รักนี้เจ้จัดให้ ตอนที่ 6
ภายในห้องจัดเลี้ยงเล็กๆที่ทางโรงแรมจัดไว้ให้นายแบบแต่งตัว ปีโป้ ติ๊ด และชินเซตเสื้อผ้า ช่างแต่งหน้า ช่างทำผมเอาอุปกรณ์มาวางโต๊ะหน้ากระจกเตรียมทำงาน
ภายในห้องอุปกรณ์กล้อง กระเป๋าโน้ตบุ๊ค ไฟ และอุปกรณ์ทุกอย่างวางรวมกันอยู่มุมหนึ่ง จุ้มจิ้ม อาร์ต ต๋อย แซนดี้ และก๊องวิ่งหน้าตื่นเข้ามาหยิบของอย่างรีบร้อน ติ๊ด ชิน ช่างแต่งหน้า ช่างทำผม และทุกคนแปลกใจ
ปีโป้มองอย่างรู้ทัน “โดนคุณ บก. หญ่ายย สั่งให้รีบไปตั้งเซ็ตละสิถึงวิ่งหน้าตื่นกันมาอย่างนี้”
“ใช่” ก๊องตอบสั้นๆ
อาร์ตจะหยิบกระเป๋าโน้ตบุ๊คแต่จุ้มจิ้มจะหยิบพอดีทำให้มือจุ้มจิ้มจับกับมืออาร์ต จุ้มจิ้มรีบเอามือออกแล้วเช็ดกางเกงอย่างรังเกียจ
“อี๋..มือโดนของเน่าแต่เช้าเลย”
อาร์ตเอาหลังมือเช็ดกางเกง “ฉันต่างหากที่ต้องเป็นฝ่ายพูดว่ามีของอัปมงคลมาโดนมือแต่เช้า”
“แกน่ะสิอัปมงคล..มากองด้วยทีไรมีเรื่องทุกที”
อาร์ตชักฉุน “แต่ทุกครั้งที่มีเรื่อง ก็มีแกอยู่ในกองเหมือนกัน...ทำไมไม่คิดมั่งล่ะว่าแกอาจจะเป็นตัวซวยก็ได้”
จุ้มจิ้มโกรธ “แกสิตัวซวย”
“แกแหละ”
“แก!!”
“แก!”
จุ้มจิ้มกับอาร์ตเถียงกันอย่างไม่มีใครยอมใคร
ต๋อยเดินมาพูดด้วยเสียงเย็นชาแต่น่ากลัว “เลิกเถียงกันได้แล้ว”
จุ้มจิ้มกับอาร์ตหันมองต๋อยอย่างเกรงใจ
“ถ้าเซ็ตกองช้า มีหวังโดนระเบิดกันทั้งกองแน่” ต๋อยว่า
จุ้มจิ้มกับอาร์ตจ๋อย “ฮะ/ครับ”
“ไอ้ตัวซวยทำฉันโดนดุเลย” จุ้มจิ้มว่า
“ฉันก็โดนดุเพราะตัวซวยแบบแกเหมือนกัน” อาร์ตบอก
จุ้มจิ้มกับอาร์ตสะบัดหน้าใส่กันแล้วถือของเดินออกไป ทุกคนมองจุ้มจิ้มกับอาร์ตอย่างเอือมระอา แล้วต่างรีบทำหน้าที่ของตัวเอง
พอลที่แต่งหน้าทำผมเรียบร้อยแล้วถึงกับตาเหลือก ทีมงานกำลังเตรียมเซ็ตฉากอลังการเป็นแบคกราวน์
“ห๊า....แก้ผ้า?”
“ใช่...แก้ให้หมด นุ่งผ้าหยักรั้งผืนเดียวพอ” ลูกจันบอก
พอลช็อคมาก
“ไม่ต้องทำหน้าช็อคเว่อร์แบบนั้นเลย”
ลูกจันพูดอธิบายคอนเส็ปต์ ทีมงานจับพีทแต่งตัวนุ่งผ้าหยักรั้งแล้วทาตัวให้มันแวววาวปิดท้ายด้วยการคาดเชือกและใส่มงคล
“ชั้นวางคอนเส็ปต์เล่มนี้ไว้เป็นเรื่องของการต่อสู้ ข้างในจะมีทั้งสู้ชีวิต สู้โรคร้าย สู้กับความตาย ไปจนถึงรักต้องสู้...หน้าปกและแฟชั่นในเล่มฉันจะโชว์ศิลปะการต่อสู้ชั้นสูงของไทย....มวยไทย!”
พอลยืนงงอยู่ในชุดมวยไทย ปีโป้แอบเบ้ปากดูถูก
สามารถในชุดหยักยั้งกำลังให้ความรู้เรื่องมวยไทย
“มวยไทยเป็นศิลปะการต่อสู้ของไทยที่ใช้อวัยวะส่วนต่างๆมาเป็นอาวุธ ไม่ว่าจะเป็นหมัด ศอก แขน เท้า แข้ง เข่า ฝ่ามือ ฝ่าเท้า ศีรษะ และลำตัว”
พอลฟังไปก็กังวลกับผ้าหยักรั้งที่รั้งขึ้นสูงเกิน เขาพยายามดึงผ้าหยักรั้งลงแต่โดนลูกจันตีมือ สามารถสอนพอลตั้งท่ามวย ช่วงแรกพอลทำท่าอย่างไม่มั่นใจเพราะหยักรั้งไป แต่เมื่อผ่านเวลาไปเรื่อยๆ พอลก็สนุกกับการเรียนท่ามวยไทยจนลืมกังวลเรื่องผ้าหยักรั้ง
สามารถขานชื่อท่าพร้อมภาพโพสต่อสู้ระหว่างสามารถและพอลทีละท่า มีท่าน่าสนใจหลายท่า เช่น ชวาซัดหอก,อิเหนาแทงกริช, ยอเขาพระสุเมรุ,มอญยันหลัก,ปักลูกทอย, จระเข้ฟาดหาง, หักงวงไอยรา, นาคาบิดหาง, ขุนยักษ์จับลิง, หักคอเอราวัณ, พระรามน้าวศร, ไกรสรข้ามห้วย, กวางเหลียวหลัง, หิรันต์ม้วนแผ่นดิน, นาคมุดบาดาล, ญวนทอดแห, สักพวงมาลัย, ฝานลูกบวบ
พอลโพสท่ามวยได้อย่างลื่นไหลเป็นธรรมชาติ ปีโป้ตะลึงในความเก่งของพอล ต๋อยและคนอื่นๆมองพอลอย่างชื่นชม แซนดี้กับอุ่นเรือนแอบกรี๊ดความเท่ของพอล จุ้มจิ้มมองพอลอย่างสงสัยว่าทำไมแมนขึ้นผิดหูผิดตา
อาร์ตอ้าปากค้างแล้วก็เผลอรำพึงออกมา
“แมนอ่ะ”
ลูกจันรู้สึกว่าได้อย่างใจ “มันต้องให้ได้อย่างนี้สิพีท”
เดือนวดีที่อยู่ในชุดราตรีกรุยกรายกำลังโพสท่าเกร็งๆ ในมือของเธอมีแอร์เมสที่สีและแบบไม่เข้ากับชุดใบใหญ่ห้อยอยู่ ณัฐพูดหน้าเครียด
“ใครเอากระเป๋าให้คุณเดือนถือน่ะ มันไม่เข้ากับคอนเส็ปต์ชุดเลย” ณัฐตะโกนบอกทีมงาน “เอากระเป๋าออกไป”
เดือนวดีกอดกระเป๋าไว้แน่น “อุ๊ย...ของพี่เองค่ะคุณณัฐ พี่เอามาเองค่ะ คือเวลาถ่ายรูปพี่ต้องถือ”เค้า”ค่ะ..ไม่งั้นมันโหวงๆ ไม่มั่นใจค่ะ”
ณัฐพยายามข่มอารมณ์ “เอ่อ..คือ..มันไม่เข้าคอนเส็ปต์ราชินีแห่งท้องทะเลน่ะครับคุณพี่..เอ่อ..ถ้ายังไงคุณพี่อดทนไม่ถือ”มัน” เดือนวดีไม่พอใจสรรพนามที่ณัฐเรียกกระเป๋า “..เอ่อ..ไม่ถือ”เค้า”ซักแป๊บได้มั้ยครับ..เดี๋ยวก็ถ่ายเสร็จแล้วครับ”
เดือนวดีรีบค้าน “ไม่ด๊ายเลยค่ะ...เวลาไม่ถือ”เค้า”มือไม้พี่มันเก้งก้างไปหมด ไม่รู้จะเอาไปวางไว้ที่ไหน...ขอพี่ถือเถอะนะคะ..เค้าเป็นกล่องดวงใจของพี่จริงๆค่ะ”
ณัฐแอบพ่นลมหายใจอย่างระงับอารมณ์ “เอ่อ..งั้นก็ตามสบายเถอะครับ..เอ่อ..แต่รบกวนช่วยขยับ”กล่องดวงใจ”ของคุณพี่ลงมาหน่อยนะครับ..คือคุณพี่ชูซะขนาดนั้น มัน..เอ่อ..เค้าจะเด่นเกินหน้าเกินชุดคุณพี่ไปนะครับ”
เดือนวดีขยับมือเอากระเป๋ามาชูข้างๆแก้มแทน “งั้นเอาขนาดนี้ดีมั้ยคะ เด่นไปพร้อมกันทั้งหน้าทั้งกระเป๋า”
ณัฐฝืนยิ้มให้เดือนวดีแต่เส้นเลือดบริเวณขมับปูดขึ้นมา
การถ่ายแบบเป็นไปอย่างลื่นไหล เห็นความสวยงามของมัดกล้ามและลีลาที่แมนสุดๆของพอล ทุกคนตะลึงหลงใหลในความหล่อล่ำของพอล ลูกจันยืนยิ้มจนปากแทบฉีกเพราะปลื้มใจในตัวเพื่อนรัก
ภาพจากมอนิเตอร์ซูมเข้าหน้าเดือนวดีที่ดูเกร็งๆแข็งๆ ไม่ยิ้ม
“ยิ้มหน่อยครับคุณพี่ ยิ้มสง่าๆให้สมกับเป็นราชินีแห่งท้องทะเล” ณัฐสั่ง
เดือนวดีฉีกยิ้มจนปากเบี้ยวไปข้างหนึ่ง ณัฐสะดุ้งแล้วหันไปถามเม
“ผมตาฝาดรึเปล่าเนี่ย..ช่วยดูซิ ปากคุณเดือนน่ะ..มันเบี้ยวรึเปล่า”
เลขาเดือนวดีเดินเข้ามากระซิบกับณัฐ
“คือ..คุณท่านอยากให้รูปออกมาสวยที่สุดน่ะค่ะ เมื่อวานเลยไปโบท็อกซ์เพิ่ม..เอ่อ..สงสัยยังไม่ค่อยเข้าที่..ก็เลย..เอ่อ..อย่างที่เห็นน่ะค่ะ”
ณัฐแทบจะเอามือทึ้งผมตัวเองแล้วข่มอารมณ์สุดๆ
ณัฐตะโกนบอกเดือนวดี “เอ่อ..คุณพี่ครับ เปลี่ยนใจแล้วครับ ไม่ยิ้มดีกว่าครับ..ทำหน้านิ่งๆไว้สง่ากว่าครับคุณพี่ ไม่ต้องยิ้มเลยครับ”
เดือนวดีหุบยิ้มแล้วโพสหน้านิ่งไร้อารมณ์ต่อ ณัฐกัดฟันข่มอารมณ์เพราะเครียดเหนือคำบรรยาย
พอลโพสท่าเท่สุดๆ เป็นการทิ้งทวน ก๊องกดแชะ
“เรียบร้อยครับ”
“เอ้า..เก็บของเลย เดี๋ยวคืนนี้ต้องฉลอง” ลูกจันบอก
แซนดี้ดีใจ “เย้”
ทุกคนร่าเริงที่เสร็จงานซะที ต่างคนต่างก็แยกย้ายกันเก็บของ ลูกจันเข้าไปขอบคุณสามารถที่มาเป็นปกรับเชิญ เธอหันไปเห็นพอลเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จพอดีก็เดินไปหาพอล
ลูกจันยิ้มเอาใจ “เหนื่อยมั้ยจ๊ะเพื่อนรัก”
พอลค้อน “คงไม่เหนื่อยมั้ง”
ลูกจันหัวเราะ “ฮั่นแน่..มีค้อน” ลูกจันกระซิบ “ไม่เอาน่าตะกี้อุตส่าห์แอ๊บแทบตาย ค้อนแบบนี้เดี๋ยวคนจับได้นะว่าไม่แมนจริง”
พอลไม่สนใจจึงจะเดินกลับห้องแต่ลูกจันคว้ามือไว้
“เดี๋ยวสิ” ลูกจันมองหน้าพอล “ทำไมแกโพสท่ามวยไทยคล่องนักล่ะ”
พอลอึกอัก “คล่องเหรอ..เอ่อ..ก็..ไม่รู้สิ..ฉันก็แค่ทำๆไปตามที่พี่เค้าสอนน่ะ คง..คงเป็นสัญชาติญาณผู้ชายมั้ง”
ลูกจันขำ “สัญชาติญาณผู้ชาย??? ฮ่าๆ แกคงจะมีหรอกนะ..ฉันว่าแกมีสัญชาติญาณผู้หญิงมากกว่าฉันซะอีก” ลูกจันซึ้ง “แต่ก็ขอบใจนะที่แกพยายามเต็มที่เพื่อฉัน ถ้าคราวนี้ไม่ได้แก ฉันคงแย่แน่”
พอลเห็นสายตาจริงใจของลูกจันแล้วรู้สึกผิดจึงพยักหน้ารับคำขอบคุณของลูกจันแล้วจะเดินออกไป
ลูกจันพูดขึ้น “อย่าเพิ่งกลับห้องเลยแก ไปหาอะไรเย็นๆดื่มชิลล์ๆกันก่อนดีกว่า”
ลูกจันคว้ามือพอลลากไปทางมุมเครื่องดื่มของโรงแรม พอลส่ายหน้าให้กับความเอาแต่ใจตัวเองของลูกจันก่อนจะเดินตามไป
แก้วพันซ์ชนกัน ลูกจันกับพอลนั่งละเลียดดื่มพันซ์ชมวิว
ลูกจันพูดด้วยหน้าตามีความสุข “เฮ้อ...สบายใจจัง ฉันมั่นใจว่าปกนี้ยอดขายต้องพุ่งแน่ๆ”
พอลเพลียๆ จึงเอามือกดนวดไหล่ตัวเองด้วยความเมื่อย ลูกจันเหลือบไปเห็น
“โถๆ...แกคงเมื่อยเนอะต้องเก๊กแมนอยู่ตั้งครึ่งวัน มาๆ..เดี๋ยวฉันนวดให้นะ”
ลูกจันรีบลุกไปหาพอล พอลรีบปฏิเสธ
“มะ ไม่เป็นไร ไม่ต้องๆ”
ลูกจันไม่ฟังคำปฏิเสธของพอล เธอรีบนวดให้อย่างเอาใจ
“ไม่ต้องเกรงใจน่า แกอุตส่าห์ช่วยฉัน ฉันก็ต้องตอบแทนแกมั่ง เป็นไง..ดีมั้ยๆ”
พอลเกร็งๆ ขืนตัวไว้แต่น้ำหนักมือในการนวดของลูกจันเด็ดซะจนพอลเคลิ้ม เขาจึงหลับตาพริ้มอย่างสบาย “อืม...ดี”
ลูกจันปลื้มที่พอลชมจึงตั้งใจนวดสุดฝีมือ
ณัฐกับอิงอรกำลังจะเดินผ่านไปเห็นพอลกับลูกจันก็ชะงักแล้วครุ่นคิด แล้วเขาก็หันไปชวนอิงอร
“ไปหาอะไรดื่มกันหน่อยมั้ยคะอร”
“เอาสิคะพี่ณัฐ”
ลูกจันเห็นณัฐเดินมากับอิงอรก็ชะงักไปเล็กน้อย พอลรู้สึกตัวว่ามือลูกจันที่นวดอยู่ชะงักไปเลยลืมตามอง เห็นณัฐกับอิงอร พอลเหลือบตาดูลูกจันเพราะกลัวจะมีเรื่องอีก
ลูกจันแกล้งทำเป็นไม่สนใจจึงนวดพอลต่อ ณัฐยิ้มทักทายพอลกับลูกจันแล้วเดินเลยไปหาโต๊ะ อิงอรเชิดใส่ลูกจันแล้วรีบเดินประกบณัฐ ณัฐนั่งที่โต๊ะแล้วเอามือนวดขมับตัวเอง อิงอรมอง
“ปวดหัวเหรอคะพี่ณัฐ” อิงอรถาม
ณัฐพยักหน้ารับ
“งั้นเดี๋ยวอรนวดให้นะคะ”
อิงอรรีบลุกขึ้นไปนวดณัฐประชันกับลูกจันที่นวดพอลอยู่ ลูกจันเชิดใส่ก่อนจะจัดท่ายากขึ้นเรื่อยๆเพื่อโชว์เหนืออิงอร อิงอรไม่ยอมแพ้ เธองัดท่านวดเด็ดๆมาสู้
พอลเริ่มเจ็บ “เอ่อ..พอแล้วลูกจัน..เจ็บ”
“ไม่ได้ ฉันยังมีท่าเด็ดอีกเยอะ” ลูกจันพูดเสียงดังอย่างตั้งใจให้อิงอรได้ยินพร้อมปรายตาเย้ย
อิงอรพูดกับณัฐแต่เสียงดังให้ลูกจันได้ยิน “สบายขึ้นมั้ยคะพี่ณัฐ นี่แค่เริ่มนะคะ เดี๋ยวเจอท่าไม้ตายของอรพี่ณัฐจะจี๊ดค่ะ”
ณัฐเริ่มเจ็บเหมือนกัน “พะ พะพอแล้วค่ะ เดี๋ยวอรจะเหนื่อย เก็บแรงไว้หาอะไรสนุกๆทำคืนนี้ดีกว่านะคะ” ณัฐจับมืออิงอรมาจูบ
อิงอรกับณัฐผลัดกันกอดจูบจู๋จี๋กันไม่แคร์สายตาใคร ลูกจันมองภาพอิงอรกับณัฐอย่างเจ็บปวด แต่พยายามเก็บอาการ
ลูกจันหยุดนวด “ฉันเมื่อยมือแล้ว เพลียด้วย กลับห้องก่อนนะ”
ลูกจันเดินออกไปท่ามกลางสายตางงๆของพอล ณัฐเหลือบมองอาการของลูกจันก็ยิ้มอย่างสมใจ
ลูกจันวิ่งน้ำตาคลอมาที่ริมทะเล เธอหยุดยืนที่หน้าทะเลเมื่อเห็นว่าปลอดคนก็ปล่อยให้น้ำตาค่อยๆไหลรินออกมาด้วยความเจ็บปวด
อาร์ตเดินตรงมาที่มุมเช่าเรือก็เห็นคายักเหลืออยู่ลำหนึ่ง
อาร์ตพูดกับพนักงานเช่าเรือ “ขอเช่าเรือหน่อยพี่”
พนักงานอ้ำอึ้ง “..เอ่อ...”
