คิวบิก ตอนที่ 13
เย็นวันหนึ่ง นันทกาเดินออกจากตึกมาพร้อมกับหลินหลานเซ่อเพื่อไปงานเลี้ยง บอดี้การ์ดเปิดประตูรถให้ สองคนขึ้นนั่งบนรถ
รถแล่นมาตามทาง หลินหลานเซ่อนั่งนิ่ง นันทกาปรายตามอง เห็นสีหน้าหลานเซ่อยังคงเรียบเฉย
นันทกาขยับตัว หันมองซ้ายขวากอดอก ก่อนจะชวนคุย
“วันนี้อากาศเย็นจังเลยนะคะ”
หลินหลานเซ่อนิ่ง ไม่ตอบ นันทกาฝืนยิ้มพยายามชวนคุยต่อ
“งานที่เราจะไปวันนี้เป็นงานอะไรหรือคะ”
“เธออยากรู้อะไรให้ถามจงซิน”
หลินหลานเซ่อตอบโดยไม่หันมามองหน้า นันทกาเหวอไปเล็กน้อย
หลินหลานเซ่อนั่งนิ่งมองไปข้างหน้าตลอดทาง นันทกาเริ่มอึดอัดกับความเย็นชาของเขา
“ฤทัยนาคติดต่อมาบ้างรึเปล่า”
นันทกาชะงัก หันมามอง
“เปล่าค่ะ นาคไม่ได้ติดต่อมาเลย”
สีหน้าเขานิ่งเฉย ไม่แสดงความรู้สึกใดๆ นันทกาเหลือบมองอีกครั้ง ไม่เข้าใจกับท่าทีเย็นชาและคำถามเกี่ยวกับน้องสาว
อีกวันหนึ่ง ที่เมืองไทย ฤทัยนาคอยู่ในห้องพัก หมุนคิวบิกเล่นไปมา นึกถึงเหตุการณ์ที่ไต้หวัน
เย็นวันนั้นฝนตก และโปรยสายอยู่ ขณะที่ฤทัยนาคในชุดนักเรียนขี่จักรยานฝ่าสายฝนเข้ามาหน้าตึก บอดี้การ์ดยืนอยู่
“ชั้นมาหาคุณหลิน”
“ขึ้นไปไม่ได้ คุณหลินกำลังคุยธุระกับท่านผู้ว่า”
“แต่ชั้นมีเรื่องสำคัญต้องพบเค้า บอกเค้าหน่อยได้มั้ย ว่าฤทัยนาคมาหา” บอดี้การ์ดมองหน้า ฤทัยนาคย้ำ “เรื่องสำคัญจริงๆ นะ”
“งั้นรอเดี๋ยว” บอดี้การ์ดกดโทรศัพท์ขึ้นไปหน้าห้องหลานเซ่อ “อาเฟย บอกคุณหลินว่าฤทัยนาคมาขอพบมีเรื่องสำคัญ”
ฤทัยนาคยิ้มพยักหน้าให้ “ขอบคุณนะ”
ไม่นานนัก หลินหลานเซ่อเดินออกมาอย่างเร็วรี่ เหลียวมองซ้ายขวา จนเห็นฤทัยนาคยืนหลบฝนอยู่เนื้อตัวเปียกชุ่ม
ฤทัยนาคยืนหันหลังให้ หลินหลานเซ่อเดินมาหยุดมอง ฤทัยนาคหันมาหา สองคนสบตากัน
“ชั้นเอาแฟ้มงานมาคืนนาย”
หลินหลานเซ่อคว้าข้อมือฤทัยนาคแล้วดึงให้เดินตามไป
ครู่ต่อมาฤทัยนาคยืนงงอยู่กลางห้อง หลานเซ่อเดินเข้ามาหยุดตรงหน้า ยกผ้าขนหนูผืนเล็กเช็ดผมให้อย่างนุ่มนวล ท่าทีอ่อนโยน
ฤทัยนาคอึ้ง หลานเซ่อเช็ดผมต่อ ฤทัยนาคเหลือบมองข้อมือเขา พบว่าหลินหลานเซ่อใส่นาฬิกาที่เธอซื้อให้
“ขอบคุณนะ”
“อะไร”
“ขอบคุณที่นายเช็ดผมให้ กับ...นาฬิกา”
หลินหลานเซ่อมองนาฬิกา ฤทัยนาคยิ้ม
“ชั้นไม่คิดว่านายจะใส่มัน”
หลินหลานเซ่อคลี่ยิ้มออกมา ฤทัยนาคมองจ้อง
“เวลาที่นายยิ้ม นายหล่อมากเลยรู้มั้ย”
มือของมาเฟียหนุ่มชะงัก หุบยิ้มทันที นัยน์ตามองจ้อง ฤทัยนาคตกใจคิดว่าเขาโกรธ แต่แล้วหลินหลานเซ่อกลับเคลื่อนหน้าเข้ามาใกล้ พูดบอกเสียงนุ่ม
“นับจากพรุ่งนี้ไป ชั้นไม่รู้ว่าเราจะได้เจอกันอีกรึเปล่า แต่ชั้นอยากให้เธอรู้ว่า ชั้นจะจดจำเธอตลอดไป”
ฤทัยนาคยืนอึ้ง นัยน์ตามองตะลึง หลินหลานเซ่อเคลื่อนหน้าเข้ามาใกล้เหมือนจะแตะที่ริมฝีปากแต่ไม่โดน เขาเคลื่อนริมฝีปากขึ้นมาที่หน้าผาก จูบประทับอย่างเนิ่นนาน ก่อนจะถอยออกมามองจ้อง ฤทัยนาคมองอย่างตกตะลึง ตัวแข็งเป็นหิน งงงันกับสิ่งที่เกิดขึ้น
“หนี้ทั้งหมดของเธอถือเป็นโมฆะ และเมื่อเธอถึงเมืองไทยจะมีคนเอาเงินไปให้เธอสิบล้านเหรียญ”
ฤทัยนาคมองจ้อง หลินหลานเซ่อเคลื่อนหน้าเข้ามา จูบหน้าผากอย่างแผ่วเบาอีกครั้ง
ฤทัยนาคหมุนลูกคิวบิกไป สีหน้าหมกมุ่นอยู่ในความคิดค้างคาในใจ
“มันคืออะไรกันนะ”
ภาพหลินหลานเซ่อเคลื่อนหน้าเข้ามาจูบหน้าผากอย่างแผ่วเบา ผุดซ้อนขึ้นมาอีกครา เด็กสาวจอมอัจฉริยะสลัดหัว
“ไม่จริงหรอก คนอย่างเค้าน่ะหรือจะมาชอบเรา”
ที่เซฟเฮาส์ แหล่งกบดานของหลางหย่งเหวิน อีกวันหนึ่ง
รูปถ่ายของหลินหลานเซ่อในคอมพ์ ถูกกดดู พบว่าหลินหลานเซ่อไปในสถานที่ต่างๆ มันเป็นภาพแอบถ่าย
หย่งเหวินกดดูเรื่อยๆ จนมาถึงรูปฤทัยนาคยืน หย่งเหวินมองจ้องพลางแสยะยิ้ม
“คิวบิก เธอคือคิวบิกงั้นหรือ”
หย่งเหวินเคาะที่รูปฤทัยนาคในจอ คิดถึงเหตุการณ์ตอนที่หย่งเหวินจะยิงฤทัยนาค แต่หลินหลานเซ่อกระโจนเข้ามากอดแล้วยิงมาใส่ตน
หย่งเหวินแสยะยิ้ม
“ไม่น่าเชื่อว่าคนอย่างหลินหลานเซ่อจะมีจุดอ่อนอยู่ที่เด็กผู้หญิงหน้าตาแบบเธอ”
ลูกน้องเข้ามารายงาน “นายครับ”
“ว่าไง”
“ตลอดอาทิตย์ที่ผ่านมาเด็กผู้หญิงที่ชื่อฤทัยนาคหายตัวไปจากที่นี่จริงๆ ครับ”
“แล้วหลินหลานเซ่อล่ะ”
“สายของเราที่แฝงตัวอยู่ในฉายหงกรุ๊ปบอกว่าหลินหลานเซ่อยังใช้ชีวิตเป็นปกติ ไม่มีอะไรต่างไปจากเดิมครับ อ้อ แต่มีผู้หญิงคู่ควงคนใหม่มาแทนเหม่ยจิง”
หย่งเหวินเลิกคิ้ว “ใคร”
“ชื่อนันทกาครับ เป็นผู้หญิงไทย”
“แล้วในแต่ล่ะวันมันแวะไปที่ไหนบ้าง”
“ไม่มีเลยครับ สายบอกว่าเลิกงานจากโรงเรียนก็ตรงกลับมาที่ตึกแล้วก็เข้าห้องไม่ออกไปไหน ถ้าไม่ใช่งานสำคัญ”
“หึ หลินหลานเซ่อ นับว่าแกฉลาดมากนะ ที่ใช้วิธีไม่ติดต่อกับเด็กนั่น เพื่อตัดขาดไม่ให้ใครหากลิ่นเธอเจอ”
“นายจะให้ทำไงต่อครับ”
“ส่งคนไปที่เมืองไทย ชั้นเชื่อว่าเธอกลับไปที่นั่น”
“แต่เราจะไปหาเธอได้ที่ไหนครับ เราไม่รู้ว่าเธอ...”
