กุหลาบร้ายของนายตะวัน ตอนที่ 1
รถยนต์สปอร์ตคันหรูพุ่งตรงเข้ามาอย่างเร็วและแรง แล้วจอดเอี๊ยดที่หน้าโรงแรมควีนโรส บรรดาดอร์แมนและพนักงานโรงแรมหลายๆ คน หันขวับมาเห็น ก็ทำหน้าอย่างกับเห็นผี! รีบวิ่งไปยืนตั้งแถว
เป็นสาวสวย โรสริน ลงจากรถด้วยเครื่องแต่งกายแบรนด์เนมหัวจรดเท้า อาภรณ์สีแดงเพลิงแม็ทเป๊ะกับเครื่องประดับประดามี ออร่ากระจายไฮโซมากๆ ทว่าสีหน้าดูเธอไม่สบอารมณ์เอาซะเลย วินาทีนี้พร้อมเหวี่ยงทุกคนที่ขวางหน้า โรสรินเดินเชิดมาดนางพญา ผ่านพนักงานโรงแรมที่ตั้งแถวสองฝั่ง ทุกคนโค้งหัวเคารพอย่างยำเกรง โรสรินถอดแว่นกันแดดออก เผยให้เห็นดวงตาดุเฉียบพร้อมเหวี่ยง!
ภายในห้องประชุมของโรงแรม บรรดาเหล่ากรรมการบริหารโรงแรมนั่งประหม่าๆ เสียวสันหลังวาบๆ เลิ่กลั่กๆ บางคนซับเหงื่อ ณรงค์ตบโต๊ะประชุมปัง กรรมการบริหารสะดุ้งวาบ
“กลัวอะไรกัน ไม่เห็นจะมีอะไรน่ากลัว” ณรงค์บอกเสียงเครียด คอแห้งผาก เอื้อมมือหยิบแก้วกาแฟ มือสั่นระริก จิบกาแฟกลืนเอื้อก เสียงสั่น “ไม่มีอะไรต้องกังวลซักนิดเดียว”
แท้จริงแล้วณรงค์เกิดความกลัวในใจไม่ต่างจากทุกคน มือไม้สั่น วางกาแฟหกเลอะ ทุกคนสะดุ้ง ราวกับเป็นลางร้าย ยุนอา เลขาส่วนตัวของณรงค์รีบเข้ามาเช็ดโต๊ะแล้วกระซิบด้วยสำเนียงเกาหลี
“ท่านประธานคะ เอ่อ..อยากจะเปลี่ยนคำสั่งใหม่มั้ยคะ?”
“ไม่ ต่อให้ต้องตายเดี๋ยวนี้ ฉันก็ไม่มีวันเปลี่ยน”
จังหวะนั้นมีสายโทรเข้าเครื่องยุนอา ยุนอากดอินเตอร์คอมเฮดเซ็ทรับสาย
“ฮัลโหล” ยุนอาตาโตตกใจ “หา มาแล้ว” พลั๊วะ ประตูห้องประชุมเปิดออก ยุนอาสติแตก ถอยกรูดติดผนัง “ตายๆๆๆ ตายแน่”
โรสรินเดินเข้ามา กรรมการบริหารสะดุ้งเฮือกรีบก้มหน้าไม่กล้าสบตา ณรงค์สูดลมหายใจเข้าลึกๆ รวบรวมสติ สีหน้าเคร่งขรึม หนักแน่น
“โรสให้โอกาสคุณปู่เปลี่ยนใจ ตกลงคุณปู่จะให้โรสรับตำแหน่งอะไรที่ควีนโรสคะ ตามข่าวที่โรสได้ยินมา บอกตามตรงว่าโรสรับไม่ได้” โรสรินเปิดฉากวีน ณรงค์ลุกขึ้น ถอนใจ หนักใจ
“ปู่จะให้โรสสืบทอดตำแหน่งประธารบริหารโรงแรมควีนโรส”
โรสรินที่กำลังจะปรี๊ดก็ค่อยๆ เย็นลง แล้วเปลี่ยนจากคุณหนูจอมวีนเป็นคุณหนูที่น่ารักมาก ยิ้มสดใสมาก
“อันนี้รับได้ น่ารักมั่กๆ” โรสรินเข้าไปกอดณรงค์ “ขอบคุณค่ะ โรสสัญญาว่าโรสจะทำหน้าที่ให้ดีที่สุด”
“แต่ต้องหลังจากผ่านการฝึกงานตั้งแต่ระดับล่างที่สุดถึงระดับบน ไม่มีข้อยกเว้น”
โรสรินที่ยิ้มสดใสอยู่ค่อยๆ หุบยิ้มลงๆๆ จนขึ้นมาใกล้ระเบิดแตกเหมือนเดิม
“โรสให้โอกาสคุณปู่เปลี่ยนใจครั้งที่หนึ่ง”
“ฝันไปเถอะ”
“อย่าทำให้โรส จี๊ดสสส์นะคะ” กรรมการสะดุ้งวาบ ขนหัวลุกมากเป็นพิเศษเมื่อประโยคนี้ปรากฏขึ้น “โรสให้โอกาสคุณปู่เปลี่ยนใจครั้งที่สอง”
“จะกี่ครั้งคำตอบก็คือไม่ ตกลงตามนี้”
“ถ้างั้นโรสจะกลับอังกฤษเดี๋ยวนี้ แล้วจะไม่กลับมาอีกเลย”
“แต่หนูเพิ่งมา”
“แล้วยังไงคะ คุณปู่จะให้โรสขัดห้องน้ำ ปูเตียง ต้อนรับแขกเหรอเนี่ยนะคะ”
“ยกกระเป๋าก็ต้องทำ”
“คุณปู่รู้ตัวมั้ยว่านี่คือครั้งแรกในชีวิตที่คุณปู่กล้าขัดใจโรส”
“ก็เพื่อตัวโรสเอง โรสคือความหวังของปู่ แต่โรสไม่มีวันจะแบกรับความรับผิดชอบนี้ได้ ถ้าโรสไม่มีประสบการณ์ ไม่เคยทำงานหนัก ไม่รู้จัก ไม่เคยสัมผัสงานทุกขั้นตอนทุกแผนกของโรงแรมเรา” ณรงค์ตบโต๊ะเปรี้ยง
“โอเคค่ะ” โรสรินบอกเสียงเด็ดขาด ไม่ยอมเหมือนกันแล้วตบโต๊ะเปรี้ยง เตะโต๊ะ ก้มหน้าจ้องตาณรงค์เขม็ง “ถ้าคิดถึงโรส จนทนไม่ไหวก็บินไปเยี่ยมโรสที่อังกฤษก็แล้วกัน”
โรสรินจ้องหน้าณรงค์แบบดื้อรั้นและไม่ยอมทำตาม โรสรินเดินออกจากห้องไปอย่างปรี๊ดแตก เหล่ากรรมการและยุนอานั่งกันหัวหดไม่กล้าออกความเห็น ณรงค์มองโรสรินที่เดินออกไปอย่างเหนื่อยใจสุดชีวิต
ณรงค์ทรุดตัวลงนั่งในห้องทำงานแล้วถอนใจอย่างเหนื่อยอ่อน เฮ้อออ ณรงค์หยิบกรอบรูป รูปลูกชาย และลูกสะใภ้ มองนิ่งๆ แววตาสำนึกผิด
“ลูกจะรู้มั้ยว่านางฟ้าน้อยๆ ของเรากลายเป็นแบบนี้ไปแล้ว พ่อขอโทษที่เลี้ยงหลานไม่เอาไหน พ่อผิดเอง แต่ถึงยังไงพ่อก็ต้องทำให้โรสกลับมาเป็นนางฟ้าที่น่ารักของเราเหมือนเดิม และสืบทอดธุรกิจโรงแรมของเราให้ได้” ณรงค์จ๋อยลง “แต่ว่าพ่อไม่รู้จะทำยังไงน่ะสิ เฮ้อ”
ณรงค์ถอนใจอย่างอับจนหนทาง
โรสรินเดินหงุดหงิดกระฟัดกระเฟียดเข้ามาตามทาง พนักงานโรงแรมที่อยู่แถวนั้น ถอยกรูดห่างจากตัวเธอ
“คิดเหรอว่าจะบังคับคนอย่างโรสได้ ไม่มีวัน” พนักงานแถวนั้น กลัวๆ แต่ก็แอบเหลือบมอง โรสรินเหวี่ยงใส่ “มองอะไร ไม่มีงานทำรึไง เดี๋ยวแม่ไล่ออกซะนี่ หึ๋ย”
พนักงานกลัวลนลาน เดินหนีจนชนกันเองล้มโครม โรสรินเดินต่อไป แต่แล้วก็ต้องชะงักที่ใครคนหนึ่งยืนหันหลังขวางไว้ ชายคนนั้นหันหน้ามาพร้อมทิวลิปช่องามในมือ เขาคือพีระหนุ่มคนสนิทของโรสรินนั่นเอง
“ทิวลิปที่น่าสงสาร” พีระยืนดอกทิวลิปให้ โรสรินชะงักจ้องหน้า “มันคงเสียใจที่สวยสู้ผู้หญิงชื่อ “โรซี่” ที่ยืนอยู่ ตรงหน้าผมไม่ได้” โรสรินถอนหายใจเฮือกเซ็งๆ “กลับมาคราวนี้ เราคงจะได้ใช้ชีวิตร่วมกันจริงๆ ซะทีนะครับ ที่รัก”
“บอกกี่ครั้งแล้วว่าอย่าเรียกโรสว่าที่รัก โรสไม่ใช่ที่รักของคุณ”
โรสรินยังไม่หายหงุดหงิด พร้อมจะเหวี่ยงทุกคนไม่เว้นหน้าอินทร์หน้าพรหม
“เอ่อ ใครทำให้ที่รัก เอ๊ย โรซี่จี๊ดดดส์ครับเนี่ย” โรสรินคว้าทิวลิปปาลงพื้น แล้วเหยียบอย่างไม่ใยดี โรสรินเดินออกไป พีระอึ้งเดินตามต้อยๆ “โรซี่ไม่ชอบช่อนี้เหรอ พีจะหามาให้ใหม่นะ”
“ใช่ ไม่ชอบทั้งดอกไม้ ไม่ชอบทั้งคนให้ โรสหงุดหงิด เครียด อยากเหวี่ยง โอ๊ย มันจี๊ดดส์ ไปให้พ้นเลย โรสไม่อยากเห็นหน้าใคร”
โรสรินเดินหนี พีระตามไปปลอบ
“ใจเย็นก่อนนะโรซี่ อะไรที่ทำให้โรซี่หายเครียดบอกพีมาได้เลย พีจะทำให้ทุกๆ อย่างเลยนะโรซี่นะ”
“ถ้างั้นทำยังไงก็ได้ให้โรสบินกลับอังกฤษเดี๋ยวนี้”
“ได้จ้ะ คุณได้รับสิทธิ์นั้นเดี๋ยวนี้ ห๊า! กลับอังกฤษ ไม่เอานะ ไม่ให้ไปอีกแล้ว”
โรสรินเดินไปใกล้ๆ ช่างไฟฟ้าที่กำลังซ่อมหลอดไฟอยู่ เขาทำหลอดไฟหลุดมือ หล่นเฉียดหัวโรสรินนิดเดียว
“ อ๊ายยยย” โรสินเหวี่ยงใส่ช่างไฟ “นายทำบ้าอะไรเนี่ยถ้าฉันเสียโฉมขึ้นมาจะว่าไง งี่เง่า ใครจ้างมาทำงานได้ยังไง ห๊า”
ช่างไฟไหว้อย่างกลัวๆ
“ผมขอโทษนะครับ”
“ฉันไล่นายออก ออกไป ไปสิ ออกไปเดี๋ยวนี้” ช่างไฟอึ้งที่โดนโรสรินตวาดใส่ มองอย่างอาฆาตก่อนจะออกเดินออกไป โรสรินเดินต่อ พีระเดินตาม โรสรินหันมาเหวี่ยงอีก “โอ๊ยย อย่าตามมาได้มั้ย รำคาญ”
โรสรินเดินออกไปอย่างหงุดหงิด พีระมองตามตะละห้อย
โรสรินเดินมาถึงหน้าห้องบอลรูมพลันก็ชะงักกึก! โรสรินหันหน้าเข้าไปในห้องแล้วเดินตรงเข้ามาเห็นพนักงานโรงแรมกำลังตกแต่งห้องจัดเลี้ยงต้อนรับ โรสรินเห็นแย้กับพนักงานจัดดอกไม้ช่วยจัดแต่งดอกกล้วยไม้ประดับประดาจึงเดินไปหา
“เอาดอกกล้วยไม้ออกไปให้พ้นโรงแรมฉันเดี๋ยวนี้”
แย้ และพนักงานสะดุ้งเฮือกหันมา
“เอ่อ แต่ลูกพี่ผมสั่งห้ามเปลี่ยนแบบเด็ดขาด” แย้บอก
“ใหญ่มาจากไหนถึงกล้าขัดคำสั่งฉัน ระหว่างยอมเปลี่ยนดอกไม้ให้ฉันกับไม่มีงานทำจะเลือกอะไร”
“ถ้างั้นเคลียร์กับลูกพี่ผมเองแล้วกันนะครับ”
ตะวันเดินหอบดอกกล้วยไม้นานาพันธ์ยิ้มแย้มเข้ามา โรสรินจ้องมองไม่พอใจ ตะวันยิ้มค้างไปชั่วครู่ โรสรินสวย สวยมาก แต่นิสัยไม่ดี
“ฉันเป็นหลานสาวคนเดียวของคุณปู่ที่เป็นเจ้าของโรงแรมนี้ แต่ฉันเกลียดดอกกล้วยไม้ นายคิดว่านายจะทำยังไงกับมัน” ตะวันยิ้มให้
“คุณอยากจะเปลี่ยนแบบดอกไม้ของผมเหรอครับ”
“ใช่! ลูกกะจ๊อกของนายบอกว่านายสั่งห้ามเปลี่ยนแบบ แต่ฉันมีคำสั่งให้นายเปลี่ยนแบบเดี๋ยวนี้ นายจะกล้าลองดีกับฉันมั้ย”
“ผมไม่กล้าหรอกครับ ผมเปลี่ยนให้ก็ได้”
ตะวันเดินไปเอาดอกกล้วยไม้ในมือเสียบตกแต่งช่อให้เยอะกว่าเดิม แย้และพนักงานมองอึ้งๆ โรสรินปรี๊ดเลย
“นาย ทำบ้าอะไร” ตะวันจัดดอกไม้ชิลๆ “ฉันถามว่านายทำบ้าอะไร”
ตะวันหันมา
“ก็เปลี่ยนแบบใหม่แล้วไง ดูสิ เพิ่มดอกกล้วยไม้เยอะขึ้น ดูสวยกว่าเดิมตั้งเยอะ”
“เปิดตาตี่ๆ ของนายดูสิยะว่าโรงแรมนี้ชื่อโรงแรมอะไร” โรสรินพูดใส่หน้าตะวัน ตะวันหันไปมองป้ายชื่อโรงแรม แล้วก็หันกลับมาทำหน้าตาเฉย “อ๋อ หรือจะอ่านภาษาอังกฤษไม่ออก ฉันบอกให้ก็ได้ “ควีนโรส” แปลว่า “ราชินีกุหลาบ” กุหลาบๆๆๆ แล้วยังจะเอาดอกกล้วยไม้มาจัดที่โรงแรมของฉันอีก โง่สุดๆ ฉันไล่พวกนายทุกคนออก ขนดอกไม้ห่วยๆ นี่กลับไปให้หมด”
“ไปเหวี่ยงไกลๆ เถอะ ผมเริ่มรำคาญแล้ว คุณไม่ได้เป็นคนจ้างผม ผมกำลังทำงานที่ได้รับมอบหมาย ผมจะบอกอะไรให้นะ ต่อให้นางฟ้าเทวดาหน้าไหนก็เปลี่ยนแบบดอกไม้ของผมไม่ได้ ถ้าผมไม่ยอม”
ตะวันเสียงดังขึ้นเรื่อยๆ พนักงานโรงแรมแถมนั้นหันมามองผงะถอยอย่างกลัวๆ ที่มีคนกล้าต่อกรกับโรสริน
“ฟังอีกครั้งนะ เปลี่ยนดอกกล้วยไม้เป็นดอกกุหลาบเดี๋ยวนี้ ย้ำ กุหลาบนอกด้วยนะยะ”
“ถามจริง ไม่ชอบดอกกล้วยไม้ หรือไม่ชอบดอกไม้ไทยกันแน่” ตะวันหัวเราะเยาะ “ฮึ...มีคนอย่างคุณนี่ไง ประเทศไทยถึงไม่พัฒนา”
โรสรินโกรธมาก
“มันจี๊ดสสส์”
โรสรินโมโหปัดดอกกล้วยไม้ที่ประดับอยู่ทิ้ง ดอกไม้ร่วงกราวที่พื้น ตะวัน และแย้ ช็อก!
