วิมานมะพร้าว ตอนที่ 14
เดือนพิไลขับรถให้เสี่ยตงนั่ง พลางเจรจา เสี่ยตงอึดอัดไม่สบายใจ
“ป๊าขับเองก็ได้”
“หนูขับเองค่ะ ป๊าจะได้นั่งคุยสบายๆ ไม่ต้องพะวง”
“ทำไมต้องคุยกันในรถ ทำไมไม่คุยกันให้เสร็จๆ ไปเลยที่นั่น”
“หน้าต่างมีหูประตูมีช่อง หนูไม่อยากให้ใครเห็นว่าเราคุยกัน”
“หนูมูน ป๊าก็ไม่ใช่คนไม่มีประสบการณ์ มีเมียมีลูกแล้ว เรื่องของเรา...”
“ใช่ค่ะ ป๊าไม่เคยตอกบัตรหนู”
“แปลว่าอะไร ตอกบัตร”
“เราไม่ได้มีอะไรกัน คิดว่าหนูจะทำอย่างนั้นกับป๊าลงเหรอ แก่ขนาดนี้”
“หนูทำแบบนี้ทำไม หนูวางยาป๊า ทำให้ป๊าไม่มีสติแล้วก็จัดฉากทำเหมือนเราได้เสียกัน เพื่ออะไร”
“ป๊าไม่ใช่คนโง่ ไม่รู้เหรอคะ ว่ามูนทำไปเพื่ออะไร”
“แบล็กเมล์อั๊วเหรอ”
“ห้าสิบล้าน ไม่งั้นคลิปของป๊ากับหนูถึงมือเมียป๊าแน่”
“ไอ้หยา”
“จะให้หรือไม่ให้”
“อั๊วไม่ให้”
“งั้นหนูจะขับรถให้คว่ำซะตรงนี้ ให้เป็นข่าว พอนักข่าวมาสัมภาษณ์หนูก็จะประจานป๊าออกสื่อ”
“ลื้อมัน”
“เอาไง”
เดือนพิไลเหยียบคันเร่งเพิ่มความเร็วจนเสี่ยตงหลังติดเบาะ เสียวและเครียด
“อั๊วยังไม่อยากตาย”
จุลลาซ่อมเครื่องจักรอย่างขะมักเขม้น มีพี่โย้คอยช่วย แสบและลูกน้องช่วยกันอยู่อีกมุม คุณนายเง็กเข้ามายืนดูกับเจ๊พุ่ม เห็นความตั้งใจของจุลลาแล้วปลาบปลื้มใจ
“โหมทำกัน ไม่กิน ไม่พักกันเลยค่ะท่านรอง”
“เพราะอาหนูช่างจริงๆ ทำให้โรงงานของเรายังมีความหวัง แถมยังคลิกกันดังกริ๊กกับอาตี๋ของอั๊ว”
“แต่น่าเสียดาย ที่ไม่ได้กัน” คุณนายเง็กมองเจ๊พุ่มตาเขียว “ขอโทษค่ะ ที่ใช้คำบ้านๆ พูดใหม่ค่ะ เสียดายที่ไม่ได้รักกัน”
“นั่นสินะ อั๊วอยากจะให้อีอยู่ที่นี่ไปนานๆ อั๊วไม่อยากให้อีไปไหนเลยจริงๆ”
คุณนายเง็กมองจุลลาที่กำลังซ่อมเครื่องอย่างตั้งอกตั้งใจ เสียดาย
จุลลาซ่อมเครื่องอยู่กับพี่โย้ แสบและลูกน้อง จุลลายื่นมือให้พี่โย้
“คีม พี่โย้” ผีเถ้าแก่เป็นคนส่งคีมให้จุลลา “ขอบใจพี่โย้” จุลลาเงยหน้าเห็นผีเถ้าแก่ก็ตกใจ “เฮ้ย”
จุลลาเห็นพี่โย้กำลังคุยกับแสบเรื่องซ่อมเครื่อง
“มาให้กำลังใจ”
“ขอบคุณค่ะ”
“พูดเพราะว่ะ”
“ก็จะไปแล้วนี่ ก็ต้องทำดีๆ จะได้จากกันดีๆ”
“อาหนูช่าง” ผีเถ้าแก่อึ้ง
“หนูจะพยายามเต็มที่นะเถ้าแก่ โรงงานจะต้องอยู่ต่อไป คุณสืบสายจะต้องเปิดโปงไอ้ทรงเดชได้สำเร็จ ท่านประธานจะต้องเข้าใจคุณสืบสาย ทุกอย่างจะต้องคลี่คลาย เถ้าแก่จะได้ไปเกิดใหม่ ไม่ต้องมีห่วงอะไรอีก”
“ไม่ได้หรอก”
“ยังเหลืออะไรอีกล่ะ”
“ลื้อกับอาตี๋ไม่ได้กัน อั๊วไม่เห็นตอนจบที่แฮปปี้เอ็นดิ้ง อั๊วก็ไม่แฮปปี้ ไปเกิดใหม่ไม่ได้”
“ผีอะไรเนี่ย ได้คืบจะเอาศอก”
“ซ่อมกันไปถึงไหนแล้วล่ะ แผนกซ่อมบำรุง” เสียงทรงเดชดังขึ้น จุลลา ผีเถ้าแก่ชะงักหันไป ทุกคนหันไป เห็นทรงเดชเต๊ะจุ๊ยเข้ามา มองทุกคนเย้ยๆ จุลลาและผีเถ้าแก่โกรธทรงเดชมาก แสบและลูกน้องพร้อมลุย “เอาใจช่วยนะซ่อมให้เสร็จตามกำหนด โรงงานจะได้ไม่เจ๊งมากไปกว่านี้ แต่ฉันว่าไม่น่าจะรอด เพราะอาการหนักนี่ ฉันรู้ดี”
“น้องๆ ครับ ดึงพี่เอาไว้ครับ” แสบบอก
“ทำไมครับ”
“ไม่งั้น พี่อาจจะกระโดดไปต่อยปากใครบางคน”
“หึ! พวกแกอย่างมากก็ทำได้แค่เห่าไปวันๆ จะมีปัญญาทำอาไร้ฉันได้” ขาดคำของทรงเดชปุ๊บ จุลลาเข้าไปต่อยปากทรงเดชเปรี้ยง ทุกคนตกใจ เหวอ...จุลลาหายใจแรง หอบถี่ ด้วยความสะใจ “จุลลา”
“ทำไม”
จุลลาจ้องทรงเดชอย่างไม่เกรงกลัว บรรยากาศตึงเครียด
สืบสาย น้ำหวาน ครรชิตกำลังเดินมาจะเข้าออฟฟิศ ยามจ่อยวิ่งเป่านกหวีดผ่านไป จะเข้าไปในโรงงาน
“เกิดอะไรขึ้นยามจ่อย”
ยามจ่อยไม่ตอบแต่เป่านกหวีดบอกว่ามีเรื่องใหญ่โตรุนแรง แล้ววิ่งเข้าไปในโรงงาน สืบสายและน้ำหวานรีบวิ่งตามเข้าไปทันที
จุลลาปราดจะเข้าไปต่อยทรงเดชอีก
“ขออีกสักทีเหอะ”
“อย่า จูน อย่าแลก มันไม่คุ้ม”
“จูนยอม จูนทนไม่ไหวแล้ว”
พวกของแสบช่วยกันผลักทรงเดชเข้าไปหาจุลลา ผีเถ้าแก่ยืนดูเหตุการณ์
“ไฟ้ว์เลย เอาเลยเซ่”
ทรงเดชเบรกเอาไว้สุดตัว
“ฉันไม่อยากทำร้ายผู้หญิง”
“ถุย! ลื้อมันดีแต่เห่า”
“ฉันจะแจ้งความ ที่เธอทำร้ายร่างกายฉัน”
ทรงเดชขู่ ทุกคนหยุดชะงัก
“ร่วมกันทะเลาะวิวาทเว้ย ไอ้แสบ บอกมันไปซิ”
“พี่จูนป้องกันตัวเองต่างหาก” แสบบอก
“อะไร เห็นอยู่ชัดๆ ว่าฉันถูกยัยนี่ต่อย”
“ก็คุณเอาปากแกว่งไปกัดพี่จูนก่อนทำไม พวกเราเป็นพยาน”
หยิก เข่ง ถัด ยกมือกันพรึ่บ
“พวกแกมันหมาหมู่”
“ปากแกว่งมาอีกแล้วนะ ไอ้ส่งเดช”
จุลลาปรี่เข้าไปอีกรอบ สืบสาย น้ำหวาน ครรชิต ยามจ่อย วิ่งเข้ามาพร้อมเสียงนกหวีดของยามจ่อย
“หยุด มีอะไรกัน”
ทุกคนชะงัก จุลลา ทรงเดชมองหน้ากันเหมือนจะกินเลือดกินเนื้อ สืบสายมองทุกคนด้วยความเคร่งเครียด
ทุกคนนิ่งสงบ แต่จุลลาจ้องทรงเดชไม่วางตา นั่งกันคนละฝั่ง ผีเถ้าแก่อยู่กับสืบสาย สังเกตการณ์
“ฉันไม่สนว่าใครเริ่ม ใครต่อ หรือใครถูกใครผิด”
“นายพูดแบบนี้ เหมือนนายเข้าข้างจุลลา เข้าข้างคนผิด”
“หรือจะให้ตำรวจเข้ามายุ่ง ทรงเดช” ทรงเดชอึ้ง “ถ้านายคิดว่าพร้อมที่จะให้ตำรวจเข้ามา ก็ไปแจ้งความเลย”
“ให้มันไปแจ้งเลย จะโดนอะไรก็โดน” จุลลาบอกอย่างทนไม่ไหว
“จุลลา นั่งลง”
จุลลานั่งลง ผีเถ้าแก่อ่านใจสืบสายออก คุยกับจุลลา
“อาตี๋อีกำลังช่วยลื้ออยู่นะอาหนูช่างใจเย็น อีรู้ว่าไอ้ส่งเดชมันไม่ได้อยากยุ่งกับตำรวจหรอก คดีเก่ามันยังอยู่
ถ้าเรื่องถึงตำรวจ มันก็จะเป็นผลเสียกับอี”
จุลลาอึ้ง เงียบ
“จูน ใจเย็นนะ ใจเย็น เลิกรากันเถอะ เรามีงานต้องทำอย่าไปเสียเวลากับเรื่องไม่เป็นเรื่องเลย”
“คุณโย้พูดถูก เธอมีเวลาถึงวันพรุ่งนี้ไม่เกินบ่ายโมง เครื่องจักรทุกตัวต้องพร้อมเดินสายการผลิต เป็นผู้ใหญ่หน่อยไม่ใช่เอาแต่อารมณ์ มุทะลุ”
จุลลาและทุกคนอึ้ง จุลลามองหน้าสืบสายอย่างไม่พอใจ
“สุดท้ายก็คิดแค่ผลประโยชน์ของตัวเองใช่มั้ย”
“ไม่ใช่ แต่ฉันเตือนเธอในฐานะเพื่อน”
“ทุกคน ไปกันเถอะ ทำให้เสร็จทันตามกำหนด ฉันไม่อยากให้เพื่อนของฉันต้องเสียผลประโยชน์” จุลลาตัดบท
“งี่เง่า”
ทุกคนอึ้ง จุลลาหันขวับ
“เออ”
จุลลาเดินเหวี่ยงออกไป แสบและทุกคนตามออกไป สืบสายยืนถอนใจอยู่กับครรชิต ทรงเดชยิ้มเยาะ ผีเถ้าแก่ชะโงกหน้าไปมองหน้าทรงเดช
“ยิ้มไปเลยไอ้ส่งเดช เพราะเวลาที่ลื้อจะยิ้มได้อีกไม่นาน ไอ้ปลวก”
ทรงเดชสะดุ้ง
จุลลาเดินออกมากับพี่โย้ แสบและลูกน้อง เห็นน้ำหวานยืนรอสืบสายอยู่ ทุกคนอึ้งมองหน้าน้ำหวาน น้ำหวานก็อึ้งมองหน้าจุลลาและทุกคน ไม่พูดอะไร มองไปทางอื่น
“เดี๋ยวนี้ จะไม่รู้จักกันแล้วใช่มั้ย” จุลลาพูดกับน้ำหวาน
“ค่ะ เพราะน้ำหวานจะไม่คุยกับคนที่ทำให้น้ำหวานผิดหวังและเสียศรัทธา”
