จ้าวพายุ ตอนที่ 14
ขณะที่ฟ้าใสลงแท็กซี่ เดินมาถึงหน้าโรงแรมเรโทรเพลสของบรรเจิด เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น หน้าจอเป็นชื่อศุวิล ฟ้าใสลังเลจะรับสายดีมั้ยในใจยังคิดน้อยใจ งอนเขาอยู่ รู้สึกว่าถ้าศุวิลยังไม่แน่ใจ ตนเองก็ไม่อยากอยู่ใกล้ศุวิล ไม่อยากถลำลึก
ฟ้าใสลังเลอยู่ครู่หนึ่งในที่สุดก็ตัดสินใจรับ
“ว่าไงคุณ”
ศุวิลอยู่ออฟฟิศกำลังเปิดดูงานในโน้ตบุ๊ค พร้อมกับคุยโทรศัพท์กับฟ้าใสไปด้วย
“กลางวันนี้ว่างหรือเปล่า? ผมว่าจะไปหาอะไรกินร้านใกล้ๆ โรงเรียนคุณ ออกมาทานข้าวด้วยกันมั้ย”
“ตอนนี้ชั้นอยู่โรงแรมอาบรรเจิดน่ะ”
“อ้าวเหรอ....งั้นวันพรุ่งนี้ว่างมั้ย ผมอยากกินหมูนุ่มร้านนั้นที่เราเคยไปนั่งกินกันอ่ะ ไปด้วยกันปะ”
“ไปไม่ได้หรอก ช่วงนี้ชั้นงานยุ่ง ขอโทษนะ”
ฟ้าใสตัดสายไปเลย ศุวิลงงๆ ว่าฟ้าใสเป็นอะไร ทำตัวแปลกๆ เหมือนพยายามหลบหน้าเขาอีกแล้ว
ส่วนฟ้าใสมองโทรศัพท์แล้วทอดถอนใจ ก่อนจะตัดใจเดินเข้าไปในโรงแรมเพื่อไปคุยกับบรรเจิดเรื่องแก้วตา
ที่โรงแรมของบรรเจิดยามนี้ เห็นบรรดาคนงานหลายคนกำลังตระเตรียมจัดงานเปิดโรงแรมกันคึกคักวุ่นวาย
บรรเจิดมองดูบรรยากาศรอบตัวเศร้าๆ คิดถึงแก้วตา เขาสร้างโรงแรมนี้ขึ้นมาเพราะแก้วตา ตั้งใจจะแต่งงานเมื่อโรงแรมเปิด แต่วันนี้ไม่มีแก้วตาแล้ว ในใจบรรเจิดเสียใจที่ทั้งเดชและแก้วตาทรยศตนเอง
เสียงฟ้าใสปลุกบรรเจิดจากภวัง “คุณอาคะ”
บรรเจิดหันไปตามเสียง เห็นฟ้าใสเดินเข้ามา เขายิ้มเศร้าๆ ให้
“ฟ้า มาดูเวทีที่จะขึ้นแสดงเหรอ ยังไงงานเปิดโรงแรมของอาพรุ่งนี้ อาฝากฟ้าด้วยนะ เล่นให้เต็มที่”
“ฟ้ามีเรื่องจะคุยด้วยค่ะ”
ฟ้าใสนั่งคุยอยู่กับบรรเจิดในห้องทำงาน
“ตกลงฟ้ามีเรื่องอะไรจะคุยกับอา”
ฟ้าใสมองบรรเจิด ตั้งใจจะมาเตือนเรื่องแก้วตา แม้ใจหนึ่งจะกลัวบรรเจิดเสียใจ แต่เธอก็ไม่อยากให้อาเธอถูกหลอก
“ฟ้าจะคุยกับอาเรื่องแก้วค่ะ” บรรเจิดชะงัก “อาคะ บางทีแก้วเค้าอาจจะไม่ใช่อย่างที่เราเห็นก็ได้นะคะ”
บรรเจิดอึ้งหนัก แค่พูดชื่อแก้วตาขึ้นมา เขาก็เจ็บปวดแล้ว พอนึกถึงเรื่องที่แก้วตามีอะไรกับเดช จึงตัดสินใจบอกฟ้าใสไปเลย
“อาเลิกกับแก้วเค้าแล้ว”
ฟ้าใสอึ้ง งง
“อะไรนะคะ”
“อากับแก้วตาเลิกกันแล้ว”
ฟ้าใสงง บรรเจิดเลิกกับแก้วตาแล้ว เพราะอะไรกัน?
“ทำไมล่ะคะคุณอา”
บรรเจิดนึกถึงภาพเดชกับแก้วตา รู้สึกเจ็บปวดที่ถูกคนที่รักสองคนหักหลัง
“เรื่องบางเรื่อง ถ้าพูดถึงมันแล้วรู้สึกเจ็บ อาว่าอย่าพูดถึงมันดีกว่า”
ฟ้าใสพยักหน้า ไม่กล้าซักถามต่อ บรรเจิดยิ้มเศร้าๆ ให้
“ตอนนี้อาก็เหลือแต่โรงแรมนี้แหละฟ้า”
ฟ้าใสสงสัยว่าเกิดอะไรขึ้นระหว่างแก้วตากับบรรเจิด
ทางด้านแก้วตาเดินไปหยิบบิลค่าโทรศัพท์จากตู้รับจดหมายหน้าบ้าน แล้วเดินกลับเข้ามาในบ้าน วางบิลค่าโทรศัพท์ลงบนโต๊ะ รวมกับบิลค่าไฟ ค่าอินเตอร์เน็ต ค่าน้ำวางกองๆ อยู่ด้วย แก้วตามองบิลทั้งหมดที่ยังไม่ได้จ่ายเงินเครียดๆ แล้วหยิบกระเป๋าเงินขึ้นมาเปิดดู มีเงินอยู่แค่ 300 บาท
แก้วตาเครียด กุมขมับ จะหาเงินที่ไหนมาจ่ายค่าใช้จ่ายพวกนี้ เพราะปกติได้เงินมาจากบรรเจิด
อรทัยบุกมาหาฟ้าใสที่โรงเรียน ฟ้าใสลุกพรวดขึ้น หน้าตาตกใจ พยายามบ่ายเบี่ยง
“ฟ้าไม่รู้หรอกค่ะว่าบ้านแก้วอยู่ไหน ทำไมอยู่ๆ อาอรถึงมาถามถึงแก้วล่ะคะ”
อรทัยลุกตาม ดึงฟ้าใสกลับมามองหน้า
“ฟ้า แก้วตาเป็นเมียน้อยคุณบรรเจิดใช่ไหม?”
ฟ้าใสตกใจ อึกอัก
“เอ่อ..คือ...”
