กุหลาบร้ายของนายตะวัน ตอนที่ 16 อวสาน
ภายในป่า ป่าทึบมากขึ้นกว่าเดิม แดดส่องแสงแรงกล้าโรสรินเดินไม่ไหว ถึงกับทรุดนั่งลงกับพื้น หน้าแย่ เหงื่อท่วม หันไปมองรอบๆ
“เดินไปทางไหน ก็เหมือนกันไปหมด หรือเราต้องมาหลงป่าตาย” เธอเริ่มสติแตก ฟูมฟาย “ไม่นะไม่ ฉันยังไม่อยากตาย” โรสรินร้องไห้ออกมาด้วยความกลัว ร้องอย่างไม่ห่วงสวย “ฮือๆ”
ไม่นานมีผ้าเช็ดหน้ายื่นมาตรงหน้า เธอชะงักเมื่อเห็นผ้าเช็ดหน้า จึงหยุดร้อง เงยหน้าเห็นตะวันย่อตัวลงตรงหน้า ยิ้มให้อย่างอบอุ่น ก็ดีใจมาก
“นายตะวัน นายมาได้ไง”
“ผมเข้ามาช่วยชาวบ้านทำฝายทดน้ำ” ตะวันพยายามพูดเรื่องเก่า โรสรินชะงัก
“ช่วยชาวบ้านทำฝาย” ตะวันพยักหน้า รอลุ้น โรสรินคิด “คุ้นๆ ทำไมรู้สึกเหมือนเคยได้ยินคำนี้มาก่อน แต่ก็ช่างมันเถอะ ไม่อยากนึก รีบพาฉันออกไปจากที่นี่”
“เดินไหวมั้ย”
“สภาพแบบนี้นายคิดว่าฉันจะไหวมั้ยล่ะ มาช่วยสิ”
โรสรินยื่นมือออกไป ตะวันยิ้มๆ แล้วก็จับมือโรสรินให้ลุกขึ้นยืน ก่อนจะช่วยประคองเธอให้เดินออกไป
เวลาผ่านไป ขาโรสรินเริ่มอ่อนแรง เธอหันไปทางตะวันที่ประคองข้างๆ
“เดินไม่ไหวแล้ว เมื่อไหร่จะออกไปได้ซักที”
“ไม่แน่ใจว่ามาถูกทางรึเปล่า”
โรสรินหยุดเดิน
“ห๊ะ ไม่แน่ใจ” ตะวันพยักหน้า โรสรินหัวเสีย “มันจี๊ดส์ ทำไมฉันถึงได้ซวยซ้ำซวยซ้อน ซวยอะไรแบบนี้เนี่ย”
“มีผมอยู่ คุณไม่ต้องกลัว”
“เพราะมีนายอยู่ ฉันถึงกลัว แกล้งอะไรฉันป่ะเนี่ย” ตะวันชะงัก
“ไม่ไว้ใจผมขนาดนั้นเลยเหรอ”
“อือฮึ” เธอจิ้มหน้าอกเขา “นายชอบแกล้งฉัน ใช้ให้ฉันเลี้ยงหมู ทำสวน ใช้แรงงานสารพัด”
ตะวันจับมือโรสรินข้างที่จิ้มอก
“แต่ตอนนี้ผมไม่ใช่คนแบบนั้นอีกแล้ว” ตะวันจ้องหน้าเธอจริงจัง “ต้องให้บอกอีกกี่ครั้งว่าผมรักคุณ เรารักกัน”
โรสรินทำหน้าไม่ถูก ไม่อยากฟัง
“หยุด ไม่ต้องพูด ฉันไม่เชื่อ นายอาจจะมีแผนร้ายซ่อนอยู่ก็ได้ หรือว่านายคิดจะทำให้ฉันหวั่นไหว ขอโทษนะ” โรสรินดึงมือออก “เสียเวลาเปล่า ยังไงก็ไม่สำเร็จ นายไม่ใช่คนที่ฉันรัก” โรสรินขยับตัวเดิน ตะวันเจ็บปวด โรสรินปวดข้อเท้า กำลังจะล้ม “โอ๊ย” ตะวันหันมาเห็น พุ่งเข้ามาอุ้มโรสริน เธอตกใจ “ทำอะไร”
“ทำให้คุณรู้ไงว่าผมจริงใจกับคุณ”
“เนี่ยนะจริงใจ ฉวยโอกาสมากกว่า”
“คิดให้ดีนะโรส ถ้าเป็นเมื่อก่อน ผมคงไม่ช่วย”
ตะวันมองโรสริน เธออึ้ง ตะวันอุ้มพาโรสรินเดินออกไป
พระอาทิตย์ใกล้ตกดิน ตะวันยังอุ้มโรสรินเดินมาตามทาง เธอมองหน้าเขา เห็นถึงความเหนื่อยล้า
“วางฉันลงเถอะ ฉันหายเจ็บข้อเท้าแล้ว”
“ไม่เป็นไร”
“นายไม่เมื่อยแขนเหรอไง”
“แค่นี้ผมทนได้”
โรสรินเริ่มลังเลว่าตะวันอาจจะหวังดีกับเธอจริงๆ แล้วเขาก็เดินมาจนถึงบ้านไม้กลางป่า ตะวันหยุดเดิน โรสรินหันไปมองตาม เห็นบ้านหลังนั้น ตะวันนึกย้อนกลับไปเหตุการณ์เมื่อตอนเช้า
ตะวันยกมือไหว้ขอบคุณลุงกับป้าเจ้าของบ้านไม้กลางป่า
“ขอบคุณลุงกับป้านะครับที่ให้ผมยืมบ้าน ผมจะดูแลให้ดีที่สุด”
“ไม่เป็นไรเลยคุณตะวัน เรื่องแค่นี้จิ๊บจ๊อย ถ้าเทียบกับสิ่งที่คุณเคยช่วยลุงกับป้า”
ตะวันยืนมองบ้านแล้วก็ยิ้ม โรสรินแปลกใจ
“ยิ้มอะไร”
ตะวันตกใจ รีบหุบยิ้ม
“คืนนี้เราจะพักกันที่นี่” โรสรินอึ้ง
“ปล่อยฉันลง” ตะวันปล่อยโรสริน เธอแว๊ดใส่ทันควัน “ทำไมต้องพักที่นี่ ทำไมไม่รีบหาทางออกไป”
“ถ้าออกไปตอนนี้ ไม่ทันมืดแน่ และถ้าเป็นอย่างนั้น มันจะอันตรายมาก เราจำเป็นต้องค้างที่นี่ แล้วพรุ่งนี้เช้า ค่อยเดินทางกันต่อ”
“แล้วนี่บ้านใคร? ขอเจ้าของบ้านเค้าแล้วเหรอ”
“ผมรู้จักเจ้าของบ้านหลังนี้ เคยเจอครั้งสองครั้ง ถ้าไงรอผมตรงนี้ ผมจะเข้าไปดู”
ตะวันเดินออกไป พลางพ่นลมหายใจโล่งอก โรสรินมองตามอย่างระแวง
ตะวันเดินพาโรสรินเข้ามาในบ้าน
“เจ้าของบ้านไม่อยู่ แล้วเราอยู่ได้เหรอ ทำแบบนี้เสียมารยาท”
“ลุงกับป้าใจดี ไม่ว่าหรอก แล้วอีกอย่างเท่ากับเราเฝ้าบ้านให้พวกแกด้วย คอยผมแป๊บนึง”
ตะวันเข้าไปในห้อง โรสรินมองสำรวจไปรอบๆ สีหน้าไม่ไว้ใจ
ตะวันยื่นเสื้อผ้าให้โรสริน
“เสื้อผ้าไว้เปลี่ยน”
โรสรินหรี่ตามอง
“ทำไมนายรู้จักบ้านหลังดีจัง” ตะวันชะงัก
“บอกแล้วไงว่าเคยมาครั้งสองครั้ง รีบไปอาบน้ำได้แล้ว”
“ห้องน้ำอยู่ไหน”
“ลำธารด้านหลัง”
“ลำธาร แล้วจะให้ฉันอาบยังไง”
“มีผ้าถุง” โรสรินมองเสื้อในมือเห็นผ้าถุงข้างใต้เสื้อ “ไว้ใส่อาบน้ำ ผมไปหาฟืนมาก่อไฟก่อนนะ”
ตะวันรีบเดินออกไป โรสรินเอาผ้าถุงออกมามอง แล้วก็ถอนหายใจ
โรสรินใส่ผ้าถุง ค่อยๆ หย่อนขาลงไปในลำธาร น้ำเย็นสบายทำให้โรสรินรู้สึกดี เธอเดินลงไปแช่ตัวในลำธารยิ้มออกมาอย่างมีความสุข
ตะวันเอาฟืนมาวาง พลันเสียงมือถือดังขึ้น ตะวันตกใจ รีบเอามือถือออกมากดรับสาย
“ว่าไงน้ำค้าง”
น้ำค้างกับพีระ เปิดสปีคเกอร์โฟนคุยกับตะวัน
“พี่โรสจำได้ยังว่ารักกับพี่ตะวัน”
“ยัง”
พีระยื่นหน้ามาใกล้มือถือ
“ถ้าไงคืนนี้จูบโรซี่ให้ได้เลยนะ รับรองจำได้แน่นอน” ตะวันขำๆ
น้ำค้างหันขวับไปทางพีระ
“จะบ้าเหรอ ขืนจู่โจมแบบนั้น มีหวังพี่โรสได้เกลียดขี้หน้าพี่ตะวันมากขึ้นน่ะสิ พี่ตะวันไม่ต้องฟังที่นายพีระพูดนะคะ เพราะเวลานายนี่วางแผนทีไร พังไม่เป็นท่าทุกที”
“เอ้า ทำไมมาว่ากันแบบนี้ ฉันเป็นแฟนเธอนะ”
“ฉันเป็นคนพูดตรง ดีก็ว่าดี ไม่ดีก็ว่าไม่ดี เฟคไม่เป็น”
ตะวันนิ่วหน้า
“นี่ๆๆ ถ้าโทรมาแล้วทะเลาะกันเองก็วางสายก่อนมั้ย”
น้ำค้างกับพีระชะงัก หน้าแหย
“นายพีระเริ่มก่อน”
“เธอต่างหากที่เริ่มก่อน”
“หยุด ไม่คุยด้วยแล้ว แค่นี้ก่อนนะ เดี๋ยวโรสได้ยิน”
ตะวันวางสาย แล้วก็ยิ้มส่ายหัว ก่อนจะได้ยินเสียงโรสรินร้องเพลง เขาหันไปมอง
โรสรินแหวกว่ายในน้ำ สีหน้าแช่มชื่น พลางร้องเพลงไปด้วยอย่างมีความสุขมาก อีกด้านตะวันย่องมาแอบดูโรสรินยืนอยู่บนโขดหิน เห็นเธอร้องเพลงเพี้ยนๆ ก็ยิ้มอย่างรู้สึกดี ตะวันขยับตัวจะเดินเข้าไปใกล้ๆ แต่กลับลื่น
“เวย”
ตะวันตกน้ำตูม โรสรินหันขวับไปเห็นตะวันก็ตกใจ รีบยกมือมาปิดหน้าอก
“อ๊าย” ตะวันตกใจรีบลุกขึ้นยืน “คนบ้า คนลามก คนฉวยโอกาส” โรสรินรีบสาดน้ำไล่ตะวัน “ออกไปให้พ้นเลยนะ ออกไป”
“ผมขอโทษ ผมไม่ได้ตั้งใจ”
โรสรินสาดน้ำไม่หยุด แล้วก็ชะงัก เพราะเห็นภาพบางอย่าง ย้อนกลับไปตอนที่เธอเล่นน้ำตกแว๊บเข้ามา โรสรินแปลกใจมาก ตะวันไม่ได้สังเกตสีหน้าเธอ เพราะไม่กล้ามอง
