สามี ตอนที่ 14 อวสาน
ลินดามองสิริโสภา
“เธอพูดเรื่องอะไร เลือดที่เหมือนกับรามคืออะไร”
สิริโสภานิ่ง
“ฉันถามไม่ได้ยินหรือไง”
“ถ้าอยากรู้ก็ไปถามลูกชายคุณ”
สิริโสภานิ่งไม่ตอบ ลินดายังไม่ยอมแพ้
“นี่”
เสียงมือถือลินดาดัง ลินดามองโทรศัพท์แล้วตัดสินใจเดินออกไปรับโทรศัพท์ทิ้งสิริโสภาไว้กับรสิกา
ลินดาเดินออกมาด้านนอกกดรับ
“ราม...”
รามอยู่ในห้องรับแขกด้วยอาการกระวนกระวาย
“ม๊า...ม๊าอยู่ที่ไหน ม๊ากลับมาเดี๋ยวนี้เลยนะม๊า ผมขอร้อง”
“ราม...ตอบม๊ามาก่อนว่ารามป่วยเป็นอะไร”
รามชะงักไป
“ป่วย”
“สิริโสภาพูดเรื่องเลือด พูดเหมือนแกป่วย รามเป็นอะไรบอกม๊ามาสิ”
รามพูดไม่ออก
“ม๊าบอกผมมาก่อนว่าม๊าอยู่ที่ไหน”
“ม๊าถาม รามก็ต้องตอบ”
“ผมจะไม่ตอบอะไรทั้งนั้น จนกว่าผมจะเจอม๊า ม๊าอยู่ที่ไหน”
ลินดาลังเล
“ผมจะตอบทุกคำถามถ้าได้เจอม๊า”
ลินดาอ้ำอึ้ง แต่ตัดสินใจว่าต้องเจอรามให้ได้
รสิกาถูกมัดมือด้วยผ้า รสิกาพยายามจะขยับเพื่อให้ปมคลาย
“เห็นแล้วใช่ไหมว่าเธอแพ้ฉัน”
“ค่ะ”
สิริโสภาสายตากร้าวขึ้นมาทันที
“แกเยาะเย้ยฉันเหรอ”
“ฉันอยากให้คุณมีความสุขนะคะคุณสิ ฉันรู้ว่าคุณทรมานกับตอนนี้ที่เป็นอยู่”
“เพราะแกไง เพราะแก”
“ค่ะ...”
“คุณหญิง อย่าให้ฉันหมดความอดทนนะ”
“ค่ะ”
“คุณหญิง”
“ไม่ว่าฉันจะพูดอะไร มันก็ไม่มีวันถูกหูคุณ...ฉันเหนื่อย”
“ไม่กลัวตายเลยงั้นสิ”
“ก็ดีนะคะ จะได้จบ...”
“สำหรับคุณหญิงแค่ตายมันสบายเกินไป คุณหญิงควรจะตายทั้งเป็นเหมือนฉัน”
รสิกามองสิริโสภาที่หยิบมีดปอกผลไม้มา รสิกามองตกใจว่าสิริโสภาจะทำอะไร ทันใดนั้นสิริโสภาเอามีดกรีดแขนตัวเอง
“คุณสิ”
สิริโสภาถือมีดตรงเข้ามาหารสิกา
“ฉันไม่ฆ่าคุณหญิงหรอกค่ะ” สิริโสภาสายตาร้ายเย็นชา “แต่เลือดของฉันจะทำให้คุณหญิงกับลูกของราพณ์ทุกข์ทรมานเป็นการชดใช้”
รสิกาตกใจรู้เลยว่าสิริโสภาจะเอาเลือดทำให้เธอติดเชื้อ รสิกาได้ยินคำว่าลูกก็ไม่ยอม พอสิริโสภาจะเอามีดทาบลงที่แขน เธอก็ใช้สองมือที่โดนมัด ปัดเต็มแรง พลั่ก! สิริโสภาไม่ทันตั้งตัวทำมีดหลุดมือ รสิกาพยายามจะลุกหนีแต่สิริโสภาคว้าผมไว้จนรสิกาล้มลงไปบนตัวสิริโสภา รสิกาตัดสินใจสู้เต็มที่
ลินดาเดินกลับไปมาอย่างกระวนกระวายที่ไม่เห็นรามมาสักที ลินดามองโทรศัพท์ตัดสินใจโทรหาราม
“ราม...อยู่ไหนแล้วลูก”
รามขับรถ คุยมือถือ
“อยู่เขาใหญ่แล้วครับม๊า”
ลินดายังไม่ทันพูดก็ชะงักที่ได้ยินเสียงโครมครามจากข้างใน ลินดารีบเข้าไปข้างในยังไม่วางสาย
รสิกาใช้ตัวพุ่งเข้ากระแทกสิริโสภาที่ไม่ทันตั้งตัว สิริโสภาเสียหลักศีรษะกระแทกกับผนังจนมึนนิ่งไป รสิกาเห็นสิริโสภาที่ยังตั้งหลักไม่ได้ รีบหนีออกไปทางด้านหลัง
ลินดาที่วิ่งเข้ามาเห็นสิริโสภาที่ยังนั่งมึน แต่ไม่มีตัวรสิกาแล้ว
“แกทำบ้าอะไรเนี่ย แล้วนังคุณหญิงมันไปไหน”
รามได้ยินตกใจกับเรื่องที่รู้
สิริโสภาลุกขึ้นพยายามตั้งสติ
“มันหนีไปแล้ว”
“ถ้ามันติดต่อไอ้ราพณ์ได้ เราจบแน่ๆ”
สิริโสภาคว้ามีดที่หล่นขึ้นมาสายตาแค้นมาก
“ฉันจะฆ่ามัน”
สิริโสภาบ้าเลือดไปแล้ว รีบตามไป
“สิริโสภา อย่าทำบ้าๆนะ สิริโสภา”
ลินดาตกใจที่เรื่องราวบานปลายไปกันใหญ่ รีบตามไป รามได้ยินเรื่องทั้งหมดจากโทรศัพท์ รีบเร่งความเร็วสุดตัว
รสิกาวิ่งหนีสุดชีวิตไปทางป่าด้านหลัง เธอเจ็บเพราะโดนกิ่งไม้เกี่ยวบ้าง แต่ก็ยังฝืนวิ่งต่อไป
“คุณหญิง”
สิริโสภารีบวิ่งตามไม่ลดละ เห็นหลังรสิกาไว ๆ จึงตามไปด้วยแรงอาฆาต ลินดาที่ตามมาเหนื่อยแต่ยังวิ่งตามไป รู้สึกกลัวกับสถานการณ์ที่ตัวเองคุมไม่ได้
รถรามเข้ามาจอดที่หน้าบ้านพักสกรรจ์ รามลงจากรถวิ่งเข้าไปในบ้าน รถของราพณ์ก็เข้ามาจอดอีกมุม ราพณ์กับรุ้งรายลงมาจากรถ รามวิ่งออกมาดีใจที่เห็นราพณ์
“เฮีย เจ้”
“ราม”
“เฮีย คุณหญิงหนีไปแล้ว สิกับม๊ากำลังตามไป”
“เป็นป่ารอบด้านแบบนี้ แล้วจะรู้ได้ยังไงว่าไปทางไหน”รุ้งรายพูด
รามพยายามกดโทรศัพท์ติดต่อหาลินดา
สิริโสภายังไล่ตามรสิกา
“หนีฉันไม่พ้นหรอก คุณหญิง”
สิริโสภาวิ่งตาม ลินดาวิ่งจนแทบจะเป็นลม เสียงมือถือในมือลินดาดัง เธอเห็นเป็นเบอร์รามรีบกดรับ
“ราม...”
