เสน่หาสัญญาแค้น ตอนที่ 14
เช้าวันใหม่ ปานตะวันถือกระเป๋าเสื้อผ้าเล็กๆ ที่จะขนของกลับกรุงเทพฯ เธอเดินมาแล้วก็ชะงักเห็นเล็ก ที่สวมชุดเดิมจากงานเมื่อคืนยับยุ่ย ปลดกระดุมคอนอนเอาสูทคลุมตัวไว้ ปานตะวันอึ้ง เธอค่อยๆ เดินมาหา แล้วหยุดยืนมอง แล้วเธอก็ตัดสินใจไม่ยุ่งจึงหันหลังจะเดินออก ทันใดนั้น เล็กก็คว้ามือปานตะวันไว้ ปานตะวันหันขวับกลับมา
เล็กตัดพ้อนิดๆ "จะแอบกลับ ไม่บอกกันเลยเหรอครับ?”
"เอ่อ…เห็นน้องเล็กหลับอยู่ ไม่อยากกวนน่ะค่ะ" ปานตะวันบอก
"ผมอยากให้พี่ตะวันกวน"
ปานตะวันถอนหายใจเฮือก "หลับตรงนี้ทั้งคืนเลยเหรอคะ" ปานตะวันยิ้มๆ "เจ้าของรีสอร์ท…ไม่มีที่นอนแล้ว?”
"มีครับ..แต่อยากนอนเฝ้าพี่ตะวัน"
ปานตะวันถอนหายใจ "เดี๋ยวก็ไม่สบาย ตากน้ำค้างทั้งคืนแบบนี้"
"ชินแล้วครับ ห่วงพี่ตะวันมากกว่า" เล็กข้องใจ "เมื่อคืน..”
ปานตะวันรีบตัดบท "พี่ต้องรีบไปแล้วค่ะ เดี๋ยวเจ้านายจะรอ" ปานตะวันจะเดินออก "พี่ไปก่อนนะคะ"
เล็กคว้ามือเธอไว้ "เดี๋ยวครับ" เล็กฉกกระเป๋ามาถือแล้วก็มองตา "ผมไปส่ง…ให้ผมดูแลพี่ตะวันนะครับ"
ปานตะวันมองตาแล้วพูดเรียบๆ อย่างขอให้เข้าใจ "อย่าเลยค่ะ..พี่ดูแลตัวเองได้..อย่าห่วงพี่เลยนะคะ" ปานตะวันมองตา "พี่ไม่อยากให้น้องเล็กต้อง..ลำบาก ที่ต้องมา…ดูแลพี่"
ปานตะวันพูดอย่างมีนัยยะซ่อนเร้น
เล็กฉลาดที่จะเข้าใจ "ยังไม่ได้ลองเลย จะรู้ได้ไงล่ะครับว่าลำบาก?”
ปานตะวันอึ้งที่เด็กมันกล้า
"มันไม่ใช่เรื่องลำบากสำหรับผมเลยที่จะดูแลพี่ตะวัน…มันทำให้ผมมีความสุขต่างหาก" เล็กว่า
"คุณเล็ก" ปานตะวันเปลี่ยนคำนำหน้าทันทีเพื่อเน้นระยะห่าง
"อย่าเรียกผมว่าคุณเล็ก แล้วก็น้องเล็กได้มั้ยครับ? เรียกว่า’เล็ก’ เฉยๆ..ขอร้อง"
ปานตะวันอึ้งและไม่ตอบอะไร
เล็กยิงเปรี้ยง "ผมอยากเป็นแฟนพี่ตะวันน่ะครับ"
ปานตะวันอึ้งแล้วทำตาโต
"อย่าบอกว่าผมยังเด็ก..เราเป็นแค่พี่น้องกันดีกว่า เพราะผมโตแล้วและผมก็ไม่อยากเป็นพี่เป็นน้องกับพี่ตะวัน"
ปานตะวันอึ้งไปเลยกับความมุทะลุของเล็ก ในที่สุดเธอก็ยื่นมือออกไปและพูดขึ้น "ขอกระเป๋าพี่คืนเถอะค่ะ..มันหนัก..เชื่อพี่"
ปานตะวันจ้องตาเล็ก ในที่สุดเล็กก็จำใจส่งกระเป๋าคืนให้
"พี่ไปนะคะ" ปานตะวันจะเดินออกไป
เล็กพูดขึ้น "เรายังเจอกันได้ใช่มั้ยครับ?”
ปานตะวันหันมามองแต่ไม่ตอบ เธอยิ้มน้อยๆ ฝืนๆ แล้วเดินจากไป เล็กจ๋อยไปกับอาการของปานตะวัน แต่แป๊บเดียวสีหน้าคุณหนูมุทะลุก็กลับมาเพราะเล็กไม่คิดจะยอมแพ้
กองขนมจุบจิบ ผลไม้ดอง ลูกชิ้นปิ้ง หมูย่างข้าวเหนียวโดนมอลลี่ ลูกกอล์ฟ ที่นำขบวนพนักงานรุมจกกินหมุบหมับด้วยกันอย่างครื้นเครงมากๆ
"เต็มที่พวกเรา!! งวดนี้เจ๊เฮง จัดเต๊ม" มอลลี่ว่า
"สุดยอดเลยเจ๊!! ถูกหวยแล้วเลี้ยงน้องเลี้ยงนุ่งแบบนี้สิถึงจะยอดคน" ลูกกอล์ฟบอก
"ก็ไม่ได้อยากจะเลี้ยงเท่าไหร่หรอกเว๊ย แต่แม่หมอสตาร์วอร์สที่แกให้เลขเด็ดเจ๊มาเค้าจับเจ๊สาบานว่า ถ้าถูกขึ้นมาต้องแบ่งเงินที่ได้น่ะไปเลี้ยงเด็กอนาถา" มอลลี่ว่า
ทั้งหมดชะงักชนิดที่อาหารคาปากเลยทีเดียว
มอลลี่ไม่สน เธอยังจกของกินหมับๆ แล้วพูดต่อ "แต่เจ๊ยุ่ง ไม่มีเวลา ก็เลยซื้อขนมมาเลี้ยงแบบนี้ดีกว่า เจ๊ได้กินด้วย”
ลูกกอล์ฟถาม "ยุ่งหรืองก?”
"ก็งกน่ะสิ" มอลลี่ร้องจ๊าก "อีบ้าา!!..จะกินไม่กิน"
"กินๆๆ..ของฟรี" ลูกกอล์ฟพูดกับเพื่อนๆ "นานๆ ได้กินเงินอีเจ๊ กินๆๆ เร้วพวกเรา"
ทุกคนก้มหน้าก้มตากินต่อ
จามจุรีเดินเข้ามาทำจมูกฟุดฟิด "กลิ่นอะไรเนี่ย" จามจุรีแวะถามปาริฉัตร "กลิ่นอะไรจ๊ะ..ปาริฉัตร?”
ปาริฉัตรไม่ตอบ เธอหันหน้าไปมองทางมอลลี่อย่างเบื่อๆ
จามจุรีตาโต เธอปรี่เข้ามาทันที "สมรศรี! ลูกกอล์ฟ! ทำอะไรกัน"
ทุกคนแตกฮือ มอลลี่กับลูกกอล์ฟกวาดทุกอย่างลงถังขยะใต้โต๊ะหมดเรียบอย่างรวดเร็ว
"เปล่าค่ะ..ไม่ได้ทำอะไร..จริงมั้ยไอ้ลูกกอล์ฟ?” มอลลี่ถาม
"จริงครับ..จริง" ลูกกอล์ฟยกมือที่ยังถือหมูปิ้งขึ้นโบกไปมา "ไม่ได้ทำอะไรเลยจริงๆ"
จามจุรีเดินไปกระชากหมูปิ้งทิ้งแล้วหยิบทิชชู่เช็ดน้ำจิ้มที่ย้อยมุมปากมอลลี่ก่อนจะชูให้ดู
"หลักฐานคามือคาปาก ยังจะโกหก" จามจุรีว่า
ทั้งสองคนหน้าแหย "แฮ่ๆ"
"เดี๋ยวนี้เอาใหญ่แล้วนะ ลืมกฏที่ห้ามเอาอาหารขึ้นมาทานบนชั้นผู้บริหารนี้แล้วเหรอ" จามจุรีถาม
มอลลี่เหลือบไปเห็นปาริฉัตรยิ้มเยาะก็เดินไปโต๊ะปาริฉัตรทันที
"ก็แหม..ผู้บริหารไม่รู้หรอกค่า..ก็เดี๋ยวนี้ผู้บริหารของเราเค้าขยันมาทำงานหมือนเมื่อก่อนซะเมื่อไหร่ล่ะค่ะ จริงมั้ยคะ..น้องฉัตร" มอลลี่ทำเอาสะดุ้ง "เอ๊า!! นี่น้องฉัตรยังมาทำงานด้วยเหรอคะเนี่ย" มอลลี่ตาโต "มาทำไมคะ? ท่านประธานไม่พาไปเที่ยวด้วยหรอกเหรอคะ? ต๊าย..ไม่เหมือนน้องเดือนเลย หายต๋อมไปกับใครไม่รู๊งวดนี้ ท่านพี่รึท่านน้องเอ่ย? ทายซิ..ติ๊กต๊อกๆ" มอลลี่ทำมือชูนิ้วเป็นเข็มนาฬิกา
ปาริฉัตรปัดมือทิ้ง "ปัญญาอ่อน!!”
