คิวบิก ตอนที่ 15
เช้านั้น บรรดาบอร์ดกรรมการบริหาร และผู้ถือหุ้นฉายหงส์กรุ๊ป ต่างทยอยเดินเข้ามาในห้องประชุมใหญ่ เพื่อร่วมประชุมผู้ถือหุ้นฉุกเฉินกันอย่างต่อเนื่อง โดยมีการเปิดให้สื่อมวลชนร่วมทำข่าวในครั้งนี้ด้วย
ซานกุ้ยเดินเข้ามา มีบอดี้การ์ดตามอารักขาเข้ม เพ่ยอิงเดินกุมมือมีนาเข้ามา บอดี้การด์อีกชุดตามมาอารักขา
เวลาผ่านไปสักระยะผู้คนนั่งรอพร้อมแล้วในห้องประชุม บางคนเอาพัดขึ้นมาพัดโบก บางคนรอขยับนาฬิกามอง บางคนหันคุยกันอย่างซีเรียสว่าหลินหลานเซ่อเรียกประชุมเรื่องอะไร โดยแต่ละกลุ่มนั่งแบ่งเป็นก๊กใครก๊กมัน
จังหวะนี้หย่งเหวินก้าวเดินเข้ามาช้าๆ ตรงหน้าห้อง มาดอย่างกับเจ้าพ่อ นักข่าวถ่ายรูปจ่อไมค์ถาม หย่งเหวินโบกมือปฏิเสธไม่ตอบ เดินยิ้มกระหยิ่มท่าทีลำพองไปที่นั่งด้านหน้า
มองจากมุมสูงลงมาในห้องประชุม พบว่าคนนั่งอยู่เต็มห้องประชุม นักข่าวสื่อมวลชนตั้งกล้องอยู่มุมข้างของเวที
หย่งเหวินนั่งอยู่ตรงด้านหน้าเวที ซานกุ้ยเหลียวไปมองจ้อง หย่งเหวินเหลือบมามองยิ้มพยักหน้าให้อย่างโอหัง ซานกุ้ยมองอย่างเกลียดชังแล้วหันกลับ
เสียงจอแจเริ่มเบาลง เมื่อเห็นจงซินเดินก้าวขึ้นมาบนเวที
“สวัสดีครับ พี่น้องฉายหงส์กรุ๊ปทุกท่าน ที่ผมเรียกทุกท่านมาประชุมในวันนี้ ก็เพราะคุณหลินหลานเซ่อประธานฉายหงส์กรุ๊ปของเรามีเรื่องจะแถลงให้ทุกท่านได้ทราบ ขอเรียนเชิญคุณหลินหลานเซ่อด้วยครับ”
หลินหลานเซ่อก้าวออกมาจากข้างเวที เดินมาหยุดที่โพเดียมมองมายังทุกคน
ทุกคนลุกขึ้นยืนมอง ซานกุ้ย เพ่ยอิง มีนา และหย่งเหวินมองจ้องเช่นเดียวกับบรรดากรรมการ
“ตลอดระยะเวลาสิบสองปี ที่ผมสืบทอดตำแหน่งผู้นำสูงสุดของฉายหงส์กรุ๊ป ผมได้รับการสนับสนุนจากพวกท่านที่นั่งอยู่ในนี้เป็นอย่างดี วันนี้ผมอยากจะกล่าวคำขอบคุณกับพี่น้องและเพื่อนๆฉายหงกรุ๊ปทุกท่านจากใจจริง”
ซานกุ้ย เพ่ยอิง และมีนามอง
“และที่ผมเชิญทุกท่านมาในวันนี้ ก็เพื่อจะบอกให้ทุกท่านทราบว่าผมขอสละตำแหน่งผู้นำสูงสุดของฉายหงส์กรุ๊ป”
ทุกคนอื้ออึง ท่าทีตกใจ หันซ้ายหันขวาซุบซิบเซ็งแซ่
หลินหลานเซ่อบอกต่อ “และผมขอลาออกจากทุกตำแหน่งของฉายหงส์กรุ๊ป”
หย่งเหวินยิ้มสมใจ กรรมการชาย 1 ยกมือขึ้นถาม
“แล้วใครจะเป็นประธานคนต่อไป”
ตามด้วยกรรมการคนอื่นๆ
“เราจะต้องโหวตกันใหม่เหรอ”
“แล้วคุณหลินจะมอบอำนาจให้ใครสืบต่อครับ”
“อย่างนี้ก็ต้องเป็นท่านซาน เพราะท่านซานอาวุโสสูงสุด ที่คนปรบมือ สนับสนุนซานกุ้ย”
หลินหลานเซ่อขัดขึ้น “เอาล่ะครับ เงียบก่อน ขอให้ทุกท่านฟังทางนี้ คนที่จะมาสืบทอดตำแหน่งผู้นำสูงสุดของฉายหงกรุ๊ปก็คือ...”
หย่งเหวินยิ้มมองหน้าหลินหลานเซ่อ สองคนสู้สายตากัน ก่อนที่หลินหลานเซ่อจะบอกชื่อออกมา ด้วยเสียงอันดังว่า
“หลางหย่งเหวิน”
หย่งเหวินลุกขึ้นยืนฉีกยิ้ม นักข่าวระดมถ่ายรูป หย่งเหวินก้มหัวให้ทุกคน ท่ามกลางเสียงฮือฮา เมาท์มอยเซ็งแซ่ ตามมา
“ทำไมเป็นหลางหย่งเหวิน ต้องเป็นท่านซานก่อนสิ” กรรมการชาย 1 คาใจ เกิดการโต้เถียงกันตามมา
“ใช่ ท่านซานอาวุโสสูงสุด” กรรมการชาย 2 สนับสนุน
“หลางหย่งเหวินมีคดีความกับคุณหลินอยู่นะ” กรรมการชาย 2 ว่า
กรรมการชาย 4 นั่งข้างหย่งเหวินโต้ “แต่คดีนี้ไม่มีหลักฐานว่าคุณหย่งเหวินผิด”
หรรมการชาย 5 นั่งฝั่งเพ่ยอิงบอก
“แต่ผมว่าเราควรจะให้คุณหลินเพ่ยอิง ซึ่งเป็นคนกลางขึ้นมาดำรงตำแหน่งขัดตาทัพก่อนดีกว่านะ
“ใช่ ผมว่าคุณหลินเพ่ยอิงเหมาะสมกว่า”
ทุกคนต่างโต้เถียงกันดุเดือด
จงซินเอ่ยขึ้น “เอาล่ะครับ ทุกท่าน ขอให้ทุกท่านเงียบและฟังทางนี้” ทุกคนเงียบเสียงลง “ตามกฎของฉายหงส์กรุ๊ป ผู้นำสูงสุดมีอำนาจเพียงคนเดียวที่จะมอบตำแหน่งให้กับใครก็ได้ ฉะนั้น เมื่อคุณหลินหลานเซ่อได้มอบตำแหน่งให้กับคุณหลางหย่งเหวินแล้ว ถือว่าคุณหลางหย่งเหวินได้รับสิทธิ์นั้นอย่างชอบธรรม”
“ถูกของจงซิน นับแต่นี้ไป หลางหย่งเหวินคือผู้นำสูงสุดของฉายหงส์กรุ๊ป” หลินหลานเซ่อสำทับ
กลุ่มของหย่งเหวินปรบมือเกรียวกราว หย่งเหวินลุกยืนยิ้มย่อง มองจ้องหลินหลานเซ่อ สองคนสบตากัน
หย่งเหวินพยักหน้าให้เบนสายตาเป็นเชิงบอกไปยังข้างเวที หลินหลานเซ่อมองตามเห็นฤทัยนาคก้าวออกมา
หลินมองกล้องซูมอินหน้าหลิน ตัดสลับ ซูมอินหน้านาค / จงซินมอง
“ฤทัยนาค”
ฤทัยนาคเดินออกมาหาหลิน ผู้คนด้านล่างมองแล้วชี้ชวนกันดู ส่งเสียงเซ็งแซ่
หย่งเหวินจดสายตามองทุกย่างก้าว ซานกุ้ยมอง เพ่ยอิงกับมีนาก็มอง
“นาค”
กรรมการชาย 1 แปลกใจ ไม่รู้จักฤทัยนาคตะโกนขึ้นมา “นั่นใคร”
ฤทัยนาคและหลินหลานเซ่อเดินเข้ามาหากัน สายตามองมาที่กันและกัน ทั้งสองเดินมาหยุด มองสบตากัน
“หลานเซ่อ ทำไมถึงทำแบบนี้ ทำไมต้องเสียสละเพื่อชั้น”
“ก็เธอยังเคยสละชีวิตเพื่อชั้นเลย ทำไมชั้นจะทำเพื่อเธอไม่ได้”
ฤทัยนาคมองมา น้ำตาริน หลินหลานเซ่อดึงร่างเด็กสาวผู้เป็นยอดดวงใจเข้ามากอด
กรรมการ ชาย 1 โวยลั่น งงเป็นไก่ตาแตก “นั่นมันอะไรกัน ทำไมหลินหลานเซ่อกอดกับเด็กนั่น”
กรรมการชาย 2ก็งงไม่ต่างกัน “เด็กนั่นเป็นใคร”
มีนากับเพ่ยอิง และซานกุ้ยมองทั้งสองคน หย่งเหวินมองแล้วยิ้มแสยะ
ฤทัยนาคกอดหลินหลานเซ่อแน่น นึกถึงคำพูดที่หย่งเหวินบอกที่เซฟเฮาส์
“ทันทีที่หลินหลานเซ่อแถลงข่าวจบ ระเบิดเวลาจะเริ่มทำงาน”
