xs
xsm
sm
md
lg

ทางเดินแห่งรัก ตอนที่ 1

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ทางเดินแห่งรัก ตอนที่ 1

เจ็ทสกีสองลำลากเวคบอร์ดแข่งกันมาด้วยความเร็วสูง ท่ามกลางธงที่ปักบนทุ่นลอยอยู่ในน้ำเป็นแถวกลางทะเลสีครามนั้น ซัน อยู่บนเวคบอร์ดอันหนึ่ง สองมือของเขาจับสายเคเบิลและทรงตัวอยู่บนบอร์ดอย่างเท่

ในขณะที่เจ็ทสกีพาบอร์ดของซันเข้าไปใกล้ธงที่ปักไว้ เขารีบเอื้อมมือไปดึงธงขึ้นมาอย่างรวดเร็ว ตัดหน้า วุธ ที่อยู่บนเวคบอร์ดอักอันที่เคลื่อนเข้ามาใกล้แต่ช้ากว่าซันไปเพียงเสี้ยววินาที วุธอารมณ์เสียที่พลาดธงอันแรก แต่เมื่อบอร์ดเข้าใกล้ธงอันที่สอง วุธก็รีบเบี่ยงตัวแล้วก็คว้าธงมาได้ก่อนซันอย่างเฉียดฉิวเช่นกัน

เพื่อนๆกลุ่มชายหญิงกำลังส่งเสียงเชียร์กันอย่างสนุกสนานอยู่บนชายหาด
“อย่าแพ้นะไอ้วุธ !!! นายถือศักดิ์ศรีลูกผู้ชายของเราทั้งหมดไว้นะเว้ย” เพื่อนผู้ชายตะโกน
เพื่อนผู้หญิงตะโกนบ้าง “เอาชนะให้ได้นะซัน ทำให้ผู้ชายพวกนี้รู้ว่า ผู้หญิงก็เก่งไม่แพ้ผู้ชาย”
เพื่อนผู้หญิงพูดเสร็จก็หันไปมองหน้าเพื่อนผู้ชายอย่างเยาะเย้ย ก่อนที่ทั้งสองจะมองหน้ากันแบบเอาเรื่อง ไม่ยอมแพ้กัน

ซันและวุธผลัดกันแย่งธงไปได้อีกคนละอันทำให้เหลือธงสุดท้าย วุธและซันต่างจ้องมองไปที่ธงพลาสติกอันนั้น เจ็ทสกีสองลำพุ่งตรงไปที่จุดหมายเดียวกัน ทั้งคู่หันมองหน้ากัน วุธยักคิ้วท้าทาย ซันเชิดหน้าอย่างไม่กลัวเพราะมีแต่ความมั่นใจ พอเข้าใกล้ธงมากขึ้น วุธก็ดูเหมือนจะเข้าไปใกล้กว่า ซันกังวลแต่แล้วกลับคิดอะไรบางอย่างได้ในวินาทีนั้น เมื่อเข้าใกล้วุธ ซันก็ได้ทีจึงเอี้ยวตัวตวัดเวคบอร์ดให้แฉลบไปทำให้น้ำสาดกระจายเข้าใส่ใบหน้าของวุธ

วุธหลับตาหันหน้าหลบโดยสัญชาติญาณ ซันฉวยจังหวะนั้นเอื้อมมือไปคว้าธงได้สำเร็จ เจ็ทสกีของซัน เคลื่อนวนกลับมาทางฝั่งแล้วลดความเร็วลง เจ็ทสกีของวุธตามหลังมาติดๆ ซันชูธงในมือสะบัดไปมาเพื่อยั่วยวน วุธมองแล้วก็ยิ้มขำโดยแอบดีใจลึกๆ ที่ซันเป็นฝ่ายชนะ

ซันที่กำลังกระโดดโลดเต้นดีใจกับกลุ่มเพื่อนผู้หญิงหันมามองวุธที่เดินคอตกมาอย่างผู้แพ้ ซันยิ้มสะใจก่อนจะเดินเข้าไปหาวุธพร้อมยื่นมือแล้วเอ่ยปากทวง
“ไหนล่ะรางวัล ? นายสัญญาแล้วนะว่าถ้าแพ้จะให้รางวัลฉัน”
ซันมองหน้าวุธที่จ้องเธอตาเป็นประกายแบบไม่ได้รู้สึกแย่ที่แพ้เลยสักนิด
“เราเตรียมไว้แล้ว ไม่ต้องห่วงหรอก" วุธยื่นหน้าเข้าไปพูดใกล้ๆ ซัน “ถ้าอยากได้ ตอนเย็นไปเจอกันที่ผาซันเซ็ท ริมทะเล โอเคปะ”
ซันเขินที่วุธเอาหน้ามาใกล้จึงรีบเขยิบหนี “ทำไมฉันต้องไปด้วย”
วุธมองซันแล้วก็ยิ้มๆ “ทำไม ?? ไม่กล้าเหรอ"
ซันโดนท้าแล้วก็ขึ้น “ใครบอกไม่กล้า”
"งั้นถ้ากล้า ก็เจอกันเย็นนี้"
วุธยิ้มๆแล้วเดินออกไปกับกลุ่มเพื่อนผู้ชาย เสียงเพื่อนโวยวายดังขึ้น
“มึงแพ้ได้ไงวะ ได้ข่าวว่ามึงเป็นแชมป์เวคบอร์ดนะคร๊าบ”
เสียงหัวเราะดังออกมาจากกลุ่มวุธและเหล่าเพื่อนชาย วุธหันหน้ากลับมามองซันยิ้มๆ อย่างมีเลศนัยก่อนจะเดินออกไป ซันที่ยืนมองอยู่รู้สึกโมโหกับท่าทีที่มีลับลมคมนัยของวุธ
“นายนั่นคิดทำบ้าอะไรเนี่ย ทำไมต้องนัดไปที่ผาซันเซ็ทด้วยก็ไม่รู้” ซันว่า
นุ่นมองล้อๆ “นี่เธอแกล้งทำใสใส หรือไม่รู้จริงๆ ว่าวุธเค้านัดไปที่ผาซันเซ็ททำไม”
“ก็ไม่รู้จริงๆน่ะสิ ที่ผาซันเซ็ทมีอะไรเหรอ”
“ก็ผาซันเซ็ท เป็นที่สำหรับบอกรักไง ฉันว่ารางวัลที่วุธจะให้ ต้องเป็นคำว่า “รัก” แน่ๆ” นุ่นบอก
แก๊งค์เพื่อนสาวทำเสียง ฮิ้ว ! ล้อซันที่ยังยืนเหวอและเขินเพราะทำอะไรไม่ถูก
“เค้าจะมาบอกรักฉันได้ไง ก็เราเป็นคู่แข่งกันมาตั้งแต่ปี 1 ยัน ปี 4” ซันว่า
“ก็มีแต่แกน่ะสิที่ซื่อบื้อ ใครๆเค้าก็รู้ทั้งนั้นแหละว่าวุธ ชอบแกมาตั้งนานแล้ว แล้วที่ลงทุนชวนมาเที่ยวก่อนจบ แถมแกล้งแพ้ ทั้งๆที่เล่นเวคบอร์ดเก่งเทพๆเนี่ย เพราะเค้าอยากหาโอกาสบอกรักแกแน่ๆ” นุ่นบอก
“นายนั่นไม่คิดอะไรกับฉันแบบนั้นหรอกน่า แล้วที่สำคัญฉันไม่เคยคิดอะไรกับนายนั่นด้วย”
ซันประกาศกร้าวก่อนเดินออกไป เหล่าเพื่อนสาวมองตามแอบทำปากแบะอย่างไม่เชื่อก่อนจะหัวเราะคิกคักกันยกใหญ่

ซันรีบวิ่งเข้ามาในห้องพักแล้วปิดประจูก่อนจะหันหลังยืนพิงประตู เธอยกมือจับหัวใจก็ได้ยินเสียงหัวใจที่เต้นดังตึกตักๆๆ
"นายนั่นน่ะนะชอบเรา เป็นไปไม่ได้หรอก” ซันสับสน “เอ๊ะ !! หรือเป็นไปไปได้ งั้นเราก็ไม่ได้คิดไปคนเดียวน่ะสิ"
ซันแอบยิ้มออกมาอย่างมีความสุขก่อนจะล้วงมือไปหยิบกระเป๋าสตางค์แล้วหยิบภาพถ่ายของวุธที่แอบตัดมาจากหนังสือรุ่นออกมาดู
“แล้วฉันจะตอบรับนายยังไงดีเนี่ย ฉันถึงจะดูไม่เสียฟอร์ม”
"ซัน!” นุ่นเรียก
ซันสะดุ้งเพราะตกใจเสียงเรียกของนุ่นที่ดังขึ้นที่หน้าห้อง
"ทำอะไรอยู่น่ะ ไปกันได้แล้วแก พวกฉันรอแกไปว่ายน้ำอยู่นะ”
"เออๆๆ รู้แล้ว ไปเดี๋ยวนี้แหละ”
ซันรีบเก็บรูปใส่กระเป๋าสตางค์อย่างลวกๆ ทำให้รูปยังใส่เข้าไปไม่หมด แล้วเธอก็โยนกระเป๋าสตางค์ใส่กระเป๋าถือที่วางอยู่บริเวณนั้นแล้วคว้าผ้าเช็ดตัววิ่งออกจากห้องไป โดยไม่รู้ว่าทันทีที่ประตูห้องปิดลง หญิง เพื่อนสาวอีกคนก็เปิดประตูห้องน้ำในห้องพักออกมา

หญิงมองไปเห็นกระเป๋าสตางค์ที่มีรูปวุธโผล่ออกมา จึงรีบหยิบขึ้นมาดูก่อนจะทำหน้าร้ายออกมา

ซันยืนรออยู่บนหน้าผา ทะเลกว้างอยู่เบื้องหน้า พระอาทิตย์ใกล้จะตกดินเป็นบรรยากาศชวนฝัน

ซันมองนาฬิกาด้วยความกังวลใจ เท้าผู้ชายคนหนึ่งก้าวมาหยุดยืนอยู่ด้านหลัง ซันเหลือบมองเท้านั้นด้วยความตื่นเต้นเพราะคาดว่าเป็นวุธแน่ๆ ซันสูดลมหายใจเข้าเต็มปอดก่อนจะหันหลับมาเขาก็เห็นว่าเป็นเพื่อนผู้ชายคนหนึ่งในกลุ่ม เพื่อนชายและเพื่อนหญิงทั้งก๊วนโผล่หน้าออกมามองซันแล้วทำหน้าล้อๆ
เพื่อนชายล้อ "เป็นไงซัน บอกรักวุธมันไปยัง แอบรักเค้าก็ไม่เห็นบอกกันเลยนะ”
“นั่นสิ พวกเราจะได้ช่วย จะได้สมหวังลงเอยกันไปตั้งนานแล้ว” เพื่อนชายอีกคนว่า
เพื่อนๆในกลุ่มทั้งชายหญิงหัวเราะชอบใจ ซันมองหน้าเพื่อนงงๆ
“พูดบ้าอะไรของนายเนี่ย ไม่เห็นรู้เรื่องเลย” ซันเขิน
เพื่อนชายหยิบรูปถ่ายของวุธออกมาชูไปมาแล้วล้อซัน
“ไม่มีใครเค้าเก็บรูปของคนที่ไม่ชอบใส่กระเป๋าสตางค์ไว้หรอกนะ ฮ่าๆๆๆๆ อย่าบอกนะว่าไม่ใช่ของเธอ เพราะพวกเรารู้ว่ามันเป็นของเธอแน่นอน ฮ่าๆๆๆ”
เพื่อนๆทุกคนหัวเราะ ซันได้แต่อึ้ง ช็อค อาย โกรธ และโมโหจนตัวสั่นแต่ก็ทำอะไรไม่ได้ เธอได้แต่กำมือแน่นด้วยความโกรธ
“ยอมรับมาซะเถอะยายซัน ว่าเธอน่ะชอบไอ้วุธ”
เพื่อนทุกคนมองซันอย่างรอคำตอบ ซันมองหน้าเพื่อนทุกคนด้วยความโกรธมากก่อนจะโพล่งออกมาด้วยความโมโห “ฉันไม่ได้ชอบวุธ !!”
“อะไรกัน หลักฐานขนาดนี้ยังจะปากแข็งอีก” เพื่อนชายว่า
ซันแย่งรูปคืนมาจากมือเพื่อนชายคนนั้น “ฉันเก็บรูปนี้ไว้เพื่อเตือนใจว่าฉันจะไม่มีวันแพ้คนอย่างนายวุธเป็นอันขาด เพราะฉะนั้นทุกคนถึงเห็นว่าฉันชนะนายวุธมาตลอดไม่ว่าเรื่องอะไร”
“สรุปว่าเธอจะยืนยัน นั่งยัน นอนยันว่า ไม่ได้ชอบไอ้วุธ”
“ใช่ !! ถึงโลกจะแตก นายวุธจะเป็นผู้ชายคนเดียวที่เหลืออยู่ในโลกนี้ ฉันก็ไม่ชอบ” ซันยืนกราน
"งั้นแกพิสูจน์สิ่งที่แกพูดสิ”
เพื่อนๆทุกคนมองหน้าซันด้วยความคาดคั้น ซันไม่รู้จะทำยังไงจึงตัดสินใจฉีกรูปวุธที่อยู่ในมือเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย เพื่อนๆหน้าเสียกันไปหมดแล้วก็เงียบอึ้งไป อารมณ์ซันรุนแรงมากจนทุกคนเงียบ
ซันมองหน้าเพื่อนทุกคน “แค่นี้พอใจรึยัง”
เพื่อนชายพูดลอยๆ ขึ้นมา "เป็นไงได้ยินหรือยังวะ เค้าไม่ได้ชอบนายหรอก"
วุธปรากฏตัวออกมาช้าๆ ที่ด้านหลังของกลุ่มเพื่อน วุธมีสีหน้าจ๋อยและผิดหวังมาก
“ไม่คิดว่าสี่ปีที่เป็นเพื่อนกัน เราจะทำให้เธอรู้สึกแย่ขนาดนี้ สำหรับเรา..ไม่เคยคิดว่าเธอเป็นคู่แข่งเลยสักนิด ขอโทษนะซัน” วุธพูดเสร็จก็เดินหนีไปทันที
กลุ่มเพื่อนๆ วิ่งตามวุธไปเพื่อปลอบใจ ซันจะวิ่งตามก็ไม่กล้า เธอได้แต่มองดูเศษรูปที่อยู่บนมือปลิวหายไปในอากาศพร้อมกับแผ่นหลังของวุธที่ค่อยๆเดินห่างออกไป ไกลเกินที่ซันจะเอื้อม

ห้าปีผ่านไป ภาพชายหนุ่มคนหนึ่งกำลังเดินห่างออกไป โดยมีหญิงสาวได้แต่ยืนมองเศร้าๆ ปรากฏบนจอโปรเจคเตอร์ขนาดใหญ่ เสียงสโลแกนปิดท้ายโฆษณาว่า “คุณจะบอกรักเค้าอย่างมั่นใจ เมื่อใช้ยาสีฟันxxx”
เสียงซันดังขึ้นมาด้วยความฉุนเฉียวสุดๆ “พอ !! พอได้แล้ว”
โปรเจคเตอร์ที่ฉายอยู่ในห้องประชุมของบริษัทโฆษณาแห่งหนึ่ง ทุกคนในห้องกำลังดูหนังโฆษณาตัวนั้นอย่างเคร่งเครียด โดยมี “ซัน” นั่งอยู่ที่หัวโต๊ะ ซันดูหนังโฆษณาด้วยสีหน้าไม่ปลื้ม
"นี่มันอะไรกันเนี่ย” ซันถาม
ตั้มภูมิใจนำเสนอมาก “ก็โฆษณายาสีฟันคู่รัก สินค้าแนวใหม่ที่บริษัทของเราเพิ่งได้....”
“สินค้าแนวใหม่ แต่โฆษณาเชย เอ้าท์แบบนี้เนี่ยนะ คิดมาได้ยังไงไอ้สตอรี่น้ำเน่า ที่ผู้ชายต้องงี่เง่าเข้าใจผิดตลอด แล้วผู้หญิงก็ดื้อด้านปากแข็ง แถมฉากบอกรักต้องไปที่ทะเลอยู่มันคลิเช ( Cliché’) มากๆ รู้มั๊ย”
“รู้ครับ แต่ว่ามันโดนนะพี่ หรือว่าพี่ไม่โดน” ตั้มถาม
“โดนสิ โดนมาก” ซันพูด ทุกคนนึกว่า โอเค แต่ซันพูดต่อ “.. แต่โดนด่านะ”
ซันหันไปมองทุกคนที่มาประชุมด้วยหน้าตาอาเรื่องมาก
“นี่ทุกคนคิดว่า ฉันจะยอมให้โฆษณาเชยเอ้าท์แบบนี้ ออกไปในฐานะ ที่ฉันเป็นคนดูแลเนี่ยะนะ ไม่มีทาง !!!! เอาไปคิดมาใหม่ ให้ไวด้วย ทุกคนคงรู้นะ ถ้าฉันไม่เห็นไอเดียใหม่สำหรับการประชุมพรุ่งนี้ละก็ ทุกคนโดนหักโบนัสปลายปีคนละเดือน"
ทุกคนร้องพร้อมกัน “ฮ้าาา"
“ไม่ต้อง ฮ้า....เพราะฉันเอาจริง” ซันบอก
ซันพูดเสร็จก็เดินออกไปจากห้องประชุมอย่างไม่แคร์ ทันทีที่ประตูปิดเสียงเม้าส์ของเพื่อนร่วมงานก็ดังไปทั่วห้อง
"เยอะตลอด นี่ผมต้องนั่งคิดงานใหม่อีกแล้วเหรอเนี่ย เซ็งว่ะ”
“ทำงานไม่เห็นใจเพื่อนร่วมงานแบบนี้ มันไหวมั๊ยเจ๊” ป้องหันไปถามสุธี “ถามจริงตอนเรียนมหาวิทยาลัยไม่มีใครเกลียดเค้าบ้างเหรอ”
“ฮึ ไม่อยากจะเม้าส์ ไม่งั้นจะยาว แต่เค้าว่ากันว่า นางมีความหลังฝังใจกับฉากบอกรักคลิเชๆแบบนั้นนะ”
“เอ้า !! แล้วเจ๊ก็ไม่บอก ปล่อยให้ผมทำเหนื่อย”
“แต่คุณซันเธอเป๊ะนะคะ ถ้าอันไหนเธอบอกว่าผ่าน ก็คือผ่าน แต่ถ้าอันไหนไม่ได้ ก็ขายลูกค้าไม่ได้ทุกที” "ทำงานเก่ง แต่ใช้ลูกน้องยังกับทาสแบบนี้มันไหวมั๊ย ก็เพราะนิสัยแบบนี้น่ะสิ ถึงจะสวย แต่ก็ไม่มีผู้ชายคนไหนเอา ใช่มั๊ยทุกคน”

เสียงหัวเราะขำของทุกคนดังออกมาถึงข้างนอก ซันที่ยืนพิงประตูแอบฟังอยู่ส่ายหน้าเซ็งๆ แต่ก็ยักไหล่ไม่แคร์
“ฮึ !! เม้าได้เม้าไป แต่อย่าคิดว่าแคร์”
ซันเดินเริ่ดๆเชิ่ดๆ ออกมาจากประตู ก่อนจะหยิบโทรศัพท์มือถือดูไลน์ที่มีเสียงดังเตือนตลอดเวลา หน้าจอโทรศัพท์เป็นไลน์จากห้องgroup แชทของ 4 สาว
ข้อความจากอ้อม : เพื่อนๆๆๆ มากันรึยางงงงงง !!! เค้ารอกำลังเสริมอยู่น๊า” พร้อมด้วยsticker จะร้องไห้
ซันรีบพิมพ์ตอบแต่ของเจนและอ้อมพิมพ์มาอย่างเร็วจนซันพิมพ์ไม่ทัน เสียงตรึ๊งๆๆ ดังตลอดเวลา
ข้อความจากเจน : ไม่ต้องห่วงค่า อีกสิบห้านาทีก็ถึงแล้ว
ข้อความจากอ้อม: โอ๊ยๆๆๆๆ 15 นาทีรอไม่ไหว ใจจะขาด ใครก็ได้ช่วยมาก่อนเร็ว
ข้อความจากเจน : เจ๊ กับ พี่ซันอยู่ไหน รายงานตัวด้วย
ข้อความจากอ้อม: เจ๊ อยู่ไหน ซันอยู่ไหน ทำไมไม่ตอบ
ข้อความจากเจน: เจ๊ !!!!!!!!!!!
ข้อความจากอ้อม : ซันๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
ซันพิมพ์ตอบบ้าง : เพิ่งออกจากห้องประชุม พิพม์ตอบไม่ทันโว้ยยยย สองคนจะพิมพ์เร็วไปไหน
ข้อความจากเจน: 55555 พี่ซันรายงานตัวแล้ว เหลือแต่เจ๊..เจ๊ไปหนายยยยเนี่ยยยยย

ข้อความจากอ้อม: เจ๊ๆๆๆๆๆๆๆ

รถติดบนถนนเป็นทางยาว เสียงแตรรถยนต์กดดังลั่นสาเหตุรถติดมาจากรถยนต์สองคันที่ชนกัน คนที่ขับรถชน ลงมาดูรถคันข้างหน้าของศศิซึ่งไม่เป็นอะไรเลย ในขณะที่รถตัวเองไฟหน้าแตก