"คริๆ..พูดแค่นี้ทำไมต้องโกรธด้วยล่ะ?? จี้ใจดำใช่ม้าๆ"
ปาริฉัตรไม่พอใจ จามจุรีอ่อนใจที่เดี๋ยวนี้บริษัทดูวุ่นวาย มอลลี่ขำก๊ากๆ อยู่ ทันใดนั้นนาคินทร์ก็เดินฉับๆ เข้ามา ปาริฉัตรมีสีหน้าเบิกบาน จามจุรีดีใจ ในขณะที่มอลลี่ขำค้าง
นาคินทร์พูดไปเดินไป "มีเอกสารอะไรรีบเอาเข้ามาเลยนะครับ" นาคินทร์เดินเข้าห้องไป
ปาริฉัตรลุกพรวดขึ้นแล้วยิ้มแฉ่ง "ค่ะ!! ท่านประธาน"
ปาริฉัตรรวบแฟ้ม จามจุรีรีบส่งแฟ้มในมือให้ปาริฉัตรหันไปมองเย้ยๆ มอลลี่ก่อนจะรีบวิ่งเข้าไป
"แหวะ!! นังบ่าวเฝ้าหน้าห้อง" มอลลี่ว่า
มอลลี่หันมาเจอะจามจุรีเหล่อยู่ใกล้ๆ เธอก็สะดุ้งเฮือก
"สู้คนนี้ไม่ได้--นางฟ้า..เนอะไอ้ลูกกอล์ฟเนอะ" มอลลี่บอก
ลูกกอล์ฟรีบสนับสนุน "จริงง!”
จามจุรีอ่อนใจ
นาคินทร์เซ็นต์เสร็จก็ปิดแฟ้มก็เงยหน้าขึ้นเห็นปาริฉัตรที่ยิ้มปลื้มอยู่
"เสร็จแล้วครับคุณฉัตร" นาคินทร์บอก
ปาริฉัตรสะดุ้ง "ค่ะ" ปาริฉัตรเก็บแฟ้มเสร็จก็ยืนลังเล
"มีอะไรรึเปล่าครับ"
"เอ่อ..ไปงานแต่งงานที่เขาใหญ่สนุกมั้ยคะ?”
นาคินทร์อึ้ง เขานึกถึงตอนที่เล็กเต้นรำกับปานตะวัน ตอนที่นาคินทร์ผลักปานตะวันลงเตียง
นาคินทร์หน้าหงิก "ไม่มีอะไรแล้วใช่มั้ยครับ?”
ปาริฉัตรอึ้งและจ๋อย "ค่ะๆ..ฉัตรขอตัวนะคะ"
ปาริฉัตรรีบออกไป นาคินทร์อารมณ์ไม่ดี เขารีบหันไปจ้องมองรูปวาดด้านหลังเหมือนให้ช่วยเตือนสติ
"กนก..พี่.." นาคินทร์รู้สึกผิด "พี่..รักกนกนะครับ..พี่รักกนกคนเดียว"
ถึงแม้จะทำเป็นมั่นใจ แต่น้ำเสียงและสายตาของนาคินทร์ก็เริ่มไม่มั่นใจเสียแล้ว สุดท้ายนาคินทร์ก็ตัดสินใจลุกพรวดแล้วเดินออกไป
นาคินทร์เปิดประตูผลัวะแล้วก้าวพรวดๆ คล้ายจะวิ่งออกไป
ปาริฉัตรตกใจ "ท่านประธาน!! ท่านประธานคะ..ท่านประธ๊าน"
ปาริฉัตรอึ้ง มอลลี่กับลูกกอล์ฟรีบเข้ามาเลย
"เฮ้ย!! ทำไมมาเร็วเคลมเร็วงี้ล่ะ?” ลูกกอล์ฟว่า
"นั่นสิ!! สงสัย..อะไรๆ แถวๆ นี้จะไร้แรงดึงดูด ไร้อารมณ์! กร๊ากๆ" มอลลี่ขำ
ปาริฉัตรหยิบของเขวี้ยงใส่ 2 คนจนแตกฮือแต่ทั้งสองก็ยังขำก๊ากอย่างสะใจ ปาริฉัตรโกรธ
นาคินทร์วางดอกไม้ตรงหน้ารูปกนกวลีก่อนจะเอามือแตะรูป
"พี่อ่อนแอเกินไป กนกต้องช่วยให้พี่เข้มแข็ง ไม่ใจอ่อนกับผู้หญิงคนนั้น..ที่ทำร้ายเรา 2 คนนะกนก"
นาคินทร์มองภาพกนกวลีก่อนจะทรุดลงนั่งอย่างอ่อนแรง
เสียงหลวงตาดังขึ้น "ไม่เห็นซะนานเลยนะโยม"
นาคินทร์หันขวับมาก็มองเห็นเป็นหลวงตาใจดียืนอยู่
นาคินทร์กราบ "ผมแย่มากครับหลวงตา..ไม่ค่อยได้มาหากนกเหมือนเมื่อก่อน"
หลวงตายิ้มน้อยๆ "ยึดติดเกินไปก็ใช่ว่าจะดี รักได้คิดถึงได้ แต่ก็ต้องปล่อยวางได้"
นาคินทร์มองแบบไม่เข้าใจ
หลวงตาพูดอย่างเมตตา "เมื่อรักทำให้เป็นสุขนั้นดี แต่ถ้ารักทำให้เป็นทุกข์..ไม่ดี"
นาคินทร์เริ่ม Get
นาคินทร์พูด "แต่กนกยังไม่สมควรจะตายเพราะฆาตกรคนนั้น"
"สมควรหรือไม่? ไม่ใช่เราหรือใครเป็นผู้กำหนดหรอกโยม บ่วงกรรมที่ทำมาต่างหากคือตัวกำหนด อย่าไปถือโทษโกรธแค้นใคร มนุษย์ทุกคนย่อมเกิดมาใช้กรรมที่ทำไว้ วันนี้ยังมีลมหายใจ..จงทำแต่ความดีสะสมบุญต่อไป..ไม่สร้างเวรกรรมเพิ่มอีก..จะถือเป็นกุศลให้โยมเค้าด้วย"
นาคินทร์มีสายตาอ่อนโยนลง
หลวงตามองนาคินทร์อย่างเมตตา "กรรมอยู่ที่การกระทำนะโยมนะ"
พูดจบหลวงตาก็เดินออกไป นาคินทร์กราบตามหลังก่อนจะหันมามองรูปกนกวลีด้วยสายตาสับสน
"กนก..พี่.." นาคินทร์ต่อสู้กับใจตัวเอง "พี่"
นาคินทร์ถอนใจเฮือกก่อนที่สายตาจะเหลือบไปเห็นอะไรบางอย่าง นาคินทร์ชะงักกึกที่เห็นผู้หญิงคนนึงเดินอยู่ไกลๆ ซึ่งเห็นแต่ด้านข้าง
นาคินทร์ชะงักมองนิ่งก่อนจะส่ายหน้าช้าๆ "ไม่..”
ผู้หญิงคนนั้นหันหน้ามายิ้ม พอเห็นหน้าเต็มๆ ก็เห็นว่าเธอคือ “กนกวลี”!
นาคินทร์ช็อคหงายหลังลงไปนั่งผึ่งทันที "กนก!!”
นาคินทร์หันกลับมามองรูปกนกวลีแล้วหันไปมองตรงเมื่อกี้อีกทีก็พบว่าผู้หญิงคนนั้นหายไปแล้ว
นาคินทร์มึนงงช็อคเหมือนโดนฟ้าฟาด "กนก..พี่เห็นกนก..”
นาคินทร์มึนตึ้บกลับมามองรูปอีกทีก่อนจะหันกลับไปมองตรงเมื่อกี้แล้วลุกพรวดวิ่งตามออกไป
นาคินทร์วิ่งมาตามทางโดยปากก็ตะโกนไปด้วย
"กนก! กนกวลี!! รอพี่คินด้วย!”
นาคินทร์วิ่งมาหยุดยืน เหนื่อย แล้วก็เหลียวมองไปรอบๆ นาคินทร์ยืนอยู่คนเดียวอย่างเวิ้งว้างโดยไม่มีกนกวลีหรือใครอยู่เลย
“...กนก..." นาคินทร์ทรุดลงอย่างหมดแรง
พนักงานเสิร์ฟวางนมชมพูตรงหน้าแพรวพรรณรายแล้วเสิร์ฟกาแฟร้อนให้อัครินทร์ ทั้งสองทำท่าจะคุยกัน แต่ทันใดนั้นเสียงหมาเห่าก็ดังขึ้น
"เฮ่ย!" อัครินทร์มองหา "หมาที่ไหนเห่า?”
แพรวพรรณรายก้มลงไปพูดข้างๆ "ชู่ว์!!เงียบก่อนลูก แม่คุยธุระ"
อัครินทร์มองแพรวพรรณรายอย่างงงๆ ว่าเธอบ้ารึเปล่า ก่อนจะค่อยๆ เอียงลงมองข้างๆ แพรวพรรณราย เสียงหมาเห่าดังรัว อัครินทร์สะดุ้ง "เฮ่ย!!”
แพรวพรรณรายดุอัครินทร์ "นี่!! อย่าเสียงดังสิ ลูกฉันตกใจหมด"
"ลูกคุณ?”
