xs
xsm
sm
md
lg

เสน่หาสัญญาแค้น ตอนที่ 6

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


เสน่หาสัญญาแค้น ตอนที่ 6 

ปานตะวันโทรหาประกายเดือนด้วยสีหน้ากังวัล
"เดือน..ทำไมไม่รับสาย? เป็นอะไรรึเปล่า?" ปานตะวันพยายามโทรด้วยความกังวัลใจมาก "เดือน!! รับสายพี่สิ!”
ในที่สุด ปานตะวันก็ตัดสินใจลุกพรวดออกจากห้องไป


ปานตะวันเปิดประตูโครมให้กับใครคนหนึ่ง
ปานตะวันตกใจมาก "คุณ!”
คนๆ นั้นคือ ‘อัครินทร์’
อัครินทร์กุมหัวป้อยๆ "อูย..”
ปานตะวันตกใจแล้วก็ปราดเข้าไปดูแลตามสัญชาตญาณ "คุณอัค!! เป็นอะไรมากรึเปล่าคะ?”
"โอเค.ครับ ไหวอยู่"
"ฉันไม่ได้ตั้งใจจริง ๆ ฉันขอโทษนะคะ” ปานตะวันบอก
อัครินทร์ส่ายหน้ายิ้มๆ "ผมก็ไม่เป็นไรจริงๆ"
"ถ้างั้น..ฉันขอตัวนะคะ" ปานตะวันจะวิ่งออกไป
อัครินทร์เรียกไว้ "เดี๋ยวครับ..”
ปานตะวันชะงักแล้วหันมา "คะ?”
"คุณตะวันจะรีบไปไหนครับ?”
"เอ่อ..คือ" ปานตะวันตัดสินใจบอก "ฉันทราบว่ามันไม่สมควรตามสัญญาฉันจะต้องค้างคืนอยู่ที่นี่แต่..ฉันขอร้องเถอะนะคะ ฉันติดต่อน้องสาวฉันไม่ได้ ฉันกลัวว่าน้องจะเป็นอันตราย ฉันขอออกไป"
"ไม่ได้หรอกครับ!!" อัครินทร์บอก ใบตองผ่านมาได้ยินก็รีบหลบเพื่อแอบฟัง "ผมให้คุณออกไปไม่ได้"
ปานตะวันอึ้ง "คุณอัครินทร์คะ..ฉันขอร้อง..ฉัน..”
"ผมจะให้คุณออกไปทั้ง ๆ ชุดนอนแบบนี้ได้ยังไง?”
ปานตะวันอึ้ง เธอก้มมองชุดนอนตัวเองแล้วก็มองหน้าอัครินทร์ อัครินทร์เลิกคิ้วให้เป็นเชิงถามว่า ‘จริงมั้ย?’
ปานตะวันดีใจและซึ้งใจ "ขอบคุณค่ะ ขอบคุณคุณอัคมากค่ะ"
พูดจบปานตะวันก็พรวดเข้าห้องไปอย่ารวดงเร็ว อัครินทร์ยิ้มน้อย ๆ ใบตองตาโตมาก


รถอัครินทร์วิ่งฉิวไปบนถนนที่โล่ง อัครินทร์ที่นั่งในรถเหลือบมองปานที่ตะวันที่ยังพยายามโทร.หาประกายเดือนอย่างร้อนใจ
"ยังไม่รับสายเหรอครับ?”
"ค่ะ" ปานตะวันแทบจะหมดแรง "ฉันไม่น่า.." ปานตะวันน้ำตาจะไหล "ฉันไม่น่าทิ้งเดือนมาเลย"
อัครินทร์มองด้วยความเห็นใจ "ใจเย็น ๆ นะครับ คุณเดือนอาจจะติดธุระอะไรอยู่ก็ได้"
"ดึกป่านนี้แล้ว เดือนคงไม่มีธุระที่ไหนแล้ว" ปานตะวันสะอื้น "ฉันผิดเอง ฉันไม่น่าตัดสินใจแบบนี้นี่เป็นครั้งแรกในชีวิตที่เรา 2 คนพี่น้องต้องห่างกัน..แล้วมันก็เกิดเรื่องขึ้นจริงๆ"
อัครินทร์ไม่รู้จะทำยังไง "ถ้าจะผิด..ที่บ้านผมก็คงจะต้องผิดด้วย"
ปานตะวันหันไปมอง "อะไรนะคะ?”
"ก็ถ้าพวกเราไม่ขอให้คุณตะวันมาช่วยดูแลยัยนารถ ก็คงไม่เกิดเรื่องแบบนี้"
ปานตะวันอึ้ง "คือ..ฉัน..ฉันไม่ได้จะโทษพวกคุณนะคะ"
"ผมก็ไม่อยากให้คุณโทษตัวเองเหมือนกัน" อัครินทร์ยิ้มน้อย ๆ "คิดบวก ให้กำลังใจตัวเองก่อนจะดีกว่า เผื่อว่ามันอาจจะไม่มีเรื่องอะไรรุนแรงเกิดขึ้นกับคุณเดือนก็ได้"
ปานตะวันถอนใจเฮือกด้วยสีหน้าที่ยังกังวัลแต่ก็พยายาม "ค่ะ.." ปานตะวันกดโทรศัพท์อีก "รับสิเดือน..”
อัครินทร์เหลือบมองแล้วยิ้มน้อย ๆ ในความพยายามของตะวัน
ปานตะวันบ่น "ดึกป่านนี้แล้ว..ไปทำอะไรอยู่ที่ไหนนะเดือน"


วีวี่กำลังโชว์ลีลาสเต็ปเกาหลีบนเวทีกลม ๆ ย่อม ๆ ตรงหน้านัครินทร์
วีวี่เต้นไปถามไป "ชอบมั้ยก๊ะโอปป้า?? ชอบมั้นก๊ะ?”
นัครินทร์ถอนใจเฮือก เคที่ทำหน้าเบ้
"แหวะ!! อย่าไปดูมัน..นัคกี้..Scary!" เคที่ทำเสียงหวาน "ดูเคที่ดีกว่านะ เคที่ Amazing กว่าเยอะ"
พูดจบเคที่ก็ปรี่ขึ้นเวทีแล้วกระแทกวีวี่อย่างแรง เพลงเกาหลีหยุดกระทันหัน
“Get out !! หลบไป"
วีวี่ไม่ยอม "ว้าย!! นังฝรั่งรถถัง แกทำอะไรของแกก๊ะ"
“Shut up!! หุบปาก" เคที่ตะโกน "มิวสิค"
เพลงฝรั่งดังขึ้น เคที่โชว์ลีลาที่คิดว่าเซ็กซี่สุดชีวิต วีวี่ไม่ยอมโชว์ลีลาแข่งเบียดบี้กันอยู่บนเวที นัครินทร์ปวดกบาล ประกายเดือนขำกิ๊ก นัครินทร์หันขวับมาตาเขียว ประกายเดือนเบะปากใส่ก่อนจะหันไปจ๊ะจ๋ากับแดน
แดนยิ้มๆ "คุณนัคกี้โชคดีจังนะครับมีแฟนน่ารักทั้ง 2 คนเลย เต้นรำเก่งด้วย"
นัครินทร์จะเถียง "เฮ้ย..ไม่ใช่นะครับ..คือว่า"
"จริงค่ะ..ท่านรองฯโชคดีมากๆ "ประกายเดือนลากเสียงยาว
นัครินทร์ของขึ้นจึงงอน "นี่..ใครขอความเห็น?”
"เอ๊า! ดิฉันพูดความจริง" ประกายเดือนกัด "ตามที่เห็น"
พูดจบประกายเดือนก็หันไปมองบนเวที เธอเห็นทั้งสองเต้นกันเหยๆ ประกายเดือนขำก๊าก นัครินทร์กอดอกอย่างเคืองๆ แล้วก็ไหลตัวลงกึ่งนั่งกึ่งนอนอย่างเซ็ง ๆ
"คุณดีดี้ล่ะครับ นั่งนาน ๆ เบื่อแย่ ไปเต้นรำกันดีมั้ยครับ" แดนชวน
นัครินทร์ไถตัวขึ้นทันที "เฮ้ย!! ไม่ดี เอ๊ย!! ไม่ใช่ เลขาฯผมเต้นรำไม่เป็นหรอกฮะคุณแดน"
"อะไรนะ?” ประกายเดือนถาม
นัครินทร์รีบ "จริง!! คุณแดน ดูทรงแกสิ เลขาฯผมแกออกจะป้าซะขนาดนี้ ดูแต่งเนื้อแต่งตัว แกเป็นคนเรียบร้อย..เชย..ถึงขั้นเชย..เชยมากถึงมากที่สุด ไม่มีทางจะเต้นรำเป็น!! เชื่อผม"
ประกายเดือนเหวอที่เจอใส่ไฟเป็นชุด
แดนเหมือนจะเชื่อ "จริงเหรอครับคุณดีดี้"
ประกายเดือนจ้องนัครินทร์ นัครินทร์เบะปากใส่ “เป็นไงล่ะ”
"เดี๋ยวรู้ค่ะ.คุณแดน"
พูดจบก็ลุกทันที
"เฮ่ย!! นี่คุณจะทำอะไรของคุณ?”
ประกายเดือนก้มลงพูดใส่หน้า "ดู!! เดี๋ยวรู้"
นัครินทร์อึ้ง ประกายเดือนเดินขึ้นเวทีแล้วผลักทั้งสองสาวกระเด็นลงมา ดนตรีหยุด ผู้คนฮือฮา นัครินทร์กับ แดนตั้งตาดู
"มิวสิค!” ประกายเดือนบอก
เสียงเพลงดังขึ้น ประกายเดือนถอดสูทตัวนอกออกเผยให้เห็นชุดสีแดงแสนเซ็กซี่ขยี้ใจ นัครินทร์ตาค้าง แดนตะลึง ผู้คนฮือฮา ประกายเดือนโชว์ลีลาแด๊นซ์ราวมืออาชีพแถมลงมาลากแดนขึ้นไปลูบไล้บนเวที สร้างความปวดร้าวให้แก่นัครินทร์มาก สุดท้ายประกายเดือนก็ทำท่าจบด้วยท่ากอดรัดแดน ผู้คนปรบมือเกรียวกราว ประกายเดือนส่งสายตาและทำหน้าท้าทายใส่นัครินทร์ นัครินทร์แทบอยากจะกัดลิ้นตาย

