xs
xsm
sm
md
lg

สุสานคนเป็น ตอนที่ 14

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


สุสานคนเป็น ตอนที่ 14

ฉ่ำขับรถมาจอดในบริเวณวัดแล้วนั่งเฉย รสสุคนธ์กับนฤมลนั่งอยู่ รสสุคนธ์ชะโงกหน้าไปตวาดฉ่ำ “ทำไมไม่ลงไปเปิดประตูให้ด้วย”

ฉ่ำมองแล้วพูดด้วยความรำคาญๆ
“ขับมาให้ก็บุญแล้ว ทำเรื่องมากเดี๋ยวให้เดินกลับเองซะนี่”
รสสุคนธ์ตาเขียวขณะเดินลงจากรถ
“แกจำใส่กะโหลกไว้ให้ดี ถ้าคุณชีพกลับมาเมื่อไร แกโดนแน่”
ฉ่ำไม่สน เขาร้องเพลงเหมือนไม่มีรสสุคนธ์อยู่ตรงนั้น รสสุคนธ์สะบัดหน้าเดินไป นฤมลเดินตามไปด้วย ฉ่ำมองตามด้วยสีหน้าสงสัย ฉ่ำแอบเดินตามไปติดๆ


รสสุคนธ์กับนฤมลนั่งรอ ฉ่ำแอบอยู่ตรงประตูดูนอกกุฏิก็เห็นหลวงพ่อเดินสำรวมออกมานั่ง รสสุคนธ์กับนฤมลกราบหลวงพ่อ
“มีอะไรหรือโยม” หลวงพ่อถาม
รสสุคนธ์มองนฤมลก่อนจะพูด“ฉันจะมาขอให้หลวงพ่อไปทำพิธีปัดรังควานผีร้ายเจ้าค่ะ”
“ผีร้าย ที่ไหนล่ะโยม”
“ที่สุสานคุณนายลั่นทมเจ้าค่ะ อยากให้มันไปลงนรกหมกไหม้ที่ไหนก็ได้”
ฉ่ำที่แอบฟังอยู่ไม่ค่อยสบอารมณ์ เขาพึมพำ “นังนี่คิดการร้ายกับคุณผู้หญิงอีกแล้ว มันน่า...”หลวงพ่อชะงัก “คุณนายลั่นทมเหรอ”
“เจ้าค่ะ”
“โยมอุษาเคยนิมนต์อาตมาไปช่วยแผ่เมตตาให้โยมลั่นทมแล้วแต่ก็ไม่เป็นผล ถ้าให้ปัดรังควานกัน อาตมาไม่ถนัดหรอก...”
“โอ๊ย สวดคาถาแรงๆ เข้าผีมันก็อยู่ไม่ได้หรอก หลวงพ่อไม่คิดจะช่วยฉันมากกว่า”
“วิญญาณโยมลั่นทมทุกข์ทรมานพอแล้ว อย่าให้เขาต้องทุกข์เพราะมีคนคิดทำร้ายเข้าอีกเลย”
รสสุคนธ์หน้าบึ้งและไม่พอใจ“แต่วิญญาณมัน...เอ๊ย นังคุณนายลั่นทมมันอาละวาดคนในบ้านจะทำยังไงล่ะคะ”
“ทำบุญแผ่ส่วนกุศลให้มากๆสิ อาตมาเชื่อว่าดวงจิตที่เป็นกุศลและเจตนาดีของโยมจะทำให้วิญญาณของคุณนายลั่นทมละความอาฆาตพยาบาทได้”
รสสุคนธ์หันมาบอกนฤมลอย่างรำคาญ “ไปกันเถอะพี่มล...นั่งอยู่ก็ไม่มีประโยชน์หรอก”
รสสุคนธ์ลุกขึ้น นฤมลเหลียวดูรสสุคนธ์แล้วยกมือไหว้พระ
“เจริญพรโยม..” หลวงพ่อพูด
รสสุคนธ์เดินไป ฉ่ำหลบวูบไปที่มุมหนึ่ง นฤมลเดินตามรสสุคนธ์ไป ฉ่ำส่ายหน้าแล้วมองตาม

รสสุคนธ์เดินบ่นมากับนฤมลด้วยอาการหงุดหงิด ฉ่ำสะกดรอยตามมาอย่างเปิ่นๆ รสสุคนธ์หยุดเดิน ฉ่ำกระโดดหลบเข้าไปที่หลังต้นไม้โดยไม่ทันมองจึงชนต้นไม้แล้วเขาก็รีบหลบด้วยความหวุดหวิด
“พระอะไรไม่ยอมไปปราบผี”
“ไปวัดอื่นก็ได้นี่น้องรส”
รสสุคนธ์พยักหน้าเห็นด้วย เธอกำลังจะเดินไปแต่ก็เห็นสัปเหร่อเดินผ่านมาพอดี
“เดี๋ยว..นายเป็นสัปเหร่อใช่มั้ย” รสสุคนธ์ถาม
“ครับมีใครตายเหรอ” สัปเหร่อถามกลับ
“เปล่า ฉันมานิมนต์หลวงพ่อไปปัดรังควานที่สุสานคุณนายลั่นทม แต่หลวงพ่อวัดนี้ท่านไม่ไป นายเป็นสัปเหร่อทำได้มั้ย”
“ไล่ผีคุณนายลั่นทมน่ะเหรอ โอ๊ย ไม่เอาหรอก คุณก็อย่าไปหาเลยทั้งพระ ทั้งเณร หรือหมอผีในจังหวัดนี้น่ะไม่มีใครเขารับทำหรอก ผมรับรองได้”
“ทำไม !”
“อ้าว ก็ตอนมีชีวิตอยู่ คุณนายแกใจบุญ บำรุงวัด เป็นประธานทำบุญทอดกฐิน ผ้าป่า หาเงินเข้าวัดทุกปีทั้งสัปเหร่อ ทั้งหมอผีที่หากินกับวัดก็พลอยได้อิ่มหนำสำราญ ไม่มีใครไปทำร้ายท่านหรอก
สัปเหร่อเดินไป รสสุคนธ์กับนฤมลขัดใจ ในขณะที่ฉ่ำสะใจ


ลั่นทมป้อนผลไม้ให้ชีพ ชีพส่ายหน้าบอกว่าไม่กินก่อนจะเมินไปทางอื่น ลั่นทมมองด้วยความน้อยใจ“ทมน่ารังเกียจ น่าขยะแขยงมากเหรอคะชีพ”
ชีพหันมามองลั่นทมแล้วพูดด้วยเสียงอ่อนระโหยแต่เอาจริง
“ถ้าแค้นฉันมาก อยากจะฆ่าก็ฆ่าได้เลย อย่ามาทรมานฉันอยู่แบบนี้ลั่นทม ฉันทำใจแล้ว ตายเสียยังดีกว่าอยู่”
ลั่นทมน้ำตาซึม “คุณเกลียดทมมากจริงๆ ขนาดยอมตาย”
ลั่นทมลุกขึ้นหัวเราะแค้นๆ แล้วพูดเสียงกราดเกรี้ยว
“ถ้าเกลียดทมแล้วมาแต่งงานกับทมทำไม ทำไมคะชีพ”
ชีพไม่กลัวหัวเราะเยาะใส่หน้า “ก็เพราะฉันอยากได้สมบัติเธอไงนังโง่ ฉันไม่เคยรักเธอเลยไม่เคยรักได้ยินมั้ย เอาสิโกรธแล้วใช่มั้ย มาเข้ามาฆ่าฉันเลยฉันจะได้พ้นจากนรกนี่เสียที”
ลั่นทมพุ่งเข้ามาหาชีพในสภาพหน้าตาบิดเบี้ยวน่ากลัว เธอยกมือจะขยุ้มเข้าที่คอชีพแต่ชีพหลับตานิ่ง ลั่นทมชะงักกำมือแน่นแล้วมองชีพอย่างปวดร้าวก่อนจะหายตัวไป ชีพลืมตาหัวเราะเยาะตัวเอง
“นังผีบ้า นี่มันจะไม่ยอมฆ่าฉันจริงๆเหรอเนี่ย โอ๊ยข้าอยากตาย โว้ย มาฆ่าสินังลั่นทม มาฆ่าสิ ฆ่าให้ตายไปเลย”
ชีพโวยวายแล้วลุกขึ้นร้องท้าเหมือนคนบ้า

ลั่นทมมาปรากฏร่างขึ้นที่ริมน้ำ เธอทรุดนั่งร้องไห้ด้วยความเจ็บช้ำ
“ชีพ..คุณหลอกลวงทมมาตลอดเวลาเหรอเนี่ย คุณไม่เคยจริงใจกับทม คุณไม่เคยรักทมเลย”


ท้องฟ้ายามพระอาทิตย์ใกล้ตกเต็มไปด้วยบรรยากาศโรแมนติก ลั่นทมวิ่งเข้ามายืนที่ริมน้ำด้วยหน้าตาสดชื่น ร่าเริง
“สวยจังเลยค่ะชีพ”
ลั่นทมหันไปมองชีพที่เดินเอามือไขว่หลังเข้ามาหา
“ว่าแต่คุณพาทมมาที่นี่ทำไมคะ ไหนบอกว่ามีเรื่องสำคัญมากจะคุยกับทม”
ชีพยิ้มเท่ห์แล้วยื่นดอกกุหลาบช่อหนึ่งมาตรงหน้า
ลั่นทมตาโตตื่นเต้น “สวยจังเลยค่ะชีพ ขอบคุณนะคะ”
ชีพคุกเข่าลงตรงหน้า ลั่นทมตะลึง “อะไร..คะ..ชีพ”
ชีพหยิบกล่องแหวนเล็กๆออกมาเปิด
“ระหว่างผมกับคุณเราอาจต่างกันมากเหลือเกิน แต่ผมก็ขอบังอาจที่จะรักคุณ ลั่นทมครับ คุณจะกรุณาแต่งงานกับผู้ชายที่มีแต่ตัวแต่มีความรักให้คุณจนสุดหัวใจได้มั้ยครับ”
ลั่นทมอึ้งก่อนจะพูดช้าๆ แต่ชัดเจน “ทมคงแต่งงานกับคุณไม่ได้หรอกค่ะ”
ชีพหน้าเสีย “คุณ..คุณปฏิเสธผมเหรอครับ” ชีพก้มหน้า “ผมคิดอยู่แล้ว ผมมันไม่เจียมตัวเอง รู้ทั้งรู้ว่าไม่คู่ควรกับคุณสักนิด”
ชีพลุกขึ้นหันหลังกลับจะเดินไป ลั่นทมรีบเรียกไว้
“เดี๋ยวค่ะชีพ”
ชีพหันกลับมา ลั่นทมหน้าเศร้า
“ทมต่างหากที่ไม่คู่ควรกับคุณ คุณก็รู้ว่าทมไม่ใช่สาวบริสุทธิ์ แต่ผ่านการแต่งงานมาแล้ว”
ลั่นทมสะอื้น ชีพรีบเข้ามาโอบลั่นทม ลั่นทมร้องไห้
“นี่คือเหตุผลที่คุณปฏิเสธผมเหรอลั่นทม” ชีพถาม
ลั่นทมพยักหน้า ชีพเชยคางลั่นทมขึ้นแล้วซับน้ำตาให้อย่างอ่อนโยน
“ถ้าอย่างนั้นฟังผมให้ดีนะ ผมรักคุณรักที่ตัวตนของคุณผมไม่แคร์ ผมรักคุณลั่นทม”
“จริงเหรอคะ”
ชีพพยักหน้าด้วยความจริงจังก่อนจะก้มลงจูบลั่นทมอย่างดูดดื่ม ชั่วครู่ชีพก็ผละออกมองลั่นทมที่กำลังเขินอาย
“แต่งงานกันนะลั่นทม” ชีพพูด
ลั่นทมพยักหน้าเขินๆ ชีพกอดลั่นทมไว้ ลั่นทมกอดตอบอย่างมีความสุข


ลั่นทมร้องไห้ด้วยความปวดร้าวใจอย่างที่สุดแต่แล้วเธอกลับชะงัก ลั่นทมหันขวับกลับมาด้วยสีหน้าตกใจ “ชีพ”


ชีพใช้ผ้าห่มผูกกับลูกกรงหน้าต่างแล้วมาผูกกับคอตัวเอง ชีพบ่นพึมพำเหมือนคนบ้า
“มึงไม่ฆ่ากู กูจะฆ่าตัวเองก็ได้ ฮ่ะๆๆนังผีนรก มึงไม่มีวันได้ทรมานกูอีกแล้ว”
ชีพทิ้งน้ำหนักตัวลงจะแขวนคอตัวเอง พลันเชือกก็ขาดสะบั้น
ชีพหงายล้มกลิ้งกับพื้นไม่เป็นท่ามาหยุดที่ปลายเท้าลั่นทม ชีพเงยหน้ามอง เขาแหงนหน้าเงยขึ้นไปเห็นลั่นทมอยู่สูงติดเพดานมีหน้าตาหน้ากลัวกำลังมองชีพมาอย่างดุร้าย
“คิดจะตายหนีความทรมานเหรอ ง่ายเกินไปชีพ มันง่ายเกินไปสำหรับคนชั่วอย่างคุณ ต่อให้ทมเจ็บแค้นมากแค่ไหน ทมก็จะไม่ยอมฆ่าคุณ และจะไม่ยอมให้คุณตาย ทมจะขังคุณไว้ในสุสานนี้ ให้อยู่กับทมในนี้อยู่กับคนที่คุณเกลียดตลอดไป”
ลั่นทมหัวเราะโหยหวน เธอก้มหน้าที่เหมือนศพลงมาหาชีพแล้วทำท่าเหมือนจะจูบ ชีพปัดป้องอย่างขยะแขยงสุดทน
“เฮ้ยไปไม่เอา โอ๊ย ไปนังผีวิปริต ไปให้พ้น”
ลั่นทมจูบชีพจนได้แล้วก็หัวเราะอย่างสะใจ


รสสุคนธ์นั่งหน้าบึ้งตึง นฤมลมีท่าทางร้อนใจก่อนจะกระซิบ
“เราจะไปไหนกันอีกน้องรส” นฤมลถาม
“ก็ไปวัดอื่นสิ ไม่ได้มีแค่วัดเหนือวัดเดียว มีตั้งหลายวัด มันต้องมีสักวัดที่สัปเหร่อมันรับทำให้”
รสสุคนธ์มองฉ่ำแล้วพูดเสียงดัง“พาฉันไปวัดไหนก็ได้นายฉ่ำเร็วๆเข้า”
ฉ่ำไม่ตอบแต่มองกระจกหลังด้วยความสะใจ



