เสน่หาสัญญาแค้น ตอนที่ 11
ใบตองวางถาดขนมคัพเค้กน่ารักๆ ลงตรงกลางวง
สาวิตรีปลาบปลื้ม “ของหวานคืนนี้..คัพเค้กจ้าาา เพราะแม่เห็นว่าเราทานอาหารไทยกันไปแล้วก็เลยขอนำเสนอขนมฝรั่งซักนิดส์นึง เดี๋ยวจะหาว่าแม่ไม่อินเตอร์”
“โห..น่าทานมากเลยค่ะ” ประกายเดือนบอก
ปานตะวันเดินเศร้า ๆ เข้ามาพอดี แต่ทุกคนยังไม่เห็น ยกเว้นนาคินทร์ที่มองเห็นแล้วก็พูดขึ้น
“น่าทานก็ทานสิครับ”
นาคินทร์หยิบคัพเค้กส่งให้ประกายเดือน ประกายเดือนยกมือไหว้ขอบคุณแล้วก็กิน
“อื้ม..อร่อยจังเลยค่ะ”
ทุกคนเฮฮา
นาคินทร์เห็นปากประกายเดือนเลอะเค้ก “คุณเดือน” นาคินทร์ยิ้ม ๆ ก่อนจะส่ายหน้าแล้วหยิบทิชชู่มาเช็ดปากให้เธอ “เลอะหมดเลยครับ”
ทุกคนขำ ๆ ด้วยความเอ็นดู นัครินทร์เหล่อย่างเซ็ง ๆ
ปานตะวันยังยืนอยู่ที่เดิมตะลึงกับภาพที่เห็นจนถึงกับทรุด เธอเกาะขอบประตูไว้เพื่อไม่ให้ล้ม อัครินทร์กลับมาจาก รพ.พอดีก็ปราดเข้ามาประคองไว้
“คุณตะวัน!! ทำไมมาอยู่ตรงนี้ครับ? ทำไมไม่นอนพัก”
ปานตะวันพูดไม่ออก อัครินทร์หันไปเห็นนาคินทร์สนิทสนมกับประกายเดือนก็แปลกใจ ใบตองหันมาเห็นอัครินทร์กับปานตะวันจึงพูดขึ้น
“อ้าว! คุณอัค!! คุณอัคมาค่ะ!!”
ทุกคนหันไปมองด้วยความดีใจยกเว้นนาคินทร์ที่ไม่พอใจที่เห็นอัครินทร์ยืนประคองปานตะวันอยู่
สาวิตรีดีใจ “ลูกหมอ!! ลูกหมอของแม่!! แหม..วันนี้สงสัยจะวันดี ลูกชายทั้ง 3 ของแม่ถึงได้มาอยู่กันครบพร้อมหน้าพร้อมตา ลูกหมอทานข้าวมารึยังจ๊ะ”
“ผมขอพาคุณตะวันไปพักผ่อนก่อนดีกว่า ท่าทางจะอ่อนเพลีย”
นาคินทร์มอง
ประกายเดือนพุ่งไปหาทันที “ตะวัน!! ตะวันเป็นอะไร?”
ปานตะวันมองน้องสาวอย่างเป็นห่วงยิ่งกว่า “เดือน..พี่ไม่เป็นไร” ปานตะวันกอดน้องแน่น “พี่รักเดือนนะ”
นาคินทร์จ้องมาที่ปานตะวันจังหวะเดียวกับที่ปานตะวันก็มองมาที่นาคินทร์ด้วยสายตาว่าอย่ามายุ่งน้องสาวฉัน!! นาคินทร์จ้องตอบด้วยสายตาเย็นชาและท้าทาย
ปานตะวันผละมาพูดกับน้องสาว เธออยากพูดทุกอย่างแต่ก็พูดไม่ได้ “เดือน..เดือนต้องระวังตัวเองให้ มากๆ พี่รักเดือน พี่เป็นห่วงเดือนเข้าใจมั้ย?”
นาคินทร์มองแล้วก็รู้สึกสะใจที่ทำให้ปานตะวันเป็นทุกข์ได้
“ตะวัน..ไม่ต้องห่วงเค้า ตอนนี้ตะวันห่วงตัวเองก่อนดีกว่า” ประกายเดือนบอก
อัครินทร์เสริม “คุณเดือนพูดถูกครับ คุณตะวันห่วงตัวเองดีกว่า ไปครับ..ผมพาไปพัก”
นาคินทร์ไม่พอใจ เขาลุกขึ้นแต่ไม่ทันนัครินทร์
นัครินทร์ปรี่เข้าไปหาทันที “เฮ่ย ๆๆ ให้พี่ช่วยดีกว่าไอ้นัค แกเพิ่งกลับมาจาก รพ.เชื้อโรคเต็มตัวเดี๋ยวคุณตะวันเค้าจะยิ่งแย่”
ประกายเดือนพูดกับนัครินทร์ไม่ให้พ่อแม่ได้ยิน “ดิฉันว่าพี่สาวดิฉ้นต้องอาการหนักแน่..ถ้าเจอท่านรองฯ”
“อ้าว..คุณ?” นัครินทร์กวน “หึงอ่ะดิ?”
ประกายเดือนสวนทันที “บ้า!!! น่าหึงตรงไหน”
นาคินทร์ลุกขึ้น “เอาล่ะ..ฉันว่าไม่ต้องทั้งคู่หรอก” นาคินทร์เดินมามองหน้าปานตะวัน “ฉันจะพาคุณตะวันไปพักเอง”
ปานตะวันอึ้ง อัครินทร์งง แต่ประกายเดือนชอบใจ
“โห่!! อะไรกันฮะพี่คิน ตกลงว่าพี่คินจะยังไงกันแน่?” นครินทร์อยากจะถามว่าจะเอาพี่หรือน้อง
นาคินทร์สวน “ตาอัคทำงานมาเหนื่อย ๆ ไปพักเถอะ ส่วนแก..ตานัค ช่วยพาคุณเดือนไปส่งด้วย” นาคินทร์พูดอย่างมีเลศนัย “ส่งดี ๆ.. ส่งให้ถึงคอนโดฯ”
ปานตะวันอึ้งเพราะเป็นห่วงน้องขึ้นมาทันที
“เอ๊า?!! พี่คิน” นครินทร์งง “ตกลงยังไงฮะเนี่ย?” นครินทร์อยากถามว่าจะเอาคนไหนกันแน่?
นาคินทร์กับปานตะวันจ้องตากัน นาคินทร์เย้ย ปานตะวันเคือง
นาคินทร์ประคองปานตะวันเข้าห้องมา ปานตะวันสะบัดจนหลุด
“ปล่อย!!” ปานตะวันประจันหน้านาคินทร์ “อย่าแตะต้องน้องสาวฉัน!”
นาคินทร์ย้อนถาม “เข้าใจอะไรผิดรึเปล่า?”
ปานตะวันมองหน้านาคินทร์
นาคินทร์พูดต่อ “คุณไม่อยู่ในฐานะที่จะออกคำสั่ง--โดยสิ้นเชิง”
ปานตะวันอึ้ง
“ในทางนิตินัย คุณเป็นลูกจ้างของผม นอกจากนั้น ในทางพฤตินัย” นาคินทร์ยิ้ม “คุณยังเป็นคู่นอนของผมอีกด้วย”
ปานตะวันตบหน้านาคินทร์ดังเพียะ นาคินทร์หน้าหัน
“คุณเป็นผู้ชายที่เลวที่สุดในชีวิตที่ฉันเคยเจอ”
นาคินทร์ค่อย ๆ หันมามองอย่างไม่สะทกสะท้าน
“คุณรู้บ้างมั้ยว่าคุณทำอะไรไว้กับฉันบ้าง?” ปานตะวันถาม
นาคินทร์มองยิ้ม ๆ ก่อนจะเลิกคิ้วแทนคำถามว่า “ทำอะไร?”
ปานตะวันเจ็บจิ๊ดกับท่าทางของนาคินทร์ “ผู้ชายหน้าตาดี มีทุกอย่างเพียบพร้อมอย่างคุณยังเทียบกันไม่ได้เลยกับคุณลุงคนขับรถบรรทุกหน้าตาเหมือนโจร แต่มีน้ำใจช่วยเหลือฉันไว้ ไม่ให้ตายเหมือนหมากลางถนน”
นาคินทร์มองอย่างไม่สะทกสะท้าน
ปานตะวันจุก “คุณทำอย่างนั้นได้ยังไง? ทำกับฉันอย่างนั้นได้ยังไง?”
นาคินทร์สวน “แล้วมันต่างอะไรกับคุณ?”
ปานตะวันชะงักอย่างงง ๆ นาคินทร์กระชากไหล่ปานตะวันมาจ้องหน้า
“เรา 2 คน มันก็สมน้ำสมเนื้อกันแล้วไม่ใช่เหรอ?” นาคินทร์มองหน้าปานตะวันแบบสะอิดสะเอียน “ผู้หญิงหน้าตาดี แล้วยังไง?”
นาคินทร์ผลักปานตะวันออกไป
ปานตะวันทั้งงุนงง ทั้งเสียใจ น้อยใจ เธอเริ่มสะอื้น “ฉันงงไปหมดแล้วคุณนาคินทร์ ทั้งที่ก่อนหน้านั้นคุณยังบอกแต่ว่าคุณ..รักฉัน หวงฉัน คุณจะไม่มีวันปล่อยฉันไป แล้วนี่มันอะไร”
“ใช่!! ผมหวงคุณ และจะไม่มีวันปล่อยคุณไป…” นาคินทร์จ้องหน้า “จนกว่าผมจะอยากปล่อย”
ปานตะวันอึ้ง
“แต่ผมไม่เคยบอกซักคำว่า..ผมรักคุณ”
ปานตะวันอึ้งแล้วก็น้ำตาหยด
นาคินทร์ยิ้ม “และชั่วชีวิตนี้..คงไม่มีวันที่ผมจะรักคุณได้หรอก..ปานตะวัน”
ปานตะวันช็อคเหมือนฟ้าถล่ม เธอสะอื้นถาม “ถ้าคุณไม่รักฉันแล้วคุณ..” ปานตะวันละอายที่จะพูดนาคินทร์พูดแทน “แล้วผมนอนกับคุณทำไมน่ะเหรอ?”