“ก็ดี จะได้จบๆ ไปทั้งเรื่องงานและเรื่องคน ขอให้โชคดีในทุกๆ เรื่องนะน้ำหวาน โดยเฉพาะเรื่องความรัก”
“ความรักของน้ำหวานต้องดีแน่นอน” น้ำหวานปรายตามองแสบที่มองน้ำหวานมาอย่างเจ็บปวด “นับถอยหลังรอได้เลย อีกไม่นานนี้แน่นอน ทุกคนต้องได้ยินข่าวดีของน้ำหวาน”
แสบถึงกับสะอึก
“จูน รีบไปเถอะ”
จุลลา พี่โย้และทุกคนรีบออกไป น้ำหวานมองตามทุกคนอย่างเจ็บปวด แต่ก็ตัดใจ เดินออกไปอีกทาง
ทรงเดชเดินมาอย่างสบายใจเฉิบ สืบสายเข้ามาข้างหลัง เรียกเอาไว้ นิ่งๆ แต่ทรงพลัง
“เดี๋ยวก่อนทรงเดช”
ทรงเดชชะงัก หันไป
“มีอะไร ฉันไม่มีเวลาคุยด้วยหรอกนะ ฉันต้องไปเตรียมงานวันเกิดโรงงาน พรุ่งนี้แล้วนะสืบ”
สืบสายเข้ามาประชิด มองหน้าทรงเดช แล้วพูดเสียงเข้ม
“ฉันขอเตือนนาย นายยังมีโอกาสหยุดทุกอย่างในตอนนี้”
“หยุดอะไร นายพูดอะไร สืบ”
“นายรู้ดีว่าฉันพูดถึงอะไร ฟังนะ ถ้านายไม่หยุด ฉันจะเป็นคนหยุดนายเอง”
“มีปัญญาเหรอสืบสาย”
“ไม่ได้มีแต่นายคนเดียวที่มีปัญญา ฉันก็มี แต่สิ่งที่เราสองคนต่างกันก็คือนายใช้ปัญญาของนายในทางที่ผิด ส่วนฉัน ฉันใช้มันเพื่อทำในสิ่งที่ถูกต้อง”
“เก่งจังนะ กับเรื่องกดให้คนอื่นดูต่ำกว่า”
“ฉันไม่เคยกดใครให้ต่ำกว่า มีแต่คนๆ นั้นทำตัวให้ต่ำลงเอง” ทรงเดชอึ้ง “ถ้านายไม่เชื่อฉัน นายจะได้เห็นจุดจบของตัวเอง ซึ่งมันคงไม่สวยนัก”
สืบสายสำทับด้วยสายตาที่เอาจริง จนทำให้ทรงเดชอดครั่นคร้ามไม่ได้ สืบสายเดินออกไป ทรงเดชเจ็บใจ และยิ่งเพิ่มแรงผลัก
“จุดจบของพวกแกต่างหาก ไอ้สืบสาย”
จุลลา พี่โย้ แสบและลูกน้องซ่อมเครื่องจักรอย่างขะมักเขม้น ผีเถ้าแก่สังเกตการณ์ด้วยความลุ้น เดินไปเดินมาอยู่ใกล้ๆ จุลลา
“จะทันมั้ยวะอาหนูช่าง”
“ทันสิ ต้องทัน เดี๋ยวจะลองเดินเครื่อง อีกไม่กี่อึดใจ”
“โอเค”
ผีเถ้าแก่เดินไปเดินมาอีก
“หยุดเดินก่อนได้มั้ยเถ้าแก่ หนูปวดหัว”
“ไม่ได้ว่ะ ลื้อก็อย่ามองสิ ทำไป”
“เฮ้อ”
จุลลาหันหลังให้ผีเถ้าแก่เลย ซ่อมเครื่องต่อไป เจ๊พุ่มเดินนำเจ๊อ้อยถือกล่องข้าวมาโดยมียามจ่อยที่ออกเวรแล้วช่วยถือ
“ทุกคนข้าวมาแล้ว กินก่อนเร็ว”
“เดี๋ยวค่อยกิน”
“ให้เจ๊ป้อนมั้ยไอ้แสบ” เจ๊อ้อยถาม แสบเปลี่ยนใจทันที
“ทุกคน กินข้าวก่อน ถ้าไม่อยากซวยปาก”
“มันน่าตบปากจริงๆ”
แสบและลูกน้องมาแกะข้าวกล่องกินกัน เจ๊พุ่ม เจ๊อ้อย ยามจ่อยช่วยจัดการ พี่โย้รับข้าวกล่องมา เดินมาหาจุลลา
“จูน วางมือก่อนเถอะ”
“กินเลยพี่โย้ จูนไม่หิว อีกนิดก็จะเสร็จแล้ว”
“งั้นพี่ป้อนนะ”
“เฮ้ยๆๆๆ ไอ้โย้ ถือโอกาสเลยนะ” ผีเถ้าแก่รีบบอก จุลลาเซ็งผีเถ้าแก่
“พี่น้องจะป้อนข้าวกัน มีปัญหาอะไรนัก หา! ป้อนเลยพี่โย้”
พี่โย้จัดการป้อนข้าวจุลลา ผีเถ้าแก่เซ็ง สืบสายเข้ามากับครรชิตเพื่อมาดูการทำงานเห็นพี่โย้ป้อนข้าวจุลลาอยู่ สืบสายถึงกับชะงัก
“อุ๊ตะ นอกจากจะมาช่วยซ่อมเครื่องจักรแล้ว ยังอาสาป้อนข้าวให้คุณจุลลาอีกด้วย วันนี้ใจแข็งไม่รับรัก อีกไม่นาน ใจอ่อนชัวร์ ว่ามั้ยครับบอส”
“อืม อยู่เป็นเพื่อนพวกเค้าทำงาน คืบหน้ายังไง โทรบอกฉันด้วย”
“อ้าว บอสไม่อยู่ด้วยกันเหรอครับ”
“ฉันมีอย่างอื่นต้องทำก่อน”
สืบสายมองจุลลากับพี่โย้อีกครั้ง อย่างเสียดแทงใจ ก่อนจะรีบเดินออกไป ครรชิตรีบเดินมาหาพวกของแสบ
“อ้าว คุณเลขา บอสล่ะ กลับไปแล้วเหรอ”
“ครับ พอดีบอสมีเรื่องอื่นต้องไปทำก่อนนะครับ”
จุลลาได้ยิน อดน้อยใจไม่ได้
“ชิ”
“ชิ บอกแล้วว่าอย่าป้อนๆ ชิๆๆๆ”
เสี่ยตงนั่งเครียดอยู่ในบ้าน สืบสายเดินเข้ามา
“ป๊าครับ”
“สถานการณ์ที่โรงงานเป็นยังไงบ้างอาตี๋”
“กำลังจะทดลองเดินเครื่องครับ ถ้าไม่มีปัญหาอะไร ก็จะซ่อมเสร็จตามกำหนดเวลาที่ป๊าบอกไว้”
“ถ้าเครื่องจักรเสร็จทัน อั๊วก็จะมีหน้าไปยืนยันกับลูกค้าในงาน ขอให้เชื่อมั่นในศักยภาพของเราต่อไปได้ และอั๊วก็จะมีห้าสิบล้านไป...” สืบสายอึ้ง
“ห้าสิบล้าน ป๊าจะเอาเงินห้าสิบล้านไปทำอะไรครับ”
“ไม่มีอะไรหรอก อั๊วก็พูดอะไรไปเรื่อยเปื่อย” เสี่ยตงเปลี่ยนเรื่อง “ได้ข่าวว่าลื้อกับหนูน้ำหวานสนิทสนมกันมากขึ้น”
“ครับ”
“ก็ดีนะ ถ้าเป็นอาหนูน้ำหวาน อีเป็นเด็กดี อั๊วเคยมองข้ามอีแต่กลับไปเห็นดีเห็นงามกับผู้หญิงคนื่นที่สวยแต่รูปจูบไม่หอม”
“ป๊าหมายถึงเดือนพิไล” เสี่ยตงนิ่ง “วันนี้ป๊าไปพบคุณเดือนพิไลทำไมครับ”
เสี่ยตงตกใจ
“อาตี๋ ลื้อรู้เรื่องด้วยเหรอ”
เดือนพิไลมาหาทรงเดชที่บ้าน
“มันขอเวลาสองอาทิตย์ หลังจากงานวันเกิดโรงงาน”
เดือนพิไลบอกทรงเดช
“ดี”
“แล้วจะแบ่งเงินกันยังไง”
“ฉันให้เธอหมดเลย”
“อะไรนะ นี่ฉันหูเฝื่อนไปหรือเปล่าเนี่ย” เดือนพิไลตื่นเต้นมาก
“ถือเป็นโบนัสที่เธอยอมทำงานให้ฉัน เงินแค่นั้นฉันไม่เสียดายหรอก เพราะสิ่งที่ฉันจะได้รับจากเสี่ยจ๋ายมันมากกว่านั้นเยอะ”
“เสี่ยจ๋ายเป็นใคร”
“อย่ารู้เลย ไม่ใช่เรื่องที่เธอควรจะรู้”
“ก็ไม่ได้อยากรู้เท่าไหร่ อ้อ ช่วยจัดการลบไฟล์รูปอุบาทว์นั่นไปได้แล้ว อย่าให้รู้ให้เห็นว่ามันหลุดไปไหนนะ อย่าลืมว่าฉันยังอยู่ พร้อมจะแฉแกได้ทุกเมื่อ”
“ฉันฉลาดพอที่จะไม่ทำอะไรเข้าตัวเองหรอกน่า”
“ฉันจะกลับล่ะ”
“เชิญ”
เดือนพิไลเดินออกไป แต่ก็ไม่ได้ไว้ใจทรงเดชนัก รู้สึกว่ามันง่ายเกินไป ทรงเดชยิ้มกริ่ม เห็นเดือนพิไลออกไปแล้วจึงหยิบมือถือของเดือนพิไลที่ตัวเองแอบหยิบไว้ขึ้นมาแล้วนึกถึงภาพในอดีต
ทรงเดชยืนรอเดือนพิไล เดือนพิไลเข้ามาด้วยอาการประสาทตื่น
“ฉันต้องการน้ำ ได้ยินมั้ย น้ำ”
“อย่าตื่นเต้นนักสิ ใจเย็นๆ”
“เกิดมาฉันยังไม่เคยต้องไปขู่ใครอย่างนี้ นี่มันของจริง ไม่ใช่เล่นละครฉันเครียด”
เดือนพิไลวางกระเป๋าสะพาย รีบเข้าข้างในไป ทรงเดชรีบค้นกระเป๋าเดือนพิไล หยิบมือถือขึ้นมาซ่อนทันที
ทรงเดชเปิดคลิปในมือ ยิ้มกริ่ม เตรียมกดส่ง...
อ่านต่อพรุ่งนี้ เวลา09.30น.
ที่บ้านสืบสาย เสี่ยตงเดินหนีสืบสาย
“มันเกิดอะไรขึ้น มีเรื่องอะไรระหว่างป๊ากับเดือนพิไลครับ” เสี่ยตงอึ้ง อึดอัด “ป๊าครับ เดือนพิไลมาคุยอะไรกับป๊า ป๊าบอกผมมาเถอะครับ”
“เอ๊ะ อั๊วบอกว่าไม่มีอะไรก็ไม่มีอะไรสิ อีก็แค่มาคุยสารทุกข์สุกดิบกับอั๊วเฉยๆ”
“ป๊ากำลังโกหกผม ผมไม่เชื่อ”
“ทำไมอั๊วต้องโกหกลื้อด้วย อั๊วพูดแต่ความจริง”
“อร๊าย!”
เสียงคุณนายเง็กดังออกมา สืบสาย เสี่ยตง ตกใจ
“อาเง็ก”
“ม้า”
ผีเถ้าแก่หันขวับด้วยความตกใจ
“อาเง็ก”
จุลลาชะงักมือการทำงาน หันมองผีเถ้าแก่อย่างแปลกใจ ผีเถ้าแก่หายตัวไปทันที จุลลาอยากรู้ ว่าเกิดอะไรขึ้น มันต้องไม่ใช่เรื่องดี
“ตัวนี้เรียบร้อยแล้ว ไอ้แสบ ลองเดินเครื่อง เดี๋ยวฉันมา”
จุลลาวิ่งออกไปทันที
คุณนายเง็กมองมือถือตัวเองกรีดร้องอยู่
“อ๊าย!”
