xs
xsm
sm
md
lg

ทรายสีเพลิง ตอนที่ 8

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ทรายสีเพลิง ตอนที่ 8

ศรุตาตัดสินใจกระโดดน้ำลงไปช่วยศรวณีย์ ขณะที่ฌานกับติ่งเดินเข้ามาที่สระพร้อมกัน ฌานรีบวิ่ง เข้าไปที่ริมสระ แล้วรับตัวศรวณีย์ขึ้นมานอนที่ริมสระ

“มันเกิดอะไรขึ้นน่ะทราย ?”
ฌานหันมาถาม ศรุตาเล่นบทโมโหใส่
“ฉันน่าจะถามคุณมากกว่าว่ามันเกิดอะไรขึ้น ฉันมาถึง น้องสาวฉันก็เกือบจะจมน้ำตายแล้ว”
ฌานกับติ่งชะงัก ติ่งรีบบอก
“ติ่งไปดูราชรถของติ่งมา พนักงานบอกว่ารถติ่งโดนขูดน่ะฮ่ะ”
“เอาเถอะ ผมว่าตอนนี้พาลูกศรขึ้นห้องก่อนดีกว่า”

“ลูกศรตกน้ำเหรอ? แล้วศรเป็นยังไงบ้าง”
บุรีคุยมือถือกับศรุตาด้วยน้ำเสียงตกใจ พัชระได้ยินก็ทำหน้าเซ็ง

ศรุตาวางสายจากบุรี แล้วมองร่างศรวณีย์ที่นอนหลับอยู่ที่โซฟาด้วยสีหน้าเหมือนโกรธอยู่ ฌาน ยืนมองอย่างเป็นห่วงและรู้สึกผิด
“คุณก็รู้ว่าศรกลัวตกน้ำ คุณก็ยังปล่อยศรอยู่คนเดียว”
“ก็ผมบอกแล้วไงว่าผมขึ้นมาดูต่างหูให้คุณ”
ศรุตาแกล้งโวยวายกลับ “งั้นก็เป็นความผิดฉันเอง ที่ทำให้น้องเป็นแบบนี้”
“ไปกันใหญ่แล้วนะทราย เอาเป็นว่าผมขอโทษ”
ศรวณีย์ขยับตัว ลืมตาขึ้น แล้วพยายามพูด
“ศรไม่เป็นอะไรหรอกค่ะ แค่ปวดหัว”
ฌานมองลูกศรอย่างรู้สึกผิด “ไปหาหมอไหมศร ?”
“ไม่เป็นไรค่ะ ศรไม่อยากให้เป็นเรื่องใหญ่ เดี๋ยวคุณแม่จะรู้ว่าศรหนีมาหัดว่ายน้ำ ศรขอกลับไป นอนพักบ้านก็พอค่ะ”
“งั้นเดี๋ยวผมไปส่งที่บ้านแล้วกันนะ”
ศรวณีย์พยายามจะลุก แต่ยังมึนๆ ฌานรีบเข้าไปประคองอุ้ม แล้วเดินไป ติ่งรีบเปิดประตูห้องให้
ศรุตามองฌานที่ดูห่วงและรู้สึกผิดกับศรวณีย์ด้วยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์
ศรวณีย์นอนอยู่ที่โซฟาที่บ้านริมน้ำ ฌานนั่งมองด้วยความรู้สึกผิด ป้าทิศรีบเอาปรอทมาวัดไข้ ศรุตามองฌานด้วยสายตายิ้มๆ
“ถ้าคุณเสาว์รู้คงบ้านแตก” ป้าทิศเปรย
“ก็อย่าให้รู้สิ”
ฌานกับป้าทิศมองศรุตาว่าหมายความว่ายังไง ?

จากนั้นศรุตาก็ปั้นหน้าอ้อนศก
“พอดีทรายกับน้องไปซื้อหนังมาใหม่เยอะแยะ ทรายเลยขออนุญาตให้น้องค้างกับทรายได้ไหมคะ”
เสาวณีย์เผลอรีบพูด “ไม่” แล้วก็คิดได้ จึงรีบพูดต่อว่า
“ไม่รบกวนทรายเหรอ ?”
”ไม่เลยค่ะ ดีเสียอีกค่ะ ให้ศรหัดนอนที่บ้านนั้น เผื่ออีกหน่อย ศรต้องไปอยู่บ้านเล็ก”
เสาวณีย์สบตากับศรุตาอย่างเข้าใจกันความหมาย “บ้านเล็ก” กันสองคน
“คงจะไม่มีวันนั้นหรอกจ้ะ”
ศรุตาหันไปทางศก “เรื่องของอนาคตไม่มีใครรู้ ใช่ไหมคะพ่อ ?” ศกอึกอัก เพราะปิดบังเสาวณีย์เรื่องที่ขอให้ศรุตาช่วยจ่ายค่าจำนองบ้านอยู่
“ทรายไปก่อนนะคะ”
ศรุตาปรายตายิ้มๆให้เสาวณีย์ แล้วเดินออกไป

“คุณมีอะไรที่ไม่บอกฉันรึเปล่าคุณศก ?”
ศรุตาเดินออกจากประตูบ้าน ได้ยินเสียงศกกับเสาวณีย์พูดกันตามมา
“ผมบอกแล้วไงว่าไม่มีอะไร”
“ ไม่ว่าคุณกับลูกคุณคิดอะไรกัน แต่ฉันขอบอกไว้เลย ถึงทรายจะยกบ้านหลังนั้นให้ลูกศร แต่ฉัน ไม่มีวันยอมให้ลูกศรไปอยู่บ้านเล็ก”
ศรุตามองไปทางบ้านริมน้ำด้วยสีหน้ายิ้มเยาะ
“ห้ามไม่ทันแล้วมั้ง อาเสาว์”

ศรุตาเดินเข้าประตูมา ด้วยความหวังว่าศรวณีย์จะป่วยหนัก จะได้ให้ฌานดูแล
“ศรไข้ขึ้นสูงไหมคะป้าทิศ ?”
ป้าทิศหันมายิ้มอย่างโล่งอก “ไม่มีไข้เลยค่ะ โชคดีจริงๆเลย”
ฌานเห็นว่าศรวณีย์ไม่เป็นอะไรแล้ว ก็รีบบอก
“งั้นผมกลับไปคุยงานกับบุรีต่อก่อน ถ้ามีอะไร โทรบอกผมได้ตลอดนะทราย”
ศรุตาพยักหน้า แล้วมองฌานที่เดินออกไป จากนั้นก็หันกลับมามองศรวณีย์ที่นอนนิ่งอย่างใช้ความคิด

ฌานนั่งดื่มกาแฟกับบุรีที่โซฟาด้วยสีหน้ากังวล ขณะทีบุรีนิ่งคิดว่าทำไมศรุตาไม่ไปหาเขาตามที่นัดไว้
“ทรายบอกว่าเขาแวะมาหาต่างหูพลอยที่เขาทำตกเมื่อวาน” ฌานรีบอธิบาย พลางรำพึงด้วยความเป็นห่วงศรวณีย์
“ไม่รู้ศรจะเป็นยังไงบ้าง ?”
“เขาอยู่กับพี่สาว ยังไงพี่สาวเขาก็ไม่ปล่อยให้น้องแย่หรอกฌาน”

บุรีพูดพลาง แอบคิดต่อในใจ ว่า …นอกจากศรุตาจะตั้งใจทำอะไรบางอย่าง?

ศรุตามองถ้วยยาในมือ จากนั้นก็เทยาทิ้งในถังขยะใบเล็ก แล้วเดินไปหยิบรีโมทแอร์มากดลด อุณหภูมิเหลือ 18 องศา

“พี่ไม่ได้ทำร้ายศรนะ พี่แค่กำลังช่วยให้ศรได้ใกล้ชิดผู้ชายในฝัน”

ฌานคุยมือถือกับทรายด้วยสีหน้าตกใจ
“อะไรนะทราย? ศรไข้ขึ้น 39 เลยเหรอ ?”
“ใช่ เดี๋ยวทรายจะพาน้องไปหาหมอ ฌานไปเจอที่โรงพยาบาลได้ไหม ? ขอบคุณนะฌาน”
ศรุตายิ้มสมใจ แล้วรีบกดวางสายอย่างอารมณ์ดีที่ทุกอย่างดำเนินไปตามแผนของตัวเอง
พอดีกับที่เสาวณีย์เดินมาที่หน้าบ้านริมน้ำ ศรุตารีบลงบันไดไปดักหน้าไว้
“ศรยังไม่ตื่นเลยค่ะคุณอา”
“ปกติศรไม่เคยตื่นสายแบบนี้นี่”
หญิงสาวยิ้ม “พอดีเมื่อคืนเราดูหนังกันเพลินไปหน่อย กว่าจะได้นอนก็เกือบเช้า”
“แต่เธอกลับตื่นมาแต่งหน้า แต่งตัวเต็มยศได้”
ศรุตายิ้ม โดยไม่มีทีท่าเสียเชิง “อาจเป็นเพราะทรายนอนบ้านเล็กไม่ค่อยได้แล้ว ต่างจากศรที่นอน สบาย สงสัยจะอยากอยู่บ้านเล็ก”
เสาวณีย์จะวี้ดใส่ แต่ยั้งปากตัวเองไว้ พลางยื่นถุงใส่การ์ดแต่งงานให้
“งั้นก็ฝากการ์ดแต่งงานให้ลูกศรเอาไปให้คุณจี๊ดและเพื่อนๆ คุณจี๊ด ฉันเขียนชื่อทุกคนไว้หมดแล้ว”
“ได้ค่ะ ทรายรับรองว่าการ์ดถึงมือแขกทุกคนแน่”
ศรุตายิ้มให้เสาวณีย์แล้วเดินขึ้นบันไดไปพร้อมกับมองการ์ดแต่งงานอย่างมีแผน
เสาวณีย์มองศรุตาที่ถือถุงใส่การ์ดแต่งงาน แล้วยิ้มสะใจ
“ฉันรู้ว่าเธอคิดจะทำอะไร ทำเลยทราย ฉันรออยู่”
พัชระเข้ามาในออฟฟิศ พลางมองไปรอบๆ เห็นว่ายังไม่มีใครเข้ามา ก็รีบเดินไปที่โต๊ะบุรีเพื่อหางาน ของฌาน แต่พอกี้กับบุรีเดินเข้ามา ก็รีบแถเดินไปที่โต๊ะทำงานตัวเอง แล้วหยิบงานมาก้มหน้า ก้มตาดูงาน
“วันนี้ทรายนัดไปดูเฟอร์นิเจอร์แต่งเรือนหออีกรอบใช่ไหมพัช ?” บุรีรีบถาม “กี่โมง เดี๋ยวพี่จะได้ ไปด้วย”
พัชระก้มหน้าทำงานซ่อนอาการแอบไม่พอใจ เพราะไม่อยากให้บุรีไป
“ผมยังไม่รู้ ต้องรอทรายโทรมาคอนเฟิร์มอีกทีครับ”
บุรีมองพัชระนิ่งๆ พร้อมๆ กับที่จ้อยถือหนังสือพิมพ์ธุรกิจเดินเข้ามาพร้อมติ่ง ป๊อก ชีวิน พลางเปิด ข่าวฌานกำลังจะสร้างคอนโดฯวางตรงหน้าบุรี พัชระเงยหน้าขึ้นมามองอย่างสนใจ ติ่งสบตากับบุรีอย่างรู้กัน
“ตกลงพี่ฌานไม่ให้เราดูแลโครงการนี้เหรอครับ ?”
จ้อยหันมาถาม พัชระตั้งใจฟังคำตอบจากบุรี
“พี่บอกแล้วไงว่าโครงการนี้ ฌานให้บริษัทอื่นดูแลแล้ว”

