วิมานมะพร้าว ตอนที่ 12
สืบสายนั่งอยู่ในห้องทำงาน เครียด เสียใจ นึกถึงตอนที่เสี่ยตงตบหน้า และนึกถึงใบหน้าของทรงเดชที่มองมาอย่างสะใจ สืบสายอัดอั้นตันใจที่ทำอะไรทรงเดชไม่ได้ คับแค้นใจจนน้ำตาซึม
อีกด้านหนึ่งที่ห้องทำงานเสี่ยตง เสี่ยตงนั่งเครียด มองมือตัวเอง รู้สึกผิดและเสียใจ นึกถึงตอนตบหน้าสืบสายแล้วถูกคุณนายเง็กด่า
“แล้วที่ลื้อทำถูกแล้วเหรอ โกรธยังไงก็ไม่ควรลงไม้ลงมือกับคนในครอบครัว ผีสิงให้ลื้อตาบอดหูหนวกหรือไง.”
เสี่ยตงตัดสินใจอะไรบางอย่าง ยกหูโทรศัพท์โทรหาเลขา
“อาเลขา”
มุมหนึ่งร้านสบายท้อง ผีเถ้าแก่นั่งคอตก จุลลาถอนใจ
“หนูก็อยากช่วยนะเถ้าแก่ แต่ไอ้วิธีที่เถ้าแก่จะให้หนูทำ หนูบอกตรง หนูทำไม่ได้ มันไม่ใช่ทาง”
“แล้วลื้อจะช่วยยังไง ให้ไอ้ตงตาสว่าง เลิกเชื่อไอ้ส่งเดช”
“มีอยู่ทางเดียว ทำให้ความเลวของไอ้ส่งเดชมันถูกเปิดเผยจะจะคาตาท่านประธาน”
“ยังไง”
“ยังไม่รู้”
“เซ็งเปียด”
เสียงมือถือจุลลาดังขึ้น เห็นเบอร์หยิก
“ไอ้หยิก มีอะไร” จุลลารีบรับสาย “ฮัลโหล ว่าไง หยิก”
หยิกคุยมือถืออยู่มุมหนึ่งในโรงงาน
“พี่จูน พี่แสบแย่แล้ว” จุลลาตกใจ
“ไอ้แสบเป็นอะไร”
“มันเป็นบ้าไปแล้วพี่จูน”
“เป็นบ้า ได้ไง”
หยิกมองไปทางหนึ่งเห็นแสบและลูกน้องแอบมองน้ำหวาน ที่กำลังคุยงานกับคนงานคนหนึ่ง แสบเพ้อมาก
“น้องน้ำหวานของพี่แสบ ทำไมอ่ะ ทำไม ทำไมต้องเป็นบอส ทำไม”
“เพราะบอสหล่อ การศึกษาดี มีฐานะ ใครไม่อยากได้บอสเป็นเขยก็โง่”
“ใครอยากได้พี่แสบเป็นเขย ก็โง่”
“ทำไมต้องเป็นคนใกล้ตัวที่พี่ให้ความเคารพและไว้วางใจ มันรับไม่ได้”
แสบคว้าคีมใหญ่ ถือไปคล้ายจะเอาเป็นอาวุธ เดินไปทางหนึ่ง
“พี่แสบ จะไปไหน” เข่งถามอย่างตกใจ แต่แสบไม่ฟัง ไม่หยุด เดินลิ่วไป เข่งและถัดเป็นห่วง วิ่งตามไป
“ไอ้หยิก ไปช่วยกันเร็ว”
“ว่าไง ไอ้หยิก ไอ้แสบเป็นบ้าจริงเหรอ ยังไง เล่ามาเร็ว”
“ไม่มีเวลาเล่าแล้ว แค่นี้ก่อนนะพี่ พี่แสบ พี่แสบ”
หยิกวางสาย วิ่งตามไป น้ำหวานได้ยินเสียงโวยวายก็มองตามแปลกใจ
จุลลาตกใจ วิ่งออกไปทันที ผีเถ้าแก่เห็นใจแสบ
“ความวัวไม่ทันหาย ความควายก็เข้ามาแทรก ตล้อดๆ ไอ้แสบเอ้ย จะไม่ให้มันเป็นบ้าได้ยังไง เมื่อต้องเสียคนรักให้คนใกล้ตัว”
รูปเถ้าแก่ถูกนำกลับมาติดที่เดิม พนักงานเอาเครื่องเซ่นวางไว้เสร็จพอดี สืบสายเดินเข้ามาเห็น ชะงัก อึ้งพนักงานค้อมให้แล้วเดินออกไป สืบสายยิ้มออกมาได้เมื่อมองรูปเถ้าแก่
“ขอบคุณครับป๊า”
ทรงเดชมองมาจากมุมหนึ่งอย่างไม่พอใจ
“ไอ้สืบ ไอ้มารคอหอย”
กลุ่มลูกน้องไล่ตามแสบมา
“พี่แสบ หยุดก่อน จะไปไหน”
“จะอยู่ไปทำไม อยู่ไปเพื่ออะไร”
“พี่แสบ ไม่นะ”
ลูกน้องเข้าไปตะครุบเพื่อหยุดแสบ แต่สู้แรงไม่ได้ แสบลากทั้งหมดไปด้วยกัน เจ๊พุ่มมองมาแต่ไกล แปลกใจพวกแสบขี่กันไปไหน น้ำหวานเดินตามมาดูพวกแสบ ไม่ค่อยสบายใจนัก เพราะไม่รู้ว่าแสบจะรู้เรื่องนัดไปดูตัวหรือยัง น้ำหวานเห็นเจ๊พุ่มยืนอยู่ รีบเข้าไปหา
“เจ๊พุ่ม พวกพี่แสบเค้าเป็นอะไรกัน”
“อย่าไปสนใจพวกมันเลย สนใจเรื่องข่าวดีของเราดีกว่า ยินดีด้วยนะ”
“เจ๊พุ่มรู้ งั้นพี่แสบก็คงจะ...รู้แล้ว”
“โอย รู้กันจะหมดโรงงานแล้วมั้ง” ทรงเดชเดินเข้ามาพอดีอย่างฉุนเฉียว เจ็บแค้นสืบสาย “ไม่น่าเชื่อเลยว่าจะเป็นม้ามืด ที่ท่านรองหมายตาให้เป็นลูกสะใภ้ ตอนแรกคิดว่าจะเป็นนายช่างซะอีก ที่ไหนได้ กลับเป็นหนู” ทรงเดชชะงัก เพราะตัวเองยังไม่รู้ สนใจขึ้นมาทันที “แล้วจะแต่งเมื่อไหร่ รู้ยัง”
“ยังไม่รู้เลยค่ะ ขอตัวนะคะ”
น้ำหวานรีบวิ่งออกไป เจ๊พุ่มมองตาม ถอนใจ บ่นออกไป
“เฮ้อ น่าเสียดาย”
ทรงเดชคิดแผนชั่วกับน้ำหวาน
เจ๊อ้อยกำลังเสิร์ฟข้าวคนงาน เห็นคนงานทยอยมานั่งรอสั่งข้าว แสบลากลูกน้องที่รุมเกาะตัวแสบเอาไว้เข้ามาในร้าน ลูกน้องร้องห้ามกันเซ็งแซ่
“อย่า พี่แสบ /อย่า /อย่าทำแบบนี้ /ฉันขอร้อง”
“อย่ามายุ่ง ปล่อย”
“เฮ้ย มันเรื่องอะไรกันเว้ย เล่นอะไรกัน แก่จนหมาเลียตูดไม่ถึงกันแล้ว”
“ไม่ได้เล่น ไอ้พี่แสบมันเอาจริงนะเจ๊อ้อย”
“หา จะมาเอาเจ๊ ไอ้บ้า ตีหัวแตก”
“ทุกอย่างเหี่ยว แต่หูตึง...ไม่ใช่”
“ไอ้พี่แสบมันจะฆ่าตัวตาย”
“หา! ฆ่าตัวตาย”
แสบและเจ๊อ้อยอุทานออกมาพร้อมกัน...เงียบกริบกันทั้งร้าน หันมามองแสบเป็นตาเดียว
“ไม่ใช่” แสบรีบปฏิเสธ ทุกคนอึ้ง
“อ้าว”
“ใช้ลำไส้ใหญ่คิดหรือไง ว่าพี่จะฆ่าตัวตาย ไม่ใช่”
“ก็พี่แสบพูดไปร้องไห้ไปว่า อยู่ไปทำไม อยู่ไปเพื่ออะไร”
“ก็จะอยู่ไปทำไม พักเที่ยงแล้ว ไม่กินข้าวหรือไงวะ” ทุกคนอึ้งอีกรอบ
“อ้าว”
“คนอย่างพี่ไม่เคยใช้ลำไส้ใหญ่คิดแทนสมอง ชีวิตเศร้าแค่ไหนก็ไม่เคยทำร้ายตัวเอง”
“แต่ทำร้ายคนอื่น”
“ทีหลังอย่าเล่นใหญ่”
“หัวใจจะวาย”
“ไปกินข้าว” ถัดดุแสบ
“จ๊ะน้อง”
ทุกคนสะบัดแสบทิ้ง วงแตก ต่างแยกย้ายกันไปนั่ง เลิกให้ความสนใจแสบทันที เจ๊อ้อยประจำที่กระทะ แสบจ๋อย
น้ำหวานเดินมาอย่างเซื่องซึม สืบสายเดินเข้ามา น้ำหวานเห็นสืบสายแล้วชะงัก
“ฉันมีเรื่องจะคุยกับเธอ”
“ค่ะ บอส”
น้ำหวานแปลกใจ สืบสายจะคุยอะไร
ที่ร้านเจ๊อ้อย ทุกคนอิ่ม ยกเว้นแสบยังเขี่ยข้าว กินไม่ลง
“ไม่หิวเหรอพี่”
“กินไม่ลง”
“งั้นฉันกินแทน”
หยิกกำลังจะหยิบจานข้าวของแสบมา ทันใดนั้นจุลลาขี่มอเตอร์ไซค์ผ่าเข้ามาในร้านเลย ทุกคนตกใจ ผงะถอย
จุลลาถอดหมวก ร้อนรนถามอย่างเป็นห่วง
“ไอ้แสบอยู่ไหน”
แสบลุกขึ้นมาจากพื้นเพราะตกใจตกเก้าอี้
“ก็ตกเก้าอี้อยู่นี่ไง ทำอะไรของพี่เนี่ย หน้าร้านไม่มีที่จอดหรือไง”
จุลลารีบลงจากรถเข้ามาหาแสบ
“ไอ้หยิกบอกฉันว่าแกเป็นบ้า”
“บ้า”
“แล้วพูดเหมือนแกกำลังจะไปทำอะไรที่เป็นอันตราย”
“อันตราย”
แสบหันมองลูกน้อง เข่งกับถัดแยกตัวออกจากหยิก เหลือหยิกคนเดียว
“ไอ้หยิก” หยิกจ๋อย
“เอ่อ คือว่า คือ...”
“คืออัลลัยยย”
น้ำหวานนั่งซึมกับสืบสาย
“เอ่อ คือ คือ เอ่อ...”
“เราจะไม่ยอมให้ผู้ใหญ่จับเราคลุมถุงชน” สืบสายบอก น้ำหวานอึ้ง ดีใจ
“บอส”
“เราสองคนจะไม่แต่งงานกับคนที่เราไม่รัก เธอคิดเหมือนฉันใช่มั้ย”
“ค่ะ น้ำหวานไม่มีทางแต่งงานกับคนที่น้ำหวานไม่ได้รัก แต่น้ำหวานไม่รู้จะทำยังไงให้เตี่ยกับแม่เข้าใจ บอสล่ะคะ บอสจะทำยังไง”
“เราต้องเข้มแข็ง ใจแข็ง ยืนยันความคิดของตัวเองจนถึงที่สุด เธอทำได้มั้ย”
“อยากทำค่ะ”
“ต้องทำ”
“ไม่มั่นใจเลยค่ะ น้ำหวานกลัว” น้ำหวานเริ่มน้ำตาซึม
“กลัวอะไร”
น้ำหวานน้ำตาไหลพราก จนสืบสายเป็นห่วง
แสบเดินมากับจุลลา ลูกน้องตามหลัง
“ไม่ต้องกลัวหรอกว่าฉันจะทำอะไรโง่ๆ ก็แค่เสียใจมาก ผิดหวังมาก”
“ก็แล้วไป” จุลลาหันไปดุลูกน้อง “ทีหลังอย่ากระต่ายตื่นตูมได้ป่ะ รู้มั้ยว่ากระทืบมาเร็วกว่าพายุ โชคดีนะที่ไม่ถูกตำรวจตรวจจับความเร็ว”
ทั้งหมดเดินผ่านผีเถ้าแก่ที่นั่งอยู่
“เอาน่า มันเป็นห่วงหัวหน้ามัน อย่าไปโกรธมันเลย”
“อย่าไปโกรธน้องๆ เลยพี่จูน แสบยังไม่โกรธเลย” แสบบอกแล้วหันไปตวาด “ทีหลังอย่าเล่นใหญ่ พี่จูนเดือดร้อน”
“ครับพี่”
“แล้วตกลงเสียใจมาก ผิดหวังมากเรื่องอะไร”
“พี่จูน ต้องทำใจดีๆ นะ”
“เออ เล่ามา”
“ต้องจิตแข็งๆ นะ”
“แข็งโป๊กอยู่แล้ว อย่าลีลา เล่าเร็ว”
“ต้องมีสตินะ”
“ข้อนี้สุดยอดอยู่แล้ว จะเล่าได้ยัง” จุลลาโวย แสบรีบบอก
“ท่านรองจะให้บอสกับน้ำหวานดูตัวแต่งงานกัน” จุลลาอึ้ง
“แต่งงาน คุณสืบ น้ำหวาน”
ผีเถ้าแก่ปรากฏตัวอยู่กับพวกแสบและลูกน้องแล้ว ทุกคนพยักหน้าพร้อมกัน จุลลาช็อก พูดอะไรไม่ออก เดินหนีเลย
“พี่จูน จะไปไหน” จุลลาไม่ตอบ เดินต่อ แสบและลูกน้องตาม
“จิตแข็งโป๊ก สติสุดยอด แต่ช็อกไปแล้ว” ผีเถ้าแก่บ่น
น้ำหวานยังร้องไห้อยู่กับสืบสาย
“เตี่ยกับแม่ขู่น้ำหวานเอาไว้ว่าครั้งนี้ ถ้าน้ำหวานไม่เชื่อฟังจะตัดน้ำหวานออกจากครอบครัว เพราะหวานเป็นลูกอกตัญญู น้ำหวานกลัวค่ะบอส”
สืบสายเห็นใจน้ำหวาน จับมือเอาไว้ ให้กำลังใจ
“เราต้องช่วยกันทำให้ท่านเห็นว่า การเลือกใช้ชีวิตกับคนที่รัก มันคนละเรื่องกับความกตัญญู เรายังทำหน้าที่ลูกที่ดีกับท่านไม่เคยเปลี่ยนแปลง น้ำหวานทำได้มั้ย”
“น้ำหวานต้องทำให้ได้ค่ะบอส”
“ดีมาก แต่ก่อนอื่นต้องเลิกร้องไห้ก่อน ต้องเข้มแข็ง เข้าใจมั้ย”
“เข้าใจค่ะ ขอบคุณค่ะบอส”
สืบสายจับมือให้กำลังใจน้ำหวาน น้ำหวานพอจะยิ้มออกมาได้ จุลลา แสบและลูกน้องเดินผ่านมาเห็นเข้าพอดี ทั้งหมดชะงัก อึ้ง
จุลลาและแสบเห็นท่าทีของสืบสายและน้ำหวานที่แสดงความอ่อนโยนต่อกัน ช็อก จุก ใจแป้ว ผีเถ้าแก่ลอยมาอยู่ระหว่างจุลลาและแสบ มองสืบสายกับน้ำหวานแล้ว อึ้ง แต่ก็พยายามปลอบจุลลาและแสบ
“บางที อาจจะไม่ได้เป็นอย่างที่พวกลื้อคิดนะ”
“บางที เค้าสองคนก็เหมาะสมกันดีนะ แสบ”
“พี่จูนกำลังจะบอกว่า ความรักเอาชนะความเหมาะสมไม่ได้ใช่มั้ย”
จุลลาอึ้ง รู้สึกแย่
จุลลานั่งซึมอยู่หน้าฮวงซุ้ย ผีเถ้าแก่อยู่ด้วย มองจุลลาอย่างเห็นใจอยู่ในเต้นท์และอุปกรณ์ปิกนิก
“น้ำชามั้ย ท่าทางคอจะแห้ง”
“หนูไม่ได้พูดสักแอะ คอแห้งได้ไง”
“อั๊วถามตัวเอง เพราะอั๊วชวนลื้อคุยเรื่องโน้นเรื่องนี้ พูดอยู่คนเดียวตั้งหลายชั่วโมง”
“ไม่มีอารมณ์ขัน ไม่ตลก”
“ไม่ได้ให้ตลก แต่ให้สนใจอั๊วบ้าง คุยคนเดียว เหงานา”
“ก็หนูไม่รู้จะคุยอะไร หนูเบลอ”
“ลื้อจะหลีกทางให้อาตี๋กับอาหนูน้ำหวานจริงๆ เหรอ” จุลลาอึ้ง “อาตี๋กับอาหนูน้ำหวาน ไม่ได้เต็มใจหรอก อั๊วรู้”
“สองคนนั่นเป็นลูกกตัญญู ไม่กล้าขัดใจพ่อแม่หรอก”
“พนันกันมั้ย”
“พนันอีกแระ หนูลาล่ะ สวัสดี”
จุลลาทำความเคารพผีเถ้าแก่แล้วลุก จะออกไป
“เดี๋ยวก่อนสิ อาหนูช่าง เรายังคุยกันไม่เคลียร์เลย”
แล้วจุลลาก็ชะงัก เพราะเห็นสืบสายยืนอยู่ จุลลาอึ้ง ในขณะที่สืบสายดีใจที่ได้เห็นจุลลา
“งั้นเรื่องของเราไว้ทีหลัง ให้เป็นเรื่องของตัวเธอสองคนก่อน”
ผีเถ้าแก่ยิ้มๆ เดินออกไป ปล่อยให้จุลลาและสืบสายได้อยู่กันสองคน
น้ำหวานกำลังจะกลับบ้าน เดินออกไปจากโรงงาน ผ่านป้อมยาม
“กลับบ้านแล้วเหรอครับคุณน้ำหวาน”
“ทำไมพูดกับน้ำหวานไม่เหมือนเดิมล่ะ พี่จ่อย”
“ซ้อมไว้ครับผม อีกไม่นานคุณน้ำหวานก็จะมาเป็น...” น้ำหวานรู้ว่ายามจ่อยจะพูดอะไร รีบขัด
“ถ้าไม่ทำทุกอย่างหมือนเดิม น้ำหวานโกรธ” ยามจ่อยรีบพูดใหม่
“เดินทางกลับบ้านโดยสวัสดิภาพนะครับ น้องน้ำหวาน”
“ค่อยโอเคหน่อย ไปนะคะ”
น้ำหวานเดินออกไป แสบแอบตามมา
“แอบตามไปส่งน้องน้ำหวานอีกเหรอครับผมช่างแสบ”
“ใช่ แต่คราวนี้ จะเป็นการส่งท้าย ขอตามไปส่งถึงหน้าบ้านก่อนที่จะไม่มีโอกาสได้ทำอีก ไปนะ”
แสบรีบตามน้ำหวานไป ยามจ่อยมองตามแสบ เศร้า
“สะเทือนใจเหลือเกิน”
จุลลายิ้มทักทายหน้าเจื่อนๆ ให้สืบสาย
“สวัสดี”
“มาแล้วทำไมไม่บอก”
“ก็แล้วทำไมต้องบอก”
“เป็นอะไรไปหรือเปล่า”
“เปล่านี่ ทุกอย่างปกติ”
“ปกติ? เธอไม่ปกติ ฉันรู้”
“เหรอ? โอเค ฉันไม่ปกติ จบนะ ไปล่ะ บาย”
จุลลาเดินผ่านสืบสายออกไป สืบสายจับมือของจุลลาเอาไว้
“เดี๋ยวก่อน” จุลลาจับข้อมือสืบสายบิด “โอ๊ย”
“อย่ารุ่มร่ามกับฉันอีก ไม่งั้น กระดูกหักทั้งตัวแน่”
“โอเคยอม ปล่อยฉันได้หรือยัง” จุลลาปล่อยสืบสาย สืบสายขยับตัวเข้าใกล้จุลลา จุลลาถอย
“ยัง”
“เธอเป็นอะไรไป”
“เป็นผู้หญิงที่ต้องรักนวลสงวนตัว ไม่ควรปล่อยตัว เผลอใจให้ผู้ชายง่ายๆ สวัสดี ลาก่อน”
จุลลาเดินออกไปเลย สืบสายมองตามงงๆ ตามไปทันที
“จุลลา เดี๋ยวก่อน ฉันไม่เข้าใจ จุลลา”
ผีเถ้าแก่ปรากฏตัว เซ็ง
“ลุ้นให้อีสองคนเข้าใจกัน มันลุ้นไม่ขึ้นจริงๆ อั๊วเหนื่อยว้อย”
ผีเถ้าแก่ไปนั่งปิกนิกตามเดิม ด้วยความเซ็ง
น้ำหวานนั่งมอเตอร์ไซค์รับจ้างเข้ามาในซอย แล้วให้บอกให้มอเตอร์ไซค์จอดก่อนถึงบ้าน จ่ายเงิน มอเตอร์ไซค์ออกไป น้ำหวานยืนถอนใจ ออกเดินไป แสบที่นั่งมอเตอร์ไซค์อีกคันหนึ่งมาให้มอเตอร์ไซค์จอด
“จอดพี่ๆ จอดตรงนี้” แสบรีบจ่ายเงิน มอเตอร์ไซค์ออกไป แสบมองตามน้ำหวานที่เดินไปด้วยความสงสัย
“ทำไมลงก่อนถึงบ้านวะ”
แสบตัดสินใจเดินตามไปห่างๆ
น้ำหวานค่อยๆ เดินมา พยายามท่องสะกดจิตตัวเอง
“เข้มแข็ง ไม่ร้องไห้ ทำให้เตี่ยกับแม่เห็นว่าเราจะไม่ยอม ไม่ยอม ไม่ยอม สู้ๆ”
แสบเดินตามน้ำหวานมา มองมางงๆ
“ท่องคาถาอะไรของเค้าว่ะ หรือว่าท่องว่า โอม...ขอให้พี่แสบรวยๆ”
ทันใดนั้นมีรถตู้คันหนึ่งปราดเข้ามาจอดเทียบน้ำหวานอย่างรวดเร็ว น้ำหวานมองอย่างแปลกใจ ไม่ทันระวังตัว จากนั้นก็มีชายฉกรรจ์สองคนใส่หมวกไอ้โม่งลงมาจากรถตู้ เข้ามาฉุดน้ำหวานขึ้นรถ
“ชะ...”
