คิวบิก ตอนที่ 14
อีกวันหนึ่งฤทัยนาคพูดโทรศัพท์อยู่ในบ้านพักที่เมืองไทย พอรู้เรื่องเรือระเบิดก็ตกใจสุดขีดด้วยเป็นห่วงหลานเซ่อ
“จริงเหรอพี่นัน แล้วหลานเซ่อเป็นอะไรรึเปล่า”
นันทกาพูดโทรศัพท์กับน้องอยู่ในเซฟเฮาส์ที่ไต้หวัน
“เห็นพวกบอดี้การ์ดบอกว่าเค้าปลอดภัย พี่อยากไปเยี่ยมเค้านะ แต่คุณจงซินไม่ให้ไป แล้วเธอเป็นไงบ้าง สบายดีรึเปล่า”
“ชั้นสบายดี ฝากหลินหลานเซ่อด้วยนะพี่นัน”
นันทกาชะงักแปลกใจกับคำพูดฤทัยนาค
“พี่ว่าดูเธอจะเป็นห่วงคุณหลินมากนะ”
ฤทัยนาคชะงัก รู้ตัว “เอ่อ...ก็...ตอนที่อยู่ที่นู่นเค้าก็ดีกับชั้นน่ะ ไม่มีอะไรหรอก”
“เธอก็ดูแลตัวเองด้วยนะ”
จงซินเข้ามาพอดี นันทกาชะงัก
“ใครโทรมา”
“เอ่อ...”
จงซินดึงโทรศัพท์ไปฟัง
“พี่นันไม่ต้องห่วงชั้นหรอก บอกพ่อด้วยนะว่าชั้นคิดถึง”
จงซินจำเสียงได้ “ฤทัยนาค”
“จงซิน”
จงซินไม่พอใจ “คุณหลินสั่งห้ามไม่ให้เธอติดต่อหาใครที่อยู่ที่นี่ไม่ใช่หรือ”
ฤทัยนาคถึง “ชั้นรู้ แต่ชั้นโทร.หาพี่สาวไม่ได้หรือไง”
“ไม่ได้ เธอรู้รึเปล่าว่าตอนนี้ที่นี่มันวุ่นวายแค่ไหน อย่าทำตัวให้เกิดปัญหาเพิ่มขึ้นมาอีก”
“ชั้นก็แค่คิดถึงพ่อกับพี่ แล้วก็อยากรู้ว่าหลินหลานเซ่อเค้าเป็นยังไงบ้าง แล้วนายล่ะจับตัวไอ้หย่งเหวินได้รึยัง”
จงซินตัดบท “ยัง เอาล่ะ เลิกคุยได้แล้ว จำไว้นะ เธอต้องไม่โทร.หาใครอีก”
ฤทัยนาคอิดออด “แต่ชั้นว่านะ”
จงซินเหลืออด “ฤทัยนาค ถ้าเธอถูกไอ้แพทริกหรือไอ้หย่งเหวินจับตัวไป เธอคิดว่าคุณหลินจะเป็นยังไง”
นันทกาที่นิ่งฟังอยู่ มองมาแปลกใจกับคำพูดของจงซิน
“อย่าสร้างปัญหาให้เค้า เข้าใจที่ชั้นพูดมั้ย”
“อืมม์ เข้าใจ เออ...เดี๋ยว จงซิน”
“มีอะไรอีก”
“นายต้องดูแลหลินหลานเซ่อให้ดีนะ อย่าให้เค้าเป็นอะไร”
“เอาล่ะ แค่นี้นะ” จงซินปิดโทรศัพท์แล้วเก็บ
นันทกาโวย “นั่นมันโทรศัพท์ชั้น”
“เพื่อความปลอดภัยของเธอกับน้องสาว ชั้นต้องเก็บมันไว้”
“นี่คุณ...” นันทกาจะไม่ยอม
“เธอไม่ได้ยินที่ชั้นพูดหรือ ตอนนี้ปัญหาของเรามากพออยู่แล้ว อย่าสร้างปัญหาให้มันมากกว่านี้อีก”
จงซินขยับจะไป
“เดี๋ยวคุณจงซิน” จงซินหันมองมา
“ชั้นอยากไปเยี่ยมคุณหลินเค้าจะได้มั้ย”
“ถ้าเค้าอยากเจอเธอ เค้าจะบอกชั้นเอง”
จงซินเดินออก นันทกามองตามอย่างหงุดหงิด
“นี่อะไรกัน ไหนตอนแรกบอกว่าเค้าอยากได้ตัวเรา ตั้งแต่เรามาที่นี่ ไม่เห็นเค้าสนใจหรืออยากมาหาเราเลย”
หลินหลานเซ่อยืนมองไปนอกตึก ก่อนจะหันมาเมื่อจงซินถาม
“เรื่องนันทกาคุณหลินจะเอายังไงครับ”
“เธอมีปัญหาอะไร”
“ผมว่าถ้าคุณหลินไม่ชอบเธอ ก็ควรจะบอกความจริงให้เธอรู้นะครับ” หลานเซ่อหันมองหน้าจงซิน “ผมคิดว่าเธอกำลังรอคุณอยู่”
หลินหลานเซ่อพยักหน้า “พรุ่งนี้นายพาเธอมาพบชั้น”
“ครับ”
“แล้วฤทัยนาคล่ะ เค้าไม่ถามอะไรถึงชั้นเลยเหรอ”
“อ้อ ผมลืมเล่าไปอย่างครับ เธอบอกให้ผมดูแลคุณให้ดีที่สุด”
หลินหลานเซ่อนิ่งไป จงซินมองอมยิ้มแล้วหันเดินออกทันที หลินหลานเซ่อผินหน้ามองออกไปไกลลิบตา
“ยัยบ๊อง เธอต่างหากที่ต้องดูแลตัวเองให้ดีที่สุด”
หลินหลานเซ่อมองออกไปราวกับจะส่งใจไปที่เมืองไทย
แม่น้ำไหลเรื่อยลงไปทางปากน้ำ สีหน้าฤทัยนาคที่นั่งอยู่ในบ้านพักครุ่นคิดหนัก
“เราต้องหาทางช่วยหลินหลานเซ่อจัดการกับไอ้หย่งเหวิน”
ฤทัยนาคลุกเดินไปมา
“ทำไงดีนะ”
ฤทัยนาคเดินไปเดินมานึกถึงเหตุการณ์ตอนหย่งเหวินมาทักหน้าตึกออฟฟิศซานกุ้ย
“เธอเป็นคนขับรถของหลินหลานเซ่อใช่มั้ย”
“ใช่ ค่ะ”
ฤทัยนาคเดินไปคิดไป
“งั้นเธอก็ฉลาดเท่ากับคิวบิกน่ะสิ”
ฤทัยนาคมองจ้อง แล้วหันหลังให้ หย่งเหวินมองเอาๆ
ฤทัยนาคลงนั่งครุ่นคิด
“คิดซิ...ถ้าเราเป็นไอ้หย่งเหวิน เราจะทำอะไรต่อไป”
ฤทัยนาคมองเพ่งไปเบื้องหน้าคล้ายกับจ้องตาหย่งเหวิน ใช้ความความคิดหนัก
ส่วนหย่งเหวินครุ่นคิดหัวแทบแตกเช่นกัน
“หลินหลานเซ่อ แกเอานังคิวบิกไปซ่อนไว้ที่ไหนกันนะ”
ฤทัยนาคมองจ้อง พบว่าในลูกตาเธอมีใบหน้าหย่งเหวินซ้อนอยู่
“ใช่ ไอ้หย่งเหวิน มันต้องการตัวเรานี่นา”
ฤทัยนาคพยักหน้ายิ้มกระหยิ่มกับตัวเอง ที่นึกแผนออก
ขณะเดียวกันที่ร้านซักผ้า ในเมืองหนึ่งของจีนแผ่นดินใหญ่
เสียงโทรศัพท์ดัง ในขณะที่ใครคนหนึ่งที่ตากผ้าอยู่ ไม่ใช่ใครแต่เป็นฉินฝูที่จำใจเดินมารับโทรศัพท์