อรทัยโมโหปนน้อยใจ “ทำไมทำท่าอย่างนั้น? นี่ฟ้ารู้มาตลอดเหรอ? ทำไมฟ้าถึงปิดอา! อาไม่ดีกับฟ้าตรงไหน...ฟ้ารู้แล้วทำไมถึงไม่รีบบอกอา”
“ฟ้าขอโทษค่ะ”
อรทัยรุก คาดคั้น “มันอยู่ที่ไหนฟ้า? มันอยู่ที่ไหน”
“อาอรไม่ต้องตามหาหรอกค่ะ เค้าเลิกกับอาบรรเจิดแล้ว”
อรทัยชะงัก “จริงเหรอฟ้า”
“จริงค่ะ...ฟ้าเพิ่งไปหาอาบรรเจิดมา ท่าทางอาเค้าก็เสียใจ...อาบรรเจิดเค้าคงคิดได้แล้วว่าเมียน้อยของเค้า ไม่ใช่คนดีอย่างที่เค้าคิด....อาอรคะ ฟ้าว่า อาบรรเจิดคงจะกลับมาหาอาอร”
อรทัยคิดๆ อ่อนลง
“เค้าจะกลับมาเหรอฟ้า...เค้าโกรธอาซะขนาดนั้น”
“อาอรคะ ฟ้าขอพูดอะไรหน่อยนะคะ ถ้าอาบรรเจิดเค้ากลับมา ฟ้าอยากให้อาอรกับอาบรรเจิดค่อยๆ พูดค่อยๆ จากัน...ยอมอ่อนข้อให้กับอาบรรเจิดบ้าง” อรทัยครุ่นคิด “เหมือนอาอรกับลม ที่เมื่อก่อนต่างคนต่างไม่ยอม ก็เกิดแต่เรื่องวุ่นวาย พอตอนนี้ยอมถอยคนละก้าว ทุกอย่างก็ดีขึ้นไม่ใช่เหรอคะ”
อรทัยคิดใคร่ครวญ พิจารณาเรื่องตนเองกับลม ที่ตอนนี้ตนเองไม่ได้ราวีลมแล้ว สถานการณ์ก็ดีขึ้นจริง ถ้าตนยอมลงให้บรรเจิดบ้าง ชีวิตคู่คงไม่ผิดพลาดเหมือนที่ผ่านมา
“ขอบใจฟ้ามากนะที่เตือนอา”
ฟากสุธาวีเดินจับมือกับปิ่นมณีอยู่ที่สวนสวย สองคนท่าทางชื่นมื่น มีความสุข
“คุณรู้ไหมคะ ถ้าเป็นเมื่อก่อน ใครชวนชั้นมาเดินเล่นแบบนี้ ไม่มีทางที่ชั้นจะมา..เพราะชั้นคิดว่ามันคงน่าเบื่อ แต่ตอนนี้ชั้นรู้แล้ว ว่ามันไม่ใช่”
สองคนเดินมาหยุดที่ม้านั่ง ลงนั่งด้วยกัน
“ถ้าเป็นเมื่อก่อน ผมคงพาคุณไปกินอาหารหรูๆ ปิดทั้งร้านเพื่อคุณ..หรือไม่ก็พาไปขึ้นเฮลิคอปเตอร์..แล้วพาคุณไปในที่ๆคุณต้องการ” ปิ่นมณียิ้มชื่น “เพราะวันนี้ เป็นวันที่พิเศษจริงๆ” คราวนี้ปิ่นมณีชะงัก ประหลาดใจ “แต่ตอนนี้ ผมมีเท่านี้”
พลางสุธาวีล้วงกล่องแหวนเพชรขึ้นมา ปิ่นมณีชะงัก สุธาวีเปิดกล่องแหวนเพชร เห็นมีแหวนเพชรวงเล็กๆน่ารัก ปิ่นมณีอึ้งๆ
“ถึงมันจะเป็นแหวนวงเล็กๆ แต่ผมซื้อด้วยเงินที่ผมทำงานหามาได้เอง”
“คุณวี...นี่คุณหมายความว่า...”
สุธาวียิ้ม “แต่งงานกับผมนะปิ่น”
ปิ่นมณีอึ้ง
“คุณวี...”
ปิ่นมณีไม่อยากจะเชื่อ น้ำตาคลอ
“คุณวีคะ ชั้นดีใจนะคะที่คุณขอชั้นแต่งงาน...แต่ว่า..” สุธาวีชะงัก “แม่ของคุณ…”
“ผมไม่สนอะไรทั้งนั้นปิ่น...แม่ไม่ยอมรับคุณ ก็เป็นเรื่องของแม่” สุธาวีอึ้ง ชะงักงันไปนิดหนึ่ง “แต่ถ้าการแต่งงานของเรา จะทำให้แม่กดดันผม ไล่ผมออกจากเดอะกลอรี่...คุณจะยัง...”
ปิ่นมณีแทรกขึ้น “เรื่องนั้นไม่สำคัญหรอกค่ะคุณวี...แต่ว่า...” ปิ่นมณีนิ่งไป ไม่แน่ใจ เธอจะคู่ควรกับสุธาวีถึงขั้นแต่งงานกับเค้าเลยหรือ
“แต่ว่าอะไรเหรอปิ่น”
ปิ่นมณียิ้ม “คุณวีคะ เรื่องแต่งงานไม่ใช่เรื่องเล่นๆนะคะ..คุณจะแต่งงานกับผู้หญิงที่...” หล่อนจะพูดคำว่าขายตัว..แต่พูดไม่ออก
สุธาวีมองตาปิ่นมณี พูดแน่วนิ่ง จริงจัง “คุณจะเป็นอะไรมาก่อนก็ช่าง...แต่คุณเป็นผู้หญิงที่ผมรัก”
ปิ่นมณีน้ำตาร่วง ยิ้มชื่นใจ มองสุธาวี
“ชั้นไม่รู้จะพูดยังไงดี...”
สุธาวียิ้ม “ก็ตอบตกลงสิ”
ปิ่นมณีโผกอดสุธาวี
“ขอบคุณนะคะ..ในชีวิตชั้น ชั้นเคยได้รับโอกาสดีๆหลายต่อหลายครั้ง... แต่ครั้งนี้มันดีที่สุด...ขอบคุณสำหรับทุกสิ่งทุกอย่างนะคะคุณวี...”
สุธาวีกอดปิ่นมณีไว้แน่น จะไม่ยอมให้คนที่เขารักหลุดลอยไปอีก
เช้าวันนี้ งานเปิดตัวโรงแรมเจ้าเรโทรเพลสของบรรเจิดได้เริ่มขึ้นแล้ว มีนักข่าวสายเศรษฐกิจ ไฮโซ อยู่ด้วยจำนวนหนึ่งพากันถ่ายรูปเก็บบรรยากาศงาน ส่วนบนเวทีพิธีกรสาวสวยมาดดูดี ยืนพูดอยู่
“ตอนนี้ขอเชิญคุณบรรเจิด เจ้าของเรโทรเพลสขึ้นมาแนะนำเรโทรเพลสกับเราสักเล็กน้อยนะคะ”
แขกเหรื่อปรบมือ บรรเจิดขึ้นไปบนเวที แขกทุกคนจ้องมองมาที่บรรเจิด นักข่าวถ่ายรูป
“ก่อนอื่นผมคงต้องขอขอบคุณทุกท่าน ที่ให้เกียรติมางานเปิดตัวเรโทรเพลส ในวันนี้ ผมหวังว่าเรโทรเพลสของเรา จะมอบประสบการณ์พิเศษ สร้างความประทับใจให้ทุกท่านได้ ขอให้ทุกท่านสนุกสนานกันเต็มที่นะครับ”
ทุกคนปรบมือ บรรเจิดยิ้ม ฟ้าใสแต่งตัวเก๋ๆ สีไวโอลินออกมา ท่วงทำนองเพลงร่าเริงสดใส บรรเจิดเดินลงเวทีไป
ฟ้าใสโดดเด่นอยู่บนเวที ท่ามกลางสายตาของแขกเหรื่อหลายคนที่มองด้วยความชื่นชม
ที่มุมหนึ่งด้านล่างเวที ศุวิลเดินเข้ามาในงาน หยุดและยืนมองฟ้าใสอย่างชื่นชม ฟ้าใสเห็นศุวิลก็ชะงัก แปลกใจว่าเขามาที่นี่ได้ยังไง แต่ก็สีไวโอลินต่อ
ศุวิลมองฟ้าใสเหมือนตกอยู่ในภวังค์
ด้านอรทัยแต่งตัวอยู่หน้ากระจก ยิ้มๆ ท่าทางมีความสุข มีความหวัง หยิบรูปที่หน้ากระจก เป็นรูปตนเองกับบรรเจิดตอนที่ยังหวานชื่น อรทัยยิ้ม
อรทัยเดินออกมา ท่าทางสดชื่น วิทย์ยืนรออยู่ที่รถ
“คุณอรครับ ก่อนจะไป เราแวะร้านดอกไม้ ซื้อดอกไม้ไปแสดงความยินดีกับคุณบรรเจิดหน่อยไหมครับ”
อรทัยยังไม่ทันตอบ มีพนักงานส่งดอกไม้ ถือดอกไม้เข้ามา วิทย์ชะงัก งงๆ
“นี่คุณอรจัดการเรียบร้อยแล้วเหรอครับ”
“ใช่ ชั้นจัดการเอง...ชั้นต้องกำชับ ให้เค้าจัดออกมาเหมือนกับดอกไม้ช่อแรกที่คุณบรรเจิดเค้าให้ชั้น”
อรทัยหันไปรับดอกไม้จากพนักงานส่งดอกไม้ วิทย์ยิ้ม
“ผมยินดีด้วยนะครับ ถ้าคุณบรรเจิดเห็นคุณอรไปแสดงความยินดีด้วย เค้าจะต้องดีใจแน่ครับ”
อรทัยยิ้ม มองดอกไม้มีความสุข ใจก็หวังให้เป็นอย่างนั้น
แก้วตานั่งจมอยู่ในบ้าน มองบิลค่าโทรศัพท์ ค่าน้ำค่าไฟค่าอินเตอร์เน็ตที่วางสุมๆ กองรวมกันอยู่ ถัดจากบิลค่าใช้จ่ายต่างไป เห็นข้าวกล่องเซเว่นที่เพิ่งซื้อ มาวางอยู่
แก้วตามองบิลพวกนั้นเครียดๆ ไม่มีเงินจ่าย งานก็ไม่มีทำ หล่อนหยิบข้าวกล่องเซเว่นมา มอง หยิบช้อนพลาสติก จะตักข้าวกล่องกิน แต่กินไม่ลง ปกติกินอาหารดีกว่านี้
แก้วตาวางกล่องข้าวเซเว่นกระแทกโต๊ะ หงุดหงิดๆ คิดๆ แล้วก็ตัดสินใจหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดไปที่ชื่อบรรเจิด แล้วกดโทรออก
บรรเจิดอยู่ในงาน ฟ้าใสกำลังสีไวโอลินโชว์อยู่ โทรศัพท์บรรเจิดดังขึ้น เขาหยิบขึ้นมาดู เห็นเป็นชื่อแก้วตาที่โทร.มา บรรเจิดตัดสินใจกดตัดสายทิ้งเลย
แก้วตาถูกตัดสาย ก็หงุดหงิด กดโทร.หาบรรเจิดอีกรอบ โทรศัพท์บรรเจิดดังอีก เป็นชื่อแก้วตา คราวนี้บรรเจิดปิดเครื่องหนีเลย
“ท่านกำลังเข้าสู่ระบบรับฝากข้อความของหมายเลข...”