น้ำหวานจะร้อง ชายคนหนึ่งปิดปากน้ำหวานด้วยผ้าชุบยาสลบ แสบที่ตกใจอยู่ วิ่งเข้ามาทันที เข้าชาร์จเลย
“ไอ้พวกเตี้ย ปล่อยน้ำหวาน”
แต่แสบถูกสวนด้วยลูกถีบ กระเด็นออกมา จุก น้ำหวานระทวย ถูกลากขึ้นรถตู้ไปจนสำเร็จ แสบลุกขึ้นมาได้ แต่รถตู้วิ่งออกไปแล้ว แสบพยายามวิ่งตามสุดแรงเกิด
“เฮ้ย”
แต่แสบวิ่งตามไม่ทัน รถตู้ทิ้งระยะห่างออกไป แสบรีบหยิบมือถือตัวเองขึ้นมาถ่ายรูปทะเบียนรถตู้และลักษณะของรถเอาไว้ มอเตอร์ไซค์วินคันที่แสบนั่งมา ขับย้อนกลับมา
“พี่ให้เงินผมไม่ครบ ขาดสิบบาท” แสบรีบขึ้นซ้อนท้าย
“เดี๋ยวให้ ตอนนี้ตามรถตู้คันนั้นไปก่อนเร็ว”
วินรีบขับออกไปงงๆ แสบหวดเหมือนหวดม้า
“เร็วๆๆๆ”
สืบสายเร่งฝีเท้าตามจุลลามา
“เดี๋ยวก่อนจุลลา” จุลลาขึ้นรถ
“อะไรอีกเล่า”
สืบสายไปขวางหน้ารถ
“อย่าเพิ่งไป เราต้องคุยกัน”
มือถือจุลลาดังขึ้นขัดจังหวะ จุลลารีบหยิบมา เห็นเบอร์แสบ รีบรับสาย
“ว่าไง แสบ อะไรนะ น้ำหวานถูกฉุด” จุลลาตกใจ สืบสายพลอยตกใจไปด้วย
“น้ำหวาน”
“ส่งรูปรถตู้ให้ฉันด้วย อย่าลืมแจ้งตำรวจ”
จุลลาสตาร์ทรถ สืบสายขึ้นนั่งซ้อนท้าย
“ฉันไปด้วย”
“จับดีๆ แล้วกัน”
“จับเอวเธอได้มั้ย” จุลลาอึ้ง
“อยากจับอะไรก็จับ อย่าให้หล่นแล้วกัน”
จุลลารีบออกรถไปทันทีอย่างเร็วและแรง โดยมีสืบสายกอดเอว
แสบนั่งซ้อนท้ายวินมอเตอร์ไซค์ เห็นรถตู้วิ่งอยู่ไกลๆ แสบคุยมือถือ
“ใกล้ถึงยัง มารับ เร็วๆ กูเหลือเงินแค่ยี่สิบ ไม่พอค่าวิน!”สืบคุยมือถือแล้วถามวิน “พี่สิบบาทไปถึงได้แค่ไหน”
วินจอดเลย
“แค่นี้แหละ”
“เวรล่ะ ไปต่ออีกหน่อยเหอะพี่ เดี๋ยวจ่าย”
“ไม่ได้ต้องไปรับลูกค้าประจำ ลงไป”
“เวรล่ะ”
แสบจำใจลงจากรถ รีบจ่ายเงิน แล้วตัดสินใจวิ่งต่อไป รถตู้ค่อยๆ ลับหายไปจากสายตา มอเตอร์ไซค์ของหยิก ซ้อนเข่ง ถัดขี่มาอีกคัน วิ่งมา แสบเห็นดีใจ
“ขึ้นมาเลยพี่” แสบขึ้นรถ
“ไปเร็ว รถมันไปทางนั้น”
มอเตอร์ไซค์สองคันบิดกันออกไป
จุลลาขี่มอเตอร์ไซค์มาตามถนน สืบสายนั่งซ้อนท้าย
มอเตอร์ไซค์ชาวคณะแสบมาถึงสามแยก
“ไอ้หยิกไปทางโน้น ไอ้ถัดไปทางนี้” แสบบอก
“แล้วถ้าพี่จูนตามมาถึง จะให้ไปทางไหน”
“สักทางแหละ ตอนนี้ไปก่อน เร็ว”
หยิกแยกไปทางหนึ่ง ถัดขี่แยกไปอีกทาง
น้ำหวานสลบอยู่ในรถ ถูกมัดมือไพล่หลังและมีผ้าผูกปิดตา ชายคนหนึ่งคุยมือถือ ในขณะที่คนหนึ่งขับรถ อีกคนคุมตัวน้ำหวานไว้อยู่
“ได้ตัวเรียบร้อยแล้วครับ แต่มีคนเห็น”
ทรงเดชเดินมาคุยมือถือ
“เห็นใครตามมามั้ย”
ชายมองไปข้างหลัง ถนนโล่ง ไม่มีอะไรผิดสังเกต
“ตอนนี้ไม่มีอะไรผิดปกติ เฮ้ย ดูด้วยว่ามีใครตามมามั้ย” ชายบอกคนขับ
“ครับ”
“แล้วพวกแกใช้ทะเบียนปลอมหรือเปล่า”
“ครับ”
“รีบเลย ฉันกำลังตามไป ไม่เกินครึ่งชั่วโมง” ทรงเดชวางสายยิ้มกริ่ม “ทุกอย่างที่เป็นของแก ต้องเป็นของฉันก่อน ไอ้สืบ”
ทรงเดชรีบเดินต่อไป
น้ำหวานค่อยๆ ฟื้น ขยับร่างกายได้ ลุกขึ้นนั่ง ร้องกรี๊ดลั่นทันที
“อ๊ายยย”
ชายฉกรรจ์ทั้งหมดเอามือปิดหูแทบไม่ทัน ด้วยความแสบแก้วหู
“เฮ้ย เอาอะไรอุดปากมันสิวะ เร็ว หูกูจะแตกแล้ว”
ชายอีกคนหยิบผ้าที่เหลืออยู่มาม้วนเป็นก้อนๆ จะอุดปากน้ำหวาน น้ำหวานพยายามดิ้น ยกขาถีบ ไม่ให้ถูกอุดปากง่ายๆ ชายถูกลูกถีบน้ำหวาน กระเด็นติดตัวรถ
“อีนี่”
ชายอีกคนต่อยท้องน้ำหวานจนจุก ตัวงอ หมดแรงถีบ ชายรีบเอาผ้ามาอุดปากน้ำหวานทันที
“เร็วๆ ไปให้ถึงภายในครึ่งชั่วโมง”
“ครับ”
รถตู้วิ่งไปตามถนน
จุลลาขับมาถึงสามแยก จอดหยุด ลังเล จะไปทางไหนดี
“ไปทางไหนดีจุลลา”
“โว้ย” จุลลาเจ็บใจแล้วคิดถึงผีเถ้าแก่ “เถ้าแก่ เถ้าแก่ เถ้าแก่”
จุลลาเรียกเสียงดังสุดๆ ขณะนั้นผีเถ้าแก่กำลังเขียนอักษรจีนด้วยพู่กันถึงกับสะดุ้ง จนเขียนพลาด เลอะ
“ไอ้หยา จะเรียกอั๊วทำไมวะ เรื่องของลื้อสองคน เคลียร์กันเองน่า”
ผีเถ้าแก่เปลี่ยนกระดาษแผ่นใหม่ ลงมือจะเขียน...
“เถ้าแก่”
จุลลาเรียกเสียงดังมาก ผีเถ้าแก่พลาดอีก
“ไอ้หยา ลื้อจะเอายังไงกับอั๊ววะ”
ร่างของผีเถ้าแก่หายไปทันที
จุลลามองซ้ายมองขวาหาผีเถ้าแก่ ว่ามาหรือยัง
“อากง มาหรือยัง” สืบสายถามอย่างอึ้งๆ
“ยัง! เถ้าแก่ หนูต้องการความช่วยเหลือ น้ำหวานถูกฉุดไปทางไหน ช่วยหนูที จะไปทางซ้ายหรือทางขวา
จะมาได้หรือยัง”
เสียงบิ๊กไบค์บรื๊นๆ ดังเข้ามา จุลลาหันไปมองเห็นผีเถ้าแก่ในชุดชาวร็อคขี่บิ๊กไบค์ใส่หมวกกันน็อกเข้ามาจอดเทียบข้าง เร่งเครื่องใส่อีกต่างหาก จุลลาคิดว่าเป็นคน
“มีปัญหาเหรอพี่”
“จุลลา เธอคุยกับใคร” สืบสายถามอย่างแปลกใจ
“ก็นี่ไง” ผีเถ้าแก่ถอดหมวกออก ยิ้มเผล่
“สวัสดีชาวแก๊ง” จุลลาตกใจ
“เฮ้ย เถ้าแก่ขี่มอเตอร์ไซค์ ได้ไง”
“ฉันเผาส่งไปให้เอง แสดงว่าอากงได้รับแล้ว” สืบสายบอก
“ทั้งเซ็ต ขอบใจมากนะอาตี๋ ที่ช่วยสนับสนุนความฝันอั๊ว” ผีเถ้าแก่เห็นจุลลาอ้าปากค้าง “อย่ามัวอ้าปากค้าง รถมันลักษณะเป็นยังไง”
จุลลาได้สติ รีบเอามือถือให้ผีเถ้าแก่ดูรูปที่แสบส่งมาให้ รูปถ่ายรถตู้ถูกบันทึกด้วยแว่นกันแดดของผีเถ้าแก่
ที่สายตาแว่นกันแดด เห็นรถตู้วิ่งไปตามถนนเหมือนส่องดูจากกล้องระยะไกลและมีตัวเลขบอกพิกัด
“ตามอั๊วมา”
ผีเถ้าแก่ขี่มอเตอร์ไซค์กงเต๊กเลี้ยวไปทางที่แสบเลี้ยวไป
“จุลลา อากงว่ายังไง”
“บอกว่าให้ตามไป”
“ก็ตามไปสิ อย่ามัวตกใจ” สืบสายขึ้นนั่ง จะกอดเอวจุลลา จุลลารีบขัด
“อย่ากอดแน่น จั๊กกะจี๋ กอดหลวมๆ”
“โอเค”
จุลลาออกรถ โดยมีสืบสายกอดเอวหลวมๆ
แสบซ้อนท้ายถัดมาเห็นรถตู้ที่เหมือนกับรถที่ก่อเหตุเปิดไฟกระพริบจอดอยู่ข้างหน้า
“นั่น มันอยู่นั่น”
ถัดจอดข้างหน้ารถตู้ รถตู้ยังติดเครื่องอยู่ แสบกระโดดลงไป ถัดหยิบอุปกรณ์ที่เป็นเครื่องมือช่างหน้าตะกร้ารถติดมือมาส่งให้แสบ
“ไอ้ถัด แจ้งคุณตำรวจ ว่าเราเจอรถพวกมันแล้ว”
“ครับพี่” ถัดรีบเอามือถือของแสบโทรหา 191 รอสาย “รับเร็วๆ สิครับคุณตำรวจ”
แสบเปิดประตู แต่เปิดไม่ออก ประตูล็อก
“เฮ้ย เปิดประตู ไอ้ชั่ว ไอ้เตี้ย เอาผู้หญิงกูคืนมา”
ประตูรถตู้ถูกเปิดออก กะเทยโชว์เต็มรถ
“มีแต่กะเทยได้มั้ยคะพี่”
“เหยยย” แสบวิ่งไปดูทะเบียนรถ คนละทะเบียนกัน “ไอ้ถัด บอกคุณตำรวจว่าเราเข้าใจผิด”
กะเทยลงจากรถมาล้อมกรอบแสบ หน้าตาแต่ละคนพร้อมงาบแสบ
“เรื่องมันก็เป็นอย่างนี้ล่ะครับคุณตำรวจ สวัสดีครับ”
ถัดกดวางสาย ขึ้นรถ แสบมุดหนีมาจากกลุ่มกะเทย กระโดดซ้อนท้าย
“มิดเลยครับน้อง”
มอเตอร์ไซค์ของแสบวิ่งออกไป กะเทยมองตามเสียดาย หัวหน้าคณะหิ้วถุงใส่ขนมเข้ามา
“บอกว่าซื้อของแป๊บเดียวก็แป๊บเดียวสิ จะลงมาทำไม ขึ้นรถไปเร็ว เดี๋ยวไปโชว์ไม่ทัน” กะเทยขึ้นรถ
วิมานมะพร้าว ตอนที่ 12 (ต่อ)
หยิกขี่มอเตอร์ไซค์มาตามทางที่ขรุขระ รถติดหล่ม
“เฮ้ย! ฉันว่ามันไม่น่าจะใช่แล้วล่ะ ไอ้หยิก”
“แล้วฉันบอกว่าใช่ตรงไหนวะ”
“อ้าว แล้วขี่มาอยู่ได้”
“ก็แล้วจะให้ไปทางไหนล่ะ ถนนมันพามาตรงนี้อ่ะ”
“ย้อนกลับไปเลย”
“ช่วยเข็นสิวะ”
หยิกกับเข่งช่วยกันยกรถออกจากหล่ม
ผีเถ้าแก่ขี่มอเตอร์ไซค์นำจุลลาและสืบสาย แซงรถมอเตอร์ไซค์แสบ
“เฮ้ย พี่จูน ตามไปเร็ว”
ถัดเร่งเครื่องตามจุลลาไป มือถือแสบดังขึ้น แสบรีบรับ
“ว่าไงไอ้หยิก”
รถตู้คนร้ายเลี้ยวเข้าไปในบริเวณห้องพักรายวัน น้ำหวานถูกอุ้มมาวางลงบนเตียงในห้องพัก สภาพอ่อนยวบ ช่วยตัวเองไม่ได้เพราะยังจุก ชายฉกรรจ์ออกไป ล็อกห้องไว้
ทรงเดชลงจากแท็กซี่หน้าหอพัก แท็กซี่ออกไป ชายฉกรรจ์เข้ามาหา
“มีอะไรผิดสังเกตมั้ย”
“ไม่มีครับ ทางปลอด ไม่มีใครตามเรามา”
ทรงเดชส่งซองเงินให้
“ฝากบอกเสี่ยด้วยว่าขอบคุณมาก แล้วก็อย่าเพิ่งไป ดูสถานการณ์ไว้ก่อน กันพลาด”
“ครับ”
ทรงเดชยิ้มหื่น เดินออกไป ชายฉกรรจ์ยืนคุมเชิง
น้ำหวานนอนอยู่บนเตียง ทรงเดชเข้ามา สำรวจทั่วตัวด้วยความหื่น เห็นน้ำหวานถูกอุดปาก ค่อยๆ ดึงผ้าออก
ทรงเดชลูบไล้ไปบนริมฝีปากของน้ำหวาน ก่อนจะโน้มหน้าลงไปหวังจะจุมพิต แต่แล้วก็ถูกน้ำหวานยกขาสูงถีบออกไปกระเด็น
“โอ๊ย”
จุลลาขี่มอเตอร์ไซค์ตามผีเถ้าแก่มา ถัดขี่ตามมา จู่ๆ ผีเถ้าแก่ก็หยุดรถ จุลลาหยุดตาม ถัดหยุดด้วย สัญญาณภาพรถตู้จอดอยู่หน้าห้องพักจากจอแว่นกันแดดของผีเถ้าแก่พร่ามัว ติดๆ ดับ
“แว่นเรด้าอั๊วเป็นอะไรวะ” ผีเถ้าแก่ตบๆ แว่น
“จอดรถทำไม” สืบสายถามอย่างแปลกใจ
“เถ้าแก่ จอดทำไม” จุลลาถาม แสบ ถัด สะดุ้งเฮือก
“พี่จูน เมื่อกี้พี่จูนถามใครข้างหน้า”
“ก็คน เอ้ย ผีที่แกก็รู้ว่าใครนั่นแหละ” แสบ ถัดตกใจ
“ผีเจ้าสัว”
“อากงท่านนำทางพวกเรามา” สืบสายบอก แสบ ถัด ชะงัก อึ้ง “อย่ากลัว ท่านมาดี”
“ว้าก”
“ใครกลัว ฉันไล่ออก” แสบ ถัดหุบปากทันที “จุลลา อากงว่าไง”
“เถ้าแก่ เกิดอะไรขึ้น หยุดทำไม ตอนนี้พวกมันอยู่ไหน”
“ท่าทางแว่นจีพีเอสอั๊วจะเจ๊ง”
“ใช้เซ้นส์สิเถ้าแก่ ใช้เซ้นส์อย่างที่เคยใช้ บางทีเทคโนโลยีก็พึ่งไม่ได้”
“ช่วยด้วย” เสียงน้ำหวานดังขึ้น
“อั๊วรอคำๆ นี้เท่านั้น อั๊วเห็นแล้ว ตามอั๊วมา”
ผีเถ้าแก่ออกรถ สืบสายขึ้นซ้อนท้ายจุลลา จุลลารีบตามผีเถ้าแก่ไปทันที
“ตามมั้ยพี่” ถัดถาม แสบบอกเสียงสั่น
“ตาม...ไป...สิ เราต้องช่วยน้องน้ำหวาน ให้ยิ่งกว่าผีพี่ก็ต้องไม่กลัว”
แสบและถัดกลัวลนลานขึ้นรถตามไป
น้ำหวานดิ้นๆๆ พลางร้องตะโกน
“ช่วยด้วย”
ทรงเดชเห็นท่าไม่ได้เรื่องเพราะน้ำหวานส่งเสียง เข้าไปหยิบผ้ามาจะอุดปากน้ำหวานเหมือนเดิม แต่ทรงเดชก็เข้าไปไม่ถึงตัวสักที เพราะน้ำหวานสะบัดขาถีบ ทรงเดชต้องหลบลูกถีบน้ำหวานไปมา แต่สุดท้ายน้ำหวานก็พลาด ถูกทรงเดชจับขา กด ขึ้นนั่งทับขา เอาผ้าอุดปากได้สำเร็จ ทรงเดชหอบเหนื่อย แต่น้ำหวานก็ไม่หยุดดิ้นจนทรงเดชเสียหลัก ล้มลงไปอีก ตึง
น้ำหวานพยายามลุก หาทางหนี แต่ก็หล่นจากเตียง ตุบ!
