คิวบิก ตอนที่ 10
เช้าวันรุ่งขึ้น ต้าห่ายขี่จักรยานส่งของเลี้ยวมาตามทาง มีอาเปียวกับอาชิงเพื่อนอีกสองคนขี่ตามมาด้วย
แดนนี่ขับรถมาตามมา ฤทัยนาคที่นั่งข้างๆ ครุ่นคิดตลอดเวลา เสียงโทรศัพท์มือถือที่วางบนคอนโซลดัง ฤทัยนาคไม่สนใจ แดนนี่เหลือบมองโทรศัพท์เห็นชื่อก็เอ่ยขึ้น
“พ่อเธอโทร.มา”
“หือม์ พ่อชั้นหรือ”
“อืมม์”
ฤทัยนาคมองแดนนี่อย่างแปลกใจ คว้าโทรศัพท์มาดู พบว่าเป็นเบอร์หลินหลานเซ่อก็โมโห
“นายนี่มันบ้าจริง ๆ ชั้นนึกว่าพ่อจริงๆ นะเนี่ย” ฤทัยนาคกดรับ “ฮัลโหล”
หลานเซ่อโทร.มาจากห้องทำงานที่อาคารฉายหงส์กรุ๊ป ถามเสียงขุ่น
“นี่เธออยู่ไหน”
“ชั้นอยู่ที่อพาร์ตเมนต์เซ่งกี่ จะใช้งานอะไรชั้นรึเปล่า”
“เธอไปทำอะไรที่นั่น”
“ก็ชั้นบอกนายแล้วไงว่าชั้นเจอคนที่น่าสงสัยว่าจะเป็นไอ้ฉินฝู”
“กลับมาเดี๋ยวนี้ฤทัยนาค”
“ไม่ได้หรอก ชั้นต้องเห็นหน้ามันก่อน เมื่อวานพลาดไปทีนึงแล้ว แต่รับรองวันนี้ไม่พลาดแน่ ชั้นจะกลับไปพร้อมกับข่าวดีให้นาย”
หลินหลานเซ่อขึ้นเสียง “ชั้นสั่งให้เธอกลับมาเดี๋ยวนี้”
“แค่นี้ก่อนนะ ถึงที่แล้ว” ฤทัยนาคกดปิดโทรศัพท์ แดนนี่เหลือบมอง
หลินหลานเซ่อโมโหที่ถูกกดวางสายกดซ้ำ
เสียงโทรศัพท์ดังอีก ฤทัยนาคมองกดปิดเครื่องพลางบ่น
“ฮื้อ ไม่มีงานอะไรจะใช้เรา จะโทร.มาทำไม เรากำลังยุ่ง”
หลินหลานเซ่อมองโทรศัพท์ตาเขียวปั๊ด โกรธจัด
แดนนี่มองฤทัยนาค แล้วส่ายหน้าที่เธอไม่รับสาย
“เฮ้อ สงสารหลินหลานเซ่อจริงๆ”
“สงสารเรื่องอะไร”
“ก็สงสารที่เค้าเจอคนอย่างเธอน่ะสิ”
ฤทัยนาคเง็ง “นายพูดอะไร ไม่เห็นเข้าใจ”
“เธอนี่เหมือนฉลาดนะ แต่โง่ในเรื่องที่ไม่ควรโง่”
ฤทัยนาคคร้านจะเถียง “ชั้นไม่มีเวลาจะคุยเรื่องโง่ฉลาดกับนายหรอกนะ นู่นแปะไช้ออกไปแล้ว”
ทั้งสองมองไปที่หน้าอพาร์ตเมนต์ เซ่งกี่ อาแปะเปิดประตูแล้วปิดล็อคเดินออกไป
ต้าห่ายขี่จักรยานเลี้ยวเข้ามาจากอีกทาง พร้อมของที่จะมาส่ง เลี้ยวไปจอดหน้าอพาร์ตเมนต์ตามแผน
ต้าห่ายกดออดพูดผ่านอินเตอร์คอม “เอาของมาส่งครับ”
ฤทัยนาคกับแดนนี่มองลุ้น เห็นต้าห่ายยืนรอมองซ้ายขวา ก่อนจะกดออดซ้ำ
“รับของด้วยครับ”
ฉินฝูส่องกล้องมองลงมาชั้นล่าง เห็นคนเดินไปมาตามถนนปกติ จึงกรอกเสียงใส่อินเตอร์คอม
“เอาไปส่งที่ประตูด้านหลัง”
ต้าห่ายได้ยินเสียงตอบผ่านอินเตอร์คอม
“อะไรนะครับ”
“ชั้นบอกให้แกเอาของไปส่งที่ประตูด้านหลัง”
“ครับ ครับ” ต้าห่ายยกของเดินไปที่ด้านหลัง
สองคนมองตาม ฤทัยนาคกดโทรศัพท์ถามต้าห่าย
“นั่นนายจะไปไหน”
ต้าห่ายพูดโทรศัพท์ “มันให้เอาของไปส่งด้านหลัง”
“นายทำทุกอย่างให้เป็นปกตินะ ยื้อให้มันยอมออกมาให้นายเห็นหน้าให้ได้ แล้วอย่าลืมเปิดสัญญาณกล้องล่ะ”
“โอเค” ต้าห่ายปิดโทรศัพท์
แดนนี่ถาม “ต้าห่ายว่าไง”
“มันให้ต่าห่ายเอาของไปส่งด้านหลัง”
“แสดงว่ามันระแวงไม่ยอมให้ใครเห็นหน้าจริงๆ”
ฤทัยนาคพยักหน้าเห็นด้วยกับแดนนี่
“ใช่ มันระแวงเรา ถึงต้าห่ายไปส่งด้านหลังก็ไม่ได้หมายความมันจะยอมให้ต้าห่ายเห็นหน้าง่ายๆ”
ฤทัยนาคหันมองกลับไปที่ด้านหลังอพาร์ตเมนต์พลางใช้ความคิด
ต้าห่ายยกของมาที่ประตูด้านหลัง ฉินฝูอยู่ด้านในประตู
“แกเอาของวางไว้ข้างนอก ส่วนเอกสารเซ็นรับก็สอดใต้ประตูเข้ามา”
“ขอโทษด้วยครับเฮีย ผมต้องเห็นหน้าเฮียก่อนเพื่อยืนยันว่าผมส่งของถึงมือลูกค้าจริงๆ”
ฉินฝูรำคาญ “นี่ไอ้หนู ชั้นต้องการของๆ ชั้น ส่งเอกสารมาแล้วชั้นจะจ่ายเงินให้”
“ไม่ได้จริงๆครับเฮีย ถ้าผมไม่เห็นหน้าเฮีย ผมจะรู้ได้ไงว่าส่งของให้ใคร เกิดเฮียไม่ใช่เจ้าของตัวจริงผมก็ซวยสิ”
“ที่นี่มีแค่ชั้นกับไอ้อ้วนเท่านั้น แกรีบส่งของมาซะทีจะได้ไสหัวไป”
“ยังไงก็ไม่ได้ครับเฮีย ถ้าเฮียไม่เปิดประตูผมคงต้องเอาของกลับ”
ฉินฝูขู่ “แกอยากให้ชั้นโทร.รายงานความประพฤติแกกับบริษัทหรือไง”
ต้าห่ายอึ้งลังเล เสียงออดจากหน้าประตูดังขึ้น
ตามด้วยเสียงคน “มีของมาส่งครับ”
ฉินฝูชะงักหันมองไปหน้าประตู ต้าห่ายชะงักเช่นกัน
ที่หน้าอพาร์ทเมนท์ อาเปียวเพื่อนของต้าห่ายยืนหน้าประตู
“ผมเอาของมาส่งห้อง 401 ครับ”
“นั่นเพื่อนแกรึเปล่า ไอ้เด็กส่งของหน้าประตู”
“ไม่แน่ใจครับ ให้ผมไปดูมั้ยครับ”
“ไม่ต้อง”
อาเปียวกดออดซ้ำ
“มีใครอยู่มั้ยครับผมเอาอาหารกระป๋องมาส่งห้อง 401 ครับ”
ฉินฝูตะโกนบอกด้านหน้า “แกกลับไปได้แล้ว ชั้นไม่รับอะไรทั้งนั้น”
“มีคนอยู่หรือครับ เฮียเจ้าของห้อง 401 รึเปล่าครับ” อาเปียวไม่ยอม
“ใช่ ชั้นได้ของที่สั่งแล้ว แกกลับไปซะ”
อาเปียวเซ้าซี้ “ไม่ได้ครับ ถ้าเฮียได้รับของแล้วช่วยกรุณาออกมาเซ็นต์ยืนยันด้วยครับ”
ฉินฝูโมโห “ไอ้บ้าเอ๊ย”
แดนนี่มองอยู่ หันมาถามฤทัยนาค
“เธอส่งเด็กใหม่ไปเพื่อให้มันเชื่อใจต้าห่ายงั้นหรือ”
“ใช่ ยิ่งมันสงสัยอาเปียวมากแค่ไหนมันก็จะเชื่อใจต้าห่ายมากขึ้น”
ฉินฝูกดโทรศัพท์ไปที่ร้านขายของ
“เด็กส่งของที่ส่งมาที่อพาร์ทเมนท์เซ่งกี่ชื่ออะไร”
เถ้าแก่ร้านหลี่แซพูดโทรศัพท์
“ชื่อเฉินต้าห่ายครับ มีปัญหาอะไรรึเปล่า”
“วันนี้ทางร้านให้คนมาส่งของที่นี่อีกรึเปล่า”
“ไม่มีครับ ตามตารางของเราวันนี้ไม่มีสินค้าไปส่งแถวนั้น”
ฉินฝูกดปิดโทรศัพท์ ตะโกนถามต้าห่าย
“แกชื่ออะไร”
“เฉินต้าห่ายครับ”
“บอกมันไปว่าแกมาส่งของแล้ว”
ต้าห่ายยิ้มที่ทุกอย่างเป็นไปตามแผนของฤทัยนาค ตะโกนบอกไปทางหน้าอพาร์ตเมนต์
“นี่ เพื่อน ชั้นเฉินต้าห่ายมาจากร้านหลี่แซส่งของให้ลูกค้าเรียบร้อยแล้ว นายกลับไปได้”