แก้วตารู้เลยบรรเจิดปิดเครื่องใส่ ลุกพรวดขึ้นด้วยความโมโห
“ปิดเครื่องหนีแก้วเหรอคุณบรรเจิด” ยิ่งคิดยิ่งเจ็บใจ “แก้วไม่ยอมถูกทิ้งง่ายๆหรอก”
แก้วตาคว้ากระเป๋า ออกไปจากบ้านเลย
แก้วตาเดินหงุดหงิดออกมาหน้าบ้าน วินมอเตอร์ไซค์ผ่านมา แก้วตาโบกเรียก
“ไปโรงแรมเรโทรเพลส”
แก้วตาขึ้นมอเตอร์ไซค์ วินออกรถไปทันที
ขณะเดียวกัน รถอรทัยแล่นมาตามถนน อรทัยนั่งมองช่อดอกไม้ วิทย์นั่งอยู่ข้างๆ อรทัย ยิ้มพรายสีหน้ามีความสุข และมีความหวัง
แขกเหรื่อในงานปรบมือให้ฟ้าใส บรรเจิดพูดคุยกับนักข่าว ก่อนจะแยกมาคุยกับแขกเหรื่อบางส่วน
ฟ้าใสลงจากเวที เดินไปที่มุมหนึ่งในงาน ศุวิลเห็นก็รีบเดินตามฟ้าใสทันที แต่ฟ้าใสรีบเดินหนี เลี้ยวหลุดออกไป ศุวิลตามมา ไม่เจอ งงๆว่าฟ้าใสหายไปไหน
ฟ้าใสเดินออกมาหน้าโรงแรม เจอศุวิลโผล่มาดักหน้า
“อยู่นี่เอง นี่คุณ ผมไปยืนรอคุณที่ซุ้มของกินตั้งนาน นี่ของอร่อยๆทั้งนั้นเลย ไปกินดิ”
ฟ้าใสบอกปัด “ไม่หิว ชั้นจะกลับแล้ว มีธุระ”
ศุวิลงง “ธุระอะไร”
“ไม่แน่ใจเหมือนกัน”
“นี่คุณ โกรธอะไรก็พูดสิ อย่าทำแบบนี้ ผมไม่ชอบ”
ฟ้าใสโมโห ถูกพูดแทงใจดำ
“ไม่ชอบก็เรื่องของคุณ ชั้นไม่ได้ขอให้คุณมาชอบซักหน่อย”
“นี่คุณเป็นอะไรอะ?” ศุวิลยิ่งงง
ทันใดนั้นรถมอเตอร์ไซค์คันหนึ่งแล่นเข้ามาจอดที่ด้านหน้าโรงแรม แก้วตาลงมาจากรถ เดินเข้าโรงแรมไป ฟ้าใสเห็นแก้วตาก็ตกใจ ศุวิลก็เห็นแก้วตา
“แก้ว…”
“คุณแก้วนี่...”
ฟ้าใสหันไปมองหน้าศุวิล งงๆ กันทั้งคู่ ว่าแก้วตามาทำไม โดยเฉพาะฟ้าใสที่รู้ว่าบรรเจิดเลิกกับแก้วตาแล้ว
บรรเจิดคุยกับแขกเหรื่ออยู่ในงาน แก้วตาเดินเข้ามา กอดแขนบรรเจิดทันที บรรเจิดชะงัก งง และตกใจ
“คุณบรรเจิดคะ”
“แก้ว นี่แก้วมาทำไม?”
“แก้วอยากคุยกับคุณค่ะ...คุณไม่รับสายแก้วเลย”
แขกเหรื่อมองแก้วตา บางรายซุบซิบ
“ขึ้นไปคุยกันข้างบน”
บรรเจิดพาแก้วตาออกไป
สองคนอยู่ในห้องทำงาน บรรเจิดถามหน้าเครียด
“ตกลงแก้วมีอะไร? มาที่นี่ทำไม”
“คุณบรรเจิดฟังแก้วอธิบายก่อนได้ไหมคะ...”
แก้วตาเปิดการแสดงทันที บีบน้ำตา น่าสงสาร
“ชั้นเห็นขนาดนั้น แก้วจะให้ชั้นฟังอะไรอีก!”
“มันไม่ใช่อย่างที่คุณคิดนะคะ แก้วไม่ได้รักเค้า แก้ว...” แก้วตาสะอื้น “แก้วโดนพี่เดชข่มขืน”
บรรเจิดชะงักงันไป
“อะไรนะ”
“แก้ว...แก้วสู้แรงพี่เดชไม่ได้จริงๆ ค่ะ”
แก้วตาปล่อยโฮ...สะอึกสะอื้นน่าสังเวช บรรเจิดอึ้งนิ่งงันไป แก้วตาลอบมองอาการ เห็นท่าทีของบรรเจิดน่าจะตกหลุมพรางของหล่อนแล้ว
อ่านต่อหน้า 2
จ้าวพายุ ตอนที่ 14 (ต่อ)
ฟากฟ้าใส กะศุวิลช่วยกันมองหาแก้วตาท่ามกลางแขกเหรื่อ
“เป็นไงคุณ เห็นแก้วไหม”
ศุวิลส่ายหน้า
นักข่าวกรูไปถ่ายรูปที่ทางเข้า พอนักข่าวเปิดทางออก เห็นว่าอรทัยถือช่อดอกไม้เข้ามา วิทย์ตาม
ฟ้าใสตกใจ ศุวิลงงๆ อรทัยท่าทางชื่นมื่นกำลังตอบนักข่าว
“คุณบรรเจิดเป็นสามีดิชั้น งานเปิดตัวโรงแรมของเค้า ดิชั้นก็ต้องมาแสดงความยินดีสิคะ”
ฟ้าใสอึ้ง ตะลึงงัน “อาอร”
อรทัยขอตัวกับนักข่าว “ขอตัวนะคะ” เดินตรงมาหาฟ้าใส วิทย์ตาม
“อาบรรเจิดอยู่ไหนฟ้า?”
ฟ้าใสอึกอัก
เลขาบรรเจิดผ่านมาพอดี
“คุณบรรเจิดอยู่ที่ไหน?”