“ฉินฝูไม่ได้อยู่ที่นี่แล้ว”
ฤทัยนาคพูดสายโทรศัพท์จากบ้านพักในกรุงเทพฯ
“งั้นก็คงไม่อยากได้เงินด้วยใช่มั้ย”
ฉินฝูฉงน “นั่นใคร”
“ฤทัยนาค”
ฉินฝูตาโต “หา... นี่เธอรู้ได้ไงว่าชั้นอยู่ที่นี่”
“นายลืมไปแล้วหรือว่าชั้นเป็นคิวบิกนะ ต่อให้นายหนีไปสุดโลกชั้นก็ต้องหานายจนเจอ”
“เธอตามหาชั้นเรื่องอะไร ชั้นบอกความจริงหลินหลานเซ่อไปหมดแล้วนะ เราไม่มีอะไรติดค้างกันแล้ว”
“ชั้นมีเรื่องอยากจะให้นายช่วย แต่ไม่ได้ให้ช่วยฟรีๆนะ ชั้นจะจ้างนาย”
“เรื่องอะไร”
“ชั้นกำลังวางแผนเพื่อจัดการกับหลางหย่งเหวิน”
“เธอเนี่ยนะ จะจัดการหลางหย่งเหวิน”
“ใช่ และงานนี้ชั้นต้องการผู้ร่วมทีมอย่างนาย”
“แล้วเธอมีเงินให้ชั้นเท่าไหร่”
“แล้วนายต้องการเท่าไหร่ล่ะ”
ฉินฝูยิ้ม
ฤทัยนาคเดินพูดอธิบายแผน ฉินฝูฟัง พอไม่เข้าใจก็ซักถาม สองคนคุยแผนกันผ่านมือถือ
วันต่อมาจงซินพานันทกาเดินเข้ามาในอาคารฉายหงส์กรุ๊ป มาหยุดที่หน้าห้องทำงาน ประตูห้องเปิด จงซินพานันทกาเดินเข้ามา
“เธอนั่งรออยู่ที่นี่ เดี๋ยวคุณหลินจะออกมาพบเธอ”
จงซินเดินออกไปเลย นันทกามองสำรวจห้อง หลินหลานเซ่อเดินออกมาจากห้องนอน นันทกาหันมองมา ทักทาย
“คุณหลิน...คุณจงซินบอกว่าคุณอยากพบชั้นหรือคะ”
หลินหลานเซ่อเดินมานั่งนิ่งมองจ้องนันทกา ครู่หนึ่งไม่พูดไม่จา จนนันทกาประหม่า
“คุณมีอะไรก็ว่ามาเลยค่ะ”
“ชั้นจะให้เธออยู่ที่นี่อีกซักระยะนึง แล้วอีกซักพักชั้นจะปล่อยให้เธอกับพ่อกลับเมืองไทย”
นันทกางง “แล้วเรื่องหนี้สินล่ะคะ”
“ชั้นบอกพ่อเธอไปแล้วว่าชั้นยกให้เค้า”
นันทกาแปลกใจ “ยกให้งั้นหรือคะ”
“ใช่ เพื่อแลกกับตัวน้องสาวเธอ”
นันทกาชะงักมองเขาเขม็ง แววตาเป็นคำถาม
“ชั้นไม่เข้าใจที่คุณพูด ช่วยขยายความหน่อยได้มั้ยคะ”
“ไม่มีอะไรมาก เธอรู้ไว้ก็แล้วกันว่าตอนนี้คนที่ช่วยเธอใช้หนี้คือน้องสาวเธอ เอาละ ชั้นมีเรื่องจะพูดกับเธอแค่นี้”
หลินหลานเซ่อขยับลุก
“เอ่อเดี๋ยวค่ะ” มาเฟียหนุ่มชะงัก “ชั้นถามอะไรคุณอีกอย่างได้มั้ย”
“อะไร”
“คุณรักน้องสาวชั้นใช่มั้ยคะ”
“เรื่องนั้นเธอไม่จำเป็นต้องรู้”
หลินหลานเซ่อเดินออกเลี้ยวเข้าห้องทำงานไป นันทกามองตามอย่างสับสน อึ้ง ฝันทลายลงตรงหน้า
นันทกาสะท้อนใจ เหตุการณ์ที่เคยพบเจอรับรู้เรื่องราวของหลินหลานเซ่อ ผุดเข้ามาในห้วงคิดราวสายน้ำไหน
ตั้งแต่วันปิ๊งกันครั้งแรก ในร้านอาหาร ขณะนันทกาเต้นรำกับยุทธพงษ์ ถูกหลินหลานเซ่อมองอย่างสนใจ
อีกเหตุการณ์ที่สนามบิน ฤทัยนาคจูงมือนันทกาเดินมาที่รถหลินหลานเซ่อ ถูกเขามองจ้อง จนนันทกาประหม่า
“สวัสดีค่ะคุณหลินหลานเซ่อ”
“นี่พี่นัน” ฤทัยนาคแนะนำ หลินหลานเซ่อมองนันทกาอย่างเฉยชา แถมหันมาชวนแต่ฤทัยนาค
“ไปได้แล้วฤทัยนาค”
“ไปพี่นัน”
“แค่เธอคนเดียว” ฤทัยนาคมองเขาอย่างงวยงง นันทกาอึ้งงงเช่นกัน
นันทกานึกถึงตอนที่จงซินแย่งโทรศัพท์ไปพูดกับฤทัยนาค
“ฤทัยนาค ถ้าเธอถูกไอ้หย่งเหวินหรือแพทริกจับตัวไป เธอคิดว่าคุณหลินจะเป็นยังไง”
นันทกามองไปที่หลินหลานเซ่อ พบว่าเขานั่งอ่านเอกสารท่าทีเมินเฉย
อีกเหตุการณ์ผุดซ้อนขึ้นมา ภายในรถที่จะไปงานเลี้ยง นันทกาถามหลินหลานเซ่อขึ้น
“งานที่เราจะไปวันนี้เป็นงานอะไรหรือคะ”
“เธออยากรู้อะไรให้ถามจงซิน”
หลินหลานเซ่อตอบโดยไม่หันมามองหน้า นันทกาเหวอไปเลย หลานเซ่อนั่งนิ่งมองตรงไปข้างหน้า แล้วถามออกมาว่า
“ฤทัยนาคติดต่อมาบ้างรึเปล่า”
นันทกาอึ้งแล้วอึ้งอีก ไม่คาดคิดว่าเรื่องจะลงเอยพลิกล็อกขนาดนี้
“ไม่อยากเชื่อเลยว่านาคจะทำให้ผู้ชายคนนี้เปลี่ยนใจไปจากเราได้”
นันทกาขยับตัวเดินออกไปช้า ผ่านห้องทำงาน แลเห็นหลินหลานเซ่อนั่งอยู่ในห้องนั้น
นันทกาเดินผ่านผนัง หลินหลานเซ่อยังนั่งนิ่งอยู่ที่ผนังด้านใน
สุดท้ายนันทกาเปิดประตู แล้วหันกลับมามองก่อนจะเดินออก ขณะที่หลินหลานเซ่อนั่งเหม่ออยู่เพียงลำพัง
วันใหม่
ฤทัยนาคเดินมาที่ท่าเรือ ซื้อตั๋ว แล้วเดินขึ้นไปรอเรือบนโป๊ะแพ กล้องเคลื่อนเข้าไปใกล้หน้านาคยืนคิดเหม่อ ซ้อนภาพ ใกล้หน้านาคมองคิดถึงหลิน
ขณะเดียวกันหลินหลานเซ่อยังคงนั่งเหม่ออยู่ในห้องทำงานที่ไฮสกูล มองเหม่อออกไปไกลลิบตา
เวลานั้นหลินหลานเซ่อมองออกไปเห็นฤทัยนาคนั่งตรงข้ามชวนคุย
“นายรู้มั้ย หลานเซ่อ ชั้นได้งานเพิ่มอีกชิ้นแล้วนะ อาทิตย์นี้ชั้นจะหาเงินมาใช้หนี้นายได้เพิ่มอีกพันเหรียญ”