รถนาคินทร์จอดอยู่ อัครินทร์กับปานตะวันนั่งอยู่ในรถ อัครินทร์ยื่นกาแฟให้
"ทานซะหน่อยครับ" อัครินทร์บอก
ปานตะวันส่ายหน้า "ขอบคุณค่ะ" ปานตะวันตัดสินใจแล้วพูดเสียงเครือ "แจ้งตำรวจดีกว่านะคะ"
"ตำรวจไม่รับแจ้งความหรอกครับ คุณเดือนหายไปยังไม่ถึง 24 ชม.”
ปานตะวันร้อนใจ "กว่าจะถึง 24 ชม. เดือนไม่.." ปานตะวันไม่กล้าพูด "เดือนไม่แย่แล้วเหรอคะ"
"ใจเย็น ๆ ครับ ผมว่ามันคงไม่แย่อย่างที่คุณคิด"
"แล้วทำไมจนป่านนี้เดือนยังไม่กลับมาล่ะคะ? ที่ห้องก็ไม่มีใครอยู่" ปานตะวันนึกได้ "หรือจะเกิดอุบัติเหตุ?”
อัครินทร์อึ้งไป
ปานตะวันใจหล่นวูบ "ไม่นะ..เดือนต้องไม่เป็นอะไร"
ปานตะวันเสียงสั่น น้ำตาหยด อัครินทร์เห็นแล้วก็สงสารอย่างจับใจเพราะไม่รู้จะทำยังไง เขาค่อย ๆ เอื้อมมือไปกุมมือปานตะวันเพื่อให้กำลังใจ
"คุณตะวันครับ คุณเดือนต้องไม่เป็นอะไร"
ปานตะวันกลั้นน้ำตาไม่อยู่ เธอปล่อยโฮ อัครินทร์ดึงปานตะวันมาโอบกอดเพื่อปลอบใจ
ทันใดนั้น แสงไฟสูงจากรถอีกคันก็เปิดฟรึ่บส่องเข้าเต็ม ๆ หน้าของอัครินทร์และปานตะวัน ทั้งคู่สะดุ้งผงะยกมือบังแสงไฟจ้าที่ส่องเข้าตาเต็ม ๆ
อัครินทร์พยายามมอง "ใคร?”
อัครินทร์เปิดไฟสูงใส่แล้วก็ตะลึงกันไปทั้งอัครินทร์และปานตะวัน นาคินทร์เปิดประตูรถลงมายืนจ้อง
อัครินทร์กับปานตะวันเรียก "พี่คิน! คุณนาคินทร์!”
นาคินทร์ปรี่เข้ามาเปิดประตูกระชากปานตะวันลงมาจากรถทันที
"ลงมา!”
อัครินทร์รีบวิ่งมาช่วยปานตะวัน
"พี่คินจะทำอะไร? ปล่อยคุณตะวัน?”
"แกนั่นแหละปล่อย!! ไอ้อัค!!”
นาคินทร์ผลักอัครินทร์ไปกองกับพื้น
นาคินทร์มองปานตะวันแล้วก็ส่ายหน้า "อดอยากมากจริงๆ"
ปานตะวันงง "คุณนาคินทร์!”
"ที่บ้านก็ได้ ไม่เห็นต้องถ่อมาถึงที่นี่"
คุณพูดอะไรของคุณ"
นาคินทร์สวน "คุณนั่นแหละทำอะไรของคุณ จ้างมาทำงานวันแรกแจกเบอร์ให้น้องชายผมยังไม่พอ ยังชวนกันมานอนที่คอนโดฯของผมอีก คุณทำอะไรของคุณ"
"คุณนาคินทร์!” ปานตะวันไม่พอใจ
"พี่คิน!" อัครินทร์เสียงดังลั่น "ขอโทษคุณตะวันเดี๋ยวนี้"
นาคินทร์เสียงดังกลับ "แกสิที่ต้องขอโทษฉัน" นาคินทร์มองตะวัน "ส่วนคุณ..ไม่ต้อง!! เพราะผมไม่มีวันจะยกโทษให้!!”
ปานตะวันอึ้ง
นาคินทร์กระชากตะวันเพื่อจะไปขึ้นรถ "มานี่!!”
อัครินทร์รีบดึ้งไว้ "เดี๋ยวก่อน!! พี่คินต้องฟังก่อน!! เรื่องมันไม่ได้เป็นอนย่างที่พี่คิด ผมกับคุณตะวันไม่ได้ทำอะไรแย่ ๆ อย่างที่พี่พูด"
"ก็เพราะฉันมาเร็วไปนะสิ ถ้าฉันมาถึงช้ากว่านี้อีกนิด ป่านนี้แกกับคุณตะวันของแก..”
ปานตะวันสุดทน "หยุดนะ!! หยุดคิด หยุดพูดอะไรสกปรกซะที"
นาคินทร์ชะงักมอง "แล้วคุณมันสะอาดตรงไหน?”
ปานตะวันโฮออกมาทันทีอย่างหมดแรงเพราะสารพัดเรื่องราวรุมเร้า
"พี่คิน!! พี่คิดไม่รู้ว่าคุณตะวันกำลังแย่"
"เค้าจะเป็นยังไงมันก็ไม่เกี่ยวกับแก!!ฉันบอกแกแล้วใช่มั้ยว่าอย่ายุ่งกับปานตะวัน!! ผู้หญิงคนนี้เป็นผู้หญิงของฉัน"
"แต่ผมไม่ได้..”
นาคินทร์ชี้หน้า "จะไม่มีครั้งที่ 3 !! ถ้าขืนยังมีอีก..แกกับฉันไม่ต้องมาเป็นพี่น้องกัน"
อัครินทร์ตะลึง "พี่คิน!!”
นาคินทร์ลากปานตะวันขึ้นรถแล้วปิดประตูปัง ก่อนจะขับรถพุ่งออกไป ทิ้งให้อัครินทร์ยืนปวดกบาลอยู่ตรงนั้น


รถนาคินทร์พุ่งฉิวราวกับพายุ นาคินทร์ตั้งหน้าตั้งตาขับรถอย่างโกรธแค้น ปานตะวันนั่งนิ่งสายตาจ้องมองไปข้างหน้าดั่งสายตานางเสือ
ปานตะวันพูดโดยไม่มองหน้า "จอดรถ!”
"ทำไม? แค่นี้กลัวตาย? ฝันไปเถอะ ผมไม่มีทางปล่อยให้คุณตายหรอก" นาคินทร์บอก
ปานตะวันพูดโดยยังไม่มอง "ฉันก็จะตายไม่ได้ ถ้าฉันยังหาน้องสาวฉันไม่เจอ"
รถนาคินทร์เบรคดังเอี้ยดแล้วจอดนิ่ง
"เมื่อกี้คุณว่าอะไรนะ?”
ปานตะวันหันมาจ้องหน้านาคินทร์ในสภาพน้ำตาคลอเบ้าแต่เสียงเข้มเย็น "ฉันออกมาตามหาน้องสาวฉัน"
นาคินทร์มอง
ปานตะวันพูดต่อ "ฉันติดต่อน้องสาวฉันไม่ได้ จะเป็นตายร้ายดียังไงก็ไม่รู้"
นาคินทร์มอง
"คุณอัคช่วยเป็นธุระ ในขณะที่ฉันไม่รู้จะพึ่งใคร" ปานตะวันโกรธ "แต่คุณกลับหาว่าฉันกับคุณอัคคิดจะทำเรื่องแย่ ๆ"
นาคินทร์อึ้ง
ปานตะวันตะโกนใส่หน้า "คุณต่างหากที่แย่! แย่ที่สุด"
พูดจบปานตะวันก็เปิดประตูรถออกแล้ววิ่งเตลิดไป
นาคินทร์ตะโกนเรียก "ปานตะวัน"
นาคินทร์รีบลงจากรถก่อนจะวิ่งตามไปจนรวบตัวไว้ได้ทันแล้วก็กอดไว้แน่น
"เดี๋ยวก่อน!! คุณจะไปไหน" นาคินทร์ถาม
ปานตะวันผลักไส "ไปให้ไกลจากคุณ!! ปล่อยฉัน!! ฉันไปหาเดือน!! ปล่อยฉัน"
"นี่!! ไม่ต้องไปไหนทั้งนั้น"
"ปล่อย!” ปานตะวันพยายามดิ้นแต่นาคินทร์ล็อคไว้แน่นขณะเดียวกันก็หยิบมือถือมาโทรออก
นาคินทร์พูดสาย "นายนัค!! คุณเดือนอยู่กับแกหรือเปล่า?”
นัครินทร์กำลังขับรถ เขาเหล่มองประกายเดือนที่นั่งเชิ่ดอยู่ข้าง ๆ
"อยู่ฮะ..พี่คินมีอะไรฮะ?!”
"ขอพูดหน่อย" นาคินทร์บอก
"ดึกดื่นป่านนี้พี่จะคุยอะไร...”
นาคินทร์สวนด้วยการตะคอก "ฉันขอพูดกับคุณเดือน!”
ปานตะวันชะงัก "เดือน?”
นัครินทร์กดสปีคเกอร์ "อ่ะ! จะพูดอะไรก็เชิญ!”
นาคินทร์ส่งโทรศัพท์ให้ปานตะวันแล้วบอกเธอ "คุณเดือน"
ปานตะวันดีใจสุดขีดจึงรีบคว้ามาพูด "เดือน..ฮาโหล..เดือน..”
ประกายเดือนที่อยู่ในรถงง
"อ้าว!! ตะวัน..ดึกป่านนี้ทำไมยังไม่นอนอีก?”
ปานตะวันปล่อยโฮ ด้วยความรู้สึกทั้งโกรธ ทั้งห่วง ทั้งดีใจ ไม่รู้อารมณ์ไหน "เดือนนั่นแหละ..ป่านนี้ไปอยู่ที่ไหน พี่โทร.ไปก็ไม่รับสาย" ปานตะวันสะอื้นฮั่ก ๆ นาคินทร์มองเห็นก็เผลอเห็นใจ "พี่เป็นห่วงเดือนใจจะขาดรู้มั้ย..ใจพี่มันจะขาดรู้มั้ย?”
นาคินทร์ได้ยินประโยคนี้ก็กระตุกและมีตาวาวขึ้นมาทันที
ภาพอดีตตอนที่นัครินทร์มองร่างไร้วิญญาณของกนกวลีอย่างไม่อยากจะเชื่อสายตาย้อนกลับมา นาคินทร์พุ่งสวมกอดกนกวลีแน่น “พี่จะอยู่ต่อไปยังไง? กนก? พี่จะอยู่ต่อไปยังไง? ใจพี่มันจะขาดรู้มั้ย? ทำไมต้องเป็นกนก ทำไม!!”
เสียงปานตะวันดังขึ้นทำให้นาคินทร์รู้สึกตัว
"คุณนาคินทร์คะ.." ปานตะวันยื่นมือถือคืนให้ "ฉัน..ขอบคุณมากค่ะ"
นาคินทร์มองเฉยนิดนึงก่อนจะเปลี่ยนเป็นยิ้มหวาน "เปลี่ยนจากขอบคุณมากค่ะ เป็น ไม่โกรธคุณค่ะ—จะได้มั้ย?”
ปานตะวันนิ่งไปโดยที่สายตายังเสียใจ

อ่านต่อหน้าที่ 2 


เสน่หาสัญญาแค้น ตอนที่ 6

นาคินทร์โอบเอวแล้วอ้อน "โธ่..ก็คุณเล่นออกจากบ้านมากับนายอัค 2 ต่อ 2 กลางดึก" นาคินทร์นึกได้ แต่..เดี๋ยว..ผมเห็นคุณกับนายอัคกอดกันด้วย"

ปานตะวันรีบเถียง "เปล่านะคะ..คุณอัคแค่ปลอบใจฉัน"
"นั่นไง!!" นาคินทร์เสียใจจริง ๆ "คุณกอดกับนายอัคจริง ๆ"
ปานตะวันอึ้งไป "คุณนาคินทร์คะ..คือ..มันไม่ใช่"
นาคินทร์กอดแน่นขึ้นอีก "อย่าทำอย่างนี้อีก..ผมขอร้อง"
ปานตะวันอึ้งโดยยังไม่ทันจะพูดอะไร นาคินทร์ค่อย ๆ จูบหน้าผากปานตะวันแล้วจ้องตาใกล้ๆ
"ผมจะไม่ยอมปล่อยให้คุณไปอยู่ในอ้อมกอดของใครอีก--นอกจากอ้อมกอดของผมเพียงคนเดียวเท่านั้น"
นาคินทร์โอบกอดปานตะวันไว้แน่น ปานตะวันได้แต่อึ้งทำอะไรไม่ถูก สายตาหวานของนาคินทร์เปลี่ยนเป็นเย็นชา

