วิมานมะพร้าว ตอนที่ 11
คุณนายเง็กเดินอย่างร้อนใจมาตามทางเดิน มุ่งหน้ามาที่ห้องทำงานของเสี่ยตง ผีเถ้าแก่ตี่คู่มากับคุณนายเง็ก ส่วนครรชิตก็ตีคู่อยู่อีกข้าง ครรชิตรายงานสถานการณ์ ส่วนผีเถ้าแก่เป็นตัวบิ้วต์
“ท่านประธานด่าคุณจุลลาไม่มีชิ้นดี”
“ไอ้ตงมันหูเบายิ่งกว่านุ่น ลื้อต้องดึงหูมัน”
“อั๊วจะดึงหูท่านประธานแล้วเอาหินถ่วง จะได้หายหูเบา”
“แถมท่านประธานยังไล่ตะเพิดคุณจุลลาไม่ให้มาที่นี่อีก”
“ไอ้ตงมันเอาแต่อารมณ์ นับวันยิ่งกู่ไม่กลับ”
“คงจะกินหมาเข้าไปสามเวลาหลังอาหาร ถึงได้ดุอย่างนี้”
“นั่นไม่ร้ายเท่ากับอีเชื่ออาทรงเดชจนทำให้อาตี๋ของอั๊วเดือดร้อน จนไม่มีเก้าอี้จะนั่ง”
“แล้วจะให้บอสไปนั่งเก้าอี้ตัวไหน”
“อีเป็นลูกชายลื้อนะอาเง็ก”
“ลูกชายต้องสำคัญกว่าคนนอกสิอาเง็ก”
“ถูก”
แล้วครรชิตก็อึ้ง คุณนายเง็กก็อึ้ง
“ขอประทานโทษครับผม ที่กล่าวคำพูดที่ไม่เหมาะสม เหมือนมีอะไรมาดลใจ แปลกๆ ครับผม”
“ผีอาเตี่ยป่ะวะ”
“มิทราบได้ครับผม”
คุณนายเง็กกับครรชิตเริ่มกลัว
“ยังจะกลัวอั๊วอยู่ได้ อั๊วมาดี ไม่เคยทำร้ายลูกหลาน ใช้เซ้นส์สิใช้เซ้นส์” ผีเถ้าแก่บอก
“อั๊วมีเซ้นส์ ว่าผีเตี่ยอีมาดี ลื้อไม่ต้องกลัว อาครรชิต อั๊วยังไม่กลัวเลย”
“ไม่เหลือสิครับ ท่านรองไม่กลัว แล้วมากระจุกตัวอยู่กับผมทำไม”
“ก็ยังเหลือเสียวๆ บ้าง ผีเตี่ยต้องมาให้กำลังใจอั๊วเคลียร์กับท่านประธานที่เห็นคนอื่นดีกว่าลูกชายตัวเองแบบนี้ไม่ได้”
ผีเถ้าแก่ยืนชูป้ายไฟเชียร์อยู่ เขียนว่า เง็ก สู้!
“งั้นรีบเคลียร์เลยมั้ยครับ ผมเปิดประตูให้”
ครรชิตรีบไปเคาะประตู แล้วเปิดเข้าไป คุณนายเง็กก้าวฉับๆ หายไป
“อ๊าย”
“ว้ากส์” ครรชิตตกใจด้วย
“ว้ากส์” ผีเถ้าแก่ตกใจเหมือนกัน คุณนายเง็กวิ่งออกมาหน้าตาตื่น “ลื้อตกใจอะไรวะอาเง็ก”
“อาท่านประธานอยู่ไหน ไหนบอกว่าอยู่ที่ห้องไง อาครรชิต”
ผีเถ้าแก่โล่งอก คุณนายเง็กมองหาครรชิต ไม่เห็น มองหา ขณะนั้นผีเถ้าแก่นั่งอยู่บนโต๊ะทำงาน ชี้ลงข้างล่าง
คุณนายเง็กก้มลงมองเห็นครรชิตกำลังนั่งสวดมนต์ตัวสั่นด้วยความกลัว
“อาครรชิต”
“ครับผม”
“ท่านประธานอยู่ไหน”
ขณะนั้นเสี่ยตงยืนมองฮวงซุ้ย สายตาน้อยใจ
“เตี่ยไม่เคยไว้วางใจอั๊ว กว่าเตี่ยจะยอมปล่อยให้อั๊วบริหารก็ตอนที่เตี่ยป่วยใกล้ตายแล้ว” สืบสายเดินเข้ามาเห็นพอดี หยุดยืนแอบฟัง “เตี่ยไม่เคยยอมปล่อยวางอะไรเลย ถึงตัวเองจะตายไปแล้ว ก็ยังจะยึดติด คิดจะให้ลูกหลานเดินตามความคิดโบราณของตัวเอง อั๊วมาบอกเตี่ยอีกครั้งว่า อั๊วจะทำทุกอย่างให้ทุกคนจดจำอั๊วในแบบฉบับของอั๊วเอง ไม่ใช่ลูกไม้ใต้เงาเตี่ย เวลาของเตี่ยหมดไปแล้วและนี่คือเวลาของอั๊ว”
สืบสายเข้าไปทันที
“เป็นลูกไม้ใต้ต้นมันไม่ดีตรงไหนเหรอครับป๊า” เสี่ยตงชะงัก หันไป “ถ้ามีคนมาบอกป๊าว่าผมคือลูกไม้หล่นใต้ต้นของป๊า ป๊าไม่ภูมิใจเหรอครับ”
“แต่ลื้ออาจจะไม่ภูมิใจก็ได้ที่ต้องเหมือนอั๊ว”
“ผมภูมิใจที่เป็นลูกป๊า บางเรื่องเราอาจคิดไม่เหมือนกัน แต่ไม่ได้ทำให้ผมนับถือป๊าหรือศรัทธาป๊าน้อยลง”
เสี่ยตงอึ้ง “ป๊าตั้งแง่ต่อต้านคำสอนของอากงเพื่อจะพิสูจน์ตัวตน มันจะคุ้มค่าเหรอครับ ถ้าการพิสูจน์ของป๊าอาจจะทำให้เราหมดตัว”
“ลื้อมันก็เหมือนอากงลื้อ ชอบดูถูกอั๊ว หาว่าอั๊วไม่มีความสามารถ”
“ผมไม่ได้หมายความอย่างนั้น”
“ในฐานะที่อั๊วเป็นพ่อ! ต่อไปนี้ อั๊วจะเป็นคนตัดสินใจทุกอย่างในปาล์มโปรดักส์ อั๊วจะแต่งตั้งอาทรงเดช ให้มาเป็นผู้ช่วยอั๊ว”
สืบสายอึ้ง ตกใจและเสียใจที่เสี่ยตงตัดสินใจอย่างนั้น
“แต่มันยังไม่ครบสามเดือนที่ป๊าบอกว่าจะให้โอกาสผม คำสัญญาลูก…”
“คำสัญญาปากเปล่า ไม่มีใครเค้ายึดถือกันแล้ว ทุกอย่างเปลี่ยนแปลงได้ถ้าผลประโยชน์ไม่ลงตัว”
สืบสายพูดไม่ออก เสี่ยตงเดินออกไป สืบสายมองตามเสี่ยตงอย่างสิ้นหวัง ผีเถ้าแก่ยืนมองตามเสี่ยตงอยู่ที่ฮวงซุ้ย ผิดหวัง เสียใจ สืบสายหันมามองฮวงซุ้ย ไม่พูดอะไร ค่อยๆ เดินไปลงนั่ง คุกเข่า แสดงความขอโทษ
“ผมขอโทษครับอากง”
ผีเถ้าแก่ค่อยๆ เดินเศร้า สะเทือนใจออกไป ทิ้งสืบสายคุกเข่าต่อหน้าฮวงซุ้ย
ผีเถ้าแก่เดินมาดูตอต้นมะพร้าวที่ถูกตัดทิ้งร้าง รกเรื้อ
“ลื้อทำได้ทุกอย่างจริงๆ แม้แต่ต้นมะพร้าวต้นแรกที่อั๊วลงมือปลูกที่นี่ ลื้อก็ตัดมันทิ้ง เพื่อกำจัดเงาของอั๊ว”
จากนั้นใบหน้าเศร้าสะเทือนใจของผีเถ้าแก่ก็กลายเป็นยิ้มเจ้าเล่ห์ “แต่อะไรเอ่ย ยิ่งบั่นยิ่งยาว ฮ่าๆๆ ก็อั๊วไง”
เสียงหัวเราะของผีเถ้าแก่ดังก้องไปทั่วสวนมะพร้าว
สืบสายชะงัก ได้ยินเสียงหัวเราะแว่วๆ ลอยมาตามลม พยายามหันหาที่มาของเสียง สายลมพัดมาเอื่อยๆสืบสายคิดถึงอากง
“อากง”
มุมหนึ่งที่ร้านสบายท้อง จุลลาเล่าให้ทุกคนฟัง พี่โย้อยู่ด้วย ซึ่งขณะนั้นเตรียมปิดร้านแล้ว
“จูนพลาด มันเอาตัวรอดไปได้ ท่านประธานไม่เชื่อจูน”
“โห่ยยยยย”
“ทำไมเอ็งไม่ต่อยหน้ามันไปสักทีวะไอ้จูน! คนอย่างไอ้ส่งเดช ถ้าใช้เหตุผลหรือความจริงเอาผิดมันไม่ได้ก็เล่นมันเลย” จำรัสคว้าคอมะขวิดมาจะต่อย
“ผิดคนแล้วครับ”
“ต่อยลีลาแทนเถอะค่ะ อย่าทำมะขวิดของลีลา”
“หื้อ”
“หึงมั้ยคะพี่โย้”
“ไม่รู้สึกอะไรเลยครับ”
“มันใช่เวลาอ่อยผู้ชายมั้ย นังลีลา จังหวะนรก ฟังคุณจูนเล่าต่อ ขัดจังหวะกันทำไม โดยเฉพาะคุณจำรัสเนี่ย! ตัวดี” ป้าลำยองบอก
“ลำยอง” จำรัสปราม
“ขอโทษค่ะ ลืมตัว ยังไงต่อคะคุณจูน”
“ยังไงต่อ ก็จบไง เรื่องทุกอย่างมันก็จบแบบศพไม่สวย ซึ่งจูนก็คงช่วยเค้าได้แค่นี้”
“ไม่เสียใจเหรอลูก”
“เสียใจ แต่จูนจะทำอะไรได้มากกว่านี้ล่ะแม่”
จู่ๆ ลมแรงก็พัดมาวูบหนึ่ง ทุกคนอึ้ง ขนลุก จากนั้นเก้าอี้ในร้านก็ค่อยๆ ล้มลงทีละตัว ทีละตัว จุลลาและทุกคนเห็นจะจะคาตา จากนั้นทุกคนยกเว้นจุลลาก็ร้องกรี๊ดลั่นร้าน
“อ๊ากส์ /อ๊าย ผีหลอก”
จุลลาถึงกับกุมขมับ รู้ดีว่าผีเถ้าแก่แน่ๆ
จำรัสนำขบวนดารา พี่โย้ ป้าลำยอง ลีลา มะขวิดวิ่งเข้ามาในร้าน
“ไอ้มะขวิด ปิดประตูเร็ว อย่าให้ผีเข้าบ้าน”
มะขวิดปิดประตู ลงกลอน ล็อคแน่นหนา
“แล้ว ลูกจูนล่ะพ่อ”
ทุกคนมองหา ไม่เห็นจุลลาก็ตกใจ
“ลูกจูน/ไอ้จูน/คุณจูน อ๊ากส์ /อ๊าย”
“ไอ้มะขวิด เปิดประตูเร็ว”
มะขวิดเปิดประตูได้ ทุกคนรีบออกไปเพื่อตามจุลลาทันที
จุลลายืนอยู่หน้าบ้าน ผีเถ้าเข้ามาหา หน้าตาเคร่งเครียด
“ทำคนในบ้านจูนตกใจหมดแล้วนะเถ้าแก่ ทำทำไมเนี่ย”
“ก็ถ้าลื้อถอดใจไม่ยอมช่วยอาตี๋อั๊วให้พ้นจากวิกฤติคราวนี้ อั๊วจะมาหลอกคนในบ้านลื้อ ลูกค้าลื้อ เอาให้จับไข้หัวโกร๋น ทุกวัน ย้ำ ทุกวัน” จุลลาอึ้ง อึดอัด
จำรัสและชาวคณะวิ่งออกมาหาจุลลา ยังมองไปรอบๆ ด้วยความกลัว
“ลูกจูน เข้าบ้านเร็วค่ะ เร็ว”