“เธอทำงานเยอะขนาดนี้ไม่เหนื่อยหรือไง”
“ไม่หรอก นี่ชั้นว่ายังน้อยไปนะ ถ้าชั้นไม่ต้องมาเรียนหนังสือล่ะก็ ชั้นว่าชั้นหาเงินได้เยอะกว่านี้อีก”
หลินหลานเซ่อมองนิ่งอยู่อย่างนั้น จนฤทัยนาคสงสัย
“ทำไมนายเงียบไป นายโกรธชั้นหรือ”
หลานเซ่อยังมองเฉย
“ชั้นขอโทษนะถ้าชั้นทำให้นายโกรธ ชั้นไม่ได้ตั้งใจ”
หลินหลานเซ่อมองมาไม่พูดไม่จา
“ถ้าชั้นไม่อยู่ที่นี่แล้ว นายจะคิดถึงชั้นบ้างมั้ย”
หลินหลานเซ่อยังมองนิ่งอย่างเก่า
“ชั้นไม่น่าถามเลย เพราะคนไร้หัวใจอย่างนายคงคิดถึงใครไม่เป็นหรอก จริงมั้ย หลินหลานเซ่อ”
ฤทัยนาคยิ้มแย้มพร้อมกับยื่นหน้าเข้ามาใกล้ๆ มาเฟียขี้เก๊กมองคล้ายตกอยู่ในภวังค์
แดนนี่เปิดประตูห้องเรียนเข้ามาเห็นหลินหลานเซ่ออยู่คนเดียวในห้อง ก็ชะงัก
หลินหล่านเซ่อคิดถึงฤทัยนาคจับใจลูบโต๊ะเรียน จับเก้าอี้ที่นั่งเด็กสาว
แดนนี่เพ่งมอง แล้วขยับเดินไปมา
“ลูบให้ตาย ฤทัยนาคก็ไม่กลับมาหรอก”
หลินหลานเซ่อชะงัก รู้สึกตัวเหลือบมองมาที่แดนนี่ตาวาววับ
“ชั้นสั่งแล้วไม่ใช่หรือว่าไม่ให้ใครพูดถึงชื่อของเธอ”
“บังเอิญชั้นไม่ใช่ลูกน้องของนาย เลยไม่ต้องทำตามคำสั่ง”
หลินหลานเซ่อมองแดนนี่อย่างไม่ค่อยชอบใจนัก
“แล้วชั้นก็รู้หรอกน่าว่าควรพูดหรือไม่ควรพูดอะไรตอนไหน ไม่เหมือนใครบางคนที่คิดถึงเธอแบบไม่เลือกเวลา”
“พรุ่งนี้ชั้นจะให้ภารโรงเอาโต๊ะนี่ออกไป”
เด็กหนุ่มหมั่นไส้ “นายจะทิ้งของทุกอย่างที่เธอเคยใช้หรือไง แล้วอีกอย่างโต๊ะนี่ก็มีคนใช้อยู่”
“นั่นละ ชั้นถึงต้องทิ้งมัน ของทุกอย่างที่เป็นของๆ เธอ ไม่ควรตกเป็นของใคร”
“ชั้นถามจริงๆ นายคิดไม่ออกเลยหรือว่าจะจัดการยังไงกับเรื่องที่เกิดขึ้น”
“ตอนนี้หย่งเหวินมันเก็บตัวเงียบ ไม่เคลื่อนไหวอะไร ส่วนไอ้แพทริกก็ยังไม่ยอมไปจากที่นี่ มันกำลังเล่นสงครามประสาทกับเรา ถ้าเราเคลื่อนไหวอะไรออกไปก็อาจจะตกหลุมพรางของพวกมัน”
แดนนี่ถอนใจเฮือกๆ “เฮ้อ เท่ากับว่าเราทำได้แค่อยู่เฉยๆ เพื่อรอดูท่าทีของพวกมัน”
มาเฟียหนุ่มนิ่ง ไม่ตอบ
“ไม่รู้ว่าป่านนี้ฤทัยนาคจะเป็นยังไงนะ”
หลินหลานเซ่อชำเลืองมองหน้าแดนนี่ มองสบตา ก่อนจะเมินหน้าไปขยับลุกจะเดินออก เสียงโทรศัพท์มือถือแดนนี่ดังขึ้น เด็กหนุ่มชะงักหยิบมาดู หลินหลานเซ่อเหลือบมอง
“ฮัลโหล”
หลินหลานเซ่อขยับตัวจะเดินออก
แดนนี่โพล่งขึ้น “ฤทัยนาค...นั่นเธอจริงๆ เหรอ”
หลานเซ่อชะงักกึกหันขวับ มองอย่างสนใจ
ฤทัยนาคพูดโทรศัพท์อยู่บนเรือโดยสาร
“ก็ใช่น่ะสิ อย่าส่งเสียงดังไป เดี๋ยวใครได้ยิน”
หลินหลานเซ่อฉุนขาด กระชากโทรศัพท์จากมือแดนนี่ กรอกเสียงตวาดใส่
“โทร.มาทำไม ชั้นบอกแล้วไม่ใช่หรือว่าอย่าติดต่อมา”
สีหน้าฤทัยนาคตกใจสุดขีด คิดไม่ถึง “หลานเซ่อ”
“ว่าไง มีเรื่องอะไรถึงโทร.มา”
“คือ...ชั้นคิดแผนที่จะจัดการกับหลางหย่งเหวินได้แล้ว”
มาเฟีนหนุ่มโมโห “เธอหยุดคิด แล้วอยู่เฉยๆ ห้ามทำอะไรทั้งนั้น ชั้นบอกแล้วไงว่าให้เธอซ่อนตัวอยู่เงียบๆ”
“ชั้นทำแบบนั้นไม่ได้หรอก ชั้นจะไม่ยอมให้ใครมาทำร้ายนาย แล้วตอนนี้ชั้นได้คุยกับไอ้ฉินฝูแล้ว มันรับปากว่าจะช่วยเหลือชั้น”
“ไอ้ฉินฝูงั้นหรือ เธอไปเชื่อมันได้ยังไง ไอ้ฉินฝูมันพร้อมที่จะหักหลังทุกคนที่ให้ผลประโยชน์มัน”
“มันไม่กล้าหักหลังชั้นหรอก”
“ฤทัยนาค เธอฟังชั้นให้ดีนะ เรื่องนี้มันไม่เกี่ยวกับเธอ มันเป็นปัญหาของชั้น ที่จะต้องหาทางแก้ไข เธออยู่เฉยๆอย่าทำให้ตัวเองต้องเดือดร้อน
“นายจะบอกว่าไม่เกี่ยวกับชั้นได้ไง ชั้นเป็นคิวบิกนะ ชั้นเป็นเงาของนาย ชั้นมีหน้าที่ที่จะต้องจัดการเรื่องนี้”
หลินหลานเซ่อโมโหมาก “ฤทัยนาค”
“นายเคยบอกไม่ใช่หรือว่า คนที่เป็นเงาของผู้นำสูงสุดจะสามารถจัดการกับทุกปัญหาได้ ชั้นจะพิสูจน์ให้นายเห็นว่าชั้นเหมาะสมกับตำแหน่งเงาของนายรึเปล่า”
หลินหลานเซ่ออึ้ง แดนนี่มองอย่างสงสัยว่าพูดอะไรกัน
“เชื่อชั้นนะหลานเซ่อ เชื่อว่าชั้นจะจัดการกับมันได้”
ฤทัยนาคกดปิดโทรศัพท์ไป
แดนนี่มองรอฟัง
“เธอว่าไง”
หลินหลานเซ่อไม่ตอบ ส่งโทรศัพท์คืนให้ แล้วเดินออกไปเฉยเลย
“เดี๋ยวสิ หลินหลานเซ่อ”
แดนนี่วิ่งตามมาซักไซ้
“นายยังไม่บอกเลยว่ายัยบ๊องนั่นว่าไง”
หลินหลานเซ่อหยุดกึก หันมามองหน้า “หุบปาก แล้วอย่าเรียกเธอว่ายัยบ๊อง”
