องแขไขตาเป็นมัน ธรรพ์กับแขไขยกมือไหว้ เจ้าแสนพรหมรับไหว้
“มาที่นี่ทำไม”
“แขอยากมาเองค่ะ” แขไขยิ้มหวาน “แขได้ยินว่าพี่ไตรกำลังทำธุรกิจกับเจ้าแสนพรหม แล้วคุ้มเจ้าแสนพรหมก็สวยมาก เจ้าคงไม่ว่านะคะถ้าแขกจะขอมาชมความงามของที่นี่”
“ไม่เลยครับ ยินดีมากที่ได้ต้อนรับผู้หญิงสวยมากๆ เชิญด้านในกันก่อนเลยครับ”
แขไขเดินตามเจ้าแสนพรหมที่ผายมือเชิญอย่างดี
ณไตรรอให้แขไขเดินเข้าไป แล้วหันมาถามธรรพ์
“แขไขมาตามหาเนื้อนางใช่มั้ย”
“ผมไม่ได้บอกเรื่องเนื้อนางเลยครับ คุณแขเธอรบเร้าอยากจะมา ผมก็ต้องพามา”
ธรรพ์แกล้งทำเสียงอึดอัด
ณไตรบอก “เนื้อนางไม่ได้อยู่ที่นี่แล้ว”
ธรรพ์สีหน้าตกใจ ที่กะว่าแขไขจะได้มาเจอเนื้อนาง
ณไตรไม่คิดว่าธรรพ์เป็นคนจัดการเรื่องนี้ ก็เดินตามเข้าไปอย่างไม่พอใจ
“โอ๊ย ทำไมเป็นอย่างนี้อีกเนี่ย เนื้อนาง ..ฉันอยากให้คุณแขมาเจอเธอที่นี่ คุณแขจะได้ยอมตัดใจจากพี่ไตร”
ธรรพ์เจ็บใจเพราะวาดหวังว่าแขไขจะได้เห็นความจริงว่าณไตรแอบมาหาเนื้อนาง
ฟากประกายที่กำลังคาดคั้นเอาบัวติ๊บ
“แกรู้ใช่มั้ยว่า ไอ้แปงมันเอาเนื้อนางไปไว้ที่ไหน”
“ก็พอจะรู้นิดๆหน่อยๆ บังเอิญผ่านไปได้ยิน”
บัวติ๊บทำอมพะนำ ประกายมองหมั่นไส้ หันไปหยิบสร้อยเงินบนโต๊ะส่งให้
“งั้นก็รีบบังเอิญบอก...เดี๋ยวนี้”
บัวติ๊บรีบคว้าเงินมาเก็บ “บ้านที่เจ้าเอาเนื้อนางไปซ่อน มันอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลจากที่นี่”
ประกายมีสีหน้าอยากรู้เต็มที่
ณไตรยืนมองแขไขที่ทำเป็นเดินชมไปรอบๆ คุ้ม เจ้าแสนพรหมเดินตาม ยิ้มหน้าระรื่น ธรรพ์ยืนหน้าขรึมมองอยู่
“คุ้มของเจ้านี่ตกแต่งสวยมากเลยนะคะ กว้างขวาง น่าอยู่ แต่ไม่เห็นเอ่อ...ภรรยาของเจ้า”
เจ้าแสนพรหมตีหน้าเศร้า “ผมเป็นพ่อม่าย เมียตายครับ อยู่กับลูกสองคน”
แขไขสงสาร “โถ น่าสงสารจริง แขขอโทษนะคะ แขไม่ทราบมาก่อน”
“ไม่เป็นไรครับ ผมกับพ่อเลี้ยง เราก็ยุ่งเรื่องงาน คุยกันแต่เรื่องธุรกิจ”
เจ้าแสนพรหมทำเป็นมองไปยังณไตรที่ยืนนิ่ง
“มีอะไรที่แขพอจะช่วยได้บ้างมั้ยคะ”
“ผมไม่กล้าใช้คุณแขไขทำงานหรอกครับ มาที่นี่เป็นเกียรติ เป็นกำลังใจให้ผมบ้างก็พอแล้ว”
ธรรพ์มองเจ้าแสนพรหมที่ยิ้มให้แขไข แล้วหึง เดินตรงเข้าไปยืนข้างแขไขทันที
“เห็นเมื่อกี้พี่ไตรกำลังจะกลับ เราไปพร้อมพี่ไตรเลยดีกว่าครับ คุณแข”
แขไขมองเมินไม่สนใจธรรพ์ หันไปยิ้มกับเจ้าแสนพรหม