ป้าเมี่ยงเข้ามาอย่างตกใจ
“ท่านรอง ท่านรองเป็นอะไรไปคะ”
คุณนายเง็กตกใจ ปากคอสั่น
“อาเมี่ยง อาเมี่ยง”
ผีเถ้าแก่ปรากฏตัวตกใจ
“เกิดอะไรขึ้น อาเง็ก”
“ในมือถืออั๊ว ในมือถืออั๊ว”
สืบสายและเสี่ยตงวิ่งเข้ามา
“อาเง็ก”
“ม้า”
“มือถือลื้อเป็นอะไร มีอะไร ตกใจกันหมดทั้งบ้านแล้ว”
“มือถืออั๊ว พัง”
“พัง”
“เออ! อยู่ๆ หน้าจอก็ดับอ่ะ อั๊วเพิ่งซื้อมานะ มันจะพังได้ยังไง”
ผีเถ้าแก่เซ หาที่ยึด
“นึกว่ามีเรื่องอะไรอีก หัวใจอั๊วจะวายตาย ตายเป็นรอบที่สอง”
เสี่ยตงถึงกับทรุดฮวบด้วยความโล่งใจ สืบสายสังเกตเสี่ยตง ยังคงติดใจเรื่องเดือนพิไล
เดือนพิไลเดินมา รู้สึกเอะใจ
“หึ ฉันกำลังจะเป็นเศรษฐีนี ตั้งห้าสิบล้าน คนแรกที่ฉันจะต้องโทรไปเย้ยคืออีเจ๊บี” เดือนพิไลควานหาโทรศัพท์ในกระเป๋า แต่ไม่เจอ “มือถือ มือถือฉันอยู่ไหน” เดือนพิไลฉุกคิดขึ้นมาได้ “ไอ้ทรงเดช”
ทรงเดชนั่งหัวเราะอยู่คนเดียวอย่างสะใจ ดื่มเครื่องดื่มสบายใจ
“เปลี่ยนใจยังไม่ส่งไปดีกว่า ต้องรอเวลาที่เหมาะสม ฮ่ะๆๆๆ เวลาที่ชีวิตของแกต้องพัง พังทั้งหมด ไอ้สืบสาย”
สืบสายเดินออกมา นั่งเครียด เหม่อมองดวงจันทร์ พลางถอนใจ จุลลารีบเดินเข้ามาอย่างร้อนใจ เห็นสืบสายนั่งอยู่ เข้าไปถาม
“คุณสืบสาย แม่คุณเป็นอะไรหรือเปล่า”
“เธอรู้ได้ยังไง”
“อากงคุณอยู่กับฉัน ฉันเห็นแกตกใจเรียกชื่อท่านรองแล้วก็หายตัวไป”
“ไม่มีอะไรหรอก เครื่องจักรเป็นยังไงบ้าง”
“กำลังลองเครื่อง น่าจะไม่มีปัญหาอะไร”
“ขอให้เป็นอย่างนั้น อย่าให้มีปัญหาอะไรเกิดขึ้นอีกเลย”
สืบสายนิ่งไป เครียด ไม่พูดอะไรต่อ จุลลาก็ไม่กล้าพูดอะไร เสียงมือถือจุลลาดังขึ้น จุลลารีบรับ
“ว่าไงไอ้แสบ! อะไรนะ”
จุลลาตกใจ สืบสายหันมา ตกใจ
คุณนายเง็กกับป้าเมี่ยงกำลังรุมดูมือถือว่าพังเพราะอะไร ผีเถ้าแก่นั่งอ่อนแรงกับเสี่ยตงท่าเดียวกันเป๊ะ ผีเถ้าแก่ตกใจ หันขวับไปทางหน้าบ้าน
“หา มีเรื่องอะไรอีกแล้วเรอะ ช่วงนี้อะไรมันจะฮ็อตตลอดเวลาวะ”
ผีเถ้าแก่หายตัวไป
วิมานมะพร้าว ตอนที่ 14 (ต่อ)
จุลลา สืบสายวิ่งมาดูที่เครื่องจักร พี่โย้ แสบและลูกน้องรุมดูอยู่ ผีเถ้าแก่ปรากฏตัวมาดูด้วย
“เกิดอะไรขึ้น มีปัญหาอะไร”
“น้ำมันเครื่องยังรั่วอยู่เลยจูน”
“แต่ไม่รู้ว่ารั่วตรงไหน ต้องหาก่อนพี่”
“รีบๆ เลย ช่วยกันหา ตัวนี้ใช่มั้ย”
“ทุกตัวเลยพี่จูน”
จุลลา สืบสายตกใจมาก
“ทุกตัว”
จุลลานำแสบและพี่โย้ไปเช็คที่เครื่องจักร ทุกคนกระจายกำลังกัน ระดมช่วยหา
“พวกเราจะช่วยอะไรพวกนายช่างได้หรือเปล่าวะ ไอ้จ่อย” เจ๊พุ่มถามยามจ่อย
“ไม่ทราบครับผม ตอนนี้ผมตื่นเต้นจนทำอะไรไม่ถูกแล้วครับ”
“ช่วยเชียร์ให้กำลังใจกันเถอะ กำลังใจสำคัญที่สุดในยามคับขัน”
“เชียร์ไงวะ”
“ร้องเพลงเชียร์ไงครับ”
“ดีๆ เพื่อคลายความตึงเครียด”
ครรชิตร้องเพลงประกอบการเต้น
“หากว่าเรากำลังสบายจงปรบมือพลัน”
“ป๊าบ ป๊าบ”
“โว้ย”
“คนต้องการสมาธิ ไม่ต้องเชียร์! เงียบ!”
ผีเถ้าแก่และชาวคณะจ๋อย
“จะเสร็จเรียบร้อยทันพรุ่งนี้ก่อนบ่ายโมงมั้ย” สืบสายถาม
“พี่โย้ บอกเค้าไปซิ ว่าจะพยายาม”
“ฉันต้องการความมั่นใจ ไม่มีคำว่าจะ”
“ฉันบอกแล้วไงว่าจะพยายาม”
“แสดงว่าอาจจะไม่ทัน เพราะเธอไม่ได้รับปากฉัน”
“เพราะฉันไม่แน่ใจว่าเสร็จเรื่องนี้แล้ว เรื่องไหนมันจะโผล่ขึ้นมาอีก”
“เธอต้องทำให้ได้”
“อย่ามาตะคอก”
“หยุดทะเลาะกันก่อนได้มั้ย”
ทั้งจุลลาและสืบสายเงียบ อึมครึมกันไปหมด สืบสายเครียดจัด เดินออกไป จุลลาฮึดฮัด ผีเถ้าแก่มองตามสืบสายอย่างเห็นใจ
“อาตี๋”
“คุณเลขา ตามไปปลอบใจบอสหน่อยสิ”
“ณ จุดๆ นี้ ควรปล่อยให้บอสอยู่คนเดียวดีกว่าครับ”
จุลลาตั้งสติ หันมาจัดการแก้ปัญหา
“ขอโทษนะทุกคน โอเค ทำใจให้สบาย ทำทุกอย่างให้เต็มที่”
“ทุกคนสู้ๆ เพื่ออนาคตของเราทุกคน”
จุลลาและทุกคนหันไปดูเครื่องจักร ผีเถ้าแก่มองด้วยความซึ้งใจ
“ขอบใจทุกคนมากนะ ครอบครัวอั๊วโชคดีจริงๆ ที่มีพวกลื้อคอยสนับสนุน”
สืบสายเดินออกมา หยุดยืนนิ่ง เครียดจัด จนกำลังจะระเบิด
จุลลาเดินมาจะมากินน้ำในกระติกที่วางไว้ เหนื่อยอ่อน เนื้อตัวมอมแมมเปรอะเปื้อน ผีเถ้าแก่ยื่นแก้วน้ำให้จุลลา
“อ่ะ”
“ขอบคุณค่ะ”
“เหนื่อยมั้ย” จุลลาส่ายหน้า ไม่ตอบ กินน้ำ “ทุกคนเครียด โดยเฉพาะอาตี๋”
“หนูรู้”
“อย่าโกรธอีนะ” จุลลาส่ายหน้า “ไปปลอบใจอีหน่อยสิ”
“เค้าคงอยากอยู่คนเดียว หนูไปทำงานต่อล่ะ”
จุลลาคืนแก้วให้ผีเถ้าแก่ แล้วออกไป ผีเถ้าแก่ยืนเก๊กซิม
สืบสายยืนเครียดจนน้ำตาซึม พยายามจะกลั้นเอาไว้ แต่ก็กลั้นเอาไว้ไม่อยู่ มันถึงจุดระเบิด จุลลาก้าวเข้ามายืนดูสืบสายอยู่ห่างๆ เงียบๆ จุลลาเห็นแผ่นหลังของสืบสายสั่น รู้ได้ทันทีว่าสืบสายกำลังร้องไห้อยู่คนเดียว จุลลาสงสารสืบสาย อยากจะเข้าไปปลอบใจ ใจจะขาด ยืนน้ำตาซึมไปด้วย ทุกข์ไปกับสืบสาย
สืบสายและจุลลายืนร้องไห้ด้วยกัน แต่ไม่เห็นกัน
เช้าวันรุ่งขึ้น เสี่ยตง คุณนายเง็กยืนต้อนรับแขกที่มางานเห็นป้ายชื่องานติดเอาไว้ “งานครบรอบวันสถาปนา 45 ปี บริษัท ปาล์มโปรดักส์ จำกัด” ทรงเดชคุยกับแขกคนหนึ่งที่มุมหนึ่ง น้ำหวานมากับเตี่ยและแม่ มาทักทายเสี่ยตงและคุณนายเง็กพร้อมกระเช้าแสดงความยินดี
“สวัสดีค่ะ ท่านประธาน ท่านรอง”
เสี่ยตง คุณนายเง็กรับไหว้น้ำหวาน สืบสายเดินมากับครรชิต น้ำหวานเห็นสืบสายดีใจ เข้าไปหา
“บอสคะ สวัสดีค่ะ สวัสดีค่ะคุณครรชิต”
“สวัสดีครับผม”
สืบสายไหว้เตี่ยและแม่น้ำหวาน
“สวัสดีครับ”
เตี่ยและแม่น้ำหวานรับไหว้ สืบสายและน้ำหวานแยกไปคุยกันที่มุมหนึ่ง
“ยินดีด้วยนะ เฮียตง”
เสี่ยตงหน้ายังเศร้าและเป็นกังวล
“ขอบใจนะ”
“ยินดีด้วยนะคะเฮีย เจ๊”
“ขอบใจพวกลื้อมากนะ คิดว่าจะไม่มาร่วมแสดงความยินดีกันซะแล้ว”
“เราแยกแยะได้น่า อีกอย่างอีสองคน ดูจะเข้ากันได้ดีโดยที่เราไม่ต้องบังคับ”
เสี่ยตงและคุณนายเง็กมองสืบสายและน้ำหวาน แต่ไม่ได้ยินดีอย่างที่ควรจะเป็น
“นั่นสินะ”
เสี่ยตงมองเห็นเสี่ยจ๋ายเดินมากับลูกน้องประกบซ้ายขวา เสี่ยตงหน้าเครียดทันที
“เสี่ยจ๋าย”
คุณนายเง็ก เตี่ย แม่น้ำหวาน ครรชิตเห็นเสี่ยจ๋าย ตกใจ ในขณะที่ทรงเดชยิ้มกริ่ม สืบสาย น้ำหวานหันมาเห็นเสี่ยจ๋ายก็ตกใจ หันไปสังเกตทรงเดชทันที และก็ได้เห็นรอยยิ้มกริ่มของทรงเดช สืบสายเอะใจ ต้องมีอะไรไม่ชอบมาพากล
เสี่ยจ๋ายเดินมาหาเสี่ยตง รับกระเช้ามาจากลูกน้อง แล้วมอบกระเช้าให้เสี่ยตง
“ยินดีกับวันนี้ด้วยนะเสี่ยตง”
“ขอบคุณ”
เสี่ยตงรับกระเช้า แต่เสี่ยจ๋ายขืนเอาไว้ ทั้งที่หน้ายิ้ม แสดงถึงการท้าทาย ทำให้เสี่ยตงตึงเครียด ทั้งหมดอยู่ในสายตาของสืบสาย
สืบสายพาเสี่ยตงมาคุยเป็นการส่วนตัว แล้วยื่นโทรศัพท์ให้ดูรูปทรงเดชกับเสี่ยจ๋ายในร้านอาหารให้เสี่ยตงดู
“ทรงเดชนัดเจอกับเสี่ยจ๋าย สองคนนี้กำลังร่วมมือกันทำอะไรสักอย่าง” เสี่ยตงอึ้ง
“ลื้อรู้ได้ยังไง”
“ผมมีเซ้นส์”
“เหลวไหล ลื้อนี่ เชื้อไม่ทิ้งแถวอากง กับม้าลื้อจริงๆ อั๊วไม่เชื่อ”
เสี่ยตงเดินหนี สืบสายหันไปพูดอีก
“คนของผมเห็นเดือนพิไลออกมาจากบ้านของทรงเดช” เสี่ยตงชะงัก “แล้วต่อมา แล้วต่อมาคนของผมก็ตามไปเห็นเดือนพิไลนัดพบกับป๊า”
เสี่ยตงหันมา ไม่พอใจ
“ลื้อให้คนคอยจับตาดูทรงเดชงั้นรึ”
ทรงเดชเข้ามา
“ฉันเสียใจและไม่อยากจะเชื่อเลยว่านายจะทำเรื่องที่ละเมิดสิทธิ์ส่วนบุคคลของฉันได้ขนาดนี้”
“ป๊าฟังผมนะ...”