ฤทัยนาคมองลงไปที่หย่งเหวิน เห็นหย่งเหวินยกรีโมทขึ้นมากด
มีเสียงปิ๊ดดังขึ้นภายในห้องขังนันทกา ที่ห้องหนึ่งในตึกฉายหงส์กรุ๊ปนั่นเอง นันทกาสะดุ้งมองลงตามเสียงเห็นระเบิดเวลาถูกมัดกับเก้าอี้ และพบว่าตัวเลขเริ่มนับถอยหลังจาก 60 ถอยหลังไป 59 …58 นันทกาตะลึง
ฤทัยนาคผละตัวออกมามองหน้าหลินหลานเซ่อ สองคนมองสบตา ฤทัยนาคน้ำตาไหลริน
หลินหลานเซ่อก้มลงจูบประทับรับขวัญที่หน้าผากอย่างเบาๆ เสียงปืนดังเปรี้ยง หลังหลินหลานเซ่อทะลุ เลือดกระจายออกมา หลานเซ่อสะดุ้งเฮือก
หย่งเหวินมองยิ้มในสีหน้าสาสมใจ จงซินมองตะลึงพรึงเพริด
กลุ่มคนด้านล่างผงะตกตะลึงช็อกไปทั้งแถบ โดยเฉพาะ ซานกุ้ย เพ่ยอิง และมีนาช็อกสุดขีด
ร่างหลินหลานเซ่อผงะหงายมองหน้าฤทัยนาคอย่างคาดไม่ถึง
“ชั้นขอโทษ หลานเซ่อ”
ฤทัยนาคน้ำตาไหลพราก กำปืนเหนี่ยวไกอีกเปรี้ยง กระสุนทะลุแผ่นหลังหลินหลานเซ่ออีกหนึ่งนัด
มาเฟียหนุ่มตาค้าง หงายหลังร่วงไปที่พื้นเวที ท่ามกลางความตกตะลึงของทุกคน
“คุณหลิน” จงซินตะโกนก้อง
ฤทัยนาคยืนน้ำตาไหลพราก ปล่อยปืนตกลงข้างตัว พร้อมกับเหลียวมองไปยังหย่งเหวิน
“ชั้นทำตามสัญญาแล้ว”
หย่งเหวินย้มสะใจ แล้วกดหยุดรีโมททันที
ระเบิดเวลาที่เก้าอี้มัดนันทกาหยุดเดิน นันทกาถอนใจยาว แทบหมดแรง
ส่วนที่ห้องประชุม จงซินตะโกนบอกลูกน้อง
“คุณหลิน เอาคุณหลินส่งโรงพยาบาล”
บอดี้การ์ดวิ่งเข้ามายกร่างหลินหลานเซ่อขึ้นเปลเป็นการด่วน ฤทัยนาคทรุดลงกับพื้นร้องไห้สะอื้น
บอดี้การ์ดอีกกลุ่มวิ่งเข้ามาล้อมจ่อปืนใส่ฤทัยนาค
จงซินตะโกนก้อง “จับเธอ”
บอดี้การ์ดเข้ากระชากตัวฤทัยนาคขึ้นมาจ่อปืนใส่
ซานกุ้ยมองหย่งเหวินอย่างเกลียดชัง
“แกนี่มันเลวจริงๆ หย่งเหวิน”
หย่งเหวินหัวเราะใส่ ไม่แคร์สื่อ
ฝ่ายมีนามองเหตุการณ์อย่างไม่อยากเชื่อ
“นาคนี่เธอทำอะไรลงไป”
มีนาจะวิ่งเข้าไปหา
เพ่ยอิงคว้าแขนไว้ “อย่ามีนา”
อ่านต่อหน้า 2
คิวบิก ตอนที่ 15 (ต่อ)
กลุ่มคนที่ตกตะลึง เริ่มได้สติชี้ไปบนเวที ตะโกนเสียงดังลั่น
“เธอฆ่าหลินหลานเซ่อ ฆ่าเธอทิ้งซะ” / “ฆ่าเธอๆๆ”
ทุกคนกระชากปืน เล็งไปที่ฤทัยนาคเป็นจุดเดียว
ฤทัยนาคมองเหตุการณ์ อย่างหวาดกลัว หย่งเหวินมองยิ้มร้ายสาสมใจ
ทุกคนตะโกน บางคนก่นด่า เหตุการณ์อลหม่านเสียงดังจนฟังไม่ได้ศัพท์
ท่ามกลางความอลหม่าน แลเห็นไฟแลบออกปากกระบอกปืน ทุกคนในห้องชะงักกระโดดหลบเป็นที่ชุลมุน
เป็นผลงานของ แพทริค ที่ก้าวเข้ามากับลูกน้อง พร้อมกำลังตำรวจตามมาอีกเป็นสิบ
“พวกคุณไม่มีสิทธิ์ทำอะไรเด็กผู้หญิงคนนั้น เป็นหน้าที่ของกฎหมาย ส่งตัวเธอมาให้ผม”
หย่งเหวินหันขวับมามองแพทริค ซานกุ้ยมอง เพ่ยอิงกับมีนาก็มอง
จงซินบอก “ผมคงทำอย่างงั้นไม่ได้ เพราะนี่เป็นเรื่องภายในของเรา คุณกลับไปซะ”
แพทริคไม่ยอม “แต่ผมเป็นตำรวจ ส่งตัวเด็กผู้หญิงนั่นมาให้ผมเดี๋ยวนี้ ไม่งั้นผมจะจับพวกคุณ”
ฉินฝูก้าวเข้ามาด้านหลังแพทริค “ทิ้งปืน ถ้าไม่อยากตาย”
ทุกคนหันไปมองฉินฝูเป็นตาเดียว
หย่งเหวินยิ้มพอใจ “ดีมาก ไอ้ฉินฝู”
ลูกน้องแพทริคและกำลังตำรวจมองแพทริค เป็นตาเดียว รอคำสั่ง
“เอาไงครับผู้กอง” ลูกน้องถาม
แพทริคมองฉินฝู มองรอบตัว เห็นทุกคนในห้องมีปืน จัดเต็ม!
“จะจับหรือจะถอยครับ” ลูกน้องถามย้ำ
แพทริคตะโกนก้อง “จับมัน”
แพทริคหันมายิงใส่ฉินฝูเปรี้ยง ฉินฝูโดนกระสุนเข้าที่แขน หลบแล้วยิงใส่แพทริคคืน แพทริคหลบ
กลุ่มบอดี้การ์ดยกปืนยกปืนยิงใส่กลุ่มตำรวจ ถูกกลุ่มตำรวจยิงตอบโต้
เสียงปืนดังสนั่น
นาทีนั้นเองซานกุ้ยกระชากปืนยกเล็งใส่หย่งเหวิน “แกอย่าอยู่เลย หย่งเหวิน”
ซานกุ้ยเหนี่ยวไกยิงใส่หย่งเหวินเปรี้ยง แต่หย่งเหวินกระชากลูกน้องมาบังกระสุนแทน ซานกุ้ยกระหน่ำยิง
หย่งเหวินยิงสวนกลับ กระสุนเจาะเข้าที่หน้าอกซานกุ้ยจังๆ สำนึกของมังกรชราเห็นเป็นภาพตัวเองตอนวัยหนุ่มที่จูงเด็กชายหย่งเหวินเดินไปในตรอกแห่งนั้น
หย่งเหวินยิงซ้ำอย่างอำมหิต ขณะที่ซานกุ้ยนึกถึงภาพตอนเขามองเด็กชายหย่งเหวิน ขยี้หัวอย่างเอ็นดู
หย่งเหวินยิงอีกเปรี้ยง สำนึกสุดท้าย ซานกุ้ยนึกถึงภาพตอนวัยหนุ่ม ตัวเองทรุดลงนั่ง เด็กชายหย่งเหวินเข้ากอดคอ
ร่างซานกุ้ยหมุนคว้างล้มลงกับพื้นห้อง ตาลอยคว้าง หย่งเหวินยิงอีกเปรี้ยง แววตาสะใจดูอำมหิตราวกับไม่ใช่มนุษย์
มีนามองเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างตกตะลึง เพ่ยอิงกระชากเขน
“มีนาหมอบลง”
เพ่ยอิงกระชากปืนจะยิงหย่งเหวิน
ลูกน้องหย่งเหวินหันมายิงใส่ก่อน เพ่ยอิงหลบยิงสวนกลับไป ลูกน้องหย่งเหวินล้มลงแดดิ้น เพ่ยอิงหันไปยิงลูกน้องอีกคน หย่งเหวินหันมายิงใส่เพ่ยอิงบ้าง เพ่ยอิงโดนยิงที่ท้องล้มลงไป
“คุณเพ่ยอิง”
มีนาผวาเข้าไปดูเพ่ยอิง
จงซินยกปืนจะยิงหย่งเหวิน ลูกน้องหย่งเหวินกระโดดประกบเอาตัวบังนาย กระสุนเจาะเข้าที่ลูกน้องแทน
หย่งเหวินหันมายิงใส่จงซิน แต่จงซินหลบ หย่งเหวินกระหน่ำยิงใส่พร้อมกับแหวกคนออกไปทางประตู ลูกน้องล้อมรอบตัวหย่งเหวิน ยิงคุ้มกันให้หย่งเหวินหนี จงซินลุกยิงตามไป
ฝ่ายฉินฝูยิงใส่แพทริค แต่แพทริคกระโดดม้วนตัวหลบ ฉินฝูกระหน่ำยิงตาม แพทริคกระโดดขึ้นมายิงใส่สี่นัดซ้อน ร่างฉินฝูร่วงลง แพทริควิ่งขึ้นมาบนเวที มองซ้ายแลขวา
“หา...ฤทัยนาคหายไปไหน”
มีเสียงออดเตือนภัยดัง ผู้คนด้านล่างชะงักมอง
“เฮ้ย ไฟไหม้”
