คิวบิก ตอนที่ 11
ฤทัยนาคตกตะลึงตาค้าง เช่นเดียวกับหลินหลานเซ่อ ไวเท่าความคิดมาเฟียหนุ่มกระโจนเข้ารวบตัวกอดฤทัยนาคไว้ทั้งตัวอย่างปกป้องแล้วพลิกหลบข้างรถ กระสุนพุ่งเข้ากระจกรถแตกกระจายราวห่าฝน
หลินหลานเซ่อกอดฤทัยนาคม้วนตัวยิงใส่หย่งเหวินตอบโต้ หย่งเหวินหลบไปยิงกลับใส่ หลินหลานเซ่อกอดฤทัยนาคม้วนตัวหลบยิงสู้ หย่งเหวินเห็นท่าไม่ดีกระโจนขึ้นรถ
ลูกน้องหลินหลานเซ่อเปิดประตูออกมาจากตึก ยิงถล่มใส่ตามหลังรถหย่งเหวิน จงซินตะโกนก้องบอกให้ลูกน้องเอารถออกตามหย่งเหวินไป
“ตามไป”
หย่งเหวินเหลียวมองหลังแล้วพลิกกลับมา แสยะยิ้มสะใจด้วยสีหน้าเหี้ยมโหด
“ในที่สุดแกก็เผยตัวคิวบิกออกมาจนได้ หลินหลานเซ่อ”
บอดี้การ์ดลูกน้องยืนล้อมหลินหลานเซ่อที่กอดฤทัยนาคไว้แน่น ฤทัยนาคมองอึ้ง ด้วยยังไม่หายตะลึงกันทั้งคู่ ฤทัยนาคร้องขึ้น
“หลินหลานเซ่อ...หลินหลานเซ่อ”
หลินหลานเซ่อรู้สึกตัว
“ปล่อยชั้นได้แล้ว ชั้นหายใจไม่ออก”
หลานเซ่อขยับตัวดึงฤทัยนาคออกมามองสำรวจ ถามเสียงนุ่ม “เธอเป็นอะไรรึเปล่า”
“ชั้นไม่เป็นอะไร เพียงแต่เจ็บแขนที่นายกอด”
หลินหลายเซ่อมองหน้าฤทัยนาคยังไม่หายตะลึง
“นายไม่เป็นอะไรใช่มั้ย”
หลินหลานเซ่อส่ายหน้ามองเด็กสาวอย่างโล่งอก ลูกเป็ดขี้เหร่มองมาเฟียหนุ่มหล่อลากอย่างอึ้งๆ งงๆ กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
เวลาต่อมา ซานกุ้ยทอดสายตามองไปนอกหน้าต่าง สีหน้าเครียดเคร่ง สักครู่จึงหันกลับ เดินเข้ามาหาสองคน หลินหลานเซ่อนั่งอยู่ในห้อง จงซินยืนด้านหลัง
“ชั้นไม่อยากเชื่อเลยว่าหย่งเหวินมันจะกล้าทำเรื่องแบบนี้”
“หย่งเหวินคงอยากเป็นใหญ่” จงซินบอก
“แต่วันนึงชั้นก็ต้องให้มันขึ้นเป็นหัวหน้าสาขาแทนชั้นอยู่ดี”
“แค่นั้นมันคงไม่พอสำหรับเค้า เค้าคงต้องการเป็นประธานฉายหงส์กรุ๊ป” หลานเซ่อว่า
“เสียแรงที่ชั้นรักและไว้วางใจมันเหมือนลูกในไส้ มันกลับทำเรื่องอัปยศอดสูมาสู่วงศ์ตระกูลของชั้น หลินหลานเซ่อ ชั้นขอโทษด้วยนะ”
“มิได้ครับ ผมเองก็ต้องขอโทษท่านซานด้วย ที่กล่าวหาท่าน”
“ชั้นกับพ่อเธอเราเป็นเพื่อนรักกัน ถ้าชั้นต้องการอยากจะเป็นหัวหน้าฉายหงส์กรุ๊ป ชั้นฆ่าเธอตั้งแต่เธอยังเป็นเด็กไปแล้ว”
“ขอบคุณท่านอีกครั้งที่เมตตาผม”
หลินหลานเซ่อลุกขึ้นทำความเคารพ ซานกุ้ยตบไหล่ ทั้งสองมองสบตากัน จงซินมองสองคนแล้วถอนใจอย่างโล่งอก
คืนนั้น พอกลับบ้านมา ซานกุ้ยหมกตัวนั่งซึม อยู่ในห้องทำงานตลอดเวลา มาเฟียชรามองไปที่รูปแต่งงานของหย่งเหวินกับไป่หลิง แล้วน้ำตาซึม เศร้าสะเทือนใจใหญ่หลวง
“หย่งเหวิน ทำไมแกถึงได้กล้าทำกับชั้นอย่างนี้”
ซานกุ้ยมองที่รูปแล้วหยิบขึ้นมาดู ภาพเหตุการณ์ตอนหย่งเหวินกอดศพไป่หลิงร้องไห้ผุดขึ้นมาในห้วงคิด ซานกุ้ยเอะใจ
“อย่าบอกนะว่าแกเป็นคนฆ่าไป่หลิง”
คิดแล้วซานกุ้ยน้ำตาไหลริน
“ไป่หลิง ลุงขอโทษ ที่ลุงมองคนผิดไป”
มังกรชราร่ำไห้อย่างเจ็บปวด เสียใจเหลือเกิน
ขณะเดียวกันที่โกดังแห่งหนึ่ง เห็นหย่งเหวินเดินเข้ามาในชุดใหม่ ลูกน้องนั่งเรียงรายอยู่พากันขยับลุกขึ้นยืนต้อนรับ หย่งเหวินกระโดดขึ้นยืนบนลัง ลูกน้องมองจ้องรอฟัง หย่งเหวินกวาดตามองสมุนแล้วเอ่ยขึ้นมาดเจ้าพ่อ
“จากนี้ไปพวกเราจะไม่ขึ้นอยู่กับฉายหงส์กรุ๊ปอีกต่อไป จำไว้ ศัตรูหมายเลข 1 ของเราคือหลินหลานเซ่อ”
ลูกน้องมอง
“ขอให้พวกเราทุกคนรวบรวมสมัครพรรคพวกมาเข้าฝ่ายเราให้มากที่สุด พวกเราจะสร้างความยิ่งใหญ่และโค่นล้มฉายหงส์กรุ๊ป”
ลูกน้องทุกคนยกมือ ยกปืน ตะโกนโห่ร้อง ดังกึกก้อง
“ฆ่ามัน ฆ่ามัน ฆ่ามัน”
สีหน้าหย่งเหวินยิ้มอย่างอำมหิตออกมา
ฝ่ายฤทัยนาคนอนไม่หลับมองคิวบิกท่าทีเหม่อลอย หวนคิดถึงตอนหลินหลานเซ่อกระโดดเข้ามารวบตัวกอด ตอนหย่งเหวินยิงใส่
ฤทัยนาคหมุนคิวบิก ภาพตอนถูกมาเฟียหนุ่มกอดแล้วผละออกมาด้วยแววตาแปลกๆ ผุดซ้อนขึ้นมาอีกระลอก
“เธอเป็นอะไรรึเปล่า”
“ชั้นไม่เป็นอะไร”
สาววัยใสจอมซื่อบื้อหมุนมองลูกคิวบิกงงๆ ไม่เข้าใจในการกระทำของหลินหลานเซ่อแม้สักเพียงน้อย
เช้าวันต่อมา หลินหลานเซ่อจิบกาแฟมองเหม่อครุ่นคิดอยู่ในห้องทำงานที่อาคารฉายหงส์กรุ๊ป จงซินเปิดประตูเดินเข้ามา
“คุณหลินให้ตามผมมีอะไรหรือครับ”
“ตอนนี้หย่งเหวินมันรู้แล้วว่าฤทัยนาคคือคิวบิก ชั้นกลัวว่ามันจะหาทางเล่นงานฤทัยนาค”
“คุณหลินอยากให้ผมส่งฤทัยนาคกลับเมืองไทยหรือครับ”
“เปล่า ชั้นต้องการให้นายย้ายเธอมาอยู่ที่ตึกนี้ หาห้องพักให้เธอด้วย”
“ครับ”
“และจากนี้ไปให้เธอมาเป็นพนักงานขับรถประจำให้ชั้น อย่างน้อยเราจะได้ดูแลความปลอดภัยให้เธอได้”
“ครับ ผมจะจัดการให้”
จงซินหันกลับจะไป หลานเซ่อเรียกไว้ “เดี๋ยว จงซิน”
“ครับ”
“ที่ชั้นยังไม่ส่งเธอกลับเมืองไทยเพราะชั้นยังไม่ได้ตัวนันทกา”
“ครับ ผมเข้าใจ” จงซินเดินออกไป หลินหลานเซ่อถอนใจนึกเป็นห่วงคิวบิกของตน
มีนาถามฤทัยนาคที่แวะมาเยี่ยม ทันทีที่ฟังจบ
“อะไรนะ คุณหลินเค้าเอาตัวเข้าบังกระสุนให้เธองั้นหรือ”
“ใช่ ตอนนั้นหย่งเหวินเล็งปืนมาที่ชั้น เค้าก็โดดเข้ามากอดชั้นแล้วเอาตัวบังหันไปยิงหย่งเหวิน”
มีนาทึ่งสุดๆ “โอ้โห นี่เหมือนหนังฮ่องกงเลยนะ แล้วยังไงต่อ”
“ชั้นก็เกือบตายน่ะสิ”
“เธอถูกยิงหรือ”
“เปล่า หลินหลานเซ่อเค้ากอดชั้นแน่นจนชั้นหายไม่ออก”
“เค้าคงตกใจ กลัวว่าเธอจะเป็นอะไรน่ะสิ แล้วหลังจากนั้นล่ะเค้าจูบเธอเพื่อปลอบขวัญเลยใช่มั้ย”
ฤทัยนาคค้อนขวับ “บ้า เค้าไม่ได้ทำอย่างงั้นซะหน่อย แต่เค้าอึ้งกอดชั้นอยู่นานสงสัยเค้าจะช็อก”
มีนาโพล่งขึ้น “ชั้นว่าคุณหลินเค้าต้องแอบรักเธอแน่เลย”
“รักชั้น” ฤทัยนาคเซ่อไปเลย
“ใช่ ถ้าไม่รัก เค้าจะเอาตัวเข้ารับกระสุนแทนได้ไง”
ฤทัยนาคอึ้ง นึกถึงตอนที่ถูกหลินหลานเซ่อมองจ้องด้วยแววตาประหลาด
“เธอว่ามั้ย” มีนาถาม
“ชั้นว่ามันเป็นไปไม่ได้หรอก คนอย่างเค้าจะมารักผู้หญิงอย่างชั้นได้ยังไง ชั้นไม่ได้สวยเหมือนผู้หญิงของเค้า”
“แต่ชั้นว่าไม่แน่นะ เค้าอาจจะเบื่อพวกผู้หญิงสวยๆ ที่ดูโง่ๆ ไม่มีสมองเหมือนเธอ”
ฤทัยนาคมองจ้องมีนา
“จริงๆนะ เธอเข้าใจความรู้สึกที่เค้าบอกว่ารักแท้แพ้ใกล้ชิดมั้ย”
“เธอพูดเหมือนกับเธอเคยรักใคร”
“ก็ ชั้นเองก็ไม่รู้ว่าใช่รึเปล่านะ ตอนแรกๆ ชั้นก็กลัวแล้วก็เกลียดเค้า แต่พอไม่เจอหน้าเค้านานๆ ชั้นกลับคิดถึงเค้า”
“เธออย่าบอกนะว่าผู้ชายคนนั้นคือหลินเพ่ยอิง”
มีนาปฏิเสธทันที “เอ่อ...ไม่ใช่”
