อย่าลืมฉัน ตอนที่ 15
อรทัยโวยวายเสียงดังทันที ที่ได้ยินอัมพิกาพูดเรื่องการไปแคมป์
“อรไม่ไปด้วยนะคะ แคมป์บ้า แคมป์บออะไรนั่น ลำพังไปกับไอ้เด็กแฝดอรก็เกลียดจะแย่ นี่ยังพ่วง
เกนหลงไปอีก ไม่เอาหล่ะ อรขี้เกียจปั้นหน้า อึดอัด”
อัมพิการีบอธิบายจุดประสงค์
“แต่มันเป็นโอกาสเดียวที่เราจะได้เข้าใกล้ไอ้เด็กนั่นตอนนังสุริยงไม่อยู่ และเราก็ต้องทำให้พวกมันมา
อยู่ข้างเรา ถ้ามันไว้ใจ เราจะสั่งให้มันทำอะไรก็ได้ แม้แต่สั่งให้มันขายหุ้นธนาคารคืนกลับมาให้เรา”
“มันจะง่ายขนาดนั้นเลยเหรอคะพี่อัม อยู่ด้วยกันแค่วันสองวันเนี่ยนะคะ”
อัมพิกายิ้มร้าย
“เด็กตัวกะเปี๊ยกมันจะเอาสมองมาคิด ถ้าเราเอาใจ ซื้อของเล่นมาล่อมันหน่อย แป๊บเดียวก็ลืมนังสุริยง
แล้ว”
อรทัย นิ่งคิดๆ แม้จะยังไม่ค่อยเห็นด้วยต่ก็ต้องจำใจยอม
“อรไปก็ได้ นี่ถ้าไม่เห็นว่าเป็นทางออกสุดท้ายอย่าหวังเลยว่าอรจะยอม แต่อรขอชวนเพื่อนไปด้วย
คนนึงนะคะ”
อัมพิกาขมวดคิ้ว
“ใคร?”
รถตู้สุดหรูแล่นเข้ามาจอดเทียบที่หน้าบ้านสุริยง อัมพิกา อรทัย และวนิตา ลงจากรถ สีหน้าแต่ละคนดู
กระอักกระอ่วนใจ โดยเฉพาะวนิตา ที่แต่งกายแบบจัดเต็มชุดแนวทหาร แอบเซ็กซี่ แต่ท่าทางเหมือนถูกบังคับให้มา
เมื่อทุกคนลงมาพร้อมแล้ว คนรถก็ทำหน้าที่เปิดประตูบ้านให้ อัมพิกาเดินเชิดเข้าบ้านไป อรทัยกำลัง
จะเดินตาม เมื่อหันมาเห็นวนิตายังยืนอยู่ที่รถก็เร่ง
“นิต้าเดินมาเร็วๆ ร้อนจะตายอยู่แล้ว”
“ขอฉันทำใจหน่อยสิ เธอก็รู้ว่าฉันเกลียดเด็กยังกะอะไรดี เด็กผู้ชายอายุต่ำกว่า 18 16 - 17 ก็ยังโอเค
นะ แต่ต่ำกว่านั้นฉันเกลียด”
อรทัยชักสีหน้า
“แล้วคิดว่าฉันชอบหรือไง ? อิดออดอยู่ได้เร็วๆ”
“ที่ฉันมาก็เพราะจะหาจังหวะ “เขี่ย” เรื่องเขมกับแม่เลี้ยงเธอ ให้ยัยเกนหลงมันดิ้นเล่น เพื่อความสะใจ
ไม่งั้นฉันไม่มาหรอก”
อรทัย จุ๊ปาก เหมือนจะปรามให้วนิตาเบาเสียงลง
“จะเขี่ย จะขุดอะไร ก็รอให้ธุระฉันกับพี่อัมเรียบร้อยก่อน อย่ามาทำให้แผนฉันเสียก็แล้วกัน”
พลางสะบัดหน้าเดินเข้าบ้านไป วนิตายิ้มร้ายๆ เหมือนจะไม่แคร์ แล้วก็เดินตามไป
“เกนต้องขอบคุณคุณลุง คุณป้านะคะ ที่ไว้ใจให้เกนพาไก่ กับ ไข่ไปเที่ยว”
เกนหลงพูดพลางยกมือไหว้ขอบคุณนภา กับ อาทิตย์ ที่ยกมือรับไหว้อย่างเป็นกันเอง ไก่ กับ ไข่ ยิ้ม
หน้าแป้น ยืนรออยู่ไม่ห่าง ชื่นถือกระเป๋าสองหนุ่มเตรียมไปส่ง
“จริงๆ เราก็ลำบากใจที่อนุญาตตอนหนูเล็กไม่อยู่ และคุณอัมพิกาก็ยังห้ามไม่ให้บอกหนูเล็ก แต่เรา
สองคนมาคิดๆดู ถ้าไก่ กับ ไข่ ได้รู้จักพี่สาวทั้งสองคนมากขึ้นก็ดีกับตัวเขาเอง”
อาทิตย์ออกตัว นภาช่วยเสริม
“โดยเฉพาะเป็นความคิดที่มาจากคุณอัมพิกา และมีคุณเกนมาออกหน้าอาสาเป็นคนกลาง ประสาน
ทั้งสองครอบครัว เราสองคนก็เลยสบายใจ ยังไงก็ฝากด้วยนะคะ”
“ได้เลยค่ะ เกนจะดูแลอย่างดีที่สุดค่ะ”
เกนหลงยิ้มให้บิดา-มารดาของสุริยง ก่อนที่เสียงอัมพิกาก็ดังขึ้น
“เรียบร้อยกันหรือยัง?”
เมื่อทุกคนหันไปมอง ก็เห็นอัมพิกาเดินนำเข้ามา พร้อมกับวางหน้าดุ อรทัยตามมาอีกคน ปิดท้ายด้วย
วนิตา
เกนหลงมองงงๆ หากวนิตาเชิดหน้า ไม่สน
ไก่ กับไข่ ผงะเดินถอยมาหาชื่นหนึ่งก้าว อัมพิการู้สึกตัว ชะงักนิดๆ พลางยิ้มให้เด็กแฝด พร้อมลด
เสียงให้อ่อนลง
“ว่าไงคะ น้องไก่ น้องไข่ พี่อัมถามว่า เรียบร้อยกันหรือยังคะ? จำได้มั้ยคะ นี่พี่อัมนะ แล้วนี่ก็พี่อร
แล้วนี่ก็พี่วานิต้า”
“ไก่ ไข่ ครับ” นภาพูดพลาง ส่งสัญญาณให้หลานชายไหว้
“สวัสดีครับ”
อัมพิกาหันมาส่งสายตาเป็นสัญญาณให้อรทัย และวนิตารับไหว้ แล้วทั้งสามคนก็หันมารับไหว้และยิ้ม
หวาน
“สวัสดีค่ะ”
นภา อาทิตย์ ชื่น มองแล้วก็ยิ้มซื่อๆ ดีใจที่เห็นอัมพิกา อรทัย อยากจะปรับตัวเข้าหาหลานๆ
ในขณะที่วนิตาปรายตามาทางเกนหลง แล้วก็หันมายิ้มหวาน พร้อมกับส่งเสียงทักทายอ่างสนิทสนม
“เกนหลงจ๊ะ พอดีอรชวนนิต้าไปช่วยดูแลน้องๆ เกนหลงคงไม่มีปัญหาอะไรใช่มั้ยจ๊ะ?”
เกนหลง ยิ้มหวานกลับไป
“ ถ้าไม่ได้มาสร้างปัญหาเพิ่ม เกนก็ไม่มีปัญหาอยู่แล้วจ้ะ”
วนิตาชะงัก หุบยิ้มทันที เกนหลงหันไปทางไก่ กับไข่
“ไก่ ไข่ ครับ...พร้อมเดินทางแล้วนะ เราะจะได้ลุยกันเลย”
เด็กแฝดประสานเสียงดังสดใส “ลุย”
จากนั้นก็วิ่งพุ่งพรวด ไก่วิ่งแหวกช่องว่างระหว่างอัมพิกากับอรทัย ไข่วิ่งมาทางวนิตา จนทั้งสามคน
ต้องรีบหลบก่อนจะโดนชน ชื่นรีบเดินตามไป
อรทัย วานิต้า ร้องเสียงดัง “ว้าย”
อัมพิกาเดินเชิดหน้าตามเด็กๆออกไป อรทัย และวนิตารีบตามไปทันที โดยไม่มีใครร่ำลาเจ้าของบ้าน
สักคน
“เกนไปก่อนนะคะ สวัสดีค่ะ”
นภา อาทิตย์รับไหว้ เกนหลงเดินตามคณะออกไป
“คุณว่า ถ้าหนูเล็กรู้ จะโกรธเราสองคนหรือเปล่า?”