ปานตะวันเบือนหน้าด้วยความอับอาย
“คุณคงต้องถามตัวคุณเองด้วย..”
ปานตะวันหันมามองหน้านาคินทร์งง ๆ
นาคินทร์ยิ้มก่อนพูด “เพราะคุณให้ผมเอง”
ปานตะวันถึงกับตาโต
นาคินทร์ยื่นหน้าเข้าไปใกล้ “ผมไม่ได้ขอ”
ปานตะวันแทบช็อค เธอโกรธมากจึงเงื้อมือจะตบ แต่นาคินทร์จับไว้แน่นก่อนจะผลักแล้วตามลงไปคร่อมไว้
ปานตะวันดิ้น “อย่านะ!! ปล่อยฉันนะ”
นาคินทร์มองอย่างรังเกียจ “นึกว่าผมอยากจะแตะต้องผู้หญิงอย่างคุณนักเหรอ”
ปานตะวันอึ้ง
นาคินทร์ส่ายหน้า “อย่าเข้าใจผิด ผู้หญิงอย่างคุณมันไม่มีราคาซักนิด ในสายตาของผม”
ปานตะวันอึ้งหนัก
“ไอ้เรื่องที่เกิดขึ้นคืนนั้นน่ะ..ผมแค่ ‘จำเป็น’ นาคินทร์ว่า ปานตะวันอึ้ง “..และก็ ‘จำใจ’”
ปานตะวันหัวใจแหลก น้ำตาริน
นาคินทร์พูดอีก “จำไว้ด้วย!”
พูดจบนาคินทร์ก็ลุกพรวดออกไปจากห้องทิ้งให้ปานตะวันนอนร้องไห้ด้วยความเจ็บปวดอยู่บนเตียงตามลำพัง
นาคินทร์นั่งกึ่มนึกถึงเรื่องที่เกิดขึ้น สักพักอัครินทร์ก็เดินเข้ามาถาม
“พี่คินทำอย่างนั้นทำไมครับ?”
“ฉันทำอะไร?”
อัครินทร์เสียงแข็ง “พี่คินพาคุณตะวันหายกันไปสองต่อสอง แล้วพี่คินก็ทิ้งเค้าไว้คนเดียว ทิ้งให้ผู้หญิงคนเดียวต้องเดินตากฝนกลับมา พี่คินทำได้ยังไง”
“หุบปาก!!! นี่แกเป็นน้องฉันรึเป็นพ่อฉันถึงได้มาพูดจากับฉันแบบนี้ห๊ะ..ไอ้อัค”
“ถึงผมจะเป็นน้อง แต่ถ้าพี่คินทำในสิ่งที่ไม่ถูกต้อง ผมก็จะต้องพูดแบบนี้กับพี่”
“ฉันน่ะเหรอทำในสิ่งที่ไม่ถูกต้อง?” นาคินทร์มั่นใจ “ฉันกำลังทำในสิ่งที่ถูกต้องที่สุด”
“ผมไม่เข้าใจพี่เลยจริง ๆ พี่คิน”
“ซักวันแกก็จะเข้าใจ”
“แต่วันนี้..ผมอยากให้พี่ปล่อยคุณตะวันไปซะ”
นาคินทร์จ้องหน้า “แกว่าไงนะ?”
“ถ้าพี่เกลียดเค้า ไม่ชอบเค้า แล้วพี่จะเก็บเค้าไว้ทำไม?” อัครินทร์ว่า
นาคินทร์จ้องหน้า “ฉันจะทำอะไร ยังไงกับใคร มันก็เป็นเรื่องของฉัน โดยเฉพาะ ‘ผู้หญิงคนนี้’ เค้าเป็นของฉัน--แกไม่เกี่ยว”
อัครินทร์จ้องหน้านาคินทร์ นาคินทร์จ้องกลับ สองพี่น้องมองหน้ากันอย่างไม่ยอมกัน
ประตูลิฟต์คอนโดมีเนียมเปิดออก นัครินทร์กับประกายเดือนเดินออกจากลิฟท์มาที่หน้าประตูห้อง
“ขอเชิญท่านรองฯกลับได้แล้วค่ะ” ประกายเดือนบอก
นัครินทร์ว่าง่ายผิดปกติ “โอเค.ครับ!! กู้ดไนท์”
พูดจบนัครินทร์ก็เข้าลิฟท์ไปทันที
ประกายเดือนงง ๆ แทบไม่อยากเชื่อ “อะไรเนี่ย?! ผีเข้ารึผีออกเนี่ย” ประกายเดือนขำ “เชื่องผิดปกติแฮะ?”
ประกายเดือนหันหลังไปเสียบการ์ดเพื่อเปิดประตู ทันใดนั้นนัครินทร์ก็จู่โจมด้วยการผลักประตูรวบตัวประกายเดือนเข้ามาในห้องทันที
“ว๊าย!! อะไรกันเนี่ย?” ประกายเดือนเอากระเป๋าฟาด “ออกไป ๆ”
นัครินทร์คว้ามือเธอไว้ “ใจเย็นคู้ณ!! จะไล่ผมทำไมเนี่ย?”
“ไล่สิ!! ก็นี่มันห้องฉัน คุณเข้ามาทำไม”
“ห้องคุณ?? แน่ใจนะฮะว่าห้องคุณ? คิดใหม่..คิดให้ดี ๆ”
ประกายเดือนอึ้งไป
นัครินทร์ได้ที “นี่มันห้องของพี่คิน พี่ชายผม”
ประกายเดือนจ๋อย
นัครินทร์ยืด “เฮอะ ๆ..ไอ้เราก็สงสัยแต่แรกแล้วว่าทำไมคุณเลขาฯของเราถึงได้ไฮโซอยู่คอนโดอย่างหรูที่แท้ก็ของพี่ชายเรานั่นเอง”
พูดจบนัครินทร์ก็กระโดดลงไปนอนบนโซฟาทันที
ประกายเดือนวิ่งไปดึงแขนเขา “เฮ่ย ๆๆ..ลุกขึ้นเดี๋ยวนี้”
“อะไรฮะ? เข้าใจอะไรผิดรึเปล่าฮะ? คอนโดพี่ชายผม ๆ จะนอนตรงไหน จะทำอะไรก็ได้” นัครินทร์ลุกขึ้นตะปบแขนประกายเดือนเข้ามาจ้องใกล้ๆ “คุณต่างหากเข้ามาทำอะไรในห้องพี่ชายผม? ข้อหาบุกรุกเชียวนะเนี่ย”
“ไม่ใช่นะ!! ไม่จริง!!”
“จริ้ง!” นัครินทร์กระชากประกายเดือนมานั่งตักแล้วกอดไว้แน่น “จ่ายค่าเสียหายมาซะดี ๆ”
นัครินทร์ยื่นหน้าจะหอมแก้ม ประกายเดือนผลักหน้าเขาแล้วยันไว้
“อย่านะ!!”
นัครินทร์ยังดื้อ ประกายเดือนตีหน้านัครินทร์ผัวะ ๆๆ นัครินทร์ร้องลั่นพร้อมกับเอามือกุมหน้า ประกายเดือนรีบผลักจนนัครินทร์หงาย ประกายเดือนวิ่งหนีคว้าแจกันขึ้นขู่
“มาสิ!! เข้ามาสิ!! ฉันตีหัวแตกจริง ๆ ด้วย”
นัครินทร์เอามือที่กุมหน้าออก ทำให้เห็นหน้าแดงเถือกอยู่ด้านเดียวที่โดนตบ “โอย..มือหรือเท้าวะเนี่ย? ผู้หญิงอะไร โหดเป็นบ้า นี่คุณกล้าทำกับผมได้ไงฮะ?”
“กล้าสิ!! ก็ฉันไม่ใช่ผู้หญิงที่อยากได้คุณ อยากได้เงินคุณจนตัวสั่น จนต้องยอมคุณทุกอย่างนี่นะยะ” ประกายเดือนว่า
นัครินทร์อึ้งและทึ่งไปเล็กน้อยเพราะไม่เคยมีใครกล้าพูดกับเขาแบบนี้จริง ๆ
นัครินทร์มองแล้วพยักหน้าหงึก ๆ ก่อนจะค่อย ๆ เข้ามาประจันหน้า ขณะที่ประกายเดือนระวังตัวยังเงื้อแจกันไว้ “ประกายเดือน..ซักวันนึง..คุณจะต้องอยากได้ผม..”
ประกายเดือนจ้องหน้านัครินทร์
นัครินทร์พูดต่อ “..จนตัวสั่น..ฮ่า ๆๆ”
นัครินทร์พูดจบก็เดินหัวเราะชอบใจออกไปจากห้องทิ้งให้ประกายเดือนหงุดหงิด
“บ้า!! อีตาบ้า!”
อ่านต่อหน้าที่ 2
เสน่หาสัญญาแค้น ตอนที่ 11 (ต่อ)
ปานตะวันกำลังทำกายภาพให้กับนารถนรินทร์ โดยปานตะวันยังซึมๆ ส่วนใบตองเฝ้าอยู่ริมสระ
นารถนรินทร์เตะขาที่น้ำในสระไปพูดไป “พี่ตะวันรู้มั้ยคะว่าตั้งแต่พี่ตะวันเข้ามาในบ้านเรา อะไร ๆ ก็เปลี่ยนไป”
ปานตะวันอึ้ง “ยังไงคะน้องนารถ”
นารถนรินทร์ยิ้มแฉ่ง “อย่างแรก..นารถเก่งขึ้น” นารถนรินทร์เตะขาโชว์ “จริงมั้ยคะ?”
ปานตะวันยิ้มน้อยๆ “ค่ะ”
“อย่างที่สอง คุณพ่อคุณแม่แฮปปี้ที่ลูกชาย 3 คนขยันกลับบ้านผิดปกติ..ฮิฮิ”
ปานตะวันเฉไฉไม่ว่าอะไร
นารถนรินทร์พูดต่อ “สุดท้าย..สำคัญมาก พี่คินกลับมาเป็นพี่คินคนเดิมอีกครั้ง”
ปานตะวันหน้าตาเหมือนกลืนความทุกข์ลงคอก่อนจะตัดสินใจพูดออกมา
“น้องนารถคะ...”
นารถนรินทร์ยิ้ม “คะ??”
ปานตะวันตัดสินใจเลียบๆ เคียงๆ ถาม “ ‘คุณคินคนเดิม’ เป็นยังไงเหรอคะ?”
