คิวบิก ตอนที่ 12
ณ สถานที่เปลี่ยวร้างแห่งหนึ่งในอดีต แลเห็น เงา ส่งลูกสาววัยแบเบาะให้กับยุทธพงษ์ไป ยุทธพงษ์อุ้มทารกไว้ ซักถามว่าเกิดอะไรขึ้น เงา เล่าเรื่องให้ฟัง ทั้งสองหน้าตาเครียดจัด
“เค้าบอกผมว่า เค้าทำงานให้กับมาเฟียของฉายหงส์กรุ๊ป และเล่าความลับเกี่ยวกับเงาให้ผมฟัง”
หลินหลานเซ่อมองจ้องหน้ายุทธพงษ์เขม็ง ยุทธพงษ์บอกอีกว่า
“เค้าบอกว่าเค้าคือคนที่คิดโครงสร้างทั้งหมดของฉายหงส์กรุ๊ปขึ้นมา ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น จะไม่มีใครล้มระบบของฉายหงส์ลงได้ แม้แต่กฎหมาย”
หลินหลานเซ่อกับจงซินมองจ้องยุทธพงษ์เป็นตาเดียว ยุทธพงษ์มองตอบทั้งสองพลางว่า
“ถ้าผมพูดผิดแย้งได้นะครับ”
“แล้วยังไงต่อ” หลานเซ่อซัก
“เค้าบอกผมว่าเค้าเป็นบุคคลที่ใครหลายคนต้องการตัวและต้องการทำลายในเวลาเดียวกัน”
เรื่องราวในอดีต พรั่งพรูออกมาจากความทรงจำของยุทธพงษ์
ในเวลานั้นหลินหย่งสือนั่งกินอาหาร โดยมี เงานั่งร่วมโต๊ะ พลางมองซ้ายขวา
“มีอะไรหรือ” หย่งสือแปลกใจ
“คนของเราหายไปไหนหมด”
หย่งสือหันมองหลัง มองหน้าประตู ไม่เห็นใคร เงาลุกขึ้นกระชากปืน
“รีบไปเถอะครับคุณหลิน ผมว่าเราถูกหักหลัง”
หย่งสือลุกขึ้นดึงผ้ากันเปื้อนออก เงาคว้าแขนไว้
“ออกข้างหลังเถอะครับ ผมว่าข้างหน้าจะไม่ปลอดภัย”
เงาพาหย่งสือวิ่งออกไปทางหลังครัว
เงาและหย่งสือก้าวเข้ามาหลังครัว มือปืน 2 คนออกมาจากหลังร้าน เงายิงใส่ มือปืนทั้งสองล้ม มือปืน 3 โผล่ออกมาสาดกระสุนใส่ เงากระชากหย่งสือมุดลงใต้โต๊ะของกระจาย
“ออกไปข้างหน้าครับ”
ทั้งสองขยับจะออกไป แต่มือปืน 4 เข้ามาสาดกระสุนใส่ เงาถูกยิง
หย่งสือหันจะวิ่งออกด้านหลัง มือปืน 3 ยิงสาดกระสุนใส่หย่งสือ เงากัดฟันยิงใส่มือปืน 4 ตรงหน้าประตู มือปืน 5 โผล่มาด้านหลังสาดกระสุนใส่เงา
หย่งสือและเงาล้มลง ทั้งสองมองหน้ากัน
“คุณ...หลิน”
หย่งสือหลับตาลง ขณะที่เงา ตาลอยคว้างขาดใจตายคาที่ ท่ามกลางควันปืน
ยุทธพงษ์เล่าต่อ
“ในที่สุดพ่อของนาคก็ไม่มีชีวิตรอดจริงๆ และหลังจากนั้นอีกไม่นานแม่ของเธอก็ถูกฆ่าตาย”
สองคนมองจ้องยุทธพงษ์อึ้งๆ
“เท่าที่ผมรู้ช่วงนั้นฉายหงส์กรุ๊ปสูญเสียอะไรไปเยอะมาก รวมทั้งผู้นำสูงสุดของฉายหงส์กรุ๊ปคือคุณพ่อคุณ”
หลินหลานเซ่อมองจ้องจับสังเกตยุทธพงษ์
“คุณเลยส่งฤทัยนาคมาที่นี่ เพราะเธอคือลูกสาวของเงางั้นหรือ”
“ตอนแรกผมไม่ได้ตั้งใจที่จะส่งเธอกลับมา แต่สถานการณ์มันพาไป ก็อย่างที่คุณรู้ ผมทำธุรกิจล้มละลาย แล้วไม่มีเงินใช้หนี้คุณ”
หลินหลานเซ่อโกรธมาก “คุณนี่มันเลวร้ายจริงๆ ถ้าฤทัยนาคไม่ฉลาดพอไม่สามารถเอาตัวรอดได้ตอนอยู่ที่นี่ ใครจะรับผิดชอบชีวิตเธอ”
ยุทธพงษ์ แสยะยิ้ม “เพราะผมรู้ว่าเธอจะเอาตัวรอดได้น่ะสิ ผมถึงกล้าส่งเธอมา สิบเจ็ดปีที่ผมเลี้ยงนาค ผมไม่ได้เลี้ยงเธอแบบเด็กทั่วไปยิ่งผมรู้ว่าเธอฉลาดมีไอคิวสูงกว่าเด็กธรรมดา ผมยิ่งพัฒนาฝึกพรสวรรค์ที่เธอมี เพื่อให้เธอก้าวขึ้นไปยืนในจุดเดียวกับพ่อของเธอ”
“ผมว่าคุณบ้าไปแล้ว เธอเป็นแค่เด็กผู้หญิงคนนึง คุณไม่ควรโหดร้ายกับเธอแบบนี้”
หลินหลานเซ่อเสียงขุ่นบอกให้รู้ว่าโกรธ ยุทธพงษ์ชะงักมองอย่างแปลกใจ
“ผมก็แค่เสียดายพรสวรรค์ของเธอ และเดาว่าตอนที่เธออยู่ที่นี่เธอคงทำประโยชน์อะไรให้กับคุณบ้าง”
หลินหลานเซ่อไม่ตอบคำถาม
“เอาละ ผมเข้าใจแล้ว สรุปว่าเงื่อนไขที่คุณเคยส่งแฟกซ์มาหาผม ผมตกลงตามนั้น”
ยุทธพงษ์งง “คุณหลินหมายถึงยังไงครับ”
“ให้ฤทัยนาคอยู่ที่นี่แทนนันทกา”
“เอ่อ เดี๋ยวนะครับ ผมไม่เข้าใจ”
จงซินบอก “คุณหลินยกหนี้ให้คุณ โดยแลกกับฤทัยนาค”
ยุทธพงษ์อึ้งปนงง มองหลินหลานเซ่อที่ขยับลุกขึ้น
“เอาละ ผมขอตัว”
หลินหลานเซ่อเดินกลับเข้าห้อง ยุทธพงษ์มองตาม ก่อนจะหันมาถามจงซิน
“ขอโทษนะคุณจงซิน” จงซินเหลียวมองมา “คุณหลินชอบนาคใช่มั้ยครับ”
“แล้วคุณคิดว่ายังไง”
“ไม่รู้สิ ผมไม่เคยคิดเรื่องนี้มาก่อน เพราะนาคไม่ใช่เด็กผู้หญิงประเภทที่ผู้ชายจะชอบง่ายๆ”
“ถึงเธอจะไม่ใช่ลูกสาวคุณ ก็อย่าดูถูกเธอ” จงซินไม่พอใจ
“เปล่า ผมไม่ได้คิดอย่างงั้น ถึงนาคจะไม่ใช่ลูกสาวผม แต่ผมก็รักเธอไม่น้อยไปกว่านันทกา” จงซินมอง “อ้อ ว่าแต่ว่านาครู้ตัวรึเปล่าว่าคุณหลินคิดยังไงกับเธอ”
“เรื่องนี้คุณคงต้องไปถามลูกสาว เพราะผมไม่รู้ เชิญครับ”
จงซินผายมือให้ ยุทธพงษ์เดินออกไป จงซินตาม
ฤทัยนาคแวะมาที่เซฟเฮาส์ ตอนเย็น เข้ามาลงนั่งเบื้องหน้านันทกา
“พ่อไปหาหลินหลานเซ่อหรือ”
“ใช่ คุณหลินเรียกพ่อไปคุย เค้าคงคุยเรื่องพี่” นันทกาจับมือน้องสาว “พี่ขอโทษอีกครั้งนะที่นาคต้องมาลำบากเพราะพี่ เป็นเพราะพ่อคนเดียวที่สร้างเรื่อง”
“อย่าไปว่าพ่อเลยพี่นัน ชั้นว่าพ่อทำถูกแล้วล่ะที่ส่งชั้นมา เพราะถ้าเป็นพี่ ป่านนี้พี่ต้องตกเป็นเมียของหลินหลานเซ่อไปแล้ว”
“แต่ถ้าพี่รู้ตั้งแต่แรกว่าเจ้าหนี้ของพ่อคือคุณหลินหลานเซ่อล่ะก็ พี่ไม่ยอมให้พ่อส่งเธอมาหรอก”
ฤทัยนาคชะงักมองพี่สาว
“เธอไม่ต้องห่วงนะ พี่จะใช้หนี้คุณหลินหลานเซ่อแทนพ่อเอง”
“พี่นันจะยอมเป็นเมียเก็บหลินหลานเซ่องั้นหรือ”
“ก็มันเป็นหนทางเดียวที่พี่จะช่วยเธอกับพ่อได้ เธอจะได้เป็นอิสระไม่ต้องลำบากทำงานหนักอีกต่อไป”
“ชั้นไม่ลำบากเลยพี่นัน ชั้นทำได้ แค่สามเดือนมานี่ชั้นก็ใช้หนี้ไปได้ตั้งสองล้านแล้วนะ”
นันทกาจับแก้มฤทัยนาคอย่างเอ็นดู “พี่รู้ว่าน้องสาวของพี่เก่งและฉลาด แต่เรื่องนี้มันไม่
เกี่ยวกับเธอ เธออย่าลืมสิ คุณหลินหลานเซ่อเค้าต้องการตัวพี่นะไม่ใช่เธอ”
ฤทัยนาคมองนันทกาเหวอไปเลย
“เอ่อ แต่ว่า...”