จุลลามองหน้าผีเถ้าแก่ ผีเถ้าแก่ยักคิ้วให้ จากนั้นก็ยกเก้าอี้ที่ล้มอยู่ ทุกคนเห็นจะจะคาตาอีกแล้วว่าเก้าอี้มันลุกขึ้นเองได้ ทุกคนอ้าปากค้าง เหวอ...ช็อค
“นี่แค่เบาๆ จะให้จัดหนักกว่านี้อีกมั้ย”
ผีเถ้าแก่ผลักเก้าอี้ ทุกคนเห็นว่าเก้าอี้ล้มเองได้อีก ทุกคนพร้อมใจกันร้อง หลังจากตั้งสติได้แล้วว่าต้องร้อง
“อ๊ากส์”
จำรัสนำขบวนวิ่งหนีเข้าบ้านไปอีกรอบ ทิ้งจุลลายืนอยู่
“โอเค”
“น่ารักจุงเบย อาหนูช่าง คราวนี้อั๊วมีแผนเด็ด ที่จะทำให้ไอ้ตงมันตาสว่างลื้อเท่านั้นที่จะทำได้”
“โอเคว่า...ไม่! หนูทำเท่าที่จะทำได้แล้ว บางทีมันก็ต้องยอมรับความจริงนะเถ้าแก่ ว่าแค่ไหนก็ต้องแค่นั้น”
จุลลาเห็นกระดาษทิชชู่ในกล่องบนโต๊ะ ดึงมาแล้วโบกไหว “ยกธงขาว แปลว่ายอมแพ้ ถ้าอยากจะหลอกคนในบ้านหนู
แล้วทำให้ตัวเองมีเวรมีกรรมเพิ่ม ไม่ได้ไปผุดไปเกิด กลายเป็นสัมภเวสีผีเร่ร่อนชั่วกัปล์ชั่วกัลป์ก็เอาเลย”
“ไม่เอา”
“งั้นก็กลับฮวงซุ้ยไปเถอะ ราตรีสวัสดิ์”
แล้วจุลลาก็เดินเข้าบ้านไป ทิ้งผีเถ้าแก่ยืนเคว้ง คอตก เจ้าที่ลอยมายืนข้างๆ ผีเถ้าแก่
“ทำเกินไปนะเจ้าสัว ผมไม่น่าอนุญาตให้เจ้าสัวเข้ามาเลย ให้ตายเหอะ”
“ช่วยอั๊วครั้งนี้ ถือเป็นบุญคุณไปสิบชาติ”
“เจอกันแค่ชาติเดียวเห้อะ พอแล้ว แล้วนี่จุลลาสะบัดบ็อบใส่ให้ขนาดนี้ผมว่าเค้าคงไม่เอาด้วยจริงๆ”
“ลื้อเคยได้ยินมั้ย อาเจ้าที่”
“เคย”
“ยัง”
“มีอารมณ์ตบมุก แสดงว่าเจ้าสัวยังไม่ยอมถอดใจ”
“เออสิวะ เมื่อผู้หญิงพูดคำว่าไม่ หล่อนมีความหมายว่าอาจจะ เมื่อผู้หญิงพูดว่าอาจจะ หล่อนจะมีความหมายว่าใช่หรือได้ และเมื่อผู้หญิงพูดว่าใช่หรือได้ หล่อนไม่ใช่ผู้หญิง”
“สั้นๆ”
“ผู้หญิงปากกับใจไม่เคยตรงกัน”
เจ้าที่พยักหน้าหงึกๆ เข้าใจ ผีเถ้าแก่ยังมีความหวังที่จะทำให้จุลลาเปลี่ยนใจ
จุลลาเปิดประตูเข้าไปในร้าน ทุกคนกลัว กระจุกตัวกัน
“จุ่น ทำไมจิตแข็งแบบนี้ ไม่กลัวบ้างหรือไง” พี่โย้ถาม
“กลัวอะไร”
“ก็ผีไง”
“อ๋อ เพื่อนกัน คุยกันรู้เรื่องแล้ว เค้ากลับไปแล้วล่ะ ทุกคนสบายใจได้”
ทุกคนงง อึ้ง
“คุณจูนเป็นเพื่อนกับผีเหรอคะ”
“พูดเป็นการ์ตูนนะครับ”
“เรื่องจริง ตกลงจะเชื่อจูนหรือไม่เชื่อว่าไม่ต้องกลัว ผีกลับไปแล้ว”
“ไม่เชื่อ”
“แล้วจะเอาไงเนี่ย จะกอดกันกลมอย่างนี้ทั้งคืนเลยมั้ย”
จำรัส ดารา ป้าลำยอง ลีลา มะขวิด ขนที่นอนผ้าห่มมานอนรวมกันในห้องจุลลา พี่โย้อยู่ด้วยเนียนๆ จุลลายืนมองส่ายหัวระอา
“เฮ้อ อ่ะ ตามใจ ก็นอนรวมกันให้หมดนี่แหละ เถ้าแก่นะเถ้าแก่ หาเรื่องปวดหัวให้ตล้อดๆ” จุลลาแอบบ่น
ลีลาอิงซบพี่โย้
“จะว่าไป ในวิกฤติก็ยังไมีโอกาสนะคะพี่โย้ แน้นแน่นอ่ะ” พี่โย้รีบลุก
“ผมว่าผมกลับบ้านผมดีกว่านะครับ”
“จะออกไปเจอผีอีกหรือไงไอ้โย้”
“อยู่ที่นี่ น่ากลัวกว่าผีครับ”
“ไป จูนไปส่ง”
พี่โย้รีบออกไปกับจุลลา ลีลาเซ็ง หันไปเห็นหน้ามะขวิดหันมาทาแป้งขาวโพลนก็ตกใจ
“ว้าย” ทุกคนตกใจด้วย
“ว้ากส์”
“ผีมาอีกหรือไง”
“ตกใจไอ้มะขวิดเนี่ย”
“ใครสั่งใครสอนให้ทาแป้งแบบนี้ ตกใจกันหมดเลย”
“กันผีไง ผีเห็นว่าเราน่ากลัว มันจะได้ไม่หลอก” ทุกคนเซ็ง
จุลลาเดินมาส่งพี่โย้ พี่โย้เดินเร็วมาก
“เดี๋ยวก่อนพี่โย้”
“ไว้คุยกันวันหลังนะตอนนี้พี่คิดถึงบ้านมาก จูนก็รู้ว่าพี่กลัวผีขนาดไหน”
“รับปากจูนก่อน ว่าจะไม่บอกคุณสืบสายเรื่องความรู้สึกของจูนอีก” พี่โย้อึ้ง
“ทำไมล่ะจูน พี่ดูออกนะว่าเค้าเองก็ชอบจูน”
ผีเถ้าแก่ปรากฏตัวหลังพี่โย้ ถือชามข้าวต้มเคี้ยวตุ้ยๆ
“ลื้อพูดถูก อาพะโล้ เข้าท่า อย่างนี้คบกันได้”
“ถ้าพี่โย้พูดแบบนี้ จูนยิ่งไม่ชอบขี้หน้าคุณสืบสาย ผู้ชายแบบนี้จูนไม่อยากเสวนาด้วย”
“อ้าวไอ้พะโล้ ปากพาซวยทำให้อาหนูช่างเกลียดหลานอั๊ว”
“โอเค ไม่พูดก็ไม่พูด แต่...ตอนนี้พี่ได้กลิ่น”
“ได้กลิ่นอะไร ไม่เห็นจะได้กลิ่นเลย คิดไปเองเปล่า”
“กลิ่นเหมือน...”
“ก็ข้าวต้มอั๊วไง” ผีเถ้าแก่บอก
พี่โย้หันไปมองไม่เห็นอะไร ระหว่างนั้นจุลลาถลึงตาใส่ผีเถ้าแก่ แอบไล่ลับหลังพี่โย้
“ยังไม่ไปอีก กลับไป” พี่โย้หันมา จุลลารีบยิ้มปกติ
“ก็กำลังจะกลับอยู่นี่ไง แต่จูนก็ยังไม่ให้กลับ”
“ไม่ได้หมายถึงพี่โย้”
“แล้วหมายถึงใคร อย่าบอกนะว่าจูนเห็น ผี”
“อุ๊ตะ อย่างนี้ต้องตามไปหลอกต่อที่บ้าน”
“หยุด”
“ให้อั๊วหยุด ลื้อก็ต้องเยส”
“เยส”
“หา! จูนเห็นผี” พี่โย้ตกใจ
“ไม่ใช่ จูนพูดผิด โน่ จูนไม่ได้เห็นผี”
“แต่เยสกับอั๊วใช่ม้ายยย” ผีเถ้าแก่ถาม
“ใช่ เยส”
“ตกลงเห็นหรือไม่เห็น”
“โอ๊ย ไม่เห็น”
“พี่ว่าพี่กลับตอนนี้เลยดีกว่า อยู่นานแล้วประสาทจะเสีย ไว้เจอกันนะจูน”
พี่โย้รีบกลับออกไป จุลลาเหนื่อยใจ มองผีเถ้าแก่ที่พุ้ยข้าวต้มสบายใจเฉิบ
“อร่อยมั้ย กินข้าวเคล้าความทุกข์ของคนอื่นเนี่ย”
“ฮ้อเหลี่ยว ฝุดๆ” จุลลาเข้าบ้านไป ผีเถ้าแก่มองตามจุลลา ซึ้งใจ “ขอบใจนะอาหนูช่าง และก็ขอโทษที่ต้องทำแบบนี้” ผีเถ้าแก่ กลับมาเจ้าเล่ห์เหมือนเดิม “ดันมีจุดอ่อนเองนี่หว่า ฮ่ะๆๆ” เจ้าที่ลอยมาหาผีเถ้าแก่ “ยังไม่นอนอีก เป็นเด็กเป็นเล็กนอนดึก ไม่ดี”
“มาขอถ้วยกับตะเกียบคืนครับ”
“งก”
ที่บ้านสืบสายเสี่ยตงกำลังเถียงกับคุณนายเง็ก
“ลื้อเป็นเมียอั๊ว ลื้อควรจะอยู่ข้างอั๊ว”
“อั๊วอยู่ข้างความถูกต้องเท่านั้น เฮียเป็นผัวอั๊ว เฮียก็ควรจะฟังอั๊วบ้าง”
“ลื้อเงียบไปเลย”
“อั๊วไม่เงียบ และอั๊วจะไม่ทน ที่ลื้อเห็นคนอื่นสำคัญกว่าลูกชายของเรา”
สืบสายเดินเข้ามาได้ยิน อึ้ง ชะงักฟัง
“ไม่ใช่อย่างนั้น อาตี๋ยังไม่แข็งแรงพอที่จะดูแลธุรกิจได้ อีอ่อนแอเกินไป และนี่คือวิธีที่อั๊วกำลังสอนให้อีเข้มแข็ง อย่าเอาแต่ด่าอั๊วได้มั้ย”
“แต่วิธีของเฮียโหดร้ายเกินไป! รู้มั้ยว่าอาตี๋อีอาจจะเสียใจน้อยใจ”
“ผมไม่เสียใจหรอกครับม้า”
เสี่ยตง คุณนายเง็กชะงัก สืบสายเดินเข้ามา
“อาตี๋ ไม่ต้องปากแข็ง แต่มองตาม้าก็รู้แล้วว่าลื้อเสียใจมาก”
“ผมเข้าใจป๊าครับ”
“จริงเหร่อ”
“ครับ และผมก็จะเข้มแข็งให้ป๊าเห็น แต่เข้มแข็งด้วยตัวผมเองครับ”
“อะไรนะ ลื้อจะทำอะไร”
“ผมแค่จะทำหน้าที่ของผมให้ดีที่สุดเท่านั้นเองครับ”
สืบสายยิ้มให้เสี่ยตงอย่างเยือกเย็นและสุขุม ก่อนจะออกไป เสี่ยตงมองตามประหลาดใจ ส่วนคุณนายเง็กมองสืบสายอย่างแปลกตาปนปลื้ม
“อาตี๋ ลูกชายอั๊ว หล่อ ลึกลับ น่าลุ้น”
เสี่ยตงค้อนเมีย นึกสงสัยว่าสืบสายจะทำอะไร
สืบสายเดินมาที่ห้องทำงาน ครรชิตรีบยืนต้อนรับ เตรียมพร้อม
“สวัสดีครับบอส”
“นัดประชุมเฉพาะผู้จัดการฝ่ายขาย ให้ไปเจอฉันข้างนอก ให้เป็นความลับ ห้ามใครรู้ โดยเฉพาะท่านประธาน”
“รับนโยบายครับผม”
สืบสายเหลือบไปเห็นเดือนพิไลกำลังเดินเฉิดฉายเข้ามาจึงรีบดึงตัวครรชิตไปหลบที่หลืบห่างจากหน้าห้องพอประมาณทันที
“คล้ายๆ ว่าจะหลบใครที่ไม่อยากเจอหน้า ให้ทายว่าต้องเป็น...”