“ผมคือคนที่ถูกทำร้ายอยู่นะครับป๊า ใส่ความผมโดยที่ไม่รู้ต้นสายปลายเหตุ ถ้าป๊าอยากจะรู้ว่าทำไมเดือนพิไลไปหาผมที่บ้านผมอธิบายได้”
สืบสายขัด แย่งพูดไม่อยากให้ทรงเดชได้พูด
“ป๊าครับ มีเหตุผลเดียวที่เดือนพิไลจะไปหาทรงเดช คือร่วมมือกันทำลายเรา”
“เพราะผมรู้ว่าป๊ามีอะไรกับเดือนพิไล และยัยนั่นคิดจะหักหลังป๊า ผมเลยเรียกมาเจรจาเพื่อช่วยป๊า แต่ยัยนั่นไม่ยอม” ทรงเดชขัด สืบสายตกใจ เสี่ยตงอึ้ง ไม่คิดว่าทรงเดชจะพูดออกมา
“ป๊ากับเดือนพิไล จริงเหรอครับ”
“ทรงเดช ลื้อหยุดพูด”
“ผมขอโทษครับป๊า แต่ผมแค่อยากให้ป๊ารู้ว่า ผมมีแต่ความปรารถนาดี และบริสุทธิ์ใจให้กับทุกคนที่นี่ แต่ในเมื่อสืบสายกล้าดูหมิ่นผมถึงขนาดนี้ ผมเห็นทีจะอยู่ไม่ได้” เสี่ยตงอึ้ง “และเรื่องต่างๆ ที่ผมเคยคุยเอาไว้ เพื่อเป็นช่องทางในการช่วยป๊า ผมก็คงต้องไปบอกยกเลิกเพราะป๊าและสืบสายอคติกับผมไปแล้ว ป่วยการที่ผมจะนำเสนอสิ่งดีๆ มาให้”
ทรงเดชจะออกไป
“เดี๋ยวก่อน อาทรงเดช ลื้อไม่ต้องไปไหน อั๊วยังต้องการความช่วยเหลือจากลื้อ”
ทรงเดชรีบเข้ามาเลีย
“ป๊าไม่ต้องห่วงนะครับ เราจะหาทางช่วยกันแก้ไขเรื่องนี้ม้าจะต้องไม่รู้เรื่องนี้ เข้าใจมั้ยสืบ อย่าเผลอพูดออกไป
ถ้าไม่อยากให้ครอบครัวล่มสลาย”
สืบสายกำหมัดแน่น ด้วยความแค้นใจทรงเดช รู้ทั้งรู้ แต่ยังไม่มีหลักฐานจัดการ ผีเถ้าแก่ที่นั่งหันหลังฟังอยู่ตลอดเวลาตั้งแต่แรกอยู่แล้วกัดฟันกรอดๆ แค้นใจไม่ต่างไปจากสืบสาย สืบสายจะเลี่ยงไป
“เดี๋ยวก่อน อาตี๋” สืบสายชะงัก
“ครับ”
“กำลังจะหมดเวลาของลื้อและจุลลา สำหรับการพิสูจน์ตัวเองแล้ว”
สืบสายอึ้ง ยิ่งเครียด ผีเถ้าแก่มาอยู่ข้างสืบสาย มองเสี่ยตงตาเขม็ง อารมณ์ปะทุมาก
จุลลาและทุกคนยืนดูเครื่องจักร ทุกคนทิ้งเครื่องมือ คอตก มองหน้ากัน ทรุดลงนั่ง หมดแรง
“อะไร ยังไงนายช่าง ทำไมหยุดเสียดื้อๆ อย่างนี้ล่ะ หา”
“ทำทุกอย่างแล้ว แต่ก็ยัง...เปิดเดินเครื่องไม่ได้ เวลาเราน้อยเกินไป”
“แปลว่าซ่อมเสร็จไม่ทัน”
“ไม่สำเร็จ”
“เจ๊ง”
“เตรียมหางานใหม่”
เสียงมือถือของจุลลาดังขึ้น จุลลาถอนใจ หยิบขึ้นมาดูหน้าจอ ถอนใจเฮือกใหญ่ก่อนจะรับสาย
“ฮัลโหล ฉันกำลังจะไปชี้แจงด้วยตัวเอง”
จุลลาคอตก วางสาย
“จูน พี่ไปเป็นเพื่อน”
“พวกเราด้วย”
“ไม่เป็นไรหรอก ทุกคนเหนื่อยกันมามากแล้ว ไปพักผ่อนนอนหลับเถอะ”
“จะหลับตาลงไปได้ยังไงพี่จูน ถูกไล่ออกยกชุดแน่นอน ไหนๆ ก็ไหน ไปให้ถูกตะเพิดไล่ออกมาดีกว่า สะใจดี ฟิน”
“ก็ดี คนเยอะเวลาเศร้า จะได้ไม่เหงา”
“ทุกคน ยาวไป”
แสบนำขบวนเดินนำไป จุลลายิ้มประทับใจลูกน้อง ก่อนจะเดินไปกับพี่โย้ ตามพวกของแสบไป
สืบสายวางสายมือถือคอตก ครรชิตอยู่ด้วย ตกใจ
“ลักษณะแบบนี้ แปลว่า...”
“จุลลา ซ่อมเสร็จไม่ทัน”
คุณนายเง็กเข้ามาอย่างร้อนใจ
“อาตี๋ เป็นไงบ้าง” สืบสายส่ายหน้า เสี่ยตงเข้ามากับทรงเดช
“แล้วจะเสร็จเมื่อไหร่”
“จุลลากำลังมา เธอจะตอบคำถามป๊าเองครับ”
“ขี้โม้ ทำไม่ได้อย่างที่พูด แค่นี้ก็แสดงให้เห็นแล้วว่าอีเชื่อไม่ได้”
“แล้วลูกค้าที่อยู่ในงาน จะเชื่อมั่นในศักยภาพของเราเหรอครับป๊า”
“มันคงเลี่ยงไม่ได้แล้วสินะ อั๊วคงต้องใช้วิธีของอั๊ว”
เสี่ยตงตัดสินใจบางอย่าง ทรงเดชแอบยิ้ม สืบสาย คุณนายเง็ก ครรชิตและทุกคนมองหน้ากัน แปลกใจเสี่ยตงจะเอายังไง ผีเถ้าแก่ปรากฏตัว
“คิดจะยอมขายหุ้นให้ไอ้เสี่ยจ๋าย เพื่อรักษาโรงงาน กับจ่ายให้ยัยเดือนพิไล เพื่อปิดปากเรื่องคลิป ถ้าอย่างนั้น อั๊วคงต้องใช้วิธีของอั๊วเหมือนกันไอ้ตง”
สืบสายเดินเครียดออกมา ครรชิตตามติด
“ท่านประธานจะใช้วิธีอะไรครับบอส”
“ฉันไม่รู้”
“จุดธูปเรียกผีท่านเจ้าสัวมาช่วยดีมั้ยครับ มาหลอกให้กระเจิงกันไปให้หมด หัวใจวายตายกันทั้งงาน ก็จะไม่มีอะไรเกิดขึ้น จบ”
“ครรชิต นั่นป๊าฉันนะ”
“ขอโทษครับ”
น้ำหวานวิ่งเข้ามา
“บอสคะ ตำรวจโทรมาว่าจับตัวไอ้คนที่ฉุดน้ำหวานได้แล้ว มันสารภาพซัดทอดถึงไอ้ส่งเดชกับเสี่ยจ๋าย
แต่ต้องรอให้เราไปชี้ตัวยืนยันที่โรงพักเดี๋ยวนี้”
“ไปเดี๋ยวนี้เลย ไป ครรชิต! อ้อ ไม่ดีกว่า แกอยู่ที่นี่คอยรายงานความเคลื่อนไหวทางนี้ให้ฉัน ฉันจะรีบกลับมา”
สืบสายจับมือน้ำหวานวิ่งออกไป เหลือครรชิต
“ครับผม”
สืบสายจูงมือน้ำหวานวิ่งมา จุลลากับทุกคนเดินมาเห็นภาพสืบสายจูงมือน้ำหวานแล้วอึ้งกันทั้งขบวน
“เค้าจะจูงมือรีบวิ่งกันไปเข้าประตูวิวาห์เหรอครับ”
“ปากเสีย”
จุลลา แสบเจ๊บจี๊ด สืบสาย น้ำหวานวิ่งผ่านจุลลาแล้วชะงัก หยุด มอง
“ป๊ารอพวกเธออยู่”
“คุณจะไปไหน”
“ทำในสิ่งที่ฉันทำได้ เธอก็เข้าไปทำในสิ่งที่เธอต้องทำ”
สืบสายวิ่งจูงน้ำหวานออกไป จุลลา แสบมองตามเหลียวหลัง ผีเถ้าแก่ปรากฏตัวฃข้างจุลลา
“ถึงเวลาแล้วอาหนูช่าง ในเมื่ออาตี๋อีไม่อยู่เป็นก้างขวางคอ เราจงมาทำในสิ่งทีเราต้องทำกันเถิด ก่อนที่ทุกอย่างจะสายเกินไป”
ผีเถ้าแก่บอก จุลลาอึ้ง
เสี่ยตงเดินไปที่โพเดียมกลางเวที ทุกคนในงานปรบมือยิ้มยินดี ยกเว้นคุณนายเง็กที่กลุ้มใจมาก ทรงเดชสบตากับเสี่ยจ๋าย ยิ้มกริ่ม ทรงเดชกระซิบกับเสี่ยจ๋าย
“เสี่ยตงตกลงใจจะรับข้อเสนอของเสี่ย และจะประกาศให้ลูกค้าทุกคนรับรู้เพื่อให้มั่นใจว่าโรงงานจะสามารถเดินหน้าผลิตสินค้าต่อไปได้”
“ดีมาก”
เสี่ยตงบนเวที
“ขอบคุณทุกคนที่มาเป็นร่วมแสดงความยินดีกับกระผมในวันนี้ ผมทราบดีว่าที่ผ่านมามีเรื่องติดขัดเล็กน้อยบางประการเกี่ยวกับการผลิตสินค้าของเรา แต่ขณะนี้ผมได้แก้ปัญหาเรียบร้อยแล้ว นั่นก็คือ ผมได้ตกลงใจ...”
จุลลาเปิดประตูเข้ามา ประกาศลั่น
“เดี๋ยวก่อนค่ะ”
เสี่ยตงและทุกคนชะงัก หันมามองจุลลาและคณะเป็นตาเดียว
“จูน จะทำอะไร”
จุลลามองที่เวที ผีเถ้าแก่ปรากฏตัวอยู่ข้างเสี่ยตง ประกาศลั่น
“ถึงเวลาเปิดการแสดงแล้ว ณ บัดนี้”
จุลลาเดินไปที่เวที ทุกคนมองจุลลาเป็นตาเดียวอย่างประหลาดใจ
“จุลลา ลื้อเข้ามาขัดจังหวะอั๊ยทำไม อั๊วกำลังจะประกาศ...”
“ขอหนูประกาศก่อนค่ะไ
“ประกาศอะไร ที่นี่ไม่ใช่ที่ของลื้อ อั๊วไม่อนุญาต อยากคุยอะไรไปคุยกันหลังไมค์ทีหลัง”
“ต้องตอนนี้เท่านั้นค่ะ ขออนุญาต อ้อ ไม่ให้ งั้นถือวิสาสะแล้วกันค่ะ”
จุลลกระโดดขึ้นไปบนเวทีแย่งไมค์มาจากเสี่ยตงทันที ทุกคนฮือฮา เกิดอะไรขึ้น
ที่กลุ่มของแสบ พี่โย้และชาวคณะ
“ไอ้จูนผีเข้าหรือไงวะ จะทำอะไรของมันเนี่ย”
“ผีเข้า”
ทุกคนหันมามองหน้ากัน แล้วโผเข้าไปกอดดันกลม
ที่ทรงเดชกับเสี่ยจ๋าย ทรงเดชเริ่มกระสับกระส่าย
“ยัยนั่นเป็นใคร มาทำอะไร”
“อดีตนายช่างที่นี่ มันมาช่วยซ่อมเครื่องจักร หรือว่ามันซ่อมได้สำเร็จ”
ที่เวที ผีเถ้าแก่ยืนประกบข้างจุลลา จุลลาแย่งไมค์มาจากเสี่ยตงได้แล้ว เสี่ยตงจะเข้ามาแย่งไมค์อีก ผีเถ้าแก่ดีดอากาศหน้าเสี่ยตง เสี่ยตงผงะ ตกใจ
“เฮ้ย”
จุลลาประกาศออกไมค์
“หนูชื่อจุลลา เป็นอดีตนายช่างของปาล์มโปรดักส์ มีความยินดีที่จะแจ้งให้ทุกท่านทราบว่า หนูซ่อมเครื่องจักร
ได้ไม่เสร็จตามที่ท่านประธานกำหนดเวลาเอาไว้”
ลูกค้าและแขกทุกคนครางฮือ
ที่คุณนายเง็กและครรชิต
“ซ่อมไม่เสร็จ มันเป็นเรื่องน่ายินดีตรงไหนวะอาครรชิต”
“ตอนนี้ไม่ทราบครับ แต่อีกสักแป๊บ เราคงได้เห็นอะไรน่ายินดีแน่ๆ”
ที่เวที จุลลาประกาศต่อ
“หนูกราบขอประทานโทษ เพราะเครื่องจักรล็อตนี้ที่ควรจะเป็นเครื่องจักรใหม่มันกลับเก่ามาก เมื่อพังแล้วก็ยากที่ซ่อมได้ในเวลาชั่วข้ามคืน”
“อาจุลลา หยุดเดี๋ยวนี้นะ ลื้อกำลังประจานเรื่องภายในโรงงานของอั๊ว”
เสี่ยตงจะเข้าไปอีก เจอผีเถ้าแก่ดีดออกมาอีก เซ
“ยังไม่ใช่คิวลื้อ ถอยไป อาเง็ก มาเก็บอาตงอีไปก่อนซิ”
ผีเถ้าแก้บอก คุณนายเง็กและครรชิตเห็นเสี่ยตงเซ คิดว่าหน้ามืด รีบลุกมาด้วยความเป็นห่วง
“เฮีย ลื้อหน้ามืดเซไปเซมาสองสามทีแล้วนะ ลงมาก่อน อาครรชิตพยุงท่านประธาน”
ทรงเดชรีบลุกขึ้น ประกาศ
“งั้นผมขอเป็นตัวแทนท่านประธานดำเนินการทุกอย่างต่อเอง จุลลา ลงมาได้แล้ว หมดเวลาทำตัวเป็นเด็ก เล่นสนุกได้แล้ว”
“งั้นก็เชิญมาบนเวทีสิคะ” ทรงเดชเดินไปที่เวที เผชิญหน้ากับจุลลา “ทุกคนจะได้เห็นหน้าคนที่เป็นต้นเหตุของความวุ่นวายทั้งหมดชัดๆ”
“เธอหมายถึงใคร”
“คุณนั่นแหละ คุณทรงเดช”
ทุกคนครางฮือ
ที่โย้ แสบและชาวคณะ
“เอาแล้วเว้ย พี่จูนเริ่มเงื้อหมัดแล้วเว้ย เฮ้ย”
ทุกคนลุ้น จุลลา ทรงเดชเผชิญหน้ากัน โดยมีผีเถ้าแก่ยืนเป็นเทรนเนอร์อยู่ข้างๆ บรรยากาศมาคุ เปรี๊ยะปร๊ะ
วิมานมะพร้าว ตอนที่ 14 (ต่อ)