“เธอทำเพื่อพ่อกับพี่มามากพอแล้ว พี่ไม่ควรเอาเปรียบเธออีกต่อไป”
“แต่ชั้นว่าพี่นันอยู่กับหลินหลานเซ่อไม่ได้หรอก พี่รู้รึเปล่าว่าการเป็นผู้หญิงของมาเฟีย โดยเฉพาะหลินหลานเซ่อ พี่ต้องเจอกับอะไรบ้าง เค้าไม่เคยรักใครและไม่มีหัวใจให้ใครนะ”
“เธอจะรู้ได้ยังไง เค้าอาจจะมีหัวใจให้พี่ก็ได้” นันทกาเพ้อฝัน หลงหลินหลานเซ่อเต็มเปา
“พี่นัน...”
“เอาล่ะ เธอไม่ต้องพูดอะไรแล้ว ขอให้เธอรู้ว่าตอนนี้พี่ชอบเค้า แล้วพี่ก็เชื่อว่าเค้าต้องชอบพี่อยู่เหมือนกัน”
นันทกายิ้มแย้ม ฤทัยนาคอึ้งมองพี่สาวอย่างใจเสีย ยุทธพงษ์เปิดประตูเข้ามาพอดี
“พ่อมาแล้ว คุณหลินว่าไงบ้างคะ”
“ก็ไม่ได้ว่าอะไร ลูกไปอาบน้ำแต่งตัวไป เดี๋ยวคุณหลิน จะให้คนมารับไปทานข้าว”
นันทการะรื่นสุดขีด “จริงหรือคะ”
“อืมม์”
“เห็นมั้ยนาค พี่บอกแล้วว่าเค้าอาจจะชอบพี่”
นันทกาวิ่งเข้าห้องไป ฤทัยนาคอึ้งมองตามงงๆ ยุทธพงษ์มองมา
“นาค”
“ว่าไงพ่อ”
“แกอยู่ที่นี่มีความสุขดีมั้ย”
“ตอนแรกก็ไม่มีหรอกพ่อ แต่ตอนนี้ก็โอเค พ่อก็รู้นี่ว่าหนูเป็นกิ้งก่าปรับสีปรับตัวได้ทุกสภาวะ”
ยุทธยิ้มขำกับความทะเล้น “หึ พ่อภูมิใจในตัวแกนะ”
ฤทัยนาคแปร่งหู มองพ่ออย่างระแวง
“นี่จะมาทดสอบอะไรหนูอีก ครั้งก่อนตอนที่พ่อจะทิ้งหนูไว้ให้พวกมาเฟีย พ่อก็ทำซึ้งแบบนี้ทีนึงแล้วนะ”
“เปล่า พ่อภูมิใจในตัวแกจริงๆ มาให้พ่อกอดทีซิ”
ฤทัยนาคไม่วางใจ “ไม่มีแผนอะไรแน่นะ”
“ไม่มี” ฤทัยนาคเดินเข้ามาหา ยุทธพงษ์ดึงเข้ามากอด “พ่ออยากให้แกรู้นะว่าพ่อรักแก”
ฤทัยนาคมองยุทธพงษ์แล้วยิ้มกับตัวเอง
“หนูก็รักพ่อนะ”
ค่ำคืนนั้นหลินหลานเซ่อ ยุทธพงษ์ นันทกา และฤทัยนาค นั่งร่วมโต๊ะอาหารในร้านหรู นันทกาเหลือบมองยิ้มให้หลินหลานเซ่อ แต่เขานิ่งเฉย และหันมาถามฤทัยนาค
“จงซินบอกว่าเธอไม่ยอมย้ายมาอยู่ที่ตึกฉายหงส์”
“อ๋อ ชั้นชอบอยู่ที่ไซต์งานมากกว่า มันสะดวกกว่าจะเข้าออกเวลาไหนก็ได้ไม่ต้องแลกบัตร”
“นาคพักอยู่ที่ไหนหรือ” นันทกาถาม
“ที่ทำงานน่ะพี่นัน”
นันทกามองหลินหลานเซ่อ “ทำไมคุณหลินไม่ให้นาคย้ายมาพักอยู่กับนันกับพ่อล่ะคะ”
“ก็ลองถามน้องสาวเธอดูสิ”
“ไม่ต้องหรอกพี่นัน ชั้นอยู่อย่างเก่าน่ะดีแล้ว พี่อยู่กับพ่อให้สบายเถอะ”
“แต่พ่อว่าลูกก็ควรจะทำตามคำแนะนำคุณหลินนะนาค”
“ไม่เอาหรอกพ่อ หนูชอบอยู่อิสระ ไม่ชอบให้ใครมาบังคับ แล้วอีกอย่างหนูก็ชินกับห้องของหนูแล้วด้วย ขืนย้ายที่นอนเดี๋ยวก็นอนไม่หลับ”
“นาคก็เป็นอย่างนี้ล่ะค่ะคุณหลิน ดื้อเป็นที่หนึ่ง” นันทกาบอกยิ้มๆ
หลินหลานเซ่อมองฤทัยนาค แต่ไม่พูดอะไร ฤทัยนาคมองตอบยิ้มให้ นันทกายกแก้ว
“คุณหลินคะขออนุญาตชนแก้วหน่อยได้มั้ยคะ”
หลินหลานเซ่อหันมามอง นันทกายิ้มหวานยกแก้วให้ มาเฟียหล่อกระชากใจยกแก้วชน ฤทัยนาคมองอย่างหวั่นไหว ยุทธพงษ์มองหน้าลูกสาว ฤทัยนาคยิ้มให้อย่างฝืนๆ
เช้าวันใหม่ ฤทัยนาคในชุดคนขับรถ ยืนรออยู่หน้าตึกฉายหงส์ ก่อนจะเห็นหลินหลานเซ่อเดินออกมาขึ้นรถ
ฤทัยนาคขับรถมาตามทาง เหลือบมองผ่านกระจกมองหลังเห็นหลินหลานเซ่อมองมา จึงรีบหลบตา หลานเซ่อมองฉงน ท่าทีแปลกใจ
รถขับมาจอดหน้าตึกอำนวยการ บอดี้การ์ดเปิดประตูให้ หลินหลานเซ่อก้าวลงมองหน้าฤทัยนาค แต่ฤทัยนาคหลบตา หลานเซ่อขยับเดินไป
ฤทัยนาคตัดสินใจเรียก “เอ่อ...เดี๋ยวก่อน”
หลินหลานเซ่อชะงักหันมามอง “มีอะไร”
“ชั้นขอคุยอะไรกับนายหน่อยได้มั้ย”
“ไปคุยที่ห้องทำงาน”
หลินหันเดินออก นาคมองตามดึงถุงมือออกตามไป
ที่ห้องทำงานในไฮสกูล หลินหลานเซ่อลงนั่ง ฤทัยนาคยืนอยู่หน้าโต๊ะ
“ว่ามา มีเรื่องอะไร”
“คือ...ชั้นอยากรู้ว่านายคิดยังไงกับพี่นัน”
“เธอถามทำไม”
“ก็...ชั้นแค่อยากรู้ว่าหลังจากที่นายเจอพี่นันตัวเป็นๆ แล้ว นายคิดยังไงกับเค้า ยังสนใจในตัวเค้าอยู่รึเปล่า”
หลินหลานเซ่อมองจ้อง ฤทัยนาคมองสบตา สุดท้ายหลินหลานเซ่อถอนใจ
“ชั้นว่าชั้นเคยบอกเธอไปแล้วนะ”
“บอกชั้นหรือ บอกตอนไหน”
หลินหลานเซ่อถอนใจอีกครั้งอย่างระอา “เธอไม่เคยสนใจหรือใส่ใจในสิ่งที่ชั้นบอกเลยงั้นสิ”
“ไม่ใช่นะ ชั้นจำได้ทุกเรื่องที่นายบอกแต่เรื่องพี่นันบางทีนายก็พูดเหมือนสนใจ บางทีก็พูดเหมือนไม่สน ชั้นเลยไม่รู้ว่าอันไหนจริงอันไหนหลอก นายบอกมาอีกทีได้มั้ยว่านายสนใจพี่สาวชั้นรึเปล่า”
“ถ้าชั้นบอกว่าสนใจล่ะ”
ฤทัยนาคมองอึ้งไปเลย หลานเซ่อมองจ้อง ฤทัยนาคถอนใจ
“ถ้านายชอบพี่นันจริง ชั้นก็จะไม่ขัดขวาง แต่ขอให้นายรักเธอจริงๆ อย่าทำให้เธอเสียใจเหมือนผู้หญิงคนอื่นๆ ของนาย”
หลานเซ่อเอ่ยขึ้น “แล้วเธอล่ะ”
“ชั้นทำไม” ฤทัยนาคงงงัน
“เธอไม่รู้สึกอะไรเลยหรือถ้าชั้นชอบพี่สาวเธอ”
“ชั้นเหรอ” หลานเซ่อมองจ้อง “ชั้นก็คงดีใจนะที่พี่นันสมหวัง เพราะพี่นันเค้าบอกว่าเค้าชอบนาย”
ฤทัยนาคมองหน้าเขา หลานเซ่อมองตอบอย่างเซ็งโครต
