ไฟรักเพลิงแค้น ตอนที่ 14
วีด้าเปิดลิ้นชักในห้องนอนที่คอนโดของเธอก่อนจะหยิบถุงซิบล็อคที่ภายในมีเศษกระดาษจากเครื่องทำลายเอกสารออกมา เมื่อเธอหยิบมันขึ้นมามอง ภาพในอดีตก็ผุดขึ้นมาอีกครั้ง เป็นภาพเธอมองเข้าไปในห้องทำงานบัญชา เห็นบัญชากำลังเปิดดูเอกสาร แล้วยื่นให้คัชพลดูด้วยก่อนจะทำลายเอกสารด้วยเครื่องย่อยเอกสาร แล้วทิ้งลงถังขยะ
หลังจากนึกถึงเหตุการณ์ในอดีต วีด้าเทเศษกระดาษลงบนโต๊ะภายในห้องรับแขก เธอแปะเศษกระดาษลงไปบนสกอร์ตเทปที่ติดอยู่บนกระดาน เมื่อเธอแปะได้จนเกือบครึ่ง ก็มีเสียงกริ่งดังขึ้น วีด้าสะดุ้งและหันไปมอง
วีด้าเปิดประตู เกรซเดินเข้ามาตามวีด้าไปที่ห้องรับแขก
วีด้านั่งลงที่โซฟาด้วยท่าทางเนือยๆ เกรซสังเกตดูบนโต๊ะที่มีเศษป่นของเอกสารวางเรียงรายอยู่
“แกทำอะไรวีด้า?” เกรซถาม
วีด้ามองหน้าเกรซแล้วมองไปที่เศษเอกสาร “เศษเอกสารสำคัญของนายบัญชาน่ะ ฉันว่ามันต้องมีความสำคัญมาก นายบัญชาถึงต้องทำลายขนาดนี้”
“อย่าบอกว่าแกจะเอาทั้งหมดมาเรียงต่อกันนะ แล้วจะเสร็จกันชาติไหน”
“ชาตินี้แหล่ะ”
วีด้าหยิบแผนแรกที่ต่อเสร็จขึ้นมาดู “ชั้นว่ามันต้องเกี่ยวกับอะไรซักอย่าง แต่ตอนนี้ที่ชั้นดู มันเป็นเอกสารการโอนเงินจากต่างประเทศจำนวนมาก”
“แล้วไง ฉันก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดี”
“ก็ถ้ารวมกับข้อมูลที่นักสืบของฉันเคยส่งให้มา..”
วีด้าหยิบแฟ้มเอกสารกับรูปที่นักสืบเคยส่งมาให้วางบนโต๊ะ เกรซหยิบไปดู
“มันอาจจะเป็นการฟอกเงิน”
“งั้นแกก็เอาผิดนายบัญชาได้แล้วสิ” เกรซเอ่ย
“ฉันยังไม่แน่ใจ ว่าถ้ารวบรวมหลักฐานทั้งหมดแล้ว พอที่จะเอาผิดได้หรือเปล่า เพราะถ้าไม่ได้ ก็จะทำให้นายบัญชาไหวตัวทัน” วีด้าคิดหนัก
ภายในห้องผู้ป่วย
“วันนี้หมออนุญาติให้กลับบ้านได้ แต่หมอทำใบนัดให้คุณมาตรวจซ้ำอีกครั้งนะครับ”
สินีกับยศสรัลดีใจ แต่บัญชากลับหงุดหงิด
“หายแล้วยังจะให้มาตรวจทำไมอีก ร่างกายของผม ผมอยู่กับมันมานาน ผมรู้น่าว่าจะต้องทำอะไร หมอจะไปไหนก็ไปเถอะ”
“คุณค่ะ...” สินีเอ่ย
หมอไม่ได้ตอบอะไร มองหน้ายศสรัล
“เดี๋ยวผมไปคุยกับคุณหมอนะครับ” ยศสรัลว่า
“ไม่ต้อง ไปจัดการเรื่องให้พ่อกลับบ้านดีกว่า” บัญชาพูด
“ผมขอเวลาแป๊บเดียวครับ”
“ดูสิเลยไม่รู้กันว่าเป็นอะไร คุณนี่จริงๆเลย” สินีพูด
ยศสรัลรีบเดินไป สินีตัดสินใจวิ่งตามออกไป
“แม่ไปด้วยสิ สรัล”สินีวิ่งตามลูกชายไป
“ปัดโธ่...ทำเป็นเรื่องใหญ่เรื่องโตกันไปได้” บัญชาบ่น
หมอเดินออกมาที่หน้าห้องผู้ป่วย ยศสรัลกับสินีเดินตามมา
“คุณหมอครับ” ยศสรัลเรียก
หมอหันมองยศสรัล
“ผลการตรวจของคุณพ่อ เป็นยังไงเหรอครับ”
“เชิญที่ห้องทำงานผมดีกว่าครับ” หมอเอ่ย
ยศสรัลกับสินีมองหมอใจไม่ดี
“คุณพ่ออาจจะเป็นมะเร็งเหรอครับ” ยศสรัลตกใจ เมื่อได้ฟังคำตอบจากหมอ
“ถ้าจะให้มั่นใจ เราต้องนำชิ้นเนื้อไปตรวจอย่างละเอียดอีกที”
“มะเร็งตับงั้นเหรอคะ คุณหมอ”
สินีและยศสรัลนั่งดูฟิล์มผลการตรวจตับที่หมอให้ดู
“แต่ถ้าผลออกมาแน่ชัดก็ต้องรีบทำการรักษา ก่อนที่มันจะลุกลาม”
สินีจะร้องไห้ ยศสรัลจับมือปลอบแม่ทั้งที่ตนเองก็ใจคอไม่ค่อยดี ได้แต่กุมมือปลอบสินีที่กำลังเป็นกังวลมาก