“เอาออกไป เอามันออกไป”
โรสรินเผลอเหยียบดอกกล้วยไม้ที่พื้น สีหน้าตะวันโกรธมาก
“งะ งะ งะ งานเข้าแล้ว” แย้ถอยกรู กลัวๆ เพราะรู้ว่าตะวันรักดอกไม้เท่าชีวิต
“เอาเท้าคุณออกจากดอกไม้เดี๋ยวนี้” ตะวันบอกอย่างโกรๆ
“ทำไม รักมากเหรอ รักมากใช่มั้ย” โรสรินยั่วเหยียบดอกไม้ย้ำๆ ตะวันเข้าไปแบกตัวโรสรินไว้ที่บ่า โรสรินช๊อกกรี๊ดลั่น “ปล่อย ไอ้บ้า แกปล่อยฉันเดี๋ยวนี้นะ ทุเรศที่สุดทำอะไรของนาย” โรสรินทุบตีให้ปล่อย “ปล่อยๆๆๆ ไอ้บ้า ปล่อยนะ ฉันไล่แกออก ปล่อยสิ”
โรสรินดิ้นแรงมาก ตะวันโมโหยิ่งจับเหวี่ยงหมุนๆๆ แล้วตะวันก็วางตัวโรสรินลง โรสรินถึงกับมึนเพราะแรงเหวี่ยง
“แก แก”
โรสรินจะไปเอาเรื่องแต่ตัวเซ โน้มไปไปหาตะวัน ปากโรสรินประกบปากตะวันที่รับตัวไว้ไม่ทันตั้งตัว จ๊วบบ
ปากหนุ่มสาวประทับกัน โรสรินตาค้างดึ๋ง ตะวันตาค้างดึ๋ง โรสรินได้สติผละออกมา หายใจแรงช๊อกมาก กำลังจะกรี๊ดสุดเสียง
ภายในห้องทำงานณรงค์ ณรงค์หยิบรูปโรสรินขึ้นมามองถอนใจเฮือก ยุนอายืนจัดแฟ้มเอกสารอยู่
“ถ้าปู่เปลี่ยนแปลงตัวหนูไม่ได้ ก็คงต้องหาใครซักคนมาช่วย ใครล่ะ ผู้ชายคนนั้นจะเป็นใคร”
พลันเสียงกรี๊ดของโรสรินดังขึ้น
“อ๊ายยยยย”
ณรงค์สะดุ้งทำรูปโรสรินหลุดมือ ยุนอาตกใจทำแฟ้มหล่นกระจาย ทั้งสองคนหันขวับไปทางเสียงร้อง
เสียงร้องของโรสรินดังจนตึกสั่น โรสรินกรีดร้องกระทืบเท้าไม่พอใจ คนในห้องบอลรูมทุกคนถึงกับอุดหู
“พอ พอแล้ว หยุดกรี๊ดได้แล้ว พอซะที”
“ไอ้บ้านายจูบฉัน ไอ้ลามก” โรสรินจะกรี๊ดอีก
“อย่าร้องนะ ตั้งสติหน่อย คุณต่างหากที่พุ่งมาจูบผม ผมยืนอยู่ของผมเฉยๆ”
“ฉันจะไปฟ้องคุณปู่ ฉันจะแจ้งตำรวจข้อหาอนาจาร” โรสรินวิ่งไป หันมาชี้หน้าด่าไป “นายตายแน่ นายไม่รอดแน่คอยดู”
“ผมไม่ได้จูบคุณ จะหนีไปไหนมาคุยกันให้รู้เรื่อง ผมเสียหายนะ”
โรสรินหันกลับ ชี้หน้า
“ออกไป ไม่มีงานเลี้ยงต้อนรับฉันแล้ว ฉันสั่งยกเลิก”
โรสรินเดินหนีไปที่หน้าห้อง ตะวันเดินตามออกไป แย้เดินตามติด
“พุทโธธัมโมสังโฆพระถัมซัมจั๋งเจ้าแม่กวนอิมช่วยเจ้านายลูกด้วยเถิ๊ด”
โรสรินเดินหงุดหงิดออกไป ตะวัน แย้ พนักงานบางคนเดินตามออกมา พลันช่างไฟยืนขวางทางโรสรินไว้
“นาย ฉันไล่นายออกแล้วไม่ใช่เหรอ หลีกไป”
สีหน้าช่างไฟมีอาการเหมือนคนคลุ้มคลั่งมาก ปราดเข้าไปล็อกคอโรสรินไว้แล้วดึงไขควงออกมาจี้ที่เอวโรสริน
ทุกคนมองอย่างช๊อก
“อ๊ายยย แก ปล่อยนะจะทำอะไรฉัน”
“หุบปาก หุบปากอย่ากรี๊ดโว้ย ไม่งั้นจะฆ่าให้ตายเดี๋ยวนี้”
โรสรินนิ่งทันที กลัวมาก
“นายต้องการอะไร เงินเหรอ จะเอาเท่าไหร่จะกี่แสนกี่ล้านก็เอาไปฉันจะให้นายเอง แต่นายปล่อยฉันก่อนนะ”
“เงียบโว้ย เงียบ เงียบ” ช่างไฟคลั่งมาก โรสรินสั่งทุกคนตรงนั้น
“ยืนทื่อทำไม รีบมาช่วยฉันสิ”
“ขอร้องก่อนสิ” ตะวันบอก
“ไม่ นายช่วยฉันเดี๋ยวนี้ นี่คือคำสั่ง”
“ถ้าไม่อ้อนวอนขอร้องก็อย่าหวังว่าผมจะช่วย”
ช่างไฟมองโรสรินกับตะวันงงๆ
“เฮ้ย จะเถียงกันอีกนานมั้ย คนเครียดโว้ย งานก็ไม่มี เมียก็หนีไปมีชู้แล้วโว้ย”
“ถ้างั้น เมียพี่คงสวยมากใช่มั้ย”
“สวย สวยสิ สวยเหมือนผู้หญิงคนนี้แหล่ะ ฉันเกลียด เกลียดคนสวย คนสวยทุกคนเลว ชั่ว ใจดำ”
“ดูพี่จะแค้นมากนะ เอาเลย จิ้มเลยไขควงน่ะ แทงที่พุงเอาให้ไส้ทะลุเลยครับ ล้างแค้นคนสวยเลยครับ พี่เอาเลย” ตะวันยุ ช่างไฟชะงักไป ทำอะไรไม่ถูกที่โดนยุส่ง โรสรินอึ้งกลัวก็กลัวแต่โกรธตะวันมากกว่า
“ไอ้ ไอ้บ้า แกจะบ้าเหรอ” โรสรินต่อว่าตะวัน แต่ตะวันไม่สนใจยังยุช่างไฟต่อ
“เอาสิพี่ รออะไรอยู่ แทงเลยเอาให้สมกับความแค้น เร็วสิพี่”
“เอ่อ เอาอย่างงั้นจริงๆ เหรอ”
“อย่างงั้นแหล่ะ ผมก็เกลียดคนสวยเหมือนกัน โดยเฉพาะคุณคนนี้ สวยแต่นิสัยไม่ได้เรื่อง คิดแต่จะชี้นิ้วสั่งคนอื่นเค้า อยู่ไปก็รกโลกเปล่าๆ”
โรสรินโกรธถึงขีดสุด ช่างไฟลังเลเอาไงดี พลันจังหวะนั้นเองณรงค์เดินเข้ามาเห็นพอดีก็ตกใจ
“โรส”
ตะวันเดินเข้าไปใกล้ขึ้น เห็นช่างไฟชะงัก ตะวันฉวยโอกาสรีบปราดเข้าไปบิดมือไขควงร่วงพื้น โรสรินดิ้นหลุดรีบวิ่งโผไปกอดณรงค์ เธอตัวสั่นอย่างตกใจกลัว
“แก”
ช่างไฟชกตะวัน ตะวันหลบนิดเดียวแล้วเข่าเต็มท้องช่างไฟ ช่างไฟตัวงอตะวันศอกใส่ช่างไฟหน้าหงาย ตะวันศอกกลับอีกทีช่างไฟสลบหงายหลังตึ่ง! ตะวันหันมาอย่างเท่ แย้ และพนักงานที่อยู่แถวนั้นปรบมือ เป่าปากเฮให้กับฮีโร่อย่างตะวัน ณรงค์ก็ปรบมือให้อย่างชื่นชม ตะวันหันมาหลิ่วตาให้โรสริน
โรสรินมองตะวันอย่างเกลียดขี้หน้าเป็นที่สุด
ณรงค์ขอบอกขอบใจตะวันที่ช่วยชีวิตหลานสาว
“ถ้าไม่ได้คุณ…”
“ตะวันครับ”
“ถ้าไม่ได้ตะวันช่วยไว้ ป่านนี้หลานสาวฉันคงแย่” โรสรินเปิดประตูผลั๊วะเข้ามา โรสรินจ้องหน้าตะวัน ตะวันเมินไม่สนใจ ณรงค์จับมือตะวันอย่างขอบคุณ “ขอบคุณมาก ฉันมีบางอย่างอยากให้คุณเพื่อเป็นการตอบแทนน้ำใจ”
“ตอบแทน ตอบแทนเพื่อ คุณปู่คะ นอกจากจะไม่ช่วยแล้ว มันยังยุให้ไอ้บ้านั่นฆ่าโรสด้วยซ้ำนะคะ” โรสรินหันไปทางตะวัน “อ๋อ ไอ้ที่ทำตัวเป็นฮีโร่ช่วยชีวิตฉันก็เพราะหวังเรียกเงินตอบแทนล่ะสิ ฉันรู้ทันหรอกน่ะ...คุณปู่อย่าให้เงินมันเด็ดขาดนะคะ”
ตะวันถอนใจกับความคิดลบๆ ของโรสริน
“ปู่ก็แค่อยากเลี้ยงขอบคุณเขาเท่านั้นเอง”
“ขอบคุณครับ แต่นั่นไม่ใช่สิ่งที่ผมต้องการ”
“เห็นมั้ย ที่แท้ก็อยากได้เงิน โรสมองคนผิดซะที่ไหน...กล้าขอเงินคนอื่นหน้าด้านๆ ไม่อายบ้างเลยรึไง ศักดิ์ศรีมีบ้างมั้ยนายน่ะ”
“โรสพอได้แล้ว”
โรสรินเปิดลิ้นชักณรงค์ หยิบเช็คขึ้นมา เห็นว่าบนเช็คมีลายเซ็นณรงค์อยู่แล้ว โรสรินปัดสมุดเช็คและปากกาให้ตะวัน ณรงค์มองอย่างอึ้งๆ
“เอาสิ แสดงความไร้ศักดิ์ศรีของนายออกมา อยากได้เงินเท่าไหร่ก็กรอกตัวเลขลงไป ไม่อยากได้รึไงเงินน่ะ”
ตะวันโมโหหยิบปากกากรอกชื่อลงบนเช็ค เขียนตัวเลขลงไป โรสรินแค้น ยิ้ม
“โธ่เอ๊ย ทำเป็นหยิ่ง สุดท้ายก็พ่ายแพ้ให้กับอำนาจเงิน”
ตะวันฉีกเช็คชูให้โรสรินกับณรงค์ดูตัวเลข สองปู่หลานถึงกับช๊อกไป
“ร้อยล้าน”
“บ้าไปแล้วเหรอ” โรสรินเข้าไปคว้าเช็ค “ปู่ฉันไม่ได้หาเงินร้อยล้านมาให้คนกระจอกอย่างนายนะ เอามา เอาเช็คคืนมา เอาคืนมา”
ตะวันไม่ให้ชูมือไว้สูงๆ แล้วตะคอกใส่โรสริน
“หยุด หยุดสติแตกได้แล้ว”
“เรียกรปภ.ทั้งโรงแรมมาจับมันเดี๋ยวนี้ อย่าให้มันเอาเช็คไปขึ้นเงินนะคะปู่”
“ผมอยากให้คุณรู้ไว้ว่า เงินเป็นร้อยล้านก็ซื้อคนอย่างผมไม่ได้”
ตะวันฉีกเช็คในมือเป็นชิ้นๆ แล้วโยนเศษเช็คปลิวกระจาย โรสริน ณรงค์ช๊อก
“ถ้าไม่ต้องการเงิน ไม่ให้เลี้ยงตอบแทน แล้วคุณต้องการอะไรกันแน่” ณรงค์ถามตะวัน
“ผมต้องการให้หลานสาวคุณ ไหว้ผม ขอบคุณที่ผมช่วยชีวิตเธอ และขอโทษที่เธอดูถูกศักดิ์ศรีของผม”
“ไหว้นายเนี่ยนะ ชาติหน้าเถอะย่ะ”
“ต้องชาตินี้ และเดี๋ยวนี้ครับ”
“โรสขอโทษ แล้วก็ขอบคุณตะวันเค้าเถอะลูก” ณรงค์บอกเสียงเข้ม โรสรินเบ้หน้าทำหูทวนลมไม่ใส่ใจ
“เสียศักดิ์ศรี”
“โรส อย่าทำให้ปู่จี๊ดสสส”
โรสรินฮึดฮัด จะยกมือไหว้แต่ก็ไม่กล้า เงอะๆ งะๆ กลัวเสียฟอร์ม
“ผมไม่ต้องการแล้ว เชิญคุณอยู่กับศักดิ์ศรีโง่ๆ ของคุณไปละกัน”
ตะวันตัดบท โรสรินแทบกรี๊ดที่ถูกด่านิ่มๆ แต่เจ็บสุดๆ ช๊อกไม่คาดคิดว่าตะวันจะกล้า
“นายด่าฉันโง่เหรอ ไอ้บ้ากล้าดียังไง”
“ผมกลับไร่ตะวันของผมดีกว่า” ตะวันไหว้ณรงค์ “สวัสดีครับ”
โรสรินยังอึ้งอยู่ ตะวันเดินออกจากห้องไปเลย ณรงค์อึ้งไปกับคำว่าไร่ตะวัน
“ไร่ตะวัน ไร่ตะวันงั้นเหรอ”
ณรงค์ครุ่นคิด โรสรินหันมาแปลกใจที่ณรงค์อยู่ๆ ก็ตะลึงงันไป
ตอนกลางคืนที่ไร่ตะวัน อาทิตย์เด็กชายอายุราว 8 ขวบแววตาเศร้าไร้รอยยิ้มกำลังนั่งคัดแยกดอกไม้อยู่ที่แคร่
ในขณะที่อึ่ง เด็กหญิงแสบซนก็กำลังคัดแยกดอกไม้เช่นกันแต่ คัดแยกไป หาวไป จัดเรียงดอกไม้มั่วซั่วไปหมด น้ำค้างยกลังกระจาดดอกไม้มาวางตรงหน้าอาทิตย์และอึ่ง
“อาทิตย์ครับ ไปนอนได้แล้ว เดี๋ยวที่เหลือพี่น้ำค้างทำเอง” อาทิตย์ไม่พูดอะไรคัดแยกดอกไม้ตามเดิม” แล้วปู่ชาญหายไปไหนครับ เห็นมั้ย”
อาทิตย์ได้ยินแต่ไม่ตอบน้ำค้าง
“ก็เฮ้อ! ยังกะคุณทิตย์แกจะตอบ ตั้งแต่เห็นกันมายังไม่เคยได้ยินคุณทิตย์ พูดซักกะแอะจะถามทำไมให้เหนื่อยคะคุณน้ำค้าง” อึ่งบอก น้ำค้างหันมามอง
“จ้า นี่ ถ้าไม่ไหวก็ไปนอนเหอะ เดี๋ยวพี่ทำเอง”
“อึ่งไม่นอน อึ่งยังไหว อึ่งสู้ตาย อึ่งไม่ง่วง”
พูดจบแล้วอึ่งก็หงายหลังม่อยหลับนอนตรงแคร่นั้นเอง อาทิตย์จัดดอกไม้ไปก็แอบหาวไป น้ำค้างส่ายหน้ายิ้มมองเด็กทั้งสองอย่างเอ็นดู น้ำค้างลูบหัวอาทิตย์
“ง่วงก็นอนเถอะ ถ้าไม่อยากไปนอนคนเดียวก็นอนตรงนี้ก่อนก็ได้ เดี๋ยวเสร็จแล้วพี่น้ำค้างปลุกเอง โอเคมั้ยครับ”
อาทิตย์วางดอกไม้แล้วล้มตัวลงนอนข้างๆ อึ่ง อึ่งก่ายขากอดเกี่ยวตัวอาทิตย์แทนหมอนข้าง ชาญเดินเข้ามาหาหยิบผ้าห่มแถวๆ นั้นมาห่มให้เด็กทั้งสองคน
“เด็กสองคนนี้น่ารักดีเนอะปู่”
“อาทิตย์น่ะใช่ แต่ยัยเจ้าอึ่งน่ะก็น่ารักแค่ตอนมันหลับเท่านั้นแหล่ะ นี่ถ้าไม่รับปากพ่อแม่มันไว้ก่อนตาย ปู่ไม่เลี้ยงไอ้ตัวป่วนนี่หรอก”
“น่าสงสารอึ่งมันออกปู่ กำพร้าตั้งแต่เกิดได้ไม่กี่เดือน”
“อาทิตย์ก็อีกคน แค่กำพร้าก็น่าสงสารพออยู่แล้ว ดั๊นเห็นพ่อตัวเองถูกยิงตายคาตา เฮ้อ” ชาญลูบหัวอาทิตย์ “ตั้งแต่วันนั้น มันก็ไม่ยอมพูดอะไรอีกเลย”
“แล้วปู่ไม่คิดจะพาไปส่งคืนแม่แท้ๆ ของเค้าแล้วเหรอ”
“เอาไปให้ถูกเฉดหัวทิ้งอีกน่ะสิ ปู่จะเลี้ยงมันจนวันตายนั่นแหล่ะ แม่มันไม่รักก็ช่าง ยังไงไอ้อาทิตย์มันหลานในไส้ปู่คนนึง แล้วสักวันมันต้องสืบทอดตำแหน่งผู้จัดการไร่ตะวัน เหมือนพ่อของมันให้ได้”
อาทิตย์ลืมตาขึ้น ยังนอนไม่หลับ เห็นว่าน้ำตาซึมจนเอ่ออาบแก้ม พลันตะวันกับแย้เดินเข้ามา สีหน้าตะวันบูดๆ ชาญ น้ำค้าง หันไปยิ้มให้ตะวันอย่างดีใจ
“ตะวัน / พี่ตะวัน”
ตะวันยังหน้าบูดอยู่ ชาญ น้ำค้าง ยิ้มค้างอย่างจ๋อยๆ แล้วหุบยิ้มลง
“ป็นอะไรวะหลานปู่ ทำหน้าตายังกะหมาป่วย”
“ลูกพี่ผมเจอฤทธิ์ไฮโซสาวแสนสวยเข้าให้น่ะครับ แถมมีบู๊กันยั๊งกะหนังแอ๊กชั่น” แย้บอก
“ยัยนั่นน่ะโรคจิตชัดๆ แค่นึกถึงก็จะคลั่งอยู่แล้ว”
“อ่ะแหน่แนแน๊ คลั่งเพราะคิดถึงเค้าเหรอ” แย้แซว
“เพราะเกลียด”
แย้สะดุ้งไป ตะวันหงุดหงิดสุดๆ น้ำค้างเข้าไปหลบข้างหลังปู่ชาญอย่างกลัวๆ
“นี่พี่ชายน้ำค้างจริงๆ เหรอ ใครนะปู่ที่ทำให้พี่ตะวันเดือดได้ขนาดเนี้ย”
ชาญ กะน้ำค้าง มองหน้าตะวันอย่างคาใจสงสัยสุดๆ
เช้าวันรุ่งขึ้น โรสรินเดินหนีพีระอย่างไม่สบอารมณ์ มาหยุดในบริเวณสวนบ้านณรงค์
“ไปโรงพยาบาลเถอะนะ ไปตรวจเช็คร่างกายดีกว่าเผื่อมีตรงไหนบอบช้ำเสียหาย”
“แต่โรสไม่เป็นอะไร พีกลับไปได้แล้ว”
“ทำไมล่ะโรซี่”
โรสรินหันมา
“รำคาญไง! โอ๊ย ตั้งแต่กลับมามีแต่คนทำให้โรสอยากกลับอังกฤษวันละ 3 รอบ แล้วถามจริงเถอะ เป็นอะไรมากมั้ย โดนโรสเหวี่ยงใส่ตลอดยังจะตื๊ออยู่ได้”
“รักไง รักตั้งแต่แรกพบ โรซี่สวยยังกะนางฟ้า”
“โอ๊ย รมณ์เสีย” โรสรินเดินหนี พีระเดินตามอีก โรสรินชะงักที่เห็นณรงค์เปิดแฟ้มเอกสารสีหน้าเครียดๆ “คุณปู่คะ เครียดอะไร เรื่องที่โรสจะกลับอังกฤษเหรอ” โรสรินถามเสียงอ่อนลง
