เสน่หาสัญญาแค้น ตอนที่ 17
ภาพกนกรัตน์ในนสพ. อยู่ในมือปาริฉัตร ปาริฉัตรมองภาพนั้นอยู่
"เป็นไปได้ยังไง!! ไม่จริง!! เป็นไปไม่ได้!”
ปาริฉัตรขยำๆ ฉีกๆ ทิ้งลงถังขยะ ประกายเดือนเดินมาเห็นก็ชะงักแล้วเบะปากทำไม่สนก่อนจะเข้าห้องน้ำ
"ตกกระป๋อง"
ประกายเดือนชะงัก "ใคร? เธออ่ะเหรอ?" ประกายเดือนยักไหล่ "ตกประป๋องตั้งนานแล้วนี่ เพิ่งจะรู้ตัวเหรอ"
ปาริฉัตรกระชากตัวมาทันที "แกนี่แหละ!" ปาริฉัตรยิ้มสะใจ "คราวนี้ตกกระป๋องแน่! ท่านประธานเค้ามีผู้หญิงคนใหม่แล้วย่ะ..รู้ไว้ด้วย!!”
ประกายเดือนอึ้ง "อะไรนะ?”
"เจียมกะลาหัวไว้ด้วย นังกระจอก!!” ปาริฉัตรว่า
ปาริฉัตรผลักประกายเดือนแล้วเดินออกไป ประกายเดือนยังอึ้งๆ
“..ตะวัน..? แย่แล้ว...”
นารถนรินทร์จับมือให้กำลังใจปานตะวัน
"อย่าคิดมากนะคะพี่ตะวัน ก็แค่คนหน้าเหมือน ไม่ได้แปลว่าพี่คินจะต้องชอบผู้หญิงคนนั้นหรอกนะคะ"
ปานตะวันฝืนยิ้ม "คุณคินจะชอบใครก็ไม่เกี่ยวกับพี่นี่คะ"
"เกี่ยวสิคะพี่ตะวัน นารถเป็นน้องสาวพี่คิน ทำไมจะไม่รู้ใจพี่ชาย ที่สำคัญ นารถว่านารถก็พอจะรู้ใจพี่ตะวันด้วยเหมือนกันน้า"
ปานตะวันพูดเสียงขื่นๆ "น้องนารถเคยได้ยินมั้ยคะ..จิตมนุษย์นี้ไซร้ ยากแท้หยั่งถึง"
"ถ้าเป็นคนอื่นอาจจะใช่..แต่คงไม่ใช่สำหรับพี่คินกับพี่ตะวันของนารถหรอกค่ะ"
ปานตะวันไม่อยากจะเถียงเพราะรู้ซึ้งอยู่เต็มอก
"เรามาทำกายภาพกันดีกว่าค่ะ" ปานตะวันฝืนใจยิ้ม "ขยันอีกนิด อีกไม่นานน้องนารถก็จะเดินให้คุณวิทย์เห็นในงานแต่งงานได้แล้ว พี่อยากให้วันนั้นมาถึงให้เร็วที่สุด"
กนกรัตน์ทำหน้าตกใจนิดๆ
"ตายจริง!! มันจะไม่เร็วเกินไปเหรอคะ เราเพิ่งพบกันได้ไม่นาน คุณนาคินทร์ก็จะชวนเคทไปทานข้าวที่บ้านคุณแล้วเหรอคะ?”
นาคินทร์พูดลอยๆ เหมือนพูดกับตัวเอง "นานแล้วครับ เราพบกันนานแล้ว"
"คุณนาคินทร์ว่าไรนะคะ?” กนกรัตน์ถาม
นาคินทร์รู้สึกตัว "เอ่อ..คือ..ถึงแม้เราจะเพิ่งพบกันแต่ผมกลับรู้สึกเหมือนกับว่าเราเคยพบกันมานานแล้วน่ะครับ"
กนกรัตน์ยิ้มสดใส "โห..ขนาดนั้นเลยเหรอคะ?" กนกรัตน์ส่ายหน้า "เราจะเคยพบกันเมื่อไหร่คะในเมื่อ เคทไปอยู่อเมริกานานมาก แล้วก็เพิ่งจะบินกลับมาร่วมงานการกุศลครั้งนี้เนี่ยค่ะ"
นาคินทร์กังวล "แล้วคุณเคทจะต้องกลับไปอเมริกาอีกมั้ยครับ?”
กนกรัตน์ขำ "ต้องกลับสิคะ คุณพ่อคุณแม่เคทอยู่ที่นู่น ทำธุรกิจที่นู่น เคทคงจะอยู่ที่นี่ไม่นานหรอกค่ะ"
นาคินทร์อึ้งแล้วก็ใจหายไปทันที
บ๋อยยกน้ำชามาเสิร์ฟกนกรัตน์ และกาแฟของนาคินทร์
กนกรัตน์พูดกับบ๋อย "ขอน้ำผึ้ง.กับ..มะนาวด้วยนะคะ"
นาคินทร์ชะงักกับน้ำผึ้งมะนาว!!
ภาพตอนที่นาคินทร์ตักน้ำผึ้งแล้วเอามะนาวฝานใส่ถ้วยชาให้กนกวลีย้อนกลับมา
"หืมม์..รู้ใจกนกขนาดนี้..รักตายเลย" กนกวลีบอก
นาคินทร์ขำ "รักมากก็ได้ครับ ทำไมต้องรักตายด้วย"
"ก็รักตายไงคะ..กนกจะรักพี่คินจนตาย"
เหตุการณ์ปัจจุบัน นาคินทร์สะดุ้งเพราะเสียงกนกรัตน์เรียก
"คุณนาคินทร์คะ"
"ครับ"
กนกรัตน์ยิ้ม "ใจลอยคิดถึงอะไรอยู่คะ เดี๋ยวกาแฟเย็นหมดนะคะ"
"เอ่อ..ครับๆ"
นาคินทร์ยกกาแฟขึ้นจิบ สายตาของเขามองกนกรัตน์ที่กำลังตักน้ำผึ้งแล้วเอามะนาวฝานใส่ถ้วยชาแล้วก็จิบ พร้อมกับยิ้มชื่นใจ ยิ่งมองนาคินทร์ก็ยิ่งคิดถึงกนกวลี
นาคินทร์ตัดสินใจเอื้อมมือไปจับมือกนกรัตน์ "อย่าไปได้มั้ยครับ?”
กนกรัตน์งง "คะ?”
นาคินทร์มองอย่างจริงใจ "อย่าเพิ่งไป..อย่าทิ้งผมไปอีก"
กนกรัตน์มองอึ้งๆ ก่อนที่ในแววตาจะแอบมีแววสมหวังดั่งใจขึ้นมาแวบนึง
ประกายเดือนหันขวับพูดโทรศัพท์กับปานตะวันด้วยสีหน้าเคร่งเครียด
"ใคร? ตะวัน มันเป็นใคร?”
ปานตะวันถอนใจ "เดือน..ไม่ใช่เรื่องของเรา"
"ใช่สิทำไมจะไม่ใช่!! ท่านประธานตามจีบตะวันมาตั้งนาน ท่านประธานชอบตะวันมากรักเลยดีกว่า พูดให้ชัด"
ปานตะวันสวนเสียงเข้ม "เดือน! อย่าพูดคำนี้!! มันไม่ใช่"
"ทำไมจะไม่ใช่? ผู้ชายคนนึงทำทุกสิ่งอย่างเพื่อผู้หญิงคนนี้ ทำไมจะไม่ใช่?” ประกายเดือนว่า
ปานตะวันพูดทันที "ไม่ใช่ผู้หญิงคนนี้ โอเค.มั้ยเดือน แค่นี้นะ..พี่ไม่ว่าง"
ปานตะวันวางหูพรึ่บ
ประกายเดือนอึ้ง "อะไรอ่ะ?" ประกายเดือนงง "ใช่สิ!! ไม่ใช่เพื่อผู้หญิงคนนี้แล้วจะผู้หญิงคนไหน? ไม่จริงอ่ะ"
ปานตะวันทรุดนั่งอย่างอดเจ็บปวดใจกับสิ่งที่นาคินทร์ทำไม่ได้
อัครินทร์ทำหน้างงก่อนจะพูดเสียงดังลั่น
"คุณแม่ว่าไงนะครับ? พี่คินจะพาผู้หญิงมาทานข้าวกับเรา?”
ทุกคนทำหน้ามึนๆ ยกเว้นนัครินทร์
"อ้าว! ไอ้หมอ!! ทำไมต้องตกใจเว่อร์ แค่พี่คินเค้าจะพาผู้หญิงมากินข้าวกะพวกเราแค่นี้ ถ้าพาผู้ชายมาค่อยตกใจสิเว้ย" นัครินทร์หันไปถามทุกคน "จริงมั้ยฮะ? จริงมั้ย?”
ทุกคนนิ่งอึ้งและไม่มีใครเห็นด้วยกับนัครินทร์เลยซักคน
"อ้าว..ไงเนี่ย?" นัครินทร์จิ้มผลไม้กินแก้เก้อ
อัครินทร์ลุกพรวด
"ลูกหมอจะไปไหน?” สาวิตรีถาม
"จะไปหาคุณตะวันครับ"
ทันใดนั้น ใบตองก็วิ่งหน้าตาเลิ่กลั่กเข้ามา
"มะ..มะ..มะ..มา..แล้วค่ะ..มาแล้ว"
"ใครมา!! ใบตอง!”