อาเปียวได้ยินเสียงต้าห่าย ก็พยักหน้ารับรู้
“อ้องั้นหรือ ขอโทษด้วยครับ”
อาเปียวขี่จักรยานออกไป ผ่านหน้ารถแดนนี่ ยกมือบอกโอเคให้ฤทัยนาค
ฤทัยนาคยกมือตอบหันมาบอกแดนนี่
“คนเรามักจะเชื่ออะไรที่คนอื่นยืนยัน มากกว่าสัญชาติญาณของตัวเอง”
“เธอนี่มันฉลาดสมกับเป็นคิวบิกนะ”
ฤทัยนาคยิ้มรับคำชม พร้อมกับยักคิ้วให้แดนนี่
มือฉินฝูเปิดกลอนประตูออก แง้มไปมองหน้าต้าห่ายที่ขยับตัวเข้ามามองหน้าฉินฝูเช่นกัย
ฤทัยนาคอยู่ในรถมองมือถือ หน้าจอโชว์หน้าฉินฝู ที่ต้าห่ายถ่าย
ฤทัยนาคเพ่งมอง เห็นฉินฝูพูด
“เอาไหน ชั้นต้องเซ็นตรงไหน”
ฤทัยนาคมองโทรศัพท์ บอกอย่างมั่นใจ
“ใช่มันจริงๆด้วย ไอ้นี่แหละ มือปืนที่ตามไปฆ่าหลินหลานเซ่อ”
“จริงหรือ”
“เห็นมั้ยชั้นบอกแล้วว่าต้องเป็นมันจริงๆ ไม่อยากเชื่อเลยว่าชั้นจะเดาถูก”
เสียงโทรศัพท์มือถือดังอีก ฤทัยนาคกดรับ
“ว่าไง อาชิง”
ขณะเดียวกัน ตรงปากทางเข้าอพาร์ตเมนต์ แปะไช้เดินผ่านหน้าอาชิงที่ดักรออยู่ตามแผนไป
“แปะไช้กำลังจะกลับไปที่อพาร์ทเมนท์แล้ว จะให้ถ่วงเวลาไว้ก่อนมั้ย” อาชิงถาม
“ไม่ต้อง ทางนี้เรียบร้อยแล้ว ปล่อยแปะไช้กลับมาได้เลย”
อาชิงมองกลับมาเห็นมีคนส่งของขี่จักรยานผ่านหน้าอาชิงไป
“อ้อ เดี๋ยว เธอเรียกใครมาช่วยงานเพิ่มรึเปล่า”
ฤทัยนาคฉงน “หมายความว่าไง”
“มีเด็กส่งของของบริษัทเรากำลังขี่จักรยานไปที่อพาร์ตเมนต์”
“เด็กส่งของงั้นหรือ”
“ใช่ ชั้นไม่เคยเห็นหน้าเค้า”
ฤทัยนาคอึ้ง แดนนี่เหลียวมามอง
“มีอะไรหรือ”
“อาชิงบอกว่ามีเด็กส่งของกำลังตรงมาทางนี้”
“แล้วไง ใครๆก็มาส่งของแถวนี้ได้”
“แต่เด็กส่งของในเขตนี้มีแค่ต้าห่ายกับอาชิงเท่านั้น”
“เธอหมายความว่าไง”
ฤทัยนาคตะลึงเบิกตากว้างตกใจ
“พวกมันรู้แล้วว่าไอ้ฉินฝูอยู่ที่นี่”
“อะไรนะ”
ฤทัยนาคเปิดประตูวิ่งออกไปจากรถอย่างรวดเร็ว
“เฮ้ย นาค นั่นเธอจะไปไหน”
ฤทัยนาควิ่งออกมาที่ถนนอย่างว่องไว ปากร้องตะโกนลั่น
“พวกมันกำลังมา”
รถมอเตอร์ไซค์ขับพุ่งมาอย่างเร็วและแรง ชนฤทัยนาคอย่างจัง ร่างกระเด็นกลิ้งลงไปตามทาง
มอเตอร์ไซค์เบรคเสียงลั่น คนขับหันมามอง แดนนี่อยู่ในรถมองตะลึง
“นาค”
แดนนี่เปิดประตูจะวิ่งออกเห็นฤทัยนาคลุกขึ้นวิ่งไปที่อพาร์ตเมนต์ อาตี๋มองตามอย่างตะลึงงัน สุดจะทึ่ง
“ยัยนี่ เป็นคนมหากาฬหรือไง”
แดนนี่มองตาม นึกถึงคำพูดที่ฤทัยนาคบอก
“พวกมันรู้แล้วว่าไอ้ฉินฝูอยู่ที่นี่”
แดนนี่อึ้ง “มันจะมาฆ่าไอ้ฉินฝูงั้นหรือ”
ไวเท่าความคิด แดนนี่กดโทรศัพท์อย่างเร็ว
หลินหลานเซ่อรับสายจากแดนนี่ มีสีหน้าตกใจสุดขีด
“ว่าไงนะ ฤทัยนาคเจอไอ้ฉินฝูแล้วงั้นหรือ
ตัด
ส่วนที่ด้านหลังอพาร์ตเมนต์ ฉินฝูรับของจากต้าห่ายเรียบร้อย
“ขอบคุณมากครับ”
ต้าห่ายหันตัวออก ฤทัยนาครวบรวมกำลังวิ่งเข้ามาชนต้าห่ายอย่างจัง
“โอ๊ย” ต้าห่ายมองเห็นเป็นฤทัยนาคก็ตาเหลือก “นาค! ไหนบอกว่าตามแผนไง”
“แผนแตกแล้ว”
ฉินฝูมองฤทัยนาคที่หันมาสบตาจังๆ จำได้ว่าเคยกันมาก่อนที่หน้าลิฟต์ในโรงพยาบาล
“แก”
“ใช่ชั้นเอง” ฤทัยหันไปบอกต้าห่าย “ปิดประตูแล้วล็อกด้วยต้าห่าย”
ฉินฝูงง “นี่มันเรื่องอะไรกัน” มองหน้าสองคนแล้วนึกออก “หา...หรือว่าทั้งหมดนี่เป็นแผนการของแก”
“ใช่ แต่เราไม่ได้มาเพื่อฆ่าแก เหมือนไอ้คนที่สั่งแกให้ฆ่าหลินหลานเซ่อ”
ต้าห่ายมองทั้งสองอย่างงวยงงว่าพูดอะไรกัน
“ต้าห่ายชั้นบอกให้นายปิดล็อคประตูไง เร็ว”
ต้าห่ายหันไปทำตามที่ฤทัยนาคบอก
หลินหลานเซ่อกรอกเสียงลงในสายโทรศัพท์
“นายเข้าไปเอาตัวฤทัยนาคออกมาเดี๋ยวนี้”
แดนนี่คุยโทรศัพท์อยู่ในรถ
“ตอนนี้ชั้นเข้าไปไม่ได้แล้ว ขืนชั้นเข้าไปแล้วออกมาไม่ได้มันจะยิ่งยุ่งไปกันใหญ่ ที่ชั้นโทร.หานายเพื่อจะบอกว่าให้รีบเอาคนมาช่วยที่นี่ดีกว่า”
“ถ้าฤทัยนาคเป็นอะไรไปล่ะก็ นายหัวหลุดจากบ่าแน่ แดนนี่”
หลินหลานเซ่อกดปิดโทรศัพท์อย่างฉุนเฉียว
แดนนี่ปิดโทรศัพท์อย่างโมโห
“เกี่ยวอะไรกับเราวะ เด็กนายหาเรื่องเองนี่หว่า”
เวลานั้นจงซินก้าวเข้ามาในห้องทำงานหลานเซ่อพอดี
“มีเรื่องอะไรหรือครับคุณหลิน”
“ฤทัยนาคเจอไอ้ฉินฝูแล้ว”
“ที่ไหนครับ”
“อพาร์ทเมนท์ เซ่งกี่”
หลินหลานเซ่อเดินนำไปอย่างร้อนใจ จงซินเดินตามเร็วรี่
ทางด้านฉินฝูกระชากคอเสื้อฤทัยนาคขู่ถาม
“หลินหลานเซ่อส่งแกมาใช่มั้ย”
“เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับหลินหลานเซ่อ ชั้นมาเองเพราะชั้นอยากรู้ว่าใช่แกที่ซ่อนตัวอยู่ที่นี่จริงรึเปล่า”
“แล้วไง แกจะกลับไปบอกหลินหลานเซ่อให้มาฆ่าชั้นใช่มั้ย”
ฉินฝูกระชากปืนออกมาจ่อหน้าฤทัยนาค ต้าห่ายตะลึง
“แกอย่าอยู่เลย”
ฤทัยนาคเปิดเจรจาทันควัน “ใจเย็นน่ะ ฉินฝู ที่ชั้นมานี่เพราะมาช่วยแกนะ ถ้าแกยอมบอกว่า ใครบงการฆ่าหลินหลานเซ่อ ชั้นสัญญาชั้นจะบอกหลินหลานเซ่อไม่ให้ฆ่าแก”
“แกคิดว่าชั้นโง่หรือ แกเป็นแค่เด็กขับรถ หลินหลานเซ่อมันจะฟังแกทำไม”
“แต่ก็ยังดีกว่าไม่มีโอกาสรอดไม่ใช่หรือ แกคิดดูให้ดี ชั้นมาเพื่อช่วยแก แต่อีกฝ่ายมาเพื่อฆ่าแก แกจะเลือกใคร”
ฉินฝูมองฤทัยนาคชักลังเล ที่เสียงออดดังขึ้น
ส่วนที่หน้าอพาร์ทเมนท์เมนท์ เห็นมือปืนยืนรอหลังกดออด
“มาส่งของครับ ห้อง 401 มีใครอยู่มั้ยครับ”
ฉินฝูมองหน้าฤทัยนาคเขม็ง
“เด็กส่งของอีกแล้วหรือ นี่แกคิดวางแผนอะไร”
“นี่ไม่ใช่แผนชั้น แต่เป็นเหตุผลที่ทำให้ชั้นต้องวิ่งเข้ามาที่นี่เพื่อบอกให้แกรู้ว่า คนที่บงการฆ่าหลินหลานเซ่อมันรู้แล้วว่าแกอยู่ที่นี่”
ฉินฝูตกใจ “อย่าบอกนะว่า...”