จุ้มจิ้มพูดขึ้น “เสียใจ...เรือลำนี้มีคนจองแล้ว”
อาร์ตหันไปเห็นจุ้มจิ้มยืนทำหน้าผู้ชนะ
“จองได้ไง..เรือจอดอยู่เฉยๆ..ใครมาก่อนก็ได้ก่อนสิ” อาร์ตพูดกับคนเรือ “ใช่มั้ยพี่”
พนักงานอึกอัก “เอ่อ...”
“แต่ฉันมาถึงก่อน” จุ้มจิ้มบอก
“ฮ่าๆ..โกหกหน้าด้านๆ ก็เห็นอยู่ว่าแกมาทีหลังฉัน”
“เอ่อ...ที่จริงคุณผู้หญิงเค้ามาก่อนแล้วครับ..แต่ผมไม่มีเงินทอน คุณผู้หญิงเลยไปแลกเงินมาให้ครับ”
“ฮ่าๆ....ชัดมั้ยน้อง” จุ้มจิ้มยักคิ้วกวนๆ แล้วพูดกับพนักงาน “เอาเรือลงเลยพี่”
พนักงานเอาคายักลงทะเล จุ้มจิ้มจ่ายเงินแล้วค่อยๆเข็นออกไป จุ้มจิ้มขึ้นไปนั่งบนเรือแล้วแหงนมองธงที่หัวเรือ
จุ้มจิ้มแกล้งรำพึงกับตัวเอง “แหม...เบอร์ 1 ซะด้วย...นี่มันสัญลักษณ์แห่งชัยชนะชัดๆ” จุ้มจิ้มพูดกับอาร์ต “ขนาดเรือแกยังแย่งฉันไม่ทันเลย...เรื่องพี่ลูกจัน...ฝันไปเถอะ!!!..ฮ่าๆๆ”
จุ้มจิ้มพายคายักออกไปพร้อมเสียงหัวเราะเย้ยหยัน อาร์ตมองตามอย่างเจ็บใจ
ลูกจันกำลังจ้องมองเมและพนักงานไลม์ที่ยืนรายล้อมด้วยท่าทางเอาเรื่องในบรรยากาศที่เหมือนหนังบู๊ดุเดือดเลือดพล่าน
ปีโป้พูดด้วยเสียงใส่อารมณ์มากก “ลูกจันถลาเข้าไปเอามือจิกหัวคนของไลม์ คนของไลม์ก็ไม่ยอมแพ้ กัดฟันยื่นมือไปที่ผมของลูกจัน เอามือดึงหย่อมผมลูกจันไว้แล้วกระชากพร้อมกัน”
“พอหลุดออกจากกันได้ คนของไลม์ก็ถลาเข้าไปตบลูกจัน..ลูกจันเซถลาไปอย่างแรง แต่พอตั้งหลักได้ก็พุ่งไปตบกลับอย่างแรงกว่าจนคนของไลม์ล้มกลิ้ง...ลูกจันยังไม่หยุดคลั่ง..หันไปตบคนอื่นๆของไลม์ทีละคน จนหน้าหันซ้าย หันขวา หันซ้าย หันขวา...คนของไลม์แค้นสุดขีดเลยรวบรวมพละกำลังลุกขึ้นตบสุดแรงเกิดจนลูกจันหงายท้อง” ปีโป้เล่าต่อ
ภาพลูกจันโดนเมและพนักงานคนอื่นๆของไลม์ผลัดกันตบคนละทีสองทีจนหน้าหันไปหันมาแล้วกลิ้งโค่โล่ตีลังกาหงายหลังตามคำโม้ของปีโป้
“การต่อสู้ดุเดือดขึ้นเรื่อยๆ...เลือดค่อยๆไหลโทรมกายทั้งสองฝ่าย...ทีละหยด ทีละหยด..แล้วค่อยๆซึมผ่านทราย..ไหลลงทะเล...จนทะเลกลายเป็นสีเลือด!”
การต่อสู้ระหว่างลูกจันและพนักงานไลม์ที่หนักหน่วงจนเลือดไหลนองพื้นทรายและค่อยๆไหลลงทะเล เห็นทะเลค่อยๆเปลี่ยนเป็นสีเลือดอย่างโอเว่อร์
มินตราพูดด้วยหน้าตาสะใจเพราะเพลิดเพลินกับเรื่องที่ปีโป้เล่ามาก “ต๊ายย...แซ่บอ่ะ...โชคดีเนอะที่เธออยู่ในเหตุการณ์ด้วย..ถ้าคนอื่นเล่าคงไม่เห็นภาพขนาดนี้แน่ๆ”
ปีโป้อ้ำอึ้ง “เอ่อ.....ฉันไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์หรอก”
มินตราหุบยิ้มทันที “อ้าว!”
ปีโป้จ๋อย “ตอนเกิดเรื่องฉันอยู่ในห้องแต่งตัวน่ะ แต่ฟังจากเค้าเล่าแล้วฉันก็นึกภาพออกว่าคงอารมณ์ประมาณนี้แหละ”
มินตราทำหน้าเบื่อหน่ายเพราะรู้นิสัยพูดเกินจริงของปีโป้
“เออ...แล้วเป็นไงเรื่องถ่ายแบบ ขลุกขลักมากสิท่า ไหนเธอว่าปกนี้นายแบบต้องแมนจัดๆพีททำไม่เนียนแน่”
ปีโป้จ๋อยกว่าเดิม “มันไม่งั้นอ่ะดิ พีทไปกินไรมาก็ไม่รู้ จู่ๆก็ดูแม๊นนแมน โพสต์ท่าลื่นยังกะเป็นนักมวยอาชีพแน่ะ ฉันว่าปกนี้ขายดีชัวร์”
“อ้าว..ไหนเธอว่าผีเห็นผี..พีทไม่แมนแน่ๆ...แล้ววันนี้มาบอกว่าแมน...ตกลงยังไงแน่ยะ”
“ก็...ก็...ฉันว่าฉันก็ดูไม่ผิดนะ...แต่ทำไมคราวนี้มันไม่ใช่อ่ะ...คือมันแมนมากอ่ะ..แต่ที่เคยเห็นฉันว่ามันไม่ใช่นะ..คือ..”
มินตรารำคาญ “โอ๊ย...อะไรก็ไม่รู้เดี๋ยวแมนเดี๋ยวไม่แมน ฉันว่าเธอต้องเช็คเกย์ด้าของตัวเองใหม่แล้วนะปีโป้ แต่ก็ดีแล้วล่ะที่พีทแมน” มินตราทำหน้าฝันๆ เพราะว่ากะจับพีทแน่ๆ “แค่นี้นะ มีอะไรน่าสนใจก็ส่งข่าวมาใหม่แล้วกัน”
มินตราวางหูโทรศัพท์ไป ปีโป้ครุ่นคิดแล้วรำพึงอยู่คนเดียว
“เอ๊...ไม่น่ามองพลาดนะเรา...รึวันนี้จะแอ๊บ..แต่ก็แอ๊บเนียนไปนะ...รึว่าเลิกเป็นแล้ว...เฮ้ย..มันเลิกกันได้ด้วยเหรอวะ?”
ป้าภาทำหน้าจริงจัง “ไม่ได้!!”
พีทอ้อน “โธ่...คืนเดียวเองนะครับป้า...พีทคิดถึงบ้าน คิดถึงห้อง คิดถึงของทุกชิ้นของพีท”
ป้าภาระอา “ตามใจ...แต่ถ้าลูกจันกลับมาจ๊ะเอ๋เข้าล่ะก็ แก้ปัญหาเอาเองนะ ป้าไม่ช่วยแล้ว”
พีทดีใจจึงเข้ามากอดหอมป้าภา “ไม่จ๊ะเอ๋หรอกครับป้า กว่าลูกจันกับพอลจะกลับก็พรุ่งนี้ดึกๆแน่ะ คืนนี้เราค้างกันซักคืน แล้วพรุ่งนี้ค่อยกลับคอนโดสายๆก็ได้นะครับ”
ป้าภามองพีท “พีท..แล้วทำไมพีทถึงไม่บอกความจริงกับลูกจันเค้าไปล่ะลูก ลูกจันเค้าจะได้ช่วยพีทกับพอลอีกแรง”
พีทเศร้า “ไม่ดีกว่าครับป้า...เรื่องบางเรื่องก็ซับซ้อนเกินกว่าที่จะเข้าใจได้ง่ายๆ...ถึงลูกจันเค้าจะดูเป็นหญิงแกร่งแค่ไหน..แต่จริงๆลูกจันเป็นคนเซนสิทีฟมาก พีทไม่อยากให้ลูกจันต้องเสียความรู้สึกครับ”
ป้าภาไม่เข้าใจในสิ่งที่พีทพูด
พอลเห็นหลังเปลือยของลูกจันดูสวยงามระยิบระยับจับตาเพราะลูกจันใส่กางเกงขาสั้นกับเสื้อโชว์หลังอยู่
“พีท..พีท..พี๊ทท” ลูกจันเรียก
พอลสะดุ้งเฮือกเพราะเพิ่งได้สติ ลูกจันที่นอนคว่ำอยู่หันมามองพอลอย่างหงุดหงิด
“เหม่ออะไรอยู่ได้...ทาเร็วๆสิเดี๋ยวก็มืดจนฉันลงไปเล่นน้ำไม่ได้พอดี”
พอลเงยหน้ามองท้องฟ้าที่เกือบไม่มีแดดแล้ว
“จะทาไปทำไมน่ะ เย็นขนาดนี้แล้ว”
“เย็นแต่ยังมีรังสีอุลตร้าไวโอเล็ตอยู่ย่ะ...ต้องทา..เร็วๆเลย”
พอลทำหน้าเบื่อหน่ายแล้วก็ค่อยๆบีบครีมกันแดดลงไปที่บนแผ่นหลังลูกจัน ความขาวของลูกจันลอยเด้งเข้าตาจนเขาต้องเผลอกลืนน้ำลาย พอลพยายามข่มใจทาครีมกันแดดแบบเบาๆมือเพราะไม่อยากสัมผัสตัวลูกจันมากเนื่องจากกลัวระงับอารมณ์ไม่ได้
“ทาแรงๆสิยะ...แตะปลายนิ้วซะขนาดนั้นครีมจะซึมเข้าผิวฉันได้ยังไง”
พอลกลั้นใจเอามือปาดๆครีมกันแดดบนหลังลูกจัน
“เสร็จแล้ว” พอลบอก
ลูกจันชันตัวขึ้นมายิ้มแย้ม
“งั้นไปเล่นน้ำกัน”
พอลดีใจที่ได้เล่นน้ำซักที เขารีบลุกเดินนำลูกจันลงทะเล แต่พอหันมาดูพบว่าลูกจันยังยืนอยู่ที่ชายหาด
“อ้าว..ทำอะไรอยู่น่ะ ลงมาเร็วๆสิ กลัวมืดไม่ใช่เหรอ”
“ไม่เอ๊า...ไม่ลงหรอก...โดนน้ำทะเลเดี๋ยวผิวเสีย”
พอลงง “อ้าว..ก็ไหนตะกี้บอกว่าจะเล่นน้ำทะเลไง”
ลูกจันแหย่เท้าลงไปแกว่งๆในน้ำทะเล “ก็นี่ไง..เล่นอยู่...หนุ๊กหนุก”
พอลอึ้งกับวิธีเล่นน้ำของลูกจัน
ลูกจันร้องลั่น “กรี๊ดด”
ลูกจันถูกพอลอุ้มทิ้งลงในทะเล
ลูกจันโกรธ “พี๊ทท...แกจะฆ่าฉันรึไง”
พอลหัวเราะเพราะแอบสะใจ “ฮ่าๆ...เป็นโรคกลัวน้ำเหรอ ลงทะเลแค่นี้ไม่ตายหรอกน่า”
ลูกจันดิ้นทุรนทุรายพยายามขึ้นจากน้ำเพราะกลัวผิวเสียมาก แต่พอลก็แกล้งฉุดดึงเอาไว้จนล้มลงไปทั้งคู่
ลูกจันกับพอลโผล่หน้าจากน้ำหันมองสภาพมะล่อกมะแล่กของอีกฝ่ายแล้วทั้งสองก็หัวเราะให้กัน แล้วพอลกับลูกจันก็เล่นน้ำกันอย่างมีความสุข
อาร์ตนั่งร้อยเปลือกหอย เศษไม้ ปะการัง อย่างเพลิดเพลิน
“ลากดีๆสิ..เร็วหน่อยจะมืดแล้ว” ต๋อยพูด
อาร์ตเงยหน้ามองเห็นต๋อย แซนดี้ และอุ่นเรือนกำลังลากเรือคายักลำหนึ่งขึ้นจากทะเล อาร์ตเดินเข้าไปหา
“ทำอะไรกันน่ะ” อาร์ตถาม
“จะลากเรือไปคืนโรงแรม ไม่รู้ใครเอาไปทิ้งไว้ในทะเล เสียดายอ่ะ” ต๋อยบอก
อาร์ตมองเรือแล้วก็เริ่มรู้สึกคุ้นๆ อาร์ตค่อยๆพลิกเรือขึ้น
“ใครมันจะเอาไปทิ้งไว้ล่ะพี่ต๋อย เรือยังดีอยู่เลย”
อาร์ตค่อยๆไล่สายตาพิจารณาเรืออีกครั้ง
อุ่นเรือนคิด “รึว่า.....”