แพรวพรรณรายเปิดกระเป๋าเอาลูกหมาตัวเล็กจิ๋วน่ารักออกมากอดและหอม
"หืมม์!!ลูก" แพรวพรรณารายพูดชื่อหมา "ขวัญเอ๋ยขวัญมานะลูก" แพรวพรรณรายค้อนอัครินทร์ "คนอะไรใจร้ายทำลูกตกใจ เกิดหัวใจวายไปจะทำไงเนอะลูกเนอะ"
อัครินทร์ถอนหายใจเซ็งๆ "นี่!! มีอะไรก็รีบว่ามา..ผมรีบ..คนไข้ผมน่าเป็นห่วงกว่าลูกคุณเยอะ"
แพรวพรรณรายค้อน "ก็เรื่องพี่ชายคุณกับเพื่อนรักฉันน่ะสิ..มีอะไรคืบหน้ามั้ย"
"นี่คุณ..ผมเป็นหมอนะครับ ไม่ใช่นักสืบ"
"ก็ไม่ได้ให้สืบอะไรนักหนานี่ ก็แค่ให้คอยสังเกตุพฤติกรรมของพี่ชายคุณ"
"เท่าที่เห็น..ช่วงนี้ก็เหวี่ยงหนักขึ้น"
แพรวพรรณรายตบโต๊ะดังเปรี้ยง "นั่นไง!" หมาเห่าเพราะตกใจ "โอ๋ๆๆ..แม่ขอโทษจ๊ะลูก แม่ลืมตัว"
อัครินทร์ส่ายหน้าเซ็งๆ
"จะไม่เหวี่ยงหนักขึ้นได้ยังไง เจอแผนล่อเสืออกจากถ้ำของพราวพรรณรายเข้าไป ทนไม่ไหวหร๊อก คิกๆๆ"
"แผนล่อเสือออกจากถ้ำ - - แผนอะไรของคุณ? เพี้ยนรึเปล่าเนี่ย?” อัครินทร์ว่า
"คุณสิเพี้ยน!! โอเค!! ฉันจะบอกให้เอาบุญ..คุณจะได้ฉลาดขึ้น เรื่องก็มีอยู่ว่า ฉันอยากรู้ว่าคุณนาคินทร์พี่ชายคุณคิดยังไงกับตะวันกันแน่ ก็เลยวางแผนล่อเสือออกจากถ้ำ ลองใจพี่ชายคุณ"
"ยังไง?” อัครินทร์ถาม
"ก็เขี่ยบอลให้ไอ้หนุ่มมาจีบตะวันน่ะสิ"
อัครินทร์เสียงดังลั่น "อะไรนะ?”
อ่านต่อหน้าที่ 2
เสน่หาสัญญาแค้น ตอนที่ 14 (ต่อ)
หมาเห่าเสียงดังลั่น
แพรวพรรณรายตกใจ "ทำไมต้องเสียงดังขนาดนั้น" แพรวพรรณรายปลอบหมาเสร็จก็ชะงักกึก "นี่!! อย่าบอกนะว่าหึง?? จริงด้วย" แพรวพรรณรายชี้หน้า "คุณก็แอบปิ๊งตะวันอีกคนด้วยใช่มั้ย"
"เฮ่ย.." อัครินทร์หลบตา "อะไร?”
"ไม่ต้องเลย!! ปิ๊งใช่มั๊ย? บอกมา!!”
"ปิ๊งเปิ๊งอะไร?? เปล่า..” อัครินทร์ว่า
"ถ้างั้นไม่ปิ๊งตะวันแล้วปิ๊งใคร?”
อัครินทร์อึ้งมองแพรวพรรณรายแล้วทำหน้าตาตอบยาก "เอ่อ..”
"นี่!! ฉันบอกก่อนนะ ฉันเปิดเผยแผนเด็ดนี้ให้คุณฟังแล้ว คุณห้ามหักหลังฉันไปเล่าให้พี่ชายคุณฟังเด็ดขาดนะ!" แพรวพรรณรายคว้ามืออัครินทร์มาจับเช็คแฮนด์ "สาบาน! ฉันถือว่าเราจับมือร่วมสาบานกันแล้วว่าจะลงเรือลำเดียวกัน"
อัครินทร์กระชากมือตัวเองกลับ "เฮ่ย!!จะบ้าเหรอ?? สาบานอะไร? ใครลงเรือลำเดียวกันกับคุณ เรื่องอะไร"
"ก็คุณไง!! จำไม่ได้เหรอ?? คืนที่ตะวันตากฝนมาหาฉันที่บ้าน คุณรับปากว่าจะไปเคลียร์กับพี่ชายคุณว่ามันเกิดอะไรขึ้น แต่จนถึงวันนี้ก็ไม่เคยมีอะไรคืบหน้า หึๆ!!เนียนนะ..นึกว่าฉันจะลืมเหรอ? ฝันไปเถอะ!! คนอย่างฉันจำแม่น!! ยิ่งความแค้นยิ่งแม่นมาก”
"ผมก็ไม่ได้คิดอย่างน้าน"
"ดี!! เอาสั้นๆ นะ..ฉันฟันธง พี่ชายคุณชอบตะวันแน่ แล้วก็กำลังหึงตะวัน แต่ไอ้ที่ฉันไม่รู้และก็สงสัยมากก็คือในเมื่อเค้าชอบตะวัน แต่ทำไมต้องทำท่าเหมือนไม่ชอบตะวัน อันนี้งงมาก"
อัครินทร์ถอนใจแล้วจะอ้าปากพูด แต่ก็ไม่ทัน
แพรวพรรณรายพูดขึ้นก่อน "แต่ไม่เป็นไร..ฉันจะต้องเคลียร์เรื่องนี้ให้ได้และคุณก็ต้องร่วมมือกับฉันด้วย"
อัครินทร์ตกใจ "เฮ่ย..”
แพรวพรรณรายลุกขึ้นทันที "โอเค..ฉัน LATE แล้ว ต้องพาลูกไปตัดขนตัดเล็บ..แต้งกิ้ว..ซี ยูวว"
แพรวพรรณรายเดินไปเลยทิ้งให้อัครินทร์นั่งเอ๋อ
"เฮ่ย..อะไรวะ?”
อัครินทร์มองตามแพรวพรรณรายไปแล้วถอนหายใจเฮือก
ปานตะวันกำลังทำกายภาพบำบัดให้นารถนรินทร์ นารถนรินทร์รู้สึกดีขึ้น มีพัฒนาการดีขึ้นมาก นารถนรินทร์เดินได้สองก้าว สองคนดีใจจนร้องลั่น นารถนรินทร์โผเข้ากอดปานตะวันด้วยความดีใจ
"นารถต้องเดินอวดพี่วิทย์ในงานแต่งงานได้แน่ๆ นารถต้องทำได้แน่ๆ พี่ตะวันต้องเป็นเพื่อนเจ้าสาวให้นารถนะคะ พี่ตะวันสัญญานะคะ"
ปานตะวันเงียบไป
"แน่ะ!! หรือจะแต่งแซงนารถก่อนซะแระ?!”
"น้องนารถ!" ปานตะวันส่ายหน้าเหมือนจะบอกว่าไม่มีทางล่ะ
ทันใดนั้น ‘ใบตอง’ ก็ยกขนมเข้ามา นารถนรินทร์รีบทำท่าชู่ว์ไม่ให้ปานตะวันพูดเรื่องที่เธอเดินได้แล้ว เพราะกลัวใบตองเอาไปเม้าท์ ปานตะวันพยักหน้าแล้วนารถนรินทร์ก็เม้าท์เนียนๆ ต่อ
"แต่ถ้าเจ้าบ่าวเป็น ‘พี่คิน’ นารถยอมนะคะ แต่ถ้าเป็นคนอื่นนารถไม่ยอม นารถจะอาละวาด พี่ตะวันยังไม่เคยเห็นนารถอาละวาดใช่มั้ยคะ?" นารถนรินทร์พูดกับใบตอง "พี่ใบตอง..เล่าให้พี่ตะวันฟังซิ"
ใบตองรายงาน "โห..เวลาคุณนารถอาละวาดนะคะ ก็มีหลายระดับนะคะ ถ้าเป็นพายุก็มีตั้งแต่ไต้ฝุ่น ไซโคลน ยันเฮอริเคน แต่ถ้าเป็นแผ่นดินไหวก็หลายระดับค่ะ ต่ำสุดก็ 5 ริกเตอร์ ไล่ไปเรื่อยๆ สูงสุดนี่ยังสรุปไม่ได้ แต่ที่เคยเรคคอร์ดสถิติไว้ก็ประมาณ 9 ริกเตอร์ค่ะ"
ปานตะวันเผลออมยิ้ม "โอ้โห...”
"ก็มีระยะหลังเนี่ยค่ะ ตั้งแต่คุณตะวันมาอยู่เนี่ย คุณนารถไม่อาละลาด พายุไม่ก่อตัว แผ่นดินไม่ไหว แปลกประหลาดมหัศจรรย์มากค่ะ"
"พอและ..เยอะและ" นารถนรินทร์บอก
"ค่ะๆ..พอแล้วค่ะ"
นารถนรินทร์พูดกับปานตะวัน "เพราะฉนั้นพี่ตะวันห้ามเด็ดขาดนะคะ ไม่ว่าจะเป็นหนุ่มคนไหนโดยเฉพาะหนุ่มน้อยหนุ่มใหญ่ หนุ่มหน้าไหนก็ไม่ได้"
ปานตะวันอึ้ง นารถนรินทร์ยิ้มให้ปานตะวัน ปานตะวันยิ้มตอบฝืนๆ
มือถือประกายเดือนปลุกเตือนซ้ำ ประกายเดือนที่นอนหลับอย่างมีความสุขสะดุ้งตื่นขึ้นมาในสภาพงัวเงีย หงุดหงิด ก่อนจะค่อยๆ เอื้อมมือมากดปิดแล้วนอนหลับตาพริ้ม ทันใดนั้นเธอก็สะดุ้งตื่นอย่างแรงเพราะเสียงเคาะประตู
"ตื่นคร๊าบพี่!! ตื่นเร้วพี่!! แย่แล้วพี่"
ประกายเดือนขยี้ตาอย่างงัวเงียแล้วก็บ่น "หึ้ย!! ใครตายวะ..ตะโกนซะ!! คนกำลังนอนสบาย มาปลุกแต่เช้า" ประกายเดือนหยิบนาฬิกามาดูเวลาแล้วก็ตกใจ "ว้าย!! จะเที่ยงแล้วเหรอเนี่ย บ้าๆ บ้าไปแล้วฉัน"
พนักงานส่งเสียงดังลั่น "เจ๊!! ตื่นเร็ว"
ประกายเดือนรำคาญจึงลุกขึ้นไปเปิดประตู
"โวยวายลั่น..ใครตายยะ อ่อ..อย่ามาเรียกฉันเจ๊!” ประกายเดือนบอก
"ก็ไม่แน่นะเจ๊!! งวดนี้อาจมีถึงตายได้?!”
พนักงานชี้ไปที่นัครินทร์ที่นอนขดตัวสั่นครางฮือๆ อยู่ที่เดิม
ประกายเดือนตกใจ "ท่านรองฯ?”