ทรงเดชกำลังตกเป็นเป้าสายตาของทุกคน ประกาศลั่นแก้ตัว
“ผู้หญิงคนนี้ถูกไล่ออกไปแล้ว มาขอโอกาสแก้มือซ่อมเครื่องจักรแต่ทำไม่สำเร็จ เลยมาสร้างสถานการณ์ป่วนเพื่อทำลายความเชื่อมั่นของเรา”
“ฉันมาเพื่อพูดความจริง”
“ไม่มีใครเชื่อคำพูดของเธอ”
“อาหนูช่าง ไม่ต้องเถียงกับมันแล้ว”
แล้วจุลลาก็ทำเป็นร่างกระตุกอย่างแรง
“เฮือก”
ทุกคนตกใจ เกิดอะไรขึ้นกับจุลลา แล้วจุลลาก็เงยหน้า ตาขวาง ตัวสั่นพั่บๆ ทุกคนร้องฮือ
ที่แสบ โย้และชาวคณะ
“พี่จูนเป็นอะไรอ่ะพี่แสบ เหมือนผีเข้าเลย”
“ท่าเหมือนตอนที่เจ้าแม่กำลังจะประทับทรงเจ๊ยังไงยังงั้นเลย”
“หรือว่า พี่จูนจะถูกผีเข้าจริงๆ”
“ผีที่ไหนวะ”
“ผีเจ้าสัวไง”
“เฮ้ย”
ทุกคนตกใจ กอดกันกลมอีก
ที่คุณนายเง็ก เสี่ยตงและครรชิต
“ทำไมอาหนูช่างอีเป็นอย่างนี้ล่ะ”
“เรื่องน่ายินดีใช่มั้ยครับ”
“ยินดีอะไร เป็นลมบ้าหมูจนชักกระตุกน่ะสิ ไปพาอีลงมา! เร็ว”
“ครับ”
ครรชิตจะเข้าไปหาจุลลาที่เวที จุลลาตัวสั่น ร่างกระตุกอย่างแรง ครรชิตเบรกเอี๊ยด
“ฉันเอง”
ทรงเดชบอกแล้วจะเข้าไปลากตัวจุลลาทรงมา ทันใดนั้นจุลลาก็เงยหน้าตาขวาง ชี้หน้าไปที่ทรงเดช กราดเกรี้ยว จุลลาทำเสียงแหบแห้งสำเนียงจีน
“หยุดนะ ไอ้ส่งเดช”
ทรงเดชชะงัก ทุกคนตกใจ ผีเถ้าแก่มองจุลลาอึ้ง
“ไอ้หยา แอ็คติ้งใช้ได้”
“เธอเป็นบ้าอะไรของเธอ”
“อย่าเข้ามานะ”
“อย่าเข้ามานะ ไม่อย่างนั้น แหลก อั๊วจะหักคอลื้อออกเป็นสามท่อนแล้วโยนให้หมาคาบไปแทะ”
“เฮ้ย...ยาวปายยย”
ทุกคนอึ้ง ที่เสี่ยตง
“สำเนียงนี้มันคุ้นๆ”
“เหมือนอาเตี่ย”
“อาเตี่ย”
“เออ อั๊วเอง เถ้าแก่เล้ง เตี่ยของลื้อ ไอ้ตง”
“เออ อั๊วเอง เถ้าแก่เล้ง เตี่ยของลื้อ ไอ้ตง”
เสี่ยตง คุณนายเง็ก ครรชิตตกใจ ทรงเดชตกใจ หน้าซีด ทุกคณะทุกกลุ่มในห้องตกใจ โดยเฉพาะคณะของแสบ กอดกันกลมเป็นก้อนเข้าไปอีก
“กูว่าแล้ววว ผีเจ้าสัวสิงพี่จูน”
จุลลาเหลือบมองผีเถ้าแก่ พยายามเลียนแบบท่ายืนและอากัปปริยาทุกอย่างของผีเถ้าแก่ ท่ามกลางความตกใจของทุกคนในห้อง
ที่สถานีตำรวจ สืบสายเดินออกมากับน้ำหวาน
“ระหว่างที่ตำรวจรอหมายศาล กลับไปที่โรงงานก่อน ถ่วงเวลาทรงเดชไว้”
“ค่ะ”
สืบสาย น้ำหวานรีบเดินออกไป
ในห้องจัดงาน ผีเถ้าแก่พูดให้จุลลาพูดตาม ชี้หน้าด่าทรงเดช
“ลื้อเป็นคนหลอกให้ไอ้ตงเซ็นซื้อเครื่องจักรเก่า ใช้เวลามาบีบ แล้วโยนความความผิดให้อาตี๋”
“ลื้อเป็นคนหลอกให้ไอ้ตงเซ็นซื้อเครื่องจักรเก่า ใช้เวลามาบีบ แล้วโยนความความผิดให้อาตี๋”
-เสี่ยตงอึ้ง ทุกคนครางฮือ ทรงเดชร้อนตัวชี้หน้าด่าจุลลา
“อย่ามาหลอกแหกตา ผีเผออะไรกัน ไม่มีใครเชื่อหรอก เธอมันสิบแปดมงกุฏ ทุกคนอย่าไปเชื่อ นี่มันผีปลอม”
คุณนายเง็กลุกขึ้นประกาศ
“หยุดนะอาทรงเดช! อย่าลบหลู่ ผีเตี่ยยังอยู่ อีอาจจะมาประทับร่างอาหนูช่างจริงๆ ก็ได้”
“อาเง็ก ลื้อเชื่ออีเหรอ อีอาจจะทำเป็นผีเข้าปลอมๆ อย่างที่อาทรงเดชอีว่าจริงๆ ก็ได้”
ผีเถ้าแก่โกรธมาก
“ไอ้ตง ไอ้มนุษย์ขี้เหม็น”
“ไอ้ตง ไอ้มนุษย์ขี้เหม็น”
เสี่ยตงอึ้ง ตกใจ
“หา”
“อาเตี่ยชอบพูดคำนี้”
“คุณจุลลาจะรู้เองได้ยังไง นั่นต้องเป็นผีเจ้าสัวพูด ไม่ใช่คุณจุลลา”
“จุลลาอาจจะได้ยินใครเล่าให้ฟัง”
เสี่ยตงถามรอบๆ ตัว
“ใครไปเล่าให้อีฟัง ว่าเตี่ยอั๊วชอบพูดว่าไอ้มนุษย์ขี้เหม็น”
“อาแปะไม่เคยด่าลื้อให้อั๊วฟังเลยนะ เฮีย” เตี่ยน้ำหวานบอก
“ทีอย่างนี้ล่ะ เช็ก”
“ทีอย่างนี้ล่ะ เช็ก”
“ทีเรื่องสำคัญ ความเป็นความตายของโรงงาน ไม่เคยเช็ก”
“ทีเรื่องสำคัญ ความเป็นความตายของโรงงาน ไม่เคยเช็ก”
“แม้แต่ตอนเปลี่ยนชื่อโรงงาน เห็นอั๊วพะงาบๆ ก็ฉวยโอกาสเปลี่ยนจากเล้งเอี่ยจี้เทียนติ๊งเชี่ยง เป็นชื่อฝรั่งอั้งหม้อ”
“แม้แต่ตอนเปลี่ยนชื่อโรงงาน เห็นอั๊วพะงาบๆ ก็ฉวยโอกาสเปลี่ยนจากเล้งเอี่ยจี้เทียนติ๊งเชี่ยงเป็นชื่อฝรั่งอั้งหม้อ”
“ใครๆ ก็รู้กันทั้งนั้นว่าชื่อเดิมโรงงานอั๊วชื่อเชยๆ แบบนี้”
“ไอ้ตง ว่าภูมิปัญญาอั๊วเชย”
“ไอ้ตง ว่าภูมิปัญญาอั๊วเชย”
“ถ้าเป็นท่านเจ้าสัวมาเข้าสิงร่างจุลลาจริง มีอะไรมาพิสูจน์ได้มากกว่านี้”
ทรงเดชท้า ผีเถ้าแก่อึ้งไป โกรธจนตัวสั่น จุลลาเหลือบมองเห็นผีเถ้าแก่นิ่งไป อึ้ง เริ่มปาดเหงื่อ ทุกคนต่างมองจ้องไปที่จุลลาเป็นตาเดียวบนเวที
ที่คณะของแสบ
“เฮ้ย เกิดอาการเด้ดแอร์ ยังไงวะเนี่ย”
“หรือว่าผีเจ้าสัวออกจากร่างไอ้จูนไปแล้ว”
จุลลาทำตัวสั่นเป็นเจ้าเข้าอีกรอบ เพื่อให้ทุกคนตื่นเต้น โดยที่ผีเถ้าแก่ไม่ได้บอกบท แล้วเข้าไปใกล้ผีเถ้าแก่เพื่อให้รู้ตัว
“อั๊วโกรธ อั๊วโกรธ อั๊วโกรธ”
“ถามมันไปอาหนูช่าง ที่มันยังไม่ขายที่ดินที่ราชวงศ์เพราะอะไร”
“ที่ลื้อยังไม่ขายที่ดินที่ราชวงศ์เพราะอะไร”
เสี่ยตง คุณนายเง็กอึ้ง ตกใจ ค้างเลย
“เฮีย ไม่มีใครรู้เรื่องนี้นอกจากเราสามคนพ่อแม่ลูกและอาเตี่ย” เสี่ยตงอึ้ง
ทรงเดชเลิ่กลั่ก ชักใจคอไม่ค่อยดี หรือจะเป็นผีเจ้าสัวจริงๆ ทรงเดชค่อยกระเถิบออกห่างจากจุลลา
“เพราะลื้อหาโฉนดที่อั๊วซ่อนเอาไว้ไม่เจอ”
“เพราะลื้อหาโฉนดที่อั๊วซ่อนเอาไว้ไม่เจอ”
เสี่ยตงอึ้ง คุณนายเง็กก็อึ้ง ทุกคนอึ้ง ลุ้น อยากรู้ตกลงผีเจ้าสัวใช่หรือไม่ใช่
เสี่ยตงยืนหน้าซีด จุลลาและพีเถ้าแก่จ้องเสี่ยตงเขม็ง
“ป๊า จริงเหรอครับ” ทรงเดชกระซิบถาม
“จริง อั๊วขายที่ดินแปลงนั้นไม่ได้ เพราะไม่รู้ว่าอาเตี่ยเอาโฉนดไปซ่อนไว้ที่ไหน”
สืบสายและน้ำหวานเข้ามาในห้องเห็นบรรยากาศเงียบงันและจุลลาอยู่บนเวที แปลกใจ สืบสายเข้าไปถามแสบ
“เกิดอะไรขึ้น”
“ผีเจ้าสัวเข้าสิงพี่จูนครับบอส”
“อะไรนะ” สืบสายหงุดหงิดที่จุลลาไม่เชื่อฟัง “ทำไมดื้ออย่างนี้ สั่งอะไรไม่เคยเชื่อ”
สืบสายและน้ำหวานเข้าไปรวมกลุ่มกับคุณนายเง็กและครรชิตทันที
“อาตี๋ ไปไหนมา ผีอากงเข้าสิงหนูจุลลา”
สืบสายมองจุลลาเขม็ง จุลลาเห็นสายตาของสืบสาย สะดุ้ง แต่กลบเกลื่อนด้วยอาการผีเข้า สั่นๆๆๆๆ
“ถ้าอยากให้ทุกคนเชื่อ ว่าผีเจ้าสัวมีจริง และกำลังอยู่ในร่างของจุลลาก็พิสูจน์สิ บอกมาว่าโฉนดที่ดินราชวงศ์อยู่ที่ไหน” ทรงเดชบอก
“ที่ดินที่ราชวงศ์” สืบสายพึมพำออกมา
“ลื้อจำต้นมะพร้าวต้นแรกที่อั๊วปลูกในสวนของอั๊วได้มั้ยอาตง ต้นมะพร้าวที่ลื้อสั่งให้ตัดมันทิ้งหลังจากที่อั๊วตายไป มันอยู่ที่นั่น” ผีเถ้าแก่บอก
“ต้นมะพร้าวต้นแรกที่อั๊วปลูกในสวนของอั๊ว ที่ลื้อสั่งให้ตัดมันทิ้งหลังจากที่อั๊วตายไป มันอยู่ที่นั่น” จุลลาบอก
เสี่ยตง อึ้ง สืบสาย คุณนายเง็กและทุกคนอึ้ง
ทุกคนในห้องครางฮือ ต้องลุ้นข้อพิสูจน์ สืบสายมองหน้าจุลลาด้วยสายตาตั้งคำถามว่าแน่ใจจริงๆ เหรอ จุลลาส่งสายตาเชื่อมั่นให้สืบสาย
“ผมจะไปดูมันเอง” สืบสายบอก
“ฉันไปด้วย เพื่อให้แน่ใจว่า นายเองก็ไม่ได้ร่วมมือกับจุลลา แอบเอาโฉนดมาจากที่อื่นแล้วแอบอ้างว่ามาจากที่นั่น” ทรงเดชบอก
“ได้” สืบสายหันบอกแขกในห้อง “ผมขอเวลาไม่นาน วันนี้เรื่องทุกอย่างจะต้องจบ และผมจะชี้แจงเรื่องทุกอย่างให้เข้าใจ จากนั้นก็ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของทุกๆ คน ว่าจะวางใจและเชื่อมั่นปาล์มโปรดักส์ต่อไปหรือไม่”
ลูกค้าและทุกคนครางฮือ สืบสายและทรงเดชเผชิญหน้ากัน
ยามจ่อย แสบ และลูกน้องแสบช่วยกันขุดลงไปที่ตอมะพร้าวข้างฮวงซุ้ย จุลลา ผีเถ้าแก่ ยืนอยู่ตรงกลางวงของสืบสาย น้ำหวาน ทรงเดช เสี่ยตง คุณนายเง็ก และคนอื่นๆ ทุกคนรักษาระยะห่างกับจุลลา เพราะเกรงๆ กลัวผีเจ้าสัวอยู่ ทุกคนดูการขุดอย่างใจจดใจจ่อ
“เจออะไรมั้ย”
ทรงเดชถาม ยามจ่อยขุดเจอของแข็ง
“เจอแล้วครับ”
“เจออะไร”
ยามจ่อยหยิบขึ้นมา
“กระดูกไก่ครับ”
ทุกคนถอนใจ
“ฮ่ะๆๆ กระดูกไก่ กระดูกไก่ มันไม่ใช่โฉนดของมรดกมูลค่ามหาศาล แต่เป็นมรดกของหมาที่ไหนก็ไม่รู้ ฮ่ะๆๆ”ทรงเดชหัวเราะ ผีเถ้าแก่ จุลลา สืบสายมองทรงเดชอย่างเจ็บใจ “จุลลา เธอโกหก ป๊า เราอย่าเสียเวลากับไอ้พวกป่วนเมืองสิบแปดมงกุฏอยู่เลย แจ้งตำรวจจับมันดีกว่า”
สืบสายหันมองจุลลา จุลลาหันมองผีเถ้าแก่ เอาไง
“ขุดลงไปอีกสิวะ”
“ขุดลงไปอีกสิวะ”
ทุกคนอึ้ง แสบได้สติ
“ช่วยกันขุดเร็วๆ พี่ลุ้นจนขี้เยี่ยวราดแล้วครับพี่น้อง”
แสบและทุกคนช่วยกันขุดดินคนละไม้คนละมือ น้ำหวานเข้าไปอยู่ข้างแสบ
“น้ำหวานช่วยด้วย”
แสบชะงักเล็กน้อยแอบอ่อนไหว
“มา ช่วยกันคนละไม้คนละมือ”
“ผมช่วยด้วย”
“ผมด้วย”
คุณนายเง็ก เตี่ย และแม่น้ำหวานมองหน้ากัน ตัดสินใจจะไปช่วย แต่แล้ว...