"คะ..คะ..คุณคิน กับ..คะ..คะ..คุณ..” ใบตองละลักละล่ำ
เสียงนาคินทร์ดังขึ้น "กนกรัตน์ครับ"
ทุกคนหันขวับไปมองก็อึ้งตะลึงช็อคที่เห็นนาคินทร์ยืนเคียงคู่กับกนกรัตน์
นาคินทร์พูดกับกนกรัตน์ "ครอบครัวของผมครับ…กนก"
กนกรัตน์พนมมือไหว้ "สวัสดีค่ะ"
พ่อแม่ของนาคินทร์รับไหว้ นัครินทร์ อัครินทร์ตกตะลึง นารถนรินทร์หน้าบึ้ง ส่วนใบตองแน่นอก นาคินทร์, กับกนกรัตน์ยิ้มชื่นมื่น
นาคินทร์ตักกับข้าวให้กนกรัตน์
"คุณแม่ผมทำกับข้าวอร่อยที่สุดในโลกเลยนะครับกนก" นาคินทร์คุย
"จริงค่ะ อร่อยมากจริงๆ เคทไม่เคยทานอาหารไทยที่ไหนอร่อยเท่าฝีมือคุณแม่เลยค่ะ" กนกรัตน์ชม
สาวิตรีอดปลื้มไม่ได้ "งั้นก็ทานเยอะๆ นะจ๊ะหนู เอ่อ..หนู..หนูเคท"
นารถนรินทร์กระแทกช้อน "แต่ทำไมวันนี้นารถทานอะไรไม่ค่อยลง"
ทุกคนอึ้งๆ
"อย่าเสียมารยาท" นาคินทร์ว่า
นารถนรินทร์อึ้งเพราะนาคินทร์ไม่เคยพูดไม่ดีกับเธอแบบนี้ "พี่คิน!" นารถนรินทร์สั่งใบตอง "ไปตามพี่ตะวันมาเดี่ยวนี้!!”
กนกรัตน์ชะงัก
อัครินทร์พูดทันที "ไม่ต้อง!!! คุณตะวันพักผ่อนอยู่ อย่าไปรบกวน"
กนกรัตน์สงสัย
นาคินทร์สั่งเสียงแข็ง "ไปตามมา!”
ทุกคนหันพึ่บ กนกรัตน์มอง ใบตองมึนแต่ก็ต้องยอมเดินไปเดินมา
อัครินทร์เป็นห่วง "พี่คิน...”
นาคินทร์สวน "ตะวันเป็นคนของฉัน ฉันสั่งให้มาก็ต้องมา"
กนกรัตน์มอง ทุกคนอึ้ง
ปานตะวันพูดขึ้น "ฉันอยู่นี่แล้วค่ะ"
นาคินทร์หันไปเห็นปานตะวันยืนหน้านิ่งอยู่
"มีอะไรจะให้รับใช้คะ?” ปานตะวันถาม
นาคินทร์กับปานตะวันมองตาแบบไม่ยอมกัน
คนทั้งโต๊ะกระสับกระส่าย นารถนรินทร์ยิ้มแฉ่ง ส่วนกนกรัตน์มอง
นารถนรินทร์เสียงใส "พี่ตะวันคะ มาทานข้าวด้วยกันค่ะ มานั่งใกล้ๆ นารถหน่อย วันนี้นารถทานข้าวไม่ค่อยลง"
ทวยเทพชวน "มา..หนูตะวัน..มาทานข้าวด้วยกัน"
ปานตะวันเดินมานั่งข้างนารถนรินทร์กับอัครินทร์โดยนั่งตรงข้ามนาคินทร์กับกนกรัตน์
นัครินทร์พูดอย่างแช่มชื่น "โห..วันนี้แน่น..ครบองค์เลยนะฮะบ้านเรา"
"หนูเคทจ๊ะ นี่หนูตะวัน เป็นผู้ดูแลยัยนารถ เป็นสมาชิกอีกคนในบ้านเราจ๊ะ" สาวิตรีบอก
กนกรัตน์ยิ้มจริงใจ "ยินดีที่ได้รู้จักค่ะคุณตะวัน"
ปานตะวันยิ้มน้อยๆ "สวัสดีค่ะ"
สองสาวมองตากัน
"คุณแม่ก็พูดให้เกียรติเกินไป" นาคินทร์พูดกับกนกรัตน์ "ที่จริงพูดง่ายๆ ผมจ้างเค้ามาดูแลยัยนารถน่ะครับ"
ปานตะวันอึ้ง
อัครินทร์ลุกขึ้นยืน "พี่คิน! มากเกินไปแล้วนะครับ!”
นาคินทร์ลุกขึ้นเสียงแข็ง "เกินไปตรงไหน?”
ทวยเทพเสียงเข้ม "นั่งลง! ทั้งคู่!!”
ทั้งสองคนจำใจทิ้งตัวลงนั่งภายใต้บรรยากาศมาคุมากๆ นาคินทร์จ้องตาปานตะวัน โดยที่กนกรัตน์มองอยู่
อัครินทร์เดินคุยมากับปานตะวัน
"คุณไม่เป็นไรนะครับ?”
ปานตะวันยิ้มเยาะตัวเอง "ถ้าฉันอ่อนแอขนาดนั้น..ป่านนี้ฉันคงตายไปนานแล้วล่ะค่ะ"
"ผมไม่เข้าใจพี่คินเลยจริงๆ"
"แต่ฉันเข้าใจค่ะ เข้าใจเค้าที่สุด" ปานตะวันหยุดเดินแล้วมองหน้าอัครินทร์
อัครินทร์มองปานตะวัน "นี่ยิ่งทำให้ผมไม่เข้าใจพี่คิน คุณเป็นคนดีขนาดนี้ ทำไมพี่คินถึงทำอะไรบ้าๆ "ฉันไม่ได้ดีอย่างที่คุณคิดหรอกค่ะ ฉันแค่รู้เท่าทันเค้าต่างหาก ฉันรู้ว่าที่เค้าทำอะไรบ้าๆ ก็เพราะว่าเค้าโกรธแค้นฉันมาก"
"จะโกรธแค้นอะไรกันนักหนา เรื่องพี่กนกมันไม่ใช่ความผิดของคุณ แล้วมันก็ผ่านไปตั้งนานแล้ว"
"แต่คุณนาคินทร์ยังไม่ยอมปล่อยให้มันผ่านไปไงคะ เค้ายังยึดติดอยู่กับอดีต เค้ายังตกเป็นทาสของอารมณ์ เป็นทาสของความรักที่เค้ามีต่อคุณกนกวลี"
อัครินทร์พูดแบบผู้ชายๆ "ก็ต้องพอแล้วล่ะ ต้องพอซะที ผมจะบอกพี่คินเรื่องคุณกับลูก"
ปานตะวันตกใจ "ไม่นะคะคุณอัค! มันอาจจะยิ่งทำให้ฉันแย่ไปกว่านี้..ถ้าคุณนาคินทร์เค้าไม่ได้รักฉัน..อย่างที่คุณคิด"
อัครินทร์อึ้ง พอคิดแล้วก็เซ็ง
ปานตะวันยิ้มเศร้าๆ "ดีซะอีก การที่มีคุณกนกรัตน์เข้ามาอาจทำให้คุณนาคินทร์ปล่อยฉันไปเร็วขึ้นก็ได้"
อัครินทร์ใจหายวูบ
ปานตะวันทำใจ
อ่านต่อหน้าที่ 2
เสน่หาสัญญาแค้น ตอนที่ 17 (ต่อ)
นาคินทร์ขับรถซิ่งมาบนถนน กนกรัตน์ลอบมองนาคินทร์ที่ดูฉุนๆ
"คุณคินโอเค.มั้ยคะ?” กนกนรัตน์ถาม
นาคินทร์รู้สึกตัว "เอ่อ..ผมต้องขอโทษด้วย..เรื่องบนโต๊ะอาหาร"ฃ
กนกรัตน์ยิ้มอย่างเข้าใจก่อนจะส่ายหน้า
"เคทเข้าใจค่ะ..ไม่มีอะไรต้องขอโทษเลยนี่คะ"
กนกรัตน์เอื้อมมือไปกุมมือนาคินทร์
"แค่พี่น้องเถียงกันนิดๆหน่อยๆ เรื่องคุณตะวัน"
นาคินทร์อึ้งแล้วก็หลบสายตาไป กนกรัตน์มีแววตาที่เปลี่ยนเป็นเยือกเย็น
ปานตะวันที่อาบน้ำเสร็จสวมชุดนอนเดินออกมา เธอชะงักเมื่อเห็นนาคินทร์นั่งรออยู่ ปานตะวันจะรีบวิ่งออกจากห้อง แต่นาคินทร์ปราดมาขวางแล้วรวบตัวเธอไว้
"ปล่อย!!ปล่อยนะ!!”
"ไม่ปล่อย!”