“จริงนะ”
“จริงสิ”
“เฮ้อ ค่อยยังชั่ว ชั้นนึกว่าเธอหลงรักหลินเพ่ยอิงซะอีก”
ถูกฤทัยนาคมองจ้องมีนาหลบตาวูบ เสียงออดดังขัดขึ้นพอดี
อาฉี บอดี้การ์ดเดินไปที่ประตู มองผ่านตาแมวเห็นหลินเพ่ยอิงยืนอยู่หน้าห้อง
อาฉีชักปืน ถามไป “มีอะไรครับ คุณเพ่ยอิง”
มีนาตาโต หันมาบอกฤทัยนาค “เพ่ยอิงมา”
“นี่เค้าจะมาเอาตัวเธออีกแล้วหรือ”
เพ่ยอิงยืนอยู่หน้าประตู สั่งอาฉีที่อยู่ในห้อง สองคนโต้เถียงกันไปมา
“เปิดประตู”
“ผมคงเปิดไม่ได้ครับ เพราะเป็นคำสั่งของคุณหลินหลานเซ่อ”
“แต่ชั้นเป็นหนึ่งในฉายหงส์กรุ๊ปเหมือนกันนะ”
“แต่คุณจงซินสั่งไว้ ห้ามไม่ให้คุณเข้าใกล้คุณมีนาครับ”
“ชั้นมีธุระสำคัญจะคุยกับมีนา”
มีนาได้ยิน
“เดี๋ยว อาฉี เค้าอาจจะมีเรื่องสำคัญก็ได้นะ”
“สำคัญยังไงก็ให้พบไม่ได้ครับ มันเป็นคำสั่ง”
อาฉีบอกเสียงเข้ม
ฤทัยนาคเห็นด้วยกับอาฉี
“ใช่ ชั้นว่ามันหลอกเพื่อจะมาเอาตัวเธอ บอกให้เค้ากลับไปอาฉีไม่งั้นนายจะโทร.บอกหลินหลานเซ่อให้จัดการกับเค้า”
“มีนา ชั้นมีเรื่องสำคัญจะคุยกับเธอ เปิดประตูให้ชั้นหน่อย”
อาฉีบอก “ผมบอกว่าไม่ได้ไงครับ”
“มีนา ชั้นแค่อยากจะมาขอโทษที่ชั้นทำไม่ดีกับเธอ”
ฤทัยนาคมอง พบว่ามีนาตกอยู่ในภวังค์
“ได้โปรดเถอะ ขอแค่เปิดประตูให้ชั้น”
มีนาหันไปบอกฤทัยนาค “เค้าจะมาขอโทษชั้น”
“อย่าไปเชื่อ มันเป็นแผน เค้าจะมาหลอกจับตัวเธอไป”
“มีนา ชั้นเสียใจที่ชั้นทำร้ายเธอ โปรดยกโทษให้ชั้นด้วย”
มีนาอึ้ง นิ่งฟัง
“ชั้นอยากให้เธอรับดอกไม้ช่อนี้เพื่อแทนคำขอโทษจากใจชั้น”
“ดอกไม้”
มีนาตาโต ผลักอาฉีหลบไป ชะเง้อมองผ่านช่องตาแมว เห็นเพ่ยอิงยืนถือดอกไม้อยู่หน้าห้อง
“เค้าเอาดอกไม้มาขอโทษจริงๆ นะนาค”
“อย่าไปเชื่อ มันเป็นลูกเล่นของเค้า”
“แต่ชั้นว่าไม่นะ”
“เธอกำลังหลงคารมเพ่ยอิงนะ”
เพ่ยอิงบอกต่อ “มีนา วันนั้นก่อนที่ชั้นจะสลบ ชั้นจำได้นะที่เธอเข้ามาประคองเรียกชั้น ชั้นขอบใจจริงๆ ที่เธอเป็นห่วงชั้น”
มีนามองอึ้งๆ ซึ้งๆ ฤทัยนาคส่ายหน้าไม่ให้เปิดประตู
“ถ้าอย่างงั้นชั้นจะวางดอกไม้ที่หน้าประตูนี่นะ”
มีนามองเพ่ยอิง เหลียวกลับมามองฤทัยนาค แล้วหันไปมองเพ่ยอิงอย่างลังเล มีนาเห็นเพ่ยอิงจูบดอกไม้แล้ววางลงที่พื้นช้าๆ มาดอย่างหล่อ
มีนามองตามแผ่นหลังเพ่ยอิง ที่ก้าวเดินจากไป ก่อนจะพลิกตัวหันมาพิงประตูน้ำตาซึม ฤทัยนาคจอมซื่อบื้อมองงงๆ
มีนาครวญ “ชั้นสงสารเค้า”
ฤทัยนาคอึ้ง มีนาหันกลับไปมองตาแมว ตรงทางเดินไม่เห็นเพ่ยอิงแล้ว มีนาหันมาบอกอาฉี
“เค้าไปแล้ว ชั้นขอออกไปเอาดอกไม้ได้มั้ย”
“เชิญครับ”
มีนาเปิดประตูออกไป หยิบดอกไม้ขึ้นมาดู มองไปที่ทางเดินไม่เห็นแม้เงาเพ่ยอิง เด็กสาวกลับเข้ามาในห้องยกดอกไม้ขึ้นมาดม ฤทัยนาคมองอย่างงุนงง มีนาเดินเข้าไปในห้องอย่างเหงาหงอย
เจ้าของโค้ดเนมคิวบิกยิ่งงงหนัก
ฝ่ายเพ่ยอิงเดินคอตกลงบันไดเลื่อนมาสีหน้าหมองเศร้า
เช้าวันนี้ ขณะที่อาจารย์ลี่กำลังสอนหนังสืออยู่หน้าชั้น แต่ฤทัยนาคนั่งฟุบหลับอยู่กับโต๊ะ อาจารย์หันมามองจ้องตาขวาง เพื่อนในห้องมองตาม แดนนี่ร้องเรียกเบาๆ
“ฤทัยนาค”
ฤทัยนาคยังหลับไม่รู้เรื่อง อาจารย์ลี่เดินตุ้ยนุ้ยเข้ามาหยุดข้างโต๊ะตีแขนเผียะ
“ฤทัยนาค”
“อย่ายุ่งน่า ขอนอนก่อน”
คราวนี้อาจารย์ลี่กระชากแขนขึ้น เขย่าเรียกเสียงดัง
“ฤทัยนาค”
ฤทัยนาครู้สึกตัวตื่นขึ้นมามองอาจารย์อย่างงงๆ
“อาจารย์”
“ทำไมมาหลับในชั้นเรียน อยู่บ้านไม่ได้หลับไม่ได้นอนหรือไง”
“ขอโทษค่ะ พอดีหนูปวดหัวก็เลยเผลอหลับไปหน่อย”
อาจารย์ลี่มองแล้วยกมือแตะหน้าผาก
“นี่เธอตัวร้อนมากนะเนี่ย กินยารึยัง”
“ยังค่ะ”
“ไป...ไป ไปห้องพยาบาล ไปขอยาอาจารย์ที่ห้องพยาบาลกินเดี๋ยวนี้เลย”
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ หนูไม่เป็นอะไรหรอก”
“ไม่ได้ ถ้าเธอเป็นอะไรไป คุณหลินหลานเซ่อจะมาเล่นงานครูน่ะสิ ไป แดนนี่ พาฤทัยนาคไปห้องพยาบาลเดี๋ยวนี้เลย”
“ครับ ไป”
แดนนี่เข้ามาดึงแขน ฤทัยนาคจำใจลุกขึ้นเดินตามแดนนี่ออกไป
อาจารย์ห้องพยาบาลดึงปรอทออกจากปากฤทัยนาค ร้องขึ้นด้วยสีหน้าตกใจ
“ตายแล้ว นี่ไข้เธอสูงถึง 40 องศาเลยนะ ไปทำอะไรมาเนี่ย”
“สงสัยเมื่อวานหนูจะตากฝนตอนไปส่งของน่ะค่ะ”
“เอา” อาจารย์หยิบยาแก้ไข้ให้ “กินยานี่ซะ แล้วก็นอนพักก่อน ให้ไข้ลดลงแล้วค่อยกลับไปเรียน”
“ค่ะ ขอบคุณค่ะอาจารย์” ฤทัยนาคกินยาเสร็จ “หนูนอนได้เลยนะคะ”
“อืมม์” ฤทัยนาคล้มตัวลงนอนบนเตียงท่าทีระโหนโรยแรง
แดนนี่เป็นห่วง “ให้ผมนั่งเฝ้าเป็นเพื่อนฤทัยนาคได้มั้ยครับ”
“ไม่ต้อง เธอกลับไปเรียนได้”
“เผื่อเค้าเกิดเป็นอะไรมากล่ะครับอาจารย์” แดนนี่ท้วง
“เธอไม่ต้องห่วง ครูอยู่ทั้งคน อย่ามาหาเรื่องเพื่อหลบไม่เข้าเรียนหน่อยเลย”
“อาจารย์เนี่ยรู้ทันจริงๆ” แดนนี่เซ็ง หันมาบอกฤทัยนาค “ชั้นไปเรียนก่อนนะ”
แดนนี่ชะงักเมื่อพบว่าฤทัยนาคผล็อยหลับไปแล้ว
“อ้าว หลับไปซะแล้ว”
แดนนี่ส่ายหัว แล้วเดินออกไป ขณะที่ฤทัยนาคหลับสนิท
อ่านต่อหน้า 2
คิวบิก ตอนที่ 11 (ต่อ)
โรงเรียนเลิกแล้ว บรรดานักเรียนที่ยังไม่ได้กลับ ต่างทำกิจกรรมตามอัธยาศัย บ้างจับกลุ่มเม้าท์มอย บ้างเล่นกีฬา ใครจะทำอะไร แต่ฤทัยนาคยังคงหลับสนิท
หลินหลานเซ่อเดินเก๊กมาตามทางเดินในอาคารเรียน ก่อนจะเข้ามาหยุดข้างเตียงในห้องพยาบาล ฤทัยนาคนอนหันหลังอยู่ละเมอออกมา
“ขอหนูหลับต่ออีกนิดนะคะอาจารย์”
หลานเซ่อลงนั่งข้างเตียง มองฤทัยนาคนิ่งๆ ก่อนจะเอื้อมมือไปแตะหน้าผากและแก้มอย่างแผ่วเบาและอ่อนโยน
มาเฟียขี้เก๊กก้มลงมองหน้า เคลื่อนหน้าลงไปคล้ายจะจูบ ฤทัยนาคหลับไม่รู้เรื่อง
คล้ายมีใครคนหนึ่งมองอยู่ หลินหลานเซ่อชะงักรู้สึกตัวดึงหน้ากลับ
เป็นแดนนี่ยืนจ้องอยู่ด้านหลัง ปากดีใส่ตามเคย
“อ้าว หยุดทำไมล่ะ ซีนกำลังสวย”
หลินหลานเซ่อเหลียวไปมอง สบสายตาคู่ปรับ แล้วหันกลับ
“ถ้าเป็นชั้น ชั้นจะจุ๊บแก้มเธอซักทีนะ”
หลานเซ่อบอกเสียงขุ่น “ไม่ใช่เรื่องของนาย”
“งั้นขอถามอีกข้อ ที่หยุดเมื่อกี้เพราะยัยนี่ไม่สวยพอหรือเพราะกลัวห้ามใจตัวเองไม่อยู่ หรือเพราะว่าชั้นเข้ามา”
หลินหลานเซ่อฉุน ลุกขึ้นหันมามองแดนนี่ “นายจะอยู่อีกนานมั้ย”
“ชั้นเป็นเพื่อน ชั้นย่อมมีสิทธิ์มาเฝ้าเพื่อน ไม่เหมือนนาย เป็นแค่ผู้ปกครองแต่ทำตัวยังกะเป็นเจ้าชีวิตของเธองั้นล่ะ”
หลินหลานเซ่อโมโห กระชากคอเสื้อ
“นี่ ถ้าชั้นไม่เห็นว่าแกเป็นลูกของ คาลอส ทาเปีย ล่ะก็...”