รสสุคนธ์เดินเข้าไปหาสัปเหร่อที่วัดแล้วพูดคุยกัน สัปเหร่อทำท่าปฏิเสธ รสสุคนธ์ผิดหวัง ฉ่ำแอบมองอย่างสะใจ รสสุคนธ์ไปอีกวัดแล้วไปพูดคุยกับสัปเหร่อ แต่ก็โดนปฏิเสธอีก รสสุคนธ์เซ็ง ฉ่ำหัวเราะคิกคัก รสสถคนธ์ไปอีกหลายวัดจนเธอเหนื่อย นฤมลก็ท้อแท้ ฉ่ำที่คอยตามแอบมองมาตลอดยิ้มอย่างสาแก่ใจ

สวาท สมพร จิ้มลิ้ม ยาใจ และวิเวกหัวเราะเสียงดัง
“สะใจฉันจริงๆไอ้ฉ่ำ”
“แล้วนังรสมันทำหน้ายังไง หาไอ้ฉ่ำ” สวาทถาม
“ก็หน้าแหกไปเลยน่ะสิ” ฉ่ำถาม
“เชอะ จะหาหมอผีมากำจัดคุณผู้หญิง บ้านของท่านแท้ๆ ไอ้ที่ควรโดนกำจัดนะคือพวกมัน” ยาใจว่า
“แบบนี้อยากให้คุณผู้หญิงหักคอนักเชียว” วิเวกบอก
“ใช่ๆ ว่าแต่พวกมันคงไม่เลิกง่ายๆ มันต้องหาหมอผีที่อื่นอีกแน่” จิ้มลิ้มบอก
“มีปัญญาก็ไม่หาสิ แต่รับรองได้ ถ้าในจังหวัดนี้ จ้างก็ไม่มีใครรับทำ” ฉ่ำว่า


รสสุคนธ์กับนฤมลนั่งปรึกษากันด้วยความหงุดหงิด
“บ้าเอ๊ยนี่ฉันจะช่วยคุณชีพได้ยังไง พี่มลอย่าเอาแต่นั่งเฉยๆสิช่วยกันคิดหน่อย” รสสุคนธ์ว่า
“พี่ก็คิดอยู่นะแต่มันยังคิดไม่ออก”
หนุ่ยกับโหน่งวิ่งเข้ามา หนุ่ยเข้ามาดึงมือนฤมล
“แม่ มาดูอะไรนี่” หนุ่ยบอก
นฤมลงง “อะไร”
“ตามโหน่งมาสิ”
ทั้ง 2 ฉุดมือนฤมลเดินไป รสสุคนธ์เดินตาม


หนุ่ยกับโหน่งพานฤมลและรสสุคนธ์เดินออกมาหน้าบ้านแล้วหยุดเดินชี้มือไปที่ใต้ต้นกล้วย ณ บริเวณรกๆ มุมหนึ่งข้างถนนหน้าบ้าน
“หนุ่ยออกมาขี่จักรยานเล่น เห็นน้าฉลอง”
ฉลองกับสายใจที่นั่งซุกตัวอยู่ยกมือไหว้ ฉลองผูกคอด้วยด้ายสายสิญจน์และมีพระเต็มคอ รสสุคนธ์ นฤมลดีใจ
“อ้าว ฉลอง ทำไมมานั่งอยู่นี่” นฤมลถาม
“ผมพานังสายใจมาแล้ว แต่เห็นคนพลุกพล่าน ว่าจะหาทางเข้าไปพอดีคุณหนุ่ย คุณโหน่งผ่านมา”
ฉลองเบี่ยงตัวหลบทำให้เห็นสายใจ หญิงสาวสวยบ้านนอกแต่ท่าทางหลุกหลิก สายใจยกมือไหว้รสกับนฤมล สายใจแต่งตัวเปรี้ยวแต่ก็เป็นสไตล์คนบ้านนอก
“บอกเขาแล้วใช่มั้ยนายฉลองว่าต้องทำยังไง”
สายใจตอบแทน “บอกแล้วค่ะ งานง่ายๆ”
“อย่าคุย ฉันต้องการผลงานดีๆ พลาดไม่ได้เด็ดขาด
“อยากให้งานออกมาดี ก็ต้องดูว่าเงินดีด้วยหรือเปล่า”
นฤมลหมั่นไส้ “อย่างกให้มากนักเลยนังใจ”
“ไม่เป็นไร ให้มันสมกับที่คุย ฉันจ่ายไม่อั้นอยู่แล้ว”
รสสุคนธ์เดินมองไปรอบๆตัวสายใช้ได้ “หุ่นดีใช้ได้ แต่ไปแปลงโฉมซะใหม่ให้มันล่อตาล่อใจมากกว่านี้”
“จะให้เริ่มงานเมื่อไรครับ”
“เร็วที่สุดเท่าที่จะเร็วได้” รสสุคนธ์บอก


ธารินทร์นั่งปรึกษากับอุษาอยู่ในบ้านพักธารินทร์
“คุณคิดว่าไม่ใช่คุณน้าทำเหรอคะ” อุษาถาม
“ผมว่าอาจเป็นแผนของคุณชีพกับรสสุคนธ์..” ธารินทร์บอก
“แผนอะไร”
“ผมก็ยังคิดไม่ออก แต่คุณชีพคงอยู่ในสุสานแน่ แต่ไม่รู้ว่าเขาจะทำอะไร..”
อุษานิ่งอึ้ง “ทำไมคุณถึงมั่นใจยังงั้นคะ”
“ในสุสานมีห้องลับหรือเปล่าษา”
อุษาคิดแล้วส่ายหน้า “ตอนก่อสร้างษาไม่ได้เข้าไปยุ่งเกี่ยวเลยคะ คุณว่าข้าวที่หายไปหมดนั่นฝีมือน้าชีพใช่มั้ยคะ”
“แน่ยิ่งกว่าแน่ หรือคุณว่าเป็นฝีมือใครล่ะ ?”
อุษาส่ายหน้าแล้วลุกขึ้น “ษาก็คิดไม่ออกเหมือนกัน ษากลับก่อนดีกว่า เย็นแล้ว”
ธารินทร์ลุกตามแล้วจับมืออุษา “เมื่อไรเราจะได้อยู่ด้วยกันอย่างนี้อีก”
“ก็อยู่แล้วนี่ไงคะ”
“ผมหมายถึงว่าแต่งงานกัน”
“รอให้เรื่องคุณน้าเรียบร้อยก่อนนะคะ”
ธารินทร์พยักหน้า ทั้งสองคนเดินจูงมือกันเดินออกมาที่รถอุษาแต่แล้วก็ต้องชะงักมองที่เห็นสายใจในชุดใหม่ที่เปรี้ยวมาก สายใจที่ทำผมแต่งตัวสวยยืนอยู่ที่หน้าบ้านแกล้งทำเป็นตกใจเมื่อเห็นอุษา เธอรีบหันหลังเดินออกไปจากหน้าบ้านธารินทร์
“ใครคะ” อุษาถาม
ธารินทร์ตอบสั้นๆ “ไม่รู้..”
“ท่าทางเขาเหมือนมาหาคุณนะ แต่พอเห็นษา..”
“ผมไม่รู้จักเขา”
อุษาพยักหน้าแล้วก็ขื้นรถติดเครื่อง “ษาไปก่อนนะคะ”
“ขับรถดีๆนะครับ”
อุษายิ้มให้ก่อนจะโบกมือแล้วขับรถออกไป

สายใจยืนชะเง้อคอยมองอยู่สักพักก็เห็นรถอุษาขับมา สายใจทำเป็นเดินต่อด้วยท่าทางเศร้า ๆ รถอุษาชะลอเข้ามาใกล้ๆ สายใจทำท่าเหมือนเช็ดน้ำตา อุษามองด้วยความแปลกใจแล้วบีบแตรเบาๆ อุษาจอดรถ สายใจชะงักแล้วหันมาทำตกใจ อุษาลงมายืนข้างรถก่อนจะถามอย่างเอื้อเฟื้อ
“คุณคะ..เป็นอะไรหรือเปล่า มาตามหาใครหรือเปล่าคะ”
สายใจละล่ำละลั่ก “ปละ..เปล่า ฉันฉันไม่ได้มาหาหมวดธารินทร์นะ ฉันไม่รู้จักเขา”
สายใจรีบวิ่งหนีไป อุษายืนงงๆ แล้วก็ขึ้นรถกำลังจะขับออกไป ทันใดนั้นอุษาก็ชะงักพูดคนเดียว
“เมื่อกี้รินทร์บอกไม่รู้จัก แล้วผู้หญิงคนนี้ก็บอกไม่ได้มาหา ไม่รู้จักเหมือนกัน แต่ทำไมถึงรู้ชื่อรินทร์รู้กระทั่งยศ”
อุษาสงสัย


รสสุคนธ์ นฤมล ฉลอง และสายใจอยู่ในสวนลับตาคน รสสุคนธ์ส่งเงินให้สายใจจำนวนหนึ่งซึ่งไม่มาก
“แค่นี้นะเหรอ” สายใจถาม
“เอาไปแค่นี้ก่อน สำเร็จแล้ว เธอจะได้เงินก้อนใหญ่” รสสุคนธ์บอก
สายใจทำหน้าไม่พอใจก่อนจะหันไปต่อว่าฉลอง
“ไหนพี่บอกได้เป็นแสนไง ฉันทำให้ผู้หญิงเริ่มระแวงแล้วงวดแรกก็น่าจะเป็นหลักหมื่นไม่ใช่หลักพัน ยังไงงานนี้ฉันต้องเปลืองตัวด้วย ถ้าได้แค่หลักหมื่นฉันไม่เอาด้วยนะ”
“หนอยนังใจ ค่าตัวแกอัพถึงแสนเลยเหรอ มากไปหน่อยมั้ง”
“หรือคุณพี่มลจะไปล่อหมวดเองล่ะ ถ้าเขาชายตามองคงไม่ต้องตามไปเรียกใช้บริการฉันละมั้ง”
“เอาน่า ใจเย็นๆเนี่ยก็อุตส่าห์ขโมยสร้อยน้าหวานไปขายแล้วนะตอนนี้ฉันยังไม่มี เพราะฉันโดนนังอุษามันคบคิดกับไอ้หมวด ธารินทร์เล่นงานฉัน พวกมันจะขัดขวางไม่ให้ฉันได้สมบัติ ถ้าแกทำให้พวกมันผิดใจกันได้ ทุกอย่างคงจะง่ายขึ้น”
“ช่วยคุณรสเขาก่อนเถอะน่านังใจ คุณแกรวยจะตาย แกก็เห็นบ้านช่องแล้วนะ ถ้าแกทำสำเร็จเงินมันได้อยู่แล้ว พี่รับรอง เราสองคนจะได้สบายไง”
สายใจทำท่าไม่พอใจแต่ก็ยอมพยักหน้า รสสุคนธ์ยิ้มพอใจ


ณ โรงงานของลั่นทม อุษากำลังทำงานอยู่ในห้อง เสียงโทรศัพท์มือถือดัง สายสมรเงยหน้าขึ้นแล้วยิ้มแซว
“หมวดแน่ๆ น่าอิจฉาจัง”
อุษายิ้มแล้วกดรับโทรศัพท์ “ฮัลโหล รินทร์เหรอคะ”
สายสมรยิ้มพยักเพยิดเหมือนกับว่าทายไม่ผิด
ธารินทร์พูดโทรศัพท์อยู่ในห้องทำงาน แล้วเขาก็ไปเก็บของบนโต๊ะอย่างรีบๆ
“ขอโทษนะษาวันนี้ที่เรานัดกันผมคงไปไม่ได้แล้ว”
“มีงานด่วนหรือคะ” อุษาถาม
“ครับมีคดีด่วนมากเลย ผมต้องไปที่เกิดเหตุเดี๋ยวนี้”
“ไม่เป็นไรคะรินทร์ รินทร์ระวังตัวนะคะ ษาเป็นห่วง”
“ชื่นใจจัง รู้มั้ยผมคิดถึงษามากขึ้นทุกวัน อยากแต่งงานเร็วๆ”
“รีบไปเถอะค่ะ เดี๋ยวษาก็จะกลับแล้ว”
“ดูแลตัวเองด้วยนะครับ เดี๋ยวๆ ผมรักคุณนะษา”
ธารินทร์กดตัดสายแล้วเดินไปที่ประตูก่อนจะเปิดแล้วก็ชะงัก จ่าลูกน้องกำลังจะเคาะประตู
“มีอะไรจ่า” ธารินทร์ถาม
“หมวดครับ หมวดวีระมาแล้วครับ”
“อ้าวเหรอ งั้นผมก็ไม่ต้องไปแล้วสิ”
“ครับผม หมวดวีระให้มาเรียนหมวดว่า จะไปเองเพราะเป็นแถวบ้านแกครับผม”
ธารินทร์ดีใจ “ขอบใจๆ งั้นเดี๋ยวฉันไปรับษา”
จ่าทำความเคารพแล้วเดินออกไป ธารินทร์หยิบโทรศัพท์มือถือออกมากดโทร ธารินทร์ชะงัก
“เอ้าแบตหมด..”
ธารินทร์เดินไปนั่งที่โต๊ะแล้วหยิบโทรศัพท์บนโต๊ะมาจะหมุนหมายเลข เสียงเคาะประตูดังขึ้น ธารินทร์ชะงัก “ครับ..เชิญ”
ธารินทร์เห็นสายใจเปิดประตูยิ้มหวานเดินเข้ามา ธารินทร์มองแบบคลับคล้ายคลับคลา


อุษาขับรถมา เธอเหลือบเห็นถุงผลไม้ที่เบาะข้างๆ อุษาบ่นคนเดียว
“อุตส่าห์ซื้อผลไม้ไว้ให้”
อุษาขับผ่านโรงพักแล้วมองเข้าไป “ยังไงเดี๋ยวรินทร์ก็ต้องกลับมาที่นี่ เอาไปฝากไว้ให้ก็แล้วกัน”
อุษายิ้มแล้วเลี้ยวรถเข้าโรงพัก เธอชะลอรถทันทีที่เห็นจ่าคนหนึ่งเดินอยู่ข้างหน้า จ่าหันมามอง อุษายิ้มให้ จ่าจำได้ก็ทำความเคารพ
“สวัสดีครับคุณอุษา”
“รบกวนฝากของให้หมวดธารินทร์หน่อยได้มั้ยคะ”
“อ้าว คุณอุษาไม่ไปพบหมวดเหรอครับ”
“ก็รินทร์ไม่อยู่นี่คะเห็นว่ามีคดีด่วน”
“เอ๋เมื่อกี้ผมยังเห็นอยู่บนโรงพักเลยนี่ครับ”
อุษาทำหน้าแปลกใจแต่ก็ยิ้มให้จ่า “เหรอคะ”
อุษาเลี้ยวเข้าที่จอดแล้วหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดโทร อุษาพึมพำ
“ปิดเครื่อง”อุษาลังเลแล้วก็ตัดสินใจหยิบถุงผลไม้แล้วเปิดประตูลงไป