อลันคุยมือถือกับพัชระอย่างหงุดหงิด
“ผมไม่เชื่อหรอกว่าไอ้บุรีจะไม่ช่วยงานไอ้ชาร์ลส์ คนอย่างไอ้ชาร์ลส์ทำอะไร ก็ต้องหิ้วไอ้บุรีติดตูดไป ด้วยทุกที่ คุณโดนเจ้านายหลอกแล้ว”
“ผมก็ไม่รู้ ผมก็รายงานคุณเท่าที่ผมทราบ”
พัชระพูดพลางมองไปรอบๆ เพราะเกรงว่าใครจะมาได้ยิน

นอร์แมนนั่งฟังอลันรายงานเรื่องของฌานให้ฟังด้วยสีหน้าคิดๆ
“พูดได้คำเดียวว่าห่วย”
อลันยิ้มเยาะ “ใช่ครับ ไอ้หมอนั่น ผมนึกว่าจะเก่งกว่านี้ ที่แท้ก็ห่วย”
“ฉันหมายถึงแก ลูกน้องก็เหมือนแขนขา ถ้าหัวหน้ามันโง่เลือกแขนขาห่วยๆ ก็ไม่ต่างจากมีร่างกาย ที่เป็นง่อย”
อลันหงุดหงิดที่โดนด่า “เรื่องแค่นี้ เดี๋ยวผมเปลี่ยนคนเป็น spyใหม่ก็ได้ครับคุณลุง”
“ไม่ต้อง ถ้าฌานมันทำงานกับบุรี แต่คนที่ออฟฟิศบุรีไม่รู้ นั่นแปลว่าฌานมันฉลาดพอที่จะสร้างรั้ว กันคนนอกก่อนจะสร้างคอนโด”
“มันสร้างรั้วได้ เราก็ทุบรั้วมันได้”
นอร์แมนมองอลันอย่างหงุดหงิด “ถ้าเสนออะไรฉลาดๆไม่ได้ ก็หุบปากไป ถ้าฌานมันสร้างรั้วกัน คนนอก เราก็ต้องส่งคนในเข้าไปล้วงลูกมัน”
อลันมองนอร์แมนอย่างสงสัย “คุณลุงหมายถึง …”

ศรุตาพยุงศรวณีย์เข้ามานั่งที่โซฟาคอนโดฌาน โดยมีฌานเดินถือถุงยาเดินตามเข้ามา
“ฉันฝากศรนอนพักที่นี่ก่อนนะ ขืนให้นอนที่บ้านฉัน ความลับอาจแตก”
“ความจริงศรนอนพักอยู่ที่พี่ทรายก็ได้นะคะ ยังไงก็มีป้าทิศน่าจะช่วยกันคุณแม่ได้”
ศรวณีย์พูดอย่างเกรงใจ แต่ฌานรีบบอก
“ไม่เป็นไรหรอก ศรพักที่นี่แหละ เดี๋ยวพี่ให้บุรีไปดูไซต์งานแทน”
ศรุตาได้ยินว่าฌานจะให้บุรีไปดูงานแทน ก็คิดอะไรขึ้นมาได้
“ก็แปลว่าวันนี้บุรีไม่ว่างน่ะสิ ก็ดี งั้นฉันจะได้เลื่อนนัดดูเฟอร์นิเจอร์ไปก่อน เพราะฉันมีงานอื่น ที่สำคัญกว่าต้องไปทำ ส่วนงานทางนี้ ฝากเป็นหน้าที่คุณนะ”

หญิงสาวยิ้มให้ฌาน แล้วมองศรวณีย์ที่มีท่าทางอึดอัดที่ต้องอยู่กับฌานสองต่อสอง

ศรุตาเปิดประตูรถแล้วหยิบถุงใส่การ์ดแต่งงานออกมาดูยิ้มๆ แล้วกดมือถือโทร. หาพัชระ

“อย่าเรียกชื่อฉัน ถ้าคุณไม่อยากให้บางคนในออฟฟิศคุณรู้ว่าเราคุยกัน ให้คุณคุยกับฉัน เหมือนเป็นลูกค้า”
“ได้ครับคุณเชส คุณจะให้ผมออกไปพบคุณที่ไหนดีครับ ?”

เสาวณีย์กับคุณหญิงเพกานั่งคุยกับคุณจี๊ด ออกปากขอโทษ ที่ศรุตาถ่ายแบบให้ไม่ได้
“มันเป็นความผิดฉันเองล่ะค่ะ ถ้าคนที่ชวนทราย ไม่ใช่ฉัน ทรายก็คงยอมมาถ่ายแบบให้คุณจี๊ด”
คุณจี๊ดมองเสาวณีย์อย่างสงสัย “หมายความว่ายังไงคะ ?”
“แหม เสาว์ไม่อยากพูดเลย”
คุณหญิงเพการับไม้เล่นละครต่อจากเสาวณีย์
“ก็เรื่องแม่เลี้ยง ลูกเลี้ยงน่ะค่ะ คุณจี๊ดคงเห็นในนิตยสารแล้วว่าทรายเป็นลูกเลี้ยงของเสาว์แม่ของ ทรายไม่ใช่เมียตบเมียแต่ง ทรายยังเด็ก เขาไม่เข้าใจว่าที่คุณศกไม่แต่งกับแม่เขา เพราะแม่ของทรายเป็นแค่เด็กรับใช้ ในบ้าน”
“ทรายเขาเลยโกรธเสาว์แทนแม่ แต่เสาว์ก็เข้าใจนะคะ ทรายเขาขาดความอบอุ่น เลยทำตัวเป็น ปัญหาเพื่อเรียกร้องความสนใจจากพ่อ”
คุณหญิงเพกาแกล้งทำเหมือนเผลอพูด “แต่ถึงขั้นทำตัวมั่วผู้ชาย ก็ไม่ไหวนะเสาว์”
คุณจี๊ดตาโต “อะไรนะคะ?”
คุณหญิงเพกากับเสาวณีย์สบตากันยิ้มๆ

ศรุตาลงจากรถที่หน้าร้านอาหาร พัชระรีบเดินเข้ามาจะกอด หญิงสาวรีบดันตัวพัชระออกห่างตัวเอง
“ทำอะไรระวังหน่อยพัชระ”
“ผมก็แค่คิดถึงคุณ คุณรู้ไหมว่าผมดีใจขนาดไหนที่คุณโทรนัดผม โดยไม่มีพี่ฌาน พี่บุรีหรือใคร หน้าไหนมาขวาง”
ศรุตาหยิบปึกการ์ดแต่งงานของพัชระกับศรวณีย์ขึ้นมา แล้วพูดด้วยสีหน้าเจ็บปวด
“แต่ยังมีนี่ขวางเราอยู่”
พัชระเอื้อมมือจับการ์ดแต่งงานพร้อมกับจับมือศรุตา พลางยิ้มเจ้าเล่ห์
“มันขวางเราไม่ได้หรอก แต่มันช่วยให้เราอยู่ด้วยกัน”
ศรุตามองพัชระอย่างสงสัยเต็มที
“บอกฉันสิ ว่าคุณจะทำอะไร ?”
พัชระยิ้มๆ ยังไม่ทันตอบ คุณจี๊ดเดินเข้ามาเห็นพัชระจับมือกับศรุตาอยู่ พลางมองด้วยสายตา ไม่ชอบใจนัก

เสาวณีย์กับคุณหญิงเพกา ที่นั่งอยู่ในรถ ยิ้มอย่างสะใจ
“ทีนี้ก็รอแค่เจ้าแม่สำนักข่าวอย่างคุณจี๊ด กระจายข่าวก็พอ”
“แกไม่มีวันแย่งของของลูกฉันได้ คนอย่างแก ไม่มีวันทำให้ลูกฉันเป็นบ้านเล็กได้หรอก”
เสาวณีย์ยิ้มร้าย

ฌานถือชามข้าวต้มมามองศรวณีย์ที่นอนขดเหมือนเด็กๆ ผ้าห่มหล่นกองไปตกที่พื้น จากนั้นก็วาง ชามข้าวต้ม แล้วก้มลงเก็บผ้าห่มที่พื้นขึ้นมา แล้วก้มตัวห่มให้ จังหวะเดียวกับที่หญิงสาวขยับตัวผงกหัวขึ้นมาเพราะ แรงจาม จนหน้าผากกระแทกโดนปากฌาน
“พี่ฌานเป็นอะไรรึเปล่าคะ ?”
ศรวณีย์เห็นปากฌานแตกมีเลือดออก ก็รีบหยิบทิชชูมาเช็ดเลือดที่ปาก พลางทำหน้าเจื่อน แล้วรีบขอโทษซ้ำๆ
ฌานยิ้มดีใจ “พูดเจื้อยแจ้วได้อย่างนี้ แปลว่าดีขึ้นแล้วสิ งั้นไปทานข้าวต้มกัน”

ศรวณีย์นั่งที่โต๊ะมองชามข้าวต้มโดยยังไม่ตักกิน ส่วนฌาน ก็ยืนคุยมือถือกับบริษัทรับเหมาอื่น พร้อมกับเดินไปทั่วห้องเพื่อหาเอกสาร ด้วยท่าทีวุ่นวาย
“แบบเขียนไว้ยังไง คุณก็ทำสเป๊กตามนั้น ไม่เห็นจะต้องมีปัญหา ส่วนต้นไม้ใหญ่ทุกต้น ห้ามตัด”.จากนั้นก็นกดวางสายแล้วเดินมานั่งที่เก้าอี้ข้างๆ หญิงสาว พร้อมกับถอนใจเหนื่อยๆ
“นี่โครงการที่พี่ฌานเคยคุยกับศรที่มูลนิธิเด็กใช่ไหมคะ ?”
“ใช่จ้ะ พี่ยังไม่ได้ขอบคุณศรเลย ที่ทำให้พี่เลือกทางที่จะเก็บบ้านพ่อพี่ไว้”
ศรวณีย์หน้าจ๋อยๆ “แต่พี่ทรายบอกว่า พี่ฌานต้องทะเลาะกับพ่อเลี้ยง”
“เวลาเราจะทำอะไรสักอย่าง ไม่มีทางที่จะมีใครเห็นกับเราด้วยร้อยเปอร์เซนต์หรอก”
“ถ้าศรรู้ ศรคงไม่บอกอย่างนั้น”
ฌานส่ายหน้ายิ้มๆ
“ไม่เกี่ยวกับศรหรอก ถ้าพี่ไม่ได้ศร พี่คงเสียใจไปทั้งชีวิตที่เลือกผิด อ้าว ทำไมยังไม่ทานอีกล่ะ ?”
“ศรรอทานพร้อมพี่ฌานน่ะค่ะ พี่ฌานจะทานอะไรคะ เดี๋ยวศรทำให้”
ฌานหัวเราะ
“เอาเข้าไป พี่ทำให้ศร ศรก็จะมาทำให้พี่ เดี๋ยวไข้ก็กลับหรอก ไม่เป็นไร ปกติพี่ทำงานจนกินอะไร ไม่เป็นเวลาอยู่แล้ว”
“แต่ศรรู้สึกแปลกๆที่ต้องนั่งทานคนเดียว”
ฌานยิ้ม “ทานเถอะ อีกอย่าง ของสดในห้องก็หมดแล้ว”
ศรวณีย์เดินไปหยิบชามเปล่าและช้อนมาวางตรงหน้าฌาน แล้วตักข้าวต้มของตัวเองแบ่งให้
“ทีนี้เราก็ทานด้วยกันได้แล้วค่ะ”
ฌานมองถ้วยข้าวต้มที่หญิงสาวแบ่งให้ ด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม

“ฮัลโหลครับ สวัสดีครับคุณเซส ติดต่อพัชระไม่ได้เหรอครับ ?”
บุรีคุยมือถืออย่างแปลกใจ
“ได้ครับคุณเชส คุณจะให้ผมออกไปพบคุณที่ไหนดีครับ ?”