“ผมมาถึงแล้ว ม๊าอยู่ที่ไหน”
“ป่าด้านหลังบ้านพัก รีบมานะราม สิริโสภามันบ้าไปแล้ว ม๊ากลัว...”
รามรีบวิ่งไป ราพณ์กับรุ้งรายรีบตามไป
รสิกายังพยายามวิ่งหนี ทั้งที่มือที่ถูกมัดทำให้รสิกาไม่คล่องตัวนัก แล้วเธอก็พลาด เหยียบโดนเศษไม้คม
“โอ้ย”
รสิกาล้มลงไปกับพื้น เหนื่อยเหมือนแทบขาดใจ สิริโสภาก้าวเข้ามาพร้อมกับมีดในมือ สิริโสภาทั้งเหนื่อยทั้งแค้น
“แก”
สิริโสภาเงื้อมีดจะแทง รสิกาหวาดกลัวมาก ลินดาโผเข้ามาแย่งมีดจนมีดหล่นไป
“เลิกบ้าได้แล้ว”
“แกไม่เกี่ยว”
สิริโสภาผลักลินดาให้พ้นทาง
“หยุดเถอะสิริโสภา”
สิริโสภาแค้นมาก สุดคลั่ง
“ฉันขอแก..แกไม่เคยให้ แล้วแกขอ...ทำไมฉันต้องให้ แกต้องตายทั้งแม่ทั้งลูก”
สิริโสภาจะเหยียบท้อง รสิกาพลิกตัวหนีพยายามปกป้องตัวเอง สิริโสภาจิกหัวรสิกาขึ้นมาตบ รสิกาพยายามปัดป้อง
ลินดาเข้ามาพยายามจะกระชากสิริโสภาเหวี่ยงไป
“นังบ้า ราพณ์มันฆ่าแกแน่ ถ้านังนี่มันตาย”
“ยังไงฉันก็ต้องตายเพราะติดโรคจากลูกชายแกอยู่แล้ว ฉันจะไม่ยอมตายคนเดียว”
ลินดาชะงักไม่เข้าใจ สิริโสภาจะเข้าไปเล่นงานรสิกา แต่ลินดาคว้าตัวไว้
“รามเป็นอะไร”
“จะสนใจทำไม”
“สิริโสภา” ลินดาเขย่าด้วยความโกรธ “รามเป็นอะไร”
สิริโสภาโกรธ ตะคอก
“เอดส์!”
ลินดาตะลึง
“ลูกแกมันเป็นเอดส์ ได้ยินหรือยัง”
รสิกามองลินดาที่อึ้งไป จู่ๆ ลินดาก็กรีดร้อง
“ไม่จริง”
“ไม่เชื่อก็ถามมันสิ” ชี้ไปที่รสิกา”พี่น้องรามทุกคนรู้หมดแล้ว มีแต่แกที่ไม่รู้”
ลินดามองรสิกา
“คุณหญิง...”
รสิกามองลินดาอย่างลำบากใจ
“จริงค่ะ...”
ลินดายิ่งช็อกหนัก ลินดาพูดเบาๆ กับตัวเอง
“ทำไม...”
ลินดาคิดชั่วเสี้ยวนาทีแล้วก็หันมาทางสิริโสภา
“แกใช่ไหม แกเอาเชื้อมาติดลูกฉัน เพราะแกแน่ ๆ นังสกปรก”
ลินดาเข้าทำร้าย สิริโสภาตกใจต้องตั้งรับการอาละวาดของลินดา ที่เข้ามาตบตีด้วยความโกรธ
“แกทำร้ายลูกฉัน นังบ้า”
สิริโสภาสุดทนตบลินดาสุดแรง ผัวะ! ลินดาล้มลงไปตามแรงตบ
“ฉันไม่ได้ทำร้ายราม”
“แกทำให้ลูกฉันติดโรค แกมันสำส่อน สกปรก”
“ฉันสกปรกก็แค่ตัว น้อยกว่าแม่ใจสกปรกอย่างแก”
“นังสิริโสภา”
ราม ราพณ์ รุ้งรายที่ตามมาทันชะงักที่ได้ยินเสียงโวยวายของสิริโสภา
“ลูกแกเป็นบ้า สำส่อน ติดโรคก่อนจะเจอฉัน รามเป็นอย่างนั้นเพราะแก ไม่ใช่ฉัน”
ลินดาอึ้กไป เพราะเป็นความจริง
“ไม่น่าเลย...ฉันไม่น่ายอมทำตามแผนแก เอาตัวเข้าไปจับรามเพื่อแก้แค้นราพณ์ จนฉันต้องติดโรคแบบนี้”
รสิกา รามตะลึงกับสิ่งที่รู้ว่าลินดาเป็นคนวางแผนทั้งหมด
“คุณลินดา...คุณ...”
“ฉัน...ฉัน...”
สิริโสภาเห็นราม ราพณ์ รุ้งราย ก็ตะลึง
“ราม”
ลินดาตกใจที่เห็นรามที่ได้ยินทุกอย่าง
“ราม...”