“ผมไปแล้วๆ”
ตะวันรีบเดินออกไป โรสรินนิ่งไปอย่างแปลกใจกับภาพที่เห็น
โรสรินแต่งตัวในชุดชาวบ้าน เดินหัวเปียกกลับมาเจอตะวันกำลังย่างปลา ตะวันหันไปมองแบบไม่ค่อยกล้ามองเต็มตา แต่พอเห็นเธอในชุดชาวบ้านก็อดที่จะยิ้มออกมาไม่ได้ โรสรินระแวง ยกมือกอดอก
“ยิ้มไร”
ตะวันหุบยิ้มแทบไม่ทัน แล้วก็หันไปย่างปลาต่อ
“อีกแป๊บนึงปลาก็สุกแล้ว”
โรสรินไม่พูดอะไร นั่งลง
“มีแค่ปลาเหรอ”
“ในป่าในเขา หาได้เท่านี้แหละ”
ทันใดนั้นโรสรินจามออกมาเสียงดัง ตะวันหันไปมอง เห็นผมเธอเปียก ก็เลยลุกเดินออกไป โดยไม่พูดไม่จา โรสรินมองตามสงสัยว่าไปไหน
ตะวันหายไปเพียงครู่เดียวก็เดินออกมาพร้อมกับผ้าขาวม้า ตรงมาที่โรสริน ทำท่าจะเช็ดผมให้ เธอผงะ ผละออกห่าง
“ทำไร”
“ผมเปียกแบบนี้ ระวังจะไม่สบาย”
“ฉันทำเอง”
“ไม่เป็นไร ผมอยากทำให้”
ตะวันไม่รอคำตอบ เช็ดผมให้เธอทันที โรสรินชะงัก รู้สึกแปลกๆ แอบหวั่นไหว ตะวันบรรจงเช็ดผมให้โรสรินด้วยความรัก ทะนุทนอม โรสรินนั่งนิ่งให้ทำอย่างไม่ขัดขืน
กองไฟลุกโชติช่วง ตะวันเอาปลาวางบนใบไม้ยื่นให้โรสริน เธอรับมา ตะวันเดินไปนั่งห่างออกไปคอยมองโรสรินตลอดด้วยความเป็นห่วง เห็นเธอแกะปลา แต่ร้อน จนสะดุ้ง
ตะวันเดินมานั่งข้างๆ เอาปลามาจากตักของโรสริน แล้วก็ช่วยแกะให้ ทั้งๆ ที่ร้อน จนต้องสะบัดมือ เอามือขึ้นมาจับหู ตะวันอดทน โรสรินมองตะวันอึ้งๆ ซึ้งๆ ตะวันแกะเสร็จ ก็เอาปลาวางบนตักโรสรินตามเดิม
“กินได้แล้ว”
โรสรินไม่พูดอะไร หยิบเนื้อปลาขึ้นมาทาน แล้วก็ลอบมองตะวันที่แกะปลาตัวเอง มือเขาแดงมาก ตะวันแสบมือ เธอตัดสินใจขยับมาใกล้เขา แล้วหยิบเนื้อปลายื่นออกไป ตะวันหันมา
“แบ่งกับฉันก่อนก็ได้ รอให้ปลาของนายเย็นก่อนค่อยแกะ”
ตะวันรู้สึกดีที่โรสรินแบ่งเนื้อปลาให้เค้า ก็ยิ้มและพยักหน้า ก่อนจะหยิบเนื้อปลาจากมือโรสรินแล้วก็กิน โรสรินเอาเนื้อปลาแบ่งให้ตะวัน
คืนนั้นโรสรินนอนพลิกตัวไปมาเพราะนอนไม่หลับ เสียงนกร้องดัง เธอตกใจ ลุกพรวดขึ้นมานั่ง
“ทำไมมืดแบบนี้”
โรสรินห่อตัวด้วยความกลัว
โรสรินเปิดประตู เสียงแอ๊ดของประตูดังขึ้น ยิ่งทำให้บรรยากาศดูน่ากลัวมากขึ้นไปอีก โรสรินย่องออกมา บ้านทั้งหลังมืดสนิท มองแทบไม่เห็นทาง เธอเพ่งมองในความมืด เท้าก็ก้าวไปข้างหน้า ทันใดนั้นมีมือมาจับไหล่โรสรินหมับ เธอสะดุ้งสุดตัว
“อ๊าย”
โรสรินหลับตาปี๋ ไม่กล้าหันไปมอง
“โรส”
โรสรินได้ยินเสียงตะวัน หันไปเห็นตะวันยืนอยู่ก็ถอนหายใจโล่งอก
“นายเองน่ะเหรอ”
“ก็ผมน่ะสิ นึกว่าผีเหรอ”
“ค่ำมืดแบบนี้ ใครเค้าให้พูดถึงผี” ตะวันหัวเราะ “หัวเราะทำไม”
“ไม่หัวเราะก็ได้ ว่าแต่ออกมาข้างนอกทำไม”
“นอนไม่หลับ ได้ยินเสียงอะไรก็ไม่รู้เต็มไปหมด”
ตะวันคิดนิดหนึ่ง แล้วก็นึกอะไรออก
“ผมมีวิธีทำให้คุณหลับ”
โรสรินมองสงสัย
โรสรินนั่งบนฟูกภายในห้องนอน มองตะวันอย่างระแวง
“นายจะทำอะไร”
“นอนเถอะ ผมสาบานว่าจะไม่ล่วงเกินคุณ” โรสรินตัดสินใจนอนลง ตะวันนั่งลงข้างๆ “หลับตาซะ”
โรสรินถอนใจ ก่อนหลับตาลง ตะวันมองเธอด้วยแววตาเต็มไปด้วยความรัก ก่อนจะร้องเพลงให้โรสรินฟัง
ทำเอาโรสรินชะงักไป ตะวันร้องเพลงต่อไป ร้องจากความรู้สึกทั้งหมดที่มี
ถึงโรสรินจะหลับตาแต่เธอรู้สึกว่าหัวใจเต้นแรง พลันก็มีภาพแว๊บเข้ามาในหัว ภาพตะวันกับเธอที่ร้านอาหาร ภาพตะวันถ่ายรูปคู่กับเธอ โรสรินมีสีหน้าเจ็บปวด จนทนไม่ไหว
“โอ๊ย”
ตะวันตกใจ
“โรสเป็นอะไร”
“ฉันปวดหัว ปวดมาก”
โรสรินยกมือข้างหนึ่งขึ้นมาจับหัวเอาไว้ ตะวันเป็นห่วงสุดๆ
“ใจเย็นๆ หายใจเข้า หายใจออกช้าๆ” ตะวันจับมือเธอข้างที่ไม่ได้จับหัว กุมมือเธอปลอบโยน “ไม่ต้องกลัว ผมอยู่ตรงนี้ ไม่ต้องกลัวนะครับ”
โรสรินบีบมือตะวันแน่น เขามองเธอด้วยสีหน้าเป็นกังวลมาก
เช้าวันรุ่งขึ้น โรสรินยังนอนหลับอยู่โดยมีตะวันฟุบหลับข้างๆ แต่มือยังกุมมือเธอเอาไว้ ไม่นานโรสรินขยับตัวตื่นขึ้นมาก่อน เห็นว่าเช้าแล้ว หันไปเห็นตะวันนอนหลับ มองมือเขาที่จับมือตัวเอง แววตาที่มองตะวันอ่อนลงอย่างชัดเจน
“ภาพที่เราเห็นเมื่อคืน มันคืออะไร” โรสรินพึมพำกับตัวเอง
ตะวันขยับตัว โรสรินตกใจ แล้วรีบหลับตา ตะวันตื่นขึ้นมา เห็นโรสรินยังไม่ตื่นก็ลุกขึ้นนั่ง ก่อนจะเอามือปัดผมให้เธอ
“ผมอยากให้คุณจำได้เหลือเกินว่าผมรักคุณมากแค่ไหน”
ตะวันตัดสินใจก้มลงไปหอมหน้าผากโรสริน ก่อนจะเดินออกไป โรสรินลืมตาขึ้นมา สีหน้าเต็มไปด้วยความสับสน
กุหลาบร้ายของนายตะวัน ตอนที่ 16 อวสาน (ต่อ)
โรสรินกับตะวันเดินมาด้วยกัน โรสรินเดินได้คล่องขึ้นแล้ว ตะวันคอยเดินตามมองห่างๆ อย่างห่วงๆ ส่วนโรสรินรู้สึกทำตัวไม่ถูก ไม่นานเธอก็หยุดเดิน เพราะเห็นสถานที่ที่คล้ายกับตรงที่เธอกับตะวันจูบกัน
โรสรินหยุดมอง นิ่งนานจนตะวันแปลกใจ เดินมายืนใกล้ๆ
“เป็นอะไรรึเปล่า”
โรสรินหันขวับ ทำให้หน้าเกือบชนกับหน้าตะวัน ทั้งคู่ชะงักงันกันไป โรสรินมองหน้าตะวัน ภาพผุดขึ้นมาในความทรงจำเป็นภาพเธอกับตะวันหัวเราะ แล้วก็หันมา จมูกชนกันเต็มๆ ตะวันค่อยๆ เอามือลง โรสรินกับตะวันใจเต้นรัว ทั้งคู่มองหน้ากัน ไม่มีใครผละออกจากกัน ตะวันห้ามใจตัวเองไว้ไม่ไหว ยกมือขึ้นมาจับหน้าโรสรินแผ่วเบา โรสรินหลับตาอย่างยินยอม ตะวันบรรจงจูบปากโรสรินด้วยความนุ่มนวล
โรสรินตกใจกับภาพที่เห็น ตะวันมองหน้าเธอด้วยความสงสัย
“คุณจำอะไรได้บ้างแล้วใช่มั้ยโรสริน” โรสรินยืนนิ่ง แววตาสั่นระริก ไม่แน่ใจในสิ่งที่เห็น “คุณจำได้แล้วใช่มั้ยว่าเรารักกัน” โรสรินยังเงียบ “ตอบผมสิโรส โรส”
ตะวันจับแขนโรสรินเขย่า เธอได้สติ รีบถอยห่าง
“ฉันจำไม่ได้” ตะวันชะงักกึกอย่างผิดหวัง “รีบออกไปกันเถอะ”
โรสรินรีบจ้ำเดินออกไป ตะวันหันไปมองตามไม่เชื่อในสิ่งที่เธอพูด
ไร่ตะวัน แย้วิ่งหน้าตาตื่นมาหาพีระ น้ำค้าง ชาญ อึ่ง อาทิตย์
“ลูกพี่กับคุณโรสกลับมาแล้ว”
ทุกคนตื่นตา ตื่นเต้น รีบจ้ำเดินออกไป เจอกับตะวันและโรสรินระหว่างทางพอดี ทุกคนจับสังเกตโรสรินกับตะวัน เห็นสีหน้าสองคนนิ่งๆ
“หน้าตาแบบนี้ ไม่สำเร็จแน่นอน” น้ำค้างยอกเสียงเบา
“เตรียมถูกโรซี่จี๊ดใส่ได้เลย แล้วก็รีบหาข้อแก้ตัวเรื่องเมื่อวานให้ดีเถอะ”
ทุกคนถอนหายใจด้วยความเซ็งไปตามๆ กัน น้ำค้างรีบเดินไปหาโรสริน
“พี่โรสคะ คือเรื่องเมื่อวาน”