บุรีถือมือถือค้างด้วยสีหน้าเซ็ง เพราะรู้ว่าพัชระโกหกเพราะใคร?
 
อ่านต่อหน้า 2

ทรายสีเพลิง ตอนที่ 8 (ต่อ)

พัชระ ศรุตา และ คุณหญิงนั่งร่วมโต๊ะอาหารกัน ชายหนุ่มยื่นการ์ดแต่งงานให้ “ผมเรียนเชิญคุณหญิงป้าไปงานแต่งงานของ..” จะพูดว่า “ของเรา” แต่ชะงักไว้ “ผมด้วยนะครับ”

“แล้วหนูลูกศรไม่มาด้วยเหรอ ?”
ศรุตารีบตอบแทน “ลูกศรไม่ค่อยสบายค่ะ ทรายก็เลยมาแจกการ์ดแทน”
คุณหญิงยิ้มเหยียด
“หวังว่าแค่แจกการ์ดแทน ไม่ใช่ทำอย่างอื่นแทนด้วยนะ”
พัชระรำคาญ เลยรีบตัดบท “งั้นผมลาเลยนะครับ”
คล้อยหลังที่พัชระกับศราเดินออกไป คุณหญิงก็รำพึงกับตัวเอง
“น่าสงสารคุณเสาว์จริงๆ ที่เจอลูกเลี้ยงแบบนี้”
จากนั้นก็หยิบมือถือขึ้นมาถ่ายภาพพัชระ ที่เอากอดเอวศรุตาไว้

“คุณโอเคไหมทราย ?”
พัชระถามอย่างเป็นห่วงความรู้สึก
“แล้วคุณคิดว่าฉันโอเคไหมล่ะ ? ทั้งๆที่ฉันมีผู้ชายมากมายมาให้เลือก ทำไมฉันถึงโง่ตามคุณอยู่ได้ ดูสิ สุดท้ายก็โดนดูถูกเหมือนอย่างแม่”
ศรุตาแกล้งตีหน้าเศร้า พัชระจับมือแล้วมองเธออย่างสงสาร
“อดทนหน่อยนะทราย ผมสัญญาว่าสิ่งที่ผมทำ ผมทำเพื่อคุณ”
“คำก็บอกว่าทำเพื่อฉัน สองคำก็บอกว่าทำเพื่อฉัน ไหนล่ะ คุณคิดทำอะไร ไหนคุณบอกฉันสิ”
พัชระมองศรุตาอย่างคิดๆ ว่าจะบอกดีไหม พอดีกับที่มือถือดังมาขัดจังหวะ พอเห็นชื่อคนโทร. ก็ทำหน้าเซ็ง
“ครับพี่บุรี อะไรนะครับ คุณเชสไปหาผมที่ออฟฟิศ”
ศรุตาถอนใจเซ็งที่บุรีหาเรื่องดึงพัชระไปจากตัวเองอีกแล้ว

บุรียืนรอยู่ที่หน้าฮอฟฟิศ ครู่หนึ่งพัชระก็เดินเข้ามา
“พี่ได้ยินว่าพัชโทรคุยกับคุณเชสว่าพัชออกไปคุยงานกับเขาไม่ใช่เหรอ ? แล้วทำไมเขาถึงโทร มาหาพี่ว่าเขาติดต่อพัชไม่ได้”
พัชระถอนใจ “ ผมขอโทษครับ ผมจะเคลียร์กับคุณเชสเอง”
พูดพลางเดินเข้าออฟฟิศ แต่บุรียืนขวางไว้
“ไปไหนมา ?”
พัชระหงุดหงิด “นี่ผมเป็นลูกน้องพี่นะครับ ไม่ใช่ลูกชายพี่”
“พี่ขอโทษ ที่ถามพัชมากไป แต่พี่แค่อยากเตือนสติ อีกอาทิตย์กว่า พัชก็จะแต่งงานกับลูกศรแล้ว จะทำอะไร คิดถึงแค่ตัวเองไม่ได้แล้ว ต้องนึกถึงความรู้สึกของคนที่จะมาเป็นเจ้าสาวพัชด้วย”
พัชระยิ้มเจ้าเล่ห์ “พี่บุรีไม่ต้องห่วงหรอกครับ ทุกอย่างที่ผมทำ ก็เพื่อเจ้าสาวในอนาคตของผม”
พัชระเดินเข้าออฟฟิศไป บุรีมองตามแล้วคิดถึงศรุตา
“พี่จะดึงทรายออกไปจากการแก้แค้นนี้ยังไงดี”
จังหวะนั้นมือถือของบุรีก็ดัง
“สวัสดีครับพี่คมสัน งานสัมนาของสมาคมเราเหรอครับ?”

“ใครเอาแบบของคุณเชสบนโต๊ะผมไปไหนเนี่ย ?”
พัชระบ่นอย่างหงุดหงิด ป๊อกรีบหันมาบอก
“พี่บุรีเอาไปดูเมื่อกี้นี้น่ะครับ”
พัชระลุกขึ้นเดินไปที่โต๊ะบุรี แล้วเปิดดูกองงานบนโต๊ะเพื่อหาแบบ แต่หาไม่เจอ พลางเหลือบเห็นม้วนแบบที่หล่นอยู่ใต้โต๊ะ ก็รีบหยิบขึ้นมาจะเปิดออกดู แต่บุรีที่เดินเข้ามาคว้าไปจากมือก่อน
“แบบของคุณเชสอยู่นี่”
บุรีหยิบแบบที่วางใต้กองงานให้พัชระ แล้วถือม้วนงานเดินออกไป
พัชระมองม้วนแบบในมือบุรีอย่างสงสัย

“นั่นไง ว่าแล้วว่าไอ้บุรีมันต้องแอบทำงานให้ไอ้ชาร์ลส์”
อลันพูดกลับมาทางปลายสาย ทันทีที่รู้เรื่องจากพัชระ
“ผมยังไม่เห็นแบบเต็มๆหรอกนะ แล้วผมจะหาทางดูให้”
“ไม่ต้องแล้ว ถ้าไอ้ชาร์ลส์กับไอ้บุรีทำแบบนี้ มันคงไม่ยอมให้คนนอกอย่างคุณเข้าใกล้งานมันง่ายๆ ผมเลยส่งคนที่สามารถเข้าถึงเนื้อถึงตัวไอ้ชาร์ลส์ไปแล้ว”
พัชระฟังมือถือด้วยสีหน้าสงสัย “ใคร ?”

ลิซ่าในชุดสวยเซ็กซี่เดินออกมาจากสนามบินเดินไปยืนที่รถของโรงแรม เมื่อถอดแว่นดำออก แววตาร้ายของหล่อนก็ฉายชัด
“ไม่มีอลันมาคราวนี้ ฉันตะครุบคุณไม่ปล่อยแน่ชาร์ลส์”

ศรุตาเดินกลับเข้ามาในบ้านริมน้ำด้วยท่าทางหงุดหงิดที่พัชระไม่ยอมยกเลิกงานแต่ง แถมบุรีก็ยังมา ขัดจังหวะ พลางบอกให้ป้าทิศเตรียมน้ำอุ่นให้แช่
“แล้วคุณลูกศรล่ะคะคุณทราย ? คุณทรายไม่พาน้องกลับมาด้วยเหรอคะ”
ศรุตานิ่งคิด แล้วยิ้มขึ้นมาได้

“ทรายเปลี่ยนใจแล้ว ทรายไม่แช่น้ำอุ่นแหละ ไปหาซื้อเตียงให้ศรดีกว่า ท่าทางศรจะไม่ได้อยู่บ้าน เล็กแค่ชั่วคราวแล้ว”

ศรวณีย์นั่งดูทีวีรอพี่สาวมารับ ฌานนั่งทำงานที่โต๊ะ แล้วก็นึกอยากดื่มกาแฟ แต่กาแฟในเหยือกหมด พอจะต้มใหม่ เมล็ดกาแฟก็หมดอีก

“พี่ฌานจะชงกาแฟเหรอคะ ? ศรชงให้ไหมคะ ?”
ฌานรีบยกมือห้าม “ไม่ต้องๆ เมล็ดกาแฟหมดพอดี ศรกินขนมอะไรไหม เดี๋ยวพี่จะไปซื้อเมล็ด กาแฟ”
“ไม่เอาค่ะ”
“งั้นเดี๋ยวพี่มานะ”
พูดจบฌานก็รีบเดินออกไป ศรวณีย์มองโต๊ะทำงาน ที่มีงานกองๆ ระเกะระกะ มองรอบๆห้องที่มี เสื้อผ้าวางเกะกะพาดตามพนักเก้าอี้ พลางลุกขึ้นไปเก็บโต๊ะทำงาน และเก็บเสื้อผ้าให้เข้าที่

ลิซ่าลากกระเป๋าเดินทางเดินเข้ามา เฉียดกับฌานนิดเดียว พลางมองบรรยากาศคอนโดด้วยรอยยิ้ม มุ่งมั่น

เสียงคนเคาะประตูห้องดังขึ้น ศรวณีย์คิดว่าเป็นศรุตา ก็รีบเดินไปเปิดประตูให้
ลิซ่าวางกระเป๋าเดินทางไว้หน้าห้อง แล้วพุ่งโผเข้าห้องมา หมายจะกอดฌาน แต่ครั้นเห็นศรวณีย์
ก็ถึงกับชะงัก
“เธอเป็นใคร ?”

ลิซ่าเดินเข้าห้องมา พลางมองจ้องศรวณีย์
“ฉันจำเธอได้แล้ว เธอคือคนที่เดินชนฉันในงานเปิดโครงการของชาร์ลส์ เธอมาทำอะไรในห้องนี้”
เมื่อเห็นศรวณีย์อึกอัก ก็ยิ้มเยาะ
“คงเป็นของเล่นใหม่ของชาร์ลส์ล่ะสิ”
“ฉันเปล่านะ”
“ไม่ใช่ แล้วเธอเป็นใคร”
“แล้วคุณล่ะคะเป็นใคร ?” ศรวณีย์ย้อนถาม
“ฉันก็เป็นแฟนของชาร์ลส์ไง เป็นผู้หญิงที่ชาร์ลส์รัก เป็นคนที่ชาร์ลส์อยากแต่งงาน ไม่ใช่แค่เอามา นอน แก้เหงาเหมือน …”
ศรวณีย์โดนลิซ่าเดินต้อนจนชนโต๊ะแล้วล้มลงกับพื้น หญิงสาวใช้มือยันตัวเองไว้ ลิซ่าใช้เท้าที่ใส่ รองเท้าส้นสูง เหยียบมือข้างที่สวมแหวนหมั้น แล้วบดขยี้
“รู้แล้วว่าฉันเป็นใคร ก็ไสหัวแกออกไปแล้วไม่ต้องแล่มาเสนอตัวให้ผัวฉันที่นี่อีก”
ลิซ่าเหยียบมือซ้ำ ก่อนที่จะยกเท้าออก แล้วมองโถต้นพลูทองบนโต๊ะ
“ต้นไม้นี่ ของเธอใช่ไหม ?”
พูดพลางหยิบต้นพลูทองปาลงพื้น “เอาไปด้วย”
ศรวณีย์มองต้นพลูทองที่ถูกปาอยู่ตรงหน้ารู้สึกเจ็บที่โดนลิซ่าพูดจาดูถูกและโดนทำร้าย จึงตัดสินใจ ลุกขึ้น หยิบกระเป๋าเดินร้องไห้ออกไป
ลิซ่ามองตาม แล้วยิ้มหยัน “ยายจืด”

ฌานเปิดประตูเข้ามา เห็นต้นพลูทองตกแตกอยู่ที่พื้น ลิซ่าเปลี่ยนเป็นชุดวาบหวิว ย่องเข้ามากอด จากด้านหลัง แล้วจูบซอกคอฌาน
“ฉันคิดถึงคุณจังเลยค่ะชาร์ลส์”
ฌานตกใจ ผลักตัวลิซ่าออกห่างตัวเอง พลางมองหาลูกศร
“ลูกศรไปไหน ?”