“วันหลังแขขออนุญาตมาที่นี่อีกนะคะ”
“มาได้ตลอดเวลาเลยครับ ประตูคุ้มเจ้าแสนพรหมยินดีต้อนรับสาวสวยอย่างคุณแขไข”
แขไขยื่นมือไปแบบธรรมเนียมฝรั่ง เจ้าแสนพรหมจับมือแขไขแผ่วเบาแล้วจูบปลายนิ้ว
ธรรพ์มองตาวาวด้วยความโกรธระคนหึง แขไขเชิดหน้าไม่สนใจธรรพ์ ยิ้มให้เจ้าอย่างอ่อนหวาน
ณไตรถือกระเป๋าเงิน เดินนำธรรพ์กับแขไขเข้ามา
“วันหลังอย่าทำแบบนี้อีก ผมไม่ชอบให้ใครเที่ยววิ่งไล่ตามผม”
“แขแค่อยากรู้ คุ้มเจ้าแสนพรหมมีอะไรดี พี่ไตรถึงต้องไปทุกวัน”
“แล้วเจอมั้ย...อะไรที่คุณสงสัย”
“วันนี้ยังไม่เจอ วันหน้าก็อาจจะเจอค่ะ”
แขไขมองเชิด เดินเข้าไปด้านใน ณไตรหันมามองธรรพที่ปั้นหน้าเศร้า
“พี่ไตรด่าผมก็ได้นะครับ ที่ผมยอมทำตามคำสั่งคุณแข”
“ฉันไม่อยากเห็นแขไขเที่ยวตามอาละวาดเนื้อนาง”
“แต่เนื้อนางก็ไม่ได้อยู่ที่คุ้มแล้ว เค้าไปอยู่ที่ไหนซะล่ะครับ”
“ฉันก็ไม่รู้”
ณไตรเดินไปอีกคนด้วยความขุ่นเคืองใจ ธรรพ์มองตามสีหน้าแววตามีแต่ความเจ็บใจ
พอณไตรเข้าห้องมา ก็เหวี่ยงกระเป๋าเงินไปไกลด้วยความโมโห
“เนื้อนาง...เธอมันเจ้าเล่ห์ ร่วมมือกับเจ้าแสนพรหม...อย่าคิดว่าจะหนีฉันพ้น”
บ้านเช่าหลังนี้ ขนาดกะทัดรัด ตกแต่งภายในอย่างสวยงาม ในบ้านเนื้อนาง ยืนอยู่กับคำฝาย สีหน้ามีความสุข
“เราจะตอบแทนเจ้าแสนพรหมให้สมกับความใจดีของเจ้าได้ยังไงล่ะพี่คำฝาย บ้านหลังนี้ เจ้าก็อุตส่าห์หาให้เราอยู่”
“ไม่ได้อยู่ฟรีแน่ๆ เห็นๆกันอยู่คนอย่างเจ้า จ้องตั๋วตาเป็นมัน” คำฝายเซ็ง
“เนื้อนางไม่กลัวหรอก มีพี่คำฝายอยู่ด้วยทั้งคน”
“มันจะช่วยไม่ได้ทุกครั้งน่ะสิ แต่ก็ยังดีหน่อย ออกมานี่ สบายหู ไม่ต้องฉะกับนังคุณประกาย ไม่ต้องเจอหนานไตรด้วย”
เนื้อนางนิ่งไป คำฝายมอง “เสียใจเหรอ ไม่ได้เจอหนานไตร”
“ทำไมต้องเสียใจ เส้นทางของเนื้อนางกับหนานไตรมันจบไปตั้งนานแล้ว”
คำฝายมองเนื้อนางที่ยังปากแข็ง แปงเดินเข้ามา
“เจ้าให้หาคนงานมาคอยรับใช้”
เนื้อนางกับคำฝายได้ยินแล้วก็เดินออกไปหน้าบ้าน
สามคนงานหมอบติดอยู่กับพื้น เนื้อนางกับคำฝายเดินออกมามอง แปงอยู่ด้านหลัง คำฝายมองท่าทางสามคนที่หมอบอยู่แล้วคุ้นตา
“มันคุ้นๆ กลิ่นมันคุ้นมาก บอกไม่ถูก”
“เงยหน้าขึ้นมาเถอะจ้ะ ไม่ต้องหมอบกราบฉันอย่างนั้นหรอก”
สามคนก้มหน้าพูดอย่างถ่อมตัว “เมตตาเราด้วย พวกเราขออยู่เป็นข้ารับใช้เมียเจ้าแสนพรหม”