รัชนาคุยกับธัญกรอยู่ในส่วนของห้องรับแขกที่คอนโดของเธอ
“จะหาเช่าคอนโด! นายแน่ใจเหรอว่าจะไม่กลับบ้าน”
ธัญกรยังเฉย
“ตามใจ..เดี๋ยวชั้นเช็คให้ว่าตึกนี้ยังมีห้องว่างให้เช่ารึเปล่า ไม่ต้องไปอยู่ที่อื่น เพราะคุณวีด้าเค้าฝากชั้นดูแลนาย”
“คุณวีด้าเค้าพูดถึงชั้นว่ายังไงบ้าง”
“โอ๊ย ถามอีกแล้ว ก็เล่าไปหมดแล้วยังตัดใจไม่ได้อีกเหรอ” รัชนาถามพร้อมกับทำหน้าล้อ
“ไม่ตลก” ธัญกรพูดโกรธๆ แต่รัชนาขำ
รัชนามาสอบถามเรื่องห้องที่หน้าฟรอนท์คอนโด
“มีเหลืออยู่4ห้องค่ะ”
“แล้วราคาละคะ” รัชนาถามยิ้มๆ
“เดือนละ 12,000 ค่ะ”
“12,000เองเหรอคะ เอ่อขอกลับไปตัดสินใจก่อนนะคะ” รัชนายิ้มเจื่อนๆ ในใจคิดว่าแพง
เธอหันหน้าหนี ใช้ความคิด แล้วก็ยิ้มออกมา
เมื่อรัชนากลับมาที่ห้อง เห็นธัญกรทำอะไรงุดๆอยู่ในส่วนห้องครัว
ธัญกรตักมาม่าผัดใส่จานแล้วกล่าวว่า “ชั้นผัดมาม่าให้เธอน่ะ อยู่ยังไง ไม่มีอาหารติดตู้เย็นเลย ผู้หญิงอะไร”
รัชนาตื่นเต้นรีบเข้าไปดู“นี่นายทำอาหารเป็นเหรอ”
“ก็นิดหน่อย” ธัญกรบอก
“นึกว่าเหยียบขี้ไก่ไม่ฝ่อ ไม่ธรรมดานะเนี่ย เออเรื่องห้องน่ะชั้นเช็คมาให้แล้วนะ เอ่อ…..เต็มหมดแล้ว” เธอโกหก
“งั้นชั้นจะไปหาดูที่อื่น” ธัญกรว่า
รัชนาคิดหาทางออกให้ธัญกร
“เอ่อ นี่ เอาแบบนี้ไม่ล่ะ นายก็อยู่ที่นี่ไปก่อน แต่ชั้นเก็บค่าเช่านะ เอาแค่เดือนละหมื่นเดียว ถือเป็นการช่วยชั้นผ่อนคอนโด”
“อย่าเลย ชั้นเกรงใจ”
“โหย อยู่ฟรีมาตั้งเป็นอาทิตย์ พอจะเก็บเงิน บอกเกรงใจ โด่..” รัชนาพูด
“ไม่ใช่อย่างงั้น” ธัญกรกล่าวอย่างหงุดหงิด
“แล้วทำไม กลัวหลงเสน่ห์ชั้นเหรอ” รัชนาถามพร้อมชะโงกหน้ามาใกล้ธัญกร
ธัญกรผลักหัวรัชนาออก “ไม่กลัวรึไง เอาผู้ชายมาอยู่ด้วยน่ะ”
“ชั้นไม่กลัว หรือว่านายกลัว” รัชนายิ้มกวน
“ด้วยเกียรติของชั้น ชั้นยืนยันจะไม่ปล้ำนาย ตกลงป่ะ ว่าไงล่ะ ว่าไง ว่าไง” รัชนาว่า
ธัญกรชักรำคาญ “ก็ได้ แต่คุณอย่ามาวุ่นวายกับชั้นให้มาก รำคาญ”
“ตกลงตามนั้น” รัชนาพูดยิ้มๆ แล้วหยิบจานมาม่าผัดเดินออกไปนั่งกิน
ธัญกรมองตาม รัชนายิ้มให้ ธัญกรส่ายหัว
“โห..อร่อยจังเลย”ธัญกรหันมองอีก รัชนายิ้ม
อ่านต่อหน้าที่ 2
ไฟรักเพลิงแค้น ตอนที่ 14 (ต่อ)
ยศสรัลประคองบัญชาเดินเข้าบ้าน มีสินีคอยระวังอยู่ใกล้ๆ ส่วนคนรับใช้เอาสัมภาระไปเก็บ
ด้านบัญชาหงุดหงิดที่ถูกคอยประคบประหงม ดึงตัวออกจากการประคองของยศสรัล
“พอแล้ว ไม่ต้องมาจับ ฉันเดินเองได้ จะไปทำอะไรก็ไป”
“คุณพ่อไปพักข้างบนดีกว่ามั้ยครับ”
“แกไม่ต้องมาวุ่นวายกับฉัน ฉันจะไปห้องทำงาน” บัญชาว่า
บัญชามองหน้าสินีที่ยังเป็นห่วงอยู่ แล้วเดินไป
“เฮ้อ…แบบนี้เราจะทำยังไงล่ะเนี่ย” สินีเอ่ย
“ช่วงนี้คงต้องตามใจคุณพ่อไปก่อน รอให้ท่านอารมณ์เย็น แล้วผมจะหาทางพูดเองครับ” ยศสรัลบอกสินีที่กำลังหนักใจ เป็นห่วงบัญชาพอๆกับยศสรัล
คัชพลในชุดออกกำลังกายเหงื่อชุ่ม เดินถือโทรศัพท์คุยออกมาจากห้องสควอช
“ผมนึกว่าวันนี้คุณจะมาออกกำลังกาย ผมเลยมารอที่นี่”
“วีด้าเพิ่งโทรไปยกเลิก” วีด้าตอบ
“คุณยังโกรธผมอยู่หรือเปล่า”