ประกายเดือนวิ่งไปจับนัครินทร์แหงะหน้ามา เธอเห็นนัครินทร์หน้าเป็นจุดแดงแบบยุงกัดจนทั่วหน้า ปากซีดแบบคนเป็นไข้
ประกายเดือนตกใจหนักกว่าเก่า "ท่านรองฯ?”
"เจ๊ปล่อยเฮียเค้านอนตากฝนได้ไง? เมื่อคืนฝนตกทั้งคืน ยุงที่นี่ก็ดุยังกะเสือ เช้ามาก็แดดเปรี้ยงอีก" พนักงานส่ายหน้า "ตาย!! อย่างนี้ไม่น่ารอด"
ประกายเดือนหน้าเสีย "บ้า!! ปากเสีย" ประกายเดือนหันไปมองนัครินทร์แล้วจะร้องไห้ "ไม่จริง!! ท่านรองฯต้องไม่ตายนะคะ" ประกายเดือนจ๋อยหนัก "ใจเย็นๆ นะคะท่านรองฯ" ประกายเดือนจะร้องไห้ "ท่านรองฯ ต้องไม่เป็นไรนะคะ"
ประกายเดือนกอดนัครินทร์ไว้
ประกายเดือนพูดโทรศัพท์กับอัครินทร์
"ค่ะ..ทานยาลดไข้แล้วค่ะ..ค่ะ..ทุก 4 ช.ม.”
อัครินทร์พูด "ทีนี้เช็ดตัวครับ"
ประกายเดือนเสียงดังลั่น "เช็ดตัว!!”
"ครับ! เป็นวิธีที่สำคัญที่สุด แล้วก็ง่ายที่สุด แต่ได้ผลที่สุดด้วย ต้องเช็ดบ่อยๆ นะครับ" อัครินทร์ว่า
"เช็ดบ่อยๆ?”
"ร้อนปุ๊บเช็ด ร้อนปุ๊บเช็ด จนกว่าไข้จะลดครับ"
"เอ่อ..แล้ว..เช็ดตรงไหนบ้างคะ?”
"ทั้งตัวล่ะครับ"
"ทั้งตัว!”
"เน้นหน้าผาก คอ รักแร้ ข้อพับต่างๆ ขาหนีบ" อัครินทร์บอก
ประกายเดือนเสียงดังลั่น "ขาหนีบ?”
อัครินทร์อดอมยิ้มไม่ได้ "ครับ"
"คุณหมอไม่ได้ล้อเล่นใช่มั้ยคะ?”
"พี่ชายผมทั้งคนนะครับ..ผมคงไม่ล้อเล่น"
ประกายเดือนอึ้ง "ค่ะๆ"
"ลองดูนะครับ ถ้าไม่มีอะไรรุนแรง น่าจะดีขึ้น หลังจากนั้นดูอาการนะครับ ถ้าไหว..ก็รีบพากลับมาหาผมที่ รพ.หรือบ้านก็ได้ แต่ถ้าไม่ดี..รีบส่ง รพ.แถวนั้นก่อน ยังไงก็ตามการปฐมพยาบาลเบื้องต้นนี้สำคัญที่สุดนะครับ มีอะไรก็โทร.มานะครับ ผมฝากพี่ชายของผมไว้ในมือคุณเดือนนะครับ"
ประกายเดือนอึ้ง "ค่ะ..ค่ะ..ขอบคุณค่ะ..สวัสดีค่ะ"
ประกายเดือนวางหูแล้วหันมองนัครินทร์ที่นอนซมแล้วก็ตัดสินใจ
ประกายเดือนเริ่มเช็ดตัวอย่างเก้ๆ กังๆ เริ่มจากใบหน้า, ไล่ไปคอ หน้าอก แขน จั๊กกะแร้ จากนั้นก็ไล่ไปถึงจุด ‘ขาหนีบ’ ประกายเดือนเอาผ้าห่มคลุมท่อนล่างนัครินทร์แล้วถอดกางเกงออกทางปลายเท้า จากนั้นก็ตัดใจเอาผ้าขนหนูล้วงไปเช็ดๆ เธอสะดุ้งแล้วก็หลับตาปี๋จะร้องไห้ แต่ก็ต้องเช็ดต่อ
เวลาผ่านไป ประกายเดือนเอาผ้าขนหนูวางที่หน้าผากนัครินทร์แล้วมอง
ประกายเดือนรู้สึกผิด "ขอโทษนะ..ฉันผิดเอง..ฉันไม่รู้นี่ว่า มันจะแย่ขนาดนี้" ประกายเดือนน้ำตาไหล "อย่าตายนะ..ท่านรองฯ"
นัครินทร์หลับจริงๆ ประกายเดือนนั่งเฝ้า
นาคินทร์เดินเข้ามานั่งอึ้งๆ เขานึกถึงตอนที่เห็นกนกวลีที่วัด
นาคินทร์สะบัดหน้าเพื่อพยายามตั้งสติ เขาเรียกสติตัวเองกลับมา ปานตะวันเดินถือถ้วยซุปร้อนๆ เข้ามาเห็นก็ชะงัก ปานตะวันรีบเลี่ยงเปลี่ยนเส้นทาง แต่นาคินทร์เรียกไว้
"ทำไมถึงไม่กล้าสู้หน้า?”
ปานตะวันชะงักทันที
นาคินทร์น้ำเสียงพาล "ไปแอบทำเรื่องอุบาทว์อะไรมาอีกถึงต้องหลบหน้าผมแบบนี้"
ปานตะวันขึ้นทันที เธอหันขวับ "ฉันไม่เคยไปแอบทำอะไรอุบาทว์แล้วก็ไม่ได้หลบหน้าคุณ" ปานตะวันจ้อง "แต่ฉันไม่อยากเห็นหน้าคุณต่างหาก"
นาคินทร์อึ้ง ปานตะวันจ้องหน้าก่อนจะเดินออกแต่นาคินทร์กระชากแขนไว้ถ้วยซุปร่วงจากมือปานตะวันแล้วราดใส่มือแขนนาคินทร์เต็มๆ
นาคินทร์ร้องลั่น "โอ้ย!!”
ปานตะวันตกใจ "คุณนาคินทร์ อยู่เฉยๆ ก่อนนะคะ อยู่เฉยๆ"
ปานตะวันหลุดเป็นห่วงนาคินทร์ เธอรีบวิ่งไปเอาน้ำแข็งมาประคบ นาคินทร์มองนิ่งว่าจะเอายังไงดี เขาจะซาบซึ้งก็ไม่อยากแต่ลึกๆ ก็อดชื่นใจไม่ได้ที่เธอมาดูแลห่วงใย
ปานตะวันมองแต่แขนของนาคินทร์แล้วปากก็พูดไป "ซุปของคุณนารถเพิ่งทำเสร็จ มันร้อนมาก" ปานตะวันแอบดุ "คุณไม่น่ามาดึงแขนฉันเลย"
นาคินทร์เผลอมองปานตะวันที่หน้าอยู่ใกล้กันมากๆ สักพักปานตะวันก็ชะงักมอง ทั้งสองมองตากันดูหวิวๆ ปานตะวันหลบตาประคบแผลต่อ
นาคินทร์พึมพำเหมือนตัดพ้อ "ทำไมคุณต้องแกล้งทำดีกับผมแบบนี้"
ปานตะวันได้ยินไม่ถนัด "อะไรนะคะ คุณว่าอะไรนะคะ?”
นาคินทร์ได้สติก็รู้สึกตัวจึงหายเคลิ้ม เขาผลักปานตะวันกระเด็น "ไปให้พ้น ไม่ต้องมาแกล้งทำดีกับผม"
ปานตะวันอึ้ง งง และน้อยใจ "ฉันไม่ได้แกล้งทำ" ปานตะวันปราดเข้ามาจ้องหน้า "ฉันตั้งใจทำให้คุณ" ปานตะวันเน้น "ตามสัญชาติญาณและหน้าที่ของพยาบาลที่ดี"
นาคินทร์จ้องหน้าแล้วกัดฟันพูด "เจ็บแค่นี้มันเล็กน้อย คิดว่าจะหลอกผมได้" นาคินทร์ส่ายหน้า "ผมไม่มี วันรักผู้หญิงอย่างคุณ"
ปานตะวันสวนทันที "ฉันก็ไม่ได้อยากให้ผู้ชายอย่างคุณมารัก" ปานตะวันจ้องตา "ฉันไม่ได้ต้องการความรักจากคุณ!! คุณต่างหากที่ต้องการรักษา" ปานตะวันพูดใส่หน้า "เพราะคุณมันป่วย"
นาคินทร์กระชากปานตะวันมาจูบทันทีด้วยความโกรธ ปานตะวันดิ้นแล้วก็ผลักออก เธอพยายามตีๆ นาคินทร์
"ปล่อยนะ! คุณมันป่วย ป่วยจริงๆ ปล่อย" ปานตะวันว่า
นาคินทร์กระชากปานตะวันเข้ามาใกล้ "ปล่อยแน่! แต่ไม่ใช่ตอนนี้"
ปานตะวันชะงักฟัง
"กว่าผมจะปล่อยคุณไปถึงมือนายนัค, นายอัคหรือไอ้เด็กเมื่อวานซืนนั่น คุณมันต้องเหลือแต่กาก!! ถึงตอนนั้น ถ้ามันอยากจะโง่กินของเหลือเดน ของกากๆ จากผมก็เชิญ"
ปานตะวันเจ็บปวดแต่ก็สู้ "คุณคิดว่าคุณเป็นใคร..คุณนาคินทร์"
นาคินทร์จ้องหน้า "แล้วคุณก็จะรู้..ว่าผมเป็นใคร..คุณปานตะวัน"
พูดจบนาคินทร์ก็เดินออกไป ทิ้งให้ปานตะวันเจ็บปวดอยู่ตรงนั้น
ประกายเดือนนั่งหลับอยู่ข้างๆ นัครินทร์ สักพักนัครินทร์ก็เริ่มห่อตัวคุดคู้เพราะรู้สึกหนาว ประกายเดือนรู้สึกตัวตื่นแล้วก็สะดุ้งมองนัครินทร์
"ท่านรองฯ..เป็นอะไรคะ?”