ประกายเดือนเดินมาตามทาง นัครินทร์เดินตามมาแบบจุ๊ย ๆ ทำไม่รู้ไม่ชี้ ประกายเดือนเดินถึงหน้าห้อง ก็หยิบคีย์การ์ดเสียบแล้วหันขวับ
"ขอบคุณค่ะที่มาส่ง"
นัครินทร์ทำไก๋แล้วก็พยักหน้า "ฮื่อ!! ไม่เป็นไรฮะ..ยินดี"
ประกายเดือนพยักหน้า "ส่งเสร็จ..ก็เชิญกลับได้ค่ะ"
"ผม" นัครินทร์กระแอม "หิวน้ำ"
"ในรถมีค่ะ..ข้างประตูด้านที่ดิฉันนั่ง"
นัครินทรแอบค้อน "ไม่แระ..ขอกาแฟซักแก้ว"
"เพิ่งหมดเมื่อเช้า..ยังไม่ได้ซื้อค่ะ"
นัครินทร์เซ็งจึงนึกใหม่ “..ปวดฉี่..ขอเข้า..”
ประกายเดือนพูดสวน "ข้างล่างมีห้องน้ำ"
นัครินทร์จะโวยวาย "นี่คุณ..”
ประกายเดือนพูดสวน "พรุ่งนี้มีประชุมกับท่านประธาน 9 โมงตรง หวังเป็นอย่างยิ่งว่าท่านรองฯจะไม่เลท กู๊ดไนท์ค่ะ"
ประกายเดือนรีบเปิดประตูเข้าไปแล้วปิดปังทันที นัครินทร์หน้าหงาย
"เดี๋ยว..คุณ!!..เฮ้ย" นัครินทร์อารมณ์เสีย "โธ่เว้ย" นัครนิทร์ชี้ประตู "จำไว้! ฮึ้ย"


ใบตองทรุดลงนั่งกับพื้นแล้วพนมมือแต้
"ใบตองกราบขอโทษจริง ๆ ค่ะ ตอนที่คุณคินโทร.มาถามหาคุณตะวัน ใบตองไม่น่าหลุดปากบอกไปเลยว่าคุณตะวันออกไปกับคุณอัค"
อัครินทร์ส่ายหน้าอย่างเหนื่อยหน่ายเพราะที่แท้ก็นางนี่เอง
สาวิตรีหยิกปากทันที "นี่แน่ะ..นังตอง!! ปากแกนี่มัน..หืม..จริง ๆ เลย ดูซิ..พี่น้องเค้าเลยผิดใจกันเพราะปากแกนี่แหละ"
"ผมน่ะโอเคครับแม่ สงสารก็แต่คุณตะวัน ป่านนี้ไม่รู้จะเป็นไงมั่ง" อัครินทร์บอก
เสียงนาคินทร์ดังขึ้น "ไม่เป็นไรหรอกนายอัค"
ทุกคนหันขวับมาเห็นนาคินทร์ยืนอยู่กับปานตะวันที่กำลังก้มหน้าก้มตา
"พี่คิน!! หนูตะวัน"
นาคินทร์ยิ้ม "ไปนอนเถอะครับตะวัน"
ปานตะวันทำหน้าไม่ถูก เธอพูดกับทุกคน "ตะวันขอตัวนะคะ"
ปานตะวันรีบเดินออกไป
"เดี๋ยว..อ้าว.." สาวิตรีหันมองนาคินทร์
"นายนัคพาคุณเดือนน้องสาวตะวันไปประชุมกับลูกค้าจนดึก ตะวันติดต่อไม่ได้ก็เลยร้อนใจ แต่ตอนนี้ทุกอย่างเรียบร้อยดี" นาคินทร์ถามสาวิตรี "แม่ครับ ห้องผม..เรียบร้อยดีใช่มั้ยครับ?”
สาวิตรีงง ๆ "จ๊ะ.. เรียบร้อยดีสิจ๊ะ พี่คินถามทำไม?”
นาคินทร์ตบไหล่อัครินทร์ "ขอบใจมากที่ช่วยเป็นธุระให้ตะวัน แต่ต่อไปนี้คงไม่ต้องรบกวนแก เพราะพี่จะย้ายเข้ามาอยู่ที่นี่..ตั้งแต่คืนนี้เลย" นาคินทร์หอมแก้มแม่ "กู๊ดไนท์ครับ"
พูดจบนาคินทร์ก็เดินออกไปอย่างอารมณ์ดี
"จ๊ะ ๆ กู๊ดไนท์จ๊ะ" สาวิตรีงง "เอ๊า! นี่มันอะไรกันนี่?? ฉันงงไปหมดแล้ว"
"ค่ะ..ใบตองก็งง"
อัครินทร์มองตามพี่ชายอย่างไม่เข้าใจเช่นกัน


เช้าวันใหม่ นารถนรินทร์กินข้าวต้มเสร็จ ใบตองช่วยเก็บจานชาม
"อิ่มแล้ว พักซักครู่นะคะ ให้อาหารย่อยก่อนหลังจากนั้นเราค่อยเริ่มทำกายภาพกัน"
นารถนรินทร์งอแง "โห..เอาจริงเหรอคะ มาถึงก็จะเริ่มเลยจริง ๆ เหรอคะพี่ตะวัน"
ปานตะวันพึมพำกับตัวเอง "เริ่มเร็วเท่าไหร่ก็ยิ่งดี จะได้ไปจากที่นี่เร็ว ๆ ซะที"
นารถนรินทร์ถาม "พี่ตะวันว่าไงนะคะ?”
"เอ่อ..พี่หมายถึง ถ้าเริ่มเร็วเท่าไหร่ น้องนารถก็จะหายเร็วยิ่งขึ้นน่ะค่ะ" ปานตะวันยิ้ม "อย่าดื้อนะคะ..นั่งอยู่บนรถเข็นอย่างนี้นาน ๆ ไม่เห็นจะสนุกเลยจริงมั้ย?”
"แต่..นารถ..กลัว"
"กลัวอะไรคะ? ไม่มีอะไรน่ากลัวเลยซักนิดค่ะ พี่ตะวันรับรอง"
"นารถ..กลัวจะทำไม่สำเร็จ"
ปานตะวันเห็นใจและให้กำลังใจ "ต้องสำเร็จสิคะ พี่เคยดูแลคนไข้ที่ประสบอุบัติเหตุหนักกว่าน้องนารถหลายเท่า แต่เค้าใจสู้ เชื่อมั้ยคะ..ไม่ถึงปีก็เดินปร๋อเลย"
"จริงเหรอคะ?”
ปานตะวันพยักหน้า "ไม่ต้องกลัวนะคะ น้องนารถทำได้ เชื่อพี่ตะวันสิ"
นารถนรินทร์กอดปานตะวัน "พี่ตะวันต้องช่วยนารถนะคะ ต้องช่วยให้ได้นะคะ"
นาคินทร์เดินเข้ามาเห็นภาพนี้ก็ชะงัก
"ค่ะ พี่จะต้องช่วยน้องนารถให้ได้ พี่จะต้องทำให้สำเร็จ" ปานตะวันบอกกับตัวเอง "เร็วที่สุด"
นาคินทร์ได้ยินก็ยืนมอง
นาคินทร์คิดในใจ "ฝันไปเถอะ..ปานตะวัน นึกเหรอว่าฉันก็จะปล่อยเธอไปง่าย ๆ..ไม่มีทาง..ไม่มีทาง"
"เดี๋ยวเราไปเดินเล่นกันก่อนดีมั้ยคะ?” ปานตะวันถาม
นารถนรินทร์ตอบรับ "ดีค่ะ"
ปานตะวันจะเข็นรถออก อัครินทร์เดินเพื่อจะไปทำงานพอดี ใบตองสะดุ้งโหยงก่อนจะก้มหน้าก้มตาเช็ดโต๊ะ แต่เงี่ยหูฟัง นาคินทร์ค่อย ๆ ซ่อนตัวแล้วแอบมอง
อัครินทร์ชะงัก "เอ่อ..อรุณสวัสดิ์ครับ"
ปานตะวันหลบตาแบบเกรงใจเรื่องเมื่อคืน "ค่ะ..”
"โห..วันนี้แต่งหล่อเชียว" นารถนรินทร์ว่า
"เว่อร์..ก็เรียบร้อยหน่อย..มีสัมมนาที่ รพ.”
"ค่า" นารถนรินทร์นึกได้ "เอ่อ..อย่าลืมนะคะพี่อัค"
"ลืม?! ลืมอะไร?”
"โห่..ก็ ‘เนื้อคู่’ ไง แม่หมอนารถฟันธงไว้ว่าไม่เกินสองวันนี้ รับรองว่าเนื้อคู่พี่อัคจะต้องมาเกย ฟันธง!”
อัครินทร์มองปานตะวัน ปานตะวันหลบตา ใบตองมองลุ้นๆ
อัครินทร์ขยี้ผมน้องสาว "แม่หมอ..ฟันธงให้ตัวเองก่อนดีมั้ย ป่านนี้นายวิทย์แฟนแม่หมอไปเกยแหม่มอยู่ที่ไหน ทำไมไม่รีบกลับมาหาแม่หมอซะทีห๊า"
"พี่อัค!!”
อัครินทร์ขำ "ไปละ!" อัครินทร์ยิ้มให้ปานตะวันเหมือนจะบอกว่าไปแล้ว
ปานตะวันยิ้มรับตามมารยาท
นารถนรินทร์พูด "หืมม..พี่อัคนะพี่อัคทำปากดีไปเหอะ แล้วจะต้องรีบกลับมาคารวะแม่หมอนารถคอยดู๊"
ปานตะวันมองตามอัครินทร์ไป
นาคินทร์มองปานตะวันในใจขออย่าให้คำพูดของนารถนรินทร์เป็นจริงเพราะเกรงว่าหญิงคนนั้นจะเป็นปานตะวัน

อัครินทร์กำลังจะก้าวเข้าลิฟท์โรงพยาบาล แต่พราวพรรณรายวิ่งกระหืดกระหอบเข้ามาชนโครมจนแฟ้มในมือพราวพรรณรายหล่นกระจัดกระจาย
พราวพรรณรายรีบก้มลงเก็บของโดยปากก็ขอโทษไปเรื่อย "โทษทีค่ะ โทษที ดิฉันไม่ทันเห็น"
อัครินทร์ส่ายหน้าเซ็งๆ ก่อนจะก้มลงช่วยเก็บแฟ้ม พราวพรรณรายจับหมับเข้าที่มืออัครินทร์ทันที ทั้งสองคนมองหน้ากัน พราวพรรณรายตะลึงมองอัครินทร์ตาไม่กระพริบแถมยังยิ้มแฉ่งให้อีก อัครินทร์งงแต่สุดท้ายก็ต้องกระแอมแล้วส่งสายตาไปที่มือตัวเองที่โดนจับแน่นอยู่
"อุ้ย" พราวพรรณรายสะดุ้ง "ฮี่ ๆ .. ไม่ทันเห็นเหมือนกันค่ะ"
พราวพรรณรายค่อย ๆ ปล่อยมือแต่สายตาจ้องตลอด
"ขึ้นรึเปล่าครับ?” อัครินทร์ถาม
พราวพรรณรายตอบรับ "ค่ะ ๆ"
อัครินทร์เอามือกันประตูลิฟท์ไว้ให้ พราวพรรณรายรีบพุ่งเข้าไปยืนในลิฟท์ อัครินทร์ก้าวตามเข้ามา ก่อนที่ทั้งคู่จะยื่นมือไปกดชั้น 10 พร้อมกัน ทั้งสองตกใจจึงรีบดึงมือกลับ ประตูลิฟท์ปิด