อ่านต่อหน้าที่ 2


สุสานคนเป็น ตอนที่ 14 (ต่อ)

อุษาเดินยิ้มเข้ามาในโรงพักแล้วยิ้มแย้มทักทายตำรวจที่เคยรู้จักอย่างคุ้นเคย แต่รู้สึกว่าพวกตำรวจ

ชะงัก และบางคนยิ้มอย่างเป็นห่วง
“หมวดอยู่ใช่มั้ยคะ”
“เอ้อ..ครับ”
อุษาแปลกใจนิดๆ แต่ก็เดินต่อไปที่ห้องธารินทร์ อุษาเคาะประตูเป็นพิธีแล้วเปิดเข้าไปด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม อุษาชะงักที่เห็นธารินทร์นั่งอยู่ที่โต๊ะ สายใจเข้าไปยืนอยู่จนชิดแล้วกำลังก้มพูดอะไรกับธารินทร์จนเกือบติดหน้าธารินทร์ ธารินทร์มีสีหน้าตกใจเล็กๆ แต่สายใจแกล้งทำเป็นตกใจมากรีบถอยออกห่าง สายใจทำพิรุธพูดกับธารินทร์
“ใจไปก่อนดีกว่า..” สายใจว่า
อุษารีบพูด “ไม่เป็นไรค่ะ ฉันจะกลับแล้ว”
อุษาหันหลังกลับเดินลิ่วๆ ออกไป ธารินทร์รีบถลาตาม
“เดี๋ยวษา..” ธารินทร์เรียก
สายใจรีบผลักเก้าอี้ล้ม แล้วนั่งลงไปเหมือนสะดุดเก้าอี้ “ว้าย..”
ธารินทร์หันมา สายใจทำสีหน้าเจ็บปวดมากพร้อมกับเอามือจับข้อเท้า
“อุ๊ย.... โอ๊ย”
ธารินทร์เข้ามาใกล้ๆ เขามองเก้าอี้แล้วมองสายใจ
“เกิดอะไรขึ้นครับ”
“ใจ โอ๊ย..ข้อเท้า ใจนี่ซุ่มซ่ามจังเลย สะดุดเก้าอี้ล้มนะคะ”
ธารินทร์เหลียวหน้าเหลียวหลังเพราะเป็นห่วงอุษา
ธารินทร์เอ่ยถาม “คุณลุกไหวมั้ยครับ”
ธารินทร์ประคอง สายใจลุกแล้วทำท่าจะล้มลงอีก
“เจ็บค่ะเจ็บจัง” สายใจสำออย
“เดี๋ยวผมไปตามคนมาช่วย”
สายใจรีบพูด “ไม่เป็นไรค่ะ ไหวๆ”
สายใจทำเป็นพยายามจะลุกแล้วก็ไม่ไหวจึงล้มลงไปอีกเพื่อถ่วงให้ช้า ธารินทร์จะได้ตามอุษาไม่ทัน
“โอ๊ยทำไมปวดอย่างนี้ สงสัยข้อเท้าแพลง ไม่เป็นไรค่ะ ใจจะพยายามเดินไปเอง คุณรีบไปเถอะ เดี๋ยวแฟนคุณรอ” สายใจว่า
สายใจพยายามเดินแต่เดินไม่ได้จึงจะล้มอีก ธารินทร์จึงต้องเข้าไปประคองแล้วพาไปนั่งพัก แต่ก็หันไปมองทางที่อุษาเดินออกไปด้วยความกังวล


อุษาขับรถแล่นมาบนถนนค่อนข้างเร็ว อุษามีสีหน้าผิดหวัง
“เนี่ยเหรอมีงานด่วน โทรศัพท์ก็ปิด ผู้ชายเป็นแบบนี้ทุกคนเหรอไม่เว้นแม้กระทั่งคุณ ธารินทร์”
อุษาเม้มปากอย่างไม่พอใจแล้วก็ขับรถอย่างรวดเร็ว


ธารินทร์ประคองสายใจเดินออกมาจากห้อง สายใจเดินได้ดีขึ้น
“ไม่ไปหาหมอแน่เหรอครับ”
“ไม่ต้องค่ะขอบคุณมาก”
สายใจเดินออกจากโรงพักไป ธารินทร์ถอนใจ เพื่อนตำรวจยศเท่ากันเข้ามาตบบ่า
“ถึงกับถอนใจเลยหรือเพื่อน สับรางยังไงรถไฟชนกันจังเบ้อเร่อ”
ธารินทร์งง “นายพูดอะไร”
“เขาเห็นกันทั้งโรงพัก ฉันไม่เคยคิดเลยนะว่านายจะรู้จักมีกิ๊กกะเขาเหมือนกัน”
“เฮ้ยไอ้บ้า คุณสายใจไม่ใช่กิ๊กฉัน เขามาหาหมวดสันติ แต่แกเพิ่งย้ายไปเมื่อต้นปี ฉันก็เลยคุยกับเขาก็เท่านั้น”
“เอ้าญาติหมวดสันติเหรอ”
“เออ..พอดีษาเข้ามา เป็นอะไรก็ไม่รู้จู่ๆก็รีบออกไปเลย เรียกเท่าไรก็ไม่หยุด”
“เป็นใครก็ไม่หยุดหรอก คุณษาต้องคิดว่าแกมีกิ๊กแน่ รีบไปอธิบายให้เธอฟังสิไอ้รินทร์”
ธารินทร์ตกใจหน้าตื่น เขารีบวิ่งออกไปจากโรงพักอย่างรวดเร็ว เพื่อนมองขำๆ
“ยังไม่ทันแต่งแกก็เข้ากลุ่มกลัวเมียแล้วเหรอวะ”


รถของธารินทร์แล่นอย่างเร็วมากมาบนถนน ธารินทร์ขับหลบหลีกรถคันอื่นอย่างใจร้อนมาก
“อย่าเข้าใจผิดนะษา”
ธารินทร์เหยียบลงไปบนคันเร่งอีก

ธารินทร์เลี้ยวรถเข้ามาจอดหน้ารั้วบ้านลั่นทมก็เห็นประตูรั้วปิด ธารินทร์กดแตรเสียงดังแต่ก็ไม่มีใครเปิด ธารินทร์ร้อนใจจึงลงจากรถแล้วปีนรั้วเข้าไปอย่างทุลักทุเล เขากำลังจะกระโดดลงไปที่สนาม ฉ่ำวิ่งมาทางหนึ่ง
พร้อมกับจิ้มลิ้มที่วิ่งมาอีกทางหนึ่ง สองคนชะงักมองธารินทร์อย่างงงๆ ธารินทร์กระโดดลงมาที่พื้น
“หมวดรีบเหรอครับ” ฉ่ำถาม
ธารินทร์หอบ “ษาอยู่ไหน”
“อยู่ในห้องค่ะ ตั้งแต่กลับมายังไม่ออกมาเลย”
“รีบไปตามเร็วนังจิ้มลิ้ม บอกว่าหมวดรีบมาก”
“ไม่ต้อง ขอบใจ”
ธารินทร์ผละจากจิ้มลิ้มและฉ่ำ ธารินทร์รีบวิ่งไปที่ห้องอุษา จิ้มลิ้มกับฉ่ำมองตามอย่างงงๆ


ธารินทร์วิ่งมาที่หน้าห้องอุษาแล้วทำท่าจะเคาะ ทันใดนั้นประตูก็เปิดออก หวานเดินออกมา ธารินทร์ชะงัก
“น้าหวาน..ษาอยู่ข้างในใช่มั้ยครับ”
หวานมีสีหน้าขรึมๆ มองธารินทร์แปลกๆ “ค่ะแต่คุณษาเพิ่งสั่งว่าไม่อยากพบใครแม้แต่คุณ”
ธารินทร์อึ้ง ทันใดนั้นเขาก็พุ่งเข้าไปในห้องอย่างรวดเร็วจนหวานขวางไม่ทัน
“อุ๊ย อย่า อ้าว หมวด..”
หวานเกาหัวแล้วบ่นคนเดียว “ไวยังกะปรอท”
อุษายืนหันหลังอยู่ที่หน้าต่าง ธารินทร์พรวดเข้าไป หวานตามเข้ามายืนห่างๆ
“ษาครับ อย่าเพิ่งเข้าใจผิดนะคุณสายใจเธอมาหาหมวดสันติ”
อุษาหันมาพูดอย่างเย็นชา “มาหาหมวดสันติ แต่คุณโทร.ไปบอกษาว่ามีงานด่วน แถมยังปิดมือถืออีกหมายความว่ายังไงคะ”
ธารินทร์ลุกลนแล้วพยายามอธิบาย “ใช่ๆ ผมมีงานด่วนจริงๆ แต่พอดีหมวดวีระเขากลับมาทันเขาก็เลยไปเอง ส่วนโทรศัพท์แบตมันหมดพอดี”
“ที่โรงพักไม่มีโทรศัพท์สักเครื่องเลยเหรอคะ คุณถึงโทรบอกษาไม่ได้”
“คือผมก็กำลังจะโทร พอดีคุณสายใจเธอเข้ามา”
อุษายิ้มเยาะ “ก็เลยคุยกันเพลินจนลืมษาไปเลยงั้นใช่มั้ยคะ”
ธารินทร์อึ้งและทำหน้าไม่ถูก หวานมองสองคนอย่างไม่สบายใจ


อุษาเดินหนี ธารินทร์เดินตามง้อและพยายามอธิบายไปด้วย
“ผมไม่รู้จักเขามาก่อนจริงๆนะษา”
“คนไม่รู้จัก..แต่ดูคุณแคร์เธอมากเลยนะคะขนาดรู้ว่าษาจะเข้าใจผิด คุณยังไม่ตามษามา”
“ผมจะตามษามา เธอก็เดินเตะโต๊ะ จนข้อเท้าแพลง ผม..”
อุษาหยุดเดินแล้วรีบพูดต่อให้ “คุณก็เลยต้องช่วยประคับประคอง เจ็บมั้ยครับให้ผมพาไปหาหมอมั้ย เธอก็บอกว่าไม่ต้องค่ะไม่เป็นไร ช่วยประคองฉันไปนั่งก็พอ”
ธารินทร์อึ้งแล้วหัวเราะออกมา “ผมดีใจนะเนี่ย”
“ดีใจที่ษารู้ความจริงสักทีคุณจะได้ไม่ต้องปิดๆบังๆใช่มั้ยคะ”
ธารินทร์ตกใจจึงรีบพูด “ไม่ใช่..ผมดีใจที่เห็นษาหึงหวงผม แสดงว่าษารักผมมากไงเชื่อผม นะครับว่าเราไม่มีอะไรกัน มันเป็นเรื่องบังเอิญ”
อุษาทำสีหน้าเย็นชา “ถ้าเป็นผู้หญิงคนอื่นษาอาจจะเชื่อ แต่ผู้หญิงคนนี้เป็นคนเดียวกับที่ษาพบที่บ้านคุณวันนั้น เธอรู้จักคุณมาก่อน เพราะษาได้คุยกับเธอแล้ว” อุษายิ้มเยาะ “คงไม่เป็นการบังเอิญพบกันทั้ง 2 วันหรอกนะ”
อุษาพูดจบก็สะบัดแล้วจะผละไป ธารินทร์จะตาม ทันใดนั้นก็มีโทรศัพท์ดัง ธารินทร์หยิบโทรศัพท์มาดูเบอร์ “สารวัตร” ธารินทร์รีบรับ “ครับผม สารวัตร ครับ อะไรนะครับ ครับๆ ผมจะไปเดี๋ยวนี้ครับผม”
ธารินทร์รีบหันกลับวิ่งไปหน้าบ้านผ่านมุมหนึ่งที่รสสุคนธ์กับนฤมลแอบดูอยู่ ทั้งสองคนยิ้มให้กันอย่างสะใจ


รสสุคนธ์กับนฤมลวิ่งเข้ามานั่งที่เตียงแล้วหัวเราะกันอย่างมีความสุข
“สำเร็จแล้ว ทะเลาะกันใหญ่เลย” นฤมลว่า
“นังสายใจนี่มันไม่เลว ตีนังอุษาแตกเหมือนกัน แบบนี้กว่าพวกมันจะต่อกันติด เราก็คงทำสำเร็จโดยไม่มีใครมาขวาง ตัดพวก มารไปได้ทีละสองเลย”
รสสุคนธ์ยิ้มอย่างเป็นต่อกับนฤมล


พระจันทร์ดวงกลมโต อุษานั่งหน้าเศร้าอยู่คนเดียวเงียบๆ แล้วน้ำตาก็ไหลออกมา
“นั่นใคร..ถามว่าใคร”
อุษารีบเช็ดน้ำตาหันไปตอบเบาๆ
“ษาเองค่ะน้าหวาน”
หวานเดินเข้ามานั่งข้างๆ “อ้าวคุณอุษามานั่งทำไมมืดๆละคะ นี่ก็ดึกมากแล้วด้วย”
“ษา..นอนไม่หลับค่ะ”
หวานมีท่าทางเกรงใจ
“ขอโทษเถอะนะคะอย่าหาว่าอิฉันละลาบละลวงเลย เรื่องคุณธารินทร์ อิฉันว่าคุณษาน่าจะเข้าใจผิด”
“ไม่ผิดหรอกค่ะน้าหวาน ษาเห็นกับตาตัวเอง”
“ผู้ชายเจ้าชู้นะยังไงก็ต้องเจ้าชู้วันยังค่ำดูแต่คุณผู้ชายสิคะ แต่คุณธารินทร์แกไม่เคยมีนิสัยแบบนั้นเลย ตั้งแต่อิฉันรู้จักแกมา”
อุษานิ่ง หวานพูดต่อ “ที่จริงคุณอุษานั่นแหละที่จะรู้จักคุณรินทร์ดีกว่าใคร ถ้าแกเจ้าชู้คุณษาคงไม่คบกันมาจนถึงวันนี้หรอกจริงมั้ยคะ”
อุษาครุ่นคิดตามคำพูดของหวานแล้วก็มีสีหน้าที่เริ่มลังเล