“เค้าบอกจริงๆ นะ ว่าเค้าชอบนายแล้วก็เต็มใจที่จะเป็นผู้หญิงของนาย”
หลินหลานเซ่อถอนใจรู้สึกยิ่งฟังยิ่งเซ็ง “เอาละ เธอมีเรื่องจะมาถามชั้นแค่นี้ใช่มั้ย”
“ใช่ ชั้นอยากรู้แค่นี้แหละ ขอบคุณนายมากนะ”
ฤทัยนาคก้มหัวให้หันเดินออก หลานเซ่อมองตาม เด็กสาวหยุดหน้าประตูหันกลับมามองถามย้ำ
“นายชอบพี่นันจริงๆ ใช่มั้ย”
หลินหลานเซ่อมองนิ่งไม่ตอบ ฤทัยนาคยิ้มแหยๆ
“โอเคๆ ชั้นรู้คำตอบแล้ว บ๊ายบาย ชั้นไปเรียนก่อนล่ะ”
ฤทัยนาคเดินออกไป หลานเซ่อมองตามส่ายหน้าอย่างหงุดหงิด
“เด็กบ้านี่ไม่รู้จริงๆ หรือว่าเราคิดยังไง”
อ่านต่อหน้า 2
คิวบิก ตอนที่ 12 (ต่อ)
ออกจากห้องทำงานหลินหลานเซ่อ ฤทัยนาคหยุดแล้วมองกลับไปที่ห้องหลิน นึกถึงที่นันทกาบอก
“ขอให้เธอรู้ว่าตอนนี้พี่ชอบเค้า แล้วพี่ก็เชื่อว่าเค้าต้องชอบพี่เหมือนกัน”
แล้วเดินนึกเรื่องที่แดนนี่เคยบอก
“เธอกับพ่อก็จะได้เป็นอิสระไม่ต้องใช้หนี้ หลินหลานเซ่อได้พี่สาวเธอสมใจ ทุกฝ่ายวินๆ แฮปปี้เอนดิ้ง”
เดินมาอีกหน่อยก็นึกถึงคำพูดหลินหลานเซ่อ
“ถ้าชั้นบอกว่าสนใจล่ะ”
ฤทัยนาคหยุดเดิน ทอดถอนใจหันมองกลับไปทางห้องหลานเซ่ออย่างแสนจะสับสน
“เราควรจะดีใจหรือเสียใจนะ ถ้าเค้าชอบกัน”
อัจฉริยะจอมซื่อบื้อถอนใจอีกเฮือกใหญ่ คิดไม่ตก ก่อนจะเดินออกไปตามทางในไฮสกูล
วันถัดมา เหม่ยจิงขึ้นบันไดเลื่อนมา เดินตรงไปยังหน้าห้องทำงานหลินหลานเซ่อ ในตึกฉายหงส์
เหม่ยจิงเดินเข้ามาหน้าห้องเจอเลขาซุ่นลี่ทักทาย
“สวัสดีค่ะ คุณเหม่ยจิง”
“คุณหลินอยู่มั้ย”
“อยู่ค่ะ เพิ่งกลับเข้ามา”
“มีใครอยู่ด้วยรึเปล่า”
“ไม่มีนะคะ”
“ไม่มีเด็กผู้หญิงที่เป็นคนไทยมาอยู่กับคุณหลินหรือ”
“ไม่เห็นมีนะคะ”
“ขอบใจนะ”
เหม่ยจิงเดินเข้าไปในห้อง ซุ่นลี่มองตามอย่างแปลกใจ
พอเดินเข้ามาในห้อง ฟางเหม่ยจิงพบว่าภายในห้องเงียบไม่มีใคร จึงเดินมาที่โต๊ะทำงาน เห็นมีแก้วชาและของว่างวางอยู่บนโต๊ะพร้อมโทรศัพท์มือถือของหลานเซ่อ เหม่ยจิงเดินมานั่งที่เก้าอี้ นึกถึงเหตุการณ์ที่ หลินหลานเซ่อนั่งดูโทรศัพท์ไม่สนใจฟังหล่อน
เหม่ยจิงหยิบมือถือมากดดูเปิดเข้าไปที่อัลบั้มรูป เห็นรูปฤทัยนาคอยู่ในนั้น เหม่ยจิงชะงัก ประหลาดใจ มือเหม่ยจิงกดดูรูปฤทัยนาค เป็นอิริยาบถที่ฤทัยนาคหลับในห้องพยาบาลโรงเรียน ฤทัยนาคขับรถหันมามองหลัง และตอนฤทัยนาคทำงานในห้องทำงานนี้
เหม่ยจิงมองอย่างตกตะลึง หลินหลานเซ่อเดินเข้ามาหยุดมอง เหม่ยจิงเงยหน้ามองสบตา เห็นหลินหลานเซ่อมองจ้องตาเขียวปั๊ด
“ใครอนุญาตให้เธอหยิบของส่วนตัวชั้น”
เหม่ยจิงเชิดหน้า “ถ้าชั้นไม่หยิบชั้นก็ไม่รู้สิว่าคุณมีใครซ่อนอยู่”
หลินหลานเซ่อเดินไปดึงมือถือจากมือเหม่ยจิงอย่างฉุนเฉียว
เหม่ยจิงแสยะยิ้ม “ทำไมชั้นถึงไม่สังเกตนะ ทั้งๆ ที่คุณก็แสดงออกชัดเจน”
“เธอมานี่ มีธุระอะไร”
เหม่ยจิงไม่ตอบ แต่ถามเขา “มันเกิดขึ้นตั้งแต่เมื่อไหร่”
หลินหลานเซ่อไม่ตอบ
“คุณรักฤทัยนาคตั้งแต่เมื่อไหร่”
หลินหลานเซ่อยังนิ่ง เหม่ยจิงเดินเข้ามาหยุดตรงหน้า ประติดประต่อเรื่องราว
“มิน่าคุณถึงให้เด็กนั่นมาทำงานอยู่ใกล้ตัว ให้เธอกินข้าวร่วมโต๊ะ โทร.ตามหาเธอในวันสิ้นปี”
ซุปตาร์ม้าทองคำ นึกประติดประต่อเรื่องราว ตอนที่เข้ามาเห็นฤทัยนาคนั่งกินข้าวร่วมโต๊ะกับหลินหลานเซ่อในห้องนี้ รวมทั้งตอนหลินหลานเซ่อโทร.หาเหม่ยจิงที่สตูดิโอถ่ายแฟชั่น
“เด็กนั่นอยู่ไหน”
“เด็กไหนคะ”
“ฤทัยนาค เค้าเอาของไปให้เธอไม่ใช่หรือ”
“เธอไปแล้ว” หลานเซ่อกดปิดโทรศัพท์ใส่
เหม่ยจิงครุ่นคิดตริตรอง “ทำไมชั้นถึงได้โง่ขนาดนี้”
สีหน้าหลินหลานเซ่อยังนิ่ง ไม่แสดงอารมณ์ใด ๆ
“ทำไมชั้นถึงไม่คิดว่าคนอย่างหลินหลานเซ่อผู้ไม่เคยใส่ใจหรือห่วงหาใคร ถึงได้โกรธเป็นฟืนเป็นไฟตอนที่กลับมาแล้วไม่เจอเด็กนั่น”
เหตุการณ์ตอนหลินหลานเซ่อตะคอกทันทีที่ฤทัยนาคกลับมาพร้อมเหม่ยจิง ผูดขึ้นมาอีก
“ชั้นบอกให้เธออยู่รอชั้นไม่ใช่หรือ”
หลานเซ่อบอกอย่างไม่พอใจ ฤทัยนาคมองหลบตา
“อะไรกันหลานเซ่อ ทำไมต้องดุฤทัยนาคด้วย ชั้นแค่ชวนเธอไปทานข้าวเท่านั้น อย่าบอกนะว่าคุณไม่อนุญาตให้เธอทานอาหารกลางวัน”
“ฤทัยนาคเป็นคนของชั้น ชั้นสั่งให้เธออยู่เธอก็ต้องอยู่”
หลินหลานเซ่อมองจ้อง ฤทัยนาคมองตอบอย่างอึดอัดใจ
“เธอเป็นแค่ลูกหนี้คุณนะ เธอไม่ได้เป็นทาส”
“ชั้นบอกให้เธอกลับไป”
เหม่ยจิงบอกอีกว่า
“ที่จริงชั้นมาวันนี้ก็เพราะอยากจะมาเห็นหน้านันทกาเพื่อประเมินคู่ต่อสู้ตัวเอง แต่พอมาเจอแบบนี้บอกตามตรงนะ ชั้นไปไม่ถูกจริงๆ”
หลินหลานเซ่อยังคงนิ่งเฉย
“ถ้าเป็นนันทกาชั้นยังคิดว่าคุณอาจจะหลงใหลในความสวย ความบริสุทธิ์สดใสไร้เดียงสาของเธอ แต่พอเป็นฤทัยนาคชั้นไม่รู้ว่าชั้นควรจะรู้สึกยังไง เด็กนั่นไม่มีอะไรเทียบ...”