ทั้งสองยืนในลิฟท์โดยไม่พูดไม่จาอะรกัน สักพักพราวพรรณรายก็แอบเหล่ดูป้ายชื่อที่คล้องคอของอัครินทร์
พราวพรรณรายพึมพำ "อัครินทร์..ว๊าว"
อัครินทร์หันขวับมามองทันที
พราวพรรณรายแก้ตัว "อะ..เอ่อ..ดิฉันเปล่าเรียกชื่อคุณนะคะ คือ..เป็น..เป็นชื่อของเพื่อน"
อัครินทร์ตาโต "งั้นเหรอครับ?”
"ใช่!! เพื่อนดิฉันชื่ออัครินทร์เหมือนคุณ" พราวพรรณนึกได้ "ว้าย!" พราวพรรณเอามือปิดปากแล้วก้มหน้างุดที่ตัวเองเผลอปล่อยไก่ออกไปหน้าตาเฉย "บ้าจริง ๆ .. นี่ฉันพูดอะไรออกไปเนี่ย"
อัครินทร์ส่ายหน้าหน่าย สักพักประตูลิฟท์เปิด อัครินทร์มองนาฬิกาแล้วรีบเดินออกไปทันที พราวแทบทรุดอยู่ในลิฟท์ก่อนจะรีบวิ่งออกจากลิฟท์มองตามอัครินทร์ที่เดินดุ่มๆ เข้าประตูห้องสัมมนาไป
พราวพรรณรายตาโต "พระเจ้า!" เธอเอามือทาบอก "หัวใจจะวาย!! เนื้อคู่!! บุพเพสันนิวาสชัด ๆ" พราวพรรณรายระงับความตื่นเต้นไม่ไหว เธอเดินวนไปมาสักพักแล้วก็นึกได้จึงคว้ามือถือขึ้นมากด "ฮาโหล..ตะวัน!! ช่วยเราด้วย เรากำลังจะหัวใจวายตายแล้ว"
ปานตะวันพูดโทรศัพท์
ปานตะวันตกใจ "ห๊า..เดี๋ยวก่อน..พิงค์!! ใจเย็น ๆ นะ.. อย่าเพิ่งเป็นอะไรนะ"
"โอย..ไม่ไหว..ไม่ทันแล้ว ตอนนี้เราโดนคุณหมอหล่อโฮก ๆ ควักหัวใจเราไปแล้วอ่ะตั๊วเฮ้อ! คนอาไร้..หล่อไม่ปรานีหัวใจดวงน้อย ๆ ของเราบ้างเล๊ย"
ปานตะวันขำก๊าก "แหม..ถ้าป่วยแบบนี้ล่ะก้อ เชิญรักษาหัวใจให้ตัวเองละกันนะจ๊ะคุณหมอพราวพรรณราย นี่!! มากรุงเทพฯเมื่อไหร่ ไม่บอกเพื่อน?”
"เพิ่งมาเมื่อคืน ต้องมาสัมมนาด่วนบอกไม่ทัน" พราวพรรณรายบอก
"ไม่ต้องเลย บอกไม่ทันหรือลืมบอก" ปานตะวันว่า
"เคร!! พูดเลย..ลืมบอก แต่แหม..ขอคุยเรื่องซีเรียสก่อน คุณหมอหล่อจริง ๆ นะ อยากให้ตะวันมาเห็นหน้า ‘ว่าที่แฟนเรา’ จังเลย"
"ใจเย็น..จู่โจมแบบนี้เดี๋ยวเค้าเผ่นแน่บกันพอดี"
"จ้า..ใครเค้าจะเชื่องช้าเป็นกุลสตรีจนโดนฉกแฟนไปกินแบบตะวันล่ะจ๊า"
ปานตะวันอึ้งเลย
พราวพรรณรายรู้ตัว "ตะวัน..เฮ๊ย!ตะวัน..เราขอโทษ"
ปานตะวันยิ้ม "ใครว่าฉก?! ฉันยกให้ต่างหากล่ะ"
พราวพรรณรายยิ้มแฉ่ง "เริ่ดตรงนี้!!! มันต้องอย่างงี้สิเพื่อนพราวพรรณราย เอาล่ะ..รอดูนะภายในวันนี้เราต้องได้เบอร์โทร.คุณหมออัครินทร์สุดหล่อ"
ปานตะวันชะงัก "ใครนะพิงค์?!”
พราวพรรณรายมองนาฬิกา "ว๊าย..เลทตั้ง 15 นาทีแล้ว แค่นี้นะ รักนะ จุ๊บ!" พราวพรรณรายวางหูแล้ววิ่งจู๊ด
ปานตะวันยังงงๆ "คุณหมออัครินทร์"


อัครินทร์กำลังบรรยายอยู่บนเวทีโดยที่ทุกคนตั้งใจฟังอยู่ พราวพรรณรายวิ่งเปิดประตูพรวดเข้ามาแล้วก็ชะงักกึก อัครินทร์และทุกคนก็ชะงักกึก พราวพรรณรายหน้าแหย
อัครินทร์หันไปพูดต่อ "หัวใจสำคัญที่สุดอีกข้อของการเป็นแพทย์คือการรักษาเวลา การตรงต่อเวลา"
พราวพรรณรายชะงักกึก ทุกคนหันมองพราวพรรณราย พราวพรรณรายหน้าตึง
อัครินทร์ไม่สนใจ เขาพูดต่อ “เวลาทุกวินาทีมีค่า มีผลต่อคนไข้ทุกราย ไม่ว่าเราจะเก่งแค่ไหนแต่ไม่ให้ความสำคัญต่อเวลาแล้วล่ะก็..คุณค่าของแพทย์ที่ดี คงจะหมดไปทันที”
พราวพรรณรายหน้าตึง ตัวแข็ง เธอก้มหน้าก้มตาจ้ำอ้าวไปนั่งเก้าอี้ตัวที่ใกล้ที่สุดก่อนจะค่อย ๆ เหลือบตาจ้องอัครินทร์ แต่ก็สะดุ้งเมื่อพบว่าอัครินทร์จ้องเธออยู่ก่อนแล้ว
อัครินทร์เอ่ยถาม "จริงมั้ยครับคุณ?”
พราวพรรณรายงง ก่อนจะร้องแหะ ๆ หยักหน้าหงึก ๆ "ค่ะ"
อัครินทร์ยิ้มรับ ทุกคนอมยิ้มขำ ๆ
พราวพรรณรายอายสุดขีด เธอก้มหน้าก้มตาและกัดฟัน "จำไว้!! จำไว้!! แค้นนี้ต้องชำระ! ฮึ่ม!”
อัครินทร์อมยิ้ม


ปานตะวันเข็นนารถนรินทร์เข้ามาที่เตียง
นารถนรินทร์ทำหน้าหวั่น ๆ "นารถจะทำได้จริงเหรอคะพี่ตะวัน"
ปานตะวันยิ้มให้กำลังใจ "ทำได้สิคะ น้องนารถต้องทำได้ เราต้องช่วยกันนะคะ..ตกลงมั้ย?”
นารถนรินทร์คิด "แต่..นารถ..นารถไม่มีกำลังใจ"
ปานตะวันมองอย่างเข้าใจก่อนจะนึกได้จึงยิ้ม "ขอโทษนะคะ ถ้าพี่ถามอะไรน้องนารถอย่าโกรธนะคะ"
นารถนรินทร์งง "อะไรเหรอคะ?”
"พี่ได้ยินคุณอัคแหย่น้องนารถเรื่อง ‘คุณวิทย์’"
นารถนรินทร์ทำตาโต
ปานตะวันยิ้ม "คุณวิทย์คือแฟนน้องนารถเหรอคะ?”
นารถนรินทร์ยิ้มอาย ๆ ยื่นรูปคู่ที่วางไว้หัวเตียงให้ดู "ค่ะ..พี่วิทย์ เราคบกันมาหลายปี ตั้งแต่นารถยังเรียนไม่จบ พอเรียนจบพี่วิทย์ก็ต้องไปทำงานที่อเมริกา 2 ปี" นารถนรินทร์ยิ้ม "ปีนี้พี่วิทย์จะได้กลับมาทำงานที่เมืองไทยแล้วค่ะ"
"ดีจัง"
นารถนรินทร์ส่งสายตาวิบวับ "พี่วิทย์บอกกับนารถด้วยนะคะว่ากลับมาเมื่อไหร่จะขอนารถแต่งงาน"
ปานตะวันตาโตร้องว้าว "จริงเหรอคะ?!”
นารถนรินทร์ยิ้มก่อนจะพยักหน้าอย่างภูมิใจ แต่แล้วก็เริ่มเศร้า "แต่..นารถเป็นแบบนี้"
"น้องนารถจะต้องเป็นเจ้าสาวที่สวยและสง่างามที่สุดค่ะ" ปานตะวันบอก
นารถนรินทร์มองหน้าปานตะวันอึ้ง ๆ
นาคินทร์เดินมาหยุดยืนฟัง
ปานตะวันยิ้ม "เราต้องร่วมมือกันนะคะ พี่สัญญาว่าพี่จะพยายามเต็มที่ พี่อยากเห็นนารถใส่ชุดเจ้าสาวเดินเคียงคู่กับเจ้าบ่าวในงานแต่งงานอย่างมีความสุข"
นาคินทร์หันหลังพิงฝา จู่ๆ เขาก็นึกถึงตัวเองกับกนกวลียืนเคียงคู่ดู Happy สุด ๆ ในงานวิวาห์
นารถนรินทร์น้ำตารื้น "จริงเหรอคะ พี่ตะวัน? นารถจะกลับมาเดินได้จริงเหรอคะ?”