เนื้อนางกับคำฝายมองจ้อง เป็นรัญจวน กำปุ้ง สร้อยฟ้าที่เงยหน้าขึ้นมาพร้อมกัน ต่างฝ่ายต่างตกตะลึง
สามคนหลุดปาก “อีเนื้อนาง”
แปงด่า “แกเรียกใครอี นี่เมียเจ้าแสนพรหม เดี๋ยวตบปากฉีกถึงหู”
สามคนตกใจกลัว เนื้อนาง คำฝายมอง นึกไม่ถึง
“ถึงว่าทำไมมันคุ้นกลิ่นเหลือเกิน”
“นี่เหรอคะ เมียเจ้า” กำปุ้งไม่อยากเชื่อ
คำฝายยืดทันที “เออสิวะ นี่แหละ คุณเนื้อนาง เมียเจ้าแสนพรหม”
สร้อยฟ้ากรี๊ด “อ๊าย” แล้วหยิกแขนตัวเอง “ฉันฝัน ฉันฝันอยู่”
“ตบให้เลิกฝันเลยดีมั้ย”
เนื้อนางมองทั้งสามคน แปงรีบบอก
“พวกมันเที่ยวหางานทำ จะเอามาคนเดียว มันก็ไม่ยอม”
“เป็นยังไง ไหนว่าจะไปได้ดิบได้ดี” คำฝายถามเสียงประชด
“ไม่ต้องมาเยาะเย้ย” รัญจวนบังปากดี
“ฉันไม่รับ 3 คนนี้ทำงาน” เนื้องนางบอกแปง
สามคนตกใจ รัญจวนรีบบีบน้ำตา
“อย่าไล่เราไปเลยนะคะ คุณเนื้อนาง”
“อะไรนะ พูดดังๆ ไม่ได้ยิน” คำฝายแกล้ง
รัญจวนเน้นทีละคำ “คุณ เนื้อ นาง”
กำปุ้งอ้อน “อย่าไล่เราไปเลยนะคะ นึกว่าสงสารลูกนกลูกกา”
“อีนกแสกกำปุ้ง นี่คงจะท้องกิ่ว อดโซมาเต็มที่เลยสินะ”
“ข้าวไม่ตกถึงท้องมาอาทิตย์นึงแล้ว”
“ทำไมไม่ผอมเลยวะ”
สามคนมองกัน ท่าทางจนแต้ม เนื้อนางหันไปบอกแปง
“หาคนอื่นมาใหม่”
สามคนรีบพนมมือ ลากเสียงหวาน
“คุณเนื้อนางขา”
คำฝายขยับมาข้างเนื้อนาง
“คุณคำฝายขา” สามคนประสานเสียง
“นึกว่าเมตตาเพื่อนเก่าเพื่อนแก่สักครั้งนะคะ” สร้อยฟ้าขอร้อง
รัญจวนอ้อนวอน “ขอข้าวกิน ขอที่ซุกหัวนอนซักนิด”
“พวกเราจะสำนึกในบุญคุณคุณเนื้อนาง จะรับใช้ทุกอย่าง ถวายหัว” กำปุ้งสอพลอ
เนื้อนางไม่อยากรับ คำฝายยิ้ม
“ก็ได้ ก็ได้ รับไว้ดูเล่นก็ได้ แล้วจำไว้นะ เจ้านายแกคือ คุณเนื้อนางเมียเจ้าแสนพรหม”
“พวกเรา...กราบคุณเนื้อนาง” รัญจวนบอก
3 คนก้มลงกราบเนื้อนางกับคำฝายอย่างอ่อนช้อยสวยงามเต็มที่ เนื้อนางยังมองไม่สบายใจ ตรงข้ามกับคำฝายที่หัวเราะมีความสุข
ฝ่ายแสงคำแวะไปหาเนื้อนางที่คุ้ม โผล่ขึ้นมาที่ท่าน้ำ ปีนขึ้นมาบนท่า กำลังจะเดินเข้าไป ประกายที่ซุ่มรออยู่ ก้าวออกมาดักหน้าแสงคำ บัวติ๊บดูต้นทางอยู่ด้านหลัง
“แกสินะ ที่มาหาเนื้อนาง ผัวเก่ามันล่ะสิ”
แสงคำงง “แกเป็นใคร”
“ฉันเป็นใครไม่สำคัญ ฉันจะมาบอกแกเอาบุญว่า เนื้อนาง มันไม่ได้อยู่ที่นี่แล้ว”
“โกหก ถ้าเนื้อนางจะไป ก็ต้องบอก”