“ช่างเถอะ พี่เหนื่อยมาก ขอตัวไปพักก่อน”
โรสรินเดินออกไป
ทุกคนหันไปมองตาม แล้วก็รีบเข้ามารุมตะวัน
“ไม่สำเร็จ” ตะวันบอกจ๋อยๆ ชาญเขกหัวตะวันดังโป๊ก ตะวันสะดุ้ง “ปู่เขกหัวผมทำไม”
“เอ็งอยากไม่ได้เรื่องเองทำไมวะ แค่นี้ก็ทำไม่ได้”
“จริงด้วย แย่มาก”
“แย้ผิดหวังในตัวลูกพี่จริงๆ มีโอกาสขนาดนี้ ยังพลาด”
“อึ่ง แย้ ไม่ต้องทำเนียนร่วมผสมโรง” อึ่งกับแย้จ๋อย “ถึงโรสจะยังจำไม่ได้ว่าเรารักกัน แต่ผมมั่นใจว่าโรสเริ่มใจอ่อนกับผมแล้ว”
ทุกคนมองตะวันสีหน้ามีความหวัง อาทิตย์ครุ่นคิด อยากหาทางช่วยตะวันอีกแรง
ที่บ้านพักโรสริน โรสรินนิ่วหน้าคิดหนัก แล้วก็ถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่
“หรือว่าเรากับนายตะวันจะรักกันจริงๆ”
โรสรินกลุ้มใจมาก ไม่นานอาทิตย์เดินเข้ามาพร้อมถือถาดใส่จานอาหาร
“อาทิตย์เอาข้าวมาให้ครับพี่โรส”
โรสรินหันไป เห็นอาทิตย์เอาถาดวางบนโต๊ะ เป็นข้าวไข่เจียวก็เดินเข้ามาหา
“ขอบใจจ๊ะ”
“พี่โรสทานสิครับ”
“พี่ยังไม่หิว”
“ทานเถอะครับ อาทิตย์ทอดไข่เจียวเองกับมือเลยนะครับ”
“อาทิตย์ทำเองเลยเหรอ” อาทิตย์พยักหน้า “งั้นพี่จะกินให้หมดเลย” โรสรินนั่งลงกินข้าว อาทิตย์นั่งข้างๆ “อร่อยมาก”
“ตอนที่พี่โรสกลับไปกรุงเทพ อาทิตย์ให้พี่อึ่งสอน เพราะอยากทำให้พี่โรสทาน เวลาที่พี่โรสกลับมาที่ไร่อีกครั้ง”
“พี่พอจำได้ว่าวันที่พี่กลับบ้าน เป็นวันที่อาทิตย์ยอมพูดเป็นครั้งแรก”
“ใช่ครับ หลังจากพี่โรสกลับไป พี่ตะวันสัญญากับอาทิตย์ว่าจะพาพี่โรสกลับมา แล้วพี่ตะวันก็ทำตามสัญญาจริงๆ”
“อาทิตย์ พี่กับนายตะวัน เออ รักกันจริงๆ เหรอ”
“อาทิตย์ไม่รู้ อาทิตย์รู้แต่ว่า พี่ตะวันกับพี่โรสยอมตายแทนกันได้ แบบนี้เรียกว่ารักรึเปล่าครับ”
โรสรินคิดตามที่อาทิตย์พูด
ที่บ้านตะวันอีกมุมหนึ่ง อุษาวดียังซึมเรื่องกิตติทัต
“การจะลืมใครซักคน ทำไมมันยากเย็นแบบนี้” แล้วอุษาวดีก็เห็นกิตติทัตเดินมา เธอตกใจ “นี่เราคิดถึงเค้ามากจนเห็นเค้าเลยเหรอ”
กิตติทัตเดินมาทางอุษาวดี เธอยืนนิ่ง แต่กิตติทัตกลับเดินเลี้ยวไปอีกทาง อุษาวดีมองตาม เห็นกิตติทัตเดินไปหาโรสรินที่รออยู่ อุษาวดีถึงได้รู้ว่ามันคือความจริง เธอหาที่หลบและแอบดู กิตติทัตยืนตรงหน้าโรสริน
“ขอบใจนะทัตที่รีบมาหาโรส”
อุษาวดีพยายามจะฟัง แต่ไม่ได้ยิน
“คุยอะไรกัน เสียงเบาจัง”
กิตติทัตเห็นสีหน้าโรสรินก็สงสัย
“โรสสีหน้าไม่ดีเลย เป็นอะไร หรือว่าไม่สบาย”
กิตติทัตยื่นมือไปจับหน้าผากโรสริน อุษาวดีอึ้งกับภาพที่เห็น
“คงทำแบบนี้ กับผู้หญิงทุกคนสินะ” อุษาวดีพึมพำอย่างไม่พอใจ
โรสรินจับมือกิตติทัตออกมา
“โรสสบายดี แต่โรสมีเรื่องร้อนใจอยากถาม โรสเห็นว่าทัตเป็นคนเดียวที่ไม่เคยโกหกโรส และโรสก็ไว้ใจทัตมากที่สุด ตอนนี้โรสสับสนมาก โรสเห็นภาพบางอย่าง ระหว่างโรสกับนายตะวัน”
“แสดงว่าโรสเริ่มจำทุกอย่างได้แล้วใช่มั้ย”
“ก็ไม่เชิง มันเป็นภาพที่ไม่ปะติดปะต่อ เห็นเป็นห้วงๆ โรสพยายามจะนึกให้ออก แต่ยิ่งคิด ก็ยิ่งปวดหัว” สีหน้าโรสรินแย่มาก
“ใจเย็นนะโรส ของแบบนี้จะรีบไม่ได้ มันต้องใช้เวลา”
โรสรินจับมือกิตติทัตทั้งสองข้างอย่างต้องการกำลังใจ
“ภาพที่โรสเห็น แสดงว่าโรสรักนายตะวัน” กิตติทัตพยักหน้า “โรสกลัวจังเลยทัต เพราะโรสแยกไม่ออกว่าสิ่งที่เห็น มันคือเรื่องจริงหรือโรสคิดไปเอง”
โรสรินมีสีหน้าตื่นกลัว กิตติทัตดึงโรสรินเข้ามากอดปลอบใจแบบหลวมๆ แต่ภาพนั้นกลับทำให้อุษาวดีเจ็บปวดที่สุด เธอถึงกับทนดูต่อไปอีกไม่ได้ รีบหันหลังและเดินออกไป กิตติทัตกับโรสรินผละออกจากกัน
“ตอนนี้สิ่งที่โรสต้องทำก็คือ โรสต้องมีสติ และถ้าโรสอยากรู้ว่าอะไรคือเรื่องจริง โรสต้องอยู่ใกล้ชิดกับคุณตะวัน” โรสรินมองหน้ากิตติทัต “เพราะแค่โรสติดอยู่ในป่ากับคุณตะวันคืนเดียวก็ทำให้โรสเริ่มเห็นภาพอะไรบ้างแล้วเห็นมั้ย”
โรสรินคิด แล้วก็เอะใจ
“เอ๊ะ ทัตรู้ได้ไงว่าโรสติดอยู่ในป่ากับนายตะวัน”
กิตติทัตหน้าถอดสีอย่างเห็นได้ชัด
“เออ ก็ คุณอุษาโทรมาบอก”
“อุษาไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์ตอนที่โรสกลับมากับนายตะวัน อุษาจะรู้ได้ไง”
กิตติทัตซีดหนักมากขึ้น
“คือ...” กิตติทัตอึกอัก พูดไม่ออก โรสรินเริ่มโมโห
“เป็นแผนนายตะวันใช่มั้ย บอกโรสมา บอกมา”
กิตติทัตมองหน้าโรสรินอย่างจนหนทาง
พีระหันขวับมาทางตะวัน น้ำค้าง
“จะเป็นแผนของใครก็ช่างเถอะ แต่ตอนนี้ต้องลุยอย่างเดียว ตีเหล็กมันต้องรีบตีตอนร้อน”
“นี่เป็นครั้งแรกที่ฉันเห็นด้วยกับนาย พี่ตะวันต้องรีบวางแผนขั้นต่อไปแล้วล่ะคะ”
ยังไม่ทันที่ตะวันจะพูด โรสรินเดินพรวดเข้ามา ตะวัน น้ำค้าง หันไปมองโรสรินด้วยความอึ้งตะลึงงัน พีระกระซิบกับน้ำค้าง
“โรซี่จะได้ยินที่เราพูดรึเปล่า”
“ถึงไม่ได้ยิน โรสก็รู้ความจริงทุกอย่างแล้ว”
น้ำค้างหันไปกระซิบพีระ
“นี่ไงคำตอบ”
ตะวัน น้ำค้าง พีระหน้าเสีย
“ฟังผมอธิบายก่อนนะโรส”
“ฉันไม่ฟัง ฉันเองก็สงสัยอยู่แล้ว ตั้งแต่แรกที่ชวนฉันไปเดินป่า” โรสรินหันไปมองน้ำค้าง พีระ สองคนทำหน้าไม่ถูก “แล้วก็ทิ้งฉันเอาไว้จนนายโผล่มา เจอบ้านกลางป่า มันบังเอิญจริงๆ”
“ผมยอมรับว่าทุกอย่างเป็นแผน แต่ถ้าผมพูดตรงๆ ขอให้คุณไปกับผม คุณจะไปเหรอ ผมขอโทษ แต่ผมอยากให้คุณจำได้ซักทีว่าเรารักกัน”
“คนรักกัน เค้าไม่ทำกันแบบนี้ เนี่ยนะที่บอกว่าจริงใจกับฉัน คนหลอกลวง นายทำทุกอย่าง เพราะต้องการแกล้งฉันใช่มั้ย นายมันใจร้าย นายเล่นกับความรู้สึกของฉันแบบนี้ได้ยังไง”
ตะวัน น้ำค้าง พีระ พูดไม่ออก
“ใจเย็นก่อนโรซี่”
“ไม่ต้องมาพูด” พีระรีบหุบปาก “พวกเธอทุกคน” โรสรินมองพีระ น้ำค้าง “รวมหัวกับนายตะวันหลอกฉัน เนี่ยเหรอเพื่อน ฉันจะกลับกรุงเทพ”
ทุกคนตกใจ
“โรซี่อย่าเพิ่งวู่วาม”
“เอากุญแจรถมา”
“เอ่อ อ่า”
“โรสหาทางกลับเองก็ได้”
ตะวันจับแขนโรสรินไว้
“ผมไม่ให้คุณไป”
“ฉันจะไป ต่อให้ต้องเดินกลับ ฉันก็จะทำ ฉันไม่อยากอยู่ที่นี่แม้แต่วินาทีเดียว ปล่อย”
ตะวันเสียใจ เจ็บปวด
“ผมขอร้อง อย่าเพิ่งตัดรอนผม ผมอยากให้คุณให้โอกาสผม ให้โอกาสตัวเอง คิดให้ดีดีว่าคุณรู้สึกยังไงกับผม”
“ความรู้สึกเดียวที่ฉันมีต่อนายในตอนนี้ก็คือ ฉันเกลียดนาย”
พีระ น้ำค้าง อึ้งมาก ตะวันเจ็บปวดมาก