ขบวนรถมอเตอร์ไซค์นำโดยผีเถ้าแก่เลี้ยวเข้าไปในบริเวณห้องพัก
ชายฉกรรจ์เห็นขบวนรถมอเตอร์ไซค์ก็ตกใจ แสบเห็นชายฉกรรจ์ ชี้เลย
“พวกมัน พวกมัน เล่นมันเลย น้องน้ำหวานกูอยู่ไหน”
จุลลาจอดรถ ถัดจอดรถ แสบไวกว่าใคร พุ่งเข้าใส่ชายฉกรรจ์ ถูกต่อยออกมาซบอกถัด จุลลาเข้าชาร์จหัวหน้า สืบสายเข้าชาร์จอีกคน แสบและถัดรุมอีกคน กลายเป็นสามคู่ปะทะกัน ผีเถ้าแก่เฝ้ามองเหตุการณ์ ลุ้น
“แล้วอาหนูน้ำหวานอีอยู่ไหนวะ” ผีเถ้าแก่มองซ้ายมองขวา ได้ยินเสียงตุ๊บๆ ดังแว่วมา “ทางโน้น”
ผีเถ้าแก่หายตัวไป ขณะที่คนอื่นๆ ยังบู๊กับคนร้าย จุลลากับหัวหน้าฝีมือสูสี ไม่มีใครเพลี่ยงพล้ำ สืบสายรับมือกับชายอีกคน สู้ไม่ค่อยได้ แสบและถัดใช้มวยวัดกับชายคนที่สาม ซัดมั่ว แต่ไม่ค่อยได้ ถูกต่อย ถูกถีบซะมากกว่า
น้ำหวานวิ่งหนีทรงเดชพล่านไปทั่วห้อง ทรงเดชไล่ต้อนน้ำหวานเหมือนเล่นตี่จับ โดยที่พยายามไม่ให้ตัวเองมีเสียง กลัวน้ำหวานจะรู้ ผีเถ้าแก่ปรากฏตัวเห็นทรงเดช
“ไอ้ส่งเดช ไอ้หยา นี่ลื้อชั่วช้าเลวทรามได้ถึงขนาดนี้เลยเหรอวะ เลวครบสูตรจริงๆ จะช่วยลื้อได้ยังไงดีวะอาหนูน้ำหวาน”
ผีเถ้าแก่ตัดสินใจชี้ไปที่แจกันในห้อง แจกันลอยแล้วปลิวมาฟาดหัวทรงเดชเปรี้ยง
“โอ๊ย” น้ำหวานชะงัก จำเสียงได้
“ไอ้...อง...เอด (ไอ้ทรงเดช)”
ทรงเดชมองไปรอบๆ เห็นแจกันตกอยู่ ตัวเองก็เลือดอาบ ตกใจ ทรงเดชลังเล เอาไงดี น้ำหวานส่งเสียงให้ดังเท่าที่จะดังได้
“ไอ้องเอด แอ อั๊นอำเอี๋ยงแออ้าย! (ไอ้ทรงเดช แก ฉันจำเสียงแกได้) แอ อาย (แก ตาย)”
น้ำหวานพุ่งเข้าหากะจะถีบทรงเดช แต่มองไม่เห็น พลาด วืด
“ซวยแล้วกู” ทรงเดชบ่นเบาๆ
ทรงเดชพุ่งไปที่ประตู เปิดออกแล้วตกใจเมื่อเห็นจุลลา สืบสาย แสบและถัดกำลังซัดกับลูกน้องอยู่ไกลๆ
ทรงเดชตกใจ เอาไงดี
“คิดหนีเหรอ วันนี้ ลื้อไม่มีทางรอด ความชั่วของลื้อจะต้องถูกเปิดเผยต่อสายตาชาวโลก”
ผีเถ้าแก่ชี้นิ้วไปที่ประตู ประตูปิดปัง! โดยที่ทรงเดชไม่ได้ปิด ทรงเดชมองไปรอบๆ ห้อง
“อย่าบอกนะ ว่าเป็นฝีมือแกไอ้เจ้าสัว”
“เออ อั๊วเอง ผีที่ลื้อพยายามจะกำจัด อั๊วเคยบอกแล้วผีอย่างอั๊ว ยิ่งบั่นยิ่งยาวเว้ย” ทรงเดชตัดสินใจคว้าตัวน้ำหวานมา แล้วใช้ตัวน้ำหวานบังตัวเอง เปิดประตู ออกไป “ไอ้นี่ เกาะกระโปรงผู้หญิงเอาตัวรอด”
ผีเถ้าแก่หายตัวไป
หน้าห้องพัก ทรงเดชอยู่ข้างหลังน้ำหวาน มาถึงมุมหนึ่งที่มีทางแยก ทรงเดชผลักน้ำหวานออกไป แล้วตัวเองก็รีบชิ่งหนีไปอีกทาง ผีเถ้าแก่ปรากฏตัว
“อาหนูช่าง ไอ้ส่งเดชมันหนีไปทางโน้น”
จุลลาถีบชายกระเด็น รีบตามไปทางที่ผีเถ้าแก่ชี้ทันที สืบสายกำลังพลาดท่าเสียทีชายคนที่สอง แสบและถัดรุมจัดการคนชายที่สามจนหมอบกระแต แสบเห็นน้ำหวาน
“น้ำหวาน”
แสบรีบไปหาน้ำหวานทันที แก้มัดผ้า เอาผ้าออกจากปาก
“พี่แสบ”
น้ำหวานโผเข้ากอดแสบอย่างดีใจ
“ไอ้ถัด ช่วยหลานอั๊วก่อน” ผีเถ้าแก่บอก สืบสายถูกต่อยร่วง ถัดพุ่งเข้าไป เจอต่อยสวนกลับมา สลบเหมือด
“ไอ้หยา ใช้ไม่ได้เลย”
สืบสายเข้าปะทะชายคนที่สองอีก แสบจะเข้าไปช่วย สืบสายยันหมัดของชายคนที่สองเอาไว้ แล้วหันมาบอกแสบ
“แสบ พาน้ำหวานไปก่อน แจ้งตำรวจด้วย”
“แต่”
“ฉันบอกให้ไป”
“ครับบอส”
แสบรีบพาน้ำหวานวิ่งออกไป เหลือสืบสายรับมือกับชายคนที่สอง และแล้วชายคนที่หนึ่งก็ฟื้นขึ้นมา สืบสายกำลังจะถูกรุม สองต่อหนึ่ง โดยที่ตัวเองมือเปล่า แต่ต้องตั้งรับชายฉกรรจ์สองคนที่หยิบมีดพกขึ้นมาทั้งคู่
“อาตี๋ จะไหวมั้ยว้า”
ทรงเดชวิ่งหนีมา มองหาทางรอด แล้ววิ่งไปทางหนึ่ง จุลลาตามมา เห็นหลังทรงเดชไวๆ รีบตามไปทันที
หน้าห้องพัก สืบสายถอยหลังตั้งรับชายฉกรรจ์ที่ถือมีดเดินเข้าหา สืบสายหวั่นใจว่าจะรับมือไม่ไหว แต่ใจสู้ ถัดนอนสลบอยู่ ผีเถ้าแก่ยืนใจคอไม่ดีอยู่ ชาย1 พุ่งเข้าหาสืบสาย สืบสายหลบคมมีดได้อย่างหวุดหวิด ชาย2 พุ่งเข้าใส่ สืบสายหลบ แต่ไม่พ้น ถูกมีดกรีดที่แขน
“ไอ้หยา อาตี๋” ผีเถ้าแก่ตกใจ
สืบสายเห็นเลือดไหลซึมเลอะแขนเสื้อออกมา เอาไงดี เห็นแต่ทางแพ้เมื่อเห็นชายฉกรรจ์ยิ้มย่อง
“อากงครับ ช่วยส่งพลังให้ผมด้วย” สืบสายบอก
“ถ้าอั๊วเข้าสิงลื้ออีก เง็กเซียนฮ่องเต้ไม่เอาอั๊วไว้แน่นอน เอาไงดีวะ”
ผีเถ้าแก่จนใจ จะส่งพลังให้สืบสายยังไงดี ชาย1และ 2 พุ่งเข้าหาสืบสายด้วยมีดอีก สืบสายทั้งหลบ ทั้งต่อย แต่แล้วก็พลาด กำลังจะเสียท่า ชาย3 ดันฟื้นขึ้นมาอีก ผีเถ้าแก่เห็น
“สองก็แย่แล้ว เพิ่มเข้ามาอีกหนึ่งเป็นสาม หลานอั๊วเละเป็นโจ๊กแน่”
ผีเถ้าแก่ตัดสินใจใช้พลังของตัวเอง ชี้พวกท่อนไม้ ก้อนหินให้พุ่งเข้าใส่ชาย3 ชาย3 ตกใจ เหวอ ในขณะที่ต้องหลบป้องกันตัวเอง ชาย1 ชาย2 ตกใจมากเหมือนกัน
“หินลอยได้เองได้ยังไงวะ”
“หรือว่า...ผี!”
“คุกน่ากลัวกว่าผี จัดการมัน อย่าให้รอด”
ชาย1 ชาย2 เข้ารุมสืบสาย สืบสายกำลังถูกรุมกระทืบ
“ไอ้ถัด รีบฟื้นสิวะ มาช่วยหลานอั๊ว” ถัดรู้สึกตัวตื่น แต่ถูกก้อนหินที่เถ้าแก่เสกให้ปลิวใส่ชาย3 ลอยมากระแทกหัว ถัดสลบไปอีกครั้ง “ไอ้หยา อั๊วขอโทษ! อาตี๋” ผีเถ้าแก่หันไปเห็นสืบสายกำลังแย่จึงส่งพลังให้ของลอยใส่ชาย3 อีก แต่คราวนี้ยกไม่ขึ้น “เฮ้ย! อะไรวะ พลังหมด โธ่ ท่านเง็กเซียนฮ่องเต้ อั๊วทำผิดกฏด้วยความจำเป็น จะไม่อะลุ้มอล่วยกันเลยเหรอ”
ผีเถ้าแก่ร้อนใจ สืบสายกำลังกะปลกกะเปลี้ยเต็มทน
ทรงเดชวิ่งผ่านดงไม้ทึบที่พอจะหลบซ่อนตัวได้ วิ่งเข้าไปหลบ ทั้งที่เลือดอาบหัว จุลลาวิ่งผ่านที่ซ่อนของทรงเดชไป หยุดมองหา มองไปรอบๆ ทรงเดชลุ้นระทึก จุลลามองมาที่ทรงเดชซ่อนตัว ทรงเดชใจหายวาบ จุลลาเดินมา
“อาหนูช่าง มาช่วยอาตี๋ก่อน อาตี๋แย่แล้ว”
เสียงผีเถ้าแก่ดังเขามา จุลลาชะงัก ตกใจ
“คุณสืบสาย”
จุลารีบวิ่งกลับไปทางเดิมทันที ทรงเดชโล่งอก แค้นใจ
ขณะนั้นสืบสายสะบักสะบอม กำลังจะหมดแรงเมื่อต้องเจอสามรุมหนึ่ง ผีเถ้าแก่ยังไม่เห็นจุลลามาสักที ชายฉกรรจ์เดินย่างสามขุมหาสืบสาย
“อาตี๋ลุกขึ้น”
สืบสายเกิดพลังฮึด ลุกขึ้น รู้สึกถึงพลังของผีเถ้าแก่
“อากง”
“หลับตา! แล้วคิดถึงอั๊ว”
สืบสายหลังตา คิดถึงเถ้าแก่ เถ้าแก่ตั้งท่ารำมวยไทเก๊กพร้อมต่อสู้ ในความคิดของสืบสายเห็นภาพเถ้าแก่กำลังรำมวยไทเก๊กออกกำลังกายอยู่หน้าบ้าน ซึ่งเป็นท่าเดียวกับที่ผีเถ้าแก่กำลังทำอยู่ สืบสายตั้งท่าไทเก๊กเหมือนผีเถ้าแก่ที่มายืนอยู่ข้างหลัง ชายฉกรรจ์อึ้ง แปลกใจที่จู่ๆ สืบสายก็ลุกขึ้นมา
“ดีมาก! ดึงลมปราณจากพื้นพสุธา ตั้งจิตติดตามความเคลื่อนไหวของร่างกายจนเกิดเป็นสมาธิ”
สืบสายเคลื่อนไหวร่างกายอย่างนุ่มนวลอ่อนโยน ชายฉกรรจ์พุ่งเข้าใส่สืบสาย ผีเถ้าแก่สะบัดท่าไหน สืบสายก็ออกท่านั้น ปะทะชายฉกรรจ์ทีละคนด้วยไทเก๊กที่ลีลาอ่อนโยน ผีเถ้าแก่พูดไปด้วย ออกท่าไปด้วย
“นุ่มนวล แต่ทรงพลัง อ่อนโยนแต่หนักแน่น เคลื่อนไหวลื่นไหลต่อเนื่อง หายใจสอดประสานไปกับการเคลื่อนไหว”
สืบสายหลับตาออกท่าไทเก๊กโดยมีภาพเถ้าแก่รำไทเก๊กหน้าบ้านเป็นเครื่องนำทาง มีเสียงพูดของผีเถ้าแก่ประกอบการต่อสู้
“แรงสะท้อนเท่ากับแรงปะทะ” ชายฉกรรจ์พุ่งเข้าหาสืบสาย สืบสายสะท้อนกลับ “ชนะแข็งด้วยอ่อน ความอ่อนละมุนมีชัยเหนือความแข็งกร้าว” สืบสายซัดเปรี้ยงจนชาย1 กระเด็น จุก สำลักเลือด “ไม่รู้ทำเป็นรู้ จึงตกทุกข์ลำบาก รู้ทำเป็นไม่รู้ จึงอยู่เหนือผู้อื่น” สืบสายซัดอีกเปรี้ยง ชาย 2 กระเด็น หมดท่า “ความนุ่มนวลผ่อนปรนเป็นหนทางแห่งการมีชีวิต แต่ความแข็งกล้าหาญหัก เป็นหนทางแห่งความตาย”
สืบสายปล่อยพลัง ซัดชาย3 กระเด็นไปทับอีกสองคน กองกันหมดทางสู้ ผีเถ้าแก่ค่อยๆ รวมสมาธิเข้าสู่ท่าสุดท้าย สืบสายทำตาม
“เมื่อเคลื่อนไหวทำให้หายหนาว เมื่อหนยุดนิ่งทำให้หายร้อน ผู้มีความนิ่ง มีความสงบ จึงเป็นตัวอย่างที่เลอเลิศของจักรวาล”
สืบสายลืมตา เห็นชายฉกรรจ์ลงไปกอง ก็อึ้ง ตกใจเลย ผีเถ้าแก่ยิ้มปลื้ม
“เฮ้ย ทำได้ไง”
“เพราะลื้อจำที่อั๊วเคยสอนไทเก๊กลื้อได้ เมื่อใจสงบทุกอย่างก็ตื่นเอง”
“ขอบคุณนะครับ อากง”
จุลลาวิ่งเข้ามา เห็นภาพชายฉกรรจ์ลงไปกองก็ตกใจ
“เฮ้ย”
“จุลลา เธอเป็นไงบ้าง” สืบสายหันมาถามจุลลาอย่างเป็นห่วง แต่จุลลาเป็นห่วงมากกว่า
“ฉันสิตั้งถามคุณ คุณเป็นอะไรมากมั้ย เลือดนี่”
“โดนมีด แต่ไม่ลึกหรอก ฉันรู้”
ผีเถ้าแก่ยืนยิ้มอิ่มใจ ก่อนจะได้สติ
“เฮ้ย! จัดการพวกมันก่อน จับส่งตำรวจเดี๋ยวนี้เลย”
รถตู้เข้ามาจอดเทียบอย่างรวดเร็ว เพราะหนึ่งในนั้นวิ่งไปเอารถโดยที่ไม่มีใครสังเกต อีกสองคนเปิดประตูเผ่นขึ้นรถ ออกไปอย่างรวดเร็ว สืบสาย จุลลาพยายามจะวิ่งตาม
“เฮ้ย เถ้าแก่ ช่วยหน่อย” จุลลาตะโกนบอกแต่พอหันมาก็ต้องตกใจ เพราะผีเถ้าแก่มีร่างที่ลางเลือน “เถ้าแก่ เกิดอะไรขึ้น”
“อั๊วทำผิดกฎสวรรค์อีกแล้วอาหนูช่าง” มีลำแสงส่องลงมาจากท้องฟ้า มาที่ตัวผีเถ้าแก่ ผีเถ้าแก่เงยหน้ายิ้มรับความผิด “ฝากอาตี๋ด้วยนะ ไม่รู้ว่า เราจะมีโอกาสได้เจอกันอีกหรือเปล่า”
ผีเถ้าแก่ค่อยๆหายไป ยิ้มเศร้าสร้อยให้กับจุลลาและสืบสาย
“ไม่นะ เถ้าแก่ จะลากันง่ายไปหน่อยมั้ย ไม่เอานะ”
“จุลลา เกิดอะไรขึ้น อากง ลาไปไหน”
จุลลามองสืบสาย หน้าเสีย เป็นห่วงผีเถ้าแก่
ทรงเดชนั่งอยู่ในห้องสอบสวน สถานีตำรวจ ที่หัวแปะผ้าก็อซเอาไว้
“ผมมีคุณเดือนพิไลเป็นพยานยืนยันได้ว่าในช่วงเวลานั้นผมอยู่กับเธอ”
เดือนพิไลนั่งยิ้ม ทุกคนหันมองเดือนพิไล
“ค่ะ ดิฉันกับคุณทรงเดชนัดเจอกัน”
“คุณกับทรงเดช รู้จักกัน? ตอนไหน? เมื่อไหร่?” สืบสายถามอย่างแปลกใจ
“สักพักแล้วล่ะค่ะ ตั้งแต่ที่คุณเริ่มห่างเหินกับมูน มูนไม่รู้จะไปปรึกษาใคร และเห็นว่าคุณทรงเดชเป็นเพื่อนสนิทของคุณ”
“ไปนัดกันที่ไหน”
“บ้านฉัน ถ้าไม่เชื่อ ไปสอบปากคำเพื่อนบ้านฉันสิ”
“แล้วที่หัวแตก แตกได้ยังไง” แสบถามขึ้นมา
“ฉันลื่นล้มในห้องน้ำ หัวไปโขกพื้น”
“ที่ไหน” น้ำหวานถาม
“ที่บ้าน ก่อนออกไปหาคุณมูน”
“ไม่จริง แกเป็นคนฉุดฉัน ถึงฉันจะถูกปิดตา ฉันก็จำเสียงแกได้ ไอ้คนโกหก”
น้ำหวานปราดเข้าไปตบหน้าทรงเดชเปรี้ยง จุลลาและแสบเข้าไปจับตัวน้ำหวานเอาไว้
“น้ำหวานอย่า ใจเย็นก่อน”
“น้ำหวานไม่เย็น น้ำหวานจะฆ่ามัน ไอ้คนชั่ว มันกับคุณเดือนพิไลโกหก”
“อย่ามากล่าวหาฉันนะ ไม่งั้นฉันจะฟ้องข้อหาหมิ่นประมาท”
“คุณมูน คุณกำลังช่วยคนผิด”
“ผิด? คุณเอาอะไรมาเป็นหลักฐานว่าคุณถูก แม่นี่มันท่าทางใช่หยอกซะเมื่อไหร่ สายตาอ่อยผู้ชายไปทั่ว
