xs
xsm
sm
md
lg

ฝันเฟื่อง ตอนที่ 1

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ฝันเฟื่อง ตอนที่ 1

เสียงเพลงคลาสสิกท่วงทำนองหวานแว่ว ดังมาจากบริเวณน้ำพุตรงกลางลานกิจกรรมภายในห้างสรรพสินค้าสุดหรูสุดชิคแห่งนี้ ช่วงเวลาตอนกลางวันของวันนี้ มีผู้คนมากมายเดินขวักไขว่เช่นทุกวัน แต่ละคนล้วนแต่งตัวนำสมัย มาดดูดี มีสไตล์ หรูหรา และไฮโซ

น้ำพุพวยพุ่งออกมาเป็นสายอย่างสวยงามโดยไม่รู้เหนื่อย สอดรับกับเสียงเพลงคลาสสิกอันไพเราะ จากวงทริโอเครื่องสายสามชิ้น ที่เล่นอยู่ตรงหน้าลานนั้น
อาทิตย์ ชายหนุ่มรูปงาม ในชุดสูทหล่อเหลาดูดี เขาใส่แว่นดำ กำลังนั่งฟังเสียงดนตรีอยู่อย่างดึ่มด่ำซึมซับในดนตรีคลาสสิก ทว่าวงดนตรีเล่นยังไม่ทันจบเพลง เขาก็ลุกขึ้นยืน วางมาดเท่ แล้วเดินออกไป

ส่วนที่ระเบียงชั้นบนเหนือหัวของอาทิตย์ แลเห็นพนักงานสะพายตาข่ายใส่ลูกบอลพลาสติกคละสีเดินมา เด็กวัยรุ่นวิ่งไล่กันมา ชนเข้ากับพนักงานอย่างจัง ทำให้พนักงานเสียหลักทำตาข่ายหลุดมือ ลูกบอลในตาข่ายร่วงตกลงมาชั้นล่าง
เด็กๆ อีกกลุ่มหนึ่งที่อยู่ข้างล่างดีใจที่เห็นลูกบอลตกลงมา พากันเข้าไปแย่งกันเล่นลูกบอล
จังหวะที่อาทิตย์เงยหน้ามองลูกบอลที่ร่วงหล่นลงมานั้น ทำให้มองเห็น วิไลลักษณ์ สาวสวยที่เดินอยู่อีกฟากหนึ่ง และเป็นจังหวะเดียวกับที่วิไลลักษณ์หันมาเห็นอาทิตย์พอดี ทั้งสองสบตากันค้างแวบหนึ่ง
วิไลลักษณ์เขินรีบหลบสายตาหันมาก้มลงเก็บลูกบอลที่ตกอยู่ อาทิตย์ก้มลงเก็บตาม แล้วพยายามจะเข้าไปให้ใกล้วิไลลักษณ์
พนักงานห้างวิ่งลงมาเก็บลูกบอลอย่างตื่นตระหนก อาทิตย์ช่วยเก็บไปก็ค่อยๆ ขยับเข้าใกล้วิไลลักษณ์เรื่อยๆ แต่ถูกเด็กที่วิ่งเล่นลูกบอลอยู่ขวางไว้
วิไลลักษณ์เอาลูกบอลที่เก็บขึ้นมาได้ใส่ตาข่ายคืนให้พนักงาน อาทิตย์เดินตรงเข้ามาหาวิไลลักษณ์ สาวเจ้าเพียงยิ้มให้เล็กน้อยก่อนจะเดินออกไป
อาทิตย์รีบส่งลูกบอลคืนพนักงานเพื่อจะได้ตามวิไลลักษณ์ไป แต่ระหว่างที่หอบลูกบอลเดินมาก็ถูกเด็กที่วิ่งเล่นอยู่ชนจนทำลูกบอลตกจากมือไปอีก
อาทิตย์เลยต้องก้มลงเก็บรีบๆ แล้วหันไปหา แต่ก็ไม่เห็นวิไลลักษณ์แล้ว

หลังจากนั้น อาทิตย์เดินแกมวิ่งท่าทางร้อนใจ เที่ยวตามหาวิไลลักษณ์ตามมุมต่างๆ แต่ไม่พบ
อาทิตย์วิ่งขึ้นไปชั้นบนแล้วมองลงมายังชั้นล่าง แต่ก็ไม่เห็นแม้เงาวิไลลักษณ์ เขาเดินหาจนอ่อนใจ สุดท้ายก็ต้องตัดใจว่าคงไม่เจอแน่ๆ เลยเดินออกไปนอกห้างเอารถที่ฝากจอดไว้

อาทิตย์เดินไปที่ลานจอดรถ ส่งบัตรรับรถให้พนักงาน
“พอดีมีรถชนกันที่ลานจอดรถ ยังเอารถออกไม่ได้เลยครับ เดี๋ยวคุณจะอยู่ที่ไหนครับ ผมจะเอารถไปส่ง” พนักงานบอก
“งั้นส่งที่ร้านกาแฟแล้วกันครับ” อาทิตย์บอกแล้วเดินออกไป

ขณะที่อาทิตย์ก้าวเดิน เพื่อจะมานั่งรอยังร้านกาแฟใกล้ๆ แต่แล้วเขาก็ต้องชะงัก เมื่อเห็นว่า วิไลลักษณ์ สาวสวยที่ตัวเองปิ๊งเมื่อกี๊ กำลังนั่งเล่นมือถืออยู่ด้านในร้านกาแฟ
อาทิตย์ยิ้มกว้าง ดีใจที่ได้เจอเธออีก เขายิ้มออกมาอย่างคนที่ปิ๊งไอเดียอะไรบางอย่าง

อาทิตย์เดินอ้อมไปยืนด้านหลังวิไลลักษณ์ พยายามจะมองผ่านกระจกว่าวิไลลักษณ์เล่นอะไรอยู่ส่วนด้านในร้าน วิไลลักษณ์ก้มหน้าก้มตาเล่นเฟซบุค
อาทิตย์อยู่นอกร้านพยายามเพ่งมอง แต่ยังมองเห็นไม่ถนัด เขาขยับแว่นดำที่ใส่อยู่ออกเพื่อมองให้ชัด หน้าจอมือถือของวิไลลักษณ์ เห็นชื่อในเฟซบุคของเธอ ใช้ชื่อว่า วิไลเลิฟ “wilailove”
อาทิตย์ยิ้มกริ่ม รีบพิมพ์แอดขอเป็นเพื่อนกับ “wilailove” แล้วเดินเข้าไปในห้องรับรอง

อาทิตย์เดินไปนั่งเก้าอี้อีกตัวที่อยู่ใกล้ๆ ยิ้มพรายขณะมองไปที่นางในฝัน
วิไลลักษณ์รู้สึกเหมือนถูกคนมอง เลยเงยหน้าขึ้นเจอกับสายตาของอาทิตย์ที่มองมาพอดี
อาทิตย์ไม่หลบตาแต่ส่งยิ้มอย่างหล่อให้ วิไลลักษณ์หันมองข้างๆ ตัวเองว่าอาทิตย์มองคนอื่นรึเปล่า แต่ก็ไม่มีใคร วิไลลักษณ์หันมามองอาทิตย์อีก อาทิตย์ยังคงยิ้มให้อย่างเก่า
วิไลลักษณ์ก้มหลบตาเขินๆ ทำเป็นเล่นมือถือต่อ อาทิตย์เริ่มใจชื้นที่เจ้าหล่อนดูจะสนใจเขาอยู่เหมือนกัน
วิไลลักษณ์เห็นว่ามีคนมาขอเป็นเพื่อน เลยกดดู เห็นเป็นหน้าของอาทิตย์ ชื่อ “sun_artist”
วิไลลักษณ์ตกใจเงยหน้ามอง อาทิตย์ยิ้มให้ แล้วเดินมาดเท่มาหาวิไลลักษณ์
“สวัสดีครับ ผมอาทิตย์ครับ ยินดีที่ได้รู้จัก”
“วิไลลักษณ์ค่ะ คุณอาทิตย์แอดมาหาวิไลลักษณ์ได้ยังไงคะ” วิไลลักษณ์ฉงน
“ถ้าบอกแล้ว อย่าหาว่าผมเป็นพวกโรคจิตนะครับ ผมเห็นคุณวิไลลักษณ์แล้วอยากจะทำความรู้จักด้วย แต่ก็ไม่รู้จะทำยังไง พอดีเห็นชื่อในเฟซบุคของคุณวิไลลักษณ์ก็เลยขอแอดเป็นเพื่อนน่ะครับ”
วิไลลักษณ์พยักหน้า “อ๋อ...”
“ไม่ดูโรคจิตไปใช่มั้ยครับ”
วิไลลักษณ์ขำๆ “สุดๆ เลยล่ะค่ะ”
อาทิตย์ยิ้มอย่างหล่อ “งั้นถ้าผมอยากรู้จักคุณ ผมต้องทำยังไงถึงจะไม่ดูโรคจิตล่ะครับ”
“แค่เดินเข้ามาแนะนำตัวอย่างสุภาพก็พอแล้วค่ะ”
“งั้นแป๊บนึงนะครับ”
อาทิตย์เดินกลับไปยังนั่งที่ แล้วลุกเดินมาหาวิไลลักษณ์
“สวัสดีครับ ผมชื่ออาทิตย์ครับ มีความประสงค์อยากเจริญสัมพันธไมตรีเป็นมิตรกับคุณ ไม่ทราบว่าคุณพอจะให้เกียรติรับผมเป็นเพื่อนได้ไหมครับ”
วิไลลักษณ์ขำคิก “ทางการไปไหมคะ”
“งั้นแสดงว่าแบบเก่าดีกว่า ตกลงคุณจะยอมรับผมเป็นเพื่อนได้ไหมครับ? ผมสัญญาว่าจะไม่แทคขายสินค้า ไม่ชวนมาเป็นดาวไลน์ และไม่เปลี่ยนโปรไฟล์เป็นรูปโป๊”
วิไลลักษณ์ขำ ไม่ทันได้ตอบ เธอเห็นรถหรูคันหนึ่งขับเข้ามาจอดที่หน้าร้านกาแฟ โดยมี นายเวก ชายวัยรุ่นร่างสันทัดลงจากรถมาเปิดประตูด้านหลังรอ
“ขอตัวก่อนนะคะ”
วิไลลักษณ์ลุกเดินตรงไปที่รถ อาทิตย์เดินแกมวิ่งตามออกไปทันที
“เดี๋ยวครับ! คุณยังไม่ตอบเลยว่าจะยอมเป็นเพื่อนกับผมรึเปล่า”
วิไลลักษณ์เพียงยิ้ม ไม่ตอบ แล้วขึ้นรถไป
รถของวิไลลักษณ์แล่นออกไป อาทิตย์มองตามตาละห้อย ด้วยความเสียดายที่ดันกินแห้ว อดรู้จักคุณหนูคนสวยที่นั่งหายไปกับรถยนต์สุดหรู

ครู่เดียว ก็มีเสียงเตือนข้อความในเฟซบุคดังขึ้น อาทิตย์เปิดดู พบว่าเป็นข้อความจากวิไลลักษณ์ ที่ส่งข้อความตอบมาว่า
“ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ J”
อาทิตย์ดีใจ รีบส่งเบอร์โทรศัพท์เข้าไปในช่องแชทของเฟซบุค พร้อมพิมพ์ข้อความไปว่า
“นี่เบอร์ผมนะครับ”
ดนตรีเพลงรักดังกึกก้อง กระหึ่มขึ้นในหัวอาทิตย์ยามนี้ อา...มันช่างเป็นนาทีที่ยิ่งใหญ่
แต่ทันใดนั้นเอง เสียงมือถืออาทิตย์ดังขัดจังหวะขึ้นมา พร้อมๆ กับเสียงเพลงในหัวของเขาดับวูบลง
อาทิตย์ก้มดูหน้าจอมือถือ เห็นเป็นชื่อ “K.วี” โทร.มา เขาก้มดูนาฬิกาแล้วต้องตกใจ
“ฉิบหายแล้ว”
พนักงานรับรถ ขับรถของมาจอดให้ อาทิตย์รีบขึ้นรถ แล้วขับออกไปอย่างรวดเร็ว

ที่บ้านมณฑิรา บรรดาเหล่าคนใช้ท่าทางรีบร้อนเดินออกมายืนเรียงรอต้อนรับมณฑิรา
คนหน้าสุดคือคุณต๋อยที่ท่าทางเฮี้ยบมาก
รถหรูคันโตขับเข้ามาจอด ประตูเปิดเห็นขามณฑิราก้าวลงจากรถอย่างเร่งรีบ
มือของมณฑิราที่ถือกระเป๋าราคาแพง รีบวางกระเป๋าลงบนถาดเงินวาววับที่คนใช้เอามารออยู่
มณฑิรารีบวิ่งผ่านบรรดาคนใช้ที่รออยู่เข้าไปในบ้าน
ในบ้านมณฑิรา ด้านหลังมณฑิราก้าวผ่านห้องรับแขกหรูหรา ขึ้นบันไดชั้นสอง
คนใช้ที่รออยู่เปิดประตูห้องนอนรอ มณฑิรารีบเดินเข้าห้องนอนไป มณฑิราเดินเข้ามาที่ห้องแต่งตัวในห้องนอน คนใช้ยืนกางชุดคลุมรออยู่
มณฑิราเดินไปยืนหันหลังตรงชุดที่กางไว้
ที่พื้นตรงเท้าของมณฑิรา ชุดที่มณฑิราใส่ถูกถอดมากองกับพื้น
ประตูห้องน้ำเปิดออก เห็นภายในห้องน้ำมีอ่างอาบน้ำที่เตรียมน้ำผสมฟองสบู่ไว้เพียบพร้อม อุปกรณ์ประทินผิววางเรียงรออยู่
ด้านหลังมณฑิราที่ใส่เสื้อคลุมเดินเข้าห้องน้ำไป
ใบหน้าของมณฑิราที่ถูกแต่งทีละส่วนอย่างประณีตบรรจง
ชุดสวยถูกสวมเข้ากับตัวมณฑิรา ซิปถูกรูด ชุดเข้ากับลำตัวพอเหมาะพอดี ต่างหูราคาแพง กำไลข้อมือ แหวน สร้อยคอ รองเท้าถูกสวมเข้าชุดกัน
ที่กระจกเห็นรูปร่างของมณฑิราในชุดสวยงามเก๋ไก๋
ปากของมณฑิราถูกเติมสีลงไปอีกนิด มณฑิรายิ้มสวยแล้วออกไป
เสียงมณฑิราเอ่ยขึ้น “วิไลยังไม่กลับเหรอคะคุณต๋อย”
“ยังเลยค่ะ ไม่รู้ไปเถลไถลที่ไหน”
ทั้งหมดนี้ก็ยังไม่เห็นใบหน้าเต็มๆของมณฑิราเลย

บริเวณบึงน้ำขนาดใหญ่ ที่นี่เป็นที่เล่นกีฬาเจ็ทสกีอันเลื่องชื่อ ริมบึงมีร้านอาหารตกแต่งเก๋ไก๋ไว้นั่งพักผ่อน รอคนเล่นกีฬา
เวลายามบ่ายแดดร่มลมตกตอนนี้ มีผู้หญิงสาวๆ กลุ่มหนึ่งนั่งกินข้าวที่โต๊ะริมน้ำ
ส่วนในบึง มีชายหนุ่มรูปร่างดีคนหนึ่งเล่นเจ็ทสกีอย่างชำนาญ เท่ และ คูลสุดๆ
สักครู่หนึ่ง อาทิตย์ ซึ่งอยู่ในชุด Wet suit เดินมาที่ท่าน้ำ เขาโบกมือให้ชายหนุ่มที่เล่นเจ็ทสกีอยู่ อย่างชิดเชื้อ ชายหนุ่มที่ขี่เจ็ทสกีหยุดเจ็ทสกีทันที หันมามองอาทิตย์
อาทิตย์ขึ้นเจ็ทสกีแล้วขี่ออกไปหาชายหนุ่มคนนั้น

อาทิตย์ขี่เจ็ทสกีวนรอบชายหนุ่มคนนั้นหนึ่งรอบ ก่อนจะหยุดพยักหน้าท้าทาย แล้วขี่นำไปทันที ชายหนุ่มมองตามแล้วขี่เจ็ทสกีแข่งไปกับอาทิตย์
อาทิตย์และชายหนุ่มคนดังกล่าว แข่งเจ็ทสกีกันอย่างสูสี สุดท้ายอาทิตย์เป็นฝ่ายแพ้ ทั้งคู่ขี่เจ็ทสกีกลับมาที่ท่าน้ำ
ทั้งคู่จอดเจ็ทสกีแล้วเดินขึ้นมาบนท่าน้ำ ชายหนุ่มคนนั้นถอดแว่นตากันน้ำออก เผยให้เห็นว่าเป็น รัฐรวี เจ้านายของ อาทิตย์ นั่นเอง
อาทิตย์รีบอ้าง “ถ้าเมื่อกี๊ผมไม่เผลอหันไปยิ้มให้สาวๆ นะ ไม่มีทางชนะผมหรอก”
รัฐรวีปรายตามองไปทางหนึ่ง “ผู้หญิงคนนั้นหรือเปล่าวะ”
“ไหนครับ”
อาทิตย์หลงกลหันไปมอง รัฐรวีฉวยโอกาสที่อาทิตย์หันหลังให้ถีบจอมกะล่อนตกน้ำทันที
“สมน้ำหน้า มาช้าแล้วยังจะกวนอีก”
รัฐรวีสะใจ อาทิตย์โวยอยู่ในบึง “โธ่ คุณวี ทำอะไรก็เห็นแก่หน้าผมนิดนึง ดึงผมขึ้นไปก่อน”
รัฐรวียื่นมือให้ อาทิตย์คว้ามือรัฐรวีได้แล้วดึงร่างผู้เป็นนายลงน้ำทันที เสียงคนตกน้ำดังตูม อาทิตย์หัวเราะชอบใจ
“ผมไม่ยอมเสียหน้าคนเดียวหรอก”
“แกตาย”
รัฐรวีแค้นจับอาทิตย์กดน้ำ อาทิตย์ไม่ยอม สองคนแกล้งกันอยู่ในน้ำ เหมือนเพื่อนสนิท ไม่ใช่นายและบ่าว สาวๆ บนท่าน้ำมองขำๆ