“คุณมูนมา ฉันยังไม่อยากเจอเค้าตอนนี้”
“แฟนมาแล้วทำไมไม่อยากเจอล่ะครับ คนรักกันชอบกันนะครับ”
“อย่าประชด”
“งั้นจะหลบหน้าทำไมครับผม แสดงว่าไม่รัก”
“พูดมาก”
“งั้นตอบผมมาก่อนสิครับผม ว่ารักหรือไม่รักคุณมูนกันแน่” เดือนพิไลเดินมาที่หน้าห้อง สืบสายปิดปากครรชิตให้เงียบ หลบนิ่ง ครรชิตแกะมือสืบสายออก กระซิบ “ถ้าบอสไม่ตอบผมตอนนี้ ผมจะไม่ยอมรับนโยบายเรื่องคุณเดือนพิไล จะออกไปบอกว่าบอสอยู่นี่” สืบสายเห็นเดือนพิไลเปิดประตูห้อง แต่เปิดไม่ได้เพราะล็อคอยู่ ครรชิตจะตะโกน “คะ...”
สืบสายปิดปากครรชิต รีบบอก
“ฉันไม่ได้รักคุณมูนเลย แม้สักนิด”
ครรชิตอึ้ง สืบสายค่อยๆ คลายมือออก มองไปที่เดือนพิไลซึ่งยืนงุ่นง่านอยู่หน้าห้องสืบสาย
“แล้วทำไมยัยพนักงานต้อนรับบอกว่าคุณสืบมาแล้ว ทำงานไม่ได้เรื่อง”
เดือนพิไลบ่นอย่างหงุดหงิด สืบสายพูดกับครรชิตขณะที่มองเดือนพิไล เดือนพิไลหยิบมือถือขึ้นมากดเบอร์หาสืบสาย
“แต่ที่ฉันต้องออกรับกับสื่อว่าเป็นแฟนเค้า เพราะไม่อยากให้เค้าเสียหาย”
“จากใจนะครับบอส บางทีก็ต้องเลือกเป็นสุภาพบุรุษกับบางคน ไม่ใช่ทุกคน และคนๆ นั้นก็ต้องคู่ควรกับความแมนของบอส”
มือถือสืบสายสั่นในกระเป๋า สืบสายหยิบมาดูเห็นชื่อ “คุณมูน” โชว์ที่หน้าจอ สืบสายปล่อยให้สั่นอยู่อย่างนั้น ไม่รับ
“ตอนแรก ฉันก็คิดว่าคุณมูนอาจจะคู่ควร แต่ตอนนี้ ฉันชักไม่แน่ใจ เค้าอาจจะไม่ได้เป็นอย่างที่คิด”
เดือนพิไลหงุดหงิดเป็นตัวเองเต็มที่เพราะไม่มีใครเห็น
“โอ๊ย ไปตายที่ไหนกันหมดนะ คุณสืบนะคุณสืบ โทรไปก็ไม่รับ”
เดือนพิไลหงุดหงิดออกไป สืบสาย ครรชิตโล่งใจ
“แล้วบอสจะหนีจะหลบหน้าคุณเดือนพิไลไปจนถึงเมื่อไหร่ครับผม ถ้าเซ้นส์มันบอกว่าไม่ใช่ ก็ไม่ต้องรอแล้ว ควรจะคัท ตัดก่อนตาย เคลียร์ก่อนวายวอด”
“ฉันรู้ ฉันเคลียร์กับคุณมูนแน่ เมื่อฉันมั่นใจ แต่ตอนนี้ ฉันมีเรื่องสำคัญกว่านั้นที่ต้องเคลียร์”
“รับนโยบายด้วยความยินดีครับผม”
สืบสายมุ่งมั่นกับการจะขัดขวางและเปิดโปงทรงเดช
ที่ร้านสบายท้อง จำรัส ดาราคุมลูกน้องเปิดร้าน ทั้งหมดยังมีอาการหวาดระแวง ดาราเข้ามากระซิบกับจำรัส
“พ่อ เราทำบุญบ้านกันสักทีดีมั้ย”
“ก็ดีนะ รู้สึกว่าช่วงนี้งานเข้าบ้านเราพิลึก”
“งั้นเราไปหาพระกันเลยมั้ยคะ”
ดาราและจำรัสหันไป เห็นป้าลำยอง ลีลาและมะขวิดเข้ามารุม ยังกลัวอยู่ แต่ละคนมีของถือติดไม้ติดมือมา
“เฮ้ย/ว้าย” จำรัส ดาราตกใจ
ขณะนั้นจุลลาแต่งตัวจะออกไปข้างนอก
“อ้าว ไปไหนวะไอ้จูน พ่อว่าจะชวนไปวัดซะหน่อย”
“ไปทำไมพ่อ”
“ไปคุยเรื่องทำบุญบ้าน”
“จะไปตอนนี้เลยเหรอพ่อ จูนมีนัดแล้วอ่ะ ให้จูนช่วยอย่างอื่นแล้วกันนะ”
“นี่ลูกจูนจะไปสมัครงานที่ไหนเหรอคะ”
“เปล่าค่ะแม่ จูนจะไป เอ่อ....เจอเพื่อนน่ะ เค้ามีเรื่องให้จูนช่วย เดี๋ยวมาค่ะ”
จุลลารีบเดินออกไป แล้วจู่ๆ มะขวิดก็ทำของหล่นลงพื้น เสียงดังลั่น ทุกคนตกใจ
“เฮ้ย /ว้าย”
“ขอโทษครับ หลุดมือ”
มะขวิดเจอรุม
สืบสายขับรถผ่านป้อมยาม ยามจ่อยตะเบ๊ะให้สืบสาย สืบสายขับออกไปอย่างเร่งรีบ ยามจ่อยหยิบ ว.ขึ้นมารายงาน
“ลีมินโฮเรียกยุนอาเปลี่ยน”
ขณะนั้นเจ๊พุ่มนั่งอยู่กับแสบ น้ำหวานและพวกที่ร้านเจ๊อ้อย เจ๊อ้อยกำลังผัดกับข้าวมือเป็นระวิง เพราะเป็นช่วงพักกินข้าว เจ๊พุ่มรับว.
“ยุนอาพูด เปลี่ยน”
“วันนี้เป็นเกาหลีเว้ยเฮ้ย” แสบแซว
“ฮิ้ววว ซารังเฮโย คัมซามิตา”
“เงียบๆ หน่อย จะฟังการรายงานสด ว่าไงวะ ยามจ่อย”
แสบ น้ำหวานและลูกน้องเข้ามารุมล้อม เจ๊อ้อยปลีกตัวมาร่วมแจม
“คุณเดือนพิไลเพิ่งเข้าไป สักพักบอสก็ขับรถออกมาคนเดียว ย้ำคนเดียว เปลี่ยน”
“บอสออกไปคนเดียว แต่ยัยข้าวเหนียวบูดยังอยู่ในออฟฟิศน่ะสิ”
“ยัยข้าวเหนียวบูด ใครวะ” เจ๊อ้อยถามอย่างแปลกใจ
“ก็ยัยเดือนพิไล ดาราที่เป็นแฟนบอสไง”
“เรียกแบบนี้แสดงว่าชอบมาก”
“เกลียดมาก”
“ไงต่อ ยามจ่อย”
ที่ป้อมยาม ยามจ่อยตะเบ๊ะให้กับทรงเดชที่ขับรถของออฟฟิศเข้าไปข้างใน
“และตอนนี้ นายส่งเดชเพิ่งจะเข้าไป ย้ำ เพิ่งเข้าไป เปลี่ยน”
“ไอ้ส่งเดชมันเพิ่งเข้าออฟฟิศ” เจ๊พุ่มบอก
“ไอ้ส่งเดช ใครวะ” เจ๊อ้อยถามอย่างแปลกใจ
“ก็ไอ้ทรงเดช ผู้จัดการฝ่ายผลิตที่ชอบเลียท่านประธานจนทำให้พี่จูน ถูกไล่ออกไง จะถามทุกเรื่องเลยมั้ย”
“ก็คนมันไม่รู้นี่หว่า ใช่คนงานโรงงานแกที่ไหน”
“ทุกคนหยุด! เราอย่าเพิ่งเถียงกันตอนนี้ มีงานใหญ่ที่เราต้องร่วมมือกันทำให้สำเร็จ”
“เอาแน่เหรอพี่”
“บางที ลองวิธีอื่นดูก่อนมั้ย พี่แสบ” น้ำหวานบอก
“ไม่ได้” แสบบอกเสียงเข้ม
“พูดดีๆ ไม่ได้หรือไง” น้ำหวานแหว แสบรีบเปลี่ยนเสียงอ่อน
“ไม่ได้หรอกจ๊ะ ขออนุญาตเข้มนะ ไม่งั้นไม่ขลัง กับไอ้ส่งเดช ไม่มีวิธีไหน ที่จะทำให้มันออกไปจากที่นี่ได้
นอกจากวิธีนี้อีกแล้ว”
แสบมุ่งมั่นมาก ในขณะที่คนอื่น สยอง
สืบสายขับรถมาด้วยความเร่งรีบ จุลลาขี่มอเตอร์ไซค์มาจากอีกทางหนึ่ง เร่งรีบเหมือนกัน จุลลาเลี้ยวรถตัดหน้ารถสืบสาย สืบสายตกใจ เบรกเอี๊ยด จุลลาเสียหลัก รถล้ม ตัวจุลลาไถลไปกับพื้นถนน สืบสายตกใจ จอดรถได้ รีบลงจากรถไปทันที ตรงไปที่จุลลาซึ่งนอนอยู่บนพื้น
สืบสายเข้ามาจำได้ว่าเป็นจุลลาก็ตกใจ
“จุลลา”
จุลลาค่อยๆ ลุกนั่ง ถอดหมวกกันน็อกออก
“คุณเองเหรอ”
“เป็นอะไรมากมั้ย”
“ไม่” จุลลาลุกขึ้น
“ผมช่วย”
“ไม่ต้อง” จุลลาลุกขึ้นเอง
“โกรธอะไรผม คราวนี้คุณเป็นคนขับรถตัดหน้าผมนะ คุณเป็นคนผิด ผมต่างหากที่ควรจะโกรธคุณ”
“โกรธตัวเอง ขอโทษด้วยแล้วกันที่ตัดหน้า ไม่อยากเจอ กลับยิ่งเจอ” จุลลาบ่นเบาๆ
“คุณจะไปไหน. หรือว่ามาหาผม”
“เปล่า ถอยไป ฉันรีบ” จุลลาก้าวเดิน แต่เจ็บหัวเข่า “อุ๊ย”
จุลลาและสืบสายก้มลงมองที่หัวเข่า หัวเข่าถลอกจนกางเกงขาด เห็นเลือดซิบ
“เจ็บใช่มั้ย” สืบสายถามอย่างเป็นห่วง
“ไม่”
“แต่ร้องอุ๊ยนะ แปลกจัง ตอนเจอกันครั้งแรกเราก็เจอกันในสถานการณ์แบบนี้ แต่วันนี้แตกต่างไป ไม่แมนเหมือนวันนั้น” จุลลารีบร้องแบบแมนๆ
“อูยยย เจ็บ”
“ผมว่า คุณต้องดูแลแผลพวกนี้ก่อนนะ ไป ผมพาไป”
“ฉันไม่ไปไหนกับคุณทั้งนั้น” จุลลาเขยกไปที่รถมอเตอร์ไซค์ แต่ปวดหัวเข่ามาก จนทำอะไรก็ไม่ถนัด รถเกือบล้มทับตัวเอง “เฮ้ยๆๆ”
สืบสายรีบเข้าไปช่วยยันมอเตอร์ไซค์เอาไว้ทันที ตำแหน่งใกล้ชิดจุลลามาก สืบสายหันมาถามจุลลาด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
“เชื่อผมสักครั้งได้มั้ย อย่าดื้อ คุณต้องทำแผล ผมจะพาไปโรงพยาบาล”
“แผลแค่นี้ ไม่จำเป็นต้องไปโรงพยาบาล”
“โอเค งั้นไม่ไปโรงพยาบาล”
“แล้วจะพาฉันไปทำแผลที่ไหน”
“ฮวงซุ้ยมั้ง”
“ตลกแระ”
แสบ น้ำหวาน ลูกน้อง เจ๊พุ่ม เจ๊อ้อยเกาะกันเป็นกลุ่มเดินมาที่ฮวงซุ้ย
“เดินดีๆ สิวะ อย่าดัน”
“ใครดันใครกันแน่ไอ้พี่แสบ ผู้ชายควรอยู่ข้างหน้า ไม่ใช่อยู่ข้างหลังแบบนั้น”
“พี่อยู่ข้างหลังซะเมื่อไหร่”
“ก็ตอนนี้ไง”
ทุกคนพูดพร้อมกัน เพราะแสบอยู่ท้ายสุด ลูกน้องอยู่ตรงกลาง ส่วนผู้หญิงอย่างเจ๊อ้อย เจ๊พุ่มและน้ำหวานอยู่หน้าสุด
“แมนมากเลยนะพวกแกน่ะ”
“เดี๋ยวจับทำผัวเสียให้เข็ด”
แสบและลูกน้องรีบมาอยู่ข้างหน้าเลย แสบทำใจกล้า
“ทุกคน เรามาถึงฮวงซุ้ยแล้ว”
“รู้แล้ว”
“พร้อมมั้ย”
“ไม่พร้อม”
“เฮ้ย! มาด้วยกันจนถึงขนาดนี้แล้ว ต้องพร้อมสิ เราถอยไปไม่ได้อีกแล้วเพื่อเจ้านายที่เรารัก และเพื่อองค์กรที่เราผูกพัน”
“โอเค”
ผีเถ้าแก่ปรากฏตัวอย่างแปลกใจ
“พวกมันจะมากันทำไมเยอะแยะวะ”