สมควรแล้วล่ะที่จะถูกใครก็ไม่รู้ฉุดไปข่มขืน”
“หยุดพูดให้ร้ายน้ำหวานเดี๋ยวนี้ ก่อนที่ผมจะรู้สึกแย่กับคุณมากไปกว่านี้”
เดือนพิไลอึ้ง จุลลาและแสบก็อึ้งที่เห็นสืบสายปกป้องน้ำหวาน ทั้งสองคนหมองลง สะเทือนใจ
“คุณตำรวจ คุณจะปล่อยให้ผมถูกยัดเหยียดความเลวโดยที่ผมไม่ได้ทำอยู่อีกนานมั้ย หรือจะให้ผมเรียกทนายฟ้องกลับทุกคนรวมถึงคุณตำรวจด้วย” ทรงเดชขัดขึ้นมา
“ทุกคน สงบสติอารมณ์กันก่อนนะครับ”
“ตกลง จะจับมันหรือไม่จับครับคุณตำรวจ”
“ผมยังจับไม่ได้ จนกว่าจะมีหลักฐานที่เชื่อได้ว่าคุณทรงเดชเป็นคนลงมือทำ เราต้องใช้เวลารวบรวมหลักฐาน
แค่คำพูดให้การของพวกคุณอย่างเดียว มันไม่พอ”
ทุกคนอึ้ง หันมองทรงเดชและเดือนพิไลด้วยความเจ็บแค้น ทรงเดชยิ้มกริ่ม เดือนพิไลหน้าเสียที่จำใจต้องช่วยทรงเดชซึ่งทำให้แผนการช่วงชิงสืบสายห่างไกลออกไปทุกที
สืบสาย จุลลา แสบ น้ำหวานเดินมาด้วยความอัดอั้น จุลลาฉุน เงื้อเท้าจะเตะขาแสบ
“โธ่เว้ย” แสบรีบชักเท้าหนี
“หยุด พี่จูน อย่ามาลงที่ขาของแสบ”
“โทษที”
“อยากระบายอารมณ์ ก็ให้ฟาดขาไปทางอื่น”
“ก็ได้” จุลลาหันไปเหวี่ยงขา กะจะเตะอากาศเพื่อระบายอารมณ์ “ไอ้ส่งเดชเอ้ย”
ปรากฏว่าทรงเดชเข้ามาอยู่ในวิถีกระสุนพอดี โดนถีบขาดังพลั่ก
“โอ๊ย”
ทุกคนหันไป ทรงเดชยืนง่อย เดือนพิไลตกใจอยู่
“อ้าวววว โชคดีจัง ที่โดน” จุลลาบอก
“เธอจงใจ”
“ไม่ได้จงใจ แต่มันได้ดั่งใจมาก”
ทรงเดชเข้ามากระชากเสื้อจุลลา
“เธอ” แสบเตรียมจะพุ่งไปช่วย แต่ไม่ทัน เพราะสืบสายเร็วกว่า สืบสายเข้ามาแทรก ผลักอกทรงเดชออกไป
“สืบ นายกำลังให้ท้ายและปกป้องคนผิด มันเอาผิดฉันไม่ได้ เลยหาเรื่องทำร้ายฉัน”
“ฉันคิดเองได้ว่าใครผิดใครถูก อยู่ให้ห่างๆ จุลลาและทุกคน แล้วเตรียมตัวไว้ให้ดี พรุ่งนี้ฉันจะทำให้นายกระเด็นออกไปจากชีวิตของฉัน”
“ถ้านายยังอคติกับฉันอยู่แบบนี้ เราคงคุยกันดีๆ ไม่ได้”
“หมดเวลาคุยกันดีๆ แล้ว ทรงเดช” เดือนพิไลเข้าไปหาสืบสาย
“คุณสืบคะ คุณอย่าโกรธมูนนะคะ มูนมีเหตุผล ทุกอย่างก็ต้องว่ากันไป”
“หมดเวลาคุยกันดีๆ แล้วครับ คุณมูน”
เดือนพิไลอึ้ง ทรงเดชกับสืบสายมองกันอย่างท้าทาย เดือนพิไลมองหน้าจุลลาและน้ำหวานด้วยความเกลียดชัง ทรงเดชและเดือนพิไลพากันออกไป สืบสายหันไปจะจูงมือจุลลาพาเดินไปเหมือนที่เคยทำ แต่จุลลาชักมือกลับ สืบสายอึ้ง จุลลาออกเดินไป แสบรีบเดินตามจุลลา จำใจตัดใจจากน้ำหวาน ปล่อยให้น้ำหวานอยู่กับสืบสายสองคน
สืบสายและน้ำหวานมองตามคนที่ตัวเองรักเดินห่างออกไป
“บอสคะ อย่าบอกเตี่ยกับแม่นะคะ น้ำหวานขอร้อง”
“ฉันจะไม่บอกใคร และจะสั่งทุกคนให้ปิดปากด้วยเหมือนกัน”
“ขอบคุณค่ะ”
“ฉันอนุญาตให้หยุดงานได้จนกว่าฉันจะกำจัดทรงเดชออกไปให้ได้ซะก่อน เพื่อความปลอดภัย”
“ขอบคุณค่ะบอส” น้ำหวานเดินไปกับสืบสาย น้ำหวานรู้สึกเจ็บข้อเท้า “โอ๊ย”
“เป็นอะไร”
“ปวดข้อเท้าค่ะ เมื่อกี้คงโกรธจนลืมเจ็บ เพิ่งจะมารู้สึก”
“เดินไหวมั้ย มา ฉันช่วยประคอง”
สืบสายช่วยประคองน้ำหวานเดินไป
สืบสายประคองน้ำหวานเดินผ่านไปทางหนึ่ง จุลลาและแสบยืนมองมาจากมุมหนึ่ง ทั้งสองคนคอตกพร้อมกัน ก่อนจะถอนหายใจออกมาพร้อมกัน
“เฮ้อออ”
“เห็นมั้ย”
“เต็มสองตา”
“เอาไงต่อ”
“กลับไปรักษาแผลใจ” จุลลานึกถึงผีเถ้าแก่ อยากรู้ว่าเป็นยังไง รีบเดินออกไปโดยที่แสบไม่เห็น “ให้น้องๆ ช่วยเลียสมาน” แล้วแสบก็นึกขึ้นได้ “น้องๆ ฉันให้ ไอ้หยิก ไอ้เข่ง ไปดูไอ้ถัด พี่จูน” แสบหันไป จุลลาไม่อยู่แล้ว แสบเซ็ง
“เผลอเป็นหาย เผลอเป็นหาย”
หยิกขี่มอเตอร์ไซค์มาตามถนนมีถัดที่ยังไม่ฟื้นนั่งตรงกลาง เข่งนั่งปิดท้าย
“มันยังไม่ตายใช่มั้ยไอ้เข่ง” หยิกถาม เข่งเอามืออังจมูกถัด
“ยังอยู่”
“ทำไมสลบนานจังวะ” เข่งตบหัวถัดเลย
“ตื่นสักที” ถัดรู้สึกตัวตื่น
“ฆ่ามัน ช่วยบอสด้วย ฆ่ามัน” ถัดโวยวายจนหยิกขี่รถเสียศูนย์
“ไอ้ถัดนั่งดีๆ รถกูจะล้ม”
เข่งตบกะโหลกถัดอีกที
“นี่แน่ะ” ถัดสลบไปเหมือนเดิม “เออ จะได้อยู่นิ่งๆ”
หยิกขี่รถต่อไปได้เป็นปกติ
จุลลามายืนหน้าฮวงซุ้ยเถ้าแก่
“เถ้าแก่ ยังไม่ได้ไปไหนใช่มั้ย หนูมานะ” ทุกอย่างเงียบกริบ จุลลาใจคอไม่ดี “เกิดอะไรขึ้นกับเถ้าแก่ ช่วยตอบหนูหน่อย หนูไม่เชื่อหรอกว่าเถ้าแก่จะจากไปแบบนี้” ทุกอย่างยังเงียบกริบ จุลลาลงคุกเข่า ใจเสีย ใจหาย “เถ้าแก่ยังไม่หมดห่วงนะ ที่นี่ยังมีปัญหา ไอ้ส่งเดชมันยังลอยนวลอยู่เลยนะเถ้าแก่ เถ้าแก่ตอบหนูหน่อยสิ ส่งเสียงให้รู้สักนิดว่ายังอยู่ เถ้าแก่แค่หมดพลังอยู่ข้างใน หรือถ้าพูดไม่ออก สีซอให้หนูฟังก็ได้ ไม่ต้องเป็นเพลงหรอก มามั่วๆ ก็ยังดีนะเถ้าแก่”
จุลลาน้ำตาซึมอย่างอดกลั้นไว้ไม่ไหวอยู่หน้าฮวงซุ้ย
ที่บ้านเสี่ยจ๋าย เสี่ยจ๋ายกำลังเอาเรื่องทรงเดช
“ลูกน้องอั๊วเกือบเอาตัวไม่รอด เพราะมันมีผีมาช่วย”
“ผี หรือว่าเป็นอีไอ้เจ้าสัว”
“ผีเจ้าสัวเล้งน่ะเหรอ”
“ใช่ มันทำให้ผมเกือบจับไข้หัวโกร๋นมาแล้วทีนึง นับวันมันยิ่งเฮี้ยน”
“แล้วแผนที่อั๊วให้ลื้อทำให้โรงงานมันเจ๊งแล้วอั๊วจะเข้าไปยึดมาเป็นของอั๊ว เมื่อไหร่มันจะสำเร็จ เหลือเวลาอีกอาทิตย์เดียวเท่านั้นนะ อาทรงเดช”
“ให้เวลามันแค่ห้าวันพอ ป๊า” คิตตี้เดินเข้ามา
“โธ่คิตตี้ พี่ถูกทั้งผีทั้งคนคอยขัดขวาง ศึกสองทาง มันไม่ง่าย”
“ทำไม่ได้ก็เตรียมตัวตายกลายเป็นผีเฝ้าสวนมะพร้าวเหมือนไอ้เจ้าสัวเล้งไปก็แล้วกัน” เสี่ยจ๋ายบอก
“ผมทำได้ ถ้าเสี่ยช่วยผมจัดการไอ้ผีแก่นั่น กับคนที่มันคอยขัดขาผม” เสี่ยจ๋ายกับคิตตี้มองหน้ากัน เอาไงดี
“เถ้าเสี่ยไม่ช่วย เรื่องนี้ถึงหูตำรวจแน่”
เสี่ยจ๋ายและคิตตี้มองทรงเดชอย่างเจ็บใจ ทรงเดชยิ้มกริ่มที่กลับมาถือไพ่เหนือกว่า
จุลลาปาดน้ำตา มองไปรอบๆ ฮวงซุ้ยทุกอย่างยังคงเงียบกริบ
“เงียบเกินไปนะเถ้าแก่ หนูขอร้องล่ะ อย่าทำแบบนี้”
จุลลาน้ำตาจะไหลออกมาอีก มือของสืบสายมาแตะที่ไหล่ของจุลลา จุลลาชะงัก สืบสายลงนั่งคุกเข่าข้างๆ จุลลา จุลลาหยุดร้องไห้ เงียบกริบ ไม่พูดอะไร สังเกตเห็นว่าสืบสายทำแผลเรียบร้อยแล้ว
“ทำแผลเรียบร้อยแล้วเหรอ”
“อืม”
“มาทำไม”
“มาคุยกับอากง ถ้าอากงยังอยู่ แต่ถ้าไม่อยู่ ฉันก็จะไม่เสียใจ”
“เฮ้ย! คุณไม่เสียใจ แต่ฉันเสียใจ”
“ยิ่งเธอเสียใจ คนทุกคนที่นี่เสียใจ จะยิ่งทำให้อากงไปอย่างลำบากใจ”
“ฉันไม่เชื่อหรอกว่าอากงคุณจะไปผุดไปเกิดตอนนี้ ฉันยังไม่ได้ทำเรื่องที่แกขอร้องให้เลย”
“อากงขอให้เธอทำอะไร”
จุลลาอึ้ง ไม่กล้าบอก
ในฮวงซุ้ยปรากฏตัวผีเถ้าแก่ขึ้น ในท่าคุกเข่าทำความเคารพเง็กเซียนฮ่องเต้ ผีเถ้าแก่ค่อยๆ ลุกขึ้น แรงยังเหลือ แล้วก็ต้องชะงัก มองออกไปนอกฮวงซุ้ยเห็นจุลลากับสืบสายนั่งคุกเข่าอยู่
“ฉันถามว่าอากงให้เธอทำอะไร”
“ยังบอกไม่ได้ จนกว่าอากงคุณจะมาให้ฉันเห็น แล้วฉันจะยอมโอเคเซเยสด้วยอีกต่างหาก”
“อั๊วจะออกไปให้ลื้อเห็นได้ยังไง อั๊วถูกกักบริเวณอยู่ สวรรค์มีตา อั๊วทำอะไรไม่เคยรอดพ้นสายตาของสวรรค์เล็กน้อยก็ไม่รอด” ผีเถ้าแก่บ่นเบาๆ จุลลามองไปรอบๆ แล้วตะโกน
“เถ้าแก่ หนูยอมถอยสุดขอบแล้วนะ หนูยอมช่วยแล้ว แต่ถ้าไม่ยอมมาให้หนูเห็น หนูก็จะไม่ช่วย”
“จุลลา ใจเย็นๆ หน่อย จะตะโกนเสียงดังทำไม”
“ให้เสียงมันดังไปถึงสวรรค์ เผื่อแกจะไปเฝ้าเง็กเซียน ให้มันดังทะลุประตูฮวงซุ้ย เผื่อแกจะหมดแรงนอนอยู่”
“เดี๋ยวชาวบ้านแถวนี้ก็หาว่าเธอบ้าหรอก”
“ช่างดิ่” จุลลาลุกขึ้นแล้วตะโกนอีก “แค่เพียงเถ้าแก่ปรากฏตัวออกมาภายในห้านาที เถ้าแก่จะได้ยินคำว่าโอเค เท่านั้นยังไม่พอ หนูจะสารภาพความในใจกับหลานเถ้าแก่อย่างหมดเปลือก”
“ความในใจอะไร”
“เห็นมั้ย หลานเถ้าแก่อยากจะรู้ความในใจหนู ทุกอย่างมันขึ้นอยู่กับเถ้าแก่ จะหนีไปผุดไปเกิด หรือไปเป็นสัมพะเวสีผีเร่ร่อนได้ลงคอ ก็เอา”
แต่ทุกอย่างก็ยังคงเงียบกริบ จุลลาคอตก สืบสายนั่งมอง อดอมยิ้มไม่ได้ จุลลาเห็นสายตาของสืบสาย รีบหันเดินหนีกลับ สืบสายอึ้ง หันมามองฮวงซุ้ย
“อากงครับ อากงไปแล้วจริงๆ เหรอครับ ถ้าเลือกได้ ผมอยากให้อากงสบายใจ จะได้ไปเกิดในภพภูมิที่ดี อย่าเพิ่งไปเลยนะครับ”
สืบสายทำความเคารพฮวงซุ้ย รีบเดินตรมจุลลาออกไป ในฮวงซุ้ยเห็นผีเถ้าแก่ตะกายฝาผนังอยู่
“อั๊วยังไม่ได้ไปไหน ทั้งที่อยากออกไปใจจะขาด”
วิมานมะพร้าว ตอนที่ 12 (ต่อ)
สืบสายวิ่งออกมาแต่จุลลาขี่มอเตอร์ไซค์ไปไกลแล้ว สืบสายถอนใจที่ไม่ได้เคลียร์กับจุลลาสักที
ที่ร้านสบายท้อง จำรัสเดินมารอคอยการกลับมาของจุลลาอย่างไม่ค่อยสบายใจ ดาราคิดเงินลูกค้า ป้าลำยองออกมานั่งดูทีวีแล้ว ลีลากับมะขวิดทยอยเก็บของ ลูกค้าเริ่มบางตา
“มันหายไปไหนทั้งวันวะ มือถือก็ไม่รับ” จำรัสบ่น ดาราเดินเข้ามา
“แสดงว่าลูกติดธุระอยู่น่ะพ่อ เดี๋ยวก็มา”
“กลัวมันจะเป็นอันตรายน่ะสิ พ่อใจไม่ค่อยดี เป็นห่วงมัน”
“โอ๊ย คุณจูนดวงแข็งโป๊กจะตาย แกไม่เป็นอะไรง่ายๆ หรอกค่ะ”
“เพราะต้องรอมาเป็นเพื่อนเจ้าสาวของลีลาก่อนค่ะ”
“บ้า ฉันยังไม่ได้ขอเลยนะ” มะขวิดขัด
“ใครบอกฉันจะแต่งกับแก”
“แล้วใครจะเอาแก ถ้าไม่ใช่มะขวิด” ป้าลำยองถาม จังหวะนั้นพี่โย้เดินเข้ามาพอดี
“สวัสดีครับ ทุกคน”
“โอ๊ย ตายจริง แค่คิดถึง ก็มายืนอยู่ข้างหน้าแระ เนื้อคู่ชัดๆ” ลีลาบอกอย่างดีใจ
“เอ่อ อย่าเลยครับ ไม่สะดวกจริงๆ” พี่โย้รับบอก
“ฉันว่าเนื้อคู่แก แบบนั้น ท่าจะเหมาะกว่านะ”
“แบบไหนอีกล่ะไอ้มะขวิด”
มะขวิดพยักเพยิดไปทางหน้าประตู ทุกคนหันไป จึงเห็นชายฉกรรจ์เป็นฝูง ยืนเตรียมเอาเรื่องอยู่ ทุกคน ตกใจ สะดุ้งเฮือก
“เฮ้ย”
เจ้าที่ปรากฏตัว
“งานเข้าอีกแล้ว”
ส่วนที่หน้าบ้านพักคนงาน แสบ หยิก เข่ง ถัดชนแก้วน้ำเปล่า มีกับข้าววางอยู่กลางโต๊ะ
“ดื่มเพื่อลืมน้องน้ำหวาน”
“ฮะ” ทุกคนกำลังจะเฉ แต่แสบแทรกขึ้นมาขัดจังหวะ
“ฮื้อ”
แสบน้ำตาตก คอตก ลูกน้องเงียบกริบ
“แล้วแบบนี้ ใครจะกล้าเฮวะ”
“พี่แสบ เก็บน้ำตาไว้ร้องตอนไอ้ถัดตายเถอะ”
“เออ วันนี้ก็เกือบแระ เฮ้ย! ไอ้บ้า”
“หยุด พี่แสบกำลังเสียใจ อย่าทะเลาะกัน ชั่วโมงนี้เราทุกคนต้องการความสามัคคี”
“สามัคคีเพื่ออะไรวะ”
“ช่วยกันปลอบใจให้พี่แสบหายดี”
“ปลอบไงอ่ะ”
“น้องเค้าไปดีแล้ว พี่ก็จมปลักของพี่ต่อไปเถอะ มีแต่ตัวแบบนี้เลิกคิดมีเมียเห้อะ”
“ปลอบพี่มากน้อง ไอ้เวร” สืบสายเดินเล่นเรื่อยเปื่อยมา แสบที่กำลังคว้าคอเสื้อหยิกเอาเรื่องเห็นเข้าพอดี วางมือ “แต่น้องไม่ใช่คนที่พี่จะลงมือ”