นภาพหันมาปรึกษาสามี อาทิตย์จับมือนภาให้กำลังใจ พลางคิดถึงสุริยง
ในขณะเดียวกัน สุริยงก็เดินทางมาถึงเมืองซูริค ประเทศสวิสเซอร์แลนด์ ท่ามกลางอากาศยามเช้าที่
สดใส มีผู้คนเดินไปมาขวักไขว่เต็มสนามบิน
จากนั้นสุริยง ก็เดินทางต่อมาที่บริษัทของลูกค้า พลางเดินเข้ามาด้านในบริษัท มองหาคนที่จะติดต่อด้วย สักพักเสียงเลขาเรียกขึ้นเป็นภาษาอังกฤษ
“คุณสุริยงใช่มั้ยคะ?”
สุริยงหันมาตอบด้วยภาษาเดียวกัน “ใช่ค่ะ”
“ดิฉันแอลซ่าเลขาคุณสมิธ”
พลางยื่นมือมา สุริยงยื่นมือไปจับ
“ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ ดิฉันมาประชุม”
ยังไม่ทันจบประโยค เลขขาก็พูดแทรกขึ้นมา
“อ้อ การประชุมใกล้จะเรียบร้อยแล้ว เจ้านายของคุณให้คุณรออยู่ตรงนี้”
สุริยงสะดุดกึก
“เจ้านายของฉัน?”
พลางมองตามเลขาไปที่ห้องประชุมกระจกที่อยู่อีกด้าน เห็นเขมชาติยืนจับมือร่ำลาอยู่กับมิสเตอร์สมิธ
ในห้องประชุม
สุริยงยืนอึ้ง ตัวชาวาบ ความโกรธพุ่ง เลือดสูบฉีดเข้าหน้าอย่างแรง
“เชิญนั่งรอตามสบาย” เลขาพูดอย่างสุภาพ หากสุริยงโกรธจนหูอื้อ แทบจะไม่ได้ยิน
ในขณะเดียวกัน เขมชาติก็ยิ้มร่ำลาลูกค้าและหันหน้ามาจะเดินออกจากห้องประชุม พลันเห็นสุริยงยืน
อยู่ข้างนอกพอดี สองคนประสานสายตากัน ตาสุริยงดุ โกรธ กร้าว เขมชาติชะงักกึก อึดใจต่อมาสุริยงก็หันหลังขวับ
และรีบเดินออกไปจากบริษัทในทันที เลขามองตามงงๆ เขมชาติหน้าเหวอ พอได้สติรีบเดินพุ่งตามไปทันที
เขมชาติ ที่วิ่งพรวดตามออกมา มองซ้ายมองขวาเห็นสุริยงแล้วก็รีบเดินตามไปอย่างรวดเร็ว
“วดี”
สุริยงเดินลิ่ว ไม่สนใจ เขมชาติพยายามวิ่งตามมา
สุริยงเดินเลี้ยวเข้ามาตามทางเดินเล็กๆ แคบๆ ที่ไม่มีคน อารมณ์ยังคงเดือดดาลเหมือนเดิม เขมชาติวิ่ง
ตามมาอย่างเร็ว
“วดี หยุดก่อน คุยกันก่อน ฟังผมก่อนนะวดี”
สุริยงหน้าดุจริงจัง เขมชาติตัดสินใจบอกตามตรง เข้าประเด็นเลย
“โอเค ผมยอมรับ ผมโกหกคุณ ผมวางแผนทุกอย่างเพื่อจะได้อยู่กับคุณสองต่อสอง”
สุริยงส่ายหน้า ชักสีหน้า เขมชาติรีบพูดต่อ
“แต่ที่ผมทำ เพราะผมทนไม่ได้ที่จะต้องโดนคุณทิ้งเป็นครั้งที่สอง”
สุริยงชะงักกึก ที่โดนจี้ใจดำ เขมชาติพูดด้วยความเจ็บปวด
“คุณไม่เคยรู้ ตลอดเวลาที่เราจากกัน ผมจะต้องจมอยู่กับความเสียใจ ความโกรธมากมายขนาดไหน
พอเรากลับมาเจอกัน ผมถึงได้ทำไม่ดีกับคุณเพื่อให้หายแค้น แต่มันก็ไม่ได้ลดน้อยลงไป ถ้าผมยอมให้คุณจากไปแบบ
นั้นอีก ผมก็ต้องจมอยู่กับความทุกข์ ความเกลียดชังที่ไม่มีวันสิ้นสุด”
“แล้วคุณจะให้ฉันทำยังไง? ในเมื่อคุณมีชีวิตของคุณ ฉันก็มีชีวิตของฉัน เราไม่มีวันกลับมาเป็น
เหมือนเดิม”
สุริยงเสียงสั่น
“ผมก็ไม่ได้อยากกลับไปเป็นเหมือนเดิม ผมขอแค่อย่างเดียว” มองหน้าอย่างอ้อนวอน “ขอให้เราจาก
กันด้วยดี”
สุริยงจุกจนนิ่ง พลางมองหน้าเขมชาติรอฟังให้เขาต่อ
“ผมขอแค่สามวันที่เราอยู่ที่นี่ ทำให้มันเป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุด เป็นการบอกลาที่เราจะไม่ติดค้างอะไรกัน
อีก”
เขมชาติขุดความรู้สึกที่แท้จริงของตัวเองออกมา เอาความเจ็บปวดที่ไม่เคยเปิดเผยมาพูดต่อหน้าสุริยง
“คุณอาจจะคิดว่ามันไม่สำคัญ อยากจะไปจากใครสักคน ก็แค่เขียนข้อความทิ้งไว้ แล้วก็หายตัวไป
แต่สำหรับผม”
น้ำเสียง และแววตาปิดบังความเจ็บปวดไว้ไม่มิด “มันไม่ง่ายอย่างนั้น โดยเฉพาะกับคนที่เคยรักกัน”
พูดถึงตรงนี้ เขมชาติก็ถึงกับน้ำตาร่วง
“คนที่ไปไม่เจ็บ แต่คนที่อยู่เจ็บ เจ็บมาก ช่วงเวลาที่ดีของเรา มันถูกข้อความบอกเลิกที่แสนเย็นชาลบ
ล้าง ไปจนหมดสิ้น ทุกครั้งที่ผมคิดถึงคุณ มันคือความเจ็บปวด และมันก็ยิ่งเจ็บ ตรงที่ผมหยุดคิดถึงคุณไม่ได้”
แม้ว่าเขมชาติจะไมได้ร้องไห้ฟูมฟาย แต่สุริยงก็หยั่งความรู้สึก ที่เจ็บลึกจากข้างในของเขาได้เป็นอย่าง
ดี และเธอเอง ก็อยากจะบอกเหลือเกิน ว่าตัวเองก็เจ็บ แต่ก็บอกไม่ได้ ต้องกลั้นใจ เก็บกดไว้อย่างทรมาน
“ผมอยู่กับคำถามมากมาย อยู่กับความไม่เข้าใจ ผมไม่รู้ว่า ผมทำอะไรผิด”
“คุณไม่ได้ทำผิด”
ในที่สุดสุริยง ก็โพล่งออกมา เขมชาติมองหน้าสุริยง แววตาตอนนี้อ่อนลง ความหวั่นไหวที่ซ่อนไว้
แอบเผยออกมาก
“ไม่มีใครผิด เพียงแต่วันนั้น ฉันต้องเลือกทำสิ่งที่ถูกต้องที่สุด”
สุริยงพูดนิ่งๆ ทว่าหนักแน่น เขมชาติมองลึกเข้าไปในแววตาของสุริยง เห็นบางอย่างที่ซ่อนอยู่ในแวว
ตาที่อ่อนลง
“ผมไม่รู้ว่าความถูกต้องของคุณคืออะไร แต่ผลของมันคือ ความทรงจำอันเลวร้าย แต่ในเมื่อเรา
กลับไปแก้อดีตไม่ได้ ผมขอใช้เวลาที่มีอยู่ไม่มากสร้างความทรงจำใหม่ที่ดี ก่อนที่เราจะแยกจากกันไปตามทางของ
ตัวเอง”
เขมชาติๆ ล้วงกระเป๋า หยิบแหวนดอกไม้ออกมา
“ถ้าคุณเห็นด้วย ขอให้สวมแหวน และเราจะใช้เวลาที่เหลืออยู่เพื่อจากลากันด้วยความทรงจำที่ดี”
พูดจบก็วางแหวนไว้ที่ก้อนหิน พลางลุ้น
.สุริยงมองแหวนแปลกใจนิดๆ เพราะตัวเองวางทิ้งไว้ในห้อง พลางมองหน้าเขมชาติ และครุ่นคิดอย่าง
หนัก
ภาพความหวานชื่นในอดีตหวนกลับมาอีกครั้ง
สุดท้ายสุริยงก็เอื้อมมือไปหยิบแหวนมาสวม
“ฉันจะให้อภัยการโกหกครั้งนี้เป็นครั้งสุดท้าย ครบสามวันขอให้เรื่องระหว่างเราจบลงตามที่พูดจริงๆ”
แววตาของเขมชาติเปล่งประกาย
“ผมสัญญา ผมจะทำตามที่พูดไว้ ขอบคุณมาก ขอบคุณที่ไว้ใจผม”
เขมชาติพุ่งเข้ามากอดสุริยงไว้อย่างแน่น สุริยงตกใจนิดๆ ยกมือขึ้นจะดันออกแต่ก็ยั้งไว้
สุริยงไม่กอดตอบ แต่ยืนนิ่งให้เขมชาติกอดไว้ และเธอไม่มีโอกาสรู้เลยว่า บัดนี้แววตาซาบซึ้งของของ
เขมชาติ กำลังวาวโรจน์ด้วยความแค้น
อย่าลืมฉัน ตอนที่ 15(ต่อ)
เอื้อหยิบโทรศัพท์ตั้งใจจะโทร หาสุริยง แต่เมื่อดูนาฬิกา และพบว่าเป็นเวลาบ่ายสองโมงกว่า
“ที่โน่นเก้าโมง สงสัยจะกำลังคุยกับลูกค้า”
จึงเปลี่ยนใจส่งเป็นข้อความแทน
“การเดินทางเป็นยังไงบ้าง ? ส่งข่าวด้วย Take care!”