นารถนรินทร์ขำ “อ๋อ..พี่คินคนเดิม ก็เป็นพี่คินที่ใจดีที่สุด น่ารักที่สุด อ่อนหวาน สุภาพบุรุษ เพอร์เฟ็คสุด ๆ อ่ะค่ะ”
ปานตะวันฟังแต่ละข้ออย่างไม่อยากจะเชื่อ
“..แล้ว..คุณคินที่เปลี่ยนไปไม่เหมือนเดิม..เป็นยังไงเหรอคะ?”
นารถนรินทร์เบ้หน้า “โห..เหมือนพี่คินหายสาปสูญไปจากโลกนี้เลยค่ะ ตอนนี้พี่คินไม่พูดไม่จาไม่ยอมเจอหน้าใคร ย้ายออกไปอยู่ข้างนอกคนเดียว” นารถนรินทร์มองปานตะวันแล้วอมยิ้ม “เพิ่งจะย้ายกลับเข้ามาตอนที่พี่ตะวันมานี่ล่ะค่ะ
ปานตะวันฟังแบบไม่ได้รู้สึกปลาบปลื้มใจซักนิด
ปานตะวันตัดสินใจถาม “แล้วเพราะอะไรที่ทำให้คุณคินเปลี่ยนไปขนาดนั้นเหรอคะ?”
“ก็เพราะพี่กนกเจ้าสาวของพี่คินจากไปด้วยอุบัติเหตุในวันแต่งงานนั่นแหละค่ะ”
ปานตะวันฟังแล้วก็ทำเหมือนจะถามต่อ แต่อัครินทร์เดินมาเห็นและทักขึ้นก่อน
“คุณตะวัน” อัครินทร์ปรี่มาที่ขอบสระ “ยังไม่ค่อยจะหายดีไม่ควรลงน้ำนะครับ”
“น้องบอกพี่ตะวันแล้วนะคะ แต่พี่ตะวันบอกว่าไหว” นารถนรินทร์บอก
“คุณตะวัน..”
ปานตะวันแทรก “ตะวันไม่เป็นไรแล้วจริง ๆ ค่ะ”
“ทำไมคุณถึงดื้อแบบนี้” อัครินทร์ว่า
“พี่อัค..ไม่ต้องเป็นห่วงพี่ตะวันหรอกค่ะ” นารถนรินทร์ยิ้ม “ให้พี่คินเค้าห่วงของเค้าคนเดียวก็พอแล้ว”
ปานตะวันอึ้ง อัครินทร์ก็อึ้ง
“โอเค..งั้นพี่ไปรพ.ก่อน” อัครินทร์พูดกับปานตะวัน “ดูแลตัวเองด้วยนะครับ” อัครินทร์เดินไปพูดกับใบตอง “ฝากดูแลด้วยนะใบตอง”
ใบตองยิ้ม “ฝากอะไรคะ?” ใบตองบิด “อย่าบอกนะคะ..ว่าฝากดูแลหัวใจ”
อัครินทร์ส่ายหน้าด้วยความเซ็งใบตองก่อนจะเดินออกไป
“หนุ่ม ๆ บ้านนี้ดูจะเป็นห่วงพี่ตะวันกันทุกคนเลยนะคะ”
ปานตะวันปราม “น้องนารถ..”
นารถนรินทร์ขำ “ก็จริงนี่คะ แต่ไม่รู้ล่ะ..พี่ตะวันอย่าไปสนใจพี่นัคกะพี่อัคนะคะ โดยเฉพาะพี่นัค” นารถนรินทร์ส่ายหน้า “อย่าเด็ดขาด ต้องพี่คินคนเดียวเท่านั้น เชื่อนารถ”
ปานตะวันฟังแล้วก็พูดไม่ออกบอกไม่ถูก
อัครินทร์ใส่เสื้อกราวน์เดินมาตามทาง ทันใดนั้นแพรวพรรณรายก็โผล่มาขวางทางไว้ อัครินทร์จะขยับไปซ้าย-ขวา แพรวพรรณรายก็ขวางไว้หมด
“ยังไงเนี่ย?”
“ฉันต่างหากที่ต้องถามคุณ”
“เรื่อง?”
“เรื่องตะวัน--เพื่อนฉัน!”
อัครินทร์วางนมเย็นสีชมพูลงตรงหน้าแพรวพรรณราย ส่วนของตัวเองเป็นกาแฟร้อน
แพรวพรรณรายมอง ๆ แล้วก็วางฟอร์ม “รู้ได้ไงว่าฉันชอบ?”
“ก็..” อัครินทร์มองกระเป๋าสีชมพูและเสื้อผ้าของแพรวพรรณราย “เดาเอา..”
แพรวพรรณรายพยักหน้าหงึกๆ “ฉลาด..พอใช้ได้”
อัครินทร์ไม่สนใจ เขาจิบกาแฟ
แพรวพรรณรายรีบถาม “ตกลงยังไง..ตะวันเป็นยังไงบ้าง? แล้วมันเกิดอะไรขึ้น? สรุปว่าคุณหรือคุณนาคินทร์กันแน่”
“โห..เป็นชุด” อัครินทร์ว่า
“ก็ค่อย ๆ ตอบมา แต่ต้องตอบให้ครบทุกคำถาม”
อัครินทร์ถอนใจเฮือก “คุณตะวันก็ดีขึ้นแล้ว ส่วนเกิดอะไรขึ้น..ผมยังไม่รู้”
“อ้าว?”
“คุณตะวันไม่ยอมบอก”
“แล้วตกลงใครเป็นต้นเหตุ คุณหรือคุณนาคินทร์? อย่าโกหก”
“ต้นเหตุจะเป็นใครไม่รู้ แต่ไม่ใช่ผมแน่ ๆ”
“จริ้ง?”
“จริงง..จะโกหกทำไมเล่า” อัครินทร์ว่า
แพรวพรรณรายอ่อนใจ “ว้า..แล้วทำไงถึงจะรู้ล่ะว่าเกิดอะไรขึ้นกับตะวัน แล้วใครเป็นคนทำ”
“คุณก็คอยโทร.ชวนคุย ปลอบใจคุณตะวันหน่อยละกัน เผื่อเค้าอาจจะอยากเล่าให้คุณฟังบ้าง”
แพรวพรรณรายนึก “รู้แล้ว!! ต้องพาตะวันไปเที่ยวลั๊นล้าซะหน่อยเผื่อจะหลุดเล่าอะไรให้ฟังบ้าง ว่าแต่ที่บ้านคุณจะอนุญาติรึเปล่า?”
“เอาสิ..ผมจะช่วยพูดให้ ที่บ้านไม่น่าจะมีปัญหา นอกจาก..”
“นอกจากใคร?” แพรวพรรณรายถาม
อัครินทร์ไม่ตอบ
นาคินทร์ไม่พอใจ
“อะไรนะ?? นี่มันจะเว่อร์ไปกันใหญ่แล้วนะครับแค่ไม่สบายนิดเดียว แล้วตอนนี้เค้าก็หายแล้ว ผมไม่เห็นมันจำเป็นที่จะต้องพาตะวันไปพักผ่อนอะไรอย่างที่คุณแม่ว่า”
สาวิตรีมองอัครินทร์ว่าจะเอายังไงดี นารถนรินทร์บีบแขนแม่อ้อน ๆ ทันใดนั้นนัครินทร์ก็โพล่งขึ้นมา
“แต่ผมว่าจำเป็นนะฮะ” นัครินทร์เชียร์แม่ “ผมเห็นด้วยกับไอเดียเจ๋ง ๆ ของแม่นะฮะ”
“ใช่มะ..ใช่มะ?”
นาคินทร์โพล่งออกมา “ไอ้นัค!!”
“จริงนะฮะพี่คิน ลำพังคุณพยาบาลคนสวยนั่นผมไม่ค่อยจะอะไรเท่าไหร่” นัครินทร์แหล “แต่นี่ฮะ.น้องนารถ..น้องสาวคนเดียวของเรา เราไม่เคยพาน้องนารถไปเที่ยวกันมานานแล้ว”
นารถนรินทร์เหวอเลยเพราะไม่รู้ว่ามารักเราตอนไหน อัครินทร์ส่ายหน้ากับความกะล่อนของพี่ชาย ทวยเทพกับสาวิตรีรู้นิสัยลูกชาย ส่วนใบตองแน่นอก
“เยอะแล้วไอ้นัค”
นัครินทร์หันไปหาอัครินทร์ทันที “ไอ้หมอดีกว่า ตอบพี่มาซิไอ้น้องหมอว่าจริง ๆ แล้วเราควรพาน้องนารถของเราไปพักผ่อนใกล้ชิดธรรมชาติรับอากาศบริสุทธิ์ เพื่อสุขภาพที่ดียิ่งขึ้น ถูกต้องมั้ย..ไอ้น้อง?!”
“ถูกต้องครับ”
“นั่น!! จบมั้ยฮะ?! จบ! สรุปว่าทุกคนเห็นด้วยที่จะให้ผมพาน้องนารถและคุณพยาบาลไปเที่ยวพักผ่อน”
“เดี๋ยวนะพี่นัค—พี่นัคเนี่ยนะจะพาน้องกับพี่ตะวันไปเที่ยว” นารถนรินทร์ว่า
“จริงด้วยค่ะ..ต้องใบตองด้วยสิคะ ตั้งแต่คุณ ๆ โตเนี่ย ใบตองอยู่แต่บ้านไม่เคยได้ไปเที่ยวไหนเลย”
“นี่!! เงียบเลย!! อยู่บ้านกะฉันเนี่ยล่ะดีแล้วนังตอง” สาวิตรีพูดกับนาคินทร์ “แม่ว่าลูก ๆ ไปเที่ยวกันซะบ้างก็ดีนะจ๊ะ พี่คินก็ทำงานหนักมาตลอด ลูกหมอก็อยู่แต่ รพ.ไม่เคยได้ไปไหนกะใครเค้า”
“อ้าว..แล้วผมละฮะ?!”