“งั้นมาดูกันว่าคุณเกลียดผมจริงรึเปล่า”
โรสรินนิ่วหน้า ตะวันดึงโรสรินเข้ามาจูบปาก ทำเอาพีระ น้ำค้าง ตะลึงอึ้ง ตาค้างด้วยความตกใจ โรสรินตัวแข็งอย่างขัดขืน ไม่นานเธอก็อ่อนลง ใจเต้นแรง มีความรู้สึกแปลกๆ เกิดขึ้น พีระ น้ำค้าง ลุ้นว่าจูบนี้จะทำให้โรสรินจำได้หรือไม่
ตะวันถอนริมฝีปากออกจากโรสรินมองเธออย่างมีความหวัง แต่โรสรินกลับตบหน้าตะวันเพี๊ยะ มองตะวันด้วยความโกรธ และเสียใจ น้ำค้าง พีระ เจ็บแทนตะวัน
“มั่นใจได้แล้วนะว่าฉัน-เกลียด-นาย” โรสรินหันหลังจะเดินออกไป แต่ตะวันไม่ยอมแพ้ อุ้มเธอขึ้นพาดบ่า ทุกคนตกใจมาก
“นายตะวัน วางฉันลง”
ตะวันไม่พูด พาโรสรินเข้าไปในห้อง น้ำค้าง พีระ หันไปมองตาม อ้าปากค้าง
“นี่มันละครตบจูบชัดๆ” พีระสะกิดน้ำค้าง “อยากทำแบบนั้นบ้าง”
พีระยื่นปากไปหาน้ำค้าง น้ำค้างหยิกปากพีระ
“มันใช่เวลามั้ยห๊ะ”
“โอ๊ย” พีระร้องลั่น
ตะวันพาโรสรินเข้ามาในห้อง เธอดิ้นไม่หยุดแล้วก็ทุบหลังเขาไปด้วย ตะวันเจ็บจนทนไม่ไหวเผลอโยนโรสรินลงบนเตียง โรสรินรีบหันมา หน้าเอาเรื่อง แต่ตะวันกลับคุกเข่าลงบนพื้น ทำเอาโรสรินอึ้ง
“คุณจะต่อว่า จะดุด่า จะทำยังไงกับผมก็ได้ แต่ได้โปรด อย่าไปจากผม”
หน้าตะวันเว้าวอนมาก โรสรินมองตะวันแล้วเสียงของกิตติทัตก็ดังเข้ามาในความคิด
“ถ้าโรสอยากรู้ว่าอะไรคือเรื่องจริง โรสต้องอยู่ใกล้ชิดกับคุณตะวัน”
โรสรินมองหน้าตะวัน แล้วก็คิดในใจต่อ
“แต่นายตะวันหลอกฉัน เพราะฉะนั้นต้องเอาคืนให้สาสม”
กุหลาบร้ายของนายตะวัน ตอนที่ 16 อวสาน (ต่อ)
พีระกับน้ำค้างยืนอยู่หน้าประตูบ้าน
“ทำไมเงียบแบบนี้ ไม่ใช่ฆ่ากันตายไปแล้วนะ”
“ปากเสีย”
พีระสะดุ้ง อุษาวดีเดินผ่านมาเห็นพีระกับน้ำค้างก็แปลกใจ
“มายืนทำอะไรที่ตรงนี้”
พีระกับน้ำค้างหันไปทางอุษาวดี
“โรซี่รู้แล้วว่าเป็นแผนของตะวัน” อุษาวดีชะงัก “พวกเราก็เลยโดนโกรธไปด้วย”
“ไม่รู้พี่โรสรู้ได้ไง”
อุษาวดีนึกออก
“ฉันรู้ว่าใครบอก”
“ใคร” อุษาวดีไม่ตอบ แต่จ้ำเดินออกไปทันที พีระกับน้ำค้างสงสัย “อุษาจะรีบไปไหน”
ประตูห้องเปิดออก พีระ น้ำค้าง หันไป เห็นตะวันกับโรสรินเดินออกมาด้วยกัน โรสรินไม่มองหน้าใครเพราะอายกับสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อครู่ ก่อนจะจ้ำเดินออกไป ทันทีที่โรสรินออกไป น้ำค้าง พีระ รีบเข้ามารุมตะวันทันที
“ตกลงพี่โรสกลับกรุงเทพรึเปล่าคะ”
“ไม่”
พีระ น้ำค้าง โล่งอก
“แสดงว่าจูบนั้นได้ผล” พีระยิ้มกรุ่มกริ่ม
“ไม่ได้ผล”
“อ้าว”
ตะวันมองหน้าน้ำค้างกับพีระ
ตะวันเล่าเหตุการณ์ที่เกิดในห้อง ตะวันยังคงคุกเข่าตรงหน้าโรสริน
“ฉันจะให้โอกาสนายแก้ตัวก็ได้”
ตะวันยิ้มดีใจมาก รีบลุกขึ้นยืน
“คุณจะให้ผมไปบุกน้ำลุยไฟที่ไหน บอกผมมาได้เลย”
โรสรินยิ้มมุมปากเจ้าเล่ห์
น้ำค้างกับพีระมองหน้าตะวัน
“หมายความว่าพี่ตะวันต้องทำตามที่พี่โรสสั่งทุกอย่าง” ตะวันพยักหน้า
“คุณหนูโรสรินจอมร้ายกาจเริ่มแผลงฤทธิ์แล้ว นายระวังตัวให้ดี”
“ผมทนได้ทุกอย่าง ขอแค่โรสไม่ไปจากผม ผมก็ดีใจที่สุดแล้ว”
สีหน้าตะวันดูมีความหวัง แต่น้ำค้างกับพีระเป็นห่วง
อุษาวดีจ้ำเดินมาตามทางด้วยความโมโหและเสียใจ แล้วก็เห็นกิตติทัตดักรออยู่
“ผมโทรหาคุณ แต่คุณไม่รับสาย ผมร้อนใจมาก โรสรู้ความจริงเรื่องแผนคุณตะวันแล้ว”
อุษาวดีสวนกลับทันควัน
“อุษารู้แล้ว อุษารู้ว่าหมอบอกโรสเรื่องนั้น คงสมใจหมอแล้วสินะคะ ที่ทำให้เค้าสองคนมีปัญหากัน”
กิตติทัตนิ่วหน้า
“คุณหมายความว่ายังไง”
“อุษารู้ว่าหมอไม่อยากให้โรสกับคุณตะวันคืนดีกัน เพราะว่าหมอยังรักยัยโรสอยู่” กิตติทัตตกใจ
“ไม่ใช่นะครับ ฟังผมอธิบายก่อน”
“ไม่ฟัง อุษาเห็นหมอกอดโรส” กิตติทัตอึ้ง
“ที่ผมกอดโรส เพราะต้องการให้กำลังใจเขา คุณอุษาต้องเชื่อผมนะครับ ผมไม่ได้รัก”
“อุษาไม่เชื่อ ต่อไปนี้ไม่ต้องมาให้อุษาเห็นหน้าอีก”
กิตติทัตพูดไม่ออก อุษาวดีหันหลัง ปาดน้ำตาที่ไหล แล้วก็เดินออกไป กิตติทัตได้แต่ถอนหายใจด้วยความกลุ้ม
เช้าวันถัดมา ตะวันกำลังเทอาหารให้หมูกิน โดยมีโรสรินยืนกอดอก คุมอยู่
“ให้ไวให้ไว หมูมันร้องหิวใหญ่แล้วเห็นมั้ย”
“ครับครับ”
แย้แอบดูตรงมุมหนึ่ง
“เสียเชิงชายโหม๊ด ลูกพี่ตะวัน เฮ้อ”
ไม่นานชาญ น้ำค้าง พีระ ตามมาสมทบ
“ทำไมไอ้ตะวันเป็นแบบนี้ มันเกิดอะไรขึ้น”
“เป็นหนึ่งในข้อตกลงของพี่ตะวันกับพี่โรสค่ะ” ชาญนิ่วหน้า
“ข้อตกลง”
ทุกคนมองหน้าน้ำค้างกับพีระ
ณรงค์ตกใจก่อนจะนั่งลง หลังจากชาญโทรมาเล่าเรื่องราวของโรสริน
“ยัยโรสจะทรมานตะวัน เจ้าตะวันเอ๊ย ตายแน่ ข้ารู้จักนิสัยหลานสาวข้าดี”
สีหน้าชาญดูแย่
“ข้าเองก็ไม่รู้จะช่วยไอ้ตะวันมันยังไง เพราะนี่เป็นเรื่องของเขาสองคน ขืนมีคนที่สามเข้าไปยุ่ง มันจะแย่ลงไปมากกว่านี้”
“สิ่งเดียวที่เราสองคนจะทำได้คือ สวดมนต์ภาวนาขอให้ทุกอย่างมันลงเอยอย่างแฮปปี้เอนดิ้ง”
แววตาชาญเต็มไปด้วยความกังวล ก่อนจะให้ณรงค์สวดมนต์ว่าตามกันทางโทรศัพท์
ตะวันกำลังขัดพื้น ทำความสะอาดคอกหมู ระหว่างนั้นแย้ เดินเอาน้ำมาให้
“น้ำจ้ะลูกพี่”
“ขอบใจนะไอ้แย้”
ตะวันกำลังจะหยิบน้ำเปล่า แต่โรสรินเดินออกมา
“ใครอนุญาตให้นายหยุดพักดื่มน้ำ” ตะวัน แย้ หันไปมอง “เอาน้ำมาให้ฉัน” แย้ ตะวันอึ้ง “เอามาสิ” ตะวันส่งน้ำให้โรสริน “กลับไปได้แล้ว”
โรสรินสั่งแย้และจ้องหน้าเอาจริง แย้ไม่กล้า
“โชคดีนะลูกพี่”
แย้เดินออกไป ตะวันหันไปมองขวดน้ำในมือโรสริน
“หิวน้ำเหรอ” ตะวันพยักหน้า โรสรินเปิดฝาขวด ตะวันยิ้ม แต่โรสกลับยกดื่มให้ดู ตะวันมองและกลืนน้ำลายเอื๊อก “ฮ้า ชื่นใจ” โรสรินเห็นตะวันมอง “มองไร ทำงานไปสิ เดี๋ยวจี๊ดใส่เลย”
ตะวันรีบขัดพื้นต่อ
เวลาผ่านไป ตะวันเอาสายยางฉีดน้ำล้างพื้น เหงื่อท่วมเสื้อที่ใส่จนเปียกไปทั้งตัว โรสรินที่นั่งอ่านแมกกาซีน เงยหน้ามองตะวัน แล้วก็อมยิ้มสะใจ ไม่นานตะวันถอดเสื้อ โรสรินเห็นก็ผงะ แล้วภาพตอนที่ตะวันถอดเสื้อถ่ายแฟชั่นก็แว๊บเข้ามา//ภาพโรสรินกับตะวันถ่ายแฟชั่นเป็นคัทสั้นๆ เร็วๆ
โรสรินตกใจกับภาพที่เห็น เริ่มปวดหัวทำแมกกาซีนร่วงลงพื้นทับเท้าตัวเอง
“อุ๊ย”
ตะวันหันมามองโรสริน รีบพุ่งเข้าหาทันที
“เป็นอะไร”
หน้าตะวันใกล้มาก ทำเอาโรสรินหน้าแดงซ่านด้วยความอาย ไม่กล้ามองตะวันเต็มตา
“เปล่า”
“แต่คุณ”