อ่านต่อหน้าที่ 3


เสน่หาสัญญาแค้น ตอนที่ 6 (ต่อ)

ปานตะวันยิ้มและพยักหน้าให้อย่างมั่นใจ นารถนรินทร์โผเข้ากอดปานตะวันแน่น นาคินทร์มองปานตะวันอย่างชิงชัง

"พร้อมรึยังคะ..น้องนารถ" ปานตะวันถาม
นารถนรินทร์ทำใจนิดนึงก่อนจะรวบรวมความกล้าแล้วพยักหน้าอย่างฮึดๆ "พร้อมค่ะ!!”
ปานตะวันยิ้มแฉ่ง "โอเค!! ดีมาก!! ถ้างั้นเราเริ่มท่าง่าย ๆ เบา ๆ ก่อนนะคะ"
ปานตะวันเข้าประคองนารถนรินทร์ลงจากรถเข็นเพื่อจะย้ายไปนอนบนเตียง ปานตะวันรู้สึกหนัก ทันใดนั้น นาคินทร์ก็ช้อนซ้อนทับเหมือนโอบมาด้านหลังปานตะวัน ปานตะวันหันขวับทำให้หน้าชิดจมูกแทบจะชนกันกับนาคินทร์
ปานตะวันตกใจ "คุณ!!”
นาคินทร์ยิ้มหวานให้ ปานตะวันอึ้ง นารถนรินทร์อมยิ้มถูกใจ
ปานตะวันทั้งเคืองทั้งอาย "ปล่อยค่ะ"
"คนอะไรใจร้าย?! จะให้ผมปล่อยคนที่ผมรักได้ยังไง" นาคินทร์ว่า
นารถนรินทร์แซวทันที ‘คนที่ผมรัก’ นี่หมายถึงใครคะพี่คิน? น้อง? หรือพี่ตะวัน?”
ปานตะวันอายมาก "คุณนารถ!!”
"เห็นผอม ๆ อย่างนี้ ยัยนารถตัวหนักไม่ใช่เล่น..ให้ผมช่วยดีกว่า" นาคินทร์บอก
ปานตะวันพูดเสียงแข็ง "ไม่ต้องค่ะ นี่เป็นหน้าที่ฉัน"
นาคินทร์พูดใกล้ๆ หู "จะให้ช่วยอุ้มยัยนารถดี ๆ หรือจะให้ผมอุ้มคุณแทน?”
ปานตะวันสะดุ้งแล้วก็รีบปล่อยมือจากนารถนรินทร์ เธอหันหน้ากลับมาเหมือนจะเถียงก็เลยกลายเป็นหน้าจ่ออยู่ใกล้หน้านาคินทร์ ทั้งสองมองหน้ากัน นารถนรินทร์ชอบใจ
"คุณ!!”
นาคินทร์เลิกคิ้วให้คล้ายจะถามว่ามีอะไรหรือเปล่า
ปานตะวันเคือง ๆ เธอรีบมุดออกจากวงแขนของนาคินทร์
นารถนรินทร์เซ็ง "ว้า!!”
นาคินทร์ขำน้อย ๆ ก่อนจะค่อย ๆ อุ้มนารถนรินทร์วางบนเตียง ปานตะวันค้อนขวับ


พราวพรรณรายกำลังวาดรูปการ์ตูนอัครินทร์แบบตลก ๆ พราวพรรณรายขำฝีมือตัวเองแล้วก็เงยหน้ามองอัครินทร์ที่กำลังบรรยายอยู่ที่เดิม อัครินทร์มองมาพอดีแต่แทนที่พราวพรรณรายจะหลบ เธอกลับจ้องตาเป๋งจนอัครินทร์เป็นฝ่ายต้องหลบสายตาไปเอง
พราวพรรณรายพึมพำ "ชิ!! รู้จักพราวพรรณรายน้อยไปซะแล้ว ซักวันฉันจะทำให้คุณมาคุกเข่าตรงหน้าฉันให้ได้..คุณหมอหล่อโฮก"
อัครินทร์หันมามองพราวพรรณรายอีกครั้ง พราวพรรณรายจ้องอัครินทร์ตาเป็นมันแถมยิ้มพร้อมคิดในใจว่า “หึ ๆ ไม่รอดมือฉันแน่” คราวนี้อัครินทร์สะดุ้งเล็ก ๆ คิดในใจว่า “ยัยนี่บ้า?!”ก่อนจะพูดใส่ไมโครโฟน
"เอาล่ะครับทุกท่าน ตอนนี้ก็ใกล้จะได้เวลาพักทานข้าวกลางวันแล้ว ไม่ทราบมีใครสงสัยอะไรมั้ยครับ?”
ไม่มีใครยกมือ นอกจากพราวพรรณรายที่ยกมือฟรึ่บ!!
อัครินทร์ถาม "มีคำถามอะไรครับ?”
พราวพรรณรายลุกขึ้นยืนพรึ่บแล้วยิงเปรี้ยง "คุณหมอมีแฟนรึยังคะ?”
อัครินทร์อึ้ง เสียงฮาลั่นห้อง อัครินทร์ทำหน้าไม่ถูกขณะที่พราวพรรณรายทำหน้าแอ๊บแบ๊วรอฟังคำตอบสุดฤทธิ์
"ว่าไงอ่ะคะ? ดิฉันสงสัยมากอยากทราบคำตอบอ่ะค่ะ"
ผู้คนยังขำกันก๊ากจ้องอัครินทร์เป็นตาเดียว
อัครินทร์พูดไม่ออก บอกไม่ถูก "เอ่อ..ผมคิดว่าเก็บคำถามนี้ไว้ถามเป็นการส่วนตัวจะดีกว่านะครับ ผมขอจบการสัมมนาช่วงเช้าเพียงเท่านี้ ขอบคุณครับ"
อัครินทร์พยายามสุภาพทั้งที่อยากจะกินหัวพราวพรรณรายแทบแย่ ผู้คนทะยอยออกจากห้อง อัครินทร์ก้มหน้าก้มตาเก็บเอกสาร พอเงยหน้าขึ้นมาทั้งห้องก็เหลือแค่พราวพรรณรายที่นั่งหน้าแบ๊วอยู่ที่เดิมคนเดียว
อัครินทร์มองแล้วก็ไม่สนใจเก็บของแล้วก็เดินผ่านหน้าพราวพรรณรายเหมือนจะออกจากห้องแต่สุดท้ายเขาก็อดห่วงไม่ได้ตามวิสัยสุภาพบุรุษ
อัครินทร์หันกลับมาถามตามมารยาท "ไม่ไปทานข้าวเหรอครับ"
"ก็คุณบอกให้เก็บคำถามไว้ถามเป็นการส่วนตัวไม่ใช่เหรอคะ?”
อัครินทร์มองงงๆ
พราวพรรณรายทำแบ๊ว "ตอนนี้ก็เหลือแค่เรา 2 คนแล้วเพราะฉนั้น ช่วยกรุณาตอบคำถามให้ดิฉันหายสงสัยด้วยค่ะ"
"ถ้าคุณมีข้อสงสัยเกี่ยวกับเรื่องที่ผมบรรยายล่ะก็..โอเค. แต่สำหรับคำถามนั้นผมถือว่ามันเป็นเรื่องส่วนตัว ไม่เกี่ยวข้องและไม่มีประโยชน์อะไรแก่ผู้เข้าฟังบรรยายเลยแม้แต่น้อย"
"เกี่ยวสิคะ..ใครบอกไม่เกี่ยว?" พราวพรรณรายทำหน้ายั่ว "แถมยังมีประโยชน์มว๊าก ๆ ด้วย"
อัครินทร์ทำหน้าบอกบุญไม่ถูก "ผมจะมีแฟนรึไม่มีแฟนมันไปเกี่ยวอะไรกับคุณ..เอ่อ..”
พราวพรรณรายรีบแนะนำตัวทันที "พราวพรรณรายค่ะ เรียกสั้น ๆ ว่า ‘พิงค์’ ก็ได้ค่ะ"
อัครินทร์มองความ ‘ชมพู’ ในตัวพราวพรรณรายแล้วก็ Get "อ๋อ..เข้าใจละ"
พราวพรรณรายตามน้ำทันที "เข้าใจอะไรคะ?”
"ก็..ไม่มีอะไรครับ"
"ตกลงมีแฟนรึยังคะคุณหมออัครินทร์?! คำตอบของคุณเกี่ยวกับดิฉันมากเพราะถ้าดิฉันยังไม่ได้คำตอบ ยังไม่เคลียร์ ดิฉันจะฟังคำบรรยายช่วงบ่ายนี้ของคุณไม่รู้เรื่องแน่ ๆ --เพราะมันไม่มีสมาธิ"
อัครินทร์ถอนใจเฮือก "ผมคงต้องปล่อยให้เรื่องนั้นเป็นปัญหาของคุณต่อไป--ขอตัวนะครับคุณพราวอันตราย"
พูดจบอัครินทร์ก็เดินออกไป ทิ้งให้พราวพรรณรายอ้าปากหวอ
"เฮ้ย..ไรเนี่ย?! พิงค์แพรวพรรณราย คุณหมอสาวแสนสวยร่ำรวยและเก่งมากโดนผู้ชายเดินจากไปเฉย ๆ หืมม์..นี่ถ้าไม่เห็นว่าหล่อโฮกล่ะ..ฮึ่ม! จำไว้"


ปานตะวันกำลังทำกายบริหารท่าเริ่มต้นเบา ๆ ด้วยท่า Straight Leg Raise คือการยกขาขึ้นตรง ๆ ทีละข้าง ๆ ละ 10 ครั้งโดยให้นารถนรินทร์ทำ นาคินทร์นั่งดูอยู่
"ดีมากค่ะ..เก่งมาก..เห็นมั้ยคะ ไม่ได้มีอะไรน่ากลัวอย่างที่น้องนารถคิดเลย" ปานตะวันชม
นารถนรินทร์ยิ้มก่อนตอบซื่อ ๆ "แหม..พี่ตะวัน นารถก็ต้องขอคิดให้มันน่ากลัวไว้ก่อน" นารถนรินทร์ยิ้มอ้อนพี่ชาย "จริงมั้ยคะพี่คิน?!”
"ก็จริงของยัยนารถนะครับคุณตะวัน เพราะบางสิ่งบางอย่างรึว่าบางคนที่เราคิดว่าง่าย ๆไม่มีอะไร แต่จริง ๆ แล้วมันอาจจะน่ากลัวกว่าที่เราคิด..น่ากลัวชนิดที่เราคาดไม่ถึงซะด้วยซ้ำ"
นาคินทร์มองปานตะวันแบบในใจคิดว่า “นั่นล่ะ..ปานตะวัน”
ปานตะวันมองนาคินทรด้วยความแปลกใจที่เขาพูดอะไรแปลก ๆ นาคินทร์จ้องตอบก่อนจะค่อย ๆ เปลี่ยนแววตามาเป็นปกติอย่างเดิม
"คุณตะวันว่าจริงมั้ยครับ?" นาคินทร์ยิ้ม
ปานตะวันยังไม่เข้าใจอะไรจึงตอบปัด ๆ ไป "ดิฉันไม่ทราบค่ะ" ปานตะวันหันไปสนใจนารถนรินทร์แทน "น้องนารถยังไหวมั้ยคะ? ถ้าไหว..ขออีกเซ็ทนึงนะคะ"
"โห..ดูสิคะพี่คินวันแรกพี่ตะวันก็โหดเลยอ่ะ"
นาคินทร์ยิ้มน้อยๆ พร้อมกับมองปานตะวัน "พี่ตะวันของนารถเค้าอาจจะโหดมานานแล้วก็ได้..ใครจะไปรู้"
ปานตะวันหันไปมองนาคินทร์อีกที
นาคินทร์ทำหน้าตาธรรมดาโดยไม่มีพิรุธใด ๆ เขาอมยิ้มนิด ๆ ใส่ ปานตะวันคิดว่าโดนนาคินทร์แซวก็ไม่ติดใจอะไร
นารถนรินทร์นึกได้ "เออ..จริงสิคะ..วันนี้พี่คินไม่ต้องไปทำงานเหรอคะ?”
"ต้องจ๊ะ..แต่ไม่ไป" นาคินทร์บอก
"อ้าว! ทำไมล่ะคะ ไม่สบายรึเปล่า?”
"ก็.." นาคินทร์เอามือแตะหน้าผากตัวเอง "ไม่แน่ใจเหมือนกัน..เลยว่าจะรอถามคุณพยาบาลซะหน่อย"
นารถนรินทร์ขำ "นั่นไง!! ป่วยการเมือง" นารถนรินทร์ช่วย "พี่ตะวันคะ พี่ตะวันต้องภูมิใจนะคะ ตั้งแต่ทำงานมา นารถไม่เคยเห็นพี่คินโดดงานเลยแม้แต่วันเดียว แต่วันนี้พอพี่ตะวันมา..” นารถนรินทร์ทำหน้าเจ้าเล่ห์ "ป่านนี้ KTK ตามหาท่านประธานกันให้วุ่นแล้ว?”
ปานตะวันตัดบท "เซ็ทต่อไปเลยนะคะ"
นารถนรินทร์ขำ ปานตะวันแอบค้อนนาคินทร์ นาคินทร์ยิ้มตอบให้อย่างน่ารัก ปานตะวันไม่สน เธอก้มหน้า ก้มตาทำกายบริหารให้นารถนรินทร์ต่อ