“งั้นก็ไอ้เข่ง หรือไม่ก็ไอ้หยิก”
“ไม่ๆ คนอย่างพี่ชอบเล่นของสูง” แสบเป๋เมาน้ำเปล่าเข้าไปขวางหน้าสืบสายเลย “เฮ้ย บอส”
“เฮ้ย พี่แสบบบ” พวกลูกน้องตกใจ
“ว่าไง แสบ”
“เรามีเรื่องต้องเคลียร์กัน”
สืบสายมองแสบประหลาดใจ แสบท่าทางเอาเรื่องมาก
จุลลาขี่มอเตอร์ไซค์มา มีเจ้าที่นั่งอยู่ข้างหลัง
“รีบๆ เถอะ จุลลา ที่บ้านกำลังเละ”
จุลลาหน้าเครียด ตัดสินใจเร่งความเร็ว ที่หน้าปัดเห็นความเร็วเพิ่มขึ้น เร็วขึ้น จุลลาขี่มอเตอร์ไซค์ไปคนเดียว ลับไปจากถนน
ในร้านสบายท้อง ชายฉกรรจ์เข้ามาล้มโต๊ะ เก้าอี้ จนลูกค้าหนีแตกกระเจิง ดารา ลีลา ป้าลำยองมะขวิดไปหลบอยู่หลังจำรัสและพี่โย้ทันที
“เฮ้ย นี่มันอะไรวะ” จำรัสถามอย่างไม่พอใจ
“บทเรียนบทที่หนึ่งไงเล่า”
ชายคนหนึ่งบอกพร้อมกับต่อยจำรัสลงไปกอง พี่โย้เข้าไปช่วย มะขวิดเข้าไปจัดการที่เหลือ ถูกเตะกระเด็น พี่โย้เข้าไปจัดการช่วย ชายฉกรรจ์บางคนไปพังร้าน ดารา ป้าลำยอง ลีลาตกใจร้องวี้ดว้าย
“แม่ พาพวกผู้หญิงไปหลบก่อน”
จำรัสบอกแล้วเข้าไปลุย
“ไม่ แม่ไม่หลบมันไม่ถูกต้อง แม่ไม่ยอม ทุกคน ลุย” ป้าลำยองและลีลาตัวสั่น ก้าวขาไม่ออก “ฉันบอกให้ลุย ถึงเราจะเป็นผู้หญิง มันก็ไม่ใช่เหตุผลที่ต้องหลบ”
“แต่ขอใช้เครื่องทุ่นแรงนะคะ”
“ใช้ด้วย”
ดารา ป้าลำยอง ลีลา คว้ากันคนละอย่างใกล้มือ ไปช่วยจำรัส พี่โย้และมะขวิดจัดการพวกชายฉกรรจ์ จำรัสและพี่โย้ชนหลังกัน ในขณะที่มะขวิด ดารา ป้าลำยองและลีลาช่วยกันเอาตัวช่วยรุมตีชายฉกรรจ์
“ไอ้หน้าพะโล้ จู่ๆ พวกมันก็เข้ามาพังร้านฉัน มันอะไรกันวะ”
“คุณพ่อถามผม แล้วผมจะไปถามใคร”
ดาราหอบเข้ามารวมกลุ่ม
“พ่อโย้ ทำไมไม่มาคนเดียว พาพวกมาอาละวาดทำไม เกลียดพ่ออย่ามาลงกับร้าน”
“ผมเปล่า”
ลีลากระเด็นเข้ามา หอบ พักเหนื่อย
“พี่โย้เป็นคนดีและเป็นเนื้อคู่ของลีลา พี่โย้ไม่มีทางทำให้เราเดือดร้อน”
ป้าลำยองและมะขวิดกำลังตั้งรับชายฉกรรจ์หันมาตะคอก
“แต่ฉันกำลังเดือดร้อน”
“อ้าว เฮ้ย ทุกคน ลุย”
จำรัส พี่โย้ ดารา ลีลาเข้าไปลุย
ส่วนที่บ้านพักคนงาน แสบยืนมองหน้าสืบสาย ด้วยสีหน้าหาเรื่อง กวนตีนมาก แต่ไม่พูดอะไร เดินวนไปวนมารอบๆ สืบสาย มองสืบสายหัวจรดเท้าอยู่นั่น
“จึดๆๆๆๆ” แสบจุ๊ปาก
“เป็นจิ้งจกเหรอ” สืบสายถาม
“เปล่า แต่เป็นมากกว่านั้น”
“เป็นอะไร” สืบสายถามเสียงเข้ม แสบอึ้ง พวกลูกน้องสยองแทนแสบ
“เป็นผู้ชายที่จะขอแสดงความยินดีกับบอสเป็นคนแรก”
แสบยื่นมือให้สืบสาย หวังจะเช็คแฮนด์ด้วย
“หือ”
“ยินดีกับฉันเรื่องอะไร” สืบสายถามอย่างแปลกใจ แสบบังคับจับมือสืบสาย
“ขอให้บอสมีความสุข”
“ฉันถามว่าเรื่องอะไร” สืบสายดึงมือกลับ แต่แสบยังจับมือไว้
“บอสกับน้องน้ำหวานเหมาะสมกันมาก ผมดีใจนะที่บอสคือผู้ชายคนนั้นของน้อง” สืบสายอึ้ง จะเถียง แสบรีบปล่อยมือ หันไปเฮกับลูกน้อง “เอ้า ทุกคนฉลองให้กับบอสและน้องน้ำหวาน ได้ครองคู่ชู้ชื่น มีลูกเต็มบ้าน มีหลานเต็มเมือง เฟื่องฟู ฟู ฟู ฮ่ะๆๆ” พวกลูกน้องยิ้มเจื่อน เพราะรู้ใจลูกพี่ดีว่ายิ้มแต่น้ำตากำลังไหลข้างใน “บอกให้ชน ใครไม่ชน กูชนเอง เฮ”
แสบชนแก้วลูกน้องเอง ลูกน้องจำใจชน สืบสายยืนมองแสบอย่างเห็นใจ แต่ไม่ใช่จังหวะที่จะอธิบาย น้ำหวานยืนมองอยู่อีกมุมหนึ่ง เสียใจที่แสบขับไล่ไสส่ง
จุลลาจอดมอเตอร์ไซค์หน้าร้าน มะขวิดกระเด็นออกมาหมอบแทบเท้า
“โอ๊ย” จุลลาตกใจ
“มะขวิด”
จุลลารีบถอดหมวกกันน็อก ลงจากมอเตอร์ไซค์ จำรัส พี่โย้ถูกเตะถูกต่อยกระเด็นออกมา ดารา ป้าลำยอง และลีลาถูกขู่ วิ่งหนีกันออกมาหมด
“พ่อ แม่ พี่โย้”
“ลูกจูน ระวังตัวนะ”
“พวกแกเป็นใคร”
“ข้าถามพวกมันแล้ว แต่มันไม่ยอมบอก”
“อย่าถามเลย ไอ้จุ่น”
“ลุยเลยแล้วกัน”
จุลลาและพี่โย้จะเข้าไปลุย แต่แล้วชายฉกรรจ์สองคนก็คว้าตัวจำรัสและดาราซึ่งอยู่ใกล้มือที่สุดเข้ามา แล้วควักปืนออกมาขู่ จุลลาและพี่โย้เบรกเอี๊ยด
“ไอ้จูน อย่าเข้ามา”
“พวกแกทำอย่างนี้ทำไม ต้องการอะไร”
“คนไหนชื่อจุลลา”
จุลลา ป้าลำยอง ลีลายกมือ
“คนไหนกันแน่”
จุลลา ป้าลำยอง ลีลายกมือพร้อมกันเหมือนเดิม ชายอีกคนเข้ามาต่อยท้องจำรัส
“อ่อก”
ทุกคนตกใจ ชายอีกเงื้อมือจะตบดารา
“หยุดนะ ฉันเองชื่อจุลลา” ชาย1 ชะงัก ป้าลำยอง ลีลาเอามือลง “อย่าแตะพ่อกับแม่ฉันอีก แม้แต่ปลายเล็บ”
“กูจะฆ่าพวกมึงล้างโคตรเลยด้วยซ้ำ”
“แกต้องการอะไร พวกฉันไปทำอะไรให้”
“ถ้าไม่อยากเดือดร้อน อยู่เฉยๆ ไม่ต้องไปแส่ยุ่งเรื่องชาวบ้าน”
จุลลาอึ้ง คิดทบทวน รู้ทันทีว่าคือทรงเดช จุลลาแค้นจัด กำหมัดแน่น
“ไอ้ส่งเดช ไอ้ลอบกัด”
“จำไว้ ไม่อย่างนั้น ได้ตายยกครัวแน่ เฮ้ย ไป”
ชายฉกรรจ์ปล่อยจำรัสและดาราเป็นอิสระ จุลลาจะเข้าไปชาร์จด้วยความแค้นแต่ถูกพี่โย้ดึงตัวไว้
“อย่าจูน! อย่าแลก ไม่คุ้ม”
จุลลาจำใจหยุด มองตามชายฉกรรจ์ด้วยความแค้นใจ
ทุกคนช่วยกันเก็บกวาดร้านที่ถูกทำลายจนเละเทะ ดาราน้ำตาซึม จำรัสเข้าไปปลอบใจดารา จุลลาเห็นพ่อแม่เสียใจ ก็โมโห อัดอั้นตันใจ
“โธ่เว้ย โว้ย โว้ย ทำไม ทำไม ทำไมถึงทำอะไรมันไม่ได้สักที”
ทุกคนอึ้ง มองจุลลา
“แกพูดเหมือนแกรู้ว่า ใครทำ”
“ก็ไอ้ส่งเดชไงพ่อ”
“แน่ใจเหรอลูก ถ้าไม่แน่ใจอย่าพูด บาปซะเปล่าๆ”
“จูนไม่เคยแน่ใจอะไรเท่านี้ มีมันคนเดียวที่มีเรื่องกับจูนอยู่ตอนนี้ และมันคนเดียวเท่านั้นที่จะเลวได้ใจ จนทำเรื่องแบบนี้ได้ มันคนเดียว”
ทุกคนนิ่งซึมไป ลีลาช่วยมะขวิดเก็บเศษแก้ว แล้วเข้าไปจับมือมะขวิดไว้
“อะไร”
“เมื่อกี้ แกหล่อมาก” มะขวิดยิ้ม เขิน เก็บเศษแก้วต่อไป “ฉันช่วยนะ”
ลีลาจับมือมะขวิดเก็บเศษแก้วไม่ปล่อย มองตากันไปมา พี่โย้เข้ามาพูดกับจุลลา
“ตอนนี้ยังเอาผิดมันไม่ได้ แต่เราแจ้งตำรวจไว้เป็นหลักฐานแล้วยังไงซะ ตำรวจก็ต้องหาทางสืบไปถึงตัวมัน”
“ชาตินี้หรือชาติไหนวะ ถึงจะสืบไปถึง”
“พ่อก็ เป็นหน้าที่ของตำรวจ เราก็ต้องให้เค้าจัดการ”
“แต่มันจะรอไม่ไหวน่ะซี่ กลัวเหลือเกิน”
“กลัวอะไรคะ”
“กลัวจะไปฆ่ามันซะตอนนี้เลย”
จำรัสลุกฮือ จุลลาเข้าไปขวาง
“อย่าพ่อ ปล่อยเป็นหน้าที่จูนเอง”
ทุกคนมองหน้าจุลลา จุลลาหน้าเครียด คิดหาทางจัดการทรงเดช เจ้าที่ดูเหตุการณ์อยู่ แปลกใจ
“เรื่องนี้ต้องถึงหูท่านเจ้าสัว”
ในฮวงซุ้ย ผีเถ้าแก่นั่งดูทีวีเห็นจุลลากับทุกคนในร้าน
“อั๊วรู้อั๊วเห็นทุกอย่าง แต่อั๊ว...” ผีเถ้าแก่นอนตะกายโซฟาเหมือนจะลงแดงต่อไปที่ไปไม่ได้ แต่แล้วผีเถ้าแก่ก็ลุกขึ้น “เอาวะ กฎมีไว้ให้แหก อั๊วจะยอมรับชะตากรรม นี่คือไพ่ใบสุดท้ายของอั๊ว”
ผีเถ้าแก่จะออกจากฮวงซุ้ย แต่แล้วก็ต้องชะงัก มองไปที่หน้าฮวงซุ้ย
ขณะนั้นปีเตอร์ในชุดที่ดูดีมาก ทันสมัย ยืนอยู่หน้าฮวงซุ้ย ยิ้มอารมณ์ดี
“ใครวะ เฮ้ย คนขายประกันมันมาทำอะไรที่นี่วะ” ปีเตอร์เปิดกระเป๋าเอกสาร หาอะไรบางอย่าง ผีเถ้าแก่คอยสังเกตด้วยความอยากรู้ “ที่นี่ไม่ใช่ที่ของลื้อ กลับไป” ปีเตอร์ยังคงง่วนกับการหาของในกระเป๋า ผีเถ้าแก่หงุดหงิดมาก “ต้องให้ออกไปไล่ด้วยตัวเองใช่มั้ย ได้ รอเดี๋ยว”
ผีเถ้าแก่ก้าวออกไปจากฮวงซุ้ย ขณะเดียวกันปีเตอร์ก็หยิบกระป๋องสเปรย์ขึ้นมา จูบทีนึงแล้วฉีดพ่นไปที่ป้ายฮวงซุ้ย ซึ่งเป็นจังหวะเดียวกับที่ผีเถ้าแก่ก้าวเท้าออกไปพอดี ผีเถ้าแก่เหมือนถูกของร้อน เท้าไหม้ไฟ รีบชักกลับมา
“เฮ้ย อะไรวะ เท้าอั๊ว เท้าอั๊ว”
ผีเถ้าแก่รีบดับไฟที่เท้า เต้นเป็นเถ้าแก่เท้าไฟ ไฟดับ ผีเถ้าแก่มองไปที่หน้าฮวงซุ้ยเห็นสีเลือดเป็นเส้นๆ เหมือนใยแมงมุมขึงปิดทับทางออกจากฮวงซุ้ยของผีเถ้าแก่
“ไอ้โสโครก ลื้อเอาของอัปมงคลอะไรมาพ่นใส่ฮวงซุ้ยอั๊ว”
ปีเตอร์ยิ้มให้ฮวงซุ้ย จากนั้นสีหน้าก็เปลี่ยนเป็นยิ้มเหี้ยม
“อยู่ในที่ที่ควรอยู่นะท่านเจ้าสัว...Good Night”
ปีเตอร์เดินออกไป อย่างเท่
“ไอ้หน้าปลวก! ลื้อเป็นใคร ลื้อ” ผีเถ้าแก่จะออกจากฮวงซุ้ยอีก แต่ก็ต้องผงะ เพราะกรอบผนังมีไฟลุกขึ้นมา
“เฮ้ย ไอ้หยา วิมานอั๊วกำลังลุกเป็นไฟ ลื้อเป็นใคร”
ภาพหน้าฮวงซุ้ย ทุกอย่างเป็นปกติ
>
ที่ห้องทำงานทรงเดช ทรงเดชกำลังคุยโทรศัพท์กับปีเตอร์
“ขอบคุณครับหมอ มันจะได้ออกมาเพ่นพ่านป่วนชีวิตผมไม่ได้อีก เอ๊ะ แล้วสุดท้ายจุดจบของมันจะเป็นยังไงครับ”
ปีเตอร์กำลังนั่งส่องเพชรอยู่ในห้องทำงานที่มีอุปกรณ์ออฟฟิศทันสมัย พลางคุยมือถือที่เปิดลำโพงเอาไว้
“สเปรย์สะกดวิญญาณของผม จะกักวิญญาณเอาไว้ไม่ให้ออกมาจากนั้นมันจะทำหน้าที่เหมือนเตาย่างเนื้อ เผาทำลายพลังของวิญญาณให้มอดลงอย่างช้าๆ ไม่เกินสามวันเจ็ดวันมันก็จะสูญสลาย”
ทรงเดชหัวเราะชอบใจ
“ถ้าเรื่องนี้เรียบร้อยได้ตามกำหนดที่หมอบอกได้จริง จะกี่โคตรเพชรผมก็เอามาให้หมอได้”
“ผมไม่เคยพลาด เตือนไว้ก่อนนะว่าอย่าเบี้ยว แต่คงไม่กล้าหรอก เพราะเสี่ยจ๋ายรู้กิตติศัพท์ผมดี เราร่วมงานกันมานานว่าถ้าดีก็ดีใจหาย แต่อย่าให้ร้าย เพราะมันจะแซ่บเว่อร์”
ปีเตอร์วางสาย ทรงเดชวางสาย ยิ้มย่อง แล้วหยิบกระดาษแผ่นหนึ่งมาจากเครื่องปริ๊นท์ซึ่งเป็นแผนการผลิตประจำเดือนธันวาคม2557 ฉบับแก้ไข ทรงเดชไล่มองลงมาที่ช่องว่างท้ายหน้ากระดาษ อนุมัติโดย “ประธานกรรมการบริหาร”
เสี่ยตงกำลังจะเซ็นลายเซ็นในช่องอนุมัติแผนการผลิตโดยไม่ได้สนใจอ่าน
“ท่านประธานไม่อ่านสักหน่อยเหรอคะ” เลขาขัดขึ้นมา
“เฮ้ย อ่านทำไม ก่อนอีจะส่งมาให้เซ็น อีคิดดีแล้วน่า อั๊วไว้ใจ” เสี่ยตงเซ็นอนุมัติลงไปทันทีจากนั้นก็เปิดหน้าสมุดเซ็นเซ็นเอกสารต่อไป เสร็จเรียบร้อย ยื่นให้เลขา “รีบเอาไปให้แผนกต่างๆ เลยนะ อย่าช้า”
“ค่ะ”
เลขารับไป ออกจากห้อง จังหวะเดียวกับที่สืบสายเข้ามากับครรชิตและคุณนายเง็ก
“ป๊าครับ”
“อะไร มากันทำไมเยอะแยะ”
“เพราะต้องใช้หลายปาก พูดใส่หูลื้อ”
“มีอะไร”
“ผมขอร้อง ป๊าช่วยฟังผม และช่วยเอาไปพิจารณาได้มั้ยครับ ในฐานะลูกชายของป๊า”
เสี่ยตงอึ้ง คิด แล้วยอมฟัง
“ว่ามา”
“อาครรชิต ปิดประตู ล็อคเลย” คุณนายเง็กบอก
“ครับผม”
“ทำไมต้องล็อค จะปิดประตูตีแมวหรือไง”
“ก็ถ้าลื้อโวยวายก่อนที่อาตี๋จะพูดจบ อั๊วจะตีลื้อให้ดู”
“ไอ้หยา”
“ผมไม่อยากให้เรื่องนี้ถึงหูคนนอก ทรงเดชพยายามฉุดน้ำหวานไปทำมิดีมิร้าย”
“อะไรนะ” เสี่ยตงตกใจ
แสบกำลังจะไปทำงาน น้ำหวานเข้ามาดักข้างหน้า แสบชะงัก
“น้ำหวาน”
“อยากให้น้ำหวานแต่งงานกับบอสมากใช่มั้ย” แสบอึ้ง
“ใช่”
“น้ำหวานจะให้โอกาสพี่แสบอีกครั้ง ถามคำเดียว คิดยังไงกับน้ำหวาน”
“คิดอะไร ยังไง ก็...”