รามมองลินดาอย่างหัวใจแตกสลาย
“ผมรู้....ว่าสิรักเฮีย รู้ว่าสิใช้ผมเป็นเครื่องมือ...สิไม่รักผม ผมทนได้...แต่ม๊า...ม๊าบอกผมว่าโลกนี้มีแค่ม๊าที่รักผม ผมคิดว่า...ม๊าคนเดียวเท่านั้นที่จะไม่มีวันทรยศผม”
“ราม...ม๊าทำเพื่อราม”
“ผมเป็นแค่เครื่องมือแก้แค้นของม๊างั้นเหรอ ม๊าเคยเห็นผมเป็นลูกบ้างไหม”
“ราม...ม๊ารักรามนะลูก ม๊ารักราม”
รามยืนมองลินดาด้วยความเจ็บปวด ลินดาพยายามจะเข้าไปหาราม แต่รามสะบัดด้วยความเสียใจ ขณะที่ราพณ์เห็นว่าสิริโสภา ราม ลินดากำลังชุลมุนกันอยู่ เขาค่อยๆเข้าไปหารสิกา
“ไปครับคุณหญิง”
ราพณ์จะพารสิกาไป แต่สิริโสภาที่ได้สติเห็นรีบคว้ามีดจากที่พื้น
“ฉันไม่ให้ไป”
ราพณ์กับรสิกาหันมาเห็นสิริโสภาที่กำลังจะเข้ามาแทงรสิกา
“คุณหญิง”
ราพณ์เอาตัวเข้าบังรสิกาไว้ มีดของสิริโสภาแทงเข้าที่ไหล่ราพณ์ ฉึก!
“คุณราพณ์” รสิกาตกใจ
สิริโสภาตะลึง
“ราพณ์ นี่คุณยอมตายแทนมันเหรอ”
“พอได้แล้วสิริโสภา อย่าทำให้ทุกอย่างมันแย่ไปกว่านี้”
“ฉันผิดเหรอที่ฉันจะทวงของฉันคืน ถ้าฉันไม่โดนคุณทรยศ ไม่โดนคุณทิ้งอย่างเลือดเย็น ชีวิตฉันคงไม่เป็นแบบนี้ เพราะคุณ คุณคนเดียว”
สามี ตอนที่ 14 อวสาน (ต่อ)
ราพณ์อึ้งเพราะทุกคำที่สิริโสภาพูดคือความจริง
“ถ้างั้นก็ฆ่าผมเถอะสิ ถ้ามันจะทำให้คุณหายแค้น แต่อย่าทำร้ายคุณหญิง...ผมขอร้อง”
สิริโสภาเจ็บใจ กรีดร้องด้วยความเสียใจ เจ็บปวด เธอวิ่งออกไปรับกับสิ่งที่เกิดขึ้นไม่ได้ รามกับรุ้งรายเข้ามาดูราพณ์
“เฮีย”
“คุณราพณ์”
กันต์กับตำรวจเข้ามา
“ราพณ์ ไหวไหม”
“ไหว...”
ลินดาเข้ามาหาราม
“ราม...ม๊าขอโทษ...”
รามมองลินดาอย่างเสียใจ แล้วหันมาทางราพณ์
“เฮียไปทำแผลก่อนเถอะครับ”
“ต้องรีบตามสิริโสภาไป ก่อนที่สิจะทำอะไรบ้าๆ อีก”
ราพณ์จะไปแต่เจ็บ
“ผมช่วย...”
รามกับรสิกาช่วยกันพาราพณ์ออกไป
“ราม...ฟังม๊าก่อน...ราม...”
รามไม่ยอมมองหน้า ลินดาเสียใจตามไป รุ้งราย กันต์ ตำรวจรีบไป
สิริโสภาวิ่งเข้ามาที่หน้าบ้านพักชะงักที่เห็นตำรวจยืนเฝ้าอยู่ เธอตกใจพยายามมองหาทางหนีทีไล่ แล้วมองไปที่รถที่จอดอยู่ เธอรีรอหาจังหวะที่ตำรวจไม่ได้หันมาสนใจรีบวิ่งไปขึ้นรถแล้วสตาร์ทรถ จะขับรถออกแต่ เห็นรสิกากับรามที่ประคองราพณ์มา รุ้งราย ลินดา กันต์ตามมา
สิริโสภาจับจ้องแต่ราพณ์กับรสิกาที่ดูห่วงใยกันและกัน สิริโสภามองด้วยความแค้น มือที่จับพวงมาลัยบีบแน่น
“ฉันจะไม่แพ้ ไม่แพ้”
สิริโสภาเหยียบคันเร่งจนมิด แล้วขับรถพุ่งเข้าไปหารสิกากับราพณ์ เสียงรถที่กำลังพุ่งเข้ามาทำให้ทุกคนหันไปมอง ต่างพากันตกใจ แต่ก่อนที่ราพณ์จะตั้งสติได้ทัน รามตัดสินใจผลักราพณ์กับรสิกาให้พ้นทาง
ราพณ์กับรสิกาเสียหลักหล่นลงไปที่พื้นข้างถนน ราพณ์กอดรสิกาไว้เพื่อปกป้อง รสิกาทับลงบนตัวราพณ์ รถของลินดาพุ่งเข้าชนรามเต็มแรง ปึ้ง! ร่างของรามถูกแรงชนกระเด็นต่อหน้าต่อตาทุกคน
ลินดาช็อก กรีดร้อง
“ราม”
รุ้งรายตกใจ
“ราม”
สิริโสภาตกใจเหยียบเบรกจมเท้า สิริโสภาเบรกรถได้สำเร็จ
“ราม”
ลินดา รุ้งรายวิ่งเข้าไปหาราม ราพณ์กับรสิกาที่ตั้งหลักได้รีบวิ่งเข้ามาหาราม
“ราม” ราพณ์ตะโกน “ไอ้กันต์”
กันต์ได้สติสั่งลูกน้อง
“เรียกรถพยาบาล เดี๋ยวนี้”
ลูกน้องกันต์วิ่งวุ่นไปที่รถวอ.เรียกรถพยาบาล ลินดาเข้าประคองราม
“ราม...รามอย่าเป็นอะไรนะลูก ม๊ารักรามที่สุดในโลก ม๊ารักราม”
รามมองลินดา
“ม๊า...ผมรักม๊า รักป๊า อาม่า รักเฮีย รักเจ้ รักน้อง รักครอบครัวของเราทุกคน ตั้งแต่เด็กจนโต ผมฝันอยากให้ป๊ารักเรา อยากให้ทุกคนรักผม กอดผม....” รามมองราพณ์กับรุ้งราย “ผมคิดมาตลอดว่าเฮียกับเจ้เกลียดผม ผมเป็นส่วนเกินเป็นน้องที่ทุกคนเกลียด...ทำไมถึงไม่มีใครรักผม”
ลินดาแทบจะขาดใจ
“ม๊าไงราม ม๊ารักรามนะลูก...”
“เราทุกคนรักแกนะราม...” ราพณ์จับมือราม “แกเป็นน้องชายของเฮีย...”
“เจ้รักรามนะ...อย่าเป็นอะไรนะราม...”