หลินหลานเซ่อมองจ้อง แล้วหันตัวเดินออกไป แดนนี่ฮึดฮัดมองหมั่นไส้
“ฮึ่ย”
ในเวลาต่อมาหลินหลานเซ่อยืนมองออกไปนอกหน้าต่าง แลเห็นเครื่องบินลอยผ่าน เขามองตามแล้วหันกลับมาหาจงซิน เล่าเรื่องที่คุยกับฤทัยนาคให้ฟังแล้ว
“นายมีความเห็นยังไงกับเรื่องนี้”
“ถ้าถามผม ผมเชื่อมั่นในตัวฤทัยนาคว่าเธอจะทำได้”
“แต่ครั้งนี้มันไม่เหมือนกับงานของคาลอสหรืองานส่งอาวุธนะ ครั้งนี้มันเดิมพันด้วยชีวิตของเธอนะ” ประธานฉายหงส์กรุ๊ปแย้ง
จงซินท้วงว่า “ถ้าเธอเป็นลูกสาวของเงาคนก่อนจริง ผมเชื่อว่าเธอต้องทำสำเร็จ”
หลานเซ่อมองพี่เลี้ยงและเลขาอย่างไม่มั่นใจ
“แต่ยังไงชั้นก็ไม่อยากเสี่ยง ทุกวันนี้แค่ชั้นต้องทิ้งเธอไว้เพียงลำพังที่เมืองไทย ชั้นก็เจ็บปวดมากพอแล้ว ถ้าเกิดอะไรขึ้นกับเธอ ชั้นคง ...” หลานเซ่อพูดอะไรไม่ออก
จงซินปลอบ “ผมรู้ว่าคุณรักเธอมากแค่ไหน แต่คุณก็รู้ดีไม่ใช่หรือครับว่าคนอย่างฤทัยนาค ใครก็ห้ามเธอไม่ได้”
หลานเซ่ออึ้ง เห็นด้วย
“ผมว่าทางที่ดี เราควรจะร่วมมือกับเธอเพื่อจัดการกับหย่งเหวินมากกว่า”
หลินหลานเซ่อถอนหายใจอย่างเครียดๆ
วันต่อมา แลเห็นฤทัยนาคสะพายเป้เดินเข้ามาหยุดในอาคารผู้โดยสารขาข้าวของไทเป ไต้หวัน พลางหยิบมือถืออกมากดโทร.ออก
“ฉินฝูหรือ ชั้นมาถึงแล้วนะ ไปเจอกันที่ศาลเจ้าแม่กวนอิมที่ถนน หนานหนิงนะ”
เวลานี้ฉินฝู อยู่ที่เซฟเฮ้าส์ แหล่งซ่อนตัวหย่งเหวิน พูดโทรศัพท์กับฤทัยนาค
“ได้ เดี๋ยวเจอกัน”
ฉินฝูกดปิดโทรศัพท์ หย่งเหวินยืนอยู่ในห้องด้วย
“เธอมาแล้วครับ”
“ดี งั้นแกก็ไปเอาตัวมันมาให้ชั้น”
“ครับ”
“เดี๋ยว” หย่งเหวินหันไปทางลูกน้อง 1 “อาชิงแกเอาคนของเราไปกับฉินฝูด้วย”
“ครับ”
ฉินฝูเดินนำ ลูกน้อง 1 ตาม
ลูกน้อง2 ท้วง “นายครับ เราจะเชื่อไอ้ฉินฝูได้หรือครับว่ามันจะไม่หักหลังเรา”
“คนอย่างไอ้ฉินฝูมันต้องการเงิน ใครจ่ายมากกว่ามันก็อยู่กับคนนั้น”
หย่งเหวินยิ้มแสยะ
ฝ่ายฤทัยนาคเดินเลี้ยวไปตามถนนย่านกลางเมือง เดินไปเรื่อยๆ
สักครู่หนึ่งฤทัยนาคเดินเข้ามาไหว้พระ นึกถึงตอนที่เคยมากับหลินหลานเซ่อ โดยเขาเรียกให้มาไหว้พระด้วยกัน
“มาไหว้พระด้วยกัน”
“ให้ชั้นไหว้พระกับนายหรือ”
“ใช่”
หลินหลานเซ่อส่งธูปให้ สองคนพนมมือไหว้พระอธิษฐานในใจ
ฤทัยนาคมองจ้องพระพักตร์เจ้าแม่กวนอิม
“ขอให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ช่วยให้ลูกทำแผนการทุกอย่างได้สำเร็จด้วยเถอะค่ะ”
ฤทัยนาคเอามือลงหันมองรอบตัว “ทำไมฉินฝูยังไม่มาอีกนะ”
ฤทัยนาคหยิบโทรศัพท์กด ทางด้านหลังเสียงโทรศัพท์ฉินฝูดัง ฤทัยนาคสะดุ้งหันมองหลัง เห็นฉินฝูยืนอยู่
“อ้าว ฉินฝู”
ฤทัยนาคมอง พบว่าลูกน้องหย่งเหวินมาด้วยอีกสองคน
“แล้วนั่นใคร”
“อ๋อ เพื่อนชั้นเอง เค้าจะมาช่วยงานนี้ด้วย”
ฤทัยนาคมองระแวง “แต่ชั้นบอกนายแล้วนี่ว่าไม่ให้บอกใครเรื่องนี้”
ลูกน้องสองคนเดินเข้ามาหา
“อย่าพูดมาก เอาตัวไปให้เจ้านาย”
“เจ้านาย เจ้านายอะไร” ฤทัยนาคเอะใจ มองหน้าฉินฝู “หา...ฉินฝู นี่แกหักหลังชั้นเหรอ”
ฉินฝูเหยียดยิ้ม “ขอโทษด้วยนะ สาวน้อย พอดีคุณหย่งเหวินเค้ายอมจ่ายให้ชั้นมากกว่าเธอ”
“ไอ้ฉินฝู แกนี่มันเลวจริง ๆ”
ฤทัยนาคหันกลับวิ่งออกไปทางหนึ่ง แต่ทางนั้นมีคนดักรออีกสองคน ฤทัยนาคชะงัก
“ไปกับชั้นซะดีๆ ไม่งั้นเธอจะเจ็บตัว”
“ชั้นไม่ไป”
ลูกน้องกรูเข้ามาล็อกตัว ฤทัยนาคหลบหลีก แต่สุดท้ายหนีไม่พ้นถูกจับได้
ฟากจงซินกดโทรศัพท์เดินไปมา ก่อนจะหันมาบอกเจ้านาย
“ไม่มีสัญญาณครับ ผมโทร.หาเธอมาหลายชั่วโมงแล้ว”
“หรือว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับฤทัยนาค” หลานเซ่อสังหรณ์ใจ
จงซินมองหน้าหลินอย่างเครียดๆ
ฤทัยนาคสลบอยู่ในห้อง ก่อนจะเห็นน้ำเย็นเทลงบนหัว ฤทัยนาคสะดุ้ง
“เฮ้ย ฝน ฝนตกแล้วพ่อ พ่อเก็บเสื้อผ้าก่อนเร็ว”
ฤทัยนาคสะบัดหน้าลืมตาขึ้นเห็นหน้าหย่งเหวิน จากเบลอๆ แล้วชัดแจ๋ว
“หย่งเหวิน นี่นายมาอยู่บ้านชั้นได้ไง”
หย่งเหวินมองฤทัยนาคอย่างสมเพช
หย่งเหวินเนี่ยหรือ คิวบิกผู้ชาญฉลาด
ฉินฝูเธอคงเมายาสลบน่ะครับ
นาค(หันมองฉินฝูอย่างโกรธ) ฉินฝู ชั้นไม่นึกเลยนะว่าคนอย่างแก
จะเลวได้ขนาดนี้ ชั้นอุตส่าห์ขอให้หลินหลานเซ่อไว้ชีวิตแก แกยังกล้าหักหลังชั้น