เช้าวันใหม่ อุษานั่งทานอาหารเช้า หวานกำลังรินนมให้ รสสุคนธ์กับนฤมลเดินเข้ามา รสสุคนธ์แอบยิ้มเยาะกับนฤมลแล้วเดินมาเกาะโต๊ะ
“เอ๊ะอุษาจ๊ะทำไมหน้าซีดๆเซียวๆอย่างนั้นล่ะ อุ๊ยดูสิตาบวมๆ ด้วย เมื่อคืนร้องไห้หรือเปล่า”
อุษาชะงักแล้วนิ่งไม่ตอบ หวานหันมาห้วนๆ
“ไม่ต้องแส่เรื่องคนอื่น ตัวแกเมื่อไรจะไปทำงานสักที”
“ฉันไปเมื่อไรน้าก็เห็นเอง” รสสุคนธ์มองอุษา “มีปัญหาอะไรกับหมวดหรือเปล่าจ๊ะ นี่ถ้าเรื่องหมวดมีกิ๊กละก็ปรึกษาฉันได้นะ”
อุษาอึ้งแล้วสะอึกเหมือนกลืนอาหารไม่ลง หวานมองด้วยความสงสัย
“แกรู้ได้ไงว่าหมวดกับคุณษามีปัญหากันนังรส”
รสสุคนธ์อึกอัก “อ๋อ..เอ้อก็เมื่อวานเห็นหมวดเดินตามง้ออุษาออกทั่วบ้าน”
“แกก็เลยแอบฟังละสิ แหมเรื่องสาระแนนี่ถนัดนักนะ”
รสสุคนธ์ค้อนหวาน “นี่อุษาผู้ชายก็ยังงี้ล่ะ เขาคิดว่าเรื่องมีกิ๊กนะเรื่องธรรมดา ต่อหน้าทำเป็นแมว ลับหลังเนี่ยเสือผู้หญิงเลยน่ะหมวดนะท่าทางใช่ย่อย ฉันเคยบอกเธอแล้วเขานะจ้องๆฉันอยู่ แต่ฉันไม่สน เธอก็ไม่เชื่อ ตอนนี้เป็นไงน้ำตาเช็ดหัวเข่าแล้วละสิ”
อุษาเช็ดปาก ดื่มน้ำแล้วลุกขึ้นเดินออกไปโดยไม่โต้ตอบ รสสุคนธ์มองอย่างสะใจก่อนจะหัวเราะเยาะกับนฤมล
“จ๋อยไปเลยนะน้องรส ไม่งั้นทุกทีปากเก่งเป็นบ้าด่าแต่ละคำแสบเข้าไปถึงตับไตไส้พุง”
“สมน้ำหน้ามัน” รสสุคนธ์หันมาถามหวาน “มีอะไรกินบ้างน้าหวาน”
หวานตอบห้วนๆ “ไม่มี อยากกินก็หากินเอาเอง”
หวานเดินออกไปอย่างไม่สนใจ รสสุคนธ์มองตามอย่างเคืองๆ


อุษาเดินน้ำตาซึมมาถึงรถและกำลังจะเปิดประตู ธารินทร์เข้ามาจับมืออุษาไว้ อุษามองแล้วสะบัด “ปล่อยนะ”
ธารินทร์เสียงแข็ง “ไม่ปล่อย”
อุษาเสียใจและโกรธจนน้ำตาไหลออกมา อุษารีบวิ่งหนี ธารินทร์วิ่งตามมารวบตัวอุษาให้หันมาเผชิญหน้า อุษาพยายามดิ้น ธารินทร์ขู่
“ถ้าคุณไม่ยอมฟังผม ผมจะจูบคุณเดี๋ยวนี้”
อุษาอึ้ง เธอนิ่งแต่เชิดคอแข็ง ธารินทร์ส่ายหน้าแล้วยิ้มนิดๆ ก่อนจะพูดเสียงอ่อน
“ษาครับ รู้มั้ยเมื่อคืนผมไปไหนมา..”
อุษาประชด “คงไปหาคุณสายใจมั้ง”
“ครับ..ใช่ผมไปหาสายใจมา”
อุษาอึ้งมองธารินทร์แล้วน้ำตาร่วง เธอเข้ามาทุบธารินทร์เป็นพัลวัน
“คนใจร้าย ใจดำ ทำกับษาแบบนี้ได้ไง ษาหลงไว้ใจคุณเชื่อใจคุณ ษาไม่คิดว่าคุณจะทำลายความไว้ใจของษาจนหมดไม่มีเหลือ ษาเกลียดคุณ เกลียด”
“เป็นชุด ต่อว่าผมพอหรือยัง เอาล่ะที่นี่ฟังผมบ้างนะ ผมไปหาสายใจมาจริงๆ แต่รู้มั้ยว่าเธออยู่กับใคร”
อุษาเมินไม่ตอบ ธารินทร์พูดต่อ “เธออยู่กับนายฉลอง”
อุษาหันกลับมาอย่างงงๆ ธารินทร์อธิบายต่อ “พูดให้ชัดๆก็คือสายใจเป็นเมียนายฉลอง”
อุษาตกใจ “อะไรนะคะ”
“เมื่อวานสารวัตรโทรมาตามว่าเจอตัวนายฉลอง เขามีอีกคดีที่โรงพักทางนครราชสีมาประสานให้เราช่วยเหลือเพราะรู้ว่าฉลองอยู่ที่นี่ พอเราไปถึงก็พบพวกเขาอยู่ด้วยกัน กำลังวางแผนเล่นงานเรา”
“ยังไงคะ”
“ก็ให้ษากับผมทะเลาะกันนี่ไง”
“ษาไม่เข้าใจนายฉลองจะทำแบบนั้นทำไม”
“ไม่ใช่แผนของนายฉลอง แต่เป็นแผนของรสสุคนธ์”
อุษาตะลึงและเริ่มเข้าใจทุกอย่าง อุษามองหน้าธารินทร์แล้วพูดเสียงอ่อย
“รินทร์คะ..ษา..ษาขอโทษ”
ธารินทร์ปล่อยอุษาแล้วก็ทำหน้าสลด
“ผมเสียใจมากเหลือเกินที่โดนเข้าใจผิดทั้งๆที่ไม่รู้เรื่องเลยสักนิด”
อุษาแตะแขนธารินทร์อย่างง้องอน “ษาวู่วามเกินไป ษาขอโทษจริงๆค่ะ”
“ผมรู้สึกแย่ที่ตัวเองดูไม่มีเครดิตเลย ษาถึงคิดว่าผมจะเป็นผู้ชายหน้าไหว้หลังหลอกแบบนี้”
อุษาอึ้งและทำหน้าเศร้า “ษาผิดมากจริงๆ ษาไม่น่าคิดกับคุณแบบนี้เลย จะให้ษาทำยังไงดีคะรินทร์ถึงจะไม่โกรธษา ษาจะทำทุกอย่างคะรินทร์”
“จริงเหรอครับ”
อุษาพยักหน้าหนักแน่น “จริงค่ะ”
ธารินทร์ยิ้มเจ้าเล่ห์แล้วก็เอียงแก้มเข้ามาหาอุษา “งั้นต้องจูบปลอบขวัญผมหน่อย”
อุษาหน้าแดงแล้วพึมพำ “เจ้าเล่ห์จริงๆนะรินทร์เนี่ย”
ธารินทร์ทำท่าขึงขัง “ดูสิ..ว่าผมเจ้าเล่ห์อีกแล้ว โอ๊ยเสียใจ ปวดใจ”
อุษารีบแก้ร้อนรน “เปล่าคะเปล่าษาไม่ได้หมายความยังงั้น”
ธารินทร์เอียงแก้มอีกแล้วพยักหน้าให้เร็วๆ อุษาหน้าแดงมองซ้ายขวา แล้วเธอก็รีบจุ๊บแก้มธารินทร์เบาๆ ธารินทร์ลูบแก้มอย่างพอใจก่อนจะคว้าตัวอุษาเข้ามากอด
“ต่อไปนี้อย่าเข้าใจผมผิดอีกนะ จำไว้ว่าไม่มีอะไรมาเปลี่ยนใจให้ผมไปรักคนอื่นได้ ผมรักษาคนเดียว”
อุษาพยักหน้า ทั้งคู่มองกันอย่างหวานฉ่ำ

รสสุคนธ์กำลังแต่งตัว ที่นฤมลนั่งรออยู่ที่เตียง
“น้องรสจะไปหาหมอผีหรือจะไปหาผัวใหม่กันแน่จ๊ะ”
“เอ้าพี่มลเนี่ย เป็นผู้หญิงก็ต้องสวยต้องดูดีตลอดเวลาไม่แน่บางทีเราอาจออกไปเจอแจ็กพ็อตก็ได้ใครจะรู้ ขืนทำตัวโทรมๆก็หมดราคาสิ”
หวานเปิดประตูพรวดเข้ามา รสสุคนธ์ชะงักแล้วหันไปเหน็บ
“จะเข้าจะออกหัดเคาะซะบ้างนะน้าหวาน ใช่ว่าเป็นน้าจะทำอะไรก็ได้ ยังไงฉันก็เป็นคุณผู้หญิงของบ้านนี้”
หวานเดินเข้ามาใกล้รสสุคนธ์แล้วมองตั้งแต่หัวจรดเท้า
“ตอนนี้คุณผู้หญิงไม่มีเงาหัวแล้วรู้ตัวหรือเปล่าละเจ้าคะ”
“พูดอะไรนะน้าหวาน” รสสุคนธ์ถาม
“ฟังให้ดีนะคะคุณผู้หญิง คุณรินทร์เขามาบอกเมื่อกี้ว่าจับเจ้าฉลองกับนังสายใจเมียมันได้แล้ว”
รสสุคนธ์ตกใจอ้าปากค้าง นฤมลถลาเข้ามา “ตายแล้ว..มันบอกอะไรหรือเปล่า..”
หวานหันมายิ้มให้นฤมลแล้วตบหน้านฤมลก่อนจะหันมาตบรสสุคนธ์อย่างแรง ทั้งคู่ตกใจร้องคลำแก้ม หวานชี้หน้า
“พวกแกมันเลว เลวที่สุด”
“มันให้การพาดพึงมาถึงฉันเหรอ ฉันไม่รู้เรื่องนะ” รสสุคนธ์ปฏิเสธ
“แกไม่ต้องมาปฏิเสธหรอก ทำอะไรก็รู้อยู่แก่ใจ มันโดนส่งตัวไปจังหวัดที่มันก่อคดีไว้ แต่คุณธารินทร์เขาก็รู้หมดแล้วเรื่องนังสายใจที่แกส่งไปล่อเขานะ” หวานบอก
“แล้วเขาจะเอาเรื่องเรามั้ยน้า” นฤมลกลัว
“คุณสองคนนะเขาเป็นคนดี เขาให้โอกาสพวกแกตลอดเวลาแต่ทำไมวะข้าไม่เข้าใจทำไมไม่คิดสำนึกกันบ้าง ก่อเรื่องไม่หยุดไม่หย่อน”
รสสุคนธ์กับนฤมลถอนใจด้วยความโล่งอก แต่นฤมลก็เริ่มกลัว
“น้องรส เรารีบไปจากที่นี่เถอะ ก่อนพวกเขาจะเปลี่ยนใจ”
“ใครจะไปก็ไป แต่ฉันไม่ไป”
“แกมันคงเป็นคางคกกลับชาติมาเกิด ยางหัวไม่ตกไม่รู้สึก”
หวานเดินออกไปด้วยอาการโกรธจัด


รสสุคนธ์ที่มีสีหน้าโกรธแค้นหวานยืนแอบอยู่ที่มุมหนึ่ง รสสุคนธ์ทำท่าทางมีพิรุธไม่ให้ใครเห็น สวาทถือถาดเครื่องเซ่นมา หวานเดินนำจิ้มลิ้มยาใจถือขวดน้ำและผลไม้ตามมาติดๆ
“จะไปสุสานทีแทบจะหมดบ้าน” หวานว่า
“หรือน้าหวานไม่กลัวล่ะ” สวาทถาม
หวานไม่ตอบ เธอเดินนำออกไปทางหน้าบ้านเพื่อจะไปสุสาน รสสุคนธ์มองจนแน่ใจว่าไม่มีใครย้อนกลับมาก็รีบวิ่งไปที่ห้องหวานแล้วเปิดประตูเข้าไปทันที
รสสุคนธ์ปิดประตูแล้วเดินมาที่เตียง เธอมุดเข้าไปใต้เตียงก่อนจะลากกล่องใบหนึ่งออกมาเปิดออก โดยที่ในกล่องมีเสื้อผ้าเก่าที่หวานไม่ใช้ ข้างล่างสุดมีกล่องใบเล็กๆ รสสุคนธ์หยิบมาเปิดออก มีเงินจำนวนหนึ่งพร้อมสร้อยทองอีกสองเส้น แหวนทองอีกวง รสสุคนธ์ยิ้มอย่างพอใจ
“คราวก่อนฉันอุตส่าห์เอาเส้นเดียวเห็นแก่ความเป็นน้า แต่น้าไม่เห็นฉันเป็นหลานเลย คราวนี้ฉันเอาหมดละนะ”
รสสุคนธ์เอาของใส่อกเสื้อก่อนจะเก็บของหวานให้เหมือนเดิมยัดเข้าใต้เตียงรีบออกไปจากห้อง


รสสุคนธ์เดินลากนฤมลมาด้วย นฤมลขืนตัวไว้
“น้องรสจะไปไหนอีก พี่ไม่เอาด้วยแล้ว”
“อย่าปอดนะพี่มล อดทนอีกหน่อยถ้าเราได้หมอผีเก่งๆมาปราบนังลั่นทม ทุกอย่างก็จบ เราก็มีเงินแล้ว”
“แต่ตอนนี้จะเอาเงินที่ไหนไปจ้างหมอผีล่ะ”
รสสุคนธ์หยิบสร้อยทองสองเส้นกับแหวนออกมาให้นฤมลดู
“แค่นี้ก็พอจ้างพวกหมอผีแล้ว”
นฤมลตาโตก่อนจะหยิบสร้อยมาดูใกล้ๆ “สร้อยทอง..น้องรสเอามาจากไหน”
“ก็ขโมยน้าหวานมานะสิ”
“ทำไมน้าหวานแกมีเยอะจัง คราวก่อนก็เส้นหนึ่งแล้วนี่นา”
“ก็นังลั่นทมมันให้ไง เพราะงี้น้าหวานถึงบูชามันนัก”
จิ้มลิ้มกับยาใจเดินกลับจากสุสานไกลๆ ทั้งสองคนสะกิดกันแล้วมองมาที่รสสุคนธ์กับนฤมล
“ดูนังงูเห่าสองตัวนั่นสิแก ท่าทางแปลกๆดี๊ด๊าอะไรกัน”
“น้าหวานสั่งให้คอยจับตาพวกมัน งั้นเราตามไปดูกันเถอะ”
ทั้งสองคนวิ่งตามมาแอบดูอยู่ไม่ไกล
รสสุคนธ์กับนฤมลยังชื่นชมทองกันอยู่
“ฉันจะเอาไปขายให้หมดเลย รีบไปกันเถอะพี่มล” รสสุคนธ์บอก
นฤมลดวงตาเป็นประกาย “ขอพี่ใส่หน่อยได้มั้ย ก่อนขายขอใส่ให้ราศีมันจับหน่อยน้องรสก็เหมือนกันจะถือเอาไปทำไมล่ะ”
รสสุคนธ์เห็นด้วย “ก็ดีนะ”
รสสุคนธ์ใส่สร้อยทองกับแหวน นฤมลใส่สร้อย ทั้งสองคนหัวเราะแล้วพากันเดินต่อไป จิ้มลิ้มกับยาใจตาโต
“เฮ้ยสองคนนั่นเอาทองมาจากไหน หรือว่าขโมยของคุณษามา” จิ้มลิ้มว่า
“น่าสงสัยแล้วแก ตามไปเร็ว”

อ่านต่อหน้าที่ 3


สุสานคนเป็น ตอนที่ 14 (ต่อ)

ทั้งสองคนเดินตามมาห่างๆ รสสุคนธ์กับนฤมลเดินไปได้นิดเดียว แหวนก็มีแสงวูบวาบออกมา รสสุคนธ์สะดุ้งเหมือนโดนไฟช๊อตแล้วก็ร้องเสียงดัง “ว้าย..”