“ถามว่าคิดยังไงกับน้ำหวาน ตอบ”
“พี่ชอบน้ำหวานมาก” น้ำหวานอึ้ง ใจมาเลย
“พี่แสบ”
“เหมือนน้องสาว ที่น่ารัก ไม่ได้มีอะไรเกินเลยไปกว่านี้”
“พี่แสบ” น้ำหวานอึ้ง
“เคลียร์นะ” เสียงมือถือของแสบดังขึ้น มุกเดิม ทั้งที่ใจมันเจ็บ “สงสัยแฟนพี่โทรมา ขอตัวนะ” แสบเดินเลี่ยงไปรับมือถือ จงใจพูดให้น้ำหวานได้ยิน “ว่าไงจ๊ะ ยอดพธู แหม คิดถึงสิ คิดถึงมาก”
น้ำหวานยืนน้ำตาซึม ตัดใจ เดินออกไป
จุลลาคุยโทรศัพท์กับแสบ ถามอย่างแปลกใจ
“ยอดพธูอะไรของแกไอ้แสบ”
แสบเดินมา น้ำตาไหล ขณะคุยมือถือ
“ชื่อแม่ไอ้หยิกมัน ยืมมาใช้ชั่วคราว มีอะไรพี่จูน”
“เจ้านายจัดการไอ้ทรงเดชเรื่องน้ำหวานหรือยัง”
“ไม่รู้สิ ยังไม่เห็นมีคำสั่งอะไรมาเลย” ทรงเดชเดินยิ้มผ่านหน้าแสบออกไปทางหนึ่ง แสบเห็น หมั่นไส้มาก
“มันยังเดินลอยหน้าลอยตาอยู่เลย”
“ได้เรื่องยังไง โทรบอกด้วยแล้วกัน ฉันอยู่แถวนี้”
“ได้พี่” แสบวางสาย มองตามทรงเดชที่คุยกับคนงานอยู่ที่มุมหนึ่ง อย่างเจ็บใจ “ไอ้ส่งเดช ขอให้กรรมมันเล่นงานแก ภายในสามวันเจ็ดวัน”
ที่ห้องทำงานเสี่ยตง เสี่ยตงยังนั่งอึ้ง
“ถึงจะไม่มีใครยืนยันได้ว่าเห็นหน้าทรงเดชชัดๆ แต่น้ำหวานจำเสียงของทรงเดชได้ดี น้ำหวานเป็นเด็กดีที่ไม่มีทางโกหกเรื่องแบบนี้”
“ลื้อชอบหนูน้ำหวานขึ้นมาแล้วใช่มั้ย” คุณนายเง็กถามขึ้นมา สืบสายปรายตามองคุณนายเง็ก ถอนใจ...ผิดเวลามาก “มองอั๊วทำไม”
ครรชิตรีบอธิบายแทน
“บอสอยากจะบอกท่านรองว่า...ไม่ใช่เวลาครับ”
“ขอบใจ” แล้วคุณนายเง็กกฌนึกขึ้นได้ว่าถูกลูกน้องด่า “ไอ้ครรชิต”
“ขอโทษครับที่จริงใจ”
“ทุกคนเงียบ”
เสี่ยตงบอกเสียงดัง สืบสาย คุณนายเง็ก ครรชิตสะดุ้ง รอลุ้นฟังความเห็นของเสี่ยตง “แค่คำพูดลอยๆ อั๊วไม่เชื่อ”
“ป๊า /เฮีย/ท่านประธาน” ทุกคนผิดหวัง
“เมื่อเช้าอีก็ยังมาทำงานเป็นปกติ ถ้าอีเป็นคนทำ อีต้องเป็นคนหน้าด้านชั่วช้าเลวทรามมาก ถึงได้กล้ากลับมา
สู้หน้าคนอื่นอีก”
“ก็ใช่น่ะสิครับ /ก็ใช่น่ะสิ”
“หรือไม่ อีก็บริสุทธิ์ ไม่ได้ทำจริงๆ”
“ป๊า/เฮีย/ท่านประธาน”
“อั๊วเป็นทั้งป๊า ทั้งเฮีย และท่านประธาน หมวกสามใบในเวลาเดียวกัน อั๊วเชื่อแค่คำพูดลอยๆ ไม่ได้ เพราะฉะนั้น อั๊วจะไม่ทำอะไร จนกว่าจะมีอะไรมาพิสูจน์ให้อั๊วเชื่ออย่างหมดใจได้เท่านั้น”
เสี่ยตงลุกออกจากไปทันที สืบสาย คุณนายเง็ก ครรชิตเจ็บใจ
“อยากรู้เหลือเกินว่าท่านเจ้าสัวเลี้ยงท่านประธานด้วยอะไรถึงได้ดื้อด้านดักดานอย่างนี้” สืบสาย คุณนายเง็กปรายบตามองหน้าครรชิต “ขอโทษครับที่จริงใจอีกแล้ว”
สืบสายกลุ้มใจ ไม่รู้จะทำอย่างไีรดี
เจ้าที่ปรากฏตัวหน้าฮวงซุ้ย
“เจ้าสัวอยู่มั้ยครับ ผมมีข่าวมาบอก”
ผีเถ้าแก่อยู่ในฮวงซุ้ย นั่งร้อน ไม่มีเสื้อนอก มีเพียงเสื้อกุยเฮง กางเกงขาก๊วย พัดๆๆ ผีเถ้าแก่เห็นเจ้าที่ก็ดีใจ
“อาเจ้าที่ ลื้อได้ยินอั๊วมั้ย อั๊วติดอยู่ข้างใน ช่วยอั๊วด้วย ลื้อเข้ามาได้มั้ย”
เจ้าที่ไม่ได้ยินเสียงอะไรเลย รู้สึกผิดปกติ ขยับเข้าไปใกล้
“เจ้าสัว ขออนุญาตเข้าไปนะครับ” ผีเถ้าแก่ยืนลุ้น เจ้าที่จะเข้าไปในฮวงซุ้ย แต่ต้องผงะออกมา “โอ๊ย ร้อน”
ผีเถ้าแก่ตกใจ
“ไอ้หยา ลื้อก็เข้ามาไม่ได้ ไอ้ใยแมงมุมนรกมันกันผีเขาผีออก”
“เกิดอะไรขึ้นกับเจ้าสัวหรือเปล่าครับ เจ้าสัว”
“พูดไปก็เท่านั้น เปลืองแรง ลื้อไม่ได้ยินอั๊ว” ผีเถ้าแก่ลงนั่งหมดแรง ซดน้ำชาดับกระหาย แก้ร้อน น้ำชาหมด ยกการินก็หมด “ไอ้หยา แม้แต่น้ำชาที่เป็นของทิพย์ไม่มีวันหมดก็เหือดหาย”
เจ้าที่ยืนร้อนใจ ทำอะไรไม่ถูก จุลลาเดินเข้ามาหยุดอยู่หน้าฮวงซุ้ย
“จุลลา เธอรู้สึกมั้ยว่ามันต้องเกิดเรื่องไม่ดีกับเจ้าสัว” เจ้าที่บอกจุลลา
“หนูรู้ ว่าเถ้าแก่ยังอยู่ ไม่ได้ไปไหนหรอก”
“ใช่ แกต้องอยู่ในฮวงซุ้ย ผมเข้าไปไม่ได้ ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ทำไงดี”
“แต่จะให้หนูทำยังไง หนูถึงจะได้ยินเถ้าแก่ หนูมืดแปดด้านแล้วนะ”
จุลลาลงนั่งหน้าฮวงซุ้ย ผีเถ้าแก่นั่งลิ้นห้อยเพราะความร้อนเหมือนอยู่ในเตาอบ
“ลื้อมืดแปดด้าน ส่วนอั๊วมันสว่างร้อนไปทุกด้านเลย เหมือนจะละลาย”
“ไอ้ส่งเดชมันก็ยังลอยนวล แถมยังส่งคนไปคุกคามข่มขู่คนที่บ้าน ให้หนูกลัวจนหัวหด ไม่ต้องไปยุ่งกับมันอีก หนูต้องทำไง ถึงจะทำให้มันได้รับกรรม หนูอึดอัด หนูจะไม่ไหวแล้วนะเถ้าแก่”
จุลลาน้ำตาซึมออกมาอีก เจ้าที่ทรุดลงเห็นใจจุลลามาก
“เป็นคนดีต้องไม่ท้อแท้ ไม่อย่างนั้นคนชั่วมันจะได้ใจนะจุลลา”
“ขอบใจนะอาเจ้าที่ ที่พูดแทนอั๊ว”
“หนูไม่ได้ท้อแท้ แต่หนูกำลังจะสิ้นหวัง เถ้าแก่คือความหวังเดียวของหนูนะคะ”
“ลื้อพูดเพราะจริงๆ นะวันนี้”
จุลลาเอามือลูบป้ายฮวงซุ้ย เจ้าที่ร้องไห้โฮ หยิบแว่นกันแดดที่มีน้ำฉีดออกมาสวม
“ไม่อยากให้ใครเห็นน้ำตาลูกผู้ชายเลย”...
แต่เจ้าที่ก็ทนไม่ไหวร้องไห้ออกมาอีก น้ำตากระเด็นไปรดป้ายฮวงซุ้ย ผีเถ้าแก่นั่งมองเห็นเจ้าที่ร้องไห้กับจุลลา เห็นน้ำกระเด็นมารดหยากไย่นรก
“ลื้ออย่าร้องสิวะ เดี๋ยวอั๊วร้องตาม ตอนนี้อั๊วเสียน้ำอีกไม่ได้แล้ว” ผีเถ้าแก่พยายามจะไม่ร้อง “เกิดอะไรขึ้นกับอั๊ว เกิดอะไรขึ้น”
มุมหนึ่งในออฟฟิศ สืบสายเดินมากับคุณนายเง็ก ครรชิตตามมาติดๆ
“เอาไงดีอาตี๋ ทำไงดีให้ป๊าลื้อตาสว่าง”
“ผม ยังไม่รู้ครับ”
“เฮ้อ”
“อาหนูช่างอยู่ไหน”
“ไม่ทราบครับ”
“อั๊วต้องให้อาหนูช่างพยายามติดต่อผีเตี่ยให้ได้”
“ไม่ไปหาอาจารย์เพี้ยนแล้วเหรอครับ”
“อาจารย์แกไปทัวร์อินเดีย”
“ไม่ต้องไปกวนอากงหรอกครับ เราควรจะช่วยตัวเอง”
“ก็ตอนนี้ลื้อไม่รู้ว่าจะทำยังไง เราก็ต้องหาทุกวิธีทุกทางมาช่วยลื้อ”
“งั้น ผมจะโทรหาคุณจุลลาเลยนะครับท่านรอง”
“เออ โทรเลย”
คุณนายเง็ก ครรชิตหันไปอีกที เห็นสืบสายโทรก่อนแล้ว
“ฮัลโหล จุลลา ตอนนี้เธออยู่ที่ไหน”
จุลลาคุยมือถืออยู่อยู่หน้าฮวงซุ้ย เจ้าที่อยู่ข้างหลัง ร้องไห้ไม่เลิก
“อยู่ที่ฮวงซุ้ย มีอะไร”
สืบสายคุยมือถือ แอบยิ้มดีใจ แต่เห็นคุณนายเง็กและครรชิตคอยสังเกตอยู่ สืบสายรีบหุบยิ้ม
“แม่ฉันอยากเจอเธอ”
“เจอทำไม”
“เออน่า มาก่อน เดี๋ยวก็รู้เอง”
“ไม่เอา บอกมาก่อน อย่ากั๊ก ตอนนี้ไม่มีอารมณ์”
“ฉันไม่ได้กั๊ก แค่อยากให้เธอ...” คุณนายเง็กแย่งมือถือมาพูดเอง
“อาหนูช่าง”
จุลลาตกใจ กระตือรือร้นทันที
“คะ ท่านรอง”
“ลื้ออย่าเล่นตัว อั๊วมีเรื่องเดือดร้อน มาเร็วๆ เลย”
“ค่ะ ท่านรอง” จุลลากดวางสาย รีบลุกขึ้น “เถ้าแก่ หนูไปก่อนนะ แล้วจะมาใหม่ เรื่อยๆ”
จุลลาทำความเคารพฮวงซุ้ยแล้วเดินออกไป เจ้าที่ร้องไห้หมดแรง ถอดแว่นออก
“เจ้าสัว ผมจะทำยังไงดี”
ผีเถ้าแก่นั่งมองดูเจ้าที่อย่างสิ้นหวัง
“ถามอั๊วแล้วอั๊วจะไปถามใคร”
วิมานมะพร้าว ตอนที่ 12 (ต่อ)
จุลลาพูดกับคุณนายเง็กและสืบสาย โดยมีครรชิตอยู่ด้วย
“หนูติดต่อเถ้าแก่ไม่ได้เลยค่ะ เห็นครั้งสุดท้าย ตัวของแกซีดๆ จางๆ แล้วก็ลอยหายขึ้นไปบนโน้น”
“เพดานโรงงานเหรอครับ” ครรชิตถาม
“สวรรค์”
“ขอโทษครับ”
“หนูพอจะรู้มั้ยว่ามันเป็นยังงี้เพราะอะไร”
“ถ้าหนูรู้ หนูคงแก้ไขหรือทำอะไรสักอย่างไปแล้วล่ะค่ะ”
“ไอ้หยา อั๊วเก๊กซิม! ลื้อว่าอีจะขึ้นสวรรค์ไปแล้วอั๊วอยากให้ลื้อบอกอาเตี่ยให้ช่วยอาตี๋ ช่วยหักคอไอ้ส่งเดชนั่นไปเลยยิ่งดี”
“ใจเย็นครับม้า แต่จุลลาคิดว่ายังไงอากงก็ยังไม่ไปไหน เพราะเธอยังติดค้างอากงอยู่ และเรื่องที่บ้านเราก็ยังไม่เรียบร้อย”
“ยิ่งมีห่วง ยิ่งไม่เป็นสุข แม้จะตายไปแล้ว เป็นอุทาหรณ์สอนใจก่อนตายควรจะเคลียร์ทุกอย่างให้เรียบร้อย ตายแล้วไปสู่สุคติ”
“จะตายแล้วเหรออาครรชิต”
“พูดเผื่อไว้เฉยๆ ครับ”
“เรื่องนี้ จริงๆ แล้ว ควรจะเป็นหน้าที่ของเรา ไม่ใช่ของอากง ผมจะหาทางของผมเองครับม้า”
“ลื้อจะทำยังไง”
“อย่างที่เคยบอกว่า ตอนนี้ผมยังไม่รู้”
“เวร”
คุณนายเง็กกับครรชิตบอกพร้อมกัน คุณนายเง็กปรายตามองครรชิต ครรชิตรีบหลบตา
“ผมขอตั้งสติ ใช้เวลาคิด”
“คุณจะทำอะไร ฉันช่วยเต็มที่ ขอเพียงจัดการมันไม่ให้สร้างความชั่วทำให้ใครเดือดร้อนได้อีก” จุลลาบอก
“ถ้าเธอช่วยฉันคิด เราต้องทำได้”
จุลลาและสืบสายยิ้มให้กำลังใจกัน คุณนายเง็กแอบสังเกต รู้สึกพอใจอยู่ลึกๆ ครรชิตเยี่ยมหน้ามาพูดกับคุณนายเง็ก
“จิ๊กซอว์ต่อกันติด คลิกกันขนาดนี้ ยั้งจะให้ไปแต่งกับคนอื่น”
“ปากเหม็น ไปไกลๆ”
“ครับผม”
สืบสายและจุลลายิ้มให้กัน
ขณะนั้นเดือนพิไลกำลังคุยมือถือกับทรงเดช
“ฉันช่วยคุณ แต่ยิ่งทำให้คุณสืบรังเกียจฉัน ฉันกำลังเสียเปรียบ” ทรงเดชหงุดหงิด
“แล้วจะเอายังไง”
“ฉันต้องการเงินล้านนึง เป็นค่าเสียหายที่ทำให้คุณสืบโกรธฉัน”
“ล้านนึง พูดเป็นเล่น คิดว่าราคาตัวเองสูงขนาดนั้นเลยหรือไง”
“อย่ามาดูถูก ฉันไม่ใช่ไก่กอาราเร่โลโปรไฟล์ ถ้าไม่ให้ฉันแฉ”
“ก็ได้ คืนนี้มาเอาที่บ้านผม”
“ทำไมต้องบ้านคุณ”
“เงินตั้งล้าน ผมไม่กล้าเอาไปให้คุณข้างนอกหรอก”
“โอนเข้าบัญชีธนาคารสิ”
“ผมเก็บเป็นเงินสด ถ้าเรื่องมาก ก็ไม่ต้องเอา”
“ก็ได้”
เดือนพิไลวางสายหงุดหงิด ทรงเดชก็วางสายหงุดหงิดเหมือนกัน
“ล้านนึงเหรอ จัดให้สมใจแน่”
มุมหนึ่งในโรงงาน แสบกำลังซ่อมบำรุงเครื่องจักรตัวหนึ่งอยู่ หยิก เข่ง ถัดวิ่งเข้ามารายงาน
“พี่แสบ แย่แล้ว”
“อะไรจะแย่ไปกว่าชีวิตรักของพี่ตอนนี้วะ”
สืบสายและจุลลาเดินมาด้วยกัน ต่างคนต่างมองหน้ายิ้มๆ
“ฉันคงต้องถามเธออีกครั้ง จนกว่าจะได้คำตอบ”
“ถามอะไร”
“เธอติดค้างอะไรอากง และเธอจะสารภาพความในใจอะไรกับฉัน”
“เอ่อ...คือ ตอบแค่คำถามแรกคำถามเดียวได้มั้ย”
“ไม่ได้ ต้องทั้งสองคำถาม โดยเฉพาะคำถามที่สอง ฉันอยากรู้มากที่สุด เธอมีความในใจอะไรที่ฉันไม่รู้”
จุลลาอยากตายกับสายตาของสืบสาย
“คือ...ว่า...ฉัน...คือ...”