อาทิตย์กับรัฐรวีที่เพิ่งอาบน้ำเสร็จ นุ่งผ้าขนหนูเปิดท่อนอก กำลังแต่งตัวอยู่ที่ตู้ล็อกเกอร์
“แกหายหัวไปไหนทั้งวันไอ้ทิตย์”
อาทิตย์บ่น “เรียกทิดอยู่ได้! ก็บอกแล้วว่าผมยังไม่เคยบวช”
รัฐรวีเก๊กขรึม ประชด “ตลก ชั้นเพื่อนเล่นแกเหรอ”
อาทิตย์กวนกลับ “ก็เล่นกันมาตั้งแต่เด็ก มีห่างกันบ้างตอนคุณวีไปเรียนเมืองนอก แต่ก็กลับมาเล่นกันนี่ไง”
รัฐรวีผลักหัว “ลามปาม ชั้นใช้ให้แกไปเติมน้ำมันเพราะชั้นมีงานต่อ แกหายไปไหนมา”
อาทิตย์เล่นลิ้น ต่อล้อต่อเถียง “ผมก็ต้องมีชีวิตของผมบ้างสิครับ”
“งั้นชั้นไล่แกออกจากคนขับรถ แกจะได้ไปมีชีวิตของแกเองเลยดีมั้ย”
อาทิตย์ใช้ลูกอ้อนทันที “โธ่คุณวีครับ คุณวีก็รู้ว่าชีวิตผมอยู่ไม่ได้ถ้าขาดคุณวี ผมกับแม่พึ่งใบบุคุณวีมาตั้งแต่ผมยังเด็ก แม่ผมก็ทำกับข้าวบ้านคุณวีงกๆๆๆ” อาทิตย์ทรุดลงกอดขารัฐรวีอ้อนสุดฤทธิ์ “คุณวีเป็นเหมือนพี่ชาย เป็นผู้มีพระคุณสำหรับผม ถ้าไม่เกรงใจพ่อที่นอนคุยอยู่กับรากมะม่วง ผมเรียกคุณวีว่าพ่อแล้วนะครับ”
รัฐรวีขำปนรำคาญ “เยอะไปแล้ว”
อาทิตย์ยิ้มลุกขึ้นมาช่วยรัฐรวีแต่งตัว จับคอปก ติดกระดุมข้อมือ แล้วสวมสูทให้รัฐรวีอย่างแคล่วคล่อง
“แล้ววันนี้คุณวีไปงานที่ไหนครับ”
“งานเปิดตัวโรงแรมแถวสาธร”
“กลับดึกหรือเปล่าครับ”
รัฐรวีหมั่นไส้ “นี่แกเป็นคนขับรถหรือพ่อชั้นกันแน่”
อาทิตย์มองผู้เป็นนายอย่างสุดทึ่ง “โห สูทตัวนี้หล่อกว่าสูทที่ผมไปเอามาจากร้านซักแห้งอีก” รัฐรวียิ้ม “ว่างๆ ให้ผมยืมใส่บ้างสิครับ”
รัฐรวีหุบยิ้มทันควัน “แกจะมาขอยืมชั้นทำไม เดี๋ยวชั้นเผลอแกก็ขโมยไปใส่อยู่แล้ว” เขาเดินไปเซ็ตผม
อาทิตย์เก็บของให้รัฐรวีไป พูดไปด้วย “พูดเองนะ ผมถือว่าคุณวีอนุญาตแล้ว แล้วห้ามฟ้องแม่ให้มาด่าผมด้วย”
“ถึงชั้นไม่ฟ้อง แม่ชื่นเค้าก็ด่าแกทุกวันอยู่แล้ว แล้วโทรศัพท์แกเป็นอะไร ทำไมชั้นโทร.ไปแกไม่รับ”
“ผมไม่ว่างครับ”
รัฐรวีทนหมั่นเขี้ยวไม่ไหวง้างเท้าจะเตะคนขับรถจอมกะล่อนสักป้าบ
อาทิตย์เบี่ยงตัวหลบ “ฟังผมก่อนคุณวี ที่ผมบอกว่าไม่ว่าง เพราะผมกำลังคุยกับว่าที่แม่ของลูกอยู่”
รัฐรวีรับฟังระอา “คนนี้ใครอีก”

เย็นลง อาทิตย์ขับรถมาตามท้องถนน รัฐรวีนั่งด้านหลัง มีสูทหรูตัวที่เพิ่งเอามาจากร้านซักแห้งแขวนอยูในรถด้วย
อาทิตย์ยื่นหน้ามาพร้อมกับโชว์มือถือที่มีรูปโปรไฟล์เฟซบุคของวิไลลักษณ์ อย่างภาคภูมิ
“ชื่อวิไลลักษณ์ เราเป็นเพื่อนกันในเฟซบุคแล้วด้วย ว่าที่แม่ของลูกผมน่ารักไหมครับคุณวี”
รัฐรวีรับมือถือของอาทิตย์มาดู
“นี่แกไปหลอกเค้าว่ารวยอีกแล้วใช่ไหม ชั้นจะบอกอะไรให้นะ แกหลอกใครก็หลอกได้ แต่แกหลอกตัวเองไม่ได้นะเว้ย” เขาส่งมือถือคืนให้อาทิตย์
อาทิตย์ชะงักรับมือถือคืนไป เข้าใจในสิ่งที่รัฐรวีเตือน แต่ไม่ยอมแพ้ แถไปเรื่อย
“ผมหลอกใครครับคุณวี ผมก็แค่แต่งตัวดี ขับรถหรู คนก็เข้าใจผิดกันไปเองว่าผมรวย อีกอย่างคุณวีก็ต้องเข้าใจนะครับ ว่าคนสมัยนี้เค้ามองกันที่ภายนอก นี่ถ้าผมเป็นคุณวีนะ..โธ่เอ๊ย”
“แกจะทำอะไร”
“คุยสิครับ พ่อเป็นถึงพลเรือโท แม่เป็นถึงเจ้าของบริษัทจิวเวลรี่ นี่อะไร ไปอยู่เมืองนอกมาตั้งห้าปี กลับมาตั้งเดือนนึง ไม่มีสาวซักคน ถามจริง แคนาดาเนี่ยมันทำให้คุณวีเปลี่ยนรสนิยมทางเพศไปรึเปล่าครับ”
รัฐรวีเอามือผลักหัวอาทิตย์ด้วยความหมั่นไส้
“ชั้นยังไม่เจอคนที่ชอบ” รัฐรวีดูมือถือ “รีบขับเลย ไอ้หมอมันส่งไลน์มาตามแล้ว”
“ไลน์ไปบอกเลยครับ รถติดขนาดนี้ เลทแน่นอน”
อาทิตย์ต่อปาก รัฐรวีเซ็งหันไปหยิบการ์ดเชิญเข้างาน 2 ใบมา แล้วเก็บใส่สูทไปแค่ใบเดียว อีกใบโยนทิ้งไว้ที่เบาะรถ

เย็นวันเดียวกัน รถหรูของวิไลลักษณ์ขับเข้ามาจอด เวกเดินลงมาจากรถก่อน แล้วอ้อมมาเปิดประตูให้พร้อมโค้งให้ วิไลลักษณ์เดินลงจากรถ แม่เมียด คนใช้ กับ นายวง คนสวน เดินเข้ามาทำท่านบนอบ ทักทายวิไลลักษณ์อย่างนอบน้อม
“คุณหนูกลับมาแล้วเหรอคะ มีอะไรให้เมียดช่วยถือไหมเจ้าคะ”
นายวง นอบน้อมเว่อร์ เกินจริง “ยินดีต้อนรับกลับบ้านนะครับคุณหนู”
วิไลลักษณ์กลับหน้าเจื่อน “พ่อ...แม่...”
เมียดฉุนมาก “แม่อะไร ชั้นไม่มีลูกอย่างแก ใครสั่งใครสอนแกวิไล เป็นแค่คนใช้ริอ่านขโมยของเจ้านายไปใส่แอบอ้างเป็นคุณหนู ใครรู้เค้าจะด่าว่าเอ็งเป็นคางคกขึ้นวอ”
“ไม่จริงนะจ๊ะแม่ หนูแค่อยากแต่งตัวสวยๆ เลยขอยืมเสื้อผ้าของคุณมณไปใส่เล่น หนูไม่ได้คิดจะทะเยอทะยานตีตนเสมอเจ้านายเลยนะจ๊ะ”
เวกผู้เป็นพี่ชายลงมาช่วยน้อง “แม่อย่าไปว่าน้องเลยนะ น้องก็แค่เล่นสนุกๆ น่ะแม่”
เมียดหันมาแหวใส่เวก “แกก็เหมือนกัน เป็นพี่ชายแทนที่จะห้ามปรามน้อง กลับไปช่วยเล่นเป็นคนขับรถให้ ถ้าโดนจับได้ขึ้นมาจะทำยังไง”
วงเดินถือบัวรดต้นไม้เข้ามา “ชู่ว์ พ่อว่าจะโดนจับได้ก็เพราะแม่เสียงดังนี่แหละ เบาๆหน่อยสิแม่”
“ให้ท้ายลูก” เมียดตีไหล่นายวง
“แม่จ๋า หนูขอโทษ แม่อย่าโกรธเลยนะจ๊ะ ต่อไปหนูจะไม่ทำอีกแล้วนะแม่จ๋า” วิไลลักษณ์อ้อน เข้าไปกอดอ้อนแม่ “อุ๊ย! ตัวแม่ห๊อมหอม”
ท่าทีเมียดเริ่มอ่อนลง “ไม่ต้องมากอดเลย”
เวกเข้ามากอดแม่อีกคน “อย่าโกรธนะแม่ ก็หนูสงสารน้อง”
เมียดทำตัวแข็งขืน ฟอร์มรำคาญใส่ เวกกับวิไลลักษณ์ก็ยิ่งกอดแม่แน่นขึ้น เอาหน้าซบซุกจนเมียดหลุดยิ้มออกมาได้
วงเข้าไปทำเนียนกอดบ้าง “อื้อหืม แม่ก็อย่าโกรธพ่อเลยนะ”
เมียดบ่นบ้า “แกไม่ต้องเลย รดน้ำต้นไม้เสร็จรึยัง เดี๋ยวคุณต๋อยก็ตามมาด่าอีก วันๆ เอาแต่นั่งขูดหวย”
“แหมแม่ ก็พ่อเป็นนักล่าฝัน 16 วันครั้ง” นายวงว่า
เมียดตีแขนผัวเผียะ “เอาแต่เพ้อฝันแล้วเป็นไง ลูกมันถึงได้ทำตามแบบนี้” นายวงจ๋อย หันไปดุวิไลลักษณ์ต่อ “ดีนะคุณมณต้องรีบแต่งตัว แล้วให้นายผลขับรถไปส่งที่งาน เลยไม่ทันสังเกตว่าข้าวของเธอหายไป” วิไลลักษณ์กับเวกโล่งอก “ไปวิไล! รีบเอาของไปคืนคุณมณ”

“จ้ะแม่” วิไลลักษณ์รีบวิ่งออกไปทางตึกใหญ่
นายวงนึกได้ “แม่ คุณต๋อยอยู่บนบ้านใหญ่ เมื่อกี้เพิ่งจะถามหาวิไล”
นายวง แม่เมียด เวกหันไปมองทางบ้านใหญ่อย่างกังวล

วิไลลักษณ์ค่อยๆ ย่องเข้ามาทางประตูหลังบ้าน หมายจะย่องขึ้นชั้นบน
เสียงคุณต๋อยดังขึ้น “จะไปไหนนังวิไล”
วิไลลักษณ์สะดุ้ง ตกใจ ค่อยๆ หันไปมอง พบว่าคุณต๋อยนั่งหันหลังอยู่ที่โซฟา วิไลลักษณ์หน้าซีดเผือด คิดว่าถูกจับได้แน่ แต่อยู่ๆ ก็มีเสียงคุณต๋อยกรนดังขึ้น
วิไลลักษณ์อึ้ง ค่อยๆ ย่องไปดู จึงเห็นว่าคุณต๋อยนั่งหลับที่เก้าอี้กรนอยู่ วิไลลักษณ์โล่งอก
คุณต๋อยละเมอถามขึ้นอีกว่า “บ้านกวาดเรียบร้อยรึยัง ฝุ่นหนาเตอะเชียว ทำงานชุ่ยแบบนี้ชั้นจะรายงานคุณมณ”
“ในฝันยังด่าเราอีกเหรอเนี่ย”
วิไลลักษณ์ส่ายหน้าเซ็งๆ รีบย่องขึ้นบันไดชั้นบนไป

วิไลลักษณ์วิ่งเข้าในห้องคุณหนูมณฑิรา แล้วรีบถอดสร้อย ถอดแหวน วางคืนไว้ที่โต๊ะเครื่องแป้งตรงจุดเดิม จากนั้นรีบหยิบเสื้อผ้าชุดหนึ่งที่ซ่อนไว้ออกมาแล้ววิ่งเข้าห้องน้ำ
สักครู่วิไลลักษณ์ออกมาในชุดคนใช้ เอาชุดที่ใส่เมื่อครู่ใส่ไม้แขวน แล้วแขวนกลับเข้าตู้เสื้อผ้าอย่างเรียบร้อย แล้วปิดตู้เสื้อผ้า
ขณะที่วิไลลักษณ์จะวิ่งออกจากห้อง แต่ชะงักหันมามองดูตัวเองในชุดคนใช้ตรงหน้ากระจก แล้วถอนหายใจ

ฝ่ายอาทิตย์ขับรถมาจอดเทียบหน้าทางเข้าโรงแรม แล้วรีบมาเปิดประตูรถให้เจ้านาย รัฐรวีลงจากรถ
“เดี๋ยวชาร์จไอแพดให้ฉันด้วยนะ สายชาร์จน่าจะอยู่ในกระเป๋าดำ ถ้าไม่มีก็ลองดูในกระเป๋าคอมฯ” เสียงรถคันหลังบีบแตรเร่ง “ฉันยังไม่รู้ว่าจะอยู่ถึงกี่โมง”
“ครับคุณวี”
รัฐรวีเดินเข้าโรงแรมไป อาทิตย์ขับรถออกไปจอด

รัฐรวีเดินเข้ามาที่บริเวณหน้าห้องจัดงาน เห็น หมอฉบัง เพื่อนสนิทยืนรออยู่แล้ว จึงเดินเข้าไปหาแกล้งทักว่า
“น้อง! ขอเหล้าให้พี่แก้วนึง”
หมอฉบังด่า “ทะลึ่ง! มาช้าแล้วยังจะกวนอีก” รัฐรวียิ้มขำ “ชั้นนึกว่าแกจะเบี้ยวเหมือนงานที่แล้วซะอีก”
“ก็อยากเบี้ยวเหมือนกันแหละ แต่แม่ดักคอไว้”
“ก็ถูกแล้ว อยู่แคนาดาแกอาจจะเป็นมนุษย์ถ้ำได้ แต่อยู่ที่นี่แกต้องมีสังคม ยิ่งต่อไปแกก็ต้องทำธุรกิจต่อจากแม่แก ยิ่งต้องรู้จักคนไว้”
“ขี้บ่นอย่างนี้เองถึงหาแฟนไม่ได้”
รัฐรวีว่า ก่อนจะเดินเข้างาน หมอฉบังรีบตามไป
รัฐรวีสวนกับผู้หญิงสองคน สองสาวเหลียวมองตามรัฐรวีไปไม่วางตา เพราะปิ๊งในความหล่อ
ผู้หญิง 1 หันไปถามเพื่อน “ใครอ่ะแก”
ผู้หญิง 2 พยักพเยิด “คนสูงๆ ไม่เคยเห็นหน้า แต่คนเตี้ยๆ น่ะ คุณหมอฉบัง”
ผู้หญิงสองคนมองตามรัฐรวีกับหมอฉบังที่เดินเข้างานไป

ด้านอาทิตย์เดินเข้ามาในห้องรอสำหรับคนขับรถ พบว่ามีคนรถนั่งอยู่หลายคน ทุกคนใส่ชุดซาฟารี
ทั้งห้องหันมามองอาทิตย์ งงๆ ว่าอาทิตย์เข้ามาทำไม อาทิตย์ไม่สนใจใคร ลงนั่งเล่นมือถือ พิมพ์ข้อความส่วนตัวเข้าไปหาเฟซบุควิไลลักษณ์
“ทำอะไรอยู่ครับ”
อาทิตย์นั่งรอข้อความตอบกลับ แต่วิไลลักษณ์ก็ไม่ตอบ อาทิตย์เซ็งไม่มีอะไรทำ แล้วยิ่งเซ็งที่ได้ยินเสียงคนขับรถในห้องนั่งคุยกัน
คนขับรถ 1 คุยกับคนขับรถ 2 “นี่ เมื่อวานดูเพชรหนองเต้ แพ้น็อกวายุน้อยปะ”
คนขับรถ 2 บอกว่า “แพ้น็อกยกสี่สู้ไม่ได้เลยเพชรหนองเต้” พลางหันมาหาอาทิตย์ “วายุน้อยเข่าคมมากเนอะ”
“อ๋อ...ผมไม่ได้ดูครับ”
อาทิตย์หยิบแว่นดำมาใส่ ตั้งท่าจะหลับ เพราะคุยเรื่องมวยไม่เป็น
คนขับรถ 1 กับคนขับรถ 2 คุยกันต่อ “แต่เมื่อวานชกกันมันส์จริงๆ ว่ะ” พร้อมทำเสียงนักพากย์มวยอย่างออกรส “วายุน้อยย่างสามขุมเข้าหาเพชรหนองเต้ วายุน้อยถีบนำ เพชรน้องเต้มีเป๋ วายุน้อยเข้าคลุกวงในแล้วตีเข่าซ้าย..เอซ! ตีเข่าขวาเอซ! แล้วตีเข้าซ้าย..เอซ!”
อาทิตย์เซ็งที่คนอื่นคุยกันเสียงดัง ทำให้ตัวเองหลับไม่ได้ เลยลุกเดินออกจากห้องไป

