สามใบไม่เถา ตอนที่ 3
พงษ์ชัยกำลังรอการมาของอุรวสาในวันเดินทางไปเกาะช้าง อนุวัติรายงานความคืบหน้ากับพงษ์ชัย
"รีสอร์ตที่เกาะช้างเตรียมทุกอย่างไว้พร้อม คืนนี้คุณอุรวสาจะเข้าพักในวิลล่า วีไอพีสวีตในบรรยากาศที่ดีที่สุด"
พงษ์ชัยยิ้มพอใจ
"บรรยากาศที่ดี...อาจทำให้เกิดอะไรๆ ง่ายขึ้น"
อนุวัติมองเห็น
"พูดถึงก็มาพอดี ผมจะไปเตรียมทุกอย่างตามที่นายสั่งไว้"
อุรวสาในชุดลำลองทะมัดทะแมงดูดีเดินเข้ามาพร้อมกระเป๋าเดินทาง
"ขอโทษที่เลท รถติดมากค่ะ"
อนุวัติเดินเข้ามา พร้อมกับเอาช่อกุหลาบสีแดงมาให้พงษ์ชัย
พงษ์ชัยรับกุหลาบมา แล้วยื่นให้อุรวสา
"ยินดีที่ได้ร่วมงานกันครับ"
อนุวัติเสริม
"คุณพงษ์ชัยไม่เคยทำอย่างนี้กับใครเลยนะครับ"
"ขอบคุณค่ะ"
เธอรับดอกกุหลาบมาพร้อมกับยิ้มตามมารยาท ไม่แสดงออกแม้แต่น้อยว่าสนใจพงษ์ชัย
"ไปกันเลยดีกว่า...จะได้ไม่ถึงบ่ายเกินไป"
"รอเพื่อนวสาแป๊บนึงนะคะ เค้าเอารถไปจอด"
"เพื่อน"
"จะให้วสาไปคนเดียว...คงไม่เหมาะมังคะ"
แสงฉานเดินเข้ามา ยิ้มให้ทั้งพงษ์ชัยและอนุวัติ จีบปากจีบคอ ทำตัวเป็นเกย์สุดฤทธิ์
"มาแล้วจ้ะ ไม่ช้าเกินไปใช่มั้ยจ๊ะวสา ... สวัสดีครับ"
"แสงฉาน...เพื่อนวสาเองค่ะ"
ทั้งคู่มองหน้ากัน ไม่ค่อยสบอารมณ์ที่แสงฉานไปด้วย
"ไม่มีดอกไม้ให้แสงบ้างเหรอฮะหน้าวัวซักดอกก็ยังดี"
แสงฉานแสดงจริตเกย์ ขณะที่พงษ์ชัยกับอนุวัติดูไม่ค่อยเชื่อถือนัก
บนดาดฟ้าเรือเฟอร์รี่ข้ามฟากไปเกาะช้าง อุรวสายืนคู่กับแสงฉาน แสดงท่าทางเหมือนเป็นเพื่อนสาวกัน ยิ้มหัวเราะกันไปมา เพราะรู้ว่าพงษ์ชัยกับอนุวัติแอบมองอยู่ไกลๆ
แสงฉานทำเป็นหยิบช่อดอกกุหลาบของอุรวสาขึ้นมาดู ทำท่าเหมือนเกย์...แต่คำพูดและน้ำเสียงเป็นแมนจริงๆ
แสงฉานพูดขำๆ
"นี่ถ้าเป็นตำรวจตรวจจับชายชู้ ผมจับหมอนั่นเข้าคุกได้เลยนะ ฐานทำความผิดซึ่งหน้า...จีบภรรยาต่อหน้าสามี"
อุรวสายิ้มๆ
"คุณเพื่อนสาว...กรุณารักษาอาการหน่อย ใครเป็นภรรยาคุณคะ"
แสงฉานกระซิบบอก
"ถ้าไม่ติดว่าโดนแอบดูอยู่ พ่อจะจูบซะบนดาดฟ้านี่เลย"
"อ๊ะๆ อย่านะ เค้ากำลังเชื่อว่าคุณเป็นเกย์"
"ที่รักจ๋า.. ตั้งแต่แต่งงานคุณก็ทำแต่งาน เรายังไม่ได้ฮันนีมูนเลย ไหน ๆ เราก็มาทะเลแล้ว มาทำให้เป็นทริปฮันนีมูนสวีทนะจ๊ะ"
"วสามาทำงานนะคะ"
"ไม่ได้ทำงานทั้งวันทั้งคืนซะหน่อย...เราฮันนีมูนกันหลังคุณเลิกงานก็ได้ นะจ๊ะที่ร้าก" แสงฉานลากเสียง อ้อนสุด ๆ
ทั้งสองคนหัวเราะกัน แต่ยังพยายามสงวนท่าทีไม่ให้จับได้ว่าเป็นคู่รักกัน
พงษ์ชัยกับอนุวัติกำลังยืนมองแสงฉานกับอุรวสาอยู่ ทั้งสองสงสัยในพฤติกรรมของแสงฉาน
อนุวัติบอก
"นายแสงฉานนั่นแปลก ๆ นะครับ บางทีดูเหมือนผู้ชาย...บางทีตุ้งติ้งเหมือนผู้หญิง มันเป็นเกย์จริงเหรอครับ"
"จะเป็นผู้หญิงหรือผู้ชายก็เรื่องของมัน"
"คุณพงษ์ชัยไม่หวงคุณอุรวสาเหรอ"
"ผู้หญิงคนนั้นจะมีผัวกี่คน ฉันไม่สน ขอแค่มีสมบัติก็พอ"
"คุณอัษฎาหวงลูกสาวมาก คุณพงษ์ชัยจะจีบยังไง"
"คนบ้างาน..ฉันก็ใช้งานบังหน้า เสร็จงานนี้ฉันจะจ้างอุรวสาทำงานต่อไป งานต่องาน...เงินต่อเงิน"
พงษ์ชัยสีหน้าเจ้าเล่ห์ มองไปยังทั้งคู่ที่ยืนอยู่บนดาดฟ้าอีกฟากหนึ่ง
วันเดียวกัน บราลีกับอินทุอรเสียบไม้เนื้อหมูเนื้อไก่หมัก ทำบาร์บีคิว คนใช้เป็นลูกมือ
"เมื่อไหร่คุณแม่จะบอกคุณพ่อเรื่องอินคะ"
อัษฎาเข้ามา สองแม่ลูกจึงไม่คุยเรื่องเรียนต่อเมืองนอก
"เหนื่อยมั้ยจ๊ะ สองแม่ลูก"
"บอกว่าเหนื่อย แล้วคุณจะเลิกปาร์ตี้บ่อย ๆ มั้ยล่ะคะ"
อัษฎาส่ายหน้า ฮึ..ไม่เลิก ชอบจัดปาร์ตี้ที่บ้าน เพื่อเอาใจเมียซักหน่อย อัษฎากอดบราลีหลวม ๆ จากข้างหลัง ยิ้มประจบเมีย บราลีเห็นอัษฎาอารมณ์ดี เลยพูดเรื่องส่งอินทุอรไปเรียนต่อ
"อัษคะ ฉันอยากส่งหนูอินไปเรียนต่ออเมริกาค่ะ"
"เราคุยเรื่องนี้กันแล้วนะ หนูอินต้องเรียนที่เมืองไทย"
"ไปอยู่เมืองนอก จะได้เก่งภาษายังไงล่ะคะ"
"หนูอินก็ภาษาอังกฤษดีอยู่แล้ว"
อินทุอรช่วยแม่เกลี้ยกล่อมพ่อ
"ภาษาอังกฤษที่สอนในมหาวิทยาลัย ไม่เหมือนที่ฝรั่งคุยกันในชีวิตประจำวัน อินอยากพูดภาษาอังกฤษได้เหมือนเจ้าของภาษาค่ะ"
"งั้นพ่อจะจ้างครูฝรั่งมาอยู่ที่บ้าน ให้หนูอินคุยภาษาอังกฤษทั้งวันทั้งคืน"
"เวลาคุยกับนักเรียน ครูฝรั่งจะพูดช้า ใช้ศัพท์ง่าย ๆ ไม่มีประโยชน์หรอกค่ะ"
อัษฎานิ่วหน้า ที่ลูกรั้นเถียงพ่อ
"ฟังนะหนูอิน No way ! พ่อไม่มีวันให้หนูไปอยู่เมืองนอกเด็ดขาด หนูต้องอยู่กับพ่อ...ที่นี่เท่านั้น"
อัษฏาออกประกาศิตแล้วเป็นอันจบ ! ไม่ต้องพูดต่อ อัษฎาสวมถุงมือช่วยลูกเมียเอาหมู เนื้อ หมักเสียบไม้บาร์บีคิว
บราลีกับอินทุอรไม่เห็นประโยชน์จะโต้เถียงต่อ จึงเลิกพูด
อินทุอรช่วยบราลีจัดอาหารที่มุมหนึ่ง อัษฎาสะดุ้งสุดตัวเลิกปิ้งบาบีคิว หันขวับมามองสมศักดิ์ด้วยแววตาไม่สบายใจ ส่งเสียงดังลั่น
"หา! ว่าไงนะ คุณวสาไปเกาะช้างกับนายพงษ์ชัย"
อินทุอร บราลี หันขวับมามอง
"ใช่...ลูกน้องฉันบอกว่าไปดูไซด์งานรีสอร์ตด้วยกัน"
"โธ่ๆๆ คุณวสา ทำแบบนี้ได้ไง ตายๆๆ"
"ไปทำงาน .. ไม่ได้ไปออกเดท แกจะเป็นอะไรนักหนาวะ"
"ยังไงนายพงษ์ชัยก็เป็นผู้ชาย ส่วนคุณวสาเป็นสาวสวยน่ารัก บรรยากาศโรแมนติกริมทะเลแบบนั้น แล้ว.. แล้วอะไรจะเกิดขึ้น!"
อินทุอรเห็นอาการพ่อตัวเองแล้วอดไม่ได้ ต้องเดินเข้ามาหา
"เดี๋ยวๆ ค่ะคุณพ่อ หนูอินว่าคุณวสาไม่มีทางไปกับผู้ชายสองต่อสองแน่ๆ...น่าจะพาพี่แสงไปด้วย"
"พาไอ้แสงฉานไปด้วย ยิ่งหายนะ ยิ่งบังเกิด"
"แต่คุณกับเจ้าอันเพิ่งสรุปกันเมื่อวันก่อนว่าพ่อแสงเค้าเป็นเกย์"
"ผมยังไม่มั่นใจ ใครจะรู้...บรรยากาศริมทะเลอาจจะทำให้ไอ้แสงฉานกลายพันธุ์"
"จะกลายพันธุ์กันง่ายอย่างนั้นเชียวเหรอคะ"
"หนูอิน...เรายังเด็กจะไปรู้อะไร ! ไม่ได้แล้ว...ฉันต้องตามไปที่นั่น"
"เฮ้ย...จะเหมาะเหรอ"
"เหมาะสิวะ .. เดี๋ยวไปจองตั๋วเครื่องบินเลย"
"ถ้าเตือนแล้วไม่เชื่อ...ลองคิดถึงหน้าคุณวสาตอนเห็นหน้าพ่อที่เกาะช้างนะ
คุณจะตอบลูกสาวยังไง" บราลีบอก
อัษฎาชะงักไปทันที ไม่กล้าเผชิญหน้ากับลูกสาวเหมือนกัน
"เฮ้อ...แล้วจะให้ทำยังไง"
"อยู่ที่นี่แหละ ปล่อยให้คุณวสาทำงานไป...ลูกเราโตแล้วนะคะคุณอัษ"
อัษฎาอึดอัดไม่ได้อย่างใจ มองซ้ายมองขวาหาเพื่อนปรึกษา
"เจ้าอันยังไม่กลับจากยิมฯ อีกรึ เวลามีเรื่องจะปรึกษาไม่เคยอยู่บ้านเลย เฮ้อ"
อัษฎาสีหน้าเป็นกังวล
ทุกคนมาถึงรีสอร์ต
"เชิญคุณอุรวสาพักผ่อนตามสบายก่อนนะครับ เราคงไม่เริ่มงานกันวันนี้ ผมไม่อยากให้คุณอุรวสาเหนื่อยมากเกินไป"
พงษ์ชัยหันมาทางอนุวัติ
"อนุวัติดูแลเรื่องห้องพักให้คุณอุรวสากับเพื่อนให้เรียบร้อยด้วยนะ"
อนุวัติก้มหัวรับคำเจ้านาย
"ครับเจ้านาย ... เชิญครับ"
แสงฉานเดินมาลากกระเป๋าเดินทาง จะเดินตามไป พงษ์ชัยเรียกไว้
"เอ้อ คุณอุรวสาครับ เย็นนี้เชิญทานอาหารด้วยกันที่ห้องอาหารของเรานะครับ"