“บอกว่าไม่ได้เป็น ก็ไม่ได้เป็นสิ” โรสรินทำโวยวายและรู้สึกแปลกๆ เลยหันหลังจ้ำเดินออกไป ตะวันไม่เข้าใจว่า
เธอเป็นอะไร
โรสรินหยุดเดิน สีหน้าคิดหนักกับสิ่งที่เห็น เธอหลับตา พยายามคิด คิด และคิด ทันใดนั้นภาพตอนที่ถ่ายแฟชั่นกับตะวันก็แว๊บเข้ามาอีก โรสรินลืมตาขึ้นมาด้วยความตกใจ
อึ่ง อาทิตย์ แย้ยืนอยู่กับน้ำค้างและพีระ
“คุณโรสใจร้ายใจดำ ใช้แรงงานลูกพี่ไม่ให้พัก น้ำก็ไม่ให้ดื่ม จะไปอึไปฉี่ก็ยังไปไม่ได้”
“สงสารพี่ตะวันจับหัวใจ กลัวจะล้มป่วยเอาง่ายๆ นะเนี่ย”
อาทิตย์ถอนหายใจเฮือกใหญ่ น้ำค้างกับพีระมองหน้ากันเป็นห่วงตะวัน
“พี่ตะวันจะไหวมั้ยเนี่ย”
พีระถอนหายใจเฮือกใหญ่เหมือนกัน
ตะวันเปิดก๊อกน้ำ ล้างหน้าล้างตัว สีหน้าเหนื่อยล้ามาก ก่อนจะหันไปเห็นน้ำค้างกับพีระเดินมาด้วยกัน น้ำค้างถือปิ่นโตมาด้วย
“น้ำค้างเอาอาหารกลางวันมาให้ค่ะ”
“พี่กำลังหิวพอดี”
พีระมองไปรอบๆ
“โรซี่ไปไหน”
ไม่ทันขาดคำ เสียงโรสรินก็ดังขึ้น
“ตะวัน” พีระ น้ำค้าง ตะวันหันไปมอง “ตะวัน”
“ผมอยู่นี่” ตะวันหันไปทางน้ำค้างกับพีระ “พี่ไปก่อนนะ”
“ทานข้าวก่อนเถอะพี่ตะวัน”
“เอาไว้ก่อน”
ตะวันรีบเดินออกไป พีระกับน้ำค้างเป็นห่วงเขามาก
ตะวันเดินกลับมาที่คอกหมู โรสรินผงะ เพราะตะวันยังไม่ได้ใส่เสื้อ
“ชอบโชว์นักเหรอไงห๊ะ”
“แล้วชอบป่ะล่ะ”
“นายตะวัน” ตะวันผงะ
“ตกลงเรียกผมทำไม”
“หิว ไปหาไรมาให้ฉันกินหน่อย” โรสรินหันหลังจะเดินไป แล้วนึกได้ หันกลับมา “อ้อ อย่าลืมใส่เสื้อด้วย”
โรสรินหันหลังเดินฉับๆ ออกไป ตะวันมองตามด้วยความเอ็นดู
ตะวันกึ่งเดินกึ่งวิ่งมาตามทาง เห็นน้ำค้างกับพีระยังยืนอยู่
“น้ำค้าง” น้ำค้างกับพีระเข้ามา ตะวันคว้าเสื้อตัวเองที่วางไว้ก่อนจะหันไปบอกน้ำค้าง “พี่ขอปิ่นโต”
ตะวันยื่นมือออกไปตรงหน้าน้ำค้าง
โรสรินกำลังกินข้าว ตะวันมอง ท้องร้องเสียงดัง โรสรินเงยหน้ามอง ตะวันเขิน เอามือกุมท้องตัวเอง
“หิวเหรอ”
“นิดหน่อย”
เสียงท้องตะวันร้องดังมาก โรสรินแอบขำ แล้วก็รีบเก็กหน้านิ่ง
“แต่ฉันยังไม่อิ่ม ถ้ากินเหลือ จะให้”
โรสรินก้มหน้ากินต่อ ตะวันได้แต่มองตาละห้อย
คืนนั้นที่บ้านพักตะวัน ตะวันกินอาหารตรงหน้าไม่หยุด น้ำค้าง พีระ ชาญ อาทิตย์มองตะวันด้วยความอึ้ง ตะวันกินเร็วมากจนสำลัก น้ำค้างรีบเอาน้ำให้ ตะวันรับน้ำมาดื่ม
“เอ็งจะไหวเหรอวะไอ้ตะวัน ข้าวปลาไม่ได้กินทั้งวัน น้ำก็ไม่ได้ดื่ม ขืนเป็นแบบนี้ไปอีกสองสามวัน ตายกันพอดี”
“ฉันจะไปคุยกับโรส ให้เลิกทำแบบนี้” พีระบอก
“อย่า เรื่องแค่นี้สำหรับผม สบายมาก ผมทำได้ทุกอย่างเพื่อโรสริน”
“แล้วพี่โรสจะทำทรมานพี่ตะวันไปถึงเมื่อไหร่”
ตะวันเงียบ ตอบไม่ได้ พลันเสียงมือถือดังขึ้น ตะวันหยิบมือถือขึ้นมามอง
“โรส” ตะวันรีบกดรับสาย “ฮัลโหล”
“ตะวัน ช่วยฉันด้วย อ๊าย อ๊าย”
ตะวันตกใจมาก
“โรส”
ตะวันรีบวิ่งออกไป ทุกคนเหวอ
“อ้าวเฮ้ย ไอ้ตะวันจะรีบไปไหน ยังกินไม่เสร็จ มากินก่อน”
ชาญหันมองพีระ น้ำค้าง
“โรซี่ / พี่โรส”
ทั้งคู่พูดออกมาพร้อมกัน
ตะวันพุ่งพรวดเข้ามาในห้องพักโรสริร แต่ไม่เห็นโรสรินก็ตกใจหน้าตาตื่น
“โรส โรสริน คุณอยู่ไหน”
เสียงโรสรินดังขึ้น
“ฉันอยู่นี่”
ตะวันหันไปเห็นโรสรินยืนบนโต๊ะ ในมือถือม้วนหนังสือพิมพ์
“ขึ้นไปยืนบนโต๊ะทำไม”
“มันอยู่นั่น”
ตะวันหันขวับไปข้างหลัง ไม่เห็นใคร ก็แปลกใจ
“อะไร”
“ตุ๊กแกตัวเบอเริ้ม นายไม่เห็นเหรอ”
“ตุ๊กแกเนี่ยนะ”
“ใช่น่ะสิ นู่นไง มันมองนายแล้ว” ตะวันหันไป “ระวังนะ มันกระโดดแน่”
ไม่ทันขาดคำ ตุ๊กแกก็กระโดดมาเกาะหน้าตะวัน ตะวันแทบช็อก
“เวย”
โรสรินหน้าแหยงมาก
“รีบจับสิ รออะไรอยู่” ตะวันจับหมับ “เอาออกไปเลย เอาออกไป”
ตะวันรีบวิ่งออกไปหน้าบ้าน
ตะวันปัดมือหลังจากจัดการกับตุ๊กแกรีบร้อยแล้ว
“รู้ว่าเขาเกลียดก็อย่าเข้าไปในห้องเขาอีก”
ตะวันบอกแล้วหันหลังเดินไปที่หน้าห้อง จะเปิดประตู แต่ประตูล็อก ตะวันชะงัก เคาะประตู
“โรส ล็อกประตูทำไม”
“นายกลับไปซะ ฉันจะนอน” ตะวันเหวอ
“อะไรวะ”
น้ำค้างนวดไหล่ให้ตะวัน
“พี่นี่โชคดีจริงๆ ที่มีน้องสาวน่ารักอย่างน้ำค้าง”
น้ำค้างหยุดนวด เดินมานั่งข้างตะวันและจับมือ
“น้ำค้างจะเป็นกำลังใจให้พี่ตะวัน ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ไม่ว่าผลจะออกมาเป็นยังไง พี่ตะวันจะมีน้ำค้างอยู่เคียงข้างเสมอ”
ตะวันยิ้ม และกอดน้ำค้าง
“ไม่ว่าโรสจะให้พี่ทำอะไรพี่ยอมทุกอย่างเพื่อให้โรสกลับมาเป็นคนเดิมให้ได้เหมือนกัน”
คืนนั้นขณะที่โรสรินกำลังนอนหลับ เธอฝันถึงภาพในอดีตตอนที่เธอกับตะวันไปเที่ยวทะเลด้วยกันอย่างมีความสุข / ตอนที่ตะวันให้แหวนเธอ
โรสรินสะดุ้งตื่น นิ่วหน้าแปลกใจกับภาพที่เห็น ลุกขึ้นมานั่ง หันไปเปิดลิ้นชักที่โต๊ะข้างเตียง หยิบแหวนออกมาดู สีหน้าสับสนมาก
เช้าวันรุ่งขึ้น ตะวันยังนอนหลับ แต่หน้าซีด เพราะเริ่มจะไม่สบาย เสียงมือถือดังขึ้น ตะวันตื่น หันมาหยิบมือถือข้างเตียง เห็นชื่อโรสรินก็ตาสว่าง รีบกดรับสาย
“ครับโรส ให้ผมไปที่ไร่กุหลาบเดี๋ยวนี้” ตะวันนิ่วหน้าสงสัย
เขาวางสาย และรีบลุกขึ้น แต่มึนหัวมาก ตะวันตั้งสติ แล้วก็ลุกขึ้นช้าๆ พยายามทรงตัวยืน ก่อนจะพ่นลมหายใจและเดินออกไป
กุหลาบร้ายของนายตะวัน ตอนที่ 16 อวสาน (ต่อ)
ตะวันรีบเดินเข้ามาในไร่กุหลาบ สีหน้าไม่สู้เท่าไหร่ แต่พยายามฝืน เจอโรสรินอยู่ตรงหน้าแย้กับคนงานที่มองหน้ากันงงๆ ตะวันเองก็ไม่เข้าใจ เดินมายืนข้างโรสริน เธอหันไปยิ้มให้ตะวัน แล้วหันไปทางแย้กับคนงาน
“วันนี้นายตะวันใจดีให้ทุกคนหยุดพักหนึ่งวัน นายตะวันจะเป็นคนตัดกุหลาบทั้งหมดนี่เอง”
ตะวันเหวอ คนงานเฮลั่นดีใจ พากันเดินออกไป เหลือแต่แย้ที่มองตะวันเป็นห่วง
“แย้ว่าให้แย้อยู่ช่วยลูกพี่อีกคนดีกว่านะครับ ไร่ใหญ่ขนาดนี้ ลูกพี่ตัดคนเดียวไม่ไหวแน่”
“เมื่อกี๊ฉันพูดว่าไง”
“ให้นายตะวันตัดทั้งหมด”
“ฉันพูดว่านายตะวันใช่มั้ย”
“ค้าบ”
“ไม่มีชื่อแย้”
“ค้าบ”
“แล้วจะอยู่ทำไม กลับไปสิ” แย้เหวอ
“กลับไปเถอะแย้” ตะวันบอก
แย้พยักหน้า เดินออกไปแบบห่วงตะวันมาก ตะวันหันไปมองโรสริน เธอหยิบตะกร้าพบพื้นขึ้นมา ยื่นไปตรงหน้าเขา
“ทำงาน”
ตะวันรับตะกร้ามาแล้วก็ถอนหายใจ โรสรินเดินออกไป
อีกด้านหนึ่งที่บ้านพักพีระ พีระมองอุษาวดีที่ยืนอยู่กับกระเป๋าเดินทางข้างตัว