"ปล่อยฉันได้แล้ว! ในเมื่อคุณมีกนกรัตน์แล้วก็ปล่อยฉันไปซะที"
"ไม่มีทาง คุณทำให้ผมต้องเสียกนกวลีไป มันไม่เกี่ยวกับการที่ผมจะมีกนกรัตน์"
ปานตะวันอึ้ง "คุณนาคินทร์!" ปานตะวันอยากจะร้องไห้
"ทำไม นึกว่าจะมีโอกาสไปหลอกผู้ชายไถเงินผู้ชายโง่ๆ ต่อได้อีกเหรอ ใครล่ะ นายอัค? หรือไอ้เด็กเมื่อวานซืนนั่น ..ฝันไปเถอะ"
ปานตะวันจ้องหน้า "คุณนี่มันน่าสงสาร เป็นคนที่ไม่มีความสุขเอาซะเลย มีแต่ความทุกข์ก็เลยพยายามหาความสุขบนความทุกข์ของคนอื่น"
"ปากดีนักนะ ถ้างั้นก็ช่วยเป็นที่ระบายความทุกข์ให้ผมซะทีนึงก็แล้วกัน" นาคินทร์ว่า
นาคินทร์ลากปานตะวันมาเหวี่ยงลงเตียงแล้วจูบทันที ปานตะวันพยายามผลักไสเพราะเป็นห่วงลูกในท้อง
"อย่า! อย่านะคะ! อย่า!!ตะวันขอร้อง"
ปานตะวันยกมือขึ้นพนม นาคินทร์ชะงักกึกเมื่อเห็นน้ำตาของปานตะวันที่คลอก็ใจอ่อนวูบแล้วลุกพรวด
"ต่อไปนี้อย่าปากดีอีก! แล้วก็อย่าคิดไปยุ่งวุ่นวายกับผู้ชายหน้าไหน!!อ้อ! ผมไม่ได้หึงไม่ได้หวงหรอกนะ แต่แค่ไม่ชอบ!”
นาคินทร์พูดจบก็เดินออกไปทิ้งให้ปานตะวันชอกช้ำใจ
รปภ.ยิ้ม ช่วยเปิดประตูให้ปาริฉัตรที่หอบแฟ้มมาทำงานด้วย เขาเข้ามาช่วยถือแฟ้มมาวางบนโต๊ะ
"โห..หอบงานกลับไปทำงานที่บ้านเยอะแยะเลยนะครับผม" ยิ้มบอก
"ขอบคุณค่ะลุงยิ้ม ยังไม่มีใครมาใช่มั้ยคะ?" ปาริฉัตรเดินไปเปิดสวิทซ์ต่างๆ
"ครับพ้ม!! เหมือนเดิมครับพ้ม!!”
ทั้งสองยิ้มขำๆ ให้กันอย่างรู้กันดี ยิ้มเดินออกไป ปาริฉัตรนั่งลงจะทำงานแล้วได้ยินเสียงกุกกักในห้องทำงานนาคินทร์ เธอชะงักแล้วค่อยๆ ลุกเดินไปที่ประตูก่อนจะตัดสินใจเปิดประตูเข้าไป
ปาริฉัตรอึ้งตะลึงกับสิ่งที่เห็นตรงหน้า
"นี่มันอะไรกันเนี่ย?”
ปาริฉัตรเห็นห้องทำงานนาคินทร์ที่เคยโล่งว่างถูกตกแต่งจัดวางประดับผิดตาแต่ดูดี ปาริฉัตรงงๆ ก่อนจะค่อยๆ เดินกวาดสายตามองไปเรื่อยๆ
ปาริฉัตรพึมพำอย่างไม่พอใจ "ใคร? นี่มันฝีมือใคร"
ปาริฉัตรหันหลังกลับมาแล้วก็ชะงักเพราะตกใจมาก "ว้าย!!”
กนกรัตน์ยืนอยู่ชิดจนน่าตกใจ
"คุณ!! คุณเข้ามาได้ยังไง เข้ามาทำอะไร?”
กนกรัตน์ยิ้มหวานให้ "เคทก็อยากมาทำเซอร์ไพรส์ให้คุณนาคินทร์น่ะค่ะ"
ปาริฉัตรตั้งสติได้ก็คอแข็งทันที "เก็บของๆ คุณออกไปให้หมด!! ถ้าไม่เก็บ ฉันจะเรียกแม่บ้านมาเอาไปโยนทิ้ง"
กนกรัตน์พูดอย่างใจเย็น "เคทตั้งใจทำให้คุณนาคินทร์จริงๆ นะคะ"
"ท่านประธานไม่ชอบ" ปาริฉัตรบอก
"ลองดูก่อน..” กนกรัตน์ว่า
ปาริฉัตรสวนทันที "ไม่มีใครรู้ใจท่านประธานเท่าฉัน!! เอาออกไป" ปาริฉัตรเอามือกวาดของบางอย่างลงจากชั้น
นาคินทร์เปิดประตูเข้ามาพอดี
"เกิดอะไรขึ้นคุณฉัตร?” นาคินทร์ถาม
ปาริฉัตรตกใจ กนกรัตน์หันมา
นาคินทร์งง "กนก?”
กนกรัตน์ยิ้มหวานให้ นาคินทร์งง ปาริฉัตรสะใจแล้วคิดในใจว่ากนกรัตน์โดนแน่
นาคินทร์หันขวับไปมอง
"ต่อไปนี้ ขอให้รักษามารยาทกับคุณกนกด้วย" นาคินทร์บอก
ปาริฉัตรแทบช็อค กนกรัตน์มีสายตาสะใจแวบนึง
"แต่..ท่านประธานคะ.." ปาริฉัตรพูดไม่ออก เธอน้ำตาจะไหล
"ที่ผ่านมา..ไม่เป็นไร..เพราะคุณไม่ทราบ แต่ตอนนี้คุณทราบแล้ว ก็ขอให้ระมัดระวังด้วยนะครับคุณฉัตร"
"คือ.." ปาริฉัตรจุกจนพูดไม่ออก "ค่ะ..ฉัตรขอตัวนะคะ"
ปาริฉัตรวิ่งออกไปทันที
"คุณนาคินทร์ไม่น่าไปว่าคุณฉัตรนะคะ เป็นความผิดของเคทเอง เคทอยากเซอร์ไพรส์คุณ" กนกรัตน์บอก
นาคินทร์ยิ้มน้อยๆ "ขอบคุณมากครับ"
กนกรัตน์เดินเอามือไล่แตะชั้นด้านหลังเก้าอี้นาคินทร์ "เคทเห็นในห้องคุณมีแต่ความว่างเปล่า..เคทเลยอยากเติมเต็มให้คุณ" กนกรัตน์ชะงักเมื่อมาถึงภาพวาดริมทะเล เธอมองจ้อง "นี่รูปเลอะอะไรคะเนี่ย?”
กนกรัตน์กำลังจะเอามือแตะรอยเลือด แต่นาคินทร์ตะปบหมับไปที่มือกนกรัตน์
นาคินทร์เสียงดังลั่น "อย่า!!”
กนกรัตน์ตกใจ "อุ้ย!!" หันมองหน้านาคินทร์อย่างงงๆ
"เอ่อ..ขอโทษครับ คือ ปล่อยภาพนี้ไว้อย่างนี้เถอะครับ" นาคินทร์มองแล้วคิดถึงกนกวลี "มันอยู่ตรงนี้มานานแล้ว"
กนกรัตน์มองนาคินทร์แล้วมองไปที่ภาพริมทะเลอยู่เนิ่นนาน
ปาริฉัตรยืนร้องไห้เสียใจ สักพักกนกรัตน์ก็ยื่นผ้าเช็ดหน้าส่งให้ ปาริฉัตรหันไปเห็นเป็นกนกรัตน์ก็สะบัดหน้า แล้วเดินหนี กนกรัตน์เดินตาม
"อย่ามายุ่งกับฉัน!”
"ไม่ยุ่งได้ยังไงคะ? คุณฉัตรเป็นคนที่คุณนาคินทร์เป็นห่วง"
ปาริฉัตรชะงักเพราะรู้สึกดีเล็กๆ แต่ก็ยังเบือนหน้า
กนกรัตน์พูดต่อ "ถ้าไม่มีเลขาฯที่รู้ใจอย่างคุณฉัตร คุณนาคินทร์ก็คงจะเหนื่อยแย่เลย"
ปาริฉัตรยังเชิดแต่ก็รอฟัง
"คุณนาคินทร์นี่โชคดีจริงๆ สมัยนี้จะหาคนที่รักและซื่อสัตย์อย่างคุณฉัตรนี่ยากเหลือเกิน"
ปาริฉัตรหันมามองเหมือนจะญาติดีด้วย แต่กลับยิงตรง "คุณมาพูดจาหวานเลี่ยนแบบนี้กับฉันเพื่ออะไร?”
กนกรัตน์ยิ้ม "หวานตรงไหนคะ? เคทพูดความจริงทั้งนั้น ไม่ใช่เหรอคะ?”
ปาริฉัตรอึ้งแล้วจ้องหน้ากนกรัตน์อย่างอยากจะจับผิด แต่ก็ไม่เห็นพิรุธเลยซักนิด
ปานตะวันถูกแพรวพรรณรายกับประกายเดือนดึงให้นั่งลงแล้วก็ยิงคำถามรัว
"ตกลงว่ามันเป็นใคร?”
"มาจากไหน?”
"มันร้ายใส่ตะวันรึเปล่า?”
"ทำไมคุณนาคินทร์ทำแบบนี้?”
"ท่านประธานบอกตะวันว่าไง?”
ปานตะวันทำหน้าเซ็ง "จะให้ฉันตอบตอนไหน?”
สองสาวชะงักกึก
"อ่ะๆๆ..เล่ามา!”
ปานตะวันมองหน้าทั้งสองแล้วถอนหายใจ "ไม่มีอะไรจะเล่า"
ประกายเดือนตกใจ "เฮ่ย!!”
"บ้าแระตะวัน!! ผู้ชายคนนี้ตามจีบตะวัน ทำทุกอย่างให้ตะวันไปอยู่ด้วย รับยัยเดือนเข้าทำงาน ซื้อคอนโดให้จ่ายเงินเดือนให้ตะวันเยอะแยะขนาดนั้น แล้วจู่ๆ ก็พาผู้หญิงใหม่มาหยาม" แพรวพรรรรายยื่นหน้าใส่ "มันคืออัลไล?”