แสงฉานหันมามองพงษ์ชัย
"เราทานอาหารในห้องเลยนะคะ แสงนั่งเรือมามันเมาเรือน่ะค่ะ"
พงษ์ชัยมองแสงฉานอย่างแอบหมั่นไส้
"คุณอุรวสาออกมาทานข้าวกับผมคนเดียวก็ได้ ให้คุณแสงนอนพัก เดี๋ยวผมจะให้เด็กเอาเมนูอาหารไปให้คุณสั่งทานในห้อง"
"โอ๊ยทำอย่างนั้นมันก็ไม่ดีนะคะ แสงมีหน้าที่บอดี้การ์ดคุณวสานะคะ คุณวสาไปไหน แสงก็ต้องไปด้วย กันหัวงู เอ๊ย งูเงี้ยวเขี้ยวขอมันจ้องจะกัด จะขบคุณวสาน่ะค่ะ"
พงษ์ชัยสบตากับอนุวัติด้วยสายตาที่โกรธเต็มที่แต่ทำอะไรไม่ได้ อุรวสาตัดบทไม่อยากให้มีเรื่อง
"งั้นดิชั้นขอตัวไปพักก่อนนะคะ เย็นๆพบกันค่ะ"
อุรวสาเดินนำ แสงฉานลากกระเป๋าตามไป พงษ์ชัยโกรธ แต่ไม่รู้จะทำยังไงกับแสงฉาน
อนุวัติเปิดประตูห้องเข้ามาส่งแสงฉานกับอุรวสาที่ห้องพัก
"6 โมงตรงผมจะมารับคุณสองคนไปห้องอาหารนะครับ"
"ค่ะ"
"ตรงเวลาด้วยนะครับ นายผมเป็นคนตรงเวลา แล้วก็ไม่ชอบรอใคร"
"ค่ะ"
อนุวัติออกไป ปิดประตูห้อง อุรวสาหันมาทางแสงฉาน
"แสงทำไมไปพูดอย่างนั้นใส่คุณพงษ์ชัยล่ะ"
"ผมว่าเค้าดูท่าทางแปลกๆนะที่รัก สายตาที่มองคุณมันลามก"
"เรามาทำงานนะแสง งานชิ้นแรกของวสา แสงอย่าทำอะไรให้มันมีปัญหานะ"
"แต่มันไม่น่าไว้ใจจริงๆนะที่รัก"
"แสง ตบมือข้างเดียวมันไม่ดังหรอกนะ แสงต้องไว้ใจวสา ถึงใครจะไม่รู้ แต่วสารู้ตัวดีว่าวสาแต่งงานแล้ว มีสามีที่น่ารักชื่อแสงฉาน"
แสงฉานรีบต่อคำพูดวสาทันที
"ที่รักคุณวสามากๆ"
วสายิ้มรับ
"ค่ะ แสงฉานที่รักวสามากๆ และวสาก็รักแสงฉานมากๆด้วย โอเคไม๊คะ เราต้องไว้ใจกัน"
"จ้ะที่รัก ผมจะทำทุกอย่าง เข้าใจทุกอย่าง เพื่อรักษาความรักของเรา"
สองคนสบตากันด้วยความรักสุดสุด
อันตราเดินเข้ามาตามทางเดินที่ทอดยาวหน้าฟิตเนส เธอมองเข้าไปที่ห้องยิมด้านใน ก็ชะงัก สีหน้าไม่พอใจ
บริเวณห้องยิมด้านในสุด เวศม์กำลังยกเวทด้วยท่าทางทะมัดทะแมง สาว ๆ ที่มาออกกำลังกายต่างหันมามองเวศม์กันทั้งห้องยิม อันตราไม่สบอารมณ์ หันไปถามพนักงาน และชี้ไปที่เวศม์
"มาได้ยังไง"
"สมาชิกใหม่ค่ะ สมัครทีเดียว 3 ปี..ชำระเป็นเงินสดด้วยนะคะ"
อันตราจ้องไปที่เวศม์ นิ่งคิดนิดหนึ่ง
เวศม์ยกเวทครบเซตก็เงยหน้า สาวๆ ที่จ้องหน้าเวศม์อยู่รีบหันหน้ากลับ อันตรามองอยู่หมั่นไส้
"ยกมาหลายเซต ควรจะเพิ่มน้ำหนักได้แล้ว"
เธอเพิ่มน้ำหนักเวทไปที่น้ำหนักสูงสุด เวศม์อึ้ง น้ำหนักขนาดนี้ นักเล่นกล้ามยังแทบไม่ไหว
"ไม่ไหวเหรอ"
เธอมองท้าทาย เอาวะ...ยกก็ยก เวศม์ออกแรงยก..ใช้กำลังมาก ส่งเสียงดัง
"อ๊าก"
แป้ก ...ยกไม่ขึ้น เวศม์เสียหน้า อันตราหัวเราะฮึ ๆ สมน้ำหน้า
"คิดว่าจะแน่"
"แน่อยู่แล้ว ถ้าไม่โดนท้าทายแบบไร้สาระอย่างนี้"
"คุณว่าใครไร้สาระ"
"ใครก็ได้ที่รู้จักแต่ใช้กำลัง เอะอะก็เพิ่มน้ำหนัก..โดยไม่ดูความเหมาะสม"
"งั้นถ้าฉันท้าทายแบบไม่ไร้สาระ ชกกันตัวต่อตัว กล้ามั้ยล่ะคะ"
"ท้าผม"
"ตรงนี้ก็มีแค่คุณ ฉันคงไม่ท้าลูกเหล็กหรอกค่ะ ว่าไง..กล้ามั้ย"
อันตราส่งสายตามองเวศม์อย่างท้าทาย
ในห้องสอนต่อยมวย เวศม์กับอันตราสวมนวมและเฮทการ์ด กำลังจะชกกันโดยมีพนักงานช่วยใส่อยู่ด้านข้าง พนักงานและสมาชิกฟิตเนสมาดูกันเพียบ
"คิดผิดคิดใหม่ได้นะ ผมไม่อยากรังแกผู้หญิง"
เธอไม่ตอบและต่อปากต่อคำ แต่แววตาแข็งกร้าว
"ใช้กติกาสากลยกละ 3 นาที ครบ 3 ยกถ้าไม่มีใครน็อก ให้คนดูยกมือตัดสินว่า
ใครเป็นผู้ชนะ"
"ตกลง"
เวศม์กับอันตราแตะนวมกัน…เริ่มชกยกแรก
อันตราออกหมัดก่อน เข้าหน้าเวศม์
"ยอมให้ก่อนหรอก"
เธอเป็นฝ่ายรุกเข้าหา เวศม์ไม่ต่อยใช้หมัดตบหัวเธอเบา ๆ หยอกเล่น เหมือนตบเด็ก
"เฮ้ย ใช้หมัดตบผิดกติกา เดี๋ยวจับแพ้ฟาวล์"
เวศม์เลยแย๊บไปที หมัดเข้าหน้า อันตราหน้าหงาย เขาตกใจ
"เป็นไรมั้ยคุณ"
เธอเอาคืนไล่ต่อยเวศม์ เขาฟุตเวิร์กหลบอย่างว่องไว เธอหวืดทุกหมัด
"โอะโอ๊ย เจ็บแทนลม"
เธอโดนยั่วโมโหก็ไล่ถลุงเวศม์เอาเป็นเอาตาย แต่เวศม์ก็ไวมาก โยกหลบได้สวยงามทุกหมัด
"ไปโกรธอะไรพี่ลม ชกลมไปกี่หมัดแล้วเนี่ย ฮ่าๆๆ"
อันตราดูเหมือนเด็กเดินไล่ตีผู้ใหญ่ คนดูหัวเราะขำ เธออาย เวศม์ยื่นหน้ายื่นตา ยิ้มยั่ว กวนประสาท
"เก่งไม่กลัว..กลัวโม้ ฮ่าๆ ยอมแพ้ผมได้แล้วครับ"
"ไอ้ผู้ชายเจ้าชู้"
อันตราจ้องหน้าเวศม์เขม็ง ภาพในอดีตเข้ามาในความทรงจำ
ในอดีตที่ผับแห่งหนึ่งเธอกำลังทำหน้าที่นักสืบ แอบถ่ายรูปเสี่ยคนหนึ่งกำลังกอดกับเมียน้อย
ในห้องต่อยมวย เธอเห็นหน้าเวศม์เป็นหน้าเสี่ย อันตราฮึดมีแรงโกรธเกลียดขึ้นมาทันใด...รัวหมัดใส่เวศม์ ผลัวะ...ผลัวะ..ผลัวะ
ในอดีตที่สวนสาธารณะ อันตราแอบถ่ายรูปหนุ่มใหญ่พลอดรักกับกิ๊กรุ่นลูก
ในห้องต่อยมวย เธอเห็นหน้าเวศม์เป็นหน้าหนุ่มใหญ่ ต้อนเวศม์เข้ามุม ตุ๊ยหน้าสลับกับตุ๊ยท้อง
"เฮ้ย!!เติมพลังเทอร์โบที่ไหนมาเนี่ย"
ในอดีตที่ร้านไอศกรีม อันตราแอบถ่ายรูปชายแก่กับนักศึกษาสาว สวีต ป้อนไอศกรีมกัน
ในห้องต่อยมวย อันตราเห็นหน้าเวศม์เป็นหน้าชายแก่
"ไอ้แก่ตัณหากลับ"
อันตราเลือดขึ้นหน้าบ้าไปแล้ว ไม่ต่อยอย่างเดียว แถมเตะด้วย ปั้กๆๆๆ
เวศม์ตกใจตั้งรับแทบไม่ทัน ได้แต่ฉากหลบแต่หลบไม่พ้น เพราะโดนทั้งเตะทั้งต่อย
สุดท้ายอันตราไล่เตะและถีบเวศม์ จนเวศม์ต้องกระโดดหนีลงจากเวทีขาแทบพลิก เขาโวยวาย
"เฮ้ยๆๆ ใช้เท้า ผิดกติกา"
"ไม่ใช่แมทช์ทางการ..ยืดหยุ่นได้ หนีลงจากเวทีถือว่าแพ้ ฉันชนะแล้ว"
อันตราชูมือหรา พนักงานปรบมือให้ ต่างเอาใจเจ้านาย คนอื่น ๆ ปรบมือกันเปาะแปะ ก็มันโกงชัด ๆ
เวศม์มองอันตราเดินชูมือยิ้มร่ารอบเวที แบบภูมิใจในชัยชนะอย่างกับคว้าเหรียญทองโอลิมปิก
เวศม์ยิ้มกริ่มผู้หญิงคนนี้น่ารักถูกใจชะมัดยาด
อันตราสีหน้าและแววตายังไม่เป็นมิตร ทั้งที่เวศม์ยิ้มให้
เวศม์หันหลังทำเหมือนจะเดินออก แต่แล้วเหมือนกับขาพลิกจากการที่กระโดดหนีลงเวที ร้องลั่น
"โอ๊ย"
เวศม์ล้มลงแทบพื้น เอามือกุมข้อเท้าเหมือนเจ็บปวดมาก เธอตกใจ รีบลงมาจากเวทีมวยมาดูเวศม์ทันที
อีกมุมในฟิตเนส เวศม์นั่งอยู่บนม้านั่งยาวตัวหนึ่ง โดยมีอันตรานั่งจับข้อเท้าให้อยู่ ท่าทางเวศม์เหมือนเจ็บมาก
"โอ๊ย"
"เจ็บขนาดนี้เลยเหรอ"
อันตราจับข้อเท้าเวศม์ไปมา เหมือนกำลังดูอาการ
"ถ้านวดน่าจะดีขึ้น คุณเป็นคนทำผมเจ็บ ควรจะรับผิดชอบ"
เธอเอายาใส่มือ แล้วนวดข้อเท้าให้เวศม์อย่างเสียไม่ได้
เวศม์อมยิ้มพอใจ แต่พอเธอหันมามอง เขากลับทำหันไปทางอื่นเหมือนไม่สนใจ
"ดูแล้วไม่น่าจะเป็นอะไรมาก"
"คุณจะรู้อะไร .. บางทีกระดูกข้อเท้าอาจจะหักก็ได้"
"มากไป.. ถ้าหักมันต้องบวม"
เธอยังจับนวดๆ ให้
"นั่นแหละ .. ดีจัง ฮึๆ มือนิ่มดี"
"อะไรนะ"
"เปล่าๆ ผมบอกนวดแล้วดี ... ถามจริง...ทำไมคุณถึงชกกับผมเหมือนโกรธแค้นกันมาตั้งแต่ครั้งไหน ผมไปทำอะไรให้คุณ"
"หายแล้วใช่มั้ย !"
"โอ๊ยๆๆ ยังๆ ... อีกนิดๆ"
อันตราต้องนวดให้ต่ออย่างเสียไม่ได้ เวศม์อมยิ้ม...