“น้องรสเป็นอะไร”
รสสุคนธ์สะบัดมือเร่าๆ ก่อนจะลนลานถอดแหวนเหวี่ยงทิ้งพลางกุมมือแล้วร้องโอดโอย นฤมลตกใจ แหวนที่รสสุคนธ์เหวี่ยงหล่นลงแทบเท้าจิ้มลิ้มกับยาใจที่เดินตามมาพอดี จิ้มลิ้มคว้าหมับ
“อุ๊ย...ส้มหล่น”
ทันใดที่คอของรสสุคนธ์ก็เกิดประกายวูบ รสสุคนธ์ตาหูเหลือกก่อนจะตะปบที่คอแล้วกระชากสร้อยออกเหวี่ยงทิ้ง ยาใจคว้าไว้ “ว้าย...นี่ก็ส้มหล่น...”
รสสุคนธ์ลูบคลำคอกับนิ้วแล้วร้องอย่างเจ็บปวด “โอ๊ยปวดแสบปวดร้อนเหลือเกิน โอ๊ยปวด”
รสสุคนธ์ซมซานขณะวิ่งผ่านจิ้มลิ้มกับยาใจกลับเข้าในบ้าน นฤมลตะลึงก่อนจะรีบถอดสร้อยออกอย่างลนลาน เธอโยนทิ้งแล้ววิ่งตามรสสุคนธ์ไป จิ้มลิ้มกับยาใจมองอย่างไม่เข้าใจ
“นังรสมันเป็นอะไร”
“ถูกเล่นงานแน่..บรื้อ...” ยาใจกลัว
ยาใจกับจิ้มลิ้มมองตามรสสุคนธ์กับนฤมลไป ตัวเองก็กลัวจึงมองดูสร้อยกับแหวนในมืออย่างหวาดๆ แล้วรีบวิ่งกลับบ้าน ลั่นทมปรากฏร่างขึ้นแสยะยิ้มอย่างสาแก่ใจ


รสสุคนธ์ซมซานเข้ามาในห้องพระบ้านลั่นทม นฤมลตามเข้ามาในสภาพหน้าตาซีดเซียว รสสุคนธ์กราบพระอย่างร้อนรน
“คุณพระคุณเจ้า ช่วยลูกด้วย”
นฤมลจะร้องไห้ขณะมองรอยไหม้ที่คอและนิ้วรสสุคนธ์อย่างหวาดกลัว
“ฝีมือลั่นทมแน่ พี่ว่าเราไปเถอะน้องรส ถ้าอยู่ต่อเราต้องตายแน่”
“ไม่..รสจนตรอกแล้ว รสจะสู้”
“สู้ยังไงล่ะ หมอผีก็ไม่มีเงินไปจ้าง นิมนต์พระ พระก็ไม่มาจะบังคับให้ท่านมาก็ไม่ได้”
รสสุคนธ์พยายามคิดโดยไม่ยอมแพ้ด้วยความโลภและโกรธ รสสุคนธ์มองไปที่พานก็ชะงัก เธอเห็นพระเครื่องที่อยู่ในพาน รสสุคนธ์ทำสีหน้าเหมือนคิดอะไร เธอเอื้อมมือหยิบพระเครื่องมามองสีหน้าแววตามีความหวัง


สวาทกับหวานถือถาดเครื่องเซ่นออกมาจากสุสาน หวานบ่นอย่างไม่จริงจัง “แกยังดีกว่าสองตัวนั่นนะนังหวาด แหมไม่รู้จะกลัวอะไรนักหนาวางของเสร็จแผ่นแน่บเลย”
จิ้มลิ้มกับยาใจวิ่งหน้าตาตื่นเข้ามา
“สองตัวของน้านะตายยากเป็นบ้า วิ่งหน้าตั้งกลับมาทำไมนะ” สวาทว่า
จิ้มลิ้มกับยาใจวิ่งมาถึงยืนหอบๆ
จิ้มลิ้มพูดกับหวาน “นังรสกับนังมลกำลังจะออกไปนอกบ้าน ฉันสองคนเห็นท่าทางมันแปลกๆแถมมีสร้อยทองกับแหวนใส่ก็เลยตามไปดู แต่อยู่ๆนังรสก็ปาทิ้ง ทำท่าเหมือนว่าสร้อยกับแหวนร้อนมาก”
“จริงๆน้าหวาน แล้วนังรสมันร้องโอดโอยเหมือนเจ็บปวด วิ่งตาเหลือกกลับเข้าบ้านไป นังมลมันตกใจเลยถอดสร้อยตัวเองขว้างทิ้งบ้างแล้ววิ่งตามกันไปจ๊ะ”
จิ้มลิ้มส่งแหวนกับสร้อยทองให้หวาน หวานรับมามองแล้วร้องเสียงหลง
“เฮ้ย.. นี่มันของฉันเองนี่” หวานโกรธ “นังหลานเนรคุณมันคงขโมยจะเอาไปขายสิท่า”
หวานหันไปมองทางสุสานแล้วยกมือไหว้
“ขอบพระคุณค่ะคุณผู้หญิง นี่ท่านคงสั่งสอนมัน”
พวกสวาทขยับเข้ามาใกล้กัน สวาทรีบพูดด้วยท่าทีหวาดกลัว “น้าหวานฉันว่าเรารีบไปจากตรงนี้เถอะ”
หวานโกรธ “เออไปข้าจะไปจัดการนังสองตัวนั่นสักหน่อย”
หวานเดินเร็วๆ นำไป พวกสวาทตามกันไปติดๆ ด้วยท่าทางหวาดกลัว



รสสุคนธ์เดินไปเดินมาอย่างใช้ความคิด เธอมองพระในมือ นฤมลนั่งหน้าซีดหน้าเซียวอยู่ในห้องแล้วก็สะดุ้งสุดตัวที่หวานเปิดประตูเข้ามา นฤมลถอนใจโล่งอก
“น้าหวานนะเอง นึกว่า...”
นฤฒลรีบหยุดพูด หวานพูดต่อห้วนๆ “นึกว่าคุณผู้หญิงล่ะสิ ไงริจะเป็นขโมย โดนดีเข้าให้แล้วมั้ยล่ะแหมคุณผู้หญิงท่านยังเมตตานะที่จริงท่านน่าจะหักคอพวกแกซะเลย”
รสสุคนธ์ทำไม่รู้ไม่ชี้ “น้าพูดเพ้อเจ้ออะไรฉันไม่เห็นรู้เรื่อง”
“แกขโมยสร้อยกับแหวนที่คุณผู้หญิงให้ฉัน ไม่ต้องมาทำหน้าโง่แล้วเงินล่ะอยู่ไหน”
“เอ๊ะก็บอกว่าไม่รู้ ก็ไม่รู้สิ”
หวานพยักหน้ายิ้มๆ แล้วก็ยกมือไหว้ก่อนจะพูดเรียบๆ
“คุณผู้หญิงเจ้าขาเงินอิฉันที่สู้อดออมมาทั้งชีวิตมันถูกขโมยไปเจ้าค่ะ คนร้ายมันปากแข็งไม่ยอมรับเจ้าค่ะ”

ทันใดก็เกิดแสงสว่างวาบขึ้นบริเวณที่กระเป๋ากางเกงรสสุคนธ์ รสสุคนธ์สะดุ้งแผดร้องอย่างเจ็บปวด เธอรีบควักซองเงินออกมาปาทิ้งพื้น
“โอ๊ย...ฮือ...ปวดแสบปวดร้อน”
หวานยิ้มเยาะอย่างสะใจ เธอยกมือไหว้ท่วมหัว
“ขอบพระคุณค่ะคุณผู้หญิง” หวานเก็บซองเงิน “ต่อไปนี้ฉันคงเบาแรงลงได้มาก เวลาแกทำชั่ว ฉันไม่ต้องเหนื่อยด่าอีกเพราะแกจะเจอดีเดี๋ยวนั้นเลย !ถ้าแกยังไม่เลิกคราวนี้ฉันได้จัดงานศพให้แกแน่นังรส นังมล”
หวานหัวเราะอย่างสะใจแล้วเดินออกไป รสสุคนธ์กับนฤมลหน้าซีดขณะที่มองไปรอบๆห้องอย่างหวาดๆ นฤมลวิ่งลนลานออกจากห้อง
“ไม่เอาแล้ว กลัวแล้วจ้ะ”
“พี่มลเดี๋ยวพี่มลอย่าทิ้งกันสิ”
รสสุคนธ์เริ่มกลัวถอยกลับมานั่งที่เตียงแล้วพนมมือโดยมีพระอยู่ในมือ


ธารินทร์ถือแก้วกาแฟเข้ามาในห้องสองแก้ว แก้วนึงวางตรงหน้าไกรแล้วตัวเองก็เดินอ้อมโต๊ะไปนั่ง “ดื่มกาแฟก่อนครับคุณไกร”
“ขอบคุณมาก”
ไกรยกกาแฟดื่ม “ขอโทษจริงๆที่ต้องมารบกวนแต่เช้า”
“ไม่เป็นไรครับคุณไกรคงมีเรื่องสำคัญ”
“รสสุคนธ์โทรไปหาผมที่สำนักงาน ถามว่าถ้าคุณชีพตายหรือหายสาบสูญมรดกจะอยู่กับใคร”
ธารินทร์กำลังจะดื่มกาแฟถึงกับชะงัก “ค่อยชัดเจนขึ้นมาเรื่อยๆแล้ว นะครับ..”
“ผมเป็นห่วงว่า ถ้าไม่หลอกให้เราเผาคุณลั่นทมไวๆ แม่รสก็อาจซ้อนแผนฆ่าคุณชีพเสียเอง แล้วโยนบาปให้คุณลั่นทม ตัวเองจะได้ส่วนของคุณชีพทั้งหมด”
ธารินทร์นิ่งและคิดหนัก “ผมกำลังสงสัยว่าที่สุสานนอกจากประตูหน้าต่างกับทางออกด้านหลังที่ทีมก่อสร้างบอกไม่มีช่องทางลับใดๆ อีก..แล้วเขาจะพาคุณชีพเข้าทางไหนออกทางไหน”
“ก็ต้องเฝ้าดูกันต่อไป ที่ผมมานี่อยากขอกำลังตำรวจไปเฝ้าที่สุสาน ผมเป็นห่วงหนูอุษา”


บริเวณรอบสุสานเรือนไทย มีตำรวจเฝ้าระวังอยู่ทั้งที่ตัวเรือนด้านนอก ที่สุมทุมพุ่มไม้
และแม้แต่ที่บนต้นไม้ใหญ่


นฤมล หนุ่ย และโหน่งกำลังกินข้าวต้มกันอยู่ รสสุคนธ์เดินเข้ามานั่ง
“มันหายหัวไปไหนกันหมด”
“ไม่มีใครมันมารับใช้เราหรอก นี่พี่ก็ต้องหาให้ลูกๆกินเอง”
“งั้นพี่มลก็ไปจัดมาให้รสด้วย”
นฤมลมองรสสุคนธ์อย่างไม่พอใจ แต่ก็เดินออกไป ครู่หนึ่งก็กลับเข้ามาวางชามข้าวต้มให้รสสุคนธ์ รสสุคนธ์มองแบบไม่อยากกินแต่ก็จำใจกิน รสสุคนธ์ตักแบบกระแทกกระทั้นจนอาหารหกบ้างกระฉอกบ้างใส่แขนของเธอ รสสุคนธ์ที่กำลังหงุดหงิดอยู่แล้วกระแทกช้อนดังโครม
รสสุคนธ์เอะอะเกินเหตุ “ไอ้ชามบ้า..เดี๋ยวแม่ปาทิ้งเลย เอ๊ะหรือว่านังผีร้ายนั่นมันไม่ให้กินอีก” รสสุคนธ์ตะโกน “มาซีวะ มาเลย”
รสสุคนธ์หยิบพระออกมาจากกระเป๋าเสื้อแล้วชูแต่ก็ชะงักที่เห็นธารินทร์ยืนมองอยู่ รสสุคนธ์ชะงักแล้วเก็บพระก่อนจะสงบลง เธอหยิบช้อนจะกินต่อแล้วถามห้วนๆ
“มองอะไร”
“มองคนที่อาจจะโดนข้อหาฆ่าคุณนายลั่นทม และอาจจะพยายามฆ่าคุณชีพด้วย”
รสสุคนธ์กับนฤมลชะงักทั้งคู่ ทั้งสองหยุดกินอาหารและต่างก็ถือช้อนค้าง ธารินทร์เดินออกไป รสสุคนธ์หายตะลึงจึงกระแทกช้อนโครมแล้วก็ฮึดฮัดแต่ทำอะไรไม่ได้ นฤมลมือสั่นจนต้องวางช้อน


ลั่นทมยืนสงบนิ่งพลางแหงนหน้ามองไปที่เบื้องสูงก็เห็นแสงสว่างจ้าเป็นลำลงมา ลั่นทมคุกเข่าเงยหน้าพูดกับเบื้องบน
“ขอเวลาอีกนิดเถอะค่ะ...สิ่งที่ทมคิดไว้ยังไม่เรียบร้อย ทมขอสัญญาว่าทมจะไม่ก่อบาปอีกต่อไป”
ลั่นทมก้มหน้ายืนอยู่อยู่ท่ามกลางความสงบ ลำแสงสว่างจ้าค่อยๆหายไป ลั่นทมลุกขึ้นยืนถอนหายใจเศร้าๆ