หลินหลานเซ่อสวนออกมาเสียงดุเข้ม “ชั้นไม่สนใจหรอกนะว่าเธอจะคิดยังไง”
“หึ ชั้นรู้ว่าคุณไม่สนหรอก เพราะตลอดเวลาที่ผ่านมาคุณก็ไม่เคยสนใจความรู้สึกของชั้นอยู่แล้ว”
หลานเซ่อเมินหน้าหนีไป
“ว่าแต่ว่าฤทัยนาครู้รึเปล่าว่าคุณคิดยังไงกับเธอ”
“ไม่ใช่เรื่องของเธอ”
เหม่ยจิงยิ้มเยาะ “แสดงว่าคุณยังไม่ได้บอกเธอ” หลินหลานเซ่อนิ่ง “เอ๊ะ หรือว่าไม่กล้าบอก
“ถ้าเธอไม่มีธุระอะไรชั้นว่าเธอกลับไปได้แล้ว”
เหม่ยจิงหัวเราะขำ “นี่ถ้าชั้นไม่ได้ยินกับหู เห็นกับตา ชั้นไม่เชื่อเลยนะว่าคนอย่างหลินหลานเซ่อ ไม่กล้าบอกรักผู้หญิงแถมเป็นเด็กผู้หญิงที่... อืมม์ ...”
เหม่ยจิงหาคำพูดเปรียบเปรยไม่ได้
“ชั้นบอกให้เธอกลับไป” หลานเซ่อเสียงเข้ม
“ชั้นรู้นะว่าคุณกลัวใช่มั้ย คุณกลัวว่าถ้าคุณบอกรักเธอไป ฤทัยนาคอาจจะปฏิเสธความรักของคุณ แล้วหนีหายไปจากชีวิตคุณ”
หลินหลานเซ่ออึ้งไปถนัดกับคำพูดของเหม่ยจิง ซุปตาร์สาวมองอย่างสะใจ
“สมน้ำหน้า คราวนี้คุณก็จะได้รู้ซึ้งถึงความรู้สึกของคนที่เป็นฝ่ายหลงรักคนอื่นดูบ้าง”
เหม่ยจิงคว้ากระเป๋า
“อ้อ ไม่ต้องห่วงนะ ถึงยังไงชั้นก็ยังรับจ้างเป็นคู่ควงออกงานให้คุณได้”
เหม่ยจิงเดินเชิดออกไปปิดประตูลง หลานเซ่อยืนอึ้งไปไม่เป็น เสียงของเหม่ยจิงยังดังก้องในหัว
“คุณกลัวว่าถ้าคุณบอกรักเธอไป ฤทัยนาคอาจจะปฏิเสธความรักของคุณแล้วหนีหายไปจากชีวิตคุณ”
หลินหลานเซ่อยืนอยู่อย่างโดดเดี่ยวเด่นชัด
ค่ำคืนนั้นเหม่ยจิงนั่งดื่มอยู่ในบาร์หรูประจำ จงซินเดินเข้ามาหา เหม่ยจิงเหลือบมองแล้วหันกลับยกเครื่องดื่มดื่ม
“วันนี้คุณไปหาคุณหลินมามีเรื่องอะไรรึเปล่า”
“เรื่องอะไร”
“ซุ่นลี่บอกตั้งแต่คุณกลับไป คุณหลินก็ยกเลิกประชุมและไม่รับแขก ทะเลาะอะไรกับคุณหลิน”
เหม่ยจิงโพล่งขึ้น “คุณรู้ใช่มั้ยว่าหลินหลานเซ่อแอบรักฤทัยนาค”
จงซินอึ้งไปชั่วขณะ “ใครบอกคุณ”
“อย่ามาทำเป็นตีหน้าไม่รู้เรื่อง ชั้นรู้ความจริงหมดแล้ว ไม่อยากเชื่อเลยว่าคนอย่างชั้นฟางเหม่ยจิง ต้องยอมแพ้ให้กับเด็กที่ไม่มีอะไรเทียบได้” จงซินนิ่ง เหม่ยจิงมองหน้า “ทำไมเงียบไป”
“ผมไม่มีความเห็นเรื่องนี้ ที่มานี่ก็แค่จะมาถามคุณว่าทะเลาะอะไรกับคุณหลิน” เหม่ยจิงยกแก้วดื่ม จงซินมอง “คุณอาจจะเสียใจที่รู้ความจริง แต่ผมคิดว่า...”
เหม่ยจิงสวนคำ “ผิด ชั้นไม่ได้เสียใจ ชั้นเลยจุดของคำว่าเสียใจมานานแล้ว เพราะไม่ว่าหลินหลานเซ่อจะรักหรือไม่รักฤทัยนาค เค้าก็ไม่มีวันรักชั้น” จงซินอึ้ง “ชั้นเพียงแต่อึ้ง มึน แล้วก็งงกับเรื่องนี้มาก กว่า” หล่อนมองหน้าจงซิน “ถ้าคุณไม่รีบกลับ นั่งดื่มเป็นเพื่อนชั้นหน่อยได้มั้ย”
“เอ่อ...”