"นั่นแหละ... นิ่มกำลังดี"
อันตราโยนข้อเท้าเวศม์ทิ้งไปทันที เพราะรู้ทันว่ากำลังโดนเวศม์แกล้ง
"พอเหอะ!! อยากสบายกว่านี้ไปเข้าเฝือกเองก็แล้วกัน"
เธอเดินหนีออกไปทันที
"เดี๋ยวก่อนสิคุณ... กลับมาก่อน.. ฮึๆ"
เวศม์ลุกขึ้นยืนเหมือนไม่เคยเจ็บข้อเท้า มองตามอันตรา...เขาอมยิ้มแล้วเดินออกไป
เวศม์เดินมาที่ด้านหน้าฟิตเนส ผ่านรูปถ่ายอันตรากับเหรียญรางวัล เขาหยุดมองรูป อมยิ้มนึกถูกใจผู้หญิงคนนี้
รีสอร์ตสวยงามบนเกาะช้าง เวลากลางคืน พงษ์ชัยท่าทางเมามายปีนหน้าต่างเข้าไปในห้องอุรวสา เห็นว่าเธอกำลังหลับสนิท พงษ์ชัยตาวาวท่าทางหื่นมากจะปลุกปล้ำ
"เฮ้ย จะทำอะไรวะ"
แสงฉานนุ่งผ้าขนหนูตัวเดียวออกจากห้องน้ำ
"แก.. แกนอนห้องเดียวกัน งั้นแกก็ไม่ใช่เกย์นี่หว่า" พงษ์ชัยว่า
"ก็เออซีวะ... ฉันหลอกอุรวสา หลอกนายอัษฎาด้วย"
"ดีเลย... แสงฉาน...งั้นเรามาร่วมแรงร่วมใจกันดีกว่า 3 คน...ย่อมสนุกกว่าคนเดียว"
แสงฉานยิ้มหื่น...เห็นด้วยกับพงษ์ชัย ทั้งคู่คืบคลานขึ้นเตียงอุรวสาคนละด้าน หน้าตาหื่นกันสุดๆ
อุรวสารู้สึกตัวตื่น ผวาหวาดกลัว
"อย่า"
อัษฎาสะดุ้งเฮือก ! ตื่นจากฝันสยอง
"เฮ้ย"
บราลีงัวเงียตื่นตามสามี หันมามองอัษฎาด้วยใบหน้าแปลกใจ
"ฝันร้ายเหรอคะ"
"ผมฝันว่าคุณวสาโดน"
"โดนอะไรคะ"
อัษฎาไม่อยากบอก
"พรุ่งนี้ผมจะไปเกาะช้าง ไปเฝ้าลูก"
"ลูกไปทำงาน...อย่าไปกวนเลยค่ะ"
"แต่ถ้าเกิดฝันร้ายเป็นจริงขึ้นมา เราต้องเสียใจไปตลอดชีวิตเลยนะ"
"กินมากก็ฝันมาก ฟุ้งซ่านเกินจริง... ยังไงฉันก็ไม่ให้คุณไป นอนได้แล้วค่ะ"
"แต่ว่าคุณวสา"
"ป่านนี้คุณวสานอนหลับฝันดีที่รีสอร์ตแล้ว เลิกคิด...พักผ่อนเถอะค่ะ"
บราลีเอือมสามีพูดไม่เคยฟัง บราลีหันหลังให้ นอนต่อ ฝันสยองทำให้อัษฎานอนไม่หลับ ตาเบิกโพลงห่วงลูกสาวสุดๆ
วิลล่าพูล ในบรรยากาศโรแมนติก ที่เกาะช้าง อุรวสากำลังนั่งเปิดไอแพดอยู่ที่ริมสระน้ำภายในวิลล่า แสงฉานนอนหนุนตักอยู่ ท่าทางสวีตเป็นคู่รัก
"ทำไมเราโชคดีอย่างนี้ มีคนมาเปิดห้องสวีตให้จู๋จี๋กันฟรีๆ ผมชอบบรรยากาศที่นี่จังเลยที่รัก"
แสงฉานเอื้อมมือไปจับมืออีกข้างของเธอมาหอม เธอยิ้มๆ เปิดไอแพดดูรูปร้านอาหารที่กำลังจะเซ้งให้แสงฉาน
"เพื่อนสาว…อย่าลืมสิคะว่าคุณเป็นเกย์"
แสงฉานอมยิ้ม
"ตอนนี้นอกเวลาทำการ เกย์กลายพันธ์เป็นสามีสุดที่รัก"
แสงฉานลุกขึ้นมากอด แล้วหอมแก้มเมียดังฟอด
"แสงคะ... ร้านนี้น่าสนใจ เจ้าของขายกิจการต่อเพราะจะย้ายไปอยู่เมืองนอก"
อุรวสาให้แสงฉานดูรูปบนไอแพด... เป็นร้านขนาดใหญ่ หลักร้อยที่นั่ง หรูหรา
"ใหญ่เกินไป...ผมอยากทำร้านเล็ก ๆ ซัก 50 ที่นั่ง"
"เล็กขนาดนั้น ทำกี่ปีถึงจะตั้งตัวได้"
แสงฉานเม้มปาก เครียดเล็กน้อย เค้ากับภรรยาไม่เคยเห็นตรงกันเรื่องธุรกิจ
"วสาแพลนไว้ ร้านแรกต้องมีร้อยที่นั่งขึ้นไป พอเปิดครบ 1 ปี ก็ขยายสาขา"
"ตอนนี้เลิกงานแล้ว เรามา..ฮันนีมูนกันดีกว่า"
แสงฉานอุ้มอุรวสาขึ้นมาทันที เธอร้องลั่น
"ว๊าย... เดี๋ยวหกล้ม ระวังลื่นค่ะ"
"ถ้ากลัวลื่นต้องอยู่เฉยๆ ปล่อยให้ผมอุ้มซะดีๆ"
แสงฉานอุ้มอุรวสาออกไป บรรยากาศเต็มไปด้วยความรัก
เขาอุ้มเธอเข้ามาภายในห้องนอน วางลงนอนที่เตียง แล้วล้มตัวลงไปนอนข้างกัน
"แสงเนี่ย... คุยเป็นงานเป็นการแล้วต้องเป็นอย่างนี้ทุกที"
แสงฉานยิ้มๆ
"อ้าว.. ก็แบบนี้แหละ เป็นการเป็นงานที่สุดแล้วสำหรับผม"
แสงฉานพูดจบก็ตลบผ้าห่มขึ้นคลุมร่างตัวเองและอุรวสา สองผัวเมียหัวเราะคิก ก่อนเงียบเสียงลง
เช้าวันใหม่ ภิสิตกำลังเดินลงมาจากด้านบน บุษบาบัณนั่งอยู่ภายในห้องนั่งเล่น มองเขาด้วยสายตาจับผิด เหมือนต้องการจะหาเรื่อง
"วันนี้วันหยุด...จะออกไปไหนแต่เช้า แวะไปพับนกกระดาษกับหนูอินคนดีเหรอ"
บุษบาบัณชูนกกระดาษที่อินทุอรพับให้ภิสิต
ภิสิตไม่พอใจ
"คุณค้นห้องผม"
"แปลกตรงไหนถ้าภรรยาจะค้นห้องสามี"
"ผมกับเด็กคนนั้นไม่ได้มีอะไรอย่างที่คุณคิด เพื่อความสบายใจผมจะหลีกเลี่ยงไม่พบไม่เจอหนูอินอีกก็ได้"
"ไม่เจอตัวแต่ฝันถึง มันก็ไม่ต่างกันหรอก"
ภิสิตรู้ทันความคิด บุษบาบัณไม่ได้หึง แต่กำลังอยู่ในอารมณ์อิจฉาอินทุอร
"ตอนอยู่สวิสฯ มีผู้หญิงแอบชอบผมตั้งหลายคน ไม่เห็นคุณเคยหึง"
"ก็คุณไม่ได้ชอบแม่พวกนั้น"
"ไม่ใช่หรอก... ที่คุณหึงเพราะคุณอิจฉาหนูอิน"
บุษบาบัณโดนแทงใจดำ โมโหจี๊ด
"ทำไมต้องอิจฉา บุษมีดีกว่านังเด็กนั่นตั้งเยอะ ทั้งสวยกว่า...มีเสน่ห์กว่า บุษแค่ทนไม่ได้ที่มีสามีทำตัวเป็นตาแก่ตัณหากลับต่างหาก"
ภิสิตไม่อยากต่อปากต่อคำ ตัดสินใจเดินออกจากบ้านไป
"คุณจะไปไหน"
บุษบาบัณเดินตามภิสิตออกไป
ภิสิตเดินหนีมายังรถที่จอดเทียบอยู่ตรงหน้าบ้าน เธอเดินตามเข้ามาผลักทางด้านหลัง จนเขาหัวคะมำแทบล้ม
"ตอบสิ...คุณจะเดินหนีบุษแบบนี้ไม่ได้นะ"
ภิสิตไม่สนใจจะตอบโต้ ขึ้นรถแล้วสตาร์ทเครื่องขับออกไปอย่างรวดเร็ว
บุษบาบัณฉีกนกกระดาษเป็นชิ้นๆด้วยความโกรธ
ภิสิตตัดสินใจหนีมาพักใจบ้านป้าอัปสร เขาจอดรถหน้าบ้านมองเข้าไป เห็นอินทุอรกับอัปสรกำลังรดน้ำต้นไม้ในสวน ทั้งสองคนไม่เห็นรถภิสิต
ภิสิตมองอินทุอรตาละห้อย คุณธรรมในใจเตือนตัวเอง ไม่ควรทำผิดศีลธรรม เขาตัดใจ ถอนหายใจยาว กำลังจะถอยรถกลับ
เสียงป้าต้อยก็ดังขึ้น
"พ่อสิตมาก็ดีแล้ว...พวกป้าจะได้มีสารถีพาไปช็อป"
แต้วกับต้อยลงจากรถแท็กซี่ ยิ้มแย้มทักเขาอย่างคุ้นเคย
สามใบไม่เถา ตอนที่ 3 (ต่อ)
ณ ร้านของขายเก่าดูดีมีสไตล์ พวกป้า ๆ และอินทุอรหาเลือกซื้อของเก่าไปตกแต่งพิพิธภัณฑ์ ภิสิตยืนรอหน้าร้านเพื่อหลีกเลี่ยง ไม่อยากอยู่ใกล้อินทุอร
ต้อยบอก
"โคมไฟอันนี้สวยดี น่าเอาไปตั้งข้างเปียโน"
"เปียโนฉันไม่ใช่ของโบราณ ไม่เข้ากันย่ะ"
แต๋วบอก
"แหม... พิพิธภัณฑ์เธอทันสมัยมากเลยนะหล่อน โคมไฟอันนี้ล่ะ ชอบมั้ย"
"ไม่ค่อยเท่าไหร่"
"คุณอัปสร..เยอะ!! ตั้งแต่สาวยันแก่" ต้อยบอก
"แล้วไง...เธอวัยรุ่นนักรึไง"
อินทุอรเห็นภิสิตยืนเหงา ๆ หน้าร้าน จึงเดินออกไปหา
"เบื่อมั้ยคะอาสิต"
ภิสิตห้ามใจตัวเองสุด ๆ ไม่ให้สายตาบ่งบอกความในใจที่มีต่ออินทุอร
"ไม่จ้ะ"
"หิวน้ำมั้ยคะ อินไปซื้อให้"
"ไม่หิวจ้ะ"
อินทุอรหน้าเสียเล็กน้อย วันนี้ภิสิตทำตัวห่างเหินแปลกไป
"อาสิตคะ อินเผลอทำอะไรให้อาสิตโกรธหรือเปล่าคะ"
"เปล่า... อามีเรื่องต้องคิด ไม่ได้โกรธหนูอิน"
อินทุอรสบายใจขึ้น
"ค่ะ"
อินทุอรกลับไปหาป้า ๆ ภิสิตหนักใจ การอยู่ใกล้ อินทุอรแบบนี้ ยิ่งห้ามใจลำบาก
อุรวสาใช้ไอแพดถ่ายรูปภายในโรงแรมของพงษ์ชัย
"ต้องทุบผนังบางส่วนออก แล้วตกแต่งใหม่ค่ะ"
"แล้วแต่คุณอุรวสาเห็นสมควรครับ" พงษ์ชัยบอก
อากาศข้างในร้อนอบอ้าว อุรวสาเหงื่อซึม แสงฉานเช็ดเหงื่อให้
"แสงก็เหงื่อซ่กเลย" เธอซับเหงื่อให้แสงฉาน
พงษ์ชัยกับอนุวัติมองจับผิด คู่นี้เหมือนแฟนกันมากกว่าเพื่อน
"วสาบอกแสงแล้วว่าไม่ต้องมาด้วย อยู่นอนเล่นริมทะเลสบายกว่า"
"ผมอยากมาดูแลที่...ดูแลเพื่อนสาวนี่จ๊ะ" แสงฉานเกือบหลุดคำว่า ที่รัก ออกมา
"ไปคุยกันข้างนอกเถอะครับ ข้างในร้อน"
แสงฉานกับอุรวสาออกไปก่อน
"ผมว่านายแสงฉานนั่นเป็นผู้ชาย คู่นั้นเหมือนแฟนกัน" อนุวัติบอก
"ก็อย่างที่ฉันบอก คุณอุรวสาจะมีผัวหรือไม่มีผัวไม่สำคัญ ขอให้มีเงินเป็นพอ"
พงษ์ชัยตาเจ้าเล่ห์
บรรยากาศเย็นใกล้ค่ำสวยงามโรแมนติกริมทะเล อุรวสาในชุดสวยนั่งรอที่โต๊ะอาหาร
ที่จัดเรียบง่าย ริมหาดหน้าวิลล่าฯ ส่วนตัว บนโต๊ะมีอาหารปิ้งๆ ย่างๆ ง่ายๆ วางอยู่แล้ว
แสงฉานผูกกันเปื้อน ยกจานสลัดสวยงามออกมาวางไว้ที่โต๊ะ
"มาถึงที่นี่...ยังจะเข้าครัวทำอาหารเองอีกเหรอคะ"
"มันอดไม่ได้...ผมชอบทำอาหารให้ที่รักกิน"
แสงฉานตักอาหารมาคำหนึ่ง ยิ้มแล้วป้อนให้อุรวสาด้วยความรัก เธอตักอาหารมาป้อนให้แสงฉาน มองเขาด้วยความรักและผูกพันที่สุด
"แสงคะ...คุณทำให้วสามีความสุข เต็มไปด้วยรอยยิ้มและเสียงหัวเราะ ขอบคุณนะคะที่เข้ามาเติมเต็มชีวิตผู้หญิงคนนี้"
"คุณเข้ามาทำให้ชีวิตครึ่งๆ กลางๆ สมบูรณ์ยิ่งขึ้น เมื่อมีคุณ...ทำให้ผมรู้ว่า ต้องการอะไรในชีวิต ผมต้องการคุณ...ผมรักมากคุณนะวสา"
"วสาก็รักแสงมากค่ะ"
แสงฉานกับอุรวสากอดกัน เบื้องหลังเป็นผืนทะเลฟองคลื่นสีขาวกระทบหาดทราย
ถนนราชดำเนิน เวลาเย็นใกล้ค่ำ อินทุอรรอพวกป้าอยู่ใต้ร่มต้นไม้ ระหว่างยืนรอ อินทุอรเขย่งปลายเท้า ยืนท่านักบัลเล่ต์ เวลาเผลอตัว เธอซึ่งมีบัลเล่ต์อยู่ในสายเลือด มักทำแบบนี้เสมอ
ภิสิตเดินมา อินทุอรเอาปลายเท้าลง ภิสิตยิ้ม รู้ว่าอินทุอรรักการเต้นบัลเล่ต์
"ป้าอัปสรจะซื้อของอีกนาน ให้เราไปหาที่นั่งรอค่ะ อามีเพื่อนฝรั่งคนนึง เป็นนักบัลเล่ต์อาชีพ ชอบเผลอยืนเขย่งปลายเท้าเหมือนหนูอิน"
"อยู่คณะบัลเล่ต์ที่เมืองนอก ออกแสดงทัวร์รอบโลก ได้ทำงานที่รักแล้วยังได้เปิดโลกทัศน์ เห็นโลกกว้างด้วยนะคะ"
อินทุอรหน้าซึม บัลเล่ต์ และการได้เดินทางแสดงรอบโลก คือสิ่งที่เธอใฝ่ฝันมากกว่าอะไรทั้งนั้น แต่อุปสรรคเดียวก็คือ...พ่อ พ่อไม่มีวันปล่อยอินทุอรไป เธอต้องอยู่ในกรงทองของพ่อไปตลอดชีวิต
ภิสิตเห็นอินทุอรดูเศร้า ก็ใจเสีย
"อาเผลอพูดอะไรให้หนูอินไม่สบายใจเหรอคะ"
อินทุอรยิ้ม
"ไม่เกี่ยวกับอาสิตหรอกค่ะ เราไปหาร้านน้ำนั่งรอกันค่ะ"
อินทุอรเมิน เหมือนไม่อยากคุยเรื่องบัลเล่ต์ต่อ ภิสิตจึงไม่ถามทั้งคู่ไปเดินหาร้านน้ำ
ถนนราชดำเนินยามค่ำคืน พวกป้า ๆ ยืนกินปลาหมึก อินทุอรกับภิสิตยังไม่ได้ปลาหมึก
ต้อยบอก
"สมัยก่อนถนนราชดำเนินมีงานประจำ พวกป้ามาเที่ยวงานกาชาด งาน..."