“ไปตีกอล์ฟกับพ่อมั้ยล่ะ?” ทวยเทพถาม
“ขอบคุณมากฮะ!! ไม่ดีกว่านะฮะ ผมขอพาน้องนารถไปเที่ยวดีกว่าฮะ” นัครินทร์บอก
“เออจริงด้วย..ชวนคุณเดือนน้องพี่ตะวันไปด้วยดีมั้ยคะ พี่ตะวันคงจะดีใจ”
สาวิตรีนึกได้ “หนูพิงค์อีกคน” สาวิตรีพูดกับอัครินทร์ “ดีมั้ยลูกหมอ?”
อัครินทร์งง ๆ ว่าถามเราทำไม “ไม่รู้ครับ”
“แต่แม่ว่าดี เอาเลย..จบ..ตามนั้น”
นาคินทร์งงว่าอะไรวะเนี่ย? “เดี๋ยวครับ..ผมยังไม่...”
“เอาตามแม่เค้าเถอะตาคิน” ทวยเทพบอก
นาคินทร์เซ็ง
นารถนรินทร์ดีใจมาก “เย้!! ว่าแต่เราจะไปเที่ยวไหนกันดีคะ”
“มันจะเป็นที่ไหนไปไม่ได้--นอกจาก” นัครินทร์ทำตาเจ้าเล่ห์และยังไม่ยอมบอก
เจ็ทสกี และเครื่องเล่นอื่นๆ ที่ดูดีมีระดับอยู่ที่ชายหาด ฝรั่งนอนอาบแดด สุดท้ายจบที่สาว ๆ สวย ๆ นุ่งบิกินี่ดี๊ด๊ากันอยู่ที่ชายหาด ‘นัครินทร์’ โผล่พรวดมาอย่างถูกใจใช่เลย
นัครินทร์เสียงดังลั่น “มันต้องอย่างนี้ นี่ล่ะ..ที่นี่เท่านั้น สวรรค์แห่งการพักผ่อนที่แท้จริง จริงมั้ยฮะพี่คิน”
นัครินทร์จะหันไปถามนาคินทร์กับอัครินทร์แล้วก็ชะงัก เพราะไม่มีใครอยู่ข้าง ๆ ซักคน
นัครินทร์เหวอ “พี่คิน?” นัครินทร์เสียงดังลั่น “พี่คิน” นัครินทร์ชะเง้อ “ไอ้อัค!! ไอ้อัค!!!! ว้า..อะไรวะ ตะกี้ยังยืนอยู่ตรงนี้ 2 คนนี่ยังไง? มาทะเลทั้งที ทำไมไม่มาชมวิว” นัครินทร์มองสาวบิกีนี่แล้วก็ชะงักอึ้งในความอึ๋ม “ไม่รู้จักซาบซึ้งกับธรรมชาติ” นัครินทร์เสียงพลิ้วและเพ้อ “ส่วนโค้งส่วนเว้าที่พระเจ้าสร้างมา”
นัครินทร์ทำหน้าฟินมาก
นาคินทร์ยืนมองท้องทะเลเวิ้งว้าง ภาพตอนที่นาคินทร์กับกนกวลีวิ่งเล่นริมทะเลแวบเข้ามาในหัว นาคินทร์มีสายตาเศร้าเพราะลืมภาพเก่าไม่ได้ ปานตะวันเข็นรถนารถนรินทร์เข้ามาแล้วก็ชะงัก
นารถนรินทร์เห็นนาคินทร์ก็ดีใจ “พี่คินทร์!” นารถนรินทร์พูดกับปานตะวัน “อ้าว!พี่ตะวันคะ หยุดทำไมล่ะคะ ไปหาพี่คินทร์กันเถอะค่ะ”
“เอ่อ..ตรงนั้นลมแรง พี่กลัวน้องนารถจะไม่สบายเราไปตรงอื่นกันดีกว่านะคะ”
นารถนรินทร์เหล่ “พี่ตะวันค้า..เรามาเที่ยวทะเลทั้งที นารถก็ขอชมวิวทะเลซักนิดซิคะ” นารถนรินทร์อมยิ้ม “เอ๋...หรือรังเกียจอะไรพี่คินทร์ของนารถ?”
ปานตะวันสะดุ้ง “เอ่อ..เปล่าค่ะ”
ประกายเดือนกับแพรวพรรณรายเสียงดังลั่น “ตะวั๊นน!”
ปานตะวันสะดุ้งเฮือกขึ้น นาคินทร์หันมองเห็นว่าปานตะวันอยู่แถวนั้นก็จ้องมอง ปานตะวันเมินหน้าหนี ประกายเดือนกับแพรวพรรณรายวิ่งมาหา
“อยู่นี่เอง...ตามหาซะเหนื่อยเลย”
“มีอะไรเหรอ?”
“ก็จะชวนไปหาอะไรสนุกๆทำน่ะสิ” แพรวพรรณรายบอก
“ไม่ได้หรอก...เราต้อง...”
นารถนรินทร์สวนทันที “ไปเถอะค่ะ...เดี๋ยวนารถไปนั่งดูด้วย...นั่งดูเฉยๆรับรองไม่เป็นภาระ”
“น้องนารถอย่าพูดอย่างนั้นซิคะ พี่ไม่เคยคิดว่าน้องนารถเป็นภาระเลย”
“งั้นก็ไปกันเลยนะคะ” ประกายเดือนหันไปเห็นนาคินทร์ยืนอยู่ “ท่านประธ้าน!!”
ประกายเดือนวิ่งเข้าไปหาด้วยความดีใจ ปานตะวันหน้าเสียไปนิดนึงนาคินทร์สังเกตุได้ก็เลยทำท่าสนิทสนม
“ว่าไงครับ...คุณเดือน”
“มายืนเหงาทำไมคนเดียวคะท่านประธาน” ประกายเดือนดึงแขนเลยกะจะพาไปให้ใกล้พี่สาว “ไปแจมกันทางนู้นดีกว่าค่ะ”
นาคินทร์กุมมือประกายเดือนหมับด้วยความตั้งใจ ปานตะวันอึ้ง
“อย่าเลยครับ มีผมไปด้วย เดี๋ยวจะไม่สนุกกัน”
ประกายเดือนโอบเอวแล้วดึงตัวทันที “ไม่ได้ค่ะ ใครบอกไม่สนุกค่ะ ต้องมีท่านประธานสิค่ะถึงจะสนุก”
นาคินทร์แกล้งขืนตัวไว้ ประกายเดือนเสียหลักล้มลงพื้นแล้วก็กลิ้งหลุนๆ พร้อมกับนาคินทร์ นาคินทร์ตั้งใจกอดทับประกายเดือนไว้แนบชิด
ปานตะวันอึ้ง “เดือน!!”
นาคินทร์ตั้งใจมองปานตะวันแถมยังยิ้มเย้ยด้วย ปานตะวันพุ่งไปจับนาคินทร์กับประกายเดือนแยกออกจากกันทันที
“ปล่อยนะ!” ปานตะวันดึงประกายเดือนมากอดไว้ “เดือน !! เดือนเป็นอะไรมั้ย?”
ประกายเดือนทั้งเจ็บ ทั้งตกใจ ทั้งแอบขำ “เค้าไม่เป็นไร ดูท่านประธานดีกว่า”
นาคินทร์ที่ยังนอนแอ้งแม้งอยู่ค่อยๆลุกขึ้นมา
นาคินทร์ยิ้มขำ “ผมไม่เป็นไรครับ โห..เห็นตัวเล็กๆแต่แอบหนักอยู่เหมือนกันนะครับ”
“ว้ายยย” ประกายเดือนอายทันที “ขอโทษท่านประธานนะคะ ทำท่านประธานเจ็บตัวเลย”
ปานตะวันยิ่งมึนเมื่อเห็นสองคนแฮปปี้
“ไม่เป็นไรครับ แค่ตัดเงินเดือน 10 % สิ้นปีไม่มีโบนัส”
ประกายเดือนตาโต “ไม่นะ!!” ประกายเดือนกุมมือตัวเองทำท่าอ้อนวอน “ได้โปรด!! ข้าน้อยสมควรตาย”
นาคินทร์โอบไหล่ประกายเดือนอย่างใกล้ชิด “ลุกขึ้น” นาคินทร์จ้องหน้า “ข้าให้อภัยเจ้า!!”
ประกายเดือนกระโดดตัวลอย “เย้!!” ประกายเดือนกอดหมับอย่างฝรั่งโดยไม่คิดอะไร
ปานตะวันตะลึง นาคินทร์เห็นก็รีบโอบเพื่อยั่ว
นาคินทร์พูดกับประกายเดือน “ไปครับ เราไปสนุกกันดักว่า”
“ไปค่ะ” ประกายเดือนหันมาหลิ่วตาให้ปานตะวัน “รีบตามไปนะตะวัน” ประกายเดือนตะโกนบอกพร้อมวิ่งไปหาแพรวพรรณรายกับนารถนรินทร์ “ไปพวกเรา!!”
นาคินทร์มองปานตะวันยิ้มๆ แล้วจะเดินออก ปานตะวันคว้าแขนไว้ นาคินทร์มอง
ปานตะวันตาวาวอย่างเอาจริง “ไม่ว่าคุณกำลังคิดอะไรสกปรกกับน้องสาวฉันอยู่ก็ตามฉันขอให้คุณหยุดคิด และหยุดแตะต้องเดือนเดี๋ยวนี้”
นาคินทร์ค่อยๆแกะมือปานตะวันออก “คุณนั่นแหละที่ต้องหยุด !! หยุดออกคำสั่งเพราะคุณไม่มีสิทธิ์” นาคินทร์เดินออกไป
ปานตะวันเสียงดัง “ฉันเอาคุณตายแน่”
นาคินทร์ชะงักก่อนจะค่อยๆหันมามอง
“ผมตายไปนานแล้ว เหลือแต่คุณนั่นแหละ”
ปานตะวันอึ้งและงงๆ นาคินทร์จ้องแบบเหมือนจะมาเอาให้เธอตายตามกันไปด้วยก่อนจะเดินออกไป ทิ้งให้ปานตะวันมึนงงจนหมดแรง
อ่านต่อหน้าที่ 3
เสน่หาสัญญาแค้น ตอนที่ 11 (ต่อ)
นัครินทร์โวย
“พี่คินทร์จะบ้าเหรอฮะ? สาวๆเค้าชวนว่ายน้ำดั้นไม่ว่าย เอ่อ..โทษนะฮะ..ถ้างั้นทำไมไม่เอาเป่ายิ้งฉุบหรือโดดหนังยาง ซะเลยล่ะฮะพี่คินฮะ?”