อาทิตย์นั่งรออยู่ในรถรัฐรวี อ่านข้อความที่วิไลลักษณ์ส่งมา
“กำลังจะอาบน้ำค่ะ แล้วค่อยคุยกันนะคะ”
อาทิตย์กดดูรูป แล้วทึ่ง
“โอ้โห...ห้องน้ำใหญ่กว่าห้องนอนเราอีก”
อาทิตย์เอนเบาะนอน แต่นอนไม่หลับเพราะนอนไม่สบาย เขาพลิกตัวไปมาท่าทางเบื่อหน่ายจังหวะนี้เองอาทิตย์หันไปเห็นการ์ดเชิญที่รัฐรวีทิ้งไว้วางอยู่เบาะหลัง เขาหยิบการ์ดมาเปิดดู แล้วยิ้มกะล่อน

อาทิตย์เปลี่ยนใส่สูทของรัฐรวีที่แขวนอยู่ในรถ เดินเข้ามาที่หน้าบริเวณงาน เขายื่นการ์ดเชิญเข้างานให้พนักงานต้อนรับดู พนักงานต้อนรับดูการ์ดแล้วยิ้ม เชิญอาทิตย์เข้างาน
อาทิตย์ยิ้มตอบอย่างเท่ห์ แล้วเดินเข้างานไป

บรรยากาศในงานเลี้ยงเต็มไปด้วยผู้คนในสังคมไฮโซที่กำลังปาร์ตี้กันอยู่ บ้างจับกลุ่มยืนคุยกันอยู่ตรงบาร์เหล้า บางส่วนนั่งชิลล์ๆ อยู่ตรงชุดโต๊ะเก้าอี้รับรอง บางส่วนยืนโยกขยับกันอยู่หน้าเวที ที่มีดีเจเปิดเพลงชิลล์ๆ บางส่วนเดินตักอาหารทานอยู่
อาทิตย์เดินเข้ามาในงาน คนขับรถจอมกะล่อนมองบรรยากาศในงานอย่างตื่นเต้น
“สวรรค์ชัดๆ”
อาทิตย์เดินไปหยิบเครื่องดื่มกับอาหารกิน แล้วมองดูสาวๆ ในงานไปด้วยอย่างเพลินตาเจริญใจ

ฝ่ายรัฐรวีกับหมอฉบังยืนอยู่มุมหนึ่งในงาน กำลังมองดูสาวๆอยู่เหมือนกัน
หมอฉบังกระซิบรัฐรวี “ท็อปๆ ทั้งนั้นเลยว่ะ”
บนฟลอร์เป็นการเต้นรำแบบสลับคู่ไปเรื่อยๆ รัฐรวีมองไปที่ฟลอร์แล้วก็ต้องชะงัก
เมื่อร่างคุณป้าคนหนึ่งใส่ชุดที่มีดอกไม้เดินออกจากฟลอร์ไป เผยให้เห็น มณฑิรา ยืนเต้นรำอยู่บนฟลอร์ด้านหนึ่งไกลๆ เธอยืนเด่นอยู่ตรงกลางที่ไฟสาดลงพอดิบพอดี
รัฐรวีมองมณฑิราอึ้งๆ ประทับใจโดยประหลาด
หมอฉบังหันมาเห็นรัฐรวีกำลังมองจ้องไปทางมณฑิรา ท่าทางอึ้งๆ ก็รู้ใจ แซวเพื่อนทันที
“ยังไง ยังไง...โดนใช่มั้ย”
“เออ คนที่ใส่ชุดที่มีดอกไม้น่ะ”
หมอฉบังแกล้ง “นี่แกเปลี่ยนทางไปชอบรุ่นป้าเลยเหรอ”
“ฉันหมายถึงอีกคนนึง”
หมอฉบังขำ “นั่นคุณมณฑิรา คนนี้ชั้นก็เคยเล็งเหมือนกัน แต่คุยแล้วไม่ใช่”
รัฐรวีมองรู้ทัน “ไม่ใช่หรือเค้าไม่เอา”
หมอฉบังเซ็งที่เพื่อนรู้ทัน “ชั้นเกลียดแกว่ะ”
รัฐรวีวางแก้วเหล้า แล้วเดินเข้าไปร่วมเต้นรำในฟลอร์ เปลี่ยนคู่ด้วย ส่วนหมอฉบังเหล่สาวอีกทาง ไม่ได้เข้าไปเต้นกับรัฐรวี

รัฐรวีเต้นรำไป สายตาก็จดจ้องมองอยู่ที่มณฑิราตลอดเวลา เขาพบว่ามณฑิราเปลี่ยนคู่ใกล้เข้ามาเรื่อยๆ
กระทั่งมณฑิรากำลังจะสลับคู่มาถึงรัฐรวี ทันใดนั้นไฟในงานเลี้ยงก็ดับลง ทุกคนชะงัก
ผู้คนในงานฮือฮาเสียงดัง พนักงานคนหนึ่งรีบเอ่ยขึ้นว่า
“ขออภัยในความขัดข้องนะครับ เดี๋ยวเจ้าหน้าที่จะรีบแก้ไข อีกสักครู่ไฟคงมาครับ”
ในความมืด รัฐรวีกดไฟฉายจากมือถือ แล้วแตะแขนมณฑิราอย่างสุภาพ
“ระวังนะครับ หลบมายืนตรงนี้ดีกว่า”
รัฐรวีฉายไฟฉายลงพื้นแล้วพามณฑิรามายืนข้างฟลอร์ จังหวะหนึ่งเขาหันไฟฉายมาที่หน้าเธอ
มณฑิราตกใจยกมือบังไฟที่แยงเข้าตา “อุ้ย”
“ขอโทษครับ” ชายหนุ่มรีบปิดไฟฉายมือถือ
“ไม่เป็นไรค่ะ ไม่ต้องเปิดไฟก็ได้ มณโอเค”

สองคนยืนอยู่ในความมืด
“น่าเสียดายนะครับ กำลังสนุกเลย ผมเลยไม่ได้เต้นรำกับคุณมณฑิรา”
มณฑิราแปลกใจ “คุณรู้จักมณด้วยเหรอคะ แต่มณว่ามณไม่รู้จักคุณนะคะ”
“ก็กำลังจะได้รู้จักแล้วนี่ไงครับ ผมชื่อ...”
เสียงมือถือมณฑิราดังขัดขึ้น รัฐรวีเลยต้องหยุดพูด
“ขอโทษนะคะ” มณฑิรากดรับสาย “ว่าไงคะคุณภู...มณยืนอยู่ข้างฟลอร์ค่ะ”
ระหว่างที่มณฑิราคุยมือถือ แสงไฟเรืองๆ จากจอมือถือทำให้เห็นใบหน้ามณฑิรา รัฐรวีมองเคลิ้มในความสวยของเธอ
จังหวะนี้ ภูวเดชเดินฉายไฟตามหามณฑิราเข้ามา
“คุณมณอยู่นี่เอง! ผมหาตั้งนาน เราออกไปข้างนอกกันดีกว่าครับ เดี๋ยวผมพาไป”
ภูวเดชถือวิสาสะ จับมือพามณฑิราออกไปทันที
ขณะที่มณฑิราเดินตามภูวเดชออกไป ไม่วายหันมามองรัฐรวีที่ยืนอยู่ สองคนเลยยังไม่ทันได้รู้จักกัน รัฐรวีเซ็งเสียดายสุดๆ

ภูวเดชจูงมือมณฑิราออกมาที่ด้านนอกซึ่งไฟสว่างอยู่ ภูวเดชยังไม่ยอมปล่อยมือ มณฑิราเลยดึงมือออกจากมืออีกฝ่ายเอง
“ขอบคุณค่ะคุณภู”
“งานกร่อยเลยนะครับ เราไปต่อที่อื่นกันไหม”
“ไม่ดีกว่าค่ะ มณอยากจะกลับอยู่พอดี”
ภูวเดชดูนาฬิกา “เพิ่งจะสามทุ่มครึ่งเองครับ คุณมณจะรีบกลับทำไมล่ะครับ นานๆ จะยอมมางานกับผมซักที”
“คนเยอะ มณเบื่อน่ะค่ะ”
“อยู่กับผมไม่ต้องกลัวเบื่อหรอกครับ” ภูวเดชเห็นมณฑิรานิ่งๆ เลยชวนคุย “นี่เพื่อนผมมันดีใจใหญ่เลยครับที่รู้ว่าคุณมณกลับมา มันอยากให้คุณมณไปทำงานด้วย”
“ฝากขอบคุณเพื่อนคุณภูด้วยนะคะ แต่มณอยากพักจากงานก่อนน่ะค่ะ”
“พักทำไมครับ งานคุณมณไม่เห็นจะยากเลย ก็แค่นั่งหน้าคอมตรวจดูตัวเลขให้มันสมดุลย์กัน แค่นั้นเอง!”
“นั่นแหละค่ะ มณเบื่อตัวเลข”
“หายเบื่อเมื่อไหร่บอกผมนะครับ ผมจะจองตัวคุณมณไปทำงานกับผมเป็นคนแรกเลย”
“คงอีกนานค่ะ...มณขอตัวกลับก่อนนะคะ”
มณฑิราเดินออกไป ภูวเดชรีบตามไป
ไฟในงานติดพรึ่บสว่างไสว ได้ยินเสียงคนในงานเฮดีใจ เสียงดนตรีในงานดังขึ้น

รัฐรวียังยืนอยู่ตรงที่ยืนคุยกับมณฑิราเมื่อครู่ หนุ่มรูปงามก้มลงไป เห็นดอกไม้ผ้าที่ติดชุดของมณฑิราที่ร่วงอยู่กับพื้น รัฐรวีก้มลงเก็บขึ้นมา ยิ้มพราย รู้ว่าเป็นของมณฑิรา เขาเก็บใส่กระเป๋าสูทไว้

บริเวณฟลอร์เต้นรำในงานเลี้ยง อาทิตย์กับเชอรี่กำลังเต้นอยู่ด้วยกัน ท่ามกลางหนุ่มสาวคนอื่นๆ ในงานที่กำลังเต้นอยู่เหมือนกัน
“เมื่อกี๊ไฟไม่น่าดับเลยนะครับ ฟีลกำลังได้” เขาว่า
“คุณอาทิตย์นี่เต้นเก่งจังเลยนะคะ”
“พอดีตอนอยู่แคนาดาเพื่อนๆ ชวนไปปาร์ตี้บ่อยน่ะครับ”
“แล้วนี่กลับมาเที่ยวเหรอคะ”
“กลับมาอยู่เลยครับ แม่อยากให้มาช่วยธุรกิจที่บ้าน”
เชอรี่ยิ้มมองชื่นชมอาทิตย์
ทันใดนั้นเอง อาทิตย์เหลือบไปเห็นหมอฉบังเดินมาด้านหลังเชอรี่ เขาตกใจรีบก้มหลบให้เชอรี่บังไว้

หมอฉบังกำลังมองหารัฐรวี
“เดินไปไหนแล้ววะ”
หมอฉบังเมียงมองไปทางด้านซ้ายมือของตัวเอง อาทิตย์เอนตัวหลบมาทางด้านซ้ายมือของตัวเองเพื่อให้เชอรี่บังไว้
หมอฉบังเปลี่ยนมามองด้านขวามือ อาทิตย์ก็เอนหลบมาทางด้านขวาใช้ร่างเชอรี่บังไว้ เชอรี่มองอาทิตย์งงๆ แล้วหันไปมองด้านหลัง
“มีอะไรรึเปล่าคะ”
อาทิตย์รีบแถ “เปล่าครับ เป็นเสต็ปเต้นของผมน่ะครับ”
ว่าพลางอาทิตย์ทำท่าเต้นโยกตัวไปซ้ายขวาให้เชอรี่ดู โดยพยายามหลบไม่ให้หมอฉบังเห็น
“แบบนี้เหรอคะ
เชอรี่เต้นตาม ทำท่าเต้นโยกเอนตัวไปทางซ้ายทางขวาบ้าง ทำให้หมอฉบังที่ยืนอยู่ด้านหลังเชอรี่มองมาเห็นอาทิตย์พอดี
“อ้าว! อาทิตย์”
“อ้าว หมอ!” อาทิตย์อึ้ง รีบหันมาขอตัวกับเชอรี่ “ขอตัวไปคุยกับเพื่อนแป๊บนึงนะครับ”
อาทิตย์ลากหมอฉบังออกไป

อาทิตย์ดึงหมอฉบังเดินห่างออกมา
“อื้อหืม เนียนเลยนะแก” หมอฉบังเหน็บ
อาทิตย์ยกมือไหว้หมอ “คุณหมออย่าบอกคุณวีเลยนะครับ ถ้าคุณวีรู้ผมโดนด่าตาย” เขารีบแก้ตัว “คือรอในรถเฉยๆ มันน่าเบื่อนี่ครับ พอดีผมเห็นการ์ดเชิญที่คุณวีทิ้งไว้ก็เลยเอามาใช้”
หมอฉบังรู้ทัน “ทิ้งหรือจิ๊ก”
“สมแล้วครับที่เป็นเพื่อนสนิทคุณวี มองผมในแง่ร้ายเหมือนกันเป๊ะ”
อาทิตย์มองไปเห็นรัฐรวีกำลังเดินมาหาหมอฉบัง ก็ตกใจ
“คุณวีมา! อย่าบอกคุณวีนะครับคุณหมอ”
อาทิตย์วิ่งออกไป รัฐรวีเดินเข้ามาหาหมอฉบังแล้วมองตามหลังอาทิตย์ไป
“นั่นมัน”
รัฐรวีหันมามองหมอฉบังเป็นคำถาม หมอฉบังพยักหน้ายิ้มๆ

ฝ่ายอาทิตย์ลุกลี้ลุกลนเดินออกมาหน้างาน เจอกับเชอรี่พอดี
“จะกลับแล้วเหรอคะคุณอาทิตย์”
“ครับ”
“ทำไมรีบกลับจังเลยคะ กำลังสนุกเลย ว่าจะชวนคุณอาทิตย์ไปต่ออยู่พอดี”
“ต่อไม่ได้แล้วครับ ถ้าต่อผมตายครับ” อาทิตย์พูดความจริง
“ทำไมล่ะคะ”
“ผมลืมว่ามีนัดโทรศัพท์ทางไกลกับพาร์ตเนอร์ที่อเมริกาน่ะครับ ต้องตกลงเรื่องธุรกิจ 100 ล้าน” คนรถจอมกะล่อนว่า
ทันใดนั้นรัฐรวีเดินตรงรี่เข้ามาล็อคคออาทิตย์ทางด้านหลัง
อาทิตย์หันมามองเห็นเป็นรัฐรวี “คุณวี”
รัฐรวีถามอาทิตย์ “มางานก็ไม่บอกกันเลยนะ” เขาออกตัวกับเชอรี่ “ขอตัวอาทิตย์ก่อนนะครับ เรามีเรื่องต้องคุยกัน” รัฐรวีมองหน้าอาทิตย์ดุๆ “ยาว...”
รัฐรวีลากคออาทิตย์ออกไป เชอรี่มองตามงงๆ

รัฐรวีล็อคคออาทิตย์เดินมา จับสูทที่อาทิตย์ใส่อยู่
“นี่มันเสื้อฉัน ฉันเห็นก็จำได้แล้ว แกทำอะไรของแก”
อาทิตย์จ๋อยสนิท หลักฐานคาตัว “ผมหิวก็เลยเข้าไปหาข้าวกินในงานครับ”
“ชั้นไม่ได้ถาม นี่แกอ้างชื่อฉันทำแบบนี้มากี่หนแล้ว”
อาทิตย์ไม่ตอบ รัฐรวีง้างมือ
“อันนี้ชั้นถาม!”
“หูย ใครจะไปรู้ล่ะครับ อันไหนประโยคคำถาม อันไหนประโยคบอกเล่า เอาใจไม่ถูกแล้วเนี่ย”
“แกไม่ต้องมาเปลี่ยนเรื่อง! ไอ้นิสัยกะล่อนของแกนี่ ตั้งแต่เด็กจนโตมันแก้ไม่หายจริงๆ ใช่มั้ย ใครใช้ให้แกเข้าไปในงาน”
อาทิตย์อ้อน “หูย.. อย่าโกรธเลยนะครับคุณวี งานเค้าของกินเยอะแยะ ผมหยิบกินชิ้นสองชิ้น เค้าไม่เจ๊งหรอกครับ”
หมอฉบังเดินขำๆ ตามมาสมทบจากอีกทาง
“คนขับรถแกนี่สุดยอดอย่างที่แกบอกจริงๆ ว่ะไอ้วี”
อาทิตย์ยิ้มแป้นแล้น “ขอบคุณที่ชมครับ”
“ยังไม่สำนึกอีก กลับไปเคลียร์กันที่บ้านเลย” รัฐรวีจะเดินไป
อาทิตย์เรียกไว้ “เดี๋ยวสิครับคุณวี ปาร์ตี้กำลังสนุกเลย น้องเชอรี่ก็รอผมอยู่”
รัฐรวีนิ่งมองดุ อาทิตย์อ่อนลงทันที
“โอเคครับ กลับก็กลับ เดี๋ยวผมไปเอารถก่อนนะครับ”
อาทิตย์รีบวิ่งออกไป รัฐรวีส่ายหน้าเซ็งเหลือประมาณกับความทะลึ่งของคนรถ หมอฉบังขำๆ

ทางด้านวิไลลักษณ์เตรียมของอยู่ในห้องน้ำมณฑิราใกล้เสร็จแล้ว และกำลังกดดูเฟซบุคของอาทิตย์แล้วขำกับรูปเก่าๆ ที่อาทิตย์เคยโพสต์ไว้
ทันใดนั้นคุณต๋อยโผล่มาตรงหน้าวิไลลักษณ์
“งานการยังทำไม่เสร็จ มัวเล่นมือถืออยู่ได้! คุณมณออกมาจากงานแล้วนะ”
วิไลลักษณ์รีบเก็บมือถือแล้วทำงานต่อ “ค่ะๆ เสร็จแล้วค่ะคุณต๋อย”
คุณต๋อยเห็นเงาสะท้อนของต่างหูที่หูของวิไลลักษณ์ เลยเข้าไปดูใกล้ๆ
“นั่นเธอใส่อะไรน่ะ”
วิไลลักษณ์ตกใจนึกได้ว่าลืมถอดต่างหู รีบเอาสองมือมาจับหูตัวเองปิดไว้
“เอามาให้ชั้นดูซิ”
คุณต๋อยเดินเข้าไปหา วิไลลักษณ์ถอยหลังหนี
“ไม่มีค่ะ”
คุณต๋อยเดินเข้าใกล้อีก “ไม่มีได้ยังไง ก็ชั้นเห็นเงาอยู่แว้บๆ”
วิไลลักษณ์ถดตัวถอยหลังหนี “ไม่มีจริงๆ ค่ะคุณต๋อย”
คุณต๋อยเดินต้อนเข้าหาอีก “ไม่มีแล้วเธอจะหนีชั้นทำไม”
“ไม่มีจริงๆ ค่ะคุณต๋อย”
วิไลลักษณ์วิ่งหนีเข้าห้องน้ำ คุณต๋อยวิ่งไล่