คนขับรถเดินไปวีนศศิที่ยังไม่ลงจากรถด้วยความโมโห
“เจ๊ ..ขับรถภาษาอะไรเนี่ย นึกจะเบรกก็เบรก...ซื้อใบขับขี่มารึไงห๊า”
ประตูรถเปิดออก“ศศิ” ในมาดนางพญา สวยสง่าดูผู้ดี บอบบางสุดๆ เปิดประตูเดินลงมาจากรถ คนที่ขับรถชนเห็นแล้วก็ยิ้ม
“เจ๊ต้องรับผิดชอบ ถ้าเจ๊ไม่เบรกกะทันหัน ผมก็ไม่ชนหรอก” คนขับรถแบมือ “จ่ายผมมา 5,000 แล้วแยกย้าย ผมจะไปซ่อมเอง ขี้เกียจรอประกัน เห็นมั๊ยรถติด คนด่าแม่แล้ว”
ศศิพูดด้วยท่าทางนิ่งๆ หวานๆ แลดูไฮโซ “เค้าด่าแม่นาย ไม่ได้ด่าแม่ฉัน”
“อ้าวเจ๊ พูดงี้มีเรื่องดีกว่า ... จะไม่รับผิดชอบรึไง”
“ก่อนอื่นนะ ฉันไม่ได้ซื้อใบขับขี่มาถึงรู้ว่ารถคันหลังมีหน้าที่ต้องระวังรถคันหน้า และ ต้องเว้นระยะระหว่างคันให้พอเบรกได้ เพราะฉะนั้นกรณีนี้นายผิดเต็มๆ อย่าคิดว่าฉันเป็นผู้หญิงหลับหูหลับตาขับรถ แล้วไม่รู้อะไรนะ งานนี้ถ้าฉันเรียกประกันนายจ่ายอานแน่ เลือกเอาแล้วกันว่าจะขอโทษฉันที่นายขับรถชุ่ยแล้วจบเรื่องแยกย้าย หรือยังยืนยันจะเอาสิ่งที่นายเรียกร้อง ฉันจะได้เรียกประกันมาจัดการเรื่องรถ เรียกตำรวจมาจัดการเรื่องกรรโชกทรัพย์ และ เรียกทนายมาจัดการที่นายหมิ่นประมาท เรื่องที่หาว่าฉันซื้อใบขับขี่ .....อ๊อ !! แล้วก็อย่ามาเรียกฉันเจ๊โดยไม่ดูหนังหน้าตัวเอง เพราะฉันว่านายดูแก่กว่าพ่อฉันอีก ขอบอก !!!” ศศิด่าเป็นชุด
คนขับรถชนถึงกับอึ้ง เหวอ และช็อคเพราะไม่คิดว่าสาวสวยดูไฮโซนี้ยืนเท้าสะเอวด่ากลับมาชุดใหญ่แบบนี้

โปรแกรมไลน์บนมือถือรุ่นใหม่ล่าสุด กรอบมือถือเป็นแนวคริสตอลประดับเพชรหรูหราแบบโอเว่อร์
ข้อความจากศศิ : รถชนหน้าปากซอย เคลียร์ได้แล้วกำลังเข้าไป ไม่เกิน 3 นาที
“เจน” สาวน้อยทันสมัยแต่งตัวจัด พร็อพ และ แอสเซสเซอรี่ตั้งแต่หัวจรดเท้าล้วนเป็นของใช้แบรนด์สุดฮิตในช่วงนั้นทั้งสิ้น เจนรีบตอบกลับข้อความศศิในไลน์ เป็น Voice กลับไป
“ไม่ต้องห่วงเจ๊ เจนมาถึงแล้ว เดี๋ยวเจนช่วยพี่อ้อมจัดการเอง แค่เลือกชุดแต่งงานแค่เนี๊ย เจนเอาอยู่”
เจนส่งข้อความเสร็จก็จะเดินเข้าไปข้างใน แต่ก็ต้องชะงักเพราะนึกอะไรออก
“อุ๊ย !! ลืมเช็คอิน”
เจนหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเช็คอินก่อนจะถ่ายป้ายชื่อร้านกับหน้าตัวเองเบาๆ แล้วกดโพสต์ เจนสุขใจแล้วก็กำลังจะเดินเข้าไปแล้วก็เห็นหุ่นใส่ชุดแต่งงานสวยมาก เจนกระดี้กระด๊า
“อ๊าย...ชุดเจิดขนาดนี้ ต้องจัดลง ig สักหน่อย”
เจนเดินไปตรงหุ่นใส่ชุดแต่งงาน ก่อนจะโพสต์ ทำหน้าแบ๊ว แล้วถ่ายรูปตัวเองกับชุดแต่งงานอย่างชำนาญ ก่อนจะอัพลงไอจีแล้วก็จะชะงักพร้อมกับครุ่นคิด
“หรือจะโพสต์ลงเฟสบุคค์ กับ ไทม์ไลน์ในไลน์ด้วย แต่ เอ๊ ...ถ้ารูปเดียวกันกระจายลงสามที่แบบนี้ เกิดยอดไลท์ คอมเมนต์น้อย ก็เสียประวัติแย่ งั้นเฟซบุคค์รูป ไทม์ไลน์ในไลน์รูปละกัน จะได้ดูน่าสนใจ คริคริ”
เจนเดินไปแอ๊บแบ๊วถ่ายรูปไปทั่วร้านก่อนจะหันมาเห็นศศิยืนเท้าสะเอวเอาเรื่องมองเจนที่ประตูทางเข้าร้าน
“ไอ้เราก็นึกว่าเข้าไปแล้ว ....นี่คุณนายยังป่าวประกาศบอกชาวโลก ว่าเสด็จมาที่ร้านนี้ยังไม่เสร็จอีกเหรอจ๊ะ” ศศิว่า
เจนพูดแบบน่ารัก อายๆ อ้อนๆ “เก๊า...ยังไม่ได้ลง instragram place เลย แฮะๆ”
ศศิพูดดุอย่างเอาเรื่อง “พอได้แล้ว !! รีบเข้าไปเลย ป่านนี้ยายอ้อม”
“กรี๊ด” อ้อมร้องลั้นด้วยเสียงสยดสยองมาก
เจนและศศิตกใจจึงรีบหันมองหน้ากัน
ศศิกับเจนพูดพร้อมกัน “ยายอ้อม / พี่อ้อม”
ศศิกับเจนรีบวิ่งเข้าไปในร้านทันที

“อ้อม” อยู่ในชุดเจ้าสาวสีแดงแบบจีน เธอกำลังมองตัวเองในกระจกแล้วกรี๊ดด้วยความตกใจ
"กรี๊ด !!”
ศศิและเจนวิ่งเข้ามาในห้อง ทันทีที่เห็นอ้อม ทั้งสองคนก็ผงะด้วยความตกใจ
ศศิตกใจ “อุต๊ะ !!”
“นี่มันเจ้าสาวหรือมะเขือเทศกันเนี่ย ทำไมมันถึงได้แดง..ขนาดนี้ละคะ” เจนถาม
ทันทีที่เห็นศศิกับเจนวิ่งเข้ามา อ้อมก็รีบวิ่งไปโผกอดสองสาวแล้วร้องไห้ท่าทางขวัญเสียมากๆ
“ทุกคนต้องช่วยอ้อมนะ อ้อมไม่อยากเป็นเจ้าสาวมะเขือเทศแบบนี้ ฮือๆๆ”
พนักงานพยายามปลอบ “แหม... คุณอ้อมคะ มันไม่แย่ขนาดนั้นหรอกค่ะ จริงๆ คุณก็ใส่ชุดนี้ สวยกว่าชุดอื่นๆ ก่อนหน้าอีกนะคะ”
ศศิตกใจ “ใส่ชุดนี้แล้วสวยกว่าชุดอื่นก่อนหน้า !! ยายอ้อมนี่แกเสียเวลาทั้งวันมาทำอะไรเนี่ย”
“ก็ชุดมันเยอะ อ้อมเลือกไม่ถูก ชุดนั้นก็ชอบ ชุดนี้ก็อย่างที่อยากได้ อ้อมก็เลยลองที่อยากใส่”
“สิ่งที่อยากใส่ กับสิ่งที่เราใส่สวยมันไม่เหมือนกันนะจ๊ะ ไม่ต้องห่วงเจ๊มาแล้ว เดี๋ยวเจ๊เลือกให้เอง รับรองเธอต้องสวยจนทุกคนตะลึง” ศศิบอก
ศศิกับอ้อมหันไปมองเจนที่กำลังยกมือถือถ่ายรูปอ้อมด้วยความเมามันสุดๆ
“เธอทำอะไรน่ะยายเจน หน้าสิ่วหน้าขวานยังมีเวลามาถ่ายรูป” ศศิว่า
เจนยิ้มอายๆ “ก็เจนจะเอารูปเจ้าสาวมะเขือเทศ โพสต์หน้าวอลล์ รับรองนะ ว่าถ้ารูปนี้ถูกเผยแพร่สู่สาธารณชน รับรองพันไลท์ชัวร์ๆ”
ศศิกับอ้อมพูดเสียงแข็งพร้อมทำหน้ายักษ์พร้อมกัน “ม่าย!!!”
เจนรีบยกโทรศัพท์ถ่ายรูปอ้อมกับศศิทำหน้ายักษ์ เธอกดแชะก่อนจะหัวเราะคิกคัก
“ส่วนรูปสองสาวสวยทำหน้ายักษ์แบบนี้ ถ้าโพสต์ไป รับรองสองพันไลท์แน่ คอนเฟิร์ม” เจนบอก
ศศิกับอ้อมเสียงเข้ม “ยายเจน !!”
ศศิกับอ้อมหันไปทำหน้ายักษ์ใส่เจนอีก เจนจะถ่ายรูปครั้งแต่ศศิจะคว้ากล้อง เจนรีบวิ่งหนี สองคนวิ่งตาม กลายเป็นมหกรรมชุลมุนเล็กๆในร้านเวดดิ้ง จนพนักงานที่ยืนมองประสาทจะเสีย
“ตกลงจะไม่ลองชุดแล้วใช่มั้ยคะ” พนักงานถาม
สามสาวหยุดกึกก่อนจะหันหน้ามาบอกพนักงานพร้อมกัน
“ลองค่ะ !”

อ้อมลองชุดแต่งงานออกมาหลายชุด ทั้งในลุคแปลกบ้าง สวยบ้าง แต่ก็ยังไม่สวยที่สุดสักที ศศิพิจารณายกมือกากบาทบอกไม่ผ่านก่อนจะพยายามเลือกให้ ในขณะที่เจนถ่ายรูปให้อ้อมดู ทั้งสามสาวช่วยกันเลือกชุดแต่งงานอ้อมกันอย่างสนุกสนาน

ซันเดินเข้ามาเห็นเจนและศศินั่งหมดแรงสลบสไลอยู่บนเก้าอี้ แต่ละคนถือพร็อพ อุปกรณ์ตกแต่งชุดเจ้าสาวทั้งๆ ที่หลับไปด้วย ซันมองสองสาวอย่างขำๆ
“นี่มันห้องลองชุดเจ้าสาว หรือ เกิดสงครามกลางเมืองกันเนี่ย ทำไมห้องมันถึงได้กระจัดกระจายแบบนี้” ซันบอก
ศศิลุกขึ้นมาจากเก้าอี้มาตอบด้วยท่าทางจริงจังมาก “แกไม่รู้เหรอว่า กว่าผู้หญิงจะสวย เพอร์เฟ็คสุดๆ มันยากแค่ไหน มันก็เหมือนกับทำสงครามกับตัวเองในทุกๆวัน”
“โอ้ว คมมาก !! ขอจดไว้หน่อยนะพี่” ซันรีบจด “เผื่อได้สินค้าเกี่ยวกับผู้หญิงจะได้เอามาใช้”
“เฮ้ยได้ไง ของแบบนี้มันให้กันฟรีๆไม่ได้ มันต้องมีมูลค่า” ศศิบอก
“แหม..พี่ศศิก็ พี่ลาจากวงการโฆษณาไปมีผัวโคตรหล่อแถมรวยอีกต่างหาก อย่ามาเอาเงินเล็กๆน้อยๆจากน้องเลยนะคะ น๊า”
ซันมองศศิอ้อนๆ น่ารักๆ ศศิขำก่อนจะเขกกะโหลกไป 1 ที
“เออ..เอาไปเลย แต่แกต้องเอาเลี้ยงข้าว เลี้ยงหนัง เลี้ยงขนม ชั้นสามปีสี่ชาติเลยนะเว้ย” ศศิว่า
“ให้เลี้ยงลูกพี่อีกสองคนด้วยก็ได้ แต่สามีพี่” ซันแซว “พี่คงต้องไปเลี้ยงดูปูเสื่อกันเอาเองนะ”
“ทะลึ่ง !!” ศศิตะโกนเสียงดัง “แล้วยายอ้อม ไปเปลี่ยนชุดถึงไหนเนี่ย ทำไมมันถึงได้ช้านัก”
ซันกระซิบถาม “เปลี่ยนกันไปกี่ชุดแล้วเนี่ย”
เจนลุกขึ้นมาตอบ “บอกเลยว่าอย่าถาม....มันเยอะจนตาลาย”
พนักงานเดินออกมาด้วยหน้าตาแป้นแล้นแบบภูมิใจนำเสนอมาก

“เจ้าสาว พร้อมแล้วค่ะ”

อ้อมเดินออกมาจากห้องลองชุดด้วยท่าทีสวยสง่า โก้หรู ดูดีจนทุกคนที่เห็นตะลึง

“ว้าว !!! แบบนี้แหละถึงจะเรียกว่าเจ้าสาว” เจนปลื้ม
“อ้อม ! แกสวยจริงๆ” ซันชม
ศศิยิ้มปลื้ม “ในที่สุด ก็สำเร็จสักที”
อ้อมมองหน้าทุกคนที่ตะลึงด้วยความดีใจ ก่อนจะวิ่งเข้าไปกอดซันด้วยอาการดีใจ ตื่นเต้น ตื้นตัน มีความสุข
"ซัน นึกว่าแกจะไม่มาซะแล้ว”
"ช่วงเวลาสำคัญของเพื่อนรักแบบนี้ ฉันจะไม่มาได้ยังไง” ซันว่า
ศศิกับเจนรีบเข้าไปกอดอ้อมและซันไว้ อ้อมมองทุกคนด้วยอาการตื้นตัน น้ำตาไหล เพราะมีความสุขสุดๆ
"ขอบคุณพี่ศิมาก ที่ช่วยเลือกชุด ขอบคุณซันที่มาทัน ขอบคุณเจนด้วยที่ช่วยพี่มาตลอด ถ้าไม่มีเพื่อนที่รักอ้อมขนาดนี้ อ้อมคง ...” อ้อมน้ำตาพรากและพูดไม่ออก
ซันรีบเบรก “เอ่อ....อ้อม นี่ยังไม่ใช่วันแต่งเลย แกจะมาดราม่าอะไรตั้งแต่ตอนนี้เนี่ย"
"แหม ก็มันดีใจนี่"
"มาค่ะ เจ้าสาวสวยขนาดนี้ ต้องโพสต์อวดชาวโลกหน่อย”
เจนยกกล้องมือถือจะถ่ายรูป แต่ศศิรีบยกมือห้าม
“แกยืนกับเจ้าสาวไปเลย เดี๋ยวฉันถ่ายให้ ฉันเห็นรูปในเฟสแกมีแต่รูปกล้องหน้า มันน่าเบื่อ”
เจนขำ “อ้ายย พี่ศศิ รู้ทัน เอ้าค่ะ ทุกคน เซย์ชีส พี่ศศิจะได้ถ่าย 1-2-3”
เจน อ้อม และซันพูดพร้อมกัน “ชีส !”
เจน อ้อม ซัน พูดว่าชีสค้างเพราะศศิไม่ยอมกดถ่ายรูป ตาของศศิมัวแต่มองอะไรบางอย่างในมือถือแถมหน้าตาเครียดเอาเรื่องด้วย
“เป็นอะไรน่ะพี่ศิ" ซันถาม
ศศิมองหน้าทุกคนอย่างเคร่งเครียด “ก็โจน่ะสิ !! โจมันทำเรื่องอีกแล้ว”

หน้าจอมือถือของศศิเป็นแผนที่ มีตำแหน่งเขียวขึ้นโชว์อยู่ที่โลเกชั่นโรงแรมแห่งหนึ่ง ศศิ อ้อม ซัน และเจนกำลังมุงดูอยู่
“เพราะโจชอบเจ้าชู้ พี่โหลดแอพเอาไว้คอยตามรอยโทรศัพท์ของโจ ตอนนี้มันระบุตำแหน่งของโทรศัพท์โจ บอกว่าโจอยู่ที่โรงแรม" ศศิว่า
“โรงแรม ? แล้วสามีพี่ไปทำอะไรอยู่ที่โรงเแรม” อ้อมถาม
"คงไม่ได้แอบไปกินข้าวต้มมื้อกลางวันกับใครหรอกนะ”
"ก็นั่นแหละที่อยากรู้" ศศิข้องใจ
เจนรีบยุ “งั้นก็โทรไปเช็คเลยสิพี่ ถ้าทำตัวมีพิรุธก็แสดงว่าชัด”
อ้อมพูดแบบใสใส “ชัดอะไร ?”
“พี่อ้อมใสไปปะเนี่ย ....ก็ชัดว่าพี่โจแอบไปกับผู้หญิงอื่นน่ะสิ” เจนว่า
ศศิกดโทรศัพท์โทรออกทันที สามสาวที่เหลือเงี่ยหูฟัง ศศิรอรับสายสักพักแล้วพูดด้วยท่าทีสงบเยือกเย็นมาก
"ฮัลโหลคุณปรางค์เหรอคะ วันนี้โจมีคุยงานที่โรงแรมไหนรึเปล่าคะ...... อ๋อ..ไม่มี โอเค แค่นี้นะคะ ขอบคุณมาก"
ศศิวางโทรศัพท์ จากท่าทางสงบเยือกเย็นเธอก็กลายเป็นเจ๊โหดขาลุยขึ้นมาทันที
“ว่าไงเจ๊ จะเอายังไง” เจนถาม
ศศิมองหน้าเพื่อนทุกคน ก่อนจะประกาศกร้าวด้วยความโมโห “ลุย !!”
ศศิรีบหยิบกระเป๋าแล้ววิ่งไป เจนก็รีบวิ่งตามไปอย่างตื่นเต้น ซันตกใจแล้วก็รีบวิ่งตาม
“เฮ้ย !! พี่ศิ หยุดก่อนใจเย็น” ซันเบรก
ทุกคนวิ่งตามศศิไปหมดแล้ว เหลือแต่อ้อมในชุดเจ้าสาวที่ยังนั่งเหวอ สุดท้ายตัดสินใจตามทุกคนไปด้วยทั้งชุดเจ้าสาว
“เดี๋ยวก่อนทุกคน รออ้อมด้วย”

หมอวินขับรถมาจอดที่หน้าร้าน แล้วลงจากรถด้วยท่าทางสุขุม แต่เขาก็ต้องชะงักเมื่อเห็น ศศิ ซัน และเจนวิ่งออกมาจากร้านด้วยท่าทางเหมือนมีเรื่องมาขึ้นรถก่อนจะขับออกไป วินที่พยายามจะทักทายและยิ้มให้ได้แต่เหวอค้าง แล้วก็ยิ่งต้องผงะซ้ำเมื่อเห็นอ้อมวิ่งออกมาจากร้านในชุดเจ้าสาว หมอวินกำลังจะอ้าปากแต่ยังไม่ทันได้พูดอะไรอ้อมก็โวยวายขึ้นมาก่อน
“โอ๊ย วินมาได้จังหวะพอดีเลยค่ะ รีบขับรถตามพวกนั้นไปเร็ว”
วินกำลังจะอ้าปากถาม แต่อ้อมพูดขึ้นมาก่อน
“ยังไม่ต้องถาม ไปคุยกันในรถ แต่ขอให้รู้ไว้ว่านี่เป็นสถานการณ์ฉุกเฉินแน่นอน”
วินรีบเปิดประตูรถ อ้อมรีบวิ่งไปขึ้นรถทั้งชุดเจ้าสาวก่อนที่วินจะรีบขับรถออกไป พนักงานรีบวิ่งออกมาจากร้าน
“เดี๋ยวก่อนสิคะคุณอ้อม ...ชุดเจ้าสาวนั่น.......เฮ่อ..ไปซะแล้ว”

ซันขับรถ เจนที่นั่งข้างๆ โดยมีมือถือของศศิอยู่ในมือ ซันจับตาดูตำแหน่งของโจและบอกเส้นทาง ศศินั่งฮึดฮัด ด้วยอาการร้อนใจอยู่ด้านหลัง
"นี่มันต้องทำอะไรอยู่แน่ๆ ถึงได้หยุดอยู่ที่เดียวนานขนาดนี้ ขอให้จับได้คาหนังคาเขาซะทีเถอะ จะเล่นงานให้หนักเลย คอยดู" ศศิว่า
"พี่ศินี่ร้ายมากนะ แอบโหลดแอพเข้าไปไว้ในมือถือพี่โจ แถมยังแอบเข้าไปเช็คได้ตลอดว่าพี่โจอยู่ที่ไหน" ซันบอก
"ก็ไม่ได้อยากทำแบบนี้หรอก แต่ก็ต้องป้องกันไว้ก่อน เพราะสามีพี่น่ะไม่ธรรมดา แล้วผู้หญิงสมัยนี้ก็ไว้ใจไม่ได้ ชอบผู้ชายสำเร็จรูปกันทั้งนั้น"
"สำเร็จรูปยังไงเหรอคะ” เจนถาม
"ก็ประมาณว่าฐานะดี มีทุกอย่างครบแล้ว แค่ใส่น้ำร้อนแล้วกินได้เลย แล้วผู้หญิงพวกนั้นเนี่ยไม่สนหรอกว่าผู้ชายเขามีลูกมีเมียแล้ว พี่น่ะเจอมาเยอะแล้ว"
"แล้วนี่พี่รู้ไอดีกับพาสเวิร์ดของพี่โจได้ยังไง ปกติเรื่องแบบนี้พี่โจไม่น่าบอกพี่นะ" ซันว่า
"พี่รู้อีเมล์ของโจอยู่แล้ว ส่วนพาสเวิร์ดก็เดากดสุ่มๆไป สลับเลขไปมาอยู่หลายวัน ในที่สุดพี่ก็พบสิ่งที่พี่ต้องการ” ศศิบอก
เจนปลื้มมาก “พี่ศินี่ ไอดอลหนูเลยนะคะเนี่ย”
"แล้วพาสเวิร์ดของพี่โจคืออะไร" ซันถาม
"วันเดือนปีเกิดของพี่เอง มันน่าแค้นใจไหม"
ซันและเจนมองหน้ากันด้วยอารมณ์ประมาณโจก็รักศศิขนาดเอาวันเกิดศศิตั้งพาสเวิร์ดเลยแต่ก็ไม่กล้าพูดอะไร เพราะอารมณ์ของศศิตอนนี้แรงเกินจะฉุดอยู่จริงๆ