เหม่ยจิงแดกดัน “อย่าบอกนะว่าคุณมีลูกมีเมียรออยู่ที่บ้าน”
“อ๋อ เปล่าครับ”
“งั้นกลับบ้านดึกแม่คุณคงไม่ว่าใช่มั้ย”
เหม่ยจิงแซว จงซินมองทำหน้าไม่ถูก เหม่ยจิงยิ้มให้ ยกแก้วชูขึ้น
“ดื่มให้กับความรักของหลินหลานเซ่อ”
คืนเดียวกัน หลินหลานเซ่ออยู่ในห้องมองเหม่อ คิดถึงเหตุการณ์ที่ฤทัยนาคขอร้องเรื่องพี่สาว และรับปากเขาว่าจะไม่ไปไหน
“ชั้นขอร้องอย่าทำอะไรพี่สาวชั้น จะให้ชั้นทำอะไรก็ได้
“เธอจะไม่ไปไหน”
“ชั้นจะไม่ไปไหน”
แล้วนึกถึงคำพูดเหม่ยจิงอีก
“คุณกลัวว่าฤทัยนาคอาจจะปฏิเสธความรักของคุณ แล้วหนีหายไปจากชีวิตคุณ”
เหตุการณ์ตอนมากาเร็ตผู้เป็นแม่บอกลาหลินหย่งสือ ผุดซ้อนขึ้นมา
“ลาก่อน หลินหย่งสือ”
มากาเร็ตแกะมือหลินหย่งสือออก เด็กชายหลินหลานเซ่อมองดูหน้าเศร้า
หลินหลานเซ่อสลัดความคิด ส่ายหน้าอย่างหวาดหวั่น
วันหนึ่ง ที่ไฮสกูล
แดนนี่ออกสเต็ปท์เต้นโชว์ เพื่อนๆ ล้อมวงเชียร์ เสียงโทรศัพท์มือถือดังขัดจังหวะ แดนนี่หยิบมือถือมองเบอร์แล้วกดรับ
“ครับพ่อ”
คาลอส ทาเปีย อยู่บนเครื่องบินส่วนตัว พูดโทรศัพท์กับลูกชาย
“ได้ข่าวว่าหลินหลานเซ่อรู้ตัวคนที่บงการฆ่าเค้าแล้ว”
“ชื่อหลางหย่งเหวิน เป็นลูกบุญธรรมซานกุ้ย แต่ตอนนี้ยังจับตัวมันไม่ได้ ทำไมพ่อถึงถามเรื่องนี้”
“ตอนนี้ไอ้แพทริคกำลังจะกลับไปที่นั่น”
“นี่พ่อจะพูดเรื่องอะไรกันแน่ ผมไม่เข้าใจ”
“มีคนส่งข้อมูลให้แพทริค บอกว่าฤทัยนาคเป็นคนส่งอาวุธให้เราที่เป่ยเปียน”
แดนนี่ตกใจ “จริงเหรอพ่อ”
“ใช่ แล้วดูเหมือนในข้อมูลจะบอกด้วยว่าเธอคือคิวบิก
“พ่อกำลังสงสัยว่าหลางหย่งเหวินเป็นคนส่งข้อมูลให้แพทริคงั้นหรือ”
“ชั้นเดาว่าใช่นะ ถ้าไอ้หมอนั่นต้องการโค่นล้มหลินหลานเซ่อมันต้องหาทางทำทุกวิธีที่จะให้หลินหลานเซ่อเดือดร้อน และถ้ามันทำสำเร็จ ชั้นก็จะติดร่างแหไปด้วย”
“แล้วพ่อจะให้ทำไง”
“บอกฤทัยนาคให้กลับเมืองไทย”
แดนนี่อึ้งกดปิดโทรศัพท์ คิดบางอย่างแล้ววิ่งออกไปอย่างเร็วรี่
ฝ่ายหลินหลานเซ่อยืนมองเหม่ออยู่ที่เดิม จงซินเข้ามา
“คุณหลินเรียกผมหรือครับ”
“ชั้นต้องการให้นายยุทธพงษ์กับนันทกาอยู่ที่นี่อย่างถาวร” จงซินเหลือบมอง “ฤทัยนาครักพ่อและพี่สาวมาก ถ้าพวกเค้าอยู่ที่นี่ ฤทัยนาคก็จะไม่ไปไหน”
จงซินมองรับฟัง หลินหลานเซ่อเมินหน้าหนีไปทางหนึ่ง
“นายคงรู้ว่าชั้นคิดยังไงกับเธอ”
จงซินนิ่งไม่ตอบ หลานเซ่อหันมามองหน้าเขา
“เธอไม่เหมือนใครที่ชั้นเคยรู้จัก เธอทำให้ชั้นหงุดหงิด ทำให้ชั้นห่วงใย ทำให้ชั้นห่วงหา ทุกครั้งที่ชั้นอยู่กับเธอเหมือนโลกๆทั้งโลกเป็นของชั้น ชั้นอยากให้เธออยู่ที่นี่กับชั้นตลอดไป”
จงซินพยักหน้า “ผมเข้าใจครับ แล้วผมก็ดีใจที่เห็นคุณหลินมีความสุขผมจะจัดการเรื่องทุกอย่างให้”
หลานเซ่อมองหน้าจงซิน พลางพยักหน้าขอบใจ
“ขอบใจมากจงซิน”
จงซินเปิดประตูออกไป เจอแดนนี่พรวดเข้ามา บอดี้การ์ดห้าม
“คุณเข้าไปไม่ได้นะ”
“นี่มันเรื่องอะไรกันเนี่ย”
“ชั้นมีเรื่องสำคัญจะมาคุยกับหลินหลานเซ่อ”
“มีอะไรแดนนี่”
แดนนี่มองเขม็งมายังหลินหลานเซ่อ
อ่านต่อหน้า 3
คิวบิก ตอนที่ 12 (ต่อ)
บนเครื่องบินลำหนึ่งลอยลำอยู่บนท้องฟ้า มีแพทริคนั่งดูรูปฤทัยนาคในชุดคนขับรถ ที่มีคนส่งมาให้ โดยที่รูปเขียนกำกับว่า CUBIC แพทริคเพ่งมอง เหตุการณ์ตอนแพทริคตรวจจับอาวุธในรถพยาบาลแล้วมีสัญญาณเครื่องร้อง ผุดขึ้นมาในห้วงคิด
แพทริคมองรูปแล้วจำได้ทันที เห็นแววตาอาฆาตฉายโชน
“ครั้งนี้ชั้นจะไม่ปล่อยให้เธอหลุดมือไปอีก สาวน้อย”
หลินหลานเซ่อหันหน้ามาบอกแดนนี่ เมื่อฟังจบ
“ฤทัยนาคจะไม่ไปไหนทั้งนั้น”
“หมายความว่านายจะปล่อยให้นาคถูกไอ้แพทริคจับงั้นเหรอ”
“ชั้นจะจัดการเรื่องนี้เอง”
“จัดการยังไง ชั้นรู้ว่านายเป็นมาเฟียทรงอิทธิพลนายจะทำอะไรที่นี่ก็ได้ แต่นายอย่าลืมนะว่าไอ้แพทริคมันเป็นตำรวจสากล อิทธพลที่นายมี นายทำอะไรมันไม่ได้หรอก แล้วถ้านายคิดจะฆ่ามัน รับรองได้ว่าตำรวจสากลอีกทั้งกรมจะต้องแห่กันมาขุดคุ้ยเรื่องนี้ แล้วเมื่อถึงตอนนั้นทั้งนาย ทั้งฉายหงส์กรุ๊ป ทั้งพ่อชั้น ก็จะจบข่าว เข้าใจรึเปล่า”
“ชั้นบอกแล้วไงว่าชั้นจะจัดการเรื่องนี้เอง นายกลับไปได้แล้ว”
“หลินหลานเซ่อ นี่มันไม่ใช่เวลาที่นายจะมาใจเย็นนะ ไอ้แพทริคกำลังมาที่นี่ แล้วถ้ามันได้ตัวนาคล่ะก็...”