นัครินทร์ไม่ตอบแต่ยิ่งห่อตัวเพราะหนาวมาก
ประกายเดือนทั้งงง ทั้งตกใจ "หนาว แย่แล้ว..เดี๋ยวร้อน.. เดี๋ยวหนาว..ยังไงดีล่ะเนี่ย"
ประกายเดือนพยายามเอาผ้าห่มบางๆ เท่าที่มีอยู่ห่มให้ แต่นัครินทร์ก็ยังสั่นอยู่
"ผม..หนาว"
ประกายเดือนตัดสินใจกอดนัครินทร์ไว้ นัครินทร์ซุกตัวใต้อ้อมกอดประกายเดือนเหมือนเด็กๆ ประกายเดือนกอดนัครินทร์แน่นขึ้นเมื่อรู้สึกว่าไออุ่นจากอ้อมกอดของเธอช่วยนัครินทร์ได้
อ่านต่อหน้าที่ 3
เสน่หาสัญญาแค้น ตอนที่ 14 (ต่อ)
มอลลี่กำลังขายของบิ้วตี้จุ๊กจิ๊กให้พนักงานในออฟฟิศรุมกันอยู่ มอลลี่สาธยายสรรพคุณข้าวของ ขนตาปลอม ครีมหน้าเด้ง ครีมอัพอึ๋มฯลฯ สักพักเธอก็หันมาเล่นปาริฉัตร
"น้องเลขาฯฉัตรขา..ยังไงคะเนี่ย?..บิวตงบิ้วตี้ไม่สนใจอัพเดท เอาแต่ก้มหน้าก้มตาทำงานเยี่ยงทาส ดูดู๊!! หน้าดำยังกะราหูอม ใต้ตาคล้ำยังกะหลินปิง"
"อ้าว!! หลินปิงกลับมาจากเมืองจีนแล้วเรอะ กลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่?? กร๊ากๆ" ลูกกอล์ฟขำ
ทั้งสองขำ
ปาริฉัตรกระแทกแฟ้ม "ที่ทำงานเค้าก็ต้องมาทำงานนี่คะ ใครจะเหมือนพี่สมรศรีที่ชอบใช้ที่ทำงานเป็นตลาดนัด"
ลูกกอล์ฟเผลอ "จริงจ้า..แม่ค้า"
"ไอ้ลูกกอล์ฟ!!”
"แฮ่!!”
มอลลี่พูดกับปาริฉัตร "นี่!! งั้นก็เชิญคุณน้องหน้าดำเป็นอีกาอย่างนี้ต่อไปเถอะนะคะ ปล่อยให้คุณน้องเดือนขาวว่อกโอโม่นางฟาดเรียบทั้งท่านประธานฯ ทั้งท่านรองฯ จนแน่นท้องต่อไป"
"เออ..จริงว่ะ!! นี่ถ้าวันนึงโดนน้องเลขาฯเดือนเขี่ยกระเด็นตกงานล่ะ ไม่ท้องว่างแสบไส้แย่เรอะเนี่ย..น้องฉัตร?” ลูกกอล์ฟถาม
"ก็นั่นน่ะเซ่!! ดูเซะ! นี่ก็หายกันไปทั้งนายทั้งบ่าวตั้ง 2 วันแล้วนะเว้ย” มอลลี่ว่า
"กลับมา..มีหวังได้อัพเกรดเป็น “คุณเลขาฯหญ่าย”
"ถึงจุดนั้น..ก็ตัวใครตัวมันนะจ๊ะ คุณน้องฉัตร พี่ขอตัวไปขายของก่อนล่ะ วันนี้หมอดูว่าวันเฮงเซ็งลี้ฮ้อ ว่าแต่ไม่รับแน่นะจ๊ะ..ครีมหน้าเด้ง & อัพอึ๋ม อิ๊ๆๆ"
ทั้งสองคนเฟดไปโดยปล่อยให้ปาริฉัตรนั่งเครียดแล้วก็สะดุ้งเพราะนาคินทร์กดอินเตอร์คอมฯ เรียก
"คุณฉัตรครับ..ขอแฟ้มเอกสารด้วยครับ"
ปาริฉัตรหวานทันที "ได้ค่ะ..ท่านประธาน"
ปาริฉัตรรีบหยิบกระจกมาดูหน้าผมก่อนจะรีบโกยแฟ้มเข้าห้องไป
นาคินทร์เซ้นต์แฟ้มเกือบหมดแล้ว ปาริฉัตรมองเจ้านายอย่างหลงใหลปลาบปลื้มจนนาคินทร์เซ็นต์หมดก็ถาม
"ไม่เห็นมีแฟ้มจากคุณนัค?”
ปาริฉัตรสะดุ้ง "เอ่อ..ค่ะ..คุณนัคยังไม่เข้าค่ะ"
นาคินทร์ส่ายหน้า "สายอีกตามเคย"
ปาริฉัตรแย๊บ "ไม่ใช่ค่ะ..ไม่ได้เข้ามา 2 วันแล้วค่ะ"
นาคินทร์งง "อะไรนะ?”
ปาริฉัตรรีบฟ้องเนียนๆ "ค่ะ..คุณเลขาฯ เดือนก็พลอยหายไปด้วยค่ะ"
นาคินทร์ชะงักกึก
ปาริฉัตรใส่เลย "น่าเกลียดนะคะ ทิ้งงานเลย จริงๆ โทร.มาให้ฉัตรช่วยจัดการแฟ้มให้ท่านประธานเซ็นต์ก่อนก็ได้ ฉัตรยินดีทำเพื่อบริษัทอยู่แล้ว แต่นี่.." ปาริฉัตรเม้าท์ไปเรื่อย
นาคินทร์ลอบยิ้มด้วยความพึงพอใจที่นัครินทร์หายไปกับประกายเดือน ปล่อยให้ปาริฉัตรเม้าท์มอยคนเดียว
ประกายเดือนนอนกอดนัครินทร์อยู่ สักพักนัครินทร์ก็รู้สึกตัวก่อน เขาค่อยๆ ลืมตามองประกายเดือนที่นอนหน้าจ่อกันอยู่แบบงงๆ ทั้งสองยังเบลอๆ จ้องอยู่ซักพัก นัครินทร์มองประกายเดือนที่ยังหลับอยู่เต็มๆ ตา สายตานัครินทร์ไม่เป็นอย่างเคยแต่กลายเป็นสายตาคนน่ารักที่แอบซ่อนไว้ภายใต้ความเป็นคาสโนว่า
สักพักประกายเดือนก็ทำท่าเหมือนจะตื่น นัครินทร์รีบแกล้งหลับ ประกายเดือนค่อยๆ ลืมตาขึ้น เธอรู้สึกเมื่อยพอจะขยับตัวก็งงๆ เพราะโดนล็อคด้วยอ้อมกอดของนัครินทร์
ประกายเดือนพึมพำ "เอ๊ะ!..เมื่อคืนเรากอดเค้านี่หว่า"
นัครินทร์หลับตาพูด "น่าไม่อาย..เป็นผู้หญิงมาแอบกอดผู้ชาย"
ประกายเดือนเผลอเถียงตอบ "อ้าว..ก็ท่านรองฯ หนาวตัวสั่นเลยนี่" ประกายเดือนสะดุ้ง "เฮ้ย!!”
ประกายเดือนจะผละตัวออกไปแต่นัครินทร์กอดไว้แน่น ก่อนจะลืมตายิ้มเผล่
ประกายเดือนพูดดังลั่น "ท่านรองฯ! นี่แกล้งเหรอ? ปล่อยนะปล่อย"
"เปล่าแกล้งฮะ!! กอดต่อเถอะฮะ!! ผมหนาว"
"ไม่ต้องเลย!! ปล่อยเดี๋ยวนี้นะ!!”
"ตอบผมก่อน" นัคิรนทร์ยิ้ม "แอบชอบผมใช่มั้ยฮะ?”
"บ้า!!" ประกายเดือนทุบเลย "บ้าๆๆ"
นัครินทร์เอาอีกมือนึงรวบมือประกายเดือนไว้แล้วจูบ "นี่เป็นการลงโทษที่คุณให้ผมโดดน้ำจนเป็นไข้"
"คุณ!!”
นัครินทร์จูบหมับอีกทีโดยไม่ปล่อยให้ด่า "และนี่.. เป็นการแต้งกิ้วที่คุณช่วยให้ผมหายไข้"
ประกายเดือนงงจนพูดแทบไม่ออก "คุณ!!”
"อ๊ะ! อย่านะ!! อย่าด่านะ!! ด่าปุ๊บจูบปั๊บนะ รึจะด่า"
ประกายเดือนอ้าปากจะด่าแต่ก็ไม่กล้าจึงได้แต่ทำหน้าเบะๆ เหมือนจะร้องไห้
นัครินทร์ตกใจ "เฮ่ยๆๆ..อย่าร้องๆ..ผมแหย่เล่นฮะ ไม่จูบๆ..อย่าร้องนะฮะผมแพ้น้ำตาผู้หญิง!”
ปประกายเดือนพูดเสียงสั่น "ฉันอยากกลับบ้าน"
"ได้ๆๆ..กลับเลยฮะ..เดี๋ยวเรากลับบ้านกันเลยฮะ..อย่าร้องนะฮะ"
ประกายเดือนลอบยิ้มที่รอดตัว
นาคินทร์ไม่พอใจนัครินทร์
"นี่แกบ้าไปแล้วเหรอไอ้นัค?? หายไปกับเลขาฯ 2 วัน 2 คืน แต่กลับไม่ได้เรื่องอะไรเลย"
"โห่!! พี่คิน!! ก็ผมไม่สบายอ่ะ!! อะไรเนี่ย?? น้องนุ่งป่วยไม่ห่วงซักนิด ห่วงแต่ธุรกิจลูกค้าน่ะไปเยี่ยมเมื่อไหร่ก็ได้ฮะ ห่วงน้องก่อนมั้ยฮะ" นัครินทร์ว่า
"ฉันไม่ได้หมายถึงลูกค้า!!”