ลูกน้องชะตาขาด พูดไม่ทันจบ ถูกหย่งเหวินตบหน้าผัวะ
“อย่าบอกว่าทำไม่ได้ ถ้าแกยังไม่ได้ลงมือทำ หาตัวฤทัยนาคให้เจอ เพราะเธอคือจุดตายของหลินหลานเซ่อ”
“ครับ”
ลูกน้องรับขันแข็งแล้วออกไป หย่งเหวินกดดูรูปหลินหลานเซ่อในคอมพ์ด้วยสีหน้าชิงชังและอาฆาต
“หลินหลานเซ่อ ชั้นจะเก็บผู้หญิงของแกที่ล่ะคนล่ะนะ”
มือหย่งเหวินกดคอมพ์คลิกไป เห็นเป็นใบหน้าเหม่ยจิงยิ้มสวย หย่งเหวินยิ้มแสยะเห็นแต่ความน่ากลัวและอำมหิตผิดมนุษย์
เวลานั้น รถแล่นมาจอดนิ่ง เหม่ยจิงลงจากรถ บอดี้การ์ดเดินตามลงมา
“กลับได้เลย ไม่ต้องส่งชั้นหรอก”
“ไม่ได้ครับ คุณจงซินสั่งให้ส่งคุณถึงหน้าประตูทุกวัน”
“เดี๋ยวนี้พวกเค้าไม่ได้สนใจหรอกว่าชั้นจะเป็นหรือตาย”
เหม่ยจิงบอกอย่างประชด บอดี้การ์ดเดินนำไปที่ลิฟต์
ชายหญิงคู่หนึ่งยืนอยู่หน้าลิฟต์ ชายใส่สูท ผู้หญิงในเดรสสวยดูแพงโครต คล้ายคู่รักกัน ลิฟต์เปิดออก ทั้งสองเดินเข้าไป ที่แท้มันทั้งสองเป็นมือสังหาร!
เหม่ยจิงเดินตามเข้ามา บอดี้การ์ดเดินเข้ามาปิดท้าย หันไปถามชายหญิง
“ไปชั้นไหนครับ”
“ชั้น 6 ค่ะ”
มือของผู้ชายมือสังหารหยิบลวดออกมาพันมือตัวเอง มองหน้าเหม่ยจิงยืนมองตัวเลขลิฟต์ เห็นบอดี้การ์ดยืนนิ่ง มือสังหารตวัดลวดรัดคอบอดี้การ์ดจากด้านหลัง เหม่ยจิงร้องตกใจ
“ว้าย อะไรกันเนี่ย”
มือสังหารผู้หญิงหยิบมีดโกนขึ้นมาสะบัดเห็นใบมีด
“ถ้าเธอร้องล่ะก็ชั้นจะกรีดปากเธอให้ถึงหูเลย”
เหม่ยจิงอึ้ง บอดี้การ์ดดิ้นจนขาดใจตายร่างถูกปล่อยร่วงลง
ลิฟต์เปิดออก มือสังหารชายโผล่หน้าออกมามองซ้ายขวาดูลาดเลา
“ทางนี้”
มือสังหารหญิงลากตัวเหม่ยจิงตามมือสังหารชายออกไปทางบันไดหนีไฟ
ขณะเดียวกันจงซินเดินเข้ามาหาหลินหลานเซ่อ ที่กำลังนั่งอ่านงานในคอมพ์ตรงโต๊ะทำงาน
“ผมเรียบเรียงหัวข้อการประชุมของพรุ่งนี้ไว้ให้คุณแล้ว คุณลองอ่านดูก่อนนะครับ”
“ขอบใจ”
หลินเซ่อรับแฟ้มมาขยับจะเปิดชะงัก มองจอคอมพิวเตอร์
ใบหน้าเหม่ยจิงในสภาพบวมช้ำเละดูไม่จืด จากอาคารร้างแห่งหนึ่ง ปรากฎขึ้นในจอคอมพ์
“หา...เหม่ยจิง” หลานเซ่อตกตะลึง
“มีอะไรครับ” จงซินขยับเข้ามาดูที่จอคอมพ์ตรงหน้า เห็นเหม่ยจิงร้องไห้
“หลานเซ่อ ช่วยชั้นด้วย”
จงซินตะลึง
ภาพในคอมพ์ ปรากฏใบหน้าหย่งเหวินเข้ามากระชากผมเหม่ยจิงขึ้น
สองหนุ่มตกตะลึง
“หย่งเหวิน” หลานเซ่อคำราม ตาวาววับ
หย่งเหวินจิกหัวเหม่ยจิงเยาะหยัน “ไง หลินหลานเซ่อ เห็นหน้าอดีตคู่นอนคนสวยแล้วเป็นไง คิดถึงมั้ย”
หลินหลานเซ่อแค้นจนแทบกระอัก “นี่แกทำอะไรเหม่ยจิง”
“แค่เอาปืนตบปากเบาๆ โทษฐานที่ปากดี”
จงซินฉุนพยายามพูดด้วยดีๆ “หย่งเหวิน ปล่อยเหม่ยจิงซะแล้วเราจะไม่เอาเรื่องแก”
“หุบปากไปเลยจงซิน นี่มันเป็นเรื่องระหว่างชั้นกับหลินหลานเซ่อ แกไม่เกี่ยว”
“แกต้องการอะไร”
“ชั้นมีข้อเสนอที่จะคุยกับแก” หย่งเหวินบอกอย่างเป็นต่อ
“ชั้นไม่คุยอะไรกับแกทั้งนั้น ปล่อยเหม่ยจิงเดี๋ยวนี้”
“แกยังกล้าออกคำสั่งกับชั้นอีกหรือ ชั้นจะให้เวลาแกถึงพรุ่งนี้ ถ้าเที่ยงแกไม่ไปพบชั้นที่โกดังเหลียงซาน แกก็รอรับศพนังเหม่ยจิงที่ปากแม่น้ำได้เลย”
“อย่าไปเชื่อมันนะหลานเซ่อ มันจะหลอกคุณไปฆ่า” หย่งเหวินกระชากผมเต็มแรง เหม่ยจิงร้องลั่น “โอ๊ย”
“หย่งเหวิน เรื่องระหว่างแกกับชั้นไม่เกี่ยวกับเหม่ยจิงนะปล่อยเธอซะ แล้วชั้นจะยกโทษให้”
หย่งเหวินหัวเราะเยาะ “ฮ่ะ ฮ่ะ ฮ่ะ ถ้าชั้นกลัวแก ชั้นคงไม่จับตัวนังนี่มาหรอก จำให้ดี หลินหลานเซ่อ พรุ่งนี้เที่ยงถ้าแกไม่มาพบชั้น นังนี่ตาย อ้อ ไปคนเดียวนะ ถ้าชั้นเห็นลูกน้องแกแม้แต่คนเดียวล่ะก็ ชั้นคงไม่ต้องบอกนะว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับดาราม้าทองคำ”