"ก็คือ..ผู้ชายไง" ปานตะวันบอก
"ไม่จริงอ่ะ..ท่านประธานไม่เหมือนผู้ชายทั่วไป"
"รู้ได้ยังไง?” ปานตะวันถาม
แพรวพรรณรายพูดทันที "ทำไม? จริงๆ หน้าหล่อแต่ใจร้ายใช่มั้ย? เค้าทำอะไรตะวัน?? บอกเพื่อนมาเดี๋ยวนี้"
"เปล่า..ไม่มีอะไร เค้าไม่ได้ทำอะไร"
"พี่พิงค์ค..ก็รู้อยู่ว่าตะวันเค้าขี้ระแวงผู้ชายแต่ไหนแต่ไร ตั้งแต่ไอ้พี่อาร์ตมันเฮงซวยใส่"
ปานตะวันมองเดือน
"ก็จริงป่ะล่ะ?” ประกายเดือนถาม
แพรวพรรณรายมองเพื่อนด้วยความเห็นใจ "ว่าแต่..ตะวันจะทำไงต่อ?”
"จะทำไงต่อ?? ก็ทำงานต่อ จบงานเมื่อไหร่ ทุกอย่างก็จบ" ปานตะวันบอก
แพรวพรรณรายกับประกายเดือนพูดพร้อมกันโดยมิได้นัดหมาย "แน่ใจ?”
"ทำไมจะไม่แน่?” ปานตะวันถาม
"แต่ตะวันก็ต้องระวังตัวไว้หน่อยนะ ที่ออฟฟิศเม้าท์กันฮึ่มเลยว่านางแรง วันก่อนนางบุกมาถึงห้องท่านประธานเลยจ้า มาจัดห้องเคลียร์ห้องใหม่หมดจ้า"
แพรวพรรณรายเสียงสูง "นางเป็นใคร?”
"นั่นสิ!! นางนึกว่านางเป็นใคร?? กะอีแค่หน้าเหมือนเมียเก่าท่านประธาน ก็ไม่ได้หมายความว่าจะได้เป็นเมียใหม่ท่านประธานนะยะ"
"จริง แหม..อยากเห็นตัวจริงเหมือนกันนะ ว่าไอ้ที่ว่าหน้าเหมือน หน้าเหมือนเนี่ย มันจะเหมือนขนาดไหน"
ทันใดนั้น ปานตะวันก็มองหน้านิ่งเหมือนมองเห็นใครคนนึง
‘กนกรัตน์’ กำลังเดินมาช้าๆ ปานตะวันยังจ้องมองนิ่งๆ กนกรัตน์ยิ้มให้แล้วเดินตรงเข้ามา แพรวพรรณรายกับประกายเดือนเริ่มรู้สึกแปลกๆ เลยหันหลังไปมองบ้าง กนกรัตน์เดินเข้ามาถึงแล้ว
กนกรัตน์ยิ้ม "ยินดีที่ได้พบกันอีกนะคะ..คุณตะวัน"
ปานตะวันยิ้มให้ตามมารยาท "ค่ะ..คุณกนกรัตน์"
กนกรัตน์มองสองสาวแล้วแนะนำตัว "ฉัน ‘เคท’ ค่ะ"
ประกายเดือนกับแพรวพรรณรายตอบรับ "ค่ะ"
กนกรัตน์รู้สึกได้ถึงรังสีอำมหิตของ 2 สาว แต่เธอก็เก็บอาการได้มิด
"มาเล่นโยคะที่นี่เหมือนกันเหรอคะ?” กนกรัตน์ถาม
"พวกเรามาที่นี่ตั้งนานแล้วค่ะ" แพรวพรรณรายตอบ
"คุณเพิ่งจะมาใหม่ไม่ใช่เหรอคะ?”
กนกรัตน์ยิ้ม "ค่ะ..เพิ่งจะมาใหม่..แต่เล่นมานานแล้ว เล่นด้วยกันมั้ยคะ?”
แพรวพรรณรายกับประกายเดือนอึ้งเพราะรู้สึกเหมือนโดนเกทับ
ประกายเดือนขึ้น "นี่!!!”
ปานตะวันดึงไว้ "เชิญคุณกนกรัตน์เถอะนะคะ 2 คนนี้เค้าเล่นเสร็จแล้วค่ะ"
"อ้าว..เหรอคะ? เสียดายจัง..งั้น CLASS นี้ก็โล่งสิคะ" กนกรัตน์ยิ้ม "งั้นเคทขอตัวก่อนนะคะ"
กนกรัตน์พูดจบก็เดินออกไป
"เมื่อกี้มันพูดจาแหม่งๆ.. งั้น CLASS นี้ก็โล่ง?”
แพรวพรรณรายนึกได้ "อร้าย..มันหาว่าพวกเราเกะกะ?”
ทั้งสองคนจะพุ่งไปลุยแต่ปานตะวันดึงไว้
"พอแล้ว!! เว่อร์แล้ว เธอ 2 คนนี่หูหาเรื่องจริงๆ"
"ไม่ได้หานะ เพื่อนว่ามันด่าพวกเราว่ะ" แพรวพรรณรายว่า
"จริง!! นางไม่ธรรมดาซะแระ ตะวันเชื่อเค้า!” ประกายเดือนบอก
ปานตะวันไม่ค่อยอยากจะเชื่อ เธอมองตามไปที่กนกรัตน์ซึ่งกำลังเล่นโยคะอย่างมือโปรมากๆ ขณะที่สองสาวยังเม้าท์กันอยู่
ประกายเดือนเดินสะพายกระเป๋าใบใหญ่หลังจากกลับจากเล่นโยคะ ใครสักคนเดินตามเธอ ประกายเดือนรู้สึกตัวแต่ก็เข้าลิฟท์แล้วรีบปิดประตูลิฟท์ เมื่อถึงชั้นของเธอ ประกายเดือนก็ออกจากลิฟท์แล้วรีบเดินเข้าห้อง
ประกายเดือนรีบปิดประตูแล้วก็โล่งอก เธอก้าวเดินต่อแต่แล้วก็ตกใจสุดขีดเมื่อ’นัครินทร์’ โผล่มาเซอร์ไพรส์
"ว้าย!!" ประกายเดือนชกหน้านัครินทร์เต็มแรง
"เย้ยย!” นัครินทร์หน้าหงายเงิบ
ประกายเดือนตกใจ "ท่านรองง?”
นัครินทร์นอนเลือดกลบจมูกอยู่กับพื้น
อ่านต่อหน้าที่ 3
เสน่หาสัญญาแค้น ตอนที่ 17 (ต่อ)
ปานตะวันยืนซื้ออาหารอยู่ เธอเปิดกระเป๋าสะพายแล้วเห็นกระเป๋าสตางค์ของประกายเดือนที่ฝากไว้ตั้งแต่ตอนอยู่่ที่ฟิตเนส
"เอ้า..ยัยเดือน..ลืมกระเป๋าไว้กับพี่" ปานตะวันส่ายหน้า "แล้วจะเอาสตางค์ที่ไหนใช้?" ปานตะวันยิ้มขำ
ปานตะวันรีบจ่ายสตางค์แล้วเดินออกไป
ประกายเดือนกำลังเอาน้ำแข็งประคบจมูกให้นัครินทร์ที่โดนหมัดเข้าไปเต็มๆ และกำลังนอนร้องโอดโอย
"ฉันขอโทษ..ขอโทษจริงๆ นะคะท่านรองฯก็ท่านรองฯนั่นแหละ..โผล่มาเงียบๆ ตกใจหมด?" ประกายเดือนนึกได้ "จริงสิ" ประกายเดือนเผลอผลักหัวนัครินทร์ "นี่แอบเข้ามาในห้องฉันทำไมเนี่ย? จะเข้ามาปล้ำฉันเหรอ"
"บ้า!! จะบ้าเหรอฮะ?? ผมคิดถึง ผมก็มาหา"
อึ้งกันไปทั้งคนฟังคนพูด เพราะคนพูดก็หลุดปาก
นัครินทร์ทำฟอร์ม "เอ่อ..ก็..คิดถึงว่า..”
ประกายเดือนเหล่ "ว่า..?" ประกายเดือนดูซิว่ามันจะแถไปไหน
"ว่า.." นัครินทร์นึก "หมู่นี้..เราไม่ค่อยได้ไปเลี้ยงลูกค้ากันเลย..น่ะ!! อะไรแบบนั้นน่ะฮะ"
ประกายเดือนเหล่ "แล้วมันเกี่ยวอะไรกับต้องแอบเข้ามาในห้องฉัน เรื่องแค่นี้..บอกที่ทำงานก็ได้"
"ก็..ก็..”
"ก็..?” ประกายเดือนงง
นัครินทร์ตัดสินใจรับแบบแมนๆ "โอเค.ผมคิดถึงคุณ"
"ก็แค่นั้นแหละ" ประกายเดือนนึกได้ "เฮ่ย!”
ทั้งสองจ้องหน้ากัน
"เมื่อกี้พูดอะไร?”
"หูตึง?" นัครินทร์เอา 2 มือจับหน้าประกายเดือนมาแล้วตะโกนใส่หู "ผมคิดถึงคู้ณ!!”
ประกายเดือนร้องจ๊าก "เฮ่ย!! เบาๆ ก็ได้ บ้า!!”