“ใช่ คนที่ตามฆ่าแกมันรอแกอยู่ที่ประตูหน้า” ฤทัยนาคบอกขึงขัง
ฉินฝูตะลึง
มือปืนกดออดซ้ำ
“ห้อง 401 อยู่รึเปล่าครับ รับสินค้าด้วยครับ”
ตรงประตูด้านหลังอพาร์ทเมนท์ ฤทัยนาคมองหน้าฉินฝูอยู่อย่างนั้น
“แกต้องเลือกแล้วว่าแกจะอยู่ฝ่ายไหน” เด็กสาวบอก
ฉินฝูมองฤทัยนาค สลับกับมองไปนอกประตู
มือปืนกดออดซ้ำอีกที แปะไช้เดินเข้ามาด้านหลัง
“อ้าว มาส่งของหรือ”
มือปืนสมอ้าง “ครับ”
“แสดงว่าเมื่อวานไม่มีคนลงมารับของล่ะสิ”
“ใช่ครับ ผมเอาของมาส่งห้อง 401”
แปะใช้มองหน้ามือปืน “ทุกทีคนที่มาส่งไม่ใช่เธอนี่”
“ครับ วันนี้ผมมาแทน”
“งั้นส่งให้ชั้นได้เลย ปกติห้อง 401 จะให้ชั้นเซ็นรับของแทน”
“พอดีตอนนี้ทางบริษัทเปลี่ยนนโยบายใหม่น่ะครับ ต้องให้เจ้าของเซ็นรับด้วยตัวเองครับ เพื่อแก้ปัญหาสินค้าหาย”
“อ้าว หรือ งั้นเธอก็เอาขึ้นไปส่งที่ห้องเค้าเลยแล้วกัน”
อ่านต่อหน้า 2
คิวบิก ตอนที่ 10 (ต่อ)
ฝั่งฤทัยนาคมองฉินฝูได้ยิน ฉินฝูอึ้งไป ต้าห่ายมองทั้งสองอย่างงุนงง
แปะไช้ไขกุญแจเปิด
ฤทัยนาคหันมาบอกฉินฝู
“ขึ้นไปข้างบนเร็ว”
ฉินฝูและต้าห่ายวิ่งกระโดดขึ้นชั้นบน ฤทัยนาควิ่งตามไป
แปะไช้เปิดประตูเข้ามา มือปืนเดินตามมาพร้อมกล่องของที่มาส่ง
“ที่นี่มีคนอยู่เยอะมั้ยครับ”
“มีแค่สองห้องเท่านั้น เธอไปที่ห้อง 401 นะ”
“ครับ”
มือปืนยกลังเดินขึ้นบันได แปะไช้มองตาม โดยไม่ได้ใส่ใจนัก มือปืนเดินก้าวขึ้นบันไดช้าๆ เดินไปตามทาง
มือปืนกวาดตามองสำรวจ เห็นห้องสองฝั่งปิดประตู เดินมาหยุดที่หน้าห้อง 401 มือปืนกระชากปืนออกมา เอื้อมมือไปที่ลูกบิดประตู
มือปืนหมุนลูกบิดเปิดประตูเข้าไป เห็นภายในห้องไม่มีคนอยู่ จึงเดินไปที่ห้องน้ำ แต่ก็ไม่มีใคร ยกวอขึ้นกด
“มันไม่ได้อยู่ที่นี่ ในห้องไม่มีไอ้ฉินฝู” มือปืน 1 บอก
ตึกฝั่งตรงข้าม มือปืนอีกคนซุ่มอยู่บนชั้นดาดฟ้า
มือปืน 2 ตอบมา “ เป็นไปไม่ได้ นายบอกว่ามันอยู่ที่นี่
“แล้วจะเอาไง ให้ชั้นรอมั้ย”
“ไม่ต้อง แกออกมาก่อน มันอาจจะออกไปข้างนอก”
“ไหนบอกว่ามันไม่ยอมออกจากห้องไปไหน”
“ชั้นก็ไม่รู้ แกออกมาก่อน ชั้นจะเฝ้าอยู่บนนี้ ถ้ามันกลับมาชั้นจะจัดการมันเอง” มือปืน 2 บอก “โอเค”
มือปืนออกมาจากห้อง เดินเลี้ยวลงบันไดไป
ส่วนที่ห้องฝั่งตรงข้าม ฤทัยนาคแนบหูฟังประตู
“มันไปแล้ว”
“นี่มันเรื่องอะไรกันนาค เมื่อไหร่จะบอกชั้นซะทีว่าเรื่องอะไร” ต้าห่ายทนไม่ไหว
“เงียบก่อนน่าต้าห่าย”
“ทำไมเธอไม่บอกก่อนว่าพวกนี้เป็นมือปืน”
ฉินฝูตวาด “หุบปากซะที ไอ้หนู” แล้วหันมาหาฤทัยนาค “เป็นเพราะแกแท้ๆ ไอ้พวก
นั้นถึงตามมาเจอชั้นที่นี่ อย่าอยู่เลยมึง” ฉินฝูบันดาลโทสะยกปืนจ่อฤทัยนาค
“นี่ ชั้นว่าแกควรจะขอบใจชั้นมากกว่านะที่มาเตือนแกให้หนีทันถ้าไม่ใช่เพราะชั้น ป่านนี้ไอ้มือปืนนั่นยิงแกทิ้งไปแล้ว”
อาเปา ชายอ้วนเจ้าของห้องงอยู่นาน เอ่ยขึ้น “เอ่อ ขอโทษนะ นี่มันเรื่องอะไรกัน”
ทุกคนหันไปมองด้านหลัง เห็นชายอ้วนยืนอยู่มุมห้อง
“แล้วเข้ามาในห้องชั้นทำไม แล้วทำไมเฮียถึงมีปืน”
“หุบปากไปเลยไอ้อ้วน ถ้าไม่อยากตายเร็ว”
ฉินฝูยกปืนจ่อ ชายอ้วนปิดปากเงียบกริบ
“ชั้นว่าเรามาช่วยกันคิดดีกว่าว่าจะหาทางออกไปจากที่นี่ยังไง เพราะตอนนี้มันต้องซุ่มหาจังหวะเล่นงานนายแน่ เผลอๆมันอาจจะซุ่มอยู่ตึกฝั่งตรงข้ามเพื่อรอสอยนายด้วย”
ฉินฝูอึ้ง นิ่งงันไป
ฝ่ายมือปืนเดินลงมา อาแปะไช้หันมามอง
“เป็นไง”
“ห้อง 401 ไม่อยู่ครับ”
“อ้าวหรือ ปกติอีไม่เคยออกไปไหนเลยนะ แล้วของล่ะ”
“ผมวางไว้หน้าห้องแล้วครับ”
“อ้าว ไม่กลัวหายแล้วหรือ”
“ไม่เป็นไรครับ พอดีมันเป็นของใช้จำเป็น เดี๋ยวพรุ่งนี้ผมค่อยมาเก็บเงินพร้อมกับให้เค้าเซ็นเอกสารครับ”
อาแปะพยักหน้า มือปืนหันตัวเดินออกไป
มือปืนออกมาหน้าอพาร์ตเมนต์ มองกลับไปบนห้องแล้วถอนใจอย่างเซ็งๆ ก่อนจะเดินตรงไปที่รถจักรยานที่จอดอยู่
มือปืนก้าวเดินมา เท้าดันเหยียบโดนบางอย่าง มือปืนชะงักก้มมอง เห็นเป็นโทรศัพท์ฤทัยนาคที่ตกพื้นตอนถูกมอเตอร์ไซค์ชน มือปืนหยิบขึ้นมาดู
ฤทัยนาคใช้ความคิดหนัก “เราต้องหาตัวช่วย” ตบกระเป๋ากางเกงแล้วชะงัก “เฮ้ย”
ต้าห่ายงง “มีอะไรนาค”
“โทรศัพท์ชั้น”
ฤทัยนาคคิด เหตุการณ์ตอนโดนรถชนล้มลงแล้วลุกวิ่งมาหน้าอพาร์ทเมนท์โทรศัพท์ตกโดยไม่รู้ตัว
“แย่แล้ว”
มือปืน 1 เปิดดูเบอร์โทร.ย้อนหลัง เห็นชื่อ หลินหลานเซ่อ จงซิน และแดนนี่ มือปืนเลื่อนเบอร์กลับมาดูที่ชื่อหลินหลานเซ่ออีกครั้ง แล้วเหลียวมองกลับไปที่อพาร์ตเมนต์ กดวอบอกเพื่อน
“มีคนของหลินหลานเซ่ออยู่ที่นี่”
มือปืน 2 รับวอ บนดาดาฟ้าตึกฝั่งตรงข้าม “ว่าไงนะ”
“มีคนของหลินหลานเซ่อเจอไอ้ฉินฝูก่อนเรา ชั้นจะกลับเข้าไปดูในอพาร์ตเมนต์อีกที”
มือปืน 1 เดินย้อนกลับเข้าไปในอพาร์ตเมนต์ทันที
ฉินฝูยืนอยู่ริมหน้าต่างห้องชายอ้วน มองลงไปด้านล่าง เห็นมือปืนเดินกลับเข้ามาก็แปลกใจ
“ทำไมมันย้อนกลับเข้ามาอีก”
“มันคงเจอโทรศัพท์มือถือที่ชั้นทำหล่นไว้”
ฉินฝูฉุน “อะไรนะ”
“อย่ามัวแต่สงสัยอยู่เลย ต้าห่ายเอาโทรศัพท์มาซิ”
ต้าห่ายงง “เธอจะทำอะไร”
“อย่าเพิ่งถามน่า เอามาเร็ว”
ต้าห่ายส่งโทรศัพท์ให้ ฤทัยนาคกดโทร.หาแดนนี่ทันที
แดนนี่รับโทรศัพท์อยู่ในรถ “ฮัลโหล”
“ชั้นเองนะแดน”
“ขอบคุณพระเจ้าที่เธอโทรมาซะที นี่ชั้นจะบ้าตายอยู่แล้วนะ คิดว่าตัวเองเป็นฮีโร่หรือไงที่วิ่งเข้าไปในนั้น”
“โอเคๆ ชั้นขอโทษ แล้วทำไมนายไม่โทร.หาชั้นเล่า”
“แล้วชั้นจะรู้มั้ยว่าเธออยู่ในสถานการณ์ที่รับโทรศัพท์ได้รึเปล่า”
“เออ...เออ ชั้นยอมรับ ชั้นผิดเอง จบยัง”
“แล้วจะเอาไงต่อ ไอ้มือปืนมันย้อนกลับเข้าไปแล้วนะ”
“นี่แหละชั้นถึงโทรหานาย ถ้าได้ยินเสียงปืนล่ะก็ นายเอารถมารับชั้นหน้าอพาร์ตเมนต์เลยนะ”
แดนนี่แปลกใจ “นี่เธอคิดจะทำอะไร”
“นายเคยตกปลามั้ย”
“อะไรของเธอตกปลา” แดนนี่เง็ง