เอื้อกดส่ง แล้วก็คิดถึงสุริยง ราวกับมีกระแสจิตอะไรบางอย่างที่สื่อสารถึงกันได้กระนั้น
สุริยงยังคงเดินหน้าเครียดๆ ด้วยความรู้สึกที่ยังค้างคาอยู่ในใจ จนไม่มีอารมณ์ร่วมกับวิวทิวทัศน์ ที่
สวยงามของเมืองซูริคแม้แต่น้อย
ทันใดนั้นก็มีเสียงกดชัตเตอร์ดังขึ้น สุริยงหันไปตามเสียง เห็นเขมชาติใช้มือถือถ่ายรูปอยู่
“ถ่ายทำไม?”
“ก็จะได้เห็นหน้าตัวเองไง”
สุริยงทำเสียงดุ “นี่พอได้แล้ว”
เขมชาติยื่นโทรศัพท์ให้สุริยงดู
“อะ ดูซะ คุณทำหน้าแบบนี้ตลอดเวลาที่เดินอยู่ด้วยกัน คุณคิดว่า พอผมหันมาเห็นหน้าคุณแล้ว
ผมจะมีความสุขมั้ย?”
ที่หน้าจอ มีแต่รูปสุริยงที่ทำหน้าเครียด ดุ สุริยงเห็นแล้วก็ชะงัก พลางพยายามคลายกล้ามเนื้อบน
ใบหน้าให้เครียดน้อยลง
“เวลาที่ผมนึกย้อนกลับมาถึงเวลานี้ หน้าคุณก็เป็นแบบนี้ตลอดเวลา แล้.มันจะเป็นความทรงจำที่
ดีมั้ย?” เขมชาติพูดแซวขำๆ
“แล้วจะให้ฉันทำหน้ายังไง?”
“ก็ทำหน้าให้มีความสุข จริงๆในใจอาจจะไม่สุขก็ได้ แต่ช่วยปั้นหน้าให้หน่อยแล้วกันนะ ผมจะได้
สบายใจ”
สุริยงยิ่งรู้สึกอึดอัดๆ ทำหน้าไม่ถูก เขมชาติช่วยคิด
“เอางี้ ลองคิดถึงตอนที่มีความสุข แต่ต้องเป็นตอนที่อยู่กับผมนะ โอเค ตอนที่กลับมาเจอกันอีกที
อาจจะไม่ค่อยมีเท่าไหร่ ก็คิดย้อนกลับไปตอนที่ “เป็นแฟน” กันก็ได้ คิดถึงตอนที่ “เดินเป็ดไง”
สุริยง ขมวดคิ้ว “เดินเป็ด”
จากนั้นสุริยงก็ย้อนนึกถึงภาพตัวเอง ยืนอยู่กลางสนามหญ้าที่โรงเรียนต่างจังหวัด กำลังพูดกับน้องๆ นักเรียนที่มาร่วมกิจกรรมกันเต็มสนาม
“น้องๆคะ วันนี้พี่วดีจะนำน้องๆแปลงร่าง กลายเป็น “เป็ด” อย่างแรกเราต้อง ใส่ขา ก่อนแบบนี้ แล้ว
ก็ใส่ปีก ใส่ปาก”
เด็กนักเรียนหัวเราะร่วน ชอบใจกันใหญ่ เขมชาติเดินมาเห็น ในขณะที่เพื่อนๆอีกกลุ่มยืนอยู่ที่กลอง
ทอมพร้อมบรรเลง
สุริยงพูดต่อ
“แล้วก็เดินแบบเป็ด”
เพื่อนๆ รีบร้องเพลงรับ
“ก๊าบๆๆ เป็ดอาบน้ำในคลอง ตาก็จ้องแลมอง เพราะในคลองมีหอย ปู ปลา เอ๊า ทุกคน ลุกขึ้น”
เด็กๆลุกขึ้นพร้อมกัน
“ใส่ขา ใส่ปีก ใส่ปาก”
เด็กๆขำชอบใจกันใหญ่ แก๊งกลองทอมร้องเพลงอีกรอบ สุริยงเดินนำ เด็กเดินตามเป็นแถว ทำเป็นบ้าง
ไม่เป็นบ้าง ขำเพื่อนบ้าง ขำตัวเองบ้าง อย่างสนุกสนาน
เสียงหัวเราะเขมชาติดังประสานกับเสียงเด็กๆในอดีต สุริยงยืนยิ้มเขิน
“ผมยังจำติดตาอยู่เลย เอ๊า ใส่ขา ใส่ปีก ใส่ปาก”
สุริยงสะบัดหน้าอายๆ“ไม่”
เขมชาตินรีบอ้อนต่อ “น่าน เต้นหน่อยนะ ผมรู้คุณจำได้ เร็วๆ ใส่ขา”
“พอได้แล้ว ฉันไม่ได้บ้า จะได้มาเดินเป็ดตรงนี้”
“ก็ตรงนี้แหละ ฮาดี เร็วๆ มา ผมทำเป็นเพื่อน ใส่ขา”
สุริยงอาย จนหน้าแดง “บ้า ฉันไม่ทำหรอก”
เขมชาติยังไม่ยอมหยุด คนเริ่มหันมามอง และขำ
“ใส่ปีก ใส่ปาก”
สุริยงบีบหน้าเขมชาติให้ปากเป็ดหายไป “คนมองใหญ่แล้ว ไม่อายหรือไงหะ?”
“อายทำไมไม่มีใครรู้จักเราสักหน่อย”
“ไม่รู้จัก ฉันก็อาย ดูสิ อยากจะทำก็ทำไปคนเดียว ฉันไปล่ะ”
สุริยงปล่อยมือจากหน้าเขมชาติแล้วก็เดินไปเลย
เขมชาติยังอยู่ท่าเป็ด
“รอด้วยสิ” แล้วก็เดินท่าเป็ดตามไป คนมอง หัวเราะ แล้วก็ถ่ายรูปกันใหญ่
สุริยงอายมาก รีบหันมาแล้วก็คว้าแขนเขมชาติลากเดินไปอย่างเร็ว เขมชาติต้องจำยอมเลิกทำท่า
เป็ดแล้วก็หัวเราะชอบใจ
“คุณนี่มันบ้าจริงๆ” สุริยงพูดแล้วก็ขำๆ
เสียงกดชัตเตอร์ดังขึ้น สุริยงชะงักหันไปตามเสียง เห็นเขมชาติใช้มือถือถ่ายรูปสุริยงแล้วก็ยิ้ม
“นี่ไง หน้าตอนคุณมีความสุข ทำหน้าแบบนี้บ่อยๆนะครับ ผมจะได้มีความสุขเวลาที่กลับมาคิดถึง
ช่วงเวลานี้ของเรา”
เขมชาติยิ้มดีใจ สุริยงเห็นรอยยิ้มของเขมชาติก็อายนิดๆ พลางปล่อยมือจากเขมชาติ แต่ฝ่ายหลังไม่
ยอม ซ้ำยังเปลี่ยนมาเป็นคนจับแทน
“มีร้านน่ารักอยู่ตรงนั้น ไปดูกัน”
เขมชาติจับมือสุริยงเดินไปเลยแบบเนียนๆ สุริยงไม่ทันจะยื้อหยุด เลยต้องเดินไปตามแรงจูง
รถตู้อัมพิกาแล่นเข้ามาจอที่หน้าแคมป์สไตล์แอดเวนเจอร์ด พอประตูเปิด ไก่กับไข่ ก็รีบวิ่งลงมาด้วย
ความร่าเริง
“เย้ ถึงแล้ว ๆ”
ไก่หันมาบอกกับเกนหลงที่กำลังลงจากรถตามมา “ไก่อยากเล่นขี่ม้า”
ไข่เอาบ้าง “ไข่จะเล่นขี่เรือ”
แล้วคู่แฝดก็เถียงกัน
“ขี่ม้า”
“ขี่เรือ”
เกนหลงรีบตัดบท “เดี๋ยวพี่เกนจะให้ทำทั้งสองอย่างเลยค่ะ โอเคมั้ย?”