“เห็นขึ้นไปบนห้องทำงานน่ะค่ะ”
อรทัยยิ้ม ถือดอกไม้เดินฉับๆ ขึ้นไปเลย วิทย์ตาม ฟ้าใส ศุวิลตกใจรีบตาม
ส่วนบรรเจิดลงนั่งอึ้งๆ แก้วตารีบแสดงต่อ น้ำหูน้ำตาไหลไม่ขาด
“วันนั้นแก้วโทร.ตามให้พี่เดชช่วยตามหาคุณให้แก้ว เพราะแก้วรักคุณ...แก้วไม่อยากเสียคุณไป แต่พอพี่เดชมาถึง...ไม่นึกเลยว่า...ว่าเค้าจะใช้กำลังกับแก้ว...”
บรรเจิดถามนิ่งๆ “เดชมันใช้กำลังกับแก้วอย่างนั้นเหรอ...”
แก้วตาคิดว่าบรรเจิดคล้อยตาม รีบคุกเข่าโผเข้ากอดซบบรรเจิด ขอความเห็นใจ
“ใช่ค่ะ...เค้าทำร้ายแก้ว....คุณบรรเจิดอย่าทิ้งแก้วไปนะคะ”
บรรเจิดทนไม่ไหว สะบัดแก้วตาออกจากตัว “พอเถอะแก้ว!”
แก้วตาอึ้งๆ งงๆ
“แก้วจะโกหกอะไรก็ได้...แต่ไม่ใช่เรื่องที่เดชมันจะทำร้ายแก้ว” แก้วตาชะงัก “ถึงเดชมันจะทำเรื่องที่ชั้นคิดไม่ถึง แต่เรื่องที่มันจะลงมือทำร้ายผู้หญิง โดยเฉพาะผู้หญิงที่มันรัก...ไม่มีทางเป็นไปได้เด็ดขาด!”
แก้วตาอึ้ง ผิดหวังที่บรรเจิดไม่เชื่อ
ขณะเดียวกัน ตรงทางเดินจะไปห้องทำงานบรรเจิด อรทัยถือดอกไม้เดินฉับๆ มา วิทย์เดินตาม ฟ้าใส ศุวิลวิ่งตามมา
“อรทัย ผมว่าลงไปรอข้างล่างเถอะ”
อรทัยหยุดหันไปค้อนศุวิล แล้วหันเดินต่อ วิทย์ตาม ฟ้าใส ศุวิลตาม
บรรเจิดจะออกจากห้อง แก้วตารีบโผกอดจากด้านหลังรั้งไว้ ร้องไห้...
อรทัยจะผลักประตู ฟ้าใสมาดึงอรทัยไว้ ศุวิลตาม ฟ้าใสแกล้งพูดเสียงดัง เพื่อให้บรรเจิดได้ยิน
“อย่าเข้าไปเลยค่ะอาอร...”
บรรเจิดกะแก้วตาชะงักงัน
ฟ้าใสดึงอรทัยอยู่ วิทย์ ศุวิลอยู่ด้วย
“ทำไมฟ้า อาบรรเจิดเค้าอยู่กับใคร”
ฟ้าใสอึกอัก อรทัยเปิดประตูเข้าไปเลย ฟ้าใส ศุวิลจะตามเข้าไป วิทย์กันไว้
อรทัยถือดอกไม้เดินพรวดเข้ามาอย่างรวดเร็ว กวาดตามองอย่างไวไม่เห็นใครนอกจากบรรเจิด โดยไม่ทันมองว่าที่ประตูตู้เอกสารใบใหญ่ เห็นชายกระโปรงแก้วตาแล่บออกมา และแก้วตาแอบอยู่ในนั้น
บรรเจิดพยายามใจเย็นเก็บอาการ อรทัยไม่เห็นใคร ก็คิดว่าตนระแวงไปเอง วันนี้ตั้งจะมาดีกับบรรเจิด ไม่อยากทำให้เสียเรื่อง
“คุณมาทำอะไรคุณอร?”
“วันนี้คุณเปิดโรงแรม ชั้นก็อยากจะมาแสดงความยินดีด้วยค่ะ”
“งั้นเราลงไปข้างล่างกัน”
บรรเจิดพยายามจะพาอรทัยออกไป ไม่อยากให้เห็นแก้วตา อรทัยดึงไว้ บรรเจิดชะงัก
“คุณบรรเจิดคะ...ถ้าโรงแรมคุณมีปัญหาอะไร บอกชั้นได้นะคะ...ชั้นยินดีช่วย” บรรเจิดอึ้ง งง ที่เมียในนามพูดดีด้วย อรทัยยิ้มให้ “ที่ผ่านมา ชั้นก็มีส่วนผิด ที่เอาแต่อารมณ์...ชั้นอยากให้เราลืมเรื่องร้ายๆ แล้วก็กลับมาเป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน”
แก้วตาฟังอรทัยพูดก็ชะงัก รู้ว่าอรทัยจะตามมาง้อ และตอนนี้บรรเจิดก็ทิ้งตัวเองไปแล้ว..หากบรรเจิดกลับไปหาอรทัย หล่อนต้องไม่เหลือใครแน่ๆ
ส่วนบรรเจิดอึ้ง เห็นท่าทางอรทัยที่อ่อนลง ไม่เคยยอมใครขนาดนี้ แต่ตอนนี้ต้องหาทางพาอรทัย
ออกไปจากห้อง ก่อนที่จะเจอแก้วตา
บรรเจิดแตะไหล่อรทัย “งั้นเราลงไปคุยกันข้างล่างนะ”
อรทัยมองมือบรรเจิดที่แตะไหล่ตนเอง ก็ยิ่งมีความหวัง
แก้วตาแอบมองออกมาจากในตู้ เห็นสองคนทำท่าเหมือนจะดีกัน หล่อนจึงตัดสินใจดับเครื่องชน
บรรเจิดและอรทัยกำลังจะออกไป แก้วตาเปิดตู้ออกมาเลย
“อาอรเข้าใจแบบนี้ก็ดีแล้วล่ะค่ะ แก้วขอบคุณนะคะ”
บรรเจิดและอรทัยตกใจ
“แก้ว!” บรรเจิดคาดไม่ถึง
แก้วตาเดินเข้ามาเกาะแขนบรรเจิด
“ต่อไปแก้วกับคุณบรรเจิดคงไม่ต้องหลบๆ ซ่อนๆ อีก งานแต่งของแก้วกับคุณบรรเจิด เชิญอาอรด้วยนะคะ”
อรทัยอึ้ง เจ็บใจ ตัวสั่นสะท้าน
“ไหนยัยฟ้าบอกว่าคุณเลิกกับมันแล้ว”
“แหม อาอรขา คนรักกัน เค้าก็ต้องมีงอนกันบ้าง แต่ไม่ถึงขั้นเลิกกันหรอกค่ะ”
บรรเจิดโมโห “แก้ว! แก้วจะทำอะไร หยุดเดี๋ยวนี้นะ”
อรทัยคว้าแก้วตามาได้ตบคว่ำไปทันที
แก้วตาร้อง “โอ้ย!”
วิทย์ได้ยินเสียงก็ตกใจ รีบเปิดประตูเข้ามา ฟ้าใส กะศุวิลรีบเข้ามาด้วย
“อาอร!”
อรทัยคำราม “แกทำกับชั้นอย่างนี้ได้ยังไงแก้วตา! ชั้นเห็นแกเป็นลูกเป็นหลาน!”
แก้วตายั่ว “อาอร อย่าโกรธสิคะ มีเหตุผลบ้าง คุณบรรเจิดเค้าไม่ได้รักอาอรแล้ว ยังจะมาตามเค้าอีก อาอรไม่อายบ้างเหรอคะ”
อรทัยยิ่งโมโห พุ่งเข้าไปอีก บรรเจิดขวางไว้ อรทัยผลักจนกระเด็น ฟ้าใสและศุวิลตกใจ จะเข้าไปช่วย วิทย์กันไว้ อรทัยขึ้นคร่อมตบแก้วตาไม่ยั้ง
“ปากดีนักใช่ไหม” ตบเปรี้ยง “สารเลว” ตบแก้วตาอีกฉาด “หน้าด้าน!”
อรทัยตบจนแก้วตาเลือดกบปาก แต่แก้วตายังไม่หยุด
“ก็แก้วกับคุณบรรเจิดรักกันนี่คะ”
“ยังไม่หยุดพูดอีกเหรอ!”
อรทัยคว้าแม็กเย็บกระดาษตัวใหญ่ สำหรับเย็บบอร์ด หันมาหาแก้วตา ทุกคนตกใจ
“ปากดีนักนะ...ชั้นจะเย็บปากแก!”