อีกคนว่า “ออกจากตึกเร็วพวกเรา ไฟไหม้”
ทุกคนกระโจนหนีวิ่งออกเป็นที่อลหม่าน ลูกน้องแพทริคเข้ามากระชากแขน
“ผู้กองครับ ออกจากตึกก่อนครับ ไฟไหม้”
“อย่าบอกนะว่าเป็นแผนของพวกมัน” แพทริคหงุดหงิด
“ไปก่อนเถอะครับ ผู้กอง”
ลูกน้องดึงแพทริคออกไป ผู้คนวิ่งหนีตายกันอลหม่าน
“เร็วพวกเรา รีบออกจากตึก เร็ว”
ด้านหย่งเหวินวิ่งมากับลูกน้อง สองคน ลูกน้อง 1 กดลิฟต์แล้วบอก
“ลิฟต์ใช้ไม่ได้ครับ”
จงซินตามออกมา ลูกน้อง 2 หันไปยิงใส่ จงซินหลบแล้วยิงสวน ลูกน้อง 2 กระเด็นไป ลูกน้อง 1 หันมายิงใส่จงซิน จงซินหลบ หย่งเหวินอาศัยช่วงชุลมุนวิ่งลงบันไดหนีไฟไปอีกทาง ลูกน้อง 1 วิ่งตาม ยิงสกัดจงซินไว้
หย่งหวินวิ่งลงบันไดหนีไฟ จงซินวิ่งตาม ลูกน้อง 1 หันไปยิงใส่ จงซินยิงสวนลงมา หย่งเหวินกับลูกน้องหลบ หย่งเหวินดึงประตูหนีไฟด้านนอก แต่ประตูล็อคเข้าไม่ได้
“บ้าเอ๊ย”
หย่งเหวินวิ่งลงไปอีกชั้น จงซินยังไล่ตามลงมา หย่งเหวินวิ่งมา เห็นลูกน้องจงซิน 3 คนวิ่งจากข้างล่างสวนขึ้นมา
ลูกน้องจงซินยิงใส่หย่งเหวินหลบ
ลูกน้อง 1บอก “มันปิดทางหนีเราไว้หมดแล้วครับนาย”
จงซินพลิกตัวโผล่ลงมายิงใส่ลูกน้องตัวเอง แล้วพลิกตัวหันมายิงใส่จงซิน จงซินโดนยิงที่ไหล่หงายหลังไป
บอดี้การ์ดจงซินยิงใส่หย่งเหวิน แต่หย่งเหวินหลบ กระชากประตูหนีไฟเปิดเข้าไปได้ หย่งเหวินวิ่งเข้าไปล็อคประตูทันที
บอดี้การ์ดวิ่งขึ้นมาดูจงซิน “เป็นไงบ้างครับคุณจงซิน”
“ไอ้หย่งเหวินล่ะ”
“มันเข้าไปที่ชั้น 20 แล้วครับ”
“ดี ทุกอย่างเป็นไปตามแผน”
หย่งเหวินวิ่งมาตามทางมืดๆ ในตึก มองซ้ายขวาหาทางหนี หย่งเหวินผลักประตูเข้าไปในห้องห้องหนึ่ง
แต่พอหย่งเหวินเดินเข้ามาต้องหยุดชะงัก เมื่อเห็นเงาใครคนหนึ่งยืนรออยู่
หย่งเหวินเพ่งมองแล้วต้องตะลึง พบว่าบุรุษร่างสูงโปร่งนั้นเป็นหลินหลานเซ่อยืนอยู่ในเงาสลัว
“หา...หลินหลานเซ่อ”
หย่งเหวินยกปืนกระหน่ำยิงใส่ กระจกแตกเป็นเสี่ยง เงาหลินหลานเซ่อแตกกระจายตาม หย่งเหวินกระหน่ำยิงจนหมดแม๊ก
ไฟในห้องเปิดพรึ่บขึ้น แลเห็นหลินหลานเซ่อยืนอยู่ฝั่งตรงข้ามกับกระจก หย่งเหวินหันยกปืนจะยิง แต่กระสุนหมด ชะงัก
“แกหมดทางหนีแล้ว หย่งเหวิน”
หย่งเหวินตะลึง “นี่แกยังไม่ตายอีกหรือ หลินหลานเซ่อ”
“แกคงคิดว่าชั้นจะโง่ยกฉายหงส์กรุ๊ปให้แกง่ายๆ งั้นสิ”
“แต่ชั้นเห็นนังเด็กนั่นยิงแกเลือดสาดเลยนะ”
“แกลืมไปแล้วหรือว่าเธอเป็นใคร เธอคือคิวบิก เธอเป็นเงาของชั้น”
“แกจะบอกว่านังเด็กนั่นจัดฉากทั้งหมดขึ้นมางั้นหรือ”
หลินหลานเซ่อยิ้มแสยะ จ้องหน้าหย่งเหวิน เล่าแผนการของคิวบิกให้ฟัง
เวลานั้นฉินฝูยื่นปืนให้ฤทัยนาค
“เอาปืนนี่ไป มันเป็นปืนถ่ายหนัง แล้วนี่ก็กระสุนปลอมที่ไม่มีหัวกระสุน”
ฤทัยนาคหยิบมาดูกระชากยิง
หย่งเหวินตกตะลึง “ไอ้ฉินฝู นี่มันหักหลังชั้นงั้นหรือ”
“แกคิดว่าแกมีเงินซื้อตัวไอ้ฉินฝูมากกว่าชั้นงั้นเหรอ”
หย่งเหวินอึ้ง
“คนเลวและอกตัญญูอย่างแก อย่าว่าแต่เกิดเป็นคนเลย เกิดเป็นสัตว์ก็ไม่สมควรด้วยซ้ำ”
“ใช่สิ แกมันเกิดมาบนกองเงินกองทอง แกไม่รู้หรอกว่าการที่เราเกิดมาโดยไม่มีอะไรแม้แต่พ่อแม่มันเจ็บปวดแค่ไหน”
“แต่แกได้รับโอกาสที่ดีจากท่านซานแล้ว แกควรจะพอใจและยอมรับในสิ่งที่ได้”
“แกก็พูดได้สิ เพราะแกไม่เคยต้องรับใช้ใคร แกไม่เคยต้องขัดรองเท้าให้ใคร ไม่เคยต้องเสแสร้งแกล้งเอาอกเอาใจใคร ทั้งๆที่แกเบื่อและรำคาญไอ้แก่นั่น”
หย่งเหวินเถียงระบดระบายเข้าข้างตัวเอง
หลินหลานเซ่อเหยียดยิ้ม มองหย่งเหวินอย่างสมเพช
“แกรู้มั้ยทุกครั้งที่ชั้นเห็นแก ชั้นเกลียดแกแค่ไหน แต่ชั้นต้องอดทน อดทนเพื่อรอวันนี้ แต่แกกับนังเด็กนั่นกลับทำลายความฝันของชั้น”
“เป็นเพราะแกไม่มีบุญวาสนามากเท่าชั้น”
หลินหลานเซ่อยกปืนขึ้นเตรียมเหนี่ยวไก
“ถ้าแกยิงชั้น แกก็จะได้ตายพร้อมกับชั้นเหมือนกัน”
หย่งเหวินกระชากเสื้อออก เห็นแผงระเบิดคาดไว้ที่ท้อง หลินหลานเซ่อชะงัก ขยับปืน
“อย่าคิดจะลอง เพราะถ้าแกลั่นไก ชั้นก็จะกดระเบิดทันที”
หลานเซ่ออึ้ง
“นังคิวบิกมันคงคิดไม่ถึงล่ะสิ ว่าชั้นจะมีแผนสำรองไว้ดัดหลังแก ฮ่ะ ฮ่ะ ฮ่ะ หลินหลานเซ่อ ส่วนใหญ่ฉากจบของหนังผู้ร้ายต้องตาย แต่สำหรับเรื่องนี้ พระเอกทิ้งปืน ผู้ร้ายหยิบขึ้นมาแล้วยิงกลางแสกหน้าพระเอก ฮ่ะ ฮ่ะ ฮ่ะ ทิ้งปืนซะหลินหลานเซ่อ ไม่งั้นเราจะตายด้วยกันเดี๋ยวนี้”
หลินหลานเซ่อยกปืนค้างอยู่ หย่งเหวินมองสบตา
ผู้คนวิ่งลงมาชั้นล่าง ฤทัยนาควิ่งลงมาหยุด เจอจงซินเลี้ยวมาอีกทาง
“จงซิน”
“ฤทัยนาค”
“นี่นายถูกยิงหรือ”
“นิดหน่อย”
“แล้วหลินหลานเซ่อล่ะ”
“คุณหลินกำลังจัดการกับหย่งเหวินข้างบน”
“หวังว่าเค้าจะทำสำเร็จนะ”
“คนอย่างคุณหลิน ไม่เคยทำอะไรไม่สำเร็จ” จงซินบอกอย่างมั่นใจ
“ขอให้เป็นอย่างที่นายพูดเถอะ”
“เธอนี่สมกับเป็นคิวบิกจริงๆ ทุกอย่างเดินไปตามแผนที่เธอวางไว้ เหลือแค่คุณหลินเหนี่ยวไกยิงหย่งเหวิน ทุกอย่างก็จะจบ”
“อย่าเพิ่งยอตอนนี้ได้มั้ย รอให้หลินหลานเซ่อกลับลงมาก่อนเถอะ”
“ชั้นว่าไม่น่ามีอะไรผิดพลาดนะ”
ฤทัยนาคพยักหน้าให้ ทั้งสองเงยหน้ามองขึ้นไปด้านบน
หลินหลานเซ่อเล็งปากกระบอกปืนอยู่อย่างเก่า ส่วนหย่งเหวินถือชนวนระเบิดในมือพร้อมกดทุกเมื่อ
“ชั้นให้เวลาแกสามวินาที ถ้าแกไม่ทิ้งปืน ชั้นจะกดระเบิดทันที สาม...”