ภายในห้องประชุมมีบรรยากาศมาคุ นัครินทร์นั่งหน้ายักษ์ใส่ผู้ร่วมประชุมทุกคนราวกับอยากจะหักคอ ผู้ร่วมประชุมกลืนน้ำลายเอื้อก จามจุรีจะเป็นลมพนมมือสวดมนต์พึมพำ สุดท้ายนัครินทร์ทนหงุดหงิดไม่ไหวหันไปกัดฟันพูดกับประกายเดือนที่นั่งอยู่ข้าง ๆ
"เมือคืนคุณบอกผมว่าวันนี้พี่คินนัดประชุม 9 โมงตรง!! ห้ามเลท?”
ประกายเดือนทำหน้าแบ๊ว "ค่ะ!! ถูกต้องค่ะ!! 9 โมงตรง!! ห้ามเลท!!”
นัครินทร์หมดความอดทนจึงลุกขึ้นตบโต๊ะเปรี้ยง "แล้วนี่มันอะไรกั๊น"
ทุกคนสะดุ้งโหยงตกใจหัวใจแทบวายไปตาม ๆ กัน
นัครินทร์เดินยังกะหนูติดจั่นก่อนจะแหกปากลั่น "ตอบผมหน่อยซิว่านี่มันอะไรกัน 9 โมงตรง ตรงไหน?? นี่มันจะเที่ยงอยู่แล้ว ทำไมป่านนี้พี่คินยังไม่มา" นัครินทร์กลับมาตบโต๊ะใส่หน้าประกายเดือน "คุณเลขาฯฮะ คุณช่วยตอบผมหน่อยซิฮะว่ามันเกิดอะไรขึ้น"
ประกายเดือนแบ๊วเหมือนเดิมและไม่สะดุ้งสะเทือน "ก็นั่งรออยู่ด้วยกันตรงนี้ ท่านรองฯ เป็นน้องชายแท้ๆ ยังไม่ทราบแล้วดิฉันเป็นแค่เลขาฯท่านรองฯจะไปทราบได้ยังไงล่ะคะ?”
นัครินทร์ทำหน้าตกใจ ทุกคนในห้องเริ่มสยองขวัญ
จามจุรีสะกิดแล้วกระซิบ "ประกายเดือนหนอ..ทำไมตอบท่านรองฯอย่างนั้น"
"เอ๊า!! ก็มันจริงนี่คะคุณเจเจ?? หรือจะให้โกหกมันผิดศีลข้อ 2 ไม่ใช่เหรอคะ?” ประกายเดือนว่า
จามจุรีสะดุ้ง "เฮ้อ!" จามจุรีงัดยาดมมาดมต่อ
นัครินทร์เรียกชื่อดังลั่น "คุณประกายเดือน"
จามจุรีสะดุ้งก่อนจะสวดมนต์ต่อ
นัครินทร์ก้มลงจ้องหน้า "ผมขอบอกว่าคำตอบของคุณเมื่อกี้มันเป็นคำตอบที่สร้างความไม่พอใจให้ผมอย่างมาก"
ประกายเดือนจ้องกลับ "แล้ว..?”
"แล้ว..?" นัครินทร์แยกเขี้ยวยิ้มทั้งที่หน้ายักษ์ "ผมจะใจดีให้โอกาสคุณตอบผมใหม่อีกที เผื่อผมจะพอใจ" นัครินทร์ยื่นหน้าไปจ้องตาแล้วถามใหม่แล้วเน้นคำช้า ๆ "ทำไมป่านนี้พี่คินยังไม่มา?? พี่คินหายไปทำอะไรที่ไหนยังไงกับใคร"
นัครินทร์จ้องตารอคำตอบ ประกายเดือนจ้องกลับแล้วพูด
"คำตอบก็คือ..”
ประกายเดือนเอียงคอยิ้มให้ นัครินทร์เอียงคอยิ้มให้ท่าเดียวกัน ทั้งห้องรอลุ้น
ประกายเดือนพูดขึ้น “..ไม่ทราบค่ะ"
นัครินทร์เสียงดังลั่น "เฮ้ย?!”
ทั้งห้องเซ็ง
นัครินทร์ลุยทันที "นี่คุณเป็นเลขาฯผมนะฮะคุณประกายเดือน คุณจะมาตอบผมอย่างนี้ไม่ได้ ผมอยากรู้อะไรคุณต้องถามได้ตอบได้"
ประกายเดือนพูดลอยๆ "ฉันไม่ใช่กุมารทองซะหน่อย คนนะยะ ไม่ใช่อั๊บดุล"
จามจุรีสูดยาดมปี๊ดๆ
"ตะกี้คุณว่าอะไรนะ?” นัครินทร์ถาม
ประกายเดือนพูดต่อ "เรียนคุณด้วยความเคารพนะคะท่านรองฯ ดิฉันคิดว่าคนที่จะตอบคำถามของท่านรองฯ ได้ดีที่สุดไม่ใช่ดิฉันแต่น่าจะเป็น..”
นัครินทร์สวน "ใคร? ถ้าไม่ใช่คุณแล้วจะเป็นใคร"
ทันใดนั้นปาริฉัตรเปิดประตูผลัวะเข้ามาด้วยหน้าตาที่ยุ่งยากทุกคนหันขวับไปมองจ้องเป็นตาเดียวกัน
ประกายเดือนยิ้มแล้วเรียก "คุณปาริฉัตร!!”
ปาริฉัตรตาวาวก่อนจะทำหน้าจ๋อย
"คุณฉัตร!! ตกลงยังไงฮะ?? พี่คินไปไหน?” นัครินทร์ถาม
ปาริฉัตรอึกอัก "เอ่อ..เอ่อ"
นัครินทร์ตวาด "เอ๊า!! มัวแต่ติดอ่างอยู่นั่นแหละ!! ตอบมาเร็วๆ" นัครินทร์แหกปาก "ผมหิวข้าว"
ปาริฉัตรสะดุ้งกลัว "ค่ะ ๆๆ ..คือ..ดิฉันไม่ทราบจริง ๆ ค่ะว่าท่านประธานไปไหน ดิฉันพยายามติดต่อแล้วแต่ว่าติดต่อท่านประธานไม่ได้"
นัครินทร์โวยทันที ฎจะบ้าเหรอ?? นี่คุณเป็นเลขาฯประสาอะไรฮะ ติดต่อเจ้านายไม่ได้" นัครินทร์ประกาศ"เลิกประชุม!! ไม่ประชุม!! ไม่มีการประชุม"
พูดจบนัครินทร์ก็เดินออกไปทันทีปล่อยให้ภายในห้องอื้ออึง ปาริฉัตรจ้องประกายเดือนยังกับจะฆ่า ประกายเดือนลุกขึ้นจะเดินตามนัครินทร์ออกไป ปาริฉัตรก้าวมาขวางไว้ ทั้งสองจ้องหน้ากัน ประกายเดือนทำแบ๊วใส่ ปาริฉัตรอ้าปากเตรียมจะลุย แต่จามจุรีพูดขึ้นก่อน
"ปาริฉัตร..”
ปาริฉัตรชะงัก ประกายเดือนหลิ่วตาให้ก่อนจะเบี่ยงตัวออกไป
จามจุรีปรี่มาหาด้วยน้ำเสียงห่วงใย "ท่านประธานไม่เคยเป็นอย่างนี้นะ..เกิดอะไรขึ้นรึเปล่า?" จามจุรีร้องโอดโอยว่าจะทำยังไงดี แล้วจามจุรีก็สูดยาดมปื๊ด
ปาริฉัตรคิดเป็นกังวัลก่อนจะหันไปจิกตาประกายเดือนที่เดินออกไป


นัครินทร์พุ่งพรวดมานั่งเก้าอี้อย่างคนอารมณ์เสียและหงุดหงิด เขาชะเง้อซักพักก็เอะใจว่าทำไมเลขาฯ ยังไม่ตามเข้ามา อัครินทร์ก็ปรี่จะลุกออกไปตามแต่ก็นึกได้จึงไว้ฟอร์ม กลับมากดอินเตอร์คอมฯ เรียกดีกว่า
"คุณเลขาฯ!! เข้ามาหาผมด่วน"
พูดเสร็จเขาก็เดินหงุดหงิดไปตั้งใจจะทิ้งตัวลงนอนบนโซฟา แต่บังเอิญได้ยินเสียงประกายเดือนเคาะประตูและเปิดประตูผลัวะเข้ามาทันที นัครินทร์ตกกะใจจนกะผิดทำให้หล่นโครมลงกับพื้น
ประกายเดือนตกใจ "ว้าย!”
นัครินทร์รีบปีนขึ้นนอนบนโซฟาหน้าตาเลิ่กลั่ก
ประกายเดือนมองงงๆ "ท่านรองฯคะ..เป็นอะไรรึเปล่าคะ?”
นัครินทร์เก็กและทำไก๋ "ใคร? ใครเป็นอะไร?”
ประกายเดือนเหล่เพราะรู้แล้ว "ก็ท่านรองฯไงคะ ตะกี้ทำท่าเหมือนหล่นโซฟานะคะ?”
"หล่นโซฟา?? บ้า!! ใครหล่นโซฟาฮะ?? ตาถั่วแล้วฮะ ไปหาหมอตัดแว่นได้แล้วฮะคู้ณ"
ประกายเดือนเบะปากเพราะไม่อยากต่อความ "อ่ะ..ตกลงเรียกหาดิฉัน มีอะไรให้รับใช้คะ?”
นัครินทร์ลุกขึ้นนั่งเต๊ะกอดอก "วันนี้คุณทำงานผิดพลาด"
ประกายเดือนตาโต "ผิดพลาด?? ตรงไหนคะ??”
"บอกว่าผมมีประชุม 9 โมง แต่จริง ๆ ไม่มี"
ประกายเดือนเสียงแข็ง "จริง ๆ มีค่ะ แต่ท่านประธานไม่มา!! ซึ่งนั่นก็ไม่ใช่ความผิดพลาดของดิฉัน"
"ผิด!!” อัครินทร์ย้ำคำ
"เอ๊ะ!!”
นัครินทร์สวนทันที "คุณรู้มั้ยว่าผมต้องรีบหัวซุกหัวซุนมาประชุมแต่เช้าโดยที่ไม่ได้กินข้าวเช้า แถมยังต้องมานั่งรอจนหงุดหงิด อารมณ์เสีย" นัครินทร์ย้ำ "และหิวข้าวมากกก ซึ่งคุณผิด ที่ไม่ได้เตรียมอะไรไว้ให้ผมทานเลยซักนิดเดียว"
ประกายเดือนเหวอ "เอ๊า!! ก็ท่านรองฯไม่ได้สั่ง"
นัครินทร์ย้อนเลียนแบบ "ท่านรองฯไม่ได้สั่ง?? เฮ๊ย!! ของแบบนี้มันต้องให้สั่งด้วยเหรอฮะ คนเป็นเลขาฯ ก็น่าจะต้องรู้ต้องเตรียมอะไรไว้ให้เจ้านายเคี้ยวเล่น เอ๊ย! ไว้ให้รองท้องระหว่างประชุม" นครินทร์สรุป "ผิดเต็มๆ"
ประกายเดือนอ่อนใจเพราะไม่อยากเถียง "ก็ได้ค่ะ..แล้วจะยังไงต่อคะ?”
นัครินทร์สวนทันที "คุณต้องออกไปทานข้าวกลางวันกับผม"
ประกายเดือนตกใจ "หา?”
นัครินทร์พูดต่อ "เป็นการแสดงความรับผิดชอบ"
ประกายเดือนอ้าปากจะเถียง
นัครินทร์ไม่ยอมให้เถียง "และตอนนี้ผมก็หิวจนไส้จะขาดแล้วเพราะฉนั้น ไปทานข้าวกับผม เดี๋ยวนี้"
ประกายเดือนสวน "เดี๋ยวนี้ไม่ได้ค่ะ"
นัครินทร์สวน "ทำไมจะไม่ได้?”
ประกายเดือนยื่นหน้าไปพูดใส่หน้า "เพราะดิฉันปวดฉี่ มาก"
นัครินทร์เหวอ "ห๊ะ?!”
"ขอไปฉี่ก่อนได้มั้ยคะท่านรองฯ?! รึจะให้ราดตรงนี้?”
นัครินทร์ตกใจ "เฮ้ย ๆๆ ไม่เอาๆ "นัครินทร์จับประกายเดือนแล้วดันไปที่ประตู "ไปเร็ว ๆ เลย รีบไปห้องน้ำเดี๋ยวนี้เลยไป"
"ฮิฮิ..ขอบคุณค่ะ"
ประกายเดือนเดินออกไป นัครินทร์ปิดประตูด้วยความเวียนกบาล