"ไม่ได้หมายถึงลูกค้า อ้าว..งั้นพี่คินหมายถึงใครฮะ"
นาคินทร์อึ้งไปและไม่ตอบเพราะไม่พอใจ นัครินทร์มองพี่ชายงงๆ ส่วนนาคินทร์ไม่พอใจมาก
ปานตะวันพูดโทรศัพท์
ปานตะวันยิ้มแฉ่ง "พี่ดีใจที่สุดเลยที่เดือนปลอดภัย"
ประกายเดือนนอนแช่ฟองสบู่สบายใจเฉิบ
ประกายเดือนขำกิ๊ก "ปลอดภัย?? เค้าไปทำงานนะตะวันไม่ได้ไปออกรบ"
"น่ากลัวกว่าอีก" ปานตะวันว่า
ประกายเดือนขำ "เอาจริงๆ นะตะวัน อีตาท่านรองฯปากสุนัขเนี่ยไม่ได้แย่ขนาดที่เค้าคิดนะ"
"ยังไง?”
"ก็..อาจจะปากสุนัขไปนิด อาจะมือปลาหมึกไปหน่อย เพลย์บอยเยอะ แต่ไม่จัดว่า ‘เลว’"
"จริงเหรอ ดูจากอะไร?”
"ก็ดูจากที่ไม่ปล้ำเค้า"
ปานตะวันปรี๊ด "ก็ลองสิ!! พี่จะตามไปฆ่า"
"เฮ่ยๆๆ..ใจเย็น" ประกายเดือนปราม
"คุณนัคเค้าไม่ได้ทำอะไรเดือนแน่นะ?” ปานตะวันว่า
ประกายเดือนอึ้งไปเล็กๆ "แน่!!”
"จริงนะ? นิดเดียวก็ไม่ได้นะ"
ประกายเดือนอึ้งก่อนจะแถ "จริ้งง!! ตะวันสบายใจได้น่ะ สรุปว่าผู้ชายบ้านนี้ก็โอเค.นะ แต่ถ้าให้เรียงตามลำดับ อีกตาท่านรองฯก็โหล่สุด ถัดมาก็คุณหมออัครินทร์ เด็ดสุดเริ่ดสุดก็ต้องท่านประธานนาคินทร์ ตะวันว่ามั้ย"
ปานตะวันอึ้งไป
"อ้าว..ทำไมเงียบ?" ประกายเดือนขำ "อย่าบอกนะว่า ท่านประธานแอบแซบสุด?? แอบปล้ำตะวันละป่าว?”
ปานตะวันตกใจจนหน้าเสีย "บ้า!! เดือนพูดอะไรบ้าๆ"
ประกายเดือนขำ "จะไปรู้เหรอ? เห็นเงียบไปนี่?? แล้วอีกอย่างตะวันเคยสอนเค้าเองไม่ใช่เหรอว่า คนเราน่ะรู้หน้าไม่รู้ใจ" ประกายเดือนล้อ "ก็ไม่รู้ว่าสุภาพบุรุษสุดหล่ออย่างท่านประธานจะจับพี่สาวเราปล้ำไปรึยังน้าาา?? 555”
ปานตะวันจี้ใจจิ๊ด เธอทั้งโกรธทั้งอาย "บ้า!! พี่ไม่พูดกับเดือนแล้วนะ แค่นี้นะ"
ปานตะวันวางหูทันที
ประกายเดือนงง "ตะวันๆๆ!!..อะไรยะ ล้อเล่นแค่นี้ก็โกรธ" ประกายเดือนขำ "จะกุลสตรีไปไหนจ๊ะคุณป้า 555”
ประกายเดือนเล่นน้ำต่ออย่างสบายใจ ปานตะวันยังรู้สึกอับอายในสิ่งที่นาคินทร์ทำกับเธอไว้
นาคินทร์นั่งเซ็งอยู่ ปานตะวันเดินมาแล้วก็ชะงัก สองคนมองหน้ากัน
นาคินทร์ป่วน "ผมจ้างคุณมาดูแลยัยนารถไม่ได้ให้มาเดินเล่น"
"ฉันส่งคุณนารถเข้านอนแล้ว" ปานตะวันบอก
นาคินทร์เลิกคิ้ว "เหรอ งั้นส่งผมขึ้นเตียงซะหน่อยก็ไม่เลวนะ"
ปานตะวันสวนทันที "เลว!! เลวมาก"
นาคินทร์ปราดเข้ามาถึงตัวเลย "ทำยังกะไม่เคยขึ้น" นาคินทร์ดูถูก "ไม่เคยขัดเลยซักครั้ง"
"คุณนี่มันเลวจริงๆ หยาบคาย สู้น้องๆ คุณไม่ได้เลยซักนิด ไม่ว่าจะเป็นคุณนัคหรือ คุณอัค"
"ไอ้คุณเล็กนั่นด้วยอีกคนสิจะได้ครบ"
"อ๋อ..ใช่..ขอบคุณ..เกือบลืม"
นาคินทร์โกรธวูบก่อนจะกัดซ้ำ "ยังนี่..ยังไม่หมด..ยังมีแฟนเก่าคุณอีกคนนี่"
ปานตะวันโกรธแต่ฮึด "อ๋อ..พี่อาร์ต..นั่นก็จัดว่าดีกว่าคุณเยอะ"
"แล้วคุณล่ะ..ดีกว่าผมตรงไหน? ผู้หญิงที่มีผู้ชายจนนับไม่ครบแบบนี้เนี่ยนะ" นาคินทร์มองด้วยสายตาดูถูกก่อนจะส่ายหน้า
ปานตะวันเชิด "ดีกว่ามั้ย..ไม่รู้!! รู้แต่คุณก็เป็น 1 ในผู้ชายพวกนั้นด้วยเหมือนกัน"
นาคินทร์อึ้ง
ปานตะวันเชิด "ดึกแล้ว ฉันขอตัว" ปานตะวันเดินออกไป
นาคินทร์กระชากเธอไว้ "ยังไปไม่ได้" นาคินทร์จ้องหน้า "ต่อไปนี้อย่ามั่วกับผู้ชายอื่นอีกเด็ดขาด"
"คุณมีสิทธิ์อะไรไม่ทราบ?” ปานตะวันถาม
"ก็สิทธิ์ที่เป็นผัวเธอน่ะสิ" นาคินทร์บอก
"ใครผัวคะ? ฉันมันมั่วซะขนาดนี้ ถ้าจะมีสิทธิ์..ก็คงต้องแชร์เท่าๆ กันล่ะค่ะ"
นาคินทร์โกรธจึงปรี่เข้าไปหา "ปานตะวัน!!”
ปานตะวันไม่อยู่ให้โดนจูบ เธอวิ่งหนีไปทันที นาคินทร์มองตามไปอย่างโกรธแค้น
"ร้ายจริงๆ.. ร้ายกว่าที่คิดจริงๆ"
ปานตะวันวิ่งต่อเนื่องมาหลบยืนหอบน้อยๆ โดยไม่เห็นใบตองที่ซุ่มดูยูทูปใส่หูฟังอยู่แถวนั้น
"บ้าจริงๆ..พูดอะไรบ้าๆ ออกไปนะเรา"
ใบตองหันมาเห็นปานตะวันพูดคนเดียวก็ถอดหูฟังก่อนจะค่อยๆ เดินมามองใกล้ๆ
ปานตะวันไม่เห็นจึงชะเง้อมองไปทางที่วิ่งมา "แต่ก็สมแล้ว แรงมาก็แรงกลับ แรงได้คนเดียวรึไง? สมน้ำหน้า" ปานตะวันหันมาเห็นใบตองเงี่ยหูฟังอยู่ใกล้ๆ ก็ตกใจ "ว้าย!!”
ทั้งสองตกใจ
"พี่ใบตอง มายืนตั้งแต่เมื่อไหร่คะ ตกใจหมด" ปานตะวันว่า
"ใบตองน่ะอยู่ของใบตองก่อน คุณตะวันนั่นแหละค่ะมายืนพูดอะไรคนเดียว?" ใบตองตาโต "ใครแรงมาคะ สมน้ำหน้าใครคะ"
"เอ่อ..ไม่มีอะไรค่ะ ตะวันขอตัวไปนอนก่อนนะคะ" ปานตะวันบอก
ปานตะวันพูดจบก็ไปทันที
ใบตองมองตามตาวาว "ไม่มีอะไร? ไม่เชื่อหรอก แหม้ เสียดาย!! ไม่น่าดูเลยยูทูปยูแทป!! ขอจริงนอกจอน่าจะมันส์กว่าตั้งแยะ หึ๋ย"
ณ สยามสแควร์ ที่เต็มไปด้วยวัยรุ่น สามสาวนั่งอยู่ที่ร้าน
"ไง พิงค์!! มีเรื่องสำคัญอะไรทำไมถึงต้องให้เราออกมาเจอด้วย" ปานตะวันว่า
"แหม..ออกมานั่งชิวกับเพื่อนฝูง ต้องให้มีเรื่องสำคัญด้วยเหรอจ๊ะ?!”
"อ้าว! ยังไงเนี่ย? เราเป็นลูกจ้างเค้านะ ไม่ได้เป็นเจ้าของบิวตี้คลีนิคอย่างเธอนี่ จะได้ออกมานั่งชิวได้ตลอด" ปานตะวันพูดกับประกายเดือน "แล้วยัยเดือนอีก โดดงานออกมาแบบนี้ คุณนัคไม่ตัดเงินเดือนเหรอ?”
"คุณพี่คะ..วันนี้วันเสาร์..เค้าหยุดกันค่ะ ไม่มีใครเค้าเหมือนคุณพี่หรอกค่ะ ทำงานไม่รู้จักพักผ่อน ไม่เว้นวันหยุดราชการ"
ปานตะวันเหวอ "อ่ะ!! พิงค์ ตกลงมีอะไร"
"มีสิ!!" แพรวพรรณายทำหน้าเจ้าเล่ห์ "มีแน่..แต่ยังไม่มา"
เดือนมองตากันอุ๊บอิ๊บ
"อะไรกันเนี่ย 2 คนนี้?”