อาร์ตมองไปจนถึงเบอร์1ที่ตัวเรือ อาร์ตนึกย้อนไปถึงตอนที่จุ้มจิ้มขึ้นบนเรือ
จุ้มจิ้มแหงนมองธงเบอร์1 “แหม...เบอร์ 1ซะด้วย นี่มันสัญลักษณ์แห่งชัยชนะชัดๆ”
อาร์ตคิดออกว่าเป็นเรือที่จุ้มจิ้มพายออกไป
“รึว่าเจ้าของเรือจะตกทะเลไปแล้ว?”
อาร์ตสะดุ้งเพราะตกใจมาก ทุกคนงงว่าอาร์ตจะตกใจอะไรขนาดนั้น
พอลถือไฟฉายเดินขึ้นมาบนโขดหินแล้วส่องไฟฉายไปในทะเลก่อนจะตะโกนอย่างร้อนใจ
“จุ้ม...จุ้ม”
ลูกจันถือไฟฉายปีนโขดหินตามขึ้นมาแล้วส่องไฟฉายไปรอบๆ
“จุ้มม”
พอลกับลูกจันส่องไฟฉายช่วยกันตะโกนเรียก แต่ไม่มีเสียงตอบจากจุ้มจิ้ม
“คงไม่ได้อยู่แถวนี้ ไปหาที่อื่นเถอะ” พอลบอก
ลูกจันพยักหน้าจะเดินไปแต่เหยียบพลาดจึงลื่นตกจากโขดหิน
“ว๊าย...โอ๊ย”
ลูกจันลงไปนั่งจุ้มปุ๊กบนหาด
พอลตกใจจึงรีบเข้าไปดู “เจ็บตรงไหนบ้าง”
ลูกจันจับข้อเท้าข้างหนึ่ง “ข้อเท้า” ลูกจันร้องโอดโอยโอเว่อร์ “โอ๊ยย...ข้อเท้าฉันหักแน่ๆเลย...โอ๊ยย”
พอลส่องไฟที่ข้อเท้าและจับข้อเท้าอย่างเบามือ “แค่แพลง...ไม่หัก”
ลูกจันไม่เชื่อ “แกรู้ได้ไง..ฉันเจ็บนะ...ฉันว่าหักแน่เลยอ่ะ...โอ๊ย”
พอลส่ายหน้าด้วยความระอาความโอเว่อร์ของลูกจัน “ถ้าหักมันจะบวมหรือไม่ก็เบี้ยวผิดรูป..แต่เนี่ย” พอลมองข้อเท้าลูกจัน “มันไม่บวมแล้วก็ไม่เบี้ยว” พอลเงยหน้าขึ้นเห็นลูกจันมองอย่างสงสัยก่อนจะรีบออกตัว “เอ่อ..เคยดูในรายการสารคดีน่ะ”
ลูกจันพยักหน้าอย่างเข้าใจแล้วก็จะลุกขึ้น พอลเข้าไปช่วยประคอง
พอก้าวเดิน ลูกจันก็ร้องอย่างเจ็บปวด “โอ๊ย”
ลูกจันเสียหลักเหมือนจะล้มอีกครั้ง พอลรีบเข้ามาประคองทำให้หน้ากับหน้าเกือบชนกัน พอลตะลึงมองใบหน้าที่สวยงามของลูกจันอย่างหวั่นไหวแล้วโลกก็เหมือนหยุดหมุนชั่วขณะ
“พี๊ทท” พอลได้สติก็รีบผละออกจากลูกจัน
ลูกจันพยายามสบตาพอล “ตะกี้แกบอกว่าฉันขาแพลง”
พอลพยักหน้า
“ แล้วตอนนี้ฉันก็เจ็บมาก”
พอลพยักหน้าอย่างงงๆ
“ถ้างั้น” ลูกจันกระพริบตาทำหน้าอ้อน
พอลทำหน้าระแวงว่าจะมาไม้ไหนอีกเนี่ย
อ่านต่อหน้าที่ 2
รักนี้เจ้จัดให้ ตอนที่ 6 (ต่อ)
พอลแบกลูกจันที่ขี่หลังและถือไฟฉายส่องทางให้เดินมาตามชายหาด ดาวเต็มฟ้า บรรยากาศโรแมนติกมาก
พอลตะโกนเรียก “จุ้ม...จุ้ม”
ลูกจันที่ขี่หลังพอลอยู่มองพอลอย่างชื่นชม
ลูกจันบีบไหล่พอล “ตัวแกหนาขึ้นจริงๆด้วย ว่าจะทักตั้งแต่ตอนถ่ายแบบแล้วแต่ไม่แน่ใจ”
พอลเหลือบตามองลูกจันเล็กน้อยแต่ไม่ตอบอะไร เขามองหาจุ้มจิ้มต่อ
ลูกจันพูดต่อ “ขี่หลังแกแบบนี้แล้วนึกถึงฉากพระเอกนางเอกในละครนะ..ถึงพระเอกนางเอกจะเคยเกลียดกันแค่ไหน..แต่พอได้มาขี่หลังกันปุ๊บต้องรักกันปั๊บเลย” ลูกจันขำๆ
พอลส่ายหัวเพราะไม่เข้าใจ “แค่ขี่หลัง...มันจะทำให้คนรักกันได้ยังไง”
“ช่าย...คิดดูดิกะอีแค่นางเอกโอบรอบคอแน่นๆแบบนี้” ลูกจันโอบรอบคอพอลแน่น
พอลชะงักเพราะรู้สึกแปลกๆ
“พระเอกก็ต้องใจเต้นแรง”
เสียงหัวใจพอลเต้นแรง พอลนิ่วหน้าว่าเกิดอะไรขึ้น
“บางเรื่องถึงขนาดให้หัวใจพระเอกเต้นผิดจังหวะอ่ะ” ลูกจันบอก
เสียงหัวใจพอลเต้นจังหวะแปลกมาก พอลกลืนน้ำลาย ตาล่อกแล่ก ว่าทำไมอาการของเขาตรงกับที่ลูกจันพูด
“น้ำเน๊าน้ำเน่าเนอะ” ลูกจันว่า
พอลพูดไม่ออก “..เอ่อ..อืม”
“พีท”
พอลอาการยังไม่ค่อยปกติ “ว่าไง?”
“ฉันไม่เห็นอยากขี่หลังผู้ชายเลย...ขี่หลังแกมีความสุขกว่าเย๊อะ” ลูกจันเอียงคอซบหน้ากับบ่าพอลด้วยความอบอุ่นใจ
พอลเหลือบตามองลูกจันที่อยู่บนบ่าแล้วก็แอบยิ้มเอ็นดู เขามีความสุขโดยไม่รู้ตัว แล้วทั้งคู่ก็เดินมองหาจุ้มจิ้มต่อในบรรยากาศแห่งแสงดาว
อาร์ต แซนดี้เดินส่องไฟฉายมาตามทาง
อาร์ตตะโกน “ไอ้ทอม แกอยู่ไหน”
แซนดี้ตะโกน “จุ้มม”
อาร์ตส่องไฟมองหาจุ้มจิ้ม แซนดี้แอบมองอาร์ตอย่างมีแผนก่อนจะแกล้งปิดไฟฉาย
“ว๊าย...ไฟฉายเสีย”
อาร์ตหันไปมองแซนดี้
“มองทางไม่เห็นเลย...ขอพี่เกาะแขนอาร์ตหน่อยนะ”
อาร์ตไม่ได้คิดอะไร “ได้เลยพี่”
แซนดี้เกาะแขนอาร์ตแล้วยิ้มอย่างมีความสุข
อาร์ตส่องไฟหาจุ้มจิ้มต่อ “จุ้ม”
“จุ้มจิ้มม”
ลมพัดผมแซนดี้จากด้านหลังมาปิดหน้าปิดตา
“ว๊ายยยย..ลมแร๊งแรง”
อาร์ตมองแซนดี้แล้วก็นึกได้
“ลม!!”
อาร์ตวิ่งออกไปอย่างร้อนใจ แซนดี้มองอย่างงงๆ แล้วรีบวิ่งตาม
“ไปไหน..รอพี่ด้วย”
ต๋อยกับอุ่นเรือนยืนอยู่กับพนักงานโรงแรม พอลแบกลูกจันเข้ามา
“เจอมั้ยคะ” ต๋อยถาม
พอลกับลูกจันส่ายหน้า
“เจ้าหน้าที่โรงแรมที่ช่วยตามหาก็ยังไม่มีใครเจอเหมือนกัน”
พอลวางลูกจันลง
ลูกจันเจ็บ “โอ๊ย”
อุ่นเรือนรีบประคอง “พี่ลูกจันเป็นอะไรคะ”
“ลื่นล้ม” ลูกจันตอบ
พอลพูดกับลูกจัน “รออยู่ที่นี่นะ...เดี๋ยวฉันจะไปหาต่อ”
พอลจะเดินออกไปแต่อาร์ตวิ่งหน้าตื่นเข้ามาพูดก่อน
“พี่พีทครับ..ลมที่พัดอยู่ตอนนี้เป็นลมบกที่พัดออกจากฝั่ง”
พอลคิด “แปลว่า..ถ้าจุ้มตกทะเล..จุ้มก็น่าจะถูกพัดออกไป ไม่ใช่พัดเข้าหาฝั่ง?”
“ครับ”
พอลสั่งงานอย่างคล่องแคล่ว “งั้นต๋อย แซนดี้ประสานงานกับเจ้าหน้าที่โรงแรมให้เอาเรือออกตามหาจุ้มกลางทะเล...แอนนี่กับลูกจันรอเป็นศูนย์ข่าวอยู่ที่นี่ ถ้าเจอจุ้มส่งข่าวบอกทุกคนทันที...อาร์ตไปกับพี่ เราน่าจะลองดูตามเกาะแถวๆนี้ก่อน” พอลพูดกับเจ้าหน้าที่โรงแรม “ขอเจ็ท2 สปอร์ตไลท์2 ครับ”
เจ้าหน้าที่โรงแรมรีบวอ.บอกแผนกอื่นๆ ลูกจันมองพอลที่สั่งการด้วยความคล่องแคล่วอย่างแปลกใจ
ณ เกาะเล็กๆกลางทะเล จุ้มจิ้มกำลังนั่งมองบรรยากาศมืดมิดรอบๆอย่างกลัวๆ เสียงเจ็ทสกีดังใกล้เข้ามา จุ้มจิ้มชะงักแล้วหันไปเห็นแสงไฟจากสปอร์ตไลท์หน้าเจ็ทสกีอยู่ไกลๆ จุ้มจิ้มยิ้มดีใจแล้วก็รีบยืนขึ้นโบกมือตะโกนลั่น
“ช่วยด้วยฮะ...ช่วยด้วย”
พอลขี่เจ็ทสกีอยู่กลางทะเล โดยมีสปอร์ตไลท์แบบพกพาติดอยู่ ที่คอของเขามีถุงกันน้ำใส่โทรศัพท์คล้องคออยู่ พอลตั้งหน้าตั้งตาขับเจ็ทสกีมองหาจุ้มจิ้ม เสียงเจ็ทสกีดังมากจนไม่ได้ยินเสียงจุ้มจิ้ม พอลขี่เจ็ทสกีผ่านเกาะที่จุ้มจิ้มยืนโบกมืออยู่แต่ไม่เห็นจุ้มจิ้ม
จุ้มจิ้มมองเจ็ทสกีของพอลที่ขี่เลยไปอย่างร้อนใจ
“เฮ้ยย...เลยแล้ว...ทางนี้..วู้”
เจ็ทสกีของพอลเลยไปไกล จุ้มจิ้มถอนหายใจด้วยความผิดหวังแล้วก็ยิ้มดีใจอีกครั้งเมื่อได้ยินเสียงเจ็ทสกีอีกลำขี่มา จุ้มจิ้มหันไปมองเห็นเจ็ทสกีอีกลำขี่มาไกลๆ
“ช่วยด้วยฮะ...ช่วยด้วย...วู้ๆ”
เจ็ทสกีลำนั้นเลี้ยวมาทางเกาะ มุ่งหน้ามาหาจุ้มจิ้ม จุ้มจิ้มดีใจที่รอดตายจึงยิ้มปากกว้างถึงใบหู
จุ้มจิ้มที่กำลังยิ้มปากฉีกถึงหูหุบยิ้มกะทันหัน
“ไอ้อาร์ต?”
อาร์ตดับเครื่องเจ็ทสกีที่จอดอยู่ไกลพอสมควร อาร์ตทำท่าเสยผมอย่างหล่อด้วยมาดดูพระเอกมาก
“จุ๊ๆ...พูดกับผู้มาช่วยชีวิตไม่เพราะเลย...ต้องเรียกคุณอาร์ตสิจ๊ะน้อง”
จุ้มจิ้มหมั่นไส้ “ไอ้อาร์ต”
“แน่ะ..ยังอีก..งั้นคืนนี้นอนดูดาวที่เกาะไปคนเดียวแล้วกัน”
อาร์ตทำท่าจะสตาร์ตเจ็ทสกีออกไป จุ้มจิ้มตกใจเพราะกลัวอาร์ตทิ้งไว้จริงๆ
“เฮ้ย...อย่าเพิ่งไป”
อาร์ตยิ้มมุมปากแล้วชี้อกตัวเอง “งั้นบอกมาซิ..นี่ใคร”
จุ้มจิ้มแค้นใจ “ไอ้...”