“ทุกคน หนึ่ง สอง สาม” แสบบอก แล้วทุกคนก็ลงคุกเข่าหน้าฮวงซุ้ย ต่อหน้าผีเถ้าแก่
“เฮ้ย คุกเข่าทำไมกันวะ”
“ทุกคน คำนับหนึ่ง”
ทุกคนคำนับผีเถ้าแก่ ผีเถ้าแก่ยิ่งแปลกใจ
วิมานมะพร้าว ตอนที่ 11 (ต่อ)
จุลลาเดินเข้าบ้านมากับสืบสาย เขยกๆ สืบสายคอยดู ขณะที่คุยมือถือ
“ขอบใจมาก เอามาจอดที่บ้านฉันนี่แหละ แค่นี้นะ” สืบสายวางสายมือถือ “คนงานไปเอารถคุณมาจอดที่นี่แล้วนะ”
“ขอบคุณ”
“ค่ะ” สืบสายพูดต่ดให้
“เฮ้อ ค่ะ นี่ เป็นอะไรมากป่ะ รู้สึกว่าตั้งใจจะแกล้งฉันมากไปแล้วนะ”
“ไม่ได้แกล้ง จริงใจ” จุลลาอึ้ง รู้สึกเขินแปลกๆ รีบเดินหนี กะเผลก ไม่ค่อยไหว แต่ก็ฝืน “ถ้าไม่ไหว ให้ผมช่วยก็ได้นะ”
“โอ๊ย สบาย”
แล้วจุลลาก็เดี้ยง ต้องหยุดเดิน เจ็บแปล๊บตึงที่แผล
“ปากแข็ง รู้มั้ย อากงเคยบอกว่า ผู้หญิงพูดว่าไม่ แสดงว่าใช่”
“เอาแขนมา”
สืบสายยิ้ม ยื่นแขนให้จุลลา จุลลาเกาะแขนสืบสายให้พยุงเพื่อเดิน ป้าเมี่ยงเดินออกมาเห็นจุลลาก็ดีใจ
“นายช่าง มาแล้วเหรอคะ”
“สวัสดีค่ะป้า รบกวนหน่อยนะคะ”
“สำหรับนายช่าง ป้าไม่เคยคิดว่าเป็นการรบกวนเลยค่ะ แต่คนอื่นสิคะ”
ป้าเมี่ยงปรายตาไปทางในบ้าน สืบสายและจุลลาแปลกใจ เดือนพิไลออกมาจากในบ้าน สืบสาย จุลลาอึ้ง ตกใจ เดือนพิไลเห็นสืบสายมากับจุลลาก็ไม่พอใจ ชักสีหน้าทันที
“ที่คุณหลบหน้ามูน ไม่รับสายมูน เพราะแอบนัดกับจุลลามาที่บ้านเองเหรอคะ”
“ไม่ใช่ครับ”
“หรือว่ามันมาหาคุณเอง หน้าด้าน” เดือนพิไลหันมาใส่จุลลาทันที
“หยุดนะ คุณมูน! อย่าพูดแบบนี้กับจุลลา” สืบสายบอกเสียงเข้ม เดือนพิไลอึ้ง
“คุณเข้าใจผิด ฉันประสบอุบัติเหตุระหว่างทางที่จะไปธุระ คุณสืบสายเลยอนุเคราะห์พาฉันมาทำแผลที่นี่” จุลลาบอก เดือนพิไลอึ้ง มองแผลจุลลา
“จริงเหรอคะคุณสืบ”
“จริง” เดือนพิไลพลิกลิ้นแก้ตัวทันที
“ตายจริง มูนนี่แย่จริงๆ เอาแต่ใจ ไม่ฟังเหตุผลของทุกคนก่อน ขอโทษนะคะ”
“ครับ”
“ขอโทษนะจุลลา”
“ไม่เป็นไรค่ะ”
“ป้าเมี่ยงครับ พาจุลลาไปทำแผลเถอะ ผมเองก็ต้องไปธุระเหมือนกัน” สืบสายมองจุลลาด้วยสายตาอ่อนโยนมาก เดือนพิไลแอบเห็น ไม่พอใจ “จุลลา”
“ว่า”
“อย่าขี่รถเร็ว รีบแค่ไหนก็ต้องไม่ประมาท คิดถึงคนข้างหลังอีกหลายๆ คนที่รอคุณกลับบ้านด้วย” จุลลา
อึ้ง อ่อนไหว
“อืม”
“พูดใหม่”
“ค่ะ”
สืบสายยิ้มพราย เดินออกไป เดือนพิไลเหมือนจะอกแตก
“ไปค่ะ นายช่าง”
ป้าเมี่ยงบอก จุลลาไม่สนใจเดือนพิไลที่มองมาเหมือนจะกินเลือดกินเนื้อ ตามป้าเมี่ยงไปเดือนพิไลรีบตามสืบสายไป
“เดี๋ยวก่อนสิคะคุณสืบ รอมูนก่อน”
สืบสายเดินมา เดือนพิไลตามมาควงแขน
“อย่าโกรธมูนนะคะ ก็มูนไม่รู้ คนไม่รู้ไม่ผิดนะคะ”
“ครับ”
“คุณโกรธ”
“ผมไม่ได้โกรธ แต่ตอนนี้ผมต้องรีบไปทำงาน ไว้เราค่อยคุยกัน”
“เมื่อไหร่ล่ะคะ เย็นนี้ได้มั้ย มูนอยาก...”
“ผมไม่รู้ว่าจะเสร็จงานกี่โมง ไว้คุยกันครับ”
สืบสายรีบชิ่งออกไป เดือนพิไลเจ็บใจที่สืบสายไม่ใยดีพาลโกรธจุลลา
“เพราะแก นังจุลลา เพราะแก”
ที่หน้าฮวงซุ้ย แสบยังนำทุกคนคำนับฮวงซุ้ย ผีเถ้าแก่นั่งอาบแดดเพลินอยู่บนเก้าอี้
“คำนับยี่สิบเอ็ด”
ทุกคนก้มคำนับครั้งที่ยี่สิบเอ็ด เสร็จแล้ว โวยเลย
“โอ๊ย”
“จะคำนับไปอีกนานมั้ยพี่แสบ”
“จนกว่าผีเจ้าสัวจะออกมา”
ทุกคนตกใจ กระเถิบเข้าหากัน
“ก็ออกมาแล้วนี่ไง พวกลื้ออยากเจออั๊วทำไม”
“ถ้าผีเจ้าสัวไม่ออกมารับรู้คำขอร้องอ้อนวอนของพวกเรา พวกเราก็จะไม่ไปไหน”
“ไม่จริง” ทุกคนพูดพร้อมกัน
“โอ๊ย เป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันหน่อยสิตอนนี้ความสามัคคีเท่านั้นที่จะทำให้เราผ่านพ้นเรื่องร้ายๆ ไปได้”
“เราฝากข้อความเสียงไว้ตอนนี้ไว้ไม่ได้เหรอพี่แสบ น้ำหวานว่าเถ้าแก่ต้องได้ยินอยู่แล้ว ไม่ต้องรอเจอตัวหรอกนะ”
“จริง เจ๊เห็นด้วย เจ๊ต้องรีบกลับ” เจ๊อ้อยบอก
“รีบกลับแล้วจะตามมาทำไมวะ”
“สาระแนคืองานอดิเรกว้อย”
“หรือไม่พวกเราก็กลับก่อน ให้พี่แสบอยู่รอเจอผีเจ้าสัวคนเดียว”
“เห็นด้วยที่สุด ไป พวกเรากลับ”
“แล้วเจอกัน เฮ้ย มาด้วยกัน ก็กลับด้วยกันสิ”
“เฮ้ย ตกลงจะอ้อนวอนขอร้องอะไรอั๊ววะ ชักช้า เสียเวลา หงุดหงิด”
จบคำผีเถ้าแก่ ลูกมะพร้าวหล่นตุ้บตั้บลงมากลางวงและรอบๆ ทุกคนเหวอ ร้องลั่น
“ว้ากส์”
“ผีเจ้าสัวแน่ๆ เลยพี่แสบ เร็วๆ เข้า รีบพูดเร็วๆ” น้ำหวานเร่ง แสบละล่ำละลัก
“เจ้าสัวครับ ด้วยความเคารพอย่างที่สุด ไหนๆ ก็หลอกพวกเราแล้ว ช่วยไปหลอกไอ้ส่งเดชให้มันกระเจิด
กระเจิงออกไปจากที่นี่ด้วยเถอะครับ เพราะพวกเราเกลียดมันมาก เราไม่อยากเห็นคนชั่วลอยนวลครับ”
“พี่แสบ จบยัง”
“อีกนิดคร้าบ แล้วก็ เอ่อ จบแล้วดีกว่าคร้าบบบ”
“เดี๋ยว เอ่อ งวดนี้ออกอะไรคะ”
“โอ๊ย”
“ไม่ใช่เวลาใช่มั้ย ขอโทษเจ้าสัวด้วยค่ะ”
ลูกมะพร้าวหล่นลงมาอีกตุ้บๆๆ
“ทุกคนคำนับสวัสดี”
ทุกคนคำนับลาโดยพร้อมเพรียงกัน แล้ววิ่งออกไปกันทันที ร้องเสียงลั่นสวนมะพร้าว
“คำร้องขอน่าสนใจยิ่งนัก อั๊วจะรับไว้พิจารณา”
มุมหนึ่งบ้านสืบสาย จุลลาทำแผลที่หัวเข่าเรียบร้อย ลุกขึ้นไหว้ป้าเมี่ยง
“ขอบคุณนะคะป้าเมี่ยง หนูไปแล้วนะคะ สวัสดีค่ะ”
“รีบมากเลยเหรอคะ ทานอะไรมาหรือยังคะ”
“ไม่เป็นไรค่ะ”
คุณนายเง็กเดินเข้ามาเห็นจุลลาก็ดีใจ เข้ามาร้องทัก ป้าเมี่ยงออกไป
“อาหนูช่าง”
“ท่านรอง สวัสดีค่ะ”
“อาหนูช่าง ฉันคิดถึงหนูจริงๆ เลยนะ ตายแล้ว ไปโดนอะไรมา”
“เอ่อ คืออุบัติเหตุนิดหน่อยค่ะ ทำแผลเสร็จแล้วค่ะ”
“ดีแล้ว ที่ไม่เป็นอะไรมาก นี่หนูยังขี่มอเตอร์ไซค์หรือเปล่า”
“ค่ะ”
“ไอ้หยา อันตรายนะ ใช้รถประจำตำแหน่งเอามั้ย”
“หือ รถประจำตำแหน่ง ท่านรองหมายความว่ายังไงคะ”
“ก็ถ้าหนูกลับมาทำงาน ฉันจะให้รถเอาไว้ใช้”
“โอ๊ะ ไม่ดีกว่าค่ะ”
“ไม่น่ะไม่อะไร”
“ไม่กลับค่ะ ท่านประธานเกลียดหนูเหมือนเกลียดขะ เอ่อ ไส้เดือนกิ้งกือ”
“ช่างหัวท่านประธานสิ ถ้าหนูรับปากฉันว่าจะกลับ ฉันจะปกป้องหนูเอง อาหนูช่าง ไม่มีหนู ฉันรู้สึกอ้างว้างบอกไม่ถูกเลย ไม่มีคนเก่งๆ ช่วยงานอาตี๋ ที่สำคัญหนูเป็นคนเดียวที่สื่อสารกับผีเตี่ยได้ รู้มั้ยตอนนี้พวกคนงานเห็นผีอาเตี่ยเดินไปเดินมาในโรงงานทุกวัน ควบสองกะทั้งกะเช้า กะดึกเลย”
“แกคงอยากเดินออกกำลังกายมั้งคะ”
“ผีที่ไหนออกกำลังกาย มีแต่ผีที่มีห่วงเท่านั้นที่ทำอย่างนี้ อาหนูช่าง หนูเจอผีเตี่ยอีกบ้างมั้ย ฉันไม่รู้จะทำยังไงแล้ว อีก็ยังไม่ไปไหน แถมยังมีเรื่องผัวกับลูกชายมาขัดใจกันอีก ฉันเก็กซิม”
คุณนายเง็กลงไปทรุด ทุกข์ใจ
“เอ่อ ท่านรองคะ ใจเย็นๆ ค่ะ”
“ฉันเย็นจนร้อน ร้อนแล้วก็มาเย็น ร้อนๆ เย็นๆ จนอยู่ไม่เป็นสุข หนูเอากลับไปคิดดูใหม่นะว่ากลับมาทำงานที่นี่อีกได้มั้ย”
“หนูขอไม่รับปากได้มั้ยคะ เอาเป็นว่าหนูจะกลับมาเมื่อชาติต้องการ”
“ก็ยังดี แต่เอ๊ะ นี่หนูมาแถวนี้ทำไม มีธุระอะไรกับใครที่โรงงานเหรอ”
“คือ หนูคิดถึงเพื่อนๆ น่ะค่ะ จะมาเยี่ยม”
“อ้อ”
จุลลายิ้มเจื่อนให้คุณนายเง็ก หนักอกหนักใจเรื่องที่ถูกขอร้อง
แสบ น้ำหวาน ลูกน้อง เจ๊พุ่ม เจ๊อ้อยวิ่งกระเจิดกระเจิงตรงเข้าโรงงานมา ยามจ่อยเห็นแล้วแปลกใจ
“หนีอะไรกันมาครับผม”
“ผีเจ้าสัว”
ทุกคนวิ่งเข้าไปในโรงงาน
“แล้วจะอยู่ตะเบ๊ะผีเจ้าสัวหรือไงครับผม รอด้วย”
ยามจ่อยวิ่งตกใจตามชาวคณะไป จุลลาขี่มอเตอร์ไซค์ผ่านหน้าโรงงาน ชะลอหยุด มองเข้าไป เห็นยามจ่อยวิ่งตามชาวคณะตกใจร้องโหวกเหวกเข้าไปข้างใน จุลลาถอนใจ...