“เจอกล่องเหล็ก” แสบบอก
ทุกคนตื่นเต้น แสบและทุกคนช่วยดึงกันขึ้นมาวางบนพื้น ทุกคนมองไปที่กล่องเหล็ก เป็นกล่องเก่าคร่ำคร่า ขนาดไม่เล็กแต่ก็ไม่ใหญ่มาก เสี่ยตงและคุณนายเง็กมองกล่องใบนั้น อึ้งๆ เพราะจำได้
“กล่องที่อาเตี่ยใช้เก็บของรักของหวงของแก”
“ป๊าเปิดดูสิครับ”
เสี่ยตงเดินมาเปิดกล่องเหล็กดูของข้างใน มือสั่นเทา ใจเต้นโครมคราม ผีเถ้าแก่พูดกับเสี่ยตง ในขณะที่เสี่ยตงเปิดกล่องช้าๆ เห็นของเล็กๆน้อยๆ ในกล่องอยู่ด้านบน เช่น รูปอาม่า รูปถ่ายกับลูกน้อง ของรักของหวงของเถ้าแก่ เครื่องมืออันเล็กๆ เก่าๆ ไม่มีอะไรเป็นของมีค่า
“อั๊วเก็บมันไว้ในนี้ ไม่ให้ลื้อรู้ เหลือเป็นสมบัติชิ้นสุดท้ายไว้เป็นของขวัญวันแต่งงานของอาตี๋ เพราะอั๊วมีเซ้นส์ว่าความใจใหญ่ ไม่ฟังใคร หูเบาของลื้อจะผลาญสมบัติอั๊วจนไม่เหลืออะไรไว้ให้ลูกหลาน แล้ววันที่อั๊วกลัวที่สุดก็มาถึงจนได้”
เสี่ยตงควานเจอวอกเอกสารเก่าๆ ที่เก็บกระดาษโฉนดที่ดินเอาไว้ วางอยู่ในส่วนที่ลึกที่สุด
ทุกคนลุ้น เสี่ยตงค่อยๆ หยิบขึ้นมา เปิดซองออกดู เห็นกระดาษโฉนดที่ดิน เสี่ยตงอึ้ง มองหน้าจุลลา
“เตี่ย”
“เตี่ยไม่เคยบอกใครเรื่องนี้ ที่อยู่ข้างในตัวอาหนูช่างคือเตี่ยจริงๆ”
“ลื้อจะเชื่อหรือยัง ว่านี่คือคืออั๊วมาคุยกับลื้อจริงๆ”
“ลื้อ”
“อั๊วเชื่อแล้ว อั๊วเชื่อแล้ว”
“แล้วก็จงเชื่อด้วยว่า ไอ้ส่งเดช มันอยู่เบื้องหลังเรื่องเครื่องจักรพังเพื่อบีบให้ลื้อขายหุ้นให้คนอื่น”
“ไอ้ส่งเดชมันอยู่เบื้องหลังเรื่องเครื่องจักรพังเพื่อบีบให้ลื้อขายหุ้น”
ทุกคนมองหน้าทรงเดช ตกใจ
“มันโกหก ป๊าอย่าไปเชื่อ ผมจะพิสูจน์ให้ดูว่ามันเล่นละคร” ทรงเดชพูดไม่ทันขาดคำ ปราดเข้าไปขย้ำคอจุลลา โดยที่จุลลาไม่ทันตั้งตัว ทุกคนตกใจ “ผีเข้าใช่มั้ย ดูซิ ทำอย่างนี้แล้วผีจะออกมั้ย”
“อ่อก”
ทุกคนตกใจจะเข้าไปช่วยจุลลา แต่สืบสายไวกว่าใครทั้งหมด เข้าไปล็อคทรงเดชเพื่อดึงตัวออกมา
“หยุด ทรงเดช”
“ฉันไม่หยุด ฉันจะกระชากหน้ากากว่ามันเล่นละครตบตา”
“ขออนุญาตนะเถ้าแก่ ไม่ไหวแล้ว”
จุลลาออกแรงถีบทรงเดชจนเซถลาไปทั้งทรงเดชและสืบสาย จุลลาปราดจะเข้าไปต่อยซ้ำ ทรงเดชชี้หน้าด่าจุลลา
“นี่ไง นี่มันตัวตนของจุลลาชัดๆ ผีเจ้าสัวแก่ๆ จะทำอะไรแบบนี้ได้หรือไง ป๊า ผมถูกใส่ร้าย ผมไม่รู้เรื่อง ไม่ได้อยู่เบื้องหลังเรื่องอะไรทั้งนั้น”
“นั่นมันอยู่นั่น”
เสียงเตี่ยน้ำหวานดังขึ้น ทุกคนหันไปเห็นเตี่ยและแม่น้ำหวานมากับตำรวจ ทรงเดชหน้าซีด แม่น้ำหวาน เข้ามาตบหน้าทรงเดช
“แกฉุดลูกสาวฉัน ไอ้เลว”
เตี่ยเข้ามาต่อยทรงเดชซ้ำ
“ไอ้ชั่ว”
น้ำหวานเข้าไปหาแม่กับเตี่ย
“นี่มันอะไรกัน ผมไปทำอะไรให้”
“คุณถูกลูกน้องเสี่ยจ่ายซัดทอดว่าเป็นผู้จ้างวานให้ไปฉุดคุณน้ำหวานไปทำมิดีมิร้าย”
“ลูกน้องเสี่ยจ๋ายแล้วมาเกี่ยวอะไรกับผม ก็ไปจับเสี่ยจ๋ายสิ”
“เสี่ยจ๋ายยอมสารภาพแล้ว ว่าร่วมมือกับคุณทำลายโรงงานปาล์มโปรดักส์ ทำลายข้าวของร้านสบายท้องของคุณจุลลา ฉุดคุณน้ำหวาน และแนะนำ เอ่อ...หมอผีมาทำพิธีทำลายดวงวิญญาณของเจ้าสัวเจ้าของโรงงาน”
ทรงเดชอึ้ง ทุกคนหันมองทรงเดชด้วยความโกรธ โดยเฉพาะเสี่ยตง
“ไอ้ทรงเดช ไอ้คนอกตัญญู ไอ้งูพิษเลี้ยงไม่เชื่อง” เสี่ยตงตบหน้าทรงเดช
“เฮีย อย่าเสียมือแตะเนื้อต้องตัวคนเลวๆ ให้เป็นเสนียด แต่ขออีกทีเหอะ” คุณนายเง็กห้ามเสี่ยตง แล้วตบหน้าทรงเดชเปรี้ยง
“ม้า ป๊า พอเถอะครับ ให้กฎหมายจัดการเถอะ” สืบสายมองทรงเดช “ฉันเคยเตือนนายแล้วนะ แต่นายไม่เชื่อฉัน เพราะฉะนั้นไปกับตำรวจ ไปรับผิดชอบผลของการกระทำที่นายทำไว้กับครอบครัวฉันและคนอื่น”
ทรงเดชคอตกแค่นยิ้ม จุลลากับผีเถ้าแก่หันมายิ้มให้กัน โล่งใจที่แผนการสำเร็จ แสบทนไม่ไหว ปราดเข้าไป
“ขออนุญาตประชาทัณฑ์มันตอนนี้เลยได้มั้ย ไม่ต้องรอตอนทำแผน”
“พี่แสบ หยุด” แสบชะงัก “น้ำหวานเอง” น้ำหวานเข้าไปตบหน้าทรงเดชอีกเปรี้ยง ทรงเดชหน้าหัน “อะไรที่แกเคยทำไว้กับฉัน ขอให้แกเจอมันในคุก”
ทรงเดชโกรธมาก เข้าไปล็อคคอน้ำหวานแล้วลากออกไป ในขณะที่คนอื่นๆ ไม่ทันตั้งตัว ทรงเดชหยิบเครื่องมือที่ใช้ขุดดินซึ่งเป็นอาวุธได้ขึ้นมาขู่ทุกคน ทุกคนเป็นห่วงน้ำหวาน โดยเฉพาะเตี่ยกับแม่ และแสบ
“น้ำหวาน”
“น้ำหวาน”
“เรียกกันอยู่ได้ รำคาญ ฉันเดินมาไกลขนาดนี้ ทางที่ฉันจะไปต่อไม่ใช่ทางเดินเข้าคุก”
“ทรงเดช อย่าทำให้เรื่องเลวร้ายมากไปกว่านี้เลย ปล่อยน้ำหวาน”
“ไม่ปล่อย”
“ไม่อยากเข้าคุก งั้นก็ลงนรกตอนนี้เลย”
ผีเถ้าแก่จะใช้อิทธิฤทธิ์
“อย่าเถ้าแก่ เดี๋ยวโดนน้ำหวาน”
จุลลาร้องห้าม ทรงเดชลากน้ำหวานไปเป็นตัวประกัน ตำรวจและทุกคนตามไปห่างๆ เหลือผีเถ้าแก่คนเดียว โกรธที่ทำอะไรไม่ได้ ก่อนจะนึกขึ้นได้ เงยหน้ามองสวรรค์
“อั๊วใช้อภินิหารไปทำอะไรมนุษย์อีกไม่ได้แล้ว”
มุมหนึ่งทางเดินโรงงาน เดือนพิไลเดินมา ตามหาทรงเดช เห็นคนงานเดินออกมาเป็นกลุ่มใหญ่
“เห็นไอ้ เอ่อ คุณทรงเดชมั้ย”
“เห็นไปกับ...”