“ถ้าเป็นเรื่องคุณแม่ของคุณกับงานหมั้น วีด้าไม่ถือหรอกค่ะ”
“วีด้า ไม่ต้องห่วงนะครับ ผมจะทำให้ทุกอย่างกลับมาเหมือนเดิม” คัชพลถอนใจ
“ค่ะ”
“อ่อ...ถ้างั้นเย็นนี้ผมไปรับคุณไปทานข้าว แล้วไปฟังเพลงกันต่อไหมครับ”
“ไม่ค่ะ วันนี้วีด้าอยากพักผ่อน แค่นี้นะคะ บายค่ะ”
คัชพลหงุดหงิดที่ได้ยินเสียงวางสายจากวีด้า
“เหมือนแกจะตัดสัมพันธ์กับทางโน้นเลย” เกรซกล่าวกับวีด้า
“ยังหรอก ชั้นแค่ทำให้นายเค้ากังวลใจ ต่อไปเค้าก็จะตามใจชั้นทุกเรื่อง”
“นี่แสดงว่าแกมีแผนใหม่แล้วละสิ”
“ถึงเวลาที่พวกนั้น จะต้องมาเพิ่มทุนให้กับฉันแล้ว” วีด้าพูดด้วยสีหน้าจริงจัง
ตรงเคาเตอร์เครื่องดื่มมึนเมาภายในโรงแรมหรู มณฑิตาซึ่งเมากำลังได้ที่ นั่งส่งตาหวาน
“ชั้นดีใจจังเลยค่ะที่ได้เจอกับคุณ ไม่งั้นนั่งคนเดียวเหงาแย่” มณฑิตาพูดกับจิม ผู้ชายที่เธอเจอที่นี่
“ผมยิ่งดีใจกว่าคุณมณอีก ที่เห็นคุณมาคนเดียวคืนนี้” จิมตอบ
“ฉันไปไหนมาไหนคนเดียวอยู่แล้ว”
“อย่าปิดผมครับ คนดังอย่างคุณมณฑิตาใครๆก็รู้ว่าคุณมีคู่หมั้นแล้ว”
มณฑิตาสวนทันที “ฉันมาคนเดียวค่ะ”
“โอเคโอเค คุณมาคนเดียว ผมก็มาคนเดียว” จิมจ้องตาเธอ
“และผมก็ไม่ได้อยากรู้จักคู่หมั้นคุณอยู่แล้วนี่” จิมยกแก้ว มณฑิตายกแก้วชน แล้วดื่ม
มณฑิตาส่งสายตามองจิม มือของทั้งคู่ชนกันอยู่ที่ใต้โต๊ะ..
ชายหญิงคู่หนึ่งประคองกันมาตามทาง ทั้งสองคลอเคลียกัน ฝ่ายชายกำลังหาทางเปิดประตู
“เร็วๆสิคะ” ฝ่ายหญิงกล่าว
ระหว่างนั้นก็มีเสียงหนุ่มสาวจากห้องข้างๆเปิดประตูหัวร่อต่อกระซิกกันมา เมื่อประตูเปิดออก มณฑิตาและจิมก็ออกมาจากห้อง
“มณ!” คัชพลตกใจ
มณฑิตาหันขวับไปมองแล้วก็ตกใจตาค้างกับภาพที่เธอเห็น
คัชพลที่ประคองนางแบบอยู่ ก็ยืนมองมณฑิตากับจิมตาค้างเช่นกัน
“พี่ใหญ่!” มณฑิตาตกใจ
“นี่คู่หมั้นคุณเหรอ” จิมเองก็ถามอย่างตกใจไม่แพ้กัน
“คุณไปคอยที่รถก่อนนะคะ” มณฑิตากล่าวกับจิม
จิมสังเกตมณฑิตากับคัชพลแล้วเดินออกไปอย่างไม่พอใจส่วนนางแบบก็หึงคัชพลเช่นกัน
“คุณคัชพลคะ ฉันจะเข้าห้อง” นางแบบพูดเสียงตึง
“เงียบน่า”
นางแบบจ๋อย แต่ไม่วายค้อนใส่มณฑิตา แต่มณฑิตาจ้องกลับอย่างคนที่วางตัวเหนือกว่า
“มีปัญหาอะไรกับสรัล” คัชพลถามมณฑิตา
“ไม่มีค่ะ ยังไงสรัลเค้าไม่เคยสนใจมณอยู่แล้ว และมณก็เบื่อที่จะตามเค้าเหมือนกัน”
“ก็เลยทำตัวแบบนี้” คัชพลว่า
มณฑิตาชักไม่พอใจ “พี่ใหญ่คะ...ผู้หญิงกับผู้ชายสิทธิเท่าเทียมกัน (มองนางแบบ) พี่ใหญ่ยังทำได้ ทำไมมณจะทำไมได้ล่ะคะ”
คัชพลพูดไม่ออก มณฑิตามองนางแบบก่อนยิ้มประชดใส่คัชพลแล้วเดินไป
“เราจะไม่พูดกับใคร เรื่องที่เราเจอกันวันนี้ใช่ไหมคะ” มณฑิตาหันกลับมาพูดก่อนเดินจากไปคัชพลมองตาม
มณฑิตาเดินมาถึงลานจอดรถ ในใจแอบกังวลเล็กๆ ที่เจอกับคัชพล จิมที่ยืนคอยอยู่ที่รถ รู้สึกหึง“ตกลงผู้ชายคนนั้นเป็นใคร”
“ก็แค่คนรู้จักน่ะค่ะ ไม่มีอะไร”
“ถ้าไม่มีแล้วให้ผมลงมาทำไม”
“ไม่เอาน่า” มณฑิตาคลอเคลีย “อย่าคิดมากสิคะ ขนาดนี้แล้วยังไม่ไว้ใจมณอีกเหรอ” เธอพูดพร้อมกับโน้มคอจิมเธอคลอเคลียหว่านเสน่ห์เอาใจจนจิมเริ่มใจอ่อน หายโกรธ จิมยิ้มอย่างพอใจเปิดประตูรถให้มณฑิตา