อาร์ตยักคิ้วเตรียมบิดคันเร่งถ้าจุ้มจิ้มพูดไม่ถูกใจ
“ไอ้...คุณอาร์ต..” จุ้มจิ้มเจ็บใจมาก
อาร์ตหัวเราะชอบใจที่เอาชนะจุ้มจิ้มได้
“พอใจแล้วก็รีบขับเข้ามารับฉันซะทีสิ หนาวจะตายอยู่แล้ว”
“รอบเกาะมีแต่หิน..ขืนขับเข้าไปเจ็ทก็พังดิ..แกต้องว่ายน้ำมาขึ้นตรงนี้” อาร์ตว่า
จุ้มจิ้มมองอาร์ตอย่างไม่ไว้ใจ
“ถ้าไม่เชื่อ คืนนี้ก็นอนค้างที่เกาะนี่ไปละกัน” อาร์ตบอก
อาร์ตทำท่าจะขับเจ็ทสกีออกไป
จุ้มจิ้มรีบบอก “เออๆ...เชื่อๆ”
อาร์ตแอบยิ้มสะใจ
จุ้มจิ้มว่ายน้ำมาที่เจ็ทสกี อาร์ตมองจุ้มจิ้มพร้อมยิ้มขำ พอมือจุ้มจิ้มจะแตะเจ็ทสกี อาร์ตก็เร่งเครื่องขยับหนีไปเล็กน้อย จุ้มจิ้มมองอาร์ตด้วยความไม่พอใจแล้วอ้าปากจะด่า
“อ๊ะๆ...ด่าคำเดียวให้นอนบนเกาะเลยนะ”
จุ้มจิ้มกัดริมฝีปากพยายามระงับอารมณ์ เธอว่ายเข้าไปหาเจ็ทสกีอีกครั้ง พอมือกำลังจะแตะเจ็ทสกี อาร์ตก็ขับหนีไปอีก อาร์ตหัวเราะ จุ้มจิ้มมองอาร์ตอย่างไม่พอใจ
“อยากขึ้นใช่ป่ะ..งั้นพูดซิ..ขอขึ้นเจ็ทหน่อยค่ะพี่อาร์ต พาจุ้มไปส่งหน่อยนะคะ” อาร์ตบอก
จุ้มจิ้มมองหน้าอาร์ตด้วยความโกรธมาก
“ไม่พูดใช่มั้ย” อาร์ตถาม
อาร์ตขับเจ็ทสกีออกไป
จุ้มจิ้มมองอย่างตกใจก่อนจะรีบตะโกน “ขอขึ้นเจ็ทหน่อยค่ะพี่อาร์ต พาจุ้มไปส่งหน่อยนะคะ”
อาร์ตหัวเราะลั่นก่อนจะขี่เจ็ทสกีวนกลับมา
“เมื่อกี้มันไกลไม่ค่อยได้ยิน.อีกทีซิ”
จุ้มจิ้มมองอาร์ตอย่างแค้นมากแต่ก็จำใจยอมก่อนจะพูดเสียงแข็ง “ขอขึ้นเจ็ทหน่อยค่ะพี่อาร์ต พาจุ้มไปส่งหน่อยนะคะ”
“ไม่เอาๆ..เสียงแมนไปไม่ได้อารมณ์เลย....เอาใหม่..ให้เสียงอ่อนโยนเหมือนผู้หญิงหน่อย” อาร์ตบอก
จุ้มจิ้มกัดฟันกรอดแล้วพยายามทำเสียงหวาน “ขอขึ้นเจ็ทหน่อยค่ะพี่อาร์ต พาจุ้มไปส่งหน่อยนะคะ”
อาร์ตหัวเราะลั่น “พูดเพราะๆแล้วแกดูสวยขึ้นเยอะเลยว่ะ”
อาร์ตยื่นมือให้จุ้มจิ้มจับเพื่อให้ขึ้นเจ็ทสกี จุ้มจิ้มมองอาร์ตด้วยสายตาเจ้าเล่ห์ก่อนจะกระชากอาร์ตอย่างแรงจนอาร์ตหน้าทิ่มลงทะเล
อาร์ตร้องลั่น “เฮ้ยย”
จุ้มจิ้มรีบปีนขึ้นเจ็ทสกีแล้วมองอาร์ตก่อนจะหัวเราะลั่นอย่างสะใจแล้วขี่เจ็ทสกีออกไป อาร์ตโผล่ขึ้นจากน้ำแล้วมองจุ้มจิ้มอย่างตกใจ
“ไอ้ทอม..กลับมารับฉันเดี๋ยวนี้นะ...กลับม๊า”
จุ้มจิ้มขี่เจ็ทสกีวนกลับมามองหน้าอาร์ตแล้วยิ้มเยาะ
“พูดซิ...ท่านจุ้มขอรับ ขอความกรุณาพากระผมกลับเข้าฝั่งด้วยนะขอรับ”
อาร์ตอึ้งที่โดยย้อนรอย
“อ้อ...เอาน้ำเสียงแบบอ่อนน้อมถ่อมตนมากๆด้วยนะ..ไม่งั้นไม่ได้อารมณ์..ฮ่าๆๆ”
จุ้มจิ้มหัวเราะทีหลังดังกว่า อาร์ตมองจุ้มจิ้มอย่างแค้นใจ
จุ้มจิ้มขี่เจ็ทเข้าฝั่งมาอย่างร่าเริง ส่วนอาร์ตนั่งหน้าหงิกสุดๆ ซ้อนท้ายมา อุ่นเรือนกับลูกจันมองด้วยความดีใจ พนักงานโรงแรมที่ถือวอ.ยืนแถวนั้นพลอยดีใจไปด้วย อาร์ตรีบลงจากเจ็ทสกีโดยที่หน้ายังหงิกอยู่
“อาร์ต”
อาร์ตหันไปมองจุ้มจิ้มอย่างหงุดหงิด
จุ้มจิ้มพูด “เวลาแกพูดจาอ่อนน้อมถ่อมตนแบบเมื่อตะกี้..แกดูหล่อขึ้นเยอะเลยอ่ะ..ฮ่าๆๆ”
อาร์ตมองจุ้มจิ้มอย่างไม่พอใจ ลูกจันลุกขึ้นจะเดินไปหาอาร์ตกับจุ้มจิ้ม อุ่นเรือนรีบเข้ามาประคอง
“ไม่เป็นไรแอนนี่...พี่ดีขึ้นแล้ว”
ลูกจันเดินไปหาจุ้มจิ้มกับอาร์ตโดยยังเดินขัดๆเล็กน้อยแต่ก็ไม่ได้เจ็บมากแล้ว อุ่นเรือนรีบเดินตาม
จุ้มจิ้มพูดกับลูกจันอย่างรู้สึกผิด
“จุ้มขึ้นไปเที่ยวเล่นที่เกาะฮะ..แต่เรือโดนน้ำพัดไปเลยไม่รู้จะกลับยังไง...ขอโทษนะฮะที่ทำให้ทุกคนวุ่นวาย”
“เอาล่ะ..ไม่เป็นอะไรก็ดีแล้ว.วันหลังทำอะไรก็อย่าประมาทแบบนี้อีก”
“ฮะ”
อุ่นเรือนถือโทรศัพท์เดินเข้ามารายงาน
“โทรบอกพี่ต๋อยกับพี่พีทแล้วค่ะว่าเจอจุ้มแล้ว ทุกคนกำลังกลับมาค่ะ”
ลูกจันพยักหน้าแล้วมองอาร์ตอย่างขำๆ
“แล้วยังไงเนี่ย..คนไปช่วยทำไมดูเยินกว่าคนถูกช่วยล่ะ”
จุ้มจิ้มอ้าปากจะเล่าให้ฟัง อาร์ตรีบแทรกเพราะกลัวเสียหน้า
“ไม่มีอะไรหรอกครับ...เอ่อ..คือ..ตอนไปช่วยขลุกขลักนิดหน่อยน่ะ”
จุ้มจิ้มแอบทำหน้ากวนใส่อาร์ต
ลูกจันพูดกับทุกคน “งั้นแยกย้ายกันไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าซะก่อน..คืนนี้เราจะมาฉลองความสำเร็จของปกนี้ด้วยกัน”
ทุกคนดีใจ อาร์ตยิ้มกริ่มเพราะคิดถึงแผนจุดพลุที่เตรียมไว้
เมและทีมงานไลม์ชนแก้วกันอย่างมีความสุข พนักงานโรงแรมเดินมากระซิบอะไรบางอย่างกับเม เมพยักหน้าแล้วเดินไปหาณัฐที่นั่งกับอิงอรอยู่อีกโต๊ะ ณัฐนั่งพิงโซฟาโอบอิงอรที่นั่งกดโทรศัพท์อยู่ในอ้อมแขน
“เรียกเมเหรอคะ” เมถาม
“อือ..จะบอกว่าอย่าลืมขอบิลค่าปาร์ตี้ไปเบิกบริษัทล่ะ...อ้อ..แล้วดูอย่าให้เกินงบนะ..ครั้งที่แล้วเกินไปตั้งสองร้อย”
เมเซ็งในความเค็มของณัฐ “ค่ะ”
เมเดินออกไป อิงอรกดโทรศัพท์เสร็จก็หันมาชนแก้วกับณัฐด้วยสีหน้าสมใจ
พนักงานโรงแรมเดินมาพูดกับพนักงานโรงแรมอีกคนที่ยืนอยู่แถวนั้น
“อีกชั่วโมงนึงคุณลูกจันจะลงมาปาร์ตี้ริมหาด ให้เด็กไปจัดโต๊ะให้ด้วยนะ”
ณัฐได้ยินที่พนักงานพูดก็ครุ่นคิดอย่างมีแผน
พนักงานหญิงของโรงแรมพูด
“คุณลูกจันบอกว่าจะลงมาดูแลความเรียบร้อยก่อนที่ทีมงานคนอื่นๆจะลงมาค่ะ”
อาร์ตพยักหน้ารับรู้แล้วเดินหลบมาอีกมุมหนึ่ง เขายื่นชนวนพลุให้พนักงานชายที่รออยู่
อาร์ตพูดกับพนักงานชาย “เอ้านี่...พี่แอบอยู่ตรงนี้นะ...เดี๋ยวจะมีผู้หญิงเดินมา ผมจะเดินไปหาเค้า..พี่ก็เตรียมตัวได้เลย..แต่อย่าเพิ่งจุด เผื่อผิดคน..ให้พี่รอสัญญาณจากผมก่อน”
พนักงานชายถาม “สัญญาณยังไงครับ”
อาร์ตภูมิใจในแผนการมากเพราะคิดไว้หมดแล้ว “ผมจะแกล้งล้มลงบนหาด คราวนี้ผู้หญิงก็จะต้องก้มลงมองผมด้วยความเป็นห่วง..ช่วงนี้แหละพี่จุดชนวนได้เลย..เพราะพอเค้าได้ยินเสียงพลุเค้าก็ต้องเงยมอง..แล้วก็ต้องประทับใจในเซอร์ไพรส์ของผม”
พนักงานชายอ้าปากค้าง “โอ้โห...ลึกซึ้งมาก”
อาร์ตยื่นเงินให้พนักงานชาย500 บาท “อย่าให้พลาดนะพี่”
พนักงานทำท่าโอเคเพราะมั่นใจมาก อาร์ตมองไปที่ชายหาดแล้วยิ้มฝันๆ อย่างมีความสุขมาก
อาร์ตกำลังเดินไปมาบนหาดด้วยสีหน้าตื่นเต้น มีเสียงคนเดินมา อาร์ตดีใจจึงรีบหันไปมองก็เห็นจุ้มจิ้มกำลังเดินเข้ามา
พนักงานชายจ้องมองจุ้มจิ้มที่อยู่ระยะไกลๆ แล้วก็รำพึง “ใช่รึเปล่าวะ”
อาร์ตทำหน้าเซ็ง “แกจะรีบลงมาทำไม”
“ก็ลงมาดักรอพี่ลูกจันเหมือนแกไง” จุ้มจิ้มว่า
อาร์ตหงุดหงิด “แกขึ้นไปก่อนได้มั้ย ฉันมีเรื่องจะคุยกับพี่ลูกจัน”
จุ้มจิ้มยักไหล่ “ฉันต้องทำตามที่แกบอกป่ะ”
“เฮ้ย..อย่างน้อยก็คิดถึงบุญคุณที่ฉันช่วยให้แกไม่ต้องติดเกาะมั่งนะ”
“งั้นแกก็ควรคิดถึงบุญคุณที่ฉันกรุณาให้แกซ้อนท้ายกลับโรงแรมเหมือนกัน”
อาร์ตหมั่นไส้จุ้มจิ้มจึงยื่นมือไปเหมือนจะผลักหัวแต่จุ้มจิ้มหลบ อาร์ตเลยได้แค่คว้าหมวกจุ้มจิ้มติดมือมาผมยาวสลวยของจุ้มจิ้มค่อยๆสยายลงมาราวกับโฆษณาแชมพู จุ้มจิ้มตกใจเลยผลักอาร์ตล้มก้นจ้ำเบ้า
พนักงานชารีบบอก “อ้าว...ใช่แล้ว”
พนักงานชายเตรียมจุดชนวนพลุ
อาร์ตตกใจอ้าปากจะตะโกนห้ามพนักงานชายแต่ไม่ทันซะแล้ว
พลุถูกจุดขึ้น “ปังๆๆๆ”
จุ้มจิ้มเงยหน้ามองฟ้าก็เห็นพลุถูกจุดขึ้นต็มท้องฟ้าอย่างสวยงาม อาร์ตลุกขึ้นอย่างอารมณ์เสียที่ผิดแผน เขาหันไปมองจุ้มจิ้มแล้วก็จะด่า จุ้มจิ้มยืนตะลึงมองพลุ ผมยาวสยายของเธอดูสวยบริสุทธิ์และธรรมชาติมากจนอาร์ตตะลึง
พลุยังถูกจุดอย่างต่อเนื่อง อาร์ตเปลี่ยนใจไม่ด่าจุ้มจิ้มแต่ปล่อยให้จุ้มจิ้มยืนชมพลุต่อไปเงียบๆ อาร์ตแอบมีรอยยิ้มเอ็นดูปรากฏขึ้นที่มุมปาก พลุถูกจุดเต็มท้องฟ้า อาร์ตกับจุ้มจิ้มยืนมองดูภาพนั้นด้วยกัน
อ่านต่อหน้าที่ 3
รักนี้เจ้จัดให้ ตอนที่ 6 (ต่อ)
ทุกคนยืนฟังจุ้มจิ้มเล่าเรื่องพลุ จุ้มจิ้มพูดด้วยดวงตาเปล่งประกายตื่นเต้น
“สวยมากเลยฮะ เสียดายที่ทุกคนลงมาไม่ทัน”
“พลุเยอะขนาดนั้น ใครเป็นคนจุดน่ะ” ลูกจันสงสัย
อาร์ตมีพิรุธจึงพยายามเปลี่ยนประเด็น
“เอ่อ..คะ คงโรงแรมจุดโชว์แขกมั้ง”
“อยากเห็นมั่งจัง คงสวยน่าดูเนอะ...แล้วนี่มีแค่อาร์ตกับจุ้มได้ดูกันอยู่สองคนเองเหรอ” แซนดี้ถาม
อาร์ตอึกอัก
อุ่นเรือนแซว “ฮั่นแน่..แอบโรแมนติคกันอยู่สองคน”
จุ้มจิ้มรีบออกตัว “เปล่านะฮะ บังเอิญตะหากที่ไอ้อาร์ตอยู่ด้วยพอดี..เนี่ย ถ้าไม่มีมันพลุคงสวยกว่านี้อีกฮะ”
“ยังกะฉันอยากดูพลุกับแกนักนี่” อาร์ตสวนกลับ
ทั้งคู่จ้องหน้ากันอย่างคู่กัด จุ้มจิ้มดูโกรธจริง แต่อาร์ตดูแกล้งโกรธข่มความเขิน
ณ บาร์เบียร์ริมทะเลที่มีแขกต่างชาตินั่งกระจายกันอยู่ 2คู่ ลูกจันที่อยู่ที่บาร์ด้วยชูแก้วขึ้น ทุกคนพร้อมใจยกแก้วมาชน “เย้!”