อัปสรแกล้งทำน้ำจิ้มปลาหมึกหกใส่ต้อย
"อ๊าย... ซุ่มซ่ามจริงแม่อัปสร"
"ไปขอเค้าล้างที่ร้านอาหารตรงโน้นดีกว่า"
ภิสิตบอก
"ในรถผมมีน้ำ.. รอแป๊บนึงนะครับ"
อัปสรอยากให้ภิสิตอยู่กับอินทุอรสองคน
"น้ำจิ้มกลิ่นแรง ต้องใช้สบู่ล้างจ้ะ"
อัปสรแอบขยิบตาให้แต๋วกับต้อย
แต๋วรับลูก
"อื้อหือ เสื้อเธอเหม็นฉึ่งเลยต้อย ต้องถอดซักเลยมั๊งเนี่ย"
"พวกเธอไปช่วยฉันขยี้ที" ต้อยบอก
"อยู่กับอาสิตเค้าไปก่อนนะหนูอิน"
"ค่ะป้า"
พวกป้า ๆ ไป ภิสิตกับอินทุอรไม่รู้ตัว ถูกป้า ๆ จับคู่
ภิสิตลอบถอนหายใจเบา ๆ ที่ต้องอยู่กับอินทุอรลำพัง
ท่ามกลางบรรยากาศแสงสวยงามของถนนราชดำเนิน
"อินไม่เคยมาเดินเล่นถนนราชดำเนินตอนกลางคืนเลยค่ะ เวลาไม่มีรถวิ่ง ถนนดูกว๊างกว้างนะคะ"
"ตอนล้นเกล้ารัชกาลที่ 5 โปรดเกล้าให้สร้างถนนราชดำเนิน ชาวพระนครพากันสงสัย เหตุใดพระองค์จึงทรงสร้างถนนใหญ่โต ทั้งที่สมัยนั้นมีรถยนต์ไม่มาก ความจริงพระองค์ท่านทรงมองการณ์ไกล สร้างถนนไว้เพื่ออนาคต"
"ตั้งแต่เด็ก...อินเห็นในหลวงของเราทรงงานหนักเพื่อพสกนิกร ผู้ใหญ่ชอบมองว่าเด็กรุ่นใหม่เอาแต่ไร้สาระไม่มีหัวคิด อินอยากบอกว่า เด็กรุ่นใหม่ก็รักประเทศ...รักในหลวง ภูมิใจที่ได้เกิดมาใต้ร่มบารมีราชวงศ์จักรี"
ภิสิตยิ้มชื่นชม เด็กคนนี้มีความคิดความอ่านดี
"หนูอินรู้มั้ย...แถวนี้เต็มไปด้วยวังเก่า อย่างวังบางขุนพรหมซึ่งตอนนี้คือ ธนาคารแห่งประเทศไทย"
ภิสิตเห็นอินทุอรฟังตาแป๋ว นึกเอ็นดู
"ใกล้ๆ กับพระที่นั่งอนันตสมาคม มีพระที่นั่งวิมานเมฆ ทำจากไม้สักทองทั้งหลัง เป็นสถาปัตยกรรมผสมผสานระหว่างไทยกับตะวันตกที่สวยงามมาก"
ภิสิตเดินเล่าประวัติศาสตร์สมัยรัตนโกสินทร์ให้อินทุอรฟัง หญิงสาวฟังอย่างสนใจ ชอบประวัติศาสตร์เหมือนกับภิสิตเลย
ภิสิตขนของเก่าที่ซื้อลงมาจากในรถ มาไว้ในพิพิธภัณฑ์
"หมดหรือยังพ่อสิต" อัปสรถาม
"หมดแล้วครับ"
"ดึกแล้ว... พ่อสิตขับรถไปส่งหนูอินทีลูก หนูอิน..จอดรถไว้บ้านป้านะจ๊ะ"
ภิสิตอึ้งทำอะไรไม่ถูก กระอักกระอ่วนใจมาก
"เพิ่งสามทุ่มเองค่ะป้า อินขับกลับเองได้"
"ไม่เอาล่ะ เดี๋ยวพ่อกับแม่หนูหาว่าป้าดูแลหนูไม่ดี"
"อินเคยขับกลับจากบ้านป้าตอนสี่ทุ่ม คุณพ่อคุณแม่ไม่เห็นว่าอะไร อาสิต
ขับตามไปส่งป้าต้อยกับป้าแต๋วดีกว่าค่ะ ป้าต้อยขับรถกลางคืน ตาไม่ค่อยดี"
อัปสรส่ายหน้า บอกให้ต้อยปฎิเสธ ภิสิตนึกสงสัยว่าป้ากำลังทำอะไร
"ป้าว่าจะนอนค้างบ้านแม่อัปสรจ้ะ คืนนี้ไม่กลับ" ต้อยบอก
"เอ้า แล้วก็ไม่บอกฉัน ฉันไม่ได้เตรียมเสื้อผ้ามา แต่เอ๊ะ เธอก็ไม่เตรียมมา
เหมือนกันนี่นาต้อย นึกยังไงจะนอนค้าง" แต๋วว่า
อัปสรกับต้อยขึงตาใส่แต๋ว ให้หยุดพูด
แต๋วเข้าใจ
"อ๋อๆๆนึกได้แล้วพวกป้าทิ้งเสื้อผ้าไว้บ้านแม่อัปสร พ่อสิตไปส่งหนูอินเถอะลูก"
ภิสิตยิ้ม รู้แล้วพวกป้า ๆ เป็นแม่สื่อให้เค้ากับอินทุอรนี่เอง มีแต่อินทุอรที่ดูไม่ออก
"รีบจัดของเถอะค่ะ อินจะได้รีบกลับ อาสิตไม่ต้องไปส่งอินนะคะ"
"จ้ะ"
อินทุอรกับภิสิตช่วยกันจัดวางของเก่า ตกแต่งพิพิธภัณฑ์ พวกป้า ๆ หน้าง้ำ แผนไม่ได้ผล
ภิสิตขับรถเข้ามาจอดเทียบที่หน้าบ้าน บุษบาบัณกำลังนั่งจิบเหล้าอยู่ที่เคาน์เตอร์บาร์ในบ้าน ท่าทางเมาๆ ไม่ค่อยได้สติ เขาไม่อยากสนใจ จะเดินหนีขึ้นไปชั้นบน แต่บุษบาบัณปราดเข้าไปขวาง
"ไปหานังหนูอินมาอีกแล้วใช่มั้ย"
"พูดดีๆ หน่อย หนูอินไม่ได้ทำอะไรผิด"
"ผู้หญิงด้วยกันดูออก ฮึ..เป็นไร้เดียงสา ที่จริง...แรดเงียบ"
ภิสิตไม่พอใจ
"อย่าเอานิสัยตัวเองไปตัดสินคนอื่น คิดว่าคนอื่นเป็นยังไง แสดงว่าตัวเองก็เป็นอย่างนั้น"
บุษบาบัณโกรธตบหน้าภิสิต...เพี้ยะ ! เขาอึ้ง...พยายามระงับอย่างถึงที่สุด
"โทษฐานที่คุณเอาบุษไปเปรียบเทียบกับนังเด็กนั่น ผู้หญิงอย่างมันเทียบบุษไม่ติด คนละเกรดกัน จำเอาไว้...บุษไม่มีวันแพ้นังเด็กผู้หญิงคนนี้"
บุษบาบัณยกเหล้าดื่ม ไม่แยแสความรู้สึกสามีแม้แต่น้อย ภิสิตช้ำใจมีเมียห่วยแตกสุดๆ
ภิสิตนั่งซึมอยู่ที่โซฟา เศร้า ซึมกับชีวิตแต่งงานที่เจ็บปวด แต่เมื่อคิดถึงความอ่อนหวาน น่ารัก ของอินทุอร เขากลับมีชีวิตชีวา มีความหวังในชีวิตอย่างประหลาด
ภายในห้องยิมในฟิตเนส ตอนกลางคืน สมาชิกฟิตเนสอื่นกลับหมดแล้ว เหลือเวศม์เล่นเวทอยู่คนเดียว เวศม์ชะเง้อหาอันตรา เธอเข้ามาตรวจเช็คห้องยิม
"อีก 5 นาทีจะปิดแล้วคุณ ยังไม่อาบน้ำอีกเหรอ"
"พูดกับลูกค้าดี ๆ หน่อยสิครับ"
"ฉันเป็นเจ้าของ ไม่ใช่พนักงานต้อนรับ"
"คุณจะไปไหนต่อ"
เวศม์ทำหน้ากรุ้มกริ่มใส่ อันตราเขิน แล้วชักสีหน้าเดินไปห่าง ๆ เธอเอาผ้าเช็ดทำความสะอาดอุปกรณ์ออกกำลังกาย
สายเข้าโทรศัพท์มือถือเวศม์
"ฮัลโหล"
ศศิพิมลโทรคุยกับเวศม์
"เวศม์จะกลับกี่โมงจ๊ะ พี่ทำกับข้าวไว้รอแล้ว"
"พี่ศิทานเลยครับ ไม่ต้องรอผม"
อันตราอยู่ไกล ไม่ได้ยินเวศม์คุยโทร
"เวศม์อยู่กับแม่สาวใหญ่นั่นใช่มั้ย"
เวศม์ระอาใจ
"พี่ศิยังไม่ได้บอกผมเลย พี่รู้จักผู้หญิงคนนั้นได้ยังไง"
"พี่มีสายรายงาน แม่นั่นไม่รักเวศม์จริงหรอก คิดจะเอาเวศม์เป็นของเล่น"
"คนอย่างผมไม่ยอมเป็นของเล่นใครหรอกครับ ผู้หญิงคนนั้นเป็นลูกค้าผมครับ"
ศศิพิมลยิ้มออก
"พี่ศิครับ...ตอนนี้ผมถูกใจผู้หญิงอยู่คนนึง"
เวศม์มองอันตรา ตาเป็นประกาย ศศิพิมลหุบยิ้มทันที
"จีบติดเมื่อไหร่ ผมจะพาไปให้แนะนำให้พี่ศิรู้จักครับ แค่นี้นะครับ"
ศศิพิมลร้อนใจ รีบโทร. หาอันตราทันที
"มีอะไรคะคุณศศิพิมล"
"สามีดิฉันเพิ่งสารภาพ กำลังจีบผู้หญิงคนนึงอยู่ค่ะ"
"อะไรนะคะ...มีอีกคนแล้ว อะไรมันจะเจ้าชู้ขนาดนั้น"
อันตรามองเวศม์ตาเขียวปั้ด เวศม์งงที่จู่ๆ ก็โดนตาเขียวใส่
"คุณอันตราสืบให้ได้นะคะว่าใคร"
"ได้ค่ะ"
อันตราวางสายศศิพิมล ทำหน้าบึ้งใส่เวศม์ เวศม์ไม่เข้าใจ ไปทำอะไรให้อันตราโกรธ
ภายในห้องนั่งเล่นบ้านเวศม์ ศศิพิมลเดินไม่ค่อยสบายใจเรื่องเวศม์ เธอมองไปที่ภาพถ่ายเวศม์ตอนรับปริญญา
ความทรงจำระหว่างเธอกับเวศม์ผ่านเข้ามาในความทรงจำ
ทั้งคู่ร่วมเล่นละครเวทีเรื่อง “ ข้างหลังภาพ ”เวศม์นักศึกษาชั้นปี 1 เล่นเป็นนพพร ศศิพิมลนักศึกษาปี 4 เล่นเป็นคุณหญิงกีรติ เป็นฉากคุณหญิงกีรติป่วยหนัก ใบหน้าอิดโรย แต่งตัวสวย นั่งบนเตียง นพพรมาเยี่ยม
"ภาพนั้นฉันวาดด้วยฝีมือของฉันเอง ฉันขอมอบเป็นของขวัญแต่งงานให้เธอ"
"มิตาเกะ.. ความรักของผมเกิดขึ้นที่นั่น"
"ความรักของเรา นพพร ความรักของเธอเกิดขึ้นที่นั่น และตายที่นั่น แต่ของอีกคน กำลังรุ่งโรจน์ ในร่างที่กำลังจะแตกดับ"
"คุณหญิงกีรติ"
"ฉันตายโดยปราศจากคนที่รักฉัน แต่ฉันก็อิ่มใจ ว่าฉันมีคนที่ฉันรัก"
กีรติสิ้นใจ นพพรร้องไห้น้ำตาไหล ค่อย ๆ ซบหน้าลงบนฝ่ามือคุณหญิงกีรติ
คนดูแถวหน้า อิน ร้องไห้ตาม ม่านเวทีถูกดึงลง คนดูปรบมือสนั่น ปรบอยู่นาน เพื่อแสดงความชื่นชมนักแสดง
ม่านเปิด เวศม์กับศศิพิมลยืนกลางเวที โค้งให้คนดู
เวศม์บอก
"ผมขอให้ทุกคนในหอประชุมนี้เป็นพยาน ผมรักพี่ศิมาก"
"ทำอะไรน่ะเวศม์"
เวศม์หยิบแหวนเงินสองวงในกระเป๋า เวศม์สวมแหวนที่นิ้วนางซ้ายศศิพิมล
"ผมจองพี่แล้วนะครับ"
เวศม์ยื่นแหวนอีกวงให้ ศศิพิมลสวมแหวนให้เวศม์
เวศม์หอมแก้มศศิพิมล คนดูเป่าปากแซว ศศิพิมลอาย เวศม์ยิ้มหน้าบาน มีความสุขสุดๆ
หลายวันต่อมา เวศม์กับศศิพิมลในชุดนักศึกษานั่งกินข้าวข้างทาง ทั้งคู่สวมแหวนเงินที่นิ้วนางซ้าย รถหรูขับซิ่งเสียหลักชนรถเข็น คนที่นั่งกินอยู่แตกกระเจิง รวมทั้งเวศน์และศศิพิมลที่ตื่นตกใจ พงษ์ชัยในตอนนั้นเป็นแค่แบดบอย ลงมาจากที่นั่งด้านคนขับ หน้าตาไม่สำนึก
"เฮ้ย… ตั้งร้านบนถนน เกะกะ"
เวศม์บอก
"เกือบชนคนตายยังมาด่าอีก"
ศศิพิมลกระซิบ
"อย่ามีเรื่องกับเค้าเวศม์ บ้านเค้ารวยมาก พี่เคยเห็นเค้าลงหนังสือ เป็นลูกเจ้าของโรงแรมเพิ่งกลับจากนอก"
พงษ์ชัยหันมาเห็นศศิพิมล ยิ้มถูกใจเดินเข้ามาหา
"เป็นอะไรมั้ยครับคุณ"
พงษ์ชัยฉวยโอกาสแตะเนื้อแตะตัวศศิพิมล
"ถ้าอยากเรียกค่าเสียหาย... ก็โทร.มานะครับ"
พงษ์ชัยให้นามบัตรศศิพิมล ศศิพิมลเผลอมองนามบัตรตาเป็นประกาย
หนึ่งปีต่อมา หอประชุมว่าง เวศม์ซึม ศศิพิมลในชุดทำงานมาหาเวศม์
"ผมขอล่ะครับพี่ศิ.. อย่าบอกเลิกผมที่นี่ ผมเจอพี่ที่นี่ เรารักกันที่นี่"
ศศิพิมลมองหอประชุม ที่เธอเคยแสดงละครเวทีหลายเรื่อง