หลินหลานเซ่อนิ่ง
“สอง”
ไกปืนในมือหลินหลานเซ่อค้างนิ่ง
นิ้วโป้งหย่งเหวินง้างขึ้นเตรียมพร้อมจะกดชนวนระเบิดแล้ว
“หนึ่ง”
เสียงดังเปรี้ยง พร้อมกับที่ปากกระบอกปืนมีประกายไฟแล่บออกมา นิ้วหย่งเหวินชะงักไม่ทันกดมือร่วง ตาข้างซ้ายของใบหน้าหย่งเหวินเลือดท่วม ร่างหย่งเหวินหงายลงกับพื้นตึง! มือหย่งหงายไปจากตัวหลินหลานเซ่อลดปืนลง มองศพหย่งเหวินแล้วหันหลังเดินออกไปมาดอย่างเท่
หลินก้าวเดินไปจนถึงประตู หยุดแล้วหันมองศพอีกครั้ง ก่อนจะเดินออกปิดประตูโครม โดยไม่ทันเห็นว่ามือหย่งเหวินกระตุกๆ
หลินหลานเซ่อเดินลงบันไดไป หย่งเหวินยังไม่ตาย มันรวบรวมเรี่ยวแรงสุดท้ายกำชนวนระเบิดอีกครั้ง
หลินหลานเซ่อเดินไปตามทางเดินหน้าห้องใบหน้าเรียบเฉย
นิ้วโป้งของหย่งเหวินง้างขึ้นอีกครั้ง ก่อนจะทุ่มแรงเท่าที่มีเหลือกดชนวนระเบิดทันที
อ่านต่อหน้า 3
คิวบิก ตอนที่ 15 (ต่อ)
มองจากด้านนอก แลเห็นตัวตึกมีระเบิดพุ่งออกเป็นเปลวเพลิงอย่างรุนแรง เสียงดังสนั่นหวั่นไหว แผ่นดินสะเทือนเลื่อนลั่น
ฤทัยนาครับรู้ถึงแรงสั่นสะเทือนเหลียวมองหน้าจงซิน แล้วแหงนหน้ามองขึ้นไปชั้นบน ใจเป็นห่วงมาเฟียขี๊เก๊ก
“หลินหลานเซ่อ”
ฝ่ายหลินหลานเซ่อเหลียวไปมองหลัง เห็นระเบิดพุ่งออกมาจากห้องเป็นเปลวเพลิงลูกมหึมา เขาออกวิ่งสุดแรงเกิด
ภายนอกเห็นตัวตึกระเบิดตูมๆๆ
หลินหลานเซ่อวิ่งมาตามทางเดินอย่างเร็วรี่ ประตูห้องอีกบานเกิดระเบิดตูม เขาหลบได้อย่างหวุดหวิด
ที่บริเวณชั้นล่างยามนี้ ผู้คนสับสนอลหม่านวิ่งหนีตายลงมา หน้าตาแตกตื่น เสียงคนในนั้นตะโกนขึ้นมา
“หนีเร็ว ตึกถล่ม”
ฤทัยนาคหันกลับจะวิ่งขึ้นไปด้านบน “หลินหลานเซ่อ”
“นั่นเธอจะไปไหน” จงซินแปลกใจ
“ชั้นจะไปหาหลินหลานเซ่อ”
“จะบ้าหรือ เดี๋ยวเค้าก็ลงมา ตึกกำลังจะระเบิด”
“ไม่ ชั้นต้องไปดูเค้า”
ฤทัยนาคสะบัดมือวิ่งออกไปอย่างว่องไว
“เฮ้ย ตามไปเร็ว” จงซินตกใจ
บอดี้การ์ดสองคนวิ่งตามฤทัยนาคขึ้นไปชั้นบน
หลินหลานเซ่อวิ่งลงบันได ส่วนฤทัยนาควิ่งสวนขึ้นไป ในขณะที่ตัวตึกด้านนอกเริ่มถล่มลงมา
บริเวณชั้นล่างของตึก มีควันพวยพุ่งออกมาเป็นจำนวนมาก ฝุ่นคละคลุ้ง แลเห็นคนทยอยวิ่งออกมา
“เฮ้ย ตึกถล่ม หนีเร็ว”
ทุกคนวิ่งหนีตายออกจากตึกกันอลหม่าน
ขณะที่หลินหลานเซ่อวิ่งลงบันไดมา มีเสียงระเบิดดังมาจากข้างบนเป็นระยะ เขาหยุดมองประเมิน แล้ววิ่งลงมา เห็นป้ายบอกทางว่า ชั้น 9 หลินหลานเซ่อเปิดประตูเข้าไปในห้องหนึ่ง
จากชั้น 8 ฤทัยนาควิ่งขึ้นบันไดโดยไม่รู้เหนื่อย ขึ้นไปยังชั้น 9 สุดท้ายขึ้นไปยังชั้น 10
โดยไม่รู้ว่าเขาคนที่เธอตามหาอยู่ที่ ชั้น 9
หลินหลานเซ่อวิ่งตรงไปที่ประตูทิ้งขยะ เปิดออกแล้วก้าวลงไป ใช้เชือกครูดตัว แล้วกระโดดลงมาในห้องทิ้งขยะ
ฤทัยนาควิ่งขึ้นมา ป้ายบอกว่าเป็นชั้น 11 จังหวะนี้ เห็นระเบิดบึ้มออกมาจากประตูห้องหนุ่ม ฝุ่นละออง ควันกระจาย ร่างฤทัยนาคกระเด็นกระดอนตามแรงระเบิด ซวนเซออกไป
“หลานเซ่อ...หลินหลานเซ่อ นายอยู่ไหน”
ฤทัยนาควิ่งพลางมองหาแล้วตะโกนเรียกไม่หยุดหย่อน เสียงระเบิดดังต่อเนื่องมา สุดท้ายนาคหันหลังวิ่งกลับลงไป
ฤทัยนาควิ่งลงมาที่ชั้น 9 เสียงระเบิดจากชั้นบนตามลงมา ฤทัยนาคผลักประตูเข้าไปในห้องหนึ่ง มองซ้ายขวา เสียงระเบิดยังดัง
“หลานเซ่อ... นายอยู่ไหน...หลินหลานเซ่อ ...
ฤทัยนาควิ่งไปดูที่ห้องทิ้งขยะ หยุดมองลงไป ข้างล่างไม่มีใคร ทันใดนั้นเองฤทัยนาคเหลียวกลับไปทางด้านหลัง เห็นลูกไฟระเบิดลอยพุ่งเข้ามาหา จนเห็นลูกไฟระเบิดในลูกตาของเธอ ไฟสว่างวาบเข้ามาเต็มหน้าอย่างรวดเร็ว ฤทัยนาคหวีดร้องสุดเสียง
หากมองมาจากภายนอกยามนี้ จะเห็นตึกเริ่มถล่มไล่จากชั้น 20 ลงมาเรื่อยๆ ฝุ่นควันคละคลุ้งไปทั่วบริเวณ อาคารสูง 20 ชั้น อันเป็นอาณาจักรฉายหงกรุ๊ปอันเกรียงไกร ถล่มลงมาเหลือเพียงซาก!