ลูกจันจิบเครื่องดื่มพร้อมโยกตัวตามเสียงเพลงอย่างมีความสุข ต๋อย แซนดี้ และอุ่นเรือนนั่งจิบเครื่องดื่มไปดูนักร้องบนเวทีไป
อุ่นเรือนพูดกับต๋อย “เสียดายจังนะคะที่อยู่กันไม่ครบ”
“ไม่เห็นเสียดายเลย พี่ปีโป้อยู่ก็ทำลายบรรยากาศอยู่ดี ให้กลับๆไปน่ะดีแล้ว”
ต๋อยเพราะเห็นด้วยกับแซนดี้
“อ้าว..งั้นก็ต้องฉลองสิคะที่คืนนี้ไม่มีคนคอยทำลายบรรยากาศ” อุ่นเรือนชูแก้ว “ชน”
ต๋อยกับแซนดี้หัวเราะก่อนจะยกแก้วขึ้นชนกับอุ่นเรือน
เสียงแชะกล้องดังขึ้น ภาพอุ่นเรือน ต๋อย และแซนดี้ที่กำลังชนแก้วและหัวเราะอย่างสนุกสนานอยู่ในกล้อง อาร์ตกับจุ้มจิ้มกำลังแย่งกันตักอาหารมาเสิร์ฟลูกจัน จุ้มจิ้มดูจริงจังมาก ส่วนอาร์ตดูจะหนักไปทางสนุกที่ได้แกล้งจุ้มจิ้มเสียมากกว่า
เสียงแชะกล้องดังขึ้นอีก ภาพภายในกล้องเป็นภาพแอบถ่ายจุ้มจิ้มกับอาร์ตน่าเอ็นดู
เสียงแชะกล้องดังอีกที ภาพในกล้องเป็นภาพลูกจันยามเผลอดูสวยงามน่ารัก
พอลลดกล้องลงแล้วมองไปที่ลูกจัน พอลอมยิ้มอย่างอดไม่ได้ที่จะถ่ายรูปลูกจันในอิริยาบถอื่นๆอีกหลายภาพ
บรรยากาศการกินข้าวอย่างกร่อยๆของทีมงานไลม์ช่างแตกต่างกับบรรยากาศแสนสุขของทีมงานเซเลบราวฟ้าดิน ณัฐกับอิงอรยังนัวเนียกันอยู่
“อรชักมึนแล้วค่ะพี่ณัฐ” อิงอรว่า
“งั้นออกไปรับลมทะเลหน่อยมั้ยคะ..จะได้หายมึน” ณัฐบอก
อิงอรยิ้มหวาน “ดีค่ะ”
ณัฐและอิงอรลุกออกไป
ณัฐกับอิงอรเดินจู๋จี๋กันมาริมชายหาด
“เพื่อเซเลบ..นิตยสารที่มียอดขายสูงสุด” เสียงลูกจันดังขึ้น
คนอื่นๆ ขานรับ “เย้”
ณัฐชะงักแล้วหันไปมองตามเสียง ลูกจันและทุกคนกำลังชนแก้วกันอย่างสนุกสนาน ลูกจันมีสีหน้ามีความสุขมาก ณัฐเจ็บใจ เขาครุ่นคิดแล้วยิ้มมุมปากเมื่อคิดแผนทำลายความสุขของลูกจันได้
ลูกจันกำลังจะคุยกับทุกคนอย่างสนุกสนาน ในมือของลูกจันถือแก้วเครื่องดื่มเอาไว้โดยกำลังจะยกแก้วดื่มแต่แล้วเธอก็ต้องชะงัก
เสียงณัฐร้องเพลง “ไม่เคยมีใจให้ใครมาก่อน...ไม่เคยอ่อนให้ความรักเลย”
ลูกจันช็อคจึงหันไปตามเสียงก็เห็นณัฐอยู่บนเวทีโดยกำลังร้องเพลงพร้อมส่งตาเยิ้มให้อิงอรที่นั่งอยู่หน้าเวที
“จะมีใครๆมากมายคุ้นเคย แต่ไม่เคยมีใครอย่างเธอ”
ลูกจันแววตาเจ็บปวดเพราะคิดถึงความหลัง
ภาพเหตุการณ์ในอดีต ลูกจันใส่ชุดนักศึกษาเชยๆ ใส่แว่นตาหนาเตอะกำลังนั่งฟังณัฐเล่นเปียโนและร้องเพลงอย่างมีความสุข ณัฐเล่นเปียโนไปมองหน้าลูกจันไปด้วยสายตามีความหมาย
“ฉันเคยบอกกับเธอหรือยัง ว่าเธอมีความหมายเพียงใดกับคนที่ใจมันด้านชา”
ลูกจันมองณัฐด้วยความตื้นตันใจ
“ฉันเคยบอกกับเธอรึยัง จากวันนี้และทุกเวลา จะมีแต่คำว่ารักเธอ”
ลูกจันยิ้มทั้งน้ำตา เธอมองณัฐด้วยความซึ้งใจ
เมื่อนึกถึงเหตุการณ์ในอดีต ลูกจันก็มีแววตาทั้งเศร้าทั้งแค้น เธอยกแก้วเครื่องดื่มขึ้นดื่มรวดเดียวหมด
ณัฐตั้งใจจ้องอิงอรอย่างหวานซึ้ง “จากฉันคนเดิม จากรักไม่เป็น จะขอเป็นคนที่รักเธอยิ่งกว่าคนไหนๆ”
ลูกจันเทเครื่องดื่มใส่แก้วแล้วดื่มรวดเดียวเกลี้ยงด้วยสีหน้าเจ็บช้ำ พอลมองลูกจันอย่างงๆที่เห็นเธอดื่มหนัก
ณัฐร้องต่อ “จากนี้คือเธอ จากนี้จนวันตาย เธอคือสุดท้ายของทั้งชีวิตและหัวใจ”
ลูกจันดื่มไม่ยั้ง ในระหว่างนักดนตรีโซโล่เพลง ณัฐก็ทำหน้าซึ้งใส่อิงอรอย่างออกนอกหน้า
อุ่นเรือนพูดกับแซนดี้ “คุณณัฐร้องเพลงเพราะเนอะ”
“หล่อด้วยรวยด้วย..เสียอย่างเดียว” แซนดี้ว่า
ลูกจันพูดต่อทันที “เลว!!”
แซนดี้กับอุ่นเรือนหน้าเหวอ
แซนดี้กระซิบอุ่นเรือน “ฉันแค่จะบอกว่า..เสียดายที่เป็นคู่แข่งหนังสือเรา”
ลูกจันโงนเงนลุกขึ้น
ต๋อยถาม “จะไปไหนคะ”
ลูกจันตอบเสียงอ้อแอ้ “ห้องน้ำ”
“พี่ไปเป็นเพื่อนมั้ยคะ”
“ม่ายต้องค่ะ...คนอย่างลูกจันดูแลตัวเองด้าย” ลูกจันเหลือบมองณัฐบนเวทีด้วยสีหน้าแอบเจ็บ “ไม่ต้องมีคราย..ก็อยู่ด้าย”
ต๋อยงงเพราะไม่เก็ทว่าลูกจันพูดอะไร ลูกจันเดินเซๆออกไป พอลมองตามอย่างเป็นห่วง ณัฐมองอาการลูกจันแล้วก็ยิ้มมุมปากอย่างสมใจ
อาร์ตกับจุ้มจิ้มกำลังเมาแข่งกันร้องเพลงอยู่บนเวที
“โปรดส่งใครมารักฉันที อยู่อย่างนี้มันหนาวเกินไป อยากจะรู้รักแท้มันเป็นเช่นไร มีจริงใช่ไหม”
“โปรดส่งใครมาเป็นคู่กัน ที่ไม่ทำให้ฉันเดียวดาย ช่วยมาทำให้ฉันเข้าใจ และได้รักใครกับเขาสักครั้ง”
ต๋อย อุ่นเรือน แซนดี้ที่เมาพอกันกำลังเต้นอย่างสนุกเต็มที่อยู่ด้านล่าง พอลกำลังมองหาลูกจัน
พอลรำพึง “ทำไมยังไม่กลับมาอีก”
พอลกระสับกระส่ายและตัดสินใจลุกเดินออกไป
พอลเดินมองหาลูกจันมาตามชายหาด
เขาได้ยินเสียงร้องไห้โหยหวน “ฮือๆๆๆ”
พอลสะดุ้งแล้วมองตาล่อกแล่กก่อนจะกลืนน้ำลายเอื๊อก “ผี?”
พอลตั้งท่าจะวิ่ง
ลูกจันพูดเสียงเมาๆ “ฉันเองพีท”
พอลหันไปตามเสียง ลูกจันนั่งอยู่คนเดียวบนโขดหิน มือข้างนึงของเธอถือขวดเครื่องดื่มไว้แน่น พอลเดินเข้าไปหาด้วยความหงุดหงิด “มานั่งทำอะไรที่นี่...มันอันตรายรู้มั้ย”
“ฉันเหนื่อย...เลยอยากนั่งพักนิ่งๆ” ลูกจันยกขวดขึ้นซด
“เหนื่อยก็ขึ้นไปนอนสิ” พอลบอก
“ม่าย...ฉันยังไม่อยากนอน...แกนั่งเป็นเพื่อนฉันหน่อยสิ..นะๆ” ลูกจันดึงพอลให้นั่งลง
พอลนั่งลงข้างๆลูกจันอย่างไม่ค่อยเต็มใจ แล้วบรรยากาศก็เงียบงัน พอลหันไปมองหน้าลูกจันอย่างจับสังเกต
“เป็นอะไรไป” พอลถาม
ลูกจันหน้าเสียแต่ยังปากแข็ง
ลูกจันน้ำตาคลอ “เปล่า”
พอลมองหน้าลูกจันนิ่งด้วยแววตาห่วงใย เธอมองตาพอลแล้วค่อยๆสะอื้นออกมา
ลูกจันน้ำตาร่วง “ฉันเศร้า...เศร้ามากเลยพีท...บางทีฉันก็รู้สึกว่าฉันไม่ได้เก่ง ไม่ได้แกร่งเหมือนที่ใครๆคิดเลย”
พอลมองลูกจันอย่างอ่อนโยนและเอ็นดูที่เห็นลูกจันมีมุมอ่อนแอ “ก็ไม่เป็นไรนี่...ไม่มีใครเก่งอยู่ตลอดเวลาหรอก”
ลูกจันอารมณ์ขึ้นมาอีก “ไม่ได้...ฉันต้องเก่ง ฉันต้องแกร่ง ฉันต้องชนะเท่านั้น...เข้าใจมั้ย”
พอลส่ายหัวเบาๆอย่างระอาใจในความรั้นของลูกจัน
ลูกจันพูดเสียงอ้อนอย่างเปลี่ยนอารมณ์ “พีท....แกอย่าทิ้งฉันนะ”
พอลเหลือบมองสีหน้าออดอ้อนปนเศร้าของลูกจันแล้วก็อดใจอ่อนไม่ได้ “อือ”
ลูกจันยิ้มแฉ่งก่อนจะโน้มคอพอลลงมาจูบแก้ม พอลสะดุ้งเฮือก
“ฉันรักแกนะอีเจ้”
พอลเขินจนทำหน้าไม่ถูกจึงพยักหน้าไปส่งๆ “อือ”
ลูกจันนิ่วหน้า “มึนหัวจัง...ขอฉันพิงไหล่แกหน่อยนะ”
พอลยังเขินอยู่ “อือ”
ลูกจันซบไหล่พอล “ขอบใจนะ...ดีใจจังที่ฉันมีแก...โชคดีจังที่แกไม่ใช่ผู้ชาย”
พอลเครียดขึ้นมาทันที
“เอ่อ...ที่จริงผู้ชายก็ไม่ได้เลวร้ายไปซะทุกคนนะ ผู้ชายดีๆที่เค้ารักสัตว์ รักคนแก่ รักเสียงเพลง แล้วก็ไม่เจ้าชู้” พอลพูดถึงตัวเองแล้วก็ชักเขิน “ก็...ก็พอมีอยู่นะ...คุณ..เอ่อ..แกน่าจะเปิดใจ”
ลูกจันเงียบ พอลชักเอะใจ
“ลูกจัน” พอลเรียก
ลูกจันยังเงียบอยู่
พอลขยับไหล่ข้างที่ลูกจันพิงอยู่ ลูกจันคอพับซบลงมา พอลจึงรีบโอบเธอไว้กับอก
“อ้าว!” พอลเห็นว่าลูกจันหลับไปแล้ว
พอลยิ้มขำลูกจันที่น็อคไปซะเฉยๆ
ประตูห้องลูกจันถูกเปิดออก พอลอุ้มลูกจันมาวางบนเตียงแล้วหันหลังจะเดินออกไปจากห้อง พอลชะงักเพราะนึกได้
ภาพลูกจันตอนที่เคยพูดกับพอลแวบขึ้นมา “ทำไมหน้าตาฉันยับเยินแบบนี้” ลูกจันหันมองพอลด้วยสีหน้าโกรธมาก “เมื่อคืนก่อนส่งฉันเข้านอนทำไมไม่เช็ดเครื่องสำอางให้ฉัน”
เมื่อนึกถึงคำพูดลูกจัน พอลก็ทำแหยๆ เพราะคิดว่าถ้าไม่ล้างเครื่องสำอางให้จะโดนด่าอีกรึเปล่า
ภาพลูกจันแวบขึ้นอีก “....ถ้าใครเมา อีกฝ่ายต้องดูแลแล้วก็ต้องทำความสะอาดหน้าให้ ก่อนส่งเข้านอน”
พอลถอนหายใจเฮือกด้วยความเบื่อหน่าย
อุปกรณ์ล้างหน้าจำนวนมากของลูกจันวางกอง พอลจ้องไปที่กองอุปกรณ์ด้วยสีหน้าเครียดเพราะไม่รู้จะเริ่มจากชิ้นไหนก่อน
เวลาผ่านไป พอลค่อยๆนึก ค่อยๆ หยิบอุปกรณ์และค่อยๆเช็ดหน้าลูกจันอย่างบรรจง เริ่มจากขลุกขลักเทครีมล้นบ้างหกบ้างในช่วงแรกและค่อยๆทำได้ดีขึ้น มั่นใจขึ้นในช่วงต่อมา พอลเช็ดหน้าลูกจันด้วยความตั้งใจและอ่อนโยนที่แม้แต่พอลเองก็ยังไม่รู้ตัว
ลูกจันล้างเสร็จจนดูสะอาดเกลี้ยงเกลา สวยใสบริสุทธิ์ พอลมองหน้าลูกจันแล้วก็ยิ้มเอ็นดู พอลอดไม่ได้จึงหยิบกล้องมาถ่ายรูปตอนลูกจันหลับไป 2-3 รูป เขาลุกจากเตียงจะเดินออกไปจากห้อง
พอลชะงักเพราะนึกได้จึงเดินย้อนกลับมาที่เตียง เขาห่มผ้าให้ลูกจันด้วยท่าทางอ่อนโยน พอลห่มผ้าเสร็จแล้วก็สะดุ้งเพราะเพิ่งรู้สึกตัว
“เฮ้ย...ทำไมเราทำเหมือนพระเอกในละครเลยวะ” พอลพยายามหาเหตุผลให้ตัวเอง “เอ่อ..สงสัย..สงสัยคงอ่านบทละครของพีทมากไปมั้ง”
พอลมีสีหน้าสับสนและงุนงงในพฤติกรรมตัวเองเหมือนกัน
ยามเช้าที่แสนสงบ นกกำลังโผผินบินลงมาจิกดอกบัว คนข้างบ้านกำลังใส่บาตรพระ
เสียงพีทร้องออกมา “ว๊ายย”
นกตกใจกระพือปีกหนีจากบ่อบัว พระกับโยมสะดุ้งพร้อมกันแล้วหันไปทางต้นเสียง ป้าภาวิ่งหน้าตื่นเข้ามาในห้องนั่งเล่น
“พีท...เป็นอะไรลูก”
พีทพูดไม่ออกจึงได้แต่ชี้ให้ป้าภาดูภาพในทีวีที่เป็นภาพคลิปลูกจันกำลังอาละวาดพังเซ็ทไลม์
ป้าภาตะลึง “คุณพระช่วย!”