“นั่นก็ใช่ ปู่คงช้ำใจตายถ้าโรสกลับตอนนี้” โรสรินอ่อนลงที่เห็นปู่เศร้าๆ “แต่เรื่องที่ทำให้ปู่เครียดมากกว่าไม่ใช่เรื่องนั้นหรอก” โรสริน พีระ มองณรงค์อย่างสงสัย ณรงค์วางแฟ้มลงกับโต๊ะ ในแฟ้มเป็นเอกสารของตะวัน ณรงค์เครียด ชี้ที่แฟ้ม “เรามีเรื่องต้องสะสางกับตระกูลของผู้ชายคนนี้ เดี๋ยวนี้”
โรสรินยิ่งมองณรงค์อย่างสงสัยกว่าเดิมว่าเรื่องอะไร
ไร่ตะวัน อาทิตย์กำลังนั่งวาดรูปดอกไม้อยู่อย่างมีสมาธิ น้ำค้างนั่งมองอาทิตย์วาดรูปอย่างสนใจ ตะวันและแย้เดินถือกระจาดดอกไม้เข้ามาขยี้หัวทักทายอาทิตย์
“ไง ศิลปินใหญ่ โอ้โห ฝีมือพัฒนาขึ้นเยอะเลยนะ”
ห่างไปมุมหนึ่งชาญนอนให้อึ่งเหยียบนวดให้ อึ่งเหยียบย่ำไปทั่ว
“เออๆ ตรงบั้นเอวนั่นน่ะ แรงๆ หน่อย แรงๆ”
“จัดห้ายยย ตรงนี้ใช่ป่ะจ๊ะปู่”
“เออ เน้นๆ แรงๆ” อึ่งออกแรงเหยียบตรงบั้นเอวชาญอย่างแรง “เออดีๆ แรงๆ นั่นแหล่ะ แรง แรง”
“โห เอาแรงกว่านี้อีกเหรอปู่”
“แรงเกินไปแล้วโว้ย พอแล้ว กระดูกหักพอดี”
น้ำค้างยิ้มมองขำๆ ชาญกับอึ่ง พลันโทรศัพท์บ้านดังขึ้น น้ำค้างเดินไปรับสาย
“ไร่ตะวันค่ะ ขอสายคุณปู่ ไม่ทราบว่าจากไหนคะ...โรงแรมควีนโรส”
ชาญชะงักกึก
“ควีนโรส”
“งานงอกแล้วลูกพี่ โรงแรมควีนโรสโทรมา หรือว่าจะมาเอาเรื่อง” แย้บอกตะวัน
น้ำค้างเดินเอาโทรศัพท์มาให้ชาญ ชาญรับสาย
“ผมชาญครับ ไม่ทราบมีธุระอะไร…ผมไม่ไป” ชาญบอกเสียงดัง ตะวันชะงักหันไปมองอย่างสงสัย “ไปบอกให้ไอ้ประธานบริษัทมันมาหาหาผมถ้ามันอยากเจอ ผมไม่ไปหามัน อะไรนะ มันถึงขั้นขอร้องเลยเหรอ” ชาญครุ่นคิด ปิดสายไป
“มีเรื่องอะไรเหรอครับ” ตะวันถามขึ้นมา
“ไอ้ณรงค์เจ้าของโรงแรมควีนโรสอยากสะสางปัญหาของมันกับปู่”
“แล้วปู่ไปรู้จักเค้าได้ยังไง เค้าไฮโซขนาดนั้น”
“หึ ไฮโซ สมัยก่อนปู่วิ่งไล่เตะมันบ่อยไป”
“ปู่ครับผู้หญิงโรคจิตที่มีปัญหากับผมเมื่อวาน คือหลานสาวของคุณณรงค์ที่ปู่พูดถึง”
ชาญนึก แล้วนึกขึ้นได้
“อ๋อ หนูโรสริน”
“ปู่รู้จักด้วยเหรอครับ! แล้วตกลงพวกเค้ามีปัญหาอะไรกับเรา”
“ตะวันไปกรุงเทพฯ กับปู่ เดี๋ยวนี้”
อ่านต่อหน้า 2
กุหลาบร้ายของนายตะวัน ตอนที่ 1 (ต่อ)
ตะวันยืนอยู่แถวๆ หน้าห้องทำงานณรงค์ในโรงแรมควีนโรส โรสรินเดินผ่านเข้ามาเห็นตะวันก็ปรี๊ดเลย พนักงานแถวนั้นแตกฮือรีบหนีไป
“นี่นาย เปลี่ยนใจจะมาไถเงินล่ะสิ โธ่เอ๊ย เมื่อวานทำเก๊กเป็นพ่อพระ ที่แท้ก็ขอทาน เอ๊า! มือไม้แข็งนักเหรอ เจอหน้าหลานเจ้าของโรงแรมทำไมไม่ไหว้ล่ะ”
“ไหว้คุณเนี่ยนะ หน้าคุณไม่เหมือนพ่อเหมือนแม่ผมซะหน่อย”
“แต่ฉันเป็นว่าที่เจ้าของโรงแรมคนต่อไป นายเป็นใคร หึ ก็แค่คนจัดดอกไม้”
“ศักดิ์ศรีความเป็นคนเราเท่ากันครับ ไม่ได้อยู่ที่ฐานะ คุณเองก็เรียนสูงทำไมไอ้เรื่องที่ควรรู้กลับไม่อยู่ในสมองเลย ผมไม่เข้าใจจริงๆ”
“นี่นายกำลังด่าฉันนะ รู้ตัวบ้างมั้ย”
“รู้ดีเลยล่ะครับ เพราะในโลกนี้นอกจากคุณผมก็ไม่เคยด่าใคร”
โรสรินกำลังจะปรี๊ดแต่ทว่า เสียงของณรงค์กับชาญที่อยู่ในห้องดังขึ้น
“เฮ้ย ไม่ได้นะโว้ย ถ้ายังเถียงฉันอีก ฉันเอาเลือดหัวแกออกเดี๋ยวนี้”
โรสริน ตะวัน หันขวับไปมองหน้าห้องอย่างตกใจ
“ปู่ / คุณปู่”
ภายในห้องณรงค์ ณรงค์กับชาญยืนประจันหน้ากันอย่างเอาเรื่อง หน้าแทบชนหน้ากันเลย ตะวันกับโรสรินเปิดประตูพรวดเข้ามา ต่างฝ่ายต่างเข้าไปหาปู่ของตัวเอง
“เอ็งจะคิดดอกเบี้ยข้าเท่าไหร่ก็ได้ แต่ข้าต้องใช้หนี้คืนให้เอ็ง”
“หนี้! ปู่ติดหนี้ปู่ของนายตะวันเหรอคะ” โรสรินถามอย่างตกใจ
“นั่นมันก็ยี่สิบปีผ่านมาแล้ว ข้าถือว่าข้าทำทานให้ เงินน่ะข้าไม่อยากได้คืนหรอก ข้าดีใจ ที่เห็นเอ็งเอาเงินไปต่อยอดธุรกิจจนได้ดิบได้ดีร่ำรวย” ณรงค์ยิ้มๆ นึกว่าชาญชื่นชม “รวยจนตามันฝ้าฟางมองไม่เห็นหัวเพื่อน”
ณรงค์ปรี่ไปจะฟัดชาญ โรสรินดึงณรงค์ไว้ ตะวันก็รั้งตัวชาญไว้เหมือนกัน
“คุณปู่คะ อย่าจี๊ดส์ค่ะๆ”
“ข้านึกว่าเอ็งตายไปแล้วนี่หว่า ย้ายไปอยู่ที่ไหนก็ไม่เคยบอก”
“ถ้าคนมันรักเพื่อนจริงๆ มันก็ต้องเสาะหากันสิวะ ไอ้คนลืมเพื่อน”
“ไอ้ตูดหมึกเอ๊ย ข้าไม่เคยลืมนะเว้ย ที่ข้ามีทุกวันนี้ได้ก็เพราะเอ็ง”
ชาญเริ่มหายโกรธ
“ที่พูดมาน่ะ จริงรึ”
“จริงซิ ข้าดีใจว่ะที่โลกมันกลมจนส่งหลานเอ็งเป็นตัวเชื่อมพาเราพบกันอีกครั้ง”
“เคลียร์กันก่อนค่ะปู่ นี่ปู่ยืมเงินคนอื่นสร้างโรงแรมควีนโรสของเราเหรอคะ” โรสรินถามขึ้นมา
“คนอื่นที่ไหนล่ะ ชาญน่ะ เพื่อนรักเพื่อนตายปู่เลยนะ อ้าว ไหว้ปู่ชาญรึยังล่ะ”
โรสรินจำใจไหว้ชาญ ตะวันเห็นจึงอดพูดแขวะไม่ได้
“ไหว้เป็นด้วย” โรสรินหันมาชี้หน้าตะวัน
“อย่าประเมินฉันต่ำไป” ตะวันชี้หน้าคืน
“แต่ผมไม่ประเมินคุณสูงแน่ สบายใจได้”
“ถ้าฉันยังอยู่ในห้องนี้ ฉันได้ฆ่าคนตายแน่” โรสรินพูดใส่หน้าตะวันแล้วออกจากห้องไปเลย
“นายรู้ตัวรึเปล่า นายเป็นคนแรกที่ไม่กลัวยัยโรสเลย” ณรงค์บอกตะวัน ครุ่นคิดเรื่องอนาคตของโรสรินขึ้นมา แล้วยิ้มอย่างมีโครงการใหญ่ในใจ “เฮ้ยเพื่อน ข้าว่าหลานเอ็งเป็นคนเดียวที่เอายัยโรสอยู่”
ชาญชะงัก แปลกใจที่ณรงค์ดูดีใจเกินเหตุ
“เอ็งหมายความว่าไงวะ”
ณรงค์ป้องปากกระซิบข้างหูชาญ ตะวันหันมองอย่างสงสัยสุดๆ ว่ามีความลับอะไรกัน
ชาญกับตะวันเดินคู่กันมา ชาญอมยิ้มเหมือนมีเรื่องถูกใจ ตะวันหันมองอย่างสงสัย
“หายงอนคุณณรงค์แล้วเหรอครับปู่”
“ก็ยังเคืองอยู่หน่อยๆ แต่รู้ว่ามันไม่เคยลืมปู่เลย ปู่ก็ไม่รู้จะโกรธมันเหมือนเดิมทำไม”
“ปู่ครับ ผมสงสัยว่าปู่กระซิบกระซาบอะไรกับคุณณรงค์ ดูปู่อารมณ์ดีเป็นพิเศษด้วย”
“เออ ช่วงนี้ แกไม่ได้แอบไปรักใครชอบใครใช่มั้ย”
“อยู่กับดอกกุหลาบ กับดอกกล้วยไม้ทั้งวันจะเอาเวลาไปรักใครชอบใครล่ะครับปู่”
“อืม แกรู้ใช่มั้ยว่าปู่กับณรงค์ ถึงจะงอนกันนิด เคืองกันหน่อย แต่ก็รักกันมาก”
“ครับ แต่คงไม่ได้รักกันถึงขนาดสัญญาให้หลานแต่งงานกันเหมือนแบบในละครหรอกใช่มั้ยครับ”
ตะวันยิ้มขำๆ อย่างไม่มีทางเป็นไปได้ แต่ชาญหันมายิ้มกว้างให้
“บังเอิญใช่ว่ะ” ตะวันตะลึงตรึ่งตึ๊งไปเลย “หลานใครวะ ฉลาดชิปเป๋ง ฮ่าๆๆ”
ชาญหัวเราะเดินลิ่วออกไป ตะวันยังช๊อก
เมื่อกลับถึงไร่ตะวัน ชาญกับตะวันลงจากรถ ตะวันเดินไปขวางชาญไว้
“ผมขอยืนยันอีกครั้งว่า ผมไม่มีวันแต่งงานกับยัยคุณหนูนรกนั่น”
“เฮ้ย เรียกผู้หญิงเค้าอย่างนั้น แรงไปรึเปล่า”
“น้อยไปสิสำหรับยัยนั่น นางพญามารชัดๆ เลยนั่นนะ”
“จะยังไงก็แล้วแต่ ถ้าแกไม่แต่งกับหนูโรส ปู่กับเจ้าณรงค์ก็เสียหมาสิวะ สัญญาสาบานกันซะดิบดี”
“ถ้าแต่งงานกับยัยคุณหนูนั่น ผมยอมแต่งกับหมีควายในป่าดีกว่า”
“ตะวัน ถามจริงๆ แกจำแฟนคนแรกในชีวิตแกไม่ได้เหรอวะ”
“ห๊ะ แฟนคนแรก”
“ใช่ แม่กุหลาบน้อยๆ ของแกไง ลืมแล้วเหรอ”
แล้วชาญก็เดินยิ้มๆ ออกไป ตะวันยังยืนอึ้งอยู่
คืนนั้นตะวันนอนก่ายหน้าผากอย่างเครียดจัด
“กุหลาบน้อยของฉันต้องไม่ใช่ยัยกุหลาบร้ายนั่น ไม่ใช่ ไม่จริง ไม่ ไม่”
ตะวันนอนหลับตา พร่ำพูดแต่คำว่าไม่ ไม่ ไม่ ไม่
ภาพในความวัน อดีตวัยเด็กของตะวันกับโรสรินที่สนามเด็กเล่นแห่งหนึ่ง ตะวัน โรสรินอยู่ในวัยเด็ก ทั้งคู่กำลังนั่งชิงช้ากันอยู่ โรสรินร้องไห้เสียใจ ตะวันจับมือปลอบโรสริน
“ไม่ร้องนะ กุหลาบน้อยของตะวันร้องไห้แล้วไม่สวยนะ”
“แต่กุหลาบน้อยคิดถึงพ่อ คิดถึงแม่”
“พ่อกับแม่ไปสวรรค์แล้ว แต่กุหลาบน้อยยังมีตะวันนะ ตะวันจะอยู่กับกุหลาบน้อย”
“ตะวันห้ามทิ้งกุหลาบน้อยนะ”
“อื้อ ไม่ทิ้งหรอก สัญญา”
แต่แล้วพลันโรสรินในภาพปัจจุบันก็มานั่งแทนที่เด็กน้อย แล้วจิกแขนตะวันซึ่งยังอยู่ในวัยเด็ก
“ห้ามทิ้งฉัน”
ตะวันวัยเด็กตกใจร้องไห้โฮ
ตะวันสะดุ้งตื่นพรวดร้องโหยหวน
“ไม่ ไม่ม่ม่ม่ม่ม่ม” ตะวันยังไม่หายตกใจ ฝันน่ากลัวมาก “กุหลาบน้อย ยัยโรส ยัยโรส กุกลาบน้อย กลายมาเป็นกุหลาบร้ายได้ยังไงวะ ไม่ ไม่จริง ไม่”
เช้าวันต่อมาน้ำค้างกับอึ่งกำลังรดน้ำดอกไม้ วางบัวรดน้ำลงอย่างแรง หันมาถามปู่
“คิดดีแล้วเหรอจ๊ะปู่ ที่จะจับคู่พี่ตะวันกับผู้หญิงที่ไม่รู้จักกันอย่างงั้นน่ะ”
“อ๋อ ที่เค้าเรียกคลุมถุงชนใช่มั้ยจ๊ะพี่ เชยมากกก” อึ่งหันมาทางชาญ ชาญกำลังซดกาแฟถึงกับสำลัก
“ไม่ใช่การคลุมถุงชน แต่ปู่กำลังช่วยให้ตะวันได้เดินกลับไปหาหัวใจของตัวเองต่างหาก” น้ำค้างทำหน้าไม่เข้าใจ “ลางสังหรณ์ของปู่” ชาญชี้ตาซ้ายที่กระดิกริกๆ “มันบอกอย่างชัดแจ้งเลยว่าหนูโรส คือคู่แท้ตัวจริงของไอ้ตะวันมัน”
“แล้วอะไรทำให้ปู่มั่นใจอย่างนั้นคะ”
ชาญยืดอกอย่างกับผู้ทรงภูมิ สีหน้ามั่นใจมาก หวนนึกถึงเหตุการณ์ในอดีต
10 ปีที่แล้ว มุมหนึ่งในโรงเรียนมัธยม
“ไม่เคยสงสัยเหรอน้ำค้าง ว่าพี่ชายแก หล่อก็หล่อ ปู่รึก็รวย แถมยังเป็นถึงเจ้าของไร่ ทำไม๊มันถึงไม่มีแฟนกะเขาสักที ของแบบเนี๊ยะมันมีที่มา”
กีตาร์ดีดบรรเลงเพลงรักอารมณ์มัธยมปลายวัยหวาน ตะวันในชุดนักเรียนเงยหน้าจากกีตาร์ เหล่ “อุ้ม” สาวน้อยวัยใสเพื่อนร่วมชั้น ที่หันมายิ้มให้ตะวันแล้วเดินผ่านไปอายๆ ตะวันหอบกีตาร์ตามน้องอุ้มสุดสวยไป อุ้มนั่งชมวิวหันหลังอยู่ ตะวันเดินไปดีดกีตาร์ร้องเพลงรัก เข้าไปใกล้อุ้มขึ้นทุกที อุ้มได้ยินเสียงดนตรีก็หันมามองตะวัน ยิ่งเขินอายเข้าไปใหญ่ ตะวันก็ยิ่งได้ใจ ร้องเพลงดังขึ้นๆ
“หากไม่ดูเป็นการรบกวน ก็จะชวนเธอมารักกัน ถูกใจเธอมาตั้งนาน รู้ไหม หากเต็มใจจะโดนรบกวนก็จะชวนมารวมหัวใจ ก็คิดว่าช่วย...”
ไม่ทันที่ตะวันจะไปถึงตัวอุ้ม แฟนทอมของอุ้มก็ยื่นหน้าออกมา
“ช่วยไปเล่นไกลๆ หน่อยได้ป่ะ แฟนเค้าจะคุยกัน”
ตะวันเหวอ สายกีตาร์ขาดผึง เหมือนฝันกลางวันที่แตกสลายไปหนึ่งดอก
เวลาไป มุมหนึ่งในไร่ ตะวันในชุดนักศึกษามหาวิทยาลัยปีสุดท้ายอยู่ในสวนด้านล่างส่งซิกกับแย้ที่อยู่บนระเบียงอย่างมีเลศนัย
“แน่ใจนะ ว่าเค้ามาคนเดียว” ตะวันถามแย้
“คนเดียว ไม่มีคนอื่นมาเอี่ยว ชัวร์ป๊าบ จ๊าบจริง เจ้านาย”
ตะวันฟังแย้แล้วค่อยโล่งอก แต่ความตื่นเต้นก็ยังล้นใจ และแล้ว “ใบเตย” เพื่อนสาวร่วมมหาวิทยาลัยก็เดินมาถึงที่ๆ ตะวันยืนอยู่ สวนนั้นตกแต่งอย่างสวยงามเป็นพิเศษ และมีข้อความยินดีที่ใบเตยสำเร็จการศึกษา ใบเตย เซอร์ไพร์สและดูมีความสุขมาก
“ตะวัน นี่เป็นสิ่งพิเศษที่สุดที่มีคนเคยทำให้เราเลย” ตะวันยิ้มแก้มแทบจะฉีก มีความสุขจริงๆ แต่แล้วจู่ๆ รอยยิ้มของใบเตยก็เปลี่ยนเป็นหยาดน้ำตา “ขอบใจนะที่ทำให้เตยได้มีความทรงจำที่ดีกับตะวัน เตยจะไม่มีวันลืมเลย”
“เอ่อ รู้ว่าซึ้งนะ แต่ ไม่ต้องพูดซะเศร้าขนาดนั้นก็ได้”
ใบเตยปล่อยโฮ เข้าไปกอดตะวัน
“ตะวัน ถึงเตยจะต้องย้ายไปอเมริกากับครอบครัว ไม่ได้กลับมาที่นี่อีกตลอดชีวิต เตยก็จะคิดถึงตะวันนะ”
ตะวันที่ยิ้มแก้มแทบฉีก เปลี่ยนเป็นเหวอ เอ๋อไปเลย
เวลาผ่านไป ตะวันในมาดเจ้าของไร่หนุ่มไฟแรง เดินเคียงคู่มากับ “นต” สาวสวยมาดเวิร์คกิ้งวูแมนที่ดูเป็นผู้ใหญ่และอ่อนหวาน
“ตกลงว่าคุณนต ยังไม่มีใครในตอนนี้ แล้วก็..ไม่มีโครงการจะไปเปิดบริษัทที่ต่างประเทศ”
“ไม่ไปหรอกค่ะ นตรักที่นี่ บ้านของนตคือเมืองไทยเท่านั้นค่ะ”
ตะวันแอบถอนหายใจโล่งอก
“เอ่อ ถ้างั้น คุณนตจะรังเกียจมั๊ยครับ ถ้าคุณจะ...” ตะวันอายมากที่จะบอกความในใจ “เอ่อ จะคบ คบ กับ...”