รามร้องไห้
“ผมรู้..ว่าม๊ารักป๊ามาก อยากให้ป๊าสนใจเราบ้าง แต่ที่เราทำมันผิด กลับตัวตอนนี้ ยังไม่สาย เฮียจะดูแลม๊ากับผม บนโลกนี้ไม่ได้มีแค่ผมที่รักม๊า”
รามหยิบรูปครอบครัวที่ลินดาฉีก สภาพของรูปถูกต่อเรียบร้อยเป็นภาพที่พยายามจะต่อให้สมบูรณ์แบบที่สุด
“เรามีครอบครัว....นะครับม๊า”
ลินดามองรูปที่รามต่อร้องไห้เหมือนจะขาดใจ รู้ว่าสิ่งที่รามพูดคือสิ่งที่เธอโหยหามาตลอดทั้งชีวิต ...ทั้งความรัก และความสำคัญจากคนในครอบครัว
“ราม...ม๊าขอโทษ...ม๊าผิดเอง...”
รามรู้ตัวว่าเริ่มจะไม่ไหวแล้ว
“เฮีย...ผมฝากม๊า”
“ไม่...ม๊าไม่เอาใครทั้งนั้น รามจะต้องอยู่กับม๊า ดูแลม๊า”
ราพณ์บีบมือรามมองอย่างให้สัญญา
“อดทนไว้นะราม รถพยาบาลกำลังมา แกจะไม่เป็นอะไรแกต้องอยู่ดูแลม๊าแกนะ แกอย่าเป็นอะไรนะราม”
รามหายใจแผ่วเหลือเกิน ที่มือของรามยกขึ้นเหมือนพยายามจะยื่นให้กับใคร ทุกคนมองตามมือของรามเห็นเป็นสิริโสภาที่เดินมาอย่างรู้สึกผิด เธอเข้าไปจับมือรามด้วยความรู้สึกผิด
“ราม...สิขอโทษ คุณอย่าเป็นอะไรนะราม”
รามพูดกับสิริโสภา
“บอกรัก ผมสักครั้งได้ไหม....”
ทุกคนมองสิริโสภา รุ้งรายขอร้องเบาๆ กับสิริโสภา
“คุณสิ...”
สิริโสภาพูดไม่ออกได้แต่ร้องไห้ เพราะไม่เคยรักรามเลย
“พูดสิ..สิริโสภา พูดเถอะ ฉันขอร้อง” ลินดาพยายามขอ
รามจับมือสิริโสภามาแนบอก
“สิ...ผมรู้ว่าคุณรักเฮีย แต่จำไว้ว่า...คุณมีผมที่รักคุณ...”
สิริโสภาสบตากับรามที่ส่งความรู้สึกรักให้เธอเป็นครั้งสุดท้าย รามมองราพณ์
“ผมภูมิใจที่ได้เป็นน้องเฮีย...ขอบคุณ”
รามค่อยๆ หมดแรงจะหลับตาลง
“ไม่นะราม รามจะตายไม่ได้ รามต้องอยู่กับม๊า ได้ยินไหม รามต้องอยู่กับม๊า”
รามหมดคลายมือจากราพณ์ด้วยไร้เรี่ยวแรง พร้อมกับลมหายใจที่ค่อยๆ หมดลง เขาสิ้นลมอย่างสงบ
“รามอย่าทิ้งม๊าไป ราม”
ลินดากรีดร้องหัวใจสลายไม่อาจรับกับเรื่องที่เกิดขึ้น
ราพณ์ รุ้งราย รสิกาช็อคกับการสูญเสีย สิริโสภาเองก็ช็อคกับเรื่องที่เกิดขึ้น
สุสานคริสต์ เช้าวันใหม่ ในวันที่ฝนโปรยปราย...หลุมศพของรามที่ถูกฝังเรียบร้อยแล้ว ทุกคนในครอบครัวต่างวางดอกไม้บนหลุมศพของราม
ลินดานั่งอยู่บนรถเข็นในสภาพสติหลุดไม่อาจรับรู้ใด ๆ เฝ้าคอยลูบดอกไม้ที่วางอยู่บนตัก รังรองกับรุ้งรายประคองให้ลินดาเอาดอกไม้วางบนหลุมศพของราม ลินดาวางดอกไม้ น้ำตาไหลรินอย่างควบคุมตัวเองไม่ได้ บางทีในจิตสำนึกลึกๆ ของลินดารู้ดีว่านี่คือการลาลูกชายเพียงคนเดียว คนที่รักเธออย่างจริงใจที่สุดบนโลกนี้ คนที่เธอทำลายเขาด้วยตัวของเธอเอง
ลินดาร้องไห้ราวจะขาดใจ ทุกคนได้แต่ยืนมองด้วยความเห็นใจ รถตำรวจของกันต์เข้ามาจอด กันต์ลงมาจากรถแล้วเปิดประตูให้สิริโสภาลงมาจากรถ ที่มือของเธอมีกุญแจมือสวมอยู่ มีตำรวจตามมาอีก 2 คน
กันต์พาสิริโสภาเข้ามา รุ้งรายหันไปมอง
“ขอบคุณนะคะพี่กันต์”
“ขอบคุณนะคะที่ให้โอกาสสิได้ลา...เป็นครั้งสุดท้าย”
กันต์มองตำรวจที่ตามมาส่งสัญญาณให้ไขกุญแจมือ ตำรวจไขกุญแจมือให้ สิริโสภารับดอกไม้จากรุ้งราย เดินไปวางดอกไม้
“ถ้าย้อนเวลากลับไปได้...ฉันจะเลือกรักคุณค่ะราม...”
สิริโสภาหันมาหากลุ่มของอาม่า
“สิขอโทษสำหรับทุกอย่างค่ะ”
สิริโสภาเดินกลับไปหากลุ่มตำรวจ กันต์กับตำรวจพาตัวสิริโสภาออกไป ส่วนพยาบาลพาตัวลินดากลับขึ้นมานั่งบนรถเข็น แล้วเข็นพาลินดาออกห่างออกไป
ผู้หญิงสองคนที่มีชีวิตเหมือนกัน และใช้วิธีที่ไม่ถูกต้องจนต้องจบลงด้วยความสูญเสีย...เส้นทางของลินดากับสิริโสภาต่างต้องไปรับผลของการกระทำของตนเอง ทุกคนมองตามอย่างเศร้าใจ
“ผู้หญิงสองคนช่างมีชีวิตที่เหมือนกันจริงๆ อยู่กับคำว่าไม่ได้ ไม่ยอม...ดื้อดึงจนต้องจบลงด้วยไม่สมหวัง จองจำตัวเองด้วยผลของความผิด คนหนึ่งติดคุก อีกคนติดอยู่กับความรู้สึกผิดไปจนวันตาย แต่ที่น่าเสียดายที่สุด คือการที่ทั้งสองคนต้องสูญเสียคนที่รักเขาไปเพราะน้ำมือของตนเอง...น่าเสียดาย...” อาม่าบอกทุกคนอย่างเศร้าๆ
“รินคิดถึงเฮียราม...”