วินขับรถด้วยท่าทางใจเย็นมาก ในขณะที่อ้อมกำลังโทรศัพท์ขอโทษร้านเวดดิ้ง
"ขอโทษจริงๆนะคะ ธุระด่วนต้องรีบไปจริงๆ ..ถ้าเสร็จธุระแล้ว จะรีบเอาชุดไปคืนนะคะ"
อ้อมกดวางหูแล้วถอนหายใจ แต่ก็ยังมีอารมณ์น่ารักจึงหันไปยิ้มหวานให้วิน
"ชุดนี้สวยมั้ยวิน" อ้อมถาม
"สวยมากจ้ะ อ้อมใส่แล้วดูดีมากเลย" วินชม
อ้อมปลื้ม "งั้นอ้อมตัดสินใจเอาชุดนี้เลยนะ"
"จ้ะ" วินตอบรับ
รถของวินติดไฟแดงโดยตามหลังรถของซันที่อยู่ข้างหน้า
"อุ้ย ไหนๆก็อยู่ด้วยกันแล้ว" อ้อมหันไปล้วงของในกระเป๋ากุกกัก หยิบเอาแบบการ์ดขึ้นมาหลายแบบ "เรามาเลือกการ์ดแต่งงานกันเลยนะคะ”
อ้อมมองหน้าวินแล้วยิ้มน่ารักสดใส

วินมองหน้าอ้อมขำๆ ก่อนจะขยี้ผมด้วยความเอ็นดู

อ่านต่อหน้า 2

ทางเดินแห่งรัก ตอนที่ 1 (ต่อ)

ศศิ ซัน และเจนเดินเข้ามาในโรงแรมอย่างรวดเร็ว โดยมีอ้อมในชุดเจ้าสาวและวินวิ่งตามมาด้วย

"พี่ศิ ใจเย็นๆก่อนดีกว่าครับ" วินบอก
"สามีพี่เอาผู้หญิงมานอนที่โรงแรมนะหมอวิน ยังจะให้พี่เย็นอีกเหรอ” ศศิย้อนถาม
"มันอาจจะไม่ใช่อย่างที่พี่คิด พี่โจเขาอาจมาทำงานหรือมาธุระอย่างอื่นก็ได้" วินว่า
"ไม่ใช่เรื่องงานแน่ เชื่อพี่ !! ผู้หญิงมีเซนส์เรื่องพวกนี้ พี่ถึงต้องมาดูให้รู้กันไปเลยนี่ไง"
ศศิไม่สนใจฟังต่อ เธอหันไปถามเจนที่จ้องโทรศัพท์ของเธออยู่
"อยู่ไหนเจน"
"ไม่ไกลจากนี่แล้วพี่ศิ" เจนบอก
เจนเดินนำทุกคนไปตามทิศที่ตำแหน่งกระพริบบอก จู่ๆเสียงโทรศัพท์ของซันก็ดังขึ้น ทุกคนหันมามอง
"เจ้านายโทรมา สงสัยจะงานด่วน สายนี้ไม่รับไม่ได้ซะด้วย เข้าไปกันก่อนเถอะ”
ซันแยกออกไปรับโทรศัพท์ คนอื่นเดินตามเจนไป

เจนตามสัญญาณระบุตำแหน่งมือถือของโจมาถึงล๊อบบี้บาร์ ศศิตามเข้ามาแล้วมองไปรอบๆ ทุกคนพากันมองหาโจ
“โจ” หนุ่มใหญ่ หล่อมาดเท่ดูดีตั้งแต่หัวจรดเท้าเดินเข้ามาในบริเวณนั้นแล้วก็ต้องชะงัก เมื่อเห็นอ้อมในชุดเจ้าสาวยืนอยู่ โจรีบหลบก่อนจะมองไปรอบๆ ก็เห็นศศิกำลังหันหน้าหันหลังเหมือนมองหาใคร โจรู้สึกสังหรณ์ใจแปลกๆ ก่อนจะตัดสินใจจะเดินออกไปแต่โทรศัพท์มือถือดังขึ้นเสียงดัง ศศิ อ้อม วิน และเจนหันไปมองตามเสียง
ศศิเรียก “โจ !!”
โจที่กำลังจะเดินออกไปถึงกับชะงัก โจต้องรีบหันหลังกลับไปทำเป็นยิ้มแย้มเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
“ศศิ !!” โจทำเป็นสงสัย “คุณมาที่นี่ได้ยังไงเนี่ย”
ศศิเดินเข้าไปหาโจแล้วก็พยายามมองหาผู้หญิง แต่ก็ไม่มีผู้หญิงคนไหนอยู่แถวนั้น
ศศิถามอย่างเอาเรื่อง “คุณมาที่นี่ทำไมคะ”
โจทำเป็นเฉไฉตอบ “อ้าว !! อ้อมกับหมอก็มากับเขาด้วย จะเปลี่ยนสถานที่แต่งงานเหรอครับ หรือมาถ่ายพรีเวดดิ้ง”
“ไม่ต้องมาทำเป็นถามคนอื่นเลย ไม่ได้ยินที่ฉันถามรึไง ว่าคุณมาทำไม อย่าบอกว่านัดลูกค้านะ เพราะฉันโทรเช็คตารางคุณแล้ว คุณไม่มีนัดลูกค้าวันนี้”
โจอึกอักเพราะลำบากใจ “เอ่อ คือ ผม...”
เจนแอบกระซิบกับอ้อมพร้อมกับหยิบมือถือขึ้นมาอ่าน
“ในเวปเพจเค้าบอกว่า ผู้ชายที่ถูกจับผิดได้ ร้อยละ 90 จะมีอาการพูดตะกุกตะกัก อึกอัก กระอักกระอ่วน แบบนี้แหละ”
“ว่าไงโจคุณมาทำไม คุณพาผู้หญิงมานอนด้วยใช่มั้ย” ศศิถาม
"เอาล่ะ….งั้นก็คงปิดบังศิไม่ได้แล้ว"
โจทำท่าเหมือนสารภาพผิด ศศิที่ยืนฟังอยู่โกรธมากจึงยกมือเหมือนจะเข้าไปตบโจ แต่ต้องชะงัก เพราะโจพูดออกมาว่า
“ที่โจมาที่นี่ก็เพราะศิ”
อ้อม เจน และวินมองหน้ากันเหวอๆ โดยเฉพาะศศิที่เหวอหนักที่สุด
“มาเพราะฉัน ....ฉันมาเกี่ยวอะไรด้วย” ศศิงง
โจพยายามหาคำตอบ “เกี่ยวสิ ก็ที่โจต้องมาที่นี่ก็เพราะ ....”
โจพยายามครุ่นคิดหาทางแก้ตัวก่อนจะเหลือบไปเห็นพนักงานโรงแรมกำลังเข็นเค้กก้อนโตกำลังจะเดินไปที่ลิฟท์ โจยิ้มเพราะคิดออกก่อนจะรีบผายมือไปที่เค้กก้อนนั้น
“ผมมาที่นี่ก็เพราะ ผมมาซื้อเค้กก้อนนั้นให้ศิไง”
โจรีบทำเป็นเดินเนียนไปหาพนักงานก่อนจะทำเป็นแย่งรถเข็นมาเข็นเอง พนักงานเหวอ
โจบอกพนนักงานเบาๆ “ขอบใจมากนะน้องมาทันเวลาพอดี” โจหยิบเงินให้ 5000 “อะนี่เงินค่าเค้กไม่ต้องทอน”
พนักงานอึกอักแล้วก็พยายามอธิบาย “เอ่อ พี่ครับ แต่ว่าเค้กก้อนนั้น ...”
โจรีบเอาเงินยัดใส่มือพนักงาน
“ยังไม่ได้ใส่กล่องใช่มั๊ย งั้นรีบไปใส่กล่องมาให้ไวเลย เห็นมั๊ยว่าเมียพี่โมโหหิว คิ้วขมวดเชียว” โจพยายามพูดให้พนักงานที่อึ้งอยู่ช่วย “รีบไปกล่องมาเลยนะ ถือว่าช่วยพี่ก็แล้วกันนะน้องนะ” โจพยายามอ้อนวอนให้พนักงานช่วย เออออกับเขา
พนักงานที่ยังเหวอมองหน้า โจ ศศิ และทุกคนโดยพยายามจะเข้าใจสถานการณ์ก่อนจะตัดสินใจ
“งั้นเดี๋ยวผมเอาไปใส่กล่อง แล้วพี่ไปรับเค้กร้านนะครับ”
โจตบไหล่พนักงานด้วยความโล่งอก “ขอบใจมากไอ้น้อง” โจพูดไล่หลัง “เงินทอนน่ะไม่ต้องทอนนะ”

โจหัวเราะขำดีใจที่พนักงานยอมช่วย ก่อนจะหันกลับมาเจอหน้าศศิ อ้อม วิน และเจนที่ยังจ้องเอาเรื่อง

โจพยายามจะอธิบายศศิ

“ก็โจได้ยินศิพูดเมื่อวันก่อนว่าอยากกินเค้ก แล้วเค้กที่โรงแรมนี้ก็อร่อยมาก ก็เลยมาแอบซื้อว่าจะเอาไปเซอร์ไพรส์ซะหน่อย แต่ตอนนี้ก้รู้หมดแล้วนี่ เลยไม่มีอะไรให้เซอร์ไพรส์ละ"
ศศิมองหน้าโจอย่างไม่ค่อยอยากจะเชื่อ “ฉันไปพูดแบบนั้นตั้งแต่เมื่อไหร่ ไม่เห็นจะจำได้”
“พูดสิครับ พูดแน่ๆ โจจำทุกคำพูดของศิได้เสมอนะ” โจบอก
โจหยอดลูกหวานใส่ เมื่อเห็นสายตาออดอ้อนของโจศศิก็ใจอ่อนแต่ก็ยังทำหน้าบึ้ง
“แต่แค่มาซื้อเค้ก ทำไมต้องมาอยู่ที่โรงแรมนี้ตั้งนานสองนานด้วย นอกจากมาซื้อเค้กแล้วมาทำอย่างอื่นด้วยใช่มั้ย”
“พอเถอะพี่ศิ ก็พี่โจเค้าก็บอกแล้วว่ามาซื้อเค้กให้พี่ แล้วทุกคนก็เห็นพร้อมกันหมดแล้วว่าพี่โจอยู่ที่นี่คนเดียว อย่าทำให้เป็นเรื่องใหญ่เลยนะคะ”
“ใช่ พี่โจน่ารักจะตาย เจนเช็คเวป Top 10 เค้กโรงแรมนี้อร่อยติดอันดับ 1 เลยนะคะ” เจนบอก
“นั่นไง ..ผมบอกแล้วไง ว่าผมต้องเลือกของดีที่สุดให้คุณ เลิกระแวงกันได้แล้วนะที่รัก กลับบ้านกันดีกว่านะ จะได้เอาเค้กไปให้ลูกๆทานด้วย”
ศศิทำเป็นงอนจนโจต้องเดินเข้าไปกอด
“ก็ได้ค่ะ ขอโทษนะคะ ที่ศิเข้าใจคุณผิด”
“ไม่เป็นไรหรอกครับ คุณยังหึงผมแสดงว่าคุณยังรักผม ใช่มั้ย”
โจมองศศิตาหวาน ศศิเขิน
“บ้า มาถามอะไรตรงนี้ล่ะ เอาไว้กลับบ้านแล้วจะบอกแล้วกันนะ”
“งั้นแสดงว่าทุกอย่างเคลียร์นะครับ งั้นผมกับอ้อมขอตัวไปลองชุดกันต่อนะครับ”
ศศิมองอ้อมก่อนจะตกใจ “ต๊ายยย !! ยายอ้อม นี่แกใส่ชุดเจ้าสาวมาเลยเหรอ”
“ใส่มาตั้งนานแล้วเจ๊เพิ่ง แสดงว่าเมื่อกี้หึงจนหน้ามืดตามัวไปหมดล่ะสิ”
ศศิบอกทุกคนแบบอายๆ “ก็เออน่ะสิ !!”
ทุกคนมองหน้าศศิขำๆ โจที่ยืนอยู่ใกล้ๆ แอบเป่าปากโล่งอกที่ทุกอย่างผ่านพ้นไปได้

โจ ศศิ อ้อม วิน และเจนกำลังจะเดินออกจากโรงแรม โจมีท่าทีอึกอักเล็กน้อยก่อนจะตัดสินใจพูด
“งั้นเดี๋ยวผมไปเอาเค้กก่อน ศิไปส่งเจนแล้วไปเอารถที่ร้าน แล้วเราค่อยกลับไปเจอกันที่บ้านนะครับ” โจพูด
“ได้ค่ะ ขับรถดีๆ นะคะ”
โจพยักหน้ายิ้ม ศศิ เจน อ้อม และวินเดินออกจากโรงแรม โดยมีโจยืนส่งจนลับตา ทันทีที่ทุกคนเดินลับตาไปแล้ว โจก็รีบมองซ้ายมองขวาแล้วก็รีบหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดโทรหาใครบางคนทันที

ซันเดินคุยโทรศัพท์
“เจ๊ไปรอที่รถแหละ เดี๋ยวซันตามไป สรุปงานนี้นี้ไม่มีใครเลือดตกยางออกใช่มั้ย” ซันฟัง “ดีแล้วหละ ..ก็บอกแล้วว่าพี่โจเค้ารัก เจ๊หลงเจ๊จะตาย”
ซันพูดเสร็จก็กดวางโทรศัพท์ แต่ก็ต้องชะงักแล้วรีบแอบหลบมุม เมื่อเห็นโจเดินมาหาหญิงสาวเซ็กซี่นางหนึ่งซึ่งยืนรออยู่ด้วยท่าทางหงุดหงิด
ซันเห็นโจกระซิบอะไรบางอย่างกับผู้หญิงคนนั้นด้วยท่าทางสนิทสนมเกินเพื่อน แล้วผู้หญิงก็โผเข้าไปกอดโจเหมือนจะไม่ยอม โจผลักผู้หญิงออกห่างด้วยทำท่าทางราวกับจะบอกให้หญิงสาวกลับไปก่อน หญิงสาวคนนั้นทั้งโกรธทั้งงอนก่อนจะผละออกจากกัน ซันที่แอบมองอยู่จะหยิบโทรศัพท์มาถ่ายรูปแต่ก็เปลี่ยนใจ
“ให้วันนี้เรื่องจบแบบแฮปปี้เอนดิ้งก็แล้วกันนะ” ซันบ่นกับตัวเอง

วินขับรถออกจากโรงแรม อ้อมที่นั่งมาข้างๆ นึกถึงเรื่องที่เพิ่งผ่านไปแล้วก็เข้ามากอดแขนวิน
"พอเราแต่งงานกันแล้ว จะไม่มีเรื่องแบบพี่ศศิกับพี่โจใช่มั้ยคะ” อ้อมถาม
"ไม่มีแน่จ้ะ วินสัญญานะอ้อม ว่าวินจะไม่มีทางทำให้อ้อมไม่สบายใจ" วินบอก
อ้อมยิ้มปลื้ม ก่อนจะมองหน้าวินแล้วทำหน้าอ้อนๆ น่ารัก
"อ้อมขอโทษนะที่ทำให้วุ่นวายแบบนี้ งานวินก็ยุ่งมากอยู่แล้ว กว่าจะหาวันว่างมาลองชุดได้มันไม่ใช่ง่ายๆ วินโกรธอ้อมหรือเปล่าคะ”
"วินรักอ้อมก็เพราะอ้อมเป็นแบบนี้แหละ ห่วงคนอื่นอยู่ตลอดเวลา แล้วก็รักเพื่อนมากกว่ารักตัวเอง"
"ไม่จริงซะหน่อย" อ้อมเอนเข้าไปซบไหล่ "เพราะตอนนี้อ้อมรักวินมากกว่า"
วินลูบหัวอ้อมอย่างรักใคร่ "งั้นมาเลือกการ์ดกันต่อมั๊ย เมื่อกี้ยังเลือกไม่เสร็จเลย”
อ้อมรีบหยิบตัวอย่างการ์ดให้วินดู ทั้งสองช่วยกันเลือกการ์ดอย่างมุ้งมิ้งน่ารักอย่างมีความสุข

ซันขับรถด้วยท่าทีครุ่นคิด เธอเหลือบมองหน้าศศิที่ฮัมเพลงออกมาอย่างมีความสุข เจนที่นั่งด้านหลังโผล่หน้ามาช่องกลางแล้วก็คุย
“ร้องเพลงได้แล้วใช่มั๊ยเจ๊” เจนถาม
ศศิยิ้ม “อือ ..” ศศิฮัมเพลงต่ออย่างมีความสุข
“ถึงพี่โจเค้าจะเจ้าชู้ไปบ้าง แต่เค้าก็รักเจ๊มากที่สุดนะ ไม่งั้นเค้าคงไม่เอาวันเดือนปีเกิดเจ๊ ไปตั้งพาสเวิร์ดหรอก” เจนบอก
ศศิเขินเล็กๆ “ก็ไม่เห็นจะพิเศษอะไรเลย”
“พิเศษสิ เพราะมันหมายความว่า เค้าจะไม่มีวันลืมวันเกิดเจ๊เลยน่ะสิ”
“จริงๆเค้าก็ไม่เคยลืมนะ” ศศิบอก
เจนโวยวายขึ้นมาด้วยเสียงดัง “แต่เจนลืมม”
ซันหันไปถามด้วยอาการตกใจ “ลืมอะไร”
"ก็ลืมว่ามีเข้ากะตอนหกโมงน่ะสิ เดี๋ยวพี่ซันจอดข้างหน้าเลยนะ เจนจะนั่งรถไฟฟ้าไป ..ถ้าไปสายอีกคราวนี้ ไอ้เจนโดนแน่”
ซันหักพวงมาลัยเข้าจอดเทียบข้างทาง เจนเปิดประตูลงจากรถไป

ซันหันมามองหน้าศศิที่ยิ้มอย่างมีความสุขเธอก็รู้สึกดีที่ไม่ได้เล่าเรื่องโจที่เห็นเมื่อกี้ให้ศศิฟัง

เหล่าพนักงานยืนเรียงแถว แต่ละคนกำลังฝึกยิ้มในแบบเดียวกัน ผู้จัดการเดินตรวจพร้อมกับอบรมก่อนเริ่มงาน

"ไม่ว่าจะรู้สึกอะไร ก็ต้องเก็บมันไว้ข้างใน เข้าใจใช่ไหม เศร้า...ก็ยิ้ม โกรธ..ก็ต้องยิ้ม"
ผู้จัดการแผนกที่กำลังสอนให้ยิ้มกลับไม่มีรอยยิ้มเอาเสียเลย ผู้จัดการเดินถึงหางแถวพอดี
"แล้วถ้าเสียใจ หน้าที่ของพวกเธอก็คือ....”
ทุกคนตอบ "ยิ้ม...”
ผู้จัดการเดินกลับไปทางหัวแถวแล้วพูดไปเรื่อยๆ
"เพราะรอยยิ้มจะทำให้น้ำเสียงที่ออกมาฟังดูเป็นมิตร ไม่หงุดหงิด ไม่ว่าลูกค้าจะหงุดหงิดมาขนาดไหน เราก็รับมือได้ด้วยรอยยิ้ม"
เจนเพิ่งมาถึง เจนเห็นผู้จัดการหันหลังให้ก็แอบย่องเข้าไปต่อท้ายแถวแบบเนียนๆ แล้วยิ้ม ผู้จัดการเดินกลับมาท้ายแถวแล้วเห็นเจนที่เป็นพนักงานหน้าใหม่ๆ ซึ่งก็ไม่รอดสายตา
"อย่าคิดว่าฉันไม่เห็นนะ ...เจนจิรา”
ผู้จัดการมองหน้าเจนอย่างเอาเรื่อง เจนมองหน้าผู้จัดการแล้วยิ้ม ซึ่งเป็นยิ้มที่แหยสุดๆ

บรรยากาศในแผนก call center ที่โต๊ะทำงานรับโทรศัพท์เรียงกันเป็นแถว เสียงโทรศัพท์และพูดคุยดังตลอดเวลาบางคนเริ่มงานไปแล้ว พูดกับลูกค้าไปก็ยิ้มกับตัวเองในกระจกไป เจนนั่งลงประจำโต๊ะอย่างหงอยๆ บนโต๊ะเจนมีกระจกสำหรับส่องหน้าตัวเองเหมือนคนอื่นๆ เจนบ่นกับเพื่อนโต๊ะข้างๆที่เพิ่งสวมหูฟังเตรียมเริ่มงานเหมือนกัน
call centerคนหนึ่งถาม "เป็นไง"
"นางสาวเจนจิราผิดเสมอ ทำอะไรก็ผิด แค่หายใจก็ยังผิดเลย” เจนบอก
"เป็นลูกน้องเขาก็ต้องอดทนแบบนี้แหละ"
"นี่ขนาดฉันเลือกทำงานกะดึกจะได้ไม่ต้องตื่นเช้าแล้วนะ ก็ยังโดนเรื่องมาสายได้เกือบทุกวัน เฮ้อ เมื่อไหร่จะได้เจองานที่มันดีกว่านี้นะ แบบที่ทำงานไม่หนัก เข้างานกี่โมงก็ได้ แต่ได้เงินเดือนเยอะๆ"
เจนบ่นพลางสวมหูฟังเซ็งๆ แล้วหยิบโทรศัพท์มาถ่ายรูปเช็คอิน
"แล้วยิ่งจะได้เจอผู้ชายหล่อๆรวยๆ มาขอแต่งงานด้วยเนี่ย ก็คงจะเพอร์เฟ็คสุดๆ....ว่าไหม"
เจนบ่นเสร็จก็หยิบมือถือขึ้นมาอัพสเตตัสในเฟซบุ๊ค เจนพิมพ์ “ ประกาศ ~ รับสมัคร “แฟน” คุณสมบัติดังนี้....”
เสียงผู้จัดการดังขึ้น "หนึ่งหล่อ สองรวย สามพร้อมแต่งงานทันทีที่เห็นหน้ากัน"
เจนสะดุ้งก่อนจะหันไปดูก็เห็นผู้จัดการมายืนหน้ายักษ์ข้างหลัง
ผู้จัดการพูดอย่างเอาเรื่อง “เจน-จิ-รา !”
เจนรีบหยิบหูฟังแล้วก็รีบทำงานแล้วทำเสียงสวย ยิ้มแย้มทันที
"สวัสดีค่ะ ดิฉันเจนจิรารับสาย วันนี้มีอะไรให้รับใช้คะ" เจนถาม
เจนพูดเสร็จก็เหลือบมองเห็นผู้จัดการหน้ายักษ์ที่เดินไปแล้ว เจนถอนหายใจด้วยความโล่งอก
เจนบ่นพึมพำ “เกือบโดนด่าอีกรอบแล้วมั๊ยล่ะ เฮ่อ !”