"หอประชุมนี้เคยเป็นชีวิตพี่ พี่ได้เล่นละครเวที...ได้เสียงปรบมือ พี่ฝันอยากเป็นดารา พอเรียนจบหาทางเข้าวงการแต่ไม่เคยได้รับโอกาส มันทำให้พี่เรียนรู้ว่า ชีวิตจริง...เริ่มต้นตอนก้าวออกจากมหาวิทยาลัย"
"ปีนี้ผมเรียนจบ ผมจะเร่งสร้างเนื้อสร้างตัว ผมจะขอพี่แต่งงาน"
ศศิพิมลถอดแหวนเงินคืนเวศม์
"ผมให้ไปแล้ว... ไม่เอาคืน"
พงษ์ชัยเดินเข้ามา สีหน้าหยิ่งยะโสเป็นอย่างยิ่ง
"แหวนกระจอกอย่างนั้น ผู้หญิงเค้าไม่อยากใส่หรอก"
"แก"
เวศม์ต่อยพงษ์ชัย สองหนุ่มสู้กัน
"หยุดนะเวศม์ พี่บอกให้หยุด"
เวศม์หยุด ศศิพิมลเช็ดเลือดที่ปากพงษ์ชัย
เวศม์เจ็บปวดมาก
"ถ้าผมเป็นลูกเศรษฐี พี่จะทิ้งผมมั้ย"
ศศิพิมลไม่ตอบวางแหวนไว้ ออกไปกับพงษ์ชัยเวศม์ทรุด เสียน้ำตาลูกผู้ชาย
ศศิพิมลวางรูปรับปริญญาเวศม์ลง
"เวศม์...พี่จะทำให้เวศม์กลับมารักพี่ให้ได้"
ฟิตเนสใกล้ปิด เหลือรถจอดอยู่ไม่กี่คัน เวศม์เปลี่ยนจากชุดออกกำลังกาย เป็นชุดหล่อ คืนนี้มีนัดกับเพื่อน เขาหิ้วกระเป๋าใส่อุปกรณ์กีฬาเดินไปที่รถ มองอันตราด้วยหางตา
เธอแอบตามมาหลบวูบวาบ เขาอมยิ้มขำๆ แบบเอ็นดู เดินตรงไปเปิดท้ายรถเก็บกระเป๋า
เธอมองรถมอเตอร์ไซต์คันเท่ของตัวเอง จอดเด่นเป็นสง่า ขืนขี่ไป เวศม์รู้ทันทีว่า ถูกสะกดรอยตาม
ลูกน้องอันตรามาที่รถมอเตอร์ไซต์เก่า ๆ รุ่นธรรมดาๆ
"ขอยืมรถหน่อย..พรุ่งนี้มาเบิกเงินค่าแท๊กซี่ได้ที่ยิม"
ลูกน้องส่งกุญแจให้
"ขี่ระวังนะคะ เบรกไม่ค่อยดี"
"ไม่เอาไปคว่ำหรอกน่า รับรอง"
เวศม์ออกรถ อันตราสวมหมวกกันน็อก ขี่มอเตอร์ไซต์ตาม
เธอตามเขามาถึงผับแห่งหนึ่ง เวศม์จอดรถริมถนน อันตราขี่รถเลยไปเพื่อไม่ให้เวศม์ไหวตัว
แต่เบรกไม่ค่อยดี เธอเบรกไม่อยู่
"เฮ้ย เบรกสิ เบรก"
เธอต้องบีบคันเบรกย้ำ ๆ หลายที กว่ารถมอเตอร์ไซต์จะหยุด อันตราจอดรถ ถอดหมวกกันน็อก ไม่ได้ตื่นตกใจที่เมื่อกี้เกือบเบรกรถไม่อยู่ ชิล ๆ เวศม์รีบหันหน้ากลับเมื่อเธอจะหันมา เขาเดินเข้าผับ เธอตามเข้าไป
เธอนั่งหลบที่เคาน์เตอร์บาร์ ส่วนเวศม์นั่งโต๊ะรอเพื่อนอยู่ เขาและเธอต่างลอบมองกันไปมาต่างฝ่ายต่างกลัวอีกฝ่ายรู้ตัว
บาร์เทนเดอร์เขย่าค็อกเทล ลวดลาย ลีลาใช้ได้ จนเธอมองเพลิน บาร์เทนเดอร์เทใส่แก้ว ส่งให้ อันตราส่ายหน้า ฮึ ไม่ได้สั่ง
"สุภาพบุรุษท่านนึงสั่งให้คุณครับ"
เธอรับแก้วคอกเทลมองหาบุรุษนิรนาม ใครกันสั่งให้ บรรดาผู้ชายตามโต๊ะต่างๆไม่มีใครส่งตาปิ๊งสักคน เธอไม่วางใจ และไม่กินค็อกเทลแก้วนั้น
เวศม์ยิ้มพึมพำ
"แน่ะๆ หยิ่ง ไม่กิน"
เวศม์เห็นเพื่อนเดินเข้ามาทางประตูซึ่งไกลออกไปพอสมควร เขาโบกมือเรียก
อันตราเห็นอำพลกับออม อันตราจำออมได้ เพราะเข้าใจว่าออมเป็นกิ๊กเวศม์
เธอก้มหน้าก้มตาไม่ให้อำพลกับออมเห็นหน้า เพราะทั้งคู่ก็ดันมายืนข้างหลังเธอในระยะประชิด เธอหวาดเสียว กลัวโดนจับได้
"อั้มไปนั่งก่อนค่ะ ออมไปเติมแป้งในห้องน้ำเดี๋ยว" ออมบอก
"ผมไปเป็นเพื่อน แฟนผมสวยต้องตามไปเฝ้า"
อันตราได้ยินเต็มสองหู ผู้ชายคนนี้เรียกกิ๊กนายเวศม์ว่า แฟน!
"ไปหาเวศม์เถอะค่ะ เวศม์เค้ารอเรานานแล้ว"
ออมแยกไปห้องน้ำ อำพลไปนั่งกับเวศม์
เธอเผลอยิ้ม
"ผู้หญิงคนนั้นไม่ใช่กิ๊กนายเวศม์"
อันตราดีใจ ยิ้มแก้มแทบแตก เขาไม่ได้เจ้าชู้อย่างที่เธอคิด เวสม์เห็นเธอยิ้มแก้มปริอยู่คนเดียว นึกสงสัย ยิ้มอะไรของเค้า
อันตราใช้โทรศัพท์มือถือแอบถ่ายรูปเวศม์ อำพล และออม ถ่ายแค่รูปสองรูป เนื่องจากสถานที่ตรงนี้เปิดเผย ถ่ายรูปเยอะไม่ได้
ที่โต๊ะ เวศม์ถามเพื่อน
"ผู้หญิงตรงเคาน์เตอร์บาร์ น่ารักมั้ย"
อำพลกับออมหันไปมอง เป็นจังหวะที่เธอก้มดูรูปในมือถือ
"น่ารักดี แกชอบเหรอ"
"เฮ้ย เปล่า จำไม่ได้เหรอ ที่พาเมียหลวงเข้าไปยิงปืนในผับ"
"อ๋อ.. ออมจำได้ ทำไมเวศม์ถึงถามว่าเค้าน่ารักมั้ยล่ะ"
อำพลทำหน้าล้อเพื่อน
"แปลก ๆ นะคิดอะไรอยู่"
"อยากรู้ความเห็นคนอื่น ในสายตาฉัน หน้าตาอย่างนั้นน่ะพอควงไปวัดได้หลังพระฉันเพล ไปเช้า ๆ เด็กวัดตกใจตาย"
อำพลกับออมมองจับผิด เวศม์เส ยกน้ำขึ้นดื่ม กลบเกลื่อนอาการคนโกหก
สาวเซ็กซี่เข้าร้านมา พอเห็นเวศม์ ก็เดินกรีดกรายมานั่งข้างเวศม์ แถมควงแขนซะด้ว อันตราตาลุกวาว หวงเวศม์ซะแล้ว
เวศม์กลัวอันตราเข้าผิดใจ เลยดึงแขนออก
สาวกระซิบข้างหูเวศม์
"กลัวใครเห็นหรอคะ แอนไม่เคยลืม คืนนั้นของเรา"
อันตราเห็นสาวเซ็กซี่กระซิบกระซาบ ก็กัดริมฝีปากหึงจนลืมตัวว่ามาทำงาน อันตราไม่ถ่ายรูปเวศม์กับสาว เวศม์อึดอัด อยากให้สาวสวยไปนั่งโต๊ะอื่น
"เพื่อน ๆ คุณแอนนั่งโต๊ะนั้นครับ"
"แอนจะนั่งกับคุณค่ะ ไม่ได้เจอคุณเวศม์ตั้งนานแล้ว"
สาวสวยกอดเวศม์ อันตราฮึ่ม ๆ เขาขืนตัวจากอ้อมกอดสาว
"แอนคิดถึงคุณMiss U มากเลยค่ะเวศม์"
สาวสวยหอมแก้มเวศม์แบบไม่ให้ตั้งตัว
"เอ้ย !"
ความอดทนอันตราขาดผึ่ง !ภาพมันบาดตาเกินทน อันตรากลับ
"อย่าเพิ่งไปสิ"
เวศม์มองตามอันตราตาละห้อย อำพลกับออมเห็นอาการก็ดูออกว่า เวศม์ชอบผู้หญิงที่เพิ่งกลับไป เขายิ้มเนือยให้สาวเซ็กซี่ข้างกาย จะนั่งก็นั่งไปไม่ไล่แล้ว แต่เขาไม่เล่นด้วย ไม่โอบ ไม่กอด
ไม่ทำอะไรหญิงสาวทั้งนั้น เพราะเวลานี้ หัวใจเวศม์อยู่ที่ผู้หญิงอีกคนหนึ่ง
ในฟิตเนส ดับไฟมืดหมด ไม่มีคน เสียงผู้หญิงร้อง ฮึยๆๆ ออกกำลังกาย ดังมา มีห้องเดียวที่เปิดไฟสว่างโร่ ... ห้องต่อยมวย อันตรากำลังต่อยกระสอบทราย ปั้กๆๆ ระบายความอัดอั้น
แล้วเธอก็ยอมแพ้ ห้ามใจตัวเองไม่ได้ ถอดนวมทิ้ง นั่งลงที่มุมห้อง ปล่อยใจให้คิดถึงเวศม์
ตาลอย ยิ้มหวาน หลังมีความรักครั้งแรกตอนเรียนมหาวิทยาลัย เธอก็ไม่เคยพึงพอใจผู้ชายคนไหนอีกเลย จนกระทั่งมาเจอเวศม์ เวศม์มีเสน่ห์เหลือหลาย จนเธอเผลอใจ
สามใบไม่เถา ตอนที่ 3 (ต่อ)
ฝ่ายเวศม์กลับถึงบ้านก็กลุ้มใจ กลัวอันตราเข้าใจผิด เขาทิ้งตัวนั่งบนโซฟา ถอนหายใจ
คิดถึงความน่ารักแสบซ่าของเธอ
เขายิ้มตาหวานฉ่ำ ตั้งแต่ผิดหวังจากรักครั้งแรก ชนิดเจ็บเจียนตายก็ไม่มีผู้หญิงคนไหน กุมหัวใจเวศม์ได้ จนเวศม์มาเจออันตรา ผู้หญิงคนนี้น่ารักมาก เป็นธรรมชาติ ไม่เสริมเติมแต่ง ทั้งยังห้าวถูกใจเวศม์สุดๆ
ทั้งคู่ต่างคิดถึงกัน เพลงรักถักทอขึ้นแล้ว
คืนเดียวกัน แสงฉานหลบอุรวสาออกมาโทรศัพท์ที่หน้าวิลล่า
"สวัสดีครับ ผมเห็นประกาศในอินเตอร์เน็ต สนใจเซ้งร้านอาหารต่อ... แล้วเจ้าของร้านจะกลับวันไหนครับ"
แสงฉานคุยอย่างระแวง คอยมองห้องพัก กลัวอุรวสาออกมาได้ยิน
"ช่วยบอกเจ้าของร้านให้โทร.กลับหาผมที่เบอร์นี้ด้วยนะครับ ผมชื่อแสงฉาน ขอบคุณมากครับ"
เสียงพงษ์ชัยดังขึ้น
"ยังไม่นอนอีกเหรอครับ"
แสงฉานสะดุ้ง ! คนกำลังระแวงอยู่ มีเสียงทักขึ้นมา พงษ์ชัยมองจับผิดแสงฉาน ตกใจง่ายเกิน แสงฉานจีบปากจีบคอ เล่นบทเกย์
"คุยกับแฟนที่กรุงเทพฯ น่ะฮ่า จะวางหูก็งอน วุ๊ย.. ไม่รู้ใครเป็นคิงเป็นควีนกันแน่"
แสงฉานทำหน้าปะหลักปะเหลือก เหมือนผู้หญิงตอนงอนแฟน แล้วเดินก้นบิดเข้าห้องพัก
ยังไง พงษ์ชัยกับอนุวัติก็ไม่ปักเชื่อว่า แสงฉานเป็นเกย์ !?
"เกย์จริงหรือเกย์ปลอมเนี่ย" อนุวัติว่า
"ตอนคุยโทรศัพท์หมอนั่นดูระแวง เหมือนกลัวใครมาได้ยิน จับตาดูไว้ มันต้องมีความลับบางอย่าง"
"ผมว่าความลับของมัน คือ มันเป็นผู้ชาย"
วันใหม่ อุรวสาสำรวจโรงแรม เพื่อวางแผนตกแต่ง แสงฉานตามมาดูแลเมีย
อุรวสาบอกกับพงษ์ชัย
"ตรงนี้ดิฉันจะทำเป็นคอฟฟี่ชอฟค่ะ"
"อยู่นิ่งนะ ๆ ตะเอง"
แสงฉานตบยุงที่แก้มอุรวสาเบา ๆ เสียงดัง.. แปะ
"ต๊าย... เลือดแดงแจ๋เลยดูซี่"
พงษ์ชัยจับผิดและค้นหา สายเข้าโทรศัพท์มือถือแสงฉานพอดี
แสงฉานรับสาย เสียงแต๋วจ๋า
"ฮัลโหล"
เจ้าของร้านอาหารโทรกลับมา มีอึ้ง
เขาบอกกับอุรวสา
"ตะเอง เค้าออกไปคุยโทรศัพท์เดี๋ยวน้า"
แสงฉานเดินตุ้งติ้งออกไป อุรวสาอมยิ้ม เพราะท่าเดินคุณสามีน่าหมั่นไส้มาก
พงษ์ชัยพยักหน้าสั่งอนุวัติให้ตามแสงฉานไป
อนุวัติเดินหาแสงฉานเห็นหลบมุมคุยโทรศัพท์
"ผมจะเปิดร้านอาหารฝรั่งน่ะครับ งบประมาณค่อนข้างจำกัด ลดราคาค่าเซ้งลงซักหน่อยได้มั้ยครับ ได้ครับ กลับกรุงเทพฯแล้วจะไปคุยกับคุณ ขอบคุณมากนะครับที่โทรกลับ แล้วเจอกันครับ"
แสงฉานยิ้มพอใจ แผนเปิดร้านอาหารคืบหน้า ชายหนุ่มเจอร้านถูกใจแล้ว อนุวัติฉงน แค่เรื่องเปิดร้านอาหาร แสงฉานถึงกับต้องหลบเลี่ยง ไม่คุยต่อหน้าอุรวสา ทำไม ?