ฉินฝูเธอไม่เคยได้ยินภาษิตที่เค้าบอกว่าไม่มีสัจจะในหมู่โจรหรือ
นาคอย่าให้ชั้นรอดไปได้นะ ชั้นจะให้หลินหลานเซ่อฆ่าแก
หย่งเหวินเธอยังคิดว่าจะมีโอกาสรอดอีกหรือ
“ทำไม แกจะทำอะไรชั้น แกเองก็เลวพอๆกับไอ้ฉินฝูน่ะแหละไอ้คนอกตัญญู”
หย่งเหวินตบผัวะเข้าที่ใบหน้า จนฤทัยนาคหน้าสะบัดไปตามแรง
“ถ้าชั้นไม่เห็นว่าเธอยังมีประโยชน์อยู่ล่ะก็ ชั้นเอาปืนยิงกรอกปากเธอไปแล้ว”
“ก็เอาสิ ชั้นไม่กลัวแกหรอก แกอยากฆ่าชั้นแกก็ฆ่าได้เลย”
“หึ เธอนี่มันใจกล้าดีนะ แบบนี้สิ ถึงจะสมกับเป็นคิวบิกหน่อย”
“แกไม่ต้องพูดมากหรอก แกจะเอายังไงกับชั้นก็ว่ามา”
หย่งเหวินเอ่ยขึ้น “ฉินฝูมันบอกชั้นว่าเธอกำลังวางแผนที่จะจัดการกับชั้นงั้นหรือ”
“นี่แกบอกแผนมันหมดแล้วหรือไอ้ฉินฝู”
ฉินฝูเบ้หน้า ยักไหล่ ไม่ยี่หระ
“ที่จริงแผนของเธอมันก็ไม่เลวหรอกนะ แต่ชั้นว่าเธอคิดตื้นไปหน่อยนะ ไม่สมกับเป็นคิวบิกเลย ที่ให้ไอ้ฉินฝูมาตีสนิทชั้นแล้วหาจังหวะฆ่าชั้น”
ฤทัยนาคหันมองมายังฉินฝูด้วยความโกรธแค้น ฉินฝูยิ้มเย้ย
“แล้วไง ตอนนี้แผนชั้นแตก นายจะทำอะไรกับชั้น”
“บอกตอนนี้ก็ไม่สนุกสิ เธอเป็นคิวบิกไม่ใช่หรือ คิดสิ...คิดคิดให้ออกว่าชั้นจะทำอะไร”
หย่งเหวินเดินออกไป ฉินฝูเดินตาม ก่อนจะออกหันมามองฤทัยนาคนิ่งๆ เด็กสาวมองจ้องตอบแล้วหันกลับ
ฤทัยนาคตะโกนร้องสุดเสียง
“ช่วยด้วย หลินหลานเซ่อช่วยชั้นด้วย”
หลินหลานเซ่อหลับอยู่ เสียงร้องของฤทัยดังก้องเข้ามา หลานเซ่อสะดุ้งตื่น ลืมตาลุกขึ้นนั่งหยิบโทรศัพท์มากดหา แต่ไม่มีสัญญาณ เขาถอนใจเฮือก
“ฤทัยนาค ชั้นให้เธอเสี่ยงชีวิตเพื่อชั้นไม่ได้หรอก”
เช้าวันใหม่ ยุทธพงษ์นั่งกินแพนเค้ก กับกาแฟ นันทกาเปิดประตูออกมาจากห้องนอน สีหน้าเคร่ง
“มานัน พ่อทำแพนเค้ก กำลังร้อนๆ เลย”
“พ่อ หนูว่าพ่อควรจะไปบอกหลินหลานเซ่อนะว่าเราจะกลับเมืองไทย”
“ก็เค้าบอกแล้วไงว่าให้อยู่อีกซักพัก”
“แต่หนูว่าไม่ต้องหรอก”
“ทำไมล่ะนัน”
“ก็เค้าไม่ได้ต้องการหนูแล้ว ก็ไม่มีประโยชน์อะไรที่จะอยู่ที่นี่เบื่อจะตาย วันๆไม่ได้ทำอะไร”
บอดี้การ์ด 3 และ บอดี้การ์ด 4 นั่งเล่นเกมอยู่ในห้อง เฝ้าหน้าประตูด้านใน เหลือบมองสองพ่อลูก
มือสังหารถือปืนเข้ามาหยุดมอง เห็นบอดี้การ์ด1 บอดี้การ์ด 2 ยืนเฝ้าหน้าห้อง มือสังหารดึงที่เก็บเสียงออกมาหมุนใส่ปืน
ยุทธพงษ์บอกลูกสาว
“พ่อว่ารอไปถึงสิ้นเดือนแล้วกันน่ะ ตอนนี้หลินหลานเซ่อเค้ายิ่งมีเรื่องยุ่งๆ อยู่”
“แต่มันไม่เกี่ยวกับเรานะพ่อ”
“ลูกลืมไปแล้วหรือว่าเค้ายกหนี้ให้เรานะ”
“ใช่สิ เค้ายกให้เพราะเค้าชอบนาคนี่ไม่ได้ชอบหนู”
“เค้าชอบใครมันก็เหมือนกันน่ะแหละ อย่างน้อยเราก็หมดหนี้”
นันทกามองพ่ออย่างโกรธขึ้ง
บอดี้การ์ด 1 บอดี้การ์ด 2 ยืนอยู่ มีกระสุนทะลุอก ทั้งสองร่วงลงไปกองกับพื้น มือสังหารสองคนวิ่งเข้ามาหยุดหน้าประตู พยักหน้าให้กัน
ภายในห้อง นันทกาบอกยุทธพงษ์อย่างมีอารมณ์
“ถ้าพ่อไม่ไปก็ตามใจ แต่หนูจะไปแล้ว”
นันทกาลุกจะเดินเข้าห้องนอน ยุทธพงษ์ลุกตาม
“นัน ใจเย็นสิลูก”
“ไม่ หนูจะไม่เชื่อพ่ออีกต่อไปแล้ว”
นันทกาเปิดประตูเข้าห้องเข้าไป ยุทธพงษ์ตาม บอดี้การ์ด3 และ 4 มองสองพ่อลูกแล้วหันมาเล่นเกมต่อ
เสียงเคาะประตูดัง บอดี้การ์ดมองหน้ากัน บอดี้การ์ด 3 ลุกเดินไปเปิดประตู คิดว่าเป็นเพื่อน
“มีอะไรหมิง”
ประตูเปิดออก กระสุนทะลุหลังบอดี้การ์ด 3 บอดี้การ์ด 4 ลุกขึ้นยกปืน แต่ถูกยิงใส่ก่อนร่างกระเด็น
มือสังหารผลักประตูเข้ามาพยักหน้าให้ลูกน้องอีกสองเดินไปหยุดหน้าห้อง
ฝ่ายนันทกาเปิดตู้หยิบเสื้อผ้า ยุทธพงษ์เข้ามาดึงแขนลูกสาว
“นัน ฟังพ่อก่อนได้มั้ย”
“ไม่ หนูฟังพ่อนานแล้ว ไม่เห็นจะได้อะไรเลย เรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมดก็เป็นเพราะพ่อคนเดียว”
“แต่ที่พ่อทำลงไปก็เพื่อลูกนะ”
“ไม่จริง พ่อไม่ได้ทำเพื่อพวกเรา พ่อทำเพื่อตัวเอง พ่อเห็นแก่ตัว พ่อรักแต่ตัวเอง” ยุทธพงษ์โกรธสุดขีดตบหน้าลูกสาวเพี๊ยะ นันทกาชะงัก “นี่พ่อตบหนูหรือ”
“พ่อขอโทษ พ่อลืมตัวไป”
นันทกามองพ่ออย่างเสียใจเปิดประตูออกไป
“จะไปไหนนัน”
ประตูเปิดออกมา นันทกาสะดุ้งสุดตัวเมื่อเห็นมือสังหารยืนรอจ่อปืนที่หน้าห้อง
“อยู่เฉยๆ”
ยุทธพงษ์โผล่ออกมา เห็นมือสังหาร ยุทธพงษ์ตกใจ
“หา...”