อรทัยจ่อแม็กเย็บกระดาษไปที่ปากแล้ว แก้วตาตกใจ อรทัยน่ากลัวกว่าที่คิด แก้วตาจับมืออรทัยข้างที่จับแม็กเย็บปากไว้ พยายามยื้อ
บรรเจิดตั้งตัวได้ รีบมาคว้าอรทัยออกจากแก้วตา อรทัยดิ้น แก้วตาได้จังหวะ วิ่งหนีออกไปทันที
ที่บริเวณงาน ด้านล่างขณะที่แขกเหรื่อ นักข่าวพูดคุย กินอาหารกันอยู่ แก้วตาที่สภาพเลือดกบปาก หัวกระเซิงสะบักสะบอมวิ่งผ่าเข้ามากลางวง ทุกคนตกใจ
“ช่วยด้วยค่ะ ช่วยด้วย!”
ผู้คนแตกตื่นกัน อรทัยหน้าถมึงทึงวิ่งตามมาคว้าตัวไว้ได้ จิกแก้วตาเหวี่ยง ไปโดนข้าวของระเนระนาด ป้ายผ้าฉีกขาด ทุกคนแตกตื่น วี้ดว้าย นักข่าวถ่ายรูปรัว แสงแฟลชวูบวาบไปหมด
วิทย์ บรรเจิด ฟ้าใส และศุวิลหน้าตื่นตามเข้ามา แก้วตาบาดเจ็บจนลุกไม่ไหว อรทัยจะเข้าไปซ้ำ บรรเจิดเข้าไปดึงอรทัยออกมา อรทัยตบบรรเจิดทันที
“คุณทำแบบนี้ได้ยังไง! มันเป็นเพื่อนของหลานคุณ คุณไม่ละอายใจเหรอ!”
อรทัยด่าไปก็น้ำตาไหล เหลือบไปเห็นแก้วตาจะหนี
“จะไปไหน!”
แก้วตาสะดุ้งเฮือก
อรทัยหันไปคว้าปืนจากเสื้อสูทวิทย์ วิทย์ตกใจ อรทัยเล็งปืนไปที่แก้วตา แขกเหรื่อทุกคนฮือฮา วงแตกหลบทางปืน แก้วตาตาเหลือก ยกมือไหว้มือไม้สั่น
“อย่านะคะอาอร...แก้วขอโทษๆ” แก้วตาลนลานกราบตีนอรทัยซ้ำไปมา
“ชั้นจะจบชีวิตผู้หญิงสารเลวอย่างแก!”
“อย่านะคะอาอร” ฟ้าใสตะโกนสุดเสียง
ศุวิลตัดสินใจเข้าไปชาร์จอรทัยไว้ ยื้อแย่งปืนกัน
“อย่านะ อรทัย อย่า...”
“ไอ้ลม ปล่อยชั้น!”
แก้วตาฉวยโอกาสลุกลี้ลุกลนหนีตายออกไป ศุวิลแย่งปืนมาได้ อรทัยเจ็บใจ น้ำตาไหล
“ใจเย็นๆ ก่อน! ถ้าเค้าตายไปจะเป็นยังไง! พ่อจะรู้สึกยังไง!”
พอนึกถึงศิวา อรทัยถึงกับเข่าอ่อนทรุดลงไปร้องไห้โฮ ศุวิลประคองไว้ด้วยความเห็นใจ
อ่านต่อหน้า 3
จ้าวพายุ ตอนที่ 14 (ต่อ)
คืนนั้นเสียงออดหน้าบ้านเดชดังขึ้นติดๆ กัน เดชอยู่ในบ้านงงๆ ลงมาเปิดไฟ ประหลาดใจว่าใครมาดึกดื่นขนาดนี้
เดชเดินออกไปที่หน้าบ้าน พอถึงประตูรั้วก็ชะงักตกใจ เห็นว่าเป็นแก้วตาที่หน้าตาบวมช้ำจากการโดนตบ เดชรีบเปิดประตู
“พี่เดช ช่วยแก้วด้วย”
“เกิดอะไรขึ้นแก้ว? นี่ใครทำแก้ว?”
“คุณอรค่ะ! คุณอรเค้ารู้แล้วว่าแก้วเป็นเมียน้อยคุณบรรเจิด”
เดชอึ้ง
จากนั้นเดชทาแผลให้ที่หน้าแก้วตา แก้วตาน้ำตาไหล
“ทนเจ็บหน่อยนะแก้ว”
แก้วตาหวาดกลัว น้ำตาไหลพราก เดชเช็ดน้ำตาให้
“แก้วไม่รู้จะไปที่ไหนพี่เดช...แก้วไม่คิดเลยว่าคุณอรเค้าจะน่ากลัวขนาดนี้ เค้าเอาปืนมาจะยิงแก้วด้วย แก้วกลัว...”
เดชใจไม่ดี เป็นห่วงแก้วตา
“แก้วใจเย็นๆ คุณอรเค้าคงไม่ตามแก้วมาถึงที่นี่หรอก”
“แต่ยังไงเค้าก็ต้องตามหาแก้ว...แก้วกลัวพี่เดช...แก้วจะทำยังไงดี...”
เดชนั้นแม้จะไม่อยากใกล้ชิดกับแก้วตา เพราะกลัวว่าหากบรรเจิดรู้ จะคิดว่าเขาทรยศซ้ำแล้วซ้ำเล่า...แต่จะปล่อยให้แก้วตาอยู่คนเดียวแบบนั้นก็ไม่ได้ เขาเป็นห่วงแก้วตา
“แก้วมาอยู่กับพี่ที่นี่สักพักแล้วกัน... พี่จะดูแลแก้วเอง”
แก้วตากลัวจนตัวสั่น เดชกอดไว้แน่น เขาจะปกป้องแก้วตาเอง
ในตอนเช้า หนังสือพิมพ์หลายฉบับ วางหราอยู่บนโต๊ะรับรองแขกห้องโถง ข่าวหน้าหนึ่งกรอบไม่ใหญ่มากเป็นภาพอรทัยหน้าตามถมึงทึงเหมือนคนบ้า จิกตีแก้วตาอยู่ มีตัวหนังสือเขียนว่า “ไฮโซหึงโหด ตบเมียน้อยกลางงาน”
ธวัชชัยเก็บหนังสือพิมพ์ที่ลงข่าวอรทัยหลายฉบับรวบๆ ไว้ อรทัยเครียดอยู่
“คุณศิวาเพิ่งออกจากโรงพยาบาล คุณอรไม่น่าทำเรื่องเลย” ธวัชชัยตำหนิ
“ถ้าอย่างนั้นก็เก็บไว้ อย่าให้คุณพ่อเห็น”
ศิวาเดินลงมาจากชั้นบน
“ธวัชชัย ไหนหนังสือพิมพ์ล่ะ ไม่เห็นเอาขึ้นไปให้ชั้นเลย”
ธวัชชัยอึกอัก
“วันนี้ยังไม่เห็นมาส่งเลยค่ะคุณพ่อ มีแต่ฉบับเก่า ธวัชชัยกำลังจะเอาไปทิ้งพอดี...”
อรทัยเดินออกไป
จำปายกกาแฟเข้ามาให้ศิวา
“จำปา หนังสือพิมพ์เค้ามาส่งหรือยัง?”
จำปาหันมามองธวัชชัยที่ถือหนังสือพิมพ์อยู่หลายฉบับจะเดินออก
“นี่ไงคะ”
จำปาคว้าหนังสือพิมพ์จากธวัชชัยไปให้ศิวา ธวัชชัยห้ามไม่ทัน ศิวาหยิบหนังสือพิมพ์ไป เปิดดูเห็นข่าวของอรทัยก็ชะงักตกใจ หันมองหน้าธวัชชัย
ธวัชชัยเจื่อนๆ ก้มหน้า ศิวาเครียด ทรุดนั่ง
อรทัยอยู่ในห้องทำงานที่คฤหาสน์ คิดแค้นเรื่องแก้วตาอยู่ มือถืออรทัยดัง หน้าจอเห็นเป็นสราลัยโทร.เข้า อรทัยชะงัก กดรับ
“มีอะไรสราลัย?”