แสงฉานเดินกลับเข้ามา ไม่ลืมเดินตุ้งติ้งทำตัวเป็นเกย์
"ใครโทร.มาจ๊ะแสง"
แสงฉานหลอกอุรวสา
"เพื่อนที่เมกาน่ะ อุ๊ยๆๆยุงบินให้ว่อนเลย"
แสงฉานเอามือพัดไล่ยุงรอบตัวอุรวสา
"ดีจัง มีเครื่องไล่ยุงส่วนตัว ไม่กินไฟด้วย"
"ฮ่ะ แม่วสากินแรงเพื่อน"
อุรวสาหัวเราะ เดินสำรวจโรงแรม โดยแสงฉานเดินตามพัดไล่ยุงให้ อนุวัติเดินเข้ามากระซิบบอกพงษ์ชัย
"โกหกครับ ไม่ได้คุยกับเพื่อนที่อเมริกา คุยกับเจ้าของร้านอาหาร ได้ยินว่าจะเซ้งต่อ"
"เซ้งร้านอาหาร มันเป็นความลับตรงไหน"
"นั่นซีครับ"
พงษ์ชัยกับอนุวัติมองสงสัย หมอนี่มีความลับอะไร เซ้งร้านอาหารสำคัญยังไง
เที่ยงแล้ว พงษ์ชัยพาอุรวสากับแสงฉานมาทานอาหาร บริกรยกสปาเก็ตตี้ 4 จานมาเสิร์ฟ
"สปาเก็ตตี้ร้านนี้อร่อยที่สุดบนเกาะช้างเลยนะครับ ลองชิมดู" พงษ์ชัยบอก
อุรวสากินสปาเก็ตตี้
"อร่อยดีค่ะ แต่แสงทำอร่อยกว่า แสงเป็นเชฟระดับ 5 ดาวจากอเมริกาเชียวนะคะ"
"ตะเองก็..เว่อร์"
"แสงกำลังจะเปิดร้านอาหาร ตอนนี้เราหาร้านกันอยู่ค่ะ ยังไม่เจอร้านถูกใจ"
แสงฉานหน้าเสีย ชายหนุ่มเจอร้านถูกใจแล้ว โทร.นัดคุยกับเจ้าของร้านแล้วด้วย ปิดอุรวสา
พงษ์ชัยกับอนุวัติเหลือบมองหน้ากัน นี่เอง ความลับของแสงฉาน แสงฉานแอบติดต่อเจ้าของร้านโดยไม่บอกอุรวสา
"เอ ผมได้ยินคุณแสงฉานคุยโทรศัพท์ เห็นนัดเจ้าของร้านอาหารจะเซ้งต่อแล้วนี่ครับ"
อนุวัติทิ้งระเบิดบึ้ม ! อุรวสาหันขวับมอง แสงฉานกลืนน้ำลายเอื๊อก... กลัวเมียโกรธ
"อืม....เอ่อ..อ่า"
อุรวสาเห็นอาการ รู้ว่าสามีมีเรื่องปกปิด
แสงฉานสารภาพแล้วแอบโทร.ติดต่อเจ้าของร้านอาหาร อุรวสาโกรธ ต่อว่าต่อขาน
"ทำอย่างนี้ได้ยังไงคะแสง ไม่ปรึกษาวสาซักคำ เราแต่งงานกันแล้วนะคะ"
"เค้าขอโทษนะตะเอง"
"ไม่ขำ"
แสงฉานหน้าแหย เลิกทำตัวเป็นเกย์
"วสา คุณเข้าใจผมนะ ผมบอก คุณก็ไม่เห็นด้วย"
"แสดงว่าแสงเลือกร้านอาหารเล็ก ๆ ที่วสาไม่ชอบ"
แสงฉานพยักหน้ายอมรับ
"เมื่อไหร่แสงจะเข้าใจ! คุณพ่อวสาต้องการให้ลูกเขยคนโตเป็นนักธุรกิจ ประสบความสำเร็จเหมือนกับท่าน แสงมัวแต่ทำตามใจตัวเอง"
"ที่รักจ๋าผมเข้าใจ ที่รักกดดันมาก เพราะพ่อคาดหวังไว้มาก"
"แสงไม่เข้าใจหรอก !วสาตกอยู่ตรงกลางระหว่างคุณพ่อกับคุณ คนนึงก็ต้องการอย่าง อีกคนก็ต้องการอีกอย่าง วสาพยายามทำให้ความต้องการของทั้งคู่มาบรรจบกัน คนกลางอย่างวสาได้เลิกเครียดซะที"
อุรวสาเครียดจริงอย่างที่ระเบิดคำพูดออกไป ความคาดหวังของพ่อกดดันเธอ ความฝันของสามี ก็กดดันเธอ
"ขอโทษจ้ะที่รัก ยกโทษให้ผมนะจ๊ะ"
แสงฉานกอดอุรวสาทำตาปริบ ๆ อุรวสาเบือนหน้า ตอนนี้แสงฉานมามุขไหน ก็ไม่ช่วยอะไรให้ดีขึ้น
พงษ์ชัยกับอนุวัติคุยเรื่องแสงฉานกับอุรวสาในห้องอาหารเดิม
"ไม่รู้ไปทะเลาะกันถึงไหนนะครับ ผมว่า คู่นั้นเหมือนผัวเมียตีกัน"
"ถ้าหมอนั่นเป็นผัวคุณอุรวสาจริง มันแน่มาก ต้มคุณอัษฎาซะเปื่อย"
อัษฎาโทร.เข้ามือถือลูกสาว อุรวสารีบร้อนจนลืมหยิบมือถือไปด้วย
พงษ์ชัยรับสายให้
พอปลายสายกดรับปุ๊บ อัษฎาก็โวยใส่ปั๊บ
"มัวทำอะไรอยู่ฮึถึงรับสายพ่อช้า"
อัษฎาโทรคุยกับพงษ์ชัย
"ผมพงษ์ชัยครับ"
"อ้าว ขอโทษครับ คุณวสาไปไหนครับ"
"เดินหายไปกับคุณแสงฉานครับ" พงษ์ชัยบอก
อัษฎาโวย
"คุณปล่อยให้ลูกสาวผมอยู่กับหมอนั่นลำพังได้ยังไงคุณพงษ์ชัย"
สมศักดิ์ปรามอัษฎา
"ไปด่าเค้าทำไมไอ้อัษ เค้าไม่เกี่ยว มานี่ฉันคุยเอง"
"ไม่ต้อง ! แกมันชอบให้ท้ายลูกฉัน"
พงษ์พูดต่อ
"คุณอัษฎาหวงลูกสาว แสดงว่าสงสัยนายแสงฉานเหมือนกัน"
พงษ์ชัยหน้าเจ้าเล่ห์ หมายจะยืมมืออัษฎาไล่แสงฉาน
อัษฎาคุยโทร.ต่อ
"ตามคุณวสามาคุยกับผมทีครับ
พงษ์ชัยหย่อนระเบิด
"คุณอุรวสาลืมมือถือไว้ที่ผมกลับห้องพักไปกับคุณแสงฉานแล้ว เค้าสองคนพักห้องเดียวกันน่ะครับ"
"อะไรนะ" อัษฎากำโทรศัพท์แน่น แทบจะบีบให้แหลกคามือ
พงษ์ชัยวางสายอัษฎา หัวเราะฮึๆ
"งานนี้ไอ้แสงฉานไม่รอด"
ฝ่ายอัษฎาโมโหแทบบ้า เปิดปิดลิ้นชักปังๆๆ หากุญแจรถไม่เจอ
"หาอะไร!" สมศักดิ์ถาม
"กุญแจรถ"
"อยู่นี่ไง !" สมศักดิ์หยิบกุญแจบนโต๊ะทำงานให้อัษฎา
"ฉันไม่เห็น ! ศักดิ์ ฉันจะไปเอาเลือดหัวไอ้แสงฉานออก มันหลอกลูกสาวฉัน"
"คุณวสาฉลาดเป็นกรด ไม่โดนใครหลอกง่าย ๆ หรอก"
อัษฎาครุ่นคิด
"จริงของแก มันต้องหาทางให้ดิ้นไม่หลุด"
อัษฎาโมโหเดือดปุด ๆ อยู่ดี ๆ กลายเป็นนิ่ง...ขบคิด หรือแผนเป็นเกย์ อุรวสามีเอี่ยวด้วย
อัษฎายิ้มหัวเราะชอบใจที่คิดออก
"ฮะๆ คิดออกแล้ว...เสร็จฉันแน่"
"อะไรของมัน เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้ายเฮ้อ อยู่ใกล้ ๆ แล้วปวดหัว"
อัษฎาครุ่นคิด จะจับผิดลูกสาวคนโตที่ฉลาดเป็นกรด ต้องมีหลักฐานแน่นหนา
ในงานเปิดพิพิธภัณฑ์ ชรินทร์ นันทนาคร ได้รับเชิญมาเปิดงาน แฟนคลับมาร่วมงานหลายคน ทุกคนแต่งกายย้อนยุคไปสมัยเพลงลูกกรุงฮิต อินทุอรสวยน่ารักในชุดกะโปรง พวกป้า ๆ กระดี๊กระด๊าได้แต่งตัวเหมือนสมัยตัวเองยังสาว
ชรินทร์ นันทนาครตัดริบบิ้น ทุกคนปรบมือ ใบหน้าฉาบไปด้วยรอยยิ้มชื่นมื่น
"ขอให้พิพิธภัณฑ์ของคุณอัปสรเป็นที่รู้จัก มีชื่อเสียงมาก ๆ นะครับ"
"ขอบพระคุณค่ะ"
แฟนคลับรุ่นเดอะใช้ไอแพด โทรศัพท์มือถือถ่ายรูป ถ่ายวิดีโอคลิปชรินทร์...
"สมัยก่อนเวลาร้องเพลงจะเจอแสงแฟลชเข้าตาวูบวาบ เดี๋ยวนี้เปลี่ยนเป็นไอแพด มือถือกันหมดแล้ว" ชรินทร์อมยิ้ม "ว่าแต่ผมจะโดนคลิปหลุดมั้ยครับ"
แฟนคลับหัวเราะชอบใจ นักร้องขวัญใจพูดอะไรก็ดูดีน่าฟังไปโหม้ด
"ขออนุญาตพาคุณลุงชรินทร์เดินชมพิพิธภัณฑ์นะคะ" อินทุอรนำทางไป "ตรงนี้เป็น
ประวัติตั้งแต่เข้าวงการเพลง บันทึกแผ่นเสียงเพลงไหน ปีอะไร"
"หนูยังเด็กอยู่เลย ทำไมชอบเพลงลูกกรุงจ๊ะ"
"อินชอบเนื้อหาของเพลงค่ะ ฟังแล้วสละสลวย คล้องจองเหมือนบทกลอน"
ชรินทร์เอ็นดูอินทุอร ผู้ใหญ่คนอื่น ๆ ก็ด้วย โดยเฉพาะอัปสรปลื้มสุด ๆ
ภิสิตเดินเข้ามาในงาน แต่งตัวย้อนยุคเข้ากับธีมงาน คนทั้งงานหันมอง เพราะภิสิตหล่อเนี๊ยบอย่างกับท่านชาย
ภิสิตหันไปมองอินทุอรเขม็ง เธอแต่งตัวสวยน่ารักสดใส ใจแทบละลาย วันนี้หนูอินสวยมาก
งานเริ่มมาซักพักแล้ว อินทุอรเล่นเปียโนให้ชรินทร์ร้องเพลง ตอนนี้กำลังร้อง... เรือนแพ -- ... "เรือนแพ สุขจริงอิงกระแสธารา..."
ภิสิตเผลอมองด้วยสายตาชื่นชม อัปสรกับต้อยและแต๋วที่อยู่อีกด้านหนึ่งของงาน
ทั้งสามคนพยักเพยิดหันไปมองด้วยสายตาพอใจ
อัปสรหันมาบอกเพื่อน
"แต๋ว ต้อย เธอสองคนต้องช่วยสนับสนุนคนให้รักกัน"
แต๋วถาม
"อะไร..ยังไง"
"นิยายรักเรื่องนี้...นางเอกต้องเป็นหนูอิน"
แต๋วกับต้อยเห็นอัปสรชี้ไปที่ภิสิตกับอินทุอร นึกรู้ทันที
"อู้ย... เราเป็นแฟนคลับนางเอกอยู่แล้ว บอกมา จะให้ฉันทำอะไร"
3 ป้าสุมหัวกันวางแผน
อินทุอรยังคงเล่นเปียโนอย่างมีความสุข
ชรินทร์ร้องท่อนสุดท้ายของ "น้ำตาแสงไต้" จบ แฟนคลับปรบมือ ได้เวลาปฏิบัติการ 3 ป้าขยิบตาให้กัน พร้อมกระจายกำลังกัน ทำตามแผน
แต๋วเริ่มไม้ 1ไปหาอินทุอร
"หนูอินพักบ้างลูก เล่นมาเป็นชั่วโมงแล้ว ป้าเมื่อยนิ้วแทน"
"หนูไปพักเถอะจ้ะ"
"ค่ะ"
แต๋วกวักมือเรียกคนที่เตรียมไว้ ให้มาเล่นเปียโนแทน
แต๋วกระซิบบอกชรินทร์
"ขอเพลงซักเพลงนะคะ"
บุษบาบัณนำรถเข้ามาจอดที่หน้าประตูรั้วบ้านอัปสร มองไปด้านในเห็นมีบรรยากาศของการจัดงานเปิดพิพิธภัณฑ์อยู่ เสียงเปียโนดังแว่วเข้ามา เธอตัดสินใจเดินไปยังบ้านอัปสร
ชรินทร์กำลังร้องเพลง.. หยาดเพชร - - "เปรียบเธอเพชรงามน้ำหนึ่ง หวาน...ปานน้ำผึ้งเดือนห้า..."