มือสังหารยกปืนยิงใส่ ยุทธพงษ์ผงะหงาย นันทกาหวีดร้องผวาเข้าไปหา
“พ่อ...” มือสังหารกระชากผมนันทกา หญิงสาวขัดขืน “ปล่อยชั้นนะ พ่อ พ่อ”
มือสังหารตบผัวะ นันทกาสลบ มือสังหารหิ้วตัวนันทกาออกไป ยุทธพงษ์มองตามลูกสาว
“นัน...นัน...ลูกพ่อ…”
ยุทธพงษ์หมดสติ นอนจมกองเลือด
จงซินเปิดประตูเข้ามา ในห้องทำงานหลินหลานเซ่ออย่างเร่งร้อน สีหน้าของเขาเครียด
“คุณหลินเกิดเรื่องใหญ่แล้วครับ”
“มีอะไร”
“นันทกาถูกจับตัวไป”
“แล้วพ่อเธอล่ะ”
“โดนยิงครับ ตอนนี้อยู่โรงพยาบาล เป็นตายห้าสิบห้าสิบ”
“ฝีมือไอ้หย่งเหวินใช่มั้ย”
“ใช่ครับ ดูจากกล้องวงจรปิด เป็นลูกน้องของไอ้หย่งเหวิน”
โทรศัพท์มือถือดัง หลินหลานเซ่อหยิบมาดู เห็นหน้าฤทัยนาคในโทรศัพท์ รีบกดรับ
ที่ซ่อนตัวหย่งเหวิน ที่หน้านาคมองโทรศัพท์
“หลินหลานเซ่อ”
“ฤทัยนาค นี่เธออยู่ไหน”
หย่งเหวินเบียดหน้าเข้ามา
“เธอก็อยู่กับชั้นน่ะสิ”
“หย่งเหวิน” จงซินขยับเข้ามาดู โทรศัพท์
“นี่มันเอาตัวฤทัยนาคไปด้วยเหรอ”
“นายนี่ฉลาด สมกับเป็นที่ปรึกษาหลินหลานเซ่อนะ จงซิน”
“หย่งเหวิน ปล่อยฤทัยนาคกับนันทกาซะ” หลานเซ่อบอกเสียงเข้ม
“อย่ามาออกคำสั่งกับชั้น เพราะชั้นไม่ใช่ลูกน้องแก ฟังให้ดีนะหลินหลานเซ่อ ชั้นจะฆ่านังสองคนนี้ถ้าแกไม่ทำตามคำสั่งชั้น”
“แกต้องการอะไร ชีวิตชั้นงั้นเหรอ”
“เกือบถูก แต่ที่ชั้นต้องการมากกว่านั้นก็คือ ตำแหน่งผู้นำสูงสุดของฉายหงส์กรุ๊ป”
“แกฝันไปแล้ว หย่งเหวิน” จงซินยั๊ว
หย่งเหวินลำพอง “ใช่ ชั้นฝัน แต่ฝันนี้จะเป็นจริง ถ้าหลินหลานเซ่อยอมเซ็นมอบอำนาจทุกอย่างให้กับชั้นเพื่อแลกกับชีวิตของคิวบิกและพี่สาว”
“แล้วแกจะให้ชั้นทำไง”
“ประกาศให้ทุกคนรู้ว่าแกจะออกจากตำแหน่งผู้นำของฉายหงส์กรุ๊ป และยกตำแหน่งให้กับชั้น”
หลินหลานเซ่ออึ้ง
ฤทัยนาคตะโกนบอก “อย่าทำตามมันนะ หลานเซ่อ ไม่ต้องห่วงชั้น”
“ไม่ใช่เรื่องของเธอ หุบปาก” หย่งเหวินกระชากฤทัยนาคออกไป “จำไว้นะหลินหลานเซ่อ ถ้าพรุ่งนี้แกไม่ส่งมอบอำนาจให้ชั้น แกจะได้รับหัวใจของนังเด็กนี่เป็นคนแรก”
หย่งเหวินกระชากหน้าฤทัยนาคให้เข้ามาในกล้อง
“หลินหลานเซ่อ” ฤทัยนาคร้องเรียก
หย่งเหวินกดปิดโทรศัพท์ทันที
จงซินมองหน้าหลินหลานเซ่อ ทั้งสองคนมองสบตากัน
ส่วนฤทัยนาคหันมาบอกหย่งเหวิน
“แกอย่าหวังเลย หลินหลานเซ่อไม่มีทางทำตามที่แกบอกหรอก”
“งั้นเหรอ ถ้าหลินหลานเซ่อไม่ทำ เธอกับพี่สาวก็ต้องตาย”
ฤทัยนาคอึ้ง
ประตูห้องขังเปิดออก ร่างฤทัยนาคถูกโยนเข้ามา นันทกาซุกตัวอยู่มุมห้องหันมอง
“นาค”
“พี่นัน”
“นี่มันเรื่องอะไรกัน มันจับพวกเรามาทำไม มันยิงพ่อด้วย”
“จริงเหรอ”
“ใช่ ไม่รู้ว่าพ่อตายรึเปล่า พี่กลัวจังเลยนาค”
“ไม่ต้องกลัวนะพี่นัน ชั้นจะต้องหาทางพาพี่ออกไปให้ได้”
ฤทัยนาคก่อนพี่สาวไว้ในอ้อมกอดอย่างปกป้อง
ที่เซฟเฮ้าส์ แหล่งกบดานและซ่อนตัวของหย่งเหวินเวลาเดียวกัน หย่งเหวินยืนดื่มเครื่องดื่มหมดแก้ว ฉินฝูเดินเข้ามา
“มาครับนาย ผมเติมเครื่องดื่มให้”
หย่งเหวินชะงักมอง ก่อนจะส่งแก้วให้
“หวังว่าแกคงจะไม่ใส่ยาพิษให้ชั้นกินหรอกนะ”
“โธ่ เจ้านาย ผมจะทำอย่างงั้นได้ไงครับ”
ฉินฝูเทเครื่องดื่มใส่แก้วส่งให้
“ใครจะไปรู้ แกอาจจะซ้อนแผนชั้นเพื่อช่วยนังเด็กนั่น”
“ถ้าผมทำอย่างงั้นผมก็โง่แล้วครับ เจ้านายให้ค่าส่งข่าวผมตั้งล้านเหรียญ ขืนผมทำอย่างงั้นผมก็อดได้เงินสิครับ แล้วเจ้านายคิดว่าหลินหลานเซ่อมันจะยอมยกตำแหน่งประธานฉายหงส์กรุ๊ปให้เจ้านายมั้ยครับ”
หย่งเหวินย้อนเอา “แล้วถ้าเป็นแก แกจะปล่อยให้เมียแกตายมั้ยล่ะ”
“ถ้าเป็นผม ผมยอมเสียเมียนะครับ”
หย่งเหวินเหลือบมอง ฉินฝูยิ้มให้ หย่งเหวินมองยิ้มแสยะยกแก้วดื่ม
หน้าหลานเซ่อเป็นป้ายประธานฉายหงส์กรุ๊ปบนโต๊ะ หลานเซ่อมองป้ายนั้นนิ่งนาน กล้องเคลื่อนเขานึกถึงคำพูดหย่งเหวิน
“ถ้าพรุ่งนี้แกไม่ส่งมอบอำนาจให้ชั้น แกจะได้รับหัวใจของนังเด็กนี่เป็นคนแรก” พลางหย่งเหวินกระชากหน้าฤทัยนาคให้เข้ามาในกล้อง
“หลินหลานเซ่อ” ฤทัยนาคร้องเรียกชื่อเขา
หลินหลานเซ่อเครียดหนัก ครุ่นคิดแล้วทอดถอนใจ จงซินเดินเข้ามาหยุดมอง
“คุณหลินครับ เรื่องหย่งเหวินผมคิดว่า...”