หย่งเหวินกระชากเหม่ยจิงออกไป ยินเสียงกรีดร้องของเหม่ยจิงดังอยู่ตลอดเวลา จนภาพในจอดับไป หลินหลานเซ่อแค้นจัด หันมองหน้าจงซิน
“เอาไง จงซิน”
“ถ้าคุณไปมันต้องฆ่าคุณแน่”
“แต่ถ้าชั้นไม่ไป เหม่ยจิงก็ต้องตาย ชั้นปล่อยให้เธอตายไม่ได้หรอก” จงซินอึ้ง “ไม่ว่ายังไง เราต้องหาทางช่วยเหลือเธอ”
สองคนสบตากัน
เหม่ยจิงสลบอยู่ในอพาร์ตเม้นต์ร้างแห่งหนึ่ง สภาพน่าเวทนา มือเท้าถูกมัดกับเก้าอี้ ถูกน้ำสาดใส่เต็มหน้า เหม่ยจิงสำลักลืมตาตื่นขึ้น หย่งเหวินจับหน้าแหงนขึ้น
“อยากจะถ่ายรูปเธอลงอินสตาแกรมจัง วงการดาราคงไม่เชื่อว่าฟางเหม่ยจิงดาราม้าทองคำจะหน้าเละแบบนี้”
“หลินหลานเซ่อจะต้องฆ่าแก”
“เธอคิดว่ามันจะช่วยเธอได้งั้นหรือ ชั้นเดาได้เลยว่ามันต้องปล่อยให้เธอตายอยู่ที่นี่ เพราะมันไม่ได้รักเธอ มันรักนังคิวบิกนังเด็กคนไทยนั่น”
“ถึงเค้าจะไม่รักชั้น แต่เค้าไม่มีจิตใจอำมหิตเลวทรามเหมือนแก”
หย่งเหวินโกรธ ตบผัวะเข้าที่หน้าเหม่ยจิงด้วยขวดน้ำในมือ น้ำกระฉอกเป็นสาย
“ยังจะปากดีอีกหรือ”
เหม่ยจิงเงยหน้ามอง บ้วนเลือดออกมา
“อย่างแกมันก็ทำได้เฉพาะกับผู้หญิงที่ไม่มีทางสู้ ชั้นรู้นะว่าแกฆ่าไป่หลิง”
“ใช่ เพราะมันปากดี สาระแนไง เธอเองก็จะตายตามมันไปในไม่ช้า”
“ชั้นขอสาปแช่งแก ให้แกตกนรกหมกไหม้ คนเนรคุณอย่างแกไม่มีวันเจริญหรอก”
หย่งเหวินกระชากปืนออกมาจ่อใส่ เหม่ยจิงมองจ้องสู้สายตา ไม่กลัวแล้ว
“ยิงสิ ยิงชั้นเลย ทำไมไม่ยิงชั้นล่ะ”
หย่งเหวินเหยียดยิ้ม “หึ เธอไม่ต้องห่วง ชั้นยิงเธอแน่ แต่ต้องรอให้หลินหลานเซ่อมาก่อน ชั้นจะฆ่ามันต่อหน้าเธอ แล้วค่อยฆ่าเธอตามมันไป”
หย่งเหวินเดินออกไป หยุดกึกแล้วหันกลับมามองเหม่ยจิงเยาะหยัน
“อ้อ... ขอให้มันกล้ามานะ”
หย่งเหวินดึงประตูเดินออก เหวี่ยงปิดดังปัง เหม่ยจิงแค้นแทบกระอัก
หย่งเหวินเดินหน้าดุดันไปตามทาง
เหม่ยจิงเอาที่ปักผมกรีดดึงเทปที่พันมือ
หย่งเหวินเดินมาหยุดชะงักคิดอะไรบางอย่างได้ เหลียวมองกลับไปที่ห้อง
เหม่ยจิงแกะเทปที่พันมือออกได้แล้ว ในจังหวะที่หย่งเหวินหันกลับเดินตรงไปที่หน้าห้องขังเหม่ยจิง
เหม่ยจิงแกะเทปพันขาออกได้
หลางหย่งเหวินเดินมาที่หน้าห้องเปิดประตูเข้าไป กราดสายตามองทั่วห้องแต่ไม่เห็นเหม่ยจิง นอกจากนี้เก้าอี้ยังหายไป หย่งเหวินเอะใจหันขวับมองกลับไปที่หลังประตู
เหม่ยจิงรอจังหวะอยู่ฟาดเก้าอี้เข้าที่หน้าหย่งเหวินเต็มแรง หย่งเหวินยกมือรับ เหม่ยจิงฟาดซ้ำสุดแรงเกิด คราวนี้หย่งเหวินร้อง โอดโอย ทรุดลงคาพื้น เหม่ยจิงกระชากปืนที่เอวหย่งเหวินมา ลูกน้อง 1 ได้ยินเสียงวิ่งพรวดพราดเข้ามา
“มีอะไรครับนาย”
เหม่ยจิงกดปืนยิงใส่ ลูกน้อง 1 ตายคาที่ แล้ววิ่งหนีออกไปอย่างรวดเร็ว
เหม่ยจิงวิ่งออกมาตามทางเดิน ลูกน้อง 2 โผล่ออกมาขวาง เหม่ยจิงยิงใส่เปรี้ยง ลูกน้อง 2 กระเด็น ทรุดลง เหม่ยจิงมองแล้ววิ่งลงบันไดหนีไฟไป
หย่งเหวินขยับลุกขึ้น ลูกน้อง 3 วิ่งเข้ามาดู หย่งเหวินกระชากปืนจากมือลูกน้อง
“เป็นอะไรรึเปล่าครับ” ลูกน้องถาม
“ไปดักมันข้างล่าง อย่าให้มันหนีไปได้”
หย่งเหวินสั่งเข้ม แล้ววิ่งออกไป
เหม่ยจิงวิ่งลงบันไดมา เจอลูกน้อง 4 โผล่ออกมายิงใส่ เหม่ยจิงหลบกระสุนได้อย่างหวุดหวิด
หย่งเหวินโผล่ตามลงมา
ลูกน้อง 4 ร้องบอก “มันอยู่ทางนี้ครับนาย”
“อ้อมไปด้านหลัง จับมันให้ได้”
หย่งเหวินสั่งการแล้ววิ่งมาตามทาง เห็นเหม่ยจิงวิ่งลงบันไดจึงยิงใส่ เหม่ยจิงวิ่งหลบไปที่หน้าห้อง
“ถ้าไม่อยากตายออกมาซะดี ๆ เธอหนีไม่รอดหรอก” หย่งหวินตะโกนอย่างคั่งแค้น