ประกายเดือนตาโต "มาแล้วๆๆๆ ทางนี้ๆๆ"
แพรวพรรณรายกับประกายเดือนโบกไม้โบกมือเรียกกันยกใหญ่ ปานตะวันหันไปมองก็เห็นเล็กเดินยิ้มแฉ่งเข้ามา ปานตะวันรู้ทันที
"นี่ใช่มั้ย..เรื่องสำคัญ?”
อ่านต่อหน้าที่ 4
เสน่หาสัญญาแค้น ตอนที่ 14 (ต่อ)
สองสาวดี๊ด๊ากับเล็กขึ้นมาทันที
"สวัสดีครับพี่พิงค์ พี่เดือน พี่ตะวัน"
แพรวพรรณรายจับเล็กมานั่งข้างปานตะวัน "นั่งเลยค่ะ นั่งเลย"
"พี่ๆ สบายดีนะครับ"
แพรวพรรณรายกับประกายเดือนตอบ "ดีจ๊ะ!! ดีมากจ๊ะ"
"พี่ตะวันล่ะครับ? ดูหน้ามุ่ยๆ ไม่สบายเหรอครับ?”
"เปล่าค่ะ" ปานตะวันตอบ
ปานตะวันค้อนสองสาวที่กำลังขำกันคิกคัก
"จริงสิครับ พี่พิงค์กับพี่เดือนเบี้ยวงานแต่งพี่ชายผม"
"โห..ที่บ้านเรียกกลับเชียงใหม่ด่วนน่ะจ๊ะ" แพรวพรรณรายบอก
"ของพี่ก็ต้องไปหาลูกค้าที่เมืองกาญจน์ แต่ก็ส่งตะวันไปแทนแล้วนี่คะ?” ประกายเดือนว่า
"ว่างเมื่อไหร่ไปเที่ยวเขาใหญ่อีกนะครับ"
"บอกใครคะ" แพรวพรรณรายถาม
สองสาวขำกิ๊ก
"ก็..ทุกคนน่ะครับ..โดยเฉพาะพี่ตะวัน"
สองสาวส่งเสียงฮิ้วลั่น
ปาริฉัตรเดินมาได้ยินเสียงฮิ้วก็หันไปมอง พอเห็นเป็น ‘ประกายเดือน’ เธอก็ชะงัก
"นังเดือน!! มากับผู้ชาย" ปาริฉัตรรีบหยิบมือถือ
เล็กพูดอย่างจริงใจ "คิดถึงพี่ตะวันน่ะครับ คืนนั้นพี่ตะวันสวยมาก แต่เสียดาย..ได้เต้นรำกันแป็บเดียว"
สองสาวมองตากันตาโต ปาริฉัตรเอามือถือขึ้นมาแอบถ่าย
"ไรยะ?? มีเต้นรำกันด้วยงี้?” แพรวพรรณรายว่า
"ไม่เห็นเล่าให้ฟังเลยอ่ะ..ตะวัน?" ประกายเดือนทำเป็นอ้อนเล็ก "งั้นให้คุณน้องเล็กเล่าก็ได้เล่าละเอียดเลยนะค้า"
ปาริฉัตรถ่ายจริงจัง
ปานตะวันอึกอัก เล็กยิ้มๆ บ๋อยเอาอาหารมาเสริ์ฟพอดี
"หิวแล้วทานกันเลยดีกว่าค่ะ" ปานตะวันบอก
เล็กยิ้ม "เมนูเดิมเลย อร่อยใช่มั้ยครับ? ผมบอกแล้วว่าพี่ตะวันจะต้องติดใจ" เล็กหยิบจานแล้วส่งให้ "ทานเยอะๆ นะครับ"
ปานตะวันมีอาการเหม็นๆ จึงชะงักนิดนึงก่อนจะรับมาถือไว้ "ขอบคุณค่ะ"
เล็กส่งอาหารให้อีกสองสาว ปาริฉัตรจ่อถ่ายเล็กกับประกายเดือนเต็มที่
"เสร็จฉันล่ะ..นังเดือนดับ!! ชิ!! แอบมีกิ๊กเด็ก" ปาริฉัตรว่า
ปาริฉัตรสะใจก่อนจะเดินออกไป
"เอ้า! ไม่กินล่ะตะวัน" แพรวพรรณรายถาม
"อิ่มอกอิ่มใจอะไรรึเปล่า?” ประกายเดือนแซว
ปานตะวันรู้สึกคลื่นไส้มากจึงทำท่าจะอาเจียน "ขอไปห้องน้ำก่อนนะ"
พูดจบปานตะวันก็ลุกขึ้นวิ่งออกไปเลย ทุกคนงง
"ผมไปดูเองครับ" เล็กอาสา
เล็กวิ่งตามออกไป
แพรวพรรณรายกับเดือนประทับใจ "อึ๋ย!! น่ารักอ่ะ!”
เล็กยืนเตร่อยู่ที่หน้าห้องน้ำ เขาชะเง้อด้วยความเป็นห่วงๆ สักพักปานตะวันก็เดินหน้าซีดเซียวออกมา เล็กรีบปรี่เข้าไปหา
"พี่ตะวัน..หน้าซีดมากเลยครับ" เล็กบอก
"พี่ไม่เป็นไรค่ะ" ปานตะวันเซและทรุด
เล็กเข้ามาประคองทันที "ไปหาหมอดีกว่าครับ"
"ไม่ค่ะ!! ไม่ไปนะคะ"
แพรวพรรณรายกับประกายเดือนเดินเข้ามาหา
"ตะวัน!! เป็นอะไรอ่ะ?? หน้าซี้ดซีด"
"จริงด้วย!! ไปหาหมอเหอะ"
"ไม่!! เอ่อ..เราขอกลับก่อนดีกว่า" ปานตะวันบอก
"งั้นผมไปส่งนะครับ" เล็กอาสา
"ไม่..” ปานตะวันพูด
แพรวพรรณรายกับประกายเดือนตอบ "โอเคค่ะ!!”
"คุณน้องเล็กช่วยไปส่งตะวันทีนะคะ พี่นั่งรถไฟฟ้ามา"
"เหมือนกันค่ะ รถไฟฟ้าเหมือนกัน"
ปานตะวันอึกอัก "แต่..”
แพรวพรรณรายกับประกายเดือนพูดพร้อมกัน "ไม่มีแต่!!”
ปานตะวันอึ้งๆ เธอมองหน้าเล็ก
นาคินทร์ถือดอกไม้เตรียมจะออกไปนอกบ้าน นารถนรินทร์ทักไว้
"พี่คิน!! จะไปไหนคะ?”
นาคินทร์ยิ้มน้อยๆ "วันนี้..วันเกิดพี่กนก"
นารถนรินทร์จ๋อยลงนิดนึง "อ๋อ..ค่ะ..น้องฝากกราบพี่กนกด้วยนะคะ"
"ใบตองด้วยค่ะ" ใบตองบอก
นาคินทร์มองใบตอง "ทำไมใบตองถึงมาดูคุณนารถ?”
"คุณตะวันขอลาครึ่งวันค่ะ" ใบตองบอก
นารถนรินทร์อธิบาย "พี่ตะวันบอกมีธุระด่วนค่ะ สำคัญมาก แต่เมื่อเช้าพี่ตะวันทำกายภาพให้น้องแล้วนะคะ"
นาคินทร์มีสีหน้าไม่พอใจ ทันใดนั้นมือถือนาคินทร์ก็มีข้อความไลน์ส่งมา เป็นวีดีโอที่ส่งมาจาก ‘ปาริฉัตร’ นาคินทร์มองงงๆ ก่อนจะเปิดดู เขาเห็นวีดีโอตอนที่ประกายเดือนอ้อนให้เล็กเล่าเรื่องเต้นรำให้ฟังโดยเห็นแค่ 2 คน แต่นาคินทร์ไม่สนใจเท่ากับตอนที่เล็กยื่นอาหารให้ปานตะวัน นาคินทร์ถึงกับอึ้ง!!
นารถนรินทร์เห็นอาการของพี่ชาย "พี่คิน!! มีอะไรรึเปล่าคะ?”
นาคินทร์ของขึ้นจึงบ่นพึมพำ "ธุระด่วน!! สำคัญมาก"
นาคินทร์โกรธมาก
เล็กขับรถมายังไม่ถึงหน้าบ้านดี ปานตะวันก็บอกให้จอด
"จอดตรงนี้ก็ได้ค่ะคุณเล็ก เดี๋ยวพี่เดินไปเองดีกว่า"
"ทำไมล่ะครับ? กลัวพี่นาคินทร์เห็นเหรอครับ?”
ปานตะวันอึ้งไปเพราะตอบไม่ถูก ทันใดนั้นปานตะวันก็รู้สึกคลื่นไส้จะอาเจียน เล็กตกใจรีบเอาถังขยะเล็กๆ ในรถมาเตรียมไว้ ปานตะวันรีบคว้าไปอาเจียนทันที เล็กช่วยลูบหลังและส่งทิชชู่ให้
"อาหารเป็นพิษรึเปล่าครับ? เล็กพาพี่ตะวันไปหาหมอดีกว่า"
ทันใดนั้นประตูรถด้านปานตะวันก็เปิดผลัวะ
นาคินทร์พูด "ไม่ต้อง!!”