นัครินทร์ยิ้มก่อนจะเอา 2 มือจับหน้าเธอมาอีกครั้ง แต่คราวนี้กระซิบเบาๆ "ผมคิดถึงคุณ"
ประกายเดือนอึ้งไป นัครินทร์จ้องตาประกายเดือนโดยหน้าทั้งสองอยู่ใกล้กันนิดเดียว
ประกายเดือนเขินจึงเฉไฉ "จมูกคุณแด้ง..แดง"
นัครินทร์ยิ้มแล้วพูดเบาๆ "หน้าคุณแดงกว่า"
ประกายเดือนเขินจัดจนพูดไม่ออก
นัครินทร์พูดด้วยน้ำเสียงเอ็นดูไม่กระโชกโฮกฮากอย่างเคย "เขินเหรอฮะ?”
ประกายเดือนหลบตาพูดไม่ออก
นัครินทร์ก้มมาใกล้ๆ แก้มประกายเดือน "แก้มคุณแดงมากเลย"
นัครินทร์ค่อยๆ หอมแก้มประกายเดือนแล้วไล่ไปจะจูบ ทันใดนั้น ปานตะวันก็เปิดประตูผลัวะเข้ามาเห็นภาพนั้นคาตา
ปานตะวันช็อค "เดือน?”
ทั้งสองตกใจเมื่อหันมาเห็นปานตะวัน
ประกายเดือนช็อค "ตะวัน!!!”
นัครินทร์คิดในใจว่าแย่แล้ว
ปานตะวันตัวสั่นจนพูดแทบไม่ออก "ทำอะไร? นี่ทำอะไรกัน?”
"ตะวัน..ฟังก่อน"
ปานตะวันพุ่งเข้ามากระชากประกายเดือนออกมาทันที "ทำไมทำอย่างนี้??”
"ตะวัน..”
ปานตะวันเสียงสั่นก่อนจะน้ำตาไหลด้วยความโกรธ "ทำไมเดือนทำอย่างนี้"
พูดจบปานตะวันก็เอามือตีน้องสาวยังกับเด็กๆ ส่วนปากก็พร่ำบ่น “ทำไมทำอย่างนี้”
ประกายเดือนร้องไห้เหมือนเด็กๆ "ตะวัน..ฟังเค้าก่อน"
นัครินทร์เข้ามาห้าม "พอเถอะฮะ อย่าทำอะไรเดือนเลยฮะ"
ปานตะวันตวาดลั่น "ออกไป!!" ปานตะวันพูดกับประกายเดือน "พี่รับปากพ่อกับแม่ไว้จะดูแลเดือนให้ดี" ปานตะวันสะอื้น "เรา 2 คนรับปากพ่อกับแม่ไว้ว่าจะทำตัวดี เป็นลูกสาวที่ดี แล้วทำไมเดือนทำอย่างนี้" ปานตะวันตีไม่หยุด
"เค้าขอโทษ..ตะวัน เค้าผิดไปแล้ว"
นัครินทร์กระชากประกายเดือนเข้ามากอด "พอเถอะฮะ เดือนไม่ผิด ผมผิดเอง!”
ปานตะวันชะงัก ประกายเดือนยังร้องไห้อยู่
"น้องสาวคุณเป็นคนดีมากนะฮะ เป็นผู้หญิงที่ดีมาก" นัครินทร์บอก
ปานตะวันอึ้งแต่ก็ยังสะอื้นอยู่
นัครินทร์พูดต่อ "ผมไม่เคยเจอผู้หญิงอย่างน้องสาวคุณมาก่อน เค้าไว้ตัว รักศักดิ์ศรีมาก ผมอยากให้คุณภูมิใจ"
ปานตะวันยิ่งอึ้งเมื่อนึกถึงตัวเอง
"ที่สำคัญ..เราไม่ได้อะไรเกินเลยไปกว่าที่คุณเห็นเมื่อกี้ แค่นั้นจริงๆ ฮะ"
ปานตะวันอึ้ง
ปานตะวันเสียงเครือ "จริงเหรอเดือน? เค้าไม่ได้ทำอะไรเดือนจริงนะ?”
ประกายเดือนพยักหน้าหงึกๆ แล้วโผเข้ากอดปานตะวัน "เค้าขอโทษนะ..ตะวัน"
สองพี่น้องกอดกันร้องไห้
ปานตะวันพูดกับนัครินทร์อย่างจริงจัง "กลับไปซะ!! แล้วอย่ายุ่งกับเดือนอีก"
"ไม่ได้หรอกฮะ คุณห้ามผมไม่ได้"
"คุณกับพี่ชายคุณต้องการอะไร?” ปานตะวันถาม
นัครินทร์งง "ต้องการอะไรฮะ? เรื่องพี่คินผมไม่รู้ฮะ ผมรู้แต่ว่า ผมรักน้องสาวคุณ"
ปานตะวันกับประกายเดือนอึ้งกันไปทั้งคู่
"อะไรนะ?” ปานตะวันอึ้ง
นัครินทร์พูดอีกครั้ง "ผมรักประกายเดือน"
ประกายเดือนน้ำตาหยดติ๋งๆ
"ไม่เชื่อใช่มั้ยฮะ เพราะเคยเห็นผมเป็นคาสโนว่า ผู้หญิงเยอะ แต่น้องสาวคุณ..ผมรักจริงฮะ"
ปานตะวันส่ายหน้าเพราะไม่เชื่อและระแวง "ไม่จริง..คุณกำลังคิดจะทำอะไร?”
นัครินทร์สวน "จะขอน้องสาวคุณแต่งงานฮะ"
พูดจบนัครินทร์ก็คุกเข่าลงตรงหน้าประกายเดือน
"ประกายเดือน..ผมรักคุณจริงๆ แต่งงานกับผมนะฮะ"
ประกายเดือนอึ้งทั้งน้ำตา "เอ่อ.." ประกายเดือนหันมองพี่สาวแบบกลัวจะโดนดุ “...เอ่อ..”
"คุณตะวันฮะ..คุณอนุญาติมั้ยฮะ?”
ปานตะวันอึ้งไป ทั้งสองรอลุ้น
ปานตะวันตัดสินใจ "ไม่ได้!! ฉันไม่อนุญาต"
นัครินทร์กับประกายเดือนอึ้ง ปานตะวันทำหน้าเฮี๊ยบแต่มีแววตาที่แอบสับสน
นาคินทร์หันขวับ
"ว่าไงนะ?? แกอยากแต่งงานกับประกายเดือน?”
นัครินทร์ทิ้งตัวอย่างหมดแรง "แต่พี่สาวเค้าไม่ยอม"
"ไอ้นัค!!นี่แกบ้าหรือว่าเมา?” นาคินทร์ถาม
"ผมไม่ได้ดื่มฮะ"
"ฉันก็ไม่ยอมให้แกแต่งกับประกายเดือนเหมือนกัน"
"เฮ่ย!!ทำไมล่ะฮะพี่คิน?”
"ห้ามยุ่งกับผู้หญิงบ้านนี้เด็ดขาด"
"อ้าว!!แล้วทำไมทีพี่ยังจีบคุณตะวัน"
นาคินทร์อึ้งไป "ห้าม ฉันบอกว่าห้ามก็คือห้าม ไม่ต้องถาม" นาคินทร์ชี้หน้า "จำไว้นะ แกไม่ได้รักเค้า
แกก็แค่หลงเค้า" นาคินทร์ส่ายหน้า "ผู้หญิงบ้านนั้นมันก็เหมือนกันหมด ทั้งพี่ทั้งน้อง"
นาคินทร์พูดจบก็เดินออกไป
นัครินทร์งง "เฮ่ย!!อะไรวะ? พี่คิน! เดี๋ยว! พี่คิน"
นัครินทร์มึนตึ๊บกับสิ่งที่นาคินทร์พูด
ประกายเดือนนอนน้ำตาไหลอย่างเงียบๆ อยู่ ปานตะวันเดินมามองด้วยความสงสารก่อนจะนั่งลงลูบผมน้อง สาว ประกายเดือนหันมากอดพี่สาวไว้
"เค้าขอโทษนะตะวัน"
ปานตะวันอึ้งไป
"แต่เค้าไม่ได้ทำอะไรไม่ดีนะ เค้าไม่ได้ทำให้พ่อแม่เสียใจ เค้าไม่ได้ทำให้ตะวันเสียใจจริงๆนะ ตะวันต้องเชื่อเค้านะ"
ปานตะวันยิ่งอึ้ง พอนึกถึงตัวเองเธอก็ยิ่งละอาย
"พี่เชื่อ.." ปานตะวันน้ำตาจะไหล "เดือนน้องพี่เป็นคนดี ..พี่เองซะอีก.." ปานตะวันพูดไม่ออก
"ตะวันทำไมเหรอ?”
ปานตะวันพูดไม่ออก
ประกายเดือนไม่รู้อะไร "ไม่เอาน่า..อย่าคิดมาก เค้ารู้ว่าตะวันเป็นคนที่คนหวังดีกับเค้าที่สุด ตะวันเป็นพี่ที่ดีที่สุดในโลก ตะวันเป็นต้นแบบของเค้า ตะวันเก่ง ตะวันดีทุกอย่าง"
ปานตะวันยิ่งฟังก็ยิ่งละอาย
"เค้าจะเป็นแบบตะวัน ทำตามที่ตะวันสอน เป็นผู้หญิงต้องรักนวลสงวนตัว"
ปานตะวันละอาย
"เราต้องยืนด้วยลำแข้งของเราเองให้ได้ ใช่มั้ย" ประกายเดือนถาม
ปานตะวันพูดไม่ออก เธอพยักหน้าหงึกๆ เพราะไม่ไหวแล้วก่อนจะรีบโอบน้องมากอดไว้แน่น
"เดือน..พี่รักเดือนที่สุดนะ"
"เค้าก็รักตะวัน"
สองพี่น้องกอดกันแน่น
อัครินทร์ยื่นน้ำส้มคั้นให้ปานตะวัน
"บำรุงหลานผมหน่อยครับ"
ปานตะวันรับมา "ขอบคุณค่ะ"
อัครินทร์นั่งลง "ผมว่า..คุณตะวันอย่าคิดมากเลยนะครับ"
“..คิดสิคะ..จะไม่ให้ฉันคิดได้ยังไง ดุด่าว่าน้อง ตีน้อง หาว่าน้องไม่รักนวลสงวนตัว ทั้งที่ตัวฉันเอง" ปานตะวันจุกจนพูดไม่ออก
อัครินทร์เอื้อมมือไปกุมมือปานตะวันไว้ "ไม่เอาน่า...ถ้าแม่คิดมากจะมีผลต่อลูกในท้องนะครับ..คุณก็รู้"
นาคินทร์ที่อยู่ในชุดนอนเดินเข้ามาเห็นพอดี เขาปรี่เข้ามากระชากปานตะวันออกจากอัครินทร์ทันที
อัครินทร์เตือน "พี่คิน!! เบาๆครับ!! เดี๋ยว..”