“ใจเย็นน่า ชั้นก็แค่ล้อเล่น ขำๆ”
แดนยิ้มกวนประสาทสุดๆ หลินหลานปล่อยมือผลักแดนนี่ออก
“นายชอบฤทัยนาคหรือไงถึงยังอยู่ที่นี่ ทั้งๆ ที่ควรจะไปกับพ่อตั้งนานแล้ว”
“หึ ชั้นว่านายถามตัวเองดีกว่ามั้ง ว่านายต้องการอะไรกันแน่ถึงไม่ยอมปล่อยฤทัยนาคไป ทั้งๆที่ความจริงหนี้ยี่สิบล้านถูกใช้หมดแล้ว ตั้งแต่วันที่เธอช่วยชีวิตนายไว้”
หลินหลานเซ่ออึ้งไม่พอใจที่แดนนี่พูดจี้ใจดำ
“เพราะถ้าเป็นคนอื่น ชั้นเชื่อว่านอกจากนายจะยกหนี้คืนให้แล้ว นายต้องแถมเงินให้อีกก้อนใหญ่เพราะถือว่าเป็นหนี้บุญคุณชีวิต แต่สำหรับฤทัยนาคนายกลับเอาเรื่องหนี้มาเหนี่ยวรั้งเธอไว้”
หลินหลานเซ่ออึ้ง แดนนี่เดินเข้ามาตบแขนอย่างแก่แดด
“ชั้นว่านายกล้าๆหน่อย ขืนนายชักช้าชั้นอาจจะขโมยเธอไปนะ”
ไม่เท่านั้น แดนนี่ยักคิ้วให้อีกดอก แล้วจึงเดินออก หลินหลานเซ่อมองตาขวาง แดนนี่หันกลับมา
“อ้อ เกือบลืม ฝากกระเป๋าให้ฤทัยนาคด้วย”
แดนนี่โยนเป้หนังสือให้ หลินหลานเซ่อรับไว้ แดนนี่ยิ้มยักคิ้วให้อีกครั้งก่อนไป หลินหลานเซ่อมองตามแดนนี่อย่างหงุดหงิด ที่เสียฟอร์ม
“ไอ้เด็กบ้านี่”
หลินหลานเซ่อนั่งขรึมอยู่ข้างเตียง ฤทัยนาคยังหลับไม่รู้เรื่อง เสียงแดนนี่ดังก้องในหูมาเฟียหนุ่ม
“ชั้นว่านายถามตัวเองดีกว่ามั้ง ว่านายต้องการอะไรกันแน่ถึงไม่ยอมปล่อยฤทัยนาคไป ทั้งๆ ที่ความจริงหนี้ยี่สิบล้านถูกใช้หมด แล้วตั้งแต่วันที่เธอช่วยชีวิตนายไว้”
หลินหลานเซ่อมองหน้าลูกหนี้สาว ทอดถอนใจ สักครู่หลินหลานเซ่อขยับตัวไปแตะหน้าผากดูอาการ ฤทัยนาคขยับตัวพูดเสียงงึมงำ
“ครูคะกี่โมงแล้วคะ”
หลินหลานเซ่อไม่ตอบดึงมืออก ฤทัยนาคลืมตาเห็นหลินหลานเซ่อมองอยู่ถึงกับสะดุ้ง
“หลานเซ่อ”
“ไม่สบายทำไมไม่บอก”
“ชั้นไม่เป็นอะไรมากหรอก แค่ปวดหัวนิดหน่อย กินยาไปแล้วหายสนิท”
หลินหลานเซ่อมองจ้องหน้านิ่งๆ นาน จนฤทัยนาคชะงัก เหลือบมองนาฬิกา
“ตายแล้ว นี่จะหกโมงแล้วนี่ ชั้นขอโทษนะ”
“ขอโทษเรื่องอะไร”
“ก็ขอโทษที่ทำให้นายต้องรอ ขอโทษจริงๆ นะ ชั้นไม่ได้ตั้งใจ”
หลินหลานเซ่อไม่ตอบมองนิ่ง
“ชั้นทำให้นายโกรธอีกแล้วใช่มั้ย อย่าโกรธเลยนะ ไป เรากลับกันเถอะ”
ฤทัยนาคยื่นมือให้ไม่คิดอะไร หลินหลานเซ่อมองมือแล้วมองหน้า พร้อมกับเก๊กขรึมตามธรรมเนียม
“ชั้นไม่ใช่เด็กห้าขวบ”
หลินหลานเซ่อลุกขึ้นคว้าเป้หันตัวเดินออกประตูไป ฤทัยนาคลุกลงจากเตียงวิ่งตาม
หลานเซ่อเดินเลี้ยวมาตามทางถือเป้ของฤทัยนาคมาด้วย
“นี่นายโกรธชั้นจริงๆ หรือ ก็บอกแล้วไงว่าไม่ได้ตั้งใจ”
หลินหลานเซ่อมองจากหางตาอมยิ้ม ฤทัยนาคยังยังพร่ำขอโทษไม่หยุด
“ยกโทษให้ชั้นเถอะนะ หลินหลานเซ่อ”
ฤทัยนาควิ่งตามหลินหลานเซ่อที่อมยิ้มอารมณ์ดีไปตามทาง
คืนเดียวกันที่บ้านสวน เมืองไทย สงวนนั่งกินข้าวอยู่คนเดียว นันทกาเดินเข้ามาหา
“น้าหงวน”
“อ้าว คุณนันมีอะไรหรือครับ”
“วันนั้นน้าหงวนบอกว่าไอ้มือปืนที่มาตามจับชั้นกับพ่อ มันให้นามบัตรไว้ใช่มั้ย”
“ใช่ครับ”
“ชั้นขอดูหน่อยได้มั้ย”
สงวนแปลกใจ “คุณนันจะทำไมหรือครับ”
“พอดีพ่อเพื่อนชั้นเป็นตำรวจน่ะ ชั้นจะให้เค้าช่วยสืบดูว่าพวกมันเป็นใครมาจากไหน”
“ได้ครับ เดี๋ยวผมเอาให้”
สงวนหยิบกระเป๋าสตังค์ เปิดออกหยิบนามบัตรของอาเหว่ยส่งให้
“นี่ครับคุณนัน”
“ขอบคุณนะ”
“ไม่เป็นไรครับ”
นันทกาเดินออกไป สงวนกินข้าวต่อ ไม่ติดใจอะไร
นันทกาเดินเลี้ยวมาที่ลับตา มองนามบัตรในมือแล้วกดโทรศัพท์
อาเหว่ยกึ่งนั่งกึ่งนอนอยู่ในรถตู้ ที่จอดรอลูกน้องที่ไปซื้อของ เสียงโทรศัพท์ดัง อาเหว่ยกดรับ
“ฮัลโหล”
“นี่ชั้นนันทกาพูดนะ”
อาเหว่ยกระโดดขึ้นมานั่ง “นันทกาไหน”
“ก็นันทกาที่แกกำลังตามหาตัวอยู่ไง”
อาเหว่ยตะโกนบอกลุกน้องที่คุยกันเสียงดัง “เฮ้ย เงียบหน่อยซิ นี่เธออยู่ไหน แล้วได้เบอร์ชั้นมาได้ไง”
“ชั้นจะได้มายังไงไม่เกี่ยว ตอนนี้ชั้นอยากให้นายมารับตัวชั้น”
“นี่ คุณ ผมบอกก่อนนะ ถ้าคุณไม่ใช่นันทกาแล้วล้อเล่นกับผม คุณจะเดือดร้อนนะ”
“ก็ตามใจ ถ้านายไม่อยากได้ตัวชั้น เดี๋ยวชั้นจะหาเบอร์หลินหลานเซ่อ โทร.บอกเค้าเอง”
“เดี๋ยว แล้วจะให้ชั้นไปรับตัวที่ไหน”
“บ้านนายสงวน”
นันทกาบอกด้วยน้ำเสียงอันเด็ดเดี่ยว
เวลานั้น สองคนนั่งอยู่ในร้านกาแฟ กลางสวนสวย ฟางเหม่ยจิงจิ้มเค้กในจานบิจนขาดจากกัน พร้อมกับเอ่ยขึ้น
“ชั้นว่าหย่งเหวินต้องเป็นคนฆ่าไป่หลิง คุณว่ามั้ย”
หลินหลานเซ่อนั่งสไลด์ดูรูปในโทรศัพท์มือถือเพลิน
เหม่ยจิงถามซ้ำ “คุณว่ามั้ย”
“หือม์” หลานเซ่อไม่สนใจนัก
“หลินหลานเซ่อ คุณดูอะไรอยู่ ชั้นถามถึงไม่ตอบ”
“ชั้นไม่ทันฟัง” เขากดปิดโทรศัพท์
“คุณว่าเป็นไปได้มั้ยที่หย่งเหวินจะฆ่าไป่หลิง”
มาเฟียหนุ่มถอนใจ “ถึงวันนี้ชั้นว่าคงเป็นฝีมือมัน”
“หย่งเหวินนี่มันโหดเหี้ยมจริงๆ นะ เห็นหน้าตาซื่อๆ ยิ้มหวานๆ พูดจาสุภาพ นึกแล้วกลัวจริง ๆ คุณเองต้องระวังตัวให้มากนะ ชั้นว่ามันต้องหาทางเล่นงานคุณแน่ๆ”
“แล้วเธอว่าชั้นจะปล่อยมันไว้หรือ”