4 คนพี่น้องนั่งอยู่ด้วยกัน นัครินทร์กับอัครินทร์ช่วยกันขึงเน็ทวอลเล่ย์บอล
นารถนรินทร์ขำ “ทำไมล่ะพี่นัค เล่นวอลเล่ย์บอลก็ดีออก แหม..เค้าออกจะอินกันทั่วบ้านทั่วเมือง”
“เออ..เธออิน ฉันไม่อิน ว่ายน้ำอินกว่าเยอะ” นัครินทร์เพ้อ “ทุกคนมโนตามผมนะฮะ สาวๆ ขาวๆสวยๆในชุดทูพีช..บิกินี่” นัครินทร์แว้ด “ฟิลลิ่ง มันต่างกันกับชุดนักกีฬาราวฟ้ากับเหว จริงมั้ยไอ้หมอ?”
อัครินทร์ที่นั่งอ่านตำราแพทย์อยู่ก็ส่ายหน้าขำๆ “ไม่รู้..ไม่เกี่ยว”
นัครินทร์รีบทันที “เออ..แกไม่เกี่ยวจริงนะเว้ย เดี๋ยวเกิดคุณพยาบาลคนสวยนุ่งทูพีชขึ้นมาเมื่อไหร่แกห้ามเกี่ยวนะเว้ย”
อัครินทร์ชะงัก นาคินทร์ชะงักมอง
นารถนรินทร์แว๊ดออกมา “ห้ามทั้งคู่แหละ” นารถนรินทร์มองนาคินทร์แล้วยิ้มอ้อน “ห้ามใครเกี่ยวกับพี่ตะวันทั้งนั้นจริงมั๊ยคะพี่คิน”
นาคินทร์มองสองหนุ่ม “จริง!!”
อัครินทร์อึ้ง นัครินทร์โวย
“เฮ้ยๆๆ..อะไรยังไงกันครับเนี่ย เคลียร์กันหน่อยซิ” นัครินทร์
นารถนรินทร์พูด “ไม่ต้องเคลียร์เลย มาโน่นแล้ว”
ทุกคนรีบหันไปมองก็เห็นเป็น ‘ปานตะวัน’ เดินถือจานผลไม้มาในชุดเรียบร้อยปกติมาไกลๆ
นัครินทร์หมดอารมณ์ “โห่ย..เซ็ง !! นึกว่าจะบิกินี่”
“ฝันไปเถอะ จะได้เห้นขาอ่อนพี่ตะวัน พี่เค้าเรียบร้อย กุลสตรีไทยที่ 1 ในโลก”
นาคินทร์พูดลอยๆ “มันก็ไม่แน่”
อัครินทร์มองหน้านาคินทร์ทันที
นารถนรินทร์ได้ยินไม่ถนัด “พี่คินว่าไงนะคะ”
“เปล่า”
อัครินทร์มองนาคินทร์
ปานตะวันเดินมาจนถึง “ทานผลไม้กันนะคะ”
“คุณแม่น่าจะให้ใบตองมาด้วย คุณตะวันจะได้ไม่ต้องเหนื่อย” อัครินทร์บอก
ปานตะวันยิ้มน้อยๆ “ไม่เหนื่อยอะไรเลยค่ะ”
“เอ่อ..ผมมีคำถามครับ คุณตะวัน..ไม่..เอ่อ..ไม่ร้อนมั่งเหรอครับ มาทะเล ?”
“ก็..ไม่นี่ค่ะ..ลมเย็นสบายดี” ปานตะวันบอก
“อ่อ..ครับแต่..คือ..ไม่อยากเปลี่ยนเสื้อผ้าที่มัน..มันดูรีแล็กซ์..สบายๆ..อะไรงี้มั่งเหรอครับ?”
ปานตะวันงง “ยังไงเหรอคะ?”
“ก็..เอ่อ..” นัครินทร์หันไปเห็นประกายเดือนกับแพรวพรรณรายใส่ทูพีชทั้งเปรี้ยวทั้งน่ารักเดินมาก็หันมาบอก “ก็อย่างสองคนนนั้นน่ะครับ” นัครินทร์ชะงักหันไปจ้องอีกทีก็ตกตะลึง “เฮ่ย!”
ทุกคนหันไปมองตามนัครินทร์ ประกายเดือนกับแพรวพรรณรายเดินแบบ SLOW & SEXY ตรงเข้ามา
นัครินทร์เสียงดังลั่น “เฮ่ย!! เฮ่ยๆๆ”
อัครินทร์อ้าปากค้างและทำหนังสือตกหล่นจากมือ นาคินทร์มองยิ้มๆ ปานตะวันเห็นอาการนาคินทร์ก็ไม่พอใจ สองสาวเดินมาถึงกลุ่ม
“อ้าว !! ยังไม่ไปเปลี่ยนเสื้อผ้ากันอีกเหรอคะ?”
นัครินทร์ถอดเสื้อเลยจนเหลือแต่ขาสั้น “ผมได้เลยฮะ...พร้อมเลย” นัครินทร์พูดกับนาคินทร์ อัครินทร์ “พี่คิน,ไอ้หมอ เร็วดิ”
“เร็วสิคะ เดี๋ยวนารถเป็นกรรมการ” นารถนรินทร์บอก
ปานตะวันแอบไปเอ็ด 2 สาว “เดือน,พิ้งค์ !! แค่เล่นวอลเล่ย์ทำไมต้องแต่งตัวซะโป๊ขนาดนี้”
ประกายเดือนกับแพรวพรรณรายเสียงดังลั่น “โป๊ที่ไหนกันตะวัน ?”
ทุกคนหันขวับมองทั้งสามสาวหน้าจ๋อยๆ
“จะเล่นวอลเลย์หรืออะไรมันก็ต้องแต่งแบบนี้แหละ..สวยไว้ก่อนจริงมั๊ย?” แพรวพรรณรายว่า
นัครินทร์รีบทันที “จริงที่สุดฮะ!! มันก็ต้องหยั่งงี้เลย”
“ใครจะเหมือนคุณตะวันล่ะครับ” นาคินทร์สวน
ปานตะวันหับขวับ
“ดูเหมือนคุณตะวันจะเป็นคนเรียบร้อยมาก ว่าแต่เรียบร้อยเกินไปรึเปล่าครับ?” นาคินทร์ถาม
ปานตะวันอึ้งเพราะรู้ว่าโดนเหน็บ
ประกายเดือนไม่รู้อิโหน่อิเหน่ “เอ๊!! อันนี้ชมรึยังไงกันแน่คะท่านประธาน??ไม่ได้แล้วตะวัน ลูกผู้หญิงอย่างเรา ฆ่าได้หยามไม่ได้ จริงมั๊ยพี่พิ้งค์ ?”
“จริง!” แพรวพรรณรายตอบทันที
ประกายเดือนทำหน้าเจ้าเล่ห์ “ถ้างั้น..เราก็..”
ปานตะวันงงๆหวั่นๆ “อะไร??..มองพี่ทำไม จะทำอะไรน่ะเดือน”
ประกายเดือนกับแพรวพรรณรายมองหน้ากันก่อนจะพยักหน้าแล้วกระชากแขนซ้าย แขนขวาปานตะวัน
ปานตะวันถูกจับกดไหล่ให้นั่งลง
“ไม่!!ยังไงพี่ก็ไม่!” ปานตะวันยืนกราน
“ทำไมล่ะตะวัน?? ผู้หญิงอย่างเรา มีดีมันต้องโชว์ ที่สำคัญ เราไม่ได้โม้ ‘ของเรา’ ดีจริงไรจริง ไม่ได้อิงมีดหมอ”
“ถูก! เธอรู้มั้ยตะวัน วันๆแต่มีคนไข้มาหาฉันอยากจะสวยเด้งเซียะ ทำยังไงก็ได้ขอทุ่มสุดตัว แต่ดูตะวันซิ..มีดีแล้วดันเอามาหมกไว้งี้”
“จริง!! ช่วงนี้อวดได้ก็รีบๆอวดเหอะ” ประกายเดือนนึกถึงนาคินทร์ “ให้มันรู้ซะมั่ง อยากเห็นท่านประธานช็อคอ้าปากค้างจริงๆเลย ฮิๆๆ”
ปานตะวันนึกได้ก็พูดจริงจัง “พี่อยากให้เดือน..อยู่ห่างๆท่านประธานของเดือนไว้บ้างจะดีกว่านะ”
แพรวพรรณรายชะงักฟัง
ประกายเดือนทำใสๆ “อยู่ห่างๆ ..ทำไมล่ะตะวัน มีแต่สาวๆเค้าอยากจะอยู่ใกล้ๆท่านประธานกันทั้งนั้นทั้งหล่อ ทั้งรวย หืมม์! ตัวงี้ห้อม..หอม”
ปานตะวันเผลอตวาดแว้ด “พี่บอกให้อยู่ห่างๆ!!”
ประกายเดือนชะงัก “โห..ทำไมต้องดุเค้าด้วยล่ะ”
แพรวพรรณรายฟังแล้วก็มองด้วยความสงสัย
“เอ่อ..มันไม่ดีน่ะเดือน คนเค้าจะหาว่าเราไม่มีศักดิ์ศรี พี่ไม่อยากให้ใครมาดูถูก” ปานตะวันบอก
ประกายเดือนได้ที “ก็นี่ไง!! เราก็ไม่ควรให้ใครมาหยามได้ว่าเราติ๋ม”
“ใครติ๋ม?” ปานตะวันถาม
แพรวพรรณรายรีบแย๊บทันที “อ้าว! ก็ตะกี้ไง คุณนาคินทร์พูดว่าตะวันเรียบร้อยมากอะไรเนี่ย แต่น้ำเสียงแปลกๆไงก็ไม่รู้ ตะวันว่ามั้ย?”
ปานตะวันหลบตา
“งั้นเราก็โชว์ให้เห็นไปเลยว่า - - เราแซบแค่ไหน จะได้ซึ้ง”
“จริง..เพื่อน!” แพรวพรรณรายยุ “เอาให้ครางหงิงๆเลย” แพรวพรรณรายลองแย๊บดู “ให้รู้ซะมั่งว่าเราไม่ธรรมดาอย่ามาหยามกันง่ายๆ” แพรวพรรณรายเขี่ยใหญ่ “เล่นกะใครไม่เล่น มาเล่นกะปานตะวัน!”