รังรองกอดระรินไว้
“คุณหญิงคะ...แล้วราพณ์”
รสิกาส่ายหน้า อาม่าเป็นคนตอบแทน
“อาราพณ์...คงอยู่ไม่ไกลจากตรงนี้ อาราพณ์หวังไว้มากที่จะทำให้ครอบครัวมีความสุขตามที่สัญญากับอาเรียว...อีคงเสียใจมาก...ให้เวลากับอาราพณ์นะ”
ทุกคนพากันกลับไป บริเวณหลุมศพเงียบเหงาแต่ฝนยังโปรยปรายไม่ขาดสาย ราพณ์มาที่หลุมศพราม นำช่อดอกไม้มาวาง และยืนอยู่เพียงลำพัง เขาเสียใจที่ต้องสูญเสียน้องชายเพียงคนเดียวไปอย่างไม่มีวันกลับ เขารู้สึกว่าสิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมด เป็นความผิดตัวเอง ถ้าไม่ใช่เพราะเขา เรื่องทุกอย่างจะไม่เกิดขึ้น
ทางเดินในศาล...ผู้ประกาศข่าวกำลังรายงานต่อหน้ากล้อง ขณะที่ด้านหลัง เจ้าหน้าที่คุมตัวประสิทธิ์ ชาญชัย ชนพเดินตามทางเดินออกไปจากศาล
“เวลาสิบนาฬิกาของวันนี้ ศาลได้พิจารณาคดีฆาตกรรมเจ้าสัวเรียว ลิ้มวัฒนาถาวรกุล ศาลได้พิจารณาโทษประหารชีวิตจำเลยที่ 1 นายประสิทธิ์ และจำเลยที่ 2 ชาญชัย จำเลยที่ 3 นายชนพ แต่จำเลยทั้งสามให้การรับสารภาพจึงลดโทษเหลือเพียงจำคุกตลอดชีวิต”
รังรองมองชาญชัยในภาพข่าวนิ่งๆ รุ้งรายที่ดูอยู่ด้วยมองรังรองอย่างเป็นห่วง
“เจ้...”
“เจ้เลือกแล้ว และเจ้มั่นใจว่าเจ้เลือกถูกที่สุดในชีวิตแล้ว แม้ว่า..มันจะช้าเกินไป”
รุ้งรายปลอบใจ
“รุ้งเชื่อว่าป๊าจะต้องภูมิใจในตัวเจ้ ป๊าอยากให้เจ้มีความสุข”
“ป๊าจะมีความสุขใช่ไหมรุ้ง...”
“เจ้...”
รุ้งรายเข้ากอดรังรอง
“ค่ะ...เข้มแข็งนะคะเจ้..”
รุ้งรายเช็ดน้ำตาให้ รังรองยิ้ม
“ขอบใจนะรุ้ง...แล้วคุณปฐวีล่ะ เขาช่วยพวกเราไว้มากนะ เขาเป็นยังไงบ้าง”
รุ้งรายคิดถึงปฐวีอย่างเป็นห่วง
ปฐวีโปรยอัฐิของสุรีย์ส่องเพียงลำพังกลางทะเล เมื่อเรือกลับมาที่ฝั่ง ปฐวีชะงักที่เห็นรุ้งรายรออยู่ที่
“คุณโอเคขึ้นหรือยังคะ”
“สุเขาชอบทะเลน่ะครับ...ตอนเด็กๆ รบเร้าให้พ่อพามาบ่อย ๆ”
“สุรีย์ส่องคงมีความสุขที่ได้อยู่ในที่ๆ ตนเองชอบ”
“สุไม่น่าจากไปเร็วขนาดนี้”
“ทุกคนมีวิถีของตัวเองค่ะ สุรีย์ส่องเขาไปตามทางของคนที่ต้องจาก แต่คุณยังต้องเดินบนทางของคนที่ยังต้องอยู่”
“ผมช่วยพ่อ ปกป้องน้องไม่ได้ ไม่รู้ว่าผมยังต้องอยู่เพื่ออะไร”
“ไม่รู้เหมือนกันค่ะ”
สามี ตอนที่ 14 อวสาน (ต่อ)
ปฐวีหันมอง รุ้งรายยิ้ม
“ก็คุณถามปัญหาโลกแตกขนาดนี้ใครจะตอบได้ล่ะคะ ตอนฉันมาเกิดก็ไม่ได้มีช็อตโน้ตจากเง็กเซียนแนบมาว่าให้เกิดมาทำไม ตอนนี้ฉันรู้แค่ฉันช่างโชคดีที่มีชีวิต ได้ตื่นมาเจออาม่า พี่น้อง เพื่อนฝูง
และ...” รุ้งรายมองปฐวี “คนที่ฉันรัก..”
“คุณโชคดีที่ยังมี...”
“แต่ฉันโชคร้ายค่ะ เพราะฉันตามหาคนที่รักฉัน ยังไม่เจอ...เขาหายไปหลายวันแล้ว คุณเห็นเขาบ้างไหมคะ”
“ผู้ชายที่รักษาครอบครัวไว้ไม่ได้ อย่าไปสนใจมันเลยครับ เขาไม่คู่ควร”
“ผู้ชายกวนประสาท ไม่กลัวใคร ใจเด็ด และเป็นคนที่ช่วยปกป้องฉัน ผู้ชายคนนั้นจะคู่ควรหรือไม่ ฉันไม่สนใจ เพราะฉันรู้แค่ว่าฉันรักเขา...ก็พอ”
ปฐวีมองรุ้งรายที่ยืนยันความรู้สึกในหัวใจของตัวเอง รุ้งรายจับมือเขาไว้
“คุณว่า ถ้าฉันขออยู่เคียงข้างเขาตลอดไป เขาจะยอมไหมคะ”
ปฐวีมองนิ่งทิ้งเวลาสักนิดจนรุ้งคิดว่าจะโดนปฏิเสธ
“.....ผมคิดว่า...เขายอมตั้งแต่เห็นคุณมายืนแล้วล่ะครับ รุ้งครับ....สำหรับผมมันยาก..ที่ผมจะผ่านช่วงเวลานี้ไปได้”
“ไม่เป็นไรค่ะ ถ้าคุณรักฉัน ฉันพร้อมจะรอ...เราจะผ่านช่วงเวลานี้ไปด้วยกัน”
ปฐวีมองอย่างตัดสินใจ
“ผมรักคุณ”
รุ้งรายยิ้มแล้วเข้ากอด ปฐวีกอดตอบด้วยความรู้สึกอุ่นใจ
แหวววิ่งถึงถาดสารพัดของเปรี้ยวเข้ามาในห้องรับแขก
“มาแล้วค่าคุณหญิง มะขาม มะยม มะม่วงหาว มะนาวโห่ฮิ้วมาแล้วค่า”
รสิการับมากินด้วยอาการเปรี้ยวปาก แม่นมกับแหววมองอย่างเข็ดฟันแทน
“เห็นแบบนี้แล้วคิดถึงตอนที่หม่อมแพ้ท้องคุณหญิง ท่านชายคอยดูแลใกล้ชิดตลอดไม่ให้คลาดสายตาเลย” แม่นมบอก
“นี่ถ้าคุณราพณ์อยู่คงบำรุงไม่ยั้งเลยล่ะค่ะ” แหววบอก
รสิกาหน้าเสียไปนิดที่คิดถึงราพณ์ แม่นมกับแหววเห็นก็ชะงักไป
“พูดไม่รู้จักคิด” แม่นมหยิกแหวว
“โอ้ยๆ แหววไม่ได้ตั้งใจนี่คะ คุณนม”
“ห้องรับแขกเหรอครับอาม่า”
รัตนาวลีเดินตามพระลบที่วิ่งนำหน้าเข้ามา
“พระลบ อย่าวิ่งลูก...”