“ขอให้คุณหาตัวมันให้เจอเร็วๆ เถอะ”
จงซินเข้ามาในจังหวะนี้
“คุณหลินครับ”
“มีอะไร”
“อาเหว่ยโทรมาบอกว่ามันได้ตัวนันทกาแล้วครับ”
เหม่ยจิงอึ้ง นิ่งงันไป หลินหลานเซ่อชะงักมองหน้าจงซิน
“จะให้ทำยังไงกับนายยุทธพงษ์ครับ ให้อาเหว่ยจัดการเลยมั้ยครับ”
“ไม่ต้อง เอาตัวมาทั้งพ่อทั้งลูก”
“ครับ”
จงซินเดินออกไป หลินหลานเซ่อยกกาแฟจิบ ฝ่ายเหม่ยจิงอึ้งๆ อยู่ หลานเซ่อมองมา
“เธอเป็นอะไร ไหนว่าเค้กอร่อย ทำไมไม่กินให้หมด”
“ชั้นอิ่มแล้ว”
หลินหลานเซ่อไม่ได้สนใจท่าทีแปลกๆ นั้น หยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาดู กดเปิดดูรูปอีก เห็นใบหน้าฤทัยนาคในโทรศัพท์นั้น
เหม่ยจิงยังไม่หายอึ้ง ยกชาจิบเหลือบมอง เห็นหลินหลานเซ่อยังนั่งดูรูปในมือถือ สไลด์ไปมา
เหม่ยจิงเปิดประตูห้องเข้ามาอารมณ์ขุ่นมัว เดินมาหยุดทรุดลงนั่งเก้าอี้ นึกถึงรูปนันทกาที่เคยเห็นในห้องทำงานหลานเซ่อ คิดไปว่ามาเฟียหนุ่มดูรูปนันทกา
“ผู้หญิงคนนั้นกำลังจะมาจริงๆ งั้นหรือ แล้วเราล่ะ เค้าจะเอาเราไปไว้ที่ไหน”
เหม่ยจิงหงุดหงิด เดินเปิดบรั่นดีเทใส่แก้วยกดื่มพรวดเดียว
วันต่อมา จงซินเดินเข้ามาในห้องทำงานบอกฤทัยนาคที่นั่งรออยู่แล้วในนั้น
“งานเอกสารทั้งหมดที่เป็นหน้าที่ชั้น เธอต้องเป็นคนจัดการ ถ้าคุณหลินถามข้อมูลในเอกสารฉบับไหน เธอต้องตอบได้หมดและให้ละเอียดมากพอที่คุณหลินจะเข้าใจ”
จงซินหยิบกองเอกสารส่งให้
“นี่คือส่วนที่เธอต้องทำความเข้าใจทั้งหมดในระหว่างที่ชั้นไม่อยู่เธอต้องอ่านและสรุปย่อให้คุณหลินเพื่อให้คุณหลินนำไปพิราณาอีกที ถ้าสรุปผิดประเด็นคนที่ต้องรับผิดชอบคือเธอ”
ฤทัยนาคงงๆ “ชั้นต้องรับผิดชอบด้วยหรือ”
“ก็ใช่สิ เพราะถ้าเธอสรุปผิดแล้วคุณหลินตัดสินใจอะไรพลาดไปต้องมีคนรับผิดชอบ”
“แล้วทำไมต้องเป็นชั้นด้วยล่ะ ให้พนักงานคนอื่นทำไม่ได้หรือ” ฤทัยนาคคาใจ
“เอกสารบางอย่างสำคัญ ให้คนนอกมายุ่งไม่ได้ แล้วตอนนี้คนที่คุณหลินไว้ใจมีไม่กี่คน”
ฤทัยนาคสูดลมหายใจเฮือกใหญ่ “ก็ได้ ชั้นจะพยายามไม่ให้มีอะไรผิดพลาด”
“ชั้นจะไม่อยู่สองวัน ถ้ามีปัญหาอะไรโทร.หาชั้น”
“แล้วนายจะไปไหนหรือ”
จงซินตอบสั้น “ธุระ...อ้อ แล้วนี่สิ่งแรกที่เธอต้องทำ”
เลขาหนุ่มส่งเอกสารวัดระดับไอคิวเป็นภาษาอังกฤษให้ ฤทัยนาครับมาดู
“แบบทดสอบวัดไอคิวหรือ”
“ใช่ ทำให้เสร็จแล้วเอาไปให้คุณหลิน”
จงซินขยับจะไป
“แล้วคุณหลินของนายอยู่ไหนล่ะ”
“พักผ่อนอยู่ในห้อง เดี๋ยวคงออกมา”
เด็กสาวพยักหน้ารับรู้ จงซินหันเดินออก ฤทัยนาคมองเอกสารไอคิวอย่างเซ็งๆ
“ทำไมใครๆ ชอบทดสอบไอคิวเราจัง ทั้งพ่อทั้งครูที่โรงเรียน”
ฤทัยนาคลงนั่งทำแบบทดสอบ กากากบาทลงไปในคำตอบ จนทำเสร็จหยิบมาดูแล้วลุกขึ้นมองหาหลินหลานเซ่อ
“จงซินบอกว่าทำเสร็จแล้วให้เอาไปให้หลินหลานเซ่อเลยนี่นา”
ฤทัยนาคพยักหน้ากับตัวเองแล้วเดินไปที่ห้องนอน เคาะประตูเบาๆ เงี่ยหูฟังไม่มีเสียงตอบเลยชักลังเล
แต่สุดท้ายค่อยๆ เปิดแง้มเข้าไป
อ่านต่อหน้า 3
คิวบิก ตอนที่ 11 (ต่อ)
ฤทัยนาคเปิดประตูแง้มเข้ามาในห้องนอนซึ่งอยู่หลังห้องทำงาน ต้องชะงักเมื่อพบว่าหลินหลานหลับอยู่ เดินเข้ามาหยุดมองข้างๆ เตียง ชะโงกหน้าเข้ามาดูใกล้ๆ ไล่สายตามองดู ไล่จากเปลือกตาที่หลับสนิท เพ่งมองสันจมูกคม จ้องริมฝีปาก
ฤทัยนาคมองแล้วอมยิ้มชะโงกหน้าเข้าไปใกล้กระซิบเบาๆ
“ฝันดีนะ”
“ฝันดีแล้วยังไง” หลินหลานเซ่อถามโดยไม่ลืมตา
ฤทัยนาคสะดุ้งตกใจผงะถอย ลนลานใหญ่
“อุ๊ย...เอ่อ นี่...นี่นายไม่ได้หลับหรอกหรือ”
คราวนี้หลานเซ่อลืมตามอง “เธอยังไม่ได้บอกเลยว่าฝันดีแล้วยังไง”
แววตาที่จ้องมองมาอ่อนโยนเหลือเกิน ฤทัยนาคมองสบตายิ้มเขินสะเทิ้นอาย
“เอ่อ ฝันดี...ฝันดีแล้วก็ต้อง ..เอ่อ” ฤทัยนาคอึกอักไปไม่เป็นพูดไม่ ถูกหลานเซ่อมอง
จ้องเอาๆ “เออ ใช่ ฝันดีแล้วก็ต้องทำงาน ชั้นไปทำงานก่อนละ”
ฤทัยนาคหันกลับจะออกไป ถูกคว้าแขนไว้ก่อน
“เดี๋ยว” ฤทัยนาคชะงักเหลียวมามอง “แล้วเธอเข้ามาแอบส่องดูชั้นเนี่ยมีอะไร”
ฤทัยนาคฉุน “พูดให้ดีนะ ชั้นไม่ได้มาแอบส่องนายซะหน่อย ชั้นเคาะประตูแล้วแต่นายไม่ตอบนี่”
พลางแกะมือเขาออก
“แล้วตกลงมีเรื่องอะไร”
“ก็จงซินน่ะสิ เค้าบอกว่าถ้าชั้นทำแบบทดสอบไอคิวเสร็จให้เอามาให้นาย ชั้นไม่รู้ว่านายหลับอยู่ ขอโทษด้วยนะ”
“ทำไมต้องขอโทษบ่อยๆ”
“ก็ถ้าชั้นไม่ขอโทษเดี๋ยวนายก็โกรธชั้นอีก ชั้นไม่อยากให้นายโกรธชั้นบ่อยๆ เอานี่ แบบทดสอบไอคิว ชั้นไปทำงานต่อละ”
ฤทัยนาคส่งเอกสารทดสอบไอคิวให้แล้วเดินออก หลินหลานเซ่อมองตามอมยิ้ม ตาเป็นประกาย แล้วหันมาดูเอกสารในมือ
ฤทัยนาคนั่งอ่านแฟ้ม เสร็จแล้วพิมพ์งาน เสร็จชิ้นนี้ เอาอีกชิ้นมาอ่าน ทำงานไม่หยุด ลุกไปหยิบเอกสารมาดู มาอ่าน หันไปจดโน้ต
ต่อมา ขณะที่ฤทัยนาคนั่งพิมพ์เอกสาร มีแก้วน้ำขิงร้อนๆ ยื่นเข้ามาให้ ฤทัยนาคชะงักเงยหน้ามอง เห็นหลินหลานเซ่อเป็นคนส่งให้
“น้ำขิงร้อนๆ”
“เอ่อ...”