“ตอบ”
“โอย! บอกแล้วไงว่าจนกว่าฉันจะติดต่อกับเถ้าแก่ได้ ถึงจะบอกไม่งั้นไม่บอก”
“ทำไมเล่นตัวกับฉันนัก หือ? ถือว่าเธอเป็นคนที่ฉัน...” สืบสายจะบอกว่ารัก แต่แสบและลูกน้องวิ่งหน้าตาตื่นมา เสียงดังขัดจังหวะซะก่อน
“พี่จูนอยู่นั่นไง” จุลลาและสืบสายรีบผละออกจากกัน เขิน “มือถือมีไว้ทำไม ทำไมไม่รับสาย บอสก็เหมือนกัน ทั้งคู่เลย มัวทำอะไรอยู่”
“มีอะไร” จุลลา สืบสายถามออกมาพร้อมกัน
“จู่ๆ เครื่องจักรใหม่ก็หยุดทำงานทุกตัวเลยครับพี่ ครับบอส”
“อะไรนะ”
จุลลา สืบสายตกใจ ขณะนั้นทรงเดชยืนมองอยู่จากมุมหนึ่ง ยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ สะใจ
สืบสายและจุลลากำลังดูแสบเช็คเครื่องจักรอยู่อย่างร้อนใจ ครรชิตอยู่ด้วย ลูกน้องแสบเช็คเครื่องอื่นๆ อยู่ใกล้ๆ ทรงเดชเข้ามาแอบดู แสบโผล่หน้ามา หน้าดำ
“พังพี่ ทุกส่วน”
“เครื่องใช้งานหนักเกินไป”
“มันเป็นแบบนี้ได้ไง ในเมื่อฉันสั่งให้ชะลอออร์เดอร์เพื่อให้ลดกำลังการผลิต เพราะกลัวจะเจอนี้”
“มิน่า เครื่องมันถึงยังไม่เจ๊งสักที” ทรงเดชพึมพำออกมาเบาๆ
“คนวางแผนการผลิตต้องวางแผนให้สัมพันธ์กับออร์เดอร์สิ”
“ยกเว้น มีการเปลี่ยนแปลงตัวเลขเอาเอง โดยที่ผมไม่รู้”
“คนงานก็ทำงานตามแผนการผลิตที่ออกมาจากผู้จัดการฝ่าย”
“ครรชิต ฉันต้องการพบทรงเดช เดี๋ยวนี้”
“บอสยังอยากจะเจอหน้ามันอยู่อีกเหรอ มันไม่โผล่มาน่ะดีแล้ว ไม่งั้นผมอาจจะมือเปื้อนเลือด”
“แสบ ใจเย็น”
แสบฮึดฮัดอยู่กับลูกน้องและเจ๊พุ่ม
“ครรชิต ไปได้แล้ว”
“ครับบอส”
“จุลลา ช่วยหน่อยได้มั้ย ฉันต้องทำให้เครื่องจักรพวกนี้กลับมาทำงานได้อีกครั้งให้เร็วที่สุด”
“เต็มที่อยู่แล้ว”
“ขอบคุณมากนะ”
“คุณไปทำในสิ่งที่ต้องทำเถอะ ทางนี้ฉันจะดูแลเอง” สืบสายยิ้มอย่างซาบซึ้งให้จุลลา แล้วรีบออกไป “ทุกคน พยายามหาสาเหตุให้ได้จะได้วางแผนซ่อมได้ถูก”
“ครับพี่จูน”
จุลลาและทุกคนช่วยกันหาสาเหตุการพังของเครื่อง
ครรชิตเข้ามารายงานสืบสาย
“มีคนเห็นไอ้คุณส่งเดชออกไปกับท่านประธานเมื่อกี้เองครับ”
“ไปไหน”
“ท่านประธานไม่ได้แจ้งคุณเลขาไว้ครับ บอกแค่ว่ามีธุระต้องไปทำ”
สืบสายเจ็บใจและเป็นกังวล
ทรงเดชรีบนำเสี่ยตงออกไปจากออฟฟิศ
“ไปผ่อนคลายเสียบ้างนะครับป๊า ทำงานหนักมาก เครียดและทำให้แก่เร็ว”
“ก็อั๊วแก่แล้ว”
“อะไรกัน ป๊ายังดูหนุ่มอยู่เลยนะครับ บอกว่าเป็นพี่ชายผม ใครก็เชื่อ”
“ลื้อก็ชมอั๊วเกินไป แหม้!พอลื้อชวนไปตีกอล์ฟ อั๊วก็คันไม้คันมือไม่ได้ไปบริหารวงสวิงนานแล้ว”
“เรารีบไปกันเถอะครับ เดี๋ยวรถจะติด”
“เดี๋ยว อั๊วขอปิดมือถือก่อน เวลาพักผ่อน เราไม่ควรจะคิดเรื่องงาน ถูกมั้ย”
“ขอบคุณนะครับป๊า ที่เข้าใจความปรารถนาดีของผม”
“ถ้าอาตี๋อั๊วมันเข้าใจและรู้ใจอั๊วได้สักครึ่งอย่างลื้อก็ดีนะ”
เสี่ยตงหมองลงเล็กน้อย แต่ก็รีบตัดความรู้สึก รีบปิดมือถือ
“รีบไปกันครับป๊า”
ทรงเดชรีบเดินต้อนเสี่ยตงออกไป
ในฮวงซุ้ยเถ้าแก่ ผีเถ้าแก่นั่งหมดแรงเพราะร้อน นั่งดูทีวีอยู่ ในจอทีวีมีจอภาพแบ่งเป็นสามช่อง ช่องหนึ่งเห็นจุลลา แสบและลูกน้องกำลังเช็คเครื่องจักร ช่องที่สองเห็นสืบสายและครรชิตยืนกลุ้มอยู่ ช่องที่สามเห็นเสี่ยตงเดินคุยอารมณ์ดีไปกับทรงเดช โชว์วงสวิง
“ไอ้ตง เมื่อไหร่ลื้อจะฉลาดสักที ว่าเลี้ยงงูเห่าเอาไว้ ลื้อถูกมันฉกโดยไม่รู้ตัว พิษของมันกำลังทำลายลื้อและคนใกล้ตัวลื้อ” ผีเถ้าแก่หมดแรงลงมองไปหน้าฮวงซุ้ย เห็นเจ้าที่ยังนั่งร้องไห้อยู่ “อาเจ้าที่ อย่าร้องไห้อีกเลย น้ำตามันไม่ช่วยอะไร” ผีเถ้าแก่ยกมือทำความเคารพเง็กเซียนฮ่องเต้ “เง็กเซียนฮ่องเต้ นี่คือคำขอร้องครั้งสุดท้าย อั๊วไม่อยากแตกดับด้วยฝีมือของไอ้พวกศาสตร์มืดแบบนี้ ถ้าบุญอั๊วยังมี ขอให้ปาฏิหาริย์บังเกิด ให้อั๊วได้ออกไปทำหน้าที่บรรพบุรุษที่ดีเป็นครั้งสุดท้าย”
ผีเถ้าแก่ก้มลงคำนับเง็กเซียนฮ่องเต้ด้วยแรงที่ยังเหลืออยู่
ที่หน้าฮวงซุ้ย เห็นเจ้าที่ยังร้องไห้ น้ำตารดป้ายฮวงซุ้ยเปียกแฉะ
“เจ้าสัวครับ...รักนะ”
ทันใดนั้นก็มีแสงเรืองๆ ออกมาจากป้ายฮวงซุ้ย เจ้าที่อึ้ง ชะงัก ตกใจ แปลกใจ”
ในฮวงซุ้ย ผีเถ้าแก่เงยหน้าขึ้นมาเห็นแสงเรืองครอบคลุมไปทั่วหยากไย่นรก มีเสียงกรุ๊งกริ๊งๆ ผีเถ้าแก่ประหลาดใจมาก ความฉ่ำเย็นค่อยๆ ปกคลุมไปทั่วทั้งฮวงซุ้ย ผีเถ้าแก่รู้สึกเย็นขึ้น
“มันคือปาฏิหาริย์ เตาปิ้งย่าง กลายเป็นวิมานของอั๊วเหมือนเดิมแล้ว เป็นไปได้ยังไง หรือว่าน้ำตาของอาเจ้าที่”
ผีเถ้าแก่รู้สึกสดชื่นมีพลังกลับมาเหมือนเดิม ลงคุกเข่าคำนับ “ขอบคุณ ขอบคุณ ขอบคุณ เง็กเซียนฮ่องเต้”
ผีเถ้าแก่เห็นหยากไย่นรกค่อยๆ สลายตัวหายไป ผีเถ้าแก่รีบพุ่งออกไป หายไปจากผนังทันที
เจ้าที่นั่งอึ้งอยู่หน้าอวงซุ้ย เจ้าที่ถอดแว่นแล้ว ผีเถ้าแก่ปรากฏตัวตรงหน้า เจ้าที่ถึงกับตกใจ
“ผี”
“ก็ผีสิวะ”
“ผีเจ้าสัว ยังอยู่”
“เออสิวะ ถ้าไม่อยู่ แล้วจะเห็นอั๊วยืนหล่ออยู่อย่างนี้เหรอวะ”
“หรา? แต่...ดีใจที่สุดเลย”
เจ้าที่เข้าไปกอดผีเถ้าแก่เอาไว้ด้วยความดีใจ ผีเถ้าแก่กอดตอบ อย่างซาบซึ้งใจ
สืบสายประชุมเครียดกับฝ่ายขายอยู่ที่ห้องทำงาน
“รีบแจ้งลูกค้า ว่าเรามีปัญหา อาจต้องส่งสินค้าล่าช้า”
“คราวนี้อาจจะมีปัญหาครับบอส ที่ขอเลื่อนคราวก่อน ลูกค้าก็บ่นแล้ว ถ้าเลื่อนอีก เราอาจเสียลูกค้าและถูกฟ้องร้องเรียกค่าเสียหาย”
สืบสายอึ้ง เครียด
“ทำให้ดีที่สุดแล้วกัน อะไรจะเกิดก็ต้องเกิด”
“ครับ”
ฝ่ายขายออกไป สืบสายนั่งเครียด ครรชิตมองด้วยความเห็นใจ สืบสายนิ่ง เครียด จนครรชิตใจคอไม่ดี
“บอสครับ”
สืบสายโบกมือไล่ครรชิตออกไป โดยไม่พูดอะไร ครรชิตค่อยๆ ถอยออกไป ปิดประตูให้สืบสายอยู่คนเดียว
ผีเถ้าแก่คุยกับเจ้าที่อยู่หน้าฮวงซุ้ย
“เพราะน้ำตาของลื้อ ทำให้อั๊วเป็นอิสระ”
“น้ำตาลูกผู้ชายที่ไม่อยากให้ใครเห็นเนี่ยเหรอครับ”
“นั่นแหละ น้ำตาที่กลั่นออกมาจากก้นบึ้งของหัวใจเป็นสิ่งบริสุทธิ์ที่ทำลายอาคมของไอ้พวกศาสตร์มืด ที่มันคิดทำลายอั๊ว”
“ศาสตร์มืด ทำลายเจ้าสัว เจ้าสัวรู้ได้ยังไง”
“อั๊วมีเซ้นส์ ว่ามันไม่ได้มาดี มันมาอย่างตั้งใจ ใช้อาคมกักขังอั๊วเอาไว้”
“มัน ใครครับ”
“อั๊วก็ไม่รู้ แต่ที่รู้ ต้องเป็นคนที่ไม่อยากให้อั๊วมีตัวตน”
ผีเถ้าแก่สีหน้าเคร่งเครียด
สืบสายเดินเครียดมาจากทางหนึ่ง จุลลาหน้าเปื้อนน้ำมันเครื่องเดินคุยมือถือเดินมาจากอีกมุมหนึ่ง
“จูนกลับดึกหน่อยนะแม่ มีเรื่องฉุกเฉินต้องช่วย...” จุลลาเห็นสืบสาย ชะงัก “เพื่อนจูนกำลังมีปัญหาน่ะแม่ แค่นี้ก่อนนะ”
จุลลาวางสาย เดินตามสืบสายไปห่างๆ
สืบสายเดินทอดอารมณ์มา จุลลาเดินตามมาอยู่ห่างๆ อย่างห่วงๆ สืบสายหยุดเดิน พูดโดยไม่หันไปมอง
“ตามมาเพราะอยากคุยด้วย หรือว่ามาเดินเป็นเพื่อน” จุลลาชะงัก อึ้ง สืบสายหันมายิ้ม “หือ”
“ข้อแรกไม่ใช่ คิดว่าคุณกำลังเครียด คงไม่อยากคุยกับใคร”
“แสดงว่าเป็นห่วง เลยมาเดินเป็นเพื่อน”
“อืม”
“เป็นห่วงเรื่องอะไร”
“กลัวว่าคุณจะเครียดมาก จน...”