ไก่ กับไข่พูดพร้อมกัน “โอเคครับ” พลางหัวเราะเสียงใส
“ดีมาก งั้นเดี๋ยวเราไปดูที่นอนกันก่อนนะ คืนนี้เราเราจะนอนแคมป์”
“เย้ นอนแคมป์ๆ”
ไก่กับไข่ร้องเป็นเพลงแล้วก็เต้นไปมา
เกนหลงมองเด็กๆด้วยความเอ็นดู อัมพิกาลงจากรถตามมา มีคนรถกางร่มให้ อรทัยโพกผ้า ส่วน
วนิตาใส่หมวกปีกกว้าง สีเข้ากับชุด ทั้งสามคนทำหน้าเอือมระอาเต็มทน
เกนหลงหันมาทางอัมพิกา
“เดี๋ยวเราไปดูที่พักกันนะคะ เกนจองให้นอนที่เดียวกันหมด พี่อัม คุณอร กับเด็กๆจะได้มีเวลาทำความ
รู้จักกันอย่างเต็มที่”
อัมพิกายิ้มแห้งๆ “จ้ะ”
จากนั้นเกนหลงเดินจูงมือไก่กับไข่ไปอย่างร่าเริง วนิตารีบหันขวับมา
“นี่เราต้องนอนกับไอ้เด็กสองคนนี้จริงๆเหรอคะ”
อรทัยรีบเสริม
“นั่นสิคะพี่อัม แค่นั่งรถมาด้วยกันห้าชั่วโมง หูอรแทบจะตึง มันทั้งพูด ทั้งถามไม่หยุดปากเลย ถ้าอร
ต้องนอนกับไอ้ลิงสองตัวนี้จริงๆ ไมเกรนขึ้นแน่”
“เอาน่า นอนแค่คืนเดียว คงไม่หนักหนา บางทีห้องมันอาจจะใหญ่ให้เธอสองคนมีที่หายใจหายคอก็
ได้ อย่าเพิ่งตีตนไปก่อนไข้”
อัมพิกาพูดปลอบใจน้องสาว และปลอบใจตัวเองไปพร้อมๆ กัน
ภายในกระโจมที่พัก มีเตียงวางเรียงกันเป็นแถวอยู่ภายในกระโจมเดียวกัน ไก่กับไข่ตาวาวด้วย
ความตื่นเต้น
“ว้าว”
จากนั้นก็กระโดดขึ้นเตียงโน้นไปเตียงนี้ แล้วก็หัวเราะกันคิกคัก เกนหลงยืนยิ้มดีใจที่เด็กๆ มีความสุข
ในขณะที่อัมพิกา อรทัย และวนิตายืนอึ้ง
เกนหลงหันมาทางอัมพิกา
“คืนนี้ต้องสนุกแน่ๆเลยค่ะ”
อัมพิกา หน้าเสีย แต่พยายามฝืนยิ้ม “ค่ะ ต้องสนุกแน่ๆ”
อรทัย กัดฟัน แล้วหันมาพูดกับอัมพิกา
“อรไม่ได้ตีตนไปก่อนไข้นะคะ แต่ห้องนี้ไม่ไหวจริงๆ”
อัมพิกากัดฟัน พูดตอบเบาๆ ได้ยินกันสองคน
“ถ้าไม่อยากอยู่ ก็รีบตีสนิทกับไอ้เด็กสองคนนี้ให้ได้โดยเร็วที่สุด”
อัมพิกาออกคำสั่งผ่านไรฟัน อรทัยมองด้วยความเซ็ง
ในขณะที่เกนหลงมองเด็กๆด้วยความเอ็นดู ส่วนวนิตา ก็มองเกนหลงด้วยความหมั่นไส้ แอบมี
ความคิดร้ายๆ แฝงอยู่
สุริยงกับเขมชาติเดินเล่นอยู่ตามถนนสวยงามในซูริค เขมชาติแอบถ่ายรูปสุริยงในตอนเผลอหลายรูป
ถ่ายแล้วก็เอามาให้ดู แล้วก็ฉวยโอกาสโอบสุริยงเข้ามาและถ่ายคู่กันแบบแนบชิด จนสุริยงเริ่มรู้สึกตัวว่าใกล้ชิดเกินไป
สุริยงดูนาฬิกา
“หมดเวลาเล่นสนุกแล้วค่ะ ใกล้ถึงเวลาประชุมแล้ว”
เขมชาติ ทำท่าตะเบ๊ะ “ครับผม”
สุริยงรีบแจกแจง
“ฉันรายงานในฐานะเลขานะคะ ไม่ใช่เจ้านาย อีกอย่างไหนๆคุณก็มาประชุมเองแล้ว” พลางดึงเอกสาร
ออกมาจากกระเป๋า “จัดการเองนะคะ”
“ได้เลยครับ ผมลุยเอง คุณเก็บแรงไว้สำหรับกิจกรรมหลังเลิกงานก็พอ”
สุริยงขมวดคิ้ว กิจกรรมอะไร? เขมชาติอ้าปากกำลังจะพูดต่อ ทันใดนั้น โทรศัพท์มือถือก็ดังขึ้น
สุริยงหยิบมาดู เขมชาติแอบปรายตามองเห็นที่หน้าจอขึ้นชื่อ “เอื้อ”
สุริยงกดรับ โดยไม่สนใจเขมชาติที่พูดค้างอยู่
“สวัสดีค่ะคุณเอื้อ” เดินเลี่ยงไปคุยอีกทาง “การเดินทางเรียบร้อยดีค่ะ ไม่มีปัญหาอะไรค่ะ”
เขมชาติมองตาม แววตาเคืองๆ ที่โดนขัดจังหวะ
เอื้อเดินไป คุยโทรศัพท์ไป ด้วยความเป็นห่วง จนเข้ามาในบ้านของสุริยง
“ได้ข้อความผมหรือเปล่า?”
สุริยงตอบมาทางปลายสาย “ได้ค่ะ”
“ไม่เห็นตอบกลับเลย ผมเป็นห่วงรู้หรือเปล่า?”
สุริยงตอบกลับด้วยความเกรงใจอย่างแรง พยายามชวนคุยไม่ให้ซึ้งมาก
“หนูเล็กโตแล้วนะคะ ไม่ได้เดินทางคนเดียวเป็นครั้งแรกสักหน่อย ไม่ต้องห่วงหรอกค่ะ”
เขมชาติทำเป็นเดินตามมาไม่ใกล้มาก แต่แอบฟัง พลางชักสีหน้าไม่พอใจ
เอื้อยิ้มๆ ที่โดนดักคอ
“ผมรู้ แต่ก็อดห่วงไม่ได้ แล้วตอนนี้ทำอะไรอยู่ครับ ? พบลูกค้าเรียบร้อยดีมั้ย?”
สุริยงพยายามพูดอ้อมๆ
“ทุกอย่างก็เรียบร้อยดีค่ะ กำลังจะไปพบลูกค้าคนที่สอง”
เขมชาติยังแอบฟังอยู่
“งั้นผมไม่กวนแล้ว อ้อ นี่ผมแวะมาหาไก่กับ ไข่ ว่าจะไปนั่งเล่นกับเด็กๆ ไปเรื่อยๆ เอาไว้ค่ำๆ ผมโทร
หานะ เผื่อหนูเล็กเลิกงานแล้ว จะได้คุยกับนายสองคน”
“ดีเลยค่ะ หนูเล็กก็คิดถึงอยู่เหมือนกัน คุณเอื้อเข้าไปในบ้าน เจอไก่ กับ ไข่ ฝากบอกว่าแม่หนูเล็กคิดถึง
นะคะ แล้วคืนนี้โทรคุยกัน”
เขมชาติสะดุ้ง
“แย่แล้ว เดี๋ยวหนูเล็กรู้ว่าไก่กับไข่ไปแคมป์ ให้โทรหาไม่ได้”
เอื้อยิ้มรับ
“ได้ครับ เดี๋ยวคุยกัน เอ่อ หนูเล็ก”
“คะ?”