“อุษาจะกลับกรุงเทพ”
“ค่ะ อุษาเป็นห่วงบริษัท ทิ้งงานมางานหลายวันแล้ว”
“ห่วงงานหรือหนีอะไรกันแน่” อุษาวดีเงียบ พีระจับแขนน้องสาว “ เราเป็นพี่น้องกัน น้องทุกข์ พี่ก็ทุกข์ด้วย” อุษาวดีน้ำตารื้นขึ้นมาทันที “ให้พี่แบ่งความทุกข์มาจากน้องบ้างเถอะนะ”
อุษาวดีปล่อยโฮ กอดพีระแน่น พีระกอดอุษาวดีปลอบใจ สีหน้าเป็นห่วงมาก
ที่ไร่กุหลาบ ตะวันเอาตะกร้าที่ใส่กุหลาบวางบนพื้นก่อนจะปาดเหงื่อ หน้าซีดมากขึ้นกว่าเดิม โรสรินเดินมาเช็กงาน เธอหยิบกุหลาบในตะกร้าขึ้นมาหนึ่งดอก มองอย่างพิจารณา
“สมกับเป็นเจ้าของไร่กุหลาบ ฝีมือการตัดเนี๊ยบ รีบไปทำต่อได้แล้ว วันนี้นายต้องตัดให้หมดทั้งไร่”
“ครับ”
ตะวันหยิบตะกร้าใบใหม่แต่เจ็บจี๊ดที่นิ้ว ตะวันชะงักไป โรสรินเห็นนิ้วแดงๆ ของตะวันจากการตัดกุหลาบ
ทันใดนั้นโรสรินเห็นภาพบางอย่าง
“ทำไมนิ้วแดงแบบนี้”
“เปล่า”
“เปล่าอะไร” โรสรินจับมือมาดู แล้ว็ฉุกคิดได้เอง “นายโดนเข็มทิ่มใช่มั้ย”
ตะวันนิ่ง เป็นการยอมรับ โรสรินซึ้งมาก
“นายเย็บผ้าไม่เป็น” ตะวันพยักหน้า “แล้วทำไมนายต้องทำขนาดนี้”
“ได้มั้ยที่คุณบอกว่าผมเป็นคนที่ไม่เคยมีความฝัน แต่เพราะเหตุการณ์นี้ทำให้ผมรู้ว่าความฝันของผมคืออะไร ความฝันของผม คือการที่ผมเห็นคุณมีความสุข และถ้าคุณมีความสุข คุณก็จะไม่อยากไปจากที่นี่”
“ฉัน ฉันไม่รู้จะพูดอะไรเลยอ่ะ”
“ก็ไม่ต้องพูดอะไร แค่เห็นคุณยิ้มได้อีกครั้ง ผมก็ดีใจแล้ว”
ปัจจุบัน โรสรินมองตะวันด้วยแววตาที่สั่นระริก หัวใจเต้นแรง ตะวันเงยหน้าขึ้นมา เธอ ทำเป็นใจแข็ง
“แค่นี้ก็ต้องอดทน ทำงานต่อไป” ตะวันแอบซึมที่โดนว่า หันหลังเดินออกไป โรสรินยกมือจับที่หัวใจตัวเอง
“ทำไมหัวใจเต้นแรงแบบนี้ หรือว่าเรารักนายตะวันจริงๆ”
โรสรินเริ่มคิดว่าหรือเธอจะรักตะวันจริงๆ
น้ำค้างเดินมาหาพีระ
“พี่อุษากลับไปแล้วเหรอ”
“อือ” พีระหน้าเศร้า
“ตกลงพี่อุษาเป็นอะไร”
“คนที่จะให้คำตอบเรื่องนี้ได้คือ หมอกิตติทัต”
น้ำค้างมองพีระสงสัย
ที่โรงพยาบาลในกรุงเทพ กิตติทัตเดินมาตามทางในโรงพยาบาล พลันเสียงมือถือดังขึ้น เขาหยิบมือถือออกมา เห็นชื่อน้ำค้าง ก็กดรับสาย
“ว่าไงครับน้ำค้าง”
“ผมพีระ”
กิตติทัตชะงัก
“คุณพีระ” กิตติทัตนึกได้ ก็ตกใจ “คุณอุษาเป็นอะไรรึเปล่าครับ”
พีระเปิดสปีคเกอร์โฟน น้ำค้างยืนข้างๆ
“ผมต้องถามประโยคนี้กับหมอมากกว่าว่าน้องสาวผมเป็นอะไร หมอทำอะไรน้องผม” กิตติทัตเงียบ “นี่ไม่ใช่เวลามาเงียบนะหมอ”
กิตติทัตถอนหายใจ
“คุณอุษาเข้าใจผมผิด คิดว่าผมชอบโรส”
พีระกับน้ำค้างนิ่วหน้า
“แล้วหมอชอบใคร”
กิตติทัตเงียบไปสองวินาที ก่อนตัดสินใจพูด
“ผมชอบคุณอุษา ไม่ใช่ ผมรักคุณอุษา”
พีระกับน้ำค้างอึ้งไปนิดหนึ่ง
“ถ้ารักแล้วรออะไรอยู่ล่ะคะหมอ” กิตติทัตเครียด
“หมอไม่รู้จะเริ่มต้นพูดยังไง”
น้ำค้างสุดทน
“แค่พูดว่ารัก มันไม่ยากหรอก แต่ถ้าหมอไม่พูด หมอได้กินแห้วแทนข้าวแน่”
“ผมขอสั่งให้หมอไปหาน้องผมเดี๋ยวนี้ ตอนนี้อุษากำลังกลับกรุงเทพ”
กิตติทัตชะงัก สีหน้ามีความหวังขึ้นมา
อุษาวดีเดินมาในออฟฟิศ
“มีคนมาขอพบคุณอุษาค่ะ” พนักงานบอก
อุษาวดีนิ่วหน้าแปลกใจ
อุษาวดีเดินออกมาเห็นกิตติทัตยืนหันหลัง ก็รู้ทันทีว่าใคร เธอใจเต้นแรง ไม่นานกิตติทัตหันมาเห็นอุษาวดีพอดี ก็ผงะ ทั้งสองคนมองหน้ากัน
“หมอมาทำไมคะ”
กิตติทัตเดินมาใกล้ ตรงหน้าอุษาวดี
“ผมมาตามหาหัวใจของผมน่ะสิครับ”
“หมอมาตามหาผิดที่แล้วล่ะค่ะ หัวใจของหมอ คงไม่ได้อยู่ที่นี่”
“อยู่สิครับ หัวใจของผม อยู่ตรงหน้าผมตอนนี้” อุษาวดีอึ้ง แต่ยังไม่เชื่อ
“อย่ามาล้อเล่น อุษาไม่สนุกด้วย”
“ผมไม่ได้เล่น” กิตติทัตบอกหน้าจริงจัง จับมืออุษาวดี “ผมรักคุณอุษา คุณเป็นผู้หญิงคนเดียวที่ผมรัก และรักมาตั้งนาน แต่ผมขี้ขลาดที่ไม่กล้าบอกความจริง เพราะกลัวเสียใจถ้าคุณไม่รับรักผม แต่ตอนนี้ผมไม่กลัวแล้ว” อุษาวดีทำหน้าไม่ถูก อึ้งมาก “ขอโอกาสให้ผู้ชายธรรมดาๆ อย่างผม ได้ปกป้อง และดูแลคุณอุษาตลอดไป จะได้มั้ยครับ”
กิตติทัตมองลุ้นมาก อุษาวดีใจเต้นไม่เป็นส่ำ รู้สึกตื้นตันมาก
“อุษาเป็นคนเอาแต่ใจ ใจร้อน แล้วก็เรื่องมากๆๆ นะคะ หมอจะรับอุษาได้เหรอ”
“ถ้าคุณเอาแต่ใจ ผมก็จะตามใจคุณ ถ้าคุณใจร้อน ผมก็จะใจเย็น ถ้าคุณเรื่องมาก ผมก็จะทำให้เป็นเรื่องเล็ก” อุษาวดีถึงกับขำออกมาทั้งน้ำตารื้น “ผมรักคุณแบบที่คุณเป็น ไม่ว่าคุณจะเป็นยังไง ผมก็รับได้ทุกอย่าง และผมก็มั่นใจว่านอกจากคุณอุษาผมรักผู้หญิงคนไหนไม่ได้อีกแล้ว”
กิตติทัตมีสีหน้ามุ่งมั่นเอาจริง อุษาวดีรู้สึกดีมากๆ จนน้ำตาไหลออกมาด้วยความซาบซึ้ง
“ตกลงคุณอุษา จะว่ายังไงครับ”
อุษาวดีโผกอดกิตติทัตแน่น กิตติทัตผงะ
“หวังว่ากอดนี้คงแทนคำตอบได้นะคะ” กิตติทัตดีใจมาก ยกอุษาวดีตัวลอยขึ้นจากพื้นแล้วหมุนไปรอบๆ เธอร้องลั่น “ปล่อยอุษาลงเถอะค่ะ”
“ไม่ครับ ผมไม่มีวันปล่อยคุณอุษาอีกแล้ว”
กิตติทัตอุ้มอุษาวดีหมุนไปรอบๆ บรรยากาศอบอวลด้วยความรัก
ส่วนที่ไร่ตะวัน ท่ามกลางแดดเปรี้ยง ตะวันขุดดินเหงื่อท่วมหน้าท่วมตัว สภาพแย่มาก ตะวันเวียนหัว รู้สึกทั้งหนาวและร้อนเพราะเป็นไข้กำลังจะทนไม่ไหว ทันใดนั้นแย้แอบย่องเข้ามาหา ตะวันเห็น
“แย้ แกมาทำไม”
“แย้มาช่วยลูกพี่”
“ไม่ต้อง กลับไป”
“แย้ไม่กลับ” ตะวันเซ แย้รีบประคองตะวัน แล้วก็ตกใจ “ทำไมลูกพี่ตัวร้อนแบบนี้ ลูกพี่เป็นไข้”
“เงียบ ฉันไม่ได้เป็นอะไรทั้งนั้น”
“เป็น”
“ไอ้แย้ ถ้าแกยังขืนพูดมาก โดนฉันเตะแน่ รีบไปก่อนที่โรสจะเห็น” แย้ยังยืนนิ่ง “ไปดิวะ”
ตะวันยกเท้า แย้รีบวิ่งออกไป ตะวันแทบทรุด รู้สึกร่างกายกำลังจะไม่ไหว
อีกมุมหนึ่ง พีระกับน้ำค้างกำลังดูรูปคู่อุษาวดีกับกิตติทัตที่ส่งมา สองคนหน้าตายิ้มแย้มมาก
“ในที่สุด ก็ลงเอยกันจนได้ เฮ้อ”
“ดีจังเลยนะ”
“อือ ฉันว่าจัดงานแต่งงานพร้อมกันสองคู่เลยดีกว่า”
น้ำค้างเขิน ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้
“งานใคร”
“อุษากับหมอทัต แล้วก็...” พีระยิ้มกรุ่มกริ่ม “เธอกับฉันไงล่ะ”
น้ำค้างอายมาก
“ฉันยังไม่ได้รับปากซักหน่อยว่าจะแต่งกับนาย”
พีระอมยิ้ม แล้วแย้ก็เดินหน้าแย่เข้ามาหา ทั้งคู่หันไปเห็น
“พี่แย้เป็นอะไร”
แย้ถอนหายใจ