เสียงกรี๊ดดังลั่นขึ้นมา มาลัยแม่ค้าสาวสุดเปรี้ยวโฉบมาอย่างว่องไว มาถึงก็กระหวัดแขนรอบคอตะวันอย่างสนิทสนม
“ตะวัน กลับมาไร่แล้วทำไมไม่บอก ให้มาลัยรอตั้งนาน คิดถึงแค่ไหนรู้มั๊ย”
นตผงะที่จู่ๆ ก็มีชะนีที่ไหนไม่รู้มาคล้องคอตะวันซะแน่น นตคอแข็งขึ้นมาทันที
“ฉันขอโทษด้วยนะคะที่มารบกวนเวลาของคุณสองคน”
“คุณนต ไม่ใช่อย่างงั้นนะครับ มาลัยไม่ใช่แฟนผม มาลัยเค้าเป็นลูกสาวแม่ค้าในตลาด”
“เมื่อก่อนเป็นลูกแม่ค้า แต่ตอนนี้เป็นลูกสะใภ้ไร่ตะวันจ้ะ” มาลัยบอก
“ไม่ใช่เราเป็นเพื่อนกันเฉยๆ” ตะวันแย้ง
“ทีอยู่กันสองต่อสองไม่เห็นพูดอย่างงี้เลย มาลัยฟังแล้วเสียใจนะ ใช่สิ มาลัยมันเก่าไปแล้วนี่” มาลัยแกล้งบีบน้ำตา
“คุณตะวัน นี่มันไม่ใช่ในละครนะคะไม่มีผู้หญิงคนไหนหรอก จะกล้ามาตู่ว่าผู้ชายเป็นแฟนของตัวเอง ถ้าหากว่ามันไม่ใช่เรื่องจริง” นตบอก มาลัยรีบเออออ
“จริงค่ะ ใช่ค่ะ ผู้หญิงที่ไหนจะกล้าทำแบบนั้น”
“แต่มาลัยกล้าทำจริงๆ นะครับ คุณต้องเชื่อผมนะครับ”
“อย่าไปเชื่อๆ ตัวเองอ่ะ ทำไมต้องทำห่างเหิน เฮิร์ตนะรู้มั้ย”
นตปัดแขนตะวันออก
“พอกันที นตผิดหวังในตัวคุณมาก ผู้ชายก็เหมือนกันหมด ชอบหลอกผู้หญิง นตจะไม่ยอมให้คุณหลอกอีกต่อไปแล้ว” นตตบหน้าตะวันผลัวะ แล้วเดินลิ่วๆ ไปเลย มาลัยแอบยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ที่อีกฝ่ายใส่เกียร์ถอยง่ายดายแทบไม่ต้องทำอะไร
“โอ๊ย มันอะไรวะเนี่ย”
กลับมาปัจจุบัน ชาญกอดอกทำท่าเหมือนกับทรงภูมิความรู้
“มันต้องเป็นเพราะอาถรรพณ์จากคำสัญญานั่นแน่ๆ ปู่ ฟันเฟิร์ม”
น้ำค้าง อึ่งหน้าเหวอ
“อาถรรพณ์”
“ใช่แล้ว ที่ไอ้ตะวันมันแห้ว ต้องผิดหวังซ้ำซาก เพราะมันเคยไปให้คำสัญญาไว้กับหนูโรสเมื่อตอนเด็กๆ ว่ามันจะไม่ทอดทิ้งเค้า ทำให้มันไม่ได้ลงเอยกับใครสักที” สีหน้าน้ำค้างยังคงเหวออยู่ “เพราะงั้น ที่ปู่จับคู่ให้มันกับหนูโรสเนี่ยแหละ จะเป็นการแก้ปัญหาจากสาเหตุ เท่ากับช่วยให้มันได้ทำตามคำสัญญา มันจะได้มีคู่กับเค้าสักที”
“มันเกี่ยวกันตรงไหนคะปู่”
“ที่ต้องอยู่เป็นโสดเพราะพี่ตะวันจีบหญิงไม่เก่งมากกว่าม๊างงงง”
“ไม่ใช่ เด็กอย่างแกจะรู้อะไร๊ มันเป็นเพราะอาถรรพณ์ เชื่อปู่ซี้”
ที่โรงแรมควีนโรส โรสรินเดินมาดมั่นมานั่งเก้าอี้หรูตรงหน้าโต๊ะทำงานณรงค์อย่างอารมณ์ดี
“ตกลงโรสจะเข้าไปใช้ห้องกรรมการบริหารที่ว่างอยู่ได้เลยนะคะ”
ณรงค์ลุกขึ้นมาดึงแขนหลานสาวไว้
“เดี๋ยวก่อนโรส”
“อ้าว ตกลงปู่จะเอายังไงกันแน่ ปู่ขอร้องไม่ให้โรสบินกลับอังกฤษ ก็หมายความว่าปู่ยอมให้โรสบริหารโรงแรมทันที”
“ยังไม่ใช่เวลานี้ฟังปู่ก่อน แล้วก็อย่าเพิ่งจี๊ด อย่าเพิ่งจ๊าดอะไรทั้งนั้นด้วย ปู่ขอถามหน่อย ว่าตกลงเรากับนายพีระนั่น คบหากันสนิทสนมแค่ไหน”
“ก็ไม่มีอะไร ชิลล์ๆ” ณรงค์เหล่อย่างรู้ทัน “แหม แล้วจะให้โรสทำยังไงล่ะคะปู่ โรสก็คบๆ ไว้เป็นเพื่อนบ้างไรบ้าง”
ณรงค์ฟังแล้วถอนใจโล่งอก
“ค่อยยังชั่ว งั้นปู่จะได้มั่นใจว่าเรื่องที่ปู่จะพูดเนี่ย มันไม่ได้เป็นการพรากคู่รัก เพราะว่าโรสนับนายพีระเป็นแค่เพื่อน”
“ปู่กำลังจะพูดอะไรกับโรสคะเนี่ย”
ณรงค์หยิบแฟ้มตรงหน้าส่งให้โรสริน โรสรินเปิดแฟ้มออกดู ทันทีที่สายตากระทบตัวอักษรด้านใน เห็นท่าทางโรสเหวอขึ้น เหวอขึ้น
รถสปอร์ตของโรสรินบึ่งออกไปอย่างรวดเร็ว ภายในรถเห็นสีหน้าของโรสรินเต็มไปด้วยความงุนงงปนช็อก ปนโกรธ มือไม้สั่นแทบจะทำอะไรไม่ถูก หน้าโรงแรมยุนอาพยายามวิ่งตาม ณรงค์วิ่งตามหลังมาอีกทีประสาคนแก่ที่วิ่งไม่ค่อยไหว
“คุณโรสคะ คุณโรส คุณโรสกลับมานี่ก่อนค่ะ โธ่” ยุนอาหันกลับมาหาณรงค์ “ท่านประธานคะ ทำยังไงดี เหยียบไปไม่น้อยกว่า 180 ด้วยนะคะนั่นน่ะ”
“โธ่เอ๊ย ยัยโรส จะฟังกันสักหน่อยก็ไม่ได้”
“ปรี๊สแตกออกไปขนาดนั้น จะเป็นอะไรรึเปล่าก็ไม่รู้ เครียดค่ะ เครียด”
“นั่นน่ะหลานสาวผม ผมสิ ต้องเครียด” ยุนอายิ้มแหยๆ
“โทษทีค่ะ มีอารมณ์ร่วมมากไปนิสสสส มันอินอ่ะค่ะ”
ณรงค์ส่ายหน้า ปวดใจ ไม่รู้จะกำราบฤทธิ์ยัยหลานสาวยังไงจริงๆ
รถสปอร์ตของโรสรินบึ่งไปบนถนนอย่างรวดเร็ว ไม่เกรงใจกฎหมายจราจร ในรถโรสรินยังคงอาการสติแตกไว้ครบถ้วน
“ไม่ เรื่องบ้าๆ มันไม่มีทางเป็นไปได้ เป็นไปไม่ได้”
โรสรินนึกถึงเหตุการณ์ก่อนหน้านี้ ณรงค์ย้ำถ้อยความที่คุกคามจิตใจโรสรินอย่างแรง
“เอกสารที่โรสอ่านไปถูกต้องทุกอย่าง โรสไม่ต้องฝึกงานก็ได้ ถ้าตกลงแต่งงานกับตะวันหลานชายของปู่ชาญ ตามคำสัญญาที่ปู่ชาญและปู่เคยตกลงกันไว้ และทันทีที่โรสแต่งงานกับตะวัน ทั้งสองคนจะได้ขึ้นเป็นผู้บริหารโรงแรมร่วมกันทันที” โรสรินมองแฟ้มในมือแล้วมองปู่ สลับกันไปกันมา แล้วก็โยนแฟ้มทิ้งลงกับพื้น ก่อนเดินออกไป “โรส ตอบปู่มาก่อนซิ”
โรสรินหันขวับ
“ปู่คะ ไม่ขำ ปู่ล้อเล่นแบบนี้ ไม่ตลกเลยค่ะ”
ณรงค์นิ่งไป ก่อนบอก
“ไม่ได้ล้อเล่น มองตาปู่สิ ปู่ พูดจริงๆ”
โรสรินชะงักไป ก่อนจะพรวดเข้าไปหาณรงค์
“โอเคค่ะ โรสนึกแล้ว ว่ามันต้องเป็นอย่างนี้ คนเราพออายุมากขึ้นก็เจ็บไข้ได้ป่วยเป็นธรรมดา สมองของปู่อาจะจะกระทบกระเทือน รึไม่ก็ สมองฝ่อ เดี๋ยวโรสจะพาปู่ไปหาหมอเอง”
“โรส ปู่ไม่ได้ป่วย”
“คนป่วยส่วนใหญ่ก็พูดแบบนี้กันทั้งนั้นแหละค่ะ”
“ปู่ไม่ป่วย ปู่-ไม่ -ไป ไม่ไปๆๆ อย่าทำให้ปู่ จี๊ดส์ส์ส์นะ”
โรสรินช็อก
“แต่โรสกำลังจี๊ดสสส์ ถ้าปู่ไม่ป่วย แล้วปู่ก็ไม่ได้ล้อเล่น แล้วปู่ไม่ยอมไปหาหมอ! งั้น งั้นโรสไปเอง”
โรสรินวิ่งออกไปทันที
รถสปอร์ตของโรสรินแล่นแฉลบไปอีกเลนหนึ่งอย่างหวาดเสียว ขณะที่โรสรินยังนั่งเหวอไร้สติอยู่ เสียงบีบแตรเตือน เรียกสติให้กลับมา โรสรินรีบหักพวงมาลัยกลับเลนแทบไม่ทัน โรสรินตบพวงมาลัยรถ
“นอกจากไม่ให้เราขึ้นบริหารแล้วปู่ยังจะบังคับเรา ให้แต่งงานกับนายโรคจิตนั่น บ้าที่สุด”
เสียงโทรศัพท์มือถือดัง โรสรินเห็นว่าพีระโทรมาจึงรับสาย
“โรซี่ นั่นคุณอยู่ไหนน่ะ ผมถามคนที่โรงแรม ไม่มีใครรู้สักคน”
“โรสขับรถอยู่”
“ขับรถ แล้วขับไปไหนล่ะครับ”
โรสรินชะงักไป เพิ่งจะรู้ตัว
“นั่นสิ ฉันจะไปไหน”
โรสรินครุ่นคิดอะไรบางอย่างได้ก็ยิ้มอย่างมีแผน
ในร้านกาแฟบรรยากาศดี ตะวันนั่งรออยู่ด้วยอารมณ์ไม่ค่อยสงบ ยกข้อมือขึ้นดูนาฬิกาเป็นระยะ เริ่มผุดลุกผุดนั่ง
ในที่สุดโรสรินก็โผล่งร่างเข้ามาพร้อมถุงข้าวของช็อปปิ้งในมือหลายถุง
“คุณมาสายมาก ชีวิตผมไม่ได้ว่างจะมานั่งรอคนที่ไม่รู้จักเวล่ำเวลานะ”
“เหรอ แต่คนอย่างโรสริน เกิดมาไม่เคยต้องเป็นฝ่ายรอใคร”
“อ๋อ” ตะวันมองถุงช็อปปิ้ง “ก็เลยต้องไปเดินช็อปปิ้งซะให้ทั่ว เพื่อให้มาถึงทีหลังผม ว่างั้นเถอะเพี้ยนได้อีกนะคุณเนี่ย”
“นาย ฉันไม่ได้เรียกนายมาเพื่อออกความเห็นเรื่องของฉัน ตรงๆ เลยดีกว่าเท่าไหร่” ตะวันชะงัก ยังไม่เข้าใจ
“เท่าไหร่ ที่จะทำให้นายกับปู่ของนาย เลิกมาเป่าหูปู่ฉันด้วยความคิดบ้าๆ”
“สมเป็นคุณจริงๆ แก้ปัญหาด้วยการเอาเงินฟาดหัวคนอื่น”
“อย่าเรื่องมากได้มั้ย ฉันก็แค่หาวิธียุติไอ้ความคิดบ้าๆ ของปู่ที่จะให้ฉันแต่งงานกับนาย”
ตะวันอึ้งไป แล้วก็ลุกขึ้น เดินออกไปเลย โรสรินเข้าไปขวาง
“ผมกับปู่ของผม ไม่เคยไปเป่าหูปู่คุณ” ตะวันบอกเสียงเข้ม
“อ๋อเหรอ แล้วนายจะบอกว่า ปู่ฉันเป็นคนคิดเรื่องบ้าๆ นี่ขึ้นมาเอง ปู่รักฉันมาก ท่านต้องไม่มีวันคิดเรื่องเลวร้ายที่จะทารุณจิตใจฉันไปตลอดชีวิตหรอก”
“ผมไม่อยากเปลืองน้ำลายพูดกับคนอย่างคุณ พูดไปไม่ได้อะไรขึ้นมา”
โรสรินของขึ้นแล้ว ทนไม่ไหว
“นายตะวัน อย่านึกว่าฉันสวยแล้วจะโง่ ไม่รู้ทันนาย ปากทำพูดว่าไม่ต้องการอะไร แต่จริงๆ แล้วนายต้องการจะฮุบสมบัติของโรงแรมฉันล่ะสิ” พนักงานและผู้คนที่อยู่ในร้านเริ่มจะหันมาสนอกสนใจ ตะวันที่หันหลังเดินจากไป ชะงักกึ้ก “แค่ปู่นายเคยให้ปู่ฉันยืมเงิน ก็อย่านึกนะว่าจะมาชุบมือเปิบกิจการของพวกเราไปง่ายๆ นายมันไม่มียางอาย หลอกปู่ฉันหวังจะเอาสมบัติ และตัวฉัน”
ตะวันทนไม่ไหว หันกลับมาจับแขนโรสรินไว้อย่างแรง
“ผมหลอกปู่คุณหวังสมบัติ และ...” ตะวันมองโรสรินหัวจรดเท้าอย่างเหยียดสุดๆ “ตัวคุณ ฟังให้ดีนะ จะได้ฉลาดขึ้น ผู้หญิงอย่างคุณใครเอาไปเป็นเมียคงเหมือนต้องตกนรก 500 ชาติ ต่อให้ผมอยากรวยแค่ไหน ก็ไม่โง่ไปตกนรกกับคุณหรอก” โรสรินเหวอที่ตะวันกล้าย้อนขนาดนี้ แถมในที่สาธารณะผู้คนจ้องมองและฮือฮากันอย่างมากมาย
“ถ้าคุณกลัวว่าผมจะอยากแต่งงานกับคุณ เพราะอยากฮุบโรงแรม ลืมไปได้เลย อย่างคุณน่ะ ต่อให้แถมให้อีกสิบโรงแรม ผมก็ไม่เอา”
ตะวันปล่อยแขนโรสริน แล้วเดินออกไปอย่างเร็ว ผู้คนในร้านต่างมองและเม้าท์กันสนุกปาก โรสรินยืนกระดากอาย ก่อนที่ระดับความดันในเลือดจะพุ่งพรวดขึ้นจนทนไม่ไหว โรสรินตามตะวันออกไปทันที
โรสรินจ้ำตามตะวันออกมา ยอมไม่ได้อย่างแรง
“นายตะวัน ไอ้ผู้ชายเลี้ยงหมาไว้ในปาก จะบอกอะไรให้นะ ผู้ชายอย่างนาย ผู้หญิงสวยๆ เริ่ดๆ อย่างฉัน อย่าว่าแต่จะแต่งงานด้วยเลย แม้แต่มองฉันก็ไม่อยากจะมองให้ระคายสายตา”
พีระเพิ่งกระหืดกระหอบมาถึง รีบเข้าไปหาโรสรินทันที
“แต่งงาน แต่งงาน แต่งงาน แต่งงานบ้าอะไรกันโรซี่”
“ก็คุณปู่น่ะสิไปสัญญากับปู่หมอนั่นว่าจะยกโรสให้แต่งงานด้วย”
“คุณโรซี่เค้าไม่สนคนระดับนายหรอก มาทางไหนก็กลับไปทางนั้น” พีระพูดกับตะวัน
“ผมถามหน่อย แฟนคุณเค้าน่าหึงน่าหวงตรงไหนเนี่ย ขี้วีน ขี้เหวี่ยง วันๆ ทำตัวไร้สาระ จองหอง ดูถูกคน ไม่รู้จัก “รักใคร” รักแต่ตัวเอง ผมจะอยากได้ไปทำไมไม่ทราบ” ตะวันย้อนถาม พีระชะงักกึ้ก
“อีตาบ้า หยุดเห่าเดี๋ยวนี้นะ”
พีระมองโรสริน
“มันก็จริงอย่างที่นายว่า แต่ว่าคุณโรซี่เค้าก็สวย สูงส่ง เลอค่าอมตะ และ และ แล้วเค้าก็สวย แค่นั้นก็จบ มันก็พอแล้ว”
“พี นี่ นี่ตกลงพีจะช่วยโรส หรือจะมาเข้าข้างมันกันแน่”
“ไม่ใช่อย่างงั้นโรซี่ ถ้าขืนนายไม่ให้เกียรติ์คุณโรซี่อีกล่ะก้อ ฉันไม่ปล่อยนายไว้แน่”