“เสร็จงานแล้วรีบกลับมานะ ผมคิดถึง”
สุริยงยิ้มรับด้วยความเขินบวกความเกรงใจ
“คืนนี้คุยกันครับ”
เขมชาติปรายตามอง รอยยิ้มนี้ ขัดตามาก
สุริยงรับคำก่อนจะวางสาย ในขณะที่เอื้อวางสายแล้วก็ยิ้ม ทว่าเป็นรอยยิ้มที่แฝงไว้ด้วยความหนักใจ
อยู่ลึกๆ
อย่าลืมฉัน ตอนที่ 15(ต่อ)
สุริยงเก็บโทรศัพท์มือถือใส่กระเป๋าสะพาย เขมชาติ ที่เดินตามมาด้านหลัง มองตาม พลางครุ่นคิด
สุริยงหันมาพร้อมกับพูดขึ้น
“พร้อมแล้วค่ะ”
เขมชาติรีบเบนสายตามามองหน้า
“ครับ ผมก็พร้อมแล้ว”
จากนั้นก็เดินเข้ามาหา พร้อมกับยื่นมือมาที่กระเป๋าถือของสุริยงแบบเนียนๆ
“ผมช่วยถือให้”
สุริยงจะคว้าคืน “ไม่เป็นไรค่ะ”
“ไม่เป็นไรได้ยังไงกระเป๋าหนักจะแย่ มีแต่เอกสารประชุม เดี๋ยวผมถือให้เอง รีบไปเถอะ เดี๋ยวสาย”
เขมชาติคว้ากระเป๋าสุริยงมาถือ อีกมือก็จูงมือรีบเดินไปแบบเนียนๆ ฝายหลังรีบเดินไปตามแรง
สายตาของเขมชาติแอบมองมาที่มือโทรศัพท์มือถือของสุริยงที่ใส่อยู่ในช่องหน้าของกระเป๋า
เอื้อถามย้ำอย่างไม่เชื่อหูตัวเอง
“พี่อัม กับ อรเนี่ยนะ พาไก่ กับ ไข่ไปเที่ยว”
นภา กับ อาทิตย์ ถึงกับอึ้ง เพราะนึกไม่ถึงว่าเอื้อจะตกใจขนาดนี้
“ค่ะนี่คุณเอื้อไม่ทราบเลยเหรอคะ?”
เอื้อส่ายหน้า “ไม่ครับ ผมไม่รู้เรื่องเลย พี่อัมกับอรไม่เห็นพูดอะไรสักคำ”
“แล้วคุณเกนหลงล่ะครับ ไม่ได้บอกเหมือนกันเหรอครับ?”
อาทิตย์ย้อนถาม เล่นเอาเอื้อยิ่งงงหนัก
“เกนหลงก็รู้เรื่องนี้ด้วย?”
นภาพลอยงงไปด้วย “อ้าว ก็คุณเกนอาสามาเป็นคนกลาง ประสานให้”
เอื้ออึ้ง พลางรีบหยิบโทรศัพท์ออกมาโทร.ทันที
“ผมว่า เหตุการณ์นี้มันต้องมีอะไรผิดปกติแน่ๆ”
นภากับอาทิตย์มองหน้ากัน เริ่มหวัน่ใจว่าจะเกิดเรื่องร้ายๆ อย่างที่เอื้อว่า
ที่ปลายสายไม่มีสัญญาณตอบรับ เอื้อวางสาย แล้วพูดด้วยความร้อนใจ
“ผมไปหาเลยดีกว่า คุณอารู้หรือเปล่าครับ พี่อัมพาไก่กับไข่ไปที่ไหน?”
อัมพิกา กับอรทัย ยืนทำหน้าเมื่อยๆ อยู่ริมสระเรือบั๊มพ์ เกนหลงยืนอยู่ฝั่งตรงข้าม ไก่ กับไข่ ยืนถัด
ออกไป เจ้าหน้าที่กำลังใส่เสื้อชูชีพให้
“กิจกรรมที่เราจะทำกันในวันนี้นะคะ เป็นการฝึกความไว้วางใจ เกนจะให้พี่อัม กับ คุณอร เป็นคนขับ
เรือ และให้ไก่ กับ ไข่ นั่งไปด้วย”
อรทัยหน้าเบ้
“แล้วทำไมอรต้องขับด้วย? คนรถก็มี ไปเรียกมาขับให้ไอ้ เอ่อ ให้ไก่ กับ ไข่ เล่นไม่ได้เหรอ?”
เกนหลงส่ายหน้า “ไม่ได้ค่ะ เพราะเรามาที่นี่เพื่อทำให้ไก่ ไข่ รู้จัก ไว้ใจ และสนิทกับพี่อัม คุณอร มาก
ขึ้น ถ้าให้คนขับรถมาขับ คนที่จะได้ประโยชน์ก็คือคนขับรถนะคะ ไม่ใช่พี่อัมกับคุณอร”
“แต่” อรทัยอ้าปากจะเถียง แต่อัมพิการีบตัดบท
“อะๆ แค่ขับเรือ มันจะยากอะไรนักหนา ขับๆไปเถอะน่า เด็กๆ เล่นแป๊บเดียวก็เบื่อแล้ว มัวแต่คุยกัน
ไป คุยกันมา เสียเวลาเรืออยู่นั่นใช่มั้ย? ฉันพร้อมแล้ว”
อัมพิกาพูดอย่างมั่นใจ
“อ๊าย”
อัมพิการ้องออกมาอย่างตกใจ ในขณะที่ขับเรือแบบงงๆ มีไข่นั่งอยู่ด้วย ไข่กำลังยิงปืนน้ำใส่อรทัยและ
ไก่ที่อยู่เรืออีกลำ น้ำเข้าหน้าอรทัยเต็มๆ
อรทัยร้องเสียงหลง
“อ๊าย จะมาฉีดน้ำใส่ฉันทำไม ไอ้เด็กบ้า นายไข่”
ไก่รีบแย้ง “ไก่ครับ”
“เออ จะไก่ จะไข่ มันก็หน้าเหมือนกันนั่นแหละ ยิงใส่มันบ้างสิ ปล่อยให้มันยิงฉันได้ยังไง”
ไก่รับคำ “ได้ครับ” ก่อนที่จะหันมายิงน้ำใส่อัมพิกาที่ขับเรือวนๆ อยู่ที่เดิม ไม่ไปไหน
“ว้ายไอ้ เอ่อ นายไก่ มายิงใส่ฉันทำไม? เปียกไปหมดแล้วเห็นมั้ยหะ?”
“พี่อรสั่งคับ”
“ยัยอร”
อรทัยไม่ได้ใส่ใจ หาทางขับเรือหนี
“ไข่จัดการเองคับ”
ไข่ขันอาสา พลางหันมายิงใส่อรทัย อรทัยก็ขับเรือหนี ไก่ก็หันมายิงอัมพิกา อัมพิกาก็ร้องโวยวาย แต่
ไก่กับไข่หัวเราะชอบใจ
อัมพิกา อรทัย ร้องโวยวายสุดฤทธิ์ เนื้อตัวเปียกน้ำมะล่อกมะแล่ก
เจ้าหน้าที่เป่านกหวีดหมดเวลา ไก่ กับไข่ รีบหันมาบอก
“เอาอีก”
“หะ เอาอีกเหรอ” อัมพิกากับอรทัยอุทานขึ้นมาพร้อมกัน
อรทัยกัดฟันกรอด “ไอ้เด็กบ้า”
ไก่ กับไข่ ร้องๆ พลางจับพวงมาลัย เขย่าตัวอัมพิกา และอรทัยให้ขับเรืออีก อัมพิกากับอรทัยแทบ
กรี๊ด
อีกมุมหนึ่งของเครื่องเล่น เห็นเกนหลงยืนมองแล้วก็ยิ้มด้วยความพอใจ ที่เห็นไก่กับไข่ ยอมรับ
อัมพิกาและอรทัยได้อย่างรวดเร็ว
วนิตาเดินมาด้านหลัง ยิ้มจิกตาร้าย แล้วก็ปั้นหน้าทำเป็นพูดดี
“เกนหลง ฉันเชื่อแล้วว่าเธอเป็นคนแสนดีจริงๆ”
เกนหลงหันไป วนิตารีบพูดต่อ
“ดูสิ วันหยุดแท้ๆ ยังมีแก่ใจพาลูกของ “กิ๊กแฟนตัวเอง” มาทำกิจกรรมเสริมสร้างความสามัคคีใน
ครอบครัว”
เกนหลงขมวดคิ้ว
“กิ๊กของแฟน หมายความว่ายังไง?”