เช้าวันใหม่ที่แสนสดใส เจนเดินหมดสภาพเข้ามาในห้อง พอเห็นเตียงเธอก็ล้มตัวลงนอนแผ่ แม้จะเหนื่อยแต่เธอก็ยังอุตส่าห์หยิบโทรศัพท์ขึ้นมากด check in ในเฟซบุค เธอวางโทรศัพท์แล้วหลับไปทั้งอย่างนั้น

อ้อมวางภาพถ่ายคู่เธอกับวินลงบนหัวเตียงในห้องนอน อ้อมกำลังจัดตกแต่งห้องเตรียมให้วินย้ายเข้ามาอยู่ด้วย จากหมอนใบเดียว อ้อมก็วางหมออีกใบคู่กัน อ้อมเคลียร์ตู้เสื้อผ้าโดยเหลือที่ว่างไว้ครึ่งหนึ่ง อ้อมมองไปรอบๆ ห้องอย่างมีความสุขสุดๆ

ณ บ้านของศศิ ภาพถ่ายของศศิและโจในสมัยเป็นนักศึกษาถ่ายคู่กันตั้งอยู่ที่มุมหนึ่งในบ้าน บรรยากาศภายในบ้านดูเป็นครอบครัวนี้เป็นครอบครัวที่อบอุ่น มีรูปถ่ายครอบครัวไปเที่ยวที่ต่างๆพร้อมหน้าพร้อมตาเต็มไปหมด แต่ละภาพโจก็แสดงความรักทั้งต่อลูกและศศิอย่างเต็มที่ ศศิยืนเตรียมอาหารเช้าอยู่ที่โต๊ะ โดยมีป้าสุขคอยช่วย “ข้าวหอม” และ “ต้นกล้า” วิ่งแข่งแซงกันมา ต้นกล้าจะนั่งเก้าอี้แต่ถูกข้าวหอมดุ
ข้าวหอมทำท่าเลียนแบบศศิ “นั่งยังไม่ได้นะพี่กล้า ต้องไปล้างมือก่อนกินอาหารทุกครั้ง”
ข้าวหอมพูดเสร็จก็ไปล้างมืออย่างมีระเบียบก่อนจะมานั่งเริ่ดๆ เชิ่ดๆ เอาหน้ากับศศิ ในขณะที่ต้นกล้าเดินไปล้างมืออย่างหงอยๆ แล้วกลับมานั่งซึมๆ
“เป็นอะไรไปลูก ทำหน้าหงอยๆ” ศศิถาม
เสียงโจดังขึ้น "โดนน้องดุอีกล่ะสิ”
โจเดินลงมาจากชั้นบน เขาแต่งตัวหล่อเตรียมไปทำงาน ศศิเอาจานแซนวิชมาวางให้ลูกพอดี โจเข้ามาหอมแก้มศศิดังฟอด
“ข้าวหอมชอบทำตัวดุ อย่างกะเป็นแม่” ต้นกล้าว่า
“นี่แม่ไปดุต้นกล้าที่ไหน พูดอย่างนี้เดี๋ยวใครเค้าก็คิดว่าแม่เป็นแม่ใจร้ายหรอก” ศศิบอก
“กักบริเวณ ห้ามดูการ์ตูนเย็นนี้เลยค่ะคุณค่ะ” ข้าวหอมว่า
“เราก็น้อยๆหน่อย อย่าเยอะ” ศศิว่า
ต้นกล้าแอบยิ้มขำที่ข้าวหอมโดนดุ แต่ข้าวหอมไม่แคร์หันไปประจบเอาใจโจ
“คุณพ่อกับคุณแม่คืนดีกันแล้วเหรอคะ"
"พ่อกับแม่ไม่เคยโกรธกันซะหน่อย พ่อจะโกรธแม่เขาได้ยังไง เพราะพ่อรักแม่ศิมากที่สุดในโลก" โจบอกลูกๆ
ศศิทำเป็นค้อนเบาๆ แล้วหายเข้าครัวไปอีกรอบ
"งั้นรักข้าวหอมน้อยกว่าแม่น่ะสิคะ”
"อืม งั้นพ่อรักต้นกล้ากับข้าวหอมเท่า...เท่าดาวศุกร์ดีไหม เพราะดาวศุกร์ก็ใหญ่เท่ากับโลก"
ศศิกลับออกมาพร้อมกับนมเย็นสีชมพูหวานจ๋อย เธอวางให้โจ โจยิ้มก่อนจะหยิบขึ้นดื่มอย่างมีความสุขที่สุด
"คุณพ่อรักคุณแม่ เพราะคุณแม่ทำนมชมพูอร่อยที่สุดใช่มั้ยครับ”
โจยิ้มก่อนจะเดินเข้าไปกอดและหอมศศิโชว์ลูก
“ใช่ครับ นอกจากคุณแม่จะทำนมชมพูอร่อยที่สุดแล้ว คุณแม่ยังสวยที่สุดด้วย”
ศศิอาย “พอๆเลย พ่อลูก อย่ามัวแต่คุยกันลูก เดี๋ยวจะไม่ทันโรงเรียนแล้ว เอาจานมาด้วยเลย เดี๋ยวไปกินต่อในรถ ไปๆๆ"
ต้นกล้ากับข้าวหอมยกมือไหว้ลาโจก่อนจะถือจานอาหารขึ้นมาทั้งคู่ ป้าสุขช่วยถือกระเป๋าเตรียมไปขึ้นรถ ศศินำขบวนเด็กๆออกไปด้วยความวุ่นวาย โจมองตามศศิและลูกๆไปด้วยความสุขพร้อมกับจิบนมเย็นชมพูชื่นใจ

ซันที่ยืนดูสตอรี่บอร์ดงานที่ลูกน้องทำมาให้ใหม่กุมขมับแสดงออกชัดเจนว่าไม่พอใจ
"งานแบบนี้ เอาไปขายลูกค้าไม่ได้หรอกตั้ม"
"แต่ผมแก้หลายครั้งแล้วนะพี่"
ซันเงยหน้ามองดุๆ "แล้วไง ก็งานมันใช้ไม่ได้ก็คือไม่ได้ แบบนี้พี่จะเอาไปขายลูกค้าได้ยังไง"
ตั้มเงียบไปไม่กล้าพูดต่อ ซันถือถ้วยกาแฟ จิบ แล้วเดินไปเดินมาด้วยท่าทีครุ่นคิดและกุมขมับ
"แล้วนี่พี่จะทำยังไง วันนี้มีประชุมกับลูกค้าแล้วเนี่ย"
"ก็ลองไปขายดูก่อนไหมพี่ เผื่อลูกค้าจะซื้อ"
"เผื่อเหรอ? พี่ไม่ใช่พวกทำงานหวังฟลุคนะ งานไม่ดีพี่ก็ปล่อยออกไปไม่ได้ งานแบบนี้ลูกค้าจะดูถูกเอาซะเปล่าๆ"
ตั้มหน้าเสีย พอดีกับเสียงวุธที่ดังขึ้นที่หน้าห้อง
"อะไรกัน มันแย่ขนาดนั้นเลยเหรอ"
ซันหันไปเห็น “วุธ” แล้วก็ตกใจเพราะไม่ทันตั้งตัว เธอสำลักกาแฟแล้วยังสะดุดเท้าตัวเองจนส้นสูงพลิกเกือบจะล้ม วุธเข้ามาจับถ้วยกาแฟไว้ อีกมือของเขาประคองซันเอาไว้ได้ทัน ซันเขินรีบผละออกห่างอย่างถือตัว
"นายมาห้องฉันทำไม" ซันถาม
"ได้เวลาประชุมแล้ว บอสให้มาตาม" วุธบอก
"แล้วนายเกี่ยวอะไรด้วย นายไม่ได้ดูแลโปรเจคนี้นี่” ซันว่า
"เราก็จะเข้าประชุมด้วยไง" วุธบอก

วุธยิ้มให้ก่อนจะเดินออกไป ซันอึ้งจนพูดไม่ออก

ภายในห้องประชุมที่มีทุกคนนั่งล้อมรอบโต๊ะกันพร้อมหน้า มีทั้งลูกค้าและทีม ซัน วุธ หัวหน้าซัน และลูกน้องในทีมของซัน

"ผมดูๆแล้ว ก็โอเคนะ ไม่ติดอะไรตรงไหน แต่ที่บอกว่าจะมีไอเดียเรื่องโฆษณามาให้ดูด้วย ผมยังไม่เห็นเลย" ลูกค้าว่า
"ทางทีมดิฉันยังต้องแก้ไขรายละเอียดอีกนิดหน่อย ถ้ายังไงจะส่งตามไปให้อาทิตย์หน้านะคะ" ซันบอก
"ประชุมคราวที่แล้ว คุณบอกจะให้ครบทุกอย่างที่ผมต้องการไง มีแผนการตลาด แต่ไม่มีไอเดียนำเสนอ แล้วผมจะไปทำงานต่อยังไง" ลูกค้าถาม
หัวหน้าหันไปถามซันเบาๆ "ยังไงเนี่ยซัน"
"เอ่อ ที่จริงเราทำไปแล้ว แต่ยังไม่สมบูรณ์หน้า ขอเลื่อนไปอีกนิดนะคะ"
ลูกค้าลุกขึ้นโวยด้วยความโมโห “ผมจ้างบริษัทคุณทำงานให้เพราะผมเชื่อฝีมือพวกคุณ แล้วนี่ยังไงเลื่อนไปเลื่อนมาแบบนี้มันไม่มืออาชีพเลยนะ"
ซันหน้าเสียแล้วก็พยายามหาทางแก้ตัว วุธเห็นซันแล้วก็รู้สึกว่าต้องช่วยจึงพูดแทรกขึ้น
"คืออย่างนี้ครับ ผลิตภัณฑ์บิวตี้ในตลาดตอนนี้ การแข่งขันสูงมาก ผมว่าสำหรับยาสีฟันตัวนี้ถ้าจะจับกลุ่มเป็นยาสีฟันสำหรับคู่รัก น่าจะลำบาก ลองเน้นเรื่องส่วนผสมที่มีคุณภาพสูง แต่ราคาเท่ายาสีฟันทั่วไป น่าจะตีตลาดได้ง่ายกว่านะครับ”
วุธพูดเสร็จก็หันไปมองหน้าซันยิ้มๆ ก่อนจะหันไปมองลูกค้าที่ดูชอบใจ
“แบบนี้ก็ไม่เลวนะ ผมเห็นด้วย” ลูกค้าบอก
“งั้นพรีเซ็นเตอร์ของเราก็อาจไม่จำเป็นต้องเป็นเซเลบริตี้หรือดารา แต่อาจใช้คนธรรมดา แม่บ้าน สาวออฟฟิศ นักศึกษา คนธรรมดาๆ จะได้เข้าถึงกลุ่มเป้าหมาย” ซันว่า
"ครับ การพรีเซ็นท์ด้วยคนธรรมดาที่พบเห็นได้ในชีวิตประจำวัน จะทำให้สินค้าดูจับต้องได้ เข้าถึงได้ง่าย ใช้แล้วดูได้ผลจริง"
ลูกค้าพยักหน้าด้วยความพึงพอใจ เจ้านายยิ้มปลื้ม ซันถอนหายใจโล่งอกที่สถานการณ์คับขันผ่านไปได้

หัวหน้ากับพนักงานในบริษัทยืนส่งลูกค้า ทั้งสองฝ่ายร่ำลากันด้วยรอยยิ้ม ลูกค้าเดินจากไป หัวหน้าหันมาชื่นชมซันกับวุธ
"คุณสองคนนี่ทำงานเข้าขากันมากเลยนะ รู้ตัวหรือเปล่า"
ซันยิ้มฝืนๆ อย่างไม่ค่อยชอบใจนัก ในขณะที่วุธไม่ได้คิดอะไร
"ผมกับคุณซันเรียนมาด้วยกันน่ะครับบอส ตอนเรียนก็ทำงานกลุ่มด้วยกันบ่อยๆ เวลาคิดอะไรก็เลยไปด้วยกันได้"
วุธมองหน้าซันแล้วก็ยิ้มเป็นมิตร แต่ซันเชิ่ดใส่ไม่มองตอบ
หัวหน้าพูดต่อ "ผมอยากให้คุณสองคนให้ทำงานโปรเจคใหญ่ด้วยกัน รับรองเลยว่ามันต้องเป็นมาสเตอร์พีซผลงานชิ้นเอกของบริษัทเราแน่ๆ"
"ดิชั้น ทำคนเดียวก็เป็นงานมาสเตอร์พีซได้ค่ะบอส”
วุธได้ฟังซันพูดอย่างนั้นก็ยิ้มๆ
“ผมรู้ ...แต่ยังไงผมก็ยังเชื่อว่า สองหัวเก่งๆ ย่อมจะดีกว่าหัวเดียว .. คุณสองคนเตรียมตัวเอาไว้แล้วกัน”
หัวหน้าพูดเสร็จก็เดินยิ้มๆออกไป ซันหันไปมองวุธด้วยความโมโหเพราะไม่พอใจก่อนจะเดินปึงปังออกไปทันที วุธมองตามแล้วก็ถอนหายใจก่อนจะรีบเดินตามซันไป

ซันกลับเข้ามาในห้องทำงานแล้วก็รู้สึกตัวเองว่าใจยังเต้นตึกตัก เมื่อนึกถึงตอนที่เจ้านายบอกว่าจะให้ทำงานกับวุธ
"จะให้ฉันทำงานกับวุธเนี่ยนะ ไม่มีทาง"
วุธเดินตามซันออกมาแล้วก็โพล่งถามทันทีอย่างไม่เข้าใจ
"จะจงเกลียดจงชังอะไรกันนักหนาเนี่ย ทะเลาะกันตั้งแต่เรียนมหาวิทยาลัย จนมาทำงานด้วยกันตั้งห้าปี ยังไม่เลิกเกลียดกันอีก” วุธบอก
"ฉันไม่ได้เกลียดนาย แต่แค่ไม่อยากทำงานด้วยต่างหาก” ซันบอก
"แล้วทำไมถึงทำงานด้วยกันไม่ได้" วุธถาม
นายก็รู้จักฉันดี ไม่มีใครในออฟฟิศนี้อยากทำงานกับฉัน ฉันไม่อยากโดนนายเกลียดไปด้วยอีกคน .. นายก็รู้ว่าเพื่อนฉันมีน้อย”
วุธได้ฟังเหตุผลซันก็ขำเพราะเริ่มเข้าใจ
"โอเคๆ เข้าใจแล้ว ไม่อยากทำก็ไม่ต้องทำ ….แต่เราก็ยังเป็นเพื่อนกันใช่มั้ย”
“ก็นอกจากนายจะไม่อยากเป็น”
“ถึงเธอจะร้ายกับเราแค่ไหน เราเกลียดเธอไม่ลงหรอก เพราะไม่งั้นเดี๋ยวไม่มีใครไปงานแต่งงานอ้อมเป็นเพื่อนด้วย”
ซันมองวุธด้วยอาการงงๆ “ห๊ะ ..แล้วมันเกี่ยวอะไรกับฉันด้วย”
"ก็เราจะไปกับเธอไง”
ซันตกใจจนผงะ “เย้ย !!! ทำไมต้องไปกับฉันล่ะ รถนายก็มีนี่"
"เสียอยู่ นั่งรถเมล์มาทำงานอยู่ทุกวันไม่เห็นรึไง”
"จะเห็นได้ไง ฉันไม่ได้สนใจนายสักหน่อย” ซันพูดเสร็จก็อายนิดๆ
"ถ้าอย่างนั้นเราก็คงไปไม่ได้ คนไม่มีรถ ต้องไปตั้งหัวหิน ...จะไปยังไง๊..เนอะ”
“เฮ่อ รำคาญจริง ฉันให้นายไปด้วยก็ได้ แต่ห้ามสาย แล้วนายต้องช่วยฉันออกค่าน้ำมันด้วย”
วุธมองหน้าซันแล้วก็ยิ้มดีใจ “ดีล !! ตามนั้น แล้วเจอกัน”
วุธยิ้มกวนๆ เท่ๆ ก่อนจะเดินออกไปจากห้อง
 
ซันมองตามหลังด้วยใจที่เต้นตึกตัก เธอรู้สึกมีความสุขแบบเศร้าๆ กับความรู้สึกที่ต้องปกปิดเอาไว้

อ่านต่อหน้า 3

ทางเดินแห่งรัก ตอนที่ 1 (ต่อ)

ณ ร้านกาแฟจูดี้ แหล่งเม้าท์มอยของสี่สาว ศศิ เจน และซันนั่งปรึกษาเม้าท์มอยเรื่องของขวัญที่จะให้อ้อม เจนครุ่นคิดพร้อมกับพูด

"อืม ของขวัญวันแต่งงานของพี่อ้อมกับพี่วิน เอาอะไรให้ดี"
"ลองช่วยกันนึกสิ สิ่งที่ผู้หญิงอยากได้ที่สุดคืออะไร" ศศิหันไปหาซัน
ซันคิดอยู่พักนึง "ตำแหน่งไดเรคเตอร์"
"นั่นมันสิ่งที่เธออยากได้ ไม่ใช่ผู้หญิงทั่วไป เอาเป็นของสิ" ศศิบอก
เจนโพล่งออกมา "รู้แล้ว"
"อะไร" ศศิถาม
"ผู้ชาย"
ศศิกับซันเซ็ง "เจน...”
"ผู้ชายก็เป็นสิ่งของเหมือนกันไม่ใช่เหรอ ผู้หญิงที่ไหนก็อยากได้ผู้ชายทั้งนั้นแหละ" เจนบอก
"เฮ้ย จริงจังกันหน่อยได้ไหมเนี่ย" ศศิว่า
แมน เด็กเสิร์ฟชายวัย20กว่าๆ หน้าตาดี รูปร่างกำยำล่ำสันยกกาแฟเข้ามาเสิร์ฟพอดี
"ขอโทษครับ เสิร์ฟกาแฟครับ"
แมนวางถ้วยกาแฟให้ทุกคนบนโต๊ะ ทุกคนเงยหน้ามองแมนเป็นตาเดียวกัน แมนยิ้มให้ แล้วเดินกลับออกไป ทุกคนมองตามพร้อมกับอ้าปากค้าง
"โห ละ..ละ ล่ำมาก" เจนว่า
"หน้าตาดีด้วยนะเนี่ย"
"เด็กเสิร์ฟใหม่หรือ ไม่เคยเห็นเลย"
จูดี้ สาวเปรี้ยวเจ้าของร้านกาแฟที่อายุเลยเลขสี่แล้วแต่ยังแต่งตัวสาวปิ๊งเดินนวยนาดเข้ามาหากลุ่มสี่สาว
"เป็นไงบ้างคะทุกคน" จูดี้ถาม
"เด็กเสิร์ฟใหม่หรือพี่จูดี้" ศศิถามกลับ
จูดี้อมยิ้มอย่างมีเลศนัยปนเขินเล็กน้อย ขณะนั่งลงรวมกลุ่มด้วยกัน
"ก็ไม่เชิงค่ะ คือ แมนน่ะนี่ไม่ใช่แค่เด็กเสิร์ฟค่ะ แต่เป็น...แฟนใหม่ของพี่จูดี้เอง น่ารักน่ากินไปทั้งตัวเลย ดูสิ"
จูดี้เหล่มองไปที่แมนซึ่งทำงานอยู่ที่เคาน์เตอร์ เจนกระซิบถาม
"แล้วคนเก่าล่ะพี่จูดี้"
"อ๊าย อย่าไปพูดถึงเลย เก่าๆมันก็ขึ้นสนิม ของใหม่นี่สิจุ๋มจิ๋ม" จูดี้บอก
จูดี้โบกมือส่งจูบให้แมนด้วยท่าทางที่รักใคร่กันมาก
"แล้วนี่คุยอะไรกันอยู่คะ เห็นท่าทางเครียดกันมาตั้งนานแล้ว" จูดี้ถาม