ปานตะวันรีบพูดแทรก "คุณอัค!!”
"ทำไม? ห่วงอะไรกันนักหนา แกไม่มีสิทธิ์นะนายอัค"
"แล้วพี่มีสิทธิ์อะไรล่ะครับ? สิทธิ์ของผู้ว่าจ้างมันไม่น่าจะรวมถึงเรื่องส่วนตัวของผู้รับจ้างนะครับ"
สองพี่น้องมองหน้ากัน
"แต่ตอนนี้นายจ้างมีธุระจะคุยกับลูกจ้าง เป็นการส่วนตัว!!” นาคินทร์ว่า
อัครินทร์รู้ตัวว่าโดนไล่ "พี่คินครับ..คุยกันดีๆ..ผมขอร้อง"
นาคินทร์นิ่งเฉย อัครินทร์มองปานตะวันอย่างเป็นห่วงแล้วก็เดินออกไป
นาคินทร์หันไปเล่นปานตะวัน "จะกวาดให้หมดบ้านนี้ใช่มั้ย..สรุป?”
"คุณคิดได้แต่เรื่องสกปรก" ปานตะวันว่า
"คุณคนเดียวไม่พอ นี่ยังน้องสาวคุณอีก รวมหัวกันวางแผนจะจับนายนัคแต่งงานเหรอ ฝันไปเถอะ"
ปานตะวันกวน "ก็สมใจคุณแล้วไม่ใช่เหรอ อยากจะจับคู่น้องสาวฉันให้น้องชายคุณนักไม่ใช่เหรอ?”
"ก็แค่จับคู่ชั่วคราว!! แก้เหงา!! เหมือนผมกับคุณไง" นาคินทร์จ้องหน้า "ไม่ใช่โดนจับแต่งงานแบบนี้"
ปานตะวันมองหน้านาคินทร์แบบต้องการต่อว่าว่าใจร้ายเหลือเกิน
นาคินทร์พูดต่อ "น่าเสียดาย..ถ้าคุณรู้จักกลับตัวกลับใจ ผมอาจจะใจอ่อนให้อภัยคุณได้บ้าง แต่นี่..ไม่เคยรู้ตัว ไม่เคยจะสำนึก"
"คุณนั่นแหละ..ยอมรับความจริงซะที เลิกจมปลักอยู่กับความรักความแค้นบ้าบอของคุณได้แล้ว"
นาคินทร์ปราดมาบีบแขนปานตะวันแล้วดึงมาใกล้ตัว "อย่าบังอาจดูถูกความรักของผมกับกนกวลี!!”
ปานตะวันกลืนความชอกช้ำ
"อย่างคุณคงไม่เคยรู้จักกับคำว่า“ความรัก” เพราะคุณมันก็เอาแต่ได้ เห็นแก่ตัว ยั่วผู้ชายไปวันๆ" นาคินทร์ว่า
ปานตะวันอยากจะไปจากตรงนั้นแต่สะบัดแขนไม่หลุด "ปล่อยฉันนะ!!”
"ไปบอกน้องสาวคุณด้วย อย่าฝันจะได้เป็นเจ้าสาวของนายนัค อย่างดีก็เป็นได้แค่นางบำเรอเหมือนพี่"
พูดไม่ทันจบนาคินทร์ก็โดนตบเพียะจนหน้าหัน เขาจะกลับมาเล่นงานปานตะวันแต่ไม่ทันเพราะโดนปานตะวันผลักอย่างแรงแล้วก็วิ่งหนีไป นาคินทร์มองตามด้วยความสะใจ
ปานตะวันทรุดอย่างอ่อนแรงลงบนเตียงที่มีถุงมือน้อยๆ ที่เธอเย็บไว้วางอยู่ ปานตะวันค่อยๆ หยิบมาดูแล้วแนบอก
"อดทนกับแม่ สู้ด้วยกันอีกนิดเดียวนะคะ..ลูกแม่"
ปานตะวันทำสายตาไม่อ่อนแอแต่น้ำตาแห่งความน้อยใจก็หยดติ๋ง
อ่านต่อหน้าที่ 4
เสน่หาสัญญาแค้น ตอนที่ 17 (ต่อ)
ศูนย์การค้าใหญ่ที่มีคนช็อปปิ้งกันขวักไขว่ ณ เคาน์เตอร์เครื่องสำอางยอดฮิตสีสันน่าใช้ ปาริฉัตรยืนเมียงๆ มองๆ ด้วยสายตาอยากได้ พนักงานเดินเข้ามาแนะนำ
"ลิปสีนี้ลิมิเต็ดค่ะคุณคะ หายากมากๆ พลอย ชมพู่ก็ใช้ มาค่ะ..เดี่ยวพี่ลองให้คุณ" พนักงานจับมานั่งเก้าอี้เลย
"เอ่อ..ไม่ล่ะค่ะ..ไม่ต้องค่ะ"
"ทำไมล่ะคะ..ลองดูก่อนค่ะ" พนักงานถาม
กนกรัตน์เดินมามุมหนึ่ง เธอเห็นก็มองพนักงานที่กำลังลองทาลิปสติกให้ปาริฉัตร
ปาริฉัตรส่องกระจก "สวยจริงๆ ด้วยค่ะ"
"เห็นมั้ยคะ..มหัศจรรย์ เลอค่า"
ปาริฉัตรหลงใหล "แท่งละเท่าไหร่คะพี่?”
“790 ค่ะ" พนักงานหยิบแท่งใหม่ให้ "นี่แท่งใหม่เอี่ยมนะคะ"
ปาริฉัตรอึ้งแล้วพึมพำก่อนจะยื่นคืนพนักงาน "ไม่เอาดีกว่าค่ะ"
กนกรัตน์คว้าหมับก่อนจะยื่นให้พนักงาน
"เอาแท่งนี้ล่ะค่ะ"
ปาริฉัตรหันขวับมาเห็นเป็นกนกรัตน์ยิ้มอยู่ "คุณ!!" ปาริฉัตรหันกลับไปบอกพนักงาน "ไม่เอา!! ฉันไม่เอา"
กนกรัตน์พูดกับพนักงาน “2 แท่งเลยก็ได้ค่ะ" กนกรัตน์พูดกับปาริฉัตร "ทาเป็นเพื่อนกัน..ดีมั้ยคะ?”
ปาริฉัตรจ้องเขม็ง "ฉันไม่เพื่อนคุณ!!”
ปาริฉัตรลุกขึ้นแล้วเดินหนีไปทันที กนกรัตน์มองตามยิ้มๆ
ปานตะวันเดินดูหนังสืออยู่ในร้านหนังสือ กนกรัตน์เดินผ่านมาแล้วก็ชะงักกึกก่อนจะถอยหลังกลับไปดูก็เห็นว่าเป็นปานตะวัน เธอมองดูสักพักแล้วก็จะเดินเข้าไปหา แต่เห็นปานตะวันปรี่เข้าไปจับดูหนังสือเด็กเล็กที่มีตุ๊กตาสีสันอย่างสนใจเป็นพิเศษ กนกรัตน์ชะงักมองอย่างสังเกต พอประกายเดือนกับแพรวพรรณรายเดินมาหา ปานตะวันก็รีบวางหนังสือ กนกรัตน์มองด้วยความสงสัย สามสาวพากันออกไปจากร้าน กนกรัตน์มองตาม
ประกายเดือนเล่นโยคะท่ายาก แพรวพรรณรายทำเงอะงะแล้วก็โดนครูดุเลยง้องแง้งออกมาคุยกับปานตะวันที่นั่งรออยู่
"ไม่ไหวอ่ะ!! เดี๋ยวนี้ยัยเดือนแอ๊ดวานซ์ข้ามหน้าข้ามตามาก ว่าแต่ตะวันเถอะ..ทำไมหมู่นี้ไม่ยอมเล่นเลยอ่ะ โยคะ ต่อยมวย ฯลฯ เสียชื่อนักกีฬาเหรียญทอง มช.หมดนะเพื่อน"
ปานตะวันชะงักนิดนึงก่อนจะพูดเนียนๆ "ก็..เบื่อบ้างไรบ้างสิ"
"ขี้เบื่อตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย" แพรวพรรณรายแย็บ "เออ.ตะวัน เรื่องเดือนกับคุณนัครินทร์น่ะ..ถ้าเค้ารักกันจริง"
ปานตะวันสวน "เปลี่ยนเรื่องเหอะ"
แพรวพรรณรายอึ้งไป "ถามจริงเหอะ ทำไมถึงไม่ชอบคุณนัครินทร์"
ปานตะวันชะงักนิดนึงก่อนจะตอบ "ไม่รู้จริงๆเหรอ ไม่เคยได้ยิน กิตติศัพท์เค้าเหรอว่าคาสโนว่าขนาดไหน"
แพรวพรรณรายมอง "แค่นั้น?”