สราลัยอยู่ที่บ้านยิ้มๆ มองหนังสือพิมพ์หลายฉบับที่อรทัยลงหน้าหนึ่ง
“ใจเย็นๆ นะคะคุณน้า..สราเห็นข่าวของคุณน้าแล้ว สราเป็นห้วงเป็นห่วง เลยโทรมาให้กำลังใจน่ะค่ะ”
อรทัยโกรธ
“นี่สรามีหนังสือพิมพ์ครบทุกฉบับเลยนะคะ คุณน้าขาดฉบับไหนหรือเปล่าคะ สราจะได้ส่งไปให้”
“นี่จะโทรมาเยาะเย้ยแค่นี้ใช่ไหม? ชั้นจะได้วาง”
สราลัยยั่วโมโห “อย่าโกรธสิคะ นี่ดีนะคะเนี่ยที่สราเลิกกับวีแล้ว ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับคุณน้าอีก ไม่งั้นสราขายหน้าแย่เลยค่ะ”
สราลัยหัวเราะคิกคัก อรทัยเจ็บใจกดตัดสาย ยิ่งแค้นแก้วตาที่ทำให้ขายหน้าและถูกเยาะเย้ย
วิทย์เปิดประตูเข้ามา
“ได้เรื่องไหมวิทย์”
“ตั้งแต่เกิดเรื่อง คุณบรรเจิดไม่ได้ออกไปไหนเลยครับ เลยไม่รู้ว่าแก้วตาไปอยู่ที่ไหนกันแน่”
อรทัยแค้นแทบกระอัก
“ยังไงก็ต้องตามหามันให้ได้ มันทำให้ชั้นเจ็บ ชั้นไม่ยอมปล่อยมันไปง่ายๆหรอก!”
ด้านเดชป้อนข้าวต้มแก้วตาที่สภาพโทรมๆ แก้วตาท่าทางอ่อนแรง ยกมือบอกว่าพอแล้ว
“ถ้าอย่างนั้นก็กินยานะแก้ว”
เดชหันหยิบน้ำ หยิบยาให้ แก้วตามองซาบซึ้ง
“ขอบคุณมากนะคะพี่เดช วันที่แก้วไม่มีที่พึ่ง...แก้วก็ยังมีพี่เดช”
เดชยิ้มปลอบ
ฟากฟ้าใสเดินอยู่ริมถนนตอนเย็นๆ มือถือหล่อนดัง ที่หน้าจอเห็นชื่อศุวิลโทร.เข้ามา ฟ้าใสชะงัก นิ่งคิด แล้วตัดสินใจกดรับ
“ฮัลโหล...ชั้นไม่ว่างคุยนะ วันนี้มีสอน แค่นี้นะ”
ฟ้าใสตัดบทกดวาง จะเดินไปต่อ ทันใดนั้น ศุวิลโผล่มาดักหน้า ฟ้าใสชะงัก
“ไหนคุณว่าคุณมีสอนไง”
“นี่คุณแอบตามชั้นมาเหรอ”
“แล้วคุณหนีผมหรือเปล่าล่ะ” ฟ้าใสอึ้ง “นี่ ผมถามจริงๆ เถอะ ผมไปทำอะไรให้คุณโกรธ”
ฟ้าใสมองหน้าเขาแล้วก็เงียบ เดินหนี ศุวิลเดินตาม
“ฟ้า เป็นอะไร”
ฟ้าใสไม่ตอบ ศุวิลเดินตามเซ้าซี้
“ฟ้า ผมถามว่าคุณเป็นอะไร”
ฟ้าใสยังเดินหนีอีก ศุวิลโมโหดึงฟ้าใสไว้
“ถ้าไม่บอก ผมไม่ให้คุณไปหรอก”
ฟ้าใสสะบัดหนีศุวิลยิ่งโมโห รวบตัวช้อนอุ้มฟ้าใสขึ้นแล้วเดินออกไปเลย ฟ้าใสดีดดิ้นวี้ดว้ายใหญ่
ศุวิลอุ้มฟ้าใสยัดเข้าไปในรถแล้วตัวเองก็เปิดประตูเข้าไปนั่งด้วย
“ถ้าไม่บอกว่าเป็นอะไรก็ไม่ต้องลงจากรถ”
“คุณ”
ฟ้าใสจะหันไปด่าเรื่องที่ได้ยิน แต่ด้วยทิฐิจึงไม่ยอมพูด ศุวิลมองฟ้าใสครู่หนึ่งแล้วอ่อนลงเอง
“ฟ้า คุณบอกผมเถอะว่าผมทำอะไรให้คุณโกรธ”
ฟ้าใสมองหน้าศุวิลยังโกรธอยู่จึงไม่พูด เปิดประตูรถก้าวลงเดินออกไปเลย ศุวิลทอดถอนใจ
อรทัยนั่งทำงานอยู่ที่บ้าน ทันใดนั้นจำปาหน้าตื่นเข้ามา
“แย่แล้วค่ะคุณผู้หญิง!”
อรทัยชะงักงัน สงสัย
เวลานั้นสุธาวีนั่งรออยู่กับปิ่นมณี ศิวาเดินเข้ามานั่งมองหน้าสองคน ท่าทางครุ่นคิดหนัก ธวัชชัยยืนอยู่ห่างๆ
“แน่ใจกันแล้วใช่ไหม? แต่งงานน่ะมันไม่ใช่เรื่องเล็กๆ”
สุธาวีมองปิ่นมณี ทั้งคู่รู้เต็มอก ว่าต่างรักกันมากแค่ไหน
“ผมแน่ใจครับคุณตา...ผมอยากให้คุณตาสนับสนุนผมกับปิ่น...เราสองคนรักและพร้อม
จะใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันจริงๆ ครับ”
เสียงทรงอำนาจของอรทัยแหวขึ้น “ชั้นไม่อนุญาต!”
อรทัยเดินหน้าตึงเปรี๊ยะเข้ามา สุธาวีและปิ่นมณีชะงัก อรทัยจ้องหน้าปิ่นมณีสลับกับสุธาวีมาหยุดที่ปิ่นมณี
“แกยังกล้ามาที่นี่อีกเหรอ”
“ผมจะแต่งงานกับปิ่น ผมคิดว่าควรจะพาปิ่นมาบอกคุณตาด้วยตัวเอง”
อรทัยของขึ้น “ตาวี! แกบ้าไปแล้วเหรอ! ชั้นไม่ยอมให้แกแต่ง”
ศิวางง “ทำไมมันถึงจะแต่งไม่ได้” อรทัยชะงัก “หรือกลัวชีวิตแต่งงานมันจะล้มเหลวเหมือนของแกที่ถือปืนไปไล่ยิงเมียน้อย”
อรทัยตกใจที่ศิวารู้ “คุณพ่อ”
“ชั้นรู้เรื่องหมดแล้ว แต่ชั้นไม่อยากพูด! เพราะพูดขึ้นมาทีไรชั้นก็ยิ่งเจ็บใจ”
“คุณพ่อไม่เข้าใจ ถ้าเป็นคนอื่น อรอาจจะยอม! แต่นังนี่มันเป็น...”
อรทัยชะงักงัน มองศิวาเห็นว่าศิวาเพิ่งฟื้นจากอาการป่วย อรทัยเก็บกลืนคำพูดลงคอไป
สุธาวี ปิ่นมณีจับมือกัน เดาใจอรทัยไม่ถูก ว่าเธอจะพูดเรื่องปิ่นมณีขายตัวออกมาหรือไม่
“แกจะพูดอะไรยัยอร! หนูปิ่นเป็นอะไร”
อรทัยอึกอัก จ้องหน้าปิ่นมณี ธวัชชัยมองเหตุการณ์เป็นห่วงอาการศิวา
“อาการคุณศิวาเพิ่งจะดีขึ้น เรื่องอะไรที่ยอมกันได้ คุณอรก็น่าจะยอมนะครับ” ธวัชชัยเตือนสติ
“ไม่ได้! อรยอมไม่ได้ค่ะคุณพ่อ!” อรทัยอึดอัด
“งั้นแกก็พูดมา ว่าหนูปิ่นเป็นอะไร!”