“ชั้นจะใช้โทรศัพท์ของชั้นเป็นเหยื่อล่อมัน แค่นี้ก่อนนะ อย่าลืมได้ยินเสียงปืนแล้วมาทันที”
“โอเค”
ฤทัยนาคกดปิดโทรศัพท์คืนให้ต้าห่าย ส่วนแดนนี่มองโทรศัพท์งงๆ
“ยัยนี่คิดจะทำอะไรวะ”
ฝ่ายอาแปะไช้ ถามมือปืนด้วยท่าทีแปลกใจ
“จะขึ้นไปเอาสินค้ากลับงั้นหรือ”
“ใช่ครับ พอดีทางร้านโทร.กลับมาว่าให้เอาสินค้ากลับไปก่อนต้องขอโทษด้วยนะครับ”
“ไม่ต้องหรอกมั้ง โทร.บอกเค้าเถอะว่าทิ้งไว้ไม่หายหรอก แล้วห้อง 401 เค้าก็สั่งซื้อของจากร้านหลี่แซประจำ”
มือปืน 1 ไม่ยอม “ไม่ได้จริงๆ ครับ ขออนุญาตนะครับ”
“เอา เอา เชิญ”
มือปืนหันตัวเดินขึ้นบันไดไป
มือปืนเดินขึ้นบันไดมา เงยหน้ามองชั้นบนเห็นฤทัยนาคโผล่หน้าลงมามอง มือปืนชะงักจ้องหน้าฤทัยนาคจำได้
“เฮ้ย นั่นมัน”
ภาพฤทัยนาคในชุดคนขับรถยืนรอหลินหลานเซ่อตรงหน้าจวนผู้ว่าผู้ขึ้นมา
“คนขับรถหลินหลานเซ่อนี่”
ฤทัยนาคผลุบหัวกลับ มือปืนกดวอทันที
“ชั้นเจอเด็กผู้หญิง ที่ขับรถให้หลินหลานเซ่อวันที่ถูกลอบสังหาร โทร.ถามเจ้านายว่าจะเอาไง ให้ฆ่ามันทิ้งหรือว่าเก็บไว้ก่อน”
มือปืนกระโจนตามฤทัยนาคขึ้นไป
มือปืนวิ่งตามฤทัยนาคขึ้นมาที่ชั้นสี่ ต้องชะงักเมื่อเห็นนาคยืนรออยู่กลางทางเดินท่าทีไม่สะทกสะท้าน มือปืนยกปืนเล็ง ฤทัยนาคยกมือ
“ชั้นขอต่อรอง”
มือปืน1 ไม่สน “อย่างเธอจะมีอะไรมาต่อรองได้”
“คิวบิก บอกเจ้านายแกว่าชั้นขอต่อรองด้วยเรื่องของคิวบิก”
มือปืนชะงัก “คิวบิกงั้นหรือ”
เสียงมือถือในกระเป๋ากางเกงมือปืนดัง
“โทรศัพท์ชั้นใช่มั้ย อย่ารับนะ”
“ทำไม ใครโทร.หาเธองั้นเหรอ”
“เชื่อชั้น อย่ารับ”
มือปืน 1ไม่สน “ทำไมชั้นต้องเชื่อแก” กดรับทันที “ฮัลโหล”
ฉินฝูเป็นคนโทร.มาและพูดโทรศัพท์จากห้องชายอ้วน
“แกคิดว่าจะตามฆ่าชั้นได้จริงๆ หรือ อาซัน”
มือปืน1 ตกใจ “ฉินฝู นั่นแกหรือ”
“แกคิดว่าคนอย่างชั้นจะโง่ยอมให้แกจับได้ง่ายๆ งั้นหรือ”
“นี่แกอยู่ไหน แกหนีไปแล้วใช่มั้ย”
“ชั้นไม่ใช่คนขี้ขลาด คนอย่างฉินฝูไม่เคยหนีใคร แล้วชั้นก็กำลังจะสอยเพื่อนแกจากตึกฝั่งตรงข้ามด้วย”
“หา” มือปืน 1 วางสาย กดวอบอกมือปืน 2 ทันที
“ไอ้ฉินฝูมันยังอยู่ในห้อง 401”
มือปืน 2 ขยับมองจากตึกฝั่งตรงข้าม ไปที่ห้องฉินฝู
“ไม่มี ชั้นไม่เห็นใครในห้องเลย”
“เชื่อชั้น มันยังอยู่ในห้อง ถ้าแกเห็นการเคลื่อนไหวในห้องก็ยิงได้เลย”
มือปืน1 ผละจากฤทัยนาควิ่งไปที่ห้องฉินฝู
มือปืน2 เล็งปืนไปที่ตึกตรงข้าม แต่ในห้องฉินฝู ไม่มีใคร
“ไหนวะ ไอ้ฉินฝู”
มือปืน 1 เปิดประตูเข้ามาในห้องฉินฝู
มือปืน 2 มองเห็นคนในห้องเดิน เสียงมือปืน 1 ดังก้องในหู
“ถ้าเห็นการเคลื่อนไหวในห้องก็ยิงเลย”
มือปืน 2 มองยกปืนประทับเล็งแล
“เสร็จกูล่ะมึง ไอ้ฉินฝู”
มือปืน 2 เหนี่ยวไก กระสุนพุ่งเข้าหามือปืน 1 อย่างรวดเร็ว ร่างมือปืน 1สะดุ้งเฮือกกระสุนฝังเข้าที่หัว มันผงะหงายหลัง ลงพื้น
เสียงวอมือปืน 2“อาซัน ชั้นเพิ่งสอยไอ้ฉินฝูลงไป แกขึ้นไปดูซิว่าใช่มันรึเปล่า”
เงียบกริบ มือปืน 2 ถามซ้ำ “อาซัน แกได้ยินชั้นมั้ย อาซัน”
วอข้างตัวมือปืน 1 ยังดังต่อเนื่อง “อาซัน ได้ยินแล้วตอบด้วย”
สิ้นเสีนงปืนรถแดนนี่พุ่งเข้ามาจอดด้านหลังตึก เห็นฤทัยนาคพาฉินฝูวิ่งออกมาจากอพาร์ตเมนต์
มือปืนที่ดักอยู่วิ่งมารุมกราดยิง ฤทัยนาคกับฉินฝูหลบกระสุนกระโดดขึ้นรถ
“เร็ว ขึ้นมาเร็ว”
สองคนกระโดดขึ้นรถ ฤทัยนาคสั่ง
“ไป แดนนี่”
ล้อรถหมุนฟรีออกไปอย่างเร็ว รถพุ่งทะยานออกไป มือปืน 2 ตะโกนบอกลูกน้อง
“ตามมันไป”
ฟากต้าห่ายชะเง้อมองไปนอกหน้าต่างหันมาบอกชายอ้วน
“หวังว่าพวกเค้าจะรอดนะ”
ชายอ้วนมองอย่างโกรธๆ “ช่างมันเถอะ ขอให้เรารอดก็พอแล้ว”
ต้าห่ายมองชายอ้วนหน้าเจื่อนๆ ไป
รถแดนนี่วิ่งเลี้ยวเข้าโค้งถนนมาอย่างเร็ว
ฉินฝูอยู่เบาะหลัง มองฤทัยนาคที่นั่งหน้าคู่แดนนี่อย่างทึ่งๆ
“เธอนี่โหดไม่ใช่เล่นนะ”
“ถ้าชั้นไม่ใช้แผนนี้นายคิดว่านายจะรอดหรือ”
“ชั้นไม่ได้หมายถึงเรื่องเมื่อกี้ แต่ชั้นหมายถึงเรื่องที่เธอหลอกให้พวกชั้นยิงกันเองในโกดังจนตายเกลื่อน”
“นายพูดอะไร ชั้นไม่รู้เรื่อง”
“เธออย่ามาโกหกชั้นเลย ชั้นรู้นะว่าเธอคือคนที่ช่วยชีวิตหลินหลานเซ่อในวันนั้น เธอคือคิวบิก”
ฤทัยนาคอึ้งไปชั่วขณะ “นายรู้เรื่องคิวบิกด้วยหรือ”
“ถ้าเมื่อกี้เธอไม่ใช้แผนให้เพื่อนฆ่าเพื่อนแบบเดียวกันกับวันนั้น ชั้นก็คงไม่เอะใจหรอกว่าเธอคือใคร”
ฤทัยนาคอึ้งมองแดนนี่สองคนสบตากัน แดนนี่มองฉินฝูจากกระจกมองหลังอย่างไม่ไว้ใจ
“เฮ้ย หลบ”
สิ้นเสียงแดนนี่ เสียงปืนดังเปรี้ยง กระจกหลังแตกกระจาย
ฤทัยนาคหลบลง แดนนี่ก้มหลบ ฉินฝูหลบหัวลงมองหลัง เห็นมือปืนอยู่ในรถคันหลังโผล่ออกมายิงใส่ ฉินฝูหลบ ยิงสวนกลับไป
รถมือปืนตามหลังขับหลบกระสุน
อาหม่าสั่ง “อย่าให้มันหนีรอดไปได้”
มือปืนโผล่ออกมายิงใส่รถแดนนี่ไม่ยั้ง
อ่านต่อหน้า 3
คิวบิก ตอนที่ 10 (ต่อ)
แดนนี่คอยขับรถหลบกระสุนมือปืน ฤทัยนาคหลบหันมองหลังแล้วหันบอกแดนนี่
“ขับให้มันเร็วกว่านี้ได้มั้ย”
“รถชั้นไม่ใช่เฟอรารี่นะ นี่มันรถคลาสสิคเข้าใจรึเปล่า”
“ชั้นว่าเราจะตายเพราะนายนี่แหละ”
ฉินฝูรำคาญ “ชั้นว่าแกสองคนเลิกเถียงกันซะที ขับให้เร็ว เราต้องหนีให้พ้น เข้าใจรึเปล่า”
จบคำฉินฝู มือปืนด้านหลังโผล่ออกมาสาดยิงใส่อีกชุด ฉินฝูหลบ แล้วหันกลับไปยิง
“จับแน่นๆนะ” แดนนี่สั่ง
“นายจะทำอะไรแดนนี่”
“เอาน่า จับแน่นๆ”
รถแดนนี่ขับยกลอยขึ้นจากถนน ฤทัยนาคอ้าปากร้องลั่น
“อ๊ายย”
ฉินฝูร้อง “เฮ้ยย”
แดนนี่อ้าปากร้อง “เฮ้ย” เพราะรถกระแทกลงที่พื้นไฟแล่บ รถวิ่งต่อไปได้ไม่ไกลยางก็แตก แดนนี่หันมาบอก
“รถพัง”
“อะไรนะ” ฤทัยนาคตกใจ
“รถพัง ไปไม่ได้แล้ว” แดนนี่บอก
“ไอ้เด็กบ้าเอ๊ย ชั้นไม่น่าหลงเชื่อมากับแกสองคนเลย” ฉินฝูโมโหสุดขีด
“พูดมากน่า อย่าตายหรือไง ทิ้งรถเร็ว”
ทั้งสามลงจากรถวิ่งออกไปทางหนึ่ง