จุลลามาหาผีเถ้าแก่ที่ฮวงซุ้ย
“อั๊วก็อยู่ของอั๊วปกติ ไปเดินตรวจโรงงานตามปกติ แล้วเมื่อกี้ก็แค่สอยมะพร้าวบริหารนิ้วเป็นปกติ พวกอีขวัญอ่อนกันเอง” ผีเถ้าแก่เถียงจุลลา
“แถวบ้านเรียกแถ”
“เป็นห่วงคนงานมากนัก ลื้อก็กลับมาอยู่เป็นขวัญและกำลังใจพวกอีสิ”
“มาอีกคนแระ เมื่อกี้ท่านรองก็พุดแบบนี้ อยากรู้ว่าทำไมเถ้าแก่ยังอยู่”
“แล้วทำไมลื้อไม่บอกอีไปว่าอั๊วเป็นห่วงกลัวโรงงานจะเจ๊งเพราะน้ำมือไอ้ตง และตอนนี้ก็ห่วงว่าไอ้ส่งเดชมันจะมาเป็นตัวเร่งปฏิกิริยาทำให้เจ๊งเร็วขึ้น”
“ขืนบอกท่านรอง มันก็ต้องถึงหูท่านประธาน แล้วท่านประธานเหรอจะเชื่อน้ำหน้าหนู ไม่มีใครสื่อสารกับเถ้าแก่ได้ ท่านประธานก็จะคิดว่าหนูเป็นคนพูดเอง เจ๊งเหมือนกัน”
“เพราะอย่างนี้ไง อั๊วถึงได้ต้องการให้ลื้อช่วย ให้ไอ้ตงมันเชื่อว่าเป็นคำพูดที่ออกมาจากปากอั๊ว ด้วยวิธีของอั๊ว”
“วิธีอะไร” ผีเถ้าแก่กระซิบกับจุลลา จุลลาตาเบิกโพลง ตกใจ “ไม่มีทาง หนูทำไม่ได้”
ทรงเดชออกมาจากห้องทำงาน มองหาน้ำหวาน ไม่เห็น คนงานเดินผ่านมา
“เฮ้ย! เห็นเลขาฉันมั้ย”
“เห็นเข้าไปกับพวกช่างในห้องครับ”
“อะไรนะ”
ทรงเดชไม่พอใจ
ในห้องแผนกซ่อมบำรุง ลูกน้องแสบ เจ๊พุ่มและเจ๊อ้อยกระจุกตัวอยู่ด้วยกัน ส่วนน้ำหวานอยู่ในอ้อมแขนของแสบโดยที่ไม่รู้ตัว
“น้องๆ ออกไปเช็คดูซิว่าผีเจ้าสัวตามมาหรือเปล่า” แสบบอก
“พี่เป็นคนต้นคิด พี่ก็ออกไปเองสิครับ”
“ไม่ได้ เพราะพี่กำลังปกป้องน้ำหวานอยู่”
น้ำหวานอึ้ง มองสภาพรอบตัว เห็นแสบกำลังโอบกอดแบบระแวดระวังภัยให้เธอ น้ำหวานเงยหน้ามองแสบ แสบก้มลงมองน้ำหวาน ทั้งคู่เกิดความหวั่นไหว ซาบซึ้ง แสบเองที่ตัดสินใจทำลายความหวามไหวนั้นขึ้นมาก่อน
“แต่ถ้าน้ำหวานอึดอัด พี่แสบออกไปดูเองก็ได้”
น้ำหวานผลักแสบออกไปเลย
“รีบๆ ไปดูเลย”
“ว้าย เค้าพูดเล่น” แสบม้วนตัวไปผลักเจ๊อ้อย กระเด็นไปที่ประตู “อีเจ๊ แกนั่นแหละออกไป กลับร้านแกไปเลย”
“ว้าย”
เจ๊อ้อยไปถึงประตูปั๊บ ประตูถูกเปิดเข้ามาปุ๊บ เจ๊อ้อยและทุกคนตกใจ ร้องลั่น
“ว้ากส์ / อ๊ายยย”
ทรงเดชเป็นคนเปิดประตูเข้ามา
“มามั่วสุมทำอะไรกัน งานการไม่ทำ” ทุกคนอึ้ง ชะงัก “ฉันจะรายงานท่านประธาน”
ทุกคนตกใจ หน้าซีด
“เอ่อ เจ๊ไม่เกี่ยวค่ะ ขอตัว”
เจ๊อ้อยรีบม้วนตัวออกไป ทรงเดชมองทุกคนอย่างเอาเรื่อง
จุลลาขี่รถมาจอดหน้าบ้าน ถอดหมวกกันน็อกออกแล้วถอนใจ
“เถ้าแก่นะเถ้าแก่ ให้ทำแต่ละอย่าง เฮ้อ”
ผีเถ้าแก่โผล่หน้าเข้ามา
“อั๊วรู้ว่าลื้อทำได้”
“ว้าย” จุลลาตกใจ
“อุ๊ตะ อุทานหญิ้งหญิง”
“ก็หนูเป็นผู้หญิง ติดรถมาด้วยตั้งแต่เมื่อไหร่”
“ก็มากับลื้อตั้งแต่แรกแล้ว”
“หนูบอกแล้วว่าหนูไม่ทำ หนูไม่มีทางทำได้ อย่ามาง้อ”
“งั้นอั๊วงอน”
“ไม่สนใจ”
จุลลาขี่รถเข้าไปในบ้านทันที ระหว่างที่เข้าประตูบ้าน จู่ๆ ผีเถ้าแก่ก็กระเด้งออกจากมอเตอร์ไซค์
“เฮ้ย”
จุลลาเดินเข้าบ้าน มองซ้ายมองขวา ไม่เห็นผีเถ้าแก่
“หรือจะงอนจริง ช่างสิ” จุลลาหันมาจะเข้าบ้าน เห็นครรชิตยืนยิ้มอยู่ “คุณเลขา”
“สวัสดีครับ คุณจุลลา”
จุลลามองเข้าไปในร้าน หายใจไม่ทั่วท้อง เมื่อคิดว่า สืบสายต้องอยู่ที่นี่แน่ๆ
หน้าประตูร้านสบายท้อง ผีเถ้าแก่พยายามจะเข้าบ้านให้ได้ แต่ก็เด้งออกมาทุกครั้ง
“อะไรเนี่ย ทำไมอั๊วเข้าไปไม่ได้ มันเกิดอะไรขึ้น อาเจ้าที่”
ผีเถ้าแก่ยืนหัวเสีย หงุดหงิด
ในร้านสบายท้อง สืบสายนั่งคุยกับผู้จัดการฝ่ายขาย จำรัส ดารา ป้าลำยอง ลีลา มะขวิดทำงานของตัวเองไป ลอบมองสืบสายไปเป็นระยะๆ
“แจ้งให้ลูกค้าทราบว่าเรากำลังปรับปรุงระบบ ออร์เดอร์ที่เพิ่มจากปกติให้ชะลอไว้ก่อน แล้วขอเจรจาต่อรองยืดเวลาส่งสินค้าเพิ่มจากเดิมสิบห้าวัน จนกว่าผมจะมีเงินสั่งเครื่องจักรล็อตใหม่มาแทนล็อตนี้”
“ไม่น่ามีปัญหาครับ โดยปกติลูกค้าเองก็มีสต็อกไว้จำนวนหนึ่ง ไม่น่าจะทำให้มีปัญหาเรื่องการขายของลูกค้า”
“จำไว้ ว่าเรื่องนี้รู้แค่ผมกับคุณ แม้แต่ป๊าก็รู้ไม่ได้”
“ครับ”
“คุณไปได้แล้ว”
ฝ่ายขายลุกออกไป สวนกับจุลลาที่เดินเข้ามากับครรชิต
“สวัสดีครับ นายช่าง” ฝ่ายขายทักจุลลา
“ค่ะ”
จุลลามองตามฝ่ายขาย แปลกใจ จุลลาเห็นสืบสายส่งยิ้มหล่อมาให้ก็ถอนใจ
“เสร็จธุระกับเพื่อนๆ แล้วเหรอจุลลา”
“อืม ไหนว่ารีบไปทำงาน ทำไมมาโผล่ที่นี่”
“บอสมาทำงานที่นี่ครับ” ครรชิตตอบแทน
“คุณเมื่อกี้ ผู้จัดการฝ่ายขายนี่”
“ทำงานนอกสถานที่เปลี่ยนบรรยากาศ แล้วก็อยากมากินข้าวฝีมือคุณพ่อคุณสักทีหนึ่ง พลาดมาหลายครั้งแล้ว”
“มีแผนอะไรเปล่าเนี่ย”
“ไม่มี กินข้าวคือกินข้าว”
จุลลาไม่แน่ใจ แต่สืบสายยิ้มพรายเพราะต้องการใกล้ชิดจุลลา อยากรู้ว่าจุลลาคิดอะไรกับตัวเองกันแน่
ครรชิตและชาวคณะในร้านพากันยิ้มๆ ยกเว้นจำรัส ขัดจังหวะทันที
“อะแฮ่ม สั่งแต่น้ำเปล่ามาก็ตั้งนานแล้ว จะสั่งอาหารรับประทานก็สั่งเลยครับ อย่ามัวแต่เอิงเอย ไอ้จูนรับออร์เดอร์ด้วย ข้าจะเข้าครัวแระ”
“ให้ลีลามารับดิ่พ่อ”
“โอ๊ย ไม่ว่างค่ะ ต้องรับออร์เดอร์โต๊ะสอง” ลีลาหันไปที่โต๊ะสอง ทั้งที่เค้าไม่ได้คิดจะสั่ง
“มะขวิด”
“โอ๊ย ลูกค้าโต๊ะหนึ่ง ต้องการน้ำแข็งเพิ่มครับ” มะขวิดไปตักน้ำแข็ง
“ว้ายตายแล้ว เคี่ยวน้ำซุปไว้ ป่านนี้คงหวานนำต้มกระดูกแล้วค่ะ” ป้าลำยองเลี่ยงเข้าครัว
“จะเรียกแม่เหรอ ใช้แม่ บาปนะ” สืบสายขัดอย่างรู้ทัน
“ถูกค่ะบอส แม่ขอนั่งคิดเงินเบาๆ นะคะลูกจูน แม่เกิดมาเพื่อสิ่งนี้”
ดาราไปนั่งเคาน์เตอร์คิดเงิน จุลลาจำใจ ยืนรับออร์เดอร์ สืบสายดูเมนูยิ้มๆ
“เอ้า สั่งเร็วๆ”
“แนะนำหน่อยสิ”
สืบสายจ้องหน้าจุลลา จุลลาสะอึกเลยเมื่อเจอสายตาของสืบสาย ในขณะที่ครรชิตและทุกคนมองมาวี้ดวิ้ว
หน้าประตูร้านสบายท้อง ผีเถ้าแก่ตัดสินใจวิ่งผ่านประตูอีกรอบแต่ก็เด้งออกมาอีก ผีเถ้าแก่หมดแรง หอบ
“เว้ย! อั๊วโมโหแล้วนะ ทำไมไม่ให้อั๊วเข้าไปข้างในวะอาเจ้าที่”
เจ้าที่ปรากฏตัว อย่างเข้ม
“เจ้าสัวต้องสัญญาก่อน ว่าจะไม่เข้าไปหลอกคนในบ้านผม ไม่งั้นไม่ให้เข้า”
“วะ”
“ผมต้องทำตามหน้าที่หลังจากที่กากี่นั้งกับเจ้าสัว จนทำให้หละหลวมในหน้าที่”
ผีเถ้าแก่อึ้ง เมื่อเจอเจ้าที่เอาจริง ซีเรียส
เจ้าที่ยืนรอฟังคำตอบจากผีเถ้าแก่
“ลื้ออย่าใจร้ายกับอั๊วเลย ให้อั๊วเข้าไปเถอะน่า”
“ผมไม่ได้อยากใจร้าย แต่เบื้องบนติผมมา ว่ากำลังสปอยเจ้าสัวให้กลายเป็นผีเอาแต่ใจและไม่ปล่อยวาง” ผี
เถ้าแก่อึ้ง “เจ้าสัวตายไปแล้ว ก็ควรจะอยู่แต่ในที่ชอบๆ ไม่ใช่มาจุ้นจ้านคอยจัดการให้คนทำโน่นทำนี่”