เวลาผ่านไป ทุกคนยังช่วยกันคิดอยู่ในร้านกาแฟจูดี้เหมือนเดิม
"ของขวัญแต่งงานเหรอ เออ เอาเป็นพวกเครื่องใช้ไฟฟ้าไหม" จูดี้เสนอ
"มันธรรมดาไปนะ เพื่อนสนิทในกลุ่มแต่งงานทั้งที มันต้องเป็นอะไรที่น่าจดจำหน่อย"
"แพคเกจทัวร์" เจนบอก
ซันส่ายหน้า "อ้อมเขามีแผนฮันนีมูนของเขาอยู่แล้ว"
"หรือจะซื้อยาคุมให้สักร้อยแผงไหมคะ น้องอ้อมจะได้สนุกกับชีวิตคู่ไปเรื่อยๆ ไม่ต้องกังวลเรื่องมีลูก" จูดี้ว่า
ทุกคนหันขวับมองหน้าจูดี้ จูดี้ยิ้มแหยๆ เพราะรู้ตัวว่าไม่ใช่แล้ว
"งั้นเอาเป็นของใช้ในครัวไหม แบบ...ครกกับสากผูกโบว์สวยๆ" ซันว่า
"ครกกับสาก! เพื่อ?” ศศิถาม
"ก็เพื่อสื่อความหมายว่าชีวิตคู่ก็เหมือนครกกับสาก ต้องมีกระทบกันบ้างถึงจะมีรสชาติ แต่ก็ขาดกันไม่ได้"
"แต่เจนว่าเอาครกกับสากไปก็เกะกะครัวเขาเปล่าๆนะ"
จูดี้แสดงความเป็นผู้รู้ขึ้นมาทันที
"จูดี้ว่าสำหรับเพื่อนสนิทเนี่ยนะคะ ซื้อของให้มันไม่พอหรอกค่ะ รู้ไหมคะว่า อะไรที่มีค่าที่สุดสำหรับชีวิตลูกผู้หญิงอย่างเรา"
ทุกคนบนโต๊ะส่ายหน้า
"ประสบการณ์ค่ะ พี่จูดี้ว่า น้องอ้อมน่ะควรจะได้รับประสบการณ์แสนพิเศษก่อนที่จะเข้าสู่ประตูวิวาห์ นั่นก็คือ งานเลี้ยงสละโสด จ้างเด็กหนุ่มๆ กล้ามแน่นๆ หน้าตาจิ้มลิ้ม มาเต้นระบำเปลื้องผ้า อู๊ย..รับรองเริ่ด แค่คิดก็กระชุ่มกระชวยขึ้นมาทันที"
"อ๊าย อยากดูอ่ะ"
"จัดปาร์ตี้ในร้านพี่ก็ได้นะคะ เดี๋ยวเคลียร์ให้ว่างเลย"
"พี่จูดี้ ที่เสนอไอเดียแบบนี้ นี่อยากดูโชว์เองใช่ไหม"
จูดี้ยิ้มกรุ้มกริ่ม
"ทำไม ไม่ชอบกันเหรอ งั้นเอาใหม่ เอาอุปกรณ์เป็นไง พวกแส้ เทียนอะไรแบบนี้ เอาไว้ให้น้องอ้อมใช้คืนเข้าหอ"
ศศิ ซัน กับเจนพูดพร้อมกัน "พี่จูดี้!”
จูดี้หุบยิ้มเกือบไม่ทัน
"พอๆ นี่แต่ละคนนี่ไอเดียดีๆทั้งนั้นเลยนะ เอาล่ะเรื่องนี้พี่จัดการเอง พี่รู้แล้ว ว่าจะให้อะไรอ้อมดี รับรองว่าเด็ดและเหมาะกับอ้อมและวินแน่ๆ"
ศศิมีไอเดียขึ้นมาแล้ว ทุกคนได้แต่สงสัย

ซันกับเจนส่งศศิขึ้นรถ ศศิขึ้นประจำที่นั่งแต่แล้วก็ยังชะโงกหน้าออกมา
"แล้วเจอกันวันงานเลยนะ ซัน" ศศิว่า
"ขับรถดีๆล่ะพี่ศิ" ซันอวยพร
ศศิขับรถออกไป เจนกับซันเดินกลับเข้าคอนโด
"วันงานเจนจะไปกับพี่ศินะ แล้วพี่ซันล่ะจะไปยังไง" เจนถาม
"ช่วงเช้าพี่ติดงาน ว่าจะตามไปตอนบ่ายน่ะ"
"แล้วจะขับรถไปคนเดียวเนี่ยนะ" เจนถาม
"เดี๋ยวมีเพื่อนไปด้วย"
"อุ๊ยๆๆๆ เพื่อนผู้หญิงผู้ชาย"
"ผู้ชาย"
"แหม มีหนุ่มๆควงไปงานด้วยก็ไม่บอก นี่พี่ซันแอบมีผู้ชายไว้ตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย"
"ไม่ได้แอบย่ะ เป็นแค่เพื่อน" ซันบอก
"จะขับรถไปด้วยกันสองต่อสองเนี่ยนะเพื่อน"
"เพื่อนจริงๆ เป็นเพื่อนสมัยมหาลัยของพี่กับอ้อม คนนี้เพื่อนแบบร้อยเปอร์เซ็นต์เลย คงเป็นอย่างอื่นไปไม่ได้"

ประโยคสุดท้ายของซันแฝงไปด้วยความเศร้าแต่เจนไม่ได้สนใจอะไรนัก แล้วทั้งคู่ก็พากันเดินออกไป

ซันเปิดลิ้นชักหยิบกล่องเล็กๆ ออกมาใบหนึ่ง พอเปิดกล่องออกก็พบว่ามีเศษกระดาษชิ้นเล็กๆ อยู่ในนั้น ซันเริ่มวางเศษกระดาษลงบนโต๊ะแล้วปะติดปะต่อมันเข้าด้วยกันจนเห็นว่าเป็นภาพถ่ายของวุธที่เธอเคยฉีกทิ้งเมื่อ 5 ปี ก่อน ภาพถ่ายภาพนี้มีบางส่วนหายไป

ซันมองภาพถ่ายนั้นด้วยความเจ็บปวด เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นดึงซันกลับมาสู่โลกปัจจุบัน ซันกดรับสาย
"ว่าไงตั้ม งานเสร็จแล้ว ส่งเมล์มาแล้วใช่ไหม ได้ พี่จะเปิดดูตอนนี้เลย"
ซันกดวางสายก่อนจะบอกตัวเอง
"พอได้แล้ว เลิกฟุ้งซ่านได้แล้วซัน ทำงานๆๆ"
ซันกดเปิดคอมพิวเตอร์เตรียมทำงานต่อเพื่อกลบความคิดเรื่องวุธ

ทะเลหัวหินเต็มไปด้วยบรรยากาศสุดโรแมนติก เสียงกรี๊ดกร๊าดของ อ้อม เจน และศศิ ดังขึ้นที่ห้องสวีทของโรงแรมซึ่งเป็นห้องพักของอ้อม อ้อมกำลังกระโดดกอด ศศิและเจนด้วยความตื่นเต้น เมื่อกรี๊ดกร๊าดกันเรียบร้อยแล้ว ศศิก็จับอ้อมที่อยู่ในชุดเจ้าสาวหมุนซ้ายหมุนขวา
"ใส่ชุดนี้แล้วเธอสวยจริงๆ" ศศิชม
"ใช่ พี่อ้อมสวยมากเลยอ่ะ" เจนชม
อ้อมดีใจ "แน่นะ นี่ไม่ใช่แค่ชมตามมารยาทใช่ไหม"
"แหม สายตาพี่ไม่เคยโกหกหรอกน่า"
"อ้อมดีใจมากเลยนะที่พี่ศิกับเจนมา นี่เพื่อนคนอื่นยังไม่มากันเลย ยังกังวลอยู่นี่ว่าจะมากันหรือเปล่า"
"เธอนี่ก็ชอบกังวลล่วงหน้าอีกแล้ว นี่มันวันสำคัญนะ พวกเราจะไม่มาได้ยังไง" ศศิบอก
"แล้วซันล่ะ" อ้อมถาม
"พี่ซันบอกว่าจะมาพร้อมเพื่อนที่มหาลัย คงถึงเย็นๆ" เจนบอก
"แล้วพี่โจกับเด็กๆล่ะ มาด้วยกันหรือเปล่า" อ้อมถามอีก
เจนตอบแทน "เด็กๆไม่ได้มา พี่โจเขาตั้งใจจะมาสวีทกับพี่ศิกันแค่สองคน แบบว่า...ฮันนีมูนรอบสองไง"
ศศิผลักหัวเจนด้วยความหมั่นไส้อย่างสนิทสนม
"เป็นเด็กเป็นเล็ก ทำเป็นรู้มาก"
เจนหัวเราะคิกคัก ระหว่างนั้นศศิเหลือบเห็นสร้อยคอที่อ้อมสวมอยู่
"สร้อยเส้นนี้ก็สวยนะอ้อม ไม่เคยเห็นอ้อมใส่เลย"
"อ๋อ แม่วินเขาให้มาน่ะ บอกว่าเป็นสร้อยประจำตระกูล ใส่มาตั้งแต่รุ่นทวด" อ้อมบอก
"ถ้าถึงกับให้ของสำคัญแบบนี้ ครอบครัวหมอวินนี่ก็คงจะรักอ้อมมากนะ" ศศิว่า
"อ้อมโชคดีน่ะพี่ศิ ที่เจอครอบครัวที่ดี"
"แล้วพี่อ้อมบอกบ้านพี่วินหรือยังว่าแต่งงงานแล้วพี่วินจะย้ายมาอยู่ที่คอนโด"
"ยังไม่ได้บอกเลย"
"อะไรกัน นี่มันวันแต่งงานแล้วนะ ป่านนี้ยังไม่เคลียร์กันอีก" ศศิว่า
"ก็ยังไม่กล้าน่ะ วินเองก็ไม่กล้า เดี๋ยวถ้าวันนี้มีจังหวะเหมาะๆก็คงหาโอกาสบอกคงไม่มีอะไรหรอก"
"นี่มันเป็นความฝันของผู้หญิงทั้งโลกเลยนะ ได้แต่งงานกับผู้ชายที่หล่อ รวย นิสัยดี แถมแม่สามียังรักอีก เฮ้อ...พี่อ้อมเนี่ยเป็นเจ้าสาวที่มีความสุขที่สุดเลยรู้ไหม" เจนบอก
"แต่..อย่าเพิ่งประมาท ตอนพี่เพิ่งแต่งก็แบบนี้แหละ ใครๆก็บอกว่าน่าอิจฉาแล้วดูสิว่าตอนนี้เป็นไง"
"พี่โจก็ไม่ได้แย่ขนาดนั้นซะหน่อย" เจนบอก
"นั่นสิ นี่พูดตัดกำลัใจเจ้าสาวตั้งแต่วันแต่งเลยนะพี่ศิ" อ้อมว่า
"เออ เอาล่ะ เลิกพูดๆ"
ทั้งสามสาวคุยกันต่อไปอย่างอารมณ์ดี

โจนั่งรออยู่ที่บาร์ริมสระน้ำ เขากำลังพูดโทรศัพท์กับศศิอย่างสบายอารมณ์ สาวๆที่ผ่านไปมาเหล่มองโจบ้าง
โจเก๊กหล่อตลอดเมื่อรู้ว่าสาวๆมองแต่ก็ไม่ออกอาการเจ้าชู้มากนัก
"ก็กำลังหาอะไรดื่มอยู่ในโรงแรมนี่แหละจะศิ แล้วทางโน้นเป็นไงบ้าง.... เหรอก็ดีแล้วล่ะ สาวๆเมาท์กันไปเถอะ โจอยู่ได้ไม่เบื่อหรอกจ้ะ สบายๆ.... แถวนี้บรรยากาศดีมากเลยนะศิ คิดไม่ผิดจริงๆที่ให้ลูกอยู่บ้านแล้วพาศิมาฮันนีมูนรอบสอง เดี๋ยวงานเลิกแล้วมารำลึกความหลังกันที่นี่ดีไหม"
ขณะที่โจกำลังคุยโทรศัพท์กับศศิ เสียงโวยวายของวิภา แม่ของหมอวินก็ดังมาจากมุมหนึ่ง โจจำต้องหยุดฟังเพราะเสียงวิภาบ่นดังไปทั่วบริเวณ
วิภากับสุพงษ์ยืนคุยกันอยู่ที่มุมหนึ่ง
"เฮีย! นี่มัวแต่ก้มหน้าก้มตาทำอะไรอยู่ ลูกชายอยู่ไหนเห็นบ้างหรือเปล่า" วิภาถาม
"ก็อยู่ด้วยกัน จะเห็นได้ยังไง"
สุพงษ์ตอบโดยไม่เงยหน้าจากมือถือ
"เล่นเกมส์มือถืออีกแล้ว พอๆ หยุดเดี๋ยวนี้เลยนะ แล้วไปตามหาลูกชายด้วยกัน"
วิภาดึงแขนสามีให้เดินไปด้วยกัน วศิน นิค และหวานตามเข้ามาสมทบ
"ป๊า ม๊า นี่จะไปไหนกัน" วศินถาม
"จะไปตามหาพี่ชายเรานั่นแหละ" วิภาสะดุดตากับชุดของวศิน "อาวศิน ทำไมใส่ชุดดำมานี่มางานแต่งนะ ไม่ใช่งานศพ"
"นี่ยังไม่ใช่ชุดใส่ไปงานนะม๊า เดี๋ยวก็เปลี่ยนเป็นสูท"
"สูทสีอะไร" วิภาถามต่อ
"สีดำ" วศินตอบ
"ดำไม่ได้ งานมงคลห้ามใส่สีดำ ไปหาซื้อใหม่"
"ม๊า!”
"ถ้าตังค์ไม่พอก็ขอป๊าไป ไปซื้อใหม่เลย"
วิภาหันไปมองหวานกับนิค
"แล้วนี่อะไรยัยหวาน นี่ไม่ได้เจอกันอาทิตย์เดียว ทำไมหน้าหมองขนาดนี้ สมุนไพรที่ให้ไปน่ะ กินบ้างหรือเปล่า" วิภาถาม
"กินค่ะ แต่บางวันก็ลืม" หวานตอบ
"ลืมอีกแล้ว ของแบบนี้ลืมได้ยังไง สุขภาพของตัวเองแท้ๆ ถ้าไม่ใส่ใจตัวเอง ใครจะมาคอยดูแลให้ จะหวังเพิ่งสามี ก็เฮ้อ... อานิค เธอก็ต้องรู้จักเตือนอาหวานบ้าง"
"เตือนแล้วนะครับม๊า" นิคบอก
"เตือนยังไงอาหวานถึงไม่ฟัง ถ้าไม่กินยาสมุนไพรแล้วเมื่อ ไหร่จะมีหลาน เป็นความผิดเธอนี่แหละนิค เฮ้อ ไม่ได้ดั่งใจสักคน"
วิภาเดินนำสามีและลูกออกไป โจที่นั่งมองอยู่เหวอถึงกับอ้าปากค้างและขำ
"ศิ โจเพิ่งเจอเจ๊คนนึง ท่าทางร้ายกาจชะมัด บ่นลูกๆทีนึงได้ยินกันทั้งโรงแรม ใครมาเป็นลูกบ้านเจ๊คนนี้นี่ถือว่าโชคร้ายสุดๆ" โจหัวเราะ

ซันขับรถเข้ามาจอดที่หน้าบริษัทที่มีวุธยืนรออยู่แล้ว วุธใส่เชิ้ตเตรียมออกงานและถือเสื้อสูทไว้ในมือ ซันจอดรถแล้วเดินลงไปหาวุธ
"โทษทีนะซันที่ต้องให้มารับถึงออฟฟิศ พอดีเรามีงานด่วน" วุธบอก
ซันสงสัยอย่างจริงจัง
"งานด่วนอะไร?” ซันถาม
วุธขำๆกับท่าทางซีเรียสของซัน "จะอยากรู้ไปทำไม นี่มันส่วนของทีมเรา ไม่เกี่ยวกับเธอสักหน่อย"
"แต่คราวที่แล้วทีมฉันทำพลาด หรือว่าบอสแอบโยนงานให้นายทำแทน"
วุธยิ้ม "ไม่ใช่หรอก ไม่ต้องกลัวเราแย่งงานขนาดนั้นหรอก"
"ไม่ได้กลัว"
"เอาเถอะ เราอย่าคุยเรื่องงานเลย เสียฤกษ์เปล่าๆ นี่วันนี้เธอดูดีนะเนี่ย"
ซันเริ่มจะเขินแต่ก็ทำเชิ่ดปกปิด
"นี่ไม่ได้เรียกดูดีย่ะ เขาเรียกสวย"
"อืม ก็สวยจริงๆ" วุธบอก
ซันแอบเขิน
"มา เราขับรถให้" วุธบอก
"ไม่เป็นไร ฉันขับเองได้"
"ให้เราขับเถอะน่า แต่งตัวซะสวย กระโปรงยาวขนาดนี้ จะขับรถถนัดได้ยังไง"
วุธถือวิสาสะจับมือซันมาแล้วหยิบกุญแจไปจากมือของเธอแบบไม่ได้คิดอะไร ซันยังช็อคที่โดนจับมืออยู่
วุธขึ้นไปนั่งที่นั่งคนขับเรียบร้อย
"เอ้า ขึ้นรถสิครับ คุณผู้หญิง"

ซันใจสั่นแต่ก็ต้องทำเป็นนิ่งไว้แล้วยอมให้วุธขับรถให้ส่วนตัวเองก้าวขึ้นไปนั่งเบาะข้างๆ

สามสาวนั่งอยู่ด้วยกันในห้อง เสียงไลน์ของเจนดังตลอดแต่เจนก็ปล่อยให้ดังจนศศิกับอ้อมแปลกใจ เจนเริ่มหงุดหงิด

"เฮ้อ ตื๊ออยู่ได้ เริ่มรำคาญแล้วนะเนี่ย"
"ใครล่ะ" ศศิถาม
"ท็อป แฟนคนล่าสุด" เจนตอบ
"อ้าว บ่นซะละ เห็นตอนแรกก็สวีทดีนี่" อ้อมว่า
"แต่ตอนนี้เบื่อแล้ว กำลังจะหาทางเลิกอยู่ แต่ท็อปเขาไม่ยอมเลิก นี่ถึงขั้นบอกว่าจะตามมาหัวหินเลยนะเนี่ย"
"คบได้กี่เดือนล่ะคนนี้"
"สามอาทิตย์" เจนตอบ
"เปลี่ยนแฟนเหมือนเปลี่ยนรองเท้าเลยนะเธอเนี่ย" ศศิว่า
"แหม ตอนนี้ยังมีโอกาสเลือกก็ต้องเลือกไปเรื่อยๆ จนกว่าจะเจอคนที่ดีที่สุด" เจนบอก
"คนที่ใช่ที่สุดของเรา ไม่จำเป็นต้องดีที่สุดก็ได้นะ แบบหมอวินไง อาจจะไม่ได้ดีที่สุด แต่ก็เป็นคนที่พี่รักที่สุด" อ้อมบอก
ศศิกับเจนส่งเสียงแซว วินเข้ามาในห้องจึงได้ยินพอดี
"อ้อมก็เป็นคนที่ใช่ที่สุดของวินเหมือนกัน" วินพูด
"อุ๊ย วิน ได้ยินด้วยเหรอ" อ้อมตกใจ
วินพยักหน้าด้วยแววตาปลาบปลื้มใจ
"งั้นเดี๋ยวขอถ่ายรูปคู่รักแห่งปีลงไอจีหน่อยน้า" เจนบอก
วินกับอ้อมจัดท่าให้เจนถ่ายรูป เจนยกมือถือขึ้นมา
"หนึ่ง..สอง....”
วิภาโผล่เข้ามาในห้องพร้อมเสียงตะโกน
"อาวินน"
ทุกคนหยุดชะงักแล้วหันไปมองวิภาที่เข้ามาพร้อมด้วยครอบครัวของวิน อ้อม ศศิ และเจนยกมือไหว้
"หม่าม๊า สวัสดีค่ะ"
"เป็นไง เรียบร้อยไหมอาวิน" วิภาถาม
"เรียบร้อยดีครับม๊า"
"ดีๆ ถ้าวินบอกว่าเรียบร้อย หมายความว่าทุกอย่างต้องเรียบร้อยจริงๆ"
วิภากำลังยิ้มหน้าบาน แต่พอหันมาเห็นชุดของอ้อมเต็มๆ ตาวิภาก็ชะงักและเริ่มมีปัญหา
"อ้อม"
"ขา" อ้อมขานรับ
"ทำไมใส่ชุดนี้" วิภาถามต่อ
อ้อมงง "ทำไมคะ ?”
"เราเกิดวันอังคาร คนเกิดวันอังคารเขาไม่ให้ใส่ชุดแต่งงานสีขาว สีขาวนี่เป็นสีต้องห้าม เป็นกาลกิณี หมายถึงโชคร้าย อัปมงคล ต้องเปลี่ยน" วิภาบอก
"คงไม่มีอะไรหรอกครับม๊า เจ้าสาวที่ไหนเขาก็ใส่สีขาวกันทั้งนั้น"
วินออกหน้าแทน วิภาถอนใจออกมาเพราะไม่ได้ดั่งใจ
"แต่เจ้าสาวคนอื่นเขาไม่ได้เกิดวันอังคารนี่ สีอื่นก็มีตั้งเยอะแยะสีฟ้า สีทอง สีแดง อะไรก็ได้ช่วยเสริมบารมีทั้งนั้น แล้วทำไมต้องไปเลือกสีขาว แล้วที่จริงตามหลักเขาว่าชุดที่จะใส่ ชายกระโปรงต้องบานออกมากๆ จะได้เอาไว้ดักทรัพย์"
วิภาบ่นไปเรื่อยๆ อ้อมเริ่มหน้าเสีย สุพงษ์พยายามจะช่วยห้าม
"เอาน่าเธอ ตอนนี้มันก็คงทำอะไรไม่ได้มากแล้วล่ะ ไปดูเขาจัดงานข้างล่างกันดีกว่าไป ปล่อยเด็กๆเขาเตรียมตัวกัน"
สุพงษ์มองหน้าแล้วพยักเพยิดให้วินประมาณว่าปล่อยๆไปเถอะ วิภาจึงยอมเดินออกไปอย่างเสียไม่ได้