ปานตะวันหลบตา "ก็จะให้แค่ไหนล่ะ?”
"งั้น..คุณนาคินทร์ล่ะ..ตกลงตะวันรู้สึกยังไงกับคุณนาคินทร์"
ปานตะวันตั้งสติก่อนจะหันมาทำสู้ตาเพื่อน "รู้สึกยังไง? ทำไมจะต้องรู้สึกอะไร? ยังไง?”
"ไม่เอาน่าา..ตะวัน เราเพื่อนกันนะ"
ปานตะวันมองตาเพื่อนก่อนจะเบือนหน้าไปโดยไม่ตอบ ปานตะวันถอนใจเฮือก กนกรัตน์ยืนแอบฟังทุกอย่างอยู่ที่มุมหนึ่งที่อยู่ไม่ไกล
นัครินทร์พุ่งลงสระน้ำตูมแล้วก็ว่ายเร็วๆ ด้วยความโมโหจัดจนมาถึงอีกฝั่งนึง เขาหอบแฮ่กๆ อัครินทร์ที่นั่งอยู่ตรงขอบสระโดยเอาขาแช่น้ำอยู่มองขำๆ
"ใจเย็น!! ร้อยวันพันปีไม่เคยว่าย เดี๋ยวก็น็อคคาสระหรอกพี่"
"ดี!! น็อคๆ ไปเลยก็ดี" นัครินทร์เอามือฟาดน้ำกระจายด้วยความโมโห "โคตรเซ็งเลย..เดี่ยวนี้พี่คินเค้าเป็นบ้าอะไรวะไอ้หมอ แกรู้จักหมอสมองเก่งๆ มั๊ยวะ จับพี่คินไปสแกนหน่อยซิ สมองเป็นไรรึเปล่า..หึ๋ย" นัครินทร์ฟาดอีกที
อัครินทร์รู้ทุกอย่างแต่พูดไม่ได้จึงเฉไฉไป "ต้องเช็คพี่นัคด้วยละม้าง"
"เช็คฉัน?? เช็คทำไมวะ"
"ก็เช็คว่าเพี้ยนป่ะ?? ซ่ามาตลอดชีวิต จู่ๆ ก็อยากจะแต่งงานขึ้นมาซะงั้น"
"ใครว่าจู่ๆ ไม่ใช่จู่ๆ เว๊ย!! พี่ว่ามัน" นัครินทร์นึกหาคำ "มัน..ซ่อนอยู่ในก้นบึ้งของหัวใจ..มันแบบ..รักซึมลึก..รักไม่รู้ตัว"
อัครินทร์ขำแล้วส่ายหน้า "โห..คาสโนว่า..เลี่ยนว่ะ"
"อีกคนละ..ดูถูกฉันอีกละ..คนนี้ฉันรักจริงนะเว๊ย..ไม่เคยรู้สึกอย่างนี้มาก่อน"
อัครินทร์เหล่แล้วแหย่ๆ "จริงเหรอ? ชั่ววูบรึเปล่า?”
นัครินทร์ชะงักแล้วอึ้งไป "ทำไมพูดเหมือนๆ กันวะ? พี่คินก็หาว่าฉันหลง" นัครินทร์อึ้งเพราะชักจะไม่มั่นใจ "เออ!! ..หรือยังไงวะ?”
"เอ๊า! ไงเนี่ย? ตกลงยังไง..ตกลงพี่รักคุณเดือนจริงๆ รึเปล่าเนี่ย?”
นัครินทร์อึ้งแล้วปราดเข้าหาอัครินทร์ "ไอ้หมอน้องรัก" นัครินทร์เหลียวมองซ้ายขวา "พี่มีอะไรจะปรึกษา " นัครินทร์มองซ้ายมองขวา "สัญญาก่อน..ห้ามเล่าให้ใครฟัง"
อัครินทร์งงๆ ขำๆ "อะไร?? ว่ามาสิ"
"คือ..งี้" นัครินทร์กลัวเสียฟอร์ม "คือจริงๆ ไอ้เรื่องผู้หญิงเนี่ยพี่ก็ชำนาญอ่ะนะ..แกก็รู้แต่.." นัครินทร์อ้ำอึ้ง
อัครินทร์อมยิ้มเพราะรู้ว่าพี่ตัวเองทำฟอร์ม "แต่อะราย?”
นัครินทร์ตัดสินใจพูดเร็วๆ "แต่เราจะเช็คยังไงดีวะว่าเรารักเค้าจริงๆ ไม่ได้หลง"
อัครินทร์กลั้นขำ "โอ่วว"
นัครินทร์ฟอร์ม "จริงๆ พี่ก็ไม่น่าถามแกอ่ะนะ เพราะแกก็ไม่ค่อยจะมีประสบการณ์อะไร แต่..พี่คงมีประสบการณ์มีเยอะไปมั๊ง..ก็เลย..เยอะจนลืมอ่ะ"
"เข้าใจ..เข้าใจ เอางี้มั๊ยล่ะพี่นัค"
นัครินทร์รีบเลย "ยังไงวะ?”
"ก็พี่บอกเองว่าไม่เคยรู้สึกกับใครเหมือนที่รู้สึกกับคุณเดือน"
"ใช่!” นัครินทร์ตอบ
"พี่ก็ลองเช็คง่ายๆ..ลองกลับไปหากิ๊กเก่าๆ ของพี่"
นัครินทร์ตกใจ "เฮ่ย!!”
"ถ้าพี่รู้สึกไม่เหมือนเดิม ไม่เหมือนเวลาอยู่กับคุณเดือน พี่ยังคิดถึง ยังเห็นแต่หน้าคุณเดือนลอยอยู่ นั่นล่ะ"
นัครินทร์ดีดนิ้วเปาะ "ใช่!!มันใช่เลย" นัครินทร์กอดน้องชายแน่น "ขอบใจมากไอ้นัคน้องรัก" นัครินทร์มองน้องด้วยความปลื้มใจ "ฉลาด!! สมกับเป็นน้องชายพี่"
อัครินทร์ส่ายหน้ายิ้มๆ นัครินทร์เตรียมทำตามแผน
ปาริฉัตรควักลิปสติกที่ใกล้จะหมดแท่งขึ้นมาแล้วมองอย่างน้อยใจในโชคชะตา เธอเหลียวซ้ายแลขวาแล้วเอานิ้วขูดๆ ลิปสติกก้นแท่งมาแตะก่อนจะทาปากแล้วมองกระจกแต่ก็ไม่ชอบเพราะสีไม่สวย เธอเอาทิชชู่มาเช็ดปากอย่างอารมณ์เสียแล้วก็ขว้างทิชชู่ทิ้ง
ทันใดนั้น กนกรัตน์ก็ยื่นลิปสติกแท่งที่ปาริฉัตรลองในห้างมาตรงหน้าปาริฉัตร ปาริฉัตรชะงักกึกก่อนจะหันขวับไปมองเห็นว่าเป็นกนกรัตน์
"รับไว้เถอะค่ะ แท่งนี้น่ะ" กนกนรัตน์ค่อยๆ หยิบลิปสติกแท่งเก่าจากมือปาริฉัตรมา "ทิ้งไปซะเถอะ" กนกนรัตน์ปล่อยลงถังขยะ
ปาริฉัตรมอง "มันเรื่องอะไรของคุณ? แล้วคุณมาทำไม? ท่านประธานไม่ว่าง!!มีประชุม"
"เคทไม่ได้มาหาท่านประธานนี่คะ..เคทมาหาคุณ"
ปาริฉัตรเสียงเขียว "มาหาฉันทำไม?”
กนกรัตน์ยิ้ม "เคทรู้สึกถูกชะตากับคุณน่ะค่ะ รู้สึกเหมือนเรา 2 คนมีอะไรคล้ายๆกัน ชอบอะไรคล้ายๆ กัน"
ปาริฉัตรแหยะ "ไม่เห็นจะคล้าย!”
กนกรัตน์ยิ้ม "ก็ดูอย่างลิปสติกนี่สิคะ..เรายังชอบสีเดียวกันเลย..เคทก็ซื้อไว้แท่งนึงเหมือนกัน นะคะ" กนกรัตน์เอาลิปสติกอีกแท่งชูให้ดูคู่กันกับของปาริฉัตร
ปาริฉัตรมอง
กนกรัตน์ยิ้ม "เห็นมั้ยคะ..ว่า เรา 2 คนใจตรงกัน"
กนกรัตน์จับมือปาริฉัตรมาแล้ววางลิปสติกไว้ให้แท่งนึง ก่อนจะกำมือปาริฉัตรไว้
กนกรัตน์จ้องตาแล้วยิ้ม "เคทยินดี “แบ่ง” ให้คุณค่ะ คุณปาริฉัตร"
พูดจบกนกรัตน์ก็ยิ้มให้ แล้วเดินออกไป ปาริฉัตรอึ้งๆ มึนๆ เธอมองลิปสติกในมืออย่างไม่รู้ว่าสื่ออะไร
นาคินทร์ยิ้มแย้มดูน่ารัก
"กนกอยากทานอะไรครับ"
กนกรัตน์ดูเมนูแล้วพูดกับบ๋อย "ขอสลัดดีกว่าค่ะ..อ่อ..ไม่ใส่หอมหัวใหญ่นะคะ"
นาคินทร์อึ้ง
ภาพในอดีตย้อนมา เป็นตอนที่นาคินทร์แกล้งจิ้มหอมหัวใหญ่ในสลัดแหย่จมูกกนกวลีที่เบือนหน้าหนีสุดฤทธิ์ นาคินทร์หัวเราะชอบใจ
"พี่คิน!!!ไม่เอานะ!!อย่าแกล้งกนกซิคะ!! กนกเหม็น!! กนกไม่ชอบหอมหัวใหญ่"
นาคินทร์สะดุ้งเพราะ ‘กนกรัตน์’ เรียก
"คุณนาคินทร์คะ"
"ครับ ว่าไงครับ"
กนกรัตน์มองแล้วยิ้ม "เคทสั่งแล้วค่ะ คุณนาคินทร์ล่ะคะทานอะไรดี"
"ของผม" นาคินทร์ดูเมนู "สเต็กละกันครับ..มีเดียมนะครับ"
บ๋อยรับออเดอร์แล้วเดินออกไป
กนกรัตน์เริ่มเรื่อง "คิดถึงครอบครัวคุณนาคินทร์จังนะคะ.. เมื่อไหร่จะพาเคทไปทานข้าวที่บ้านอีกคะ?”