รถมือปืนวิ่งตามมาจอด อาหม่าลงมาดู เห็นรถแดนนี่ควันขึ้นโขมง ลูกน้องมือปืนหันไปเห็นสามคนวิ่งลงไปทางท่าเรือ
“มันอยู่นู่นครับ”
อาหม่าหันมองตาม แล้วนำลูกน้องวิ่งตามไป
แดนนี่วิ่งนำฤทัยนาคและฉินฝูลงมาไปทางท่าเรือ
“ไปลงเรือเร็ว”
“มีเรือด้วยหรือ”
“เออ”
กลุ่มมือปืนวิ่งตามหลังมา ฉินฝูหันไปยิงใส่ มือปืนหลบ ยิงสวนมา ฉินฝูยิงจนกระสุนหมด
“ไอ้ระยำเอ๊ย”
ฉินฝูกระโดดวิ่งตามสองคน มือปืนวิ่งตาม
แดนนี่นำฤทัยนาคและฉินฝูลงมาที่ท่าเรือ พบว่าท่าเรือว่างเปล่า
“ไม่มีเรือนี่แดน”
ฉินฝูกระชากคอแดนนี่ “ไหนแกบอกมีเรือไงไอ้หนู”
ทั้งสามหันกลับ กลุ่มมือปืนตามเข้ามายกปืนจ่อ
อาเหม่งขู่ “อย่าคิดหนีเลย พวกแกไม่รอดหรอก”
มือปืนเดินเข้ามาหา เห็นฉินฝูอยู่กลาง ฤทัยนาคละแดนนี่ประกบซ้ายขวา
“แกมีแผนหนีแล้วใช่มั้ย คิวบิก” ฉินฝูถาม
“ไม่มี ชั้นคิดไม่ออก ชั้นหมดมุกแล้ว”
“บัดซบ ชั้นไม่น่าเชื่อแกสองคนเลย”
อาหม่ามือปืนกดโทรศัพท์
“นายครับ ตอนนี้ได้ตัวไอ้ฉินฝูกับเด็กผู้หญิงแล้วครับ จะให้ทำไง”
หย่งเหวินพูดโทรศัพท์อยู่ที่ออฟฟิศบอกเสียงเหี้ยม “ฆ่ามันให้หมด”
“ได้ครับนาย”
มือปืนกดปิดโทรศัพท์ เก็บปืนหันไปหาลูกน้อง
“ขอปืนเอ็งซิ”
ลูกน้องส่งปืนเอ็มสั้นให้ อาเหม่งเสียบแมกกาซีนใส่ ฤทัยนาคมอง ฉินฝูพยายามเจรจา
“เฮ้ย อาหม่า ชั้นว่าเราคุยกันได้นะ ขอชั้นคุยกับเจ้านายหน่อย”
“เจ้านายเค้าไม่อยากคุยกับเอ็ง”
มือปืนยกปืนยิงใส่ฉินฝูเปรี้ยง ร่างฉินฝูกระเด็นหงายลงทะเลไป
แดนนี่มองช็อกตะลึง เช่นเดียวกับฤทัยนาค หันมามองหน้าแดนนี่ มองมือปืนสลับกัน
อาหม่ายิ้ม มองฤทัยนาค จ่อปืนใส่เตรียมสังหาร ฤทัยนาคอึ้งช็อก นึกถึงใบหน้าหล่อเก๊กของหลินหลานเซ่อเวลาที่มองมายังตัวเอง
“ชั้นคงไม่ได้พบนายอีก ลาก่อนหลินหลานเซ่อ”
อาหม่ายกปืนเล็ง
“อย่า” แดนนี่ตะโกนก้อง
ฤทัยนาคหลับตา อาหม่ายกปืนเล็ง สอดนิ้วเข้าโก่งไก
จู่ๆ ปากกระบอกปืนกล มีไฟพุ่งออกมา พร้อมเสียงยิงชุดใหญ่ ด้วยฝีมือหลินหลานเซ่อยิง ที่ยิงมาจากเฮลิคอปเตอร์มาดอย่างเท่ อาหม่าโดนกระสุนสาดใส่เต็มตัวหงายหลังล้มตึง
ฤทัยนาคลืมตามอง เห็นร่างอาหม่ากระเด็นไป หันไปมองเห็นมือปืนอื่นต่างยิงขึ้นข้างบน
หลินหลานเซ่ออยู่บนเฮลิคอปเตอร์ยิงกราดมาที่มือปืน ฤทัยนาคตะลึงแล ไม่เชื่อตา
“หลินหลานเซ่อ”
แดนนี่มองตาม สีหน้าโล่งใจ
เฮลิคอปเตอร์บินเข้ามาหลินหลานเซ่อกราดยิงใส่ไม่ยั้ง เห็นมือปืนที่ล้อมรอบฤทัยนาคและแดนนี่ ถูกยิงร่วงลงสลอน ฤทัยนาคเงยหน้ามองขึ้นฟ้า หลินหลานเซ่อมองลงมาจากเฮลิคอปเตอร์เช่นกัน
เฮลิคอปเตอร์โรยตัวลงพื้น ฤทัยนาคตะลึงมองตาค้าง แดนนี่ถอนใจเฮือกใหญ่
ฤทัยนาคยังยืนอึ้ง ขณะหลินหลานเซ่อลงจากเฮลิคอปเตอร์ตรงมาหาหน้าบึ้งตึง มีจงซินตามมา
ฤทัยนาคมองตาค้างอย่างไม่อยากเชื่อ หลานเซ่อเดินมาหยุดมองจ้องหน้า
“มีอะไรจะแก้ตัวมั้ย”
ฤทัยนาคมองจ้อง หลินหลานเซ่อมองดุ ฤทัยนาคยกมือขึ้นตะปบสองแก้มหลินหลานเซ่อ
“นายมาจริงๆ ด้วย” หลินหลานเซ่อ ชะงัก “ชั้นนึกว่าชั้นจะไม่ได้เจอนายอีกต่อไปแล้ว”
ฤทัยนาคบอกเสียงแผ่ว หลินหลานเซ่อใจละลาย ฤทัยนาคยิ้มก่อนจะระเบิดหัวเราะออกมา
“ไม่คิดจริงๆ นะว่าจะได้เจอนาย... ขอบคุณนะ...ขอบคุณมาก”
หลินหลานเซ่อมองด้วยความรู้สึกอยากดึงฤทัยนาคเข้ามากอดเต็มรัก ฤทัยนาคยิ้มๆ
“ขอบคุณจริงๆ นะที่นายมา”
แดนนี่มองทั้งสองอย่างหมั่นไส้ หลินเซ่อกับฤทัยนาคยังมองจ้องสบตากันอยู่อย่างนั้น
จงซินมองจ้องสองคน สุดท้ายหลินหลานเซ่อเอื้อมมือมากุมจับมือฤทัยนาคที่เงยหน้ามอง
“นี่ ชั้นไม่อยากขัดจังหวะหรอกนะ แต่ชั้นว่าเราควรจะช่วยไอ้ฉินฝูก่อนที่มันจะถูกฉลามกินนะ”
คำพูดแดนนี่ ทำเอามาเฟียขี้เก๊กชะงักปล่อยมือฤทัยนาคลง
จงซินหันไปบอกลูกน้อง “ลงไปเอาตัวไอ้ฉินฝูขึ้นมา”
ลูกน้องสองคนโดดลงไปในน้ำ หลินหลานเซ่อหันมามองจ้องหน้าแดนนี่อย่างไม่พอใจ แดนนี่ฉุน
“อย่ามาจ้องหน้าชั้นแบบนี้นะ ฤทัยนาคไม่ได้เป็นอะไรเลย ปลอดภัยดี ครบสามสิบสองประการ แต่รถชั้นสิ รถชั้นพังทั้งคัน ใครจะรับผิดชอบ”
“พรุ่งนี้จะซื้อให้นายใหม่ ไป”
“แล้วแดนนี่ล่ะ”
“เดี๋ยวจงซินจะพาเค้ากลับเอง”
หลินหลานเซ่อบอกเสียงเรียบแต่เฉียบขาด ฤทัยนาคจ๋อยขยับจะเดินตามไป
“อ้าว นาค ทิ้งชั้นเลยหรือ” แดนนี่โวย
“เดี๋ยวจงซินเค้าจะพานายกลับ แล้วเจอกันนะ ขอบใจมากแดน”
ฤทัยนาคหันเดินตามหลินไป แดนนี่มองตามเซ็งโครต “ทำไมถึงต้องเป็นเราวะ”
หลินหลานเซ่อก้าวขึ้นเฮลิคอปเตอร์ ยื่นมือให้ ฤทัยนาคจับมือก้าวขึ้นไป หลานเซ่อหยิบเข็มขัดรัดเอวให้ ฤทัยนาคยิ้มมอง มาเฟียหนุ่มมองเมินไป เด็กสาวยิ้มเจื่อน
หลินหลานเซ่อบอกคนขับ “ไปได้”
เฮลิคอปเตอร์ดึงตัวขึ้นท้องฟ้า ขับเลี้ยวหายไป
บนสะพาน ลูกน้องของหลินหลานเซ่อหามเปลฉินฝูเดินตามจงซินกับแดนนี่ออกไป
ไม่นานต่อมาแก้วถูกปาเข้าผนังเปรี้ยง ด้วยฝีมิหย่งเหวิน ลูกน้องก้มหัวหลบ
“ไอ้ฉินฝูไม่ตายงั้นหรือ”
“ครับ ตอนนี้หลินหลานเซ่อเอาตัวมันไปครับ”
หย่งเหวินเข้าไปกระชากคอลูกน้อง “หลินหลานเซ่อได้ตัวฉินฝูงั้นหรือ”
“จะให้ทำไงดีครับคุณหย่งเหวิน”
หย่งเหวินกระแทกหัวลูกน้องออกไป เดินงุ่นง่าน ไปมาอย่างใช้ความคิดหนัก
“ถ้าหลินหลานเซ่อเอามันไปเค้น มันต้องบอกความจริงแน่ว่าใครอยู่เบื้องหลัง” ลูกน้องว่า
หย่งเหวินหันขวับมามองลูกน้องครุ่นคิดหนัก
ไม่นานต่อมา หลินหลานเซ่อขึ้นบันไดเลื่อนมา มีฤทัยนาคยืนอยู่ด้านหลัง หลินหลานเซ่อโกรธจัด เขานิ่งจนน่ากลัว ฤทัยนาคชะเง้อมองทำอะไรไม่ถูก บันไดเลื่อนมาถึงชั้นสำนักงาน หลินหลานเซ่อเดินเลี้ยวไปไม่พูดไม่จา สุดท้ายฤทัยนาคตัดสินใจเรียก
“หลานเซ่อ”
หลานเซ่อหยุดเดินแต่ไม่หันมามอง
“ชั้นขอโทษ ขอโทษสำหรับทุกๆเรื่อง”
มาเฟียหนุ่มยังคงนิ่ง
“ชั้นจะไม่ตัดสายโทรศัพท์นายทิ้ง จะรับทุกๆ สายที่นายโทร.มา
หลินหลานเซ่อยังนิ่งเงียบ