ฉ่ำยกถาดเครื่องเซ่นรอบเย็นเดินเข้ามา โดยมีหวานกับวิเวกเดินมาด้วย พวกฉ่ำทำท่าหวาดกลัวที่ถูกใช้ให้เข้ามาในสุสาน ลั่นทมมองชีพที่ซุกตัวอยู่ทางหนึ่งด้วยท่าทีอิดโรย ลั่นทมคุกเข่าลงตรงหน้า ชีพถดถอยเพราะอ่อนแรงเต็มที
“อาหารมากันแล้วคะชีพ” ลั่นทมบอก
“ฉันไม่ต้องการอาหาร ฉันต้องการอิสรภาพ ปล่อยฉัน ลั่นทมขอร้อง ฉันทรมานมากแล้ว”
“ตอนทมถูกชีพให้อยู่ในโลงที่วัดเอาเข้าสุสานในป่าช้าทมยังทนได้”
ชีพพูดขาดเป็นห้วงแบบเหนื่อย “ตอนนั้นฉันไม่รู้ว่าเธอยังไม่ตาย”
“คุณเข้าใจความรู้สึกของทมหรือยัง..คนยังไม่ตายแต่ต้องอยู่ในโลงศพ ได้ยินทุกอย่างมันทุกข์ทรมานแค่ไหน แต่คุณ คุณอยู่ในสุสานที่มีพร้อม ดีกว่าทมหลายร้อยเท่า”

ชีพหมดเรี่ยวแรงที่จะโต้แย้ง ฉ่ำยกถาดเครื่องเซ่นเข้ามา หวานกับวิเวกตามมาติดๆ
“พวกแกช่วยฉันหน่อย”
“ไม่ต้องปิดประตูโว้ยเวก...เออ..เปิดค้างไว้เลยมีอะไรจะได้วิ่งออกไปได้เร็วๆ” ฉ่ำว่า
หวานส่ายหน้าก่อนจะรีบไปจุดธูปไหว้ที่โลงศพลั่นทม
“คุณผู้หญิงขา เครื่องเซ่นมื้อเย็นมาแล้วค่ะ”
หวานปักธูปแล้วถอยห่างออกมา ฉ่ำรีบวางถาดเครื่องเซ่นแล้วไหว้โลงศพก่อนจะรีบล่าถอยออกมาเข้ากลุ่ม เสียงกุกกักดังอยู่ทางมุมหนึ่ง ฉ่ำร้องเอะอะแล้วเผ่นออกจากสุสาน หวานกับวิเวกแข่งกันออกประตูไปโดยไม่ได้ปิด ลั่นทมบอกชีพ
“มีคนอยู่ในนี้ อย่าเพิ่งกินค่ะ”
ลั่นทมมองไปที่มุมหนึ่งก็เห็นธารินทร์ซุ่มอยู่ในมุมมืดโดยแอบมองเครื่องเซ่นเขม็ง วิญญาณลั่นทมเข้ามาจ้องมองธารินทร์ใกล้ๆ แต่ธารินทร์ไม่เห็น ลั่นทมยิ้ม
“นึกว่าจะหลบน้าพ้นเหรอคุณธารินทร์..หลับซะ หลับ”
ธารินทร์ตาปรอย หาว แล้วก็สะบัดหัว แต่ก็กลับโงกอีก สุดท้ายธารินทร์ก็เอนพิงผนังแล้วหลับสนิท ลั่นทมพอใจ ชีพมองลั่นทมสะกดธารินทร์แล้วก็คิดได้จึงรีบวิ่งไปที่ประตูแล้วแผดร้องสุดเสียง “ใครอยู่ข้างนอกช่วยด้วย”
ลั่นทมหันขวับแล้วยื่นมือยาวมาจับที่คอเสื้อชีพก่อนจะกระชากกลับมาทำให้ชีพล้มกลิ้งไม่เป็นท่า ชีพสิ้นเรี่ยวแรง ลั่นทมเข้ามาประคอง
“ก็บอกแล้วว่าอย่าคิดหนี เจ็บตัวเปล่าๆ”
“ปล่อยฉันลั่นทม..ฉันไม่อยากเป็นบ้าตายอยู่ในนี้..”
ลั่นทมมองชีพด้วยแววตาอ่อนโยนก่อนจะประคองชีพไปที่ถาดอาหาร
“ทานมื้อเย็นกันเถอะค่ะ”
ลั่นทมจัดแจงป้อนให้ชีพแล้วยิ้มหวาน ชีพส่ายหน้า ลั่นทมทำหน้าบึ้งก่อนจะพูดเสียงดุ“อ้าปากค่ะชีพ”
ชีพกลัวจึงจำใจอ้าปาก ลั่นทมป้อนอย่างอารมณ์ดีเหมือนเดิม
“ที่นี่ก็เหมือนที่บ้าน คุณจะดิ้นรนทำไม ทำอะไรที่เกินกำลังมันเหนื่อยโดยใช่เหตุนะคะ..คุณเหนื่อยมากเกินไปอาจตายได้หรือชีพต้องการอย่างนั้นก็ดีนะ เราจะอยู่ที่นี่ด้วยกันตลอดไป”
ชีพมองลั่นทมด้วยความเกลียดชัง “ไม่ ฉันยังไม่อยากตาย ฉันไม่อยู่ในสุสานนี่กับเธอ ไม่เด็ดขาด”
ลั่นทมยิ้ม “งั้นก็กินซะกินเยอะๆคุณจะได้มีแรงจะได้ไม่ตาย”
ชีพไม่รอให้ป้อน เขากินเอากินเอาอย่างมูมมาม แต่ลั่นทมมองอย่างเอ็นดูพร้อมทั้งคอยเช็ดปากให้ ธารินทร์หลับสนิท
เวลาผ่านไป ธารินทร์หลับอยู่ก็รู้สึกตัวตื่น พอรู้ว่าหลับก็ผวามองไปทางแท่นที่ไว้เครื่องเซ่นอาหาร อาหารทุกชนิดหายเกลี้ยง ธารินทร์อึ้งและผิดหวัง
“พลาดจนได้..”


รสสุคนธ์นั่งกอดเข่าอยู่บนเตียงอย่างกลุ้มๆ
“คุณชีพ คุณอยู่ไหน..ทำไมทำกับฉันอย่างนี้ อย่าทิ้งฉันไว้คนเดียวสิ ฉันจะบ้าตายอยู่แล้ว”
รสสุคนธ์ทำท่าจะร้องไห้ นฤมลเปิดประตูวิ่งพรวดพราดเข้ามาด้วยท่าทางตื่นเต้น
“น้องรส ได้เรื่องแล้ว”
รสสุคนธ์รำคาญ “อะไรอีกล่ะ”
“ทุกคนพากันไปสุสานหมดแล้ว พวกเขาวางแผนเตรียมจับตัวคุณชีพ”
รสสุคนธ์ตื่นเต้นจึงคว้าตัวนฤมลเขย่าแรงๆ “เจอคุณชีพแล้วเหรอ เรื่องมันยังไงกันพี่มล”
“คุณธารินทร์แอบเข้าไปซุ่มดูอยู่ในสุสาน แน่ใจแล้วว่ามีคนกินเครื่องเซ่น เขาเชื่อว่าต้องเป็นคุณชีพ เขากำลังให้เจ้าหน้าที่ตำรวจไปซุ่มจับ”
รสสุคนธ์ผุดลุกขึ้นรีบวิ่งออกไปจากห้องอย่างรวดเร็ว นฤมลตามไปแล้วตะโกนเรียก “รอพี่ด้วยสิน้องรส”


ธารินทร์และตำรวจทั้งในและนอกเครื่องแบบยืนรวมกลุ่มกับพวกหวาน ฉ่ำ วิเวก สมพร ซึ่งจับกลุ่มกันอยู่หน้าสุสาน ธารินทร์ยืนแบ่งงานชี้สั่งให้ตำรวจไปตามจุดต่างๆ อุษาที่ฟังอยู่ใกล้ๆชะงัก นฤมลและรสสุคนธ์ตามมาคอยสังเกตการณ์ อุษาไม่สนใจ ธารินทร์เดินไปพบกับตำรวจนายหนึ่ง
“เห็นใครเข้าออกสุสานบ้าง” ธารินทร์ถาม
“ไม่มีครับ..”
“จับตาดูให้ดี”


ลั่นทมนั่งอยู่บนเตียง ชีพนอนหลับสนิทหนุนตักของเธออยู่ ลั่นทมหันไปมองที่ประตู ทุกคนค่อยๆเข้ามาเดินไปดูที่แท่นไว้เครื่องเซ่นก็เห็นของกินทุกอย่างหมดเรียบ นฤมลจับรสสุคนธ์แน่นอย่างหวาดหวั่น
นฤมลกระซิบกับรสสุคนธ์ “คุณชีพอยู่ในนี้แน่”
รสสุคนธ์มองไปรอบๆ จนถึงที่เตียงแต่ก็ไม่เห็นอะไร ธารินทร์เดินตามเข้ามาด้วยสีหน้ายุ่งยากใจ “แปลกมากผมไม่เห็นใครเลยจริงๆ...ทั้งๆที่อยู่ในนี้ตลอด”
“คุณหลับหรือเปล่าคะ”
ธารินทร์เริ่มลังเล “หลับ ? จริงซีเหมือนได้ยินเสียงใครบอกให้หลับแล้วจากนั้นผมก็ไม่รู้สึกตัว มารู้สึกอีกที เครื่องเซ่นก็หายไปหมดแล้ว”
พวกฉ่ำมองหน้ากันแบบหวาดๆ รสสุคนธ์กับนฤมลมองตากันด้วยความกลัวก่อนจะค่อยๆสะกิดกันแล้วถอยออกไป อุษามองไปที่โลงแล้วก็คิดหนัก

รสสุคนธ์กับนฤมลเดินเข้ามาในห้องรับแขกชั้นล่าง ทั้งคู่ซีดเซียว นฤมลหวาดกลัวมากเป็นพิเศษ
“เรากำลังเล่นอยู่กับความตายนะรส..”
รสสุคนธ์นิ่งเงียบก่อนจะพยายามปลุกปลอบใจตัวเอง
“แล้วจะหนีไปทางไหน..ถ้าตายเราตายนานแล้วเราต้องมีดีมันถึงไม่กล้า”
เสียงโทรศัพท์บ้านดัง รสสุคนธ์มองไปแต่ก็ไม่มีใครอยู่เลย รสสุคนธ์จึงเดินไปรับ
“บ้านคุณชีพค่ะ”


คนขี่มอเตอร์ไซต์รับจ้างพูดสายมาจากตู้โทรศัพท์สาธารณะ
“ขอพูดสายคุณชีพหน่อย”
รสสุคนธ์อ้ำอึ้งแล้วก็มองซ้ายมองขวา “ไม่อยู่ค่ะ..นั่นใครคะ”
ธารินทร์กับอุษาเดินกลับเข้ามา ธารินทร์ชะงักก่อนจะรีบดึงอุษาให้หลบเพื่อหยุดฟัง
“คุณไม่ต้องรู้หรอก ขอพูดกับเมียน้อยคุณชีพก็ได้”
รสสุคนธ์ตะลึงแล้วอ้ำอึ้ง เธอหวาดกลัวจึงมองไปรอบๆ
“ฉันนี่แหละเมียเค้า ตอนนี้เขาไม่อยู่ ไม่รู้ไปไหน..คนในบ้านกำลังตามหาเขาอยู่”
ธารินทร์กับอุษาสบตากันขณะยังแอบอยู่ที่เดิม
“ผมรู้ว่าเขาอยู่..บอกด้วยว่าผมกำลังเดือดร้อน ถ้าบ่ายเบี่ยงทั้งเขาและคุณลำบากแน่...แล้วจะติดต่อมาใหม่”
รสสุคนธ์ตะลึงจนพูดอะไรไม่ออก อีกฝ่ายวางสาย
รสสุคนธ์วางสาย นฤมลรีบถาม”ใครเหรอน้องรส ทำไมถามหาคุณชีพ”
“ก็ไอ้มอเตอร์ไซค์ที่คุณชีพจ้างให้ตัดหน้ารถนังผีลั่นทมไงมันคงจะมาเอาเงิน ทำไงดีละพี่มล ไอ้บ้าเอ๊ยจะโผล่มาทำไมตอนนี้”
เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นอีก รสสุคนธ์ตกใจจึงรีบวิ่งไปรับ “ฮัลโหล”
เสียงลั่นทมดังน่ากลัว “รสสุคนธ์เธอก็สมรู้ร่วมคิดกับคุณชีพฆ่าฉัน ฉันไม่ปล่อยเธอไว้แน่”
รสสุคนธ์ตาค้างด้วยความตกใจจึงรีบวางโทรศัพท์อย่างแรงแล้วก็ตัวสั่นพร้อมทั้งมีสีหน้าหวาดกลัวสุดขีด ก่อนจะวิ่งหนีขึ้นข้างบน นฤมลงงแล้วก็วิ่งตามไป
“น้องรส เกิดอะไรขึ้น น้องรส...”
ธารินทร์มีสีหน้าแววตาพอใจมาก


ตำรวจในและนอกเครื่องแบบเฝ้าอยู่รอบๆ สุสานลั่นทมโดยนั่งกันเป็นคู่และเดี่ยวตามจุดต่างๆ ลั่นทมปรากฎร่างโดยเดินให้ตำรวจทุกคนเห็น
“นั่นใคร” ตำรวจคนหนึ่งถาม
ลั่นทมไม่ยอมหันมาแต่กลับเดินตรงไปที่ตัวสุสานแล้วเดินทะลุตัวเรือนไทยหายไป ตำรวจตะลึง
“เฮ้ย..นั่น”
ขณะที่ตร.ตะลึง ลั่นทมก็ปรากฎร่างขึ้นที่อีกมุม ไม่ไกลจากที่กลุ่มตำรวจตาหูเหลือกกันอยู่ ทำให้ตำรวจล่าถอยไม่เป็นขบวน


ธารินทร์ซุ่มอยู่มุมหนึ่งหน้าบ้าน ลั่นทมสังเกตการณ์ ทันใดนั้นอุษาก็ปราดเข้ามาด้วยหน้าตาตื่นๆ “รินทร์คะ”
“มีอะไรษา”
อุษามองไปเห็นพวกตำรวจเดินเร็วๆ พร้อมกับหันกลับไปมองข้างหลังอย่างหวาดระแวง
“พวกตำรวจค่ะ..ยกทีมจากสุสาน..ดูท่าเหมือนจะหนี”
ธารินทร์เดินออกไปขวางพวกตำรวจ จ่าคนหนึ่งเข้ามาทำความเคารพ
“หมวดครับ ผมเจอ..” จ่าตัวสั่น “คุณนายเดินอยู่”
“แถมยังเดินผ่านเข้าประตูสุสานต่อหน้าทุกๆ คนเลยครับหมวด”
ธารินทร์และอุษาตะลึง ธารินทร์พูดกับตำรวจเบาๆ “งั้นผมเฝ้าสุสานเอง พวกคุณเฝ้าจุดหน้าบ้านใครมาลับๆล่อๆล็อกตัวไว้เลย โดยเฉพาะที่ขี่มอเตอร์ไซค์มา”
จ่างง “มอเตอร์ไซค์”
“เป็นอย่างที่เราคิด มอเตอร์ไซค์ที่ตัดหน้ารถ คุณน้าลั่นทม เป็นการตั้งใจ แล้วมันก็ติดต่อกลับมาจริงๆ”