หลินหลานเซ่อสวนคำ “พรุ่งนี้เรียกประชุมถือหุ้นและกรรมการทั้งหมด”
จงซินท้วง “คุณหลิน”
“ชั้นปล่อยให้ฤทัยนาคตายไม่ได้หรอก จงซิน”
จงซินมองหลินหลานเซ่ออย่างอึ้งๆ สองหนุ่มมองสบตากัน ก่อนที่หลานเซ่อเมินหน้าออกไป
ทั้งสี่คน อยู่ห้องประชุมอาคารฉายหงส์กรุ๊ป เพ่ยอิง และ ซานกุ้ยตกใจมาก เมื่อรู้เรื่องจากจงซิน โดยเฉพาะซานกุ้ย
“ว่าไงนะ หลินหลานเซ่อ จะยกตำแหน่งผู้นำสูงสุดให้หย่งเหวินงั้นหรือ”
“ใช่ครับ”
เพ่ยอิงโมโห “นี่หลินหลานเซ่อเป็นบ้าไปแล้วหรือ อยู่ๆ จะยกตกแหน่งให้ไอ้หย่งเหวิน”
“หย่งเหวินจับตัวคิวบิกไป และยื่นเงื่อนไขให้คุณหลินออกจากตำแหน่งผู้นำสูงสุดครับ” จงซินอธิบาย
มีนาซึ่งเวลานี้หมั้นหมายกับเพ่ยอิงแล้ว อยู่ด้วยถามขึ้นอย่างแปลกใจ “คิวบิกหรือคะ”
“ใช่ ถ้าคุณหลินไม่ทำตามมันจะฆ่าคิวบิก”
“เดี๋ยว จงซิน คิวบิกนี่คือเด็กผู้หญิงที่ไปเจรจากับคาลอสใช่มั้ย”
“ใช่ท่านซาน คนนั้นแหละ ชื่อฤทัยนาคเป็นเพื่อนสนิทกับคู่หมั้นผมเอง”
เพ่ยอิงบอก พร้อมกับแตะเอวมีนา ซานกุ้ยมอง
“เอาล่ะครับ เป็นอันว่าท่านซานกับคุณเพ่ยอิงรับทราบนะครับว่าพรุ่งนี้คุณหลินจะจัดงานแถลงข่าว”
ซานกุ้ยพยักหน้ารับรู้ จงซินลุกเดินออกไป
“เป็นเพราะท่านซานคนเดียวที่เอาไอ้หย่งเหวินมาเลี้ยง เป็นไงล่ะ ลูกรักของท่าน” เพ่ยอิงพาลตามเคย
มีนาปราม “คุณเพ่ยอิงคะ”
เพ่ยอิงหันมาเสียงหวาน “ว่าไงจ๊ะ”
“ชั้นว่าเรากลับเถอะ ลานะคะท่านซาน”
มีนายกมือไหว้ลา เพ่ยอิงมองซานกุ้ย
“ผมไปล่ะท่านซาน”
เพ่ยอิงกับมีนาเดินออก ซานกุ้ยนึกถึงหย่งเหวินด้วยความเสียใจ
“หย่งเหวิน วันนั้น ชั้นไม่น่าเก็บแกมาจากข้างถนนเลยจริงๆ”
มาเฟียชราหวนนึกถึงเรื่องในอดีต
เวลานั้นเด็กชายหย่งเหวินในสภาพเนื้อตัวมอมแมมวิ่งออกมา ถูกอาเฮียวิ่งไล่ตามมากระชากแขน ฟาดด้วยไม้
“หน็อย ริอ่านขโมยของกูงั้นหรือ” เฮียฟาดซ้ำ
หย่งเหวินร้อง “โอ๊ย ผมกลัวแล้ว ผมเจ็บ”
“เจ็บสิ กูจะตีให้ตายเลย ใครให้มึงมาขโมยไก่กูกิน” เฮียฟาดซ้ำไม่ยั้ง
“ผมขอโทษ ผมหิว ช่วยด้วย ผมเจ็บ”
ซานกุ้ยในวัยหนุ่มเข้ามาคว้าแขนอาเฮียไว้ “เฮ้ย เดี๋ยว”
เฮียโมโห “ไม่ใช่เรื่องของคุณ”
“ลื้อตีมันทำไม”
“ก็บอกแล้วไงว่าไม่เกี่ยวกับคุณ” เฮียหันกระชากแขนหย่งเหวิน “มานี่”
ซานกุ้ยกระชากหย่งเหวินกลับ
“ถ้าลื้อตีมันอีก ลื้อเจอดีแน่ ทำไมต้องตีมันด้วย”
“มันขโมยน่องไก่ผม”
“จริงหรือ ไอ้หนู”
“ครับ ผมไม่ได้กินอะไรมาสามวันแล้ว”
อาเฮียไม่สน “แล้วเรื่องอะไรมาขโมยไก่กู”
ซานกุ้ยตัดรำคาญ “เอาล่ะ พี่ชาย อั๊วจะชดใช้ให้” พลางหยิบเงินให้ “นี่เป็นเงินค่าไก่ตอนตัวนึง พอใจมั้ย”
อาเฮียมองเงินแล้วอ่อนลง “ก็ได้” แล้วหันไปด่าหย่งเหวิน “อย่าให้กูเห็นหน้ามึงแถวนี้อีกนะ ถ้ามึงมาขโมยของกูล่ะก็กูจะตัดนิ้วมึง”
เฮียเดินหุนหันออกไป ซานกุ้ยส่งเงินให้หย่งเหวิน
“เอา เอ็งเงินนี่ไปกินข้าว แล้วจำไว้อย่าริอ่านขโมยของของคนอื่นเข้าใจรึเปล่า”
“ท่านครับ ให้ผมไปอยู่กับท่านได้มั้ยครับ” หย่งเหวินบอก
“แล้วพ่อแม่เอ็งล่ะ พ่อแม่เอ็งอยู่ไหน”
“ผมไม่มีพ่อแม่ เกิดมามีแต่ก๋ง พอก๋งตายผมก็ไม่รู้จะอยู่กับใครนะครับท่าน ผมสัญญาว่าผมจะเป็นคนดี จะรับใช้ท่าน ดูแลท่านไปตลอดชีวิต ท่านคือพ่อคนที่สองของผม”
ไม่นานต่อมาซานกุ้ยเดินเข้ามาหยุดในตรอก หันมองหลังแล้วยื่นมือส่งให้ หย่งเหวินวิ่งเข้ามาเกาะแขน ซานกุ้ยจูงหย่งเหวินเดินไปตามทางในตรอก
ซานกุ้ยยังคงนั่งนิ่งอยู่ในห้องประชุม แววตาของมังกรชราเจ็บปวดร้าวรานถึงขีดสุด
“แกมันเลวยิ่งกว่าสัตว์เดรัจฉาน คนอย่างแกไม่สมควรมีชีวิตอยู่ต่อไปแล้ว”
ทางฝ่ายเพ่ยอิงเดินคุยกันออกมากับมีนา
“เดี๋ยวหลังจากเสร็จธุระแล้วผมจะต้องโทรคุยกับหลินหลานเซ่อหน่อย ผมว่าเค้าทำอย่างนี้ไม่ถูก อยู่ๆจะยอมยกตำแหน่งผู้นำสูงสุดให้ไอ้หย่งเหวินง่ายๆ ได้ไง”
“แต่ถ้าคุณหลินไม่ทำตาม นาคก็จะต้องตายนะ”
“กะอีแค่ผู้หญิงคนเดียว มันไม่สำคัญเท่ากับตำแหน่งผู้นำสูงสุดหรอก”