ท่ามกลางฝุ่นควันตลบอบอวล หลินหลานเซ่อวิ่งลงมาเจอจงซินที่ชั้นล่าง กราดตามองหายอดดวงใจ
“ฤทัยนาคล่ะ”
“เธอขึ้นไปหาคุณ”
“อะไรนะ ฤทัยนาคอยู่ข้างบนงั้นหรือ”
เห็นหลานเซ่อขยับจะไป จงซินดึงไว้
“อย่าไปครับคุณหลิน”
หลินหลานเซ่อสะบัด พวกลูกน้องเข้ามาช่วยดึง กุมตัวไว้
“ปล่อยชั้นจงซิน ชั้นจะขึ้นไปหาฤทัยนาค”
“ไม่มีประโยชน์แล้วครับคุณหลิน เอาตัวคุณหลินออกไป”
“ฤทัยนาค...ฤทัยนาค”
ลูกน้องช่วยกันดึงลากหลินหลานเซ่อที่ดื้อดึง ดิ้นรนขัดขืนออกไป ท่ามกลางฝุ่นควันตลบอบอวล
น้ำจากสายยางสีส้ม ถูกฉีดพุ่งขึ้นไปดับควันไฟ ที่ยังโหมไหม้ตามซากปรักหักพัง ควันขโมง บรรดาเจ้าหน้าที่ดับเพลิง รวมทั้งหน่วยกู้ภัยกำลังทำงานให้วุ่น คนวิ่งเข้า ออก ถามหาเพื่อนฝูง คนรู้จักกันอลหม่าน นักข่าวถ่ายรูป บรรยากาศชุลมุนวุ่นวาย
หลินหลานเซ่อนั่งอึ้งอยู่มุมหนึ่ง มีบอดี้การ์ดยืนรายล้อม จงซินที่เวลานี้สวมเสื้อยืดคอกลม แขนที่ถูกยิงทำแผลแล้ว มีผ้าคล้องแขน จงซินเดินเข้ามาหาเจ้านายหน้าเครียด
“นายไม่น่าห้ามชั้นไว้เลยจงซิน ชั้นปล่อยให้เธอตายอยู่ในนั้น”
หลินหลานเซ่อทุบกำปั้นลงกับซากอิฐ หิน อย่างโกรธตัวเองและเสียใจ
“เราไม่น่าเชื่อเธอเลย เราไม่ควรจะทำตามแผนของเธอ” เขาระบายต่อ
“แต่ถ้าเราไม่ทำตามแผนเธอ บางทีเราทุกคนอาจจะตายอยู่ในตึกนั้นก็ได้”
หลินหลานเซ่อลุกพรวดขึ้นกระชากคอจงซิน
“แต่ชั้นควรจะเข้าไปช่วยเธอ นายไม่ควรห้ามชั้นไว้”
“แต่ผมก็ปล่อยให้คุณตายไม่ได้เหมือนกันนะครับ”
หลินหลานเซ่อส่ายหน้ารับไม่ได้ ดึงจงซินเข้ามากอด ราวกับต้องการหลักยึด
แพทริคเดินกวนกร่างเข้ามา บอดี้การ์ดห้ามไว้
“เข้าไม่ได้นะครับ นี่เขตหวงห้ามนะครับ”
“ทำไมจะเข้าไม่ได้ ชั้นกำลังตามหาตัวคนร้ายอยู่ ถอยไป”
แพทริคผลักบอดี้การ์ดออกไป เดินเข้ามาหาจงซินกับหลินหลานเซ่อ
จงซินถาม “คุณมีเรื่องอะไร”
“ฤทัยนาคอยู่ไหน”
“เธอเสียชีวิตแล้ว”
“นายรู้ได้ไงว่าเธอเสียชีวิตแล้ว นี่มันเป็นแผนของพวกนายใช่มั้ยที่สร้างสถานการณ์ให้ฤทัยนาคตาย”
หลินหลานเซ่อโกรธถึงขีดสุดกระชากคอเสื้อแพทริค ตะคอกใส่
“ถ้าคุณพูดชื่อฤทัยนาคอีกคำล่ะก็ ผมจะฆ่าคุณด้วยมือของผมเอง ออกไปจากที่ของผมเดี๋ยวนี้”
หลินหลานเซ่อเหวี่ยงแพทริคออกไปดังโครม แพทริคหันขวับมาอย่างโกรธแค้น
“หลินหลานเซ่อ วันนี้ชั้นจะไม่เอาเรื่องนาย แต่ชั้นจะบอกให้นายรู้นะ ตราบใดที่ชั้นยังไม่เห็นด้วยตาว่าฤทัยนาคตาย ชั้นจะตามจับเด็กผู้หญิงคนนี้ให้ได้”
แพทริคเดินหงุดหงิดออกไป
จงซินบอกลูกน้อง “อาซัง ไล่นักข่าวและคนที่ไม่เกี่ยวข้องออกไปจากที่นี่ให้หมด แล้วก็ห้ามบุคคลภายนอกเข้ามาในนี้เด็ดขาด เข้าใจรึเปล่า”
“ครับ”
ลูกน้องออกไป หลินหลานเซ่อทรุดลงนั่ง
“ฤทัยนาค ถ้าเธอไม่ขึ้นไปหาชั้นเธอก็คงไม่ตาย”
“คุณหลินครับ ผมว่าเรากลับกันก่อนเถอะครับ
“ไม่ ชั้นจะรอจนกว่าเค้าจะเจอศพฤทัยนาค”
“งั้นเดี๋ยวผมจะไปหาอะไรให้คุณดื่ม”
จงซินขยับเดินออก หลานเซ่อนั่งซึมอยู่บนซากปรักหักพังอย่างโดดเดี่ยวร้าวรานใจ
เจ้าหน้าที่ด้านหลังฉีดน้ำดับไฟไม่ลดละ ขณะมีร่างคนเจ็บถูกหามใส่เปลเดินออก บรรยากาศแสนหดหู่
ในเวลาต่อมาจงซินเทกาแฟจากกาใส่แก้ว เดินมาหาหลินหลานเซ่อส่งแก้วให้
“กาแฟครับคุณหลิน”
“ขอบใจ”
หลินหลานเซ่อยกกาแฟจิบแววตาครุ่นคิด เสียงโทรศัพท์มือถือจงซินดัง จงซินหยิบมาดูชะงักมองหน้าเจ้านาย
“นี่เบอร์คุณ”
หลินหลานเซ่อชะงัก คลำหาโทรศัพท์ในกระเป๋า
“โทรศัพท์ไม่ได้อยู่กับชั้น สงสัยจะตกตอนที่ชั้นกระโดดลงมาจากช่องขยะ”
จงซินกดรับโทรศัพท์
“ฮัลโหล...ฮัลโหล” หลานเซ่อมองจ้องจงซิน “สัญญาณขาดไปแล้ว”
“ใครคงเอาโทรศัพท์ชั้นไปโทร.”
“แล้วใครล่ะครับ ที่เก็บโทรศัพท์คุณได้”
เสียงโทรศัพท์ดังซ้ำ ขึ้นมาอีก จงซินรีบกดรับ
“ฮัลโหล... ฮัลโหล”
บริเวณชั้นล่างของช่องทิ้งขยะ ฤทัยนาคเนื้อตัวมอมแมมพูดโทรศัพท์ในความมืด
“จงซิน...นั่นนายใช่รึเปล่า”
จงซินอุทาน “ฤทัยนาค”
หลินหลานเซ่อลุกพรวด “นายว่าไงนะ”
“ฤทัยนาคยังไม่ตายครับ” จงซินส่งโทรศัพท์ให้หลานเซ่อ
“ฤทัยนาค”
ฤทัยนาคตะลึง “หา...หลานเซ่อ นั่นนายเหรอ”
“ใช่ชั้นเอง”
“นายปลอดภัยใช่มั้ย หลานเซ่อ”
“ชั้นปลอดภัย แล้วเธอล่ะ เธออยู่ไหนฤทัยนาค”
“ชั้นไม่รู้ รู้แต่ว่าในนี้มันมีแต่ขยะเต็มไปหมด”
หลินหลานเซ่อนิ่งคิด “เธออยู่ในช่องเก็บขยะงั้นหรือ”
“ไม่รู้เหมือนกัน แต่มันเหม็นมาก แล้วก็มืดด้วย”
“เอาล่ะ เธอรอก่อนนะ” หลานเซ่อหันมาบอกจงซิน “จงซิน เธอติดอยู่ในช่องทิ้งขยะ”
“ครับ เดี๋ยวผมจะให้คนของเราขุดไปที่ช่องทิ้งขยะก่อน อาเทียน เอาแปลนตึกมา แล้วบอกให้คนไปขุดที่ช่องทิ้งขยะด่วน”
“ครับผม”
ลูกน้องออกไป จงซินเดินออกไปดูที่ช่องทิ้งขยะ หลินหลานเซ่อหันมาพูดโทรศัพท์
“ฤทัยนาค เธอไม่ต้องกลัวนะ คนของเรากำลังขุดลงไปหาเธอแล้ว”
“อย่านานนะ เพราะชั้นว่าในห้องนี้มันเริ่มจะไม่มีอากาศแล้ว”
“เธอต้องอดทนนะ เธอจะต้องไม่เป็นอะไร”
“ชั้นดีใจนะที่รู้ว่านายปลอดภัย หลินหลานเซ่อ”
“ชั้นก็ดีใจที่รู้ว่าเธอยังมีชีวิตอยู่ ...ฤทัยนาค”
ฤทัยนาคหลับตาซึมซับรับเอาคำหวานนั้น
“ฤทัยนาค...ฤทัยนาคเธอได้ยินชั้นรึเปล่า”
“อืมม์ ทำไมชั้นง่วงๆก็ไม่รู้ มึนหัวด้วย”
“เธอต้องอดทนไว้นะ”
“ชั้นจะพยายาม แค่นี้ก่อนนะ” เด็กสาวปิดโทรศัพท์
หลินหลานเซ่อหันกลับวิ่งออกไปอย่างเร็ว
รถกำลังไถดินออกไปกองอีกทาง หลินหลานเซ่อวิ่งเข้ามา
“จงซินให้คนเร่งมือหน่อย ฤทัยนาคกำลังจะขาดอากาศหายใจ”
จงซินร้องบอก “เร่งมือกันหน่อยพวกเรา”
คนขับบังคับรถตักขุดดินไปอย่างขันแข็ง
สองหนุ่มมองหน้าเครียด
ภายในห้องอันมืดมิด เห็นกองขยะอยู่เต็ม ฤทัยนาคเปิดไฟฉายโทรศัพท์ส่องเดินไปมามองซ้ายขวา พยายามสูดอากาศหายใจ
“ไม่อยากเชื่อเลยว่าเราจะมาตายในกองขยะ เราต้องตัวเหม็นไปถึงสวรรค์แน่เลย”
ฤทัยนาคเห็นขวดน้ำครึ่งขวดตั้งอยู่ หยิบมาดู “กินได้รึเปล่าเนี่ย” พลางเขย่าขวด “แต่ถึงยังไงตอนนี้ก็ต้องกินไว้ก่อน”
ฤทัยนาคยกน้ำจิบ แล้วเทน้ำรดหน้าตัวเอง สะบัดหน้าไปมา พยายามสูดหายใจ
ด้านนอก รถตักดินจ้วงตักดินขึ้นมาแล้ว จู่ๆ เครื่องยนต์หยุดทำงาน
“อ้าว หยุดทำไม” จงซินแปลกใจ
“ขุดต่อไปไม่ได้แล้วครับ”
“มีอะไร” หลานเซ่อหันมาถาม
“มันติดคานที่หักลงมาทับอยู่ข้างล่างครับ”
สีหน้าหลินหลานเซ่ออึ้งไป
“แล้วเราไม่มีทางอื่นหรือ” จงซินถาม
“มีครับคงต้องใช้เครนใหญ่มายกออก” คนขับบอก
“ใช้เวลานานเท่าไหร่”
“ก็คงซักห้าหกชั่วโมงครับ”
อ่านต่อหน้า 4
คิวบิก ตอนที่ 15 (ต่อ)
จงซินมองหน้าหลินหลานเซ่อ สุดท้ายผู้เป็นนายบอก
“นานขนาดนั้นฤทัยนาคตายแน่”
“ส่งแบบแปลนตึกมาดูซิ”
นายช่างส่งแปลนตึกให้ จงซินวางลงที่พื้น ทุกคนย่อตัวลง มองแบบแปลนตึก
“ดูส่วนของฐานรากซิ” หลานเซ่อบอก
จงซินมอง เอามือลากดูตามแปลน
“นี่ครับห้องเก็บขยะ นายช่าง ตอนนี้เราขุดอยู่ตรงไหน”
“ตรงนี้ครับ มีคานขวางอยู่”
“แล้วด้านนี้ล่ะ” หลินหลานเซ่อชี้อีกด้าน
“ด้านนี้เจาะไม่ได้ครับ ฝั่งตะวันออกจะติดคานตึก”
หลานเซ่อเครียด “นี่เราไม่มีทางอื่นเลยหรือ”
จงซินมองแปลน “แล้วท่อพวกนี้ล่ะ เป็นท่ออะไร”
“ท่อระบายน้ำเสียครับ”
“ถ้าเราเจาะทางท่อระบายน้ำ เราก็จะเข้าไปที่ห้องเก็บขยะได้ใช่มั้ย” จงซินบอก
นายช่างเห็นด้วย “ถูกต้องครับ”
“หมายความว่าไงจงซิน”
“ผมว่าเราต้องลองเสี่ยงเจาะเข้าทางท่อน้ำทิ้ง”
“งั้นก็เร็วเลย”
บรรดาคนงานคว้าจอบเสียม จงซินกับนายช่างเดินนำไปที่ท่อน้ำทิ้ง หลินหลานเซ่อมองตาม เสียงโทรศัพท์ มือถือของจงซินดัง หลินหลานเซ่อกดรับ
“ฮัลโหล ฤทัยนาค”
ฤทัยนาคกึ่งนั่งกึ่งนอนพูดโทรศัพท์อยู่ในห้องเก็บขยะใต้ดิน ท่าทีอ่อนล้าเจียนจะหมดแรง
“นี่พวกนายขุดไปถึงไหนแล้ว”
“ตอนนี้เกิดปัญหา เราต้องเปลี่ยนที่ขุดใหม่ ทนหน่อยนะ ฤทัยนาค”
“ชั้นว่าชั้นคงทนไม่ไหวแล้ว”
หลานเซ่อตกใจสุดขีด ปลุกปลอบสุดกำลัง “ไม่นะเธอต้องอดทนนะ อดทนเพื่อชั้น เข้าใจรึเปล่า”
“ชั้นจะพยายาม”
“นี่เป็นคำสั่งนะฤทัยนาค เธอจะตายไม่ได้เข้าใจรึเปล่า”
“นายนี่ร้ายจริงๆ บังคับไม่ให้คนตายได้ด้วยหรือ” ฤทัยนาคยิงมุก ไม่อยากให้เขาเครียด
“ได้ยินมั้ยว่าเธอจะตายไม่ได้”
“แต่ชั้นจะบอกนายว่า...ชั้นกำลังจะตาย...”