อาร์ตหลับสนิทอยู่บนเตียง เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น อาร์ตสะดุ้งตื่น
“ใครวะโทรมาแต่เช้า”
อาร์ตงัวเงียควานหาโทรศัพท์ตัวเองจนเจอแต่เสียงโทรศัพท์ยังดังอยู่ อาร์ตงัวเงียลุกตามเสียงโทรศัพท์ไปจนเจอโทรศัพท์ของพอลมีเสียงเรียกเข้า หน้าจอโทรศัพท์พอลปรากฏว่าP. อาร์ตเอื้อมมือไปหยิบโทรศัพท์พอลขึ้นมากดรับ
“พอล” เสียงพีทพูดจากปลายสาย
“ไม่ใช่ครับ..นี่โทรศัพท์คุณพีท” อาร์ตบอก
พีทตกใจเพราะจำเสียงอาร์ตได้
พีทรำพึงโดยไม่มีเสียง “อาร์ต” พีทพูดกับอาร์ตโดยพยายามปลอมเสียง “เอ่อ..พอล..เอ๊ย..คือผมชื่อพรชัยครับ มีธุระด่วนกับคุณพีท ขอสายคุณพีทหน่อยครับ”
“คุณพีทไม่อยู่ครับ สงสัยออกไปเดินเล่น..เดี๋ยวถ้ากลับมาจะบอกให้โทรกลับคุณพรชัยนะครับ”
“ขอบคุณครับ”
อาร์ตวางสาย
อาร์ตคิด “เสียงคุ้นๆว่ะ”
พอลสูดลมทะเลเข้าปอดด้วยความชื่นใจ พอลกำลังเดินเล่นอยู่ริมทะเล ที่คอของเขาคล้องกล้องคู่ใจ เวลาผ่านไปพอลกำลังเดินถ่ายรูปมุมต่างๆอย่างมีความสุข
ลูกจันโกรธจัดจึงกัดฟันกรอดและหายใจหอบแรง จุ้มจิ้มกลืนน้ำลายเอื๊อกเพราะคิดว่าเรื่องใหญ่แน่ ทั้งคู่กำลังดูทีวีอยู่เห็นภาพในทีวีเป็นคลิปตอนลูกจันอาละวาดกองของไลม์
จุ้มจิ้มเคาะประตูห้องพอลรัวๆ ประตูเปิดออกกะทันหัน จุ้มจิ้มไม่ทันตั้งหลักเลยล้มเข้าไปในห้อง
“ว๊าย”
จุ้มจิ้มนอนทับอยู่บนตัวอาร์ต โดยที่หน้าอาร์ตกับจุ้มจิ้มอยู่ห่างกันแค่คืบโลกเหมือนหยุดหมุน อาร์ตตะลึงมองจุ้มจิ้ม จุ้มจิ้มก็ตะลึงมองอาร์ต อาร์ตมองจุ้มจิ้ม จุ้มจิ้มก็มองอาร์ต
เสียงพอลดังขึ้น “อะแฮ้ม...เอ่อ...จะนอนจ้องกันอีกนานมั้ย”
อาร์ตกับจุ้มจิ้มหันไปตามเสียงพอล พอลทำหน้า”ฮั่นแน่”ใส่อาร์ตกับจุ้มจิ้ม
พอลกับอาร์ตตกใจ จุ้มจิ้มเพิ่งเล่าเรื่องลูกจันจบ
“พี่ลูกจันโกรธมากฮะ....รีบออกตามหาคุณณัฐใหญ่เลย...จุ้มกลัวเรื่องจะไปกันใหญ่...เลยจะมาตามพี่พีทไปช่วยห้าม”
พอลหน้าเครียด เขารีบผลุนผลันออกจากห้องไป อาร์ตกับจุ้มจิ้มรีบตามไปแต่บังเอิญใจตรงกันตอนจะออกจากประตูเลยยืนเบียดกันจนออกไม่ได้ โลกหยุดหมุนอีกครั้ง อาร์ตมองจุ้มจิ้ม จุ้มจิ้มมองอาร์ต
“พลั่กก” จุ้มจิ้มถองศอกใส่ท้องอาร์ตอย่างจัง
อาร์ตนิ่วหน้า จุ้มจิ้มสะใจก่อนจะเดินแซงอาร์ตออกจากห้องไป อาร์ตยืนเอามือจับท้องในสภาพตัวงอ
ลูกจันหงุดหงิด
“ทำไมแกต้องรีบกลับด้วย”
พอลอึกอัก “ก็...ฉัน..เหนื่อยน่ะ..เพลียด้วย..อยากรีบกลับไปพัก”
“แต่ฉันมีเรื่องต้องสะสางกับไลม์ก่อน”
พอลแกล้งโกรธ
“งั้นก็แล้วแต่แกละกัน ฉันกลับเองก็ได้”
พูดจบพอลก็ทำท่าจะเดินออกไป
จุ้มจิ้ม อาร์ต อุ่นเรือน แซนดี้ และต๋อยทำหน้าเลิ่กลั่ก
“โอเค...กลับก็กลับเดี๋ยวฉันค่อยไปคิดบัญชีไลม์ที่กรุงเทพก็ได้”
พอลแอบยิ้มที่ได้ผล
ลูกจันพูดต่อ “แต่ก่อนกลับก็กินข้าวกันก่อนเลยดีกว่า ไปพวกเรา”
ลูกจันจะเดินเข้าห้องอาหาร พอลรีบดักหน้าเอาไว้
“อย่าเพิ่งกินเลย...เอ่อ..เอาไว้ไปหากินระหว่างทางดีกว่า”
ลูกจันสงสัย “ทำไมล่ะ..ก็อยู่หน้าห้องอาหารขนาดนี้แล้ว..จะรอไปกินระหว่างทางทำไม”
“นั่นสิคะพี่พีท...กินที่นี่เถอะค่ะ..แซนดี้หิ๊วหิว..เมื่อคืนแดนซ์เยอะไปหน่อย” แซนดี้ว่า
“เอ่อ...คือ..พี่ว่าอาหารที่นี่ไม่ค่อยอร่อยน่ะ..เราเก็บท้องไว้กินของอร่อยๆระหว่างทางดีกว่า..นะๆ” พอลพยายามโน้มน้าวใจ
แซนดี้พยักหน้าอย่างงงๆ
ลูกจันเบื่อ “เอ้า..ตามใจ..งั้นพวกเราไปเก็บของเตรียมเช็คเอาท์เลย”
พอลแอบถอนหายใจด้วยความโล่งอก
ลูกจันกำลังจะหันหลังกลับห้อง ณัฐกับอิงอรเดินคลอเคลียกันออกมาจากห้องอาหาร ลูกจันหันควั่บมามองหน้าพอล
ลูกจันโกรธ “..แก....”
ณัฐทำหน้างงมาก
“คลิป?”
ลูกจันยืนเผชิญหน้ากับณัฐ อิงอรยืนทำหน้าแอบสะใจอยู่ข้างๆ ณัฐ ขณะที่ข้างหลังลูกจันเป็นพอล อาร์ต จุ้มจิ้ม ต๋อย แซนดี้ และอุ่นเรือนที่กำลังยืนอกสั่นขวัญแขวน
ลูกจันแค้น “ใช่...คลิปที่พวกหมาลอบกัดมันแอบถ่ายแล้วเอาไปส่งข่าว”
“พี่ไม่รู้เรื่องนะคะลูกจัน พี่จะทำแบบนั้นทำไมคะ” ณัฐว่า
“ฉันก็คิดไว้อยู่แล้วล่ะว่าคนอย่างคุณต้องพูดแบบนี้” ลูกจันยิ้มเย็น “ไหนๆฉันก็เสียชื่อไปแล้ว..ถ้าจะดูแย่ขึ้นอีกหน่อยก็คงไม่เป็นไร”
ลูกจันเงื้อมือพุ่งเข้ามาจะตบณัฐ
แต่พอลคว้าตัวลูกจันไว้ “อย่า”
ลูกจันดิ้นรน “ปล่อยฉันนะ”
พอลดุ “มีสติหน่อยสิลูกจัน”
ณัฐทำหน้าซื่อแต่แอบกวนประสาท “นั่นสิคะลูกจัน...เป็นตั้งบก.เซเลบ จะทำอะไรอย่าใช้อารมณ์สิคะ”
ลูกจันของขึ้นขึ้นมาอีก เธอดิ้นรนออกจากอ้อมแขนพอลอย่างสุดพลัง
“ปล่อยฉันนะพีท”
พอลมองลูกจันที่ดิ้นรนอยู่ในอ้อมแขนอย่างเบื่อหน่าย เขาตัดสินใจยกลูกจันแบกขึ้นบ่าแล้วเดินออกไป
ลูกจันดิ้นกระแด่วๆอยู่บนบ่าพอล “ปล่อยนะไอ้เพื่อนทรยศ...ปล๊อย”
อิงอรแกล้งนั่งร้องไห้สะอึกสะอื้นอยู่บนเตียง โดยมีณัฐยืนแกล้งทำหน้าเครียดอยู่ใกล้ๆ
“อรกะจะลบคลิปอยู่แล้วค่ะ...แต่โทรศัพท์หายซะก่อน..คงมีใครเห็นคลิปในโทรศัพท์แล้วส่งไปให้นักข่าว..อรขอโทษนะคะพี่ณัฐ..ฮือๆๆ” อิงอรแอบมองณัฐ
ณัฐทำหน้าเห็นใจอิงอร “ไม่เป็นไรหรอกค่ะอร ก็มันเป็นเหตุสุดวิสัย ทำไงได้ล่ะคะ...หยุดร้องไห้เถอะค่ะ”
ณัฐเดินเข้ามากอดอิงอร
อิงอรแอบยิ้ม “อรรักพี่ณัฐค่ะ”
อิงอรคิดในใจ “เพราะพี่ณัฐซื่อดี”
ณัฐแอบยิ้มเจ้าเล่ห์ยิ่งกว่า “พี่ก็รักอรค่ะ”
ณัฐคิดในใจ “เพราะอรโง่ดี”
ณัฐกับอิงอรหัวเราะในใจประสานกัน “ฮิๆๆๆๆ/ฮะๆๆๆ”
ลูกจันโกรธมาก
“ไม่ตลกเลยนะพีท..แกทำแบบนี้ทำไม แกเห็นคนอื่นดีกว่าฉัน”
พอลตีหน้าขรึม
“ผม..ฉันไม่ได้เห็นคนอื่นดีกว่าแก”
“แต่แกกำลังพยายามปกป้องคนอื่น” ลูกจันว่า
“ไม่ใช่...ฉันพยายามปกป้องแกต่างหาก”
ลูกจันไม่เข้าใจ
“จุดอ่อนของแกคือใจร้อน ใครที่อยากแกล้งแกเค้าก็แค่ยั่วให้แกโกรธ เพราะรู้ว่าพอแกโกรธแกต้องอาละวาด แล้วยิ่งแกอาละวาดมากเท่าไหร่เค้าก็ยิ่งสะใจ เพราะเท่ากับว่าแกเข้าไปอยู่ในเกมของเค้า”
ลูกจันคิดตาม เธอค่อยๆรู้สึกตัว
“ลิงป่าเวลาจะสู้กับศัตรูมันจะขู่คำรามจนศัตรูรู้ตัวก่อนตลอด แต่เจ้าป่าอย่างสิงโตก่อนตะปบเหยื่อจะเงียบที่สุดเพื่อไม่ให้ศัตรูรู้ตัว...หลังตะปบเหยื่อได้เรียบร้อยแล้วนั่นแหละถึงจะคำรามแสดงชัยชนะ”
ลูกจันอ้าปากค้างกับความคมของพอล
พอลปรายตามองลูกจัน “เลือกเอาแล้วกัน ว่าจะเป็นลิงรึสิงโต”
พอลเดินจากไป ลูกจันยังอึ้งอยู่
ประตูบ้านเปิด ลูกจันเดินหน้านิ่งเข้ามา พอลเดินตามมาพร้อมสัมภาระมากมายทั้งของตัวเองและของลูกจัน พอลหันไปทางลูกจันเพื่อจะถามว่าของจะเอาไว้ที่ไหน
“ลูกจัน....”
ลูกจันไม่พูดด้วย เธอเดินผ่านพอลเข้าห้องไป พอลจ๋อยและรู้สึกใจหายยังไงชอบกล
วิมาดาตะคอกลูกจันด้วยความโมโห
“ตอนนี้คนเค้านินทาฉันกันทั้งเมืองว่าเลือกคนไม่มีอีคิวมาทำงาน ภาพลักษณ์ของเซเลบป่นปี้หมดแล้ว หึ...เซเลบหนังสือเพื่อผู้หญิงยุคใหม่ที่สมบูรณ์แบบไปด้วยไอคิวและอีคิว..แต่บก.ไม่มีทั้งไอคิวทั้งอีคิวแบบนี้..ต่อไปใครเค้าจะซื้อหนังสือเรา....ถ้าเซเลบเจ๊งก็เป็นเพราะเธอคนเดียว”
ลูกจันเครียด “จันขอโทษค่ะที่ทำให้บอสเสียชื่อไปด้วย แต่ไลม์มาหาเรื่องเราก่อนนะคะ”
“แต่เธอก็ควรตอบโต้ด้วยปัญญาไม่ใช่อารมณ์”
ลูกจันหน้าเจื่อนอย่างรู้สึกผิด
“เพื่อแก้ภาพลักษณ์ของเซเลบ เธอต้องเอากระเช้าไปขอโทษบก.ไลม์”
ลูกจันสะดุ้ง
“ทำอย่างนั้นก็เท่ากับว่าเซเลบยอมรับผิดนะคะ” ลูกจันบอก
วิมาดาตะคอก “บอกฉันหน่อยว่าตอนนี้ใครคิดว่าเซเลบเป็นฝ่ายถูกบ้าง”
ลูกจันทำหน้าดื้อ “แต่จันขอโทษใครโดยไม่ผิดไม่ได้”
วิมาดาไม่พอใจ “นี่เธอจะขัดคำสั่งฉันเหรอ”
ลูกจันตอบอย่างแน่วแน่ “ค่ะ..เพราะจันเชื่อว่าถึงจันไม่ไปขอโทษไลม์ยอดขายของเราก็ไม่ตก”
วิมาดามองหน้าลูกจันด้วยความแปลกใจ
“ลูกค้าซื้อเซเลบเพราะหนังสือเรามีคุณภาพค่ะ ไม่ใช่เพราะบก.”