เหม่ยจิงมองซ้ายขวาตัดสินใจวิ่งหลบเข้าไปในห้องหนึ่ง พอเข้ามาพบว่าห้องโล่งไม่มีใคร เหม่ยจิงวิ่งออกมา ไปเปิดอีกห้อง ทั้งห้องเป็นห้องโล่ง เช่นเดียวกัน
เหม่ยจิงตัดสินใจโผล่ออกมาจะวิ่งไปทางซ้าย เห็นลูกน้อง 4 โผล่มายิงใส่ เหม่ยจิงหลบแล้วหันกลับไปทางขวา คราวนี้เจอหย่งเหวิน
“ชั้นบอกแล้วไง เธอหนีไม่พ้นหรอก”
เหม่ยจิงตัดสินใจวิ่งเข้าห้อง 3 ที่อยู่ตรงกลาง หย่งเหวินกราดยิงใส่ เหม่ยจิงปิดประตูหลบทัน ล็อคประตูทันที
ซุปตาร์สาววิ่งไปดูหน้าต่าง พบว่าหน้าต่างเป็นกระจกปิดตาย เหม่ยจิงหันซ้ายขวา ก่อนจะหยิบกระติกในห้องทุ่มใส่กระจกเต็มแรง แล้วกระโดดออกมาตรงระเบียง คว้าท่อหลังห้องปีนลงมายังห้องชั้นล่าง แต่โชคร้ายปืนหล่นตกไป
หย่งเหวินกับลูกน้อง 4 วิ่งมาที่หน้าห้อง
หย่งเหวินตะโกนก้อง “พังเข้าไป”
ลูกน้องพังประตูเข้าไป
เหม่ยจิงกระโดดลงมาที่ระเบียงห้องชั้นล่างได้ ลูกน้อง 4 โผล่ออกมาจากระเบียงห้องชั้นบนยิงใส่
เหม่ยจิงหลบทันหวุดหวิด
ซุปตาร์ม้าทองคำ เปิดประตูโผล่หน้าออกมาดูลาดเลา มองซ้ายแลขวา ลูกน้อง 3 วิ่งเข้ามาทางซ้าย เหม่ยจิงวิ่งหลบออกทางขวา
เหม่ยจิงวิ่งหนีลงบันไดมา หย่งเหวินวิ่งตามลงมาจากชั้นบนยิงไล่หลัง เหม่ยจิงวิ่งไปที่ประตูผลักออก วิ่งเลี้ยวออกมาจากตัวตึก วิ่งมาทางหนึ่ง มีหย่งเหวินวิ่งตามออกมาติดๆ เหม่ยจิงวิ่งไม่คิดชีวิต หย่งเหวินมองตามตาวาว ยกปืนขึ้นเล็งใส่แผ่นหลัง
เหม่ยจิงเหลียวซ้ายแลขวา หาทางหนี หย่งเหวินเหนี่ยวไกปัง กระสุนแหวกอากาศพุ่งเข้าหาใส่แผ่นหลังจังๆ ร่างเหม่ยจิงผงะความเจ็บปวดแผ่ไปทั่วร่าง เธอฝืนตัวทรงร่าง แต่แล้วหย่งเหวินยิงซ้ำอีกสองนัดซ้อน
เหม่ยจิงผงะรับกระสุน ร่างแบบบางงดงามร่วงลงกองกับพื้น ตาเบิกโพลง
หย่งเหวินแสยะยิ้มแววตาอำมหิตผิดมนุษย์ แล้วหันกลับเดินออกไป ทิ้งศพเหม่ยจิงให้นอนตายลืมตาโพลง โดยไม่แยแส
ไม่นานนัก มีตำรวจวิ่งเข้ามาดูศพ ก่อนจะยกวอพูดรายงาน แล้วจับร่างเหม่ยจิงเขย่าๆ เรียก
ใบหน้าเหม่ยจิงมีเลือดกระฉอกตามแรงเขย่านั้น ชาวบ้านเข้ามามุงเหตุการณ์อย่างตื่นกลัว
หลินหลานเซ่อกับจงซินเดินเข้ามา บรรดาบอดี้การ์ดแหวกคนออกเปิดทางให้
มองจากมุมสูงลงมา เห็นหลินหลานเซ่อก้าวเข้ามากับจงซิน สองหนุ่มยืนมองศพเหม่ยจิงอย่างตะลึงงัน
จงซินหัวใจสลาย ทรุดลงประคองร่างร้องเรียกเหม่ยจิง
“เหม่ยจิง เหม่ยจิง”
หลินหลานเซ่อมองอย่างคั่งแค้นใจ พูดแทบเป็นคำราม
“ไอ้หย่งเหวิน ชั้นจะฆ่าแกด้วยมือชั้นเอง”
จงซินใจจะขาดรอนๆ มองเหม่ยจิง แสนอาลัย
“ชั้นขอโทษ ที่ชั้นมาช้าไป”
หลินหลานเซ่อมองจงซินแล้วบีบไหล่ปลอบ นัยน์ตาวาววับทั้งแค้นใจและโศกศัลย์
“เธอจากเราไปแล้วจงซิน”
จงซินเหลือบมอง หลินหลานเซ่อมองตอบแล้วพยักหน้าให้ หันตัวเดินออกไป จงซินจับใบหน้าเหม่ยจิงพลิกมาหา
“ชั้นสาบาน เธอจะไม่ตายฟรี”
จงซินให้คำมั่นสุดท้าย แล้วดึงรั้งร่างไร้วิญญาณของเหม่ยจิงมากอดเต็มรัก
ในเวลาต่อมาจงซินอุ้มศพเหม่ยจิงเดินมาตามทางในตรอกนั้น ตำรวจเดินนำ บอดี้การ์ดสองนายเดินตามหลัง
เช้านี้ ที่สุสานแห่งนั้น มีผู้คนมาร่วมไว้อาลัยฟางเหม่ยจิงเนืองแน่น ทั้งในแวดวงบันเทิง และวงการมาเฟีย ทุกคนต่างยืนนิ่งเคารพศพ
ตรงหน้ารูปเหม่ยจิง จงซินยืนนิ่ง หลินหลานเซ่อ เพ่ยอิงและมีนายืนอยู่ข้างๆ กัน
นักข่าวระดมถ่ายรูป แฟนคลับเหม่ยจิงร้องไห้ระงม
“ฟางเหม่ยจิง ถึงเธอจะจากพวกเราไปแต่ความดีงามและความสวยงามของเธอจะเป็นที่จดจำของพวกเราตลอดไป ขอให้ฟางเหม่ยจิงผู้เป็นที่รักของพวกเราไปเกิดเป็นดาวดวงใหม่”
บาทหลวงแตะหน้าผาก แตะไหล่ซ้ายขวาบอก
“ข้าแต่พระบิดาพระบุตรพระจิต...”