“จะได้สดชื่น ทำให้สมองโล่ง”
“ขอบคุณ”
“แล้วนี่ก็แซนด์วิช” เขาส่งจานแซนด์วิชให้
“ชั้นยังไม่หิว”
“ไม่หิวอะไร ชั้นได้ยินเสียงท้องเธอร้องดังออกมา”
“อุ๊ย จริงเหรอ”
“กินซะ เดี๋ยวจะเป็นโรคกระเพาะ”
ฤทัยนาคหยิบแซนวิชไปกัดเข้าปาก หลานเซ่อมอง
“อร่อยมั้ย”
“อืมม์ อร่อย”
“กินเยอะๆ”
ฤทัยนาคเคี้ยวแซนด์วิช กัดคำสุดท้ายเข้าปาก แล้วหันมามองหลินหลานเซ่อ
“ชั้นกินอีกชิ้นได้มั้ย”
เขาพยักหน้า ฤทัยนาคหยิบแซนด์วิชเข้าปากเคี้ยวหยับๆ หลินหลานเซ่อมอง
“อ้อ นี่เอกสารที่จงซินสั่งให้ชั้นสรุปให้นายอ่าน”
ฤทัยนาคส่งอกสารให้ หลินหลานเซ่อรับเอกสารไปนั่งอ่านตรงข้าม เด็กสาวหยิบแซนด์วิชเคี้ยวกิน แล้วลอบมองเขา เห็นหลินหลานเซ่ออ่านเอกสารมาดขรึมเข้ม ฤทัยนาคหยิบน้ำขิงมาดื่มโดยไม่ระวัง จนทำให้สำลัก หลานเซ่อเงยหน้ามองมา ฤทัยนาคยิ้มเขินๆ
“ฤทัยนาค”
“หือม์”
หลานเซ่อชี้ที่แก้ม “ขนมปังติดแก้ม”
ฤทัยนาคชะงักเช็ดอย่างอายๆ นึกโมโหที่กินเลอะเทอะ หันมาทำงานตรงหน้าต่อ ส่วนหลานเซ่อเปิดอ่านเอกสาร
ฤทัยนาคปรายตามอง ขณะยกน้ำขิงจิบเห็นหลินหลานเซ่อยังอ่านเอกสารอยู่ มาดอย่างหล่อ ฤทัยนาคลอบมองจ้องหน้า ไล่มาที่ปาก เห็นเขาขมวดคิ้วเครียดๆ ฤทัยนาคมองไม่เบื่อ
จังหวะหนึ่ง หลินหลานเซ่อมองมา พบว่าฤทัยนาคกำลังยิ้มมองเขาอย่างเพลินเพลิน ฤทัยนาคสะดุ้งหุบยิ้มแทบไม่ทัน
“เธอแอบมองชั้นทำไม”
“เอ่อ...ชั้น ชั้นไม่ได้แอบมองนะ ชั้นแค่พักสายตาแล้วมองไปทางนายพอดี”
หลินหลานเซ่อมองจ้องตา บอกเสียงนุ่ม “แต่ถึงเธอจะแอบมองชั้นก็ไม่ว่าหรอก”
ฤทัยนาคก้มหน้าหลบตาลงอย่างเขินอาย
“ชั้นจะไปแอบมองนายทำไม ถ้าชั้นอยากมองชั้นจ้องก็ได้” ว่าแล้วก็จ้องหน้าเขา “นี่ไง ไม่เห็นต้องแอบมองเลย”
หลินหลานเซ่อจ้องกลับ สองคนสบตากันซึ้งๆ
ฤทัยนาคแทบละลาย เริ่มสะเทิ้นกับสายตาคู่นั้น สุดท้ายฤทัยนาคเป็นฝ่ายหลบสายตาลง
“เก่งจริงแล้วหลบตาทำไม”
ฤทัยนาคแถ “ชั้นไม่ได้หลบชั้นแค่เมื่อยตา ชั้นทำงานต่อดีกว่าเดี๋ยวจะไม่เสร็จ”
จากนั้นจึงหันกลับมาพิมพ์เอกสาร หลินหลานเซ่อมองแล้วคลี่ยิ้ม ปิดแฟ้ม ลุกขึ้น
“เอาละ เธอทำงานต่อให้เสร็จ อย่าไปไหนล่ะ เดี๋ยวชั้นกลับมา”
“ชั้นต้องรอนายด้วยหรือ”
“ก็ใช่สิ ถ้าชั้นกลับมาแล้วมีงานเพิ่มจะทำไง”
“แต่ว่า...”
“จงซินเค้าให้เธอทำงานแทนไม่ใช่หรือ ปกติเค้าต้องรอให้ชั้นกลับบ้านก่อน เค้าถึงจะกลับ เข้าใจรึเปล่า”
“อืมม์ ก็ได้”
หลานเซ่อออกไป ฤทัยนาคมองตามแล้วหยิบแซนด์วิชมากิน อมยิ้มมีความสุข
ไม่นานนัก ที่ชั้นล่าง เห็นขบวนรถของหลินหลานเซ่อขับออกจากตึกไป
เวลาผ่านไปฤทัยนาคนั่งทำงาน มีใครคนหนึ่งเดินเข้ามาหาจากด้านหลัง มือใครคนนั้นเอื้อมมาจับไหล่ ฤทัยนาคสะดุ้งเหลียวขวับมามอง พบว่าเป็นเหม่ยจิง
“อ้าว คุณเหม่ยจิง หวัดดีค่ะ”
“เห็นซุ่นลี่บอกว่าคุณหลินไม่อยู่ ไปไหนหรือ”
“ไม่ทราบค่ะ เห็นว่าออกไปข้างนอก เดี๋ยวจะกลับมาใหม่”
“เฮ้อ เซ็งจริงๆ มีแต่งาน ๆๆ จะมาชวนไปกินข้าวซะหน่อย” ซุปตาร์ม้าทองคำมองฤทัยนาค “แล้วนี่ทำอะไร”
“จงซินให้ชั้นทำงานแทนเค้าน่ะค่ะ”
“อ้าว แล้วเค้าไปไหน”
“ไม่ได้บอกค่ะ เห็นว่าไปธุระสองวัน”
“เออ...งั้นเธอลงไปกินข้าวเป็นเพื่อนชั้นหน่อยไป”
ฤทัยนาคปฏิเสธ “ชั้นไปไม่ได้หรอกค่ะ งานชั้นเยอะจริงๆ เดี๋ยวทำไม่เสร็จจะโดนคุณหลินเล่นงาน”
เหม่ยจิงคะยั้นคะยอ “ไม่หรอกน่า เดี๋ยวชั้นจะบอกเค้าเองว่าชั้นชวนเธอไปกินข้าว ชั้นมีเรื่องจะคุยกับเธอด้วย”
“เรื่องอะไรหรือคะ”
“เรื่องพี่สาวเธอ”
ฤทัยนาคแปลกใจ “พี่นันน่ะหรือคะ”
“ใช่ นี่หลินหลานเซ่อยังไม่บอกเธออีกหรือว่าเค้าเจอตัวพี่สาวเธอแล้ว”
ฤทัยนาคอึ้ง “จริงหรือคะ”
“จริงสิ ชั้นจะมาล้อเธอเล่นทำไม นี่จงซินคงจะเป็นคนไปรับตัวพี่สาวเธอ”
ฤทัยนาคมองเหม่ยจิง ทั้งอึ้งทั้งเหวอ
ธุระของหลินหลานเซ่อ คือมาบอกข่าว ที่เขาคิดว่าเป็นข่าวดีกับผู้หญิงของคิวบิก เขาเดินมาตามทาง ในเซฟท์เฮ้าส์ ลูกน้องเดินตามมาสองคน จนมาหยุดหน้าห้องมีนา ลูกน้องเปิดประตูให้
มีนาเดินเข้ามาหา “จะให้ชั้นกลับเมืองไทยหรือคะ”
“ใช่ เดี๋ยวเธอเก็บข้าวของส่วนตัวซะ พรุ่งนี้เช้าจะมีคนมารับพาเธอไปส่งสนามบิน”
มีนาไม่ดีใจนัก “เอ่อ แต่ว่า...”