พอวิไลลักษณ์วิ่งเข้ามาในห้องน้ำได้ ก็มองซ้ายแลขวา เห็นอ่างอาบน้ำที่มีฟองสบู่ เลยตัดสินใจกระโจนเข้าไปในอ่าง แล้วแกล้งร้องเหมือนว่าพลาดล้มลงไป
“ว้าย”
คุณต๋อยวิ่งตามเข้ามา เห็นวิไลลักษณ์ลงไปในอ่างน้ำ
“ตายแล้ว ลงไปได้ยังไง ขึ้นมาเดี๋ยวนี้”
ระหว่างนั้นวิไลลักษณ์ที่อยู่ในน้ำ รีบถอดต่างหูออกทันที
“ชั้นบอกให้ขึ้นมาไง”
คุณต๋อยคว้าตัววิไลลักษณ์ขึ้นมาจากน้ำ วิไลลักษณ์พยายามขืนตัวไว้เพราะยังถอดต่างหูอีกข้างไม่เสร็จ
วิไลลักษณ์ถอดต่างหูเสร็จแล้วทิ้งต่างหูไว้ในอ่างอาบน้ำ ส่วนตัวเองรีบโผล่ขึ้นมาจากน้ำทันที
“ไหนมาดูซิ”
คุณต๋อยดึงวิไลลักษณ์มาเปิดผมดูทั้งสองข้าง แต่ไม่เห็นต่างหู
“ก็วิไลบอกแล้วไงคะว่าไม่มี คุณต๋อยตาฝาดแล้วค่ะ”
คุณต๋อยมองจับผิด “แล้วเธอลงไปในน้ำทำไม”
“วิไลลื่นเลยตกลงไปค่ะ”
คุณต๋อยมองไม่เชื่อ
ได้ยินเสียงรถของมณฑิราขับเข้าบ้านมา
วิไลลักษณ์ร้องขึ้น “อุ๊ย! คุณมณมาแล้ว คุณต๋อยรีบลงไปรับคุณมณก่อนเถอะค่ะ เดี๋ยววิไลจะเตรียมน้ำใหม่ให้คุณมณ”
คุณต๋อยยังไม่วางใจ “จับไม่ได้ไล่ไม่ทันนะเธอเนี่ย แล้วก็รีบไปเปลี่ยนเสื้อผ้าล่ะ จะได้รีบมารับใช้คุณมณ”
จากนั้นคุณต๋อยรีบออกจากห้องไป วิไลลักษณ์เห็นคุณต๋อยไปแล้วถอนใจโล่งอก
วิไลลักษณ์มองสภาพเปียกมะลอกมะแลกของตัวเองแล้วเซ็ง หันไปดึงจุกก๊อกน้ำในอ่างออกเพื่อเปลี่ยนน้ำใหม่ให้คุณหนูมณฑิรา
วิไลลักษณ์หันมาจะหยิบเครื่องผสมน้ำอาบแล้วนึกได้
“ต่างหูคุณมณ”

วิไลลักษณ์รีบหันไปตะครุบหาต่างหูที่อยู่ในน้ำที่กำลังไหลลงท่อให้วุ่นวาย ในที่สุดก็เก็บต่างหูขึ้นมาได้ครบสองข้าง วิไลลักษณ์โล่งแต่คราวนี้ตัวเปียกมากกว่าเดิม

วิไลลักษณ์เอาต่างหูมาวางที่โต๊ะเครื่องแป้งในห้องแต่งตัวของมณฑิรา มีต่างหูคู่สวยวางอยู่ด้วย สาวใช้ช่างฝันถอนใจอย่างโล่งอก

มณฑิราเดินเข้ามาในโถงบ้าน คุณต๋อยและกุ๊กกิ๊กรอต้อนรับอยู่
“คุณมณจะรับอะไรร้อนๆ ทานก่อนนอนไหมคะ”
“ไม่ดีค่ะคุณต๋อย แค่นี้มณก็อ้วนจะแย่”
“ถ้าอย่างคุณมณเรียกอ้วน แล้วอย่างคุณต๋อยเรียกอะไรคะ” กุ๊กกิ๊กเผลอปากไว
คุณต๋อยหันมาดุ “ชั้นเป็นเพื่อนเล่นเธอเหรอ”
กุ๊กกิ๊กนึกได้ว่าหลุดปาก จ๋อยลงไปทันควัน
มณฑิรามองขำๆ “อย่างคุณต๋อยก็เรียกว่ามีน้ำมีนวลไงจ๊ะ” คุณต๋อยยิ้มชื่น มณฑิราเหลียวหาวิไลลักษณ์สาวใช้คู่ใจ “แล้วนี่วิไลไปไหนจ๊ะ”
“ไปเปลี่ยนเสื้อผ้าอยู่ค่ะ เมื่อกี๊ซุ่มซ่ามตกลงไปในอ่างอาบน้ำของคุณมณ”
วิไลลักษณ์เปลี่ยนชุดใหม่ เดินเข้ามาจากหลังบ้าน
“มาพอดีเลยแม่ตัวดี” คุณต๋อยฟ้องมณฑิรา “อย่าหาว่าป้าเป็นคนขี้ฟ้องเลยนะคะ เดี๋ยวนี้วิไลชักจะเอาใหญ่ ทำงานไม่เรียบร้อย ซุ่มซ่ามใจลอย สงสัยจะมัวแต่ห่วงคุยกับผู้ชาย เห็นยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ส่งข้อความตลอดเวลา”
มณฑิรายิ้ม “นี่ขนาดคุณต๋อยไม่ได้ขี้ฟ้อง มณรู้หมดเลย จริงอย่างที่คุณต๋อยบอกรึเปล่าวิไล”
“หนูเปล่านะคะคุณมณ”
กุ๊กกิ๊กผสมโรงฟ้อง “ไม่จริงค่ะ เมื่อเช้าก็กวาดบ้านลวกๆ ดีนะคะที่หนูเป็นคนขยันเลยมาเช็ดอีกที เห็นฝุ่นกองอยู่เพียบเลยค่ะ”
“หน้าที่เช็ดเป็นหน้าที่ของกุ๊กกิ๊กอยู่แล้วไม่ใช่เหรอจ๊ะ แต่ก็ดีแล้ว ถือว่ากุ๊กกิ๊กเป็นคนรอบคอบ จะได้ตรวจงานวิไลอีกทีด้วย” กุ๊กกิ๊กยืดภูมิใจ
“คุณมณต้องอบรมนะคะ! ปล่อยไว้อย่างนี้เดี๋ยวก็ได้ใจ” คุณต๋อยกำชับ
“ได้จ้ะ เดี๋ยวมณจะดุวิไลเอง คุณต๋อยกับกุ๊กกิ๊กไปพักผ่อนเถอะ” มณฑิราหันมาทางวิไลลักษณ์ “วิไล ตามฉันขึ้นไปบนห้อง”
วิไลลักษณ์รับเสียงอ่อย “ค่ะคุณมณ”
มณฑิราเดินนำขึ้นบ้านไป วิไลลักษณ์เดินตามไปจ๋อยๆ
คุณต๋อย กะกุ๊กกิ๊กหัวเราะเยาะสมน้ำหน้า เพราะคิดว่าวิไลลักษณ์จะต้องโดนด่าแน่ๆ

อาทิตย์ขับรถเข้ามาในบริเวณบ้านหลังใหญ่โต โอฬาร ลัดเลี้ยวตามถนนเล็กๆ ที่ทอดมายังตัวคฤหาสน์ทรงโมเดิร์น รถจอดลงที่หน้าตึก อาทิตย์ลงไปเปิดรถให้ รัฐรวีก้าวออกมาจากรถ
“แล้วสูทฉันเพิ่งไปซักแห้งมา แกก็หยิบไปใส่ นี่มันคนขับรถหรือโจรวะ”
“พอแล้วครับคุณวี ด่าผมมาตลอดทางเลย คืนนี้ผมนอนฝันร้ายแล้วครับเนี่ย”
ชื่นเดินเข้ามาหา
“กลับมาแล้วเหรอคะคุณวี หิวอะไรไหมเดี๋ยวป้าไปอุ่นกับข้าวให้”
“ขอบคุณครับป้าชื่น แต่ผมเรียบร้อยแล้ว”
อาทิตย์ค่อนขอด “ห่วงแต่คุณวีนะแม่ ทำไมไม่เห็นห่วงหนูบ้างเลย นี่ลูกชายแท้ๆ นะ” เขาแกล้งทำหน้าเศร้า “คิดแล้วมันน่าน้อยใจจริงๆ เลยชีวิตเรา”
ชื่นมองค้อน หมั่นไส้ลูกชายจอมกะล่อน “แกอย่ามาเว่อร์เลย เอารถไปเก็บไป” นางหันมาทางรัฐรวี “รีบไปอาบน้ำพักผ่อนเถอะค่ะคุณวี..เดี๋ยวนอนน้อยจะไม่สบายเอาเปล่าๆ”
อาทิตย์ล้อเลียนแม่ “รีบไปอาบน้ำพักผ่อนเถอะค่ะคุณวี เดี๋ยวนอนน้อยจะไม่สบายเอาเปล่าๆ” แล้วเปลี่ยนเป็นพูดปกติตอนท้ายว่า “หมั่นไส้!”
“ไอ้ลูกเวร! มันน่าป้าบซักทีนะ” แม่ชื่นเดินจะไปตีลูก
แต่อาทิตย์ชิงหนีขึ้นรถแล้วขับรถออกไปที่โรงรถทันที รัฐรวีเดินส่ายหน้าอย่างระอา เดินเข้าบ้านไป

ขณะที่มณฑิรานั่งอยู่ที่หน้ากระจก ถอดกำไล ต่างหูอยู่ วิไลลักษณ์ถือชุดคลุมอาบน้ำและผ้าเช็ดตัวเดินเข้ามาวางที่โต๊ะใกล้ๆ แล้วลงนั่งหน้าจ๋อยๆ
“คุณมณคะ วิไลขอโทษค่ะ”
“เธอมาขอโทษฉันทำไม เธอทำอะไรผิดเหรอวิไล”
“เอ่อ...คือ...ก็ที่คุณต๋อยกับกุ๊กกิ๊กฟ้องคุณมณ”
“ถ้าเป็นเรื่องนั้นชั้นยิ่งดุเธอไม่ได้ เพราะชั้นเป็นคนใช้เธอออกไปซื้อของเอง”
วิไลลักษณ์โล่งใจ “ขอบคุณค่ะคุณมณ”
“วิไลก็รู้นี่ว่าคุณต๋อยเป็นคนเก่าแก่ของที่นี่ เลยระเบียบจัดเป็นธรรมดา ส่วนกุ๊กกิ๊กก็ได้แต่ตามคุณต๋อยไปวันๆ แค่วิไลต้องระวังอย่าเป็นอย่างที่เค้าว่าก็พอ”
“ค่ะคุณมณ”
วิไลลักษณ์เห็นมณฑิรากำลังจะถอดสร้อยคอ จึงรีบเข้าไปช่วย
“หนูช่วยค่ะคุณมณ”
“ขอบใจจ้ะ” มณฑิราปล่อยให้วิไลช่วยถอดสร้อยคอ
“ทำไมวันนี้คุณมณกลับเร็วจังคะ”
“ก็มันเบื่อๆ”
“งานอย่างที่คุณมณไปมันน่าเบื่อเหรอคะ วิไลเคยเห็นในอินสตราแกรมของดาราน่าสนุกออก”
“นี่คงนั่งเล่นทั้งวันใช่ไหมถึงโดนคุณต๋อยดุ” วิไลสะดุ้งร้อง “อุ้ย”
“แล้วที่คุณต๋อย บอกว่าคุยกับผู้ชายน่ะจริงรึเปล่า”
“เพื่อนน่ะค่ะ เพิ่งรู้จักกันวันนี้เอง”
“หล่อเหมือนพระเอกซีรี่ย์เกาหลีที่วิไลชอบไหม”
“ก็หล่อค่ะ..อุ้ย” วิไลลักษณ์เขิน “คุณมณ”
“แน๊ะ! มีเขิน” มณฑิราแหย่ “ชั้นชักอยากเห็นแล้วสิว่าเค้าหล่อแค่ไหน”
“โธ่ หล่อไม่ได้ครึ่งของผู้ชายที่มาจีบคุณมณหรอกค่ะ ผู้ชายที่มาจีบคุณมณหล่อๆ รวยๆ ทั้งนั้น แล้วไหนยังจะเพื่อนคุณมณจากโอฮาโย่อีก”
มณฑิราท้วง “โอไฮโอ้”
วิไลลักษณ์แย้ง “วิไลก็พูดถูกแล้วนี่คะ โอฮาโย่”
“พูดตามฉันนะวิไล โอ...”
วิไลบอกว่า “โอ...”
“ไฮ...” วิไลบอกว่า “ไฮ...”
“โอ้...” วิไลบอกก็บอกว่า “โอ้”
“โอ ไฮ โอ้” มณฑิรารวมคำ
วิไลลักษณ์บ่น “โอไฮโอ้ ยากจังค่ะคุณมณ”
“จำไว้นะจ๊ะ แล้วอย่าไปพูดผิดให้ใครได้ยินอีก อายเค้าแย่เลย” วิไลลักษณ์พยักหน้าเจื่อนๆ “แล้วผู้ชายที่วิไลคุยอยู่กับเค้าก็ต้องระวังให้ดีๆด้วยนะ คนสมัยนี้ไว้ใจไม่ได้”
“เพราะอย่างนี้ใช่ไหมคะ คุณมณถึงยังไม่ยอมไว้ใจผู้ชายคนไหนซักที”
มณฑิราชะงักที่สาวใช้คู่ใจถามซื่อๆ แต่จี้ใจดำ หันมายิ้มมองวิไลลักษณ์
วิไลลักษณ์ยิ้มแหย “ขอโทษค่ะ คุณมณไปอาบน้ำเถอะค่ะ” แล้วหันไปเก็บชุดของมณฑิรา “อุ๊ย! คุณมณคะ ดอกไม้ตรงนี้มันหลุดน่ะค่ะ” พลางเอาชุดมาให้ผู้เป็นนายดู
มณฑิราพบว่าลายดอกไม้ที่ปักตรงชายกระโปรงหายไป 1 ดอก จริงๆ

ส่วนภายในห้องนอนรัฐรวีคืนเดียวกันนั้น ชายหนุ่มเจ้าของห้องกำลังดูดอกไม้ผ้าจากชุดของมณฑิราที่เก็บได้ เขายิ้มพราย คิดถึงตอนที่เห็นมณฑิราครั้งแรกจากที่ไกลๆ ขณะมณฑิราเต้นรำอยู่ในฟลอร์ และแสงสาดส่องลงตัวเธอพอดี

ใบหน้าหล่อของรัฐรวีคลี่ยิ้มกว้าง อดคิดถึงมณฑิราไม่ได้

ฝันเฟื่อง ตอนที่ 1 (ต่อ)

อาทิตย์นอนเล่นมือถืออยู่กับพื้นเรือน ขณะที่แม่ชื่นเดินถือตะกร้าผ้ากลับขึ้นมาบนบ้าน แล้วลงนั่งพับผ้า พลางหันไปถามลูกชาย

“วันนี้แกไปก่อเรื่องอะไรทำให้คุณวีปวดหัวอีก”
“คุณวีฟ้องแม่เหรอ”
“นั่นไง! แกไปทำมาใช่มั้ย”
“หนูไม่ได้ทำอะไรเลย วันนี้หนูเป็นคนดีมาก”
ชื่นไม่เชื่อ “ไอ้ทิตย์นะไอ้ทิตย์ คุณท่านอุตส่าห์ให้แกไปเป็นคนขับรถให้คุณวี ทำตัวให้มันดีๆ หน่อย ถ้าเป็นคนอื่นเค้าไล่แกออกไปนานแล้ว โชคดีนะที่แกมีเจ้านายอย่างคุณวี”
อาทิตย์ย้อนแย้ง “แม่ไม่คิดบ้างเหรอว่าคุณวีต่างหากที่โชคดีที่มีหนูเป็นคนขับรถให้”
“ต่อล้อต่อเถียง มะเหงกซักทีดีไหม”
ชื่นหมั่นไส้เหลือประมาณเขกหัวอาทิตย์โป๊ก
อาทิตย์เจ็บเว่อร์ สำออย อ้อนแม่สุดๆ “โอ้ย...แม่...หนูปวดหัวมากเลย สงสัยพรุ่งนี้หนูจะขับรถให้คุณวีไม่ไหวแน่ๆ คงต้องลาสักสามสี่วัน”
“งั้นเอามะเหงกไปกินแก้ปวดอีกซักที” ชื่นจะเขกหัวอาทิตย์ “ไปอาบน้ำไป! ตัวเหนียวมาทั้งวันแล้ว”
อาทิตย์ลุกเข้าห้องตัวเองไป