โรสรินยืนมองตะวันทำงาน ก่อนจะหยิบแหวนแต่งงานที่ตะวันให้ออกมาจากกระเป๋ากางเกง ระหว่างนั้นพีระกับน้ำค้างเดินมาหา เห็นโรสรินมองแหวนแต่งงานในมือ ก็ชะงัก น้ำค้างกับพีระมองหน้ากัน โรสรินหันมาเห็นพีระกับน้ำค้างก็ตกใจ หน้าถอดสี รีบเก็บแหวนทันที กลัวพีระกับน้ำค้างเห็น
“โรซี่”
โรสรินหันมา
“มีอะไร”
“เลิกทรมานตะวันเถอะนะ”
“ฉันไม่ได้ทรมาน เค้าพูดเองว่าจะยอมทำตามทุกอย่างที่ฉันสั่ง”
“ตะวันไม่สบาย” โรสรินชะงัก
“ไม่ต้องมาพูดเพื่อช่วยนายตะวัน”
“พี่ตะวันไม่สบายจริงๆ นะคะ” น้ำค้างช่วยยืนยัน
โรสรินหันไปมองตะวันเห็นทำงาน
“เนี่ยนะคนไม่สบาย”
“เลิกใจร้ายกับตะวันได้แล้ว ตะวันรักโรซี่มาก แล้วโรซี่ก็รักตะวันมากเหมือนกัน” พีระบอกอย่างสุดทน
“พีอย่ายุ่งกับเรื่องนี้ดีกว่า”
พีระเดินมาตรงหน้าโรสริน
“ความจริงโรซี่จำอะไรเรื่องระหว่างตัวเองกับตะวันได้แล้วใช่มั้ย” โรสรินผงะ มองพีระกับน้ำค้าง พูดไม่ออก
“อย่าปฏิเสธ เพราะพีเห็นโรซี่เอาแหวนแต่งงานที่ตะวันให้มาด้วย ตอนนั้นโรซี่อยากคืนแหวนแทบเป็นแทบตาย แต่วันนี้ โรซี่พกมันติดตัว แสดงว่าต้องจำอะไรได้บ้างแล้ว ตอบพีมาโรซี่ โรสริน”
โรสรินสุดทน หันไป
“โรสเริ่มจำได้แล้ว” พีระกับน้ำค้างดีใจ “แต่ความรู้สึกของโรสมันยังคลางไม่แน่ใจ ไม่มั่นใจว่าเค้าจะเป็นผู้ชายที่โรสรักจริงๆ มันทำให้โรสไม่กล้าที่จะรักเขาหมดใจ เข้าใจเหรอยัง”
“การที่พี่ตะวันยอมทำขนาดนี้” น้ำค้างชี้ไปทางตะวันที่ทำงานอยู่ในไร่ โรสรินหันไปมองตาม “ยังทำให้พี่โรสไม่มั่นใจอีกเหรอคะ”
โรสรินไม่ตอบ หันไปทางอื่น
“แล้วตะวันต้องทำแค่ไหน โรซี่ถึงจะเชื่อ”
โรสรินเอาแต่เงียบ ทันใดนั้นเสียงตุ่บดังขึ้น โรสริน พีระ น้ำค้าง หันไปมองที่ไร่กุหลาบ ไม่เห็นตะวันก็แปลกใจ
โรสริน พีระ น้ำค้างเดินเข้ามาในไร่กุหลาบ แล้วก็ตกใจเพราะตะวันหมดสติอยู่บนพื้น โรสรินหน้าแย่ รู้สึกผิดขึ้นมาทันที น้ำค้างรีบเข้าไปดูตะวัน
“พี่ตะวัน”
เย็นวันนั้นที่ห้องนอนตะวัน หมอฉีดยาตะวันเสร็จ หันมาทางโรสริน พีระและน้ำค้าง
“ร่างกายคุณตะวันอ่อนเพลียเพราะสูญเสียน้ำ และพักผ่อนไม่เพียงพอ ไม่ต้องห่วงนะครับ หมอให้ยาไว้ทานแล้วพักซักสองสามวัน ร่างกายก็จะกลับมาแข็งแรงตามเดิม”
โรสริน พีระ น้ำค้างโล่งอก
“ขอบคุณนะคะหมอ น้ำค้างไปส่งค่ะ”
น้ำค้างเดินออกไปส่งหมอ เหลือโรสรินกับพีระสองคน โรสรินเดินไปนั่งข้างเตียง ขยับผ้าห่มให้ตะวัน พีระมองเธอ
“โรสจะอยู่เฝ้าตะวันเอง เพราะโรสทำให้เค้าเป็นแบบนี้”
โรสรินมองตะวันด้วยความเป็นห่วงมากๆ
พีระเดินออกมาเจอน้ำค้างที่ส่งหมอเสร็จแล้วเดินกลับมา
“พี่โรสล่ะ”
“โรซี่อาสาอยู่ดูแลตะวัน แสดงว่าโรซี่เริ่มเปิดใจให้ตะวันแล้ว”
น้ำค้างยิ้มอย่างมีความหวัง
“หวังว่าเรื่องร้ายจะกลายเป็นดีนะ”
พีระยิ้มและพยักหน้า
เวลาผ่านเวลา โรสรินคอยดูแลตะวัน เช็ดตัวให้เขาทั้งคืน ทั้งๆ ที่ดึกมาก แต่โรสรินไม่ยอมนอน สุดท้ายก็ทนไม่ไหว สัปหงก แล้วก็สะดุ้งตื่นมาดูตะวันต่อ โรสรินนั่งอยู่ข้างเตียงตะวัน ไม่ยอมลุกไปไหน
เช้าวันต่อมา ตะวันสีหน้าดีขึ้น ลืมตาขึ้นมา เห็นว่าตัวเองอยู่ที่บ้าน ก็แปลกใจ พยายามจะลุกขึ้นนั่ง แต่ไม่ค่อยมีแรง โรสรินเปิดประตูเข้ามาพร้อมถาดอาหาร เห็นตะวันจะลุก ก็รีบวางถาดอาหารบนโต๊ะ และรีบเข้ามาช่วยพยุง ตะวันหันไปมองโรสรินอึ้งๆ
“โรส”
“ลุกขึ้นมาทำไม”
“ผมหิวน้ำ”
โรสรินเดินไปรินน้ำใส่แก้วและเดินกลับมาให้เขา ตะวันรับน้ำมาดื่ม ก่อนจะส่งคืนให้เธอ ตะวันมองโรสรินงงๆ โรสรินเอาแก้วน้ำคืนมา แล้วเดินไปวางบนโต๊ะ ก่อนจะยกถาดอาหารเดินมานั่งข้างเตียง
“ฉันทำข้าวต้มมาให้นาย”
โรสรินตักข้าวต้มขึ้นมาเป่า แล้วยื่นช้อนไปตรงหน้าตะวัน
“ผมทานเอง”
“ไม่ไว้ใจฉันเหรอ?” ตะวันเงียบ “ฉันไม่แกล้งนายแล้ว ทานซะ” ตะวันกินข้าวต้มที่โรสรินป้อน ยังไม่เข้าใจกับสิ่งที่เธอทำ โรสรินป้อนข้าวต่อ “ทานให้หมด จะได้ทานยา”
“ผมดูแลตัวเองก็ได้”
“ฉันเคยพยาบาลนายมาแล้วครั้งนึง” โรสรินหลุกปากบอก ตะวันอึ้ง “ฉันทำได้ ไม่ต้องห่วง ลืมไปแล้วเหรอว่าฉันเป็น “นางฟ้า” ของนาย”
ตะวันชะงัก มองโรสรินที่ป้อนข้าวเขา ข้าวเลอะปากตะวัน โรสรินเห็น
“ทานดีดีสิ เลอะแล้วเห็นมั้ยเนี่ย”
โรสรินเอามือเช็ดปากให้ตะวันโดยไม่รังเกียจซักนิด ตะวันคิดย้อนกลับไป
“ดื้อจริงๆ เลยนาย นอนเยอะๆ จะได้หาย”
“ทฤษฎีไหน”
“ทฤษฏีพยาบาลอย่างฉันเนี่ยแหละ พูดง่ายๆ จะได้โตไวไว” ตะวันหัวเราะ “หัวเราะอะไร นายควรจะสำนึกบุญคุณฉันรู้มั้ย เพราะตั้งแต่เกิดมา ฉันไม่เคยทำแบบนี้ให้ใคร”
“แล้วทำไมคุณถึงทำให้ผม”
ตะวันจ้องหน้าโรสรินแววตามีความหมาย เธอชะงัก รู้สึกเขินๆ แต่ทำหน้านิ่ง
“ไม่รู้ รู้แต่ว่าฉันอยากตอบแทนนายบ้าง บอกแล้วไงว่าจะเป็นพยาบาลส่วนตัวให้จนกว่าจะหาย นางฟ้าใจดีทำให้ขนาดนี้ยังจะดื้ออีก เหรอ”
ตะวันยิ้มชอบใจ เห็นถึงความปรารถนาดีของเธอ
“โอเคครับ ผมไม่ดื้อแล้ว นางฟ้าของผม”
ตะวันกับโรสรินมองหน้ากัน โรสรินแก้เก้อเอาน้ำให้ตะวัน
“ดื่มน้ำเข้าไปอีก นายน่ะพูดมากเกินไปแล้ว”
ตะวันเอาน้ำมาดื่ม แต่น้ำหกเลอะปาก โรสรินตกใจเผลอตัวใช้มือเช็ดปากให้เขา นิ้วโป้งลูบเช็ดปากให้ตะวัน พลันหนุ่ม-สาว มองตากัน หน้าใกล้ๆ กัน โรสรินและตะวัน ชะงักราวกับต้องมนต์
ปัจจุบัน ตะวันมองโรสรินตาเป็นประกายดีใจ มั่นใจว่าเธอจำเรื่องเค้าได้แล้ว โรสรินเงยหน้าเห็นตะวันยิ้ม
“ยิ้มอะไร”
“เปล่า”
“เห็นอยู่ว่ายิ้ม”
“ผมมีความสุขน่ะ”
ตะวันยิ้มๆ โรสรินนิ่วหน้า แล้วก็ป้อนข้าวให้ตะวันต่อ
น้ำค้างคุยโทรศัพท์กับตะวัน มีพีระยื่นหน้ามาฟังข้างๆ
“พี่ตะวันคิดว่าพี่โรสจำได้แล้วว่าพี่สองคนรักกัน”
น้ำค้างกับพีระหันมายิ้มให้กัน สีหน้าตะวันมีความหวัง ขณะแอบคุยโทรศัพท์อยู่บนเตียง
“พี่มั่นใจ เพียงแต่โรสอาจจะยังจำไม่ได้ทั้งหมด แต่ครั้งนี้พี่จะไม่ถามตรงๆ เพราะโรสไม่มีทางยอมรับ”
น้ำค้างกับพีระนิ่วหน้า
“แล้วพี่ตะวันจะทำยังไง”
ตะวันยิ้ม อย่างนึกอะไรดีดีออก
โรสรินเข้ามาในห้อง พร้อมถาดอาหารเช้า แต่ไม่เห็นตะวันบนเตียง ก็แปลกใจ
“หายไปไหน”
โรสรินนิ่วหน้า
โรสรินเดินออกมาวางถาดอาหารบนโต๊ะอาหาร
“หาทั่วบ้านก็ไม่เจอ” ระหว่างที่กำลังคิด อาทิตย์เดินยิ้มเข้ามา โรสรินหันไปมอง “นายติสท์”
“พี่โรสไปกับอาทิตย์หน่อยสิครับ”
โรสรินนิ่วหน้ามองอาทิตย์
อาทิตย์จูงมือโรสรินมาตามทาง