อ่านต่อหน้าที่ 4


เสน่หาสัญญาแค้น ตอนที่ 6 (ต่อ)

ใครคนหนึ่งเดินไปหยุดยืนหน้าประตูห้องน้ำ ประกายเดือนเปิดประตูห้องน้ำมาโพล๊ะก็ตกใจเมื่อเห็น ‘ปาริฉัตร’ ยืนจ้องอยู่ ทันใดนั้นปาริฉัตรก็ผลักประกายเดือนกลับเข้าไปในห้องน้ำโดยใช้มือนึงบีบคอไว้

ประกายเดือนพยายามแกะมือแล้วพูดไปด้วยอย่างยากลำบาก "เป็นอะไรเนี่ย? จะมาหาเรื่องอะไร?”
"แกน่ะสิหาเรื่อง!! แกปั้นเรื่องอะไรใส่ฉันห๊า?!! ตอนฉันไม่อยู่ในห้องประชุม แกใส่ไฟฉันใช่มั้ย? คุณนัครินทร์ถึงได้ด่าฉันขนาดนั้น"
"บ้า!! ฉันไม่ได้ทำ"
ปาริฉัตรตะปบทั้งสองมือเต็มแรง "อย่ามาแหล!!! เมื่อไหร่แกจะเลิกแอ๊บซะทีนะห๊า?!! ฉันอยากจะฆ่าแกให้ตายจริง ๆ ตั้งแต่แกโผล่หัวมาที่นี่ ท่านประธานเปลี่ยนไป ท่านรองฯเปลี่ยนไปทุกคน ทุกอย่างเปลี่ยนไปหมด"
ประกายเดือนพูดไม่ออก "ปะ..ปล่อย..”
ปาริฉัตรบีบแรงขึ้น ประกายเดือนรวบรวมแรงโขกหัวใส่หน้าผากปาริฉัตรจนปาริฉัตรต้องปล่อยมือไปจับหัวตัวเอง ประกายเดือนผลักปาริฉัตรจนกระเด็นแล้ววิ่งออกมาโดยจะวิ่งออกประตูใหญ่ แต่ปาริฉัตรตามมาล็อคไว้ได้ทัน ประกายเดือนถีบปาริฉัตรกระเด็นลงไปกองกับพื้นแล้วหันไปคว้าที่ปั๊มส้วมขึ้นมาชี้หน้าปาริฉัตรก่อนจะขู่
"ถ้าขืนยังไม่หยุดบ้า ฉันฟาดหน้าแกแหกแน่ นังปาปริก้า"
"แก!" ปาริฉัตรทำท่าจะลุก
ประกายเดือนจิ้มที่ปั๊มส้วมขู่ "ยัง??? ฉันบอกให้หยุด"
ทันใดนั้นนัครินทร์ก็เปิดประตูผลัวเข้ามา ประกายเดือนตกใจสะดุ้งหันขวับเอาไม้ที่ปั๊มส้วมไปจิ้มใส่หน้านัครินทร์เต็ม ๆ
นัครินทร์ตกใจ "เฮ้ยย"
ประกายเดือนตกใจ "ท่านรองฯ!”
นัครินทร์จะบ้าตายจึงส่งเสียงคราง "นี่มันอะไรกันฮ้า"
ประกายเดือนพูดไม่ออก ปาริฉัตรหลบตาก้มหน้างุด


นาคินทร์กำลังเทสปาเก็ตตี้จากกะทะลงในจานแบบดูน่ากินมาก สาวิตรีกับใบตองปรี่เข้ามาทำจมูกฟุดฟิด
"แกได้กลิ่นอะไรมั้ยใบตอง?” สาวิตรีถาม
"ได้ค่ะ..หอมมากค่ะ" ใบตองบอก
สาวิตรีเห็นนาคินทร์ก็ตกใจมาก "พี่คิน! วันนี้พี่คินไม่ไปทำงาน?”
ใบตองก็สาระแนทำเป็นตกใจ "แถมยังทำสปาเก็ตตี้ด้วย?”
สาวิตรีปรี่มาแตะหน้าผาก "เป็นอะไรลูก? ไม่สบายมากมั้ยลูก?? เอ๊ะ! ตัวก็ไม่ร้อนนี่"
นาคินทร์ขำ "คุณแม่..ผมไม่ได้เป็นอะไรครับ" นาคินทร์หอมแก้มแม่หนึ่งที "ขอตัวก่อนนะครับ"
พูดจบนาคินทร์ก็เดินไปพร้อมสปาเก็ตตี้ 2 จานในถาดพร้อมอุปกรณ์ สาวิตรีและใบตองมองตามอย่างงง ๆ
สาวิตรีทวนคำ "สบายดี?”
"ดีมากด้วยค่ะ คนเดียวทานสปาเก็ตตี้ตั้ง 2 จาน" ใบตองบอก
พูดจบทั้งสองก็สะดุ้งแล้วหันมามองหน้ากันทั้งนายและบ่าว
สาวิตรีกับใบตองตาวาว “2 จาน?" ทั้งสองยิ้มให้กัน
สาวิตรีพยักหน้าสั่ง "ไป!”
"อย่างไวเจ้าค่ะ!" ใบตองพุ่งตามนาคินทร์ไป
สาวิตรียิ้มปลื้มและทำตาวิบวับ


นาคินทร์เดินมาที่ปานตะวันแล้วก็เอาถาดวางบนโต๊ะ ปานตะวันจะลุกหนี
นาคินทร์รีบคว้ามือเธอไว้ "เดี๋ยว..จะไปไหน"
ปานตะวันไม่ตอบ เธอจะชิ่งออก นาคินทร์รวบตัวไว้
"ปล่อยค่ะ เดี๋ยวใครมาเห็นเข้า" ปานตะวันบอก
ใบตองที่ซุ่มดูอยู่ตาลุกโพลง
"ถ้าอยากให้ผมปล่อย ก็นั่งลงดีๆ"
ปานตะวันทำท่าจะขัดขืน คราวนี้นาคินทร์รัดแน่นก่อนจะกระชับมาใกล้จนหน้าแทบจะติดกัน
ปานตะวันรีบร้อง "นั่งแล้วค่ะ..นั่งก็ได้"
นาคินทร์ยิ้มแล้วก็ยอมปล่อยให้ปานตะวันนั่ง
"ดีมาก" นาคินทร์เริ่มพูดไปด้วย จัดโต๊ะไปด้วย ปูผ้ารองจาน วางช้อนส้อม วางแก้วน้ำ และวางจานสปาเก็ตตี้ "ผมไม่รู้ว่าคุณโกรธ คุณไม่พอใจผมเรื่องอะไร แต่เอาเป็นว่า ผมขอไถ่โทษคุณด้วยอาหารมื้อกลางวันจานนี้--สปาเก็ตตี้ผัดเบค่อน--โอเค้?”
ปานตะวันนั่งนิ่ง
นาคินทร์มองอาการแล้วถามอ้อน ๆ "ไม่ยอมยกโทษให้เหรอครับ?”
ปานตะวันมองหน้านาคินทร์ "นี่คุณไม่ทราบจริง ๆ เหรอคะว่าดิฉันไม่พอใจคุณเรื่องอะไร?”
นาคินทร์ซื่อใสและทำแบ๊ว "จริ้ง"
ปานตะวันจ้องหน้าแล้วนึกถึงเหตุการณ์ตอนที่นาคินทร์กระชากปานตะวันลงจากรถอัครินทร์
นาคินทร์ “จ้างมาทำงานวันแรกแจกเบอร์ให้น้องชายผมยังไม่พอ ยังชวนกันมานอนที่คอนโดฯ ของผมอีก”
ปานตะวัน “หยุดนะ หยุดคิด หยุดพูดอะไรสกปรกซักที”
นาคินทร์ “แล้วคุณมันสะอาดตรงไหน?”
ปานตะวันนึกน้อยใจแล้วก็เบือนหน้าหนี นาคินทร์เข้ามาคุกเข่า ใบตองตาโตว้าว!!!
ปานตะวันมองตำหนิ "คุณนาคินทร์!”
"ก็ผมไม่รู้จะทำไงให้คุณยกโทษให้" นาคินทร์บอก
ปานตะวันเบือนหน้าแล้วยังทำใจแข็ง
"ผมรู้ ว่าคุณยังโกรธผมเรื่องคืนนั้น แต่คุณก็ต้องเข้าใจสิครับว่าคนเค้ารักเค้าหวงของเค้า"
ปานตะวันทำหน้าแบบ “พูดได้ยังไง”
นาคินทร์ยิ้มให้แบบต้องการจะบอกว่าจริง ๆ นะ
ใบตองเอามือตะปบหัวใจทำท่าจะเป็นลม หวานหัวใจจะวาย
"ผมสัญญาว่าผมจะพยายามห้ามใจตัวเองไม่ให้หึงเกินเหตุขนาดนั้นอีก"
ปานตะวันพูดจริง "คุณนาคินทร์คะ ดิฉันคิดว่ามันเป็นเรื่องไม่สมควรที่..”
นาคินทร์สวน "การที่ผมจะรักใครซักคนผมไม่สนคำว่าสมควรหรือไม่สมควร"
ปานตะวันตกใจ
"ผมสนแค่ว่า..รัก หรือ" นาคินทร์แอบทำตาแข็ง "ไม่รัก..เท่านั้น"
ปานตะวันอึ้งหนักเพราะงงว่าอะไรเนี่ย
นาคินทร์ยิ้มสดใส "ทานหน่อยนะครับ เย็นแล้วไม่อร่อย ผมจะเสียคะแนนแย่เลย"
พูดจบนาคินทร์ก็เริ่มกินโดยปล่อยให้ปานตะวันนั่งงง ใบตองแอบมองก็อินคู่จิ้นจนแทบจะกัดลิ้นตาย