อาทิตย์เดินเข้ามาในห้อง แล้วล้มตัวลงนอนเล่นเฟซบุคต่อ กดไล่ดูรูปวิไลลักษณ์ในเฟซ
“ทั้งสวย ทั้งรวย เพอร์เฟคท์จริงๆ คนนี้แหละที่คู่ควรกับเรา”
อาทิตย์เคลิ้มฝันคิดไปว่า...
เขากำลังเข้าพิธีแต่งงานกับวิไลลักษณ์ในโบสถ์อันสวยขลัง มีบาทหลวงรอทำพิธีอาทิตย์ยืนรออยู่ข้างบาทหลวงนั่นเอง
สักครู่ วิไลลักษณ์ ในชุดเจ้าสาวแสนสวยเดินคลุมหน้าเข้างานมา
เสียงดนตรีงานแต่ง บรรเลงขึ้นขับกล่อมงานให้แสนโรแมนติก วิไลลักษณ์เดินมายืนข้างๆ อาทิตย์
สองคนช่างดูเป็นคู่ที่เหมาะสมกันมากๆ
“คุณวิไลลักษณ์ คุณจะรับคุณอาทิตย์เป็นสามีคุณหรือไม่” บาทหลวงถาม
วิไลลักษณ์รับว่า “รับค่ะ”
“คุณอาทิตย์ คุณจะรับคุณวิไลลักษณ์เป็นภรรยาคุณหรือไม่”
อาทิตย์รับทันที “รับครับ”
“ขอประกาศว่าคุณอาทิตย์และคุณวิไลลักษณ์เป็นสามีภรรยากัน เชิญเจ้าบ่าวจูบเจ้าสาวได้”
อาทิตย์เปิดผ้าคลุมหน้าวิไลลักษณ์ออก แต่กลายเป็นว่าใบหน้าใต้ผ้าคลุมกลายเป็นหน้าแม่ชื่น
“ไอ้ทิตย์! ทำไมยังไม่ไปอาบน้ำอีก”
อาทิตย์อยู่ในอาการอึ้งๆ
“แม่”

อาทิตย์สะดุ้งตื่นหลุดจากภวังค์ เห็นแม่ชื่นยืนเท้าสะเอวชี้หน้าด่าอยู่
“เป็นอะไรของแกเนี่ย นอนยิ้มอยู่ได้ ไปอาบน้ำ”
ชื่นเดินออกไป อาทิตย์กำลังจะลุกไปอาบน้ำ เสียงมือถืออาทิตย์ดังตรึ้ง อาทิตย์รีบพุ่งลงเตียงหยิบมือถือมากดดู เป็นข้อ
“วิไลลักษณ์อาบน้ำเสร็จแล้ว ขอตัวไปนอนก่อนนะคะ”
ทางฝ่ายวิไลลักษณ์แท้จริง เธอเพิ่งล้างจานเสร็จ
อาทิตย์ตอบกลับมาว่า “เดี๋ยวครับ จะว่าอะไรมั้ยครับถ้าผมอยากจะเจอคุณอีก”
วิไลลักษณ์อึ้ง คิดว่าจะเอายังไงดี
ได้ยินเสียงมือถือดัง อีกตรึ้ง วิไลลักษณ์กดเปิดดู
“อย่าปฏิเสธผมเลยนะครับ ถ้าไม่อยากเห็นผมขาดใจตายด้วยความคิดถึง”
วิไลลักษณ์มองแล้วยิ้มๆ แล้วกดพิมพ์ตอบไปว่า
“ก็ดีค่ะ วิไลลักษณ์ก็อยากจะรู้เหมือนกันว่าคุณอาทิตย์จะตายไปจริงๆ มั้ยถ้าเราไม่ได้เจอกัน”
ได้ยินเสียงมือถือวิไลลักษณ์ดัง ตรึ้ง วิไลลักษณ์กดเปิดดู
“โธ่ อย่าทำอย่างนั้นสิครับ เดี๋ยวคุณจะต้องเสียเงินใส่ซองช่วยงานศพผมเปล่าๆ ตกลงพรุ่งนี้เรานัดเจอกันอีกนะครับ”
วิไลลักษณ์คิดอย่างชั่งใจ ว่าจะไปเจออาทิตย์อีกครั้งดีหรือไม่ เพราะไม่อยากสวมรอยเป็นคุณหนูวิไลลักษณ์เท่าไหร่?

รัฐรวีตื่นแต่เช้า เขาแต่งตัวกำลังจะไปทำงาน ชายหนุ่มเดินมาใส่นาฬิกา แล้วชะงัก หยิบดอกไม้ผ้าจากชุดของมณฑิราที่วางอยู่มาดู แล้วยิ้มชื่น คิดถึงมณฑิราอีกครา
ขณะนั้นอาทิตย์วางหม้อข้าวต้มลงที่โต๊ะทานข้าว ในบ้านรัฐรวี และกำลังจะออกไป
เสียงคุณภัสสรดังขึ้น “นายอาทิตย์”
อาทิตย์หยุด หันไปเห็นภัสสร มารดาของรัฐรวีเดินลงมาจากชั้นบน อาทิตย์ลงนั่งคุยด้วยอย่างนอบน้อม
“ช่างนี้ตาวีเค้าไม่มีสาวที่ไหนเลยเหรอ”
“ไม่มีเลยครับ”
“แล้วคนที่เค้าออกไปไหนด้วยบ่อยๆล่ะ” ภัสสรซัก
อาทิตย์บอกว่า “มีแต่คุณหมอฉบังครับ”
ภัสสรซักอีก “แล้วคนที่เค้าพาไปเที่ยวหัวหินกันเมื่อเดือนที่แล้วล่ะ”
“นั่นก็คุณหมอฉบังครับ”
ยินน้ำเสียงสัพยอกของท่านนายพลรัฐดังแทรกเข้ามาว่า “สบายแล้วคุณ ลูกชายเราเป็นตุ๊ด!”
ภัสสรกับอาทิตย์หันไปเห็นรัฐ สามี และบิดาของรัฐรวีในชุดเครื่องแบบพลเรือโทลงมาจากชั้นบน
“คุณก็พูดเล่นอยู่เรื่อย ชั้นซีเรียสนะ”
“คุณจะไปซีเรียสทำไม ก็ปล่อยๆลูกไปเหอะ ถึงเวลามันก็มีของมันเองแหละ” ท่านนายพลหันมาทางอาทิตย์ “อาทิตย์แกสาวเยอะไม่ใช่เหรอ ดูๆ ให้ตาวีเค้าคนซิ”
“ไม่ต้องเลย เดี๋ยวไปคว้าใครมาไม่ถูกใจชั้น ชั้นดูให้เองดีกว่า” ภัสสรหันมาหาอาทิตย์ “อาทิตย์ ระหว่างนี้ก็ดูๆ ตาวีให้ด้วย ถ้าเค้าไปจีบใครให้รีบมาบอกชั้น เดี๋ยวชั้นให้ค่าขนมพิเศษ”
อาทิตย์ทำเป็นพูดดี สร้างภาพ “ถึงไม่ให้ ผมก็ต้องรายงานคุณท่านอยู่แล้วครับ”
“งั้นแสดงว่าไม่เอาเงิน” รัฐถาม
อาทิตย์รีบบอก “อย่าให้เสียน้ำใจคุณท่านเลยครับ ผมรับไว้ก็ได้”
รัฐกับภัสสรขำอาทิตย์ รัฐรวีเดินเข้ามา มองเหล่คนรถจอมกะล่อนอย่างรู้ทัน
“แกฟ้องอะไรแม่ชั้นแต่เช้า”
“คนอย่างผมไม่มีครับคุณวี ผมถือคติไม่ฟ้องนาย ไม่ขายเพื่อนครับ” อาทิตย์สร้างภาพอย่างน่าหมั่นไส้
รัฐรวีดักคอ “แต่ชั้นได้ยินเรื่องค่าขนมพิเศษเมื่อกี้นะ”
“อุ่ย” อาทิตย์เสเปลี่ยนเรื่อง “คุณวีรีบทานข้าวก่อนนะครับ ผมจะไปเอารถมารอ คุณวีจะได้ไม่ไปทำงานสาย”
อาทิตย์เลี่ยงออกไปทันที รัฐรวีมองตามไปเซ็งๆ

สามพ่อแม่ลูกนั่งทานข้าวม้อเช้าด้วยกัน โดยมีสาวใช้ ชื่อ แตงอ่อน คอยดูแล
“ตาวีตอนอยู่แคนาดาลูกมีแฟนบ้างไหม” ภัสสรเปิดปากขึ้น
“ก็มีครับแม่”
“ใครลูก? ไม่เห็นลูกพามาให้แม่รู้จักบ้าง”
“ผมเลิกกันไปตั้งนานแล้วครับ ตอนนี้เค้าก็แต่งงานไปแล้วด้วย”
“อ้าวเหรอ แล้วกลับมานี่ล่ะ ลูกปิ๊งปั๊งใครบ้างรึยังจ๊ะ” ผู้เป็นมารดาถาม
รัฐรวีชักเอะใจ “แม่ถามทำไมครับ”
ท่านนายพลผู้สามีตัดรำคาญ “คุณก็บอกลูกไปตรงๆ สิว่าคุณจะหาแฟนให้ลูก”
รัฐรวีตกใจ “ห๊ะ”
ภัสสรหันไปค้อนควัก ดุสามี “คุณนี่ ฉันกำลังกล่อมลูกอยู่”
“จะกล่อมไปทำไม สุดท้ายเดี๋ยวคุณก็บังคับลูกอยู่ดี”
“ฉันเคยทำอย่างนั้นที่ไหน”
รัฐ และ รัฐรวี พูดพร้อมกันว่า “คุณทำตลอด” / “แม่ทำตลอดครับ”
ภัสสรงอน “ก็ฉันห่วงตาวี เพิ่งกลับมาจากเมืองนอกแบบนี้ เดี๋ยวแม่สาวๆ คงได้วิ่งตามกันเป็นพรวน ฉันก็ต้องกันไว้ก่อน!”
“จะกันอะไรถามลูกมันก่อนไหม เกิดมันไม่ฟังขึ้นมา จะเตลิดไปกันใหญ่” ผู้เป็นสามีติง
ภัสสรค้อน “คุณนี่ก็ขัดชั้นอยู่เรื่อย”
รัฐรวีรีบแทรกขำๆ “พ่อกับแม่อย่าเพิ่งทะเลาะกันครับ มันยังไม่มีอะไรเกิดขึ้นทั้งนั้น”
“ก็อย่าให้เกิดเลยลูกเอ๊ย พ่อขี้เกียจฟังแม่บ่นหูแฉะ” ภัสสรมองค้อนสามี รัฐลุกขึ้นหอมแก้มภรรยา “พ่อไปกรมก่อนนะ”
รัฐรวีรีบวางช้อน ลุกตาม “ผมก็มีประชุมเช้าเหมือนกัน ไปก่อนนะครับแม่”
รัฐรวีรีบลุกไปหอมแก้มมารดา
ท.ส.เดินเข้ามารับกระเป๋าจากท่านนายพล
รัฐเดินออกไป ท.ส.ตามหลัง รัฐรวีเดินตามไป
ภัสสรพูดตามหลังลูกชายไปว่า “นี่ตาวี ยังไงแม่จะดูคนดีๆ ไว้ให้นะลูก”

รัฐรวีเดินท่าทางเซ็งๆ เข้าออฟฟิศมา อาทิตย์ถือกระเป๋าของรัฐรวีเดินตามมาด้วย
อาทิตย์ขำเรื่องที่ภัสสรซักเรื่องรัฐรวี “ผมว่าแล้ว มิน่าคุณท่านถึงซักเรื่องคุณวีกับผม”
“แม่จะหาแฟนให้ฉันจริงๆ เหรอ นี่มันสมัยไหนแล้ววะไอ้ทิตย์”
“สมัยไหนแม่ก็เป็นใหญ่ที่สุดในบ้านทั้งนั้นครับคุณวี”
“ส้มโอ” เลขาของรัฐรวีนั่งทำงานอยู่ที่โต๊ะหน้าห้อง พอเห็นรัฐรวีเลยรีบทัก
“สวัสดีค่ะคุณวี เดี๋ยว 10 โมงคุณวีมีประชุมเรื่องคอลเลคชั่นเพชรที่จะออกจำหน่ายต้นเดือนหน้านะคะ”
รัฐรวีพยักหน้ารับรู้แล้วเดินเข้าห้องไป อาทิตย์เอากระเป๋าของรัฐรวีไปวางข้างโต๊ะทำงานของรัฐรวีในห้องทำงาน แล้วเดินออกจากห้องมาคุยกับส้มโอที่หน้าห้อง
“ส้มโอครับ เที่ยงนี้คุณวีมีออกไปไหนมั้ย”
ส้มโอวางสมุดคิวงานลงบนโต๊ะ แล้วก้มดู อาทิตย์แอบดูหน้าอกส้มโอที่กำลังก้มดูตารางนัดอยู่
ส้มโอก้มดูสมุดไปไม่รู้ชะตานม “ไม่มีนะคะ”
“บ่ายสองล่ะครับ”
“บ่ายสองก็ไม่มีค่ะ”
“สี่โมงเย็นล่ะครับ”
“สี่โมงเย็นก็ไม่มีค่ะ”
รัฐรวีเดินออกมาหน้าห้อง มองอย่างรู้ทัน
“ดูพอรึยังไอ้อาทิตย์”
“ยังครับ” อาทิตย์สะดุ้ง “อุ้ย”
“แกถามตารางงานของฉันกับส้มโอทำไม”
อาทิตย์ยิ้มแหย รัฐรวีจ้องหน้าจับพิรุธคนรถ

รัฐรวีเดินจะไปคุยงาน อาทิตย์เดินตาม
ระหว่างทาง เห็นพนักงานในออฟฟิศหยุดยิ้มทำความเคารพเป็นแถว รัฐรวียิ้มให้ทุกคนอย่างอัธยาศัยดี
“โธ่ คุณวีครับ ที่ผมถามเพราะผมอยากรู้ว่าคุณวีต้องไปไหนบ้าง จะได้เตรียมเส้นทางถูกไงครับ”
“อย่ามาโกหก ชั้นรู้ว่าแกจะอยากรู้ว่าชั้นว่างหรือไม่ว่างตอนไหน จะได้แอบเอารถชั้นออกไปขับเล่นอีกใช่มั้ย แล้วเลิกซะทีนะ ไอ้นิสัยลามกกับส้มโอน่ะ เดี๋ยวชั้นจะเสียการปกครองไปด้วย”
อาทิตย์ตัดพ้อ ตีหน้าเศร้า “เฮ้อ เกิดเป็นไอ้อาทิตย์นี่มันน่าน้อยใจจริงๆ สนใจงานก็ไม่ได้”
“งั้นแกก็แสตนด์บายรออยู่แถวนี้แหละ ถ้าจะไปไหนเดี๋ยวฉันบอก”
“ผมก็ต้องมีธุระของผมต้องไปทำบ้างสิครับ จะมานั่งรอตลอดได้ยังไง” รัฐรวีฟังแล้วเซ็ง “สรุปว่าวันนี้คุณวีไม่มีออกไปไหน งั้นผมขอตัวก่อนนะครับ ตอนเย็นผมมารับ”
“ตัวแกน่ะไปได้ แต่เอากุญแจรถมา”
“อ้าว แล้วผมจะไปยังไงล่ะครับ บ่ายนี้ผมนัดว่าที่แม่ของลูกไว้ อ้อนอยู่ตั้งนานกว่าเค้าจะยอมรับนัด”
“ก็แท็กซี่ไง ชั้นไม่ยอมให้แกเอารถชั้นไปเที่ยวหลอกสาวหรอก”
อาทิตย์ย้อน “ผมเคยทำอย่างนั้นด้วยเหรอครับ”
รัฐรวีเซ็งโครตๆ “ตลอด”
“คืนก็ได้ครับ” อาทิตย์ทำเป็นเซ็งส่งกุญแจรถคืนให้รัฐรวีโดยดี “ผมไปได้แล้วใช่มั้ยครับ”
รัฐรวีพยักหน้า อาทิตย์เดินแยกออกไป

พออาทิตย์เดินแยกจากรัฐรวีมา แล้วพึมพำ ยิ้มย่องกับตัวเอง
“หึๆๆ ดีนะที่รอบคอบ”
อาทิตย์หยิบกุญแจสำรองออกมาจากกระเป๋ากางเกง
“เอากุญแจสำรองมาด้วย ฮ่าๆๆ”
อาทิตย์หัวเราะชอบใจในความฉลาดของตัวเอง แล้วเดินออกไป

อาทิตย์เดินเข้ามาในลานจอดรถ เห็นรถรัฐรวีจอดอยู่ไกลๆ เขาเดินเข้าไปหารถ ก่อนเดินถึงก็หยิบกุญแจรีโมทขึ้นมากดปลดล็อครถ เสียงปลดล็อครถดัง อาทิตย์ยิ้มร่า
แต่อยู่ๆ มีเสียงล็อครถดังตามมาติดๆ อาทิตย์มองงงๆ แล้วเอากุญแจรีโมทมากดปลดล็อครถอีก
อาทิตย์จะเดินไปเปิดประตูรถ ทันใดนั้นเสียงล็อครถก็ดังอีก
“แน๊ะ”
อาทิตย์หันไปเห็นว่ามีคนที่เดินไปมาแถวนั้นยืนมองอยู่
“รถผมครับ รถผม ไม่ใช่ขโมย” เขามองที่รถ แล้วมองกุญแจรีโมท “เสียเหรอวะ”
เสียงรัฐรวีดังขึ้น “กุญแจไม่ได้เสียหรอก ที่เสียน่ะนิสัยแก”
อาทิตย์หันไปมองตามเสียง เห็นรัฐรวีเดินออกมาจากหลังเสาที่แอบอยู่ตอนแรก ในมือรัฐรวีถือกุญแจรีโมทรถอยู่ด้วย
“คุณวี”
“คราวนี้แกหลอกฉันไมได้แล้วนายทิตย์”
รัฐรวียิ้มอย่างมีชัย อาทิตย์ยิ้มแห้งๆ ที่ถูกนายจับได้