“จะเชื่อคำพูดนายทุกๆ คำ แล้วถ้านายอยากจะทำโทษ จะดุจะด่าหรือเพิ่มหนี้ หรือตบหน้าชั้นก็ได้ แต่ได้โปรดอย่าเดินหนี แล้วหันหลังให้ชั้นแบบนี้ได้มั้ย”
ฤทัยนาคมองแผ่นหลังหลินหลานเซ่อ พยายามกลั้นน้ำตา
หลินหลานเซ่อยังยืนนิ่ง ฤทัยนาคก้มหน้าลงอย่างทำอะไรไม่ถูก เสียงนุ่มๆ ดังขึ้น
“เธอจะไม่หนีไปไหน...อีกใช่มั้ย”
ฤทัยนาคค่อยๆ เงยหน้ามอง เห็นหลินหลานเซ่อหันมามองจ้อง เดินเข้ามาหาหยุดตรงหน้า
“บอกชั้นมาสิว่าเธอจะไม่ไปไหน”
ฤทัยนาคมองหน้าเขา หลินหลานเซ่อยื่นสองมือเข้ามาจับต้นคอนาคแล้วไล้มือผ่านแก้มนวลเนียน
ฤทัยนาคอึ้ง ใจสั่น รู้สึกวาบหวิว
หลินหลานเซ่อมองจ้อง ใช้ปลายนิ้วลูบไล้แก้ม ฤทัยนาคอึ้งอยู่อย่างนั้น
“ชั้นจะอยู่ใช้หนี้นาย จะเชื่อฟังคำสั่งนาย”
“เธอจะไม่หนีชั้นไปไหน ชั้นอยากได้ยินคำนี้”
ฤทัยนาคมองหน้าสบตาหลินหลานเซ่อแล้วพยักหน้า
“ชั้นจะไม่หนีนายไปไหน ชั้นสัญญา”
หลินหลานเซ่อมองพร้อมกับเคลื่อนใบหน้าหล่อเหลาเข้ามาหา ฤทัยนาคตะลึง ริมฝีปากของเขาใกล้ปากฤทัยนาค ที่อึ้งตะลึงงันอยู่
ปลายจมูกโด่งคมของหลินหลานเซ่อเข้ามาชนปลายจมูกเรียวของฤทัยนาค
หลินหลานเซ่อรู้สึกตัว ผละถอยออก สีหน้าฤทัยนาคงุนงงกับความรู้สึกที่เกิดขึ้น เด็กสาวมองหน้าเขาเป็นคำถาม แต่หลินหลานเซ่อเมินหน้าหนีไป
“ตั้งแต่วันพรุ่งนี้เป็นต้นไป เธอต้องมาพบชั้นทุกวัน”
ฤทัยนาคมอง ยังไม่หายงง ใจเต้นโครมคราม
“ชั้นอยากรู้เรื่องนันทกา”
ฤทัยนาคชะงัก สติเริ่มกลับมา
“นายหมายถึงเรื่องส่วนตัวของพี่นันทุกเรื่องงั้นหรือ”
“ใช่ ชั้นอยากรู้ทุกเรื่องของพี่สาวเธอ”
“ได้ งั้นพรุ่งนี้ชั้นจะเขียนรายละเอียดมาให้”
“ไม่ เธอต้องมาบอกชั้นวันล่ะเรื่อง จนกว่าจะครบทุกเรื่อง” หลานเซ่อบอก
ฤทัยนาค งงใหม่ “ทำไมต้องวันล่ะเรื่อง ชั้นเขียนให้รวดเดียวนายก็รู้ได้ทุกเรื่องเลยนะ”
“ชั้นไม่จำเป็นต้องบอกเหตุผลเธอ เธอมีความผิดและนี่เป็นการลงโทษ”
“ก็ได้ แค่วันล่ะข้อนะ”
“ใช่ เธอต้องขึ้นมาให้ชั้นเห็นหน้าทุกวัน”
ฤทัยนาคชะงักสะดุดหูกับคำพูดของเขา
“ห้ามขาดแม้แต่วันเดียว เข้าใจรึเปล่า”
“ตกลง ชั้นจะมาทุกวัน”
“แล้วต่อไปนี้ เธอต้องมาขับรถให้ชั้นเช้าเย็น”
“เช้าเย็นเลยหรือ ชั้นต้องทำงานด้วยนะ”
“เธอไม่ต้องไปทำงานก่อสร้างแล้ว มาขับรถให้ชั้นแล้วชั้นจะจ่ายเงินค่าแรงให้เธอ”
“ก็ได้”
หลินหลานเซ่อมองแล้วหันเดินออกไป ฤทัยนาคมองตาม จับปลายจมูกกับริมฝีปากตัวเองอย่างงุนงง ไม่เข้าใจความรู้สึกที่เกิดขึ้นเมื่อครู่นี้
อีกฟากหนึ่งที่บ้านกลางสวน ในเมืองไทย คืนนั้น นันทกานั่งเหม่อคิดถึงน้องสาวอยู่ในห้องนอน ภาพสองศรีพี่น้องคุยกัน หัวเราะกัน ผุดเข้ามาในหัวเป็นระลอก
นึกแล้วนันทกาน้ำตาคลอ สงสารน้องจับใจ ยุทธพงษ์เปิดประตู เดินเข้ามาเรียก
“นันกินข้าวลูก”
“พ่อกินเถอะ หนูไม่หิว”
“เป็นอะไรอีกล่ะ”
“หนูเบื่อ เบื่อที่จะต้องนั่งรอวันรอคืน รออะไรก็ไม่รู้”
“แกไม่เข้าใจที่พ่อบอกหรือไง ถ้าพ่อหาเงินได้พ่อก็จะไปเอาน้องกลับมา”
“แต่หนูว่าพ่อไม่ตั้งใจหามากกว่า พ่อไม่ห่วงน้องไม่รักน้อง นาคไม่ใช่ลูกพ่อหรือไงพ่อถึงทำแบบนี้กับเค้า”
ยุทธพงษ์ตัดบท “พ่อว่าเราเลิกพูดเรื่องนี้ซะที”
“พ่อก็พูดได้แค่นี้ ทุกครั้งที่หนูพูดถึงนาคพ่อจะต้องบอกว่าเลิกพูดเรื่องนี้ หนูจะไม่ทนอีกต่อไปแล้ว”
“ไม่ทนแล้วแกจะทำไง”
“หนูจะไปเอาตัวน้องกลับมา”
นันทกาขยับจะเดินออก ยุทธพงษ์คว้าแขนไว้
“นัน นี่ลูกบ้าไปแล้วหรือ อยู่ๆจะไปให้ไอ้พวกนั้นมันจับตัว”
“แต่พวกมันต้องการตัวหนู หลินหลานเซ่อไม่ได้ต้องการตัวนาค หนูไม่ควรจะเอาเปรียบน้อง ปล่อยหนู”
“ไม่ พ่อปล่อยให้ลูกทำอย่างงั้นไม่ได้”
“ปล่อยหนูนะพ่อ หนูจะไปช่วยน้อง”
“ฟังพ่อนะนัน พ่อให้สัญญานัน พ่อจะเอาตัวน้องกลับมา ให้เวลาพ่อซักนิดนะ”
นันทกามองพ่ออย่างไม่เชื่อสะบัดตัวหันหลังร้องไห้วิ่งไปที่เตียง ยุทธพงษ์มองนันทกาอย่างหนักใจแล้วหันหลังเดินออก นันทการ้องไห้สะอึกสะอื้น เอาแต่โทษตัวเอง
“นาค พี่ขอโทษ พี่ช่วยน้องไม่ได้ ฮือ ฮือ”
ยุทธพงษ์เดินหน้าเครียดออกมาหน้าห้อง นึกถึงคำพูดตัดพ้อของนันทกา
“นาคไม่ใช่ลูกพ่อหรือไง พ่อถึงทำแบบนี้กับน้อง”
ยุทธพงษ์นึกถึงฤทัยนาคขึ้นมา ตอนที่ถูกเธอมองจ้องอย่างน้อยใจ
ยุทธพงษ์ทอดถอนใจ ยืนมองเหม่อไปไกล
“นาค ถ้าลูกรู้ความจริง พ่อเชื่อว่าลูกต้องเข้าใจพ่อ”
อ่านต่อหน้า 4
คิวบิก ตอนที่ 10 (ต่อ)
ฤทัยนาคในชุดคนขับรถ ยืนรอหลินหลานเซ่อหน้าตึกฉายหงส์แต่เช้า มีบอดี้การ์ดยืนรอมาดเข้ม หลินหลานเซ่อเดินคุยโทรศัพท์ลงบันไดเลื่อนมา
“ไอ้ฉินฝูยังไม่ฟื้นอีกหรือ”
จงซินยืนคุยโทรศัพท์อยู่ข้างเตียงในห้องคนไข้ ที่ฉินฝูนอนไม่ได้สติ
“ยังครับ หมอบอกว่ากระสุนเจาะเข้าที่ปอด ต้องรอดูอาการ 24 ชั่วโมง ถ้ามันอึดพอมันก็มีโอกาสรอด”
“สั่งคนของเราคุ้มกันมันให้แน่นหนา”
“คุณหลินไม่ต้องห่วงครับ ผมจะอยู่เฝ้ามันเอง ถ้ามันฟื้นเมื่อไหร่เราได้รู้แน่ว่าใครที่มันบงการฆ่าคุณ”
“ดี แต่นายแน่ใจนะว่าไม่มีใครรู้ว่าเราเอามันไปซ่อนไว้ที่ไหน”
“รับรองครับ ไม่มีใครหามันเจอแน่”
“ถ้ามีอะไรคืบหน้านายก็โทร.บอกชั้นด้วย”
“ครับ” จงซินปิดโทรศัพท์หันมองฉินฝูที่ยังหลับไม่ได้สติ
หลินหลานเซ่อเดินออกมา ฤทัยนาคมองสบตาเปิดประตูให้ หลานเซ่อก้าวขึ้น ฤทัยนาคปิดประตูก้าวขึ้นรถฝั่งคนขับ สองคนสบตากัน
“มีอะไร”
“เดี๋ยวชั้นจะลงก่อนถึงโรงเรียนนะ” ฤทัยนาคบอก
“ลงไปไหน”
“นายจะให้ชั้นขับรถไปจนถึงโรงเรียนเลยหรือ”
“ก็ใช่สิ มีปัญหาอะไร”
“มันจะดีหรือ ก็นายกับจงซินเคยบอกว่าไม่อยากให้ชั้นทำตัวเด่นเวลาไปโรงเรียน ถ้าชั้นมาขับรถให้นาย ทุกคนที่โรงเรียนต้องสนใจอยากรู้แน่ว่าทำไม”
“ตอนนี้ทุกอย่างมันเปลี่ยนไปแล้ว”
ฤทัยนาคชะงัก มองอย่างไม่เข้าใจ “หมายความว่าไง ชั้นไม่เข้าใจ”
“เพราะตอนนี้เธอคือ...”