สองคนหันไปมอง
"ฉันพาไปเอง" นาคินทร์บอก
พูดจบนาคินทร์ก็กระชากปานตะวันลงจากรถแล้วลากไปผลักลงนั่งในรถนาคินทร์ที่จอดอยู่ แล้วนาคินทร์ก็ขับออกไปทันที เล็กวิ่งตามลงมาไม่ทันจึงได้แต่มองตามไปอย่างเป็นห่วง
นาคินทร์ขับรถซิ่งไม่พูดไม่จา
"นี่คุณจะขับเร็วไปไหน?" ปานตะวันว่า "จอด ฉันจะลง!! อยากตายก็เชิญไปตายคนเดียวเถอะ"
นาคินทร์ดูถูก "เห็นแก่ตัว!! เอาตัวรอดคนเดียวจริงๆ" นาคินทร์ส่ายหน้า "ผมไม่มีวันยอมตายคนเดียว ถ้าจะตาย..เราก็ต้องตายด้วยกัน"
พูดจบนาคินทร์ก็เหยียบคันเร่งเพิ่มขึ้นอีก
"คุณบ้าไปแล้ว!! หยุดรถเดี๋ยวนี้นะ!!”
"รักตัวกลัวตายเหมือนกันนี่?? ทีนี้รู้รึยังว่าใครๆ เค้าก็รักชีวิตของเค้ากันทั้งนั้น"
"แล้วฉันไปทำอะไรชีวิตใคร?”
"คุณได้รู้แน่!!”
ปานตะวันอึ้ง นาคินทร์เร่งเครื่องจนรถวิ่งฉิว
นาคินทร์กระชากปานตะวันมาตามทาง
"ฉันเจ็บนะคะ..คุณนาคินทร์..ปล่อยๆ"
นาคินทร์ชะงักแล้วหยุดมองแต่ก็ไม่ปล่อย "แค่นี้..เจ็บแล้วเหรอ? คุณทำผมเจ็บกว่านี้มาก"
ปานตะวันสะบัดมือจนหลุด เธอหมดความอดทน "นี่!! พอได้แล้ว!! เลิกพูดจาเป็นปริศนาซะที!!บอกๆ มาซะให้จบว่าตกลงฉันไปทำอะไรให้คุณเจ็บปวด โกรธแค้นอาฆาตนักหนา?! หา?”
นาคินทร์โกรธ "ก็กำลังจะบอกอยู่นี่ไง"
พูดจบนาคินทร์ก็กระชากปานตะวันจนตัวปลิวก่อนจะเดินลิ่วๆ ไปหยุดหน้าที่เก็บอัฐิกนกวลี
ปานตะวันมองไปทั่วๆ เธอมองรูปกนกวลีแล้วมองนาคินทร์ "จะบอกได้รึยัง?”
นาคินทร์มองรูปกนกวลี "กนกวลี..ภรรยาของผม"
ปานตะวันค่อยๆ หันไปมองรูปกนกวลีเต็มๆ ตา
นาคินทร์เสียงสั่น "ภรรยา..แค่คืนเดียว"
ปานตะวันมีสีหน้าอ่อนลงเพราะแอบสงสาร
"ที่จริง..เราควรจะใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุข ตอนนี้..เราน่าจะมีลูกแล้วซัก..คน..หรือ 2 คน" นาคินทร์เสียงเปลี่ยน "ถ้าไม่ใช่เพราะ..." นาคินทร์มองหน้าปานตะวันด้วยความแค้น
ปานตะวันชักงง "เพราะ?”
นาคินทร์เลิกคิ้ว "เพราะ?" นาคินทร์ถอนใจเฮือกว่าปานตะวันช่างเนียนจริงๆ "ก็เพราะผู้หญิงขี้เมาคนนึง วิ่งตัดหน้ารถของกนก"
ปานตะวันพึมพำ "ผู้หญิงขี้เมา?”
"ใช่!! ผู้หญิงขี้เมา.." นาคินทร์มองหน้าปานตะวัน "ทีนี้พอจะจำได้บ้างรึยัง?”
ปานตะวันอึ้ง "อะไรนะคะ?” ปานตะวันเริ่มเข้าใจ "นี่คุณหมายความว่า...”
นาคินทร์ปราดเข้ามาจับไหล่ปานตะวันแน่น "คุณทำให้กนกต้องตาย" นาคินทร์จับไหล่ปานตะวันเขย่า "คุณฆ่ากนก! คุณฆ่ากนก! คุณฆ่ากนก!”
ปานตะวันอึ้งและช็อค "ไม่!! ไม่จริง!!”
"คุณมันฆาตกร!!” นาคินทร์ต่อว่า
ปานตะวันกริ๊ด เธอสะบัดตัวออกจากนาคินทร์ "ไม่จริง!! ฉันไม่เกี่ยว!! ฉันไม่ได้ฆ่า!ฉันไม่ใช่ฆาตกร!!”
นาคินทร์ชะงักก่อนจะจ้องหน้าปานตะวันอย่างเกลียดชัง "ไม่เกี่ยว? ไม่ได้ฆ่า? ไม่ใช่ฆาตกร? ถ้าไม่ใช่เพราะผู้หญิงสำส่อนขี้เมาหยำเปอย่างคุณวิ่งตัดหน้ารถกนกในคืนนั้น กนกก็คงไม่ตาย"
ปานตะวันอึ้ง "ฉันเปล่านะคะ ฉันคุณเข้าใจผิด ฉันไม่ได้วิ่งตัดหน้า..”
ไม่ทันได้พูดต่อ นาคินทร์ก็กระชากปานตะวันมาด้วยความโกรธ
"ผู้ร้ายปากแข็ง! ผมอยากรู้จริงๆ จิตใจคุณมันทำด้วยอะไร?? ถึงได้โหดเหี้ยมเลือดเย็นขนาดนี้"
ปานตะวันพยายาม "ฟังฉันให้จบก่อน"
นาคินทร์สวน "ผมไม่ได้โง่!! บอกแล้วไงคุณอาจจะใช้มารยาตบตาคนอื่นได้ แต่สำหรับผม..ภาพของกนก..ความเจ็บปวดที่ฝังอยู่ตรงนี้" นาคินทร์ชี้หัวใจตัวเอง "ทำให้ผมไม่โง่ ไม่ตกหลุมพรางของคุณ ปานตะวัน!! คุณต้องชดใช้!”
ปานตะวันเข้าใจทุกอย่างจนน้ำตาคลอ "นี่คุณคิดว่าฉันเป็นสาเหตุทำให้คุณกนกตาย คุณก็เลย..”
นาคินทร์สวน "ใช่!! ผมรับน้องสาวคุณเข้ามาทำงานเพื่อจะได้พบคุณ แกล้งทำดีกับคุณทั้งที่ผมเกลียดคุณยังกับอะไร!! เพื่อจะให้คุณได้ชดใช้"
ปานตะวันไม่อยากจะเชื่อ
นาคินทร์เยาะๆ อย่างสะใจ "บ้านที่ผมพาคุณไปนอนด้วยก็คือเรือนหอของผมกับกนก"
ปานตะวันเจ็บปวด
นาคินทร์เศร้าสะเทือนใจ "แต่ยังไม่ทันที่กนกจะได้อยู่ที่นั่นซักคืน" นาคินทร์โกรธ "คุณก็มาพรากเขาไปจากผม! คุณทำลายความฝันที่ผมเฝ้ารอมาตลอดทั้งชีวิต!!”
"แล้วยังไงคะ?? ถ้าคิดว่าฉันเป็นต้นเหตุ ถ้าจะโกรธจะแค้นขนาดนี้ทำไมไม่ฆ่าฉันให้ตายตามคุณกนกไปซะเลยล่ะ?”
"ชีวิตของคุณมันไม่มีค่าพอจะเทียบกับกนกหรอก แค่ ‘ตาย’ มันง่าย มันสบายเกินไป ‘อยู่’ แบบทรมานเหมือนตกนรกทั้งเป็นแบบที่ผมเป็นอยู่นี่สิ" นาคินทร์กระชากไหล่เข้ามาตะคอก "คุณต้องอยู่กับผม! แต่ต้องทรมานกว่าผม ตกนรกยิ่งกว่าผม มันถึงจะสะใจ กราบขอขมากนกเดี๋ยวนี้!”
นาคินทร์พูดใส่หน้าก่อนจะผลักตะวันอย่างแรงจนถลาหัวไปชนกันป้ายรูปของกนกเลือดไหลเปรอะ ป้ายรูปกนกวลี
ปานตะวันร้อง "โอ๊ย"
ปานตะวันเจ็บแปล๊บ เธอเอามือแตะหน้าผาก เลือดค่อยๆไหลจากหน้าผาก นาคินทร์มีแววตาตกใจ และมีท่าทางเป็นห่วง เขาทำท่าจะเข้าไปหาแต่พอเห็นรูปกนกวลีก็ชะงักแล้วกัดฟันพูด
"หัวแตกแค่นี้อย่าทำสำออย!! ขอขมากนกเดี๋ยวนี้!”
ปานตะวันเจ็บทั้งกายเจ็บทั้งใจ เธอมองหน้านาคินทร์ที่ทำกับเธอได้ เขาจ้องกลับด้วยสายตาไร้ความปราณี
"ได้…ถ้ามันจะทำให้คุณสะใจ" ปานตะวัน
ปานตะวันกัดฟันก้มลงกราบลงตรงหน้ารูปกนกวลี
"คุณกนก..ถ้าตะวันมีส่วนในการจากไปของคุณ..ตะวันขอโทษ..ขอให้คุณอโหสิให้ตะวันด้วย" ปานตะวันค่อยๆหันไปมองหน้านาคินทร์โดยที่เลือดยังไหลลงมาอาบแก้มของเธอ "พอใจรึยัง?”
"ยัง!!" นาคินทร์ตะคอก "ลุก!! ลุกขึ้น!!”
ปานตะวันค่อยๆลุกขึ้นอย่างยากลำบาก สายตาของเธอเริ่มพร่าเพราะเสียเลือดและอ่อนเพลียจากอาเจียนแพ้ท้องก่อนหน้านี้ เมื่อปานตะวันลุกขึ้นก็โงนเงนและวูบลงทันที
นาคินทร์ตกใจแล้วพุ่งไปรับไว้ทัน "ตะวัน!! ตะวัน!”
นาคินทร์หวั่นใจและเป็นห่วง ปานตะวันสลบสไลไม่ได้สติ
อ่านต่อตอนที่ 15