คนทยอยโยนดอกไม้ลงหลุม หลินหลานเซ่อโยนดอกไม้ลง
เพ่ยอิงและมีนาโยน จงซินยืนอยู่คนสุดท้าย มองดอกไม้ในมือนิ่งนาน
นึกถึงตอนถูกเหม่ยจิงถามที่บาร์หลายคืนก่อน
“คุณเคยรักใครมั้ยจงซิน”
จงซินมองหน้าเหม่ยจิงแน่วนิ่ง “เคย”
“จริงหรือ ผู้ชายเลือดเย็นฉายาถุงเลือดเดินได้อย่างคุณเนี่ยนะเคยรักใคร” เหม่ยจิงเอียงหน้าเข้ามาหา “บอกชั้นหน่อยได้มั้ยว่าใคร”
จงซินมองนิ่ง เหม่ยจิงมองจ้อง
“ชั้นอยากรู้จริงๆ ว่าอย่างคุณจะรักผู้หญิงแบบไหน”
จงซินมองนิ่ง เหม่ยจิงยิ้มให้
จงซินสะท้อนใจ มองดอกไม้ในมือ หลินหลานเซ่อเดินออกมา เหลียวมองไปที่จงซินอย่างเข้าใจ แล้วหันกลับ
จงซินยกดอกไม้ขึ้นมาจูบแล้วบอก
“ชั้นอยากให้เธอรู้นะว่าชั้นรักเธอฟางเหม่ยจิง”
จงซินจูบดอกไม้อีกครั้ง ก่อนจะโยนลงไปในหลุม แล้วเดินออกไปทันที
หลินหลานเซ่อเดินมากับจงซิน เพ่ยอิงกับมีนาเดินเข้ามาสมทบ
“ชั้นเสียใจด้วยนะหลานเซ่อ ที่นายต้องเสียเหม่ยจิงไป”
หลานเซ่อพยักหน้า จงซินหน้านิ่งเฉย
“ชั้นรู้นะว่านายก็คงเสียใจไม่น้อย ถึงนายจะไม่ได้รักเธอ แต่คนเราอยู่ด้วยกันมานาน มันก็ต้องมีความรู้สึกบ้าง จริงมั้ยจงซิน”
จงซินบอก “ครับ”
“คุณหลินคะ แล้วนาคเป็นยังไงบ้างคะ สบายดีมั้ยคะ” มีนาถามขึ้น
หลินหลานชะงักเหลือบมองมีนาก่อนจะพยักหน้า
“ฝากบอกนาคด้วยนะคะว่าชั้นคิดถึงเค้า”
หลินหลานเซ่อพยักหน้านิดๆ ไม่บอกอะไร
“เออนี่ เรื่องไอ้หย่งเหวินเนี่ย ชั้นก็ให้คนของชั้นออกตามหามันอยู่เหมือนกันนะ ถ้าชั้นเจอตัวมัน นายจะให้ชั้นฆ่ามันเลยหรือว่านายอยากจะฆ่ามันด้วยมือตัวเอง” เพ่ยอิงถาม
“แกอยากทำอะไรกับมันก็ทำเถอะ”
“นายจำได้มั้ย ชั้นเคยบอกพวกนายแล้วว่ามันเป็นคนลอบฆ่านาย แต่พวกนายไม่เชื่อชั้น”
เพ่ยอิงมองหน้าจงซิน แต่จงซินยังนิ่งเฉย
“แล้วชั้นขอทายได้เลยว่าคนที่มันจะฆ่าต่อจากนายก็คือท่านซาน”
มีนาเหลือบมองปรามๆ เพ่ยอิง เกรงใจหลานเซ่อที่แฟนหนุ่มพูดมาก
“นายรู้มั้ยจงซินว่าทำไมไอ้หย่งเหวิน มันถึงเป็นคนอย่างงั้น เพราะมันไม่มีพ่อแม่สั่งสอน”
มีนาทนไม่ไหว “คุณเพ่ยอิงคะ”
เพ่ยอิงเสียงหวาน “มีอะไรจ๊ะ”
“ชั้นว่าเรากลับกันเถอะค่ะ”
เพ่ยอิงอิดออด กำลังติดลม “เดี๋ยวได้มั้ย ให้ผมคุยธุรกิจกับหลินหลานเซ่อก่อน”
“ชั้นว่านายกลับเถอะ ชั้นมีเรื่องสำคัญต้องทำ”
หลินหลานเซ่อเดินออกไปเลย จงซินตามติด เพ่ยอิงมองตามอย่างหมั่นไส้ สบโอกาสโม้อวดหญิง
“หลินหลานเซ่อ นายนี่ยังเหมือนสมัยเด็กๆ เลยนะ ไม่สู้คนคุณรู้มั้ยมีนา สมัยตอนเป็นเด็ก เวลาหลินหลานเซ่อถูกใครรังแก ผมต้องคอยช่วยเค้าตลอด”
มีนาดักคอ “แต่ที่ชั้นได้ยินมา ป้าเหมยบอกว่าตอนเด็กๆ คุณน่ะเป็นฝ่ายถูกคุณหลินต่อยจนร้องไห้ ต้องหนีกลับบ้านบ่อยๆ ไม่ใช่หรือ”
เพ่ยอิงทำไก๋ “ป้าเหมยพูดอย่างงั้นหรือ”
มีนาตัดบท “ก็ใช่น่ะสิ ไป ไปหาอะไรกินกันเถอะ ชั้นหิวแล้ว”
มีนาดึงแขนเพ่ยอิงลากไป เพ่ยอิงยังบ่นบ้าตามประสา
“ป้าเหมยนี่พูดจาเลอะเทอะจริงๆ”
สองคนกลับถึงออฟฟิศ ในตอนเย็น
หลินหลานเซ่อครุ่นคิดหนัก ขณะจงซินเดินเข้ามา
“คุณหลินครับ” หลานเซ่อชะงักหันมองมา “พรุ่งนี้ช่วงเช้าผมจะไม่อยู่ซักสองชั่วโมงนะครับ”
“นายจะไปไหน”
“ผมจะไปจัดการเรื่องทรัพย์สินของเหม่ยจิงให้กับครอบครัวเธอ”
“อืมม์” จงซินขยับจะไป “จงซิน”
“ครับ”
“ทำไมนายไม่บอกชั้นว่านายรักเหม่ยจิง”
จงซินอึ้งและอึกอัก “คือผม...”
“นายไม่ต้องปิดบังชั้นหรอก” จงซินนิ่ง หลินหลานเซ่อมองจ้องหน้า “ทำไมชั้นถึงไม่เคยสังเกตความรู้สึกของนาย”
“คุณหลินครับ ผมอยากจะเรียนให้คุณหลินทราบนะครับว่า...”
“จงซิน ถึงขนาดนี้แล้ว เราไม่ควรจะมีอะไรต้องปิดบังกันนะชั้นเคยบอกนายไม่ใช่หรือ ชั้นรักนายเหมือนกับพี่ชายแล้วเหม่ยจิง ชั้นเองก็ไม่ได้...”