อรทัยอกจะแตก แต่ไม่กล้าเสี่ยงกับชีวิตพ่อ
“เรื่องหนูปิ่นเป็นแฟนเก่าลมใช่ไหม? เดี๋ยวชั้นจะพูดกับเค้าเอง...ลมเป็นคนใจกว้าง ชั้นเชื่อว่า เค้าจะเข้าใจ ที่ตาวีกับหนูปิ่นจะแต่งงานกัน”
สุธาวียิ้มกับปิ่นมณี อรทัยขัดใจ ไม่ใช่เรื่องนี้
“คุณพ่อ!”
อรทัยฮึดฮัดมองทุกคน พูดไม่ได้ สะบัดตัวเดินหนีออกไปอย่างขุ่นเคือง
อรทัยเหวี่ยงกระเป๋าลงที่โซฟาห้องทำงาน เครียดแทบบ้า เรื่องเลวร้ายของปิ่นมณีให้อภัยไม่ได้ แต่เธอพูดไม่ได้ เพราะอาการของพ่อเธอก็น่าเป็นห่วงเช่นกัน
วิทย์ยืนอยู่ หนักใจเช่นกัน
“ชั้นไม่มีวันยอมให้ผู้หญิงขายตัวอย่างมัน มาเป็นลูกสะใภ้เจนจรัสตระกูลเด็ดขาด ไม่ยอม”
“ตอนนี้มันถึงที่สุดแล้ว...ทำไมคุณอรไม่ให้ผมจัดการให้ปิ่นมณีหายตัวไปละครับ” วิทย์เสนอ
“ชั้นจะทำอย่างนั้นได้ยังไง! ทุกคนรู้ว่าชั้นเกลียดมัน ถ้ามันเป็นอะไรไป ตาวีคงเกลียดชั้น”
วิทย์สงบปากลงทันที อรทัยเครียด หันมองออกไปไกล พยายามควบคุมสติ
“ยังไง ชั้นก็ต้องปกป้องลูกของชั้น จากผู้หญิงอย่างแกให้ได้...”
หลังนิ่งคิดอยู่ครู่กนึ่งอรทัยตาวาวขึ้นมา เหมือนคิดอะไรบางอย่างได้
“ถ้าคิดว่าชั้นหน้าบางจนไม่กล้าบอกเรื่องนี้กับใคร เธอคิดผิดแล้วปิ่นมณี.....เพราะ
สุดท้าย คนที่ต้องอับอายไม่ใช่ชั้น แต่เป็นแก...”
วิทย์สงสัยอรทัยคิดจะทำอะไร
อรทัยยิ้มบางๆให้กับตัวเอง หล่อนไม่มีวันแพ้แน่
อ่านต่อหน้า 4
จ้าวพายุ ตอนที่ 14 (ต่อ)
ศิวาทำใจได้ระดับหนึ่ง มองสุธาวีกับปิ่นมณีที่ดูรักกันมาก นิ่งๆ
“ความรักของแกกับหนูปิ่น มีอุปสรรคมาตลอด...ตาเห็นว่า เราทั้งสองคนก็ยังแน่วแน่รักกัน...ต่อไปมีเรื่องอะไร ตาอยากให้นึกถึงวันนี้”
ปิ่นมณีตาแดงขึ้นมา รู้เต็มอก ว่าหล่อนจะไม่มีวันทำอะไรให้สุธาวีเสียใจอีก
“ตอนนี้ปิ่นรู้แล้วค่ะ ว่าปิ่นโชคดีแค่ไหน...ปิ่นจะไม่ยอมเสียคุณวีไปอีกค่ะ”
สุธาวีปิ่นมณีมองหน้ากัน ซาบซึ้ง
“คุณตาครับ...เรื่องงานแต่ง ผมจะไม่รบกวนคุณตามาก เราสองคนแค่อยากจัดงานเล็กๆ ไม่ต้องมีแขกอะไรมากมาย”
อรทัยเดินเข้ามา
“ไม่ได้หรอกตาวี”
“ยัยอร...ชั้นขอร้องล่ะ...ทำอะไรก็เห็นแก่ความสุขของลูกบ้าง” ศิวาปราม
“ก็เพราะเห็นแก่ความสุขของตาวีไงคะ...อรถึงไม่อยากให้จัดงานเล็กๆ อรจะจัดงานแต่งให้ตาวีเองค่ะคุณพ่อ”
ทุกคนชะงัก อรทัยมองหน้าปิ่นมณี
“สะใภ้เจนจรัสตระกูล จะแอบจัดงานเงียบๆ ได้ยังไง....ชั้นจะจัดงานแต่งให้แกสองคน
อย่างสมศักดิ์ศรี...และมันจะเป็นงานที่เธอไม่มีวันลืมเลยล่ะปิ่นมณี”
ปิ่นมณีมองอรทัย ไม่ไว้ใจ สุธาวี ศิวา ธวัชชัยเองก็สงสัยเช่นกัน อรทัยยิ้มเยือกเย็น
ศุวิลแวะมาเยี่ยมพ่อ เวลานั้นอยู่ห้องทำงานศิวาที่บ้านเจนจรัสตระกูล ศุวิลอึ้งๆ อยู่กับศิวาธวัชชัยพอรู้ข่าวแต่งงานหลานชาย
“สุธาวีจะแต่งงานกับปิ่นเหรอครับ”
“ลม ลมอย่าโกรธหลานเลยนะ...เค้าคงรักกันจริงๆ”
“ผมไม่โกรธหรอกครับ...ผมกับปิ่นก็เลิกกันนานแล้ว ถ้าเค้ารักกันจริง ผมก็ดีใจด้วย”
ศิวายิ้มชื่น “ขอบใจลมมากนะลูก...แล้วเรื่องที่งานตาบรรเจิด พ่ออ่านข่าวแล้ว ลมก็อยู่ที่นั่นด้วยใช่ไหมลูก”
ศุวิลพยักหน้า ศิวาถอนใจ
“ยัยอรก็สร้างแต่เรื่อง”
“คุณเองก็อย่าโกรธอรทัยเลยนะครับ...เรื่องที่อรทัยเจอวันนั้น มันก็หนักหนามาก...ยิ่งเค้าเป็นคนอารมณ์ร้อนอยู่แล้วด้วย...ถ้าคุณยิ่งโกรธเค้า เรื่องมันอาจจะไปกันใหญ่ คุณน่าจะให้อภัยเค้า”
ศิวาคิดตาม เย็นลง
“ก็ถูกของลม ขอบใจลมอีกครั้งนะลูก”
“ท่านครับ เรื่องงานแต่งของคุณวีกับคุณปิ่น...ผมว่ามันน่าสงสัยนะครับ ทำไมครั้งนี้คุณอรทัยยอมง่ายๆ”
ศุวิลกับศิวาชะงักมองหน้ากัน ไม่สบายใจ
ต่อมาธวัชชัยประคองศิวาเดินออกมาส่งศุวิลที่หน้าคฤหาสน์เจนจรัสตระกูล
“ผมไปนะครับ”
“ขอบใจมากนะที่มาเยี่ยมพ่อ”
ศุวิลนิ่งคิด ตัดสินใจถามศิวา
“คุณพอจะรู้บ้างไหม ว่าฟ้าเค้าโกรธอะไรผม”
ศิวาชะงัก
ศุวิลอธิบาย “อยู่ๆ เค้าก็ไม่ยอมเจอหน้า พอเจอก็อารมณ์เสียใส่ ผมงงไปหมดแล้ว”
ศิวามองศุวิลยิ้มๆ รู้ว่าศุวิลชอบฟ้าใส
“ผู้หญิงก็แบบนี้แหละ คิดเล็กคิดน้อย ไม่ต้องห่วง ถ้าพ่อเจอฟ้าแล้วจะถามให้”
“ขอบคุณครับ”
ขณะที่ศุวิลเดินคุยโทรศัพท์กับทัดเทพลงจากรถ
“พี่เทพ ผมมาถึงออฟฟิศแล้ว กำลังจะเข้าไป”
ศุวิลเห็นฟ้าใสยืนอยู่ที่หน้าออฟฟิศ ก็แปลกใจรีบตรงเข้าไปหาหล่อนทันที ยิ้มทักฟ้าใสอย่างดีใจ
“ฟ้า”
ฟ้าใสหันมาหาศุวิล
“คุณตาท่านโทร.หาชั้น บอกว่าคุณไม่สบายใจ แล้วถามชั้นว่าชั้นโกรธอะไรคุณ”
“ใช่ ก็ผมถามอะไรคุณ คุณก็ไม่ยอมตอบอ่ะ ผมก็เลยต้องให้คุณศิวาเค้าช่วย”
“นี่! ทีหลังไม่ต้องไปรบกวนคุณตาเลยนะ เรื่องของตัวเองแท้ๆ ถ้าคิดไม่ออกแล้วคนอื่นจะไปช่วยได้ยังไง”
ฟ้าใสเดินเชิดออกไปเลย
ศุวิลอยู่ออฟฟิศตัดสินใจโทรศัพท์หาศิวาซึ่งอยู่ที่บ้าน
“เหรอ ฟ้าเค้าไปหาลมเหรอ เออ...พ่อคุยกับฟ้าให้แล้ว เค้าหายโกรธลมหรือยัง”
ศุวิลบ่นใหญ่ “หายโกรธที่ไหนล่ะครับ ยิ่งโกรธเข้าไปใหญ่ เค้าบอกว่าเรื่องของผมถ้าผมคิดเองไม่ได้ ก็ไม่ต้องไปขอให้คนอื่นช่วย”
“เออก็ถูกของเค้าน่ะ เรื่องของลม ลมต้องคิดเอง ถ้าคิดไม่ออก ตอนมาขอฟ้า พ่อไม่ยกให้นะ”
ศุวิลตกใจ “ขอฟ้าเหรอครับ?”