“ฉันจะโกหกแกหาสวรรค์วิมานอะไร ถ้าแกไม่เชื่อ ก็ไปตามที่อยู่ที่ฉันบอก”
แสงคำมองประกาย สายตาไม่วางใจ
“ทำไมแกมาบอกฉันเรื่องนี้”
“เพราะฉันเวทนาแกกับเนื้อนางน่ะสิ เนื้อนางน่ะมันต้องรับใช้เจ้าทุกคืน”
แสงคำกำหมัดจนกล้ามขึ้นด้วยความโกรธ
“ฉันน่ะเห็นใจนะ ถึงได้มาดักรอที่นี่ แกรีบไปตามเนื้อนาง แล้วก็พามันหนีไปซะ หนีไปให้ไกล อย่าให้คนของเจ้าตามเจอ เจ้าเป็นคนดุร้ายมาก โหดเหี้ยมที่สุด เชื่อฉัน”
แสงคำมองประกายที่ปั้นหน้าทำเป็นหวังดี
เนื้อนางยืนอยู่หน้าบ้าน มองไปยังคำฝายที่กำลังเท้าเอว ชี้นิ้วสั่งสามแสบ
“เอ้า ข้าวก็กินแล้ว ให้มันมีแรงกันหน่อย”
รัญจวน กำปุ้ง สร้อยฟ้ากำลังถอนหญ้าที่สนาม คำฝายแกล้งเดินไปใกล้ๆ แล้วเตะหญ้าเฉียดหน้ากำปุ้ง
“นี่ ตรงนี้ ยังถอนไม่หมด”
กำปุ้งถอนหญ้าขึ้นมาแรงๆ
“อะไร แค่นี้ ไม่เต็มใจทำใช่มั้ย ไล่ออก ไล่เลย” กำปุ้งเกาะขาคำฝาย “อย่าไล่กำปุ้งเลยนะคะ คุณคำฝาย” สร้อยฟ้ามาเกาะอีกข้าง
“สร้อยฟ้าเต็มใจทำได้ทุกอย่าง”
“ใช้มาเลยค่ะ ขึ้นเขาลงห้วย ลงไปยันนรกกระทะทองแดง กำปุ้งก็จะไป”
คำฝายสะบัดขาออก วางก้ามเต็มที่
“อยู่ที่นี่ต้องฟังคำสั่งข้า คุณคำฝาย”
เนื้อนางเดินออกมา ยืนตรงหน้าทั้งสามคน
“พี่คำฝาย ไม่เอาน่า...ฉันก็ไม่ได้อยากขับไสไล่ส่งพวกเธอ อย่างน้อยก็เคยอยู่ที่ปางมาด้วยกัน”
“คุณเนื้อนาง น้ำใจประเสริฐเหลือเกิน” รัญจวนประจบ
“ถือว่าฉันขอ ถ้าจะอยู่ที่นี่ อย่าทำนิสัยบ่างช่างยุ เที่ยวยุแหย่ หาเรื่องเดือดร้อนใจมาให้ พวกเธอต้องฟังพี่คำฝายทุกอย่าง”
คำฝายหัวเราะวางมาดเต็มที่
“ได้ค่ะ พวกเรารู้แล้วว่าชาตินี้อย่าอาจเอื้อม แข่งบุญแข่งวาสนากับคุณเนื้อนางเมียเจ้าแสนพรหม”
“เวลาเจ้ามาที่นี่ อย่าพูดมาก อย่าพูดเรื่องเก่าๆ ที่ปาง” คำฝายกำชับ
“กลัวเจ้ารู้หรือคะ ว่าเคยแต่งงาน มีผัวชื่อหนานไตร”
กำปุ้งพูดจบ คำฝายตบผัวะเข้าปาก รัญจวน กับสร้อยฟ้า ลืมตัวจะลุกสู้ คำฝายชี้หน้า
“จะสู้ใช่มั้ย”
รัญจวน กะสร้อยฟ้าหมอบราบลงไปทันควัน
“ถ้าทำไม่ได้ ก็ไม่ต้องอยู่ด้วยกัน” เนื้อนางบอก
“ทำได้ค่ะ คุณเนื้อนาง”
สามคนรับคำพร้อมกัน เนื้อนางมองไม่แน่ใจว่าทั้งสามจะหาเรื่องยุ่งยากมาให้อีกหรือเปล่า
ณไตรคว้ากุญแจรถบนโต๊ะ แล้วรีบเดินออกไป แขไขเดินมาจากด้านหลัง พอเห็นณไตรก็จะตาม
ธรรพ์ยื่นมือเข้ามากระชากแขไขไว้
“ไม่ต้องตาม ไม่ต้องใกล้ชิด ไม่ต้องยุ่งกับพี่ไตร ไม่งั้นล่ะก้อ...”