จงซินสวนออกมา “คุณหลินครับ ผมขอบคุณที่คุณหลินดีกับผม แต่เรื่องเหม่ยจิง ผมต่างหากที่เป็นฝ่ายต้องขอโทษที่แอบคิดไม่ดีกับเธอ”
“นายไม่ผิดหรอก เพราะมันเป็นเรื่องของความรัก” จงซินมองหน้าหลินหลานเซ่อ “ก่อนหน้านี้ชั้นก็เคยคิดแบบนายว่าจะไม่มีวันรักผู้หญิงคนไหน แต่แล้วชั้นก็บังคับหัวใจตัวเองไม่ได้ ตั้งแต่วันที่ชั้นได้รักฤทัยนาค โลกทั้งโลกมันก็เปลี่ยนไป ทุกครั้งที่ชั้นได้อยู่ใกล้ชิดกับเธอ มันมีความสุขอย่างประหลาด”
ขณะพูดหลินหลานเซ่อมองเหม่อ แววตาอ่อนโยน ภาพแสนหวานระหว่างเขากับเจ้าของโค้มเนมคิวบิกผุดซ้อนเข้ามา เป็นระลอก ทั้งตอนที่เขากระซิบข้างหูฤทัยนาค / พาฤทัยนาคไปไหว้พระ / เช็ดผมให้ในวันฝนตก และสุดท้ายเป็นตอนที่เขาหอมหน้าผากฤทัยนาค
ตลอดเวลาหลินหลานเซ่อคลี่ยิ้มอย่างสุขใจ แล้วหันมามองจงซิน
“ชั้นถึงอยากให้นายได้มีความรู้สึกเหมือนชั้นบ้าง”
จงซินมองหลานเซ่ออย่างซาบซึ้ง ทั้งรักและศรัทธา
“ขอบคุณ คุณหลินมากครับ”
จงซินก้มหัวให้ แล้วหันตัวเดินออกไป หลินหลานเซ่อมองตามจนลับตา
จากนั้นหลินหลานเซ่อทรุดตัวลงนั่งนึกถึงเหม่ยจิง แล้วคิดถึงฤทัยนาค มังกรผู้เดียวดายนั่งอยู่ท่ามกลางความอ้างว้างในห้องนั้น
วันต่อมาจงซินเดินเข้ามาในห้องพักเหม่ยจิง กวาดตามองรอบห้อง
แฟลชภาพ ตอน ฉาก ที่จงซินเข้ามา แล้วเหม่ยจิงเอาโทรศัพท์ไป
จงซินหันไปมองอีกมุม เห็นภาพเหม่ยจิงเดินออกมา
“ทำไมไม่บอกชั้นว่าคุณรักชั้น ถ้าคุณบอก ชั้นก็จะแต่งงานกับคุณตาทึ่ม”
จงซินมองจ้องตกอยู่ในภวังค์
บอดี้การ์ดเดินเข้ามา
“คุณจงซินครับ”
จงซินชะงัก หลุดจากจากภวังค์ หันมองมา
“แม่บ้านมาแล้วครับ จะให้เก็บของของคุณเหม่ยจิงเลยมั้ยครับ”
จงซินพยักหน้า แล้วเดินออกไป แม่บ้านถือลังเดินเข้ามาเก็บของ รูปแสนสวยของเหม่ยจิงถูกเก็บลงกล่องนั้น
ที่เมืองไทย ฤทัยนาคเปิดหนังสือพิมพ์เห็นข่าวพาดหัว “เหม่ยจิง ดาราม้าทองคำ ฟางเหม่ยจิง ถูกฆ่าตาย”
“เหม่ยจิงถูกฆ่าตายงั้นหรือ”
ฤทัยนาคร้อนใจหยิบโทรศัพท์กดทางไกล โทร.หาใครบางคน
ที่โรงเรียนไฮสกูลฉายหงส์ แดนนี่กำลังเดินทอดอารมณ์มาตามทาง เสียงมือถือดัง แดนนี่มองเบอร์ไม่คุ้น แถมเป็นทางไกลด้วย แม้จะแปลกใจแต่ก็กดรับ
“ฮัลโหล”
“ชั้นเองนะ แดนนี่”
แดนนี่ตาเหลือก ตกใจมองซ้ายขวา “โทร.มาทำไม หลินหลานเซ่อสั่งแล้วไม่ใช่หรือ ว่าห้ามติดต่อมา ถ้าตำรวจมันดักฟังโทรศัพท์ชั้น เราจะซวยนะ”
“ชั้นเห็นข่าวเหม่ยจิงถูกฆ่าตาย มันเรื่องอะไรกัน”
“ก็ไอ้หย่งเหวินน่ะสิ มันจับเหม่ยจิงไปเพื่อจะต่อรองกับหลินหลานเซ่อ”
“แล้วหลานเซ่อเป็นยังไงบ้าง”
“เค้าปลอดภัย แต่เธอเองต้องระวังตัวให้มากนะ ชั้นว่าไอ้หย่งเหวินมันต้องตามหาตัวเธอนะ”
“อืมม์ ชั้นรู้น่ะ แล้วหลานเซ่อเค้าเสียใจมากมั้ย”
แดนนี่หมั่นไส้ “ยังมีหน้ามาถาม เค้าจะเสียใจทำไม เค้ารักเธอเค้าไม่ได้รักฟางเหม่ยจิงซะหน่อย”
“นายก็พูดบ้าๆ อยู่เรื่อย แค่นี้นะ”
ฤทัยนาคปิดโทรศัพท์ มองข่าวเหม่ยจิงในหนังสือพิมพ์พึมพำคนเดียว
“ฝีมือไอ้หย่งเหวินหรือ”
ส่วนแดนปิดโทรศัพท์ หันกลับมาสะดุ้งโหยง เมื่อเห็นแพทริคยืนอยู่กับลูกน้อง
“คุยกับใครหรือแดนนี่”
“ผมมีสิทธิ์จะคุยกับใครก็ได้ ไม่เกี่ยวกับคุณ”
“หวังว่าคงไม่ใช่พ่อนายนะ”
แพทริคดักคอ แล้วดึงโทรศัพท์จากมือแดนนี่
“เอาโทรศัพท์ผมคืนมาเดี๋ยวนี้”
“ชั้นเป็นตำรวจสากล กำลังตามตัว คาลอส ทาเปีย พ่อนาย ฉะนั้นชั้นมีสิทธิ์สงสัยว่าเบอร็นี้อาจจะโทรมาจากพ่อนายก็ได้” แพทริคกดูเบอร์ย้อนหลัง “นี่เบอร์ของใคร ไม่ใช่เบอร์ที่นี่นี่ 066”
ลูกน้องบอก “นั่นรหัสเมืองไทยครับ”
แพทริคสนใจ “หือม์ เมืองไทยงั้นหรือ”
แดนนี่จะคว้าโทรศัพท์ ลูกน้องแพทริคกระชากตัวแดนนี่ออกมาล็อกไว้
“เอาโทรศัพท์ชั้นคืนมาเดี๋ยวนี้ นายไม่มีสิทธิ์ใช้โทรศัพท์ชั้นนะ” แดนนี่โวยแหลก
แพทริคกดโทรศัพท์โทร.ออกเบอร์เดิม
“ชั้นบอกว่าเอาโทรศัพท์ของชั้นคืนมา
แพทริคฟังเสียงปลายสาย เป็นสายว่างแต่ไม่มีคนรับ
ที่เมืองไทยโทรศัพท์มือถือดัง ฤทัยนาคมอง หยิบมาดูเบอร์มองอย่างแปลกใจ
“แดนนี่ ไหนเมื่อกี้บอกไม่ให้เราโทร.กลัวตำรวจดักฟัง”
แพทริครอฟังเสียงปลายสาย มองหน้าแดนนี่เขม็ง แดนนี่ลุ้นไส้บิด
“ชั้นว่านายคืนโทรศัพท์ชั้นมาดีกว่านะ”
“ใจเย็น ชั้นแค่อยากรู้ว่ามันเบอร์ใคร”
หลินหลานเซ่อเดินเข้ามากับบอดี้การ์ดสองนาย
“คืนโทรศัพท์ให้แดนนี่เดี๋ยวนี้ผู้กอง”
แพทริคหันมองมา ทักกวนปนกร่าง
“สวัสดีคุณหลินหลานเซ่อ ผมกำลังสอบสวนหาผู้ร้ายอยู่”
“ที่นี่เป็นโรงเรียนของผม คุณไม่มีสิทธิ์เข้ามาโดยไม่ได้รับอนุญาต”
“แต่ผม...”