“ฉันแค่พูด” ตะวันมองหน้าโรสริน หาเรื่อง “ความจริง”
“อ๊ายยย พี”
พีระกล้าๆ กลัวๆ แต่เอาก็เอา เหวี่ยงหมัดหวือออกไปหาตะวัน ตะวันจับหมัดพีระไว้ได้ เหวี่ยงกลับ พีระพยายามเข้าฟัดนัวเนียกับตะวัน แต่ตะวันรับลูกได้หมด ไม่มีระคายผิว ผลักพีระกระเด็นออกมา
“เสียเวลาจริงๆ”
“ทำไมไม่ได้เรื่องอย่างนี้นะ”
โรสรินโมโหพีระ พีระทนไม่ไหว ฮึดเข้าไปหาตะวันอีกรอบ ตะวันรู้ตัว แค่หันมามองด้วยสายตาพิฆาต พีระชะงักกึ้ก เงื้อหมัดค้าง แล้วขาก็ดันไปสะดุด ล้มกลิ้ง ตกแอ้กลงกับพื้น
“พี”
ตะวันส่ายหน้าสุดเซ็งสองคนนี้
“โอ๊ยยย เจ็บๆ โรซี่ผมลุกไม่ได้”
พีระร้องโอดครวญ ระหว่างเดินไปตะวันแอบยิ้มส่ายหน้า สมน้ำหน้า
“ลุกไม่ได้ก็นอนอยู่อย่างนั้นแหละ ขายหน้าที่สุด”
ตะวันยิ้มๆ อยู่ดีๆ ชักรู้สึกว่ามันชอบกลอยู่
“ผมเจ็บ เจ็บมากจริงๆ โรซี่ โอ๊ยยย ไม่เคยเจ็บอย่างนี้มาก่อนเลย”
พีระพยายามจะลุก แต่ลุกไม่ได้จริงๆ เจ็บไปถึงขั้วกระดูก แต่ก็ฮึดจะฝืนลุก ตะวันทนไม่ไหว เดินกลับมา
“หยุดเลยนะ ถ้าไม่อยากกระดูกสันหลังเคลื่อน พิการไปตลอดชีวิต อยู่นิ่งๆ”
“นี่นาย ใครใช้ให้” โรสรินจะด่าตะวัน
“ด่าอีกคำสิ ถ้าลุกผิดท่า งานนี้แฟนคุณหลังหักแน่”
พีระเจ็บจนพูดไม่ไหว ถึงกันน้ำตาซึมเพราะความปวด
โรสรินมองอาการพีระแล้ว ไม่กล้าว่าอะไรตะวันมากไปกว่านั้น
อ่านต่อหน้า 3
กุหลาบร้ายของนายตะวัน ตอนที่ 1 (ต่อ)
โรสรินส่ายหน้า ท่าทางไม่โอเค
“ไม่ ฉันไม่ทำ นายรู้วิธี นายก็ทำไปสิ”
ตะวันเตรียมเบาะยาวที่ไปเอามาจากรถ วางรอไว้เพื่อจะเคลื่อนย้ายพีระโดยไม่ให้หลังกระทบกระเทือน ตะวันนั่งคุกเข่าอยู่หน้าพีระอย่างเตรียมพร้อม โรสรินยังนิ่ง หันหน้าหนีไปทางอื่น
“จะช่วยไม่ช่วย” โรสรินก็ยังนิ่ง “เออดี งั้นก็ปล่อยให้เดี้ยงอยู่นี่แหละ”
“ฉันโทรเรียกรถพยาบาลก็ได้”
“โอเค” ตะวันลุกขึ้น หยิบเบาะไป
“โรซี่ ผมไม่ไหวแล้ว”
“โอ๊ย” โรสรินยอมหันมาในที่สุด “ฉันต้องทำอะไรบ้างเนี่ย”
“ก็แค่เนี๊ยะแหละ นั่งคุกเข่าลงอย่างผมนี่”
ตะวันนั่งเพื่อจะเตรียมยกส่วนบนของร่างกาย ชี้ตำแหน่งให้โรสรินเพื่อช่วยยกส่วนขา โรสรินคุกเข่าลงอย่างเก้ๆ กังๆ กลัวชุดเปื้อน ตะวันจับโรสรินให้นั่งลงไปเลย โรสรินปัดมือตะวันออก
“ไม่ต้อง พอแล้ว ฉันคุกเข่าแล้วเนี่ย เห็นมั๊ย”
“ทีนี้ เราต้องช่วยกันพลิกตะแคงตัวเขาขึ้นพร้อมกัน แล้วผมจะเอาเบาะยาวนั่นสอดใต้หลังเค้า คุณคอยฟังผมให้สัญญาณนะ”
โรสรินใจร้อน อยากให้จบๆ
“แค่พลิกตะแคงขึ้น แล้วก็สอดเบาะใช่มั๊ย” โรสรินจะจับตัวพีระเลย ตะวันตีมือโรสริน
“บอกว่าอย่าเพิ่ง รู้จักฟังกันบ้างสิ เราต้องลงมือพร้อมกัน ถ้าลำตัวเค้าบิดไปกระดูกก็เคลื่อนน่ะสิ” โรสรินลูบมือที่โดนเพี๊ยะ เจ็บใจสุดๆ แต่ก็ต้องยอม “ผมจะนับนะ พอนับถึงสาม แล้วบอกให้พลิก ค่อยออกแรง 1 2 3 พลิก”
ไม่น่าเชื่อ โรสรินกับตะวันร่วมมือกันพลิกพีระตะแคงขึ้นมาได้
“โอ๊ย”
“ทำผิดรึเปล่าเนี่ย ทำไมร้องแบบเนี๊ยะ”
“มันก็ต้องมีเจ็บกันบ้างสิคุณ เดี๋ยวผมจะสอดเบาะนะพอบอกให้วาง แล้วคุณค่อยวาง” ตะวันสอดเบาะลงเพื่อรองรับหลังของพีระ “1 2 3 วาง เบาๆ นั่นแหละ ดี” โรสรินรู้สึกอุ่นใจเล็กน้อยเมื่อทำสำเร็จ เกือบจะยิ้มโล่งอกออกมา ตะวันลุกขึ้น “ทีนี้ คุณยกตรงปลายเบาะ เราจะช่วยกันยกเค้าไปที่รถ”
“ห๊ะ ฉันเนี่ยนะ”
“โรสสซี่” สีหน้าพีระขอร้องสุดๆ โรสรินกลั้นใจ ยอมทำตาม
“ยกเบาะขึ้นนะ 1 2 3” ตะวันยกพีระลอยขึ้นแล้ว แต่เบาะทางปลายเท้ายังนิ่ง “แรงน่ะ เอาไปเดินช็อปปิ้งหมดแล้วรึไง ออกแรงหน่อยสิคุณ”
“ฉันไม่ใช่พวกถึก เกิดมาใช้แรงงานเหมือนนายนี่ยะ”
“จะทำไม่ทำ ถ้าไม่ทำผมปล่อยนะ” ตะวันทำท่าจะปล่อยเบาะลงซะงั้น
“โรสสสซี่” พีระเรียกเสียงหลง
“ฮึ๋ย คราวซวยอะไรของฉันเนี่ย” โรสรินยอมฮึดออกแรงยกเบาะขึ้นมาจนได้อย่างทุลักทุเล และโอนเอนเล็กน้อย
“ก็แค่เนี๊ยะแหละ”
ตะวันกับโรสรินช่วยกันยกพีระไป โรสริบแอบเข่นเขี้ยวลับหลังตะวัน
พีระนอนอยู่บนเตียงตรวจอาการ หมอหันมาบอกโรสรินกับตะวัน
“โชคดีที่เคลื่อนย้ายคนเจ็บถูกวิธี ไม่กระทบกระเทือนมาก แค่อักเสบนิดหน่อย ทานยาไม่กี่วันก็หายแล้วครับ”
“ขอบคุณมากครับหมอ งั้นเราก็หมดธุระกันแล้วนะ”
ตะวันพูดกับพีระแล้วปรายตามองโรสริน ไม่พูดอะไร จะไปเลย โรสรินค้อนตะวันด้วยสายตา พีระอึดอัดมาก แต่ก็ต้องพูด
“เอ่อ ขอบใจมาก”
ตะวันกำลังจะออกไปพ้นประตู หันมาบอกแมนๆ
“ไม่เป็นไร” แล้วตะวันก็เดินออกไป
“ผมก็ ขอบคุณคุณด้วยนะ” พีระพูดกับโรสริน โรสรินจึงวีนใส่พีระเลย
“เพราะพีคนเดียว ทำให้โรสต้องเสียหน้า ยอมทำตามคำสั่งอีตาบ้านั่น จริงๆ น่าจะปล่อยให้เดี้ยงอยู่ตรงนั้น”
“แหม โรซี่ก็”
โรสรินหน้าหงิก เกิดมาไม่เคยจะเสียฟอร์มให้ใครเท่านี้ก่อนเลยอารมณ์เสีย ที่หน้าห้องตรวจปรากฎว่าตะวันยังไม่ไป แอบมองดูเหตุการณ์เล็กน้อย
“ยัยคุณหนู ยังพอจะมีหัวจิตหัวใจกับเค้าอยู่บ้างแฮะ” ตะวันเผลอยิ้มมุมปาก แล้วก็รู้ตัว “ก็ต้องงั้นสิเค้าแฟนกันนี่หว่า”
ตะวันส่ายหัว ขับไล่ความคิดที่จะมองโรสรินในแง่ดีออกไป
เมื่อกลับมาถึงไร่ตะวัน ตะวันบอกชาญอย่างเอาเรื่อง
“บอกปู่ณรงค์ด้วยนะครับ ว่าผมไม่มีความคิดแม้แต่นิดเดียวที่จะไปยุ่งอะไรกับยัยคุณหนูสุดสยองนั่น เลิกคิดกันได้แล้ว เรื่องนี้มันเป็นไปไม่ได้เลยครับ”
“อะไร๊ ได้ยินว่า วันนี้สนิทสนมกลมเกลียว พาเพื่อนหนูโรสเค้าไปหาหมอด้วยนี่”
“รายงานข่าวไวใช้ได้นะครับ แต่นั่นน่ะมันเหตุสุดวิสัย หยุดคิดไปเองเลยนะปู่ ผมกับยัยคุณหนูนั่น อย่าว่าแต่จะแต่งงานเลย แค่มองหน้าแล้วไม่ด่ากันยังยาก”
“นั่นไง เหมือนปลากัดเลย แค่มองตาก็สปาร์ค”
ตะวันถอนใจ ไม่รู้ต้องทำยังไงถึงจะเปลี่ยนความคิดของปู่ได้
“ผมขอยืนยัน นั่งยัน นอนยันไว้ตรงนี้เลย เรื่องที่ปู่กับเพื่อนปู่จะคลุมถุงชนผมกับยัยกุหลาบร้าย มันไม่มีทาง”
ที่โรงแรมควีนโรส ณรงค์พูดโทรศัพท์กับชาญอย่างตื่นเต้น ราวกับได้เห็นสวรรค์มาเปิดอยู่ตรงหน้า
“มันเป็นไปไม่ได้เลยที่บนโลกนี้จะมีคนที่จัดการยัยโรสอยู่หมัด แต่ตะวันก็จัดให้ ฮ่าๆ ตอนที่เจ้าของร้านกาแฟที่เป็นคนเก่าแก่ของข้าโทรมาเล่าให้ฟังว่าตะวันสั่งยัยโรสยังไงบ้าง ข้านะแทบไม่เชื่อหูเล๊ย ต้องแคะหูตั้งหลายที ว่าหูมันไม่เพี้ยนจริงๆ”
“ตะวันก็ไม่เคยพูดถึงผู้หญิงคนไหนมาตั้งนาน แต่เนี๊ยะมันพูดเรื่องหนูโรสแทบทุกวัน”
น้ำค้างที่นั่งฟังอยู่ถึงกับส่ายหน้า
“เอ่อ พูดถึงหรือว่าบ่นกันแน่”
“ยัยโรสถึงจะทำเป็นปฏิเสธ แต่ไม่มีผู้หญิงคนไหนหรอก ที่ถ้าได้อยู่ใกล้ผู้ชายที่ทั้งหล่อ ทั้งแมน แถมยังกำราบตัวเองอยู่หมัดขนาดนั้นแล้วจะไม่หวั่นไหว”
ยุนอาเอาชามาเสิร์ฟ ฟังแล้วสยอง
“เอ่อ หวั่นไหว กับอาละวาด มันไม่เหมือนกันนะคะ”
ณรงค์เหล่ตาเขียว ยุนอารู้ตัว ทำเป็นมีสายโทรเข้า รีบพูดเฮดเซ็ทออกไป
“ข้ามั่นใจนะ อีกไม่นานหลานของเราสองคนเนี๊ยะ มันต้องโป๊ะเชะ & เป๊ะแน่ๆ”
“ฟันธ้ง”
ชาญก็รับอย่างมั่นใจพอๆ กัน
วันต่อมาที่แปลงปลูกดอกไม้ไร่ตะวัน ตะวันปักจอบกับดินยังคงปฏิเสธชาญอย่างหนักแน่น
“เราพูดเรื่องนี้กับจบกันไปแล้วนะครับ ผมบอกว่าไม่ ก็คือไม่”
แล้วตะวันก็ก้มหน้าก้มตาขุดๆๆ ดินใหญ่
“เอ่อ ขุดหลุมฝังวัวเหรอครับ ลึกขนาดนี้” แย้ถาม
“ฝังแกไงไอ้แย้”
“ช่าย ฝังผมให้นอนคุยกับไส้เดือนสนุกจัง เย้ย”
ตะวันยัดจอบใส่มือแย้
“กลบให้มันตื้นลงด้วย”
ตะวันชิ่งไปเลยอย่างอารมณ์เสีย
“โถ่ ปู่นะปู่ หาเรื่องให้แย้งานเข้าเลยเนี่ย”
ชาญเครียด มันใจแข็งจริงวุ้ย
โรสรินกำลังมาร์คสหน้า แทบจะทนไม่ไหว
“ปู่คะ ปู่จะพูดเรื่องนี้ขึ้นมาอีกทำไม ปู่ไม่รักโรสแล้วใช่มั๊ย”
“โรสนั่นแหละ ไม่รู้ว่ารักปู่รึเปล่า หนูจะยอมให้ปู่เป็นคนไม่รักษาคำพูด ไม่ชดใช้หนี้สินตามสัญญาที่ให้ไว้กับปู่ชาญ ที่จะให้หลานแต่งงานกับตะ...”
“หยุด Stop ปู่อย่าพูดชื่อนายนั่นขึ้นมาให้โรสได้ยิน ถ้าปู่ไม่อยากเห็นโรสหน้าเหี่ยวย่น อายุสั้น หรือว่าเป็นบ้าตายไปซะก่อน ก็อย่าให้โรสจี๊ดสสส์นะคะ”
โรสรินว่าแล้วก็จิกส้นเท้าเข้าห้องน้ำ ปิดประตูปัง ณรงค์อึ้งไป
ม้านั่งยาวในสวนสาธารณะอห่งหนึ่ง ชาญกับณรงค์นั่งคอตกอยู่ข้างๆ กัน ยุนอายืนเช็กคิวงานในไอแพดอยู่ไม่ห่าง
“เฮ้อ ไม่น่าเชื่อว่าตอนนี้ 2 คนนั่น จะเกลียดกันยิ่งกว่าปลาไหลเกลียดหม้อแกง เมื่อตอนเด็กๆ มันยังดีๆ กันอยู่แท้ๆ”
“คิดแล้วก็เสียดายนะ ถ้าตอนเด็กๆ ไม่ได้จากกันไป ตอนนี้คงมีลูกหัวปีท้ายปีกันแล้ว” สองปู่หัวเราะกัน ฮ่ะๆ เมื่อได้ลองคิด
“เฮ้อ มันไม่น่าแยกกันไปเลยนะ”
“ก็หมาตัวไหน มันหายหัวไปทำธุรกิจ ไม่คิดจะมาเยี่ยมเพื่อน”
“เฮ้ยๆๆ อ๋อนี่ยังไม่จบเหรอ จะเอากันซักตั้งมั๊ยเล่า”
ชาญกับณรงค์ทำท่าจะทะเลาะกันขึ้นมา ยุนอารีบเข้ามาห้าม
“ว๊ายๆๆๆ เดี๋ยวค่ะเดี๋ยว เอ่อ ทั้งสองท่านนัดกันมาเพื่อปรึกษากันไม่ใช่เหรอคะ”
ชาญ ณรงค์ได้สติ ถอนใจเฮือก ออกมาพร้อมกัน
“เฮ้ออออ”
ชาญ ณรงค์สีหน้าครุ่นคิด แล้วพลันชาญก็นึกอะไรขึ้นมาได้ ลุกพรวดพราดขึ้น
“นึกออกแล้ว ไอ้เสือ ข้าคิดวิธีดีๆ ที่จะให้สองคนนั้นลงเอยกันได้แล้ว”
“เฮ่ย แน่ใจเหรอ”
“ล้านเปอร์เซ็นต์”
ชาญกระหยิ่มอย่างมั่นใจ
วันต่อมาที่โรงแรมควีนโรส ณรงค์ทำทีพูดกับโรสรินอย่างสุขุม
“พวกปู่มาคิดๆ ดูแล้ว ก็ไม่อยากจะบังคับหลาน เอ้า ไม่แต่งก็ไม่แต่ง”
โรสรินเข้าไปกอดปู่
“นึกแล้วว่าปู่รักโรส ต้องไม่ทำร้ายจิตใจโรส”
“แต่ ทางนั้นเค้ามีข้อแม้มาว่า...”
โรสรินเบิกตากว้างอย่างประหลาดใจ
ที่ไร่ตะวัน ชาญก็กำลังยื่นข้อเสนอกับตะวันเช่นกัน
“หนูโรสจะต้องมาทำประโยชน์ให้แก่ไร่ของเราเป็นเวลา 1 ปี เพื่อชดเชยที่ปฏิเสธการแต่งงาน ถ้าหากว่าได้ทำโยชน์ครบ 1 ปีนี้แล้ว สัญญาเรื่องแต่งงานก็จะเป็นโมฆะไปทันที ทั้งสองคน ไม่ต้องแต่งงานกัน”
“ปีนึง ให้ยัยกุหลาบร้ายมาอยู่ที่นี่ ไม่มีอะไรทำกันแล้วเหรอปู่ ถึงคิดอะไรหายนะแบบเนี๊ยะ แล้วถ้าผมไม่ยอมล่ะ”
ที่ควีนโรส โรสรินตบโต๊ะ ปัง!