“แล้วถ้าทุกอย่างไม่เป็นอย่างที่เธอคิดล่ะ ถ้ายอดขายเซเลบตกลล่ะ”
“จันยินดีลาออกค่ะ”
วิมาดามองลูกจันอย่างทึ่งในความใจเด็ดของเธอ
อ่านต่อหน้าที่ 4
รักนี้เจ้จัดให้ ตอนที่ 6 (ต่อ)
แก้ว2ใบชนกันพร้อมเสียงหัวเราะของสาโรจน์กับณัฐ ณัฐกับสาโรจน์กำลังนั่งชนแก้วกัน ด้วยสีหน้าสาสมใจ
“ฮ่าๆๆ..ข่าวใหญ่ซะขนาดนั้น..ทางโน้นดูเป็นผู้ร้ายไปเลย งานนี้นางเอกอย่างเราคงได้คะแนนเห็นใจเพียบ...ยอดขายพุ่งแน่ๆ ฮ่าๆๆ” สาโรจน์หัวเราะ
ณัฐมองสาโรจน์อย่างมีความหมาย “แล้วถ้ายอดไลม์พุ่ง...พี่จะมีรางวัลอะไรให้ผมบ้างล่ะครับ”
สาโรจน์วางแก้วลงแล้วไล้มือไปที่แก้มของณัฐ
“เช็คแสนนึงพร้อมของแถมพิเศษ...ดีมะ”
ณัฐตาวาว “ดีครับ”
สาโรจน์ตาเยิ้ม “เช็คจะตามมาหลังจากเห็นยอดขายแล้ว...ส่วนของแถมพิเศษแวะไปรับที่บ้านพี่คืนนี้หลังเสร็จงานแถลงข่าวไลม์”
ณัฐยิ้มๆ อย่างรู้กัน
นายแบบทุกคนใส่เสื้อพิมพ์”ขับรถไม่เหลวไหลไปกับไลม์”เดินมารวมตัวกันกลางเวที ข้างหลังเวทีเป็นฉากที่เขียนว่า”ขับรถไม่เหลวไหลไปกับไลม์” สักพักณัฐก็เดินมายืนตรงกลางแล้วโพสท่าเท่เพื่อถ่ายรูป นักข่าวถ่ายรูปมือเป็นระวิงท่ามกลางการปรบมือของแขกในงาน สาโรจน์ยิ้มด้วยความปลื้มใจในความสำเร็จของงาน อิงอรเดินเอาดอกไม้ไปมอบให้ณัฐพร้อมโพสท่าถ่ายรูปคู่ด้วยการเอียงหน้าแนบชิดแสดงความเป็นเจ้าของอยู่ในที
โต๊ะแถลงข่าวตั้งอยู่บนเวที ณัฐนั่งยิ้มหล่อโปรยเสน่ห์อยู่ที่โต๊ะ
“ขอบคุณสื่อมวลชนทุกท่านนะครับที่มาร่วมงาน”ขับรถไม่เหลวไหลไปกับไลม์” ซึ่งถือเป็นโครงการใหม่ล่าสุดที่ไลม์ริเริ่มขึ้นเพื่อตอบแทนสังคม...ถ้าสื่อมวลชนท่านไหนสนใจอยากทราบรายละเอียดเพิ่มเติมก็เชิญถามได้เลยครับ”
นักข่าวยกมือถาม “คุณณัฐคะ ฟังจากชื่องานและคอนเส็ปต์แล้วมันดูเหมือนกับงาน”ทีนคลับเมาไม่ขับ”มาก ไม่กลัวโดนครหาว่าลอกเค้ามาเหรอคะ”
ณัฐหน้าเสียเล็กน้อยแต่พยายามฝืนยิ้ม “เอ่อ..ที่จริงก็ไม่เหมือนซะทีเดียวนะครับ เพราะของทีนคลับกลุ่มเป้าหมายเค้าจะเป็นพวกวัยทีนก็คงรณรงค์เรื่องจักรยาน มอเตอร์ไซค์ รึรถยนต์เล็ก ส่วนไลม์ของเราลูกค้าจะไฮเกรดกว่า ก็จะเน้นรณรงค์ระดับซุปเปอร์คาร์มากกว่าครับ”
นักข่าวอีกคนถาม “แต่คอนเส็ปต์การเดินแบบในงานวันนี้ก็เหมือนกับที่ทีนคลับจัดวันก่อนเลยนะคะ แถมยังใช้นายแบบชุดเดียวกันอีก”
สาโรจน์หน้าเครียดเพราะเขาก็ไม่รู้ว่าณัฐลอกไอเดียทีนคลับมา
ณัฐแถ “ก็....ก็เราก็คัดเลือกนายแบบแถวหน้ามาน่ะครับก็อาจจะ” ณัฐพูดเน้น ”บังเอิญ”ซ้ำกันบ้าง แต่เราก็จัดเรียงลำดับการเดินไม่เหมือนกันนะครับ”
นักข่าวประชด “อืออ...ค่ะ...ดูต่างกันมากเลยค่ะ”
“คุณณัฐคะ..แล้วเรื่องคลิปที่คุณลูกจันบก.เซเลบไปอาละวาดกองถ่ายไลม์ล่ะคะ...ตกลงเรื่องจริงเป็นยังไงแน่คะ” นักข่าวถาม
นักข่าวฮือฮารีบขยับกล้องขยับไมโครโฟนเตรียมฟังคำตอบ อิงอรกับสาโรจน์ทำหน้าสะใจ ณัฐแอบยิ้มร้ายเพราะกะจะมาขยี้ข่าวนี้อยู่แล้ว
ณัฐแกล้งทำหน้าเครียด “เอ่อ...ผมว่า..คลิปที่ออกไปภาพมันก็ชัดมากแล้ว...ถ้าผมพูดไปทางคุณลูกจันจะเสียหายเปล่าๆ...คือ..ผมไม่สบายใจเลยครับ..ไม่รู้จะพูดยังไงดี”
เสียงลูกจันดังขึ้น “งั้นก็ไม่ต้องพูด”
นักข่าวและทุกคนในงานหันควับไปทางต้นเสียงพร้อมกัน ลูกจันยืนสง่าราวนางพญา เสื้อผ้าหน้าผมพร้อม ต๋อย แซนดี้ และอุ่นเรือนยืนประกบอยู่ด้านหลัง
ลูกจันพูดด้วยเสียงเย็น “ฉันพูดเอง!”
ณัฐเครียด ลูกจันนั่งที่โต๊ะแถลงข่าวคู่ณัฐ บนโต๊ะมีโทรศัพท์มือถือของลูกจันที่เปิดเป็นสปีกเกอร์โฟนไว้
เสียงเปิ้ลดังจากโทรศัพท์ “พนักงานของเราก็บอกทางไลม์แล้วนะคะว่ามุมนั้นเป็นที่ๆเซเลบจองไว้”
ณัฐหน้าเสีย ลูกจันยิ้มเยาะอย่างถือไพ่เหนือกว่า
เปิ้ลพูดต่อ “แต่ไม่รู้สื่อสารผิดพลาดในขั้นตอนไหนไลม์ถึงได้ไปตั้งเซ็ตแทน”
“ขอบคุณคุณเปิ้ลมากนะคะที่ช่วยยืนยันข้อเท็จจริง” ลูกจันบอก
“ยินดีค่ะ”
“รบกวนแค่นี้ล่ะค่ะ สวัสดีค่ะ”
ลูกจันกดวางสายโทรศัพท์แล้วหันไปอธิบายนักข่าว
“เมื่อกี้คือเสียงของคุณเปิ้ลผู้จัดการโรงแรมที่ดิฉันไปถ่ายปกค่ะ...ถ้าใครไม่เชื่อว่าเป็นตัวจริงเสียงจริงก็เอาเบอร์โทรไปตรวจสอบอีกครั้งก็ได้นะคะ”
“เชื่อค่ะ พี่ไปทำข่าวที่โรงแรมนั้นบ่อยๆ จำได้ค่ะว่าเป็นเสียงคุณเปิ้ลจริงๆ” นักข่าวคนนึงบอก
“ดิฉันมาพบพี่ๆน้องๆนักข่าววันนี้ก็เพราะอยากอธิบายความจริงที่มากกว่าสิ่งที่เห็นในคลิปให้ทุกคนได้รับทราบกันค่ะ...”
อุ่นเรือน แซนดี้ และต๋อยลุ้น
อิงอรกับสาโรจน์ไม่พอใจ ณัฐเริ่มเช็ดเหงื่อ
“ดิฉันทำงานในวงการนี้มาหลายปี ทุกคนคงทราบดีว่าดิฉันทำงานอย่างตรงไปตรงมาไม่เคยทับทางใคร ไม่เคยสร้างความเดือดร้อนให้ใคร...แต่ถ้าใครมาสร้างความเดือดร้อนให้กับการทำงานของดิฉัน ดิฉันก็ไม่ยอมเหมือนกัน”
นักข่าวทำหน้าเข้าใจลูกจัน ในขณะที่สาโรจน์เครียด ส่วนณัฐเครียดกว่าสาโรจน์
ลูกจันพูดต่อ “ดิฉันอาจจะผิดที่ควบคุมอารมณ์ไว้ไม่อยู่...แต่ดิฉันมั่นใจว่าในมุมของความเป็นบก.เซเลบที่ต้องรับผิดชอบให้งานออกมาดีที่สุด...ดิฉันไม่ผิด...อย่างไรก็ตามดิฉันก็ต้องกราบขอโทษคุณผู้อ่านเซเลบทุกท่านที่อาจจะรู้สึกไม่ดีกับคลิปที่ออกมา..ดิฉันสัญญาว่าจะพยายามควบคุมอารมณ์ให้ดีกว่านี้...ดิฉันขอชดใช้ความผิดที่เกิดขึ้นด้วยการพิมพ์ภาพปกนี้เป็นไซส์ใหญ่พิเศษเพื่อเป็นของขวัญให้ผู้อ่านทุกท่านค่ะ”
ลูกจันหยิบเอาภาพพอลถ่ายแบบชกมวยขึ้นมาโชว์นักข่าว นักข่าวฮือฮากดชัตเตอร์ไม่ยั้ง ณัฐอึ้งเพราะไม่คิดว่าลูกจันจะมาไม้นี้ ลูกจันยิ้มมุมปากอย่างสมใจ
“แล้วคุณลูกจันทราบรึยังคะว่าใครเป็นคนปล่อยคลิป” นักข่าวถาม
ลูกจันเหลือบมองณัฐ “ก็พอจะเดาได้เลาๆค่ะ”
ณัฐเหงื่อแตกแล้วก็รีบขัดขึ้นมาทันที
“เอ่อ...ผมว่าอาจจะเป็นนักท่องเที่ยวแถวนั้นผ่านมาเห็นเข้าเลยถ่ายไว้...แต่เอาเป็นว่าทางผมไม่ถือสานะครับ..ก็...อย่างที่บอกนะครับ..เป็นเรื่องเข้าใจผิดกันมากกว่า”
“หมายถึงไลม์เข้าใจผิดจนมาแย่งที่ตั้งเซ็ตของเซเลบใช่มั้ยคะ” ลูกจันถาม
ณัฐไปไม่เป็น “เอ่อ..ก็...เอ่อ..ครับ”
ลูกจันได้ที “งั้นในฐานะบก.ไลม์คุณณัฐจะรับผิดชอบยังไงคะ”
ณัฐจ๋อย สาโรจน์หงุดหงิดที่ณัฐโดนต้อน ส่วนอิงอรโกรธลูกจันที่พลิกเกมได้ แซนดี้ ต๋อย และอุ่นเรือนยิ้มปลื้มในความฉลาดของลูกจัน
“เอ่อ..ก็..ก็...ขอโทษครับ”
ลูกจันยิ้มอย่างถือไพ่เหนือกว่า
ลูกจันพูดกับนักข่าว “ในเมื่อทางไลม์เค้าขอโทษแล้ว ดิฉันก็ไม่อยากถือสาหาความค่ะ ยังไงก็ทำงานในวงการเดียวกัน” ลูกจันพูดกับณัฐ “แต่หวังว่าจะไม่เกิดปัญหาแบบนี้ขึ้นอีกนะคะ” ลูกจันพูดกับนักข่าว “ส่วนพี่ๆนักข่าวเดี๋ยวรับรูปปกพิเศษจากเซเลบไปเป็นของที่ระลึกกันด้วยนะคะ” ลูกจันยิ้มหวาน
แซนดี้ ต๋อย และอุ่นเรือนช่วยกันแจกรูปพิเศษของพอลให้นักข่าวท่ามกลางเสียงฮือฮาอยากได้ของนักข่าวเพราะรูปพอลหล่อเหลือเกิน
ลูกจันเชิดหน้ามองณัฐอย่างผู้ชนะ ณัฐกัดฟันกรอดด้วยความเครียดที่แพ้จนหมดท่า
สาโรจน์โกรธมากจึงพูดประชด
“ขอบใจนะที่ทำให้พี่เสียเงินจัดงานให้ลูกจันมาแถลงข่าวเปิดตัวปกใหม่ของเซเลบ แถมไลม์ยังกลายเป็นฝ่ายผิดจนต้องขอโทษเค้าต่อหน้านักข่าวอีกต่างหาก ฉลาดมากเลยณัฐ”
ณัฐจ๋อย สาโรจน์ปิดประตูรถดังปังแล้วก็เลื่อนกระจกลง
“อ้อ..คืนนี้ไม่ต้องแวะไปที่บ้านแล้วนะ..เอาเวลาไปคิดหาวิธีโปรโมทปกใหม่ให้ทันเซเลบดีกว่า”
สาโรจน์กระชากรถออกไป ณัฐแค้นลูกจันมาก
ภาพลูกจันแถลงข่าวฉายทางโทรทัศน์
“ดิฉันก็ต้องกราบขอโทษคุณผู้อ่านเซเลบทุกท่านที่อาจจะรู้สึกไม่ดีกับคลิปที่ออกมา..ดิฉันสัญญาว่าจะพยายามควบคุมอารมณ์ให้ดีกว่านี้”
พอลที่กำลังนั่งดูทีวีอยู่ยิ้มอย่างพอใจ
พอลพูดกับตัวเอง “ต้องอย่างนี้สิลูกจัน”
ลูกจันในทีวีพูดต่อ “ดิฉันขอชดใช้ความผิดที่เกิดขึ้นด้วยการพิมพ์ภาพปกนี้เป็นไซส์ใหญ่พิเศษเพื่อเป็นของขวัญให้ผู้อ่านทุกท่านค่ะ”
ลูกจัน ต๋อย แซนดี้ และอุ่นเรือนแจกรูปพอลให้นักข่าว
พอลส่ายหัวขำๆ “ร้ายจริงๆ”
ลูกจันเดินเข้ามาในบ้านด้วยสีหน้านิ่งๆ เพราะยังงอนอยู่ พอลหันไปยิ้มเอาใจ ลูกจันค้อน พอลจ๋อยแต่ก็พยายามชวนคุย
“เห็นข่าวแล้วนะ ฉลาดมาก..ได้บอกความจริง แถมยังได้คำขอโทษจากไลม์ ที่สำคัญได้โปรโมทปกใหม่เซเลบอีกต่างหาก”
ลูกจันพูดโดยไม่มองหน้า “แน่สิ..ก็ฉันมันสิงโตนี่ไม่ใช่ลิง”
ลูกจันเดินเชิดเข้าห้องไป พอลรู้ตัวว่าโดนงอนก็จ๋อย
พีทหัวเราะขำ
“ฮ่าๆๆๆๆๆ...งอนขนาดนั้นเลยเหรอ”
พอลออกตัว “ที่จริงเราก็ไม่ได้แคร์อะไรหรอกนะ..แต่มันอึดอัดไง...อยู่บ้านเดียวกันแล้วไม่มองหน้ากัน”
“ลูกจันเค้างอนไม่นานหรอก..ถ้านายง้อถูกวิธี”
พอลสงสัย “ยังไง?”