วนิตาแอบยิ้มในหน้า
“ก็หมายความตรงตัว ตามนั้นนั่นแหละ ต๊าย ถ้าแปลไม่ออก จะเรียกว่าอะไรดี ซื่อ หรือโง่”
เกนหลงชะงักกึก วนิตายิ้มสะใจ เกนหลงกำลังจะอ้าปากพูดต่อ เสียงอัมพิกาก็ดังขึ้นมาอย่างอารมณ์
เสีย
“วานิต้ามาเล่นแทนพี่หน่อย มาเดี๋ยวนี้เลย เร็ว!!พี่จะเป็นลมอยู่แล้ว”
วนิตารีบหันไปรับคำ
“ได้เลยค่ะ” ก่อนจะหันมาทางเกนหลง “ขอโทษนะ พี่อัมเรียกพอดี” พลางหันหลังให้เกนหลง พร้อม
กับยิ้มสะใจ จากนั้นก็เดินยิ้มร่าเริงเดินไปหาอัมพิกาที่กำลังหน้ามืดจนทีมงานต้องเข้ามาประคองออกจากสนาม
อรทัยโวยวาย ไม่ยอม
“พี่อัม ทิ้งอรไม่ได้นะ อรไปด้วย”
แต่ก็ถูกไข่จับตัวไว้ไม่ให้ไป “อ๊าย มาจับฉันไว้ทำไมหะ?”
“เล่นอีกๆ”
“อ๊าย” อรทัยกรีดร้องเสียงดัง พลางแอบด่าในใจ “ไอ้เด็กบ้า”
วนิตาเดินมาถึงขอบสระยังไม่ทันจะได้ลงเรือ ไข่ก็ฉีดน้ำใส่หน้าปิ๊ด วนิตาแทบจะกรี๊ดออกมา เด็กแฝด
หัวเราะชอบใจ
เกนหลงมองวิต้า พลางพยายามไม่ใส่ใจแต่ลึกๆ ก็อดสงสัยไม่ได้
เขมชาติและสุริยงเดินมาถึงหน้าบริษัทลูกค้า
สุริยงยื่นมือมารับกระเป๋า “ขอบคุณค่ะ”
เขมชาติส่งกระเป๋าคืนให้ สุริยงรับมา พร้อมกับหยิบเอกสารเตรียมประชุม เดินไป จัดเอกสารไป
ในขณะที่เขมชาติเดินตามไปช้าๆ ในมือของเขมชาติมีโทรศัพท์มือถือของสุริยงอยู่ พลางปรายตามองสุริยงอย่าง
ระมัดระวังขณะที่มือกดปิดโทรศัพท์และหย่อนใส่กระเป๋ากางเกงอย่างเงียบๆ
เขมชาติยิ้มร้ายด้วยความพอใจที่กำจัดโทรศัพท์มือถือได้สำเร็จ
สุริยงแอบมองเขมชาติในขณะที่กำลังพรีเซ้นท์งานให้ลูกค้าฟังด้วยแววตาชื่นชม พลันก็คิดถึงภาพใน
อดีต ในขณะที่เขมชาติยืนอยู่หน้าห้องเรียน และสอนวิทยาศาสตร์เด็กๆได้อย่างน่าชื่นชม เด็กๆมองดูการทดลองที่
เขมชาติทำให้ดูด้วยความสนใจ
เขมชาติดูเท่มากท่ามกลางเด็กๆ สุริยงยืนอยู่ที่นอกห้องมองเข้ามาด้วยความชื่นชม เขมชาติหันมาเห็น
ยิ้มให้ เป็นรอยยิ้มของอบอุ่น จริงใจ และเปี่ยมไปด้วยความรัก
ในจังหวะที่ลูกค้ากำลังสนใจดูแคตตาล็อตจากคอมพิวเตอร์ เขมชาติหันมาเห็นว่าสุริยงมองอยู่ แล้วก็
ยิ้มให้ เป็นรอยยิ้มที่อบอุ่น จริงใจ และเปี่ยมไปด้วยความรักเหมือนในอดีต
สุริยงชะงักกึก เกิดอาการสะเทิ้นอายขึ้นมาแบบไม่รู้ตัว พลางก้มหน้า หลบตาทำเป็นจดโน่นนี่แก้เก้อ
เขมชาติมองปฎิกริยาของสุริยง แล้วก็รู้ทันทีว่าปลาเริ่มกินเหยื่อ พลางยิ้มพอใจ ในความพอใจแฝง
ความสะใจไว้อยู่ในที
อัมพิกา อรทัย และวนิตา ต่างก็หมดสภาพ ทั้งเหนื่อย ทั้งมอมแมม ทั้งผ้าโพกผม หมวกปีกกว้าง แว่น
ดำ และเครื่องประดับต่างๆ ถูกเหวี่ยงลงบนเตียงด้วยความอารมณ์เสีย
อรทัยโวยวายขึ้นคนแรก
“อรไม่ไหวแล้วนะคะ เราลงทุนทำขนาดนี้ เพื่อ? ไอ้เด็กพวกนั้นพอเลิกเล่นมันก็กลับไปติดเกนหลงแจ
ไม่เห็นมันจะสนใจเราสักนิด อรว่าแผนที่เขมชาติแนะนำมันไม่เวิร์ค”
วนิตาหันขวับมาทันที
“เมื่อกี๊เธอว่ายังไงนะ? แผนตีซี้เด็กแฝดเป็นความคิดของเขมเหรอ? ไม่อยากจะเชื่อเลย เขมเป็นคน
เกลียดเด็กยังกะอะไรดี เคยไปกินข้าวกัน แค่โต๊ะข้างๆมีเด็กมาด้วย ยังเดินออก ไม่ยอมกินเพราะไม่อยากอยู่ใกล้เด็ก ไม่
มีทางที่เขมจะมาสนใจเรื่องเด็กสองคนนี้แน่ๆ”
อัมพิกากับอรทัยเริ่มฉุกคิด อรทัยพูดเสริม
“จะว่าไป มีอีกอย่างที่น่าแปลก ทำไมเขมชาติปล่อยให้เรามากับเกนหลง ทำไมตัวเองไม่ยอมมาด้วย
ปกติเห็นติดกันแจ ออกงานก็ออกด้วยกัน แล้วยังจ้างให้มาเป็นเลขาเห็นหน้ากันเกือบทุกคน แต่วันนี้เขมกลับหายไป
เลย”
อัมพิกาเริ่มคล้อยตาม
“นั่นสิ ไม่โทรมาถามไถ่พี่สักคำ เขมชาติหายไปไหน?”
วนิตาคิด แล้วก็ยิ้มร้าย ก่อนจะมากระซิบอรทัย
“ฉันคิดว่า ฉันหาคำตอบให้เธอได้ ว่าแต่ถ้าฉันรู้อะไรดีๆ แล้วเกิดอยากจะเขี่ย อยากจะขุดเรื่องของ
เขมกับแม่เลี้ยงเธอให้ยัยเกนหลงดิ้นพล่าน มันจะทำให้เธอเสียแผนหรือเปล่า”
อรทัยตอบทันที “อยากทำอะไรก็ทำไปเลย แผนบ้า แผนบออะไร ฉันไม่สน ถ้าเธอได้คำตอบก็บอกฉัน
ด้วยแล้วกันฉันอยากรู้จริงๆเขมชาติหายหัวไปไหนของเขา”
วนิตาเริ่มสนุก เมื่อมองเห็นเค้าลางความทุกข์ของคนอื่น
อย่าลืมฉัน ตอนที่ 15(ต่อ)
“คุณเขมไม่อยู่ครับ ไม่ทราบว่าจากที่ไหนครับ?”
วิบูลย์ที่มานั่งประจำที่โต๊ะสุริยง ถามกลับไปทางปลายสายอย่างสุภาพ จำไม่ได้ว่าเป็นวนิตา ที่ดัด
เสียงมาหลอกถาม
“เอ่อ คือดิฉันเป็นนักข่าวน่ะค่ะ อยากจะติดต่อขอสัมภาษณ์คุณเขมชาติ ไม่ทราบว่าคุณเขมชาติไป
ไหนเหรอคะ? แล้วจะสะดวกให้ทางเราสัมภาษณ์ได้เมื่อไหร่คะ?”
“อ๋อ คุณเขมชาติเดินทางไปต่างประเทศครับ”
วนิตาตาวาว รีบถามต่อ
“ไปต่างประเทศ ประเทศไหนคะ?”