“จะให้โรสยอมได้ยังไง ระดับมันสมองอย่างโรส จบโทมาจากอังกฤษ ต้องอยู่บริหารโรงแรมเราถึงจะถูก ให้ไปปลูกถั่วปลูกงาที่ไร่ โรสไม่เอาด้วยหรอก”
“ถ้าโรสยอมทำตามเงื่อนไข ปู่ก็จะถือว่าโรสได้ฝึกงานไปด้วยในตัว กลับมาก็ขึ้นเป็นผู้บริหารได้เลย ขนาดนี้แล้วโรสยังไม่เห็นแก่ปู่อีกเหรอ”
“พอดีโรสนัดร้านสปาเอาไว้ ขอตัวนะคะ” โรสรินจะชิ่ง ณรงค์รีบเปลี่ยนกลยุทธ์ กดอินเตอร์คอมพูดกับเลขาฯ
“คุณยุนอา มิสเฮเลน จากเดอะวันโฮเทลที่ผมขอให้คุณนัดไว้ เรื่องถึงไหนแล้ว”
โรสรินชะงักกึก
ที่ไร่ตะวัน ชาญชักโมโห ไม้เท้าสั่น
“มาถึงจุดนี้แล้ว ปู่ก็ไม่ยอมเหมือนกัน แกห้ามต่อรองอะไรอีก ไม่งั้นไม่ต้องมานับถือปู่เป็นปู่ ไม่ต้องมาพูดกันอีกเลย” ชาญหันหน้างอนเชิด ตะวันส่ายหน้า เอือมจริงๆ
ที่ควีนโรส ณรงค์ยังพูดอินเตอร์คอม
“ผมว่ามันถึงเวลาแล้ว โรงแรมเราต้องการกรรมการบริหารใหม่ 1 ตำแหน่ง ด่วน” ณรงค์วางสาย โรสรินทักท้วง
“ปู่ แต่นั่นมันตำแหน่งของโรส”
“หลานเจ้าของโรงแรมมีอภิสิทธิ์เหนือคนอื่น แต่ขาดประสบการณ์ ใคร๊ เค้าจะมาเชื่อถือเรา แล้วปู่จะฝากโรงแรมควีนโรสไว้ในมือโรสได้เหรอ”
“ปู่นึกว่าแค่นี้จะบีบโรสได้ใช่มั๊ย”
“ก็แล้วแต่โรสจะคิด หลานเจ้าของกิจการที่ปล่อยธุรกิจครอบครัวไว้ในมือคนอื่น มีความเสี่ยงสูงแค่ไหนที่จะสูญเสียทุกสิ่งทุกอย่างไป” โรสรินหันขวับ
“นี่ปู่ขู่โรสเหรอคะ นึกเหรอคะว่าแค่เนี๊ยะ คนอย่างโรสจะยอม”
โรสรินโกรธจนหน้าเขียว แต่ณรงค์ก็พยายามฮึดไว้เต็มที่เหมือนกัน
ตะวันบอกกับชาญอย่างมั่นใจ
“ทางโน้นเค้าก็ไม่มีทางยอมเหมือนกันล่ะปู่ ผมมั่นใจ”
“แล้วถ้าหากว่า เค้าเกิดยอมขึ้นมาจริงๆ ล่ะ”
ตะวันสวนทันทีอย่างมั่นใจ
“ถ้ายัยคุณหนูนั่นกล้ายอมรับข้อเสนอนี้ ผมก็ไม่ขัดข้อง”
“แกตกลงแล้วนะ”
“ร้อยเอาขี้หมากองเดียวเลยปู่ อย่างยัยคุณหนูจอมจี๊ดเหยียบขี้ไก่ไม่ฝ่อนั่นไม่มีทางตกลงมาทำงานที่นี่ เด็ดขาด”
ตะวันสำทับอย่างมั่นใจ
เช้าวันรุ่งขึ้น รถสปอร์ตหรูของโรสรินพุ่งเร็วบนถนนท่ามกลางสองข้างทางแมกไม้สวยงาม รถสปอร์ตวิ่งฉิวผ่านป้ายบอกทางไป “ไร่ตะวัน” สักพัก รถวิ่งถอยหลังกลับมาจอดกึ๊กอยู่ที่หน้าป้าย โรสรินมองมองแผ่นป้ายที่เขียนว่า “ สวนกุหลาบ & กล้วยไม้ ไร่ตะวัน 2 กิโลเมตร” สักพักเสียงโทรศัพท์มือถือของโรสรินดังขึ้น โรสรินรับสาย
“ค่ะปู่ ใกล้จะถึงแล้วค่ะ อ้อ โรสขอย้ำอีกครั้งว่าที่โรสมาที่นี่เพราะความสมัครใจของโรสที่อยากตอบแทนบุญคุณของปู่ ไม่ใช้เพราะถูกบังคับ เพราะคนอย่างโรสรินไม่มีใครบังคับได้ ไม่มีวัน”
โรสรินตัดสายทิ้ง แล้วเหยียบคันเร่งรถพุ่งเลี้ยวเข้าไปอย่างแรง
โรสรินขับรถพุ่งเข้ามาจอดแต่แล้วพลันก็เบรกเอี๊ยดที่หน้าประตูรั้ว โรสรินพรวดลงมาจากรถเห็นป้ายไร่ตะวันตั้งตระหง่านสูงเด่น โรสรินแทบช๊อคที่เห็นทางข้างหน้าเต็มไปด้วยหลุมบ่อ โคลน ถ้าขืนขับรถลุยไปช่วงล่างเละแน่ๆ
“สาบานนะว่านี่ทางเข้าไร่ โอ๊ยย อย่างกับหลุมอุกกาบาต”
สักพักคนงานขับรถอีแต๋นผ่านเข้ามา กำลังจะขับเข้าไปในไร่ โรสรินเห็นเข้าก็รีบวิ่งเข้าไปหา
“เดี๋ยวๆๆ หยุดก่อน นี่นายจะเข้าไร่ตะวันใช่มั้ย”
คนงานลงจากรถ หน้าตายิ้มแย้ม
“ใช่ครับ มีอะไรเหรอครับ ผมต้องรีบไปทำงานนะ”
“ฉันจะเข้าไร่ตะวันเหมือนกันแต่ถนนแย่แบบนี้ขับรถเข้าไม่ได้หรอก ฉันจะติดรถนายไปด้วย ช่วยขนของหน่อยสิ”
โรสรินเดินไปเปิดท้ายรถเห็นกระเป๋าแบรนด์เนมหลายสิบใบ คนงานงงๆ แต่ก็ทำตาม คนงานกำลังจะหยิบกระเป๋าโรสริน
“เดี๋ยวววววว” โรสรินหยิบน้ำยาล้างมือที่หลังรถแล้วสั่ง “แบมือ” โรสรินฉีดน้ำยาที่มือคนงาน “มือสกปรกอย่าแตะกระเป๋าของฉัน”
โรสรินเก็บน้ำยาล้างมือแล้วหันมองบรรยากาศรอบๆ เดชาขับรถโฟร์วีลผ่านเข้ามาที่หน้าไร่หันไปเห็นโรสรินยืนอยู่ข้างๆ รถสปอร์ตก็สะดุดสายตาในความสวยบาดใจของโรสรินทันที เดชาดูสนใจในตัวโรสรินมากๆ เดชาขับรถเข้าไปหาแล้วหยุดรถทันที ลงมาจากรถมองไปทางโรสรินชนิดละสายตาจากเธอไม่ได้เลย
“มีอะไรให้ผมช่วยรึเปล่าครับ”
โรสรินหันขวับมองเดชา รู้สึกไม่พอใจที่เดชาเอาแต่มองตาจึงเหวี่ยงใส่
“มองอะไร”
“มองผู้หญิงที่สวยที่สุดเท่าที่ผมเคยเห็นมา”
“อย่ามาพูดทุเรศเลี่ยนๆ นะ ไปให้พ้นเลยไป”
เดชายิ้มชอบใจ เขยิบเข้าใกล้
“คุณถาม ผมก็บอกความจริงที่ผมคิด คุณมาทำอะไรที่ไร่ตะวันครับ”
พลันเสียงแตรรถอีแต๋นดังแป๊นๆๆ คนงานขนกระเป๋าของโรสรินไว้ที่ท้ายรถหมดแล้ว
“จะเข้าไร่ก็รีบขึ้นรถได้แล้วครับคุณ”
“ถ้าจะเข้าไร่ตะวันให้ผมไปส่งดีกว่า” เดชบอกโรสรินแล้วผายมือที่รถ “เชิญครับ”
โรสรินเบ้หน้า ไม่สน
“ฉันไม่อยากนั่งเป็นตุ๊กตาหน้ารถของนาย”
โรสรินสะบัดเชิ่ดใส่ แล้วเดินออกไปขึ้นรถอีแต๋น รถอีแต๋นแล่นปั๊กๆๆ เข้าไปในไร่ เดชายิ้มมองตามอย่างชอบใจในตัวของโรสริน
ตะวันเดินมาตามทางเห็นคนงานกำลังมุงบางสิ่งบางอย่าง
“มีอะไร ทำไมถึงไม่ทำงานกัน”
ตะวันถึงกับเหวอไปเลยกับภาพที่ได้เห็น เพราะโรสรินยืนอยู่ท้ายรถอีแต๋นในสภาพสวย เริ่ด เชิ่ด แต่ตัวสั่นๆ เพราะทางขรุขระ เธอสวมหมวกปีก แว่นตำกันแดดสุดหรู เสื้อผ้าหน้าผมจัดเต็ม กระเป๋าแบรนด์เนมเป็นสิบๆ ใบวางอยู่ท้ายรถ ตะวันถึงกับช๊อก
“อะไรวะเนี่ย”
การมาของโรสรินเรียกร้องความสนใจของทุกคนในไร่ไปหมด ทุกคนมองโรสรินเป็นสายตาเดียว ตะวันถึงกับอึ้งค้าง แทบอยากจะขยี้ตาตัวเองว่าที่เห็นน่ะเป็นภาพจริง ไม่ใช่ภาพหลอน ตะวันเดินเข้าไปหา มองสภาพโรสริน
“มาถ่ายแบบเหรอ ขนกระเป๋าบ้าอะไรมาเยอะแยะ”
โรสรินซึ่งหน้าวีนมาตลอด หันมาเห็นตะวันก็ข่มใจ เดินลงจากรถอีแต๋น จิกส้นสูงเข้ามาหา แต่ส้นเข็มปักติดดิน ทำเอาโรสรินนิ่งฉึก ก้าวขาไม่ออก โรสรินพยายามจิกขาดึง แต่สุดท้ายต้องถอดรองเท้า แล้วดึงออกซะแทบหงายหลัง
รองเท้าลอยฟิ้ววววโดนหัวตะวัน
“โอ๊ยยย”
โรสรินยืนขาเดียว เซไปเซมา
“เอามา เอารองเท้าฉันคืนมา”
ตะวันเซ็งสุดขีดหยิบรองเท้าคืนโรสริน โรสรินใส่รองเท้าอย่างทุลุกทุเลท่ามกลางสายตาขำๆ ปนเอ็นดูของชาวบ้าน และสายตาเวทนาปนระอาของตะวัน
“หลังเขา” โรสรินบ่นแล้วพูดใส่หน้าตะวัน “นรกชัดๆ” โรสรินถอดแว่นกันแดดออก “หัดปรับปรุงทางเข้าไร่บ้างนะ มีแต่โคลนสกปรก อี๋ ฉันไม่มีวันให้สปอร์ตของฉันแปดเปื้อนแน่ๆ อ้อ ให้คนของนายไปเอารถของฉันมาจอดในที่ปลอดภัยด้วย”
“เดี๋ยว คุณมาที่นี่ทำไม”
“ฉันมาตามข้อตกลง ทำประโยชน์ให้กับไร่ของนาย 1 ปีเพราะยังไงมันก็ดีกว่าที่จะต้องแต่งงานกับนาย นายตะวัน”
โรสรินบอกสาเหตุที่มาอย่างวีนๆ ทำเอาตะวันอึ้งไป
น้ำค้างกับแย้ ยังชะเง้อมองไปข้างหน้า ท่าทางอยากรู้อยากเห็นสุดๆ
“เกิดเรื่องใหญ่รึเปล่าเนี่ย ทำไมพี่ๆ คนงานมุงกันซะขนาดนั้น”
แย้สีหน้าครุ่นคิด
“สงสัยสัตว์ประหลาดจะบุกไร่เรามั้งครับคุณน้ำค้าง”
ชาญกับอึ่งและอาทิตย์เดินเข้ามาร่วมกลุ่มพอดีก็ชะเง้อมองบ้าง
“อ้าวเฮ้ย แล้วคนมุงอะไรกันนั่นน่ะ”
“เหมือนจะมีคนมาไร่เราค่ะปู่ แต่พี่ตะวันอยู่ในนั้นยังไม่ออกมาซะที”
“สังหรณ์ว่าจะเกิดเรื่อง…”
“ไม่มั้ง พี่ตะวันไม่ใช่คนใจร้อนอะไร”
“ตะวันน่ะใช่ แต่อีกคนน่ะ ไม่” ชาญเริ่มเครียด
“ใครเหรอปู่” น้ำค้างกับอึ่งถามพร้อมกัน
“คนที่คุณก็รู้ว่าเป็นใคร” ชาญบอก น้ำค้างยิ่งอยากรู้
“เอ๊า ก็แล้วมันใครล่ะคะปู่”
ชาญไม่ตอบเดินลิ่วออกไปทางกลุ่มไทยมุง น้ำค้างอยากรู้สุดๆ รีบตามไป อึ่งจูงมืออาทิตย์รีบตามไปอีกคน
“เอ๊า รอแย๊ด้วยยย” แย้วิ่งตามออกไป
ด้านหน้าไร่ตะวัน โรสรินจ้องหน้าตะวันอย่างไม่ยอมแพ้ โรสรินจะเดินหนีแต่ก้าวย่างลำบากสั้นสูงปักดินติดหนึบ
“เฮ้อ คุณหนูอย่างคุณจะอยู่บ้านนอกได้ซักกี่วัน”
“หนึ่งปีมีกี่วันฉันก็อยู่เท่านั้นแหล่ะ”
“มั่นมากไปมั้ง ผ่านวันแรกได้ก็หรูแล้ว”
“ดูถูกฉันมากไปแล้ว เด็กรับใช้ของฉันอยู่ที่ไหน รีบๆ มาขนกระเป๋าไปเก็บซะที อ้อ ล้างมือก่อนจะแตะกระเป๋าฉันด้วยนะ”
“เดี๋ยวนะ เด็กรับใช้” ตะวันอึ้ง
“ก็ใช่น่ะสิ ฉันอยู่ที่นี่ในฐานะแขกคนสำคัญ แล้วฉันก็เป็นถึงว่าที่ผู้บริหารโรงแรมควีนโรส ทุกคนต้องเคารพฉัน”
“แต่ในไร่ตะวันทุกคนเท่าเทียมกัน เราเคารพกันและกัน แล้วขอโทษคุณอยู่ที่นี่ในฐานะ คนงาน”
“ห๊ะ คนงาน ฉันเนี่ยนะคนงาน”
“ขนกระเป๋าไปเก็บได้แล้ว”
โรสรินปรี๊ดสุดๆ เปิดกระเป๋าสตางค์หยิบแบงก์พันมาโบกสะบัด
“ใครอยากได้เงิน ก็รีบมาช่วยฉันขนกระเป๋าเดี๋ยวนี้” คนงานทุกคนยืนนิ่งไม่มีใครขยับ “ทำไมล่ะ ไม่อยากได้เงินกันเลยเหรอ”
ตะวันเดินเข้าไปใกล้โรสรินอย่างโมโห
“คุณจะเอานิสัยเสียๆ ของคุณมาแพร่ใส่คนงานผมไม่ได้”
“เสียตรงไหน ทำงานแลกเงินก็ถูกแล้ว นายกำลังทำให้ฉันจี๊ดสส์นะ”
ชาญ อึ่ง น้ำค้าง อาทิตย์ แย้ เข้ามาพอดี ยืนอยู่ห่างๆ อึ่งเห็นความสวยของโรสรินก็ประทับใจทันที
“โหวว ซ๊วยสวย สวยอย่างกับนางฟ้า”
“สวยจริงอะไรจริง แต่จะเป็นนางฟ้ารึเปล่า เฮ้อ ไม่แน่ใจเล้ย” แย้บอก
ตะวันสั่งคนงานอย่างเฉียบขาด
“ขนกระเป๋าบ้าๆ ของผู้หญิงบ้าแบรนด์เนมคนนี้ไปทิ้งเดี๋ยวนี้”
“ไอ้บ้า สติดีอยู่รึเปล่า รู้มั้ยว่าแต่ละใบราคาเท่าไหร่”
“จะเป็นแสนเป็นล้าน ไอ้ของพวกนี้มันก็คือขยะของไร่ตะวัน แล้วที่สำคัญ คนงานอย่างคุณไม่จำเป็นต้องใช้มันหรอก”
ตะวันเข้าไปหยิบกระเป๋า โรสรินเข้ายื้อทันที กระเป๋าเดินทางเปิดผั๊วะ ขนตาปลอม เครื่องสำอาง ฯลฯ ล้มกลิ้งกระเด็นออกมา
“ว๊าววว เครื่องสำอาง” อึ่งตื่นเต้น
“หมดกัน” โรสรินมองเครื่องสำอาง หยิบขนตาปลอมขึ้นมา “ชีวิตชั้นนนน”
“ไม่ได้ติดขนตาปลอม ไม่ถึงกับตายหรอก” ตะวันสั่งคนงานอีก “ขนไปทิ้งได้แล้ว”
คนงานกรูเข้าไปขนกระเป๋าแบรนด์เนมมากมายของโรสรินตามคำสั่งของตะวัน อึ่งเข้าไปช่วยด้วย แต่มีสีหน้าเจ้าเล่ห์ ยิ้มปลาบปลื้ม โรสรินจะเข้าไปห้าม แต่ส้นสูงปักดินก้าวเดินไม่ได้
“อย่านะ อย่าแตะต้องกระเป๋าฉัน”
คนงานขนกระเป๋าเดินออกไปเลย
“โห ไอ้ตะวัน โหดสุดๆ เลยว่ะ”
ชาญเหวอ ขณะที่โรสรินกำลังจี๊ดสสส์ถึงขีดสุด
“นาย นายตะวัน นายทำให้ฉันจี๊ดสสส์”
“ทำไม จี๊ดสส์แล้วไง”
“จี๊ดสส์แล้วก็งี้ไงล่ะยะ”
โรสรินผลักตะวันอย่างแรงลงโคลน
“เฮ้ยยย คุณ”
ตะวันล้มก้นจ้ำเบ้าเลอะดิน เลอะเทอะ ชาญ น้ำค้าง อึ่ง อาทิตย์ ช๊อกไปเลยที่เห็นโรสรินผลักตะวันก้นจ้ำเบ้า
“ปู่คะ คุณคนเนี๊ยะเหรอที่จะมาเป็นสะใภ้ไร่ตะวัน” น้ำค้างถามชาญ ชาญยังอึ้งๆ อยู่
“อือ หึ๊”
“ไม่มีทาง”
ตะวันกับโรสรินพูดพร้อมกัน ตะวันลุกขึ้น จ้องหน้าโรสรินอย่างหงุดหงิด
โรสรินยิ้มสะใจ จ้องหน้าสู้ตาไม่ยอมแพ้
อ่านต่อหน้า 4
กุหลาบร้ายของนายตะวัน ตอนที่ 1 (ต่อ)
ขณะเดียวกันที่โรงแรมควีนโรส ณรงค์กับยุนอาเดินหนี พีระตามถามซักไซ้อย่างไม่ลดละ
“โรซี่ไปไร่ตะวัน เมื่อไหร่ ไปทำไม ไปกี่วันครับ”
“ก็ คงไม่น้อยกว่าหนึ่งปี”
“หนึ่งปี แล้วผมจะอยู่ยังไงถ้าไม่มีโรซี่”
“ไม่ใช่เรื่องของฉัน จะตื๊ออะไรนักหนากลับไปได้แล้ว”
พีระเดินไปขวางไว้
“ไร่ตะวันอยู่ที่ไหนครับ”
“โรสไปอยู่ที่นั่นมันดีกับตัวโรสที่สุดแล้ว ถ้านายรักและหวังดีกับโรสจริงๆ อย่าแม้แต่จะคิดว่าจะไปตามตัวกลับมา”