คัชพลนั่งดูข่าวทีวีอยู่ในบ้าน สักพักยศสรัลเดินผ่านมาแล้วเข้ามาทักคัชพล
“พี่ใหญ่ยังไม่นอนอีกเหรอครับ”
“ยังหรอก นั่งก่อนสิ”
ยศสรัลนั่งลงคุยด้วย
“หมู่นี้แกกับมณฑิตาเป็นไงบ้าง”
“ก็ ช่วงนี้ไม่ค่อยได้เจอกันเท่าไหร่ครับ”
“ไม่ค่อยได้เจอหรือไม่เจอเลย”
ยศสรัลตอบไม่ถูก แปลกใจที่อยู่ดีๆคัชพลถามเรื่องนี้
“พี่ใหญ่มีอะไรรึป่าวครับ”
“ก็ไม่มีอะไรหรอก แค่เป็นห่วง ถ้ามีปัญหาอะไรกันแกก็ควรจะหาเวลาทำความเข้าใจกับมณฑิตาซะ ก่อนที่เค้าจะทิ้งนายไปมีคนอื่น” คัชพลว่า
ยศสรัลสงสัยว่าคัชพลไปรู้อะไรมา แต่ก็ไม่ได้ใส่ใจมาก
“ผมเองก็อยากให้เป็นอย่างนั้น”
“มันไม่ควรจะเป็นอย่างนั้น มันจะกระทบไปถึงครอบครัวทั้งสองฝ่าย”
“พี่ก็รู้ว่า ผมไม่เคยรักมณทิตา”
“ถึงไม่รัก แต่แกก็ควรจะแต่งกับมณทิตา!”
ยสสรัลเริ่มฉุน “ปล่อยให้เป็นเรื่องของผมดีกว่าครับ พี่ใหญ่อย่ามากดดันผมอีกคนเลย”
ยศสรัลลุกเดินไป คัชพลหัวเสียมองตามน้องชาย กลัวว่ายศสรัลจะไปชอบวีด้า
เช้าวันใหม่ วีด้ากำลังประชุมที่บริษัท โปรเจกเตอร์ฉายภาพการถมที่ ภาพแปลนก่อสร้างวีด้าซักถามซีเรียสจริงจัง ทุกคนมีความมั่นใจคัชพลมองวีด้าแล้วยิ้ม แต่วีด้าวางเฉยอยู่
เมื่อประชุมเสร็จ ทุกคนเดินออกไป คัชพลเข้าหาวีด้าที่กำลังเหนื่อยเครียด วีด้าแกล้งเดินออกห่าง
“วันนี้เราไปทานข้าวกันนะครับ”
“วีด้าขอตัวค่ะ วันนี้วีด้าเหนื่อย”
คัชพลจะพูดต่อ แต่วีด้าเก็บของเดินออกไปแล้ว
คัชพลเดินตามอย่างหงุดหงิด
วีด้ากลับมาที่ห้องทำงาน จัดของลงที่โต๊ะ คัชพลตามเข้ามา
“คุณเป็นอะไรรึป่าว”
“เครียดเรื่องโครงการน่ะค่ะ”
คัชพลโล่งใจ “ผมสบายใจที่ไม่ใช่เรื่องส่วนตัว”
เขายิ้มเข้ากอดวีด้า“คิดว่าคุณยังไม่หายโกรธผมซะอีก รู้ไหม ผมดีใจนะที่เรื่องโปรเจ็คท์ที่เราทำร่วมกันมันราบรื่น”
วีด้าเดินไปหยิบโบรชัวร์โครงการหนึ่งมาส่งให้คัชพล
“เราจะมีคู่แข่งมาเปิดศูนย์การค้า ไม่ไกลกัน และมีขนาดใหญ่กว่าถึงเราจะเสร็จก่อน แต่นั่นยิ่งเป็นจุดอันตราย เค้าจะมีโอกาสเอาจุดบอดของเราไปแก้ไข เราต้องกระทบหนักแน่”
คัชพลหน้านิ่ว คิดหนัก
“มีทางเดียว คือเราขยายการลงทุน ให้มีขนาดใหญ่กว่า หรือมีความทันสมัย หรูหราให้มากกว่า ถ้าหาทุนเพิ่มได้ งานก็จะสำเร็จ”
“เพิ่มการลงทุนเหรอ” คัชพลถาม
“ถ้าทางคุณใหญ่ไม่สะดวก วีด้ามีกลุ่มทุนต่างชาติให้ความสนใจ วีด้าอาจจะลองคุยกับคุณอาดูอีกทาง แต่สัดส่วนของคุณใหญ่ก็จะลดลง”
“เอ่อ ผมคงต้องกลับไปปรึกษาที่บริษัทก่อน"
“ถ้าไม่ได้ก็ไม่เป็นไรนะคะ” วีด้าตอบ ท่าทางซีเรียส
“อย่าพึ่งคิดมากเลยนะ เราต้องมีทางออก”
คัชพลกอดจากด้านหลัง วีด้าแกล้งทำเป็นกังวลใจ
“วีด้าแค่ไม่อยากให้โอกาสทางธุรกิจของเรา กลายเป็นวิกฤติที่เราต้องเหนื่อย”
“แต่ไม่เห็นต้องคิดมากเลยนี่นา ใช่มั้ย”
คัชพลเข้ากอดด้านหลัง หอมแก้ม วีด้าเงยหน้า ยิ้มให้ คัชพลกอดกระชับมากขึ้น เพราะสังเกตุเห็นว่าวีด้ามีสีหน้าเคร่งเครียด
อ่านต่อหน้าที่ 3
ไฟรักเพลิงแค้น ตอนที่ 14 (ต่อ)
ที่บริษัท บัญชากำลังนั่งคิดตามสิ่งที่คัชพลเพิ่งอธิบายจบเรื่องเพิ่มทุน มียศสรัลนั่งอยู่ด้วย