สาวิตรีปลาบปลื้มมากหลังจากฟังรายงานข่าวหวานจากใบตอง
"ยังงั้นเชียวเหรอใบตอง?" สาวิตรีเคลิ้ม "ที่สุดอ่ะพี่คิน" สาวิตรีนึกได้ก็ชะงัก "นี่แกไม่ได้เว่อร์นะไม่ได้ใส่ไข่ใช่มั้ย?”
"โธ่..คุณผู้หญิงขา ใบตองได้ยินเต็มสองหู เห็นเต็มสองลูกกะตา" ใบตองเลียนเสียงนาคินทร์การที่ผมจะรักใครซักคน ผมไม่สนคำว่าสมควรหรือไม่สมควร"
สาวิตรี..อื้มม"
"ผมสนแค่ว่ารักหรือไม่รักเท่านั้น"
สาวิตรีฟินมาก "ที่สุด!!! อ่อนหวานโรแมนติกได้แม่" สาวิตรีหันไปเห็นทวยเทพนั่งอ่าน นสพ.อยู่ข้าง ๆ ก็ชะงักผลักแบบงอนๆ "ไม่เหมือนพ่อ ไม่พูดไม่จาไม่จ๋าไม่จี๋"
"เอ๊า! แม่..พ่อก็อ่านนสพ. ของพ่ออยู่ดีๆ"
สาวิตรีฉก นสพ.มาพับ "เลิกอ่านได้แล้ววว ณ จุดนี้ เรามาเตรียมฉลองกันดีกว่าจ๊ะพ่อ"
ทวยเทพงง "ฉลอง?? ฉลองอะไร?”
"เก๊าะ..แหม!! ฉลองว่าอีกไม่นานเรา 2 คน ก็คงจะได้อุ้มหลานปู่หลานย่ากันซะทีไงล่ะจ๊ะพ่อจ๋า"
ทวยเทพ ‘เฮ้อ!’ สาวิตรีคิกคัก ใบตองดี๊ด๊าจะได้อุ้ม ‘คุณหนู’

ประกายเดือนรวบช้อนส้อม นัครินทร์ที่กำลังทานอย่างอร่อยชะงัก
"อะไรฮะ? อร่อยจะตาย ทำไมไม่ทานให้หมด" นัครินทร์ถาม
"อิ่มแล้วค่ะ ไม่ค่อยหิว" ประกายเดือนบอก
นัครินทร์พยักหน้าหงึกๆ แล้วจะกินต่อแต่บังเอิญมองเห็นหน้าผากประกายเดือนเขาก็เพ่งมอง ก่อนจะขำก๊ากจนสำลัก ไอแค่ก ๆ แรงขึ้นเรื่อยๆ
ประกายเดือนตกใจ "เฮ้ย!! ท่านรองฯ" ประกายเดือนรีบลุกขึ้นมาหาทางช่วย "ท่านรองฯ! ใจเย็น ๆ นะคะ"
นัครินทร์ยังสำลัก สุดท้ายประกายเดือนก็ตัดสินใจตบหลังผลัวะจนนัครินทร์โวยลั่น
"โอ๊ย!! พอแล้ว!! ผู้หญิงอะไรมือหนักยังกะช้างถีบ!”
ประกายเดือนเผลอท้าวสะเอว "นั่นไง!! ช่วยได้แล้วก็ปากจัดทันที รู้งี้ปล่อยให้สำลักตายซะก็ดี"
"ตะกี้คุณว่าไรนะฮะ?! คุณจะปล่อยให้ผมตายเนี่ยนะฮะ..คุณเลขาฯ"
"แฮ่.." ประกายเดือนพูดไว "แล้วปล่อยที่ไหนล่ะ?" ประกายเดือนยืดโชว์ "เห็นป่ะคะ..ท่านรองฯรอดตายเพราะใคร?”
นัครินทร์ส่ายหน้าแล้วพูดประชด "ที่สุดอ่ะ!!”
"ขอบคุณค่ะ!!”
"เออ..จริงสิฮะคุณยังไม่ยอมเล่าให้ผมฟังเลยว่าเกิดเรื่องอะไรในห้องน้ำ?”
"ไม่มีอะไรค่ะ เก๊าะ..ส้วมมันเต็ม!”
นัครินทร์สะดุ้งโดยกลิ่นเหม็นยังติดจมูก "ส้วมเต็ม?? แล้วทำไมเลขาฯพี่คินถึงลงไปกองอยู่กับพื้น แล้วที่สำคัญ" นัครินทร์อมยิ้ม "ทำไมหัวเหม่งคุณถึงได้แดงแจ๋ขนาดนี้?”
ประกายเดือนรีบตะปบหัวเหม่งตัวเอง "ว้าย!! จริงเหรอคะ?" ประกายเดือนรีบควักแป้งตลับออกมาส่องดู "ตาย ๆๆ..หมดกัน ๆ" ประกายเดือนตบแป้งอย่างแรงแล้วก็สะดุ้ง" อูย..โอย" ประกายเดือนกุมหัวป้อยๆ
นัครินทร์เห็นอาการประกายเดือนก็อดขำไม่ได้
ประกายเดือนงอน "ท่านรองฯอ่ะ!" ประกายเดือนส่องกระจกอีก "โอย..ตาย ๆๆ"
นัครินทร์เผลออมยิ้มอย่างเอ็นดูประกายเดือนขึ้นมาแทนอาการหื่นกระหายซะงั้น แต่แล้วก็ต้องสะดุ้งเมื่อได้ยินเสียงเรียก "เดือน!!”
ประกายเดือนหันขวับมาทำตาโต "พี่อัจ!" ประกายเดือนยิ้มแฉ่ง
นัครินทร์หน้าตึงก่อนจะหันไปมองอัจฉริยะ หนุ่มหล่อนักเรียนนอกที่ยืนยิ้มเผล่อยู่
"พี่อัจกลับมาเมื่อไหร่คะเนี่ย?” ประกายเดือนถาม
อัจฉริยะดีใจจึงโผเข้ากอดประกายเดือนแบบฝรั่ง "ไม่เจอกันนานเลยนะครับ เดือนสบายดีรึเปล่า"
"ก็..ดีมั่ง" ประกายเดือนมองนัครินทร์ "ไม่ดีมั่งอ่ะค่ะ"
"เอ๊ะ! หน้าผากไปโดนอะไรมา?" อัจฉริยะจับ
"แฮะ ๆ ไม่มีอะไรค่ะ..พี่อัจนั่งก่อนสิคะ"
นัครินทร์เหวอด้วยความงงที่ประกายเดือนมีการลากเก้าอี้มาให้ผู้ชายนั่งแทรกกลาง?
"ท่านรองฯคะ นี่พี่อัจ พี่อัจคะนี่คุณนัครินทร์เจ้านายเดือนเองค่ะ" ประกายเดือนแนะนำ
อัจฉริยะยื่นมือให้ นัครินทร์แตะอย่างเสียไม่ได้
"ยินดีที่ได้รู้จักครับ" อัจฉริยะพูดกับประกายเดือน "อาทิตย์ก่อนพี่ไปหาเดือนที่บ้าน มีคนบอกว่าเดือนกับตะวันย้ายออกไปแล้ว"
"ค่ะ..ย้ายไปอยู่คอนโดฯอ่ะค่ะ"
"ดีจัง เดือนยังใช้เบอร์เดิมรึเปล่า? ไว้เรานัดเจอกันบ้างนะครับ" อัจฉริยะถาม
"เดือนเปลี่ยนเบอร์ค่ะ" ประกายเดือนคว้ามือถืออัจฉริยะมากดเมมเบอร์ให้ "นี่ค่ะ”
นัครินทร์เหล่
"ไว้พี่โทร.ไปนะครับ พี่ไม่กวนแล้วนะ" อัจฉริยะพูดกับนัครินทร์ "ขอโทษที่รบกวน ขอตัวก่อนนะครับ" อัจฉริยะพูดกับประกายเดือน "ไว้เจอกันนะครับ"
"ค่ะ!" ประกายเดือนยิ้มแฉ่ง "บ๊ายบายค่ะพี่อัจ"
ประกายเดือนมองตามอัจฉริยะที่ลุกเดินไป
"หุบยิ้มหน่อยมั้ยฮะ? ปากฉีกจะถึงหูแล้วนะฮะ?” นัครินทร์ว่า
ประกายเดือนหุบทันทีก่อนจะเหล่ "ก็คนมันมีความสุขนี่คะ" ประกายเดือนยักไหล่ "ปากจะฉีกไปถึงท้ายทอยก็คงต้องยอม"
นัครินทร์คิดนิดนึงก่อนจะแย็บ "กิ๊กเก่าล่ะสิ?”
"ดิฉันไม่เคยมีกิ๊กค่ะ จะคบใครก็คบทีละคนและต้องเรียกว่า ‘แฟน’ เท่านั้น ไม่เคยเรียก ‘กิ๊ก’ --พี่อัจเป็นแฟนเก่าของดิฉันค่ะ"
“‘แฟนเก่า’ ตรงไหน? ก็ได้ยินอยู่ว่าจะนัดเจอกันอีก"
"แหนะ!! ท่านรองฯพูดเหมือนกำลังหึงดิฉันงั้นแหละ"
นัครินทร์สะดุ้ง "บ้า!!" นัครินทร์แก้ตัวเสียงสูง "ผมเหรอฮะจะหึงคุณ?? นี่! บอกให้ตาสว่างนะ ระดับผมน่ะมีสาว ๆ เข้าคิวเป็นร้อย จำไว้เลยนะคุณประกายเดือน..คนอย่างผมจะไม่มีวันยุ่งกับเลขาฯตัวเองให้เสียชื่อเป็นอันขาด"
"ดีค่ะ!! ดิฉันจะจำไว้ให้แม่นเลย"
ประกายเดือนอมยิ้มเชิ่ด ๆ เริ่ด ๆ ขณะที่นัครินทร์ยังต้องเก็กต่อไป

ปานตะวันกำลังจะล้างจาน ทันใดนั้นนาคินทร์ก็เอื้อมมาจับมือปานตะวันไว้
"นี่คุณทำอะไรของคุณ?" นาคินทรืยิ้ม "ล้างจานมันหน้าที่ผม"
ปานตะวันดึงมือออก "คุณนาคินทร์คะ ฉันขอร้องเถอะค่ะ" ปานตะวันมอง ๆ เพราะกลัวคนเห็น "คุณทำให้ฉันลำบากใจมากนะคะ ฉันเพิ่งจะเข้ามาอยู่..เอ่อ..มาทำงานดูแลคุณนารถตามสัญญาที่ทำไว้กับคุณ"
นาคินทร์ยิ้ม "แล้วไงครับ?”
"ฉันไม่อยากให้เกิดข้อบกพร่องใด ๆ โดยเฉพาะข้อครหาเกี่ยวกับฉัน"
"กลัวจะไม่ได้อยู่กับผมนาน ๆ เหรอครับ"
ปานตะวันตำหนิ "คุณนาคินทร์!!”
นาคินทร์เอานิ้วแตะปากปานตะวัน "ชู่ว์!!" นาคินทร์ส่ายหน้าไม่ให้พูด "ไม่ต้องกลัว..คุณต้องได้อยู่กับผมนานแน่" นาคินทร์พูดเสียงเข้มขึ้น "เพราะผมไม่มีวันที่จะปล่อยคุณไปง่าย ๆ"
ปานตะวันอึ้ง
นาคินทร์กลับมายิ้มอ่อนโยนเหมือนเดิม "ผมให้สัญญา!!”
ปานตะวันมองอย่างงๆ ว่ายังไงวะเนี่ย? นาคินทร์ยิ้มหล่อมาก ทั้งสองคนจ้องตากัน

อ่านต่อตอนที่ 7
กำลังโหลดความคิดเห็น