“คนที่ลื้อหมายถึงคือลูกหลานของอั๊ว อั๊วจะไม่อยู่เฉยๆ นั่งมองดูพวกอีย่อยยับ”
“แต่เจ้าสัวใช้วิธีเจ้าเล่ห์บีบบังคับใจเขาก็เหมือนฝืนลิขิตฟ้าชะตาสวรรค์” ผีเถ้าแก่อึ้ง “ผมจะไม่ขวางเลยนะ ถ้าจุลลาทำทุกอย่างด้วยความเต็มใจ จะสนับสนุนช่วยเหลือเต็มที่ด้วย”
เถ้าแก่อึ้ง เหมือนถูกต่อยอย่างแรง คอตก
“อั๊วเข้าใจลื้อนะ ขอบใจที่เตือนสติ และเคยช่วยเหลืออั๊ว”
แล้วผีเถ้าแก่ก็เซื่องคอตกค่อยๆ หายไป เจ้าที่หนักใจ เห็นใจ
“ขอโทษนะเจ้าสัว แต่ความจริงมักโหดร้ายอย่างนี้เสมอ”
จุลลายืนรอออร์เดอร์จากสืบสาย เริ่มหงุดหงิด เพราะสืบสายพลิกเมนูไปมา ไม่สั่งสักที
“แกล้งกันป่ะเนี่ย”
“แกล้งอะไร”
“รอนานแล้วนะ”
“ก็คุณไม่แนะนำ ผมก็ไม่รู้ว่าจะกินอะไรดี”
“อร่อยทุกอย่าง”
“ไม่จริง อาหารจะไม่มีทางอร่อย ถ้า...”
“ถ้าอะไร”
“ถ้า...” สืบสายมองหน้าจุลลาด้วยสายตาอ่อนโยน
“ถ้าอะไร” ครรชิตโผล่หน้าเข้ามา
“ถ้าไม่ได้กินไปแล้วมองหน้าคุณจุลลาไปครับผม”
“ครรชิต”
“อุ๊ตะ! สาระแนอีกแล้ว แย่จังเลย”
ครรชิตรีบแวบออกไป จุลลาหันไปคว้าเมนูเก็บ
“ฉันว่าคุณมองหน้าผิดคนแล้วล่ะ ลีลา”
“ขา คุณจูน”
“หนังสือดาราที่พี่ลำยองอ่านเมื่อวานอยู่ไหน”
ลีลาและทุกคนแปลกใจ จุลลาเรียกหาหนังสือทำไม
ลีลายื่นหนังสือดาราให้จุลลางงๆ มะขวิดมาสังเกตสถานการณ์ใกล้ๆ ดาราคอยฟัง จุลลาคว้าหนังสือมา เปิดๆๆ จนถึงหน้าหนึ่งปล้วเอาลงกางตรงหน้าสืบสาย
“อ่ะ! ดูหน้าคนนี้ดีกว่า” สืบสายมองหนังสือที่กางอยู่ เห็นรูปเดือนพิไลคู่กับสืบสายเต็มๆ ตอนให้สัมภาษณ์ว่าคบกัน สืบสายอึ้ง “แฟนคุณน่ะ จำได้มั้ย”
จุลลาจะออกไป สืบสายคว้ามือเอาไว้
“เดี๋ยวก่อนจุลลา”
“ไม่ปล่อยมีต่อยแน่ โดยไม่ต้องเกรงใจ เพราะตอนนี้คุณไม่ใช่เจ้านายฉัน”
ทุกคนครางฮือ มองมาเป็นตาเดียว สืบสายเข้าประชิด
“งั้นต่อยเลย” จุลลาอึ้ง ถอย
“อยากถูกต่อยนักหรือไง “
“ไม่ได้อยากถูกต่อย แต่อยากรู้ว่าเธอ คิดยังไงกับฉันกันแน่”
จุลลาอึ้ง เริ่มอายสายตาของคนทั้งร้าน ดารา ลีลา มะขวิด ครรชิต รวมกลุ่มกันลุ้น จำรัสและป้าลำยองเข้ามาสมทบลุ้นด้วย
“เกลียดจนอยากต่อยหน้า หรือว่าปากกับใจไม่ตรงกัน”
“สำคัญตรงไหน ว่าฉันจะรู้สึกยังไง ถ้าคุณยังเซ้าซี้ พูดเลย แม้แต่ความเป็นเพื่อนก็จะไม่เหลือปล่อย”
“ไม่ปล่อย”
“อย่าท้า”
“จะท้า”
“ฉันทำจริงนะ”
“ก็เอาสิ”
“อาจจะถึงตาย”
“ไม่แคร์”
“ไอ้คุณหยวก ฉันบอกว่าอย่าท้า”
“ยิ่งเรียกฉันแบบนี้ ฉันยิ่งไม่ปล่อยมือเธอ”
“โอ๊ย ตกลงจะเอาไง”
ทุกคนในร้านบอกออกมาพร้อมกัน สืบสายและจุลลาชะงัก ตกใจ หันไปมองเห็นทุกคนกำลังมองดูอย่างลุ้น
“จะต่อยหรือจะแต่งก็เร็วๆ เถอะค่ะ ลูกจูน”
“กับผู้ชายที่มีแฟนอยู่แล้วเป็นตัวเป็นตนแต่กล้ามาเจ๊าะแจ๊ะผู้หญิงอื่นลับหลังแบบนี้ มีอยู่ทางเลือกเดียวค่ะแม่คือ....ตาย”
จุลลาผลักสืบสายออกไป เงื้อมือต่อย ปล่อยหมัด ครรชิตรีบพูดบอกสืบสายแข่งกับความเร็วหมัดของจุลลา
“รีบบอกความจริงไปเถอะครับบอส”
สืบสายรับหมัดของจุลลาเอาไว้ในกำมือ ในขณะที่ทุกคนตกใจ อ้าปากค้างอยู่
“ฉันไม่ได้รักคุณมูน” จุลลาช็อค ทุกคนก็ช็อค อึ้ง ตะลึงตึ่งตึงกันไปทั้งร้าน “ฉันอยู่ในสถานการณ์ที่จำเป็นต้องออกตัวว่าคบกับคุณมูน แต่ฉันไม่ได้รักเค้า”
ชาวคณะยิ้มออกมา
“จริงๆ นะครับคุณจุลลา บอสไม่ได้รักคุณมูนแม้แต่นิดเดียว แต่เพราะไม่อยากให้คุณมูนเสียหายเลยต้องทำ” ครรชิตช่วยยืนยันอีกคน
“เชื่อฉันนะจุลลา ฉันพูดความจริง และฉันไม่ได้เป็นผู้ชายเลวร้ายอย่างที่เธอคิด”
“ลำยองเชื่อบอสค่ะ”
ลีลา มะขวิดยกมือ
“เชื่อด้วย”
“อีกคน พ่อล่ะ” ดาราหันไปถามจำรัส
“ไม่รู้ ยังตอบไม่ได้ ไอ้จูนว่าไง”
“เชื่อแล้วไงไม่เชื่อแล้วไง ยังไงก็ไม่เกี่ยวกับจูนอยู่ดี”
จุลลาดีใจ แต่เขิน อาย อยู่ต่อไม่ได้ เลี่ยงเลย
“ทำไมจะไม่เกี่ยว เดี๋ยวก่อนจุลลา” สืบสายจะตาม จำรัสเข้าไปขวาง
“เดี๋ยวก่อนบอส”
“ครับ”
“นั่งลงก่อน ใจเย็นๆ”
สืบสายและทุกคนแปลกใจ จำรัสมองหน้าสืบสายเอาเรื่อง เข้มมาก จนทำให้สืบสายเหงื่อตก
จุลลาเดินมาหยุดที่หน้าศาลพระภูมิ ทำตัวไม่ถูกกับข้อมูลใหม่
“จะรักใครชอบใครเป็นแฟนกับใคร ไม่ใช่เรื่องของฉันสักหน่อย เนอะ ท่านเจ้าที่เนอะ”
เจ้าที่ปรากฏตัวข้างหลังจุลลา
“ใครบอกไม่ใช่”
จุลลาหันขวับ เพราะได้ยินเสียง
“ก็พูดอยู่นี่ไง” จุลลาอึ้ง เพราะมองไม่เห็นใคร “เมื่อกี้เสียงใคร” จุลลาแปลกใจ มองไปรอบๆ อย่างสงสัย
“เสียงเด็ก เด็กที่ไหน”
จำรัสยังนั่งจ้องหน้าสืบสายที่นั่งนิ่ง คนอื่นๆ นั่งอยู่รอบนอก รอลุ้น
“ที่นี่เป็นไงบอส น่าอยู่มั้ย”
“ครับ”
“ผมกับแม่ไอ้จูนช่วยกันก่อร่างสร้างตัว ทำรังหนูเล็กๆ ที่นี่ให้เป็นทั้งบ้านและที่ทำมาหากิน เป็นที่ๆ เลี้ยง
ไอ้จูนลูกสาวคนเดียวของเรามาจนโตอย่างมีคุณภาพ บอกเลยว่าไม่ง่าย”
“ครับ”
ป้าลำยองเม้าท์กับดารา ลีลา มะขวิดและครรชิต
“คุณจำรัสแกจะทำอะไรกันแน่คะ”
“อยู่ๆ ก็มาเล่าประวัติชีวิตต้องสู้ เพื่อคะ”
“หรือแกจะขอรถเข็นขายกับข้าวจากบอส”
“เงียบครับ” ครรชิตดุ ทุกคนเงียบ
“พ่อเค้ากำลังทำหน้าที่พ่ออยู่ ฟังต่อนะ พ่อกำลังหล่อเลย” ดาราบอก
“ฮื้อ”
ดาราจิกทุกคนให้เงียบฟังต่อไป
“เมื่อบอสเข้าใจว่ามันยาก ก็อย่ามามักง่ายกับลูกสาวผม” จำรัสบอกสืบสายเสียงเข้ม
“ผมให้เกียรติจุลลา ผมไม่เคยคิดมักง่าย”
“ผมไม่เชื่อ”
“ผมต้องทำยังไงครับ คุณพ่อถึงจะเชื่อ”
“ยังไม่ให้เรียกพ่อ”
“ครับ คุณพ่อ”
“ดื้อด้านเหมือนไอ้จูนไม่มีผิด! ฟังนะ ต่อไปนี้ไม่ต้องมาที่นี่อีก จนกว่าจะไปเคลียร์กับแฟนดาราของคุณให้จบอย่างเป็นทางการ”
จำรัสตบโต๊ะปัง! จนสืบสายและทุกคนตกใจ คณะของดาราเม้าท์มอยทันที อย่างดุเด็ดเผ็ดร้อน
“ทำหน้าที่พ่อหวงลูกสาวอยู่ชิมิคะคุณดารา”
“ก็ทำนองนั้น”
“เป็นพ่อหรือเป็นงูคะ ขู่ฟอดๆๆ”
“ใช่ ดูบอสดิ่ กลัวตัวสั่นแล้วอ่ะ”
“เชื่อดิ่ ว่าสั่นสู้ อยากได้ลูกเสือ ก็ต้องเข้าถ้ำเสือ”
“แปลว่า บอสชอบลูกจูนจริงๆ ใช่มั้ยคะ คุณเลขา”
“อู๊ย ขนาดนี้แล้ว ถึงไม่พูดออกมา แต่มันใช่นะครับคุณแม่”
“จริง”
ป้าลำยอง ลีลา มะขวิดบอกพร้อมกัน จำรัสรำคาญเสียงเม้าท์เต็มทน หันไปตวาดลั่น
“โอ๊ย เสียสมาธิ” ทุกคนสะดุ้ง เงียบ จำรัสลุกขึ้นหันหลัง ยิ้มเข้ม “แล้วก็ผมอยากรู้ว่าบอสคิดยังไงกับไอ้จูน ตอบมาแมนๆ” จำรัสหันไป สืบสายหายไปแล้ว “อ้าว หายไปไหนแล้ววะ”
“พ่อพูดจบปุ๊บ ก็หายออกไปปั๊บค่ะ”