มือฤทัยตกลงข้างตัว แสงเรืองๆ จากโทรศัพท์
“ฤทัยนาค...ฤทัยนาค”
ฤทัยนาคโรยแรงใกล้จะหมดลมหายใจ ตาลอยคว้าง
หลินหลานเซ่อวิ่งไปหาจงซินที่กำลังคุมคนงานขุดเจาะท่อระบายน้ำ
“เร็วหน่อยนะจงซิน”
“เรากำลังเร่งมืออยู่ครับ”
“ฤทัยนาคกำลังจะตาย อากาศกำลังจะหมด”
หลินหลานเซ่อร้อนใจ เข้าไปคว้าจอบแหลมจากคนงาน
“ถอยไป” เขาสับจอบลงบนพื้นอย่างแรง
ส่วนภายในห้องเก็บขยะ ชั้นใต้ดิน ร่างอันบอบช้ำของฤทัยนาค ใกล้หมดแรงเต็มทน ลมหายใจรวยริน เด็กสาวมองเห็นทุกอย่างตรงหน้าดูเบลอ และลางเลือนไปหมดสิ้นแล้ว
แสงไฟจากโทรศัพท์ เรืองแสง ฤทัยนาคมองไปเห็นหลินหลานเซ่อกำลังมองมาที่เธอ
“หลานเซ่อ นั่นนายหรือ”
ฤทัยนาคเอื้อมมือไปจับแก้ม “นายจริงๆ ใช่มั้ย”
หลานเซ่อมองมายิ้มให้
“นี่นายยิ้มหรือ เป็นครั้งที่สอง ที่ชั้นเห็นรอยยิ้มของนายนะ”
หลินหลานเซ่อยังยิ้มอยู่
“ชั้นชอบจัง เวลาที่นายยิ้ม”
หลินหลานเซ่อมอง เคลื่อนหน้าเข้าไปใกล้ๆ ฤทัยนาคมองตอบ หลานเซ่อเคลื่อนเข้ามาเหมือนจะจูบ ฤทัยนาคยิ้มแล้วเปลือกตาปิดตา พร้อมๆ กับมือนาคร่วงผล็อยลงแน่นิ่งไป ไม่รู้เป็นหรือตาย
เวลานั้นบริเวณซากตึกจุดหนึ่ง หลินหลานเซ่อสับดินลงเต็มแรง อย่างไม่รู้จักเหนื่อย
“ฤทัยนาค เธอต้องรอชั้นนะ เธอจะตายไม่ได้นะ”
“อีกนิดเดียวครับ จะทะลุแล้วครับ” คนงานบอก
หลินหลานเซ่อออกแรงสับอย่างแรง เหงื่อไหลไคลย้อยเต็มหน้าหล่อ
รูท่อน้ำทิ้งถูกจอบสับเข้ามาสุดแรง จนเปิดให้เห็นท่อขนาดใหญ่
“ถอย ส่งไฟฉายมา เร็ว”
คนงานส่งไฟฉายให้ หลินหลานเซ่อมุดลงไปในท่อ
“เอาออกซิเจนมาเร็ว” จงซินบอก
นายช่างมุดตามลงไป จงซินมุดตาม
หลินหลานเซ่อมุดลงมาในท่อน้ำทิ้ง ส่องไฟฉายหา ร้องเรียก
“ฤทัยนาค เธออยู่ไหน ฤทัยนาค”
หลินหลานเซ่อเดินส่องไปมาตามทาง สุดท้ายเห็นร่างฤทัยนาคนอนแน่นิ่งอยู่
“ฤทัยนาค”
หลินหลานเซ่อวิ่งเข้าไปหา นายช่างวิศวกรวิ่งตามมา หลินจับหน้านาคเขย่าเรียก
“ฤทัยนาค ฤทัยนาค”
จงซินบอก “เอาออกซิเจนมาเร็ว”
ลูกน้องส่งออกซิเจนให้ หลินเอาออกซิเจนสวมให้
“ฤทัยนาค ฤทัยนาค ตื่นสิ”
ฤทัยนาคยังนิ่ง
“ตื่นสิ ฤทัยนาค” หลานเซ่อร้องเรียกไม่หยุด
“ตามหมอลงมาด่วนเร็ว” จงซินบอกลูกน้อง
หลินหลานเซ่อเรียกไม่รู้เหนื่อย ฤทัยนาคยังนอนแน่นิ่ง เขาเขย่าตัวเรียก
“เธอต้องตื่นนะฤทัยนาค ตื่นสิ เธอจะจากชั้นไปไม่ได้นะ”
ฤทัยนาคค่อยๆ ลืมตามอง ทุกอย่างเบลอไปหมด
หลินหลานเซ่อเรียกสติ “ฤทัยนาค นี่ชั้นเองนะ ชั้นหลินหลานเซ่อ”
“หลานเซ่อ”
“ใช่ ชั้นเอง”
ฤทัยนาคมองเห็นหน้าหลินหลานเซ่อ ชัดบ้างไม่ชัดบ้าง ถามเสียงแผ่วๆ
“นายรักคุณเหม่ยจิงรึเปล่า”
หลานเซ่อชะงัก งง จงซินก็ไม่ต่างกัน
“เธอว่าอะไรนะ
“นายรักคุณเหม่ยจิงรึเปล่า”
“ไม่ ชั้นไม่ได้รักเหม่ยจิง” หลานเซ่อบอก
“แล้วพี่นันล่ะ นายรักพี่นันรึเปล่า”
“เปล่า ชั้นไม่ได้รักพี่สาวเธอ”
“ถ้างั้นชั้นขอ...”