ศรุตาเดินกลับเข้ามาอย่างอารมณ์ดี ป้าทิศวิ่งมาจากท่าน้ำด้วยท่าทางตกใจ
“คุณทรายคะ คุณทราย”
“มีอะไรคะป้าทิศ ?”

ศรวณีย์นั่งร้องไห้อยู่ริมน้ำ ศรุตาเดินเข้ามาพร้อมป้าทิศ
“เกิดอะไรขึ้น ?”
ศรวณีย์น้ำตานองหน้า คิดถึงคำพูดที่ลิซ่าว่าตัวเองและสิ่งที่ลิซ่าทำ แล้วเผลอเอามือข้างที่โดนเหยียบ จนเป็นรอยช้ำม่วงมาเช็ดน้ำตา
ป้าทิศดึงมือที่เป็นรอยม่วงช้ำมาดู แล้วถาม “มือนี่ไปโดนอะไรมาคะ”
“ไม่มีอะไรหรอกค่ะ พี่ทราย ศรไม่ไปว่ายน้ำแล้วนะคะ ศรไม่อยากรบกวนพี่ฌานแล้ว”
ศรุตาตะคอกถามกลับทันที เพราะกลัวว่าจะเสียแผน
“ทำไม ? ใครทำอะไรศร บอกพี่มาสิ”

ศรวณีย์ก้มหน้า ไม่กล้าเล่า ศรุตาจ้องหน้าอย่างเอาเรื่อง

ลิซ่านอนอยู่บนโซฟาเปิดดูนิตยสารสบายใจเฉิบ ฌานมองอย่างเหลืออด

“ผมบอกแล้วไงว่าให้คุณออกไปอยู่โรงแรม”
ลิซ่าลอยหน้าลอยตา
“ฉันก็บอกคุณแล้วไง ว่าฉันไม่ไป ฉันจะอยู่ที่นี่กับคุณ”
ฌานเดินไปลากกระเป๋าเดินทางของลิซ่ามา แล้วโยนกระเป๋าออกไปทางหน้าห้อง
“ออกไป”
ลิซ่ายกขานั่งไขว้ห้างโชว์เรียวขา ยั่วยวนฌาน
“ถ้าคุณอยากให้ฉันไป อุ้มฉันสิ”
ทันใดนั้นศรุตาก็เดินเข้ามา แล้วพุ่งตรงเข้าไปตบลิซ่าอย่างแรง
ฌานตกใจ รีบพุ่งเข้าไปจับแขนไว้ ก่อนที่หญิงสาวจะตบซ้ำ
“ทราย”
ลิซ่าลุกขึ้นมาอาละวาดใส่ “แกตบหน้าฉันทำไมนังทราย นังบ้า”
พลางง้างมือจะตบคืน แต่กลับถูกศรุตาจับมือไว้ แล้วตบหน้าสวนไปอีกที พร้อมกับผลักลิซ่าล้มลง ไปกองกับพื้น ก่อนที่จะใช้เท้าที่ใส่รองเท้าส้นสูงเหยียบมือลิซ่า
“ฉันเจ็บนะนังบ้า”
ศรุตาพูดเยาะ “เจ็บเหรอ ? แล้วที่แกทำกับน้องสาวฉันล่ะ เขาไม่เจ็บรึไง ?”
ฌานมองศรุตาอย่างชะงักงง ลิซ่าเองก็งง
“ฉันไปทำอะไรน้องแก”
“ลิซ่าทำอะไรลูกศร”
ศรุตาจ้องหน้าลิซ่าอย่างโกรธจัด “ก็ทำอย่างที่ฉันทำนี่ไง”
ฌานหันขวับ “จริงเหรอลิซ่า”

ฌานลากตัวลิซ่าออกจากลิฟท์ ศรุตาเดินลากกระเป๋าเสื้อผ้าตามมา
“ปล่อยฉันนะชาร์ลส์ ฉันไม่ผิด นังจืดมันมาอ่อยชาร์ลส์เอง”
ศรุตาเขวี้ยงกระเป๋าเดินทางของลิซ่าไปหน้าคอนโด แล้วกระชากแขนลิซ่ามาจากฌาน จากนั้นก็เหวี่ยงไปที่กระเป๋าเดินทาง
“ฌานไม่ใช่ของแกอีกแล้ว กลับไปหาผัวปากหมาของแกที่สิงคโปร์โน่น”
พนักงานรักษาความปลอดภัยของคอนโด 2 คนได้ยินเสียงเอะอะ จึงวิ่งเข้ามาดู
“ต่อไปอย่าให้ผู้หญิงคนนี้เข้ามายุ่งที่นี่อีก มันเป็นตัวเชื้อโรคลากออกไปเลยค่ะ”
ศรุตาสั่งเสียงเข้ม พนักงานรักษาความปลอดภัยเข้าไปจับแขนลิซ่าคนละข้าง ลิซ่าดิ้นไม่ยอม
“ปล่อยฉันนะ ฉันบอกให้ปล่อยไง ชาร์ลส์ช่วยฉันด้วย” ฌานหันมาพูดกับศรุตาด้วยความเป็นห่วงศรวณีย์
“ศรเป็นยังไงบ้างทราย ?”

ศรวณีย์นั่งอยู่ในห้องนอนบนบ้านใหญ่ พลางมองมือตัวเองที่เป็นรอยช้ำสีม่วง ศรุตาเคาะประตู แล้วเปิดเข้ามา
“มือเป็นยังไงบ้าง ?”
“ศรทายาแล้วค่ะ อีกวันสองวันเดี๋ยวรอยก็คงจาง”
ศรุตาเดินไปนั่งข้างๆ “ฌานเขามาหาน่ะ พอเขารู้ว่าศรโดนนังหมาบ้าอาละวาด เขาก็เป็นห่วง อยาก ขอโทษ”
ศรวณีย์น้ำตาคลอ รู้สึกเจ็บในหัวใจอย่างบอกไม่ถูก
“ศรฝากพี่ทรายบอกพี่ฌานด้วยนะคะ ว่าไม่ต้องขอโทษ พี่ฌานไม่ผิด ศรเข้าใจแฟนพี่ฌาน”
“นังบ้านั่นไม่ใช่แฟนฌาน มันเป็นผู้หญิงบ้าเงิน มันหลอกใช้ความรักของฌานเพื่อหาผลประโยชน์ ให้ตัวมันกับครอบครัวมัน พอมันได้เงินจากพ่อเลี้ยงฌาน มันก็ถีบหัวฌาน แล้วไปคบกับลูกพี่ลูกน้องของฌาน”
ศรวณีย์ฟังแล้วชะงัก รู้สึกเห็นใจฌานขึ้นมาทันที
“พี่บอกแล้วว่าฌานน่าสงสาร คนที่ศรควรแคร์คือฌาน ไม่ใช่คำพูดของหมาหวงก้างอย่างนังลิซ่า ลงไปหาฌานหน่อยนะ”
ศรวณีย์นิ่งมองมือข้างที่สวมแหวนหมั้น

ศรุตาจากห้องด้วยสีหน้าหงุดหงิด พร้อมคิดถึงคำพูดของศรวณีย์
“ตอนนี้ศรแคร์ใครไม่ได้หรอกค่ะพี่ทราย พี่ทรายจำได้ไหมคะ ที่พี่ทรายพูดถึงโชคชะตา ศรว่าเรื่อง ที่เกิดขึ้น อาจเป็นเพราะโชคชะตาทำให้ศรเจ็บ เพื่อเตือนสติว่าตอนนี้ศรมีเจ้าของแล้ว และอีกไม่นานศรก็กำลังจะ แต่งงาน ศรควรเตรียมตัวเป็นเจ้าสาวของพี่พัช ไม่ใช่ไปทำอย่างอื่น”
ศรุตาหงุดหงิดที่น้องสาวต่างมารดาแข็งข้อ ไม่ยอมเข้าใกล้ฌานตามแผนที่ตัวเองวางไว้

“ไม่ใช่โชคชะตา แต่เป็นฉันต่างหากที่กำหนดชีวิตเธอ”
 
อ่านต่อหน้า 3

ทรายสีเพลิง ตอนที่ 8 (ต่อ)

ศรุตาเดินลงบันไดด้วยสีหน้านิ่งอย่างมีแผน ป้าทิศที่ยืนรออยู่แล้ว รีบเข้าไปหา

“คุณลูกศรเป็นยังไงบ้างคะ ?”
หญิงสาวไม่ตอบ แต่กลับย้อนถาม
“อาเสาว์กับพ่อไปทานข้าวกับผู้ใหญ่เรื่องงานแต่งลูกศรใช่ไหมคะ ?”
“ใช่ค่ะ”
“แล้วจะกลับมาเมื่อไหร่คะ”

ฌานยืนรออยู่ที่บ้านริมน้ำด้วยสีหน้ากังวล ครู่หนึ่งศรุตากับป้าทิศ ก็เดินตรงเข้ามา
“ศรเป็นยังไงบ้างทราย ?”
ศรุตาหน้าเครียด “เด็กอ่อนต่อโลกแบบนั้น เจอนังบ้าลิซ่าไป คุณคิดว่าจะเป็นยังไงล่ะ”
ฌานถอนใจเป็นห่วง “ แล้วคุณจะให้ผมทำยังไง?”
“คุณต้องรับผิดชอบไงฌาน”

ศรุตาเดินนำฌานและป้าทิศมาจากบ้านริมน้ำมาถึงหน้าบ้านใหญ่ ฌานดึงแขนหญิงสาวไว้
“ผมว่ามันไม่ดีมั้ง ที่จะให้ผมขึ้นไปหาศรบนห้องอย่างนั้น”
“ฉันขึ้นไปด้วย ไม่น่าเกลียดหรอก คนของคุณทำกับน้องฉันขนาดนี้นะฌาน คุณจะไม่ดูว่าเขาเป็น ยังไงหน่อยเหรอ”
ป้าทิศรีบบอก “แต่ว่ามันมืดแล้วนะคะคุณทราย อีกอย่างเดี๋ยวคุณศกกับคุณเสาว์ก็กลับมาแล้ว”
“เพราะอย่างนั้น ทรายถึงรีบให้ฌานขึ้นไปหาลูกศร น้องทรายต้องมาเจ็บเพราะเรื่องไม่ใช่เรื่อง น้อง ของทรายควรได้รับการเหลียวแลบ้าง อย่างน้อยก็ขอโทษไม่กี่วินาที หรือฉันควรคิดแค่ว่า น้องฉันซวยเอง โดนตบ ไปแล้วก็ช่างมันอย่างนั้นใช่ไหมฌาน ?”
ฌานหน้าเครียด เพราะสิ่งที่ศรุตาพูดนั้นถูกต้องทุกอย่าง หญิงสาวมองอาการฌานแล้วแอบยิ้ม พลางปรายตามองไปทางหน้าต่างห้องของศรวณีย์