“ก็คุณจำรัสเล่นบทพ่อซะโหด ใครจะกล้าอยู่ตอบล่ะคะ”
“เฮ้ย! ได้ไง ไปตามมันกลับมา อย่าแหย่ให้อยากแล้วจากไปแบบนี้ มีต่อยนะ ไอ้คุณเลขา”
“ต่อยบอสใช่มั้ยครับ ผมจะรีบไปตามให้ครับ” ครรชิตวิ่งออกไป
“ตามไปให้กำลังใจกันเถอะค่ะ นานๆ จะมีผู้ชายหลุดมาชอบคุณจูนสักคน อยากให้ได้อยากให้โดนค่ะ”
“เห็นด้วย”
ดารานำชาวคณะออกไป เหลือจำรัสยืนเคว้งอยู่คนเดียวก่อนจะตามไป
วิมานมะพร้าว ตอนที่ 11 (ต่อ)
เดือนพิไลเดินคุยมือถือ จะเข้าร้านสบายท้อง โวยวายใส่ทรงเดช
“ถ้าคิดว่าตัวเองกำลังเป็นใหญ่เป็นโตจริง ทำไมกะอีแค่ให้ช่วยตามหาคุณสืบว่าอยู่ที่ไหน ก็ทำไม่ได้”
“แล้วทำไมผู้ช่วยท่านประธานอย่างผมต้องลงไปทำเรื่องกระจอกๆ แบบนั้นให้คุณ”
“เพราะคุณต้องทำอะไรตอบแทนฉันบ้าง หลังจากที่ฉันช่วยคุณไม่รู้กี่ครั้งแล้ว คำว่าบุญคุณน่ะ สะกดเป็นมั้ย”
“ระหว่างเรา ไม่มีคำว่าบุญคุณ นอกจากคำว่า ผลประโยชน์ตอบแทนที่สมเหตุสมผล”
“งั้นก็ทำมาซะทีสิเพราะตอนนี้ฉันต้องการมัน อย่าคิดเพียงแค่จะหลอกใช้ฉันไปวันๆ เหมือนที่ผ่านมา เพราะฉันจะไม่ทนและคุณเดือดร้อนแน่” เดือนพิไลกดวางสาย หงุดหงิด “คุณสืบอาจจะมาหายัยนั่นที่นี่ ถ้าจริง ฉันเหวี่ยงแน่”
“อย่ามาขู่ เพราะฉันก็จะไม่ทนเหมือนกัน” ทรงเดชบอกอย่างฉุนๆ ก่อนจะเดินเข้าห้องเสี่ยตง
จุลลาเดินมานั่งอย่างเซ็ง เจ้าที่ตามมา
“หูแว่วแหง”
“ไม่ต้องเห็นกันหรอก แค่ให้รู้ว่าอยู่ใกล้ๆ ก็พอ” เจ้าที่บอก
“ก็อย่าใกล้มากแล้วกัน ขนลุก เฮ้ย” จุลลาอึ้ง เหวอ ลุกขึ้น มองไปรอบๆ ไม่มีใคร ชักกลัว จะเดินหนีไปจากตรงนั้น แต่แล้วก็ชนเข้ากับสืบสายอย่างจัง
“จุลลา”
“เฮ้ย” จุลลาตกใจเห็นเป็นสืบสาย อึ้ง ผละออก สืบสายดึงตัวจุลลาเข้ามา
“อย่าเพิ่งไป จุลลา”
“มีอะไร แต๊ะอั๋งฉันอีกแล้วนะ ปล่อย”
“ฟัง”
สืบสายบอกเสียงเข้ม จุลลาอึ้ง ขณะเดียวกัน ดารา ป้าลำยอง ลีลา มะขวิด ครรชิตก็ออกมาเห็น ทุกคนชะงัก จำรัสตามมารั้งท้าย ชะงักไปด้วย ภาพที่ทุกคนเห็นสืบสายและจุลลาตระกองกอดกัน เดือนพิไลเดินเข้ามาเห็นสืบสายและจุลลา ก็ชะงัก โกรธมาก
“ฉันมีบางอย่างที่ต้องบอกให้เธอรู้ ฉันอยากให้เธอได้ยินมันเป็นคนแรก”
“ถ้าไม่ปล่อย ไม่ฟัง”
“ไม่ได้”
“ทำไมจะไม่ได้”
“ฉันอยากเห็นหน้าเธอใกล้ๆ เวลาที่ฉันบอกเธอว่า...”
เดือนพิไลทนไม่ไหว ขัดจังหวะทันที
“อ๊ายยย” ทุกคนตกใจ แตกฮือ จุลลารีบผละออกจากสืบสายทันที “คุณสืบ ทำอย่างนี้ได้ยังไงคะ คุณกำลังนอกใจฉัน ฉันไม่ยอม ไม่ยอม” เดือนพิไลอาละวาด
“หยุด คุณมูน” สืบสายอายเพราะลูกค้าในร้านมองมา
“มูนไม่หยุด คุณทำร้ายจิตใจมูน ทำให้มูนอับอายเพราะถูกสวมเขา รู้ไปถึงไหนอายไปถึงนั่น แกนังจุลลา รู้ทั้งรู้ว่าคุณสืบเป็นแฟนฉัน ยังหน้าด้านมาเป็นมือที่สาม”
“อุย!ยาว” ทุกคนบอกออกมาพร้อมกัน
“นี่! พากลับไปเคลียร์กันเองไป อย่าเอาฉันไปเกี่ยว เพราะฉันไม่เคยเกี่ยว” จุลลาบอกอย่างไม่พอใจ
“ไม่กลับ! ฉันจะยืนด่าแกอยู่ตรงนี้แหละ นังผู้หญิงหน้าไม่อาย”
“ถ้าคุณไม่กลับ ผมกลับ” สืบสายบอก
“เชิญคุณกลับไปเลย” จุลลาเดินเข้าไปในร้าน ชาวคณะมองตาม แปลกใจ จุลลาจะทำอะไร “มูนเองก็ไม่อยากเห็นหน้าคุณเหมือนกัน คนใจร้าย คนใจดำ ทำกันได้ลงคอ มูนไม่ใช่ผู้หญิงกะโหลกกะลานะคะมูนมีหน้ามีตา มีศักดิ์ศรี มีชื่อเสียงในสังคม คุณทำให้มูนอายคนทั้งประเทศ บอกมูนมา มันอ่อยคุณใช่มั้ย คุณไม่ได้ตั้งใจ แล้วมูนจะให้อภัยคุณ”
“เราควรจะไปคุยกันเป็นการส่วนตัว”
“บอส! ถ้าคุณไม่รีบพาผู้หญิงคนนี้ออกไป ผมจะเอาน้ำ...” จำรัสพูดไม่ทันขาดคำก็มีน้ำถูกสาดใส่เดือนพิไลโครม ทุกคนอึ้ง “ยังพูดไม่จบเลยอ่ะ มาได้ไงวะ”
จุลลายืนถือถังน้ำอยู่
“ไม่ต้องพูดอะไรแล้วพ่อ ให้เค้าสองคนไปพูดกันเอง แล้วไม่ต้องเอาฉันไปเกี่ยว ไม่งั้นคราวหน้าเจอน้ำร้อนแน่”
“อ๊ายยย”
สืบสายระอาและสมเพชเดือนพิไลมาก เดินออกไปเลย
“บอสครับ รอด้วย”
“คุณสืบ จะหนีฉันไปไหน” เดือนพิไลหันมาเอาเรื่องจุลลา “แก”
จำรัส ดารา ป้าลำยอง ลีลา มะขวิด ตบท้ายด้วยเจ้าที่เข้าขวางเดือนพิไล เตรียมเอาเรื่อง เดือนพิไลชะงัก โกรธมาก มองจุลลาด้วยความแค้น จุลลาสู้สายตา ไม่หลบ เดือนพิไลตัดสินใจหลบเอง ออกไป ทุกคนโล่งอก นึกสมเพชเดือนพิไล
สืบสายเดินมาอย่างหงุดหงิด ครรชิตตามมาติดๆ มาที่รถ
“จะไปไหนต่อครับบอส”
“กลับบ้าน”
“แล้วเรื่องคุณเดือนพิไลล่ะครับ บอส”
สืบสายชะงัก ตัดสินใจรอเดือนพิไล เดือนพิไลเดินเข้ามาหาสืบสาย
“คุณเห็นมั้ยคะว่ามันทำอะไรมูน ต่ำที่สุด”
“หยุดว่าคนอื่น แล้วดูตัวเองก่อนดีกว่ามั้ยครับคุณมูน” เดือนพิไลตกใจ อึ้ง
“คุณกำลังว่ามูน”
“และผมก็มีเรื่องที่ต้องคุยกับคุณอีกเยอะ”
“งั้นก็คุยมาเลย ที่นี่แหละ มูนก็อยากจะรู้เหมือนกันว่าคุณจะทำร้ายอะไรมูนอีก”
“ผมขอโทษ ที่คงต้องยุติความสัมพันธ์ของเราไว้แค่นี้” เดือนพิไลช็อก
“คุณสืบ มันทำให้คุณตัดสินใจแบบนี้ใช่มั้ย เพราะมันใช่มั้ย อ๊า...” เดือนพิไลจะกรี๊ด ครรชิตรีบขัด
“ฟังบอสให้จบก่อนแล้วค่อยกรี๊ดครับ จะได้ไม่ต้องกรี๊ดหลายที เพราะคงมีอีกหลายดอก”
“อย่าโทษว่าเป็นความผิดของใคร มันเป็นความผิดของผมเอง ผมไม่ได้รักคุณ และไม่ควรบอกกับสื่อว่าคบกับคุณตั้งแต่แรก ถ้าคุณจะโกรธ ผมก็เข้าใจ แต่อย่าโกรธจุลลา เค้าไม่รู้เรื่อง และไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ ทั้งหมดเป็นความผิดของผม ที่ไม่รู้ใจตัวเองตั้งแต่แรก โชคดีครับ”
สืบสายขึ้นรถไป
“กรี๊ดได้แล้วครับ” ครรชิตบอก
“อ๊าย”
ครรชิตรีบขึ้นรถไปทันที ปล่อยเดือนพิไลทิ้งไว้ รถของสืบสายเคลื่อนตัวออกไป เดือนพิไลยังคงกรี๊ดด้วยความแค้น
“โชคดีกะผีอะไร ถูกทิ้ง กินแห้วเนี่ยเหรอโชคดี ฉันจะทำให้พวกแกโชคร้าย คอยดู”
สืบสายนั่งซึมในรถ รู้สึกเสียใจกับเรื่องที่เกิดขึ้นเหมือนกัน
“ครรชิต”
“ครับบอส”
“ฉันใจดำหรือเปล่าที่ทำร้ายคุณมูน”
“รักษาหัวใจตัวเองบ้างเถอะครับบอส ที่ผ่านมา บอสทำเพื่อคนอื่น แต่ไม่เคยทำเพื่อตัวเอง อย่าเรียกว่า
ใจดำเลยครับ ต้องเรียกว่าถึงเวลาแล้วมากกว่า ที่ทุกคนต้อง ยอมรับความจริง”
“ขอบใจ ที่คอยเป็นกระจกสะท้อนให้ฉันมาตลอดนะครรชิต”
“เพราะผมรักบอสครับ”
ครรชิตขับรถต่อไป รู้สึกดีที่สืบสายชม
“แล้วอีกคนที่เป็นกระจกสะท้อนให้ฉันมาตลอดเหมือนกัน เค้าจะรักฉันด้วยหรือเปล่า”
สืบสายพึมพำออกมา
จุลลานั่งเซ็งอยู่ จำรัสและดาราเข้ามาหา
“ไอ้จูน”