“เธอไม่ต้องกลัวเพ่ยอิง คนของชั้นจะดูแลเธอจนกว่าเธอจะขึ้นเครื่องบิน”
“คือ...ชั้น...” มีนาอึกอัก
“ทำไม เธอมีปัญหาอะไร”
“ชั้นยังไม่กลับได้มั้ย” มีนาบอก
หลินหลานเซ่อชะงักนิดๆ มองเด็กสาวอย่างแปลกใจ
“นี่เธอพูดอะไรนะ ที่เธอหนีออกมาจากหลินเพ่ยอิง เพราะต้องการกลับเมืองไทยไม่ใช่เหรอ”
“เอ่อ ตอนนั้นมันใช่ค่ะ แต่ตอนนี้ชั้น...ชั้นยังไม่อยากกลับค่ะ”
หลินหลานเซ่ออึ้งไปชั่วขณะหนึ่ง “ไม่กลับ ทำไมถึงไม่กลับ”
เสียงบอร์ดี้การ์ดดังขัดขึ้น “เข้าไม่ได้ครับ”
ตามด้วยเสียงเบ่งของเพ่ยอิง “ถอย”
เพ่ยอิงพรวดเข้ามาในห้อง ลูกน้องหลินหลานเซ่อจ่อปืนใส่
“หยุดนะคุณเพ่ยอิง ไม่งั้นผมยิงคุณจริงๆ”
ลูกน้องนอกห้องตามเข้ามาจ่อปืนใส่อีก หลินหลานเซ่อหันไปมอง
“เพ่ยอิง”
เพ่ยอิงดีใจที่เห็นหน้านางกลางใจวัยใส “มีนา”
“ชั้นบอกแกแล้วใช่มั้ย ว่าให้แกเลิกยุ่งกับผู้หญิงคนนี้”
เพ่ยอิงบอกทันที “ไม่”
“เพ่ยอิง ถ้าแกยังดื้อดึง ชั้นจำเป็นต้องจัดการกับแกขั้นเด็ดขาดนะ”
มีนาวิ่งมาขวาง
“อย่าค่ะ คุณหลิน อย่าทำอะไรคุณเพ่ยอิงเลยค่ะ”
หลินหลานเซ่ออึ้ง
“มีนา ชั้นอยากขอโทษเธอนะ ที่ชั้นมานี่ชั้นแค่ต้องการบอกให้เธอรู้ว่าชั้นเสียใจกับทุกสิ่งที่ชั้นทำร้ายเธอ”
“คุณไม่ต้องขอโทษหรอก เพราะคุณไม่ได้ทำอะไรชั้นนี่”
เพ่ยอิงฟังแล้วดีใจ “นี่เธอไม่โกรธชั้นจริงหรือ”
“ไม่ ชั้นโกรธคุณไม่ลง ชั้นเองก็ต้องขอโทษที่ทำให้คุณต้องบาดเจ็บ”
หลินหลานเซ่อมองมีนาที มองเพ่ยอิงที อึ้งไปเลย
“ไม่ใช่ความผิดของเธอหรอก เป็นเพราะชั้นไม่อยากเสียเธอไป”
หลินหลานเซ่อตัดบท “อย่ามัวแต่โทษเลยว่าใครผิดใครถูก ตกลงเธอจะเอายังไงมีนาจะกลับเมืองไทยรึเปล่า”
เพ่ยอิงตกใจ “หา...นี่เธอจะกลับเมืองไทยเหรอมีนา”
“เอ่อ...ชั้น...” มีนาลังเล
“ไม่นะมีนา เธอจะทิ้งชั้นไปไม่ได้นะ ชั้นรักเธอนะมีนา” เพ่ยอิงโพล่งขึ้นมา
หลินหลานเซ่ออึ้งอีก มีนาตะลึง
“นี่คุณพูดจริงหรือ”
“จริงสิ ชั้นเพิ่งรู้ว่าชั้นรักเธอจริงๆ”
มีนาซึ้ง น้ำตารื้น มองเพ่ยอิงนิ่งนาน
หลินหลานเซ่อมองมีนาแล้วส่ายหน้า
"นะมีนา อยู่ที่นี่กับชั้นนะ ชั้นสัญญาชั้นจะเป็นคนดีของเธอตลอดไป”
หลินหลานเซ่อมองเพ่ยอิงแล้วเบือนหน้าแสยะยิ้มอย่างเอียนๆ มองท่าทีมีนา เห็นมีนายิ้มปลื้ม มองมาที่เขา ออกอาการอึกอักใหญ่
“เอ่อ ชั้น...”
“ชั้นรู้แล้วเธอไม่ต้องบอก”
หลินหลานเซ่อ ลุกเดินไป ลูกน้องขยับตาม
เพ่ยอิงมองมีนา สองคนสบตาซึ้งๆ แล้วโผเข้ากอดกัน เพ่ยอิงดึงตัวมีนาออกมาถาม
“เธอยังไม่บอกชั้นเลยว่าเธอก็รักชั้น”
มีนาอายม้วน บ่ายเบี่ยง “ชั้นไม่กลับเมืองไทย คุณก็น่าจะรู้แล้วนี่ว่าชั้นรู้สึกยังไง”
เพ่ยอิงหน้าบานเป็นจานดาวเทียม “ชั้นดีใจที่สุดเลย”
หลินเพ่ยอิงเคลื่อนหน้าเข้ามาจูบหน้าผากมีนาอย่างนุ่มนวล
หลินหลานเซ่อเดินมาตามทาง ลูกน้องเดินตามหลัง ภาพเพ่ยอิงจูบหน้าผากมีนาผุดขึ้นมาในห้วงคิด
มาเฟียหนุ่มเดินไปคิดไป คราวนี้นึกถึงคำพูดจงซินที่เคยถามเกี่ยวกับฤทัยนาค
“ถ้าได้ตัวนันทกามา คุณจะทำยังไงกับฤทัยนาค”
“ผมว่าถึงเวลาที่คุณจะต้องปล่อยฤทัยนาคไปแล้วนะครับ”
หลินหลานเซ่ออึ้งไป ภาพเพ่ยอิงดึงมีนามากอดผุดขึ้นมาอีก
“นะมีนา อยู่ที่นี่กับชั้น ชั้นสัญญาชั้นจะเป็นคนดีของเธอตลอดไป”
หลินหลานเซ่อคิดไม่ตก ขณะเดินออกไปนอกเซฟท์เฮ้าส์แห่งนั้น
อ่านต่อหน้า 4
คิวบิก ตอนที่ 11 (ต่อ)
ขณะเดียวกันสองสาวนั่งคุยกันอยู่ในร้านกาแฟกลางสวนสวยสวน จานอาหารถูกเก็บไปแล้ว
เหม่ยจิงดื่มกาแฟ ฤทัยนาคดื่มน้ำส้ม
“พี่สาวเธอเค้ารู้มั้ยว่า เค้าจะมาอยู่ที่นี่ในฐานะอะไร”
“ชั้นก็ไม่ทราบค่ะ ตั้งแต่ชั้นมาอยู่ที่นี่ ชั้นก็ไม่มีโอกาสได้พูดคุยกับพี่สาวเลย”
“แล้วพี่สาวเธอเค้าเป็นคนยังไงเหรอ” ฤทัยนาคมองหน้าคนถาม “ชั้นแค่อยากจะรู้ว่าคู่ต่อสู้ชั้นมีดีอะไรบ้าง ชั้นจะได้เตรียมอาวุธทัน”
“คู่ต่อสู้หรือคะ”
“ก็ใช่สิ ชั้นจะไม่ยอมเสียหลินหลานเซ่อไปให้พี่สาวเธอง่ายๆ หรอกนะ
“นี่คุณเหม่ยจิงรักคุณหลินจริงๆ หรือคะ”
“ก็จริงสิ เธอคิดว่าที่ชั้นไปมาหาเค้า เป็นเพราะเงินของเค้างั้นหรือ”
“เปล่านะคะ ชั้นไม่ได้คิดอย่างนั้น”
“ชั้นรักหลินหลานเซ่อ รักทั้งๆ ที่รู้ว่าเค้าไม่เคยรักชั้นเลย”
ฤทัยนาคฟังแล้วอึ้ง
“หึ แต่จะว่าไป คนอย่างหลินหลานเซ่อเค้าก็ไม่เคยรักผู้หญิงคนไหนเหมือนกัน”
ฤทัยนาคครุ่นคิด
“เธอควรจะบอกพี่สาวเธอให้รู้ตัวก่อนนะว่าการเป็นผู้หญิงของหลินหลานเซ่อมันไม่ง่ายเลย”
ฤทัยนาคมองเหม่ยจิง
“พี่สาวเธออาจจะได้ทุกอย่าง ยกเว้นความรักจากหลินหลานเซ่อ”
ฤทัยนาคอึ้ง เหม่ยจิงยิ้มเศร้า
ขบวนรถหลินหลานเซ่อมาจอดหน้าอาคารฉายหงส์กรุ๊ป หลานเซ่อก้าวลงขึ้นตึกไป
หลินหลานเซ่อเปิดประตูเข้าห้องมา มองซ้ายขวาไม่เห็นฤทัยนาค
“ฤทัยนาค”
หลานเซ่อมองกราดไปทั่วห้อง แต่ไม่มีเสียงตอบ จึงหันกลับจะเดินไปที่ประตู มีเสียงเคาะประตูดังขึ้น ก่อนจะเห็นเหม่ยจิงเปิดประตูพาฤทัยนาคเข้ามา มาเฟียหนุ่มชะงัก เหม่ยจิงยิ้มทัก
“หวัดดีค่ะ”
“ไปไหนมา”
หลานเซ่อถามเสียงห้วน มองจ้องฤทัยนาคที่หลบตาไม่กล้าสู้หน้า
“ทานข้าวค่ะ ชั้นเห็นว่าคุณไม่อยู่ก็เลยชวนนาคไปทานเป็นเพื่อน”
หลินหลานเซ่อยังมองจ้องฤทัยนาคเขม็ง
“เธอกลับไปก่อน เหม่ยจิง”
เหม่ยจิงชะงักมองท่าทีหลินหลานเซ่ออย่างไม่เข้าใจ
“ทำไมคะ มีอะไรหรือ”
“ชั้นบอกให้เธออยู่รอชั้นไม่ใช่เหรอ”
หลินหลานเซ่อบอกอย่างไม่พอใจ ฤทัยนาคหลบตาวูบ
เหม่ยจริงงงหนัก “อะไรกันหลานเซ่อ ทำไมต้องดุฤทัยนาคด้วย ชั้นแค่ชวนเธอไปทานข้าวเท่านั้น อย่าบอกนะว่าคุณไม่อนุญาตให้เธอทานอาหารกลางวัน”
หลานเซ่อเสียงแข็ง “ฤทัยนาคเป็นคนของชั้น ชั้นสั่งให้เธออยู่เธอก็ต้องอยู่”
หลานเซ่อเอาแต่จ้องหน้า จนฤทัยนาคอึดอัดใจ
“เธอเป็นแค่ลูกหนี้คุณนะ เธอไม่ได้เป็นทาส” เหม่ยจริงบอก
หลินหลานเซ่อ เหลียวมามองจ้องหน้าเหม่ยจิง
“ชั้นบอกให้เธอกลับไป”
เหม่ยจิงอึ้ง ทั้งน้อยทั้งใจเสียใจ เดินออกอย่างฉุนเฉียว
หลินหลานเซ่อมองจ้องฤทัยนาคนิ่งๆ อีกฝ่ายหลบตาวุ่น นึกถึงเรื่องที่เขาเจอตัวนันทกา หลานเซ่อเดินเข้ามาหา
“เป็นอะไร ทำไมไม่มองหน้าชั้น”
ฤทัยนาคเงยหน้ามองแล้วทรุดตัวลงคุกเข่าต่อหน้า หลินหลานเซ่อชะงักมองอย่างตกใจ
“ชั้นรู้ว่ามันเป็นการขี้โกง น่ารังเกียจและเป็นการผิดสัญญาอย่างไม่น่าให้อภัย”
“เธอพูดเรื่องอะไร ลุกขึ้นเดี๋ยวนี้”
“ชั้นรู้ว่านายเจอตัวพี่นันแล้ว ชั้นแพ้พนันนาย แต่ชั้นอยากขอร้องนายได้มั้ย อย่าทำอะไรพี่นัน”
หลินหลานเซ่ออึ้ง
“ชั้นขอร้องล่ะนะ อย่าทำกับเธอเหมือนผู้หญิงที่ผ่านมาของนาย”
“ลุกขึ้น”
“ชั้นยินดีที่จะหาเงินมาใช้หนี้นายต่อไป”
“ชั้นบอกให้ลุกขึ้น”
“ชั้นรู้ว่านายต้องอดทนกับชั้นมาตลอด แต่ได้โปรดเถอะ อย่าทำอะไรพี่สาวชั้น นอกซะจากว่าเธอจะรักนาย แล้วยินยอมเป็นผู้หญิงของนายอย่างเต็มใจ”
“เธอพูดไม่รู้เรื่องหรือไง ชั้นบอกให้เธอลุกขึ้น” หลานเซ่อชักโกรธกระชากตัวฤทัยนาคขึ้นมา “อย่าทำอย่างนี้อีก”
“นายยังไม่ตอบเลยว่านายจะยอมให้ชั้นใช้หนี้ต่อไป”
“เธอรู้ตัวรึเปล่าว่าเธอพูดอะไรออกมา”
“รู้สิ ชั้นขอร้องล่ะนะ นายจะให้ชั้นทำอะไรก็ได้ ขอแค่นายอย่าทำอะไรพี่สาวชั้น นะ หลินหลานเซ่อ อย่าทำอะไรพี่นัน”
“ชั้นจะไม่ทำอะไรพี่สาวเธอ แต่เธอจะต้องอยู่ที่นี่”
ฤทัยนาคมอง
“เธอจะไม่ไปไหนทั้งนั้น”
“ชั้นจะไม่ไปไหน ชั้นจะอยู่ใช้หนี้นาย จนกว่าพี่นันจะ...”