“พ่อเห็นด้วย ยังไงหนูวีด้าก็ต้องเพิ่มทุนจนสำเร็จ และถ้าเราไม่เพิ่ม ก็มีคนอื่นสนใจ เราก็ไม่ควรให้ใครมาฉวยโอกาส”
“ครับ แค่ไม่กี่เดือน ราคาที่ดินตรงนั้นก็ขึ้นไปเกือบเท่าตัว สร้างอาคารเสร็จ มูลค่าจะยิ่งสูง เพราะทำเลมันดีมาก”
สองพ่อลูกเห็นพ้องกัน ยศสรัลกังวล
“แกไปจัดการได้เลย” บัญชาว่า
“แต่ผมไม่เห็นด้วยนะครับ แค่ระยะเวลาไม่กี่เดือน โครงการก็จะเพิ่มทุนสูงขนาดนี้ คราวก่อน ก็ทำให้เราเสียเงินทุนไปกับที่ดินแปลงนั้น เราน่าจะคิดให้รอบคอบนะครับ”ยศสรัลทักท้วง
“นี่นายกำลังหาว่าพี่กับคุณพ่อทำงานไม่รอบคอบเหรอ”คัชพลพูดกับน้องชาย
“ไม่ใช่ครับ แต่ผมว่าเราควรเช็คข้อมูลให้ละเอียด ก่อนตัดสินใจ” ยศสรัลตอบ
“การก่อสร้างกำลังเร่งดำเนินการ มัวแต่คิด แล้วเราจะไปปรับแบบเพื่อขยายอะไรทัน มันไม่ได้มีเวลาขนาดนั้น ชั้นว่าแกอย่ามายุ่งงานนี้ดีกว่า”
ยศสรัลมองหน้าคัชพล แล้วถามว่า “แล้วหุ้นส่วนทางเมืองนอกของเราล่ะ พี่ใหญ่จะแจ้งเขายังไง พี่ก็รู้ว่าเขาไม่ค่อยพอใจที่เราลงทุนครั้งนี้”
“เมืองนอกน่ะช่างหัวมันเถอะ มีหุ้นแค่ยี่สิบแปดเปอร์เซ็นทำยังกับถือหุ้นเท่าเรา”
“เอาล่ะ พอแล้ว เลิกประชุม สรัลแกออกไปก่อน พ่อมีเรื่องจะคุยกับใหญ่” บัญชาตัดบท
ยศสรัลอึ้งที่ไม่มีใครฟัง และลุกเดินออกไป บัญชาสังเกตจนแน่ใจว่ายศสรัลออกไปแล้ว
“ติดต่อทางบ่อนว่าเราจะขนเงินเพิ่มให้มากกว่าเดิม แต่คอมมิสชั่นจะต้องเพิ่มให้เราด้วย” บัญชาพูดกับคัชพล
คัชพลยิ้มดีใจ “ครับคุณพ่อ”
บัญชายิ้ม คัชพลเดินออกไป
วีด้ายืนมองออกไปนอกระเบียงที่คอนโดของเธอ คิดอะไรบางอย่าง
“ถ้าทางคุณใหญ่ไม่สะดวก วีด้ามีกลุ่มทุนต่างชาติให้ความสนใจ วีด้าอาจจะลองคุยกับคุณอาดูอีกทาง แต่สัดส่วนของทางคุณใหญ่ก็จะลดลง”
“เอ่อ ผมคงต้องกลับไปปรึกษาที่บริษัทก่อน"
“ถ้าไม่ได้ก็ไม่เป็นไรนะคะ”
วีด้ายังกังวล ถอนหายใจ ว่าแผนจะสำเร็จหรือไม่ ทันใดนั้นเสียงโทรศัพท์ดังขึ้น วีด้าเดินไปหยิบโทรศัพท์ที่หัวเตียง ดูหน้าจอเห็นเป็นชื่อคัชพล วีด้าตั้งสติรับสาย
“สวัสดีค่ะ”
“คุณพ่อเห็นด้วยกับเราแล้วนะครับ” คัชพลพูดมาตามสาย
“จริงเหรอคะ” วีด้ายิ้มออก
“คุณสบายใจได้แล้วนะ พรุ่งนี้เจอกันครับ”
“ค่ะ กู๊ดไนท์ค่ะ”วีด้าวางสาย มีความหวัง
ยศสรัลกำลังนั่งเซ็นเอกสารงานอยู่ที่ห้องทำงานมีเสียงเคาะประตูดังขึ้น เลขาเดินเข้ามาพร้อมเอกสาร วางให้ยศสรัล
“เอกสารเรื่องอนุมัติเพิ่มทุนในบริษัทใหม่ค่ะ”
“ขอบคุณครับ”
เลขาเดินออกไป ยศสรัลอ่านรายละเอียดเอกสารแล้วรู้สึกกังวลใจ ตัดสินใจลุกไปห้องคัชพล
เมื่อไปถึงห้องทำงานของคัชพล ยศสรัลวางเอกสารลงบนโต๊ะ
“ผมอยากให้พี่ใหญ่ทบทวนดูอีกหน่อย เรื่องการเพิ่มทุน”ยศสรัลบอกพี่ชาย
“ทำไม! มีปัญหาอะไรอีก ทำไมชั้นถึงไม่ควรจะลงเพิ่ม!”
“พี่ใหญ่ก็รู้ว่าคุณพ่อกำลังป่วยเป็นอะไร ผมไม่อยากให้เราไปขยายการลงทุนมากมายในช่วงนี้ เพราะหลังจากนี้ คุณพ่ออาจจะต้องเข้าออกโรงพยาบาล เราอาจจะทำงานได้ไม่เต็มที่กันนะครับ”
“งั้นแกก็คอยรับผิดชอบดูแลพ่อไป จนกว่าโครงการที่ชั้นลงทุนกับคุณวีด้าจะเสร็จ งานนี้ชั้นจัดการเอง แกไม่ต้องเข้ามายุ่ง!”