“เออสิ หรือลมไม่ได้ชอบฟ้าเค้า”
ศุวิลรีบพูด “ชอบครับ...ชอบ”
ศิวาหัวเราะ “เออ ชอบก็ต้องรีบคิดให้ออก”
ศิวาขำปนเขิน
หลายวันต่อมา สุธาวีและปิ่นมณีมาถ่ายรูปพรีเว้ดดิ้งที่สตูดิโอแห่งหนึ่งในเช้าวันนี้ ช่างแต่งหน้าทำผมให้ปิ่นมณีอยู่ในห้อง ขณะสุธาวีใส่ชุดเจ้าบ่าวนั่งรออยู่
ช่างแต่งหน้าทำผมจูงปิ่นมณีในชุดเจ้าสาวเดินออกมา สุธาวีมองอึ้ง ตะลึงแล
“ปกติคุณสวยอยู่แล้ว...แต่วันนี้คุณสวยมากจริงๆ”
ปิ่นมณียิ้มเขิน พอนึกถึงอรทัยขึ้นมาก็ไม่สบายใจ
“เป็นอะไรเหรอปิ่น”
“ไม่รู้สิคะ อยู่ๆ แม่คุณก็ใจดีจัดงานแต่งให้ใหญ่โต...ชั้นอดกังวลไม่ได้”
สุธาวีกุมมือปิ่นมณี
“อาทิตย์หน้าก็ถึงงานแต่งแล้ว ไม่มีอะไรหรอกปิ่น...ผมเชื่อว่าแม่เค้าเข้าใจเราแล้ว”
สุธาวียิ้มปลอบให้ปิ่นมณีเชื่อมั่น จูงหล่อนเข้าไปในเซ็ท ทั้งสองคนถ่ายรูปอย่างมีความสุขหวานชื่น
ภายในห้องทำงานอรทัย ที่บ้านเจนจรัสตระกูล สองคนดูคลิปบางอย่างที่แท็บเล็ตอยู่ อรทัยยิ้มสมใจ
“ดีมากวิทย์...รอบคอบดี...”
“ถ้าคุณอรใช้หลักฐานนี้จัดการกับปิ่นมณี รับรองว่าไม่มีทางรอดไปได้”
อรทัยคิดๆ แล้วยิ้มออกมา “แต่ยังไง ชั้นก็อยากได้พยานบุคคล”
ค่ำนั้นอรทัยนั่งรอนวลอยู่ในร้านอาหาร บนโต๊ะมีกระเป๋าถือวางอยู่ ช่องนอกกระเป๋าถือมีโทรศัพท์อรทัยเสียบอยู่ เผยให้เห็นตัวโทรศัพท์โผล่ออกมานิด อรทัยวางแผนใช้โทรศัพท์แอบถ่ายนวลนั่นเอง
สักครู่หนึ่งนวลเดินเฉิดฉายเข้ามานั่งตรงหน้า
“สวัสดีค่ะคุณอรทัย ไม่ทราบว่ามีอะไรให้ชั้นรับใช้เหรอคะ”
อรทัยเข้าเรื่องทันที “มีแน่ คราวนี้ชั้นอยากให้เธอไปแฉปิ่นมณีว่าความจริงแล้วเค้าทำอาชีพอะไร”
“ฉันมีธุรกิจของฉัน ไม่ได้รับจ้างแฉเรื่องชาวบ้าน”
อรทัยยิ้ม “ก็แค่พูดความจริง ปิ่นมณีเค้าขายตัวอยู่กับคุณจริงๆ ไม่ใช่เหรอ”
“ไอ้จริงน่ะมันก็จริง ถ้าชั้นไปแฉปิ่นอย่างนั้น ต่อไปจะมีเด็กที่ไหนกล้ามาทำงานกับชั้น”
อรทัยชะงัก
“อีกอย่าง เรื่องของปิ่นมณีอาจจะเป็นแรงบันดาลใจให้เด็กของชั้นก็ได้...ว่าไม่ว่าเราจะผ่านศึก ผ่านแขกมาเท่าไหร่ สุดท้ายก็อาจจะหาผู้ชายดีๆ รวยๆ ตระกูลใหญ่ๆ มาเป็นสามีแบบปิ่นมณีก็ได้...เสียใจด้วยนะคะ คุณอรทัย”
นวลเชิดออกไป อรทัยมองตามยิ้มหยัน พึมพำ
“ไม่ร่วมมือก็ไม่เป็นไร ชั้นได้สิ่งที่ชั้นต้องการแล้ว”
อรทัยหยิบโทรศัพท์ที่เสียบอยู่ในกระเป๋าถือออกมาดู เห็นว่าโทรศัพท์กดถ่ายวิดีโอไว้ อรทัยยิ้มร้ายสมใจ
ริมถนนทางจะไปบ้านเดช ในตอนเช้าวันใหม่ วิทย์ขับรถอยู่ละแวกนั้น หางตาของเขาเหลือบไปเห็นใครบางคนที่เดินอยู่ข้างทาง วิทย์เบรคเอี๊ยด! พบว่าเป็นแก้วตาถือถุงใส่ผัก ใส่ของสดเดินอยู่ข้างทาง วิทย์ดีใจ จะลงจากรถไปจัดการแก้วตา
วิทย์กำลังจะถึงตัวแล้ว ทันใดนั้นเดชเข้ามาหาแก้วตา วิทย์หลบวูบ
“แก้ว แก้วออกมาทำไม คุณอรเค้าอาจจะกำลังตามหาแก้วอยู่ ถ้าเค้าเจอแก้ว แก้วจะมีอันตรายนะ”
“แก้วออกมาซื้อของไปทำกับข้าวค่ะ เดี๋ยวเย็นนี้แก้วจะทำแกงเขียวหวานที่พี่ชอบให้นะคะ”
“ขอบใจมากนะแก้ว”
“อย่าขอบใจแก้วเลยค่ะ...แก้วทำร้ายพี่มามาก แก้วทำให้แค่นี้ เทียบกับสิ่งที่พี่ทำให้แก้วไม่ได้หรอกค่ะ
เดชยิ้มๆ แก้วตายิ้มตอบ
วิทย์จ้องเดชและแก้วตาอยู่ พึมพำออกมา
“หนีมาอยู่กับเดชนี่เอง”
ไม่นานต่อมาอรทัยฟังรายงานจากวิทย์อยู่ในห้องทำงานเดอะกลอรี่ ยิ้มสมใจอยู่
“มันหนีไปอยู่กับเดชนี่เอง มิน่า ถึงตามไม่เจอสักที...วิทย์ แกหาทางไปจัดการมัน”
“คุณอรจะให้ผมทำอะไรครับ”
“ชั้นอยากจะรู้ ว่าถ้าหน้าซื่อๆของมันต้องเสียโฉม มันจะได้ไปหลอกใครได้อีก”
อรทัยนัยน์ตาวาวโรจน์
อ่านต่อตอนที่ 15