ปานตะวันนิ่งคิด
ประกายเดือนนึกสนุกแบบเด็กๆ “เอางี้!! ถ้าตะวันยอมเค้า เค้าก็จะยอมตะวัน!! เค้าจะอยู่ห่างๆ ไปให้ไกลๆ จากท่านประธานตามที่ตะวันบอกเลย โอเค้”
ปานตะวัน อึ้ง คิด นิ่ง โดยยังไม่ตอบรับหรือปฏิเสธ
แพรวพรรณรายกับประกายเดือนเห็นอาการก็ตีมือกันอย่างสนุก “วู้ว!”
นัครินทร์นั่งเขี่ยรูปูอยู่กับพื้นทรายอย่างเซ็งสุดๆ ก่อนจะโวยวาย
“ไงว่ะเนี่ย?? ป่านนี้ทำไมยังไม่มาจะแต่งตัวอะไรกันนักกันหนาแก้ผ้าซะเลยก็จบ”
“บ้า!!ไอ้พี่นัค..พูดจา” อัครินทร์ว่า
“ก็จริงนี่หว่า..ไม่ต้องคิดเยอะ ไวดี จะได้เล่นซะทีวอลเล่ย์บอลชายหาด”
นาคินทร์ที่นั่งอยู่เซ็งมากจึงลุกขึ้น “ฉันไม่เอาด้วยละนะ กลับไปนอนเล่นที่ห้องดีกว่า”
เสียงประกายเดือนดังขึ้น “ใจเย็นๆซิคะท่านประธาน!”
ทุกคนหันไปมองตามเสียงก็เห็นประกายเดือนกับแพรวพรรณรายยืนยิ้มแฉ่งอยู่
“ผู้ร่วมทีมวอลเล่ย์บอลชายหาดคนล่าสุดมาแล้วค่า” แพรวพรรณรายแนะนำ
ประกายเดือนกับแพรวพรรณรายผายมือไปด้านหลังราวเชียร์ลีดเดอร์แล้วแหวกทางออกจนเห็นปานตะวันในชุดทูพีชน่ารัก เซ็กซี่ เดินเข้ามา นัครินทร์อึ้ง อัครินทร์มองอย่างชื่นชมก่อนจะหันไปมองนาคินทรที่อึ้งตะลึงไม่กระพริบตา
นารถนรินทร์ปลื้ม “พี่ตะวัน! พี่ตะวันสวยมาก เปรี้ยวมาก เซ็กซี่ๆสุดเลยค่ะ”
ปานตะวันยิ้มเขินๆ หนุ่มๆ ยังอึ้งค้างกันอยู่ ปานตะวันที่สวยเซ็กซี่เชิดใส่นาคินทร์ ประกายเดือนกับแพรวพรรณรายตีมือกันเพียะที่ทุกอย่างสำเร็จ
“พร้อมกันรึยังค้า” ประกายเดือนถาม
นัครินทร์สะดุ้งแล้วก็ตื่นจากภวังค์ “พร้อมสิ!! พร้อมมาก!! เอาเลยฮะ ลุกๆๆ พี่คิน, ไอ้หมอลุกเลย เร็ว”
ทุกคนพร้อมยกเว้น ‘นาคินทร์’
“ใครจะเล่นก็เล่น ฉันไม่เอาด้วย” นาคินทร์ว่า
ปานตะวันชะงัก
“เอ๊า!! ทำไมล่ะฮะพี่คิน?” นัครินทร์ถาม
“ไม่รุ๊!! ไม่เห็นจะน่าสนุก” นาคินทร์มองปานตะวันด้วยสายตาดูถูก “ฉันเคยเล่นอะไรที่มันสนุกกว่านี้ตั้งเยอะ”
ปานตะวันอึ้งเพราะรู้ความหมาย อัครินทร์มองทั้งสองอย่างสังเกต
“โห่..เซ็งเลยค่ะท่านประธาน แค่ 5 คนแล้วจะเล่นกันยังไงล่ะคะ?” ประกายเดือนว่า
นัครินทร์อยากเล่นใจจะขาดจึงรีบตัดบท “เอาน่าๆๆ 5 คนก็ 5 คน 5 คนก็เล่นได้” นัครินทร์รีบลากประกายเดือนกับอัครินทร์พร้อมๆกับแพรวพรรณราย “ไปเลยฮะไปเลย ผมต่อให้คุณเลย คุณเลขาฯ ไปอยู่กัน 3 คนเลยไปเลยไป ผมยอมอยู่กับคุณพยาบาลแค่ 2 ต่อ 2 เองก็ได้ฮะ”
อัครินทร์งง “เฮ้ย..พี่นัค”
“เหอะน่า!!ฉันยอม!!ฉันแมน!!ฉันเสียสละ”
นาคินทร์เริ่มมอง
ประกายเดือนกระซิบแพรวพรรณราย “ท่านรองขี้หลีอะพี่พิ้งค์”
แพรวพรรณรายทำหน้าอ๋อ “งั้น..จัดเลยมะ?”
ประกายเดือนทำหน้าตาสนุก “จัดหนัก”
สองสาวพยักหน้าให้กัน
นารถนรินทร์ตะโกนเข้ามา “ให้ 2 คนเสิร์ฟก่อน” นารถนรินทร์เป่านกหวีด “ปรี๊ด!!”
ปานตะวันเสิร์ฟลูกอย่างมือโปรมากด้วยท่าทางทะมัดทะแมง ความแข็งแกร่งที่ซ่อนไว้เริ่มโชว์ให้เห็น นาคินทร์อึ้ง นัครินทร์อ้าปากค้าง ลูกลอยข้ามตรงมาที่อัครินทร์ที่ยืนตะลึงอยู่
ประกายเดือนร้องบอก “คุณอัค!!”
“ปลาบู่!!” แพรวพรรณรายตะโกน
อัครินทร์พุ่งรับลูกแต่ลูกหล่นแตะพื้นไปแล้วทำให้อัครินทร์หน้าทิ่มอยู่ตรงนั้น
นารถนรินทร์ดีใจ เธอเป่านกหวีดแล้วชี้ “1- 0!!” นารถนรินทร์พูดกับนาคินทร์ “พี่ตะวันสุดยอดเลยพี่คิน”
นาคินทร์เฉยๆ ก่อนจะชะงักกับภาพตรงหน้ามาก นัครินทร์ทำเนียนดีใจกระโดดกอดปานตะวันแน่น
“เย้ๆๆเก่งที่สุดเลยฮะ สุดยอดๆ”
ประกายเดือนแหวะใส่ “ดีใจเยอะไปป่ะค่ะ..ท่านรอง”
“อะไรคุณ? แพ้แล้วอย่าอิจฉาซิฮะ?? ขี้แพ้ชวนตี” นัครินทร์พูดกับปานตะวัน “โห..คุณพยาบาลฮะนี่ถ้าไม่รู้จักกันมาก่อนนี่จะนึกว่าเป็นทีมชาติหญิงทีมเดียวกับปลื้มจิตร์เลยนะฮะเนี่ย” นัครินทร์พูดกับอัครินทร์ “อ้าวไอ้หมอ!! ไงล่ะ!! จับกบเพลินมั้ย?”
แพรวพรรณรายขำกิ๊ก อัครินทร์เหล่
“พูดมาก!! เสิร์ฟดิ” อัครินทร์บอก
อัครินทร์โยนลูกใส่นัครินทร์
นัครินทร์บอกกับปานตะวัน “คราวนี้..ผมเองฮะ คุณพยาบาลขึ้นหน้าเลยนะฮะ”
นัครินทร์เดินไปจะเสิร์ฟ ปานตะวันเดินขึ้นหน้าเน็ทไปเตรียมพร้อม นัครินทร์ได้โอกาสจ้องมองส่วนโค้งส่วนเว้าด้านหลังของปานตะวันอย่างเพลิดเพลิน
นารถนรินทร์เป่านกหวีดปรี๊ด “เอ๊า!! ทำไมไม่เสิร์ฟซักที”
นาคินทร์เริ่มหงุดหงิดเพราะรู้นิสัยนัครินทร์
อัครินทร์รู้ “พี่นัค!! เสิร์ฟได้แล้ว”
นัครินทร์สะดุ้ง “เออๆ..แหมะ..เร่งจังเว๊ย!!คนเค้าทำสมาธิอยู่”
นัครินทร์เสิร์ฟ แพรวพรรณรายรับ ประกายเดือนเซ็ท อัครินทร์ตบเปรี้ยงแต่ปานตะวันรับได้ นัครินทร์เซ็ท ปานตะวันกระโดดตบอย่างเท่ห์ แพรวพรรณรายกับประกายเดือนพุ่งรับพร้อมกันแต่ไม่สำเร็จ ปานตะวันกระโดดดีใจ นัครินทร์จะกระโดดกอดอีก คราวนี้ปานตะวันเบี่ยงตัวหลบทำให้นัครินทร์เสียหลักล้มลงกอดพื้นทรายเต็มๆปานตะวันขำกิ๊ก แพรวพรรณรายกับประกายเดือนขำกลิ้ง อัครินทร์ส่ายหน้าขำๆ นารถนรินทร์ขำชอบใจ นาคินทร์นั่งหน้ามึนอยู่คนเดียว
ปานตะวันเหลือบมองนาคินทร์ นาคินทร์จ้องปานตะวันอยู่โดยไม่เมินหน้าไป
สาวิตรีนั่งเล่นเกมในไอแพตอยู่กับใบตองที่กำลังนั่งหงุดหงิดอยู่
“ว้าย!! แพ้เลยเห็นมะ..ใบตอง” สาวิตรีว่า
“อ้าว..คุณผู้หญิงจิ้มเองนะคะ ใบตองไม่เกี่ยว” ใบตองปัด
“ก็เธอน่ะแหละ นั่งยุกยิกๆอะไร ฉันเสียสมาธิหมด”
“แหม..จะไม่ให้ยุกยิกได้ไงคะ ก็ใบตองเป็นห่วงคุณหนูๆนี่คะ”
“เป็นห่วงรึว่าอยากรู้เรื่องพวกเค้ากันแน่ฮึ้ม..ใบตอง”
“แหม..คุณผู้ชายอ่ะ..รู้ใจใบตอง”
สาวิตรีเอ็ดใบตอง “ทะลึ่ง!” สาวิตรีทำตาโต “เออ..แต่ฉันก็อยากรู้เหมือนกันอ่ะ”
“มั้ยล่ะ?? เห็นมั้ยคะ? ส่งใบตองไปเกาะติดสถานการณ์แต่แรกก็สิ้นเรื่อง” ใบตองบอก
สาวิตรีเสียดาย “จริงด้วยอ่ะ”
“น่าเกลียดน่า..ลูกเราเค้าก็ตาโตๆกันแล้วต้องปล่อยเค้า”
“แต่แหม..นึกดูคะ ไปกันเป็นคู่ๆเลยนะคะ..เฮ้อ!! เสียดายจังน่าจะให้ใบตองไป” ใบตองว่า
“จริงสิ!!พี่คินกับหนูตะวัน ลูกหมอกับหนูพิ้งค์” สาวิตรีชะงัก “แล้วตานัคล่ะ..”