แขไขสวนไม่แคร์ “อย่ามาขู่ฉัน”
“ลองดูมั้ยล่ะ ว่าผมแค่ขู่หรือทำจริง”
“ที่คุ้มเจ้าแสนพรหมไม่เห็นมีเนื้อนาง พี่ณไตรเค้าทำแต่งาน ไม่ได้ลอยไปลอยมาเหมือน...แก”
ธรรพ์บีบแรงขึ้น สายตาเจ็บใจ
“คุณยังไม่รู้ความจริงน่ะสิ พี่ไตรเค้าไม่ใช่ผู้ชายแสนดีอย่างที่คุณเห็น”
“อย่างน้อยที่ฉันรู้ เค้าก็ดีกว่าแก พี่ไตรไม่เคยข่มเหงผู้หญิง”
วันดีเดินมา มองเห็นธรรพ์กับแขไข ก็เรียกขึ้นเบาๆ
“คุณธรรพ์”
แขไขรีบสะบัดแขนออกสุดแรง ธรรพ์ถอยห่าง แขไขมองวันดีที่มองมาด้วยสีหน้าเรียบเฉย
“แม่นายถามหาคุณธรรพ์น่ะเจ้า”
ธรรพ์มองแขไข
“ไปหาแม่นายด้วยกันสิครับ คุณแข”
“ฉันไม่ไป”
ธรรพ์จ้อง แขไขเห็นแววตากระด้างของธรรพ์ ก็จำใจเดินนำออกไป ธรรพ์จะเดินตาม วันดีพูดขึ้น
“คุณแขไขเธอจะกลับบ้านเมื่อไหร่เจ้า”
“ป้าถามทำไม”
“ก็คุณณไตรประกาศว่าจะไม่แต่งงานกับเธอ ป้าก็แค่สงสัยว่าเธอจะอยู่รออะไร”
“ทำไมป้าต้องอยากรู้เรื่องเจ้านายนักนะ”
ธรรพ์ตอบเสียงแข็ง วันดีมองตัดพ้อ
“ป้าอยากรู้แค่เรื่องคุณธรรพ์ ป้าเป็นห่วงคุณมากนะเจ้า”
“ไม่ต้องทำเกินหน้าที่คนงานหรอก ป้าวันดี ผมมีแม่นายเป็นห่วงคนเดียวก็พอแล้ว”
ธรรพ์เดินออกไป วันดีมองตาม หน้าหมองสายตาเศร้ามาก
ณไตรตะเวนตามหาแสงคำ กับ ม่อนดอยตามปางไม้แห่งอื่นๆ ตอนนี้ยืนอยู่หน้าผู้จัดการปางแห่งหนึ่ง
“ที่นี่มีคนงานชื่อ แสงคำ หรือ ม่อนดอย บ้างมั้ยครับ”
“ไม่มีเลยครับ”
ณไตรรับฟังด้วยสีหน้าผิดหวัง
ส่วนในบ้านเช่า เจ้าแสนพรหมก้าวเข้ามาในห้องโถง เนื้อนางยืนรอรับส่วนคำฝายอยู่ด้านหลัง กลุ่มรัญจวนหมอบอยู่กับพื้น
“คนงานดูแลบ้าน แปงหามาให้จ้ะ” เนื้อนางบอก
เจ้าแสนพรหมก้มลง เชยคางมองทีละคน คนแรกรัญจวนยิ้มหวาน แสนพรหมยิ้มตอบ
“อวบอัดใช้ได้ แต่สูงวัยไปหน่อย” รัญจวนสะบัดสะบิ้ง เจ้าแสนพรหมเชยคางสร้อยฟ้า “ตาคม น่าจ้องตา” สร้อยฟ้าชะม้ายตายิ้มให้ เจ้าแสนพรหมเชยคางกำปุ้งขึ้นมา “เฮ้ย คางคกยักษ์”