ฤทัยนาคมองจ้องรอฟัง หลินหลานเซ่อมองนิ่ง สองคนมองตากันไปมา
บอดี้การ์ดที่ยืนอยู่หน้าตึก งงที่รถไม่ไปสักที จึงเดินเข้ามาหาข้างกระจก
“มีปัญหาอะไรรึเปล่าครับคุณหลิน”
“ไม่มี” หล่านเซ่อบอกฤทัยนาค “ไปได้แล้ว”
ฤทัยนาคพยักหน้าขับรถออกไป ขบวนรถอารักขาขับออกไปตามๆ กัน
ฤทัยนาคขับรถมาตามทาง มองผ่านกระจกหลัง เห็นหลินหลานเซ่อมองจ้องอยู่ จึงหลบตา
เด็กสาวคาใจกับคำพูดที่ว่า
“ตอนนี้ทุกอย่างมันเปลี่ยนไปแล้ว”
ฤทัยนาคดึงตัวเองออกมา มองถนนตรงหน้า ส่วนหลินหลานเซ่อนั่งมองอยู่ด้านหลังนึกถึงคำพูดตัวเองที่บอกออกมาว่า
“เพราะตอนนี้เธอคือ...”
ฤทัยนาคเหลือบมองกระจกหลังอีกครั้ง เห็นหลินหลานเซ่อยังมองอยู่ จึงส่งยิ้มให้ แต่เขามองนิ่ง ฤทัยนาคหุบยิ้มหลบตาลงอย่างไม่เข้าใจในสายตาคู่นั้น
รถแล่นมาจอดหน้าอาคารโรงเรียน ฤทัยนาคลงจากรถ เปิดประตูให้ หลินหลานเซ่อเดินขึ้นตึกไป
ฤทัยนาคหยิบเป้สะพายจะเดินออก กลุ่มเพื่อนนักเรียนหญิงวิ่งเข้ามาล้อม
“นาค ทำไมเธอถึงมาขับรถให้คุณหลินล่ะ” เพื่อน 1 ถาม
“ก็คนขับรถเค้าไม่อยู่น่ะสิ” ฤทัยนาคบอก
เพื่อน 2 ถามอีก “อิจฉาเธอจังเลย ได้นั่งรถใกล้ชิดมากับคุณหลิน”
เพื่อน 3 ซักต่อ “เค้าคุยอะไรกับเธอบ้าง”
“เค้าจะมาคุยอะไร ชั้นเป็นคนขับรถนะ พวกเธออย่าพูดมาก ชั้นต้องไปเปลี่ยนชุดนักเรียนก่อน เดี๋ยวเข้าเรียนไม่ทัน”
ฤทัยนาคเดินออกไป เจอแดนนี่ยืนดักรอ พูดยียวน
“เดี๋ยวนี้มาโรงเรียนพร้อมกับผู้ปกครองแล้วหรือ”
“ก็ชั้นถูกทำโทษอยู่นี่ แล้วอีกอย่างขับรถให้เค้าชั้นก็ได้เงินด้วย”
“เออ พูดถึงเงินก็นึกถึงรถ รถชั้นต้องซ่อมเยอะเลย เธอต้องรับผิดชอบจ่ายค่าซ่อมให้ชั้นด้วยนะ”
“ชั้นขอโทษ ชั้นเสียใจนะที่รถนายพัง แต่ชั้นขอผลัดไปก่อนได้มั้ย”
“เธอหาเงินมาใช้หนี้หลินหลานเซ่อได้ แต่หามาใช้ชั้นไม่ได้งั้นหรือ”
“ก็เพราะว่าชั้นต้องใช้หนี้หลินหลานเซ่อไง ถึงยังใช้หนี้นายไม่ได้”
“ไม่รู้ละ ยังไงเย็นนี้เธอต้องไปดูรถที่อู่กับชั้นแล้วบอกที่ร้านว่าเธอจะเป็นคนรับผิดชอบจ่ายทั้งหมด”
“เย็นนี้ชั้นไปไม่ได้หรอก ชั้นต้องไปทำงานให้หลินหลานเซ่ออีก”
“นี่เค้ากักบริเวณเธอหรือ” แดนนี่ไม่พอใจ
“กักบริเวณ”
“ก็เธอต้องมาขับรถให้ผู้ปกครองทุกเช้า แล้วก็กลับบ้านพร้อมเค้าทุกเย็น แถมยังต้องไปทำงานต่อที่บริษัท เธอก็จะไม่มีเวลา เถลไถล ไปไหน แบบนี้แถวบ้านชั้นเค้าเรียกว่ากักบริเวณ”
ฤทัยนาคงง “แล้วเค้าจะทำอย่างงั้นเพื่ออะไร”
แดนนี่มองเซ็งๆ เห็นฤทัยนาคมองจ้องท่าทีสงสัย
“คิดไม่ออกจริงหรือ”
“ก็เออดิ ถ้าคิดออกจะถามทำไม”
“เฮ้อ เธอนี่มันดีแต่ฉลาดเรื่องอื่น”
“หมายความว่าไง”
แดนนี่ตัดบท “เอาเถอะ ไป...ไป...ไปเปลี่ยนชุดนักเรียนเถอะ เดี๋ยวเข้าเรียนไม่ทัน”
ฤทัยนาคมองอย่างไม่เข้าใจแล้วเดินออกไป แดนนี่มองตามถอนใจเซ็งโครตๆ
“เฮ้อ ฤทัยนาค ยัยเด็กซื่อบื้อเอ๊ย”
ด้านหลางหย่งเหวิน หันหน้ามาถามลูกน้องที่มารายงานข่าวฉินฝู
“ฉินฝูตายแล้วงั้นหรือ”
“ครับ คนของเราที่อยู่กับหลินหลานเซ่อส่งข่าวมาว่าฉินฝูตายแล้ว”
หย่งเหวินจ้องหน้า “แกแน่ใจนะ มีใครเห็นศพมันรึเปล่า”
ลูกน้องบอก “ไม่มีครับ”
หย่งเหวินตบหน้าลูกน้อง
“ไม่เห็นศพ แล้วอย่าพูดพล่อยๆ หลินหลานเซ่อมันอาจจะปล่อยข่าวลวงก็ได้ แกออกไปสืบให้แน่ใจว่ามันตายแล้วจริงๆ”
“ครับนาย” ลูกน้องออกไป หย่งเหวินมองตามอย่างข้องใจ
“ไอ้ฉินฝู”
วันถัดมา ฉินฝูสะลืมสะลืออยู่ครึ่งนั่งครึ่งนอนอยู่บนเตียง จงซินเดินเข้ามาหยุดมอง ฉินฝูลืมตาตื่น
“ขอน้ำหน่อย”
“เอาน้ำให้มัน”
ลูกน้องส่งแก้วน้ำให้ ฉินฝูดูดน้ำจนสำลัก
“พอแล้ว เอาล่ะฉินฝู คราวนี้แกก็บอกความจริงมาได้แล้วว่าใครเป็นคนบงการฆ่าคุณหลินหลานเซ่อ”
ฉินฝูมองหน้าจงซินอย่างไม่ไว้ใจ
“แล้วชั้นจะไว้ใจแกได้ไงว่าถ้าชั้นบอกไปแล้วแกจะไม่ฆ่าชั้น”
จงซินยั๊ว “แกยังคิดจะต่อรองกับชั้นอีกงั้นหรือ แกคิดว่าถ้าชั้นปล่อยแกออกไป แกยังจะมีชีวิตรอดหรือไง ชั้นว่าทางที่ดีแกบอกความจริงชั้นมา แล้วชั้นจะคุ้มครองชีวิตแก”
ฉินฝูคิดหนัก จงซินลงนั่งข้างๆ มองจ้อง
“บอกมาได้แล้วว่ามันคือใคร”
“ชั้นไม่รู้จักมันจริงๆ ว่ามันเป็นใคร มันโทร.คุยกับชั้นอย่างเดียว”
“หมายความว่าแกไม่เคยเห็นหน้า ไม่รู้จักชื่อแซ่มันเลยงั้นหรือ”
“ใช่ ไม่รู้จริงๆ”
จงซินลุกขึ้นมองหน้าฉินฝู แล้วเอากำปั้นกดลงไปที่แผลฉินฝูเต็มแรง ฉินฝูร้องลั่น
“โอ๊ยย....ชั้นเจ็บนะ”
“แกไม่ได้โกหกชั้นนะ”
“โอ๊ย ชั้นพูดจริงๆ ชั้นไม่เคยเห็นหน้ามัน มันแค่โทร.สั่งการชั้นอย่างเดียว”
“งั้นเบอร์โทรศัพท์มัน”
จงซินดึงมือขึ้น เอามือเช็ดเลือดที่เตียง ฉินฝูร้องโอดโอยครวญครางอย่างเจ็บปวด
“โอ๊ย 098 900 - 9899”
“แกแน่ใจนะว่าเบอร์นี้”
“แน่ใจ”
จงซินหันไปบอกลูกน้อง “เรียกหมอมาดูแผลมัน” แล้วหันหลังหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดเบอร์ แต่แล้วจงซินชะงักกึก
“หา...นี่มันเบอร์”
จงซินมองเบอร์อย่างตะลึง กดโทรศัพท์หาหลินหลานเซ่อทันที
“คุณหลินครับ เรารู้แล้วว่าใครที่บงการฆ่าคุณ”
ไม่นานต่อมา ขบวนรถหลินหลานเซ่อแล่นมาจอดหน้าบริษัทซานกุ้ย ประตูรถข้างคนขับเปิดออกแลเห็นปืนกลโผล่ออกมา บอดี้การ์ดก้าวลงมา เปิดประตูรถให้ หลินหลานเซ่อก้าวออกมา
จงซินนั่งอยู่เบาะหลังบอกฤทัยนาคที่ทำหน้าที่คนขับ
“ถ้าได้ยินเสียงปืน ไม่ต้องลงจากรถ เตรียมพร้อมที่จะพาคุณหลินออกไป”
“หา...อะไรนะ”
“ไม่ต้องถามอะไรทั้งนั้น จำที่ชั้นบอกให้ดี”
จงซินลงจากรถ ฤทัยนาคมองตามอย่างกังวล
หลินหลานเซ่อและจงซินเดินมาหน้าอาคาร มีลูกน้องตามมาเป็น 8 คน ทุกคนใส่แว่นดำถือปืนเดินตามเป็นขบวน ลูกน้องเดินพลางมองซ้ายขวา สีหน้าหลินหลานเซ่อดูออกว่าโกรธจัด เดินก้าว เข้าประตูอาคารไป