หลานเซ่อขัดขึ้น “ชั้นอยากรู้แค่นั้น”
“สรุปว่านายตกลงให้ชั้นอยู่ใช้หนี้ต่อนะ”
หลินหลานเซ่อพยักหน้า
“ขอบคุณ ขอบคุณนายมากนะ ชั้นสัญญาชั้นจะหาเงินมาใช้หนี้นายให้หมด ขอบคุณอีกครั้งนะ”
ฤทัยนาคยิ้มให้อย่างจริงใจ หลานเซ่อมองอย่างโล่งอก
รุ่งเช้า ที่สนามบินส่วนตัว ประตูเครื่องบินเปิดออก มือปืนเดินลงนำมาสองคนยืนคุมซ้ายขวา นันทกาเดินออกมา ยุทธพงษ์เดินตามจงซินตาม มือปืนอีกสองคนตามมาด้วย
มีรถจอดรออยู่ ฤทัยนาคยืนอยู่นอกรถ พร้อมมือปืนสองคน นันทกาหยุดมองไป เห็นฤทัยนาคมองมาโบกมือให้
“พี่นัน”
นันทกาโบกมือให้น้อง ทั้งสองวิ่งเข้าหาโผเข้ากอดกันเต็มคิดถึง
“นาค”
“ชั้นคิดถึงพี่นันจังเลย”
“พี่ก็คิดถึงน้อง”
ทั้งสองร้องไห้กอดกันร่ำไห้
“พี่ขอโทษนะนาค พี่ขอโทษ”
“พี่ไม่ต้องขอโทษชั้นหรอก เพราะพี่ไม่ได้ทำอะไรผิด”
ฤทัยนาคมองไปเห็นยุทธพงษ์ยืนมองมา ชะงักผละออกจากพี่สาวโผเข้ากอดพ่อ
“พ่อขอโทษ แต่ที่พ่อทำไปก็เพราะจำเป็น” ยุทธพงษ์ขอโทษ
ฤทัยนาคผละออกมามองพ่อ
“หนูเข้าใจค่ะ พ่อคงต้องมีเหตุผลที่ดีพ่อถึงได้ทำแบบนี้”
ยุทธพงษ์ยิ้ม “พ่อรู้ ไม่ว่ายังไงนาคของพ่อก็ต้องเอาตัวรอดได้”
นันทกาเดินเข้ามาหา “แล้วหลินหลานเซ่อมันทำอะไรเธอรึเปล่า”
“หน้าอย่างชั้นเนี่ยนะ พี่นันคิดว่าจะมีคนอยากทำอะไร”
“หมายความว่าน้องปลอดภัยดีใช่มั้ย”
“ก็ใช่สิ ชั้นยังไม่บุบสลายตรงไหน”
นันทนาโล่งอก
“แล้วแกทำยังไง หลินหลานเซ่อถึงปล่อยแกไว้”
“จะทำยังไง หนูก็คุกเข่าวิงวอน ขอผ่อนหนี้เค้าน่ะสิ พ่อรู้รึเปล่าว่าหนูใช้หนี้แทนพ่อไปเกือบสองล้านเหรียญแล้วนะ”
“จริงหรือ”
“แล้วเธอทำยังไง”
มีเสียงแตรรถดัง ปี๊นปี๊น ทั้งสามหันไปมอง
หลินหลานเซ่อนั่งอยู่ในรถ มองผ่านกระจกรถมาที่สองสาว
กระจกรถกดเปิดลง หลินหลานเซ่อมองมา
นันทกามองชะงัก มองตะลึงพรึงเพริด ฤทัยนาคมองพี่สาวสลับกับมองหลินหลานเซ่อ เห็นนันทกาอึ้งท่าทีเซอร์ไพร้ส์สุดๆ ส่วนหลานเซ่อมองนิ่ง
ยุทธพงษ์มองที่หลินหลานเซ่อ ฤทัยนาคจับมือพี่สาวบอก
“ไป พี่นัน ไปหาคุณหลินกัน”
“นั่นคือคุณหลินหลานเซ่อหรือ”
“ใช่”
ฤทัยนาคจูงมือนันทกาเดินมาหยุดที่รถ นันทกามองมาอย่างประหม่าพร้อมกับส่งยิ้มให้
“สวัสดีค่ะ คุณหลินหลานเซ่อ”
“นี่พี่นัน” ฤทัยนาคแนะนำ
หลินหลานเซ่อมองนันทกาอย่างเฉยชา ไม่ยินดียินร้าย ฤทัยนาคมองพี่สาวเห็นแววตาดูประหม่าๆ ฤทัยนาคอึ้งไป
“ไปได้แล้วฤทัยนาค”
“ไปพี่นัน”
หลินหลานเซ่อบอก “แค่เธอคนเดียว”
ฤทัยนาคมองงงๆ นันทกามองอย่างอึ้งงงเช่นกัน
“แต่ว่าพี่นัน...”
“ชั้นมีธุระสำคัญ อย่ามัวชักช้า”
“โอเคโอเค” ฤทัยหันมาบอกนันกา “เอ่อ...พี่นัน ชั้นต้องไปทำงานก่อนนะ แล้วค่อยเจอกัน” พลางหันไปตะโกนบอกพ่อ “หนูไปก่อนนะพ่อ”
ยุทธพงษ์โบกมือให้ มองตามลูกอย่างแปลกใจ ฤทัยนาคขึ้น รถขับออกไป นันทกาอึ้ง มองตามรถไป
ฤทัยนาคเหลือบมองหลินหลานเซ่อผ่านกระจกมองหลัง
“ชั้นคิดว่าคุณมารับพี่นันซะอีก”
“ที่ชั้นมา ก็เพราะเธอบอกว่าอยากจะเจอพี่สาวกับพ่อ”
ฤทัยนาคงง
“อ้อ อย่างงั้นหรือ งั้นก็ขอบคุณนายมากนะ ที่ยอมเสียเวลากับชั้น”
“ไม่ต้องพูดมาก รีบไป ชั้นมีประชุม”
ฤทัยนาคมองเขาอีกครั้งอย่าง...งง ๆ
ส่วนที่สนามบิน นันทกายังมองตามรถไปอย่างตกตะลึง เพิ่งรู้ว่าหลินหลานเซ่อ เป็นผู้ชายที่เจอกันในร้านอาหารเมืองไทยนั่นเอง และเขามองนันทกาเต้นรำกับยุทธพงษ์ นันทการำพึง
“นี่เค้าเองหรือคือหลินหลานเซ่อ”
จงซินเดินเข้ามา บอกสองพ่อลูก
“เอาละ คุณสองคนตามผมมาทางนี้”
จงซินเดินนำยุทธพงษ์กับนันทกาไปที่รถตู้ที่จอดเปิดประตูรอ สองพ่อลูกขึ้นไป จงซินขึ้นรถเก๋งอีกคันมีคนขับขับนำออกไป
จงซินเดินเลี้ยวมาตามทางเดิน ยุทธพงษ์กับนันทกาเดินตามมา ลูกน้องไขเปิดประตูเซฟท์เฮ้าส์เข้าไป
จงซินเดินนำนันทกากับยุทธพงษ์เข้ามา
“ระหว่างนี้คุณสองคนต้องพักอยู่ที่นี่ จะมีคนมาจัดการเรื่องเสื้อผ้าและอาหารให้พวกคุณ”
“ขอโทษนะจงซิน ผมขอถามหน่อยสิ”
“ว่าไป”
“ทำไมหลินหลานเซ่อถึงดีกับผมและลูกสาวมาก ทั้งๆ ที่ผมหนีหนี้เค้า”
“คุณควรจะขอบใจฤทัยนาคมากกว่า”
“นาคทำอะไรให้พวกคุณงั้นหรือ”
“เอาไว้คุณเจอคุณหลิน คุณถามคุณหลินเองแล้วกัน เพราะบ่ายนี้คุณหลินต้องการเจอคุณ เอาล่ะ ผมขอตัวก่อน”
จงซินออกไปเลย
“พ่อ นี่มันอะไรกัน ตอนแรกที่น้องถูกจับตัวมา หนูคิดว่าน้องต้องมีชีวิตที่ลำบากและแย่มาก แต่ที่ผู้ชายคนนั้นพูดเหมือนกับนาคมีความสำคัญที่นี่”
ยุทธพงษ์แค่นหัวเราะ “หึ พ่อนึกอยู่แล้วว่านาคมันต้องไม่ทำให้พ่อผิดหวัง”
“พ่อพูดอะไร หนูไม่เข้าใจ”
“ก็อย่างที่พ่อเคยบอกไงว่าน้องแกมันเก่งมันเอาตัวรอดได้ คนที่นี่ยังยอมรับมัน”
“เดี๋ยวพ่อ ผู้ชายคนนั้นคือหลินหลานเซ่อจริงๆ หรือ”
“ใช่”
“เค้าคือนักธุรกิจฮ่องกง ที่พ่อเคยคุยด้วยใช่มั้ยคะ”
“ใช่”
“แล้วทำไมพ่อไม่บอกหนู”
“บอกเรื่องอะไร”
“ก็บอกว่าเค้าคือหลินหลานเซ่อ”
“แล้วทำไม ลูกพูดยังกะว่าลูกสนใจเค้า”
นันทการู้สึกตัว “เอ่อ เปล่า หนูแค่ไม่คิดว่าเค้าจะเป็นมาเฟีย”
“นี่ละคือเหตุผลที่พ่อไม่ส่งลูกมา”
ยุทธพงษ์เดินไปทางห้องพัก นันทกามองตามหันกลับมาอยู่กับมโนของตัวเอง
“ไม่อยากเชื่อเลยว่าจะได้เจอเค้าอีก หลินหลานเซ่อ”
ด้านฤทัยนาคนั่งเหม่อเลยหวนนึกถึงเหตุการณ์เมื่อเช้า ตอนเห็นนันทกามองหลินหลานเซ่อด้วยแววตาดูประหม่าๆ ฤทัยนาคถอนใจอย่างกังวล