ยศสรัลเมื่อได้ฟังก็อึ้ง และเดินออกจากห้องไปอย่างหัวเสีย
ยศสรัลกลับมาที่ห้องทำงานของตน นั่งดูเอกสารอย่างละเอียดอีกครั้ง และหยิบเอกสารประกอบอื่นๆออกมาพิเคราะห์ด้วย พยายามครุ่นคิดอย่างละเอียด
“ผมไม่อยากจะสงสัยคุณหรอกนะคุณวีด้า แต่คุณมีแผนอะไรอยู่รึเปล่า”ยศสรัลคิดหนัก
วีด้าขับรถเข้ามาจอดลานจอดรถโรงพยาบาลจิตเวช วีด้าลงจากรถ ในมือถือของฝาก แล้วเดินเข้าตึกไป ที่ทางเข้าโรงพยาบาลยศสรัลนั่งอยู่ในรถกำลังมองวีด้าที่เดินเข้าตึกอย่างสงสัย
วีด้าเดินมาตามทางในตึกผู้ป่วยหญิง สวนกับพยาบาลผู้ดูแล
“อ้าวคุณวีด้า สวัสดีค่ะ”
ทั้งสองฝ่ายรับไหว้กัน โดยมียศสรัลแอบดูอยู่ไกลๆ เขาไม่ได้ยินเสียงวีด้าที่กำลังคุยกับพยาบาล
เขาเห็นวีด้ายื่นของฝากให้พยาบาล พยาบาลอีกคนเดินเข้ามาทักทายวีด้า ท่าทางสองฝ่ายสนิทสนมคุ้นเคยกัน
“คุณกานดานั่งอยู่ทางนู้นน่ะค่ะ”พยาบาลบอก
“ขอบคุณค่ะ”
วีด้าเดินตามพยาบาลไป
ยศสรัลตามดูต่อไปเขาเห็นวีด้าอยู่กับกานดา โดยมีพยาบาล2ยืนดูอยู่ใกล้ๆ
วีด้านั่งลงใกล้ๆกานดาแล้วกุมมือกานดา
“วันนี้แม่เป็นยังไงบ้าง แม่สบายดีนะ”
กานดาหันมองวีด้าอย่างไม่รู้สึกรู้สา วีด้ายิ้มให้แม่
“นี่ค่ะแม่ หนูมีน้ำผลไม้มาให้แม่ด้วยนะ” วีด้าโชว์น้ำผลไม้ให้กานดาดู เธอเปิดน้ำผลไม้ป้อนกานดา แล้วหยิบผ้าเช็ดหน้ามาซับปากให้ผู้เป็นแม่
ยศสรัลรู้สึกไม่ชินกับภาพที่เห็น “มีมุมอ่อนโยนกับเค้าเหมือนกันนะ”
“แต่เธอมาเยี่ยมใครกัน” เขาพยายามเพ่งมอง
ยศสรัลมองนาฬิกาวีด้าหยิบกระเป๋าสะพาย
“หนูต้องไปแล้วนะ พรุ่งนี้หนูจะมาใหม่”
“ฝากดูแลแม่ด้วยนะคะ” เธอพูดกับพยาบาล
“ไม่ต้องห่วงค่ะ”
ยศสรัลมองทั้งสองงร่ำลากัน เมื่อวีด้าเดินออกมา ยศสรัลหลบแล้วมองดูจนแน่ใจว่าวีด้าไปไกลแล้ว ด้วยความสงสัย ยศสรัลเลยเดินเข้าไปหาพยาบาลกับกานดา
อ่านต่อหน้าที่ 4
ไฟรักเพลิงแค้น ตอนที่ 14 (ต่อ)
ยศสรัลเดินเข้าไปหาพยาบาลกับกานดา กานดาไม่ทันสังเกตยศสรัล
“ขอโทษครับ เมื่อกี้คุณวีด้ามาเยี่ยม เอ่อ…” เชาพูดกับพยาบาล มองไปที่กานดา
“อ๋อ.. คุณแม่ของเธอค่ะ ป่วยมาสิบกว่าปีแล้ว ยังไม่ดีขึ้นเลยค่ะ”
ยศสรัลสงสัย จึงมองดูหน้ากานดาดีๆ เขารู้สึกคุ้นหน้ายศสรัลพยายามนึก แต่ยังนึกไม่ออก
“ขออนุญาตพาคนไข้ไปทานยาก่อนนะคะ ได้เวลาแล้วค่ะ” พยาบาลกล่าว
“อ่อ? ครับ”
ยศสรัลยังคงมองตามกานดา
ยศสรัลเดินออกมาแล้วพยายามนึกเรื่อยๆจนถึงรถ เขาเปิดประตูเข้าไปนั่งนึกในรถอีกแล้วภาพของน้ากานดาตอนสาวก็แวบขึ้นมา ก่อนจะมีภาพหน้ากานดาในปัจจุบันปรากฎขึ้นอีกครั้ง ยศสรัลตกใจ
“น้ากานดา..?” ยศสรัลพึมพำ รีบลงจากรถ
ยศสรัลวิ่งกลับเข้ามาตามทางเดิน พยายามมองหากานดาแต่ไม่พบ พยายามเดินหาอีกครั้งก็ไม่เจอ จนถอดใจเดินหันกลับจะออกไป ทันใดนั้น พยาบาลก็เข็นกานดาออกมาจากอีกทางหนึ่ง เมื่อยศสรัลเห็นกานดาก็ดีใจรีบเข้าไปหา ดักหน้ารถจนพยาบาลแปลกใจ
“ขอโทษครับ” เขาขอโทษพยาบาล
ยศสรัลนั่งลงมองหน้ากานดา แล้วเงยหน้าถามพยาบาล
“คนไข้คนนี้ชื่ออะไรครับ”
“ชื่อคุณกานดาค่ะ” เป็นคำตอบจากพยาบาล
ยศสรัลอึ้ง ก้มลงมองหน้ากานดานิ่ง
ยศสรัลขับรถกลับบ้าน เขาเดินเข้าบ้านด้วยความรู้สึกงงงันกับเรื่องที่เพิ่งเจอวันนี้
สินีเดินผ่านมา “เออสรัล แม่กำลังจะไปทานข้าว ไปทานด้วยกันสิ”
“วันนี้ผมขอตัวนะครับคุณแม่”
“แล้วหนูมณล่ะ ดีกันรึยัง แม่โทรไปก็ไม่รับสาย”