จงซินกระชากแขนแดนนี่ “นายกลับไปได้แล้วแดนนี่ อย่างที่คุณหลินบอกเราจะจัดการเรื่องนี้เอง”
แดนนี่มองสองคนอย่างโกรธๆ
“ได้ ถ้านายไม่ส่งฤทัยนาคกลับ ชั้นจะพาเธอกลับเอง”
แดนนี่ออกไปอย่างฉุนเฉียว หลินหลานเซ่อมองตามแล้วหันหน้ากลับมองจงซินอย่างหนักใจ
“ผมเห็นด้วยกับแดนนี่นะครับ ถ้าเราไม่ส่งฤทัยนาคกลับ แพทริคจะต้องควานหาจนเจอตัวเธอแล้วขุดคุ้ยจนรู้เรื่องที่เราทำสัญญากับคาลอส เมื่อถึงตอนนั้นเราจะเดือดร้อนนะครับ”
“แต่มันต้องมีวิธีอื่นสิจงซิน ชั้นจะลบประวัติทั้งหมดของฤทัยนาคที่อยู่ที่นี่ แล้วก็หาที่ซ่อนตัวให้เธอ อย่างน้อยเธอก็ยังอยู่ในสายตาของเรา”
จงซินกังวล “แต่ผมไม่มั่นใจว่าเธอจะปลอดภัย ทุกวันนี้ผมเชื่อว่ายังมีสายของหย่งเหวินปะปนอยู่กับคนของเรา ถ้าฤทัยนาคยังอยู่ในสายตาของคุณ เท่ากับว่าเราเปิดโอกาสให้ศัตรูรู้ความเคลื่อนไหวของเธอ”
หลินหลานเซ่อบอก แววตามคมกริบ “ยังไงชั้นก็จะปกป้องฤทัยนาค”
“ผมเข้าใจนะครับว่าคุณหลินรู้สึกยังไง แต่เดิมพันครั้งนี้มันคือฉายหงส์กรุ๊ปนะครับ” จงซินเตือนสติ
หลินหลานเซ่ออึ้งกับคำพูดของจงซิน เขาทรุดตัวลงนั่ง จงซินมองอย่างเห็นใจ
มังกรหนุ่มหลับตาสูดลมหายใจก่อนจะบอกอย่างข่มใจ
“ตกลง ชั้นจะส่งเธอกลับเมืองไทย”
จงซินมองแล้วก้มหัวให้ หันตัวเดินออกไป มีแววตาเจ็บปวดกล้ำกลืนของหลานเซ่อมองตาม
สองคนคุยกันอยู่ในมุมหนึ่งที่ไฮสกูล ฤทัยนาคถามแดนนี่อย่างแปลกใจ
“ให้ชั้นกลับเมืองไทยงั้นหรือ”
“ใช่ เธออยู่ที่นี่ต่อไปไม่ได้แล้ว เธอต้องรีบไปก่อนที่ไอ้แพทริคจะมา”
“ไม่ ชั้นจะไม่ไปไหนทั้งนั้น”
“ฤทัยนาค เธอฟังชั้นให้ดีนะ เรื่องครั้งนี้มันไม่เหมือนทุกครั้งที่ผ่านมา ครั้งนี้ไอ้แพทริคมันเจาะจงพุ่งเป้ามาที่เธอ แล้วถ้ามันได้ตัวเธอ รับรองได้ว่าเธอไม่มีทางรอดแน่ เข้าใจรึเปล่า”
เด็กสาวยืนกราน “ไม่ว่ายังไงชั้นก็จะไม่ไปไหนทั้งนั้น”
แดนนี่ชักโมโห “ฤทัยนาค”
“ชั้นเป็นหนี้หลินหลานเซ่อ แล้วชั้นก็สัญญากับเค้าแล้วว่าชั้นจะอยู่ที่นี่ จนกว่าจะใช้หนี้ได้หมด”
“แต่นี่มัน...”
“แดน ชั้นเป็นคนของหลินหลานเซ่อ ชั้นจะไม่ไปไหนทั้งนั้นถ้าหลินหลานเซ่อไม่ได้สั่ง”
เสียงหลินหลานเซ่อดังแทรกเข้ามา “เธอต้องกลับเมืองไทยพรุ่งนี้”
ฤทัยนาคเหลียวมามอง เห็นหลินหลานเซ่อยืนอยู่ จงซินตามมา แดนนี่มองอึ้งๆ
“จงซินจะจัดการทุกอย่างให้เธอ”
ฤทัยนาคมองสายตาเป็นคำถาม หลานเซ่อมองสบตา ตัดใจหันหลังให้
“แล้วพี่นันกับพ่อล่ะ”
จงซินอธิบาย “พ่อกับพี่สาวเธอต้องอยู่ที่นี่ เราจะลบประวัติทั้งหมดของเธอที่มีอยู่ และสร้างตัวตนของพี่สาวเธอขึ้นมาแทน โดยใช้เงื่อนไขสัญญาของพ่อเธอที่ตกลงจะส่งนันทกามาใช้หนี้”
“หมายความว่าชั้นจะไม่เคยมีตัวตนอยู่ที่นี่งั้นเหรอ”
หลินหลานเซ่อหันหน้ามาบอก
“ใช่ เธอจะไม่เคยมีตัวตนอยู่ที่นี่ คนที่มาที่นี่คือนันทกา ไม่ใช่เธอ”
ฤทัยนาคอึ้ง แดนนี่มองมาอย่างเห็นใจ
“แล้วถ้าชั้นกลับไปเมืองไทย ชั้นจะติดต่อมาหาจงซินกับแดนนี่ หรือว่าพ่อกับพี่นันได้มั้ย”
“ไม่ได้” หลานเซ่อบอก
“แล้วนายล่ะ ชั้นติดต่อหานายได้รึเปล่า”
ฤทัยนาคมองจ้องรอคำตอบ สุดท้ายหลินหลานเซ่อส่ายหน้า
“ไม่ได้”
ฤทัยนาคใจหาย มองสามคนสลับกันไปมา
“นี่ชั้นถูกปล่อยเกาะงั้นหรือ”
“เพื่อความปลอดภัยของฉายหงส์กรุ๊ป จะไม่มีใครรู้ที่อยู่ของเธอ เราจะไม่ติดตามและไม่ติดต่อเธอ” จงซินสรุป
ฤทัยนาคอึ้ง
“แล้ว...แล้วมันจะจบลงเมื่อไหร่”
หลินหลานเซ่อนิ่ง จงซินนิ่ง แดนนี่ก็นิ่ง ไม่มีคำตอบใดๆ ฤทัยนาคมองทุกคน แล้วพยักหน้ากับตัวเองอย่างฝืนความรู้สึก
“เท่ากับว่าเราจะไม่ได้เจอกันอีกตลอดไปใช่มั้ย”
คราวนี้หลินหลานเซ่อพยักหน้า ฤทัยนาคมองเขาแล้วหันมามองแดนนี่ เด็กหนุ่มก็พยักหน้า
ฤทัยนาคใจหาย น้ำตาซึมพยักหน้ายอมรับสภาพ หันมาบอกหลานเซ่อเสียงสั่นเครือ
“เข้าใจแล้ว ชั้นจะทำตามคำสั่งนาย”
หลินหลานเซ่อมองคิวบิกของเขาอย่างเจ็บปวด หันหน้ากลับขยับเดิน
มือฤทัยนาคยื่นมาคว้าแขนชายเสื้อเขาไว้ หลินหลานเซ่อชะงักหันมองมา
“เอ่อ...ชั้น...” ฤทัยนาคอยากบอกว่า...ชั้นไม่ไปได้มั้ยแต่พูดไม่ออก
สองคนสบตากันนิ่งนาน ฤทัยนาคสูดลมหายใจลึกๆ ควบคุมความรู้สึก
“ชั้นจะพยายามทำทุกอย่างให้ดีที่สุด”
หลินหลานเซ่อมอง ฤทัยนาคพยายามควบคุมตัวเองอย่างหนัก ไม่ให้ร้องไห้
มาเฟียหนุ่มดึงรั้งร่างฤทัยนาคเข้ามากอด แดนนี่กับจงซินมองแล้วพากันเดินออกไป
หลินหลานเซ่อดึงร่างฤทัยนาคที่อึ้งๆ อยู่ออกมามองหน้า
“แค่เธอบอกว่าไม่อยากไป ชั้นจะยุติทุกอย่าง”
“ไม่ ชั้นเป็นคนของนาย ชั้นจะทำตามคำสั่งนาย