“จนทำอะไรบางอย่างที่ น่ากลัวงั้นเหรอ”
“มั้ง”
“ฉันยอมรับว่าเครียดมาก จนอยากหนีหายไปจากโลกนี้”
“อย่าแม้แต่จะคิด”
“แค่ชั่วคราว หายไปจากเรื่องวุ่นวาย อยากอยู่นิ่งๆ เผื่อจะคิดอะไรออก”
“แล้วไป”
“เดี๋ยวนี้ กล้าสั่งฉันเหรอ”
“ก็คุณไม่ใช่เจ้านายฉันแล้วนี่”
สืบสายเดินเข้าไปหาจุลลา ยืนข้างๆ
“งั้นก็ อย่าเดินอยู่ข้างหลัง เดินเคียงข้างฉัน”
“อย่ามาสั่ง”
“ไม่ได้สั่ง แต่ขอ”
“ก็เดินไปสิ”
“เดินพร้อมกันสิ”
“เดินเงียบๆ นะ คุณจะได้...ไม่มีเสียงฉันรบกวน เผื่อจะคิดอะไรออก”
“ทุกครั้งที่ฉันมีเรื่องเดือดร้อน เธอคือคนที่อยู่เคียงข้างๆ ฉันเสมอ”
“ไหนบอกว่าอยากอยู่เงียบๆ ไง”
“ให้เธอเงียบ แต่ฉันไม่เงียบ”
“จะเอาไง”
“จุลลา ฉันควรทำไงดี ฉันคิดอะไรไม่ออกแล้ว” จุลลาอึ้ง เห็นความเครียดและกดดันในตัวสืบสาย “ฉันเหนื่อย”
“เหนื่อยก็พักก่อนมั้ย” สืบสายนั่งลง เหม่อมองออกไป จุลลานั่งลงข้างๆ ทั้งสองคนเงียบกันไป “ขอเสนอแนะได้มั้ย”
“ว่ามาสิ”
“ไปต่อยไอ้ทรงเดชมันเลยมั้ย” สืบสายอึ้ง หันมามองหน้าจุลลา ขำออกมา “พูดจริงนะ ฉันกำลังคิดว่า บางทีถ้าฉันทำอะไรคนอย่างมันไม่ได้เลย ฉันขอต่อยปากมันสักที ยอมเสียค่าปรับ”
สืบสายอดหัวเราะออกมาไม่ได้ จุลลาเห็นสืบสายยิ้มออกมาได้ก็รู้สึกดี
“ขอเสนอแนะอะไรหน่อยได้มั้ย”
“ว่ามาสิ”
“อนุญาตมั้ย”
“อนุญาต”
สืบสายหยิบผ้าเช็ดหน้ามา ค่อยๆ เอื้อมมาเช็ดคราบน้ำมันเครื่องที่หน้าจุลลา จุลลาผงะ
“อย่าหนี เธออนุญาตฉันแล้ว” จุลลาปล่อยให้สืบสายเช็ดน้ำเครื่องที่หน้า สืบสายเช็ดออกอย่างเบามือ จุลลาไม่กล้าสบตา เสียงมือถือของสืบสายดังขึ้น สืบสายหยิบออกมา เห็นชื่อหม่าม้า
“ครับหม่าม้า ให้รีบกลับบ้านเหรอครับ? ได้ครับ” สืบสายวางสาย หันมองจุลลา “เวลาแห่งความสุข มันมักจะเป็นแค่ช่วงสั้นๆ เสมอ ว่ามั้ย”
“มั้ง”
“ขอบคุณอีกครั้งนะ จุลลา”
“อืม”
สืบสายมองจุลลาอย่างอ่อนโยน จุลลายิ้มตอบ เศร้าลึกๆ อยู่ในใจ
จุลลาหน้าเปื้อนน้ำมันเครื่องไม่ต่างกับพวกของแสบ ก้มๆ เงยๆ อยู่ที่เครื่องจักร เจ๊พุ่มเข้ามาพร้อมของว่าง
“นายช่าง แอนด์เดอะแก๊ง กินรองท้องกันก่อนนะ มืดแล้ว”
จุลลาอ้าปากจะบอกว่าไม่กิน
“ไม่...” แสบแย่งพูด
“ไม่เสร็จ ไม่กิน”
“พี่แสบ กิน” ลูกน้องบอก
“เฮ้ย! ยังกินกันลงเหรอ”
“แสบ อะไรที่ตึงเกินไป มันก็ไม่เป็นผลดีนะ” จุลลาบอก
“ไม่จริง หน้าเจ๊ไง ถ้าตึงกว่านี้ จะเป็นผลดีมาก”
“ไม่ทันแล้ว” แสบและลูกน้องพูดพร้อมกัน
“ใช่ ยังไงคืนนี้ก็ซ่อมได้ไม่ทัน กินก่อน ให้มีแรง ฉันก็จะกินด้วย แต่ถ้ากลัวจะเสียเวลา ผลัดกันกินก็ได้ พวกแกกินก่อน ฉันกินทีหลัง”
แสบ ลูกน้องมองจุลลาซาบซึ้ง
“น้องๆ กินไปก่อนเลย พี่จะช่วยพี่จูนก่อน”
จุลลาก้มลงไปซ่อมเครื่องอีก แสบตามไปดูอีกตัว ลูกน้องมองไส้กรอก เครื่องดื่มน้ำตาจิไหล แต่ก็ซึ้งได้ไม่นานก็ลงมือสวาปามด้วยความหิว
“ทำไมซื้อมาน้อยจังเจ๊พุ่ม”
“ไม่พอหรอก”
“ใช้อะไรคิดเนี่ย ซื้อมาแค่นี้”
“ก็ตังค์เหลือแค่นี้ ก็ซื้อแค่นี้สิวะ”
ยามจ่อยวิ่งเข้ามาพร้อมถุงของกินเต็มมือ
“เสบียงเพิ่มเติมมาแล้วครับผม”
“เฮ้ย”
“เงินใครอ่ะ อย่าบอกนะว่ายามจ่อย รวยกว่าเจ๊พุ่มอีกอ่ะ”
“ไม่มีปัญญาหรอกครับ นี่เงิน…ท่านรอง”
“ท่านรอง”
ทุกคนดีใจ แบ่งๆ กันกิน จุลลาและแสบยิ้มๆ มองน้องๆ กินกันอย่างแฮปปี้ แสบหันไปซ่อมเครื่องต่อ
จุลลาหันมาซ่อมเครื่องต่อเหมือนกัน
สืบสายเดินเครียดเข้ามาเรื่อยเปื่อย เห็นรถแปลกตาจอดอยู่ สืบสายมองอย่างแปลกใจ คุณนายเง็กโผล่มาขวางจนสืบสายตกใจ
“ม้า”
“ตกใจอะไร”
“ตกใจม้าไง อยู่ๆ ก็โผล่มา”
“อั๊วชอบเซอร์ไพรส์ สนุกดี”
“ทุกวันนี้ ผมเจอเรื่องเซอร์ไพรส์มากพอแล้วนะครับม้า”
“ลื้อไปเจอเรื่องอะไรมาอีก”
“ม้าอย่ารู้เลยครับ ผมพยายามแก้ไขอยู่”
“งั้น ไปกินข้าว จะได้หายเครียด”
คุณนายเง็กจูงมือสืบสายไปทันที สืบสายนึกแปลกใจ แหม่งๆ
สืบสายเดินเข้ามาในบ้านกับคุณนายเง็ก แล้วสืบสายก็ต้องยืนอึ้ง ตกใจ ในขณะที่คุณนายเง็กยิ้มกริ่ม
“วันนี้อั๊วนัดทานข้าวกับครอบครัวอาเจ็กเค้า อันนี้เซอร์ไพรส์แบบบวกๆ”
เตี่ยและแม่ของน้ำหวานนั่งอยู่ น้ำหวานนั่งเงียบ เศร้าอยู่ข้างๆ
“สวัสดีครับ”
เตี่ยและแม่ของน้ำหวานรับไหว้สืบสาย น้ำหวานไหว้สืบสาย สืบสายรับไหว้
“เป็นไงบ้าง อาสืบ โรงงานไปได้ดีมั้ย”
“ดีครับ”
“แต่ดูสืบหน้าเครียดๆ นะจ๊ะ งานหนักเหรอจ๊ะ”
“ครับ”
“อั๊วถึงได้นัดให้ทุกคนมากินข้าวด้วยกันไง จะได้คุยกันคลายเครียด”
น้ำหวานเผลอทะลุกลางปล้องขึ้นมา
“ยิ่งเครียดมากกว่าเดิมมากกว่าค่ะ” เตี่ย แม่ คุณนายเง็กหันมองน้ำหวานเป็นตาเดียว น้ำหวานตัดสินใจพูดตรงๆ “บอสไม่ได้อยากคุยกับน้ำหวานหรอกค่ะ และน้ำหวานก็ไม่ได้อยากคุยกับบอส น้ำหวานขอตัว สวัสดีทุกคนค่ะ”
น้ำหวานไหว้ทุกคน แล้วเดินออกไปเลย คุณนายเง็กตกใจ เตี่ยน้ำหวานโมโหมาก
“น้ำหวาน กลับมาเดี๋ยวนี้นะ”
“อาเจ๊กครับ น้ำหวานไม่ได้รักผม ผมก็ไม่ได้รักน้ำหวาน และเราสองคนก็จะไม่มีแต่งงานกันทั้งที่ไม่ได้รัก”
สืบสายบอก เตี่ย แม่และคุณนายเง็กอึ้ง
“อาตี๋ พูดอย่างนี้ได้ยังไง”
“ผมต้องพูดครับ อาเจ็กจะได้ยอมรับความจริง การฝืนใจมีแต่ทำให้ทุกคนทุกข์ใจ น้ำหวานเสียใจมาก ผมก็เสียใจมาก มันจะมีประโยชน์อะไรล่ะครับ กับความสุขความสบายใจของพ่อแม่ที่ต้องแลกด้วยน้ำตาของลูก”
“แต่อนาคตน้ำตาพวกลื้ออาจจะไหลจนกลายเป็นสายเลือด ถ้าเลือกคนผิด”
“ก็ให้เรารับผิดชอบมันด้วยตัวเองเถอะครับ อาเจ๊ก ผมถามแค่คำเดียว อาเจ็กแต่งงานกับแม่ของน้ำหวานเพราะอะไร หม่าม้าแต่งงานกับป๊าเพราะอะไร” ทุกคนอึ้ง “ความรักใช่มั้ยครับ ผมรู้ ไม่มีใครถูกบังคับใจ แล้วทำไมต้องบังคับพวกเรา กรุณาเชื่อมั่นในการตัดสินใจของพวกเรา ได้มั้ยครับ”
สืบสายมองทุกคนด้วยสายตาอ้อนวอน ก่อนจะเดินออกไปจากบ้าน เตี่ย แม่และคุณนายเง็กมองตากันปริบๆ
จุลลาเดินมานั่งพัก กินน้ำ หันมาอีกที เจอผีเถ้าแก่นั่งซดน้ำชาอยู่ข้างๆ จุลลาตกใจ
“เฮ้ย เถ้าแก่”
“อะไรวะ เจอกันบ่อยขนาดนี้ ยังไม่ชินที่อั๊วโผล่มาอีกเหรอวะ ตกใจอยู่ได้”
“แต่คราวนี้ ตกใจบวกดีใจมาก เถ้าแก่ หายไปไหนมา” จุลลาลืมตัวเข้าไปกอดผีเถ้าแก่เอาไว้ “หนูกะแล้ว ว่าเถ้าแก่ต้องยังไม่ไปที่ชอบๆ เถ้าแก่ต้องยังอยู่ เอ๊ะ ทำไมตัวเย็น”
“ก็อั๊วตายไปแล้ว”
“หนูกอดผีอยู่?”
“เออ”
จุลลาตกใจ รีบผละออกมาทันที
“เฮ้ย ทำไมหนูกอดเถ้าแก่ได้ ไม่วืดๆ”
“เพราะวันนี้อั๊วมาเต็ม อั๊วขออนุญาตเง็กเซียนฮ่องเต้ ทำภารกิจสุดท้ายก่อนจะไปเกิด”
“แล้วตกลง เถ้าแก่หายไปไหนมา รู้มั้ยว่าหนูมีเรื่องสำคัญอยากเล่าให้เถ้าแก่ฟังด้วย”
จุลลา และผีเถ้าแก่ ต่างมีเรื่องที่อยากเล่า
จุลลาและผีเถ้าแก่ยืนอึ้ง เครียดกันอยู่
“สะกดวิญญาณเถ้าแก่ ไม่ให้ออกมาจากฮวงซุ้ย”
“ส่งคนมาข่มขู่คนที่บ้านลื้อ ให้ลื้ออยู่เฉยๆ”
“คนที่ไม่อยากให้เถ้าแก่ออกมาเพ่นพ่าน”
“คนที่ไม่อยากให้ลื้อไปขัดขวางก่อกวน”
“มีอยู่คนเดียว”
“ไอ้ส่งเดช”
จุลลาและผีเถ้าแก่เจ็บใจทรงเดชมาก
เสี่ยตงนั่งดื่มเครื่องดื่มสบายใจ มีอุปกรณ์ถุงกอล์ฟอยู่ใกล้ๆ
“เสียเหงื่อแล้วสบายตัวที่สุด วงลื้อก็สวยเหมือนกันนี่หว่าอาทรงเดช”
“ยังไงก็สู้ป๊าไม่ได้หรอกครับ ผมแค่วงสวย แต่แรงไม่ดีเหมือนป๊า”
“อั๊วแรงดีไม่มีตก ใครๆ ก็บอก ฮ่ะๆๆ”
“ขอตัวสักครู่นะครับป๊า นึกขึ้นได้ว่านัดเพื่อนที่ฮาวายเอาไว้ว่าจะโทรกลับ”
“เพื่อนที่ฮาวาย”
“เค้าโทรมาตามให้กลับไปทำงานที่นั่นนะครับ ผมต้องโทรไปให้คำตอบ”
“ไม่ได้นะ ลื้อห้ามไปไหน ลื้อต้องทำงานกับอั๊ว”
“ก็...ไงดีล่ะครับ ผมเองก็ไม่ได้อยากไป แต่ตอนนี้สืบสายไม่ไว้ใจผมเหมือนเมื่อก่อน ผมอึดอัดใจ”
“ลื้อไม่ต้องอึดอัดใจ อั๊วอยู่ทั้งคน รีบไปโทรบอกเพื่อนลื้อ ว่าไม่ต้องตื้อ เพราะลื้อจะไม่ไปไหนทั้งนั้น อั๊วจะดูแลลื้ออย่างดีเอง”
“ครับป๊า”
ทรงเดชยิ้มย่องออกไป สวนกับเสี่ยจ๋าย สองคนแอบส่งยิ้มให้กัน ทรงเดชเดินออกไป
“อ้าว เสี่ยตง สวัสดีครับ แหม บังเอิญจริง”
เสี่ยตงชะงัก หันไป เสี่ยจ๋ายเดินมากับแค๊ดดี้ เพิ่งออกรอบเสร็จ แค๊ดดี้แยกไป เสี่ยตงไม่ค่อยชอบหน้าเสี่ยจ๋ายนักเพราะเป็นคู่แข่ง ยิ้มพอเป็นมารยาท
น้ำหวานยืนร้องไห้อยู่หน้าบ้านสืบสาย สืบสายเดินเข้ามาเห็น
“น้ำหวาน”
“กลับบ้านไป เตี่ยอาจจะดุน้ำหวาน น้ำหวานอาจจะถูกไล่ออกจากบ้าน”
“ไม่หรอก ไม่มีพ่อแม่ที่ไหนใจร้ายทำอย่างนั้น ท่านรักน้ำหวานมาก ท่านจะไม่ทำ”
“น้ำหวานจะไม่รอให้เตี่ยทำแบบนั้นหรอก”
แล้วน้ำหวานก็เดินออกไป สืบสายมองตามแปลกใจ
จุลลาเดินเข้ามาแล้วยืนนิ่งตัวแข็งอยู่หน้าบ้านสืบสาย ผีเถ้าแก่ที่เดินตามมา แปลกใจ
“หยุดทำไม ลื้อต้องไปบอกอาตี๋ให้รู้เรื่องนี้”
“แค่นี้ คุณสืบสายก็เครียดมากพอแล้วนะเถ้าแก่ อย่าเอาความเครียดไปใส่เพิ่มเลย เราจัดการกันเองก็ได้”
“แต่มันเป็นเรื่องที่อีควรรู้ ถ้ามารู้ทีหลัง บอกเลย อีงอนลื้อแน่”
“บอกเลย ว่าไม่สน หนูกลับไปซ่อมเครื่องต่อดีกว่า” จุลลาจะไป
“พี่จูน”
จุลลาชะงัก หันไป เห็นน้ำหวานยืนอยู่ จุลลาหน้าเสีย
“น้ำหวาน”
น้ำหวานเดินเข้ามาจุลลา
“น้ำหวานเกลียดพี่จูน” จุลลาตกใจ
“พี่ไปทำอะไรให้ ถึงต้องมาเกลียดพี่”
“เกลียดที่พี่จูนปากแข็ง รู้มั้ยว่ามันทำให้บอสกับน้ำหวานเดือดร้อน”
“ยังไง พี่ไม่เข้าใจ”
“ถ้ารักบอส ทำไมไม่พูดออกไป รออะไร รอให้น้ำหวานกับบอสแต่งงานกันก่อนแล้วค่อยคิดได้เหรอ”
จุลลาอึ้ง ผีเถ้าแก่มองหน้าจุลลา
“ต้องให้บุคคลที่สามมาเป็นกระจกสะท้อน ถึงจะมองเห็นตัวเองใช่มั้ย”
“ว่าไงล่ะพี่จูน”
“พี่”
สืบสายเข้ามาเห็นจุลลา แปลกใจ
“จุลลา ที่โรงงานมีเรื่องอะไรหรือเปล่า”
จุลลาชะงัก เห็นสืบสายแล้วพูดไม่ออก
“พูดไปเลยอาหนูช่าง ว่าลื้อรู้สึกยังไงกับอาตี๋ ทุกอย่างจะได้คลี่คลาย อาหนูน้ำหวานจะได้ไม่โกรธลื้อแบบนี้”
“พูดสิพี่จูน พูดออกมา! บอสก็อยู่ตรงนี้ พูดออกมา”
เสียงมือถือจุลลาดังขึ้น ขัดจังหวะ
“พี่ไม่พร้อมจะพูดเรื่องนี้ตอนนี้ ไม่ใช่เวลา มีเรื่องสำคัญกว่าให้ไปทำ” จุลลารับสายมือถือเดินออกไปทันที
“ว่าไงแสบ โอเค จะรีบไปเดี๋ยวนี้”
ผีเถ้าแก่ถอนใจเฮือก น้ำหวานก็ถอนใจ
“เธอบอกให้จุลลาบอกอะไรฉัน” สืบสายถามน้ำหวาน
“อาหนูช่างอีไม่พูด ลื้อพูดเองเลยอาน้ำหวาน จบๆ ไปเลย รำคาญชิเป๋ง”
“พี่จูนรักบอสค่ะ”
สืบสายอึ้ง ตกใจ ช็อก
“รัก”
“ค่ะ ถึงพี่จูนไม่ยอมพูด แต่เราทุกคนก็ดูออก บอสเองก็น่าจะดูออก ทำไมต้องรอให้พี่จูนพูด เป็นอะไรกัน งี่เง่า”
“แรง” สืบสายวิ่งออกไปทันที น้ำหวานภาวนาในใจ “ที่เหลือก็ให้คู่กรณีจัดการกันเอาเอง เราคนนอกก็แรงกันได้เพียงเท่านี้”
“ขอให้โชคดีนะคะบอส”
ผีเถ้าแก่และน้ำหวานมองตามอย่างมีความหวัง
“ตามไปเกาะชิดติดจอดีกว่า”
ผีเถ้าแก่หายตัวไป
สืบสายวิ่งมา แต่จุลลาขี่มอเตอร์ไซค์ออกไปแล้ว สืบสายร้อนใจ เอาไงดี
ขณะนั้นเสี่ยจ๋ายคุยกับเสี่ยตงอยู่ที่ร้านอาหาร
“ดีใจที่ได้เจอเพื่อนร่วมธุรกิจเดียวกัน หวังว่างานเลี้ยงครบรอบสี่สิบห้าปีปาล์มโปรดักส์ ผมคงได้รับเกียรติ”
“อั๊วเชิญลื้อแน่ เพื่อไปร่วมชื่นชมความยิ่งใหญ่ของปาล์มโปรดักส์ที่กำลังจะเข้าตลาดหุ้นในรุ่นของอั๊ว”
“บางทีเราอาจะเป็นพันธมิตรกันได้ ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง”
“อั๊วชอบบินเดี่ยว”
“ก็ไม่แน่ สักวันผมอาจจะเป็นลมใต้ปีกของเสี่ยก็ได้ ใครจะไปรู้ ดีๆ กันไว้น่า เสี่ยตง รวมกันเราอยู่ แข่งกันไปก็แย่งลูกค้ากันซะเปล่าๆ”
“ลื้อหมายความว่ายังไง”
“ก็แค่เปรยๆ ในฐานะเพื่อนร่วมวงการ ให้ผมช่วยอะไรได้ก็บอกนะ ผมจริงใจ”
เสี่ยจ๋ายลุกไป เสี่ยตงมองตามเสี่ยจ๋ายอย่างไม่ไว้ใจ ทรงเดชเข้ามา
“นั่นเสี่ยจ๋ายนี่ครับ”
“ลื้อรู้จักอีด้วยเหรอ”
“ไม่ได้รู้จักเป็นการส่วนตัวครับ รู้แค่ว่าเป็นคู่แข่งของเรา”
“มันพูดแปลกๆ เหมือนอยากจะควบรวมกิจการกับอั๊ว”
“ก็น่าสนใจนะครับ ขยายทุน จะยิ่งเพิ่มความยิ่งใหญ่ก่อนเข้าตลาดหุ้น”
“อั๊วไม่อยากรวยแบ่งกับใคร อั๊วจะกลับบ้านแล้ว”
“ผมมีเรื่องจะต้องสารภาพกับป๊าครับ” ทรงเดชรีบขัด
“เรื่องอะไร”
ทรงเดชตีหน้าเศร้า เตรียมเล่าความเท็จ