อินทุอรตาเป็นประกายแวววาว ปลาบปลื้ม ได้ฟังเพลงหยาดเพชรสด ๆ จากนักร้องในดวงใจ
ต้อยรับไม้ที่ 2 ไปหาภิสิต
"ดูหนูอินสิพ่อสิต ท่าทางชอบเพลงหยาดเพชรม๊ากมาก"
"ครับ"
"ไปขอหนูอินเต้นรำสิพ่อสิต"
ภิสิตอึ้ง ป้าต้อยมาขอให้ภิสิตทำในสิ่งที่เขาไม่แน่ใจว่า เหมาะสม
บุษบาบัณเดินเข้ามาในบริเวณบ้านอัปสรแล้ว ส่งสายตามองไปทั่วๆ และกำลังจะเดินตรงไปยังพิพิธภัณฑ์ที่มีการจัดงานอยู่
ชรินทร์ครวญเพลงหยาดเพชร ถึงกลางเพลงแล้ว... แฟนคลับรุ่นเดอะเต้นรำ ภิสิตไม่ไปขออินทุอรเต้นรำซะที ป้าต้อยกับป้าแต๋วช่วยกันบิ้วใหญ่
"พิรี้พิไรอยู่นั่นแหละตาสิต เดี๋ยวเพลงก็จบหรอก"ต้อยว่า
"ดูหนูอินสิ น่าสงสาร ไม่มีใครขอเต้นรำ" แต๋วบอก
อินทุอรหน้าม่อย มองรุ่นเดอะเต้นรำ เธออยากเต้นรำบ้าง เขานึกถึงอดีต... ที่เต้นรำกับอินทุอรในวัยเด็ก
ภิสิตตัดสินใจไปหาอินทุอร โค้งให้
"เต้นรำกับอานะคะหนูอิน"
อินทุอรยิ้มหวาน
"ค่ะ"
อินทุอรส่งมือให้ ภิสิตใจสั่นหวิว ส่วนเธอไม่รู้สึกวูบไหวแต่อย่างไร
"ตอนเราเต้นรำเพลงนี้ครั้งแรก หนูอินยังเด็กอยู่เลย"
"อาสิตจำได้"
เธอดีใจมาก
"ใครจะลืมเด็กผู้หญิงตัวเล็ก ๆ น่ารักคนนั้นได้ล่ะคะ"
ทั้งคู่เต้นรำ ภิสิตปล่อยใจเคลิ้มไปกับความหวานของเพลง ...
ป้าต้อยกับป้าแต๋วกรี๊ดเบา ๆ แผนสำเร็จ อัปสรหันไปยกนิ้วโอเคกับทั้งสองคนด้วยความพอใจ
บุษบาบัณเดินเข้ามาในงานพอดี ตาลุกหวงภิสิตมาก ภิสิตเอาแต่มองวงหน้าสวยใสของอินทุอรและยังไม่เห็นบุษบาบัณ เช่นเดียวกับสามป้าที่ไม่ทันมองบุษบาบัณเช่นกัน มัวแต่ชื่นชมยินดีที่ทำตัวเป็นแม่สื่อแม่ชักได้
"ดูสิเธอ หลานฉันกับหนูอิน...ทั้งสวยทั้งหล่อ สมกันราวกับกิ่งทองใบหยก"
"เหมือนพระเอกนางเอกละครจุฑาเทพฯ เลยเนอะ" ต้อยบอก
บุษบาบัณได้ยินพวกอีป้าคุยกัน โกรธ!... พวกอีป้าจับคู่ภิสิตกับอินทุอร! เธอกัดฟันกรอด ต้องเอาคืนอีป้าอัปสร หัวขบวนให้เจ็บแสบ เธอมองซ้ายขวาเห็นแผ่นเสียงในตู้ก็แอบเอาหยิบแผ่นเสียงของแท้หลายแผ่น ซ่อนข้างหลัง ค่อย ๆ เดินออกไปไม่ให้ใครสังเกต
เธอเอาแผ่นแท้พวกนั้นไปเผาไฟ แผ่นกำลังโดนไฟเผาลุกไหม้ บุษบาบัณยิ้มสะใจ คนใช้ตามพวกป้า ๆ มา เหล่าป้ากรี๊ดลั่น
"หยุดเดี๋ยวนี้นะแม่บุษ ! นั่นของหนูอิน"
"อ้าว... ของหนูอินหรอคะ แหม ถ้ารู้ก่อน จะขนมาเผาให้หมด"
ต้อยกับแต๋ววิ่งไปตักน้ำมาราดดับไฟ แต่แผ่นเสียงก็ถูกเผาไหม้ เสียหายแล้ว อัปสรแสนเสียดายแผ่นเสียงของแท้ หายาก
"เธอทำอย่างนี้ทำไม"
"ป้าอัปสรคิดวางแผนแย่งของๆ บุษ บุษทำลายของๆ ป้า แฟร์ออกค่ะ"
"ฉันไปแย่งของอะไรเธอ"
"ภิสิตไงคะ...ป้าอัปสรกำลังจับคู่คุณสิตกับหนูอิน คิดจะแยกผัวแยกเมีย มันบาปมากนะคะ"
อัปสรอึ้งไปนิดหนึ่งที่บุษบาบัณพูดเรื่องจริง
"ก็ถ้าเมียมันใช้ไม่ได้...ร่านไม่มียางอาย ฉันคงทนให้หลานต้องทนทุกข์ไปตลอดชีวิตไม่ได้หรอก เสียดาย..หนูอินเกิดช้าไป ไม่งั้นฉันจะจับแต่งงานกับตาสิต"
"เที่ยวหาผัวให้ชาวบ้าน หาผัวให้ตัวเองก่อนเถอะ...นังแก่หมดสภาพ"
อัปสรโกรธถึงขีดสุด ตบหน้าบุษบาบัณ เพี้ยะ !
แต๋ว ต้อยร้อง "ว้าย"
บุษบาบัณไม่รีรอ ตบหน้าอัปสร เพี้ยะ !
ภิสิตมาเห็นป้าถูกบุษบาบัณตบหน้า แทบไม่เชื่อสายตาว่า บุษบาบัณกล้าทำ ! อัปสรโรคหอบหืดกำเริบ หายใจไม่ทัน
"ตายแล้ว ! ยา.. ยาอยู่ไหน" แต๋วว่า
ต้อยบอก
"ลองดูในกระเป๋าสิ"
แต๋วล้วงกระเป๋าชุดอัปสร หยิบยาพ่นให้ แล้วจับอัปสรนอนลงกับพื้น กอดไว้ ภิสิตไม่เคยโกรธบุษบาบัณมากเท่านี้มาก่อน
"คุณทำร้ายผม...ผมทนได้ แต่คุณทำร้ายผู้มีพระคุณของผมผมยอมไม่ได้"
"ทำไม..คุณจะทำอะไรบุษ จะตบบุษเหรอ เอาซี่"
"ป้าอัปสรเหมือนแม่แท้ ๆ คุณทำร้ายแม่ของผม บุษ... เราหย่ากัน"
บุษบาบัณตกใจ ภิสิตไม่อยากพูดเรื่องหย่ามาก่อน
"คุณ..คุณไม่กล้าหย่าหรอก คุณรักษาหน้าตา ชื่อเสียงวงศ์ตระกูลจะตาย"
"ตอนนี้คนที่ผมต้องปกป้องไม่ใช่ตัวเอง ผมต้องปกป้องผู้หญิงที่รักผมที่สุด" เขาประคองอัปสรขึ้น กอดไว้ "ผู้หญิงคนนี้มีเกียรติยศมีศักดิ์ศรี เกินกว่าที่ผมจะปล่อยให้ผู้หญิงต่ำ ๆ ลบหลู่ ผมจะหย่า ได้ยินมั้ยบุษ ผมต้องการหย่า"
ภิสิตหน้าตาขึงขังมาก เอาจริง!บุษบาบัณไม่เคยเจอภิสิตโวยใส่รุนแรงขนาดนี้ ยอกย้อนไม่ออก อัปสรที่อาการทุเลาแล้ว ยิ้มเยาะ บุษบาบัณแค้นใจมากกำมือแน่น
บุษบาบัณเดินมาถึงรถ โมโหระบายอารมณ์ฟาดกระเป๋าถือกับรถ จนกระเป๋าใบละหลักแสน สายขาด !
"ภิสิต...คุณทำลายทุกสิ่งทุกอย่างในชีวิตฉัน"
บุษบาบัณมีสีหน้าเครียดกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
บริเวณมุมสงบในสวนบ้านอัปสร ภิสิตปลีกตัวมาอยู่คนเดียวหลังตัดสินใจขอหย่า อัปสรเดินมาหา มองหลานด้วยแววตาเข้าใจและเห็นใจ
"สิต"
"ผมไม่อยากให้ชีวิตคู่จบลงแบบนี้เลย ถึงบุษบาบัณจะทำร้ายจิตใจผมมาโดยตลอด แต่อย่างน้อยเค้าก็ได้ชื่อว่าเป็นภรรยา"
"ไม่มีใครอยากให้ชีวิตครอบครัวล่มสลายหรอกนะสิต แต่สำหรับกรณีของเรา สิตตัดสินใจแบบนี้น่ะถูกแล้ว...หย่าๆ กันไปจะได้หมดทุกข์ซะที"
ภิสิตเงียบไม่ตอบอัปสร ได้แต่นั่งนิ่งแววตาเครียด
อัษฎาพาสมศักดิ์มาที่คอนโดฯ สมศักดิ์มองไปรอบๆ ด้วยสีหน้างงๆ
"ฮั่นแน่ไอ้อัษ ซุกเด็กไว้ที่นี่เหรอวะ"
"ไอ้บ้า.. คุณวสาอยู่ที่นี่โว้ย"
"พาฉันมาทำไม"
อัษฎาไม่ตอบเดินตรงไปหายามที่เคาน์เตอร์
อัษฎาบอกกับยาม
"ผมทำคีย์การ์ดหาย มีแต่กุญแจห้อง"
อัษฎาโชว์กุญแจห้องให้ยามดู ยามใช้คีย์การ์ดเปิดประตูให้ สมศักดิ์ไม่เข้าใจ อัษฎามาทำอะไรที่คอนโดฯ
อัษฎาไขประตูห้องอุรวสา
"ฉันแอบปั๊มกุญแจไว้ ตอนคุณวสาไปนอนบ้าน"
"แสบจริงๆ ไอ้พ่อเวร"
"คุณวสาฉลาดเป็นกรด ถ้าจะจับให้ได้ว่าหลอกเรื่องไอ้แสงฉานเป็นเกย์ เราต้องมีหลักฐานชัดๆ จะๆ ดิ้นไม่หลุด"
อัษฎาไขกุญแจห้องไม่ออก
"วะ! ช่างทำกุญแจไม่ได้เรื่อง ปั๊มมาใช้ไม่ได้"
"ฮ่าๆ กรรมตามทัน อยากวุ่นวายกับลูกสาวดีนัก"
"ฮึๆๆ ฉันรอบคอบเว้ย"
อัษฎาล้วงไขควงกับสิ่วจากกระเป๋า เริ่มทำการงัดแงะประตูห้อง
"ไอ้อัษ ! เดี๋ยวก็โดนจับหรอก"
"งัดห้องลูกตัวเอง ไม่ผิดกฎหมาย"
คนข้างห้องกลับมา เห็นอัษฎากำลังงัดห้องก็มองอย่างระแวง รีบเข้าห้อง ล็อกประตูทันที
อัษฎาไม่สนว่าใครจะมาเห็น ตั้งหน้าตั้งตางัดประตูห้องลูกสาว สมศักดิ์ปวดเฮด
อัษฎาออกแรงงัดแงะลูกบิดประตู แต่งัดไม่ออก
"ลูกบิดยี่ห้อนี้คุณภาพดีว่ะ โจรตัวพ่องัดยังไงก็งัดไม่ออก"
อัษฎาหันขวับมามองสมศักดิ์ด้วยแววตาไม่สบอารมณ์ สมศักดิ์จ๋อยไป
ยาม 1 และยาม 2 มา คนห้องติดกันโผล่หน้าออกมาบอกยาม
"จับโจรเลยครับ"
"เฮ้ย ! ผมไม่ใช่โจร"
"ตัวใครตัวมันล่ะเว้ยไอ้อัษ!W"
สมศักดิ์เผ่นไปก่อน วิ่งไปไม่ถึงไหนโดนยาม 1 ตะครุบตัวได้
ยาม 2 จับอัษฎา โรมรัมพันตูกัน
"นี่ห้องลูกผม โทร.ถามดูก็ได้"
อัษฎากอดรัดฟัดเหวี่ยง สู้กับยาม 2 คลุกวงในกัน แล้วอัษฎาเห็นหน้ายาม 2 ชัด ๆ เอ๊ะ...คุ้น ๆ
"เกย์!"