พระลบโผเข้ามากอด รสิกากอดตอบ
“ยังไม่นอนอีกเหรอครับ พระลบ”
“งอแงไม่ยอมนอน แม่อ่านนิทานเป็นสิบเรื่องแล้วก็ไม่ยอมนอน” รัตนาวลีบ่น
พระลบอ้อน
“พระลบนอนไม่หลับครับ พระลบคิดถึงปะป๊า...”
รสิกานิ่งไป รัตนาวลีมองอาการรสิกาแล้วหันไปสั่งแหวว
“แหวว...พาคุณพระลบไปนอนไป”
แหววรีบพาพระลบออกไป รัตนาวลีมองรสิกา
“ไม่คิดจะไปตามคุณราพณ์กลับมาเหรอลูก”
“อ้ายรู้ว่าเขาเสียใจมาก เขาต้องเสียพ่อ เสียน้อง อ้ายอยากจะช่วยเขา แต่อ้ายไม่รู้จะทำยังไงดีค่ะหม่อมแม่ ขนาดเขาที่เก่งและเข้มแข็งกว่าอ้ายยังรับไม่ไหว แล้วอ้ายจะช่วยเขาได้เหรอคะ”
“ต้นไม้ใหญ่จะเติบโตได้เพราะดิน แสงแดด แต่ต่อให้ยืนต้นมั่นคงแค่ไหนก็เหี่ยวแห้งตายได้ถ้าขาดน้ำเลี้ยงให้ชุ่มชื่น น้ำที่จะคลายความร้อนจนทำให้เกิดความสมดุล น้ำหนึ่งหยดเหมือนหนึ่งกำลังใจจากคนที่เขารัก...ที่จะช่วยให้เขาลุกขึ้นสู้ต่อไปได้ คุณราพณ์ไม่ได้ต้องการสิ่งที่ยิ่งใหญ่แต่ต้องการคนเข้าใจ...อ้ายทำได้ไหมลูก”
รสิกาเข้าใจ
“ขอบคุณค่ะหม่อมแม่ อ้ายรู้แล้วจะทำยังไง”
รัตนาวลียิ้ม
“คุณหญิงรู้เหรอคะว่าคุณราพณ์อยู่ที่ไหน”
“คุณราพณ์ติดต่อเรื่องงานกับคุณรุ้งตลอดค่ะ” รสิกายิ้ม “อ้ายจะพาเขากลับมาค่ะ”
รัตนาวลีกับแม่นมมองอย่างพอใจ
ราพณ์ยืนอยู่ด้านล่างหาดทรายมองโขดหินที่ถูกคลื่นซัด เขายืนนิ่งพร้อมกับความรู้สึกผิด ความเสียใจซัดสาดใส่จิตใจที่ไม่ยอมให้อภัยตัวเอง
‘ฉันผิดเหรอที่ฉันจะทวงของฉันเหรอ ถ้าฉันไม่โดนคุณทรยศ ไม่โดนคุณทิ้งอย่างเลือดเย็น ชีวิตฉันคงไม่เป็นแบบนี้ เพราะคุณ คุณคนเดียว’
คำพูดสิริโสภา ก้องอยู่ในหัว ราพณ์มือกำแน่นด้วยความรู้สึกเสียใจ มือของรสิกาขยับเข้ามาจับไว้เบาๆ ราพณ์ตกใจนิด ๆ หันมาแปลกใจที่เห็นรสิกา
“คุณหญิง..”
“ฉันคิดถึงคุณ อยากให้คุณกลับบ้าน..นะคะ”
“ผมไม่รู้จะสู้หน้าทุกคนในครอบครัวได้ยังไง เพราะผมทำให้ทุกคนต้องเสียใจ ผมบอกป๊า บอกพี่น้องทุกคนว่าจะทำให้รามกลับมาเป็นน้องชาย แต่ผมกลับทำให้รามต้องตาย”
“คุณรามภูมิใจในตัวเฮียของเขามาก เฮียที่ทำงานอย่างหนักเพื่อความสุขสบายของทุกคน เฮียที่คอยดูแลและแก้ปัญหาให้ทุกคนในครอบครัวด้วยความรัก ทุกคนรู้ค่ะว่าคุณพยายามทำดีที่สุดแล้ว คุณคือหัวหน้าครอบครัวที่ทุกคนภูมิใจ”
“แต่ผมคงไม่ใช่สามีที่คุณหญิงจะภูมิใจ ผู้ชายเห็นแก่ตัวอย่างผมไม่สมควรจะเป็นสามีใคร”
“สามี ภรรยาเป็นเรื่องระหว่างคนสองคน และสำหรับฉันคุณคือ...สามี”
ราพณ์มองรสิกาอึ้งๆ รสิกายื่นมือไปข้างหน้าราพณ์
“แต่ฉันยังไม่ได้ทำหน้าที่ภรรยาที่ดีของคุณเลย คุณสู้ทำทุกอย่างเพื่อให้ฉันรักแล้วอย่าลากันไปง่ายๆ แบบนี้สิคะ คุณราพณ์...ฉันขอโอกาสให้เราได้เริ่มต้นใหม่กันอีกครั้งได้ไหมคะ”
ราพณ์รู้แต่ยังอยากได้ยิน
“ทำไมล่ะครับ”
รสิกายิ้ม
“เพราะฉันรักคุณ...”