“ครับ”
ยศสรัลไม่พูดอะไรอีก เดินเข้าบ้านต่อ สินีมองตามด้วยความงุนงง
“เอ๊ะ ….เป็นอะไรของเขานะ” สินีรำพึง
ตกกลางคืน ยศสรัลยืนอยู่ริมหน้าต่างห้องนอน มองออกไปและคิดไตร่ตรอง
“ถ้าอย่างงั้น น้องแพรตอนเด็ก ก็คือวีด้าในปัจจุบัน แล้ว “แพร”ที่เราเจอเมื่อหกปีก่อน ก็ต้องเป็นคนเดียวกันเกิดอะไรขึ้นกับอดีตของน้ากานดา แล้วทำไมน้องแพรต้องปิดบังตัวเอง” ยศสรัลยังคิดไม่ตก
เช้าวันต่อมา วีด้ากำลังจัดแต่งดูความเรียบร้อยของตัวเองที่หน้าโต๊ะเครื่องแป้ง เสร็จแล้วหยิบกระเป๋าสะพายกำลังจะออกไปทำงาน มีเสียงโทรศัพท์ในกระเป๋าดังขึ้น วีด้าล้วงโทรศัพท์มาดูแล้วกดรับ
“ว่าไงเกรซ โทรมาแต่เช้ามีอะไร”
“วีด้าชั้นนึกออกแล้ว ใครที่จะตรวจสอบเอกสารให้แกได้ ว่าเอกสารการโอนเงินฉบับนั้นมันถูกต้องรึเปล่า”
“ใคร..” วีด้าถาม
“ดนัยไง” เกรซว่า
“ดนัย” วีด้าเอ่ย
“ชั้นเคยให้เค้าช่วย ดนัยเค้าตามเรื่องข้อมูลบริษัทต่างประเทศได้ไงแก”
วีด้าอึ้งไป “จริงสิ ชั้นลืมไป”
ยศสรัล บัญชาและสินีกำลังทานข้าวมื้อเช้าที่บ้านโดยมีคนรับใช้คอยบริการ
บัญชาสังเกตยศสรัลที่ไม่ค่อยทานข้าวและเหมือนอยากจะถามอะไรตน จึงเอ่ยถามยศสรัลว่า
“แกมีอะไร”
“คุณพ่อครับ ตอนเด็กผมจำได้ว่าคุณพ่อมีเพื่อนสนิท คือน้าชาติชายกับน้ากานดา เมื่อก่อนเค้าเป็นยังไงเหรอครับ ทำไมอยู่ดีๆเค้าก็หายไปเลย”
บัญชามีปฏิกิริยาทันที “แกจะอยากรู้ไปทำไม ชั้นจำไม่ได้หรอก”
“นายชาติชายเค้าล้มละลายและฆ่าตัวตาย ดีที่คุณพ่อถอนหุ้นออกมาทันไม่งั้นคงต้องแย่ไปด้วย” สินีตอบ
“คุณพ่อถอนหุ้นทันจริงๆเหรอครับ แล้วมีปัญหาอะไรกันรึเปล่า” ยศสรัลถามต่อ
บัญชากระแทกช้อนด้วยความโมโหที่ลูกดูถูก “ไอ้สรัล! แกจะมาขุดคุ้ยเรื่องอะไร!”
ไ่ม่มีคำตอบจากยศสรัล
“สรัล คุณพ่อก็ไม่สบายอยู่แล้ว ยังจะทำให้พ่อไม่สบายใจอีก” สินีพูดเสียงดุ
ยศสรัลนิ่ง ไม่พูดอะไรอีก เขามองผู้เป็นพ่อที่กำลังอารมณ์เสียและได้แต่เก็บความสงสัยไว้ในใจ
ยศสรัลอยู่ในห้องทำงาน นั่งคิดไม่ตกเรื่องของวีด้า ยศสรัลตัดสินใจโทรหาวีด้าที่บริษัทของเธอ
เมื่อรอสายสักพักก็มีเสียงรับสายจากเลขาวีด้า
“สวัสดีค่ะ คุณวีด้าติดสายต่างประเทศอยู่ค่ะ จะฝากโน้ตหรือให้ดิฉันช่วยอะไรได้บ้างคะ”
ยศสรัลคิด แล้วก็เปลี่ยนใจ
“เอ่อ.. ไม่เป็นไรครับ ขอบคุณมาก”
ยศสรัลวางสายแล้วคิด
“ถ้าเค้าจะยอมบอก เค้าคงบอกไปนานแล้ว แต่มีเหตุผลอะไร ที่ต้องปิดบังเรื่องนี้ แล้วเค้าเข้ามาตีสนิทกับครอบครัวเราทำไม”
ยศสรัลกลุ้มใจ ยังคงคิดไม่ตก
วีด้ามาพบดนัยที่ร้านกาแฟที่ชั้นล่างของตึกบริษัท หยิบซองสีน้ำตาลออกมายื่นให้ดนัย ดนัยรับมาดูหยิบสิ่งที่อยู่ในซองเอกสารมาดูเป็นเอกสาร ขนาด A4 ที่ถ่ายซ้ำมาแล้ว
ดนัยละจากกระดาษ เงยขึ้นมามองหน้าวีด้า
“ผมจะรีบเช็คให้นะ”
“ขอบคุณนะคะ ดนัย”
“ช่วยวีด้าหน่อยนะคะ ดนัย”
“ไม่ต้องห่วงครับ”
“ดนัยสบายดีนะคะ”
ดนัยมองหน้าวีด้านิ่ง ก่อนยิ้มให้
“ตามสบายนะ ขอไปห้องน้ำก่อน เดี๋ยวมา” เกรซบอกทั้งสอง
วีด้า ดนัย ไม่รู้จะคุยอะไรกัน ต่างคนต่างนิ่ง
ยศสรัลอยู่ในห้องนอน นึกถึงวีด้ากับเขาในวัยเด็ก ที่วิ่งไล่จับ และนั่งดูพระอาทิตย์ตกด้วยกัน
จนมาถึงภาพตอนที่ทั้งสองเริ่มโตขึ้น เป็นภาพของเขาและวีด้านอนขดตัวหันหน้าเข้าหากัน ครู่หนึ่งยศสรัลลืมตาขึ้นเห็นหน้าวีด้าที่แทบจะชิดกัน “แพร..”