ศรวณีย์นั่งมองรอยแผลที่มือตัวเองอย่างเจ็บปวด พลางใช้มือขวากำประคองมือซ้าย ที่สวมแหวน หมั้นมาแนบอก เหมือนพยายามบังคับตัวเองให้นึกถึงฐานะของตัวเองว่ามีพัชระแล้ว
พลันเสียงเคาะประตูดังขึ้น หญิงสาวลุกขึ้นไปเปิดประตู เห็นศรุตายืนอยู่หน้าประตู
“มีคนอยากมาหาศร”
พูดพลางหันไปมองฌานที่ยืนหลบอยู่ข้างประตู ฌานก้าวเข้ามายืนตรงหน้า ศรวณีย์ถึงกับชะงักงัน“ฌานเข้าอยากมาดูว่าศรเป็นยังไงบ้าง เขาอยากขอโทษศร เขาห่วงศร”
หญิงสาวได้ยิน ก็รู้สึกตื่นเต้น รู้สึกดีใจ แต่ก้มหน้าเก็บอาการไว้ ศรุตาแอบยิ้มพอใจ พร้อมๆ กับดึงแขนฌานให้พูดกับศรวณีย์
“คุณอยากพูดอะไรกับศร ก็พูดสิคะ”
ฌานมองศรวณีย์ แล้วอึกอัก “เอ่อ พี่”
พลันป้าทิศก็รีบเดินเข้ามาบอกว่าศกกับเสาวณีย์กลับมาแล้ว
ศรุตารีบดันฌานให้เข้าไปอยู่ในห้อง ศรวณีย์มองอย่างอึ้งๆ ฌานถามอย่างงงๆ
“ทำอะไรน่ะทราย ?”
“ก็ให้คุณหลบน่ะสิ ขืนพ่อกับอาเสาว์เห็นคุณ เป็นเรื่องยาวไปถึงเรื่องลูกศรโดนยายลิซ่าทำร้ายแน่ ถ้าคุณไม่อยากให้น้องฉันเดือดร้อนไปมากกว่านี้ อยู่ในห้องศร เดี๋ยวฉันลงไปล่ออาเสาว์กับพ่อเอง”
พูดจบก็ดันฌานเข้าห้อง แล้วรีบปิดประตูทันที

เสาวณีย์เดินเข้าบ้านมาอย่างยิ้มแย้ม พร้อมกับศก
“นี่เราโชคดีมากเลยนะคุณศก ที่หม่อมลดารับปากมาเป็นผู้ใหญ่ในงานแต่งของลูกศร ปกติท่านไม่ ออกงานไหนนะถ้าไม่สนิทจริงๆน่ะ”
ศรุตาเดินลงบันไดเข้ามาพร้อมกับป้าทิศ ที่เดินหน้าเครียดกังวลว่าเสาวณีย์จะรู้ว่าฌานอยู่ในห้องศรวณีย์ เสาวณีย์หันไปเห็นก็ชะงัก
“เธอมาทำอะไร ?”
ศรุตาตอบยิ้มๆ “ทรายมาคุยกับน้องเรื่องบ้านน่ะค่ะ”
“อ๋อ แล้วทรายจะปรับเปลี่ยนอะไรในบ้านบ้างลูก ทรายอยากทำอะไร ทำเลยนะลูก พ่อไม่ว่า”
ศกรีบบอก เสาวณีย์แย้งทันควัน
“แต่ฉันไม่ต้องการให้มีอะไรเปลี่ยนแปลง อะไรที่มันเคยอยู่ตรงไหน มันก็ควรจะอยู่ของมันตรงนั้น”
ศรุตายิ้มเยาะ
“แหม ยุคสมัยมันเปลี่ยนไป รุ่นแม่ก็อย่างนึง รุ่นลูกมันต้องเปลี่ยนบ้าง แต่ไม่ต้องห่วงหรอกค่ะ ทรายไม่ทำอะไรมาก แค่ย้ายตำแหน่งบางอย่างเท่านั้นเอง”
เสาวณีย์คิดถึงแผนที่อยู่ในใจ จึงเปลี่ยนสีหน้าเป็นยิ้มแย้ม
“มันคงไม่ง่ายอย่างนั้นมั้ง”
“ค่ะ ไม่ง่าย แต่มันก็ไม่ยาก”
พลางเหลือบมองขึ้นไปข้างบน เหมือนมองฌานกับศรวณีย์ที่อยู่ชั้น 2
“ไม่นานหรอกค่ะพ่อ ใกล้จะสำเร็จแล้ว ทรายขอกลับบ้านนอนก่อนนะคะ”
ป้าทิศมองศรุตาที่กำลังเดินไปด้วยความตกใจ จากนั้นก็รีบเดินตามออกมาจากบ้านใหญ่
“คุณทรายคะ แล้วคุณฌานล่ะคะ คุณทรายไม่หาทางพาคุณฌาน ออกมาจากห้องคุณลูกศร ก่อนเหรอ ?”
ศรุตาแกล้งพูดหน้าเครียด “ทรายคิดหาทางอยู่ แต่ป้าทิศก็เห็นว่าอาเสาว์จ้องจับผิดทราย ขืน ทรายทำอะไรไป มีหวังอาเสาว์รู้ทันแน่”
“แล้วเราจะทำยังไงดีล่ะคะ ?”

ศรุตามองไปทางหน้าต่างห้องนอนศรวณีย์ด้วยสายตายิ้มสมใจกับแผนที่ตัวเองวางไว้

ฌานยืนชิดประตูเพื่อฟังเสียงว่าศรุตาคุยอะไรกับเสาวณีย์กับศกบ้าง ขณะที่ศรวณีย์ยืนเครียด กังวลอยู่อีกมุมหนึ่งของห้อง

“พี่ขอโทษนะศร รู้อย่างนี้ พี่ไม่น่าขึ้นมาเลย”
“ไม่เป็นไรค่ะ เดี๋ยวพี่ทรายคงหาทางให้พี่ฌานออกไปได้”
พลันเสียงเสาวณีย์เคาะประตู ก็ดังขึ้น
“ลูกศร นอนรึยังลูก ?”
ฌานมองหน้าศรวณีย์ ต่างคนต่างงตกใจ ฌานเอานิ้วจุ๊ปากส่งสัญญาณให้เงียบไว้ หญิงสาวพยักหน้าแล้วจะเดินไปที่เตียง แต่ด้วยความลนลาน ทำให้เดินไปชนโต๊ะหัวเตียง จนโคมไฟจะร่วงลงมา แต่ฌาน รีบวิ่งพุ่งไปจับได้ทัน พลางหันหน้ามามอง หน้าของเขากับหญิงสาวอยู่ใกล้กันนิดเดียว ศรวณีย์ตกใจอึ้งที่ตัวเอง อยู่ใกล้ฌานเกินไป พลางจะถอยหลังห่างจากฌาน แต่ลืมว่าตัวเองยืนชิดเตียงแล้ว ทำให้ถอยไปชนเตียง แล้วจะ ล้มลงบนเตียง ขณะที่เผลอไปคว้าเสื้อฌานไว้ด้วยสัญชาตญาน
ฌานล้มทับลูกศรบนเตียง ใบหน้าของทั้งคู่ชิดกัน ต่างคนต่างสบตากันอึ้งๆ
จังหวะนั้นเอง เสียงมือถือของฌานก็ดัง ชายหนุ่มได้สติ รีบยันตัวลุกขึ้น แล้วหยิบมือถือมากดรับ
ศรวณีย์เอง ก็รีบลุกจากเตียงไปยืนที่มุมห้องด้วยอาการตกใจ ตื่นเต้น หัวใจเต้นแรงอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน
ฌานเหลือบมองหญิงสาวด้วยความรู้สึกเก้อๆ ทำอะไรไม่ถูก มือไม้สั่น
“ฮัลโหล ทราย ตกลงผมจะออกไปได้รึยัง ? ”
หญิงสาวมองฌานเหมือนอยากรู้ว่าศรุตาพูดว่ายังไง
“คุณต้องแอบอยู่ในห้องศรจนกว่าอาเสาว์กับพ่อจะเข้านอน ฉันก็อยากทำอะไรมากกว่านี้ แต่ อาเสาว์คอยจับผิดฉันอยู่ ทำแบบนี้แหละ ปลอดภัยที่สุดแล้ว ดึกป่านนี้ ไม่นานอาเสาว์กับพ่อก็เข้านอน รออยู่ใน ห้องกับลูกศรอีกสักพักนะฌาน”
ศรุตาพูดด้วยน้ำเสียงกังวล แต่แววตายิ้ม
“แต่ผมว่า... “
ฌานจะปฏิเสธ แต่ศรุตากดวางสายไปแล้ว ศรวณีย์มองชายหนุ่มอย่างเข้าใจว่าอึดอัดที่ต้องอยู่ กับตัวเองตามลำพัง
“เอาอย่างนี้ไหมคะ เดี๋ยวศรนำทางให้พี่ฌานออกไปเอง”
“อย่าเลย พี่ไม่อยากให้ศรเดือดร้อนเพราะพี่ไปมากกว่านี้ เดี๋ยวพี่หาทางออกไปเองดีกว่า”
ฌานเดินไปเปิดหน้าต่างแล้วมองไปข้างล่าง พลางทำท่าจะปีนหน้าต่าง ศรวณีย์รีบดึงแขนไว้
“ศรว่าพี่ฌานนั่งรอคุณพ่อคุณแม่เข้านอนอย่างพี่ทรายบอกเถอะค่ะ อย่าปีนเลยนะคะ มัน อันตราย”
ฌานเห็นสายตาเป็นห่วงของศรวณีย์ ด้วยความรู้สึกหวั่นๆ จนต้องหลบตาลง พร้อมๆ กับเหลือบมองรอยช้ำม่วงที่หลังมือซ้ายของเธอ
“เจ็บมากไหมศร”
หญิงสาวส่ายหน้าและยิ้มให้ เพื่อไม่ให้อีกฝ่ายคิดมาก
“ไม่เป็นไรจริงๆค่ะ”
ศรวณีย์ใช้มือขวากำซ้อนมือซ้ายตรงที่ใส่แหวนหมั้น เพราะไม่อยากให้เห็นทั้งรอยแผล และแหวนหมั้น
“พี่ขอโทษแทนลิซ่าด้วยนะ”
ศรวณีย์หน้าสลด “ไม่เป็นไรหรอกค่ะ ศรเข้าใจ”
ฌานมองหญิงสาวที่มีท่าทางเพลียๆเพราะฤทธิ์ยา แต่พยายามฝืนไว้ พลางยิ้มอย่างเอ็นดู