พอลกำลังพิมพ์คำว่า....”คอร์สขัดผิว” ที่โทรศัพท์ พอลพิมพ์เสร็จแล้วก็ยืนดูข้อความในมือถืออย่างลังเล
พอลตัดสินใจกดsendแล้วก็ลุ้น ที่หน้าจอมีข้อความถูกส่งกลับมาเป็นรูปหน้าโกรธ พอลทำหน้าเซ็ง พอลก้มหน้าพิมพ์ใหม่ว่า...”ครีมบำรุงหน้าเซ็ตใหญ่” แล้วพอลก็กดsend อีกรอบ
เสียงสัญญาณว๊อทแอ๊พถูกตอบกลับอย่างเร็ว พอลยิ้มแล้วรีบเปิดอ่าน ข้อความที่ถูกส่งกลับมาคือ ”no”
พอลจ๋อย เขาคิดแล้วพิมพ์ใหม่เป็นข้อความว่า...”แว่นกันแดดรุ่นใหม่” แล้วพอลก็กดส่งไปอีกครั้ง พอลรอคำตอบอย่างลุ้นๆ ข้อความตอบกลับมาว่า ”ไม่!!”
พอลเกาหัวไม่รู้จะเอายังไงดี พอลกดพิมพ์ใหม่แล้วกดส่ง ประตูห้องลูกจันเปิดออกทันที ลูกจันยิ้มแฉ่งเพราะในมือถือมีข้อความ “รองเท้า 1 คู่..งบไม่อั้น”
“รองเท้า1คู่ งบไม่อั้น...ให้อภัย!!” ลูกจันบอก
พอลแอบค้อน
หนังสือเซเลบในมือจุ้มกำลังถูกยื่นให้พนักงาน
“เซเลบเล่มเก่าๆที่คุณท็อฟฟี่ขอไว้ฮะ...ฝากบอกคุณท็อฟฟี่ด้วยว่า..ที่สัมภาษณ์คุณท็อฟฟี่ไปคราวก่อนจะได้ลงปักษ์หน้านะฮะ” จุ้มจิ้มบอก
พนักงานรับหนังสือจากมือจุ้มจิ้ม
พีทที่นั่งบนรถเข็นพยายามเข็นรถไปที่หน้าลิฟท์แต่ล้อรถเหมือนติดอะไรบางอย่างทำให้เลื่อนไม่ไป ทันใดนั้นก็มีมือหนึ่งมาจับรถแล้วช่วยเข็น พีทยิ้มแล้วหันไปขอบคุณ
“ขอบคุณครับ”
พีทหน้าตื่นเมื่อเห็นว่าคนๆนั้นคือจุ้มจิ้ม จุ้มจิ้มก็มองพีทอย่างตกใจเหมือนกัน
“พี่พีท!”
ทั้งสองจ้องตะลึงกันอย่างตกตะลึง พีทเลิ่กลั่กแล้วรีบแก้ตัว
พีทดัดเสียง “ไม่ใช่ครับ แต่เห็นใครๆเค้าชอบบอกว่าคล้าย”
พีทรีบจิ้มกดเรียกลิฟท์ จุ้มจิ้มเดินไปมองหน้าพีทอย่างพิจารณา พีทพยายามก้มหน้าก้มตาไม่ให้จุ้มจิ้มเห็นชัดๆ
“ไม่ใช่แค่คล้ายนะฮะ..เหมือนมากๆเลยต่างหาก”
“เหรอครับ ..เอ่อ..งั้นไว้ว่างๆจะลองส่งรูปไปตีสิบดูดีกว่านะครับ..เผื่อดัง” พีทพูดไปกดลิฟท์ไปแต่ลิฟท์ก็ไม่มาสักที “..เอ่อ..งั้น..ขอตัวก่อนนะครับ”
พีทรอลิฟท์ไม่ไหวจึงตัดสินใจเข็นรถออกไปเอง จุ้มจิ้มมองตามพีทอย่างอึ้งๆ
“เหมือนสุดๆอ่ะ” จุ้มจิ้มนึกได้ “ถ่ายรูปไปให้พี่พีทกับพี่ลูกจันดูดีกว่า”
จุ้มจิ้มรีบตามพีทไป
พีทเข็นรถมาที่หน้าลิฟท์อีกตัวอย่างร้อนใจก่อนจะรีบกดลิฟท์รัวๆ จุ้มจิ้มวิ่งตามมาเรียก
“อย่าเพิ่งไปฮะ”
พีทมองจุ้มจิ้มด้วยความตกใจ เขารัวมือกดลิฟท์หนักกว่าเดิม ประตูลิฟท์เปิด พีทรีบเข็นรถเข้าลิฟท์แล้วกดปิดประตู จุ้มจิ้มวิ่งมาถึงลิฟท์พอดี
“โหย..จะรีบไปไหนเนี่ย”
จุ้มจิ้มเสียดายที่ถ่ายรูปไม่ทัน
ป้าภานั่งอ่านหนังสือธรรมะอยู่ในห้อง พีทเข็นรถตัวเองเปิดประตูพรวดเข้ามาอย่างเร่งร้อน
“รีบปิดประตูเลยครับป้า..รีบปิดเลยครับ”
ป้าภารีบวิ่งไปปิดประตูด้วยความตกใจแล้วเดินกลับมาหาพีท
“มีอะไรเหรอพีท”
“พีทเจอจุ้มจิ้มครับ”
ป้าภาตกใจมาก “คุณพระ!!!...แล้วจุ้มจิ้มว่าไง”
“ไม่ว่าไงหรอกครับเพราะพีทหลอกว่าพีทไม่ใช่พีท..เป็นแค่คนหน้าคล้าย”
ป้าภามองหน้าพีท “อย่าบอกนะว่าจุ้มจิ้มเชื่อ”
“เชื่อครับ”
ป้าภาพูดกับตัวเอง “อื้อหือ...ละครมาก”
“จุ้มจิ้มเค้าไม่สนิทกับพีทเท่าไหร่หรอกครับเลยจับไม่ได้..แต่ถ้าป็นลูกจันมาเจอพีทจะๆแบบนี้...พีทเสร็จแน่”
พีททำหน้าบอกว่าเกือบไปแล้ว
พอลนั่งตาปริบๆ พนักงานผลัดกันเอารองเท้ามาให้ลูกจันลอง ลูกจันลองรองเท้าในอิริยาบถต่างๆ ทั้งนั่ง ยืน เดิน พอลส่ายหน้าไล่ความมึนงงกับสีและลายรองเท้า
เวลาผ่านไป เท้าลูกจันที่อยู่ในรองเท้าคู่สวยเดินมาหยุดหน้าพอล พอลเงยหน้าขึ้นมอง ลูกจันยิ้มแฉ่ง
“เอาคู่นี้”
พอลพยักหน้าด้วยความดีใจที่เลือกได้ซะที พนักงานยิ้มหวานกับพอล
“4หมื่น9พันบาทค่ะ”
พอลอ้าปากค้าง “ห๊า!”
พนักงานยื่นใบเสร็จให้พอลเซ็น พอลเซ็น ลูกจันสงสัย พนักงานเดินออกไป
ลูกจันถาม “แกเปลี่ยนลายเซ็นตั้งแต่เมื่อไหร่”
พอลสะดุ้ง
“เอ่อ..ก็..เพิ่งเปลี่ยนน่ะ”
ลูกจันจ้องหน้าจริงจัง “เปลี่ยนทำไม”
พอลอึกอัก “เอ่อ..คือ..เอ่อ...”
ลูกจันทำหน้าฉลาด “อ๋อ..หมอดูให้เปลี่ยนล่ะสิ”
พอลรีบเออออ “อือๆ..ใช่ๆ”
พอลล้วงกระเป๋าเงินออกมาเพื่อจะเก็บบัตรเครดิต
“ว๊ายย” ลูกจันทำหน้าตกใจมาก
พอลตกใจไปด้วย “อะไร”
ลูกจันใช้ปลายนิ้วคีบกระเป๋าเงินพอลด้วยความรังเกียจ “ฉันสิต้องถามแกว่าเนี่ยอะไร?”
พอลงง “ก็กระเป๋าตังค์ไง”
“ปกติกระเป๋าแกมันหรูกว่าของฉันซะอีก...แล้วนึกยังไงมาใช้เศษขยะแบบนี้”
พอลชักฉุน
“เศษขยะเลยเหรอ...มากไปแล้ว” พอลกระชากกระเป๋ากลับ “ก็..ก็ใบเก่ามันหาย...ก็เลย..เอาใบนี้มาใช้ก่อน” พอลตัดบท “ไปได้รึยัง..หิวแล้ว”
พอลรีบเดินออกไปจากร้าน ลูกจันจ๋อยเพราะรู้ว่าเพื่อนงอน เธอรีบเดินตาม
หมูลวกถูกยื่นมาหน้าพอล พอลเงยหน้ามอง ลูกจันยิ้มประจบ
“ชิ้นนี้กำลังนุ่มเลย สุกกำลังดีแบบที่แกชอบไง..เอาไปอีกชิ้นนะ”
ที่ชามพอลมีหมูที่ลวกแล้ววางกองพะเนิน พอลก้มหน้าก้มตากินโดยไม่พูดอะไร
“ยังงอนอยู่อีกเหรอ...ขอโทษนะที่ว่ากระเป๋าแก...ฉันไม่ได้ตั้งใจอ่ะ...วันหลังไม่ว่าแล้ว..นะๆๆ”
ลูกจันทำหน้าเว้าวอนจนพอลอดหัวเราะไม่ได้
“เย้..หายโกรธแล้ว” ลูกจันหยิบตะเกียบคีบหมูใส่ปาก “ฉันจะได้กินลงซะที”
ลูกจันคีบหมูเข้าปากอย่างเอร็ดอร่อย พอลแอบมองแล้วก็ยิ้มขำ ลูกจันมองไปที่โต๊ะใกล้ๆ เห็นบ๋อยกำลังเสิร์ฟอาหารอยู่
“บ๋อยร้านนี้หน้าตาดีนะ” ลูกจันมองกวาดไปทั่วร้าน “แต่ลูกค้าน่ารำคาญ”
พอลมองตามเขาเห็นลูกค้าในร้านมาเป็นคู่ ทุกคู่นั่งหวานแหววแบบดูก็รู้ว่าทุกคู่เป็นแฟนกัน
“เชอะ..ทำเป็นมากินกันเป็นคู่” ลูกจันว่า
“เราก็มาเป็นคู่” พอลบอก
“ไม่เหมือนกัน..เรามากันแบบคู่เพื่อน..แต่โต๊ะอื่นน่ะไม่ใช่” ลูกจันเบะปาก “เชื่อมั้ยพวกนี้น่ะเวลาแฟนไม่อยู่มานั่งกินคนเดียวไม่ได้หรอก...กลัวเหงา”
พอลยิ้ม “แล้วแกล่ะ..ไม่กลัวเหงาเหรอ”
“โอ๊ยย...คนอย่างลูกจันไม่เคยเหงาย่ะ...วันก่อนตอนแกไม่ว่างฉันยังมานั่งกินคนเดียวเลย”
พอลมองหน้าลูกจันนิ่งๆ “คุณ..เอ่อ...แกไม่อยากมีใครซักคนบ้างเหรอ”
ลูกจันเหลือบตามองพอลแล้วก็กินต่อ “มีไว้ทำไมล่ะ”
“ก็..มีเอาไว้ดูแล...ไว้คิดถึง...ไว้คอยปลอบใจ..ไว้เป็นกำลังใจให้กัน”
ลูกจันเงยหน้ามองพอลแล้วก็ยิ้ม “ทั้งหมดที่แกพูดมาเนี่ย...ฉันก็ได้จากแกอยู่แล้วไง”
“เอ่อ...แต่...แต่ฉันไม่ใช่ผู้ชาย”
“ฉันถึงได้รักแกไง...ถ้าแกเป็นผู้ชายฉันคงไม่รักแกแบบนี้หรอก”
พอลอึ้งเพราะรู้สึกจี๊ดอยู่ในใจแปลกๆ
อาร์ตนั่งรื้อกระเป๋าที่เขาเอาไปถ่ายแบบ อาร์ตเห็นพลุ 1 อันตกค้างอยู่ เขาหยิบขึ้นมาดูแล้วก็อมยิ้ม อาร์ตนึกถึงเหตุการณ์ตอนจุดพลุ
อาร์ตยื่นมือไปจะผลักหัวแต่จุ้มจิ้มหลบ อาร์ตเลยได้แต่คว้าหมวกจุ้มจิ้มติดมือมา ผมของจุ้มจิ้มค่อยๆสยายลงมา จุ้มจิ้มยืนตะลึงมองพลุในสภาพผมยาวสยายดูสวยบริสุทธิ์และธรรมชาติมาก
อาร์ตในปัจจจุบันสะดุ้ง
อาร์ตงงตัวเอง “ไปคิดถึงไอ้ทอมทำไมวะ”
อาร์ตลุกเดินไปที่โต๊ะทำงานกะจะทำงานเพื่อให้หยุดฟุ้งซ่าน ที่หน้าจอ..เขียน”ไฟล์ถ่ายแบบพีท” อาร์ตคลิ๊กเปิดก็เห็นรูปจุ้มจิ้มมากมายหลายรูปในอิริยาบถต่างๆทั้งตอนทำงานและตอนพักที่ถูกแอบถ่าย
อาร์ตสะดุ้ง “เฮ้ย”
ก๊องคุยโทรศัพท์
“อ้าว...สงสัยพี่สลับไฟล์ผิด..อันนั้นมันรวมรูปจุ้ม..พวกพี่ต๋อยเค้าให้แอบถ่ายเก็บไว้..เค้าจะเอาไปทำเซอร์ไพรส์ตอนวันเกิดจุ้ม..เดี๋ยวพี่ส่งไฟล์พีทไปให้ใหม่แล้วกัน”
อาร์ตกดวางสายแล้วเหลือบตาดูรูปจุ้มจิ้มในคอมพิวเตอร์พลางคิดในใจว่าจะบังเอิญไปมั้ย เขาเห็นรูปจุ้มจิ้มกำลังยิ้มร่า
จุ้มจิ้มตัวจริงยิ้มร่าขณะกำลังคนแกงในหม้อ
“ใกล้สุกแล้วแม่” จุ้มจิ้มก้มหน้าลงไปดม “ห๊อม..หอม...แม่ลองชิมดูมั้ยจ๊ะ”
ไม่มีเสียงตอบ จุ้มจิ้มเอะใจจึงหันขวับไปมองข้างหลังก็เห็นนันทากำลังกดท้องตัวเองทรุดตัวอยู่ที่พื้นในสภาพเหงื่อแตก
จุ้มจิ้มตกใจมาก “แม่!”
อ่านต่อตอนที่ 7