ด้านมณฑิรากำลังนั่งอยู่ที่โต๊ะกินข้าวตัวใหญ่เพียงคนเดียว ท่าทางหงอยเหงา วิไลลักษณ์ คุณต๋อย กุ๊กกิ๊ก และสมจิตคอยรับใช้
“วันนี้ป้าให้แม่เมียดทำแพนเค้กกับอาหารเช้าแบบอังกฤษให้ มีน้ำผึ้งและผลไม้จากสวิสเซอร์แลนด์ที่คุณหญิงป้าท่านฝากมาให้ ของชอบของคุณมณทั้งนั้นเลยค่ะ” คุณต๋อยว่า
“ขอบใจจ้ะ แต่ของชอบ ทานบ่อยๆ ก็เบื่อนะจ๊ะ”
วิไลลักษณ์เอ่ยขึ้น “คุณมณอยากทานอะไรคะ เดี๋ยววิไลบอกให้แม่ทำให้ค่ะ”
“ชั้นอยากทาน... ข้าวเหนียวหมูปิ้งที่เมื่อวานวิไลกับเวกทานน่ะจ้ะ” ทุกคน หือ!
“ข้าวเหนียวหมูปิ้งเจ้าปากซอยน่ะเหรอคะ” วิไลลักษณ์ถาม
“ใช่จ้ะ ฉันเห็นวิไลกับเวกทานกันบ่อยๆ ผ่านทีไรคนก็มุงกันแน่นร้านทุกที” มณฑิราบอก
คุณต๋อยท้วง “แต่คุณมณไม่ควรทานนะคะ ของข้างถนนแบบนั้นเกิดท้องเสียขึ้นมาจะแย่นะคะ”
“คนอื่นเค้าก็ทาน ไม่เห็นจะเป็นอะไรเลยนี่จ๊ะคุณต๋อย”
“ก็คุณมณไม่เหมือนคนอื่นนี่คะ”
มณฑิรายอกใจ อึ้งไปชั่วขณะ “ฉันไม่เหมือนคนอื่นยังไงจ๊ะ” คุณต๋อยอึกอัก ตอบไม่ถูก มณฑิราหันไปสั่งวิไลลักษณ์ “วิไลไปซื้อมาเถอะ แล้วเผื่อทุกคนด้วยนะ”
“ค่ะ” วิไลลักษณ์รีบออกไป
คุณต๋อยบ่นเป็นเชิงตัดพ้อ “เดี๋ยวนี้คุณมณดื้อ สงสัยจะคุยกับนังวิไลมากไป”
“ทำไมคุณต๋อยไม่คิดว่าเป็นเพราะมณเบื่อล่ะคะ”
กุ๊กกิ๊กสอดขึ้นว่า “เบื่ออะไรคะ ชีวิตคุณมณดีจะตาย ทั้งรวย ทั้งสวยสง่า เลิศเลอเพอร์เฟกท์ มีแต่ผู้ชายเข้าหาล้อมหน้าล้อมหลัง วันๆได้กินแต่ของดีๆ แต่งตัวสวยๆ...”
คุณต๋อยปราม “กุ๊กกิ๊ก”
มณฑิราเข้าใจทันทีว่าคุณต๋อยกับกุ๊กกิ๊กไม่มีวันเข้าใจ ได้ยินเสียงแตรรถดังหน้าบ้าน ปี๊น ปี๊น
มณฑิรามองออกไปที่หน้าบ้าน เห็นเวกเปิดประตูให้ภูวเดชขับรถเข้ามา
มณฑิรายิ้มขำกับตัวเอง เพราะนี่คืออีกหนึ่งในเรื่องที่ทำให้เธอเบื่อ

ฟากอาทิตย์ยืนตกใจอยู่หน้ารถ ที่เห็นรัฐรวียืนกดรีโมทอยู่ที่มุมเสาใกล้ๆ
“คุณวีมาได้ยังไงครับเนี่ย”
“ชั้นนึกอยู่แล้วว่าคนเจ้าเล่ห์อย่างแก ต้องหาทางเอารถชั้นไปจนได้”
“ขอบคุณครับที่ชม”
“ชั้นด่า แกนี่มันนิสัยเสียจริงๆ คนเค้าไม่ให้ก็ยังจะแอบขโมยไปอีก”
“อันนี้ด่าใช่มั้ยครับ”
“เออสิ เอากุญแจรถชั้นคืนมา”
รัฐรวีไม่รอ เดินมาคว้ากุญแจจากมืออาทิตย์ แต่อาทิตย์ยื้อดึงไว้ไม่ยอมปล่อยกุญแจ
“โธ่ คุณวีครับ ขอผมยืมหน่อยไม่ได้เหรอ ไปแค่พารากอนใกล้ๆ นี่เองครับ”
“ถ้าใกล้แกก็เดินไปสิ ประหยัดพลังงานลดโลกร้อน”
“มาโลกสวยอะไรตอนนี้ล่ะครับ ขืนเดินไปกว่าจะถึงเหงื่อก็แตก ตัวก็เหม็นกันพอดี นะครับคุณวี รับรองว่าผมเอารถมาคืนก่อนคุณวีเลิกงานแน่นอน”
“แกเลิกตื๊อซะที ชั้นบอกว่าไม่ให้ก็คือไม่ให้”
รัฐรวีดึงกุญแจออกจากมืออาทิตย์จนได้
“ใจร้าย” อาทิตย์เห็นรัฐรวีเดินไป ก็ร้องเรียกไว้ “คุณวีครับ คุณวี”
รัฐรวีไม่สนเดินกลับไปทันที อาทิตย์มองตามผู้เป็นายไป แล้วหันกลับมามองรถตาละห้อย

เวกเช็ดรถเตรียมตัวออกไปส่งมณฑิรา ภูวเดชพามณฑิราเดินออกมาจากตัวบ้าน เวกรีบเปิดประตูรอ
“ไม่เป็นไรเวก เดี๋ยววันนี้คุณมณไปกับฉัน” ภูวเดชเดินไปยังรถตัวเองเปิดประตูให้มณฑิรา “เชิญครับคุณมณ”
“แล้ววันนี้คุณมณไม่ไปเรียนทำขนมแล้วเหรอครับ” มณฑิราจะตอบแต่ภูวเดชชิงพูด
“ไปสิ แต่เดี๋ยวชั้นไปส่งไง ไปคันเดียวกันประหยัดกว่า”
เวกพูดซื่อๆ “รถคุณมณคันนี้ก็ประหยัดน้ำมันครับ”
ภูวเดชชักเริ่มรำคาญ “ยังไงชั้นก็จะไปอยู่แล้ว”
“แต่หน้าที่รับส่งคุณมณ มันหน้าที่ผม” เวกย้อนแย้ง
“นี่แกกวนชั้นเหรอเวก” ภูวเดชยัวะ
“ผมเปล่านะครับคุณภู ผมก็ทำหน้าที่ของผม กวนตรงไหน”
มณฑิราตัดบท “เอาเถอะค่ะคุณภู ก็คุณมาไม่ได้บอกมณก่อน มณเลยยังไม่ทันได้บอกเวก เขาก็เลยงงเป็นธรรมดา ไปกันเถอะค่ะ” ภูวเดชยิ้มเหนือกว่า แล้วเดินไปขึ้นรถ มณฑิราหันมาสั่งเบาๆ กับเวก “ขอบใจนะเวก ห้าโมงเย็นไปรับชั้นด้วยนะจ๊ะ”
เวกพยักหน้ารู้กันกับนายสาว มณฑิราขึ้นรถภูวเดชไป

เวกเดินกลับมาที่เรือนคนใช้ วิไลลักษณ์รีบเข้ามากระซิบคุย
“พี่เวก คุณมณออกไปข้างนอกแล้วใช่มั้ย จะกลับตอนไหนอย่าลืมโทร.บอกชั้นนะ”
“เอาอีกแล้ว นี่แกจะ...” เวกมองซ้ายมองขวากลัวมีคนมาได้ยิน ดุน้องเบาๆ “แม่เพิ่งห้ามไป แกยังจะทำอีกเหรอ”
วิไลลักษณ์กอดแขนอ้อนพี่ชาย “น่านะพี่เวก อีกแค่หนเดียวเอง เดี๋ยวหนูซักเสื้อซักกางเกงให้ แถมล้างรถให้อาทิตย์นึงเลยเอ้า”
เวกถอนใจมองน้องจอมฝันเฟื่อง วิไลลักษณ์ทำหน้าใสซื่ออ้อนเวก
แม่เมียดถือตะกร้าผ้าที่ซักแล้วกำลังจะเอาไปตากผ่านมาเห็นพอดี
“เจ้าตัวดี! อ้อนอะไรพี่แกอีกล่ะ”
วิไลลักษณ์รีบปล่อยแขนเวกแล้วยิ้มใสซื่อ
“เอาผ้าไปตาก” เมียดส่งตะกร้าผ้าให้
วิไลลักษณ์รีบรับตะกร้าผ้าแล้วหันจะเดินออก โดยแอบขยิบตาให้พี่ชาย
เวกจำใจพยักหน้าเป็นเชิงรู้กัน วิไลลักษณ์ยิ้มดีใจแล้วรีบวิ่งออกไป

ถัดมา วิไลลักษณ์เพิ่งตากผ้าเสร็จ เดินถือตะกร้าผ้ากลับมาวาง แล้วชะเง้อมองคุณต๋อยที่นั่งอยู่ที่นั่งประจำ เห็นคุณต๋อยนั่งให้กุ๊กกิ๊กนวดไหล่ให้อยู่
คุณต๋อยร้องขึ้นมาเจ็บแปลบ “โอ้ย เบาๆหน่อยสิ นี่แกแค้นอะไรชั้นรึเปล่าเนี่ย นวดซะแรงเลย”
“เปล่าค่ะ แต่เจอตรงที่เส้นมันยึด เลยต้องบีบให้มันคลาย”
กุ๊กกิ๊กนวดต่ออย่างเมามันส์ วิไลลักษณ์เดินเข้ามาหาคุณต๋อย
“คุณต๋อยคะ ตอนนี้วิไลว่างแล้ว มีอะไรให้วิไลทำอีกไหมคะ”
“ไปกวาดหน้าบ้านเลย ชั้นทำค้างไว้ ตอนนี้ชั้นไม่ว่าง นวดให้คุณต๋อยอยู่”
คุณต๋อยสำทับ “รีบไปทำเลย”
กุ๊กกิ๊กเร่ง “คุณต๋อยสั่งแล้วรีบไปสิ”
คุณต๋อยเอ่ยขึ้น “เธอน่ะแหละกุ๊กกิ๊ก ชั้นจะให้วิไลมานวดให้ชั้น วิไลนวดดีกว่าเธอเยอะ”
กุ๊กกิ๊กงอน เดินสะบัดตูกออกไป วิไลลักษณ์เข้ามานวดให้คุณต๋อย
“คุณต๋อยลงนอนไหมคะ จะได้หลับสบาย”
“ชั้นไม่ใช่คนขี้เกียจนะจะได้มานอนกลางวัน”

พริบตาต่อมา เห็นคุณต๋อยนอนกรนหมดสภาพ วิไลลักษณ์นวดอยู่ มองจนแน่ใจว่าคุณต๋อยหลับ เจ้าหล่อนมองซ้ายมองขวา แล้วเอื้อมมือหมายจะปลดพวงกุญแจที่ผูกอยู่ข้างเอว
อยู่ๆ คุณต๋อยกรนชุดใหญ่เหมือนจะตื่นขึ้นมา วิไลลักษณ์ชะงักรีบชักมือกลับทันที แต่คุณต๋อยนอนนิ่งแล้วเริ่มกรนต่อ
วิไลลักษณ์ค่อยๆปลดพวงกุญแจออกมาจากเอวคุณต๋อยจนสำเร็จ แล้วรีบย่องออกไป

ขึ้นมาชั้นบนได้ วิไลลักษณ์มองซ้ายมองขวาอีกทีเพื่อดูว่าไม่มีใครเห็นแน่จึงเอากุญแจมาไขประตูห้อง

ฝ่ายรัฐรวีนั่งทำงานอยู่ที่โต๊ะทำงาน กุญแจรถ 2 ดอกวางอยู่บนโต๊ะ ชายหนุ่มดูนาฬิกา หยิบเอกสารบนโต๊ะทำงานแล้วเดินออกจากห้องไป
สักครู่หนึ่งประตูห้องเปิดออก อาทิตย์ย่องเข้ามาในห้องทำงานรัฐรวี เห็นกุญแจวางอยู่บนโต๊ะอาทิตย์หยิบกุญแจรถมา 1 ดอก ยิ้มอย่างพึงพอใจ แล้วหันหลังเพื่อจะกลับออกจากห้อง
อาทิตย์เห็นประตูห้องเปิด รีบผวาอ้อมไปก้มหลบหลังโต๊ะทำงานรัฐรวี เป็นส้มโอเดินเข้ามาในห้อง หยิบเอกสารที่วางบนโต๊ะรัฐรวีมาเปิดดู
“หายไปไหนแฟ้มนึง”
อาทิตย์ก้มมองใต้โต๊ะ เห็นเท้าส้มโอที่กำลังเดินจะอ้อมมาด้านหลังโต๊ะทำงานรัฐรวี อาทิตย์รีบคลานอ้อมหลบมาด้านข้างโต๊ะทำงาน
ส้มโอเดินมาหลังโต๊ะทำงาน แล้วมองหาเอกสารที่ชั้นด้านหลังโต๊ะ ส้มโอก้มตัวลงคุกเข่ามองหาเอกสารจนก้นโด่งมาตรงหน้าอาทิตย์พอดี
อาทิตย์เหวอ มองตาค้าง จนเผลอทำกุญแจหล่นจากมือ ส้มโอได้ยินเสียงกุญแจหล่น เลยหันมาเจออาทิตย์ที่อยู่ข้างโต๊ะ ก็ตกใจ
“อุ้ย! อาทิตย์! มาทำอะไรตรงนี้เนี่ย”
อาทิตย์รีบหยิบกุญแจที่หล่นอยู่ให้ดู “มาเอากุญแจรถ คุณวีจะให้เอารถไปเช็คที่ศูนย์ ไปก่อนนะ”
ส้มโอพยักหน้า แล้วหันไปก้มหาเอกสารต่อ อาทิตย์มองดูก้นส้มโอทิ้งทวน
“อื้อหืม...” เขาเอามือนวดขมับ เหมือนจูนเรียกสติตัวเองพลางพึมพำออกมา “อย่าเขว..อาทิตย์ อย่าเขว.. เราต้องไปหาคุณวิไลลักษณ์”
จากนั้น รีบเผ่นออกจากห้องไป

ฟากวิไลลักษณ์เปิดประตูย่องเข้ามาในห้องแต่งตัวของมณฑิรา แล้วปิดประตูด้วยความระวังไม่ให้เกิดเสียง เปิดตู้เสื้อผ้าข้างในมีเสื้อสวยหรูเต็มตู้
วิไลลักษณ์ยกมือไหว้ด้วยสีหน้าที่รู้สึกผิด “อีกครั้งเดียวนะคะคุณมณ”
วิไลลักษณ์เลือกหยิบเสื้อผ้ามาได้ชุดหนึ่ง แล้วเก็บใส่ถุงกระดาษที่เตรียมมา จากนั้นเดินไปหยิบแหวน สร้อยคอ ต่างหูที่ถูกวางทิ้งไว้บนโต๊ะเครื่องแป้งมาใส่ผ้าเช็ดหน้าแล้วห่ออย่างดี
“แล้ววิไลจะรีบเอามาคืนนะคะ”

ก่อนวิไลลักษณ์จะปิดประตู เธอเอากระดาษยัดไปตรงช่องที่ใช้ล็อคลูกบิดเพื่อกันไม่ให้ประตูปิดสนิท แล้วรีบวิ่งออกไป

คุณต๋อยนั่งหลับกำลังกรนอยู่ วิไลลักษณ์ค่อยๆ เอากุญแจคล้องไว้กับเข็มขัดที่เอวคุณต๋อยตามเดิมโดยที่คุณต๋อยไม่รู้สึกตัว
ต่อมาไม่นาน วิไลลักษณ์แต่งตัวสวยหรูพร้อมใส่เครื่องประดับของมณฑิราเรียบร้อยแล้ว เดินออกประตูหลังบ้านไป
ส่วนอาทิตย์กำลังขับรถของรัฐรวีมาตามถนน เขายิ้มกะล่อน
“รู้จักผมน้อยไปซะแล้ว คุณวี”

วิไลลักษณ์ยืนวางมาดสวยอยู่หน้าห้าง มองดูนาฬิกาข้อมือ เห็นว่าเป็นเวลา 13.15 น.
วิไลลักษณ์รออาทิตย์นานสองนาน ทั้งนั่งรอ ยืนรอ ก็แล้ว เปลี่ยนที่ยืน เดินกลับมานั่ง กลับไปยืน อีก สุดท้ายกลับมานั่งหลับคอเอียง แล้วสะดุ้งรู้สึกตัว เมื่อหันไปเห็น รปภ.หน้าห้างมองมา ยิ้มขำเธอ วิไลลักษณ์รีบขยับท่านั่ง จับผมจับเผ้า แล้วทำเชิดให้ดูสวยสง่าพญาหงส์
วิไลลักษณ์ดูนาฬิกา เห็นว่าเป็นเวลา 14.20 น. แล้ว
วิไลลักษณ์มองไปที่ถนน ทางที่รถจะขับเข้าห้าง เธอเห็นอาทิตย์ขับรถหรูของรัฐรวีเข้ามา
อาทิตย์เห็นวิไลลักษณ์ยืนรออยู่ จึงเปิดกระจกแล้วส่งยิ้มให้วิไลลักษณ์
“รอเดี๋ยวนะครับ”
วิไลลักษณ์ยิ้มตอบ อาทิตย์ขับรถเข้าลานจอดรถไป
วิไลลักษณ์มองรถหรูของอาทิตย์ทึ่งๆ
“หู คันละกี่ล้านเนี่ย” พลันสีหน้าเจื่อนลง “ถ้าคุณอาทิตย์รู้ว่าเราเป็นแค่คนใช้ เค้าจะยังอยากคุยกับเราอยู่มั้ยนะ”

อาทิตย์เดินอยู่กับวิไลลักษณ์ สองคนเดินมาจตรามทางในห้าง
“คุณวิไลลักษณ์รอผมนานมั้ยครับ”
“ไม่นานค่ะ วิไลลักษณ์เพิ่งมาถึง 5 นาทีก่อนนี่เอง งานยุ่งเหรอคะ”
อาทิตย์เผลอพูดหลุดปากด้วยความเซ็งรัฐรวี “ช้าตอนเอารถน่ะครับ”
วิไลลักษณ์งง “เอารถ”
อาทิตย์นึกได้ รีบกลบเกลื่อน “ครับ ตอนเอารถออกจากที่จอดน่ะครับ รถเยอะ” เขาเปลี่ยนเรื่องคุย “หิวมั้ยครับ หรืออยากเดินดูของก่อน”
“แล้วแต่คุณอาทิตย์เถอะค่ะ”

อาทิตย์กับวิไลลักษณ์เดินอยู่ในร้านขายของแบรนด์เนม วิไลลักษณ์เดินไปดูกระเป๋าใบหนึ่งในตู้โชว์ อาทิตย์เดินตามไปแล้วพยายามเหลือบมองดูราคา เห็นป้ายราคา 80,000 บาท
อาทิตย์บ่นในใจ “กระเป๋าบ้าอะไรวะ ใบตั้งแปดหมื่น”
พนักงานเดินเข้ามาต้อนรับวิไลลักษณ์
“เอาออกมาดูก่อนได้นะคะ”
“ซวยแล้วกู ถ้าอยากได้ขึ้นมาต้องซื้อให้ไหมเนี่ย” อาทิตย์บ่นบ้าในใจ
พนักงานไขตู้หยิบกระเป๋ามาส่งให้วิไลลักษณ์ เจ้าหล่อนรับมาดู คิดอยู่ในใจ
“สวยจัง”
วิไลลักษณ์มองกระเป๋า แล้วคิดฝันไปว่า...