แดนนี่ถือแฮมเบอร์เกอร์เข้ามากระทุ้งแขนชนไหล่เข้าให้
“เอา”
ฤทัยนาคสะดุ้ง “อุ๊ย”
แดนนี่ส่งเบอร์เกอร์ให้ “เหม่อคิดอะไร”
“ไม่มีอะไร”
“อย่ามาโกหกชั้นเลย คนอย่างเธอไม่น่าจะเหม่อ ถ้าไม่มีเรื่องให้กลุ้มใจ”
ฤทัยนาคถอนใจ “ชั้นแค่อยากจะหางานที่มันได้เงินมากกว่านี้ พ่อนายมีงานอะไรจะให้ชั้นทำบ้างมั้ย”
“นี่เธอจะยอมขนอาวุธอีกงั้นหรือ”
“ใช่ ถ้าพ่อนายจะจ้าง”
“เธอคิดว่าเธอเคยทำงานนั่นได้ครั้งนึง แล้วตัวเองจะเก่งกาจจนทำได้สำเร็จทุกครั้งหรือไง เธอรู้รึเปล่าถ้าเธอหลุดเข้ามาในวงการนี้เธอจะกลับออกไปไม่ได้”
“ชั้นรู้ แต่ชั้นเห็นว่ามันเป็นหนทางเดียวที่จะหาเงินมาใช้หนี้ได้เร็วที่สุด”
“ทำไมต้องรีบหาเงินขนาดนั้น ไหนบอกว่าหลินหลานเซ่อยอมรับข้อเสนอของเธอแล้วไง”
ฤทัยนาคถอนใจ “ที่ชั้นกลัว ชั้นไม่ได้กลัวหลินหลานเซ่อหรอก ชั้นกลัวใจพี่นันมากกว่า”
“ทำไม พี่สาวเธอชอบหลินหลานเซ่อหรือ”
“ยังสรุปไม่ได้หรอก แค่หวั่นใจน่ะ”
“แต่ถ้าชอบก็ดีน่ะสิ เธอกับพ่อก็จะได้เป็นอิสระไม่ต้องใช้หนี้ หลินหลานเซ่อก็ได้พี่สาวเธอสมใจ เธอจะกลัวอะไรในเมื่อทุกฝ่ายวินวิน แฮปปี้เอนดิ้ง”
ฤทัยนาคอึ้ง สับสนกับคำพูดของแดนนี่
“ชั้นไม่อยากให้พี่นันต้องตกนรกทั้งเป็น คุณเหม่ยจิงบอกว่าหลินหลานเซ่อไม่เคยรักใคร”
“แต่ถ้าพี่เธอรักหลินหลานเซ่อจริง เค้าก็ต้องยอมรับสภาพได้ นอกซะจากว่าพี่เธอคิดวาดฝันว่าชีวิตจะเหมือนนิยาย หวังว่ามาเฟียหนุ่มจะล้างมือจากวงการไปใช้ชีวิตครอบครัวสุขสันต์ตามลำพังหนุ่มสาว”
“ทำไมล่ะ มันเป็นไปไม่ได้หรือ”
“ถ้าเป็นคนอื่นก็อาจจะได้ แต่สำหรับหลินหลานเซ่อ ชั้นว่าเค้าไม่มีวันทิ้งลูกน้องไว้ข้างหลังเพื่อผู้หญิงเพียงคนเดียวหรอก”
ฤทัยนาคอึ้ง
“ว่าแต่ที่พูดมาทั้งหมดเนี่ย เธอหวงพี่สาวหรือว่าหวงหลินหลานเซ่อกันแน่”
แดนนี่มองจ้องหน้า ฤทัยนาคอึ้งกับคำพูดนั้น
“ไม่ใช่นะ ชั้นไม่ได้หวงหลินหลานเซ่อ ชั้นแค่เป็นห่วงพี่สาวชั้น” กัดกินเบอร์เกอร์ไปคำ “แล้วที่สำคัญคนอย่างหลินหลานเซ่อไม่มีทางมองผู้หญิงอย่างชั้นหรอก”
แดนนี่มองยัยซื่อบื้อแล้วแสยะยิ้ม
“นายยิ้มอะไร”
“เปล่า ชั้นแค่รู้สึกว่าเบอร์เกอร์นี่มันอร่อยดีนะ เธอว่ามั้ย”
“อะไรของนายวะ เรากำลังพูดเรื่องหลินหลานเซ่ออยู่นะ”
“ก็เธอบอกว่าไม่ได้หวงเค้า ชั้นก็ไม่รู้จะพูดอะไรแล้ว”
ฤทัยนาคถอนใจ “ไม่ว่ายังไงชั้นก็ไม่อยากให้พี่นันชอบเค้าอยู่ดี”
แดนนี่เหลือบมอง แล้วส่ายหน้าเซ็งๆในความซื่อบื้อ ทั้งสองนั่งคุย กิน กันอยู่ริมเบย์อันสวยงาม
หลินหลานเซ่อนั่งดูเอกสารทดสอบไอคิว เห็นคะแนน 153 จงซินเดินเข้ามา
“ผมให้คนไปรับตัวนายยุทธพงษ์มาพบคุณแล้วนะครับ”
หลานเซ่อพยักหน้ารับรู้ ส่งเอกสารในมือให้จงซิน
“นายเห็นคะแนนทดสอบไอคิวฤทัยนาครึยัง”
จงซินมองอย่างประหลาดใจ “153”
“ใช่ เธอมีไอคิว 153 ในขณะที่คนปกติทั่วไปมีไอคิวประมาณเก้าสิบถึงร้อย”
จงซินมองเอกสารอีกครั้ง “มิน่า เธอไอคิวสูงระดับอัจฉริยะนี่เอง ถึงได้ทำอะไรสำเร็จหลายเรื่อง อย่างที่เราไม่คาดคิด”
“นายจำได้มั้ยตอนที่ยุทธพงษ์ส่งฤทัยนาคมาให้เรา ในจดหมายบอกว่าเธอจะทำประโยชน์ให้เรามากกว่านันทกา”
“คุณหลินหมายถึงนายยุทธพงษ์รู้ว่าฤทัยนาคไม่ใช่เด็กธรรมดา”
“ใช่ ชั้นคิดว่านายยุทธพงษ์มีจุดประสงค์บางอย่าง ถึงส่งฤทัยนาคมาให้เรา”
จงซินนิ่งงันไป ขณะที่สีหน้าหลินหลานเซ่อดูออกว่ามั่นใจมาก
ขณะเดียวกัน ยุทธพงษ์ในชุดสูทชุดใหม่เดินออกมาจากห้อง นันทกาเข้ามาหา
“พ่อ แล้วคุณหลินหลานเซ่อเค้าจะทำอะไรพ่อรึเปล่า”
“ไม่ต้องห่วง เค้าไม่กล้าทำอะไรพ่อหรอก”
“ทำไมพ่อมั่นใจอย่างงั้นล่ะ พ่อไม่มีเงินมาใช้เค้านะ”
“เอาเถอะน่า เชื่อพ่อสิ ลูกรออยู่ที่นี่อย่าทำตัวงอแงมีปัญหาล่ะ”
“ค่ะ แต่พ่อต้องกลับมานะ”
“กลับสิ”
“เชิญครับ”
บอดี้การ์ดเปิดประตูให้ยุทธพงษ์ออกไป นันทกามองตามสีหน้ากังวลไม่น้อย
หลินหลานเซ่อเดินเข้ามาในห้องทำงานพร้อมกับจงซิน เห็นยุทธพงษ์นั่งรออยู่ในส่วนรับแขก ยุทธพงษ์ลุกขึ้น
“สวัสดีครับคุณหลิน”
หลินหลานเซ่อพยักหน้ารับ
“ต้องขอโทษด้วยนะครับที่ผมส่งฤทัยนาคมาให้คุณแทนนันทกา”
หลานเซ่อมองจ้องหน้ายุทธพงษ์ อีกฝ่ายหลบตาอย่างละอายใจ
“ผมต้องการคำอธิบาย”
“เอ่อ คือผม...” ยุทธพงษ์ไม่รู้จะเริ่มต้นเล่ายังไง
“คุณรู้ใช่มั้ยว่าฤทัยนาคมีไอคิวระดับอัจฉริยะ” จงซินเป็นคนถาม
“ครับ และนั่นเป็นสาเหตุที่ผมส่งเธอมาหาคุณหลิน” หลานเซ่อมองจ้อง “3 เดือนที่ผ่านมานาคคงทำอะไรให้พวกคุณได้ประหลาดใจ”
“บอกเหตุผลมาได้แล้วว่าคุณส่งฤทัยนาคมาเพื่ออะไร”
“คุณหลินคงรู้จักตำแหน่งเงาในฉายหงส์กรุ๊ปใช่มั้ยครับ”
หลินหลานเซ่ออึ้ง จงซินมองนายก่อนถาม
“เรื่องนี้เกี่ยวอะไรกับเงา”
“เพราะผมรู้จักคนที่เป็นเงาของผู้นำสูงสุดของฉายหงส์กรุ๊ปคนก่อน”
หลินหลานเซ่อนิ่ง จงซินอึ้ง ทั้งสองมองสบตากัน
“ผมกับเค้าเป็นเพื่อนรักกัน แต่ผมไม่เคยรู้ว่าเค้าทำงานให้ใครและมีตำแหน่งอะไร จนกระทั่งวันนึงเค้าเอาลูกสาวที่เพิ่งเกิดได้ไม่กี่เดือนมาฝากไว้กับผม”
ยุทธพงษ์จดจำเหตุการณ์ในอดีตเกี่ยวกับชาติกำเนิดของฤทัยนาคได้ไม่เคยลืมเลือน และเริ่มต้นเล่าเรื่อง สองหนุ่มตั้งใจฟัง
อ่านต่อตอนที่ 12