วีด้าค่อยๆลืมตาขึ้น ทั้งสองมองหน้ากัน
เช้าวันใหม่รัชนากำลังทาลิปสติกที่หน้าโต๊ะเครื่องแป้งเสร็จแล้วก็จัดแจงดูความเรียบร้อยของตัวเองก่อนออกไปทำงาน เธอนึกถึงธัญกร
“นายนั่นตื่นรึยังนะ”
เธอเลิกคิด แล้วหยิบกระเป๋าเดินออกจากห้องนอน
เมื่อรัชนาเปิดประตูออกมาจากห้องนอน เธอเดินไปเจอกับธัญกรที่ยืนอยู่ก่อนแล้วธัญกรอยู่ในชุดออฟฟิศ กำลังเก็บเอกสารใส่กระเป๋า รัชนาแปลกใจมาก
“วันนี้นายจะไปไหนแต่เช้า”
“สัมภาษณ์งาน”
รัชนาไม่เชื่อหูตัวเอง
“ห๊ะ! กินยาผิดรึเปล่า”
“ทำไม”
“ไหนนายเคยบอกว่า ถ้าไม่ได้ทำงานที่บ้าน ก็จะไม่ทำงานไง”
“ความคิดคนเรามันก็เปลี่ยนกันได้ และชั้นก็อยากเปลี่ยนแล้ว ไปนะ” ธัญกรตอบก่อนหยิบเอกสารแล้วเดินออกจากห้องไป
รัชนาแอบยกนิ้วให้ “มันต้องอย่างงี้สิ ชั้นว่าแล้ว นายต้องมีดี”
ธัญกรหน้าห้องยังอยู่หน้าห้อง หันกลับมามองเซ็งๆ
“เป็นไรมากป่ะ”
“แฮ่ะ ๆ นึกว่าไปแล้ว” รัชนาตอบ
ธัญกรเดินออกไป รัชนาเดินไปดูให้แน่ใจว่าไปแล้ว ยิ้มชื่นชมธัญกร
รัชนาคุยกับวีด้าที่ห้องทำงานของวีด้าอย่างยิ้มแย้ม
“เค้าดูเป็นผู้ใหญ่ขึ้นเยอะ สุขุมขึ้น คุณวีด้าคงไม่ต้องห่วงแล้วค่ะ” รัชนาบอกวีด้า
“ฟังแล้วก็สบายใจขึ้น ขอบใจมากนะรัชนา”
“ไม่เป็นไรค่ะ สบายมาก”
รัชนายิ้มปลื้มไม่หุบ ได้ทั้งคำขอบใจ ได้ทั้งตังค์ค่าเช่า
“ยิ้มขำอะไร” วีด้าถาม
“ก็นาไม่ต้องผ่อนคอนโดเอง” รัชนานึก
“นาไปนะคะ” เธอตอบวีด้า
รัชนาออกไป วีด้ามองตามยิ้มส่ายหัว หยิบโครงการขึ้นมาดู
ยศสรัลขับรถเข้ามาจอดหน้าตึกหอสมุดกลางมหาลัยรามคำแหง เขาลงจากรถแล้วมองตึกก่อนเดินเข้าไป เขาเข้ามานั่งที่โต๊ะบนโต๊ะมีหนังสือพิมพ์เก่าหลายฉบับ
ยศสรัลนั่งหาอ่านไปจนมาเจอเล่มหนึ่งก็หยุดชะงัก
“เจ้าของมารีน่าดัง โดดตึก พิษล้มละลาย” ยศสรัลรีบอ่านหัวข้อข่าว แล้วชะงัก
“ชาติชาย วาณิชโยธิน”
ยศสรัลเปิดโน้ตบุ๊คพิมพ์ชื่อ ชาติชาย วาณิชโยธินในช่องค้นหาของกูเกิ้ล แล้วอ่าน
“สาเหตุการตายของนายชาติชาย วาณิชโยธินมาจากเพื่อนรักที่ลงทุนด้วยกัน แล้วหนีไปเปิดธุรกิจใหม่คล้ายกันและคดีฟ้องร้องของบริษัทนี้ยังค้างเติ่งอยู่ในศาล”
“เพื่อนรัก” ยศสรัลสงสัย
ยศสรัลพิมพ์ “รายชื่อผู้บริหารบริษัท ชาติชาย ยอร์ค ลากูล” ในช่องค้นหาของกูเกิ้ลอีกครั้งภาพหน้าจอมีชื่อ “ บัญชา โชตินุพงศ์”
“คุณพ่อ!” ยศสรัลตกใจ
ยศสรัลอึ้งไป เมื่อรู้ความจริงว่า วีด้ากลับมาแก้แค้นครอบครัวตน
อ่านต่อตอนที่ 15