วิภาเดินห่างออกไปพร้อมครอบครัวแต่ก็ยังโวยวายใส่ลูกๆและสามี
"นี่ฉันไม่เข้าใจเลย อาวินปล่อยให้เจ้าสาวใส่ชุดแต่งงานแบบนั้นได้ยังไง ทำไมเวลาม๊าพูดอะไรไม่มีใครเชื่อกันบ้าง เด็กสมัยนี้ก็จริงๆเลย อะไรๆก็เอาง่ายเข้าว่า"
"พอเถอะเธอ" สุพงษ์ปราม
"เฮียเงียบไปเลย ไม่ช่วยก็ไม่ต้องพูด" วิภาว่า
"เอ้า โดนอีก เอาล่ะ ไม่ยุ่งก็ไม่ยุ่ง"
"เอาเถอะครับม๊า มันมาถึงขนาดนี้แล้ว เรื่องชุดน่ะคงเปลี่ยนอะไรไม่ได้แล้ว"
"นี่ไงเห็นไหม เวลาจะทำอะไรไม่ยอมมาปรึกษาหม่าม๊าแต่แรก"
ศศิกับเจนโผล่หน้ามาจากห้องแอบมองตามไป
"น่ากลัวม๊ากก" เจนว่า
"จริงๆหม่าม๊าของวินเขาก็ดูรักอ้อมกับวินนะ" ศศิแสดงความคิดเห็น
"แต่รักมากเกินไปมั้ย"
"ครอบครัวก็อบอุ่นดี"
"อุ่นจนร้อนอ่ะ เจนว่า นี่เจนเริ่มสงสัยแล้วนะว่าพี่อ้อมจะโชคดีอย่างที่ว่าจริงหรือเปล่า"
ศศิกับเจนมองหน้ารู้กันก็รู้สึกถึงสถานการณ์ที่ยากลำบาก

วุธขับรถของซันมาจอดที่หน้าร้านกาแฟแห่งหนึ่งซึ่งเป็นที่พักระหว่างเดินทาง

ซันกับวุธยืนสั่งกาแฟอยู่ที่หน้าเคาน์เตอร์ ทั้งสองสั่งกาแฟพร้อมกัน
"อเมริกาโน่ร้อนครับ ป / ค่ะ"
คนขายมองหน้าวุธกับซัน
"เหมือนกันครับ สองแก้ว" วุธบอก
ทั้งคู่หันมามองหน้ากัน
"จำวันนั้นได้ไหม ตอนที่เราเจอกันครั้งแรกน่ะ" วุธถาม
ซันยิ้ม "ได้สิ"



เหตุการณ์ในอดีตย้อนกลับมา กาแฟดำในถ้วยเก่าๆ ถูกวางลงบนเคาน์เตอร์หน้าร้านในโรงอาหารของมหาวิทยาลัย เสียงป้าขายกาแฟร้องบอก
"กาแฟดำไม่ใส่น้ำตาลค่ะ"
มือของซันกับวุธเอื้อมมาหยิบกาแฟถ้วยเดียวกัน เมื่อเห็นมือของอีกฝ่ายทั้งสองก็รีบปล่อยมือแล้วมองหน้ากัน
"ขอโทษครับ ไม่รู้ว่ามีคนสั่งเหมือนกัน เอาไปสิ" วุธบอก
"เฮ้ย ไม่เป็นไร เธอมาก่อนนี่" ซันว่า
"ไม่เป็นไรหรอก เธอเป็นผู้หญิง เราเสียสละได้"
ซันที่กำลังยิ้มเปลี่ยนเป็นหน้าตึงขึ้นมาทันที เธอพูดเสียงเข้ม
"เป็นผู้หญิงแล้วยังไง"
"อะไรนะ" วุธชะงัก
"ฉันถามว่าเป็นผู้หญิงแล้วทำไม"
"ก็ไม่ทำไมนี่"
"แล้วทำไมต้องเสียสละให้ อ้อ..อยากเป็นสุภาพบุรุษ ว่างั้นเถอะ" ซันว่า
"เฮ้ย เราไม่ได้คิดแบบนั้น"
"ถ้าฉันจะได้กาแฟถ้วยนี้ไปก็ต้องเป็นเพราะฉันมีสิทธิ์ที่จะได้ ไม่ใช่เพราะฉันเป็นผู้หญิง เข้าใจไว้ด้วย"
วุธงงทันที "เอ่อ... อื้อ... โอเคๆ งั้น ถ้วยนี้ของเราใช่ไหม"
"ใช่ เอาไปสิ นายมาก่อน ก็เป็นสิทธิ์ของนาย"
วุธหยิบถ้วยกาแฟด้วยท่าทีเกรงใจซันเพราะกลัวโดนด่า แล้วเขาก็รีบเดินไป ซันทำท่าเชิดๆ ก่อนจะหันไปหาป้าคนขาย
"ป้า ขอกาแฟดำอีกแก้วค่ะ"
"กาแฟหมดจ้ะ ถ้วยนั้นถ้วยสุดท้ายแล้ว" ป้าบอก
ซันหน้าแตก วุธเดินไปแล้วแต่ก็ยังได้ยินจึงแอบหันมามองซันขำๆ

เหตุการณ์นั้นเกิดขึ้นอีกครั้งในวันนี้ วุธวางแก้วกาแฟให้ตรงหน้าซัน
"คราวนี้ไม่พลาดแล้วนะ"

ซันกับวุธหัวเราะกันขำๆ

ทุกคนกำลังยืนมองวิภาที่กำลังโวยอยู่กลางซุ้มที่จัดงานตาปริบๆ งานครั้งนี้ผู้จัดตั้งใจทำให้เป็นบรรยากาศริมทะเลสบายๆ สไตล์โอเพ่นแอร์

"แล้วนี่มันที่จัดงานประสาอะไร หลังคาก็ไม่มีให้" วิภาว่า
"ฤดูนี้ ฝนมันคงไม่ตกหรอกครับม๊า" โจบอก
"ฉันไม่ได้กลัวฝนอย่างเดียว แต่งงานกันกลางฟ้าแจ้งๆแบบนี้ มันเท่ากับเปิดโอกาสให้โชคร้ายเข้ามาหา หลังคาเนี่ยนะมันแสดงถึงการปกป้องคุ้มภัย นี่ไม่มีหลังคาก็เท่ากับครอบครัวไม่มีอะไรมาปกป้องคุ้มครอง"
โจจ๋อยจนพูดอะไรต่อไม่ออก
"แต่อะไรก็ไม่ร้ายเท่าไอ้สระว่ายน้ำตรงนั้น" วิภาว่า
ทุกคนหันไปมองทางสระว่ายน้ำ

ซันและวุธเดินเข้ามาในบริเวณโรงแรมแล้วจะตรงไปยังสถานที่จัดงาน ทันใดนั้น เจนก็วิ่งหน้าตื่นเข้ามาหา
"พี่ซัน แย่แล้ว"
"มีอะไรหรือเจน" ซันถาม
"แม่ของพี่วินน่ะสิ กำลังโวยวายใหญ่เลยว่าโรงแรมนี้จัดงานไม่ถูกหลักฮวงจุ้ย บอกว่าจะไม่ยอมให้จัดงาน ตอนนี้จะล้มงานแต่งงงานให้ได้" เจนบอก
วุธกับซันมองหน้ากันด้วยความตกใจก่อนจะรีบตามเจนไป

สระว่ายน้ำของโรงแรมดูไม่น่ามีปัญหาอะไร แต่ก็เป็นปัญหาสำหรับวิภา ทุกคนพร้อมใจกันมาฟังวิภาอธิบายเชิงบ่น
"ที่จัดงานอยู่ตรงนั้น ด้านหน้าเป็นทะเลได้รับพลังลม นั่นก็ถูกแล้ว ด้านหลังเป็นตึกใหญ่ก็เปรียบได้กับขุนเขา แต่มีสระว่ายน้ำมาขวางกลางไว้แบบนี้ มันใช้ไม่ได้! มันเหมือนบ่อน้ำอยู่กลางบ้าน ตามหลักฮวงจุ้ยเขาว่ามันจะดักโชคลาภไว้ให้ตกน้ำหายหมด มันเป็นอัปมงคล ทำมาค้าขายอะไรก็ไม่ขึ้น"
"แหม แต่ที่นี่ไม่ใช่บ้านนะคะม๊า คงไม่เป็นไร" ศศิบอก
"เป็นสิคุณศิ สถานที่จัดงานแต่งก็สำคัญพอกับบ้านนั่นแหละ ถ้าอาวินจะจัดงานที่นี่ก็ต้องไม่มีสระว่ายน้ำอันนี้" วิภายืนกราน
วศินประชดเบาๆ "แล้วจะให้โรงแรมเขารื้อสระว่ายน้ำออกไปเลยไหมม๊า"
"อาวศิน ถามอะไรไม่คิด สระว่ายน้ำมันจะรื้อออกไปได้ยังไง" วิภาว่ากลับ
ทุกคนโล่งอกคิดว่าวิภาเข้าใจ แต่แล้ววิภาก็พูด
"มันต้องถมไปเลย ไม่ให้เห็นว่ามันเป็นน้ำ"
"ม๊า ก็บอกไปตั้งหลายครั้งแล้ว ว่ามันเรื่องใหญ่เกินไป ทำอย่างนั้นไม่ได้" วศินว่า
"ถ้าทำไม่ได้ ก็ไม่ต้องจัดงาน งานแต่งอัปมงคลมันก็ส่งผลกับชีวิตคู่ให้โชคร้ายไปด้วย ขืนจัดงานไปแล้วสองคนนี้อยู่กันไม่ราบรื่น จะทำยังไง"
ทุกคนถอนใจเพราะรู้ว่าพูดอะไรวิภาก็คงไม่ฟัง
วิภาบ่นต่อ "ก็บอกแล้วว่าอย่ามาจัดโรงแรม นี่ถ้าไปจัดที่บ้านอย่างที่บอก หม่าม๊าจะได้ดูแลเองทุกขั้นตอนให้มันถูกต้องตามตำราเป๊ะๆ ไม่รู้ล่ะ ยังไงม๊าก็ไม่ยอมให้จัดงานที่นี่เด็ดขาด"
ท่ามกลางความวุ่นวาย อ้อมกับวินกำลังยืนจับมือกัน อ้อมทำหน้าจ๋อยลงทุกที วินรีบพาอ้อมไปจากบริเวณนั้นเงียบๆ ไม่นานนัก ซัน วุธ และเจนก็มาถึงบริเวณจัดงานพอดี
"มีปัญหาอะไรกันหรือคะ" ซันถาม
ทุกคนหันมามองซันและวุธ ศศิเอียงตัวมากระซิบ
"ซันมาได้เวลาพอดีเป๊ะเลย" ศศิกระซิบบอก
ศศิโล่งอกที่มีคนมาช่วยอีกสองแรง

วินพาอ้อมออกมามุมหนึ่งซึ่งห่างจากผู้คนที่วุ่นวาย วินกุมมืออ้อมอย่างให้กำลังใจ
"เข้งแข็งไว้นะจ๊ะอ้อม ไม่ว่าจะมีงานหรือไม่มี ยังไงวันนี้ก็เป็นวันแต่งงานของเรา"
"อ้อมไม่เป็นไรหรอกวิน สำหรับอ้อมน่ะ สิ่งที่สำคัญมากกว่าอย่างอื่น ก็คือการที่เราสองคนจะได้ใช้ชีวิตอยู่ด้วยกัน จะมีงานหรือไม่ก็ช่างเถอะ"
"วินดีใจที่อ้อมเข้าใจ วินเลือกคู่ชีวิตไม่ผิดจริงๆ วินรักอ้อมนะ ถึงจะพูดมาหลายครั้งแล้ว แต่ครั้งนี้วินขอบอกรักอ้อมอีกครั้งเป็นครั้งสุดท้าย"
"ครั้งสุดท้าย หมายความว่าไง?”
"บอกรักเป็นครั้งสุดท้ายในฐานะแฟน แต่ต่อจากนี้ไปวินจะบอกรักอ้อมทุกวันในฐานะภรรยา"
ทั้งสองกอดกันอย่างมีความสุข

วุธเดินนำพนักงานของโรงแรมมาที่สระว่ายน้ำ กลุ่มพนักงานโรงแรมหิ้วถังใส่ดรายไอซ์กันมาคนละไม้ละมือ
ในขณะที่ซันยืนคุยอยู่กับศศิและเจน
"ไอเดียพี่ซันนี่สุดยอดไปเลย" เจนชม
"จริงๆต้องชมวุธเขาด้วย เพราะช่วยกันคิด เรื่องนี้มันจัดการไม่ยากหรอก อยู่ที่ว่าอาม๊าแกจะชอบหรือเปล่าเท่านั้นแหละ"
"คิดไปคิดมา ที่จริงเราไม่ต้องไปแก้ปัญหาก็ได้นะ ถ้ามันวุ่นวายขนาดนี้ อ้อมไม่ต้องแต่งก็ดีเหมือนกัน"
"อย่าไปพูดแบบนี้ต่อหน้าอ้อมล่ะ ถ้าได้ยินคงเสียใจแย่"
"ก็เพราะพูดต่อหน้าไม่ได้ไง ถึงต้องพูดตอนนี้"

โจพาวิภาและครอบครัวกลับมาที่สระว่ายน้ำอีกครั้ง ภาพตรงหน้าทำเอาวิภาถึงกับตะลึงพรึงเพริด สระว่ายน้ำเบื้องหน้าเปลี่ยนเป็นทะเลควันเพราะใส่ดรายไอซ์ลงไปในน้ำ ควันลอยฟุ้งเหนือสระทำให้มองไม่เห็นผิวน้ำเลย
"เป็นไงครับ หม่าม๊าไม่อยากได้สระน้ำ ตอนนี้สระน้ำก็ไม่อยู่แล้ว" โจบอก
"แบบนี้ก็ไม่ได้อยู่ดี นี่มันหมอกนะ มีหมอกอยู่ในงาน ทำให้ชีวิตอับจน หม่นหมอง ไม่สดใส มองไม่เห็นทางข้างหน้า" วิภาพูด
วุธกับซันได้ยินก็รีบเข้ามาช่วยกันเสริมทันที
"ไม่ใช่ครับม๊า ม๊าดูดีๆ นี่มันเหมือนเมฆมากกว่านะครับ ก้อนเมฆที่ลอยอยู่บนฟ้า แล้วพวกเราก็อยู่ท่ามกลางก้อนเมฆอีกทีนึง เหมือนกับว่าเรากำลังจัดงานอยู่ในแดนสวรรค์ไงครับ" วุธบอก
"เป็นสัญลักษณ์ว่า ชีวิตคู่ของหมอวินกับอ้อมจะสุขสงบ สวยงาม ราวกับอยู่ในสรวงสวรรค์" ซันเสริม
วิภาเริ่มพยักหน้าตามแม้จะยังไม่เชื่อร้อยเปอร์เซ็นต์
"ก็ดูเหมือนอยู่นะ"
ซันส่งสัญญาณบางอย่างให้พนักงาน ทันใดนั้นก็มีสาวสวยสองคนในชุดเทพธิดาจีนปรากฏขึ้นท่ามกลางกลุ่มควัน สาวทัง้สองโปรยดอกไม้อวยพร วินกับอ้อมกลับมาเข้ามาที่สระว่ายน้ำพอดี ทั้งสองมองภาพที่เกิดขึ้นอย่างตกตะลึงไปด้วย
"เออ แบบนี้แหละที่ม๊าชอบ" วิภาบอก
ทุกคนเริ่มโล่งใจ
วุธพูดต่อ "ส่วนตรงที่จัดงานเนี่ยนะครับ ผมว่าเปิดโล่งไว้ก็ดีแล้ว เหมือนทำพิธีแต่งงานกลางแจ้ง เทวดาฟ้าดินจะได้เป็นพยานรับรู้ไปด้วย"
"ก็จริง" วิภาหันไปถามสุพงษ์ "เฮียว่าไง"
"เออ เฮียว่าที่เด็กๆเขาว่ามาก็มีเหตุผลนา"
"เอาล่ะๆ ม๊ายอม"
ซันกับวุธยิ้มให้กันด้วยความโล่งอก
"อาวุธ อาซัน เธอสองคนนี่แก้ปัญหากันได้เก่งจริงๆ อ้อมเขาโชคดีที่มีเพื่อนอย่างพวกเธอทุกคน" วิภาหันไปบอกศศิ โจ และเจน
เจนรีบเข้าไปหาอ้อมกับวิน
"พี่ซันกับพี่วุธเข้าช่วยแก้ปัญหาได้แล้ว ตอนนี้แม่พี่วินน่ะปลื้มใหญ่เลย" เจนว่า
วินกับอ้อมโล่งอก ทั้งสองเดินไปหาครอบครัว วิภาหันมาเห็นวินก็ดีใจ
"วิน อ้อม หม่าม๊าขอโทษนะที่เรื่องมากไปหน่อย แต่ที่ทำไปเนี่ยก็เพราะเป็นห่วงอยากให้ลูกสองคนมีชีวิตคู่ที่ดี อยู่กันไปนานๆ" วิภาบอก
"ไม่ต้องขอโทษหรอกค่ะม๊า อ้อมเข้าใจ"
วิภากุมมืออ้อมไว้ด้วยความปลื้มใจ
"จริงๆผมซะอีกที่ต้องขอบคุณ ที่หม่าม๊าหวังดีกับพวกเรามาตลอด" วินบอก
ทุกคนยิ้มออกมาได้ในที่สุด บรรยากาศเปลี่ยนมามีความสุขทันที
"ในที่สุด ก็ถึงเวลาฉลองกันได้ซะที" เจนบอก

เสียงดอกไม้ไฟดังกึกก้องไปทั่วบริเวณ

อ่านต่อหน้า 4

ทางเดินแห่งรัก ตอนที่ 1 (ต่อ)

เสียงปังของดอกไม้ไฟกำลังระเบิดดังก้องไปทั่วบริเวณ ประกายดอกไม้ไฟแตกตัวเป็นประกายสวยงามบนท้องฟ้ามืดในบรรยากาศงานเลี้ยงแต่งงานของอ้อมกับวิน งานเลี้ยงเป็นแบบค็อกเทลริมชายหาด ครอบครัวของวินยืนคุยกับแขกอยู่

"ดีใจด้วยนะคุณวิภา ลูกๆก็เป็นฝั่งเป็นฝากันหมดแล้ว ตอนนี้เหลือแต่ลูกชายคนกลางนี่แหละ เมื่อไหร่จะแต่งบ้างล่ะ ตาวศิน" แขกในงานคุย
วศินรีบปรับท่าทางให้ดูแมน แล้วแอ๊บน้ำเสียงให้แมนสุดๆ
"ก็กำลังดูๆอยู่ครับ"
"ไม่ต้องห่วงหรอกอาเจ้ ตาคนนี้เขาช่างเลือก ใช้เวลานิดนึงแต่เชื่อเหอะ ได้เมียสวยไม่แพ้พี่ชาย ฮ่าๆๆ" สุพงษ์หัวเราะชอบใจ
สุพงษ์ตบบ่าลูกชายแบบแมนๆ ด้วยท่าทางภูมิใจ วศินหน้าเสียไปเล็กน้อย
วิภาซึ่งรู้อยู่ว่าลูกชายคนเล็กเป็นเกย์พลอยยิ้มแหยๆไปด้วย เพราะไม่กล้าให้สามีรู้ ศศิ ซัน และเจนยืนอยู่ด้วยกันที่มุมหนึ่งของงาน ทั้งสามกำลังคุยกันเบาๆ เจนบิดตัวไปมาด้วยท่าทางอึดอัดตัวมาก ศศิหันไปมองท่าทางแปลกๆของเจนแล้วก็สงสัย
"นี่ แล้วเธอเป็นอะไรของเธอเนี่ยเจน บิดไปบิดมาอยู่ได้"
"ชุดมันคับน่ะสิพี่ศิ นี่เจนแขม่วจนพุงจะเป็นตะคริวอยู่แล้วนะ" เจนว่า
"ก็บอกแล้วว่าให้เลือกไซส์ใหญ่กว่านี้หน่อย"
"ไม่ได้ อย่างเจนต้องXSเท่านั้น ขืนใครเขารู้ว่าใส่ไซส์Sนะ ได้เอาไปเมาท์ตายเลย โอ๊ย แต่อึดอัดเป็นบ้า" เจนบ่น
"ก็ปล่อยตามสบายสิ"
"ปล่อยไม่ได้ ขืนปล่อยตะเข็บแตกแน่ ตอนนี้จะหายใจยังต้องสูดลมเบาๆ เลย"
"ถ้าอยากสวยก็ทนไปแล้วกัน" ซันว่า
พนักงานเสิร์ฟอาหารถือถาดใส่ของกินเล่นเดินผ่านมา เจนเรียกไว้แล้วหยิบอาหารเข้าปาก
"อ้าว แล้วยังจะกินเข้าไปอีก" ศศิถาม
"ก็มันอร่อยอ่ะ" เจนบอก
อ้อมกับวินเดินยิ้มเข้ามาหาศศิกับซัน
"เป็นไงกันบ้าง"
"ทั้งเหนื่อย ทั้งหิวเลยพี่ศิ วันนี้ทั้งวันยังไม่ได้กินอะไรเลย ทั้งยืน ทั้งยิ้มจนขากรรไกรจะค้างแล้วเนี่ย"
"งานแต่งก็แบบนี้แหละ" ศศิว่า
ศรัณย์ เจ้านายของอ้อมเดินนำลูกน้องมา จุ๊บซึ่งเป็นลูกน้องอ้อมที่ที่ทำงานทักขึ้นก่อน
"ยินดีด้วยนะคะพี่อ้อม พี่วิน งานน่ารักมากเลย" จุ๊บพูด
"ขอบใจมากจุ๊บ"
"เรื่องงานวันนี้ ต้องขอบคุณเพื่อนเจ้าสาวสามคนนี้ครับที่ช่วยดูแลมาตั้งแต่ต้น ไม่งั้นงานคงไม่ออกมาราบรื่นแบบนี้"
"โอ้ย ไม่ต้องมาขอบใจอะไรหรอก อ้อมก็เหมือนน้องสาวพี่"
"วันนี้คุณอ้อมดูสวยมาก ขอแสดงความยินดีด้วยนะครับ"
"ขอบคุณค่ะ" อ้อมหันไปแนะนำกับเพื่อนๆ "นี่คุณศรัณย์เจ้านายอ้อมเอง"
ศศิกับซันยิ้มทักทายศรัณย์ "สวัสดีค่ะ"
ศรัณย์หันมาพยักหน้าทักทายกับวิน
"ส่วนเรื่องงานก็ไม่ต้องห่วงนะครับ ฮันนีมูนเสร็จเมื่อไหร่ค่อยกลับมาทำงานก็ได้"
"ขอบคุณค่ะ" อ้อมตอบรับ
ศรัณย์นำลูกน้องเดินไป
"อ้อม ไปเจอเพื่อนวินที่โรงพยาบาลกันหน่อยนะ" วินชวน
แล้ววินก็จูงมืออ้อมออกไปทันที อ้อมโบกมือให้เพื่อนๆ ทันใดนั้น เจนก็หันไปเห็น "ท็อป" แฟนเก่า ยืนหน้าเศร้าอยู่มุมหนึ่ง ท็อปโบกมือให้เจนแบบกล้าๆกลัวๆ เจนตกใจจนตาโตว่าท็อปมาได้ยังไง
"พี่ซัน เดี๋ยวเจนมานะ"
เจนเดินตรงออกไปหาท็อป