“บ่ใช่คางคก กำปุ้ง แมงมุมน้อยค่ะเจ้า”
เจ้าแสนพรหมรีบลุกเดินหนี กำปุ้งค้อนควัก สะบัดสะบิ้ง เจ้าแสนพรหมหันมายิ้มทางเนื้อนาง
“เป็นยังไงจ๊ะ เนื้อนาง อยู่บ้านนี้สบายใจขึ้นหรือยัง”
ไม่นานต่อมา เนื้อนางป้อนเครื่องดื่มให้เจ้าแสนพรหม เจ้ามองรู้ทัน ดื่มหมดแก้วแล้วรีบดึงแก้วไปวางห่างตัว
“วันนี้ฉันมีเรื่องต้องคุยกับเนื้อนางตั้งหลายเรื่อง”
“เจ้าดื่มก่อนสิจ๊ะ”
“ไม่ๆ แก้วเดียวพอแล้ว ไม่อยากเมาหลับ จะได้คุยเนื้อนางยาวๆ ทั้งคืน”
เจ้าแสนพรหมยิ้มหวานเยิ้ม เนื้อนางหน้าเครียดขึ้นมาทันที
สองสาวมอมยา เวลานี้เจ้าแสนพรหมนอนกรนหลับคร่อก กางแขนกางขาบนเตียง เนื้อนางยืนมองห่าง อีกด้านคือคำฝาย
“พี่คำฝาย เจ้าจะตายหรือเปล่า”
“ไม่ตายหรอก สูตรนี้คนขายในเวียงมันรับรอง หยดเดียวหลับสามวันเจ็ดวัน ยาเค้าเอาไว้ล้มช้าง”
เจ้าแสนพรหมกรนดังมาก เนื้อนางมองเจ้าแสนพรหมแล้วนึกสงสาร
“เนื้อนางไม่อยากทำแบบนี้กับเจ้าเลย”
“ตั๋วต้องเอาตัวรอดไว้ก่อน มีโอกาสเราก็ค่อยตอบแทนบุญคุณเป็นอย่างอื่น”
เนื้อนางพยักหน้าเข้าใจกับคำฝาย
ขณะเดียวกันสามคนแนบหูกับประตู คอยฟังเสียงจากข้างใน
“ทำอะไรกันวะ ทำไมมันเงี้ยบเงียบ” รัญจวนบ่นที่ห้างในเงียบกริบ
“เนื้อนางมันอาจจะกำลังบีบนวด ปลุกอารมณ์ให้เจ้าอยู่ก็ได้”
“เจ้าก็ยังไม่แก่เท่าไหร่นะ ชมฉันด้วยว่า...ตาสวย” สร้อยฟ้าคุย
“อีสร้อยฟ้า อย่าคิดหาทางลัดไปเป็นเมียเจ้า”
“ใช่ แกข้ามหลายศพเลยย่ะ ศพคุณพี่รัญจวนใจก่อนคนแรก”
สามคนทำท่าขัดแข้งขัดขากันเอง แล้วเอาหูแนบประตูต่อ คำฝายเปิดประตูผัวะออกมา สามคนกลิ้งระเนระนาด
“มาแอบดูอะไร”
รัญจวนตอแหลหน้าใส “ไม่ได้แอบดูค่ะ มารอเผื่อคุณเนื้อนางจะเรียกใช้”
“นิสัยไม่เคยเปลี่ยน แหลยังไงก็ยังแหลแบบนั้น”
“กำปุ้งไม่เหมือนเดิมแล้วนะคะ กำปุ้งสงบปากสงบคำ”
“ให้มันแน่เถอะ รู้ไว้ด้วย คุณเนื้อนางเค้าเป็นเมียเอกของเจ้าแสนพรหม คุ้มท่านใหญ่โตกว่าบ้านนี้เป็นสิบเท่า”