เสียงเอะอะโวยวายดังเข้ามา
“ปล่อยน้ำหวาน”
“ไอ้ส่งเดช บอกว่าให้ปล่อย จับได้ถูกกระทืบตายคาที่แน่”
เดือนพิไลและคนงานตกใจ หันไปมอง เห็นทรงเดชล็อคตัวน้ำหวานวิ่งมา จุลลา สืบสายและทุกคนตาม
“ไอ้ทรงเดช เอามือถือฉันคืนมานะ” เดือนพิไลเข้าไปทวงมือถือกับทรงเดช
“มาตามอะไรตอนนี้เล่า เอาอีนี่ไปแล้วกัน”
ทรงเดชผลักน้ำหวานใส่เดือนพิไล น้ำหวานเดือนพิไลล้มเซ แสบเข้าไปรับตัวน้ำหวาน เตี่ยเข้ามาแย่ง
“หยุดนะ อย่าขัดขืนการจับกุมของเจ้าหน้าที่”
ทรงเดชไม่ฟัง เข้าไปรวมกลุ่มกับคนงาน ผลักคนงานใส่ตำรวจ ใช้เป็นกำบัง ตำรวจไม่กล้ายิงกลัวถูกคนงานที่อยู่แถวนั้น คนงานตกใจแตกฮือ ทรงเดชวิ่งหนีไป จุลลา สืบสายโย้ คณะของแสบและตำรวจตามไป เหลือเสี่ยตง คุณนายเง็ก เตี่ย แม่และน้ำหวานอยู่กับเดือนพิไล เตี่ยกับแม่ดูแลน้ำหวาน
“ไม่เป็นไรใช่มั้ยน้ำหวาน”
“เจ็บตรงไหนมั้ยลูก”
“ไม่ค่ะ”
“ลื้อมาทำไม”
คุณนายเง็กถามเดือนพิไล เดือนพิไลยืนอึ้ง เจ็บใจ เสี่ยตงหลบตาไม่กล้าสบตาเดือนพิไล กลัวถูกแฉ นึกหวั่นใจ
วิมานมะพร้าว ตอนที่ 14 (ต่อ)
ริมถนนหน้าโรงงาน ทรงเดชเห็นถนนว่าง วิ่งข้ามไปทันที รถบีบแตรกันวุ่นวาย พวกของจุลลา สืบสายจะข้ามตามไป แต่รถวิ่งมา ไม่มีจังหวะข้าม ทรงเดชข้ามไปถึงอีกฝั่ง เห็นแท็กซี่ รีบโบกเรียก แล้วขึ้นไป
“มันขึ้นแท็กซี่ เฮ้ย”
ตำรวจรีบหยิบว.ให้ตำรวจหน่อยอื่นช่วยสกัดจับทันที
“ขอให้รถมันคว่ำ เพี้ยง” แสบแช่ง
“ฉันจะไปเอารถ จะตามมันไป” จุลลาบอกสืบสาย
“ไม่ทันหรอกจุลลา อันตราย” จุลลาชะงัก เห็นสายตาสืบสายที่มองด้วยความเป็นห่วงแล้วอึ้ง “ให้เป็นหน้าที่ของตำรวจเถอะ”
จุลลาและทุกคนเสียดาย เจ็บใจ
ทรงเดชนั่งเจ็บใจอยู่บนรถแท็กซี่
“เอ่อ พี่หนีตำรวจมาเหรอครับ”
“เฮ้ย ไม่เกี่ยวกับพี่”
“แต่ผมให้พี่ลงดีกว่าครับ ผมไม่อยากมีเอี่ยว”
“ขับไป”
ทรงเดชเงื้ออาวุธที่ติดมือมาด้วยขู่แท็กซี่ แท็กซี่จำใจขับรถต่อไป
“ไปไหนครับ”
ทรงเดชเจ็บใจ คิดถึงจุดหมายปลายทางที่จะไป นั่นคือไปหาหมอผีปีเตอร์
หน้าห้องจัดงาน คุณนายเง็กเข้ามาเอาเรื่องเดือนพิไล เสี่ยตงยืนเหงื่อตกอยู่ใกล้ๆ เตี่ย แม่และน้ำหวานยืนอยู่ด้วย
“ลื้อเกี่ยวข้องอะไรกับไอ้ส่งเดช”
“คือ เปล่านี่คะ”
“แต่เมื่อกี้อั๊วได้ยิน ลื้อพูดทวงมือถือของลื้อคืนมาจากมัน ถ้าไม่ได้เกี่ยวข้อง จะทวงของอย่างนี้คืนจากกันเรอะ”
“ก็ หนูเคยไปหาเค้า เพราะมีเรื่องคับอกคับใจจะปรึกษา แล้วลืมมือถือไว้กับเค้า แค่นี้จริงๆ”
“จำไว้นะ ความลับไม่มีในโลก ตอนนี้ไอ้ส่งเดชมันกำลังถูกจับดำเนินคดี ลื้อทำอะไรไว้ ลื้อจะไม่มีทางหนีความผิดพ้น ลื้อพังแน่” เดือนพิไลอึ้ง หน้าซีด มองหน้าเสี่ยตง เสี่ยตงหลบตาวูบ “มองหน้าผัวอั๊วทำไม”
“ถ้าหนูจะพัง ก็พังกันไปให้หมด”
“ลื้อหมายความว่ายังไง”
“อาเง็ก อย่าเพิ่งไปสนใจอีเลย อีก็พูดไปอย่างนั้นแหละ กลับเข้าไปในงานเถอะ”
เสี่ยตงบอก แต่คุณนายเง็กยังไม่ยอม สืบสาย จุลลาและทุกคนเดินเข้ามา สืบสายเห็นเดือนพิไลแล้วชะงัก สืบสาย จุลลาและทุกคนมองเดือนพิไลด้วยสายตาผิดหวังและประณาม
“คุณรู้แล้วใช่มั้ย ว่าทรงเดชกำลังถูกจับดำเนินคดี”
“ฉันรู้แล้ว”
“คุณยังกลับตัวกลับใจได้ทันนะ”
“กลับตัว ฉันไม่ได้ทำอะไร ฉันไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับไอ้ทรงเดช”
“คุณรู้อยู่แก่ใจดี”
เดือนพิไลอึ้ง ออกไปด้วยความร้อนใจ เจ็บใจ สืบสายไม่สนใจเดือนพิไลอีกต่อไปหันไปมองเสี่ยตง เห็นความหวาดวิตกในสายตาของเสี่ยตง เห็นหน้าคุณนายเง็ก แล้วถอนใจไม่อยากให้เกิดเรื่อง
“คุณสืบสาย จะทำอะไรก็รีบทำเถอะ ตอนนี้ทุกคนรออยู่ในห้อง” จุลลาบอก
“ป๊าครับ ผมขออนุญาต”
“ไม่ต้องขออนุญาตป๊าแล้ว ต่อไปนี้อะไรที่ลื้อเห็นสมควร ป๊าจะไม่ขัดลื้ออีก ลื้อและทุกคนทำให้ป๊าตาสว่างแล้ว ป๊ามันไม่ดีเอง ไม่สมควรจะไปอยู่บนเวทีเป็นตัวแทนของปาล์มโปรดักส์อีกแล้ว”
สืบสายและทุกคนอึ้งที่เห็นเสี่ยตงรู้สึกผิดและเสียใจกับการกระทำของตัวเอง
“อาตี๋ ไปเถอะ ไปทำหน้าที่แทนอากง แทนป๊า”
“ครับหม่าม้า ผมจะทำให้ดีที่สุด ขอบคุณทุกคนมากนะ” สืบสายยิ้มขอบคุณทุกคน ทุกคนยิ้มให้กำลังใจสืบสาย สืบสายหันมามองจุลลา “โดยเฉพาะเธอนะจุลลา”
“คุณทำได้ สู้ๆ”
ครรชิตรีบวิ่งไปเปิดประตูให้สืบสาย
“เชิญครับบอส”
สืบสายเดินเข้าประตูไปอย่างเชื่อมั่น ทุกคนมองตามอย่างภาคภูมิใจ
“อาตี๋ของม้า ลื้อเป็นผู้ใหญ่เต็มตัว เป็นที่พึ่งของพวกเราทุกคนได้แล้ว”
“ใช่ อีคือความภาคภูมิใจของปาล์มโปรดักส์จริงๆ”
จุลลารู้สึกดีใจไปกับสืบสาย และโล่งใจในคราวเดียวกัน
สืบสายเดินเข้าประตูมา โดยมีครรชิตเปิดทางให้ ผีเถ้าแก่ยืนรออยู่บนเวทีอยู่แล้ว ยิ้มอย่างภาคภูมิใจ
“อาตี๋น้อยของอากง ไม่ใช่สิ ลื้อไม่ใช่อาตี๋น้อยอีกต่อไปแล้ว ลื้อคืออาตี๋ที่เป็นผู้ใหญ่เต็มตัวแล้ว”
ทุกคนในงานหันมองสืบสาย สืบสายเดินตรงไปที่หน้าเวทีอย่างเชื่อมั่น จุลลาและทุกคนเดินตามมาเป็นแบ็คอัพ
สืบสายยืนอยู่บนเวที มีผีเถ้าแก่ยืนอยู่ข้างๆ ยิ้มอย่างชอบใจ ครรชิตอยู่ข้างเวที จุลลา พี่โย้ แสบ และชาวคณะยืนให้กำลังใจอยู่ที่มุมหนึ่ง เสี่ยตงและคุณนายเง็ก เตี่ย แม่ น้ำหวานนั่งอยู่ด้านหน้า
“หลานอั๊วเอง หลานอั๊วเอง ฮ่ะๆๆ ตบมือรัวๆ ฮ่ะๆๆ”
ทุกคนปรบมือให้กำลังใจสืบสาย
“อย่างที่ทุกคนทราบดี ว่าเครื่องจักรของโรงงานเรามีปัญหา ผมจะไม่โยนความผิดให้กับคนเลวกลุ่มนั้น นอกจากจะขอรับผิดไว้เอง” ทุกคนอึ้ง “คนเลวเหล่านั้น จะเข้ามาทำอะไรเราไม่ได้เด็ดขาด ถ้าผมไม่เปิดรับเค้าเข้ามา ผมไว้วางใจเค้ามากเกินไป โดยที่ไม่ได้ตรวจสอบเบื้องหลังให้ดีพอ ผมอคติ ไม่เปิดใจรับฟังข้อมูลจากคนอื่นที่ปรารถนาดีต่อองค์กรของผมอย่างจริงใจ ไม่มีอะไรเคลือบแฝง”
สืบสายมองไปที่จุลลา คำพูดนี้หมายถึงจุลลา จุลลายิ้มให้สืบสาย
“กว่าทุกอย่างจะแจ่มชัดในสายตาของผม มันก็เกือบจะสายเกินไป และบางอย่างมันก็สายไปแล้วเกินกว่าจะแก้ไข นั่นก็คือ ความเชื่อมั่นที่ทุกคนเคยมีให้กับปาล์มโปรดักส์มายาวนาน ตั้งแต่สมัยอากงผมยังมีชีวิตอยู่”
ทุกคนนิ่งอึ้งกันไป เสี่ยตงรู้สึกผิดมาก คุณนายเง็กจับมือเสี่ยตงเอาไว้ ให้กำลังใจ
“ถึงอากงจะตายไปแล้ว แต่ผมก็รู้ดีเหมือนกับทุกคนว่า ท่านยังไม่ไปไหน” ผีเถ้าแก่น้ำตาซึม โบกมือหยอยๆ ให้ทุกคน “ท่านพยายามทำทุกอย่างเพื่อให้ปาล์มโปรดักส์เป็นที่ทำมาหากินที่ยั่งยืนของทุกคนต่อไปสืบชั่วลูกชั่วหลาน ผมเชื่อว่าป๊าผมเองก็คิดเหมือนกับอากง เพียงแต่อาจจะใช้วิธีที่ไม่เหมือนกันเท่านั้น”
เสี่ยตงอึ้ง รู้สึกแย่หนักเข้าไปอีก
“ผมในฐานะทายาทรุ่นที่สาม จึงมีหน้าที่ที่จะต้องนำคำสอนของปู่ของพ่อมาหล่อรวมกันเพื่อคงไว้ซึ่งเจตนาของครอบครัว เล้งเอี่ยจี้เทียนติ๊งเชี่ยง หรือปาล์มโปรดักส์ยังคงถูกบริหารโดยพวกเราต่อไป”
จุลลานำทุกคนปรบมือ ทุกคนปรบมือให้กับสืบสาย ผีเถ้าแก่มองสืบสายอย่างปลาบปลื้ม สืบสายชูโฉนดในมือ
“นี่คือทรัพย์สินชิ้นสุดท้ายของอากง มันคือของรักของหวงของท่าน ที่ผมจะใช้มันมาต่อลมหายใจโรงงานของเรา ทุกอย่างต้องดำเนินต่อไปเป็นปกติภายในหนึ่งเดือน ผมขอโอกาสจากทุกท่านให้ผมได้พิสูจน์ตัวเองด้วยครับ”
สืบสายออกมาโค้งขอโอกาสจากลูกค้าทุกคน จุลลา แสบและชาวคณะน้ำตาซึม คุณนายเง็กถึงกับกอดเสี่ยตง ร่ำไห้ด้วยความปลื้มใจกับความกล้าหาญของสืบสาย ผีเถ้าแก่ยิ้มทั้งน้ำตาให้กับสืบสาย แขกและลูกค้าทุกคนลุกขึ้นยืนปรบมือให้กับสืบสาย แสดงถึงการยอมรับและให้โอกาส สืบสายยกตัวขึ้น มองทุกคนอย่างดีใจและซาบซึ้ง เสียงปรบมือดังกึกก้อง