ประตูลิฟต์เปิดออก หลินหลานเซ่อก้าวออกมา ตามด้วยจงซิน ลูกน้องเดินตาม
หย่งเหวินเปิดประตูออกมา มีลูกน้องสองคนเดินตาม
หลินหลานเซ่อกับจงซินเดินเลี้ยวมา เห็นหย่งเหวินกำลังเดินตรงมา
หย่งเหวินมองหลินหลานเซ่อ เช่นเดียวกับหลินหลานเซ่อก็มองหย่งเหวิน จงซินมองเขม็ง
ทั้งสองฝ่ายเดินมาหยุดเผชิญหน้ากัน หลินหลานเซ่อจ้องหน้าหลางหย่งเหวิน สองคนมองจ้องกัน
“ชั้นมาหาซานกุ้ย” หลานเซ่อบอก
“เชิญครับ คุณพ่ออยู่ในห้องทำงาน”
หย่งเหวินยิ้ม ผายมือชี้ไปที่ห้องทำงาน หลินหลานเซ่อและจงซินมองจ้องหย่งเหวินก่อนเดินออก ลูกน้องเดินตาม
หลางหย่งเหวินมองตามแล้วแสยะยิ้ม หันตัวกลับเดินออกไป ลูกน้องประกบไม่ห่าง
ซานกุ้ยเซ็นเอกสารเสร็จพอดีส่งให้เลขา แล้วหันไปหยิบเอกสารอีกฉบับมาอ่าน เลขาเดินออกเปิดประตู เป็นจังหวะที่หลินหลานเซ่อ และจงซินก้าวเข้ามาพร้อมกับลูกน้องที่ตามมาเป็นขบวน
ลูกน้องซานกุ้ย 4 คนที่อยู่ในห้องกระชากปืนมาอารักขานาย ซานกุ้ยเงยหน้าขึ้นมองตกใจ ลูกน้องเข้ามายืนขวางหน้า 2 ล้อมหลังอีก 2
ซานกุ้ยลุกขึ้นยืน “ช้าก่อน ถอยไป”
หลินหลานเซ่อเดินก้าวเข้ามา จงซินตามมา ลูกน้องหลานเซ่อจ่อปืนเล็ง ลูกน้องซานกุ้ยจ่อปืนเผชิญหน้ากัน
“หลินหลานเซ่อ มีอะไรหรือ ถึงได้พาลูกน้องถืออาวุธครบมือขึ้นมาหาชั้นอย่างนี้”
มาเฟียหนุ่ม และมังกรชรา เผชิญหน้าสู้ตากัน
ทางด้านฤทัยนาคยืนมองซ้ายขวา หันหลังให้ตึก หยิบลูกคิวบิกขึ้นมาเล่นฆ่าเวลา หย่งเหวินเดินมาหยุดตรงหน้าตึกมองไปเบื้องหน้า นึกถึงคำพูดหลินหลานเซ่อ
“ก่อนที่ผมจะเข้ามารับตำแหน่งประธานฉายหงส์กรุ๊ป ผมได้แต่งตั้งคนๆ นึง ซึ่งผมรักและไว้วางใจมากที่สุดให้ดำรงตำแหน่งเงา”
หย่งเหวินมองฤทัยนาคอย่างสนใจ เห็นเอาแต่เล่นคิวบิก หย่งเหวินเดินเข้าไปหา เขานึกถึงสิ่งที่ซานกุ้ยเคยบอก
“ตามกฎของเรา มีแค่ประธานคนเดียวเท่านั้นที่จะรู้ว่าเงาคือใคร”
“แต่อย่างน้อยเราก็ควรจะรู้นะครับ ว่าเงาของคุณหลินมีชื่อแซ่หรือนิคเนมว่าอะไร”
หย่งเหวินเดินคิดมาเรื่อยๆ พร้อมกับได้ยินเสียงหลินหลานเซ่อดังก้องในหัว
“เค้ามีโค้ดเนมว่า คิวบิก”
หลางหย่งเหวินเดินก้าวเข้าไปหาฤทัยนาคช้าๆ และมาหยุดมองอยู่ตรงด้านหลัง
ด้านหลินหลานเซ่อถามซานกุ้ยตรงๆ
“ผมอยากรู้ว่าทำไมท่านซานถึงส่งคนไปฆ่าผม”
ซานกุ้ยงง “แกพูดเรื่องอะไร ชั้นไม่เข้าใจ”
“นี่เบอร์โทรศัพท์ของท่านซานใช่มั้ย”
ว่าพลางจงซินส่งโทรศัพท์ของฉินฝูที่โชว์เบอร์โทร.ของซานกุ้ย ให้มาเฟียชราดู
“ใช่ แล้วทำไม”
“วันที่ท่านซานมาประชุมผู้ถือหุ้นกับผม มีคนสั่งมือปืนชื่อฉินฝูให้ไปฆ่าคุณหลิน โดยใช้เบอร์โทรศัพท์เบอร์นี้สั่งการ”
ซานกุ้ยอึ้งชะงักงันไป
ฤทัยนาคหมุนคิวบิกเล่น รอเวลาอยู่หน้าอาคาร โดยไม่รู้ว่าหย่งเหวินมองจ้องอยู่ด้านหลัง
“เธอเป็นคนขับรถของหลินหลานเซ่อเหรอ”
ฤทัยนาคสะดุ้งตกใจ คิวบิกตกลงพื้น กระเด็นมาชนรองเท้าหย่งเหวิน
“อุ๊ย ตกใจหมดเลย”
“ชั้นถามว่าเธอเป็นคนขับรถของหลินหลานเซ่องั้นหรือ”
“ใช่”
หย่งเหวินก้มลงหยิบลูกคิวบิกหมุนเล่น เดินเข้ามาหาเด็กสาว ฤทัยนาคมองหย่งเหวินอย่างระแวง
ส่วนในห้องทำงานซานกุ้ย บรรยากาศตึงเครียดสุดๆ ซานกุ้ยย้อนถามจงซิน
“นายคิดว่าชั้นเป็นคนสั่งฆ่าหลินหลานเซ่องั้นหรือจงซิน”
“ถ้าไม่ใช่ท่านซานแล้วเป็นใคร ในเมื่อเบอร์ที่ติดต่อกับฉินฝูมันคือเบอร์ของท่านซาน”
ซานกุ้ยมองสองคน คิดทบทวนเหตุการณ์
เหตุการณ์นั้นเกิดขึ้นที่หน้าห้องประชุมในอาคารฉายหงส์ ในวันที่หลินหลานเซ่อถูกลอบยิง
โดยซานกุ้ยส่งโทรศัพท์ให้หย่งเหวิน
“เดี๋ยวพ่อจะเข้าประชุม ฝากโทรศัพท์พ่อไว้กับแกด้วย รำคาญเวลาประชุมชอบมีคนมาขัดจังหวะ
“ครับคุณพ่อ”
ซานกุ้ยอึ้งไปถนัด พึมพำออกมาเบาๆ เหมือนไม่อยากเชื่อ
“หย่งเหวิน”
หลินหลานเซ่อกับจงซินมองจ้องหน้าซานกุ้ย
ส่วนที่หน้าตึก หย่งเหวินถามฤทัยนาคตรงๆ
“ถ้างั้นวันที่หลินหลานเซ่อถูกลอบยิงเธอก็อยู่กับเค้าใช่มั้ย”
ฤทัยนาคมองหย่งเหวินอย่างไม่ไว้ใจ
“ใช่ค่ะ”
หลินหลานเซ่อถามคาดคั้นเอากับซานกุ้ย
“ท่านซานมีอะไรจะแก้ตัวอีกมั้ย”
“คนอย่างชั้นถ้าทำจริงไม่มีวันแก้ตัวหรอก”
“นี่ท่านซานจะบอกว่าไม่ได้เป็นคนสั่งการฆ่าคุณหลินงั้นหรือ”
“ใช่ วันนั้นก่อนเข้าห้องประชุมชั้นฝากโทรศัพท์ไว้กับหย่งเหวิน”
จงซินอึ้ง หันไปมองหน้าหลินหลานเซ่อ
“หา...หย่งเหวิน งั้นหรือ”
หลานเซ่อไม่อยากเชื่อ “หย่งเหวินเป็นคนสั่งงั้นเหรอ”
ซานกุ้ยอึ้ง หลินหลานเซ่อชะงัก นึกถึงเหตุการณ์เมื่อครู่นี้
“ชั้นมาหาซานกุ้ย”
หย่งเหวินยิ้ม “เชิญครับคุณพ่ออยู่ในห้องทำงาน”
หลินหลานเซ่อ ใจหายวาบ
“ฤทัยนาค” เขาผลุนผลันวิ่งออกจากห้องไปทันควัน
“คุณหลิน นั่นคุณจะไปไหน” จงซินหันไปสั่งลูกน้อง “ตามไปคุ้มกันคุณหลินเร็ว”
หลินหลานเซ่อวิ่งเข้าลิฟต์ประตูปิดลง จงซินและลูกน้องวิ่งตามมาไม่ทัน ต่างแยกกันวิ่งลงบันได
“ตามคุณหลินไปเร็ว”
ฝ่ายหย่งเหวินมองจ้องฤทัยนาคไม่วางตา ฤทัยนาคมองตอบ
“เธอคงฉลาดเท่ากับคิวบิกล่ะสิ”
ฤทัยนาคยิ้มพลางพยักหน้าให้ หย่งเหวินชะงัก
“ชั้นยังเล่นคิวบิกนี่ไม่เก่งหรอกค่ะ ขอชั้นเล่นต่อเถอะนะคะ”
ฤทัยนาคตอบอย่างใสซื่อ หย่งเหวินมองด้วยท่าทีผิดหวัง ฤทัยนาคแบมือขอคืน หย่งเหวินมอง ทั้งสองมองหน้ากัน
หลินหลานเซ่อวิ่งออกมาจากตึกตะโกนเรียกดังลั่น
“ฤทัยนาค”
ฤทัยนาคยืนเล่นคิวบิกอยู่หันมามองงงๆ
หย่งเหวินกำลังเดินไปที่รถชะงัก หันมองตามเสียง
หลินหลานเซ่อหันไปเห็นหย่งเหวินเดินไปหยุดที่รถแล้วหันมามองฤทัยนาค
หลินหลานเซ่อมองหย่งเหวินเขม็ง หย่งเหวินมองมา แล้วหันไปมองฤทัยนาค
ฤทัยนาคมองหลินหลานเซ่อ แล้วหันมามองหย่งเหวิน อย่างงุนงงสงสัย
โดยไม่มีใครคาดคิด หย่งเหวินผู้สงบเสงี่ยมก็กระชากปืนออกยกขึ้นเล็งเตรียมจะยิงใส่ฤทัยนาค ทุกคนตกตะลึงตาค้าง!
อ่านต่อตอนที่ 11