“แล้วทำไมไม่อยู่ที่คุ้มละคะ มาอยู่บ้านหลังน้อยๆ เหมือนพวก เมียลับ เมียเก็บ”
คำฝายยกเท้าเสยคางกำปุ้ง กะเทยดอยถึงกับหงายลงไปชัก
“เนื้อนางไม่ใช่เมียน้อยใคร จำไว้ด้วย ที่เนื้อนางต้องมาอยู่ที่นี่ เพราะเจ้าท่านรอฤกษ์จัดงานกินแขกกับเนื้อนาง แล้วถึงจะเอาขบวนเสลี่ยงมารับเนื้อนางเข้าไปเป็นเจ้านางในคุ้มให้สมฐานะโว๊ย”
“เจ้านางเนื้อนางเลยเหรอคะ” สร้อยฟ้าอึ้ง
รัญจวนรีบคลานมาใกล้ สอพลอเต็มที่
“ขอรัญจวนตามไปเป็นนางสนองในคุ้มด้วยนะคะ”
“สร้อยฟ้าด้วยนะเพคะ”
“ก็สุดแต่ว่าข้า พระพี่เลี้ยงคำฝาย จะพิจารณาอีกที”
คำฝายยืดข่มสามคนเต็มที่
เช้าวันใหม่ ณไตรเดินลัดเลาะเข้ามา อีกด้านบัวติ๊บถือแจกันเงินจะเอาไปขัดทำความสะอาด
“บัวติ๊บ”
บัวติ๊บหันไปมองตกใจ
“อุ๊ย...พ่อเลี้ยง มาทำไมตั้งแต่ฟ้าสาง”
“เมื่อวานฉันลืมของไว้น่ะ เอกสารสำคัญ ต้องใช้เช้านี้ เจ้าอยู่ในคุ้มใช่มั้ย”
“เจ้าไม่อยู่หรอกจ้ะ”
ณไตรได้ยินแล้วยิ้มออกมาที่รู้ว่าเจ้าแสนพรหมไม่อยู่ แต่ทำเป็นถามต่อ
“คงไปหาเนื้อนางล่ะสิ”
“เจ้า...ไปตั้งแต่เมื่อคืน”
“ฉันต้องไปหาพ่อเลี้ยงด่วนซะด้วย มีธุระเรื่องเงินที่ต้องคุยกัน”
บัวติ๊บทำหน้าไม่เชื่อ ณไตรมองบัวติ๊บ แล้วตัดสินใจหยิบแบงค์ร้อยออกมา
บัวติ๊บพอเห็นแบงค์ร้อยก็ตาโต ณไตรยิ้มหล่อ ค่อยๆ ยัดเงินใส่มือบัวติ๊บ
“บัวติ๊บพอจะจำได้มั้ยว่า บ้านเนื้อนางอยู่ที่ไหน”
บัวติ๊บตาโตกับเงินร้อย ยิ้มหวาน ณไตรมองอย่างพอใจ
ฟากเนื้อนางกำลังเดินดูดอกไม้ที่หน้าบ้านเช่า ได้ยินเสียงเรียกดังๆ
“เนื้อนาง”
เนื้อนางหันไป เห็นแสงคำยืนอยู่ที่หน้ารั้ว
“อ้ายแสงคำ”
เนื้อนางดีใจ รีบวิ่งมาเปิดประตูรั้ว
ณไตรจอดรถลงมองเห็นเนื้อนางกำลังเปิดประตูให้แสงคำเข้าไปในบ้าน กำพวงมาลัยแน่น
“ปรนเปรอเจ้าแสนพรหมคนเดียวยังไม่พอ ต้องตามไอ้แสงคำมาบำเรอกันถึงที่นี่”
แววตาพ่อเลี้ยงณไตรเป็นประกายวาววับ ทั้งโกรธแค้น ประสมความหวงหึงที่แล่นลิ่วสู่หัวใจสุดจะประมาณ
อ่านต่อตอนที่ 9