โจเดินควงศศิไปทั่วงาน พลางเอาใจสารพัด แล้วโจก็ผละเข้ามาที่ซุ้มเครื่องดื่มก่อนจะหยิบน้ำส้มออกมาแก้วนึงแล้วกลับมาหาศศิ
"น้ำส้มไหมจ๊ะศิ" โจถาม
"ไม่ล่ะ ขอเป็นไวน์ดีกว่า" ศศิบอก
"ได้ๆ เดี๋ยวโจไปเอามาให้ใหม่นะ"
โจกุลีกุจอไปที่ซุ้มเครื่องดื่มแล้วหยิบไวน์แก้วใหม่มาส่งให้ สาวๆ พยาบาลกลุ่มหนึ่งในซุ้มเครื่องดื่มมองโจอยู่
"ทำไมต้องเอาใจมากขนาดนี้ มีอะไรหรือเปล่า" ศศิถาม
"ระแวงอีกแล้ว เมียสวยขนาดนี้ ก็ต้องเอาใจสิจ๊ะ" โจบอก
โจยกแขนให้ศศิควงออกหน้าออกตาด้วยความภูมิใจ ขณะเดินไปทักทายคนรู้จัก
"นี่ศิรู้ไหม ศิสวยที่สุดในงานนี้เลยนะ บอกไปก็คงไม่มีใครเชื่อว่าลูกสองแล้ว ยิ่งบอกอายุคนอื่นก็คงไม่เชื่อเหมือนกันว่า...”
"อ๊ะๆๆ ไม่ต้องพูดเรื่องอายุ รู้แล้วเก็บไว้ในใจก็พอ"
"ที่จริงศิก็ยังสวยไม่เปลี่ยนจากเมื่อก่อนเลยนะ จำได้ไหมตอนโจจีบศิใหม่ๆน่ะ เราสองคนชอบออกมากางเต๊นท์ริมทะเล นอนดูดาวกัน ตอนโจขอศิแต่งงานก็เป็นบรรยากาศริมทะเลแบบนี้แหละ"
"ยังจำได้ด้วยเหรอ" ศศิถาม
"จำได้ไม่เคยลืม" โจบอก
"สมัยนั้นน่ะ เวลาไปเที่ยวไหนกัน เราไม่มีปัญญาพักโรงแรมแพงๆแบบนี้กันหรอก"
"ใช่ กว่าจะมีวันนี้ นี่เราสองคนผ่านอะไรมาด้วยกันเยอะมากเลยนะศิ"
ศศิพยักหน้าให้ สายตาของทั้งคู่ที่มองกันยังคงรักผูกพัน โดยเฉพาะเมื่อนึกถึงวันเก่าๆ สาวๆ กลุ่มพยาบาลแอบมองโจด้วยความสนใจโดยที่ศศิไม่รู้ตัว

อ้อมกับวินรับแขกอื่นๆอยู่ วุธเดินเข้ามาหาคู่บ่าวสาว
"แสดงความยินดีด้วยนะ หมอวินด้วยนะครับ"
"วุธ ขอบใจมากนะที่มา ได้ข่าวว่างานยุ่งไม่แพ้ซันเลยไม่ใช่เหรอ"
"รายนั้นน่ะ เขายุ่งกว่าเราเยอะ เทียบเขาไม่ได้หรอก"
"ผมก็ต้องขอบคุณคุณวุธเหมือนกัน อุตส่าห์ช่วยเรื่องสระว่ายน้ำจนสำเร็จ จัดการหม่าม๊าผมซะอยู่หมัดเลย"
"ไม่เป็นไรครับหมอ เจอลูกบางรายหนักกว่านี้เยอะ" วุธบอก
"เพื่อนๆที่คณะก็มากันหลายคนแล้วนะ อยู่กับซันตรงโน้นแน่ะ"

อ้อมพยักพเยิดไปที่วันกับเพื่อนๆ ซึ่งอยู่ที่มุมหนึ่ง วุธมองตามแล้วลาก่อนจะเดินไปหาพวกซัน

วุธเดินเข้าไปเห็นซันกำลังตักอาหารกินอย่างหิวโหยดูเป็นธรรมชาติ น่ารักเหมือนสมัยเรียน พลางพูดคุยกับเพื่อน หัวเราะร่วนแบบไม่ห่วงสวย

"เออ จำได้ ตอนทำละครคณะอ่ะ สนุกมาก จำได้ป่ะ ตอนไอ้นุ่นสะดุดถังสีล้ม แดงไปทั่วพื้นเวทีเลย ขัดกันอยู่เป็นอาทิตย์"
เพื่อนสาวหันไปเห็นกลุ่มเพื่อนชาย
"อ้าว นั่นพวกไอ้ป๋องมา ไปทักพวกมันดีกว่า"
"พวกเธอไปเถอะ เรายังกินไม่อิ่มเลย"
เพื่อนๆเดินแยกไป ซันแยกมานั่งตามลำพัง วุธยืนมองอยู่ตลอดจนซันรู้สึกตัว ซันเงยหน้ามองแล้วเห็นวุธกำลังมองเธออยู่
"มองอะไรของนาย"
"มามองว่ากินอะไร ท่าทางดูอร่อย"
วุธเข้ามานั่งข้างๆ ก็เห็นกุ้งในจานซันจึงแย่งส้อมจากมือซันไปจิ้มกุ้งใส่ปากตัวเอง
"เฮ้ย อะไรของนายเนี่ย ขโมยกุ้งกินอีกแล้ว" ซันไม่พอใจ
"เธอแพ้กุ้งนี่ กินไม่ได้อยู่แล้ว เอาใส่จานมาทำไม"
"มันติดมาด้วยตอนตัก ก็เลยเขี่ยไว้ข้างจาน"
"เราก็เลยต้องช่วยกินไง เหมือนเมื่อก่อนน่ะ เมื่อก่อนถ้าเธอกินกุ้งเมื่อไหร่ หน้าเธอเห่อบวมไปสามวัน ยังจำติดตาไม่ลืมเลย"
"โห เรื่องน่าเกลียดนี่จำดีเหลือเกินนะ ฉันก็รู้เหมือนกันว่านายเกลียดอะไร"
ซันจิ้มมะเขือเทศจากจานขึ้นมา
"ผัก! โดยเฉพาะมะเขือเทศ"
ซันแกล้งจะเอามะเขือเทศไปใส่ปากวุธ วุธรีบเบี่ยงตัวนี้ ทั้งคู่เล่นกันสนิทสนมเหมือนเด็กๆ จนกระทั่งเสียงเพลงที่คุ้นเคยดังขึ้น ทั้งคู่หยุดฟัง
"หยุดก่อนหยุด จำเพลงนี้ได้ไหม" วุธถาม
"อือ ตอนไปเที่ยวทะเลกันสมัยก่อน ชอบเล่นกีตาร์เพลงนี้กัน" ซันว่า
"ใช่ๆ ที่เธอเมา แล้วก็วิ่งลงทะเลไปเล่นน้ำตอนกลางคืนไง"
"นายยิ่งกว่าฉันอีก นายน่ะพอเมาแล้วถึงขนาดถอดเสื้อผ้าวิ่งลงทะเล แล้วก็ไปยืนตะโกนร้องเพลงนั้นน่ะ เอ...เพลงอะไรนะ"
ซันพยายามนึกเพลง วุธอมยิ้มขำๆ แล้วจู่ๆ ทั้งคู่ก็ร้องท่อนหนึ่งออกมาพร้อมกัน
"อยากได้ยินว่ารักกัน...”
ซันกับวุธหัวเราะออกมาพร้อมๆ กันกับการพูดเรื่องในอดีต
"ยังจำได้อีกเหรอ"
ซันยิ้มแล้วก็พยักหน้า

เหตุการณ์ในอดีต อาร์ทกำลังตั้งกล้องถ่ายภาพอยู่บนขาตั้งโดยหันหน้ากล้องไปที่งาน ขณะที่กำลังโฟกัสภาพบรรยากาศงาน เจนก็ลากแขนท็อป แฟนของเธอขณะนั้นออกมา เจนกับท็อปยืนบังมุมที่อาร์ทจะถ่ายภาพ ทั้งสองมายืนคุยกันที่มุมเงียบๆมุมหนึ่ง โดยที่ทุกอย่างอยู่ในสายตาของอาร์ท
"ก็บอกแล้วไงว่าอย่าตามมา"
"เจน เจนทำแบบนี้กับเราไม่ได้นะ เรารักเจนแค่ไหนเจนก็รู้"
"แต่เรื่องของเรามันจบไปแล้ว เราไม่ใช่คู่กัน เลิกก็คือเลิก จบป่ะ" เจนบอก
ท็อปเริ่มร้องไห้กระซิกๆ เจนเห็นใจจึงพยายามปลอบ
"คนดีๆอย่างท็อปน่ะ เดี๋ยวก็หาคนใหม่ได้ เชื่อเราสิ"
"ไม่ เราไม่ต้องการคนอื่น เราต้องการเจนคนเดียว เราไม่ดีตรงไหน" ท็อปถาม
เจนอ้ำอึ้ง "เอ่อ"
"เราไม่ดีตรงไหน พูดมาตรงๆเลย เรารับได้"
"หน้าตา...” เจนตอบ
"หา หน้าตาเราเนี่ยนะไม่ดี"
"ไม่ใช่"
"แล้วอะไร"
"มีหน้าตาอย่างเดียวที่ดูดี แต่อย่างอื่น...ไม่ดีเลยสักอย่าง" เจนพูด
ท๊อปร้องไห้โฮแล้ววิ่งออกไปทางชายหาด
"โฮๆๆๆ เจนใจร้าย"
"โธ่โว้ย ก็บอกให้พูดตรงๆ ก็พูดตรงๆแล้วไง"
เจนวิ่งตามออกไปด้วยความเป็นห่วง

เจนเดินอยู่บริเวณหาดทรายริมทะเลอย่างทุลักทุเล เพราะชุดที่ใส่ทำให้เธอรู้สึกอึดอัดมากแถมยังหงุดหงิดเรื่องท็อป โดยไม่เห็นว่าไม่ไกลกันนั้น อาร์ทก็เดินตามมาด้วย
"นี่มันไปไหนของมันนะ ไม่ใช่โดดลงทะเลไปแล้วล่ะ ไม่งั้นฉันเดือดร้อนแน่... แล้วไอ้ชุดนี่ก็จริงๆเลย จะรัดไปถึงไหน.... โฮ้ย"
ทันใดนั้นเอง เสียงแควกก็ดังขึ้นเบาๆ เจนชะงักจนตัวแข็ง
เจนรู้แล้วว่าชุดที่ใส่อยู่เริ่มจะปริออก ซิปที่ด้านหลังชุดปริออกและเลื่อนลงมาหน่อยนึง
"ซวยแล้ว...”
ทันใดนั้น เสียงพิธีกรก็ดังมาจากในงาน
"ช่วงเวลาต่อไปนี้ ขอเชิญเจ้าบ่าวและเจ้าสาวขึ้นมาบนเวทีหน่อยนะครับ เพื่อให้ท่านผู้มีเกียรติได้เป็นสักขีพยานในวันสำคัญวันนี้"
"ขึ้นเวที! ต้องรีบแล้วสิ โอ๊ย...ทำไมซวยแบบนี้"
เจนหน้าเหวอเพราะรู้สึกว่าแย่แล้ว แต่ที่แย่กว่านั้นเพราะเธอเริ่มเห็นว่าตัวเองไม่ได้เดินอยู่คนเดียว แต่มีผู้ชายอีกคนซึ่งเธอเห็นหน้าไม่ชัดกำลังเดินใกล้เข้ามา เจนกังวลกับแผ่นหลังที่กำลังเปลือยโดยกลัวคนจะเห็นจึงรีบเดินหนีออกไปจากบริเวณนั้น อาร์ทเดินตามเจนมาห่างๆ โดยถือเสื้อสูทอยู่ในมือมาด้วย

เจนรีบเดินจากชายหาดเพื่อกลับเข้างาน แต่ขณะเดินก็รู้สึกว่าซิปเลื่อนลงมาเรื่อยๆ แถมผู้ชายที่เธอไม่เห็นหน้าก็ยังเดินตามเธอมาเรื่อยๆ ด้วย เมื่อถึงทางเข้างาน เจนก็พยายามหมุนซ้ายหมุนขวาเพื่อหาที่กำบังหลังเปลือยเปล่าของตัวเอง
"โอย...ทำไงดีเนี่ย"
อาร์ทเดินเข้ามาหาเจนด้วยหน้าตาที่เฉยเมย ตอนแรกเจนตกใจที่จู่ๆอาร์ทก็มาหยุดอยู่ตรงหน้า แต่อาร์ทส่งเสื้อสูทในมือให้เธอ
"หะ.. ให้ยืมหรือคะ" เจนถาม
"อือ รับไปสิ" อาร์ทบอก
"ขอบคุณมากเลยค่ะ"
เจนหยิบเสื้อมาสวมด้วยความประทับใจ แล้วเธอก็ทำแอ๊บสวยจีบปากจีบคอขอบคุณ
"ขอบคุณจริงๆนะคะ นี่ถ้าคุณไม่ช่วย เจนต้องแย่แน่ๆเลย"
"ไม่ได้จะช่วย แต่เห็นแล้วรำคาญตา" อาร์ทบอก
เจนหุบยิ้มทันที อารมณ์ของเธอเริ่มเปลี่ยน แต่เสียงพิธีกรดังคั่นจังหวะเสียก่อน
"ใครอยู่ส่วนไหนของงงาน ขอเชิญมาใกล้ๆ ให้กำลังใจคู่บ่าวสาวกันหน่อยครับ"
เจนหันไปมองทางเวที พอหันมาอีกที อาร์ทก็เดินห่างออกไปแล้ว เจนตะโกนไล่หลังอาร์ทไป
"นี่คุณ แล้วฉันจะคืนเสื้อให้คุณได้ที่ไหน"
อาร์ทไม่ได้สนใจที่จะหันกลับมาตอบ เจนบ่นงึมงำ
"คนอะไร หน้าก็บูด ปากก็ยังเสียอีก นี่ถ้าไม่รีบนะ จะตามไปด่าให้แสบเลย"

เจนตัดใจไม่ตามอาร์ท เธอรีบเข้าไปในงาน

พิธีกรกำลังประกาศอยู่บนเวที โดยที่อ้อมกับวินยืนอยู่ข้างๆ พิธีกร

"ขอให้พวกเราทุกคน แสดงความยินดีกับคู่บ่าวสาวด้วยครับ ไช..โย"
แขกเหรื่อในงานพากันชูแก้วแชมเปญอวยพร เจนเพิ่งตามเข้ามาสมทบ โดยมีเสื้อสูทคลุมชุดเดรสที่ใส่อยู่ เธอเข้ามาทันเวลาชูแก้วพอดี เจนรีบหยิบแก้วจากบนโต๊ะยกขึ้นชูด้วย
"ไปไหนมา" ศศิถาม
"ไปตามหาท็อปน่ะสิ โดนเจนด่าแล้ววิ่งเตลิดหายไปไหนไม่รู้" เจนบอก
"แล้วนี่ไปเอาเสื้อใครมาใส่" ซันถาม
"ไม่รู้เหมือนกัน" เจนบอก
ศศิกับซันมองหน้ากันอย่างไม่เข้าใจ แต่แล้วก็เลิกสนใจจึงหันไปสนใจบนเวทีต่อ
เสียงไชโยจบลง จากนั้นก็ตามด้วยการจุดพลุสว่างไสวไปทั่วงาน
"เอาล่ะครับ และนี่ก็เป็นภาพแห่งความประทับใจของคู่บ่าวสาวของเรา ในค่ำคืนนี้" พิธีกรพูด
อ้อมกับวินยืนอยู่บนเวที ภายใต้ประกายแสงดอกไม้ไฟสวยงาม
"ความรักกำลังจะนำพาชีวิตคู่ของคุณวินและคุณอ้อมไปสู่ความสดใสรุ่งโรจน์และงดงามราวกับดอกไม้ไฟที่สว่างไสวอยู่บนฟากฟ้า ณ ขณะนี้" พิธีกรพูด
อ้อมกับวินกุมมือยิ้มให้กันอย่างมีความสุข อ้อมน้ำตาซึมจึงปาดน้ำตาเบาๆ
"และนี่จะเป็นค่ำคืนที่พิเศษที่สุด ที่จะอยู่ในความทรงจำของคุณอ้อมและคุณวินตลอดไป....”
แขกในงานปรบมือแสดงความยินดี ศศิ ซัน และเจนยืนมองคู่บ่าวสาวอย่างมีความสุขปลาบปลื้มใจใจไปด้วย เจนมองตามวินกับอ้อมแล้วก็เพ้อๆ
"เฮ้อ...แล้วเจ้าชายกับเจ้าหญิงก็ใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุข"
ศศิยิ้มขำๆ เธอยกแก้วแชมเปญขึ้นดื่มแล้วก็สะดุดสายตากับอะไรบางอย่างพอดี
"ยัง!”
จู่ๆ ศศิก็เสียงแข็งขึ้นมา เจนกับซันหันขวับไปมองศศิเพราะไม่เข้าใจว่าศศิเป็นอะไร
"การแต่งงานมันยังไม่ใช่ตอนจบหรอกน้อง ยกแรกมันเพิ่งเริ่มต้นเท่านั้น"
ศศิกระดกแชมเปญหมดแก้ว แล้ววางแก้วลงกับโต๊ะเต็มแรงก่อนจะเดินมุ่งหน้าไปทางหนึ่งด้วยท่าทางเหมือนจะไปจัดการอะไรสักอย่าง ซันกับเจนมองตามไปอย่างงงๆ

โจกำลังคุยกับกลุ่มสาวสวยกลุ่มหนึ่งอย่างออกรสออกชาติ ทั้งกลุ่มหัวเราะกันอย่างสนุกสนาน สาวสวยคนหนึ่งกำลังยื่นนามบัตรให้โจ โจยื่นมือจะรับ แต่แล้วศศิก็เข้ามาคั่นกลางก่อนจะคว้านามบัตรใบนั้นไปเอง โจชะงัก
ศศิยืนขวางโจกับสาวสวยไว้แล้วทำหน้ากวนๆ ก่อนจะอ่านนามบัตรในมือ
"อืม...เป็นพยาบาลเหรอ"
พยาบาลสาวหน้าเสีย
ศศิพูดต่อ "ตอนนี้สามีพี่ยังไม่มีธุระต้องไปโรงพยาบาล"
ศศิส่งนามบัตรคืนสาวสวยด้วยหน้าตาพร้อมเอาเรื่อง กลุ่มสาวสวยหน้าเสียแล้วพากันเดินจากไป
ศศิหันมาเอาเรื่องโจ "อย่านึกว่ามาแอบอยู่ตรงนี้แล้วศิจะไม่เห็นนะ"
"นี่มันไม่มีอะไรเลยนะศิ เจอกันในงานเลี้ยงก็ทักทายกันตามมารยาทแค่นั้นเอง"
ศศิทำหน้าไม่อยากเชื่อ
"แล้วนี่ทักตามมารยาทเสร็จหรือยัง เสร็จแล้วก็ไปสิ"
ศศิเรียกให้โจตามมา โจเดินตามไปอย่างว่าง่าย