“ถ้าคุณไม่คืนโทรศัพท์ล่ะก็ ผมจะให้คนของผมจับคุณออกไปแล้วผมจะฟ้องให้คุณติดคุก”
เสียงโทรศัพท์ยังดังต่อเนื้อง ฤทัยนาคมองอย่างลังเล
“หรือว่าไม่ใช่แดนนี่ เพราะแดนนี่ไม่น่าโทร.กลับมาหาเรา”
ฤทัยนาคมองโทรศัพท์ ที่กรีดเสียงดังต่อเนื่อง
แพทริคไม่คืนรอฟังเสียงปลายสาย ปรายตามองหลินหลานเซ่อที่จ้องอยู่ แดนนี่ลุ้นสุดโต่ง
“อาเซียว”
หลินหลานเซ่อเรียกบอดี้การ์ด บอดี้การ์ดขยับตัวจะเข้าไป
“เอา คืนให้ก็ได้” แพทริคกดปิดโทรศัพท์ ส่งโทรศัพท์คืนให้แดนนี่
“นายอย่าถือว่าเป็นตำรวจแล้วมาทำเบ่งกับชั้นนะ ชั้นจะแจ้งความเอาเรื่องนายให้ถึงที่สุด” แดนนี่แค้น
“เชิญ” แพทริคท้า
“ออกไปจากโรงเรียนผมได้แล้ว” หลานเซ่อไล่ แพทริคมองอย่างไม่เกรงกลัว “หรือคุณจะให้คนของผมจับคุณโยนออกไป”
ลูกน้องแพทริคชักปืนเตรียมพร้อม ลูกน้องหลานเซ่อก็ชักปืน แพทริคยกมือห้ามลูกน้อง
“เก็บปืนซะมาคัส”
ลูกน้องแพทริคมองเขม่นบอดี้การ์ด แล้วมองหลานเซ่ออย่างไม่พอใจก่อนเก็บปืน
แพทริคขยับจะเดินออก หลินหลานเซ่อแตะหน้าอกแพทริคบอกเป็นเชิงขู่
“แล้วผมจะเตือนอีกครั้ง ถ้าคุณเข้ามาที่นี่โดยที่ผมไม่ได้อนุญาตล่ะก็ คุณจะไม่ได้เดินกลับออกไปแน่”
แดนนี่มอง แพทริคสะบัดมือหลานเซ่อออก
“ผมก็อยากจะบอกให้คุณรู้นะ ผมจะต้องหาตัวเด็กผู้หญิงที่ชื่อฤทัยนาคให้เจอ แล้วเมื่อถึงตอนนั้นผมจะทำให้คุณเหลือตัวเท่ามดเลย”
แพทริคเดินกร่างออกไป หลินหลานเซ่อกับแดนนี่มองตาม
“ขอบใจนายมากนะ ถ้านายมาไม่ทันล่ะก็...”
“ใครโทร.มา”
แดนนี่ฉุน “จะใคร ก็ฤทัยนาคน่ะสิ”
“ชั้นบอกแล้วไม่ใช่หรือว่าห้ามนายติดต่อกับเธอ”
“ชั้นไม่ได้โทร. เด็กนายต่างหากที่โทร.หาชั้น”
“โทร.มาเรื่องอะไร”
“เธอเห็นข่าวเหม่ยจิงตาย ก็เลยเป็นห่วงนายน่ะสิ”
“ถ้าเธอโทร.มาอีก นายต้องห้ามรับสายเธอเข้าใจรึเปล่า
หลินหลานเซ่อจะเดินออก
“เดี๋ยว หลินหลานเซ่อ” หลานเซ่อหันมองมา “นายว่าฤทัยนาคจะปลอดภัยมั้ย”
หลินหลานเซ่อมองจ้องหน้าแดนนี่แต่ไม่ตอบ หันกลับเดินออกไป แดนนี่มองตามสีหน้าเครียดดูโทรศัพท์ในมือ พึมพำกับตัวเอง
“เกือบไปแล้ว ฤทัยนาค”
แพทริคเดินเลี้ยวออกมาตามทางเดินในโรงเรียนกับลูกน้อง
“ไอ้หลินหลานเซ่อนี่มันกร่างมากนะครับผู้กอง” ลูกน้องว่า
“มันยังไม่รู้จักชั้นดี เอาไว้ให้ได้ตัวเด็กที่ชื่อฤทัยนาคก่อนเถอะ ชั้นจะรวบมันเข้าคุกพร้อมกับไอ้คาลอสเลย” ผู้กองเลือดเดือดบอก
วันต่อมา หลินหลานเซ่อลงนั่งหารือกับจงซิน สองคนอยู่ในห้องทำงานที่ตึกฉายหงส์กรุ๊ป
“จงซิน ส่งคนของเราประกบไอ้แพทริคไว้ ชั้นต้องรู้ความเคลื่อนไหวของมันทั้งหมด”
“ครับ”
“ส่วนไอ้หย่งเหวิน ประกาศออกไป ถ้าใครเจอตัวมันชั้นจะให้ล้านนึง”
“ครับ แล้วนันทกาล่ะครับ ผมคิดว่าไอ้หย่งเหวินอาจจะไม่ปล่อยเธอไว้เหมือนกัน”
“ใช่ ชั้นลืมเธอไปอีกคน มันฆ่าเหม่ยจิงได้ มันก็ต้องฆ่านันทกาเหมือนกัน บอกพ่อเธอไม่จำเป็นห้ามออกไปไหน แล้วส่งคนคุ้มกันเธออีกเท่านึง”
“ครับ” เสียงโทรศัพท์ดัง จงซินกดรับ “ว่าไง อาเฟย...” พลางหันมามองหน้านาย “ที่ไหน...ดี...เฝ้ามันไว้” จงซินปิดโทรศัพท์ “อาเฟยโทร.มาบอกว่าเจอตัวไอ้หย่งเหวินแล้วครับ”
“มันอยู่ไหน”
“อู่ต่อเรือ ซี ฮอว์ก
หลินหลานเซ่อลุกยืนตาวาววับ
“ไอ้หย่งเหวิน ต่อให้มีปีกแกก็หนีไม่พ้น”
ที่อู่ต่อเรือในเวลาต่อมา ลูกน้องหย่งเหวินเดินอยู่กราบเรือ มองซ้ายขวา เดินมาสุดมุมเลี้ยวโค้ง บอดี้การ์ดหลินหลานเซ่อเข้ามากระชากคอแทงด้วยมีดขาดใจตายทันที
อีกมุมหนึ่ง ลูกน้องหย่งเหวินสองหันมามองเชือกที่ตวัดรัดคอ ทั้งสองดิ้นลงกับขาดใจตายกับพื้น
หลินหลานเซ่อเดินก้าวเข้ามาลูกน้องส่งปืนให้
หลินหลานเซ่อเดินมาตามด้านข้างผ่านช่องหน้าต่าง จงซินตามมา บอดี้การ์ดตามติด ทุกคนเคลื่อนไหวว่องไว และเงียบกริบ