อัษฎากลัวเกย์ ถีบยาม 2 จนกระเด็น
"ห่วย ข้อย บ่ ได้เป็นเกย์ ข้อยสิผู้ซายทั้งแท่ง"
"อ้าว ไม่ได้เป็นแฟนกับผู้ชายห้องนี้เหรอ"
"คุณแสงฉานสิจ้างข้อยถ่ายรูป เป็นคู่เกย์กัน"
"ไอ้แสงฉาน"
อัษฎา แค้นสุดๆ
สามใบไม่เถา ตอนที่ 3 (ต่อ)
ประตูรั้วเปิดอัตโนมัติ รถเก๋งคันงามของอัษฎาแล่นเฉไปเฉมา เข้าบ้าน เหมือนคนขับเมา
บราลีกับคนใช้วิ่งออกมาดู อัษฎากับสมศักดิ์ลงจากรถมาทะเลาะกันต่อ
สมศักดิ์วิ่งหนีอัษฎาเป็นพัลวัน อัษฎาวิ่งไล่มา
"ไอ้สมศักดิ์...เอากุญแจรถมาให้ฉัน"
"นี่เมากันมาเหรอคะ"
"คุณบราลีห้ามมันที เจ้าอัษจะบุกเกาะช้าง ไปเอาเรื่องแสงฉาน"
"ไอ้แสงฉานหลอกเรา!มันจ้างยามที่คอนโดถ่ายรูปเป็นคู่เกย์กับมัน"
บราลีเบื่อผัว
"เลิกจับผิดแสงฉานซะทีเถอะค่ะ"
"คุณไม่เชื่องั้นไปคอนโดลูกกับผม ไปถามไอ้ยามนั่นด้วยตัวเอง"
"ยังใจกล้าหน้าด้านไปอีกเหรอไอ้อัษ ! เค้าไม่เอาเรื่องแกก็ดีเท่าไหร่แล้ว ไปงัดห้องเค้า"
"ส่งกุญแจรถมา"
สมศักดิ์เอากุญแจรถไปให้บราลีถือ อัษฎาทำท่าขึงขังเดินเข้าไปหาบราลีราวกับจะเอาเรื่อง
"ถ้าไม่อยากมีเรื่อง...เอากุญแจรถคืนมา"
บราลีกำกุญแจรถไม่ให้ อัษฎาจ้องเห็นแววตาอำมหิตบราลีแล้วชะงัก
"ได้... เหมาสามล้อไปก็ด้าย"
อัษฎาเดินจ้ำพรวดๆ ออกจากบ้าน สมศักดิ์กับบราลีอ่อนใจ อัษฎาดื้อมาก
"คุณอัษคะ"
บราลีวิ่งไปตามสามี
อุรวสาออกไปทำงานกับพงษ์ชัยทั้งวัน เหนื่อยกลับมา แสงฉานเนรมิตวิลล่าเป็นสปาย่อม ๆ เตรียมน้ำมันหอม หมอน ผ้ารองนอน อุปกรณ์ทำสปาไว้เอาใจศรีภรรยา
"ที่รักจ๋า เดินดูโรงแรมทั้งวัน เมื่อยขาสินะ มานี่เลยจ้ะ มา ๆ"
แสงฉานจูงอุรวสาไปนั่ง ยกขาเธอพาดตัก ใช้ผ้าชุบน้ำอุ่น เช็ดเท้าให้ เอาใจสุด ๆ อุรวสาตีหน้าเฉย ยังเคืองที่แอบติดต่อขอเซ้งร้านอาหารโดยไม่บอก
"ผมจะจับเส้นให้นะจ๊ะ ได้หายเมื่อย อืม.. เส้นอยู่ไหนหว่า"
แสงฉานจับเส้นไม่เป็น จากจับเส้นกลายเป็นจั๊กจี้ อุรวสาหัวเราะร่วน
"อุ๊ย โดนเส้นแล้ว เส้นตื้น"
แสงฉานแกล้งจั๊กจี้เท้าเมีย อุรวสาหัวเราะจนท้องคัดท้องแข็ง
"พอแล้วค่ะแสง วสาไม่ไหวแล้ว"
แสงฉานเลิกจั๊กจี้
"หายโกรธผมเรื่องร้านอาหารแล้วนะที่รัก"
อุรวสาค้อนผัวแต่พองาม ก่อนพยักหน้า หายโกรธก็ได้ แสงฉานดีใจ จุ๊บแก้ม
"วสาหิวน้ำจังค่ะ"
"สปาแสงฉานมีบริการน้ำดื่มฟรีด้วยจ้ะ"
แสงฉานเข้าส่วนห้องพัก ไปเอาน้ำ เธอหน้านิ่วมองตาม คือจริงๆ ยังเคืองแสงฉาน หลังจากทะเลาะกันเรื่องเซ้งร้านอาหาร ก็ไม่ได้เปิดอกคุยกันเรื่องนี้อีกเลย ปัญหายังคาราคาซัง
ภายในห้องยิม อันตราแอบมองเวศม์เล่นเวท เห็นเวศม์หัวเราะเฮฮากับเพื่อนนักยกเวท
เธอเผลอยิ้ม เวศม์เป็นผู้ชายเจ้าเสน่ห์ ทำอะไรก็ดูดี น่ามองไปหมด เธอดึงใจตัวเองกลับมา
"ไปชอบเป้าหมายได้ไง นี่แน่ะๆๆ"
อันตราเขกหัวตัวเองโป๊กๆๆลงโทษตัวเอง
มืดแล้ว เวศม์ออกกำลังกายเสร็จ จะกลับบ้านแล้ว ชำเลืองมองไปทางด้านหลังรู้ว่าอันตราแอบตามมา
"นี่เป็นครั้งสุดท้าย... ที่ฉันจะตามนาย"
เวศม์ออกรถ อัอันตราขี่รถมอเตอร์ไซต์ลูกน้องตามรถเวศม์
ภิสิตขับรถตามรถอินทุอรเข้าบ้าน อินทุอรมาหาภิสิตที่ไม่ลงจากรถ
"เข้าบ้านก่อนนะคะอาสิต"
"ดึกแล้ว...อากลับดีกว่าค่ะ อาเป็นห่วงเลยขับตามมาส่งหนูอิน"
"คุณพ่อต้องงอนน่าดูถ้ารู้ว่าอาสิตมาถึงบ้านแล้วไม่เข้าไปหา เข้าไปแป๊บนึงนะคะอาสิต"
ภิสิตลังเล ไม่อยากใกล้ชิดอินทุอรมากนัก ห้ามใจตัวเอง มันเหนื่อย
CUT /
ทั้งคู่เข้าบ้าน คนรับใช้มารับหน้า
"น้อย.. ขึ้นไปบอกคุณพ่อทีจ้ะ อาสิตมา"
"คุณท่านไปเกาะช้างค่ะ คุณผู้หญิงก็ไปด้วย"
"ไปทำอะไร?" อินทุอรจะโทร.หาแม่ ดูหน้าจอมือถือ " Miss call คุณแม่เพียบเลย อินปิดเสียงเลยไม่ได้ยินตอนคุณแม่โทร.มาอาสิตนั่งก่อนนะคะ"
อินจะไปทำน้ำผลไม้มาให้ ภิสิตเอ่ยปากห้ามไม่ทัน
ภิสิตนั่งลง ถอนหายใจ การอยู่ใกล้อินทุอร มันช่างทรมานใจจีบก็ไม่ได้ เพราะภิสิตยังไม่ได้หย่า ภิสิตเห็นเธอกำลังเปิดตู้เย็นเตรียมน้ำผลไม้ให้
"ในตู้เย็นมีฝรั่งอยู่พอดี .. รอแป๊บนะคะ เดี๋ยวอินจะทำน้ำฝรั่งสดๆ ให้ดื่ม"
อินทุอรหั่นฝรั่งเพื่อเตรียมทำน้ำฝรั่งจากเครื่องคั้นแยกกากให้ภิสิต เขาเห็นท่าทางและกิริยาแม่บ้านของอินทุอร เผลอมองด้วยสายตาชื่นชม ลืมตัวว่า ไม่ควรสนิทสนมกับผู้หญิงคนนี้
คืนเดียวกัน พงษ์ชัยกับอนุวัติมาติดต่อพนักงาน พรุ่งนี้จะเช็คเอ้าท์แล้ว เจออัษฎากับบราลีพอดี
"คุณอัษฎา ! มาทำอะไรครับ"
อัษฎาทำหน้าถมึงทึง
"มาหาลูกสาวครับ"
"คุณอุรวสาอยู่วิลล่าหมายเลข..."
"พนักงานบอกแล้วครับ"
อัษฎาไม่มีอารมณ์คุยกับพงษ์ชัย ที่บุกมาเกาะช้างก็เพื่อมาเอาเลือดหัวไอ้แสงฉานออก
อัษฎาเดินจ้ำพรวดๆๆไป หน้าตาเอาเรื่องสุดๆ บราลียิ้มทักพงษ์ชัยตามมารยาท แล้วรีบตามสามีไป
อนุวัติบอก
"ดูท่าจะมีเรื่องนะครับ"
อนุวัติจะตามไปดู พงษ์ชัยยกมือห้าม
"อย่าก้าวก่ายเรื่องในครอบครัวเค้า ฉันไม่อยากให้ว่าที่พ่อตาเหม็นหน้า"
พงษ์ชัยยิ้มกริ่ม อัษฎาถึงขั้นบุกมา ต้องเป็นเรื่องใหญ่ ไอ้แสงฉานต้องโดนดี
แก้วน้ำฝรั่งวางเสริฟต่อหน้าภิสิต ที่นั่งดูทีวีอยู่
"น้ำฝรั่งสด ๆ รับรองว่าชื่นใจแถมให้ประโยชน์ด้วยค่ะ"
ในทีวีเป็นรายการแสดงบัลเล่ต์ระดับโลก อินทุอรนั่งลงแต่สายตาจับจ้องอยู่ที่ทีวีด้วยความชื่นชม
"สวยจังเลยนะคะ"
"นั่นสิ"
สายตาของอินทุอรเศร้าหมองลง ภิสิตหันมาเห็นก็ทำหน้าแปลกใจ
"น่าอิจฉาจังเลยนะคะ กว่าพวกเขาจะไปถึงจุดนั้นได้คงพยายามกันน่าดู แต่การได้ตามความฝันของตัวเอง พวกเขาคงมีความสุข"
"หนูอินมีอะไรไม่สบายใจรึเปล่า บอกอาได้นะ อาพร้อมที่จะเป็นที่ปรึกษาให้หนูอิน"
อินทุอรยิ้มให้
"ขอบคุณอาสิตมากนะคะ อาสิตใจดีกับหนูอินแบบนี้เสมอ หนูอินเลยทั้งรักทั้งเคารพอาสิต"
ภิสิตชะงักหน้าม้านไป เมื่ออินทุอรพูดแบบนี้ ในขณะที่ตัวเองคิดไม่ซื่อกับหลาน
แสงฉานนอนทอดอารมณ์ชิว ๆ หนุนตักอุรวสาที่ดูงานในไอแพด อัษฎาบุกขึ้นวิลล่า
"ไอ้แสงฉาน"
แสงฉานลุกพรวด ! หน้าตาตื่น
อัษฎาแทบจะเหาะมาหาแสงฉาน กะเตะซักป้าบให้หายแค้น แสงฉานไวกว่า วิ่งหนี ฟิ้ว....
ทิ้งระยะห่างหลายเมตรเพื่อความปลอดภัย
"สวัสดีครับคุณพ่อ"
"ฉันเจอยามที่แกจ้างมันถ่ายรูป แกหลอกฉันว่าเป็นเกย์"
แสงฉานแทบหงาย โดนพ่อตาจับได้ !
"แก ไอ้กะล่อน"
อัษฎาวิ่งไล่เตะ แสงฉานหนีจ้าละหวั่น วนรอบสระน้ำ
"สงบสติอารมณ์หน่อยค่ะคุณ"บราลีบอก
"หยุดนะคะคุณพ่อ"
ต่อให้เอาช้างทั้งโขลงมาฉุด ก็หยุดความบ้าดีเดือดของอัษฎาไม่ได้ อัษฎาวิ่งไล่แสงฉานเหมือนแมววิ่งไล่จับหนู แสงฉานก้าวพลาด
"เฮ้ยๆๆ"
แสงฉานตกสระน้ำ ตูม...
"แสง"
"ให้มันจมน้ำตายไปเลย"
"น้ำแค่เอวครับคุณพ่อ"
แสงฉานยิ้มหน้าเป็น พร้อมๆ กับยืนอวด
"หึย... ยังมีหน้าทำทะเล้นอีก"
อัษฎาหยิบของ ปาใส่แสงฉาน
"เดี๋ยวแสงก็หัวแตกหรอกค่ะ"
อัษฎาระดมปาของชิ้นเล็ก ชิ้นใหญ่ใส่แสงฉาน แสงฉานต้องมุดหัว ดำน้ำหนี
ภิสิตวางแก้วน้ำฝรั่งลง หันนาฬิกาข้อมือ
"น้ำฝรั่งอร่อยมากจ้ะ อากลับก่อนดีกว่านะหนูอิน นี่ก็ดึกมากแล้ว"
"ขอบคุณอาสิตนะคะที่มาส่ง แถมยังมานั่งคุยเป็นเพื่อนอีก อินไปส่งหน้าบ้านค่ะ"
ทั้งคู่ออกเดินคู่กันมา คนใช้เดินมาจะเก็บแก้ว ไฟดับพรึ่บ ! น้อยร้องกรี๊ดตกใจ กระโดดใส่อินทุอร
อินทุอรเสียหลักเซไปทางภิสิตที่รับเอาไว้ เขากอดอินทุอรไว้เต็มรัก ก่อนจะรีบปล่อย
"ตายแล้วไฟมาดับอะไรตอนนี้"
น้อยชะเง้อไปด้านนอก
"แต่มันดับเฉพาะในบ้านเรานะคะคุณอิน ข้างนอกไฟยังสว่างอยู่เลย"
อินทุอรฉายไฟที่คัทเอาท์ ภิสิตต่อสายฟิวส์ให้ก่อนสับคัทเอาท์ขึ้น ไฟสว่างเหมือนเดิม
เธอตบมือดีใจ
"อาสิตเก่งที่สุดในโลกเลยค่ะ"
ภิสิตหัวเราะ
"ชมเกินจริงไปไหมหนูอิน แค่ฟิวส์ขาดน่ะใครก็ทำได้"
"ไม่จริงค่ะ อินทำไม่ได้คนหนึ่งล่ะ"
ทั้งคู่ยิ้มให้กัน ใกล้ชิดกันขึ้นเรื่อย ๆ
อันตราขี่มอเตอร์ไซต์ตามเวศม์ รถจอดรถติดไฟแดง เขามองกระจกหลัง ยิ้มกรุ้มกริ่ม เมื่อเห็นอันตราตามมาข้างหลัง
มอเตอร์ไซต์ดันเบรกขาด อันตราบีบคันเบรกย้ำ ๆ รถก็ไม่หยุด พุ่งเข้าหาท้ายรถเวศม์
"เฮ้ยๆ"
โครม ! แรงชนทำให้รถเวศม์เคลื่อนไปข้างหน้า
"คุณอันตรา"
เวศม์รีบลงมาหาอันตรา มอเตอร์ไซต์ล้ม อันตรานอนบนถนน กุมขาซ้ายร้องโอดโอย
อินทุอรโทร.หาแม่ แต่แม่ไม่รับ
"คุณพ่อคุณแม่ไม่รับสายทั้งคู่เลยค่ะ"
"เดี๋ยวท่านก็โทร.กลับ" ภิสิตบอก
โทรศัพท์บ้านดัง คนใช้จะมารับ
"อินรับเองจ้ะ เผื่อคุณพ่อคุณแม่โทรมา ฮัลโหล..... อะไรนะคะ"
อินทุอรช็อก.. !!
ภิสิตถาม
"ใครโทร.มาหนูอิน"
"ไม่รู้ค่ะ เค้าบอกว่า... พี่อันรถชน"
"ให้อาคุย ... อันตราบาดเจ็บมากมั้ยครับ ตอนนี้อยู่ไหน"
อินทุอรร้องไห้กลัวพี่อันตราเป็นอะไรไป คนใช้กอดปลอบคุณหนูอิน
ทางด้านอัษฎาปาของใส่แสงฉานจนเหนื่อย หมดแรง หอบแฮ่กๆๆ อุรวสาฉุดแสงฉานขึ้นจากสระน้ำ
"วสาจ้างยามให้ถ่ายรูปคู่แสง หลอกคุณพ่อค่ะ"
"คุณวสาทำอย่างนั้นทำไมลูก"
"ก็คุณพ่อไม่ยอมเชื่อว่าแสงเป็นเกย์"
พูดไปหอบไป
"เป็นแผนของคุณวสาจริง ๆ ด้วย เหมือนอย่างที่พ่อคิดไว้เลย"
ภิสิตโทร. หาอัษฎา
"สิต...ไว้ค่อยโทรมา พี่ พี่ เหนื่อยอยู่"
โถงบ้านอัษฎา ภิสิตโทร.บอกข่าวอัษฎา อินทุอรร้องไห้กระซิก ข้างภิสิต
"พี่อัษ เจ้าอัน...รถคว่ำครับ"
"อะไร"
อัษฎาช็อก! ทรุด...อุรวสากับบราลีรีบเข้าประคองอัษฎา ใครโทร.มาเรื่องอะไร พ่อถึงกับล้มทั้งยืน
จบตอนที่ 3