ราพณ์วางมือบนมือรสิกาแล้วดึงตัวรสิกามากอด
“ขอบคุณนะครับคุณหญิง”
ขณะที่ราพณ์กอดจะหอมรสิกา ราพณ์รู้สึกเหม็นจนเกิดอาการคลื่นไส้ ราพณ์ถอยห่างจากรสิกาไปหาอาเจียนแทบจะหมดไส้หมดพุง รสิกาเข้ามาช่วยลูบหลังแต่ราพณ์กลับยิ่งอาเจียนหนัก รสิกาเป็นห่วงจนทำอะไรไม่ถูก
สามี ตอนที่ 14 อวสาน (ต่อ)
รสิกาพยายามประคองราพณ์เข้ามาในบ้าน แต่พอเข้ามาในบ้านได้ ราพณ์ก็คลื่นไส้วิ่งเข้าไปอาเจียนในห้องน้ำ ครู่ใหญ่ราพณ์เดินออกมาอย่างอ่อนเพลียมาก เขาทิ้งตัวลงนอนบนโซฟาอย่างหมดสภาพ
“คุณเป็นอะไร ทำไมถึงได้อาเจียนขนาดนั้น”
รสิกาจะเข้าไปหาราพณ์ แต่พอขยับเข้าใกล้
“คุณหญิง อย่าเข้ามาครับ”
รสิกาชะงัก
“ทำไมล่ะคะ”
“เอ่อ..ผมขอร้อง อย่าเข้ามานะครับ”
รสิกาอึ้งไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น รสิกายืนมองอย่างกังวลว่าราพณ์เป็นอะไร
รสิกาเดินออกมาคุยโทรศัพท์กับรัตนวลีที่ระเบียง
“อ้ายเจอคุณราพณ์แล้วค่ะหม่อมแม่”
รัตนาวลีคุยโทรศัพท์ อาม่า แม่นม แหววคอยฟังอย่างใจจดจ่อ
“แล้วคุณราพณ์ว่ายังไงบ้าง”
“ทุกอย่างโอเคแล้วค่ะ อ้ายจะรีบพาคุณราพณ์กลับไปนะคะ”
ราพณ์เดินมึนออกมาด้านนอก
“คุณหญิง...”
“ดีขึ้นไหมคะ”
“ผมปวดหัว...”
“เดี๋ยวอ้ายเอายาให้นะคะ หม่อมแม่คะ คุณราพณ์ไม่ค่อยสบาย อ้ายขอวางสายก่อนนะคะ”
“จ๊ะ...ดูแลตัวเองด้วยนะ”
รัตนาวลีกดวางสาย
“อาคุณหญิงอีว่ายังไงบ้าง”
“น่าจะดีขึ้นแล้วค่ะ”
“แล้วจะกลับมาเมื่อไหร่คะ” แม่นมถาม
“เห็นว่าคุณราพณ์ไม่สบายน่ะค่ะ”
“โห..แล้วจะดูแลกันไปเหรอคะ คนหนึ่งป่วย อีกคนก็ท้อง”
อาม่าชะงักหันมองแหวว
“อาแหวว...อาคุณหญิงอีท้องเหรอ”
แหววรู้ว่าหลุดปาก
“ค่ะ”
อาม่าดีใจ
“นี่อั๊วกำลังจะมีหลาน อาคุณนม เรากำลังจะมีหลาน”
แม่นมยิ้มๆ มองอาม่าที่ดีใจมาก แหววมองรัตนาวลีอย่างจ๋อยๆ
ราพณ์นอนบนโซฟาสภาพไม่มีแรงมาก รสิกาถือชามข้าวต้มเข้ามาแต่นั่งอยู่ห่าง ๆ
“ทานข้าวต้มหน่อยนะคะ จะได้ทานยา นะคะ...”
ราพณ์มองสายตาอ้อนวอนของรสิกา ราพณ์ตัดสินใจลุกขึ้นมาแต่พอตักข้าวต้มจะทาน อาการเหม็นก็ยิ่งกำเริบ ราพณ์พุ่งออกไปอาเจียน รสิกามองอย่างกังวล
ราพณ์นอนซม รสิกาเช็ดตัว นั่งเฝ้าราพณ์ทั้งคืนด้วยความเป็นห่วง
ราพณ์ขยับตัวตื่นอย่างอ่อนเพลีย เขาขยับมองเห็นรสิกาที่นั่งฟุบหลับอยู่ที่โซฟาอีกตัว ราพณ์ขยับลุกไปยืนมอง ขยับจะเข้าไปหอม แต่พอเข้าไปใกล้อาการคลื่นไส้ก็กลับมาอีก ราพณ์รีบเข้าไปอาเจียน
รสิการู้สึกตัวหลังจากได้ยินเสียงอาเจียน เธอจะลุกเข้าไปหาราพณ์
“อ้าย...”
รสิกาชะงักหันมาเห็นรัตนาวลี
“หม่อมแม่ มาพอดีเลยค่ะ คุณราพณ์...”
“คุณราพณ์เป็นอะไรเหรอลูก”
ราพณ์เดินออกมาสภาพโซซัดโซเซมาก ราพณ์แปลกใจที่เห็นรัตนาวลี
“สวัสดีครับหม่อม”
“ป่วยเป็นอะไรเหรอคะคุณราพณ์”
ราพณ์ทิ้งตัวลงนั่งหมดแรง
“มันเวียนหัวน่ะครับ เหมือนโลกมันหมุนจนยืนไม่อยู่ สงสัยจะน้ำในหูไม่เท่ากัน”
“คุณราพณ์อาเจียนจนอ้ายใจไม่ดีเลยค่ะ ไปหาหมอไหมคะ”
“ขอผมนอนอีกสักพักนะ”
รสิกามองด้วยความเป็นห่วง
“ทานอะไรหรือยังอ้าย แม่ซื้อของกินมาให้ด้วยนะ”
“แม่มีของเปรี้ยวๆ ไหมคะ...อ้ายอยากกิน”
รัตนาวลียิ้ม
“มีสิจ๊ะ”
ครู่หนึ่งจานมะม่วง มะยม มะขาม ตะลิงปลิง วางอยู่เต็ม ราพณ์ที่ลืมตามองเห็นจานรวมของเปรี้ยวตรงหน้า เขามองไม่วางตาแล้วขยับลงมานั่งมองโดยที่รสิกากับรัตนาวลีไม่ทันสังเกต
“ครบทุกอย่างเลยจ๊ะ”
รสิกามองน้ำลายสอมาก รสิกาจะหยิบแต่ช้ากว่าราพณ์ที่หยิบๆ กินแบบเมามันส์มาก จนรสิกาที่นั่งกัดมะม่วงมองเหวอ ๆ
“อร่อยมากเลยครับหม่อม”
รัตนาวลีกับรสิกามองหน้ากัน แล้วมองราพณ์ที่กินๆ เหมือนอดอยาก พอรู้สึกตัวว่าโดนมองอยู่ก็รีบยื่นจานคืนให้แต่ในจานเหลืออยู่ไม่กี่ชิ้น