“ก็..” ใบตองนึก “จับคู่กับคุณเลขาฯเดือนซะเลยมั้ยคะ?”
สาวิตรีทำตาโต “เออ..ไม่เลว” สาวิตรีนึกได้ “แต่ดูท่าทางเค้าไม่เห็นจะปิ๊งกันนะ ออกจะแง่งๆใส่กันซะด้วยซ้ำ”
“คุณผู้หญิงคะ..อย่าเพิ่งด่วนสรุปค่ะ..อะไรๆมันก็เกิดขึ้นได้ ไอ้แง่งๆอย่างนี้ล่ะค่ะสุดท้าย ได้กันทุกที” ใบตองบอก
ทวยเทพส่ายหน้า “เฮ้อ! 2 คนนี้เลอะเทอะไปกันใหญ่แล้วผมไปตีกอล์ฟดีกว่า”
ทวยเทพพูดจบก็ลุกขึ้นทันที
สาวิตรีพูดตามไป “แล้วกลับมาทานข้าวเย็นนะค้า” สาวิตรีรีบพูดกับใบตองต่อ “ต่อซิใบตอง”
“3 คู่ค่ะ- - สนุกแน่!!” ใบตองว่า
ทั้งสองหัวเราะคิกคัก
อ่านต่อหน้าที่ 4
เสน่หาสัญญาแค้น ตอนที่ 11 (ต่อ)
ทุกคนยังเล่นวอลเลย์บอลกันอยู่ นัครินทร์เพลิดเพลินมาก เขามองสาวๆ คนโน้นทีคนนี้ที ฝั่งผู้หญิง 3 คนดูจะได้เปรียบกว่าจึงเริ่มตบเปรี้ยงๆ แพรวพรรณรายพลาด
อัครินทร์ส่ายหน้าแล้วบ่น “โอย..แค่นี้ก็..ไม่ได้เรื่อง”
แพรวพรรณรายแว้ด “อะไรย่ะ? เก่งนักทำไมไม่รับเองล่ะ”
“อ้าวๆๆอย่าทะเลาะกันสิ ใจเย็นๆ” ประกายเดือนบอก
“ไม่เอาแล้ว!!ไม่อยากอยู่ด้วยแล้วไปอยู่ทีมนู้นดีกว่า”
“อ้าวเฮ้ย!!”
แพรวพรรณรายย้ายไปทันที
“ฮ่าๆๆ..มาเลยฮะ..ขาวๆ..เอ่ย! เก่งๆอย่างนี้ยินดีต้องรับฮะ” นัครินทร์บอก
“ไม่ได้อ่ะ!! อย่างนี้ก็เสียเปรียบสิ!! กำลังนำอยู่เลย” ประกายเดือนหันขวับไปมองนาคินทร์แล้ววิ่งไปตะโกนลั่น “ท่านประธ้าน”
ประกายเดือนวิ่งมาลากนาคินทร์
“ต้องไปเล่นด้วยกันแล้วค่ะ จะปล่อยให้เลขาฯแพ้ไม่ได้นะคะ อายเค้าแย่เลย”
“จริงด้วยพี่คิน ไปเล่นเถอะค่ะ จะได้แฟร์ๆ เท่ากัน” นารถนรินทร์บอก
นาคินทร์จำใจลุกขึ้นไปยืนประจันหน้านั่งฝั่งตรงข้ามกับปานตะวัน ทั้งสองมองหน้ากัน ปานตะวันเมินหน้าไป อัครินทร์มองอย่างสังเกตุ แพรวพรรณรายสังเกตเช่นกัน
“เสิร์ฟค่ะ” นารถนรินทร์เป่านกหวีดปรี๊ด
นัครินทร์ตั้งท่าจะเสิร์ฟ นาคินทร์กับปานตะวันจ้องหน้ากันผ่านเน็ท นัครินทร์เสิร์ฟ อัครินทร์รับได้ ประกายดือนเซ็ท นาคินทร์กระโดดตบใส่ปานตะวันอย่างตั้งใจให้โดนปานตะวัน ปานตะวันโดนเต็มๆ ก็ถึงกับทรุด ทุกคนตกใจ
นัครินทร์ แพรวพรรณราย และประกายเดือนรีบวิ่งไปที่ปานตะวันแล้วถามกันเซ็งแซ่ “เป็นอะไรมั๊ยฮะ? เจ็บมั๊ยตะวัน ฯลฯ”
ปานตะวันตวัดสายตามองนาคินทร์ที่นั่งเฉยๆก่อนจะตอบเสียงแข็ง “ไม่..ฉันไม่เป็นไร”
“เล่นแรงไปรึเปล่า..พี่คิน?” อัครินทร์ถาม
“แค่นี้..ไม่แรงหรอก” นาคินทร์หยิบลูกโยนใส่อัครินทร์ “เสิร์ฟ!”
อัครินทร์รับมาถือไว้เฉยๆ
“ฉันบอกให้เสิร์ฟไง” นาคินทร์ไม่พอใจ
“เล่นต่อเถอะค่ะ” ปานตะวันบอก
ทุกคนแยกย้ายไปประจำที่ ประกายเดือนรีบวิ่งมาสะดุด นาคินทร์จงใจรับไว้พร้อมกับกอดไว้แน่น ปานตะวันอึ้ง
นาคินทร์เอ่ยถาม “เป็นไรมั้ยครับ?”
“แฮ่!!ไม่เป็นไรค่ะ ขอบคุณค่ะท่านประธาน” ประกายเดือนบอก
นาคินทร์จงใจมองปานตะวันแบบเย้ยๆ ปานตะวันมองอย่างไม่พอใจ นารถนรินทร์เป่านกหวีดปรี๊ด อัครินทร์เสิร์ฟ นัครินทร์รับ ปานตะวันเซ็ท แพรวพรรณรายตบใส่อัครินทร์แต่อัครินทร์รับได้ ประกายเดือนเซ็ท นาคินทร์ตบใส่ปานตะวัน ปานตะวันรับได้ แพรวพรรณรายเซ็ทให้ปานตะวัน ปานตะวันตั้งใจตบเปรี้ยงใส่นาคินทร์อย่างแรงจนเขาทรุดไม่ต่างจากที่ปานตะวันโดน
ประกายเดือนตกใจ “เฮ้ย!” ประกายเดือนวิ่งไปดู “ท่านประธาน!! เป็นไรมั้ยคะ?”
นาคินทร์หันขวับมาจ้องปานตะวัน ปานตะวันยืนมองอย่างไม่สะทกสะท้าน
นัครินทร์ขำกลิ้ง “โห..คุณพยาบาลสุดยอดอ่ะ!! นี่ต่อไปถ้าผมไม่สบาย ผมจะไม่กล้าหือใส่คุณเลยนะฮะ กลัวโดนตบแบบพี่คิน..กร๊ากๆ”
นาคินทร์จ้องปานตะวัน ปานตะวันจ้องตอบ อัครินทร์มองทั้งสองคนจ้องกันแล้วเหลือบไปมองแพรวพรรณรายที่มองทั้งสองคนแล้วเหลือบมามองอัครินทร์เช่นกันอย่างงงๆ
อัครินทร์ที่เพิ่งอาบน้ำเสร็จนุ่งผ้าเช็ดตัวออกมาแล้วก็สะดุ้งสุดตัว
“เฮ้ย!!”
แพรวพรรณรายนั่งรออยู่ แพรวพรรณรายรีบปรี่เข้ามาหา
“บ้า!! หน้ามืดจะมาปล้ำกันเลยหรอเนี่ย?” อัครินทร์
“คุณสิบ้า! ใครเค้าจะอยากปล้ำอีตาปลาบู่”
“เลิกเรียนผมว่าปลาบู่ซะที ตกลงถ้าไม่มาปล้ำแล้วเข้ามาทำไม” อัครินทร์บอก
“ก็อยากรู้สิ..คุณนาคินทร์กับตะวัน..มันต้องมีอะไร ใช่ม่ะ”
อัครินทร์อึ้งแบบก็พอจะรู้อยู่
“เงียบทำไม? รู้ใช่มั้ย? รู้อะไร?แล้วทำไมไม่บอก”
“ผมไม่รู้ ผมก็แค่..สงสัยอยู่เหมือนกัน” อัครินทร์
“มันต้องมี! ไม่ต้องสงสัย!! เป็นหมอยังไง ความรู้สึกช้า”
“อ้าวว” อัครินทร์เซ็ง
“ไม่ต้องมัวแต่อ้าว จากนี้ต้องลุย! ฉันต้องรู้ให้ได้ว่าระหว่างเพื่อนฉันกับพี่ชายของคุณ... มันมีอะไร.. ที่ไม่ธรรมดา”
แพรวพรรณรายมาดมั่น อัครินทร์เซ็ง
ปานตะวันเดินอย่างเซ็งๆเศร้าๆ มายืน สักพักก็มีคนเดินมาทางด้านหลัง ปานตะวันรู้สึกตัวก็หันขวับมาอย่างระวังตัวก่อนจะทำตาโตที่เห็นอาร์ตยิ้มแฉ่งด้วยความดีใจ
“ตะวัน!!”
ปานตะวันตกใจมาก “พี่อาร์ต!!”