รสสุคนธ์กับนฤมลลากหวานเข้ามาในห้องนอน หวานสะบัด
“พวกแกจะทำอะไรข้า มาลากมาถูกันทำไม”
รสสุคนธ์ละล่ำละลัก
“น้า..ฉันขอยืมเงินก่อน..ทั้งทองอะไรนั่นด้วย น้าเอาไปขายให้ที ฉันจำเป็นต้องใช้ น้าจัดการให้ฉันหน่อย”
“ข้าไม่ให้ แกจะไปจ้างคนมารบกับคุณผู้หญิงละซี ข้าไม่เอาด้วย”
หวานจะเดินออกไป รสสุคนธ์มาขวางไว้แล้วพูดเสียงดุ
“นี่ฉันขอน้าดีๆแล้วนะ”
“โธ่เอ๊ย ทำเป็นมาพูด ก็เพราะขโมยแล้วมันไปไม่รอดนะสิ ข้าไม่ให้ อยากได้ก็มาขโมยเอาสิ แต่คราวนี้ข้าจะขอให้คุณผู้หญิงหักคอไอ้คนขโมยซะเลย”
หวานเดินออกไป รสสุคนธ์มองตามหวานอย่างไม่พอใจก่อนจะตะโกน
“ฉันรวยขึ้นมาเมื่อไร น้าอย่าซมซานมาขอก็แล้วกัน”
หวานหยุดแล้วหันมาชี้หน้า “ฉันไม่ตะกายอยากได้แต่สมบัติชาวบ้านอย่างแก ถ้าแกยังโลภไม่เลิกชะตาแกจะขาด..นังรส”
หวานกลับออกไป รสสุคนธ์หน้าเสียแล้วก็นิ่งอึ้ง

อ่านต่อหน้าที่ 4

สุสานคนเป็น ตอนที่ 14 (ต่อ)

หวานเตรียมจะนอน จึงพนมมือไหว้แล้วพูด

“ยกโทษให้มันด้วยเถอะค่ะคุณผู้หญิง..มันทั้งหลงผิดทั้งดื้อด้านมันขาดทั้งพ่อทั้งแม่ ชีวิตมันเห็นแต่สิ่งเลวร้าย..แต่วันหนึ่งมันต้องสำนึกได้”
เสียงเคาะประตูเบาๆ หวานมองประตูแล้วลุกมาเปิด รสสุคนธ์ทำหน้าตาเศร้าๆ เข้ามานั่งซึมอยู่ทางหนึ่ง
“น้าคงอยากเห็นฉันตายมากใช่มั้ย”
หวานถอนใจเฮือกก่อนจะเดินมานั่งตรงหน้ารสสุคนธ์
“ฉันไม่ได้คิดจะแช่งแกหรอกนะนังรส..แต่พอเห็นความโลภของแกทีไรฉันอดไม่ได้ทุกที”
“ฉันเป็นเมียคุณชีพฉันก็ต้องได้อะไรจากคุณชีพบ้างซี” รสสุคนธ์ว่า
“แต่สมบัติทุกอย่างมันเป็นของคุณผู้หญิง คุณชีพมีแต่ตัวแกก็รู้”
รสสุคนธ์คร่ำครวญ “แต่ลั่นทมตายไปแล้ว มันก็ควรเป็นของคุณชีพของฉัน”
หวานถอนใจเฮือกอย่างอิดหนาระอาใจ ก่อนจะลุกขึ้นแล้วหันเดินไปที่เตียงแล้วก้มปัดเตียง รสสุคนธ์มองเห็นซองเงินของหวานวางอยู่ทางหนึ่ง หวานหันมาเห็นรสสุคนธ์มองซองเงินก็ชะงัก เธอจะไปเก็บแต่ก็ยังไม่ถึง รสสุคนธ์ปราดเข้ามาคว้าซองเงินของหวานทันที
“ขอเงินให้ฉันเถอะ”
หวานกระโดดเข้าแย่งซองเงินจากรสสุคนธ์ “อย่านะนังรส..ข้าไม่ให้”
ทั้งสองแย่งซองเงินกัน “ขอฉันเถอะฉันจำเป็นต้องใช้”
“ไม่... ถ้าแกเอาไปทำเรื่องดีๆ ข้าจะให้”
หวานกระชากมาจนได้แล้วรีบเก็บใส่อกเสื้อ
“ฉันจะใช้เป็นทุนไปจากที่นี่..” รสสุคนธ์บอก
“ไปสิ.. ไปจากที่นี่ไปเดี๋ยวนี้แล้วข้าจะให้เงินทั้งหมดนี่แถมให้ไอ้ฉ่ำขับรถไปส่งด้วย..แต่ข้ารู้..แกจะไปจ้างหมอผี ข้าไม่ให้แก”
รสสุคนธ์ร้องไห้สะอึกสะอื้นอย่างอัดอั้นตันใจก่อนจะอาละวาดขว้างข้าวของ
“น้าตั้งใจจะให้ฉันตาย อีน้าบ้า ใจดำเหมือนอีนังลั่นทม”
หวานตบหน้ารสสุคนธ์ฉาดใหญ่ “หยุดนะนังรส แกว่าข้า ข้าไม่ถือแต่ห้ามก้าวร้าวคุณผู้หญิง..ถ้าข้าอยากให้แกตาย ข้าคงไม่ห้ามแกจนปากจะฉีกถึงหูอยู่แล้ว”
รสสุคนธ์ร้องไห้แล้วฮึดสู้
“เออก็ได้ไม่ช่วยก็ไม่ง้อ ฉันจะสู้กับมันสักตั้งเป็นไงเป็นกัน คิดว่ามาขู่ฉันแล้วฉันจะกลัวเหรอ”
“ใครขู่แก”
“ก็นังลั่นทมนะสิ มันบอกว่ามันจะไม่ปล่อยฉัน มันจะฆ่าฉันสะใจน้าหรือยัง”
รสสุคนธ์วิ่งออกไป หวานตะลึงและตกใจมาก


หวานค่อยๆ เดินเข้ามาในสุสานอย่างกลัวๆกล้าๆ เธอเดินไปเปิดไฟ บรรยากาศของสุสานน่ากลัว หวานเดินเข้ามาหน้าโลงศพลั่นทมแล้วจุดธูปทั้งที่มือสั่นรัว เธอพยายามหักห้ามความกลัวแล้วไหว้ศพลั่นทม
“คุณผู้หญิง..เจ้าขา..ไว้ชีวิตนังรสมันได้มั้ยเจ้าคะ..อิฉันบังอาจขอยังไงมันก็เป็นหลาน ตอนนี้มันเริ่มจะเลอะเลือนทำอะไรเหมือนคนบ้าเข้าไปทุกทีแล้ว คุณผู้หญิงอย่าอาฆาตจองเวรมันเลยค่ะ”
ทุกอย่างในสุสานเงียบสงัด หวานกราบศพลั่นทม เสียงประตูเปิดเข้ามา หวานสะดุ้งก่อนจะกระโดดไปหลบมุมแล้วร้องเสียงดัง“โอ๊ยอิฉันกลัวแล้วค่ะไม่กล้าขอแล้ว”
ผันที่ยืนอยู่งงๆที่เห็นหวานมีท่าทีเช่นนั้น “แม่หวาน..ฉันเอง”
หวานชะงักก่อนจะเงยหน้ามองแล้วถอนหายใจโล่งอก


หวานนั่งเศร้ามองหน้าผันแต่ไม่พูดอะไร
“เป็นอะไรแม่หวาน” ผันถาม
“พ่อหมอช่วยนังรสทีได้ไหม..ฉันไม่อยากเห็นมันมีอันเป็นไป” หวานขอร้อง
“คนจะช่วยได้คือตัวแม่รสเอง...”
“โธ่..ลุงหมอมันน่ะจะตายแหล่มิตายแหล่อยู่แล้วนะคะเหมือนคนไม่มีสติเข้าไปทุกที เดี๋ยวก็กลัวเดี๋ยวก็กล้า มันว่าคุณผู้หญิงมาขู่จะฆ่ามัน”
ผันตกใจ “อ๊ะ..งั้นลองดูนะ” ผันลุกขึ้น “ตอนนี้แม่รสอยู่ไหนล่ะ”


รสสุคนธ์นิ่งอึ้งเมื่อได้ฟังข้อเสนอของผัน
“ให้สาบาน..โธ่เอ๋ย..ฉันสาบานไม่รู้กี่ครั้งแล้ว”
“ต้องคิดอย่างที่สาบานจริงๆสิ ...คราวนี้ต่อหน้าศพคุณนายลั่นทมเลย”
รสสุคนธ์อึ้ง หวานรีบขู่ “คุณผู้หญิงเอาแกแน่ไม่งั้นไม่มาบอกหรอก แกยังมีโอกาสจะทำหรือไม่ทำ”
รสสุคนธ์นิ่งอึ้ง
“ถ้าทำก็ต้องไปสุสานเดี๋ยวนี้เลย...” ผันว่า
รสสุคนธ์ตกใจ “ไปสุสานกลางคืนยังงี้เหรอ”
ผันพยักหน้า

หวาน ผัน และรสสุคนธ์พากันเข้ามาในสุสานลั่นทมที่มีบรรยากาศน่ากลัว รสสุคนธ์เห็นธูปก็ตกใจจึงถามสั่นๆ
“ใครจุดธูปไว้”
“ข้าเอง..เข้ามาตะกี้มาขอคุณผู้หญิงให้ไว้ชีวิตแก”
รสสุคนธ์ตกใจ “มาคนเดียวหรือน้า”
“น้าหวานเขาหวังดีต่อเราขนาดไหนแม่รสเห็นหรือยัง เขาพูดอะไรก็ควรเชื่อฟังบ้าง” ผันส่งธูปให้ “เอ้าพูดดังๆ”
รสสุคนธ์ลังเลที่จะต้องไหว้ศพเมียหลวงที่เธอชิงชัง หวานสะกิดแล้วดุเบาๆ
“ถึงขนาดนี้ยังมือแข็งอีกนังรส”
“ถ้าไม่ได้ผลล่ะ”
“เอ๊ะ..นังนี่”
รสสุคนธ์พนมมือไหว้ศพลั่นทมโดยมีธูปอยู่ในมือ
“ลั่นทม..ฉันขอสาบานว่าจะเลิกกับคุณชีพ..จะไม่ยุ่งเกี่ยวกับเขาอีก”
หวานกระซิบเตือน “ถ้าไม่ทำตามสัญญา...”
ถ้าไม่ทำตามสัญญา..” รสสุคนธ์อ้ำอึ้ง “ฉันยอมให้ฆ่า..แต่ตอนนี้ ขอให้ฉันไป จากบ้านนี้โดยสะดวกด้วยเถอะ อย่าขัดขวาง”
ทุกอย่างเงียบจนผันแปลกใจและสังหรณ์ใจพิกล ผันมองไปรอบๆ
“เอ วันนี้ทำไมไม่เห็นคุณนายกับคุณชีพนะหรือว่า ท่านจะไม่ยอมรับคำสาบาน” ผันถอนใจ
รสสุคนธ์ปักธูปไว้ในกระถาง หวานบอก “กราบด้วย”
รสสุคนธ์จำใจต้องกราบ บรรยากาศน่ากลัวยิ่งขึ้น ผันมองไปรอบๆ อย่างเกร็งเขม็งแล้วก็เริ่มมีลมพัด
ในสุสาน หวานมองหน้าผัน ผันพยักหน้าให้ออกไป หวานสะกิดรสสุคนธ์ แล้วทั้งหมดก็รีบออกไป


นฤมลนอนกระสับกระส่าย โดยที่หนุ่ยกับโหน่งหลับแล้ว เสียงเคาะประตูดังเบาๆ นฤมลหันขวับไปมอง แล้วรีบลุกขึ้นนั่ง
นฤมลถามเสียงสั่น “ใคร”
“ษาค่ะ” เสียงอุษาดังเข้ามา
นฤมลงงงันแต่ก็มาเปิดประตู
“คิดว่าคุณมลคงยังไม่หลับเลยจะมาพูดธุระเรื่องหนุ่ยโหน่ง” อุษาบอก
นฤมลลังเลแล้วก็หลีกทางให้อุษาเข้ามา “เข้ามาซีคะ”
อุษาเดินเข้ามา นฤมลปิดประตู “ไม่คิดจะให้ลูกๆเรียนหนังสือเหรอคะเดือนหน้านี่ก็จะเปิดเทอมแล้ว”
“เอ้อ...”
“คุณคงไม่มีเงินเลยใช่ไหม”
“ค่ะ”
หนุ่ยกับโหน่งตื่นแล้วลุกขึ้นมองนฤมลกับอุษา
“พรุ่งนี้ไปจัดการให้เรียบร้อยนะคะ..แวะเอาเงินที่ษาตอนเช้า..นอนเถอะค่ะ” อุษาบอก
อุษากลับออกไป นฤมลยังตะลึงในความมีน้ำใจของอุษา
“จัดการอะไรแม่” หนุ่ยถาม
“คุณอุษาเขาให้เงินค่าเล่าเรียนพวกเรานะสิ” นฤมลบอก
“ให้ทำไมก็แม่เคยด่าเขาบ่อยๆ” โหน่งว่า
“เขาใจดีขนาดนี้..แล้วทำไมแม่ไปว่าเขา”
นฤมลอึ้งเพราะพูดไม่ออก


รสสุคนธ์นั่งเงียบอยู่ในห้องนอนหวาน หวานไม่พูดอะไรอีก ต่างคนต่างเงียบอยู่นาน แล้วรสสุคนธ์ก็ทำลายความเงียบ
“ขอฉันนอนด้วยคนได้มั้ยน้า”
หวานพยักหน้าแล้วผละจากเตียงไปหยิบผ้าจะมาปูที่พื้น
“ข้านอนกับพื้นเอง”
“ไม่ต้อง” รสุคนธ์บอก
รสสุคนธ์ลุกขึ้นคว้าผ้าจากหวานมาปูที่พื้นแล้ววางหมอนก่อนจะค่อยๆ ลงไปนอน หวานหยิบผ้าห่มให้ รสสุคนธ์ห่มแล้วนอนเงียบแต่ยังไม่หลับ หวานมองอย่างเวทนาเต็มที
“ร้อนหน่อยนะไม่มีแอร์” หวานบอก
รสสุคนธ์ไม่ตอบ เธอนอนก่ายหน้าผากมองเพดานนิ่งๆ หวานเดินกลับไปนอนที่เตียง รสสุคนธ์น้ำตาไหลซึมด้วยความเจ็บใจ