ป้าทิศเดินมายืนข้างหลังศรุตาด้วยความกังวล
“ป่านนี้แล้ว คุณเสาว์กับคุณศกเข้านอนแล้วล่ะค่ะ เดี๋ยวป้าไปพาคุณฌานออกมาให้นะคะ”
พูดพลางจะเดินไป แต่ศรุตารีบพูดกันไว้
“ไฟห้องอาเสาว์ยังเปิดอยู่เลย รออีกแป๊บนึงเถอะค่ะ เดี๋ยวทรายไปรอรับฌานเอง ป้าทิศช่วยอุ่น นมหรือหาของว่างให้ทรายทานหน่อยได้ไหมคะ ตั้งแต่เย็น ทรายยังไม่ได้ทานอะไรเลย”
ป้าทิศมองไปทางบ้านใหญ่อย่างกังวล ก่อนจะตอบรับอย่างไม่ค่อยเต็มเสียงนัก แล้วเดินผละไป
ศรุตายืนกอดอกมองไปทางบ้านใหญ่คนเดียว พลันได้ยินเสียงคนเดิยมาด้านหลัง ก็หงุดหงิด เพราะคิดว่าป้าทิศมาเซ้าซี้อีก
“ทรายบอกแล้วไงคะว่าเดี๋ยวทราย..”
แต่พอหันไปเห็นบุรี ก็ชะงัก พลางพยายามทำเสียงให้เป็นปกติ
“คุณมาทำอะไรดึกดื่นป่านนี้คะ”
“ผมก็ไม่อยากมารบกวนคุณตอนดึกแบบนี้หรอก แต่เรื่องที่คุณทำวันนี้ ผมทิ้งไว้ไม่ได้”
ศรุตาแกล้งตีหน้าซื่อ “เรื่องอะไรคะ ? “
“คุณรู้ดีนะทราย ว่าวันนี้คุณทำอะไร ? เลิกยุ่งกับพัชระซะทราย”
“ทำไมฉันจะยุ่งกับเขาไม่ได้คะ ?” ศรุตาแกล้งย้อนถาม
“คุณก็รู้ว่าเขาเป็นว่าที่เจ้าบ่าวของน้องสาวคุณ ผมพอจะรู้ว่าคุณมีปัญหากับคุณเสาว์ แต่อย่าเอา
คนที่ไม่รู้เรื่องอย่างลูกศรและพัชระมาเป็นเครื่องมือของคุณ”
ศรุตาชะงักที่บุรีตามเกมของเธอทัน แต่ก็รีบปั้นหน้าซื่อ แล้วพูดยิ้มๆ กลับไป
“ฉันก็ไม่ได้เอาพัชระเป็นเครื่องมือนี่คะ บางทีที่ฉันทำ อาจเป็นเพราะฉันสนใจพัชระก็ได้”
“ผมไม่เชื่อ”
“ทำไมล่ะคะ ถึงพัชระจะเด็ก แต่ก็หน้าตาดี ชาติตระกูลดี”
บุรีเสียงเข้ม “แต่คุณมีฌานแล้ว”
“ฉันกับฌานไม่ได้มีอะไรผูกมัดกัน แปลว่าฉันมีสิทธิ์คบกับใครก็ได้”
บุรีฟังแล้วรู้สึกโกรธอย่างบอกไม่ถูก จนเผลอดึงแขนศรุตา อย่างตั้งใจให้เธอมีสติ
“ทำไมคุณถึงทำตัวแบบนี้ คุณเคยคิดบ้างไหมว่าคนที่รักและห่วงคุณเขาจะรู้สึกยังไง”
ศรุตาจ้องสบตาเหมือนค้นความหมายที่ซ่อนลึกในใจบุรี
“คนที่คุณพูดถึง หมายถึงฌาน หรือตัวคุณคะ บุรี?”

บุรีชะงักว่าตัวเองกำลังเผลอแสดงออกมากไปแล้ว

ฌานเงยหน้าจะพูดกับศรวณีย์ แต่เธอนอนหลับคาเก้าอี้ไปแล้ว

“โถ เด็กน้อย”
ฌานลุกขึ้น แล้วค่อยๆเดินไปหา พลางแตะแขนปลุกหญิงสาวเบาๆ แต่ศรวณีย์ยังนอนนิ่ง ฌาน ตัดสินใจค่อยๆอุ้มร่างขึ้น แล้วพาไปนอนบนเตียง จากนั้นก็ห่มผ้าให้เรียบร้อย
ฌานเหลือบมองรอยช้ำบนมือของเธออย่างรู้สึกผิด จากนั้นก็เดินไปหยิบตลับยานวดมาทาให้ เบาๆ แต่พอเห็นแหวนหมั้นที่นิ้วก็ชะงัก รู้สึกเจ็บแปลกๆ ขึ้นมาอย่างไม่รู้ตัว จากนั้นก็ค่อยๆเดินออกจากห้องไป เงียบๆ
ศรวณีย์ลืมตาขึ้นมา พลางยกมือซ้ายที่ฌานเพิ่งทายาให้มามอง แล้วเอามือขวาประคองมือซ้าย เหมือนประคองความอบอุ่นจากฌานไว้
จากนั้นก็มองแหวนหมั้นบนนิ้วตัวเอง ด้วยความรู้สึกเจ็บปวด ก่อนที่จะกำแหวนหมั้นแน่น เหมือน ตั้งใจจะตอกย้ำตัวเอง ไม่ให้คิดหวั่นไหวไปมากกว่านี้

บุรีเดินหนีลงบันไดระเบียงหน้าบ้าน ศรุตาเดินตามมาด้วยสีหน้าสนุก เหมือนผู้ชนะที่จับผิดคนได้
“จะรีบไปไหนล่ะบุรี ?”
“ผมคุยธุระกับคุณจบแล้ว ผมขอตัว”
ศรุตารีบเดินมาขวางหน้า แล้วมองบุรีด้วยสายตายิ้มๆ
“แต่ฉันยังคุยไม่จบ คุณยังไม่ตอบคำถามฉันเลยนะ บุรี”
ศรุตาจ้องหน้าบุรี ฝ่ายหลังจ้องตอบ โดยพยายามบังคับตัวเองให้อยู่ในอาการนิ่งเฉยที่สุด ฌาน เดินเข้ามาพอดี บุรีเห็นฌานมาก็ชะงัก
ศรุตากลัวบุรีจะรู้ว่าฌานเพิ่งมาจากห้องศรวณีย์ จึงรีบชิงพูดกับฌานก่อน
“คุยกับพ่อเสร็จแล้วเหรอคะฌาน”
ฌานมองศรุตาอย่างงงๆ หญิงสาวรีบส่งสัญญาณ โดยการเหลือบไปทางบุรี ให้ฌานรู้ว่าเธอกำลังโกหกบุรีอยู่
“จ้ะ เสร็จแล้ว ผมกลับเลยนะทราย แล้วแก ...”
บุรีรีบพูด “ฉันคุยธุระกับทรายเสร็จแล้ว กลับด้วยกันเลย”
“งั้นแกไปส่งฉันที เพราะตอนมานี่ ฉันนั่งเรือมากับทราย ผมไปนะ”
บุรีเห็นฌานจูบแก้มศรุตา ก็พยายามนิ่ง เก็บความรู้สึกหวั่นไหวไว้
ฌานเดินนำบุรีไปทางหน้าบ้านที่จอดรถ ศรุตาอยากแกล้งบุรี จึงรีบตะโกนทิ้งท้าย
“คุณยังไม่ตอบคำถามฉันเลยนะคะ บุรี”
ฌานหันมามองอย่างสงสัย “อ้าว ตกลงยังคุยกันไม่จบเหรอ”
“จบแล้ว ไปเถอะ”
บุรีรีบดึงแขนฌานให้เดินไป เพราะเกรงว่าศรุตาจะพูดอะไรอีก

ฌานเดินตามบุรีมาที่หน้าบ้านใหญ่ พลางพยายามที่จะไม่คิด แต่ที่สุดก็อดถามไม่ได้
“ทรายเขาถามอะไรแก?”
บุรีชะงัก “เรื่องเฟอร์นิเจอร์ที่จะมาจัดบ้านให้พัชระกับลูกศรน่ะ”
“อ๋อ แกมาหาทรายเวลานี้บ่อยเหรอ ?”
“เปล่า แกกำลังคิดมากอยู่ใช่ไหมฌาน”
ฌานส่ายหน้า “ขอโทษทีว่ะ.บางทีเพราะช่วงนี้ฉันไม่ค่อยได้อยู่ใกล้ทราย อะไรๆมันเลยทำให้ฉัน สับสน”
พูดพลางเหลือบมองไปทางห้องนอนของศรวณีย์
“นี่คือสิ่งที่ฉันอยากจะบอกแก พักนี้แกเอาแต่ยุ่งเรื่องงาน แกควรหาเวลาอยู่กับทรายบ้าง ให้เขารู้ ว่าเขาคือคนสำคัญสำหรับแกเสมอ ส่วนเรื่องงาน ฉันดูแลให้แกเอง”
ฌานฟังเรื่องงาน แล้วคิดถึงเรื่องลิซ่า
“แต่ฉันว่า ฉันยังปล่อยงานตอนนี้ไม่ได้ว่ะ มันกำลังมีตัวปัญหาเข้ามา”
บุรีมองฌานอย่างสงสัย

ลิซ่าใส่ชุดคลุมอาบน้ำนั่งทายาที่รอยเขียวบนมือ พร้อมกับคุยมือถือกับอลันด้วยสีหน้าเซ็งๆ
“ฉันกลับมาที่โรงแรมแล้ว หยุดโทรเช็คฉันทุก 5 นาทีได้ไหมอลัน อยากให้แผนของลุงเขยคุณแตก รึไง คุณรู้ไหม กว่าฉันจะทำให้ชาร์ลส์เชื่อว่า คุณพาลโกรธเขาที่ขึ้นแท่นเป็นที่รักของนอร์แมน จนคุณมาลงที่ฉัน ไล่ฉันมา มันไม่ใช่เรื่องง่ายนะ”
“ฉันรู้ แต่ที่ฉันโทร. เพราะฉันกลัวเธอจะลืมไง ว่าแผนของลุงเขยแค่ให้เธอหลอกไอ้ชาร์ลส์ไปที่อื่น ในช่วงปลายอาทิตย์นี้ ก่อนโครงการคอนโดฯมันจะลงเสาเข็ม ฉันจะได้ไปคุมงานแทน ไม่ใช่ให้เธอไปนอนกับมัน”
ลิซ่ามองรอยเขียวบนมืออย่างเจ็บใจ
“คุณไม่ต้องห่วงเรื่องนั้นหรอก เพราะชาร์ลส์มีหมาเฝ้าอยู่”
อลันฟังลิซ่าพูดแล้วหัวเราะ
“ฉันลืมไปว่าไอ้ชาร์ลส์มันมีแฟนใหม่แล้ว แล้วมันก็หลงคนนี้มากซะด้วย โอเค สบายใจแล้ว งั้นเธอ ก็รีบทำตามแผนให้เสร็จเร็วๆ ฉันจะได้เหยียบหน้าไอ้ชาร์ลส์สักที”
ลิซ่ากดวางสายแล้วเขวี้ยงมือถือลงเตียงอย่างหงุดหงิด
“ฉันไม่ยอมปล่อยชาร์ลส์ให้ใครง่ายๆหรอก”

ศรวณีย์นอนไม่หลับ พลางมองไปที่เก้าอี้ตัวที่ฌานนั่ง
ฌานกำลังก้มเก็บต้นพลูทองที่แตกที่พื้น พลางพยายามปัดความคิดถึงศรวณีย์ออก พร้อมกับ คิดถึงสิ่งที่ตัวเองพูดกับบุรีมาย้ำเตือนตัวเอง

บุรีนั่งคิดถึงสิ่งที่ตัวเองบอกฌาน แล้วมองกล่องที่ใส่จดหมายของศรุตา จากนั้นก็เปิดฝากล่อง แล้วหยิบจดหมายมาเปิดอ่าน
 