“อากงครับ ผมทำได้แล้วครับ”
สืบสายพูดเบาๆ ถึงผีเถ้าแก่
“อั๊วเห็นแล้วอาตี๋”
ทุกคนปรบมือให้กับสืบสาย สืบสายหันมองจุลลา จุลลายิ้มและปรบมือให้กับสืบสายล้ำหน้ากว่าใคร สืบสายยิ้มให้กับจุลลา
เสี่ยตงลงคุกเข่าหน้าฮวงซุ้ย สืบสายและคุณนายเง็กยืนอยู่ด้วยข้างหลัง
“เตี่ย อั๊วมาขอขมาเตี่ย” ผีเถ้าแก่ปรากฏตัวตรงหน้าเสี่ยตง มองนิ่งๆ “อั๊วช่างโง่เขลาเบาปัญญา คิดแต่จะพยายามลบเงาของเตี่ย อยากให้คนจดจำอั๊ว แล้วทำให้ลืมเตี่ยซะ แต่ไม่ได้คิดเลยว่า ถ้าอยากให้โลกจดจำ ต้องทำความดี คิดดี อยู่บนพื้นฐานของความพอดี ไม่ใช่หน้าใหญ่ใจโตอย่างอั๊ว อั๊วเกือบทำให้โรงงานของเราเจ๊ง ตกไปอยู่ในมือของคนอื่น อั๊วขอโทษ ให้อภัยอั๊วได้มั้ยเตี่ย”
เสี่ยตงก้มลงฟุบหน้าฮวงซุ้ยเพื่อขอขมา ร้องไห้เหมือนเด็กๆ
“อาตง ไอ้ลูกชาย อั๊วอาจจะโกรธลื้อ แต่อั๊วก็ให้อภัยลื้อได้เสมอ ไม่เคยมีพ่อคนไหนตัดขาดลูกตัวเองได้ ยังมีความหวังในตัวลูกชายเสมอลุกขึ้นเถอะ”
สืบสายและคุณนายเง็กเข้าไปหาเสี่ยตง
“เฮีย อั๊วว่าอากงได้ยินลื้อแล้ว”
“อีจะให้อภัยอั๊วมั้ย อาเง็ก อาตี๋”
“ตอนที่ป๊าโกรธผม แต่ป๊าก็ยังให้อภัยและให้โอกาสผมได้ อากงก็เหมือนป๊าล่ะครับ”
“ลื้อมั่นใจได้ยังไง”
“ลูกไม้ย่อมหล่นไม่ไกลต้นครับป๊า”
“อาตี๋พูดถูกแล้ว ลื้ออาจจะเป็นลูกมะพร้าวที่เปลือกหนา รูปร่างบิดเบี้ยว กว่าจะฉีกเปลือกออกได้แสนยากเย็น แต่ข้างในก็ยังเป็นมะพร้าวที่มีน้ำ มีเนื้อ เหมือนอั๊ว เหมือนอาตี๋”
“เตี่ย”
เสี่ยตงร้องไห้สำนึกผิดอยู่หน้าฮวงซุ้ย มีสืบสายและคุณนายเง็กคอยกอดปลอบใจ ให้กำลังใจ และมีผีเถ้าแก่เฝ้ามองอย่างมีความสุขและโล่งใจ
จุลลา พี่โย้เดินมากำลังจะกลับ แสบ ลูกน้องและเจ๊พุ่มมาส่ง
“พี่จูนไม่อยู่รอเจอบอสก่อนเหรอ บอกบอสเองดีกว่ามั้ย”
“เฮ้ย แกบอกหรือฉันบอกก็เหมือนกัน ต่อจากนี้แกกับลูกน้องก็ดูแลซ่อมต่อกันเองได้แล้ว”
“นายช่างมั่นใจฝีมือพวกมันขนาดนั้นเลยเหรอ”
“เจ๊ไม่รู้อะไร ไอ้แสบเนี่ย เก่งเกินหัวหน้าช่างธรรมดานะ หัวไวจะตาย เช็กดูแป๊บเดียวก็รู้แล้วว่าอะไรเป็นอะไร แถมวางวางแผนการทำงานเป๊ะๆ”
“แปลว่า พี่แสบดูมีอนาคตแล้วเหรอพี่จูน”
“จริงเร้อ”
“ใช่เร้อ”
“เฮ้ย! คนเราทำงานมันก็ต้องมีการพัฒนาสิวะ ไม่ใช่ย่ำอยู่กับที่ มันต้องสร้างเป้าหมายไว้พุ่งชน”
“อย่างแสบน่าจะไปเรียนต่อปริญญาตรีวิศวเครื่องกลนะ”
“เลิกคิดเลยพี่โย้ ไม่มีตังค์หรอก ขอแค่ทำผลงานให้เข้าตาเจ้านายเผื่อเงินเดือนขึ้นก็พอแล้ว”
จุลลาครุ่นคิดบางอย่าง อยากให้แสบมีอนาคตมากกว่านี้ เพื่อชีวิตที่ดี และอาจจะดีไปถึงเรื่องรักด้วย
จุลลา พี่โย้เดินมาจะขึ้นรถ จุลลาชะงัก
“ลืมได้ไง”
“ลืมอะไรจูน”
“ลืมลา เถ้าแก่”
“หมายถึงผีเจ้าสัวน่ะเหรอ”
“อืม ไปด้วยกันมั้ย”
“เชิญเถอะ พี่รออยู่ตรงนี้แหละ”
จุลลารีบวิ่งออกไป พี่โย้รออย่างสยองพองขนเพราะกลัวผีมาก
จุลลาเข้ามายืนหน้าฮวงซุ้ย
“เถ้าแก่ หนูมาลา”
ผีเถ้าแก่ปรากฏตัว ไม่ค่อยพอใจ
“ลาไปไหน”
“เถ้าแก่กำลังจะได้ไปที่ชอบๆ หนูก็จะไปที่ชอบๆ ของหนูบ้าง”
“ลื้ออย่ามาพูดเป็นลางไม่ดี”
“ลางอะไร ที่ชอบของหนู เป็นที่ๆ ดีนะ”
“ที่ไหน”
“เธอจะไปจริงๆ เหรอจุลลา”
จุลลาชะงัก หันไปเห็นสืบสายยืนอยู่
“เฮ้อ ไม่น่าย้อนมาเลยให้ตายสิ”
“คุณโย้บอกว่าเธอมาลาอากง เธอลาทุกคนได้ แต่ไม่คิดจะมาลาฉัน”
“ฝากไอ้แสบลาแล้วไง”
“หมายถึงลากันต่อหน้า ลาด้วยตัวเอง เพราะฉันเองก็มีเรื่องที่จะคุยกับเธอ อยากขอบคุณเธอ”
“ไม่อยากใจอ่อนน่ะซี่ จะอะไรซะอีก” ผีเถ้าแก่บอกอย่างรู้ทัน
“หรือว่าเธอ กลัวตัวเองจะเปลี่ยนใจ”
“เปลี่ยนใจอะไร”
“เธอแน่ใจเหรอ ว่าเธอลืมฉันได้แล้วหมดใจ ไม่ได้คิดอะไรกับฉันอีก”
จุลลาอึ้ง ยิ้ม ทำเป็นเข้มแข็ง
“สบายใจได้เลย ถามทำไม เป็นห่วงกลัวว่าฉันจะยังไม่หายเจ็บเหรอ ไม่ต้องหรอก ฉันเจ็บง่ายหายเร็ว คุณเนี่ย เป็นคนดีจริงๆ พับผ่าเถอะ”
“ไม่ใช่อย่างนั้น”
น้ำหวานเข้ามา
“บอสคะ”
“น้ำหวานมาตามแล้ว ไปเถอะ ถึงเวลาที่ฉันต้องไปแล้วเหมือนกัน ลาก่อนนะ โชคดีทั้งสองคน ถ้ามีโอกาส เราคงได้เจอกันอีก”
จุลลาออกไป
“เดี๋ยวก่อนสิพี่จูน”
แต่จุลลาไม่ฟัง เดินออกไป พยายามเข้มแข็ง ยิ้มสู้
“มันน่าเขกหัวอาหนูน้ำหวานนัก ลื้อมาขัดจังหวะทำไมเนี่ย”
“มีอะไรน้ำหวาน”
“เราสองคนจะเอายังไงต่อดีคะ สงสัยแผนของน้ำหวานจะไม่ได้ผล”
“แผนอะไรของลื้อสองคนวะ” สืบสายหนักใจ ผีเถ้าแก่มองสืบสายกับน้ำหวานด้วยความสงสัย “สรุป อั๊วก็ยังคาใจ ยังไปเกิดใหม่ไม่ได้อยู่ดี ไอ้หยา ไอ้ลูกหลานเจ้าปัญหา”
ทรงเดชที่เปลี่ยนเป็นชุดธรรมดา เพื่อไม่ให้เป็นจุดเด่น เดินเข้าตรอกมา ระแวดระวังตัว กลัวใครจะสังเกตเห็น
ทรงเดชเคาะประตูห้อง หมอผีปีเตอร์เปิดออกมาเห็นทรงเดชก็ตกใจ แปลกใจ
“หมอทำงานพลาด ไอ้ผีเจ้าสัวนั่น มันหลุดออกมา”
“อะไรนะ เป็นไปไม่ได้”
ปีเตอร์พาทรงเดชเข้ามาคุยในห้องทำงาน
“มันเป็นไปแล้ว มันทำให้ชีวิตผมพังย่อยยับหมดแล้ว”
“งั้น เงินส่วนที่เหลือ”
“อย่าหวังว่าจะได้ที่เหลือ” ปีเตอร์อึ้ง “หมอต้องแก้ตัวให้ผม ไม่อย่างนั้นก็จะไม่ได้อะไรเลย ทั้งผมทั้งหมอ”
“คุณจะให้ผมแก้ตัวยังไง”
ลูกน้องปีเตอร์วิ่งเข้ามาหน้าตาตื่น
“ตำรวจขนกันมาเพียบเลยอาจารย์”
“ใครหลุดปากเรื่องออฟฟิศฉันวะ”
“ก็ไอ้เสี่ยจ๋ายนั่นแหละ จะใครเสียอีก”
“รีบหนีกันก่อนเถอะครับอาจารย์”
ปีเตอร์และทรงเดชหนีตามลูกน้องไปทางหนึ่งออกไปจากห้องเพื่อหนีตำรวจ
ที่บ้านจุลลา จุลลานั่งหาข้อมูลเพื่อเรียนต่อทางอินเตอร์เน็ต ดาราเข้ามาพร้อมแก้วเครื่องดื่มร้อนให้จุลลา
“ยังไม่ง่วงเหรอคะลูกจูน”
“ยังค่ะแม่ ขอบคุณค่ะ”
จุลลาดื่มเครื่องดื่ม หาข้อมูลต่อไป
“จะไปจริงเหรอคะลูก”
“จริงค่ะ”
“ตั้งใจจะไปเมื่อไหร่”
“เร็วที่สุด”
“บอสแกรู้หรือยัง”
“ไม่รู้สิ แต่ถ้ายังไม่รู้ เดี๋ยวก็ต้องรู้ ที่โรงงานเค้ามีเจ้ากรมข่าวลือ ใครทำอะไรที่ไหนยังไงเมื่อไหร่ เก็บไว้ไม่มิดหรอก โดยเฉพาะเจ๊พุ่มไวมาก ทั้งข่าวกรอง ข่าวไม่กรอง พวกไอ้แสบก็นะ ชอบจะฟังเจ๊พุ่มรายงานข่าว มันบอกว่าเรื่องเม้าท์ชาวบ้านถือเป็นของหวานไว้ล้างปาก ฮ่ะๆ”
จำรัสและดารามองจุลลาอยู่เงียบๆ เห็นแววตามีชีวิตชีวาของจุลลาเวลาพูดถึงคนที่โรงงาน รู้สึกสงสารลูก
“ถ้าลูกจูนไม่อยากไป อยากจะทำงานที่นี่ต่อ ก็ไปคุยกับบอสสิคะลูก”
จำรัสรีบขัด
“อย่าเลย ไปๆ น่ะดีแล้ว”
“พ่อ”
“แม่ไม่รู้ความรู้สึกของลูกเราเหรอ มันอยากไปให้พ้นๆ ทั้งๆ ที่ไม่อยาก แต่ต้องไป เพราะต้องการจะลืมบอส ยิ่งอยู่ยิ่งเห็นยิ่งได้ยินมันจะยิ่งเจ็บ”
“แต่แม่ไม่อยากให้ลูกหนีเพราะยังไม่มีอะไรยืนยันเลยสักนิดว่าความรักลูกจูนจะไม่สมหวัง แม่อยากให้ลูกสู้”
จุลลาทนไม่ไหว ไม่อยากให้พ่อแม่เห็นน้ำตา รีบลุกเดินออกไปทันทีขณะที่พ่อแม่ยังคุยไม่จบ ดาราและจำรัสมองตามอย่างเห็นใจจุลลา หันมามองหน้ากันถอนใจ ต่างคนต่างมีทัศนคติที่ต่างกัน
จุลลาเดินออกมาสงบสติอารมณ์หน้าบ้าน เงยหน้ามองเห็นพระจันทร์ เห็นดาว ยิ่งเจ็บ คิดถึงภาพความหลังที่เคยดูดาวกับสืบสาย
ที่บ้านสืบสาย สืบสายยืนมองท้องฟ้า คิดถึงภาพเดียวกับที่จุลลาคิด
“ฉันไม่เชื่อ ว่าเธอจะลืมฉันได้จริงๆ”
สืบสายหยิบมือถือมา กดเบอร์โทรหาจุลลา
จุลลาปาดน้ำตาแห่งความสะเทือนใจ
“ชีวิตมันต้องคีพโกอิ้งสิ ใช่มั้ยเถ้าแก่”
“อาหนูช่างแย่แล้ว” จุลลาตกใจ
“อะไรแย่ เถ้าแก่ มีอะไรอี๊ก”
“ฮวงซุ้ยอั๊ว ฮวงซุ้ยอั๊ว”
“หนูจะไปหาเดี๋ยวนี้แหละเถ้าแก่”
จุลลาวิ่งเข้าบ้านไปทันที ด้วยความตกใจ
จบตอนที่ 14