เธอยืนดูกระเป๋าอยู่ยิ้ม อาทิตย์มายืนดูอยู่ทางด้านหลัง
“ชอบเหรอครับคุณวิไลลักษณ์” วิไลลักษณ์เยื้อนยิ้ม “แต่ผมว่าใบซ้ายก็สวยนะครับ”
พนักงานหยิบกระเป๋าอีกใบในตู้มาส่งให้ วิไลลักษณ์ดูราคา
“แต่ใบนี้ตั้งสองแสนเลยนะคะ”
“ถ้าคุณวิไลลักษณ์ชอบ เท่าไหร่ผมก็ซื้อให้ได้ครับ
อาทิตย์หยิบเครดิตการ์ดส่งให้พนักงาน วิไลลักษณ์มองยิ้มปลื้ม
เสียงอาทิตย์ดังขึ้น “คุณวิไลลักษณ์ครับ คุณวิไลลักษณ์”

วิไลลักษณ์สะดุ้ง รู้สึกตัว ตื่นจากฝันกลางวัน “คะ”
วิไลลักษณ์หันไปพบว่าพนักงานยืนมองตัวเองที่ถือกระเป๋าอยู่ วิไลลักษณ์รีบส่งกระเป๋าคืนให้
“ขอบคุณค่ะ” เธอหันมาทางอาทิตย์ “เราไปหาอะไรทานกันดีกว่านะคะ”
“งั้นไปร้านอาหารอิตาเลี่ยนนะครับ ผมมีร้านประจำอยู่”
อาทิตย์กับวิไลลักษณ์เดินออกจากร้านไป

ทางด้านคุณหนูมณฑิรา อยู่ที่โรงเรียนทำขนมเค้ก กำลังมองภูวเดชที่กำลังตวงแป้งทำเค้กอยู่
“มณว่ามันดูเกินๆ นะคะ”
“ผมใส่แป้งมากเกินไปเหรอครับ”
“คุณภูนั่นแหละค่ะเกิน”
พบว่า ภูวเดชยืนเรียนทำอาหารอยู่ข้างๆ มณฑิรา โดยรอบๆ ห้องมีผู้หญิงที่เรียนทำอาหารอยู่ 5 คน
“มณคิดว่าคุณภูจะมาส่งมณเฉยๆ”
“ผมเรียนเป็นเพื่อนคุณมณไงครับ อีกอย่างเพื่อนคุณมณมีแต่ผู้หญิง มีผมมาด้วยจะได้คอยเป็นบอดี้การ์ดคุ้มครองคุณมณกับเพื่อนๆ”
“นี่กรุงเทพฯนะคะ ไม่ใช่อัฟกานิสถาน คุณภูไม่ต้องมาคอยปกป้องอะไรมณหรอกค่ะ มณดูแลตัวเองได้”
“คุณมณอย่าประมาทนะครับ คนสมัยนี้ไว้ใจไม่ได้ หน้าตาท่าทางดูดีแต่นิสัยไม่ดีมีเยอะแยะนะครับ”
มณฑิรามองภูวเดชยิ้มเจื่อนๆ “ค่ะ มณเจอบ่อย” ภูวเดชไม่รู้เรื่อง มณฑิราหันไปเรียนทำเค้กต่อ
ภูวเดชหยิบมือถือขึ้นมาทำท่าถ่ายรูปตัวเองกับมณฑิรา “คุณมณครับ”
พอมณฑิราหันไป ภูวเดชกดถ่าย แชะ! มณฑิรายิ่งเซ็งแล้วหันไปทำเค้กต่อ ภูวเดชดูรูปในมือถือ
“หน้าผมไม่ค่อยชัดเลยครับ ขอถ่ายใหม่อีกรอบนะครับคุณมณ”
มณฑิราติง “เกรงใจอาจารย์นะคะคุณภู”
“อาจารย์เขาเข้าใจครับ ยิ้มหน่อยครับคุณมณ” ภูวเดชกดถ่ายอีกครั้ง แล้วเอามาดู “สวยหล่อสมกันจริงๆ” มณฑิราเซ็งหนัก
ภูวเดชโพสต์รูปลงอินสตราแกรมทันที “ลงไอจีเรียบร้อยแล้วครับ”
สักครู่หนึ่งมือถือมณฑิราดัง
หญิงสาวดูมือถือ “คุณหญิงป้า...” พลางกดรับแล้วคุยมือถือ “ค่ะ คุณภูเค้าตามมณมา มณไม่ได้ชวนค่ะ แต่คุณป้ารู้ได้ยังไงคะว่ามณมาเรียนทำเค้ก...ในอินสตราแกรม....ขอบคุณค่ะ” มณฑิรากดวางสายหันมาทางภูวเดช “คุณภูลงรูปในไอจีแล้วเขียนว่าอะไรคะ”
“ผมเขียนว่า สวีทไหม” มณฑิรายิ่งเซ็ง “ทำไมล่ะครับ ก็เรามาเรียนทำเค้ก ผมก็ถามว่าเค้กหวานไหมไงครับ”
“แน่ใจนะคะว่าไม่ได้ต้องการความหมายอื่น”
พอเห็นอาจารย์ที่เป็นสอนทำเค้กเดินมา ภูวเดชเลยได้โอกาส
“อาจารย์เดินกลับมาแล้ว เราอย่าเพิ่งคุยเลยครับ เกรงใจอาจารย์”
จากนั้นภูวเดชก็หันไปทำเค้กอย่างมีความสุข มณฑิราเซ็งโคตรๆ

รัฐรวีกลับมาจากประชุม ลงนั่งที่โต๊ะทำงาน ส้มโอตามเข้ามาเอาเอกสารวางให้
“ประชุมฝ่ายมาร์เกตติ้งเลื่อนไปนะคะ วันนี้คุณวีไม่มีประชุมอะไรแล้ว”
“ขอบคุณครับ” ขณะที่ส้มโอจะออกจากห้อง รัฐรวีมองไปเห็นกุญแจรถวางอยู่ดอกเดียวรีบเรียก “ส้มโอ ผมวางกุญแจรถไว้ตรงนี้ 2 ดอกนี่ครับ”
“คุณวีให้อาทิตย์มาเอารถไปเช็คไม่ใช่เหรอคะ”
รัฐรวีโกรธขึ้นมาเป็นริ้วๆ คำรามในคอ “ไอ้อาทิตย์”
มือถือรัฐรวีมีสายเข้า พอเอามาดูเห็นว่าเป็น หมอฉบัง
จึงกดรับสาย คุยมือถือ “มีอะไรไอ้หมอ”
หมอฉบัง กำลังโทร.หา และคุยสายอยู่รัฐรวี
“ฉันมีข่าวดีมาบอก ถ้าแกอยากเจอคุณมณฑิรา ผู้หญิงที่แกปิ้งที่งานวันก่อน ตอนนี้เค้าอยู่ที่โรงเรียนสอนทำขนม”
รัฐรวีฉงน “แกรู้ได้ไงวะ”
“ฉันเห็นในไอจีเค้าถ่ายกับเพื่อน เพื่อนเค้าเช็คอินว่าอยู่ที่นั่น แกรีบไปตอนนี้รับรองได้เจอแน่”
รัฐรวีครุ่นคิด อยากไปเจอมณฑิรา

อาทิตย์กับวิไลลักษณ์นั่งดูเมนูกันอยู่ในร้านอาหารอิตาเลี่ยน มีบริกรยืนรอรับออเดอร์
วิไลลักษณ์มองไปที่รายการอาหารแล้วมึนทันที เพราะว่าแต่ละเมนูเป็นภาษาอังกฤษ
“แย่แล้ววิไล สั่งอะไรดีล่ะเนี่ย แปลไม่ออกซักอย่าง” วิไลลักษณ์เครียดอยู่ในใจ
ไม่ต่างจากอาทิตย์ “แต่ละอย่างแพงๆทั้งนั้น ขืนให้สั่งเองเราไม่มีปัญญาจ่ายแน่”
อาทิตย์กับวิไลลักษณ์เงยหน้ามาเจอกัน ต่างคนต่างยิ้มเหมือนไม่มีอะไร
“ให้ผมแนะนำเมนูที่ผมทานประจำให้มั้ยครับ”
วิไลลักษณ์ยิ้ม “ก็ดีค่ะ”
อาทิตย์คิดในใจ “รอดแล้ว ดีนะที่เคยถามคุณวีไว้”
อาทิตย์หันไปสั่งบริกร “เอาเฟททูชินี่ครับ”
บริกรบอกว่า “เฟททูชินี่หมดครับ”
อาทิตย์เปลี่ยนเมนู “งั้นเอาเสต็กแซลมอน”
บริกรบอกอีกว่า “แซลมอนยังไม่มาส่งครับ”
“งั้น...ร็อคเก็ทสลัดครับ”
“ร็อคเก็ทขาดตลาดครับ” บริกรบอก
อาทิตย์เครียด “งานเข้าแล้วเรา มีเมนูไม้ตายแค่สามอย่างซะด้วย”
“ต้องขอโทษคุณลูกค้าเป็นอย่างสูงนะครับ ร้านเราจะใช้วัตถุดิบที่สดใหม่เท่านั้น ถ้าวัตถุดิบไม่มีคุณภาพ เราก็จะไม่นำมาเสิร์ฟลูกค้าครับ”
อาทิตย์ยิ้มรับอึ้งๆ ยังนึกไม่ออกว่าจะแก้ปัญหายังไง
วิไลลักษณ์เอ่ยขึ้น “งั้นเราไปทานร้านอื่นกันก็ได้นะคะ”
อาทิตย์หันมายิ้มให้วิไลลักษณ์

ทางด้านรัฐรวีนั่งอยู่ที่เบาะด้านหลังของแท็กซี่ เสียงโทรศัพท์ดัง รัฐรวีกดรับสาย
“ฮัลโหล ว่าไงไอ้หมอ”
หมอฉบังอยู่ที่แห่งหนึ่ง กำลังโทร.ตามรัฐรวี “ตกลงแกได้เจอคุณมณรึยัง”
“ฉันไม่ได้ไปหาเค้าแล้วว่ะ”
หมอฉบังงง “อ้าว! ทำไม”
“ฉันมีเรื่องต้องไปจัดการ เอ้อ แล้วเล่าให้ฟัง แค่นี้ก่อนนะเว้ย” รัฐรวีกดวางสาย
อยู่ๆ แท๊กซี่กระตุก แล้วหยุดกึก รัฐรวีงง
“รถเป็นอะไรครับลุง”
ไม่นานต่อมา ชายคนขับแท็กซี่เป็นลุงแก่ๆ เปิดกระจก โผล่ออกไปตะโกนเร่ง
“ออกแรงอีกนิดพ่อหนุ่ม จะติดแล้วๆๆ”
ที่ท้ายรถ รัฐรวีในสภาพเหนื่อยล้า พับแขนเสื้อ เหงื่อโทรมเต็มหน้า กำลังเข็นแท็กซี่อย่างเหน็ดเหนื่อย
รัฐรวีบ่นออกอย่างเคืองแค้น “ไอ้ทิตย์...แกตาย”

ฟากมณฑิราหลบมาคุยโทรศัพท์อยู่ที่มุมหนึ่งของโรงเรียนสอนทำเค้ก
“ฮัลโหลเวก เอารถมารับชั้นที่โรงเรียนเดี๋ยวนี้เลย”
ที่สวนบ้านมณฑิรา นายวงกำลังเอากรรไกรตัดเล็มกิ่งต้นไม้อยู่
เวกกำลังคุยโทรศัพท์ อีกมือถือพลั่วกำลังช่วยงานพ่ออยู่
เวกตกใจเมื่อได้ฟัง “คุณมณจะกลับบ้านแล้วเหรอครับ! ไหนทีแรกบอกว่าจะให้ไปรับตอน 5 โมงเย็นไงครับ”
“ชั้นเปลี่ยนใจแล้ว รีบมารับชั้นเดี๋ยวนี้เลย” มณฑิรากดวางสายไปเลย
เวกกดวางมือถืออึ้งๆ ก่อนจะเอ่ยขึ้นรีบร้อน “ฝากพ่อทำต่อทีนะ เดี๋ยวชั้นไปรับคุณมณก่อน” เขารีบวิ่งออกไปทันที
นายวงตะโกนตามหลังลูกชาย “ไอ้เวก พ่อฝากซื้อเรียงเบอร์มาตรวจล็อตเตอรี่ด้วย เอาใบที่ตรวจแล้วถูกนะเว้ย”
เวกยิ่งเครียดอยู่เลยเซ็งหนัก “โว้วพ่อ”
วงมองตามลูกไปอย่างแปลกใจ “แค่ไปรับคุณมณ ทำไมต้องรีบร้อนขนาดนั้น”

เวกท่าทางรีบร้อน เปลี่ยนเสื้อผ้าไปด้วย รอวิไลลักษณ์รับโทรศัพท์ด้วย
ส่วนที่ทางเดินในห้าง วิไลลักษณ์เดินออกมาจากร้านอาหารกับอาทิตย์เลยไม่ได้ยินเสียงโทรศัพท์
เวกใส่รองเท้าหนังไปด้วย ร้อนใจที่น้องสาวไม่รับสายสักที
“ทำไมไม่รับสายเนี่ยวิไล คุณมณจะกลับมาแล้ว”
เสียงแม่เมียดดังขึ้น “คุณมณจะกลับทำไมแกต้องโทรบอกน้องด้วย”
เวกเงยหน้ามาเห็น เมียดกับวงยืนจ้องอยู่ วงนั้นอาผ้าขาวม้าเช็ดมือที่เพิ่งล้างมาหลังจากทำสวนเสร็จ
เวกตกใจ “แม่ พ่อ”
“น้องแกหายไปไหน ชั้นไม่เห็นตั้งแต่บ่ายแล้ว” วงถาม
เมียดเห็นเวกอึกอักหน้าเสีย นึกเอะใจ “นี่แกอย่าบอกนะว่านังวิไลมัน...” เมียดหันมองหน้ากับวงอย่างรู้กัน ทั้งคู่ตกใจ นายวงอุทานลั่น
“คุณพระ”
เมียดหันไปดุเวก “ทำไมแกไม่ห้ามน้อง”
“ขนาดแม่ห้ามยังไม่ฟัง นับประสาอะไรกับชั้น”
เมียดโวยวาย “แกรีบโทร.ตามน้องเลย ใครเค้ารู้เข้าได้ซวยกันทั้งบ้าน”
วงเอ็ดเมีย “ชู่ว เค้าจะรู้ก็เพราะแม่โวยวายเสียงดังนี่แหละ” พลางหันไปหาเวกที่อึ้งอยู่ “แล้วแกจะยืนฟังชั้นเถียงกันทำไม รีบโทรหาน้องสิ”
เวกรีบกดโทรศัพท์แล้วเดินออกไป

ทางฝ่ายอาทิตย์กับวิไลลักษณ์นั่งอยู่ในร้านอาหารไทย บนโต๊ะมีจานอาหารที่ทานเสร็จแล้ว อาทิตย์จ่ายเงินให้บริกร แล้วทั้งสองคนลุกเดินออกจากร้าน
“เสียดายนะครับที่เมื่อกี้เราไม่ได้ทานอาหารอิตาเลี่ยน” คนรถจอมกะล่อนคุยเขื่อง
“ไม่เป็นไรค่ะ จริงๆ วิไลลักษณ์ก็เบื่ออยู่เหมือนกัน ตอนที่อยู่โอไฮโยทานบ่อยแล้ว” สาวใช้ช่างฝันว่า
อาทิตย์ฉงน “เหรอครับ”
วิไลลักษณ์คิดอยู่ในใจ “ตายแล้วๆ โอไฮโอ เผลอพูดโอไฮโยอีกแล้ว คุณอาทิตย์นิ่งไปเลย หรือว่าจะสงสัยที่เราพูดผิด”
ส่วนอาทิตย์ก็คิดอยู่ในใจ “โอไฮโย ที่ไหนวะ อเมริกามั้ง”
บังเอิญอาทิตย์มองไปเห็นรัฐรวีสภาพเหนื่อยล้า หน้าตาโกรธจัด เอาเรื่องเดินดิ่งเข้ามาหาตัวเอง
“คุณวิไลลักษณ์ครับ ผมมีอีกร้านแนะนำ ไปทางนู้นดีกว่าครับ”
อาทิตย์แตะแขนวิไลลักษณ์พาเดินหนีเจ้านาย
รัฐรวีเห็นอาทิตย์เดินหนีตัวเองเลยรีบเร่งฝีเท้าเดินตามไป