วงดนตรีเริ่มบรรเลงเพลงสำหรับเต้นรำ แขกในงานหลายคู่ทยอยออกไปเต้นรำที่ฟลอร์ ศศินั่งอยู่กับเจน เจนยังต้องสวมเสื้อสูททับชุดเดรสอยู่ ศศิหน้าตายุ่งเพราะไม่สบอารมณ์
"พี่ศิไม่ไปเต้นเหรอ" เจนถาม
"ไม่ล่ะ เธออยากไปก็ไปสิ" ศศิว่า
"ก็อยากไปนะ แต่อยู่ในสภาพแบบนี้ไม่เอาดีกว่า"
โจเข้ามายืนตรงหน้าศศิแล้วยื่นมือออกมาขอควงไปเต้นด้วยแบบง้อๆ
"ให้เกียรติไปเต้นรำกับสามีที่น่ารักคนนี้สักเพลงได้ไหม"
"ถ้าอยากเต้นก็ไปเต้นกับคนอื่นสิ" ศศิงอน
"คู่เต้นอื่นๆน่ะหาง่าย แต่คู่เต้นที่รู้ใจน่ะ มีอยู่คนเดียว"
เจนหัวเราะคิกๆ "โห สวีทอ่ะ"
ศศิยังเมินหน้าหนี

เพลงรักสุดซึ้งๆ ดังไปทั่งงาน วุธกับซันเต้นรำอยู่ด้วยกันท่ามกลางคู่เต้นรำอื่นๆ ภายใต้บรรยากาศโรแมนติคสุดซึ้ง ซันมีความสุขมาก
"นี่เรารู้จักกันมากี่ปีแล้วนะ" วุธถาม
“9ปี 7เดือน กับอีก28วัน" ซันตอบ
"จำได้ขนาดนั้นเลยเหรอ"
"ก็ไม่ได้อยากจำ แต่บังเอิญฉันมันพวกความจำแม่น"
"แล้วจำเรื่องเมื่อห้าปีก่อนได้หรือเปล่า ที่พวกเราไปเที่ยวกันก่อนรับปริญญา"
"อือ"
ซันตอบสั้นๆ ไม่พูดอะไรต่อแต่รู้ว่าตัวเองไม่เคยลืม
"เป็นทริปที่เราไม่เคยลืม ถ้าย้อนเวลากลับไปได้ วันนั้นเราสองคนไม่น่าแข่งเวคบอร์ดกัน แต่น่าจะเต้นรำด้วยกันมากกว่า" วุธพูด
"ถ้าฉันรู้ว่านายเต้นรำเก่งขนาดนี้ แล้วเราก็เข้าขากันได้ดีแบบนี้ ฉันก็คงเลือกที่จะเต้นรำเหมือนกัน"
"ถ้าวันนั้นเราไม่แข่งกัน แล้วเราไม่แพ้ เธอก็คงไม่มองว่าเราเป็นผู้ชายไม่เอาไหนอย่างทุกวันนี้"
ซันอึ้ง เสียงเพลงรักโรแมนติคยังคงดังกังวาน
"วุธ ฉันไม่เคยคิดแบบนั้นกับนาย ไม่เคยคิดว่านายไม่เอาไหน ไม่เคยคิดว่านายเป็นผู้ชายขี้แพ้ ไม่เคยคิดเลย"
"แต่วันนั้น...”
ซันสูดลมหายใจแล้วตัดสินใจจะพูดสิ่งที่เก็บไว้ในใจมาหลายปี
"ที่จริงวันนั้น ฉันบ้าไปเอง ฉันไม่ได้ตั้งใจจะพูดแบบนั้น ที่ฉันต้องไปพูดไปแบบนั้นก็เพราะ....”
"วุธ...” เสียงใสๆ ของจ๋าดังขึ้นอยู่ข้างฟลอร์ใกล้ๆกับทั้งคู่
ซันกับวุธหยุดชะงักแล้วหันไปมองก็เห็นจ๋ายืนอยู่ข้างฟลอร์ จ๋ายิ้มดีใจ ซื่อใส เป็นมิตร ซันกับวุธผละออกจากกันโดยอัตโนมัติ

วุธ ซัน และจ๋ายืนคุยกันอยู่ข้างฟลอร์เต้นรำ
"มาถึงเมื่อไหร่เนี่ยจ๋า" วุธถาม
"เพื่อมาเมื่อกี๊เองจ้ะวุธ พอดีวันนี้ลูกค้าที่ร้านเยอะมากเป็นพิเศษ กว่าจะปิดร้านมาได้ก็เกือบค่ำแล้ว จ๋าเลยมาซะสายเลย แต่วุธก็มีซันอยู่เป็นเพื่อนแล้วนี่ คงไม่เหงาหรอก ใช่ไหม"
จ๋าทักไปตามปกติโดยไม่ได้คิดอะไร ซันฝืนยิ้มให้เป็นปกติ
"นี่จ๋าไม่ได้เจอซันนานเหมือนกันนะเนี่ย"
"ก็สองสามเดือนมั้ง"
"ยังผอมเหมือนเดิมเลย ทำงานหนักล่ะสิ ต้องพักบ้างนะรู้หรือเปล่า ทำงานมากไปสุขภาพจะแย่เอา"
ซันพยักหน้ารับไปงั้นๆ
"นี่จ๋ากินอะไรมาหรือยัง" วุธถาม
"ยังเลย หิวมากด้วย ว่าจะไปหาอะไรกินอยู่เหมือนกัน วุธไปเป็นเพื่อนจ๋าหน่อยสิ"
จ๋าควงแขนวุธออกไป ทิ้งให้ซันยืนจ๋อยอยู่ตามลำพัง


ศศิกับเจนเดินกลับมาจากห้องน้ำ บนโต๊ะที่เคยนั่งมีแก้วแชมเปญพร้อมโน้ตที่เขียนคำหวานๆ
"ผู้หญิงสวยหาไม่ยาก แต่ผู้หญิงสวยที่ผมจะรักและบูชาไปทั้งชีวิต มีเพียงคนเดียว...คือคุณ ถ้าคุณยอมอภัย โปรดเอื้อมมือรับดอกไม้จากผู้ชายใจซื่อตาดำๆคนนี้ด้วย"
ศศิอ่านจบปุ๊บก็มองเห็นดอกกุหลาบดอกหนึ่งยื่นมาตรงหน้า ศศิเงยหน้าขึ้นมองก็เห็นโจยื่นดอกไม้ทำสายตาอ้อนวอนปริบๆ ศศิใจอ่อนแล้วแต่ก็ยังทำเป็นดุ
"ทำไมถึงเขียนอะไรได้ลิเกขนาดนี้นะโจ" ศศิว่า
เจนช่วยดันให้ศศิรับดอกกุหลาบจากโจสักที ศศิเอื้อมมือไปรับดอกไม้มาจนได้ โจยิ้มกว้าง
"หายโกรธแล้วใช่ไหม?” โจถาม
ศศิอมยิ้ม โจจูงมือศศิไปเต้นรำที่ฟลอร์ โดยมีเจนช่วยดันสุดฤทธิ์
คู่ของโจกับศศิเต้นรำกัน สักพักเสียงพิธีกรบนเวทีก็ประกาศ
"และต่อจากนี้ไป เราก็จะเข้าสู่ช่วงสุดท้ายของงานในวันนี้ ต้องบอกเลยว่านี่เป็นช่วงเวลาที่หญิงสาวโสดทุกคนรอคอย คือเราจะทำการโยนช่อดอกไม้ครับ เชิญสาวๆทุกท่านเลยนะครับ สาวน้อยสาวใหญ่ สาวแท้สาวเทียม อยู่กัน ตรงไหน ถ้าได้ยินเสียงแล้วก็รีบมาเลยนะครับ เจ้าสาวของเราจะทำการ โยนช่อดอกไม้แล้ว"
คนในฟลอร์หยุดเต้น ผู้หญิงหลายคนหยุดกิจกรรมแล้วก็เริ่มพากันมารวมตัว

ซันยืนเซ็งอยู่ที่บาร์เครื่องดื่ม ผู้คนบริเวณนั้นบางตา ซันเพิ่งยกแก้วแชมเปญกระดกพรวดจนหมดแก้ว เจนมาตามตัวพอดี
"พี่ซัน ทำไมมานั่งอยู่คนเดียว ไปกันเถอะ พี่อ้อมจะโยนช่อดอกไม้แล้ว"

ซันวางแก้วอย่างเสียไม่ได้ก่อนจะยอมให้เจนลากตัวไปแต่โดยดี

อ้อมกับวินยืนอยู่บนเวที อ้อมถือช่อดอกไม้เตรียมจะโยน สาวๆในงานมายืนรวมกันอยู่หน้าเวที มีทั้งเพื่อนๆที่ทำงานของอ้อม เหล่าพยาบาลสาว ศศิ ซัน และเจนยืนอยู่ที่มุมหนึ่ง

"ทุกคนพร้อมกันแล้วนะครับ ตอนนี้ดูเหมือนว่าเจ้าสาวก็พร้อมแล้ว"
อ้อมพยักหน้า ยิ้ม แล้วส่งซิกให้ซันว่าจะโยนไปทางซัน ซันส่ายหัวบอกว่าไม่เอาด้วย อ้อมหันหลัง เตรียมโยน
พิธีกรนับถอยหลัง "ห้า สี่ สาม สอง หนึ่ง!”
อ้อมหันหลังโยนช่อดอกไม้ออกไป สาวๆด้านหน้าส่งเสียงร้องสนุกสนาน เอื้อมมือจะคว้าช่อดอกไม้ แต่ช่อดอกไม้ลอยผ่าน ศศิ ซัน และเจนไป เจนทำท่าจะเอื้อมคว้าแต่ก็พลาดไปนิดเดียว ช่อดอกไม้ลอยมาตรงหน้าจ๋า จ๋ารับไว้ได้ทันพอดี ทุกคนพากันปรบมือให้ จ๋ายิ้มเขินๆ
"ใครอ่ะ" เจนถาม
"แฟนวุธ“ ซันตอบ
"อะไร นี่พี่วุธมีแฟนแล้วเหรอ"
ซันพยักหน้าเซ็งๆ ด้วยความช้ำใจ
"เอาล่ะครับ ได้ตัวแล้ว สาวผู้โชคดีของเรา ชื่ออะไรนะครับ"
เพื่อนๆพากันตะโกนบอก "จ๋า…"
จ๋าออกอาการเขินเพราะเป็นคนเรียบร้อย เธอหันไปยิ้มกับวุธ วุธเอื้อมมือมาลูบหัวด้วยความเอ็นดู
"คุณจ๋า อ้าว คุณจ๋ามากับแฟนด้วย งั้นก็คงจะมีข่าวดีเร็วๆนี้แน่ๆ ยังไงก็ขออวยพรให้คุณจ๋าได้เป็นเจ้าสาวคนต่อไปในเร็ววันนี้นะครับ" พิธีกรพูด
ซันเห็นแล้วก็ยิ่งตำตาตำใจกว่าเดิม เพื่อนๆ พากันกรี๊ดกร๊าดแซวจ๋ากับวุธ
"มันก็สมควรจะถึงคิวของเธอสองคนซะทีนะ คบกันมาตั้งหลายปีแล้ว"
"จะแต่งเมื่อไหร่ก็บอกแต่เนิ่นๆล่ะ จะได้ลดความอ้วนรอ"
พนักงานเสิร์ฟเครื่องดื่มเดินผ่าน ซันคว้ามาถือไว้ในมือ2แก้วก่อนจะยกขึ้นดื่มพรวดแก้วนึง ศศิกับเจนมองหน้ากันเหวอๆ ว่าซันเป็นอะไร

ศศิ ซัน และเจนส่งตัวอ้อมอยู่ที่หน้าห้องหอก่อนที่อ้อมกับหมอวินจะเข้าห้อง
"ของขวัญจากพวกเราสามคนวางอยู่บนเตียงแล้วนะหมอวิน"
"ของขวัญของผมหรือของอ้อมครับพี่ศิ"
ศศิกับเจนมองหน้ากัน
"ของพี่อ้อมมั้ง เอ ที่จริงมันจะเรียกว่าเป็นของพี่วินมากกว่า" เจนว่า
ซันเริ่มจะกึ่มๆ เพราะดื่มไปเยอะ
"ก็ของทั้งคู่นั่นแหละ รีบใช้ซะด้วยล่ะ" ซันพูด
"หมดเวลาของเพื่อนแล้ว ต่อไปก็เป็นเรื่องของสามีภรรยา พวกเราส่งแค่นี้นะอ้อม" ศศิบอก
"ขอให้พี่อ้อมกับพี่วินมีความสุขนะ รักกันนานๆ" เจนว่า
"ลูกเต็มบ้านหลานเต็มเมืองไปเลย" ซันพูดอ้อแอ้เมาๆ
เจนดึงซันไว้ให้เพลาๆหน่อย
"พี่ฝากน้องด้วยนะหมอวิน"
วินพยักหน้ารีบหนักแน่น อ้อมน้ำตาคลอขึ้นมาอีกเพราะซาบซึ้งน้ำใจเพื่อนสาวร่วมแก๊งค์

อ้อมกับวินเดินเข้ามาในห้องพักก็เจอกับเซอร์ไพร์สทันที เพราะบรรยากาศห้องเต็มไปด้วยความโรแมนติค กลีบกุหลาบโปรยอยู่บนเตียง เทียนหอมส่องแสงสลัวอยู่ตามมุมต่างๆ คำอวยพรแขวนไว้รอบห้องแบบเก๋ๆ อ้อมมาดูที่เตียงซึ่งมีชุดนอนเซ็กซี่เนื้อบางวางรออยู่พร้อมการ์ดจากเพื่อนๆ "อย่าปล่อยให้โอกาสนี้หลุดรอดไป จากพวกเราสามคน "
อ้อมหยิบชุดขึ้นมาดูอายๆ วินหัวเราะชอบใจ
"ช่างรู้ใจเจ้าบ่าวกันจริงๆ นี่วินชักจะรักเพื่อนๆอ้อมเข้าแล้วนะเนี่ย" วินพูด
อ้อมยิ่งเขิน วินเข้ามากอดอ้อมอย่างรักใคร่
"ขอบคุณนะอ้อมที่แต่งงานกับวิน วันนี้เป็นวันที่วินมีความสุขที่สุด"
"อ้อมก็เหมือนกัน"
ทั้งคู่ล้มตัวลงที่เตียง วินหอมแก้ม อ้อมหลับตาพริ้มแล้วก็รอคอยว่าจะมีอะไรบางอย่างเกิดขึ้น แต่รอสักพักก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น อ้อมเริ่มงงเพราะวินเงียบไปซะอย่างนั้น
อ้อมหันไปดูวินก็เห็นวินหลับสนิทแถมยังกรนน้อยๆ โดยมือยังกอดเธออยู่ อ้อมหัวเราะเบาๆ แล้วหลับตาด้วยความเหน็ดเหนื่อย ไม่ช้าเธอก็หลับสนิทไปเหมือนกัน

แขกไม่เหลืออยู่ในงานแล้ว มีเพียงสามสาวที่ยังนั่งดริ๊งค์อยู่ด้วยกัน สามสาวชนแก้วกันในสภาพกึ่มๆ
"ขอให้คืนนี้พี่อ้อม สุข สมหวัง ดังปราถนาทุกประการ" เจนพูด
ทั้งสามคนยกแก้วแชมเปญขึ้นดื่ม
ซันตัดพ้อ "ใครๆเขาก็สมหวังกันทั้งนั้น ยกเว้นฉัน"
"ส่งเจ้าสาวเข้าหอ ก็เหมือนส่งผู้หญิงเข้าคุก หนทางยังอีกยาวไกลน้องเอ๊ย มา...อวยพรให้อ้อมโชคดี" ศศิบอก

กลางดึก ศศินอนหลับอยู่ในห้องพัก เธอพลิกตัวไปด้านข้างแล้วเอามือวาดไปบนที่นอน แล้วเธอก็รู้สึกตัวตื่นเพราะว่าเตียงข้างๆ ว่างเปล่า ศศิลืมตาตื่นขึ้นมาพบว่าตัวเองนอนอยู่คนเดียว เธอลุกขึ้นไปดูในห้องน้ำ แต่ห้องน้ำก็ว่างเปล่า ศศิครุ่นคิดว่าโจหายไปไหนกลางดึกแบบนี้

บาร์ของโรงแรมไม่คึกคักมากนัก มีคนไม่กี่กลุ่มนั่งดื่มเหล้ากันอยู่ ศศิเดินเข้ามาในบริเวณบาร์ของโรงแรม ทั้งชุดนอนแล้วมองไปรอบๆ ก็เห็นโจนั่งอยู่มุมหนึ่ง โดยล้อมรอบด้วยสาวๆอ่อนวัย ทุกคนกำลังหัวเราะกับเรื่องเล่าของโจ ศศิรีบตรงเข้ามาหาทันที
"โจ!”
โจตกใจ "ศิ มาได้ไงเนี่ย"
"ศิซะอีกที่ต้องถาม โจมาได้ยังไง มาทำอะไร"
"นอนไม่หลับน่ะ เลยมาหาอะไรดื่มนิดหน่อย นี่อีกเดี๋ยวก็จะกลับไปนอนแล้ว" โจบอก
"ไม่ต้องเดี๋ยว กลับเลย ตอนนี้! เดี๋ยวนี้" ศศิสั่ง
โจลุกขึ้นอย่างจำยอม
"ได้ กลับห้องเลยก็ได้"
"ไม่ใช่กลับห้อง กลับบ้าน ศิจะกลับบ้าน"
"ตอนนี้เนี่ยนะ"
ศศิมีสีหน้าเอาจริง

รถของโจแล่นมาตามถนนหลวงในยามกลางคืน โจขับรถ ขณะที่ศศิซึ่งนั่งข้างๆ บ่นอย่างโกรธๆ
"จะอดใจสักนิดนึงนี่ไม่ได้เลยใช่ไหม นอนอยู่ข้างกันแท้ๆ กลางดึกยังดอดออกไปเจอกับแม่พวกนั้นในบาร์ได้ มันจะเกินไปแล้วนะโจ"
"โจยังไม่ได้ทำอะไรเลยนะศิ ก็บอกแล้วว่าแค่ไปดื่ม แล้วก็เจอน้องเค๊า เค๊ามาทักก็ต้องคุยกันบ้าง"
"แต่ไอ้ที่เห็นเขาไม่ได้เรียกแค่คุยกัน เขาเรียกว่าหมากำลังหยอกไก่ ถ้าไก่มันเล่นด้วย หมาก็คงคาบไก่หายไปไหนต่อไหนแล้ว" ศศิว่า
โจยังพยายามทำให้เป็นเรื่องสนุกไม่เครียดตาม
"เฮ้ย โจไม่ใช่หมานะ"
ศศิเงียบแล้วทำหน้าบึ้ง
"เรื่องแค่นี้อย่าทำเป็นเรื่องใหญ่ได้ไหมศิ"
"นี่โจไม่ได้เข้าใจเลยใช่ไหม ว่าเวลาผู้หญิงตื่นมาแล้วไม่เห็นสามีตัวเองอยู่ข้างๆเนี่ย มันจะรู้สึกยังไงบ้าง"
"ก็คิดว่าเขาไปห้องน้ำสิ เดี๋ยวก็กลับมานอน"
"นี่! อย่ามาแถได้ไหม" ศศิโกรธ
โจทำตัวลีบแล้วก็ขับรถต่อไป

รถของโจแล่นเข้ามาในบริเวณบ้าน ศศิกับโจลงจากรถแล้วเดินมาที่บ้าน โจพยายามแก้ตัวขณะที่ศศิไขประตูเข้าบ้าน
"ศิ โจถามจริงๆนะ ไอ้ที่ศิกลัวๆอยู่นี่ มีสักครั้งนึงไหม ที่ศิเห็นกับตาจริงๆว่า โจไปทำอะไรนอกลู่นอกทางกับคนอื่น"
"ยัง" ศศิตอบ
"นั่นไง ก็มีแต่ข่าวใช่ไหมล่ะ ศิก็ระแวงไปเรื่อย ศิจะกลัวเรื่องในจินตนาการตัวเองทำไม เรื่องมันยังไม่เกิดซะหน่อย"
"นี่โจ ฟังไว้นะ แค่ระแวงนี่ถือว่าโจโชคดีแล้ว เพราะถ้าศิได้เห็นกับตาขึ้นมาเมื่อไหร่ โจไม่มีโอกาสมาพูดจ้ออยู่นี่แน่ๆ"
โจกับศศิเปิดประตูเข้ามาในบ้าน โจกำลังจะอ้าปากเถียง แต่ศศิส่งสัญญาณมือจุปากให้เงียบ โจรีบปิดปากตัวเอง

ศศิกับโจขึ้นบันไดบ้านมาชั้นบนอย่างเบาฝีเท้าที่สุด พอถึงหน้าห้องนอนลูกทั้งสองก็แง้มประตูห้องออกดู ก็เห็นลูกสองคนกำลังหลับสนิทอยู่บนเตียงของตัวเอง

เวลาผ่านไป ศศิที่อาบน้ำเปลี่ยนชุดแล้วล้มตัวลงนอน โจเพิ่งออกมาจากห้องน้ำ เขากำลังจะลงนอนข้างๆศศิ แต่ศศิเบรคไว้
"โจ วันนี้ห้ามนอนห้องนี้"
"ทำไมล่ะ" โจถาม
"ทำผิดไว้สองคดี ยังไม่รู้ตัวอีกหรือไง"
"แต่ว่า"
"ไปนอนห้องเล็กเลย"
"ศิอ้ะ"
"เปิดแอร์ไว้ให้แล้ว ไปเลย"
ศศิพูดเสร็จก็ดับไฟหัวเตียงแล้วก็เตรียมนอน โจนั่งลงข้างเตียงก่อนจะค่อยๆทำเนียนจะล้มตัวลงนอน ศศิกระแอมเสียงดัง

โจจำใจหยิบหมอนตัวเองออกไปจากห้องแบบจ๋อยๆ

อ่านต่อตอนที่ 2 /17.00 น.
กำลังโหลดความคิดเห็น