หลินหลานเซ่อดึงร่างฤทัยนาคมากอดอีกครั้ง ถ่ายเทความรู้สึกที่มีไปให้
คืนนั้นหลินหลานเซ่อยืนทอดสายตามองลงมาจากตึก เหตุการณ์อันเจ็บปวดเมื่อเย็นผุดซ้อนขึ้นมา
“แค่เธอบอกว่าเธอไม่อยากไป ชั้นจะยุติทุกอย่าง”
“ไม่ ชั้นเป็นคนของนาย ชั้นจะทำตามคำสั่งนาย”
หลินหลานเซ่อมองเหม่อลงไป
“เราต้องปล่อยเธอไปจริงๆ งั้นหรือ” มาเฟียหนุ่มมองลงไปด้านล่างอย่างเศร้าสร้อย ส่งใจไปยังปลายทางที่ยอดดวงใจของเขาอยู่
ขณะเดียวกัน ในห้องพักฤทัยนาคที่ตู้คอนเทนเนอร์
ฤทัยนาคนั่งอยู่ในห้อง มองไปรอบตัว ราวกับจะจดจำทุกสิ่งอย่างเอาไว้ เหตุการณ์นับจากก้าวแรกที่เหยียบกรุงไทเป ไต้หวัน ผุดขึ้นมาในห้วงคิดเป็นระลอก
ตั้งแต่วันแรกที่ถูกจับพาไปพบหลินหลานเซ่อ ทำงานส่งของหาเงินใช้หนีอย่างขันแข็ง กระทั่งไปขับรถให้เขา ภาพแสนหวานตอนทานข้าวสองต่อสอง ภาพสุดท้ายเป็นภาพที่หลินหลานเซ่อดึงเข้ากอด
ฤทัยนาคถอนใจ ลุกเดินไปที่หน้าต่าง มองออกไปที่ตึกฉายหงส์กรุ๊ป คิดถึงหลินหลานเซ่อ ฤทัยนาคยืนซึมเศร้าอยู่ในห้องอย่างเดียวดาย
เช่นเดียวกันกับหลินหลานเซ่อที่ยืนมองลงมา หน้าเศร้า ในใจเขาปวดร้าวเหลือเกิน
รุ่งเช้าฤทัยนาคเดินเข้ามาในสนามบินส่วนตัวนอกเมืองพร้อมกับแดนนี่
“ชั้นน่าจะรู้อยู่แล้วว่าทุกอย่างต้องลงเอยแบบนี้ ชั้นไม่น่าปล่อยให้เธอไปส่งอาวุธนั่นเลย” แดนนี่บนบ้า
“ไม่เกี่ยวกับนายหรอก ชั้นเป็นคนตัดสินใจทำเรื่องนี้เอง เรื่องทั้งหมดเป็นเพราะชั้นคนเดียวล้วนๆ”
“ชั้นไม่อยากให้เธอต้องไปเผชิญชะตากรรมคนเดียวเลยจริงๆ”
“ไม่ต้องห่วงหรอกน่า ตอนชั้นมาที่นี่ครั้งแรก ชั้นไม่รู้จักใคร ชั้นยังเอาตัวรอดได้ นี่ชั้นกลับไปเมืองไทยบ้านเกิดชั้นเองนะ หลับตายังเดินได้สบาย”
แดนนี่มองยัยซื่อบื้อของเขาแล้วถอนใจ “ชั้นคงคิดถึงเธอนะ”
“แต่ถ้าชั้นไม่คิดถึงนาย อย่าว่ากันนะ”
“ทำไม ไม่คิดถึงชั้นเพราะมีคนอื่นให้คิดถึงหรือ”
“เปล่า ก็ชั้นต้องหาที่พักที่อยู่ หลบซ่อนตัว อาจจะไม่มีเวลาคิดถึงนาย เอาละ นายส่งชั้นแค่นี้ก็พอ”
“หวังว่าเราคงจะได้เจอกันอีกนะ”
“ชั้นก็หวังอย่างงั้นเหมือนกัน” แดนนี่ดึงฤทัยนาคเข้ามากอดลา
“โชคดีเพื่อน”
แดนนี่ยกกำปั้นให้ ฤทัยนาคยกกำปั้นชน แดนนี่หันกลับเดินออก ฤทัยนาคมองตาม แดนนี่หันกลับมามาโบกมือให้
ฤทัยนาคโบกตอบ มองแดนนี่จนลับตา แล้วกระชับเป้เข้าไหล่เดินออกไปตามทาง
เสียงจากโทรศัพท์ตรงหัวเตียงดังขึ้น แต่เป็นเสียงให้ฝากข้อความ
“กรุณาฝากข้อความหลังจากได้ยินเสียงสัญญาณ”
ฤทัยนาคอยู่บนเครื่องบินพูดสาย
“นี่ชั้นเองนะหลานเซ่อ ขอโทษที่โทร.เข้าห้องส่วนตัวนาย ชั้นแค่อยากจะขอบคุณสำหรับทุกเรื่องตลอดสามเดือนที่ผ่านมา”
ฤทัยนาคพูดฝากข้อความต่อไป “ทั้งเรื่องที่นายคอยสั่งสอนชั้น เรื่องหนี้ของพ่อ เรื่องที่นายช่วยชีวิตชั้น”
เครื่องบันทึกเสียงในห้องนอนหลานเซ่อบันทึกเสียงต่อ
“รวมถึงเรื่องที่นายต้องทนกับความงี่เง่าของชั้นในบางครั้ง หรืออาจจะหลายครั้ง”
ฤทัยนาคยังรอเครื่องออกบิน บันทึกเสียงต่อ
“แม้แต่เรื่องที่ชั้นโง่เกินกว่าจะรู้หรือไม่แน่ใจ ซึ่งตอนนี้ชั้นก็ยังไม่แน่ใจอยู่ดีว่ามันคืออะไร”
เครื่องบันทึกเสียงทำงานต่อ
“ที่ชั้นบอกว่าจะพยายามทำทุกอย่างให้ดีที่สุด ชั้นจะพยายามจริงๆ นะ ฝากพ่อกับพี่นันด้วย แค่นี้นะ”
ฤทัยนาคนึกถึงหน้าหลินหลานเซ่อ แล้วพูดออกไปเป็นคำสุดท้าย
“ชั้นจะไม่บอกลานายหรอกนะ”
คิวบิก ตอนที่ 12 (ต่อ)
ภายในห้องนอนหลินหลานเซ่อ เสียงสัญญาณโทรศัพท์ขาดหายไป หลานเซ่อยื่นมือเข้ามากดฟัง เสียงฝากข้อความเมื่อครู่นี้ในโทรศัพท์ดังขึ้น
“นี่ชั้นเองนะหลานเซ่อ ขอโทษที่โทรเข้าห้องส่วนตัวนาย...”
หลินหลานเซ่อนั่งมอง ฟังเสียงจากโทรศัพท์ที่ยังดังต่อเนื่อง หยิบโทรศัพท์มือถือออกมากดดูรูป จากนั้นค่อยๆ กดดีลีทรูปฤทัยนาคออกทีละรูปๆ
หลินหลานเซ่อกดลบรูปทิ้งจนหมดเครื่อง เขากำโทรศัพท์อย่างเจ็บปวด มาเฟียหนุ่มยืนอยู่อ้างว้างพร้อมกับเสียงของฤทัยนาคที่ยังดังก้องกังวานในหู ซ้ำไปซ้ำมา
วันต่อมาจงซินก้าวเข้ามาในเซฟเฮาส์ เห็นนันทกานั่งรออยู่กับยุทธพงษ์ จงซินเอ่ยขึ้น
“จากนี้ไป เธอจะต้องออกงานคู่กับคุณหลินในฐานะผู้หญิงของคุณหลินหลานเซ่อ”
“ได้ค่ะ ไม่มีปัญหา แล้วชั้นต้องทำอะไรบ้าง”
“ทำตัวให้สวย มีสง่า เวลาที่เดินไปกับคุณหลิน ไม่ต้องถามหรือพูดอะไรมาก ถ้าคุณหลินไม่ได้ถามเธอ”
“ค่ะ แล้วชั้นต้องย้ายไปอยู่กับคุณหลินที่ตึกฉายหงส์รึเปล่า”
“ไม่ต้อง”
“คุณหลินจะมาหาชั้นที่นี่หรือคะ”
“ไม่”
นันทกาเริ่มงงหนัก “เอ่อ ขอโทษนะคะคุณจงซิน ชั้นไม่เข้าใจว่า...”