อ่านต่อหน้า 4

ทรายสีเพลิง ตอนที่ 8 (ต่อ)

เด็กหญิงศรุตาในวัย 8 ขวบ กำลังนั่งเขียนจดหมายอยู่บนโต๊ะหนังสือ โดยมีกล่องใส่จดหมาย วางอยู่ข้างๆ มีจดหมายที่เขียนแล้วอยู่ในกล่องหลายฉบับ
 
เด็กหญิงเขียนจดหมายพร้อมกับพูดออกเสียงข้อความที่เขียนไปด้วย
“ทรายมาอยู่ที่นี่ 2 อาทิตย์แล้ว แม่กับทรายคิดถึงอาหารไทย อยากกินพะแนงปลากรายยัดไส้ ไข่เค็มที่คุณยายพี่บีทำเลี้ยงส่งเราคืนนั้น ทุกคนที่นี่ใจดีค่ะ คงเป็นเพราะทุกคนรู้ว่าทรายเป็นลูกแดดดี้ เขาถึงดี กับ ทราย แม่บอกว่าทรายคิดมาก ที่ทุกคนชอบทรายเพราะทรายน่ารัก”
เด็กหญิงเขียนถึงตรงนี้แล้วชะงัก ปมคำถามที่ค้างในใจเรื่องความรักของย่า ทำให้เธอรู้สึกเจ็บ
“ถ้าทรายน่ารักจริง ทำไมคุณย่ากับพ่อถึงไม่ใจดีกับทรายเหมือนคนที่นี่ล่ะคะ”

ศรุตาชวนบุรีมาชมภาพยนตร์ โดยหาเหตุว่าเพื่อหาแรงบันดาลใจในการตกแต่งเรือนหอ ระหว่างนั้นหญิงสาวก็ถามย้ำเรื่องที่รอคำตอบอยู่
“คนที่คุณพูดถึง หมายถึงฌาน หรือตัวคุณคะ บุรี?”
บุรีมองศรุตาอย่างไม่พอใจ
“อย่าเล่นเกมแบบนี้กับผมนะทราย ทำอะไร คิดถึงฌานบ้าง ถ้าคุณมีเวลาดูหนัง ทำไมคุณไม่ไป ดูแลฌาน คุณก็รู้ว่าฌานไม่สบาย”
ศรุตามองบุรียิ้มๆ “เรื่องนั้นคุณไม่ต้องห่วงหรอก ฉันจัดการทุกอย่างให้ฌานเรียบร้อยแล้ว”

ศรวณีย์ประคองชามข้าวต้มมาวางที่โต๊ะข้างๆ โซฟา พร้อมกับเอาน้ำและยามาวางให้ฌาน จากนั้นก็นั่งลงกับพื้นข้างๆ มองฌานที่หลับอยู่ แล้วเหลือบมองไปทางต้นพลูทองที่เขาโกยดินมาใส่โถแก้วชั่วคราวแทนกระถาง ที่ลิซ่าทำแตก แล้วมองมือซ้ายตัวเองที่เมื่อคืนฌานทายาให้ แล้วรำพึงกับตัวเองเบาๆ
“เขาทำตามหน้าที่เท่านั้น อย่าคิดอะไรอีก”
พลางก้มมองแหวนหมั้นที่นิ้วตัวเอง แล้วถอนใจ “นี่ต่างหากที่เราควรคิดถึง”
ครู่หนึ่งเสียงฌานละเมอถึงศรุตาก็ดังขึ้นมา ศรวณีย์มองด้วยความเจ็บปวดหัวใจเมื่อเห็นว่าฌานเอามือกอดอกเหมือนหนาว เธอจึงค่อยๆลุกไปหยิบผ้าห่มที่ร่นไปที่ขาขึ้นมาห่มให้ใหม่ ทันใดนั้นฌานเอื้อมแขนไปกอด เพราะคิดว่าศรุตาเป็นคนเอาผ้ามาห่มให้
“ทราย”
หญิงสาวตกใจ รีบพูด “ศรเองค่ะพี่ฌาน”
ฌานได้ยินเสียงก็ชะงัก ลืมตาตื่นขึ้นมา ทั้งคู่สบตากันอึ้งๆ
ฌานรีบปล่อยศรวณีย์ออกจากอ้อมกอดตัวเอง
“พี่ขอโทษ พี่กินยาแล้วพี่มึนๆ มันเบลอๆคิดว่าทรายอยู่ที่นี่”
“ไม่เป็นไรค่ะ”
หญิงสาวก้มหน้านิ่งไม่กล้าสบตาฌาน เขาเองก็มองเธอด้วยความรู้สึกอึดอัดเหมือนกัน
“เอ่อ แล้วทรายไปไหน ?”
“พี่ทรายบอกว่ามีธุระค่ะ เลยให้ศรมาเฝ้าพี่ฌานแทน พี่ฌานป่วยเพราะติดศรแน่ๆ ศรขอโทษนะคะ”
ฌานมองศรวณีย์ที่ก้มหน้าเหมือนรู้สึกผิด ด้วยความรู้สึกเอ็นดูกับความคิดซื่อๆของเธอ พลางเอื้อมมือไปลูบผมเบาๆ เหมือนพี่ชายหยอกแกล้งน้องสาว
“คิดมากน่า”
หญิงสาวชะงัก รู้สึกถึงความอบอุ่นอย่างบอกไม่ถูก หวั่นไหวจนต้องเอียงหัวหลบ
ฌานชะงัก แล้วเสมองชามข้าวต้ม “ศรทำใช่ไหม ?”
“ค่ะ พี่ฌานทานข้าวต้ม แล้วจะได้ทานยา เห็นพี่ทรายบอกว่าพี่ไม่ยอมไปหาหมอ ศรเลยซื้อยาตาม อาการมาให้”
ฌานขยับลุกขึ้นนั่ง แต่ยังมึนๆหัว
“ศรช่วยค่ะ”
ศรวณีย์เอื้อมไปหยิบหมอนมาหนุนหลังให้ แล้วเดินเข้าครัวไปหยิบพริกไทยมาใส่ข้าวต้ม ฌานมองความใส่ใจของหญิงสาว ที่ทำให้กับตัวเองแล้วถอนหายใจ
“ทำไมถึงไม่เป็นคุณ ทราย”

“ถ้าคุณอึดอัดมาก คุณก็ไปเถอะ ฉันไม่บังคับคุณแล้ว แต่ฉันก็อยากให้คุณรู้ว่า ฉันไม่ได้เล่นเกมอะไร กับคุณทั้งนั้น แต่แค่บางเวลาฉันเจออะไรหนักๆ ฉันต้องการพักผ่อนบ้างเท่านั้นเอง”
ศรุตาพูดจบก็ลุกขึ้นเดินห่างออกไปยืนดูโปสเตอร์หนังที่ติดตามผนัง เหมือนบอกว่าไม่สนใจบุรี
ชายหนุ่มมองตามแล้วตัดสินใจเดินไป ศรุตาหันมองตาม แล้วบ่นอย่างหงุดหงิด
“ไปจริงๆเหรอเนี่ย ?”
บุรีเดินผ่านลิซ่าที่ยืนแอบดูอยู่

ฌานมองศรวณีย์ที่ตั้งใจคว้านเม็ดเงาะให้ตัวเอง แล้วนึกถึงภาพตัวเองในอดีต

สมัยที่เด็กชายฉานอายุ 14 ปี วันนั้น แม่กำลังนั่งคว้านเม็ดเงาะที่ตั่ง เด็กชายนั่งแกะเปลือกเงาะให้ พ่อนั่งหยิบเงาะใส่ปากเอร็ดอร่อย แล้วพูดว่า

“ถ้าแม่ไม่คว้านเม็ดให้พ่อ แปลว่าแม่ไม่รักพ่อแล้ว”
“เกี่ยวอะไรด้วยน่ะครับพ่อ”
“เกี่ยวสิ เพราะผู้หญิงทำให้เราขนาดนี้ก็แปลว่าผู้หญิงรัก ถ้าไม่รัก เขาไม่นั่งคว้านให้เราแบบนี้หรอก จริงไหมจ๊ะแม่”

พลันเสียงมือถือ ก็ปลุกเขาให้ตื่นจากภวังค์ ฌานหยิบมาดูหน้าจอ แล้วทำหน้าเซ็ง
“มีอะไรลิซ่า ?”
“เหงาไหมชาร์ลส์ ?”
“ถ้าคุณไม่มีอะไรพูด ผมจะได้วาง” ฌานตอบกลับไปอย่างหงุดหงิด
“ฉันก็แค่เป็นห่วงคุณ ผู้หญิงของคุณไม่อยู่ไม่ใช่เหรอ ? คุณนี่มัน LUCKY IN GAME แต่ UNLUCKY IN LOVE นะ อุตส่าห์อวดว่าผู้หญิงคนนั้น ไม่มีวันหลอกคุณ แต่สิ่งที่ฉันเห็น มันไม่ใช่เลย”
“นี่ลิซ่า ไม่ว่าคุณจะพูดยังไง ผมไว้ใจทราย”
ศรวณีย์ฟังฌานพูด แล้วก้มหน้า อย่างเก็บความรู้สึกเจ็บที่รู้ว่าฌานมีใจให้กับพี่สาวของตนเอง
“ฉันก็อยากรู้ว่าคุณยังไว้ใจอยู่ไหม ถ้าคุณรู้ว่าแม่ทรายของคุณส่งน้องสาวไปปรนนิบัติคุณเพื่อถ่วง เวลามาดูหนังกับเพื่อนรักคุณ ฮัลโหลชาร์ลส์”
ลิซ่ามองมือถือที่ฌานกดวางสายกระทันหันอย่างหงุดหงิด
“ถึงคุณไม่ฟังฉัน แต่คุณก็หนีความจริงไม่ได้หรอกชาร์ลส์”

ศรวณีย์เดินถือแก้วน้ำส้มมายื่นให้ แต่ฌานปฏิเสธ เพราะคิดว่าตัวเองต้องตัดไฟตั้งแต่ต้นลม
“พี่ไม่ชอบดื่มน้ำส้ม ศรกลับบ้านไปเถอะ พี่อยู่รอทรายได้”
ฌานเดินผ่านหน้าหญิงสาว แล้วกดมือถือโทร. หาศรุตา พร้อมกับเดินเข้าห้องนอนไป
ศรวณีย์รู้สึกเจ็บในหัวใจ ที่โดนฌานออกปาก “ไล่”
“นั่นสินะ คนที่พี่ฌานต้องการ คือพี่ทราย”

ฌานยืนมองที่หน้าต่าง ได้ยินเสียงศรวณีย์ปิดประตู ก็พยายามไม่สนใจ พลางพยายามกดมือถือ แต่ศรุตาไม่รับสาย
“ช่วยรับหน่อยเถอะทราย ช่วยอยู่ในเวลาที่ผมต้องการคุณ”

ศรุตาเดินหาบุรี โดยไม่ได้ยินเสียงมือถือ จากนั้นก็เหลือบมองเข้าไปร้านเสื้อผ้าผู้หญิง เห็นบุรีกำลัง คุยกับพนักงานให้ช่วยเลือกเสื้อแขนยาวกันหนาวบางๆ แบบคาร์ดิแกน โดยไม่เห็นว่าเธอยืนอยู่หน้าร้าน
“เอาเสื้อแบบที่ผู้หญิงสไตล์เก๋ๆใส่น่ะครับ แต่ไม่เอาสีวัยรุ่นมาก ขอสีที่ดูแล้วคนแก่ใส่ได้”
พนักงานเลือกเสื้อคาร์ดิแกนไหมพรมสีขาวให้บุรี
“เอาตัวนี้ก็ได้ครับ”
บุรีมองนาฬิกาว่าจะทันเวลาหนังเริ่มฉายไหม แล้วมองไปทางหน้าร้าน เห็นศรุตยืนกอดอกมองอยู่