อาทิตย์พาวิไลลักษณ์เดินหนีรัฐรวี หลบหลีกไปตามมุมต่างๆ ในห้าง จนมาหยุดลงตรงมุมหนึ่ง อาทิตย์มองไปด้านหลังเพื่อดูว่ารัฐรวีเดินตามมาอยู่รึเปล่า วิไลลักษณ์งงๆ กับท่าทีของเขา
“คุณอาทิตย์คะ นี่มันเลยโซนร้านอาหารแล้วนะคะ”
อาทิตย์หยุดมอง เห็นว่ารัฐรวีไม่อยู่แล้ว เลยโล่งใจ
“ผมว่าเราเปลี่ยนไปทานข้างนอกกันดีกว่าครับ”
อาทิตย์จะพาวิไลลักษณ์ออกไปทางลานจอดรถ แต่พออาทิตย์เดินเลี้ยวพ้นมุมมา เจอรัฐรวียืนดักรออยู่ อาทิตย์สะดุ้งชะงักกึก
“จะรีบไปไหนเหรอครับคุณอาทิตย์”
อาทิตย์อึกอักใหญ่ วิไลลักษณ์มองอาทิตย์กับรัฐรวีงงๆ ว่ารัฐรวีเป็นใคร รัฐรวีหันมายิ้มให้วิไลลักษณ์
อาทิตย์จำต้องแนะนำว่า “นี่คุณวิไลลักษณ์ครับ...” เขาหันมองรัฐรวี “ส่วนนี่…”
รัฐรวีรีบชิงพูด เพราะไม่อยากให้อาทิตย์เสียหน้า “ผมวีครับ รบกวนหน่อยนะครับ ผมแค่มาเอารถ”
วิไลลักษณ์ได้ยินเสียงโทรศัพท์ในกระเป๋า หยิบมือถือมาดูเห็นเป็นเวกก็ตกใจไม่กล้ารับต่อหน้าอาทิตย์
“วิไลลักษณ์ขอตัวแป๊บนึงนะคะ”
วิไลลักษณ์รีบเดินแยกออกไป รัฐรวีมองหน้าอาทิตย์อย่างโกรธขึ้ง
“ตามชั้นมา”

วิไลลักษณ์หันไปมองว่าตัวเองเดินพ้นมาจากอาทิตย์แล้ว จึงหยิบโทรศัพท์มากดรับสายหาพี่ชาย
“ว่าไงพี่เวก ขอโทษชั้นไม่ได้ยินจริงๆ ห๊ะ คุณมณกำลังจะกลับบ้าน ได้ๆๆ เดี๋ยวชั้นรีบกลับไปเดี๋ยวนี้ พี่เวกขับรถช้าๆ ถ่วงเวลาให้หน่อยนะ” เจ้าหล่อนวางสายหน้าเครียด “งานเข้าแล้ว”

อาทิตย์เดินตามรัฐรวีเข้ามาในห้องน้ำ รัฐรวีหันมาโวยใส่ทันที
“ไอ้ทิตย์ มันจะมากไปแล้วนะ ชั้นห้ามแกไม่ให้เอารถออกมา แกยังกล้าขโมยรถชั้นมาอีกเหรอ”
อาทิตย์ยกมือไหว้ “ผมขอโทษครับคุณวี แต่มันจำเป็นจริงๆ นะครับ”
“จำเป็นที่ต้องหลอกเค้าเนี่ยนะ แล้วเค้ายังเด็กอยู่เลย แกไม่รู้สึกผิดบ้างเหรอวะ”
“ผมขอโทษครับ”
“แกไม่ต้องมาขอโทษชั้น ไปขอโทษเค้าแล้วสารภาพความจริงซะ”
“แต่คุณวิไลลักษณ์เป็นคนดีมีชาติตระกูล ถ้าผมสารภาพ เค้าต้องเลิกคบกับผมแน่ๆ เลยครับ”
“ถ้างั้นชั้นจะบอกเค้าเอง”
อาทิตย์ตกใจทิ้งตัวคุกเข่ากอดขารัฐรวีทันที
“อย่านะครับคุณวี ผมขอร้อง ผมชอบเค้าจริงๆ”
“เฮ้ย ไอ้อาทิตย์ปล่อย”
“ไม่ครับ ผมไม่ปล่อย จนกว่าคุณวีจะสัญญาว่าจะไม่บอกความจริงกับคุณวิไลลักษณ์”
รัฐรวีพยายามสะบัดออกแต่อาทิตย์เกาะขาไว้แน่น
มีป้าแม่บ้านเดินเข้าห้องน้ำมาทางด้านหลังรัฐรวี ป้าเห็นรัฐรวีหันหลังให้อยู่ โดยมีอาทิตย์คุกเข่าอยู่ข้างหน้า ใบหน้าของอาทิตย์อยู่ประมาณเป้ารัฐรวีพอดิบพอดี
รัฐรวีหันมาเห็นป้าแม่บ้านมองอยู่ก็อึ้ง ครู่หนึ่งป้าแม่บ้านก็ตกใจ
“ว้าย บัดสีบัดเถลิง ทำอะไรกันกลางวันแสกๆ” ป้ารีบเดินออกจากห้องน้ำทันที
รัฐรวีโมโห “ปล่อยสิวะ เค้าเข้าใจผิดกันหมดแล้ว”
“คุณวีรับปากผมก่อนสิครับ”
รัฐรวีรับปากอย่างหมั่นไส้สุดขีด “เออ ไม่บอกก็ไม่บอก”
อาทิตย์โล่งดีใจ รีบปล่อยมือจากขารัฐรวีทันควัน
รัฐรวีเดินออกจากห้องน้ำ อาทิตย์รีบตามออกไป

วิไลลักษณ์เดินมองหาอาทิตย์กับรัฐรวีอยู่ พอเห็นทั้งสองคนเดินออกมาจากห้องน้ำ เลยรีบเดินไปหา เอ่ยขึ้นด้วยท่าทีร้อนรนใจ
“คุณอาทิตย์คะ แย่แล้วค่ะ คุณพ่อคุณแม่โทร.มาบอกว่ากำลังจะกลับเข้าบ้าน แต่วิไลลักษณ์ไม่ได้บอกท่านว่าออกมาข้างนอก ถ้าท่านจับได้ วิไลลักษณ์ต้องโดนเอ็ดแน่ๆ วิไลลักษณ์ต้องขอตัวกลับก่อนนะคะ” หญิงสาวจะเดินไป
อาทิตย์เรียกไว้ “เดี๋ยวครับ ให้ผมไปส่งมั้ยครับ”
“อย่าเลยค่ะ เกรงใจคนขับรถคุณอาทิตย์”
อาทิตย์กะรัฐรวีตกใจ ร้อง “ห๊ะ” พร้อมกัน
วิไลลักษณ์มองไปทางรัฐรวี อาทิตย์มองตาม เลยรู้ว่าวิไลลักษณ์เข้าใจผิดว่ารัฐรวีเป็นคนขับรถของตน
รัฐรวีจำต้องเล่นไปตามน้ำ “ไม่ต้องเกรงใจหรอกครับ เดี๋ยวผมไปส่งก็ได้”
รัฐรวียิ้มแหยๆ แอบเซ็งว่าต้องกลายเป็นคนขับรถของอาทิตย์ไปโดยปริยาย

ส่วนที่ลานจอดรถโรงเรียนทำขนม เวกยืนคุยโทรศัพท์อยู่ข้างรถ
“ผมมาถึงแล้วครับคุณมณ”
มณฑิราคุยโทรศัพท์อยู่ตรงหน้าอ่างล้างมือในห้องน้ำ
“เดี๋ยวชั้นออกไปจ้ะ”
มณฑิราวางสาย แล้วชะโงกหน้ามองไปหน้าห้องน้ำ เห็นภูวเดชยืนรออยู่ด้านหน้าห้องน้ำ พึมพำอยู่คนเดียว
“เฝ้าขนาดนี้แล้วจะหลบออกไปยังไง”
ระหว่างนี้เองแม่บ้านคนหนึ่งสวมผ้าโพกผม ใส่ผ้าปิดปากเดินเข็นรถเข็นใส่อุปกรณ์ทำความสะอาดเข้ามาในห้องน้ำ มณฑิรามองแม่บ้าน ยิ้มพราย คิดแผนอะไรได้
“คุณป้าคะ หนูมีเรื่องจะรบกวนให้ช่วยหน่อยค่ะ”

ภูวเดชยืนรออยู่หน้าห้องน้ำ คอยมองเข้าไปในห้องน้ำ เพราะมณฑิราเข้าไปนานแล้ว
จนเขาบ่นงึมงำ “นานจัง คุณมณเค้าไปนั่งส้วมหรือไปนั่งหลับวะเนี่ย”
มีแม่บ้านสวมผ้าโพกผมและใส่ผ้าปิดปากเดินก้มหน้าเข็นรถเข็นอุปกรณ์ทำความสะอาดออกมาจากห้องน้ำ เดินผ่านหน้าภูวเดชไป
ภูวเดชเรียกไว้ “ป้าครับ” แม่บ้านหยุด “มีผู้หญิงสวยๆขาวๆอยู่ในห้องน้ำไหม”
แม่บ้านคนนั้นพยักหน้าโดยไม่หันมา แล้วเดินออกไป
แม่บ้านเข็นรถเลี้ยวพ้นภูวเดชมา แล้วดึงผ้าปิดปากลง พบว่าแม่บ้านคนนั้นคือ มณฑิรา นั่นเอง หญิงสาวถอนใจโล่งอก ที่หลบภูวเดชออกมาได้ รีบหยิบกระเป๋าที่ซ่อนไว้ในรถเข็น เดินออกไปทันที

ที่ลานจอดรถโรงเรียนทำขนม มณฑิราในชุดแม่บ้านเดินออกมาหาเวกตรงบริเวณนั้น
“ไปจ้ะเวก”
เวกมองงงๆ ขณะเปิดประตูรถให้มณฑิรา “ทำไมคุณมณแต่งตัวแบบนี้ล่ะครับ”
มณฑิรายิ้ม “ไม่มีอะไรหรอก มาส่งชั้นคราวหน้าอย่าลืมเตือนให้ชั้นเอาชุดมาคืนเค้าด้วยนะ รีบกลับบ้านกันดีกว่า” คุณหนูคนสวยรีบขึ้นรถไป
เวกพยักหน้างงๆ แล้วรีบไปนั่งบนรถ ขับออกไป

อีกฟาก รัฐรวีขับรถให้โดยมีอาทิตย์ และวิไลลักษณ์นั่งเบาะหลัง
อาทิตย์นั้นทำตัวไม่ถูก ส่วนวิไลลักษณ์ก็มัวแต่ร้อนใจที่จะต้องรีบกลับให้ถึงบ้านก่อนมณฑิรา เลยไม่ทันสังเกตความผิดปรกติของอาทิตย์
“คุณอาทิตย์คะ ช่วยบอกคนขับรถให้ขับเร็วกว่านี้หน่อยได้ไหมคะ วิไลลักษณ์กลัวคุณพ่อคุณแม่กลับถึงบ้านก่อน”
“จะดีเหรอครับ” วิไลลักษณ์งง อาทิตย์รู้ตัวรีบแก้ “คือ ผมกลัวว่าขับรถเร็วมันจะอันตราย แต่ก็ได้ครับ”
อาทิตย์มองหน้ารัฐรวีผ่านกระจกมองหลัง เห็นรัฐรวีมองตอบ อาทิตย์ชักกลัว แล้วพูดไม่ค่อยเต็มเสียงกับรัฐรวี
“ช่วยขับรถเร็วกว่านี้หน่อย นะครับ”
รัฐรวีพยักรับหน้านิ่งๆ แล้วเร่งความเร็วให้

มณฑิรารถติดอยู่บนถนน รถของรัฐรวีเคลื่อนมาได้ไม่เท่าไหร่ ก็ติดอยู่เช่นกัน ไม่รู้ว่าใครจะถึงบ้านก่อนกัน

บนถนนที่รถติดเป็นแพ อาทิตย์หันมายิ้มแหยๆ กับวิไลลักษณ์ แล้วพยายามหาเรื่องคุย
“วันนี้เลยไม่สนุกเลยนะครับ แล้วเมื่อไหร่คุณวิไลลักษณ์จะว่างมาเจอผมได้อีกครับ”
“วิไลต้องดูที่บ้านก่อนค่ะ คือ วิไลลักษณ์เกรงใจคุณพ่อคุณแม่น่ะค่ะ” วิไลลักษณ์เห็นว่ารถถึงปากซอยจะเข้าบ้านแล้วจึงบอกว่า “คุณอาทิตย์คะ บอกคนขับรถคุณ พอเลี้ยวซ้ายเข้าซอยให้จอดด้วยนะคะ”
อาทิตย์ฉงน “อ้าว ทำไมล่ะครับ ให้ผมไปส่งที่บ้านเถอะ”
วิไลลักษณ์ตกใจ “อย่าค่ะ จอดแค่ปากซอยดีกว่า ขืนจอดที่บ้านแล้วมีคนเอาไปฟ้องคุณพ่อคุณแม่ว่าวิไลมีผู้ชายขับรถมาส่ง วิไลแย่แน่ๆเลยค่ะ”
“คุณพ่อ คุณแม่คุณวิไลลักษณ์ท่าทางหวงลูกสาวมากเลยนะครับ ก็อย่างว่าลูกสาวท่านออกจะน่ารักซะขนาดนี้” วิไลลักษณ์สะเทิ้น ยิ้มอาย อาทิตย์บอกกับรัฐรวี “เดี๋ยวช่วยจอดปากซอยซ้ายมือด้วยนะครับ”
“คุณอาทิตย์นี่ดีจังเลยนะคะ พูดกับคนขับรถสุภาพจัง”
อาทิตย์ชะงัก ได้ทีพูดดักคอผู้เป็นนาย “คือเราอยู่กันแบบเพื่อนน่ะครับ ถ้อยทีถ้อยอาศัยกัน เขาทำอะไรผิดพลาดมาผมก็ไม่โกรธ ผมนึกถึงใจเขาใจเราน่ะครับ สมมุติถ้านายวีเป็นเจ้านายผม แล้วผมทำอะไรผิดพลาด นายวีก็คงไม่โกรธผมเหมือนกัน” เขาพยักพเยิดกับรัฐรวีตอนท้ายว่า “เนอะนายวี เนอะ”
รัฐรวียิ้มนิ่งๆ หักรถเลี้ยวเข้าซอยแล้วจอด

รถที่รัฐรวีเป็นคนขับจอดลง วิไลลักษณ์เปิดประตูลงจากรถ อาทิตย์รีบตามลงมา
“ขอบคุณมากนะคะคุณอาทิตย์”
“แล้วผมโทร.หานะครับ”
วิไลลักษณ์ยิ้มให้แล้วรีบวิ่งออกไป อาทิตย์โบกมือเท่ห์ๆ แล้วหันมาเห็นว่ารัฐรวีลงมายืนหน้านิ่งๆ อยู่ที่ข้างรถรออยู่แล้ว
อาทิตย์พยายามทำใจดีสู้เสือ “คุณวิไลลักษณ์น่ารักนะครับคุณวี”
รัฐรวีเสียงเข้ม “กลับบ้านเดี๋ยวนี้!”
อาทิตย์ชะงัก จ๋อยสนิท เดินไปเปิดประตูหลัง
“แกขับ!” รัฐรวีเสียงเข้มกว่าเดิม
อาทิตย์บอก “ก็นี่ไงครับ ผมจะเปิดประตูให้คุณวี”
รัฐรวีเดินขึ้นไปนั่งหลังรถ อาทิตย์ปิดประตูให้ แล้วเดินไปเปิดประตูรถ ขับออกไป

ค่ำมากแล้ว ขณะวิไลลักษณ์เดินลุกลี้ลุกลนเข้ามาในบ้านมณฑิรา เจ้าหล่อนระวังซ้ายระวังขวากลัวคนมาเห็น จนมาถึงหน้าเรือนคนใช้
วิไลลักษณ์รู้สึกผิดสังเกต เพราะบ้านช่องดูเงียบเชียบผิดปรกติ ไม่เห็นทั้งแม่เมียด เวก หรือนายวงที่มักจะยืนดูกล้วยไม้แถวหน้าเรือน
“ไปไหนกันหมด”
วิไลลักษณ์เดินขึ้นบ้านไป แล้วเห็นว่าที่หน้าบ้านมีแม่กุญแจล็อกอยู่
“ล็อก แล้วจะเปลี่ยนชุดยังไงล่ะ กุญแจก็ไม่ได้เอาไปด้วย”
วิไลลักษณ์โทรศัพท์หาเวก แต่ไม่มีคนรับ จึงกดโทร.หานายวงกับแม่เมียดแต่ก็ไม่มีใครรับอีก วิไลลักษณ์ขบคิดว่าจะทำยังไงดี

ถัดมาไม่นานนัก วิไลลักษณ์เดินอ้อมมาที่หลังบ้าน เห็นเสื้อผ้าชุดคนใช้ที่ซักตากอยู่กับราว เธอปลดเสื้อผ้าชุดที่จะใช้เปลี่ยนลงมาถือไว้ แล้วย่องเข้ามาที่ทางขึ้นด้านหลังของบ้านใหญ่ พอมองเข้าไปในตึกใหญ่ไฟปิดมืดก็แปลกใจ
“เรือนใหญ่ก็ไม่มีคนเหรอเนี่ย...” วิไลลักษณ์คิดปราดเดียว “รีบเปลี่ยนชุดก่อนแล้วค่อยว่ากันแล้วกัน!”
วิไลลักษณ์ตัดสินใจรีบวิ่งขึ้นตึกใหญ่ เพื่อจะขึ้นไปยังห้องมณฑิรา

วิไลลักษณ์วิ่งเข้ามาที่ห้องโถง กำลังจะขึ้นบันได ทันใดนั้น ไฟในเรือนใหญ่ก็สว่างขึ้นทันที วิไลลักษณ์ชะงัก เห็นในห้องโถงใหญ่ตอนนี้ มณฑิรานั่งอยู่ที่โซฟา ส่วนที่พื้นมี นายวง แม่เมียด เวก ที่นั่งหน้าเสียอยู่ด้วย
ส่วนคุณต๋อยยืนเท้าเอวมองมาทางวิไลลักษณ์อย่างเอาเรื่อง กุ๊กกิ๊กนั่งอยู่ใกล้ๆ กับคุณต๋อยด้วยสีหน้ายิ้มเยาะ สมจิตยืนอยู่ตรงข้างๆ ตรงสวิทช์ไฟ
“กลับมาแล้วเหรอแม่ตัวดี”

น้ำเสียงของคุณต๋อย กับสายตายทุกคู่ที่จ้องมองมา ทำเอาวิไลลักษณ์หน้าซีด เข่าอ่อนแทบหมดแรง

อ่านต่อตอนที่ 2
กำลังโหลดความคิดเห็น