“ผมเป็นแฟนโรซี่ ผมยอมให้โรซี่ไปอยู่กับนายนั่นไม่ได้ครับท่าน”
“เอ่อ คุณพีระคะ เชื่อท่านเถอะนะคะ อย่าทำให้ท่านจี๊ดสส์”
ณรงค์ชี้หน้า ขู่พีระ
“เลิกยุ่งกับเรื่องนี้ซะ ไม่งั้นฉัน จี๊ดดส์แน่”
แล้วณรงค์ก็เดินลิ่วออกไป ยุนอาเดินตามติด
“ถึงท่านจะจี๊ดส์ผมก็ผมต้องตามโรซี่กลับให้ได้”
พีระบอกอย่างมุ่งมั่น
บ้านพีระ พีระแนบโทรศัพท์มือถือที่หูรอฟังสัญญาณ แล้วก็หงุดหงิด อุษาวดีหันมองพี่ชายแล้วถอนใจทดท้อ
“โธ่เอ๊ย ติดซะทีสิขอร้องล่ะ”
พีระบ่นอย่างร้อนใจ
“ถ้าที่ไร่ตะวันนั่นไม่มีสัญญาณ กดจนมือหงิกก็โทรไม่ติดหรอก” อุษาวดีบอก
“แต่พี่ต้องถามคุณโรซี่ให้ได้ว่าไร่ตะวันอยู่ที่ไหน ไม่งั้นจะไปรับกลับได้ยังไง” พีระกดโทรหาโรสรินต่ออย่างร้อนใจสุดๆ“คุณอยู่ที่ไหน ผมจะบ้าตายอยู่แล้ว”
“อุษามีให้พี่แค่สองคำรับรองหาเจอชัวร์ๆ”
“อะไร”
“กู-เกิ้ล”
พีระยิ้มออก
“จริงด้วยลืมไปได้ยังไง อุษาวดีน้องรักพี่มีให้น้องสี่คำ”
“อะไร”
“หา-เดี๋ยว-นี้-เลย”
ว่าแล้วอุษาวดีก็พิมพ์ลงในแป้นคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊คคำค้นหาในกูเกิ้ล พีระชะโงกดูด้วยอย่างอยากรู้สุดๆ
ตะวันกำลังวักน้ำในตุ่มทำความสะอาดดินที่เปื้อนตามเนื้อตัว ตะวันใส่ผ้าขาวม้าอาบน้ำอยู่ สีหน้าบอกได้เลยว่าอารมณ์ไม่ดี แย้เดินเข้ามาหัวเราะขำ
“เฮ้อ หมดฟอร์มเลยลูกพี่เรา ก้นจ้ำเบ้าซะงั้น”
“งานนี้มีเอาคืนแน่ เออแย้ ไปสั่งคนให้เตรียมเสื้อผ้ามาให้ยัยโรสด้วย อยู่ที่นี่ก็ต้องใช้ชีวิตเหมือนคนที่นี่”
“ใจร้ายไปรึเปล่า คุณโรสจะต้องแต่งตัวบ้านๆ อย่างพวกเราเนี่ยนะเค้าจะรับได้เหรอลูกพี่ คุณโรสออกจะเป็นผู้หญิงรักสวยรักงาม สวยยี่สิบสี่ชั่วโมง”
“สวยแต่เปลือกนอกมันก็เหมือนดอกไม้พลาสติก หาความงามไม่เจอ เออ ว่าแต่แกพายัยแม่มดนั่นไปบ้านพักรึยัง”
“เรียบร้อย พอเห็นที่พักเท่านั้นแหล่ะ เชื่อมั้ย เอาแต่กรี๊ดกร๊าดกระตู้ฮู้”
“คงประทับใจในความสวยของไร่เราเหรอ”
“เจอตุ๊กแกตัวเบ้อเริ่ม” ตะวันยิ้มขำ
“แล้วตอนนี้ยัยนั่นอยู่ที่ไหน”
ชาญเดินยิ้มเข้ามาหา
“ปู่เห็นเดินเล่นแถวแปลงกุหลาบ น่ะ พาน้องเค้าเดินเล่นหน่อยสิ”
“ผมไม่ใช่ไกด์นะปู่ จะได้ลัลล้าพาเค้าเดินชมสวน อีกอย่างผมไม่ได้เป็นญาติกับเค้า เค้าไม่ใช่น้องผม”
“เฮ้อ ปู่แค่อยากให้แกพาหนูโรสสำรวจไร่ของเราหน่อย เผื่อหนูโรสจะมีไอเดียทำประโยชน์อะไรให้ไร่ของเราได้บ้างไง”
“ทำประโยชน์เหรอครับ ทำหายนะสิไม่ว่า”
โรสรินเดินแถวๆ แปลงดอกกุหลาบหันมองรอบๆ อย่างอารมณ์ยังไม่ดี
“กระเป๋า กระเป๋าของฉันอยู่ไหน ไอ้บ้าตะวัน ทำกับฉันแบบนี้ได้ยังไง โอ๊ย กุหลาบ กุหลาบ แล้วก็กุหลาบ ที่นี่มีแต่ดอกไม้รึไงเนี่ย”
“รองเท้าที่คุณใส่เดินไม่ถนัดหรอก”
ตะวันบอกพร้อมกับโยนรองเท้าบูท ตกลงใกล้ๆ โรสริน
“เสื่อม ไม่มีใครสอนมารยาทให้เหรอ โยนของให้คนอื่นแบบนี้เนี้ยนะ นิสัยเสีย”
“กับคนนิสัยเสียมันก็ต้องทำแบบนี้”
“ฉันไม่ใส่รองเท้าของนาย เอากระเป๋าฉันคืนมา”
ตะวันไม่สน เดินหนี โรสรินเดินตาม
“แถวนี้ดินมันนุ่ม ตรงนั้นก็มีโคลนมันเดินลำบากนะคุณ”
ตะวันพูดไม่ทันขาดคำส้นสูงของโรสรินก็ปักดินก้าวเดินแต่ละทีลำบากมั่กๆ ตะวันขำสะใจ โรสรินไม่ยอมแพ้ เลยขึ้นไปเดินบนแปลงดอกกุหลาบที่ปลูกไว้ขาย เพราะเดินง่ายกว่า
“คุณโรสผมขอสั่งให้ลงมา อย่าเหยียบดอกไม้ของผม”
“ฉันมองเห็นย่ะ ตาไม่บอด”
“จะลงไม่ลง”
“ไม่มีใครสั่งฉันได้ รู้ไว้ซะด้วย”
“พูดดีๆ ไม่ฟังใช่มั้ย ได้ ถ้าไม่ลงก็มาเดินในโคลนนี่เลย”
ตะวันเข้าไปหอบเอาตัวโรสรินลงมาแล้วจะวางลงบนพื้นโคลน
“ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้ ปล่อยๆๆ ไอ้บ้า ปล่อยนะ ไม่อย่า อย่าวางฉันลงตรงนั้น อ๊ายย ไม่เอา อี๋ สกปรก อย่า ไม่เอา อ๊ายยย”
โรสรินเลยเกาะกอดตะวันแน่น สองคนดูนัวเนียประหนึ่งว่ารักกันมาก โรสรินกับตะวันกอดกันแน่น โรสรินไม่ยอมให้เท้าเธอถึงพื้น มาลัยเดินถือต้นแก้วยิ้มเริงร่าเข้ามาพอดี
“พี่ตะวันขา มาลัยเอาต้นแก้วมาฝาก”
มาลัยเห็นเข้าถึงกับช๊อก มืออ่อนทำกระถางร่วงมือ โผล๊ะ
“มาลัย”
มาลัยตกใจพูดไม่ออก ก่อนที่จะกรี๊ดดดดดออกมาสุดเสียง
“อ๊ายยยยยย”
ชาญนั่งจิบชาอยู่ที่ชานบ้านถึงกับสำลักพรวดเพราะเสียงร้องของมาลัย น้ำค้างและอึ่งกำลังจัดแจกันดอกไม้ถึงกับเสียบผิดเสียบถูก อาทิตย์กำลังวาดรูปดอกไม้อยู่ถึงกับป้ายเลอะเฟรม หันขวับมองไปทางเสียงกรีดร้อง
แย้กำลังรดน้ำต้นไม้อยู่ถึงกับสะดุ้งเฮือก ตกใจฉีดน้ำใส่หน้าคนงาน
มาลัยยังร้องไม่หยุด เพราะภาพบาดตาบาดใจสุดๆ
“หยู๊ดดดด มาลัยหยุดได้แล้ว”
“พี่ตะวันปล่อยยัยนั่นเดี๋ยวนี้นะ”
มาลัยสั่งเฉียบขาด ตะวันทำท่าจะวางโรสรินลงพื้นดินโคลน
“ถ้านายปล่อยฉันลงตรงนี้ นายตาย”
“ปล่อยๆๆๆ ปล่อยเดี๋ยวนี้ อย่าให้องค์ลงนะขอบอก”
“โธ่เว้ย เอาไงดีวะเนี่ย”
มาลัยกรี๊ดแตกอีกครั้งทนไม่ไหวแล้วพรวดเข้าเข้ามาแยกโรสรินออกไป สามคนนัวเนีย ชุลมุนชุลเก
“ปล่อยเซ่ะ เกาะแน่นเป็นเห็บหมาเลยนะ ปล่อยมือออกเดี๋ยวนี้”
“ห๊ะ เห็บหมา เธอด่าฉันเป็นเห็บหมาเหรอ อ๊ายยย”
“ก็ใช่น่ะสิ เกาะเหนียวหนึบขนาดเนี้ย ไม่เห็บหมาก็ปลิงควายล่ะย่ะ”
“ห๊ะ ปลิงควาย มันจะมากไปแล้วนะ กล้าดียังไงห๊ะ”
“โอ๊ย ไม่ไหวแล้ววว อย่าทะเลาะกัน”
มาลัยเข้าไปฉุดกระชากดึงโรสริน โรสรินเกาะตะวันแน่นหนึบ แล้วในที่สุดตะวันเสียหลักทำโรสรินหลุดมือ มาลัยกับโรสรินล้ม ไถลลงไปบนแปลงปลูกกุหลาบเละ เลอะเทอะ
โรสรินตัวมอมแมมกำลังจี๊ดส์สุดๆ โมโหสุดๆ เดินลิ่วๆๆ ไป ตะวันเดินตามติด และมาลัยก็เดินตามตะวันอีกที
“คุณโรส หยุดคุยกันก่อน”
“ไม่จำเป็นต้องคุย ฉันจะกลับบ้านเดี๋ยวนี้”
ตะวันเดินไปขวางหน้าโรสรินไว้
“ถ้าผมจำไม่ผิด ในสัญญาระบุว่าถ้าคุณหนีกลับบ้านก่อนครบสัญญา 1 ปี ปู่คุณกับปู่ผมจะจัดงานแต่งงานให้เราทันที”
มาลัยตกใจเมื่อได้ยินคำว่าแต่งงาน
“แต่งงาน พ่อเจ้าแม่เจ้า จะบ้ารึไง พี่ตะวันกับยัยหน้าผ่องนี่จะต้องแต่งงานกันเหรอ มาลัยไม่ยอมนะ” มาลัยกำลังจะกรี๊ด โรสรินชี้หน้ามาลัย
“อย่ากรี๊ด ฉันไม่มีวันแต่งงานกับนายตะวันเด็ดขาด”
“ถ้าคุณก้าวเท้าออกจากไร่ตะวันเมื่อไหร่ คุณมีผมเป็นสามีแน่” โรสรินกำลังจะกรี๊ด ตะวันชี้หน้าโรสริน “อย่ากรี๊ด ผมไม่ยอมให้คุณหนี เพราะผมไม่อยากแต่งกับคุณเหมือนกัน” โรสรินชะงักกึกก้าวขาไม่ออก “ปู่คุณกับปู่ผมเอาจริงแน่ เอ๊ะ หรือว่า มันเป็นแผนจับผู้ชายดีๆ อย่างผมกันแน่ โอเค๊ ถ้าอยากนักล่ะก็ ผมยอมทำหน้าที่ของสามีสนองให้คุณจนหนำใจก็ได้”
“ฝันไปเถอะ เรื่องนี้ไม่มีวันเกิดขึ้น”
“คุณต้องรับผิดชอบที่ทำแปลงดอกกุหลาบย่อยยับ” ตะวันสั่งเสียงเข้ม
“ฝันไปเหอะ ให้ยัยนั่นทำไปสิ ฉันไม่ผิด”
มาลัยอ้อน กอดแขนตะวัน
“เค้าไม่ได้ตั้งใจนะ ก็คนมันหึงอ่ะ”
“ผมตัดสินเลยแล้วกัน” ตะวันพูดกับโรสริน “ถ้าคุณไม่ขึ้นไปเดินบนแปลง ดอกไม้ก็ไม่เสียหาย คุณมาที่นี่หน้าที่คือทำประโยชน์ให้ไร่ แต่กลับก่อความเสียหาย แบบนี้ใช้ได้ที่ไหน”
“แต่ว่า”
“ไม่มีแต่อะไรทั้งนั้น คุณต้องรับผิดชอบ ถ้าไม่อย่างนั้น ผมอาจจะไปเร่งรัดให้เกิดงานแต่งงานไวๆ ก็ได้ ว่าไงจะรับผิดชอบมั้ย”
บริเวณแปลงดอกไม้ โรสรินขุดดินด้วยเสียม ฟึ่บ! มันคือการขุดดินครั้งแรกในชีวิต ตะวันยืนชี้นิ้วสั่งการ มาลัยออเซาะอยู่ข้างๆ คนงานเริ่มแห่มามุงโรสรินกันใหญ่ ตะวัน มาลัย มองดูโรสรินที่เก้ๆ กังๆ ขุดไม่เป็น
“ปลูกกุหลาบกลับคืนที่เดิมของมันให้หมด”
“นี่หล่อนขุดดินนะยะไม่ใช่เขี่ยดิน”
โรสรินโมโหเขี่ยดินให้ไปโดนตัวมาลัย มาลัยร้องกรี๊ด ปรี่ไปจะเอาเรื่อง ตะวันห้ามไว้
“มาลัยเลิกกรี๊ดซะทีได้มั้ย”
“ห่วงเค้าจะแสบคอล่ะสิ” มาลัยอ้อน
“เปล่า หนวกหู”
มาลัยหุบปากหมับ สะบัดหันไปทางอื่นอย่างงอนๆ โรสรินขุดดินอย่างไม่เต็มใจ บ่นพึมพำ น่าสงสาร
“เป็นไปได้ไงที่คนอย่างฉัน ต้องมาทำอะไรแบบนี้” โรสรินบ่น น้ำตาจะไหล
ตะวันแอบเห็นโรสรินโดนแดดเผา ตะวันแอบสงสารเล็กๆ เดินเข้าไปหาแล้วถอดเชิ้ตตัวนอกคลุมให้โรสรินแบบลวกๆ โรสรินชะงักกึก
“เดี๋ยวจะเอาชีวิตไม่รอดก่อนครบ 1 ปี”
โรสรินโยนเสียมทิ้ง ถอดเสื้อตะวันก่อนเขวี้ยงใส่ก่อนที่จะแอบยิ้มร้ายๆ แล้วทำทีเหมือนจะเป็นลมวิงเวียนสุดๆ “โอ๊ย ฉันไม่ไหวแล้ว”
โรสรินเสแสร้ง ไม่ได้มีความเนียนเลย แล้วโรสรินก็ล้มพับไป ไม่วายเลือกมุมที่มีพื้นหญ้านุ่มๆ ทุกคนอึ้งไป
มาลัยหันขวับมาเห็น
“ต๊ายยย คนกรุงเทพมันไม่เคยเจอแดดรึไงเนี่ย แค่นี้ก็เป็นลม”
ตะวันหยิบผ้าขนหนูผืนเล็กของตัวเอง ไปจุ่มน้ำแถวๆ นั้น แล้วบิดน้ำใส่หน้าโรสริน โรสรินลืมตาดึ๋ง ร้องโวยวาย
ลุกพรวดขึ้น
“ทุเรศที่สุด นี่ฉันเป็นลมนะ ทำไมใจอำมหิตแบบนี้”
“คนเป็นลมที่ไหนเลือดฝาดยังเต็มหน้าแบบนี้ หลอกเด็ก เด็กมันยังไม่เชื่อเลยคุณ ไป อย่าเนียน อย่าเนือย ไปขุดดินเดี๋ยวนี้”
ตะวันชี้นิ้ว โรสรินเจ็บใจสุดๆ ยอมไปขุดดินอย่างเสียมิได้ กำลังเหวี่ยงสุดๆ ทุกคนแถวนั้นหลบดินที่โรสรินขุดกันจ้าละหวั่น ห่างออกไปไม่ไกลนัก ชาญ น้ำค้าง ยืนมองอยู่ ชาญยิ้มออกมาอย่างถูกใจ
“ปู่ยิ้มอะไรคะ สะใจที่พี่ตะวันแกล้งคุณโรสเหรอ” น้ำค้างถาม
“ใครว่าแกล้ง เจ้าตะวันช่วยดัดนิสัยหนูโรสอยู่ต่างหาก”
แต่แล้วชาญก็หน้าเศร้าอย่างเป็นกังวล
“อ้าว แล้วคราวนี้เศร้าอะไรล่ะคะปู่”
“หนูโรสธรรมดาซะที่ไหน กลัวว่าเรื่องมันจะบานปลายใหญ่โตน่ะซี้”
ชาญ น้ำค้าง ถอนหายใจพร้อมกัน เฮือก
โรสรินล้าง เช็ด เนื้อตัวที่สกปรกเลอะเทอะอยู่หน้าบ้านพัก ปากก็บ่นบ้าไม่หยุด
“ถ้าไม่มีเรื่องการแต่งงาน อย่าหวังเลยว่าฉันจะยอมนาย ฝากไว้ก่อนเถอะ”
ตะวัน น้ำค้าง ชาญ อึ่ง เดินเข้ามาใกล้ๆ
“ฝากประจำหรือว่าออมทรัพย์ล่ะ”
โรสรินหันขวับ
“เพื่อนเล่นเหรอ”
ชาญยิ้มให้โรสริน
“พักผ่อนนะหนูโรส ปู่ขอโทษแทนเจ้าตะวันมันด้วย ถ้ามันทำอะไรขัดใจหนูบ้าง”
“ไม่บ้างหรอก บ่อยเลยล่ะค่ะ”
น้ำค้างกับอึ่งช่วยวางถาดน้ำ หยิบน้ำให้โรสริน อึ่งดูประจบเอาใจโรสรินเป็นพิเศษ
“หนูชื่ออึ่งนะคะพี่นางฟ้าคนสวย พี่นางฟ้าเก่งมากนะคะที่ขุดดินกลางแดดแบบนั้นได้”
“นั่นสิ ขนาดคนงานสู้แดดไม่ไหวยังต้องสวมหมวกบังแดดเลย”
โรสรินเห็นมีคนเห็นใจก็แกล้งบีบน้ำตา เพื่อขอความเห็นใจ
“ฉันก็อยากทำให้ทุกคนได้เห็นว่าฉันมุ่งมั่นและตั้งใจจริงแค่ไหน ถึงแม้มันจะเป็นงานหนักมากสำหรับฉันก็ตาม แต่ยังไงฉันก็ไม่เหมาะกับงานพวกนี้” โรสรินหันมาหาชาญ “มีที่ทำงานในห้องแอร์มั้ยคะ”
โรสรินทำเป็นบีบน้ำตาให้น่าสงสาร ตะวันส่ายหน้า จิ้มที่หน้าผากกดปุ่ม “หยุด” โรสรินชะงัก
“หยุดโหมดดราม่าเดี๋ยวนี้ ไม่เนียนแล้วยังพยายามอีก คุณต้องทำงานเหมือนกับผม เหมือนกับพวกเราทุกคน”
“นี่มันไม่ใช่ชีวิตฉัน”
“แต่คุณเลือกมันเอง คุณก็ต้องยอมรับ เข้าใจใช่มั้ย พักผ่อนได้ เดี๋ยวนึกออกว่าจะใช้อะไรแล้วจะมาเรียก” ตะวันหยิบผ้าถุง เสื้อคอกระเช้าโยนให้ “เอ้านี่ เสื้อผ้าของคุณ”
โรสรินหยิบดูแล้วอยากจะกรี๊ด
“จะบ้าเหรอ ให้ฉันใส่ผ้าถุงกับ...”