วิบูลย์ตอบเลี่ยงๆ “อุ้ย ผมคงบอกไม่ได้หรอกครับ เป็นเรื่องงานของบริษัท เอาเป็นว่า กว่าจะกลับก็คง
อาทิตย์หน้า ไม่ทราบว่าคุณเป็นนักข่าวจากที่ไหนครับ”
วนิตากดตัดสายทันที ในขณะที่วิบูลย์ยังพูดต่อ
“ผมจะขอเบอร์ อ้าว สายหลุดไปแล้ว”
วนิตายืนคิดอยู่ที่เดิม
“นังเลขาไปต่างประเทศ เขมชาติก็ไปต่างประเทศ ส่วนเกนหลงถูกส่งมาอยู่ในป่า”
พลันรอยยิ้มร้ายๆ ของปรากฏขึ้น มันไม่ใช่เรื่องบังเอิญแน่ๆ
เขมชาติกับสุริยงเดินออกมาจากบริษัทลูกค้า สุริยงล้วงลงไปในช่องด้านหน้าของกระเป๋าจะหยิบ
โทรศัพท์มือถือ แต่ไม่เจอ เขมชาติหันมาทำทีเป็นถาม แสดงความห่วงใย
“หาอะไร?”
“โทรศัพท์มือถือ ฉันจำได้ว่า คุยกับคุณเอื้อแล้วใส่ไว้ในนี้”
พูดพลางล้วงลงไปที่ช่องอันเดิม
“แต่มัน ไม่มี”
“จำผิดหรือเปล่า?” เขมชาติแสร้งถาม
“ไม่ผิด ฉันจำได้”
“หรือว่าจะใส่ไม่ลงกระเป๋า อาจจะหล่นอยู่แถวนั้นก็ได้ จะย้อนไปดูมั้ย?”
“ไม่ต้อง ฉันว่า ฉันใส่ดีนะ ถ้าหล่นก็ต้องรู้สึก”
เขมชาติแสร้งทำน้ำเสียงกระตือรือร้น
“แล้วเมื่อกี๊ตอนประชุมหยิบออกมาหรือเปล่า? จะลองเข้าไปดูข้างในมั้ย? เผื่อจะลืมไว้ในห้องประชุม”
“ไม่ต้องหรอกค่ะ ฉันไม่ได้หยิบโทรศัพท์ออกจากกระเป๋าเลย” สุริยงเริ่มเครียด
เขมชาติ ทำทีเป็นช่วยคิด “อ้าว แล้วทำยังไงดี? จะให้ผมซื้อให้ใหม่มั้ย”
“ไม่เป็นไร ซื้อใหม่ก็ได้ไม่ใช่เบอร์ไทย แล้วอยู่แค่ไม่กี่วัน วุ่นวายเปล่าๆ ช่างมันเถอะ”
ปากปฎิเสธ หากแววตายังกังวล
“เอาอย่างนี้ คุณใช้โทรศัพท์ผมก็ได้ จะใช้เมื่อไหร่ก็บอกแล้วกัน ไม่ต้องเกรงใจ”
“ขอบคุณมาก จะมีก็แค่โทรคุยกับเด็กๆ ฉันโทรที่โรงแรมก็ได้”
เขมชาติพยักหน้ารับ สุริยงหันไปเก็บของในกระเป๋า หน้าตาเซ็งๆ เขมชาติยิ้มร้าย พอใจ พลางย้อนนึก
ถึงเหตุการณ์ตอนที่เดินออกจากห้องประชุม
“ผมขอตัวไปห้องน้ำแป๊บนะ”
เขมชาติหันมาบอก สุริยงพยักหน้ารับรู้
เมื่อเดินเข้ามาในห้องน้ำ เขมชาติก็รีบปิดล็อคประตู แล้วหยิบโทรศัพท์มือถือสุริยงออกมาจากกระเป๋า
กางเกง หาที่เปิดเอาซิมออกหย่อนใส่ชักโครกกดทิ้ง และเอาตัวเครื่องห่อกระดาษทิ้งถังขยะไปเลย
“นี่ผมทำงานในส่วนของผมเรียบร้อยแล้วนะ ต่อไปก็เป็นหน้าที่ของคุณ”
เขมชาติรีบเปลี่ยนหัวข้อสนทนา
สุริยงขมวดคิ้ว “หน้าที่ของฉัน ทำอะไร?”
“ก็ทำให้เวลาที่เหลืออยู่ เป็นเวลาที่ดีที่สุดของเรา ก่อนจะแยกย้ายกันไปใช้ชีวิตในโลกความเป็นจริง”
เขมชาติจงใจปั้นน้ำเสียงให้ดูเศร้า และอ้อนอยู่ในที
สุริยงเห็นหน้า แววตา น้ำเสียง ก็อ่อนยวบ “คุณจะให้ฉันทำอะไร?”
“ทำตัวให้สบาย แล้วไปทานข้าวเย็นกับผม ผมเตรียมดินเนอร์ที่สุดพิเศษไว้สำหรับเราสองคน รับรอง
ว่าเซอร์ไพรส์แน่ๆ”
เขมชาติยิ้มสดใส สุริยงมองๆ แล้วก็ดักคอ
“บอกไว้ก่อนเลยนะ ในชีวิตฉัน ผ่านดินเนอร์หรูมามากแล้ว ถ้าคิดจะเซอร์ไพรส์ อย่ามั่นใจไปว่าฉันจะ
เซอร์ไพรส์ไปด้วย”
สุริยงพูดท้าๆ แล้วก็เดินไป เขมชาติมองตามแล้วก็ยิ้ม ต่างคนต่างรู้ทันกัน
เอื้อเดินทางมาถึงที่แคมป์ พลางพยายามโทรศัพท์หาสุริยง แต่ไม่มีสัญญาณตอบรับ
“ทำไมอยู่ๆโทรศัพท์หนูเล็กก็ติดต่อไม่ได้”
เอื้อวางสาย แล้วหันมองเข้าไปในแคมป์ แววตาแข็งขึ้น ต้องเคลียร์ !
ในขณะที่อีกมุมหนึ่งของแคมป์ เกนหลงกำลังวุ่นอยู่กับการเตรียมมุมบาร์บีคิวรอบกองไฟ มีเจ้าหน้าที่
ช่วยอยู่ 2 คน
“เด็กๆอาบน้ำแล้ว จะให้มาลองทำบาร์บีคิวช่วยหาเตาเล็กๆ สำหรับเด็กไว้ให้ด้วยนะคะ”
“ครับ” เจ้าหน้าที่รับคำแล้วก็เดินไป
เกนหลงจัดของที่วางอยู่อารมณ์ดี อรทัยกับวนิตา เดินเข้ามาทางด้านหลัง ทั้งสองคนมองหน้ากันยิ้ม
กริ่ม แล้วก็หันมาส่งเสียงหวานให้เกนหลง
“โอ้โห อาหารน่าทานจังเลยนะคะ เห็นแล้วก็ยิ่งเสียดายที่จริงวันนี้เขมชาติน่าจะมากับพวกเราด้วย”อรทัย จงใจเหน็บ ทำเอาเกนหลงหุบยิ้มทันที
“นั่นน่ะสิ ปกติเขมเขาติดเธอแจ แปลกจังทำไมวันนี้ถึงปล่อยให้ฉายเดี่ยว หรือว่าแอบไปนัดเจอผู้หญิง
คนอื่นลับหลัง”
วนิตาเริ่มใส่ไฟ
เกนหลงเหล่ๆ เหมือนรู้ทันแล้วพูดกลับยิ้มๆ “เขมเขาไปต่างประเทศน่ะค่ะ”
“อุ๊ยตาย บังเอิญจัง” วนิตาแสร้งทำท่าตกใจ แล้วหันมาทางอรทัย “ได้ข่าวว่าแม่เลี้ยงเธอก็ไป
ต่างประเทศเหมือนกันนี่”
เกนหลงตอบแทน
“ใช่ค่ะ คุณสุไปสวิส ส่วนเขมไปอิตาลี่ พอเขมเสร็จงานที่อิตาลี่แล้ว เราจะไปเจอกันที่สวิส”
วนิตาปล่อยหมัดเด็ด
“แล้วเธอแน่ใจเหรอว่า เขมไปทำงานที่อิตาลี่จริงๆ ไม่ได้แอบไปสวิสกับเลขาแม่หม้ายเนื้อหอม”
เกนหลงชะงัก หุบยิ้มทันที
ในขณะที่เอื้อเดินมาตามทาง พลางพยายามมองหาเกนหลง และเด็กๆ พลันสายตามาสะดุดเข้ากับ
ทั้งสามสาว เอื้อสัมผัสได้ถึงบรรยากาศไม่ค่อยดี จึงรีบเดินไปหาทันที
“นิต้า เธอไปพูดอะไรแบบนั้น บ้าเหรอ” อรทัยแกล้งทำเป็นดุเพื่อน “เขมชาติเขาไม่ทำแบบนั้นหรอก”
“ทำไมจะไม่ทำ เธอจำไม่ได้หรือไงที่ฉันเล่าเธอฟัง เรื่องที่ฉันเห็นเขมชาติคุกเข่าหน้าแม่เลี้ยงเธอแล้วก็
นวดเท้าให้ วันที่ฉันตบมันตกน้ำน่ะ พอเกนหลงเดินเข้ามาทั้งสองคนก็ทำเป็นเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น”
วนิตาแกล้งทำเป็นหลุดปาก เกนหลงสะดุดกึก สงสัย อรทัยรีบทำเป็นสะกิดให้เงียบ แล้วแกล้งพูดกับ
เกนหลง
“อย่าไปฟังเลยนะคะ จริงๆเรื่องมันก็นานแล้ว”
วนิตารีบสวน “นานอะไร เพิ่งจะไม่กี่วันมานี้เอง แล้วไอ้แผนการณ์กระชับความสัมพันธ์ในวันนี้ ก็เป็น
แผนเขมชาติไม่ใช่เหรอ?”