“อร่อยก็ทานให้หมดเลยค่ะ ฉันเอาอันใหม่ให้อ้ายก็ได้ค่ะ”
“ครับ...” ราพย์กินเลย
“คุณหายปวดหัวแล้วเหรอคะ”
“พอได้กินแล้วรู้สึกดีขึ้นมากเลยครับ”
รสิกาห่วง
“ไปหาหมอเถอะค่ะ ตรวจให้รู้ดีกว่าว่าเป็นอะไร”
รัตนาวลีมองจานของเปรี้ยว มองราพณ์ ประมวลทุกอย่างอย่างเข้าใจแล้วยิ้มขำ
“ไม่ต้องไปหรอกจ๊ะ คุณราพณ์ไม่ได้ป่วยหรอก”
ราพณ์กับรสิกาหันมองรัตนาวลี
“แค่...แพ้ท้องแทนเมียน่ะ ไม่นานก็หาย”
ราพณ์กับรสิกาอึ้ง
“ท้อง....” ราพณ์หันมองรสิกา “นี่คุณหญิงท้องเหรอครับ”
“ค่ะ ตอนนี้คุณไม่ใช่แค่สามีนะคะ คุณกำลังจะเป็นพ่อคนแล้วด้วย”
ราพณ์ดีใจมาก
“ผมกำลังจะเป็นพ่อคน ผมจะมีลูก”
ราพณ์เข้ากอดรสิกาดีใจจนลืมทุกข์ลืมทุกสิ่งทุกอย่าง
“ผม...อุ๊บ...” แต่แล้วก็คลื่นไส้ ราพณ์กลั้นไม่ไหวรีบวิ่งเข้าไปในห้องน้ำแล้วอาเจียนเต็มที่
รสิกามองตามอย่างสงสาร
“คุณราพณ์ต้องรับภาระหน้าที่ ต้องเป็นสามีที่เข้มแข็ง แต่ให้แกร่งยังไงก็ต้องการกำลังใจจากภรรยาคนที่รักและเข้าใจ ที่จะคอยช่วยแบ่งเบา...วันนี้อ้ายเข้าใจแล้วใช่ไหมลูกว่าอ้ายจะช่วยคุณราพณ์ได้ยังไง”
“ค่ะหม่อมแม่...อ้ายจะอยู่เคียงข้างเขา เป็นภรรยาที่ดีของเขาให้สมกับที่เป็นคู่ชีวิต”
รัตนาวลีกอดรสิกายิ้มอย่างยินดี
ราพณ์ยืนอยู่บนโขดหินเพียงลำพังรอพระอาทิตย์ขึ้นยามเช้า
“คุณราพณ์คะ”
ราพณ์หันมาเห็นรสิกากำลังพยายามเดินขึ้นมาบนโขดหิน
ราพณ์ตกใจ
“คุณหญิง อย่าขึ้นมาครับ ตอนนี้คุณต้องระวังนะครับ มันอันตราย”
รสิกายื่นมือ ราพณ์มองยังไม่ทันถาม รสิกาก็พูดขึ้นมาก่อน
“ตั้งแต่ท่านพ่อเสีย อ้ายต้องดูแลทุกคนในวังเพียงลำพังมาตลอด อ้ายไม่เคยกลัวถ้าปลายทางมันคือความสุขของทุกคน วันนี้ปลายทางของอ้ายคือคุณ คือครอบครัวของเรา อ้ายไม่กลัวความยากลำบากแลกกับการที่จะได้ขึ้นไปยืนอยู่กับคุณบนนั้น แต่ถ้าคุณไม่อยากให้อ้ายต้องขึ้นไปตามลำพัง คุณสามีก็พาอ้ายขึ้นไปสิคะ”
“คุณมั่นใจในตัวผม”
รสิกาหนักแน่น
“ค่ะ...”
ราพณ์ยิ้มแล้วจับมือรสิกา พารสิกาขึ้นมาบนโขดหินอย่างระมัดระวัง รสิกายิ้มให้
“วันนี้อ้ายไม่ใส่น้ำหอมนะคะ”
“ถ้าผมยังเหม็นอีกคงเป็นอาการเบื่อเมียแล้วล่ะครับ”
รสิกางอนๆ
“กล้าเบื่อเหรอคะ...”
ราพณ์ยิ้ม
“ถ้าเบื่อหมายถึงการหมดรักล่ะก็ ผมแน่ใจว่าผมจะไม่มีวันเบื่อคุณเลย”
รสิกากอดราพณ์อย่างปลื้มๆ
“อ้ายคงเป็นผู้หญิงที่โชคดี ที่ได้พบสามีที่รักอ้าย...และอ้ายก็รักเขา”
“ผมเคยคิดว่าการเป็นสามี คือการได้แต่งงานกับใครสักคนที่ผมรัก แต่วันนี้ผมรู้แล้วว่าหน้าที่ของ สามีคือ ผู้นำครอบครัวที่ภรรยาและสมาชิกในครอบครัวจะฝากชีวิตไว้ได้ การดูแลชีวิตของทุกคนในครอบครัว ทั้งทุกข์และสุข มันไม่ง่ายเลย...บทพิสูจน์ของการเป็นสามีของผู้หญิงที่ผมรักมันช่าง...ยาก...”
“แต่คุณก็พิสูจน์ตัวเองให้อ้ายเห็น คุณทำให้อ้ายภูมิใจ...”
รสิกาจับมือของราพณ์ขึ้นมาแล้วเอามืออีกข้างวางลงบนมือราพณ์
“อ้ายฝากชีวิตไว้ในมือคุณแล้วนะคะ”
ราพณ์ยิ้ม รสิกามองไปทางทะเลเห็นพระอาทิตย์กำลังจะขึ้น
“พระอาทิตย์กำลังจะขึ้นแล้วค่ะ...”
ราพณ์กอดรสิกาจากด้านหลัง
“ผมจะดูแลคุณและลูกให้ดีที่สุด ผมสัญญา”
รสิกายิ้มปล่อยให้ราพณ์กอด ทั้งคู่เฝ้ามองพระอาทิตย์ที่ส่องแสงสว่างเหมือนชีวิตคู่ของทั้งคู่ที่จะเริ่มใหม่อีกครั้งด้วยความอบอุ่น ตลอดไป
ความสุขของครอบครัวลิ้มวัฒนาถาวรกุลกลับมาอีกครั้ง รังรองกับรุ้งรายช่วยกันทำงานอย่างมีความสุข
รัตนาวลี อาม่า แม่นม มีระรินกับพระลบอยู่คุยเป็นเพื่อน ระรินนวดอาม่า พระลบนวดรัตนาวลียิ้มๆ
ทุกคนในครอบครัวถ่ายรูปร่วมกันพร้อมหน้า ราพณ์กับรสิกายืนอยู่กลางอย่างเป็นผู้นำครอบครัว มือราพณ์จับมือรสิกาไว้ ทั้งสองยิ้มอย่างภูมิใจ
จบบริบูรณ์