ชีพนอนหมดแรงอยู่บนเตียง ลั่นทมลงไปนั่งข้างๆ ชีพรวบรวมกำลังถอยหนี ลั่นทมมองชีพอย่างน้อยใจ
“ต้องรสสุคนธ์ใช่มั้ยคะคุณถึงไม่รังเกียจ”
ชีพเบือนหน้าหนีไม่ยอมพูดด้วย ลั่นทมถาม “คุณคิดว่ารสสุคนธ์รักคุณมากกว่าทมเหรอคะ”
“ใช่รสเขารักฉันมาก เรารักกัน เราจะรักกันทุกชาติ” ชีพว่า
ลั่นทมสะอึกมองชีพด้วยความผิดหวัง “ถ้าทมจะไปพาเธอมาอยู่ด้วยคุณจะพอใจมั้ย”
แววตาชีพฉายประกายความหวังอะไรบางอย่างขึ้นมาทันที “เธอพูดจริงเหรอ”
ลั่นทมมองชีพนิ่งอึ้งแล้วแสยะยิ้มน่ากลัว “รสสุคนธ์สาบานว่าจะเลิกกับคุณ..ทมจะไปพามาพิสูจน์”


หวานกับรสสุคนธ์หลับ โดยหวานอยู่บนเตียงส่วนรสสุคนธ์อยู่ที่พื้น ลั่นทมปรากฏร่างขึ้นข้างๆ รสสุคนธ์ “รสสุคนธ์”
รสสุคนธ์ได้ยินเสียงเรียกก็ลืมตาแล้วผวาลุกขึ้นตาหูเหลือก
“ลั่นทม..”
ลั่นทมยืนนิ่งสงบ รสสุคนธ์ผวาไปปลุกหวาน แต่หวานหลับสนิท
“น้าหวาน..น้า..น้า..”
“เรียกยังไงน้าหวานก็ไม่ตื่น”
รสสุคนธ์ลุกขึ้นถอยไปปะทะผนัง “ฉันกราบขอโทษเธอแล้วไงลั่นทม..สาบานด้วยว่าจะไปจากคุณชีพ เธอไม่ได้ยินหรือ”
“ได้ยิน..ฉันจะมาพาเธอไปเพื่อพิสูจน์..”
รสสุคนธ์กลัว “ไป..ไปไหน..”
“สุสาน..”
“ไม่..ฉันไม่ไป..”
รสสุคนธ์กลัวจนปากสั่น ลั่นทมดุ “ต้องไป..”
“ไม่...ไม่..”
ลั่นทมจ้องตาสะกดทำให้รสสุคนธ์เดินออกจากห้องอย่างว่าง่าย


รสสุคนธ์เดินเข้ามาในสุสานลั่นทม ประตูปิดทำให้รสสุคนธ์ได้สติก็ตกใจเมื่อเห็นว่าตนเองอยู่ในสุสาน “ว้าย...”
รสสุคนธ์ถอยวนไปรอบๆ อย่างตื่นตระหนกแต่ก็มองไม่เห็นใคร ทุกสิ่งเงียบ รสสุคนธ์มองไปทางโลงศพอย่างกลัวๆ ลั่นทมนอนในโลงศพโดยผิวหนังมีรอยแตกปริน่ากลัว รสสุคนธ์ผงะถอยหลังแล้ววิ่งไปที่ประตู เสียงชีพเรียกดังขึ้น “รส...”
รสสุคนธ์ชะงักหันไปที่เตียงนอน ชีพยันกายลุกขึ้น
รสสุคนธ์มองอย่างตกตะลึง “คุณชีพ..คุณ” รสุคนธ์ดีใจ “คุณจริงๆ ด้วย”
รสสุคนธ์เข้ามาหาชีพ ชีพรวบรวมกำลังลุกขึ้น
“พาฉันออกไปเร็วรส...”
“คุณเข้ามาอยู่ในนี้ตั้งแต่เมื่อไร แล้วทำไมรสกับคนอื่นๆ ไม่เห็น”
ชีพพูดแบบไม่มีแรง “เอาผมออกไปก่อน”
รสสุคนธ์จะเข้ามาพยุงชีพแต่ก็ต้องผงะออกมาเมื่อได้กลิ่นจากตัวชีพและเห็นเนื้อตัวชีพเปรอะเปื้อนน่าขยะแขยง
“อี๊..เหม็นยังกับซากศพ”
ลั่นทมมองนิ่งอยู่ทางหนึ่ง “เร็วเข้า..”
รสขยะแขยง” รสสุคนธ์ปิดจมูก “โอ๊ย..กลิ่นน้ำเหลืองจะอ้วก” รสุคนธ์ปิดปาก
ชีพตวาด “เร็วสิ”
รสสุคนธ์ละล้าละลังแล้วก็ถอยหนี แต่เมื่อชีพตวาดให้เร็วๆ เธอก็จำใจเข้าประคองชีพ รสสุคนธ์ประคองชีพมาถึงประตู เธอเอื้อมมือจะเปิดประตูแต่ทันใดนั้นก็เกิดแสงสว่างวาบ รสสุคนธ์หดมือกลับในทันที “ว้าย..โอ๊ย..อะไรนี่..”
รสสุคนธ์ปล่อยชีพทำให้ชีพทรุดฮวบลงกับพื้น ชีพพยายามเปล่งเสียง
“ลั่นทม..ปล่อยฉัน”
ลั่นทมปรากฎร่างขึ้นทางหนึ่งโดยนั่งเอกเขนกอย่างสบายอารมณ์
“ไหนว่าอยากอยู่กับเมียสุดที่รักไงคะ..ก็อยู่ด้วยกันซิ”
รสสุคนธ์ตกใจจึงหันไป พอเห็นลั่นทมก็ผงะแล้วถอยกรูด แต่แล้วรสสุคนธ์ก็ต้องผวาเมื่อปะทะกับลั่นทมที่ปรากฏร่างยืนขวางอยู่ รสสุคนธ์ถลาเข้าหาชีพโดยมองลั่นทมอย่างตกตะลึงจนตาค้าง
“ลั่นทม..เธอหมายความว่ายังไง”
“คุณชีพบอกว่าเธอกับเขารักกันมาก ฉันเห็นใจก็เลยพาเธอมาอยู่กับเขาไง ขอให้มีความสุขอยู่ด้วยกันในสุสานนี้ตลอดไป”
ลั่นทมจะเดินหนี ทั้งชีพและรสสุคนธ์ตกใจ
“ฉันไม่อยู่..” รสสุคนธ์พูดกับลั่นทม “เธอรักเขาหวงเขาเธอก็อยู่กับเขาเถอะ”
ลั่นทมชะงักก่อนจะหันมายิ้มๆ “ว่าไงคะชีพ ถ้าจะอยู่ด้วยกันก็ต้องที่นี่ ไม่งั้น..คนหนึ่งต้องอยู่คนหนึ่งต้องไปให้เลือกเอา”
ชีพตะกายไปที่ประตู รสสุคนธ์เข้ามาดึงชีพไว้ “ขอฉันออกไป..ให้รสสุคนธ์อยู่”
“ไม่นะชีพ..คุณต้องอยู่....รสจะไป”
ชีพพยายามพูดอย่างยากลำบาก “รสจ๋า..เห็นใจเถอะฉันจะตายอยู่แล้ว..ไม่เห็นแสงเดือนแสงตะวันจมอยู่กับกลิ่นเน่าเหม็น..ซากศพนานแล้วให้ฉันออกไปก่อน..แล้วฉันจะรีบหาทางกลับมาช่วยเธอ ตกลงนะ”
ชีพจะเดินออกไป รสสุคนธ์กระชากชีพไว้สุดแรง “ไม่..รสไม่เอา ลั่นทม..เธอเอาตัวชีพไป ฉันจะไปเอง”
ประตูสุสานเปิดออก รสสุคนธ์จะวิ่งไป ชีพรวบรวมกำลังกอดรัดรสสุคนธ์ไว้ รสสุคนธ์ดิ้นรนแผดร้องแล้วผลักชีพ ทั้งสองคนปล้ำกันอยู่ที่พื้น รสสุคนธ์ตะกายจะไป ชีพคว้าขาเธอไว้ รสสุคนธ์ถีบชีพกระเด็นจนสามารถดิ้นหลุดจากชีพได้
“ปล่อย..ปล่อยฉัน นี่แน่ะ”
ลั่นทมมองเฉย รสสุคนธ์วิ่งถลาออกไปจากสุสาน ชีพตะโกน
“รส..อย่าทิ้งฉัน..ช่วยฉันด้วย..”
ประตูสุสานปิดโครม ชีพถึงกับฟุบหน้าสะอื้นด้วยความหวาดกลัว
ลั่นทมมองดูชีพอย่างเยาะๆ “ไหนว่ารักกันนักหนาไงคะ..”

รสสุคนธ์วิ่งเตลิดออกมาจากสุสานอย่างรวดเร็วด้วยท่าทางหวาดกลัวสุดขีด รสสุคนธ์วิ่งมาถึงหน้าบ้านธารินทร์ยืนคุยกับกลุ่มตำรวจหันมามอง รสสุคนธ์แผดเสียงดังลั่น
“ช่วยด้วย..ช่วยด้วย”
ธารินทร์ถลาเข้ามา ตำรวจคนอื่นๆ เดินตามมาด้วย อุษา นฤมล สวาท จิ้มลิ้ม ยาใจ และหวานหน้าตาตื่นกันหมด รสสุคนธ์ร้องไห้อย่างหวาดกลัวก่อนจะวิ่งไปซุกที่มุมหนึ่ง
“เกิดอะไรขึ้นคะรินทร์ ทำไมรสเขาถึงร้องลั่นบ้านอย่างนี้”
ธารินทร์ส่ายหน้า หวานวิ่งเข้าไปหารสสุคนธ์แล้วพูด “อะไรกัน..อะไร รส...”
รสสุคนธ์คว้าแขนหวานไว้ “คุณชีพอยู่ในสุสาน..ไปช่วยเขาเร็ว”
“คุณรู้ได้ยังไง” ธารินทร์ถาม
รสสุคนธ์ร้องไห้ด้วยความกลัว “ลั่นทมบังคับให้ฉันเข้าไป..คุณชีพกำลังจะตาย เขาอยู่ที่นั่น”
ทุกคนตกใจมาก ธารินทร์สบตากับอุษาก่อนจะพูดกับรสสุคนธ์เรียบๆ
“ไปกับผม”
“ไม่...ไม่ไป ฉันกลัว” รสสุคนธ์บอก
“แล้วจะรู้ได้ยังไงว่าคุณชีพอยู่ตรงไหน..”
“ไปเถอะรส ไปหลายคนคงไม่มีอะไร จะได้ช่วยกันเอาคุณชีพกลับมา..ไป” หวานบอก
พวกสวาทมองหน้ากันแล้วส่ายหน้าโดยพร้อมเพรียง
“พวกเราไม่ไปได้มั้ย” สวาทบอก
“ไปนอนกันเถอะ เดี๋ยวษาไปเอง”
รสสุคนธ์ลังเลแล้วตามธารินทร์โดยเข้าไปรวมกลุ่มกับคนอื่นๆ และตำรวจอย่างกลัวๆ ก่อนจะเดินไปทางสุสานทุกคนยกเว้น นฤมล สวาท จิ้มลิ้ม และยาใจ


ธารินทร์เข้ามาในสุสานแล้วเปิดไฟสว่าง ทุกคนเดินตามเข้ามา รสสุคนธ์กลัวมาก เธอชี้มือสั่นไปที่เตียง “เขาอยู่ที่เตียงนั่น”
ทุกคนมองไปที่เตียงแต่ก็ไม่มีใคร สุสานอยู่ในสภาพปกติ ที่เตียงมีรอยผ้าปูที่นอนยับย่น รสสุคนธ์เห็นเตียงว่างเปล่าก็มองหาไปรอบๆ
“ชีพ..ชีพคะ..รสพาคนมาช่วยแล้ว” รสสุคนธ์พูดกับธารินทร์ “ลั่นทมคงบังตาพวกเราไว้..เขาอยู่ในสุสานนี้แหละ ช่วยกันหาเร็วๆ ตัวเขาเหม็นเหมือนซากศพเต็มทีแล้ว”
ทุกคนช่วยกันหาแต่ไม่พบ “ในโลง..ก็ไม่มี”
อุษาเดินเข้าไปใกล้รสสุคนธ์ “เรารบกวนคุณน้าหลายครั้งแล้วนะรสสุคนธ์”
“โธ่..ฉันเห็นกับตาพูดกับคุณชีพด้วย นังผีร้ายมันเอาตัวคุณชีพไว้..รสจับเสื้อผ้าตัวเองให้ทุกคนดูนี่ไงชุดฉันยังเปื้อนน้ำเลือดน้ำหนองจากตัวคุณชีพ...เมื่อกี้ฉันพยายามพยุงเขาออกไปแต่ลั่นทมไม่ยอม..ลั่นทมปล่อยฉัน
คนเดียวมาสิมาดูเลย”
อุษาเดินมาที่รสสุคนธ์ก่อนจะจับเสื้อดูแล้วส่ายหน้า “ก็ปกตินี่...ไม่เห็นมีอะไร กลิ่นเหม็นก็ไม่มี”
รสสุคนธ์ก้มลงมองเสื้อนอนตัวเองแล้วก็เข้าใจ
“มันแกล้งฉัน..แบบนี้ต้องเผาทั้งศพลั่นทมทั้งเรือนไทยให้สิ้นซากถึงจะกำจัดได้..ไม่งั้นก็ต้องเอาหมอผีมาปัดรังควาน ใช่แล้วหมอผี”
ลมพัดแรงเหมือนพายุแล้วก็ปะทะทุกคนให้ปลิวออกไปจากห้อง เสียงร้องเอะอะ แล้วประตูก็ปิดปัง ทุกคนกระเด็นออกมาหน้าสุสานเหมือนถูกเป่าด้วยลม ทุกคนต่างก็เซถลา ตกใจ หวาดกลัว และมองหน้ากันเลิ่กลั่ก
ลั่นทมยืนมองชีพอยู่ที่มุมหนึ่งในสุสาน ชีพหมดอาลัยตายอยากจนไม่ยอมแม้แต่จะขยับแขนขา เขามองตามพวกที่กรูกันออกไปอย่างสิ้นเรี่ยวแรง ชีดพูดเสียงแหบโหยแต่จริงจังมาก
“ฆ่า..ฉันเถอะลั่นทม”
ลั่นทมมองชีพนิ่งสงบ

อ่านต่อตอนที่ 15 

กำลังโหลดความคิดเห็น