“นายติสท์จะพาพี่ไปไหน”
“เดี๋ยวก็รู้ครับ”
โรสรินสงสัยมาก แต่ยื้ออาทิตย์ไว้ โรสรินจะไม่ยอมไป
“มีอะไร บอกพี่มาเดี๋ยวนี้”
อาทิตย์ตกใจ แผนจะแตกแต่หันไปเห็นแย้กับคนงาน อาทิตย์รีบส่งซิกให้แย้ ทันใดนั้นแย้กับคนงาน ในชุดดำ มีผ้าปิดหน้า ใส่หมวก ก็กระโดดออกมาจากข้างทาง โรสรินกับอาทิตย์ตกใจ
“พวกแกเป็นใคร”
แย้กับคนงานไม่ตอบ พุ่งเข้ามาหาโรสรินกับอาทิตย์ แย้อุ้มอาทิตย์ขึ้นมา โรสรินอึ้ง อาทิตย์ร้องลั่น
“ปล่อยอาทิตย์นะ ปล่อย ปล่อย”
“จับนายติสท์ไปทำไม”
แย้กับคนงานรีบวิ่งหนีออกไป
“พี่โรสช่วยอาทิตย์ด้วย พี่โรส”
“อาทิตย์”
โรสรินรีบวิ่งตามอาทิตย์ไปทันที
โรสรินวิ่งมาตามทางแต่วิ่งไม่ทันแย้
“ไปไหนแล้ว ทำไงดี” โรสรินลนลาน นึกออก หยิบมือถือออกมากดโทรออก “น้ำค้างรับสิ รับสิ ทำไมไม่รับ” วางสาย โทรออกอีกครั้ง “พีปิดมือถือทำไมเนี่ย”
สีหน้าโรสรินไม่สู้ดีอย่างแรง ตัดสินใจเดินต่อไป
โรสรินเดินออกมาตรงลานโล่ง ก็แปลกใจที่เห็นจอผ้าสีขาวขึงอยู่เหมือนจอหนัง เธอนิ่วหน้า เดินมาหยุดตรงหน้าจอ ทันใดนั้นมีภาพบนจอปรากฏขึ้นมา เป็นภาพม้านั่งตัวหนึ่ง โรสรินยิ่งแปลกใจ
ไม่นานตะวันเดินเข้ามานั่งที่ม้านั่งตัวนั้น โรสรินชะงัก
“ผมอ่านหนังสือเล่มนึง เค้าเขียนว่าความจริงคนเราเกิดมา พร้อมหัวใจครึ่งดวง ผมหัวเราะ และไม่เชื่อในสิ่งที่เค้าเขียน ถ้าหัวใจมีแค่ครึ่งดวง เราคงไม่มีชีวิตอยู่” โรสรินตั้งใจฟังตะวัน “แต่มีผู้หญิงคนหนึ่ง ทำให้ผมรู้ว่า สิ่งที่หนังสือเล่มนั้นบอก มันเป็นเรื่องจริง”
โรสรินรู้สึกหัวใจเต้นแรง
“ทั้งๆ ที่ผู้หญิงคนนั้นร้ายกาจ เอาแต่ใจ”
ภาพในอดีตที่โรสรินเป็นคุณหนูขี้วีน
“แต่กลับมีมุมที่น่ารัก”
ภาพในอดีตตอนที่โรสรินประกวดเต้นฮูล่าฮูบ
“และความน่ารักของเค้าก็เห็นชัดมากขึ้น จนทำให้หัวใจของผมเต้นแรงเมื่อได้เจอ และอยากอยู่ใกล้เธอคนนั้นตลอดเวลา ผมไม่รู้ว่าผมรักเธอคนนั้นตั้งแต่ตอนไหน แต่ผมแอบเก็บภาพของเธอตั้งแต่วันแรกที่เธอเดินเข้ามาในชีวิตผม”
ตะวันหยิบภาพต่างๆ ของโรสรินมากมายขึ้นมาดู โรสรินรู้ว่าตะวันหมายถึงเธอ จึงน้ำตารื้น
“อย่างนี้เรียกว่ารักหรือเปล่าครับ โรสริน ผมรักคุณ”
โรสรินน้ำตาไหล ด้วยความซาบซึ้ง ทันใดนั้นผ้าสีขาวร่วงลงพื้น ตะวันยืนอยู่ข้างหลังผ้านั่น โรสรินอึ้ง ตะวันเดินออกมายืนตรงหน้าโรสริน เธอนิ่งไปสามวินาที
“ตะวัน นายรักฉันเพราะอะไร”
“ผมตอบคุณไม่ได้ว่าผมรักคุณเพราะอะไร เพราะมันมีเป็นร้อยเป็นพันคำตอบ” ตะวันเคยพูดประโยคนี้กับโรสรินเมื่อตอนไปเที่ยวทะเลด้วยกัน “ผมชอบเสียงเพราะๆ ของคุณ ผมชอบรอยยิ้มที่ทำให้โลกสดใส ผมชอบความเย่อหยิ่งถือตัวแต่ก็แฝงด้วยความอ่อนโยน ผมชอบทัศนคติของคุณที่ไม่คิดจะยอมแพ้ต่ออุปสรรคใดๆ ผมเคยไม่ชอบคุณ”
ตะวันจ้องมองโรสริน
“แต่วินาทีนี้...”
แล้วโรสรินก็พูดขึ้นมาพร้อมกับตะวัน
“ผม/ฉันรักทุกสิ่งทุกอย่างในตัวคุณ/นาย นั่นแหล่ะคือเหตุผลของผม/ฉัน” ตะวันอึ้งที่โรสรินจำได้ ตะวันพูดต่อ โรสรินพูดด้วย “แล้วมันก็ไม่มีเหตุผลเลยถ้าคุณ/นายจะไม่ใช่คนสุดท้ายที่ผม/ฉันรัก ผม/ฉันอยากอยู่กับคุณ/นายไปตลอดชีวิตของผม/ฉันโรสริน/ตะวัน”
ตะวันยิ้มกว้างดีใจมากจนน้ำตาซึม
“คุณจำได้”
“ฉันจำได้ว่าฉันรักนาย ถึงแม้ฉันจะยังจำเรื่องราวของเราได้ไม่ทั้งหมด แต่ฉันพร้อมที่จะสร้างความทรงจำระหว่างเราขึ้นมาใหม่” โรสรินยิ้ม น้ำตาไหล แล้วก็หยิบแหวนที่ตะวันให้ออกมา ยื่นไปตรงหน้าตะวัน “ฉันอยากให้นายสวมมันให้ฉันอีกครั้ง”
ตะวันดีใจมากๆ รับแหวนมาจากมือโรสริน
“กุหลาบร้ายของผม แต่งงานกับผมนะ คุณคือหัวใจอีกครึ่งหนึ่งของผม” มโรสรินพยักหน้า
ตะวันสวมแหวนที่นิ้วนางข้างซ้ายให้โรสริน ก่อนจะจูบมืออย่างแผ่วเบา ทั้งคู่สวมกอดกันแน่น เสียงเฮดังขึ้น ตะวันกับโรสรินผละออกมาและหันไปเห็นน้ำค้าง พีระ อุษาวดี กิตติทัต แย้ ชาญ ณรงค์ ยุนอา อึ่ง อาทิตย์ ยิงพลุสว่างไสว
“ซาบซึ้งตรึงใจมากลูกเอ๊ย” ณรงค์ร้องไห้
“ไอ้ณรงค์ร้องไห้ทำไม” แล้วชาญก็ร้องไห้ตาม
“แล้วเอ็งร้องไห้ทำไมวะ”
“มันมีฟามสุขที่เห็นหลานรักของเราสองคนลงเอยกันสักที”
ชาญปล่อยโฮ ณรงค์เช็ดน้ำตาให้ แย้หันมาทางยุนอา
“อยากกอดแบบนั้นบ้างจุง”
ยุนอาหันไปสวมกอดแย้แน่น แย้ดีใจ กอดยุนอาตอบ พีระกับน้ำค้างจับมือและยิ้มให้กัน อุษาวดีเอนหัวซบไหล่กิตติทัต อึ่งกับอาทิตย์ก็กอดกัน
หนึ่งเดือนต่อมา เสียงเพลงสนุกสนานดังขึ้นเห็นบรรยากาศงานแต่งงานที่จัด OUTDOOR น้ำค้าง พีระ อุษาวดี กิตติทัต อยู่กันเป็นคู่ๆ อาทิตย์วิ่งเล่น อึ่งวิ่งไล่ตาม แย้กับยุนอาเอามือที่ถือแก้วไขว้กันแล้วดื่มน้ำ หัวร่อต่อกระซิก ทุกคนดูมีความสุขกันมาก
ชาญกับณรงค์เดินออกมามองไปรอบๆ สีหน้ายิ้มแย้มอารมณ์ดี
“ในที่สุดก็มีวันที่เราสองคน ได้เป็นทองแผ่นเดียวกัน”
“ฉันคิดไม่ผิดจริงๆ ที่ส่งยัยโรสให้มาอยู่ที่นี่ หลานชายแกมันสวดยอด เปลี่ยนกุหลาบร้ายให้เป็นกุหลาบแสนสวยได้เหมือนเดิม ชนแก้วฉลองกันหน่อย”
ชาญกับณรงค์ชนแก้ว
“ต่อไปนี้ก็ถึงเวลาเป็นคุณทวดเลี้ยงเหลนกันล่ะเว๊ย”
ชาญกับณรงค์หัวเราะพร้อมกันอย่างมีความสุข พลันเสียงแย้ดังขึ้น
“ท่านผู้มีเกียรติทุกท่าน เชิญพบกับเจ้าบ่าวเจ้าสาวได้แล้วครับ”
ทุกคนหันไป
ตะวันกับโรสรินเดินจับมือออกมาด้วยกัน ตะวันกับโรสรินอยู่ในชุดเจ้าบ่าวเจ้าสาวสไตล์คาวบอย ดูสบายๆ ทุกคนปรบมือและยิ้มแย้ม
“ขอบคุณทุกท่านมากนะครับที่มางานแต่งงานของเราสองคน กว่าจะมาถึงวันนี้ เราสองคนผ่านอะไรกันมากมาย ทั้งสุขทั้งเศร้า จนทำให้เรารู้ใจตัวเองว่าเรารักกัน”
ทุกคนฮิ้ว ตะวันหันไปมองโรสริน เธอยิ้ม และหันไปทางชาญกับณรงค์
“โรสกับตะวันคงจะไม่ได้มายืนตรงนี้ด้วยกัน ถ้าไม่ใช่เพราะปู่ชาญกับปู่ณรงค์” ทุกคนหันไปมองชาญกับณรงค์ ชาญกับณรงค์ยิ้มแก้มปริ “ขอบคุณคุณปู่มากนะคะที่ทำให้เราสองคนได้มาพบกัน”
“เรามีวันนี้เพราะสัญญาศักดิ์สิทธิ์ของปู่นะครับ”
ทุกคนปรบมือให้ชาญกับณรงค์ ชาญกับณรงค์เขิน ทำหน้าไม่ถูก ยุนอาเดินออกมา
“ถึงเวลาเฮฮาเริงร่าท้าความรักกันแล้วล่ะค่ะ มิวสิค”
เพลงดังขึ้น ทุกคนออกมาเต้นกันเป็นคู่ๆ อึ่งกับอาทิตย์ / ชาญกับณรงค์ / แย้กับยุนอา / พีระ น้ำค้าง / อุษาวดีกับกิตติทัต และโรสรินกับตะวัน โรสรินหอมแก้มตะวันฟอดใหญ่
จบบริบูรณ์