มีนาฉุน “คุณพูดแบบนี้เท่ากับว่า ถ้าเป็นชั้น คุณก็จะปล่อยให้ชั้นตายงั้นหรือ”
“ไม่ใช่นะ สำหรับคุณมันเป็นข้อยกเว้น แต่สำหรับหลินหลานเซ่อ เค้าไม่เคยรักใคร เค้าเป็นคนไร้หัวใจ เค้าไม่จำเป็นต้องเสียสละเพื่อเด็กนั่น”
“คุณรู้ได้ยังไงว่าคุณหลินเค้าไร้หัวใจ”
“ทำไมจะไม่รู้ ผมโตมากับหลินหลานเซ่อนะ”
“นั่นก็แสดงว่าไม่รู้จริง”
เพ่ยอิงงง “คุณหมายความว่าไง”
“ก็คุณหลินเค้ารักนาคเพื่อนชั้นน่ะสิ”
เพ่ยอิงไม่เชื่อ “คุณอย่ามาอำผมเลย คนอย่างหลินหลานเซ่อไม่มีทางรักผู้หญิงหน้าตาแบบนั้นแน่”
มีนาชักโมโห “คุณอย่ามาดูถูกเพื่อนชั้นนะ นาคเค้าเป็นคนฉลาด สมาร์ท แล้วก็เก่ง แล้วคุณหลินก็รักเค้ามากด้วย จะบอกให้รู้
มีนาสะบัดหน้าเดินออก เพ่ยอิงมองตาม ไม่อยากเชื่อ
“จริงหรือ หลินหลานเซ่อน่ะหรือจะรักเด็กนั่น”
หย่งเหวินเปิดประตูเข้ามาในห้องคุมขังสองสาว เห็นฤทัยนาคนั่งหลับตานิ่งอยู่
“ตื่นได้แล้ว”
“ชั้นไม่ได้หลับ” ฤทัยนาคลืมตามอง “จะเอาชั้นไปฆ่าใช่มั้ย ชั้นบอกแกแล้วไงว่าหลินหลานเซ่อไม่มีวันมอบอำนาจให้แกหรอก ลืมไปได้เลย”
“แสดงว่าเธอไม่รู้ตัวจริงๆ ใช่มั้ยว่าหลินหลานเซ่อมันคิดยังไงกับเธอ มันรักเธอมันยอมสละตำแหน่งผู้นำสูงสุดให้ชั้นแล้ว”
นันทกาตกตะลึงคาดไม่ถึง
“แกพูดจริงหรือ”
“ใช่ เธอควรจะภูมิใจนะที่เป็นผู้หญิงที่โชคดีที่สุด เพราะหลินหลานเซ่อไม่เคยรักใคร”
นันทกาหันไปมองหน้าฤทัยนาค
“ถ้างั้นแกก็ปล่อยชั้นกับพี่สาวได้แล้วสิ”
“ยัง” หย่งเหวินบอกกวนๆ
“อ้าว ทำไมล่ะ ก็แกบอกว่าจะปล่อยตัวพวกเราถ้าหลินหลานเซ่อยอมมอบตำแหน่งผู้นำสูงสุดให้แกไง”
“ถ้าชั้นปล่อยเธอกับพี่สาวไปง่ายๆ มันก็ไม่สมศักดิ์ศรีกับตำแหน่งเงาของเธอน่ะสิ”
“ทำไม แล้วแกคิดจะทำอะไรอีก จะให้ชั้นไปฆ่าหลินหลานเซ่อหรือไง”
หย่งเหวินเหยียดยิ้ม
“ถูกต้อง ชั้นเพิ่งเห็นเธอฉลาดสมกับเป็นคิวบิกก็ตอนนี้”
สองสาวอึ้ง นันทกามองสบตาน้องสาวตกใจสุดขีด
“พรุ่งนี้หลังจากที่หลินหลานเซ่อประกาศแถลงข่าวลาออกจากตำแหน่ง เธอจะต้องเข้าไปยิงหลินหลานเซ่อให้ชั้น”
“ไม่...ไม่มีทาง ต่อให้แกฆ่าชั้นให้ตาย ชั้นก็จะไม่มีวันฆ่าหลินหลานเซ่อ”
“งั้นหรือ แล้วถ้าชั้นฆ่าพี่สาวเธอล่ะ”
หย่งเหวินกระชากนันทกาขึ้นมา
“ไม่นะ แกอย่าทำอะไรพี่นันนะ”
“เธอต้องเลือกแล้ว ว่าระหว่างชีวิตของหลินหลานเซ่อกับพี่สาวเธอ เธออยากให้ใครมีชีวิตอยู่ต่อ” หย่งเหวินสั่งลูกน้อง “เอาตัวไปลูกน้องลากตัวนันทกาออกไป”
นันทกาขวัญเสียสุดขีด “นาคช่วยพี่ด้วย”
“ไม่นะ พี่นัน พี่นัน”
หย่งเหวินคาดคั้น “ว่าไง เธอจะเลือกใคร”
“ทำไมต้องทำอย่างนี้กับชั้นด้วย
“ก็เพราะเธอเป็นคิวบิกไง ใครๆ เค้าก็ว่าเธอเก่งไม่ใช่หรือ ฮ่ะ ฮ่ะฮ่ะ”
หย่งเหวินหัวเราะอย่างชอบใจเดินออกปิดประตูปัง ฤทัยนาคอึ้ง
เช้านี้หลินหลานเซ่อ ยืนทอดสายตามองออกไปนอกหน้าต่าง
นึกถึงคำพูดที่ฤทัยนาคบอกในหลายเหตุการณ์
“ขอบคุณนะ ที่นายเชื่อว่าชั้นจะทำมันได้”
ฤทัยนาคบอกทางโทรศัพท์
“เชื่อชั้นนะหลานเซ่อ เชื่อว่าชั้นจะจัดการกับมันได้”
รวมทั้งตอนฤทัยนาคบอกให้เขาชมว่าเจ๋ง
“ยกนิ้วโป้งให้ชั้นสองมือ แล้วบอกว่าชั้นเจ๋งโครตๆ”
หลินหลานเซ่อถอนใจ จงซินเดินมาหยุดมองจากด้านหลัง ก่อนจะเดินเข้ามาหาใกล้ๆ
“คุณหลินครับ”
“มีอะไรจงซิน” หลานเซ่อถามโดยไม่หันมา
“ผมอยากให้คุณคิดทบทวนเรื่องหย่งเหวินอีกครั้งนะครับ”
หลานเซ่อบอกทันที
“ชั้นคิดดีแล้ว ฤทัยนาคคือสิ่งที่มีค่าที่สุดในชีวิตชั้น”
จงซินทักท้วงทัดทาน “เพื่อแลกกับฉายหงส์กรุ๊ปนี่นะครับ”
“ใช่ เธอมีค่ามากกว่าอะไรทั้งหมด แม้แต่ชีวิตชั้น”
จงซินมองแล้วทอดถอนใจ ที่เห็นหลินหลานเซ่อเด็ดเดี่ยวมากกว่าครั้งไหนๆ
“ถ้าอย่างงั้นผมจะไปจัดการทุกอย่างตามที่คุณหลินสั่ง”
จงซินเดินออกไป หลินหลานเซ่อมองไปไกล บอกตัวเองด้วยแววตามุ่งมั่น
“ต่อให้ต้องแลกด้วยชีวิตชั้น ชั้นก็จะทำเพื่อเธอฤทัยนาค”
อ่านต่อตอนที่ 15