พูดเท่านั้นฤทัยนาคก็หลับผล็อยหมดสติไปอีกครั้ง
“ฤทัยนาค ฤทัยนาค”
“หมอมาแล้วครับ” จงซินบอก
หมอเข้ามาจับชีพจรนาค
“โอเค เธอหายใจได้แล้ว เอาส่งโรงพยาบาลก่อน เอาตัวเธอออกไปเดี๋ยวนี้เลย”
หลินหลานเซ่อช้อนอุ้มร่างฤทัยนาคลอยหวือขึ้น
พระอาทิตย์โผล่พ้นขอบฟ้าไกล แสงอรุณแรกของวันสาดส่องไปทั่วบริเวณ ประตูรถพยาบาลเปิดออก หลินหลานเซ่ออุ้มฤทัยนาคเดินออกมาช้าๆ ผู้คนปรบมือเกรียวกราว บอดี้การ์ด และจงซินเดินตาม แดนนี่วิ่งเข้าไปหา ร้องถามอย่างห่วงใย
“เธอเป็นไงบ้าง”
“เธอปลอดภัยแล้ว” หลานเซ่อบอก
“ถอยไป อย่าขวางทาง” จงซินขอทาง
“เอาวางนี่เลยครับ” เจ้าหน้าที่บอก
หลินหลานเซ่อวางร่างลงบนเตียง จับแก้มฤทัยนาค
“เธอปลอดภัยแล้วนะ เรากำลังจะพาเธอไปโรงพยาบาล”
“ไปครับ”
เจ้าหน้าที่ขยับจะยกเตียงขึ้นรถ หลินหลานเซ่อขยับตัวจะผละไป
ฤทัยนาคลืมตาขึ้น “หลานเซ่อ”
หลินหลานเซ่อชะงักหันมองมา ฤทัยนาคขยับลุกจากเตียง
“อย่าเพิ่งขยับนะครับ” เจ้าหน้าที่บอก
“ไม่ ชั้นมีเรื่องจะพูดกับเค้า”
หลินหลานเซ่อขยับเข้ามาหา “มีอะไร ลุกมาทำไม”
“เมื่อกี้ชั้นยังพูดไม่จบ”
“เธอจะพูดอะไร”
“ชั้นมีคำถามจะถามนาย”
หลานเซ่อมองนิ่ง ฤทัยนาคมองจ้อง
จงซินเอย แดนนี่เอย ตลอดบอดี้การ์ด พยาบาล เจ้าหน้าที่รอบๆ มองงงเป็นไก่ตาแตก
“ที่ชั้นถามนายว่านายรักคุณเหม่ยจิงรึเปล่านายบอกว่าไม่…”
หลินหลานเซ่อมองนิ่ง
“พอชั้นถามว่ารักพี่นันรึเปล่านายก็บอกว่าเปล่า...ชั้น... ชั้นก็เลยอยากจะถามนายว่า...ชั้นรักนายได้มั้ย”
ฤทัยนาคมองจ้อง ท่าทีกล้าๆกลัวๆ หลินหลานเซ่ออึ้ง
แดนนี่มองตะลึงไม่คาดคิด
จงซินมองฤทัยนาคที มองหลินหลานเซ่อที
บรรดาบอดี้การ์ดมองอึ้ง เจ้าหน้าที่ ตลอดจนพยาบาลและคนอื่นๆ มองตะลึง อึ้งไปทั้งแถบ
“ชั้นรู้ว่าชั้นไม่ใช่สเปคของนาย...ชั้นไม่น่ารักเหมือนพี่นันชั้นไม่สวยสง่าเหมือนคุณเหม่ยจิง แล้วชั้นก็ชอบสร้างปัญหาและเรื่องเดือดร้อนให้นายอยู่บ่อยๆ”
หลินหลานเซ่อยังคงมองนิ่ง
“ชั้นรู้ดีว่าชั้นไม่ใช่ผู้หญิงที่ผู้ชายทั้งโลกชอบ แล้วชั้นก็อาจจะเป็นผู้หญิงคนสุดท้ายที่ผู้ชายจะมอง”
แดนนี่ และจงซินมองจ้อง
“ชั้นเป็นความผิดพลาดที่นายได้มา แล้วนายก็อยากจะฆ่าชั้นตั้งแต่วันแรกที่เจอ”
บอดี้การ์ด และคนรอบบริเวณมองอึ้ง
“นายอาจจะรำคาญชั้น อยากไล่ให้ชั้นไปอยู่ไกลๆ เพราะนายมีผู้หญิงให้เลือกมากมายที่สวยกว่า น่ารักกว่า แสนดีกว่า แต่... แต่... ชั้น... ชั้นขอไม่เจียมตัวที่จะรักนาย...ได้มั้ย”
ฤทัยนาคมองหลินหลานเซ่อ น้ำตารื้น มาเฟียหนุ่มมองจ้องขยับเข้ามาหา
“เธอจะรับผิดชอบทุกคำพูดของตัวเองใช่มั้ย”
ฤทัยนาคอึ้ง หลานเซ่อพูดต่อ
“จะรับผิดชอบและทำตามคำพูดตัวเองโดยไม่มีเงื่อนไข”
“เอ่อ...ชั้น...”
“เธอจะไม่หนีไปไหน จะอยู่เคียงข้างชั้น ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นใช่มั้ย”
ฤทัยนาคมองอึ้ง หลินหลานเซ่อดึงฤทัยนาคเข้ามาใกล้ มองตาซึ้งๆ
“บอกสิว่าเธอจะอยู่เคียงข้างชั้นตลอดไป”
ฤทัยนาคพยักหน้า “ชั้นจะอยู่กับนาย ไม่หนีไปไหนไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น”
หลินหลานเซ่อดึงร่างฤทัยนาคเข้ามากอด มวลมหาประชาชนปรบมือกราวใหญ่ จงซินมองยิ้มพยักหน้ายินดี
ส่วนแดนนี่มองตาคว่ำ เซ็งปนหมั่นไส้ จะมาโรแมนติกอะไรตอนนี้ฟระ?
หลินหลานเซ่อยืนกอดฤทัยนาคเต็มรักเต็มแรง โดยไม่แคร์สื่อ!
จงซินมองหน้าหลินหลานเซ่อ สุดท้ายผู้เป็นนายบอก
“นานขนาดนั้นฤทัยนาคตายแน่”
“ส่งแบบแปลนตึกมาดูซิ”
นายช่างส่งแปลนตึกให้ จงซินวางลงที่พื้น ทุกคนย่อตัวลง มองแบบแปลนตึก
“ดูส่วนของฐานรากซิ” หลานเซ่อบอก
จงซินมอง เอามือลากดูตามแปลน
“นี่ครับห้องเก็บขยะ นายช่าง ตอนนี้เราขุดอยู่ตรงไหน”
“ตรงนี้ครับ มีคานขวางอยู่”
“แล้วด้านนี้ล่ะ” หลินหลานเซ่อชี้อีกด้าน
“ด้านนี้เจาะไม่ได้ครับ ฝั่งตะวันออกจะติดคานตึก”
หลานเซ่อเครียด “นี่เราไม่มีทางอื่นเลยหรือ”
จงซินมองแปลน “แล้วท่อพวกนี้ล่ะ เป็นท่ออะไร”
“ท่อระบายน้ำเสียครับ”
“ถ้าเราเจาะทางท่อระบายน้ำ เราก็จะเข้าไปที่ห้องเก็บขยะได้ใช่มั้ย” จงซินบอก
นายช่างเห็นด้วย “ถูกต้องครับ”
“หมายความว่าไงจงซิน”
“ผมว่าเราต้องลองเสี่ยงเจาะเข้าทางท่อน้ำทิ้ง”
“งั้นก็เร็วเลย”
บรรดาคนงานคว้าจอบเสียม จงซินกับนายช่างเดินนำไปที่ท่อน้ำทิ้งท่าทีกระวีกระวาดแข่งกับเวลานาทีชีวิตของฤทัยนาค
หลินหลานเซ่อมองตามไป จังหวะนี้เสียงโทรศัพท์มือถือของจงซินดังอีก หลินหลานเซ่อกดรับ
“ฮัลโหล ฤทัยนาค”
ฤทัยนาคกึ่งนั่งกึ่งนอนพูดโทรศัพท์อยู่ในห้องเก็บขยะใต้ดิน ท่าทีอ่อนล้าเจียนจะหมดแรง
“นี่พวกนายขุดไปถึงไหนแล้ว”
“ตอนนี้เกิดปัญหา เราต้องเปลี่ยนที่ขุดใหม่ ทนหน่อยนะ ฤทัยนาค”
“ชั้นว่าชั้นคงทนไม่ไหวแล้ว”
หลานเซ่อตกใจสุดขีด ปลุกปลอบสุดกำลัง “ไม่นะเธอต้องอดทนนะ อดทนเพื่อชั้น เข้าใจรึเปล่า”
“ชั้นจะพยายาม”
“นี่เป็นคำสั่งนะฤทัยนาค เธอจะตายไม่ได้เข้าใจรึเปล่า”
“นายนี่ร้ายจริงๆ บังคับไม่ให้คนตายได้ด้วยหรือ” ฤทัยนาคยิงมุก ไม่อยากให้เขาเครียด
“ได้ยินมั้ยว่าเธอจะตายไม่ได้”
“แต่ชั้นจะบอกนายว่า...ชั้นกำลังจะตาย...”