จงซินบอก “คุณหลินต้องการตัวเธอแค่เป็นคู่ควงไว้ออกงาน” สีหน้านันทกาอึ้งงง “เอาล่ะ เย็นนี้ชั้นจะส่งรถมารับเธอไปงานกับคุณหลินเดี๋ยวจะมีคนมาจัดการเรื่องเสื้อผ้าหน้าผมให้เธอ”
จงซินเดินออกไปเลย นันทกามองตาม ยังอึ้งอยู่ ก่อนจะหันมาหาพ่อ
“นี่มันอะไรกันคะพ่อ หนูไม่เข้าใจ เค้าต้องการตัวหนูแค่ไปออกงานหรือคะ”
“คุณหลินต้องการล้างประวัตินาคและสร้างตัวตนลูกขึ้นมาเพื่อบอกให้คนรู้ว่าตลอดสามเดือนที่ผ่านมาลูกคือคนที่มาที่นี่ไม่ใช่นาค”
“เพื่ออะไรคะ”
“พ่อก็ไม่รู้เหตุผลแน่ชัด แต่ที่แน่ๆตอนนี้ฉายหงกรุ๊ปกำลังมีปัญหาเรื่องนาค”
นันทกามองอย่างงุนงง สงสัย
แพทริคกับตำรวจลูกน้อง 1 คน ขึ้นบันไดเลื่อนอาคารฉายหงส์กรุ๊ปมา แล้วเดินเลี้ยวไปทางหนึ่ง
สักครู่หนึ่งแพทริคเดินเข้ามาหยุดหน้าห้องทำงานหลานเซ่อ ซุ่นลี่เงยหน้ามอง ผู้กองแนะนำตัวเสียงเข้ม
“ผมร้อยตำรวจเอกแพทริค บัตตัน จากอินเตอร์โพล มาขอพบคุณหลินหลานเซ่อ”
“ซักครู่นะคะ” ซุ่นลี่กดโทรศัพท์สายใน “คุณหลินคะ ผู้กองแพทริค บัตตัน มาขอพบค่ะ”
“ให้เข้ามาได้” หลินหลานเซ่อตอบออกมา
“เชิญค่ะ ผู้กอง”
ซุ่นลี่เดินนำไป แพทริคเดินตาม
หลินหลานเซ่อนั่งอยู่ในห้องกับจงซิน ขณะแพทริคเปิดประตูเข้ามา ลูกน้องตามมาด้วย
“สวัสดีผู้กอง”
“สวัสดีคุณหลินหลานเซ่อ”
“เชิญ”
แพทริคลงนั่ง เหลือบมองจงซิน
“คุณเฟ่ยจงซิน เป็นที่ปรึกษาผม”
แพทริคหันมาทัก “สวัสดีครับ”
“สวัสดีครับ”
จงซินพยักหน้ารับอย่างไม่เป็นมิตร แพทริคมองหมั่นไส้
“คุณคงทราบว่าผมมาที่นี่ด้วยเรื่องอะไร”
หลินหลานเซ่อตีรวน “นั่นสิ ผมก็อยากรู้ว่ามันเรื่องอะไร”
แพทริคมองหน้าอย่างรู้ทันในเล่ห์ของอีกฝ่าย หลินหลานเซ่อมองจ้อง
“ผมมีรูปใครคนนึงอยากให้คุณดู”
แพทริคหยิบรูปฤทัยนาคจากซองเอกสารส่งให้หลิน
“เธอชื่อฤทัยนาคเป็นคนไทย หวังว่าคุณคงจะรู้จักเธอ”
หลินหลานเซ่อปรายตามองรูปอย่างไม่สนใจ จงซินมองเฉย
“ใช่ ผมรู้จักเธอ เธอเป็นลูกสาวคนเล็กของนายยุทธพงษ์ลูกหนี้ผม”
“แล้วผมก็รู้มาว่าเธอมาอยู่ที่นี่เมื่อสามเดือนก่อน ในฐานะลูกหนี้ของคุณ โดยทำงานใช้หนี้ให้กับคุณ”
“คุณคงได้ข่าวมาผิด เพราะคนที่มาอยู่ที่นี่คือพี่สาวของเธอชื่อนันทกา”
หลินหลานเซ่อส่งรูปนันทกาให้ดู แพทริคเหลือบมองแล้วหยิบของในซองเอกสารออกมาเป็นสำเนาบัตรประชาชนของฤทัยนาค พร้อมข้อมูลผู้ป่วยจากโรงพยาบาลที่มีรูปฤทัยนาคอยู่ในนั้น
“แล้วเอกสารพวกนี้ล่ะ ถ้าเธอไม่เคยมาที่นี่ทำไมถึงมีเอกสารของเธอ”
“ผมจะไปรู้ได้ยังไง ว่าแต่คุณเถอะ คุณแน่ใจหรือว่ากระดาษไม่กี่แผ่นที่คุณได้มานี่มันเป็นเรื่องจริง”
แพทริคบอกท่าทีโอหัง “ผมเชื่อในสัญชาตญาณของตัวเอง”
“มิน่า เมื่อสามเดือนก่อนคุณถึงได้ปล่อยให้คาลอสขนอาวุธผ่านด่านไปได้” จงซินเหน็บ
“ใช่ เพราะครั้งนั้นผมไม่เชื่อตัวเอง ผมถึงได้พลาด แต่ครั้งนี้ผมรับรอง ผมจะไม่พลาดเป็นครั้งที่สองแน่” แพทริคบอกอย่างหมายมาด
“แล้วยังไง คุณต้องการอะไรจากผม”
“ส่งตัวฤทัยนาคมาให้ผม”
“ก็ผมบอกคุณแล้วไงว่าเธอไม่เคยมาที่นี่”
“ผมรู้นะว่าเด็กคนนี้เป็นคนเจรจาให้คาลอส ทาเปีย เซ็นสัญญาร่วมหุ้นกับฉายหงกรุ๊ปและเธอยังช่วยไอ้หมอนั่นขนอาวุธอีกด้วย”
“งั้นเหรอ น่าเสียดายนะ ถ้าเธอเก่งขนาดนั้น เราน่าจะเก็บเธอไว้ใช้งานนะ จงซิน”
ตอนท้ายหลินหลานเซ่อหันมาพูดกับจงซิน
เลขาหนุ่มแสยะยิ้ม พูดเยาะหยัน
“นั่นสิครับ แสดงว่าเธอต้องเก่งมากที่สามารถตบตาตำรวจหนีไปได้”
“ผมว่าคุณสองคนอย่ามาเล่นลิ้นกับผมดีกว่า ส่งเด็กฤทัยนาคมาให้ผม”
“ถ้าคุณอยากได้ตัวเธอ คุณก็ต้องไปควานหาเอาเอง”
แพทริคตาวาว เขม้นมอง สีหน้าโกรธแค้น
“มันคงไม่ยาก ถ้าคุณจะไปค้นหาประวัติข้อมูลที่เธออยู่ที่นี่” จงซินบอก
“ผมรู้ว่าพวกคุณลบประวัติข้อมูลของเธอทิ้งหมดแล้ว พวกคุณมีอิทธิพลที่นี่ จะลบประวัติใครทิ้งก็ได้”
“ดีที่คุณรู้ คุณจะได้ทำตัวถูก ไม่ทะเล่อทะล่าเข้าไปผิดที่ จนทำให้ตัวเองเดือดร้อน”
พลางหลินหลานเซ่อมองจ้องแพทริคอย่างข่มขู่ ทั้งสองสู้ตากัน สุดท้ายแพทริคลุกขึ้น ขยับจะไป
“เดี๋ยว ผู้กอง”
แพทริคหันมามอง หลินหลานเซ่อส่งรูปฤทัยนาคคืนให้
“เอากลับไปด้วย”
“ไม่เป็นไร ผมอัดไว้หลายใบ”
หลินหลานเซ่อโยนรูปฤทัยนาคกลับไปให้
“ผมไม่ต้องการของๆ ใคร”
หลินหลานเซ่อมองจ้องแพทริคเขม็ง แพทริคก้มลงเก็บรูปหยิบมาดู เหลียวมองมาเฟียหนุ่มอีกครั้งก่อนจะหันเดินออก หลินหลานเซ่อสูดลมหายใจ บีบมือตัวเองอย่างเจ็บปวดกับสิ่งที่เกิดขึ้น
จงซินมองหลินหลานเซ่ออย่างเข้าใจและเห็นใจ
ต่อมาไม่นาน แพทริคเดินออกมากับลูกน้อง
“ชั้นว่าเด็กที่ชื่อฤทัยนาคต้องมีความสำคัญอะไรกับหลินหลานเซ่อแน่”
ลูกน้องงง “ผู้กองหมายถึงอะไรครับ”
“ถ้าการมีชีวิตอยู่ของเด็กนั่น ทำให้หลินหลานเซ่อ เดือดร้อน หลินหลานเซ่อก็ควรที่จะฆ่าเธอทิ้ง มากกว่าปกป้องเธอไว้แบบนี้”
“แต่คนที่ส่งข้อมูลมาให้เรา บอกว่าเด็กนี่เป็นเงาของหลินหลานเซ่อ ที่มีโค้ดเนมว่าคิวบิกนะครับ”
“แต่ที่ชั้นรู้มา คนที่จะมาเป็นเงาผู้นำของฉายหงส์กรุ๊ปได้ต้องเก่งและฉลาดมาก จนไม่มีใครเข้าถึงหรือรู้จักตัวตน ถ้าเด็กฤทัยนาคเป็นคิวบิกจริงไม่น่าปล่อยให้ข้อมูลของตัวเองรั่วออกมาได้”
“เธอเพิ่งอายุ17 ไม่ใช่หรือครับ อาจจะเป็นเงามือใหม่ ประสบการณ์ยังไม่มากพอ”
แพทริคเห็นด้วย “อืมม์ ก็เป็นไปได้”
“แล้วเราจะเอาไงครับ ถ้าหลินหลานเซ่อปกป้องเธอขนาดนี้”
“ยังไงก็ต้องหาตัวเธอให้เจอ เพราะเธอเป็นคนเดียวที่จะทำให้เราจับไอ้คาลอสได้”
แพทริคเดินออกลูกน้องตามไป
เช้าวันใหม่ เรือโดยสารลำหนึ่งแล่นผ่านวัดอรุณฯ แลเห็นพระปรางค์งดงามเข้มขลังกลางแสงสวย เรือแล่นผ่าคลื่นไปในแม่น้ำเจ้าพระยา
ฤทัยนาคนั่งปะปนกับผู้โดยสารอยู่ในเรือลำนั้น มองเหม่อออกไปไกลลิบตา
อ่านต่อตอนที่ 13