บริเวณลานพักผ่อนบนเรือ ลูกน้องหย่งเหวิน 5 คน นั่งคุย เล่นไพ่นกกระจอก อยู่ตรงนั้น
ประตูเคบินแง้มเปิดออกช้าๆ
ลูกน้อง 1 เล่นไพ่ เงยหน้ามอง ลูกน้อง 2 ยกเครื่องดื่มกระป๋องดื่มหันมองตาม และ ลูกน้อง 3 กำลังคุยหันมองเช่นกัน
ทั้งสามคนเห็นหลินหลานเซ่อก้าวเข้ามา ตามมาด้วยจงซิน และบอดี้การ์ด หลานเซ่อกราดยิงใส่ จงซินและบอดี้การ์ดยิงถล่ม
ลูกน้องหย่งเหวินทั้ง 5 คนโดนกระสุนแดดิ้น ข้าวของแตกกระจุยกระจาย
ด้านหย่งเหวินกำลังคีบอาหารเข้าปาก แต่ต้องชะงักกับเสียงปืนหันมามองทางเสียง ลูกน้อง 6 วิ่งเข้ามา พร้อมกับถูกกระสุนเจาะเข้าที่หลัง
“หนีเร็วพี่ หลินหลานเซ่อมา”
หย่งเหวินคว้าปืนสองกระบอกขึ้นมา
ขาดคำ สองคนโผล่เข้ามา หย่งเหวินยิงสาดใส่ หลานเซ่อกับจงซินหลบ
หย่งเหวินวิ่งออกไปอีกทาง ลูกน้อง 2 คนโผล่เข้ามาอารักขา ถูกหลานเซ่อกับจงซินโผล่เข้ามายิงใส่ลูกน้องหย่งเหวินตายคาที่
จังหวะนี้ ลูกน้อง 9 วิ่งตามหย่งเหวิน สองคนระดมยิงตามหลังไป
“ตามมันไป” หลานเซ่อตะโกนก้อง
สองคนวิ่งตามออกไปอย่างรวดเร็ว
หย่งเหวินวิ่งเลี้ยวออกมา บอดี้การ์ดสองคนโผล่เข้ามา หย่งเหวินยิงใส่ แล้ววิ่งออกไปทางหนึ่ง ลูกน้องหย่งเหวินสองคนยิงใส่บอดี้การ์ดหลานเซ่อ สองคนตายคาที่
หลินหลานเซ่อสาดกระสุนใส่ลูกน้องหย่งเหวิน จงซินสาดกระสุนใส่เช่นกัน
หย่งเหวินวิ่งมาหยุด มองซ้ายขวา ก่อนจะปีนขึ้นบันไดไป
หลานเซ่อวิ่งตามมาเห็นขาหย่งเหวินกำลังปีนขึ้นบันไดพอดี
“มันอยู่นั่นจงซิน”
หลินหลานเซ่อวิ่งมาหยุดที่บันไดจะขึ้น หย่งเหวินยิงสาดกระสุนลงมา สองคนต้องหลบพัลวัน
“แน่จริงก็ตามมาหลินหลานเซ่อ ถ้าแกไม่กลัวตายก็ขึ้นมาเลย”
หลินหลานเซ่อมองขึ้นไปด้านบน แล้วหันมาพยักหน้าให้จงซินเตรียมพร้อม หลานเซ่อยกปืนสาดกระสุนนำขึ้นไปเปิดทาง พร้อมกับวิ่งขึ้นอย่างว่องไว จงซินวิ่งตาม
หลินหลานเซ่อโผล่หน้าขึ้นมา จงซินตามติด ทั้งสองมองซ้ายขวา ไม่เห็นหย่งเหวินแล้ว สองคนมองหน้ากันแล้วพยักหน้าอย่างรู้กัน ทั้งสองก้าวเดินหาหย่งเหวิน จงซินเดินนำ หลานเซ่อตาม
ด้านข้างหลินเดิน กล้องเคลื่อนตามหลินไป หลินเดินผ่านหย่งเหวิน หย่งเหวินยกปืนจะยิงหลิน จงซินหันมาเห็นหย่งเหวินกำลังจะยิงหลิน จงซินยกปืนยิงใส่ หย่งเหวินหลบ
หลินหันยิงใส่ชุดใหญ่ หย่งเหวินหลบพัลวันวิ่งออกไปอีกห้องกระชากประตูปิดดึงเหล็กล็อค
หย่งเหวินวิ่งออกมาตามทางในเคบิน เจอบอดี้การ์ด หย่งเหวินยิงกระเด็นไป
หลินหลานเซ่อวิ่งมากระชากประตูดึง แต่ไม่ออก
“จงซิน หาทางออกเร็ว มันล็อคประตู”
“ไปด้านหลังครับ”
จงซินบอกแล้ววิ่งนำไปเปิดประตูด้านหลัง หลานเซ่อวิ่งตามออกไป
หย่งเหวินวิ่งออกมาที่กราบเรืออีกทาง เจอบอดี้การ์ดหลานเซ่อ หย่งเหวินยิงปืนใส่ บอดี้การ์ดร่วงลงขาดใจตาย หย่งเหวินกระโดดลงเรือเล็ก ปลดเชือกสตาร์ทเครื่องอย่างว่องไว
หลินหลานเซ่อกับจงซินวิ่งออกมา เห็นหย่งเหวินกำลังสตาร์ทเครื่องหนี
“มันกำลังจะหนีครับ” จงซินบอก
หลินหลานเซ่อกับจงซินวิ่งตาม เห็นหย่งเหวินขับเรือออกไป สองคนไล่ยิงตามจนหมดแม๊ก ได้แต่มองอย่างโกรธแค้น
ส่วนบนเรือเล็ก หย่งเหวินหันไปมองหลัง ก่อนจะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา
“มันคงนึกว่ามันฉลาดกว่าเรา”
หย่งเหวินกดโทรศัพท์
ที่ใต้ท้องเรือที่สองคนอยู่ พบว่าระเบิดกระพริบไฟถี่ๆ พริบตานั้นเอง เรือทั้งลำก็ระเบิดตูม หลินหลานเซ่อกับจงซินหันมามองตะลึง
“คุณหลิน”
สองหนุ่มกระโดดลงน้ำ ระเบิดขึ้นตามหลังอีกระลอก พวกลูกน้องกระโดดหนีตายตาม มีเสียงระเบิดดังขึ้นตามอีกหลายลูกเสียงดังสนั่นหวั่นไหวไปทั่วท้องน้้ำแห่งนั้น ไฟโหมไหม้เรือทั้งลำอย่างน่ากลัว
อ่านต่อตอนที่ 14