วนิตาจงใจหย่อนระเบิด ได้ผล เกนหลงถึงกับผงะ
“แหม ถึงขนาดนวดเท้าให้กันในที่สาธารณะ ถ้าอยากจะวางแผนแอบไปเจอกันที่เมืองนอก ทำไมจะ
ทำไม่ได้”
เกนหลงสะอึกกับคำว่าเป็นแผนของเขมชาติ พลางหันมาคาดคั้นความจริงจากอรทัย
“คุณอรคะ เขมเป็นคนออกความคิดเรื่องที่มาที่นี่จริงๆเหรอคะ”
อรทัย ปั้นหน้าจริงใจ
“จริงค่ะ เขมชาติเป็นคนโทรมานัดพี่อัม แล้วก็เสนอความคิดให้เราตีสนิทกับเด็กๆ เพื่อผลประโยชน์ใน
เรื่องมรดก แล้วก็แนะนำให้มาตอนสุริยงไปเมืองนอก โดยมีคุณเกนมาเป็นสะพานเชื่อมเราไปหาเด็กๆ”
เกนหลงฟังแล้วถึงกับชาไปทั้งตัว
“ถ้าเขมชาติไม่บอก เราสองคนพี่น้องคิดกันเองไม่ได้หรอกค่ะ”
วนิตารีบถามต่อ “อุ๊ยตาย อย่าบอกนะ เธอไม่รู้ว่าเขมชาติเป็นคนต้นคิดเรื่องในวันนี้”
เกนหลงเงียบ วนิตาได้ที รีบใส่ไฟต่อ
“คราวนี้เชื่อหรือยัง เธอไม่ได้รู้ทุกอย่างทั้งหมด และบางทีสิ่งที่เธอรู้ มันก็ไม่ใช่ความจริงก็ได้”
อรทัยทำเป็นสะกิดๆ ให้เงียบๆ ทันใดนั้นเสียงเอื้อก็ดังขึ้น
“จะจริงหรือไม่จริงก็พอได้แล้ว”
อรทัยกับวนิตาหันไปเห็นเอื้อก็ถึงกับสะดุ้ง ในขณะที่เกนหลงยังยืนนิ่งอยู่ท่าเดิม
“อร ไก่ ไข่ อยู่ไหน? พี่จะพาเด็กๆกลับบ้าน”
เอื้อถามเสียงเข้ม
“พาไปเลยค่ะ อรไม่ได้อยากจะรั้งไว้สักหน่อย รีบๆพากลับไปเลย อรอยากกลับบ้านจะแย่”
“ถ้าเราไม่อยากมา แล้วเอาเด็กมาทรมานทำไม?”
-ยังไม่ทันที่อรทัยจะตอบ เกนหลงก็พูดออกมา เสียงสั่นๆ หน้าเครียด
“เป็นความผิดของเกนเองค่ะ เกนเป็นคนพาเด็กๆมาเอง ตอนนี้ไก่กับไข่อยู่ที่ห้องพักกับคุณอัมพิกา พี่
เอื้อ พาเด็กๆกลับไปได้เลยค่ะ เกนต้องขอโทษอีกครั้งนะคะ ขอโทษค่ะ”
เกนหลงพูดจบก็หันหลังเดินออกไปเลย ในใจร้อนเร่า วุ่นวายไปหมด เอื้อมองด้วยความสงสาร
อรทัย กับวนิตาลอบยิ้มให้กัน ที่แผนการสำเร็จไปได้ด้วยดี
“พี่จัดการเรื่องเด็กๆแล้ว เราต้องคุยกันอีกยาว”
เอื้อทำเสียงดุใส่อรทัย ก่อนที่จะเดินออกไป อรทัยเบ้หน้าอย่างไม่สน ในขณะที่วนิตามองตาม
“จะว่าไป พี่ชายเธอ ทำหน้าเข้มๆดุๆแบบเมื่อกี๊ก็ดูเท่ดีเหมือนกันนะ”
เกนหลงเดินพรวดมาหยุดยืนที่มุมหนึ่งของแคมป์ ครุ่นคิดพร้อมกับเดินไปมาด้วยความงุ่นง่านใจ
คำพูดของวนิตาแว่วมาอีกครั้ง
“เธอจำไม่ได้หรือไงที่ฉันเล่าเธอฟัง เรื่องที่ฉันเห็นเขมชาติคุกเข่าหน้าแม่เลี้ยงเธอแล้วก็นวดเท้าให้ วันที่
ฉันตบมันตกน้ำน่ะ พอเกนหลงเดินเข้ามาทั้งสองคนก็ทำเป็นเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น”
ตามด้วยคำพูดของอรทัย และภาพตอนที่เขมชาติทำเป็นเสียดายที่รู้ว่าไม่ไปอิตาลี่ด้วยกัน
“เขมชาติเป็นคนโทรมานัดพี่อัม แล้วก็เสนอความคิดให้เราตีสนิทกับเด็กๆ เพื่อผลประโยชน์ในเรื่อง
มรดก แล้วก็แนะนำให้มาตอนสุริยงไปเมืองนอก โดยมีคุณเกนมาเป็นสะพานเชื่อมเราไปหาเด็กๆ”
เกนหลงคิด ก่อนที่จะตัดสินใจหยิบโทรศัพท์มาโทร.หาสมคิด
“คุณสมคิดคะ เกนมีเรื่องจะรบกวนหน่อยค่ะ”
“ได้เลยครับ คุณเกนต้องการอะไรครับ” สมคิดตอบมาทางปลายสาย
เกนหลงพยายามควบคุมเสียงให้เป็นปกติ
“เกนต้องการเบอร์ของคุณสุกิจหุ้นส่วนเขมที่อิตาลี่ค่ะ คนที่เขมจะไปพบน่ะค่ะ พอดีเขมบอกว่า
โทรศัพท์มีปัญหา ถ้ามีอะไรด่วนให้เกนติดต่อกับคุณสุกิจได้เลย พอดีเกนทำเบอร์หาย คุณสมคิดมีเบอร์มั้ยคะ?”
“มีครับ เดี๋ยวผมส่งข้อความไปให้เลยนะครับ”
เกนหลงตอบกลับ “ขอบคุณค่ะ”
จากนั้นก็วางสาย ชั่วครู่ก็มีสัญญาณว่ามี ข้อความเข้า เกนหลงเปิด เห็นเบอร์ของหุ้นส่วนที่สมคิดส่ง
มาให้ เกนหลงตั้งสติแล้วกดโทร.ออกไปทันที
“ฮัลโหล”
เกนหลงพยายามปั้นเสียงเป็นปกติ
“สวัสดีค่ะ คุณสุกิจ ดิฉันเป็นเลขาของคุณเขมชาตินะคะ ไม่ทราบว่าคุณสุกิจได้พบกับคุณเขมชาติหรือ
ยังคะ?”
เกนหลงรอฟังคำตอบด้วยความตื่นเต้น ใจสั่นระทึก
“คุณเขมเขาไม่ได้มาอิตาลี่แล้วนะครับ เห็นบอกว่าติดงานสำคัญมาก ก็เลยขอเลื่อนนัดผมไปก่อน”
เกนหลงอึ้ง ตัวชา
สุกิจถามกลับมาทางปลายสาย
“ไม่ทราบว่ามีการเปลี่ยนแปลงอะไรหรือเปล่าครับ หรือว่าคุณเขมเปลี่ยนใจมาหาผม ฮัลโหล ฮัลโหล
ฮัลโหล”
เกนหลงตัวชา มือไม้อ่อนแรง จนโทรศัพท์หล่นตกลงพื้นโดยไม่รู้ตัว
เกนหลงยืนอึ้ง ช็อก!
จบตอนที่ 15