ปานตะวันจะเดินหนีทันที อาร์ตรีบคว้าตัวไว้
“ตะวัน!!อย่าเพิ่งหนีพี่สิ!! พี่นึกแล้วว่าต้องใช่ตะวัน” อาร์ตดีใจ “ตะวันจริงๆด้วย”
อาร์ตกอดปานตะวันไว้แน่น นาคินทร์เดินมาเห็นก็อึ้ง
ปานตะวันผลักอาร์ตออกไป “อย่าค่ะ!! ปล่อยตะวัน”
“ตะวัน...พี่คิดถึงตะวันที่สุด ตะวันรู้มั้ย..ไม่มีซักวินาทีที่พี่จะไม่คิดถึงตะวัน”
“พอได้แล้วค่ะ พี่อาร์ต พี่อาร์ตมีคุณมิ้ลค์อยู่ทั้งคนนะคะ” ปานตะวันบอก
“แต่พี่บอกตะวันแล้วว่า พี่ไม่ได้รักมิ้ลค์เลย พี่ถูกบังคับ” อาร์ตว่า
เสียงมิ้ลค์ดังลั่น “บังคับเหรอไอ้พี่อาร์ต”
ทั้งสองคนหันขวับไปเห็นมิลค์ยืนท้องโตจังก้าอยู่ อีกมือนึงก็จูงลูกชายวัยเกือบ 4 ขวบยืนอยู่ด้วย
อาร์ตตกใจ “มิ้ลค์!”
“ไอ้ที่ยืนหัวโด่ แล้วยังนอนขดอยู่ในท้องฉันอีกคนเนี่ย? ยังไง? ใครไปบังคับแก ห๊า.. ไอ้พี่อาร์ต!!”
มิลค์วิ่งพุ่งเข้ามาทุบอาร์ตไม่ยั้งก่อนจะผลักอาร์ตล้มลงเลยก่อนจะโผเข้าไปจิกหัวปานตะวันตบเพียะ นาคินทร์มองอย่างตกตะลึงแล้วก็ขยับจะเข้าไปช่วยแต่ก็ชะงักกึกเพราะความรู้สึกด้านร้ายสั่งให้นาคินทร์ยืนมองอย่างสะใจ เขารังเกียจปานตะวันเข้าไปอีก
“ไม่ไปผุดไปเกิดซะทีนะแก จะตามล้างตามผลาญฉันไปถึงไหน”
มิลค์ตบตะวันอีกเพียะๆ ปานตะวันไม่ต่อสู้
“พอได้แล้ว!! คุณท้องอยู่นะ”
“ไม่ต้องมาทำเป็นแม่พระ!! ก็ขนาดฉันท้องอยู่แกยังคิดจะแย่งผัวฉันได้ลงคอ นังหน้าด้าน!! หัวจิตหัวใจแกทำด้วยอะไร ทำไมแกถึงใจร้ายอย่างนี้”
มิลค์ตบเพียะ นาคินทร์มองนิ่งๆ ว่าเธอใจร้ายจริงๆ ปานตะวันสมควรแล้ว อาร์ตพุ่งเข้ามาห้าม
“หยุด!! เมื่อไหร่จะเลิกบ้าซะที พี่ชักจะทนไม่ไหวแล้วนะมิลค์”
“ทนไม่ไหว?” มิลค์โฮ “อยู่กันมาตั้งหลายปี พอเห็นหน้านังนี่บอกทนไม่ไหว อ๋อ...ใช่สิ! ได้กลิ่นกันนี่ จำกลิ่นกันได้นี่”
นาคินทร์สะอิดสะเอียนปานตะวัน
“คนมันเคยนอนด้วยกันมันก็ต้อง...”
“หยุดนะ!!” อาร์ตตะโกนลั่น
“ไม่หยุด!” มิลค์บอก
“ถ้าไม่หยุดพี่จะ...”
มิลค์สวน “จะทำไม?? ไม่หยุดจะทำไม?” มิลค์กระชากลูกชายขึ้นมาชี้ให้ดูปานตะวัน “ดูไว้นะลูก นังนี่มันจะพรากคนที่เรารักไปจากเรา”
ปานตะวันอึ้ง นาคินทร์อึ้ง
“มันจะทำให้เราทุกข์ใจเหมือนตายทั้งเป็น”
ปานตะวันอึ้ง นาคินทร์อึ้ง
“บอกให้หยุด!!”
“ไม่หยุด!” มิลค์ตะโกนลั่น “อีนังแพศยา”
อาร์ตตบหน้ามิลค์หันเลย ทุกคนอึ้งตะลึงเงียบกริบ มิลค์ค่อยๆหันหน้ากลับมาช้าๆ อาร์ตรู้สึกผิดมาก มิลค์กระโดดเข้าจิกหัวปานตะวันเลย
“กูจะฆ่ามึง”
มิลค์จับปานตะวันเหวี่ยงตูมลงน้ำแล้วจะกระโดดตามลงไป อาร์ตรีบรวบตัวมิลค์ไว้ล้มตึงกันไปริมสระทั้งคู่
“ปล่อยๆๆ” สักพักเจ็บท้อง “โอ้ย...โอ้ย...เจ็บ!”
มิลค์ค่อยยกมือที่ท้าวพื้นขึ้นมามองก็ตกใจ
“เลือด!!”
ปานตะวันที่อยู่ในสระก็ตกใจ
“คุณมิลค์!” ปานตะวันรีบพยายามขึ้นจากสระน้ำ
เลือดเลอะกระโปรงมิลค์เต็มไปหมด
มิลค์ร้องลั่น “กรี๊ด!!”
“มิลค์!!” อาร์ตร้องลั่น
นาคินทร์รีบวิ่งออกมาดูทันที
ปานตะวันวิ่งมานั่งลงข้างๆ “แย่แล้ว รถพยาบาล โทร.เรียกรถพยาบาล! เร็ว!”
นาคินทร์รีบคว้าโทรศัพท์ขึ้นมากดๆ มิลค์ร้องไห้โฮ อาร์ตกอดมิลค์ไว้แน่น
อาร์ตยืนเกาะประตูห้องอย่างเคร่งเครียด ในขณะที่อีกมือก็จูงลูกน้อย ปานตะวันนั่งเครียดอยู่ถัดไปเป็นนาคินทร์ที่ยืนอยู่ห่างๆ สักพักทุกคนก็วิ่งกรูมายกเว้น’นัครินทร์’
ประกายเดือนวิ่งมาหาปานตะวัน “ตะวัน!! นี่มันเกิดอะไรขึ้น?” ประกายเดือนมองอาร์ต “นี่มัน..” ประกายเดือนจะลุกไปลุยทันที
ปานตะวันดึงไว้ “เดือน! หยุด!! พอซะที”
อัครินทร์พูดกับนาคินทร์ “พี่คิน”
นาคินทร์สวน “มาทำไมกัน? แล้วยัยนารถอยู่กับใคร”
“ผมให้อยู่กับพี่นัค เกิดอะไรขึ้นครับพี่”
ยังไม่ทันตอบ ร่างของมิลค์ก็ถูกเข็นออกมาอย่างรวดเร็ว อาร์ตพุ่งไปแต่บุรุษพยาบาลขอทางเพื่อพามิลค์ไปก่อนทำให้เหลือแต่หมอ
“คุณหมอครับ..ผมเป็นสามีครับ”
“เราคงต้องผ่าตัดช่วยเหลือคนไข้ด่วนนะครับ” คุณหมอรีบเดินไป
“อะไรนะครับ?”
พยาบาลรีบประกบ “ขอเชิญทางนี้เลยค่ะ”
อาร์ตเดินงงๆ ตามพยาบาลไป ทุกคนมองหน้ากันอึ้งๆ งงๆ ปานตะวันซบหน้ากับฝ่ามือแล้วก็สะอื้นๆ นาคินทร์มองปานตะวันว่าผู้หญิงคนนี้มีแต่ ‘ทำลาย’จริงๆ
อัครินทร์ห่มผ้าขนหนูของโรงพยาบาลให้และยื่นแก้วให้ปานตะวันที่นั่งอยู่
“จิบน้ำอุ่นซะหน่อยเถอะครับคุณตะวัน”
“ใครเค้าจะกินลง?”
“ร่างกายจะได้อุ่นๆ”
“แค่นี้ตะวันเค้าก็ร้อนใจจะแย่อยู่แล้ว”
อัครินทร์รำคาญ “โอเคๆๆ”
ประกายเดือนปลอบพี่สาว “น่า..ตะวันอย่าไปโทษตัวเองเลยมันเป็นอุบัติเหตุ”
นาคินทร์ที่ยืนอยู่อีกมุม ภาพอุบัติเหตุตอนรถชนย้อนกลับมา ภาพตอนที่นาคินทร์ก้มลงกอดศพกนกวลี ภาพตอนที่นาคินทร์ทรุดแวบเข้ามาในหัวทันที
นาคินทร์โพล่งออกมา “ไม่ใช่! มันไม่ใช่อุบัติเหตุ”
ทุกคนหันไปแบบอึ้งๆ
“อะไรนะค่ะ” ประกายเดือนถาม
อัครินทร์ถามซ้ำ “พี่คินว่าอะไรนะครับ”
นาคินทร์รู้สึกตัว ปานตะวันมอง
“คือ..” นาคินทร์อึกอัก
ปานตะวันเรียก “พี่อาร์ต!”
ปานตะวันปรี่ไปหาอาร์ตที่เดินคอตกจูงลูกมาด้วย
“คุณมิ้ลค์เป็นไงบ้างคะพี่อาร์ต ไม่เป็นไรใช่มั้ย?” ปานตะวันถาม
“ตะวัน..” อาร์ตพยักหน้าช้าๆ “มิ้ลค์..ไม่เป็นไร”
ปานตะวันโล่งอก
“แต่..ลูกพี่ไม่อยู่แล้ว”
อาร์ตปล่อยโฮและสะอึกสะอื้นอย่างน่าสงสาร
ปานตะวันอึ้ง “อะไรนะ”
นาคินทร์อึ้ง ทุกคนก็อึ้ง
ปานตะวันแทบทรุด “ไม่..”
ประกายเดือน แพรวพรรณรายกอดปานตะวันไว้ อัครินทร์เห็นใจ นาคินทร์เข้าใจความสูญเสียของอาร์ต แล้วก็เหลือบมองปานตะวันอย่างชิงชัง ปานตะวันน้ำตาหยดก่อนจะส่ายหน้าอย่างไม่อยากจะเชื่อ
อ่านต่อตอนที่ 12