“ขอให้คุณรู้ไว้ว่าต่อไปนี้ลืมชีวิตเดิมๆ ของคุณหนูโรสรินได้เลย”
“เผด็จการ บ้าอำนาจ รอให้ถึงทีฉันบ้างก็แล้วกัน”
แล้วตะวันก็ดึงมือชาญกับน้ำค้างออกไปเลยอึ่งเดินตามไป โรสรินหงุดหงิดสุดๆ จะร้องไห้เดินกลับเข้าบ้าน แต่ก็ต้องชะงักเพราะเห็นอาทิตย์ยืนแอบๆ อยู่มุมหนึ่ง โรสรินตวัดสายตามองดุๆ
“มองอะไร” อาทิตย์ยังจ้องมองโรสรินที่เป็นคนแปลกหน้าสำหรับเขา “เป็นใบ้รึไง หรือว่าหูหนวก ไม่ได้ยินที่ฉันพูดเหรอ” อาทิตย์ไม่ตอบ ยังคงจ้องมองโรสริน โรสรินครุ่นคิด แสร้งหวานใส่นิดๆ “อ๋อ อย่าบอกนะว่าอยากจะมาเป็นเด็กรับใช้ฉัน ชื่ออะไรล่ะเราน่ะ” อาทิตย์ได้แต่มองโรสริน แต่ไม่พูดอะไรสักคำ “แน้! พูดด้วยก็ไม่พูดด้วย ทำไมแถวนี้มีแต่คนติงต๊องห๊า”
อาทิตย์ยังไม่ไปไหน โรสรินรำคาญเดินกระฟัดกระเฟียดขึ้นบ้านไปเลย
โรสรินอยู่ในชุดผ้าถุง เสื้อคอกระเช้า โรสรินน้ำตาซึมๆ ปาดน้ำตาอย่างเศร้าสุดๆ
“นี่เหรอชีวิตคุณหนูโรสริน ผ้าถุง คอกระเช้า ไร่ตะวัน ธรรมชาติป่าเขา ไม่ใช่ ไม่ใช่เลย” โรสรินปาดน้ำตา ชักงอแง “คุณปู่ขา โรสอยากกลับบ้าน นรกกำลังจะเริ่มต้นขึ้นแล้ว โรสจะอยู่ที่นี่ได้ยังไง” สักพักเสียงหมาหอนดังขึ้นโหยหวน โรสรินสะดุ้งเฮือก เริ่มกลัวๆ ขึ้นมา “ห๊ะ หมาหอน! อย่านะ อย่าบอกนะว่า…”
พลันโรสรินได้ยินเสียง ฝีเท้าคนเดินจังหวะแปลกๆ ก๊อกๆๆๆ ดังอยู่หน้าประตูห้อง
“ใครน่ะ ใคร ฉันถามว่าใคร” เสียงฝีเท้าหยุดลง สักพักก็ดังขึ้นอีก โรสรินชักกลัวๆ ขึ้นมา ผงะติดฝาห้อง สักพักเสียงวัตถุหนักๆ ดังกระทบพื้นตุ้บ “อ๊ายยยย”
สักพักเสียงลึกลับปริศนาร้องโหยหวนดังขึ้น
“ช่วยยยย ด้วยยย ช่วยด้วยยยย”
“ใคร ใครน่ะ ฉันถามว่าใคร” โรสรินพนมมือกลัวๆ “พุธโธๆๆๆ ที่นี่มีผีด้วยเหรอเนี่ย โอ๊ยยย”
ประตูลูกบิดสั่นไหวเหมือนมีใครพยายามจะเข้ามา โรสรินกลัวมากสติแทบหลุด ผ่าง..ประตูเปิดเข้ามา อึ่งคลานเข้ามาในห้องสีหน้าเจ็บปวด เท้าใส่รองเท้าส้นสูง หน้าตาเลอะเทอะไปด้วยเครื่องสำอาง ใส่ขนตาปลอมยังกับตุ๊กกี้ แถมปากยังแดงแจ๊ดราวกับไปกินเลือดไก่ที่ไหนมา
“อ๊ายยยย ผี ผีๆๆๆ”
โรสรินร้องลั่นด้วยความตกใจ อึ่งร้องโอดโอย
“อึ่งเองงงงง ช่วยอึ่งด้วยยยย”
โรสรินสติกลับมา มองอึ่งดีๆ
“ห๊า ยัยอึ่ง ไปกินไก่ที่ไหนมา”
“ไม่ช่ายยย”
โรสรินจ้องอึ่งอย่างเหวี่ยงๆ อึ่งเอาผ้าเช็ดเครื่องสำอางออกจากหน้า
“อึ่งเห็นเครื่องสำอางของพี่นางฟ้าตกอยู่ก็เลยเอามาคืนให้ แต่อดใจไม่ไหวขอแต่งสวยนิสสสนึง”
“สวยแล้วเหรอ ฉันนึกว่าแต่งหน้าไปงานฮัลโลวีน”
“แหม เม้าท์อ่ะ เอ้อ กระเป๋าของพี่นางฟ้าถูกฝังกลบดินไปแล้วมั้งอึ่งหาไม่เจอ แต่ก็เจอส้นสูงแค่คู่เดียว เดินย๊ากยาก ล้มหัวทิ่มเจ็บตู๊ดชะมัด” อึ่งคลำก้นป้อยๆ
“ทำไมต้องมาทำดีกับฉัน ที่นี่ไม่เห็นมีใครอยากจะดีกับฉันเลย”
“เพราะพี่นางฟ้าสวย สวยกว่าทุกคนที่รู้จักเลย อึ่งรู้สึกว่าเราต้องเป็นพี่น้องกันเมื่อชาติก่อนแน่ๆ”
“แต่เธอแอบไปเอาของพวกนี้มาคืนฉัน ถ้านายตะวันบ้านั่นรู้เข้าเดี๋ยวเธอก็โดนดุหรอก”
“เพราะอึ่งเข้าใจพี่นางฟ้าไง พี่นางฟ้าคงจะอยากสวย”
โรสรินขำปนหมั่นไส้
“ใช่ ผู้หญิงน่ะอย่าหยุดสวยรู้มั้ย” โรสรินนึกสนุกอะไรบางอย่าง “แล้วอยากสวยมั้ยเธอน่ะ ฉันช่วยได้นะ”
“อั๊ยหยะ ช่วยได้เหรอ เอาๆๆๆ” อึ่งบอกอย่างดีใจ
โรสรินแต่งหน้าให้กับอึ่ง ราวกับกำลังแต่งหน้าให้ตุ๊กตา สีหน้าโรสรินมีความสุข โรสรินปิดตาอึ่งอยู่ อึ่งตื่นเต้นๆ
โรสรินเปิดมือออก
“ลืมตาได้” อึ่งเห็นตัวเองในกระจก โรสรินแต่งหน้าให้สวยมากๆ อึ่งปลื้มสุดๆ “เป็นไง บอกตรงๆ นะ ฝีมือฉันนี่ระดับเมคอัพอาร์ติส”
“นังผู้หญิงในกระจกเป็นใครเนี่ย สวยเว่อร์ค๊า”
“จำไว้เป็นผู้หญิงน่ะ…”
“อย่าหยุดสวย” โรสรินกับอึ่งพูดออกมาพร้อมกัน
“ไปได้แล้วไป ฉันจะพักผ่อน อ้อ ส้นสูงคู่นั้นน่ะ ฉันยกให้”
อึ่งยิ้มดีใจ ยกมือไหว้
“ขอบคุณค๊า ฝันดีราตรีสวัสดิ์นะค๊า”
อึ่งก็เดินเขยกๆ โยกเยกเพราะใส่ส้นสูงออกไป โรสรินยิ้มมองขำๆ ปนสมเพช จังหวะที่โรสรินหันไปมองที่กระจก พลันก็ตาโตดึ๋งอย่างตกใจ โรสรินยื่นหน้าเกือบติดกระจก จับแก้มตัวเองอย่างตระหนก
“ห๊ะ” โรสรินเห็นจุดด่างดำ เล็กๆ ที่ใบหน้าตัวเอง โรสรินช๊อกมาก “ไม่ม่ม่ม่ ไม่จริง ไม่ สิว สิว จุดด่างดำ หน้าฉัน หน้าฉัน ไม่....”
โรสรินร้อนรนใจมาก เดินเลี่ยงหลบคนงานที่นั่งเล่นดนตรี ร้องเพลงกันอยู่ โรสรินเดินเร็วมองซ้าย ขวา เห็นว่าไม่มีใครตามมา โรสรินเดินมาถึงรถสปอร์ตก็รีบขึ้นรถจะขับออกไป
“หมอๆ หมออยู่ไหน หน้าฉัน หน้าฉัน ไม่ม่ม่ม่ หมอ หมออยู่ไหน”
โรสรินสตาร์ทรถแล้วเหยียบคันเร่งรถพุ่งออกไปอย่างแรง แถวนั้นเป็นเล้าหมู เล้าเป็ด ไก่ โรสรินไม่สนพุ่งเฉี่ยวชนเล้าหมูบรรดาลูกหมูแตกตื่น วิ่งหนีอลหม่าน
คนงานที่อยู่แถวนั้นรีบวิ่งออกมาดูไล่จับ หมู เป็ด และไก่เป็นพัลวัล
รถสปอร์ตของโรสรินพุ่งเข้ามาเบรกเอี๊ยดหน้าประตูรั้วเหล็ก ประตูปิดล็อคลงกลอนหนาแน่น โรสรินไม่นึกว่าจะมาตายน้ำตื้น
“ไม่มีอุปสรรคอะไรหยุดยั้ง ความสวยของฉันได้”
โรสรินเข้าเกียร์ถอยหลัง รอถอยหลังได้ระยะ โรสรินยิ้มมั่นใจ เข้าเกียร์แล้วเหยียบคันเร่งอย่างแรง จะพุ่งชนประตู แต่แล้วพลันโรสรินก็เบรกเอี๊ยด สีหน้าหวาดเสียว จับหัวใจตัวเอง
“ถ้ารั้วทับขึ้นมาได้ลงข่าวหน้าหนึ่งแน่ โอ๊ย ทำยังไงดีนะ”
พลันรถของเดชาขับผ่านเข้ามาพอดี แล้วมาจอดที่หน้าประตูรั้ว เดชา ล่ำ แหลม ลงจากรถเดินเข้ามาดู โรสรินเห็นเดชาก็จำได้
“นาย”
โรสรินรีบลงจากรถเดินเข้าไปหา เดชาอมยิ้มมองโรสรินในชุดเสื้อคอกระเช้า
“ชุดนอนคุณเหรอ? สวยแปลกตาดีนะ”
โรสรินอายเหมือนกัน
“ชุดขับรถเล่นของชั้นย่ะ”
เดชาแปลกใจ มองรถโรสรินและมองรั้ว
“คุณคิดจะทำอะไร อย่าบอกว่าจะขับรถพังรั้ว”
“ใช่ อย่างที่นายคิดนั่นแหล่ะ นายมาทำอะไรแถวนี้”
“นี่มันก็ถนนเส้นหลัก ทำไมผมจะผ่านไปผ่านมาแถวนี้ไม่ได้ล่ะครับ คุณมีอะไรให้ผมช่วยรึเปล่า”
“มี ช่วยพังรั้วนี่หน่อยได้มั้ย ฉันต้องออกจากที่นี่ให้ไวที่สุด” เดชามองสงสัย
“ทำไม”
“อย่าถามมากได้มั้ย ถ้าช่วยไม่ได้จะไปไหนก็ไป”
เดชาล้วงปืนสั้นออกมาจากหลังกางเกง โรสรินตกใจ
“ปืน นาย นี่ นายเป็นใคร เป็นเจ้าพ่อ มาเฟีย โจร หรือว่ามือปืน”
“เป็นพลเมืองดีที่พกปืนถูกกฎหมายไว้ป้องกันตัว และมันก็จะช่วยพังกุญแจรั้วให้คุณได้ ถอยไปห่างๆ”
เดชาขึ้นนกจะเหนี่ยวไกยิงกุญแจรั้ว โรสรินหน้าเครียด ครุ่นคิดถึงกฎข้อสำคัญที่ณรงค์กับชาญได้ทำสัญญากันไว้
“เดี๋ยวววว”
โรสรินนึกถึงเหตุการณ์ตอนที่ปะทะคารมกับตะวัน
“ถ้าผมจำไม่ผิด ในสัญญาระบุว่าถ้าคุณหนีกลับบ้านก่อนครบสัญญา 1 ปี ปู่คุณกับปู่ผมจะจัดงานแต่งงานให้เราทันที”
“ฉันไม่มีวันแต่งงานกับนายตะวันเด็ดขาด”
“ถ้าคุณก้าวเท้าออกจากไร่ตะวันเมื่อไหร่ คุณมีผมเป็นสามีแน่”
เดชายังชะงักอยู่ไม่ยิงกุญแจ โรสรินหงุดหงิด
“ไม่ต้องแล้ว ฉันเปลี่ยนใจแล้ว ฉันไม่ไปทั้งนั้นแหล่ะ”
โรสรินหันหลังเดินกลับขึ้นรถ แล้วขับกลับเข้าไร่ตะวันทันที เดชามองโรสรินอย่างสงสัย
“ผู้หญิงคนนี้เป็นใคร มาทำอะไรที่ไร่ตะวัน”
ตะวัน ชาญ น้ำค้าง แย้ มองความพินาศย่อมๆ อย่างช๊อกๆ คนงานวิ่งไล่จับตะครุบลูกหมูดูเลอะเทอะวุ่นวายไปหมด
“อยู่ๆ พี่โรสเกิดจี๊ดสส์อะไรขึ้นมาเนี่ย”
“ตะวัน อย่าจัดหนูโรสเค้าหนักนักนะ เอาแค่เบาะๆ ก็พอ”
“ไม่ต้องห่วงครับปู่ เดี๋ยวผมกับไอ้แย้จะออกไปเยี่ยมลูกคนงานที่ไม่สบายแล้วพอกลับมาเมื่อไหร่ ยัยกุหลาบร้ายได้ชดใช้อย่างหนักแน่”
“มาวันแรกก็ขยันออกฤทธิ์ซะแล้ว คุณโรสนะคุณโรส”
แล้วตะวันกับแย้ก็เดินออกไป
“เหมือนพี่โรสเค้าจะขับรถหนีออกจากไร่เลยนะคะปู่” น้ำค้างพูดกับชาญ
“ก็ลองหนีดูสิ แกกับปู่ได้เสียตังค์ตัดชุดไปงานแต่งแน่ๆ”
“แค่นึกภาพก็สยองแล้ว บรื๋ออ”
รถตะวันพุ่งเข้ามาอย่างแรง ตะวันเหยียบเกินร้อยออกมาอย่างโมโห แย้ที่นั่งอยู่ข้างๆ ถึงกับใจคอไม่ดี
“โอ๊ย จะรีบเหาะไปไหน” แย้พนมมือ “คุณพระคุณเจ้าช่วยลูกด้วย ลูกแย้ยังไม่อยากตาย”
“รีบไปทำธุระให้เสร็จ จะได้รีบกลับมาดัดนิสัยยัยโรสไง”
แต่ไม่ทันไร รถตะวันเบรกซะจนแย้หัวแทบทิ่ม
“โธ่ลูกพี่ อยู่ๆ จะจอดก็จอดเฉย”
ตะวันชี้ให้แย้ดูรถคันหนึ่งที่จอดแอบอยู่ ไม่ไกลจากทางเข้าป่าชุมชนที่รกและเปลี่ยวสงัด
“รถพวกไอ้เดชา”
“ดึกดื่นป่านนี้ ไอ้พวกนั้นมันมาจอดรถแถวนี้กันทำไม”
“ทำชั่วน่ะสิ”
ตะวันก็เปิดเก๊ะหยิบปืนออกมา ดับเครื่อง แล้วลงจากรถไปทันที แย้ตกใจ
“เฮ้ยยย ลูกพี่”
แย้รีบผลุบจากรถตามตะวันไป
ตะวันย่องเข้าไปในป่า พยายามให้แผ่วเบาแนบเนียนที่สุด แย้ตามมาคว้าตัว
“อย่าเลยลูกพี่ ถ้าโป้งป้างมีใครตาย ติดคุกหัวโตพอดี”
ตะวันสีหน้าเครียดขึ้นมา
“ไม่ต้องกลัวหรอกน่ะ ฉันก็แค่ป้องกันตัว”
“โอ๊ยยย ตายแล้ว ตายๆๆๆ แล้วถ้าป้องกันไม่ได้ พลาดมาโดนไอ้แย้ มีหวังซี้แหง๋แก๋นะลูกพี่”
“ถ้ากลัวก็ไม่ต้องตามมา จะให้ฉันปล่อยให้พวกมันทำชั่วทำเลวได้ตามใจใช่มั้ย ไม่มีทาง”
ตะวันหุนหันเข้าป่าไป แย้ทำหน้าอยากตาย
“ลูกพี่ใคร ทำไมดีเดือดแบบนี้วะเนี่ย”
แล้วแย้ก็ตามเข้าไปอย่างเสียมิได้
ในป่ามีแสงไฟจากไฟฉายและมีเสียงการเคลื่อนไหวดังมาจากด้านหนึ่ง ใกล้ต้นไม้ใหญ่เห็นกลุ่มคนเงาตะคุ่ม 4 คน กำลังง่วนทำบางอย่าง ตะวัน แย้ แอบมองอยู่ไกลๆ ตะวันหยิบมือถือขึ้นมากดโหมดถ่ายคลิป
“พวกแกดิ้นไม่หลุดแน่”
ตะวันถ่ายคลิปอยู่หามุมถนัดเราเห็นว่ามีเถาวัลย์ห้อยอยู่เต็มแถวนั้น
“แย้ฉันถ่ายไม่ถนัด เอาเถาวัลย์ออกให้ที”
“จัดให้ครับลูกพี่”
แย้เขี่ยเถาวัลย์ออกให้ แต่ทว่ามีงูเลื้อยห้อยหัวลงมา แย้จับๆ สงสัย
“ทำไมนิ่มๆ ลื่นๆ วะ” แย้จับงู มองใกล้ๆ “อ๋อ ไม่ใช่เถาวัลย์ นี่มันงู” แล้วแย้ก็นึกได้ “ว๊ายยย งู”
ตะวันสะดุ้งเฮือก รีบหันมาเอามืออุดปากแย้
“ไอ้บ้า แหกปากทำไม”
ไม่ทันซะแล้ว กลุ่มชายฉกรรจ์ได้ยินเสียง หันมามองกันล่อกแล่ก
“ใครวะ”
ล่ำใจร้อนยิ่งปืนออกมาทันที ปัง ปัง ปัง ตะวันคว้าตัวแย้ก้มหลบกระสุนได้หวุดหวิด ใบ้ไม้ปลิวกระจาย แย้จูงมือตะวันลากวิ่งซอกแซกไปอย่างเร็ว
“โถ่เอ๊ย ไม่ทันได้หลักฐานเลย” ตะวันบ่นอย่างเสียดาย
“โถ่ เดี๋ยวก็ได้หลักฐานการตายของเราแทนหรอก หนีก่อน”
ตะวัน แย้ พากันวิ่งหนีออกไป เดชา ล่ำ แหลม สมุนสองคนตามเข้ามา
“อย่าให้พวกมันหนีไปได้ ไป”
“ครับเสี่ยเด”
ตะวัน แย้ วิ่งออกมาเกือบถึงทางออกป่า
“ออกจากป่าได้ก็รอดแล้วโว้ย”
พลันลูกน้องเดชาสองคน วิ่งเข้ามาดักหน้าไว้ ตะวัน แย้ จะหันหลังหนีก็เห็นเดชา ล่ำ แหลม ดักทางขวางไว้
เดชาเดินเข้าไปหา ส่องไฟฉายใส่ แล้วแสยะยิ้ม
“ตะวัน แกนั่นเอง”
ล่ำ แหลม เล็งปืนขู่ตะวันกับแย้ไว้ ตะวันเผชิญหน้ากับเดชา จ้องหน้ากันแบบไม่มีใครสยบให้ใครก่อน ตะวันเล็งปืนขู่พวกของเดชาบ้าง
“พวกแกอย่าซ่านะเว้ย เดี๋ยวลูกพี่ฉันยิงตับแตก ไปเลย ถอยไป” แย้บอก
“ทิ้งปืนซะ ฉันอาจจะปรานีไม่ให้พวกแกต้องเป็นศพ ทิ้งปืน” ตะวันห่วงความปลอดภัยของแย้ พวกของเดชาเล็งปืนขู่ไว้หมด ตะวันยอมทิ้งปืน “พวกแกคิดจะทำอะไร”
“ฉันต้องถามแกมากกว่าว่าคิดจะทำอะไร”
“ก็แค่หาของป่า”
เดชาคว้าโทรศัพท์มือถือตะวัน ตะวันจะแย่งคืน แต่ก็ต้องหยุดเพราะล่ำกับแหลมทำท่าจะลั่นไกปืน เดชาเปิดโทรศัพท์กดดูคลิป เดชายิ้ม โยนมือถือขึ้น แล้วควักปืนยิงโทรศัพท์ ปัง! แตกกระจาย
“แค่หาของป่า ทำไมต้องทำลายหลักฐาน”
เดชาจ้องหน้าตะวัน
“ฉันแค่ไม่ชอบให้ใครแอบถ่าย”
ลูกน้องเดชากลุ่มหนึ่งเดินแบกลังไม้ยาวๆ มีผ้าคลุม เดินเข้ามา
“คนของนายขนอะไร ขอดูหน่อยสิ ถ้าแค่หาของป่าก็ไม่น่าจะต้องปิดบังกัน”
“ของๆ ฉัน ฉันจะให้ดูหรือไม่ให้ดูก็ได้” เดชาส่งสายตาไปที่ลูกน้อง “เอาของไปเก็บที่รถ”
ตะวันเห็นเดชาเผลอ ผลักเดชาออกแล้วปราดไปกระชากผ้าคลุมกล่องออก
“หาของป่า เค้าคงไม่ต้องใช้เลื่อยกันแบบนี้หรอก”
ผ่าง! ตรงหน้าไม่มีเลื่อยอย่างที่คิด เป็นเพียงมีดพร้าธรรมดาอีก 2-3 เล่ม ตะวันอึ้ง เหวอไป เดชามองตะวันด้วยสีหน้าเหนือกว่าขึ้นมาทันที เดชากระชากคอเสื้อตะวัน
“ถ้าปรักปรำกันมากกว่านี้ ฉันไม่ใจดีแบบเมื่อกี๊นี้แน่”
ตะวันจ้องหน้าเดชาอย่างไม่กลัว
“ไม่มีก็แล้วไป แต่ถ้าใครลอบตัดไม้ในเขตนี้ ฉันจะเอามันเข้าคุก”
“ลูกพี่ อย่า แย้ขอเหอะนะ เดี๋ยวพวกมันตกใจทำปืนลั่นใส่หรอก”
ล่ำกับแหลมลูกน้องเดชาเข้ามาช่วยจับตะวันกับแย้ไว้ เดชากำลังจะอัดตะวันให้หายแค้น
“ถ้าพูดไม่รู้เรื่อง คงต้องสั่งสอนกันหน่อย! ขยี้ไอ้สองตัวนี้ให้เละ”
ตะวัน กับแย้ตั้งท่าสู้ เดชา ล่ำ แหลม และลูกน้องเดชา ล้อมกรอบสองคนไว้