มือฤทัยตกลงข้างตัว แสงเรืองๆ จากโทรศัพท์
“ฤทัยนาค...ฤทัยนาค”
ฤทัยนาคโรยแรงใกล้จะหมดลมหายใจ ตาลอยคว้าง
หลินหลานเซ่อวิ่งไปหาจงซินที่กำลังคุมคนงานขุดเจาะท่อระบายน้ำ
“เร็วหน่อยนะจงซิน”
“เรากำลังเร่งมืออยู่ครับ”
“ฤทัยนาคกำลังจะตาย อากาศกำลังจะหมด”
หลินหลานเซ่อร้อนใจ เข้าไปคว้าจอบแหลมจากคนงาน
“ถอยไป” เขาสับจอบลงบนพื้นอย่างแรง
ส่วนภายในห้องเก็บขยะ ชั้นใต้ดิน ร่างอันบอบช้ำของฤทัยนาค ใกล้หมดแรงเต็มทน ลมหายใจรวยริน เด็กสาวมองเห็นทุกอย่างตรงหน้าดูเบลอ และลางเลือนไปหมดสิ้นแล้ว
แสงไฟจากโทรศัพท์ เรืองแสง ฤทัยนาคมองไปเห็นหลินหลานเซ่อกำลังมองมาที่เธอ
“หลานเซ่อ นั่นนายหรือ”
ฤทัยนาคเอื้อมมือไปจับแก้ม “นายจริงๆ ใช่มั้ย”
หลานเซ่อมองมายิ้มให้
“นี่นายยิ้มหรือ เป็นครั้งที่สอง ที่ชั้นเห็นรอยยิ้มของนายนะ”
หลินหลานเซ่อยังยิ้มอยู่
“ชั้นชอบจัง เวลาที่นายยิ้ม”
หลินหลานเซ่อมอง เคลื่อนหน้าเข้าไปใกล้ๆ ฤทัยนาคมองตอบ หลานเซ่อเคลื่อนเข้ามาเหมือนจะจูบ ฤทัยนาคยิ้มแล้วเปลือกตาปิดตา พร้อมๆ กับมือนาคร่วงผล็อยลงแน่นิ่งไป ไม่รู้เป็นหรือตาย
เวลานั้นบริเวณซากตึกจุดหนึ่ง หลินหลานเซ่อสับดินลงเต็มแรง อย่างไม่รู้จักเหนื่อย
“ฤทัยนาค เธอต้องรอชั้นนะ เธอจะตายไม่ได้นะ”
“อีกนิดเดียวครับ จะทะลุแล้วครับ” คนงานบอก
หลินหลานเซ่อออกแรงสับอย่างแรง เหงื่อไหลไคลย้อยเต็มหน้าหล่อ
รูท่อน้ำทิ้งถูกจอบสับเข้ามาสุดแรง จนเปิดให้เห็นท่อขนาดใหญ่
“ถอย ส่งไฟฉายมา เร็ว”
คนงานส่งไฟฉายให้ หลินหลานเซ่อมุดลงไปในท่อ
“เอาออกซิเจนมาเร็ว” จงซินบอก
นายช่างมุดตามลงไป จงซินมุดตาม
หลินหลานเซ่อมุดลงมาในท่อน้ำทิ้ง ส่องไฟฉายหา ร้องเรียก
“ฤทัยนาค เธออยู่ไหน ฤทัยนาค”
หลินหลานเซ่อเดินส่องไปมาตามทาง สุดท้ายเห็นร่างฤทัยนาคนอนแน่นิ่งอยู่
“ฤทัยนาค”
หลินหลานเซ่อวิ่งเข้าไปหา นายช่างวิศวกรวิ่งตามมา หลินจับหน้านาคเขย่าเรียก
“ฤทัยนาค ฤทัยนาค”
จงซินบอก “เอาออกซิเจนมาเร็ว”
ลูกน้องส่งออกซิเจนให้ หลินเอาออกซิเจนสวมให้
“ฤทัยนาค ฤทัยนาค ตื่นสิ”
ฤทัยนาคยังนิ่ง
“ตื่นสิ ฤทัยนาค” หลานเซ่อร้องเรียกไม่หยุด
“ตามหมอลงมาด่วนเร็ว” จงซินบอกลูกน้อง
หลินหลานเซ่อเรียกไม่รู้เหนื่อย ฤทัยนาคยังนอนแน่นิ่ง เขาเขย่าตัวเรียก
“เธอต้องตื่นนะฤทัยนาค ตื่นสิ เธอจะจากชั้นไปไม่ได้นะ”
ฤทัยนาคค่อยๆ ลืมตามอง ทุกอย่างเบลอไปหมด
หลินหลานเซ่อเรียกสติ “ฤทัยนาค นี่ชั้นเองนะ ชั้นหลินหลานเซ่อ”
“หลานเซ่อ”
“ใช่ ชั้นเอง”
ฤทัยนาคมองเห็นหน้าหลินหลานเซ่อ ชัดบ้างไม่ชัดบ้าง
“นายรักคุณเหม่ยจิงรึเปล่า”
หลานเซ่อชะงัก งง จงซินก็ไม่ต่างกัน
“เธอว่าอะไรนะ
“นายรักคุณเหม่ยจิงรึเปล่า”
“ไม่ ชั้นไม่ได้รักเหม่ยจิง” หลานเซ่อบอก
“แล้วพี่นันล่ะ นายรักพี่นันรึเปล่า”
“เปล่า ชั้นไม่ได้รักพี่สาวเธอ”
“ถ้างั้นชั้นขอ...”
พูดเท่านั้นฤทัยนาคก็หลับผล็อยหมดสติไปอีกครั้ง
“ฤทัยนาค ฤทัยนาค”
“หมอมาแล้วครับ” จงซินบอก
หมอเข้ามาจับชีพจรนาค
“โอเค เธอหายใจได้แล้ว เอาส่งโรงพยาบาลก่อน เอาตัวเธอออกไปเดี๋ยวนี้เลย”
หลินหลานเซ่อช้อนอุ้มร่างฤทัยนาคลอยหวือขึ้น
พระอาทิตย์โผล่พ้นขอบฟ้าไกล แสงอรุณแรกของวันสาดส่องไปทั่วบริเวณ ประตูรถพยาบาลเปิดออก หลินหลานเซ่ออุ้มฤทัยนาคเดินออกมาช้าๆ ผู้คนปรบมือเกรียวกราว บอดี้การ์ด และจงซินเดินตาม แดนนี่วิ่งเข้าไปหา ร้องถามอย่างห่วงใย
“เธอเป็นไงบ้าง”
“เธอปลอดภัยแล้ว” หลานเซ่อบอก
“ถอยไป อย่าขวางทาง” จงซินขอทาง
“เอาวางนี่เลยครับ” เจ้าหน้าที่บอก
หลินหลานเซ่อวางร่างลงบนเตียง จับแก้มฤทัยนาค
“เธอปลอดภัยแล้วนะ เรากำลังจะพาเธอไปโรงพยาบาล”
“ไปครับ”
เจ้าหน้าที่ขยับจะยกเตียงขึ้นรถ หลินหลานเซ่อขยับตัวจะผละไป
ฤทัยนาคลืมตาขึ้น “หลานเซ่อ”
หลินหลานเซ่อชะงักหันมองมา ฤทัยนาคขยับลุกจากเตียง
“อย่าเพิ่งขยับนะครับ” เจ้าหน้าที่บอก
“ไม่ ชั้นมีเรื่องจะพูดกับเค้า”
หลินหลานเซ่อขยับเข้ามาหา “มีอะไร ลุกมาทำไม”
“เมื่อกี้ชั้นยังพูดไม่จบ”
“เธอจะพูดอะไร”
“ชั้นมีคำถามจะถามนาย”
หลานเซ่อมองนิ่ง ฤทัยนาคมองจ้อง
จงซินเอย แดนนี่เอย ตลอดบอดี้การ์ด พยาบาล เจ้าหน้าที่รอบๆ มองงงเป็นไก่ตาแตก
“ที่ชั้นถามนายว่านายรักคุณเหม่ยจิงรึเปล่านายบอกว่าไม่…”
หลินหลานเซ่อมองนิ่ง
“พอชั้นถามว่ารักพี่นันรึเปล่านายก็บอกว่าเปล่า...ชั้น... ชั้นก็เลยอยากจะถามนายว่า...ชั้นรักนายได้มั้ย”
ฤทัยนาคมองจ้อง ท่าทีกล้าๆกลัวๆ หลินหลานเซ่ออึ้ง
แดนนี่มองตะลึงไม่คาดคิด
จงซินมองฤทัยนาคที มองหลินหลานเซ่อที
บรรดาบอดี้การ์ดมองอึ้ง เจ้าหน้าที่ ตลอดจนพยาบาลและคนอื่นๆ มองตะลึง อึ้งไปทั้งแถบ
“ชั้นรู้ว่าชั้นไม่ใช่สเปคของนาย...ชั้นไม่น่ารักเหมือนพี่นันชั้นไม่สวยสง่าเหมือนคุณเหม่ยจิง แล้วชั้นก็ชอบสร้างปัญหาและเรื่องเดือดร้อนให้นายอยู่บ่อยๆ”
หลินหลานเซ่อยังคงมองนิ่ง
“ชั้นรู้ดีว่าชั้นไม่ใช่ผู้หญิงที่ผู้ชายทั้งโลกชอบ แล้วชั้นก็อาจจะเป็นผู้หญิงคนสุดท้ายที่ผู้ชายจะมอง”
แดนนี่ และจงซินมองจ้อง
“ชั้นเป็นความผิดพลาดที่นายได้มา แล้วนายก็อยากจะฆ่าชั้นตั้งแต่วันแรกที่เจอ”
บอดี้การ์ด และคนรอบบริเวณมองอึ้ง
“นายอาจจะรำคาญชั้น อยากไล่ให้ชั้นไปอยู่ไกลๆ เพราะนายมีผู้หญิงให้เลือกมากมายที่สวยกว่า น่ารักกว่า แสนดีกว่า แต่... แต่... ชั้น... ชั้นขอไม่เจียมตัวที่จะรักนาย...ได้มั้ย”
ฤทัยนาคมองหลินหลานเซ่อ น้ำตารื้น มาเฟียหนุ่มมองจ้องขยับเข้ามาหา
“เธอจะรับผิดชอบทุกคำพูดของตัวเองใช่มั้ย”
ฤทัยนาคอึ้ง หลานเซ่อพูดต่อ
“จะรับผิดชอบและทำตามคำพูดตัวเองโดยไม่มีเงื่อนไข”
“เอ่อ...ชั้น...”
“เธอจะไม่หนีไปไหน จะอยู่เคียงข้างชั้น ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นใช่มั้ย”
ฤทัยนาคมองอึ้ง หลินหลานเซ่อดึงฤทัยนาคเข้ามาใกล้ มองตาซึ้งๆ
“บอกสิว่าเธอจะอยู่เคียงข้างชั้นตลอดไป”
ฤทัยนาคพยักหน้า “ชั้นจะอยู่กับนาย ไม่หนีไปไหนไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น”
หลินหลานเซ่อดึงร่างฤทัยนาคเข้ามากอด มวลมหาประชาชนปรบมือกราวใหญ่ จงซินมองยิ้มพยักหน้ายินดี
ส่วนแดนนี่มองตาคว่ำ เซ็งปนหมั่นไส้ จะมาโรแมนติกอะไรตอนนี้ฟระ?
หลินหลานเซ่อยืนกอดฤทัยนาคเต็มรักเต็มแรง โดยไม่แคร์สื่อ!
อ่านต่อตอนที่ 16