บุรีเดินถือถุงใส่เสื้อออกมาแล้วปั้นหน้านิ่ง
“ฉันนึกว่าคุณจะกลับไปแล้วเสียอีก”
บุรีรีบแก้ตัว “พอดีผมนึกได้ว่าแม่ฝากซื้อเสื้อ”
“อ๋อ เพิ่งรู้ว่าแม่คุณมีสไตล์แต่งตัวเก๋ๆ”
บุรีชะงักที่เธอได้ยินที่ตัวเองพูดกับพนักงาน “ผมว่ารีบไปดีกว่า เดี๋ยวดูหนังช้านะ ?”
“พูดแบบนี้ แปลว่าคุณอยากดูหนังแล้ว”
บุรีไม่อยากพูดต่อ รีบเดินนำหน้าศรุตาไป พัชระแอบมองทั้งคู่อยู่อีกมุมหนึ่ง

ศรุตามองที่ถุงใส่เสื้อคาร์ดิแกนที่บุรีเพิ่งซื้อมา
“ฉันชอบสีนั้นนะ”
“คุณพูดว่ายังไงนะ ?”
“ฉันบอกว่าฉันชอบสีเสื้อที่คุณซื้อ เผื่อคุณอยากรู้”
บุรีชะงัก พยายามเก็บอาการไม่ให้รู้ว่าใจจริงเขาแอบซื้อให้ เพราะเห็นเธอหนาว
เสียงมือถือของศรุตาดังขึ้นมา เธอหยิบจากกระเป๋ามาดู พอเห็นหน้าจอเป็นชื่อ “พัชระ” ก็กดสายทิ้ง
พัชระมองตามอย่างไม่พอใจ
บุรีรู้ว่าเป็นพัชระที่โทร. มา จึงคิดถึงวิธีหยุดศรุตาที่จะแยกพัชระจากศรวณีย์
“วันมะรืนนี้คุณว่างรึเปล่า ? กลุ่มสมาคมสถาปัตย์ที่พวกรุ่นพี่ผมจัดตั้งขึ้น เขาจัดงานสัมนาเกี่ยวกับ สถาปัตยกรรมเอื้อธรรมชาติ เป็นการเอาธรรมชาติมาใช้ออกแบบ เราจะสัมนาบนเรือจบทริปที่ภูเก็ต คุณสนใจไป ด้วยไหม”
ยังไม่ทันที่ศรุตาจะตอบ ฌานก็โทร. เข้ามาพอดี
“ว่าไงฌาน”
บุรีได้ยินชื่อฌานแล้วชะงัก
“โอเค ฉันจะไปหาคุณเดี๋ยวนี้”
ศรุตาวางสาย แล้วมองไปทางบุรี “ฉันไปหาฌานก่อนนะ “
“มันคือสิ่งที่คุณควรทำตั้งนานแล้ว”
“คุณจะไปด้วยกันไหม ?”
บุรีส่ายหน้ายิ้มๆ “ฌานมีคุณดูแลแล้ว ผมก็ไม่จำเป็นต้องไป ผมไปล่ะ”
บุรีกำถุงเสื้อที่ตั้งใจจะซื้อให้ศรุตาแน่น พร้อมกับเตือนสติว่าเธอเป็นผู้หญิงที่ฌานรัก เขาห้ามหวั่นใจ อีก
ศรุตามองตาม ด้วยความรู้สึกแปลกๆ ว่าทำไมตัวเองไม่อยากให้บุรีเดินจากไป พอหันเดินไปอีกทาง ก็เหลือบเห็นพัชระ ที่จงใจยืนจ้องให้รู้ว่าเขาเห็นทุกอย่างแล้ว

“อุตส่าห์มาเห็นขนาดนี้ ทำอะไรหน่อยสิพัชระ เวลามันเหลือไม่มากแล้ว อย่าให้ฉันผิดหวัง”

พัชระมารอยืนดักรอที่ลานจอดรถ ครู่หนึ่งบุรีก็เดินมา

“พัช”
พัชระมองบุรีนิ่งๆ “ผมจำได้ว่าพี่บอกคุยงานกับลูกค้าที่สาทรไม่ใช่เหรอครับ ?”
“พี่คุยเสร็จแล้ว เลยแวะมาดูของแต่งบ้าน”
“สงสัยของที่นี่จะสวยมากนะครับ พี่บุรีถึงได้มาดูบ่อย แต่ก็เรื่องธรรมดาของสวยๆ ใครก็อดหลง ไม่ได้”
บุรีนึกรู้ว่าพัชระคงเห็นตัวเองอยู่กับศรุตาแล้ว
“ใช่ ของสวยๆ ไม่มีใครไม่หลง หลายครั้งที่ลูกค้าให้เราเลือกเฟอร์นิเจอร์เพราะความสวย แต่ถ้าไม่ เหมาะสม เราก็มีเหตุผลพอที่จะห้าม”
“แต่พี่บุรีเคยสอนผม เรื่องของอารมณ์ มันไม่สามารถใช้หลักเกณฑ์หรือเหตุผลมาค้านได้ เพราะ เรื่องของอารมณ์ บางครั้งมันอยู่เหตุผลทุกอย่าง ตอนแรกผมไม่เข้าใจ แต่ตอนนี้ผมเห็นแล้วครับว่ามันเป็นยังไง”
บุรีอ้าปากจะอธิบาย แต่พัชระรีบพูดแทรกขึ้นมาก่อน “ผมไปก่อนนะครับ”
แต่ไม่วาย หันมาพูดทิ้งท้าย
“ผมได้ข่าวว่าพี่ฌานไม่สบาย พี่บุรีน่าจะเยี่ยมพี่ฌานนะครับ เผื่อพี่ฌานเหงา อยากได้เพื่อนคุย อย่างน้อยคงอยากรู้ว่าวันนี้เพื่อนทำอะไรบ้าง”
บุรีถึงกับอึ้ง

พัชระเดินหงุดหงิดไปที่รถ ลิซ่ารีบเดินมาขวาง
“ฉันว่าการที่ผู้ชายรุมรักนังทรายก็ดีเหมือนกันนะ”
“คุณหมายความว่ายังไง”
“ชาร์ลส์กับบุรีสนิทกันมาก ทำงานกันก็เหมือนแขนขาให้กัน ถ้าทำสองคนนี้แตกกันได้ งานเราก็ง่าย ขึ้น ชาร์ลส์มีปมกลัวการโดนหักหลังที่สุด เราก็แค่เปิดโอกาสให้นังทรายอยู่กับบุรีมากขึ้น แล้วก็ให้ชาร์ลส์มาเจอ ทีนี้ ชาร์ลส์ก็จะเกลียดทั้งบุรี ทั้งนังทราย ถึงตอนนั้น ฉันก็เข้าหาชาร์ลส์”
พัชระยิ้มเยาะอย่างรู้ทัน “ผมว่า แผนคุณมันช่วยคุณได้พี่ชาร์ลส์มากกว่าได้งานนะ ผมมีวิธีที่ดี กว่านั้น โดยที่ไม่จำเป็นต้องให้ใครมายุ่งกับทรายของผม”
พูดจบ พัชระก็เดินออกไปทันที ลิซ่ามองตามอย่างหงุดหงิด

พัชระเข้ามาในรถตัวเอง แล้วรีบกดมือถือหาอลัน
“ผมมีข่าวจะบอกคุณ”

นอร์แมนยืนฟังอลันรายงานข่าวที่พัชระโทร. มาบอกอย่างสนใจ
“พัชระบอกว่าอีก 3 วันไอ้บุรีจะไปสัมมนาครับ ถ้าเราจะเข้าเอาโครงการมัน เราน่าจะดึงไอ้ชาร์ลส์ ไปที่อื่นพร้อมไอ้บุรี พอไม่มีทั้งไอ้บุรี ไอ้ชาร์ลส์โครงการมันก็เสร็จผม”
“ก็ให้ลิซ่าล่อชาร์ลส์ไปสิ”
“เปลี่ยนคนล่อได้ไหมครับคุณลุง”
นอร์แมนมองอลันอย่างระอา “ถ้าแกเด็ดขาดได้สักครึ่งนึงของชาร์ลส์ แกคงเจริญกว่านี้แล้ว”
“ที่ผมเสนอให้คนอื่นล่อ เพราะเมื่อคืนลิซ่าโทร. บอกผมว่าแฟนไอ้ชาร์ลส์อยู่ด้วยตลอดเวลา ลิซ่าเข้า ถึงไอ้ชาร์ลส์ยาก”
นอร์แมนยิ้มหยัน “ไหนอวดนักอวดหนาว่าเอาไอ้ชาร์ลส์อยู่ไง ดีแต่ปากทั้งผัวทั้งเมีย ความจริงให้ ลิซ่าหลอกชาร์ลส์ มันยังไม่ค่อยเจ็บเท่าไร ให้อีกคนทำดีกว่า”
นอร์แมนคิดถึงแผนตัวเองแล้วยิ้มสะใจ

ฌานคุยมือถือกับแอนน์ด้วยสีหน้าตื่นเต้น
“แม่จะมาเมืองไทยเหรอครับ ?”
“ชาร์ลส์ทำงานเหนื่อยก็เพื่อแม่ แม่อยากฉลองวันเกิดให้ชาร์ลส์ วันมะรืนนี้เราไปเจอกันที่ภูเก็ต ที่ที่ชาร์ลส์ชอบดีไหมลูก ?”
แอนน์ตอบกลับมาอย่างไม่ค่อยเต็มใจนัก
“ไปสิครับแม่ ดีเลย แม่จะได้เป็นพยานคนสำคัญให้ผม”
ฌานมองออกไปทางหน้าต่าง สายตามุ่งมั่นเหมือนว่าตัดสินใจดีแล้ว
“ผมจะขอทรายแต่งงานอย่างจริงจังในวันเกิดผมครับ”

ศรวณีย์นั่งหน้าเศร้าเพราะคิดถึงฌานอยู่ที่หน้าบ้านริมน้ำ ป้าทิศเดินมาเห็น ก็ ถามอย่างแปลกใจ
“คุณลูกศร มาตั้งแต่เมื่อไหร่คะ ? แล้วมานั่งทำอะไรตรงนี้”
“ศรมารอพี่ทรายน่ะค่ะ พี่ทรายกลับมารึยังคะป้าทิศ”
“ยังค่ะ คุณลูกศรมีอะไรกับคุณทรายรึเปล่าคะ”
หญิงสาวลังเลว่าบอกดีไหม สุดท้ายตัดสินใจ “ไม่มีอะไรค่ะ”
ป้าทิศเดินผละไป แต่ก็อดเป็นห่วงไม่ได้ จึงเดินย้อนกลับมา
“มีอะไร คุยกับป้าทิศได้นะคะ”
หญิงสาวมองผู้สูงวัยด้วยสายตาสับสน
“ไม่รู้เป็นเพราะโชคชะตาชอบเล่นตลก หรือเพราะกิเลสในตัวมนุษย์ ที่มักทำให้อยากได้ในสิ่งที่ ไม่มีทางได้นะคะป้าทิศ”

หญิงสูงวัยมองศรวณีย์อย่างสงสัย ว่ากำลังพูดถึงอะไร ?
 
อ่านต่อตอนที่ 9
กำลังโหลดความคิดเห็น