นาคินทร์ยิ้ม "ผมเกรงใจกนก กลัวจะเบื่อ"
"เบื่อ?" กนกรัตน์ส่ายหน้า "ครอบครัวคุณนาคินทร์อบอุ่นจะตายไป ทุกคนน่ารักมากเลยโดยเฉพาะคุณพยาบาล..ที่ชื่ออะไรนะคะ.." กนกรัตน์ทำเป็นนึก
นาคินทร์หน้าขรึมทันที
กนกรัตน์นึกออก "คุณตะวัน!!ใช่แล้ว..คุณตะวัน!! เธอน่ารักมากเลยนะคะ..คุณนาคินทร์ว่ามั้ยคะ?”
นาคินทร์แอบหงุดหงิดเมื่อได้ยินชื่อ กนกรัตน์มองอาการของนาคินทร์
นารถนรินทร์ปัดจานผลไม้หล่นจากมือใบตองกระจาย
"ไม่กิ๊น! เอาออกไป๊!!”
"ว้ายยย" ใบตองปากคอสั่น "ไม่ทานค่ะ..ไม่ทานก็ไม่ทานค่ะ" ใบตองก้มเก็บแล้วกวาดไป
ปานตะวันเข้ามา
"เกิดอะไรขึ้นคะพี่ใบตอง?”
ใบตองทำหน้าสยองแล้วกระซิบ "‘รมณ์เสีย’ ค่ะ ช่วงนี้พายุเข้าตล๊อดเลยค่ะคุณตะวัน ระวังตัวด้วยนะคะ"
ปานตะวันเดินเข้ามาหานารถนรินทร์ที่ทำหน้ามุ่ย
"น้องนารถ..หมู่นี้หน้ามุ่ยบ่อยจัง ระวังคุณวิทย์มาเห็นเข้านะคะ"
นารถนรินทรืปรับสีหน้าดีขึ้นนิดนึงแต่ก็ยังดู ’รมณ์บ่จอย’อยู่ เธอถามเสียงเขียว "พี่คินละคะ?”
"เอ่อ..พี่ยังไม่เห็น..คงยังไม่กลับมั้งคะ?”
นารถนรินทร์แว๊ดเลย "นั่นไง!! พี่ตะวัน ตั้งแต่มียัยเคทบ้าบออะไรนั่นเข้ามายุ่งวุ่นวาย เดี๋ยวนี้พี่คินหายไปเลย ไม่ค่อยกลับมาทานข้าวเย็นกับพวกเราเลยเห็นมั้ยคะ?”
ปานตะวันอึ้งแล้วเริ่มเข้าใจ "คุณนาคินทร์อาจจะงานยุ่งก็ได้นะคะ"
นารถนรินทร์งงและเคือง "พี่ตะวัน นี่อย่าบอกนะคะว่าพี่ตะวันไม่รู้สึกอะไรเลย ไม่จริง..นารถไม่เชื่อ"
ปานตะวันได้แต่นิ่ง ใบตองแอบลอบมองอาการนั้น
"ไม่รู้แหละ..นารถไม่ชอบยัยนั่น..ไม่ถูกชะตาอย่างแรง!”
"ทำไมล่ะคะคุณนารถ คุณเคทเธอก็ออกจะสวย ที่สำคัญ..หน้าเหมือนคุณกนกยังกะฝาแฝดแน่ะ" ใบตองว่า
นารถนรินทร์แว๊ด "ไม่เหมือน!”
"ว้าย! ขนาดนั้นยังไม่เหมือนอีกเหรอคะ โหย..ยังกะโขกกันออกมาจากบล็อคเดียวกัน"
นารถนรินทร์แว๊ด "ไม่เหมือน!! โขกยังไงก็ไม่เหมือน"
ใบตองสะดุ้งกลัว "ค่ะๆๆ..ไม่เหมือนก็ไม่เหมือนค่ะ..เฮ้อ!”
ปานตะวันมองนารถนรินทร์อย่างงงๆ
กนกรัตน์ใส่น้ำผึ้งในน้ำชาแล้วเอามะนาวฝานวางก่อนจะยกขึ้นจิบ สายตาของเธอจ้องนาคินทร์ที่กำลังจ้องมองเธออยู่ไม่วางตาเช่นกัน
กนกรัตน์ทำงงแล้วรีบวางแก้ว ก่อนจะเอามือแตะหน้าตัวเอง "หน้าเคทเลอะอะไรรึเปล่าคะ?”
นาคินทร์ส่ายหน้า "เปล่าครับ"
กนกรัตน์หัวเราะอายๆ "ก็เห็นคุณนาคินทร์จ้องหน้าเคท"
นาคินทร์ยังมองจ้องอยู่แล้วก็พึมพำ "คุณเหมือน..เหมือนคนที่ผม..รู้จัก เหมือนมาก"
กนกรัตน์แตะหน้าตัวเอง "เหมือนมากขนาดนั้นเลยเหรอคะ?”
นาคินทร์ยังเหมือนอยู่ในภวังค์ เขาพยักหน้าหงึกๆ "ครับ..เหมือนมาก"
กนกรัตน์มีสายตาสมใจแว่บนึงก่อนจะเล่นมุก
"ตายจริง..เพิ่งจะรู้ว่าตัวเองหน้าโหล" กนกรัตน์ขำน่ารัก "ว่าแต่..ใครเหรอคะที่คุณนาคินทร์บอกว่าเคทหน้าเหมือน"
นาคินทร์อึ้งไปก่อนจะเปลี่ยนเรื่อง
"ไม่สั่งขนมเหรอครับ ขนมที่นี่อร่อยนะครับ"
กนกรัตน์ยิ้ม "อยากไปทานขนมฝีมือคุณแม่คุณนาคินทร์มากกว่าค่ะ ได้มั้ยคะ?”
นาคินทร์ยิ้มๆ กนกรัตน์ยิ้มหวานตอบ
สาวิตรีวางจานขนมเค้กลงตรงหน้ากนกรัตน์
กนกรัตน์ตาโตด้วยความดีใจ "น่าทานจังเลยค่ะ..คุณแม่" กนกรัตน์ไหว้ "ขอบพระคุณมากนะคะ คุณแม่ใจดีที่สุดเลยค่ะ"
"แหม..เล่นบอกแม่ปุบปับ แต่รับรองจ๊ะ..ว่าถึงยังไงก็อร่อย" สาวิตรีว่า
"สงสัยเคทจะต้องขอฝากตัวเป็นลูกศิษย์คุณแม่ให้คุณแม่ช่วยสอนทำขนมให้ คุณแม่คงไม่รังเกียจนะคะ"
นารถนรินทร์ที่นั่งจ้องอยู่ตลอดโพล่งขึ้น "รังเกียจ!!”
กนกรัตน์หันขวับ นารถนรินทร์จ้องตอบ
นาคินทร์เสียงเขียว "ยัยนารถ!! พูดอะไร?”
"น้องพูดว่า “รังเกียจ” น้องไม่ชอบ!!”
กนกรัตน์ทำหน้าตกใจ เธอน้ำตาเอ่อแล้วก็หยดติ๋ง
นาคินทร์เห็นก็ใจหายวูบจึงรีบโอบกนกรัตน์ไว้ "กนก!" นาคินทร์แว๊ดนารถนรินทร์ "ยัยนารถ!! ขอโทษพี่กนกเดี๋ยวนี้"
นารถนรินทร์ตกใจและเสียใจ "พี่คิน?”
นาคินทร์ตวาด "ขอโทษพี่กนก"
นารถนรินทร์เสียงดังลั่น "ไม่!! ไม่ขอโทษ!!”
นาคินทร์ปราดไปหานารถนรินทร์ นารถนรินทร์ปล่อยโฮโอบกอดเอวปานตะวันที่ยืนอยู่ตรงนั้น
"อย่านะคะ!!” ปานตะวันปราม
นาคินทร์กับปานตะวันจ้องหน้ากัน กนกรัตน์ลอบมอง
"พี่คิน!! ยัยนารถ!! ไม่เอาน่ะ!! ไม่น่ารักเลย" สาวิตรีพูดกับกนกรัตน์ "ขอโทษด้วยนะจ๊ะ..หนูเคท"
กนกรัตน์ปาดน้ำตา "ไม่เป็นไรค่ะ..คุณแม่" กนกรัตน์ช้อนตาไปลอบมองนาคินทร์กับปานตะวัน
นาคินทร์กับปานตะวันยังจ้องตากัน
อ่านต่อตอนที่ 18