“ไม่คุยนะพ่อ กำลังทำใจให้สงบอยู่”
“แล้วสงบหรือยัง”
“ยังเลยแม่”
“งั้นลุกขึ้น” จุลลาลุก
“มองหน้าพ่อ” จุลลามองหน้าจำรัส “ไม่ต้องไปคิดมาก”
“พ่อ! อ่ะ คุยก็คุย จูนไม่ใช่พระ สักวันจูนอาจจะตบะแตกทำมากกว่าเอาน้ำ ไปสาดยัยนั่น ถ้าเค้ายังไม่เลิกยุ่งกับจูน ทำไมนะ ไอ้หยวกนั่นชอบเอาเรื่องไม่เป็นเรื่องมาให้จูนทุกทีเลย”
“ไอ้หยวกนี่ คือบอสเหรอคะลูกจูน”
“ใช่ค่ะ”
“ตายแล้ว ทำไมเรียกคนที่เรารักอย่างนี้ล่ะคะ”
“ทั้งรักทั้งเกลียดเลย”
“อุ๊ย...เค้าเรียกว่ารักแท้ค่ะ เพราะแม่ก็รู้สึกอย่างนี้กับพ่อเหมือนกัน”
“แล้วรักมั้ย” จุลลานิ่ง จำรัสถามต่อ “อยากเจอหน้าเค้ามั้ย” จุลลายังคงนิ่ง “เดือดร้อนใจเวลาที่เค้ามีเรื่องเดือดร้อนมั้ย” จุลลายังคงนิ่ง “บอสแกก็รู้สึกไม่ต่างจากแกหรอก ไอ้จูน”
“ไม่จริง เค้าไม่เห็นจะพูด”
“ต้องพูดด้วยเหรอคะลูก ถึงจะรู้ใจกัน เท่าที่ตาเห็นหูได้ยินเนี่ย ยังไม่ขัดเจนพออีกเหรอคะ”
จุลลาอึ้ง จริงๆ ก็เห็น แต่ยังถือดี
“เพราะทิฐิของเอ็ง ว่าแต่คนอื่นว่ามีทิฐิจนกลายเป็นอคติ แล้วตัวเองล่ะ เชื่อกระจกอย่างพ่อและแม่บ้างเถอะวะไอ้จูน” จุลลาอึ้ง “ถึงในใจจะไม่อยากให้เอ็งมีแฟน แต่พ่อก็ทนเห็นเอ็งพลุ่งพล่านงุ่นง่านเหมือนถูกผีเข้าเพราะความรักที่ยังไม่ลงตัวทั้งที่ใจตรงกันไม่ได้”
“ลูกจูน คิดใหม่ ตั้งสติดีๆ นะลูก ว่าลูกจูนเห็นเหมือนที่พ่อกับแม่เห็นหรือเปล่า ว่าบอสกำลังทำดีที่สุดแล้วในฐานะสุภาพบุรุษคนหนึ่ง”
จุลลาอึ้ง คิด
“จากนั้น เอ็งก็คิดเอาเอง ว่าจะคิดหรือวางตัวยังไงต่อไป แต่ระหว่างที่คิด ไปซื้อของแทนพ่อที ของหมดกระทันหัน ลำยองกับมะขวิดมันรออยู่ พ่อปวดหลังว่ะ”
“ได้พ่อ”
จุลลารับใบจดสั่งของจากจำรัส แล้วเดินออกไป จำรัสและดารามองตามอย่างเป็นห่วง
“เหมือนจะโต แต่ก็ยังไม่โต”
“มันไม่มีวันโตในสายตาเราหรอกแม่”
จำรัสและดารายิ้มให้กันอย่างเข้าใจกัน อยากให้ลูกสาวมีความสุข
รถกระบะจอดอยู่ จุลลาเดินมากับป้าลำยอง มะขวิด แต่เหม่อ เดินเลยประตูคนขับ ขึ้นไปนั่งท้ายกระบะ ใจลอยคิดมากเรื่องสืบสาย ป้าลำยอง มะขวิดมองตามงงๆ
“คุณจูนคะ ไปนั่งข้างหลังทำไมคะ คุณจูนต้องขับรถ”
“ตรงนั้นน่ะที่ผม”
“เออจริง ขอโทษ”
จุลลารีบลงไปประจำที่ ป้าลำยองขึ้นตามไป มะขวิดขึ้นนั่งหลัง รถเคลื่อนตัวไป เดือนพิไลนั่งอยู่ในรถ ที่จอดแอบอยู่ เคลื่อนตัวตามรถของจุลลาไปอย่างมีแผน
มุมหนึ่งออฟฟิศปาล์มโปรดักส์ ผีเถ้าแก่ลอยตัวเองเข้ามาเรื่อยๆ ใบหน้าฝืนยิ้ม
“คนที่ยิ้มแทนที่จะโกรธ คือคนที่เข้มแข็งกว่าเสมอ อั๊วเจตนาดี แต่วิธีอาจจะผิด อั๊วผิดด้วยเหรอวะ”
ผีเถ้าแก่ลอยเข้ามา พยายามเข้มแข็ง
“ผู้ที่มีอุดมการณ์อันยิ่งใหญ่ จักไม่ยุติกลางคัน แต่อาเจ้าที่อีก็พูดถูก ถ้าให้อาหนูช่างอีทำโดยไม่สมัครใจ
ก็เหมือนไปฝืนลิขิตฟ้าชะตาสวรรค์ ไอ้หยา อั๊วเก๊กซิม”
ผีเถ้าแก่ลอยผ่านพนักงานเม้าท์กัน หยุดฟัง
“พวกนั้นจะถูกท่านประธานว่าไงบ้างก็ไม่รู้”
“ไม่รู้สิ ตอนนี้คุณทรงเดชพูดอะไร ท่านประธานก็เชื่อหมด เผลอๆ อาจจะถูกไล่ออก เหมือนที่คุณจุลลาโดนก็ได้”
“เหมือนจะหาเรื่องถอนรากถอนโคนทุกคนที่อยู่ฝ่ายคุณจุลลา”
“เกลียดขี้หน้ามันมากเลยรู้ป่ะ ทำงานเหอะ”
ผีเถ้าแก่ โกรธมาก
ในห้องทำงานเสี่ยตง ทรงเดชกำลังฟ้องเสี่ยตง
“ผมไม่ยอมให้คนพวกนี้กินเงินเดือนของป๊าแต่ล่ะเดือนไปเปล่าๆ ทั้งที่ไม่ได้ทำประโยชน์อะไรเลยวันๆ เอาแต่สร้างเรื่องมโนว่าผีหลอก ไร้สาระ”
“พวกเราไม่ได้มโน ผีมีจริง” แสบบอก
“ไหนล่ะ ไหน ฉันได้ยินแต่เสียงลือ เสียงเม้าท์ แต่ก็ไม่เคยเห็น ป๊า ผมไม่ไหวแล้วนะ งี่เง่า เหลวไหล”
“อย่าท้า ผีเตี่ยอั๊ว มีจริง” ทรงเดชอึ้ง พลิกลิ้นทันที
“ผมก็ไม่ได้ว่าว่าไม่มี แต่ผมไม่เคยเห็นก็แค่นั้น อีกอย่าง กลัวก็ส่วนกลัว แต่ไม่ควรทำให้เสียงาน”
“โดนผีหลอก ไม่มีใครมีสติทำงานได้หรอกค่ะ” น้ำหวานบอก
“จริงค่ะ /จริงครับ” ทุกคนบอกพร้อมกันรวมทั้งเสี่ยตง เสียตงรู้สึกตัวรีบแก้ตัว
“เอ้ย ก็ อั๊วเข้าใจความรู้สึกของพวกนี้ดี เฮ้อ อาเตี่ย ลื้อนี้เป็นผีที่ โอ๊ย...ไม่อยากจะพูด เดี๋ยวจะบาปซะเปล่าๆ แต่เมื่อไหร่อีจะไปเกิดสักทีว้า ทำพวกอั๊วเดือดร้อนอยู่เรื่อย”
เสี่ยตงกลุ้มใจ ทรงเดชหาทางรุกต่อ จะเอาพวกแสบออกจากงานให้ได้
ผีเถ้าแก่สั่งสอนพนักงานด้วยความฉุน ไปเรื่อยๆ ตามมุมต่างๆ
“วันนี้อั๊วยังมีเวลา แต่วันหน้าอาจจะสูญสลายไปไม่มีโอกาสได้พร่ำสอนใครอีก ฟังอั๊ว” ผีเถ้าแก่เริ่มกล่าวโอวาท คำสอนลอยไปตามอากาศ พาดผ่านตัวพนักงาน ไปตามมุมต่างๆ “อยากได้สิ่งใดก็จงปลูกสิ่งนั้น ปลูกความซื่อสัตย์
ได้รับความไว้วางใจ ปลูกความอ่อนน้อมถ่อมตน ได้รับการยอมรับ ปลูกความพากเพียร ได้รับความสำเร็จ ปลูกความพิจารณา ได้รับความละเอียดลออ ปลูกการทำงานหนัก ได้รับผลลัพธ์อันยิ่งใหญ่ ปลูกการให้อภัย ได้รับการคืนดี ปลูกความดี ได้รับความสุข”
ผีเถ้าแก่ลอยผ่านป้ายคำสอนที่ผีเถ้าแก่พูดมาทั้งหมดข้างต้น ซึ่งติดอยู่บนฝาผนัง
ผีเถ้าแก่ลอยมาที่หน้าห้องทำงานเสี่ยตง ชี้ไปที่ประตูห้องทำงานเสี่ยตง
“และถ้าอั๊วปลูกมะพร้าว ก็เพราะอั๊วอยากได้มะพร้าว ไม่ได้อยากได้มะเหงกอย่างไอ้ตง” คุณนายเง็กเดินเข้ามาหยุดที่หน้าห้องเสี่ยตงพอดี “มะพร้าวที่อั๊วปลูก มันก็ตัดซะเหี้ยน ตอนนี้มันกำลังจะถูกไอ้ส่งเดชกล่อมให้ตัดคนดีๆ ออกไปจากชีวิตอาตี๋อีกเป็นขโยง อาเง็กจัดการเลย เตี่ยสั่งลุย”
คุณนายเง็กยืนจ้องประตู เตรียมเอาเรื่อง โดยมีผีเถ้าแก่อยู่เป็นแบ็คกราวด์
เสี่ยตงเครียด และหน่ายใจ ไม่อยากเสียเวลากับเรื่องเล็กน้อย
“ลื้อจะเอาไงก็เอาเถอะ อั๊วไม่อยากเสียเวลา มีงานต้องทำ”
“ไล่ออกเลยครับ”
“ไล่ออก” ทุกคนตกใจ
“พวกช่างแสบเคยถูกภาคทัณฑ์ ทำผิดซ้ำสองก็ต้องให้ออก ส่วนคนอื่น...”
น้ำหวานทนไม่ไหว แว้ดเลย
“ก็ลองถูกผีหลอกดูบ้างมั้ยล่ะคะ ถ้าคุณไม่กลัวอย่างที่พวกเรากลัว จะยอมให้ไล่ออกเลย”
“อาจจะกลัวจนฉี่รดกางเกง น้ำลายฟูมปาก ขี้ขึ้นมาอยู่บนหัว อาการหนักกว่าพวกเราก็ได้”
“ก็เอาสิ ไหนล่ะ ผีท่านเจ้าสัว แน่จริง ขอเชิญออกมาหน่อยสิครับ มาตอนนี้เลย”
“อาทรงเดช อั๊วเตือนลื้อแล้วนะ ว่าอย่าท้าทายผีเตี่ยอั๊ว”
“ผมไม่ได้ท้า ผมเชิญมาดีๆ”
ทุกคนจับตัวเข้าหากัน กลัวผีเถ้าแก่ออกมาปรากฏตัว คุณนายเง็กเปิดประตูเข้ามา ทุกคนตกใจสะดุ้งโหยง ยกเว้นทรงเดช
“ว้าก /ว้าย”
“พูดถึงผี ผีก็มา”
“ผีที่ไหน อั๊วเอง” ทุกคนมองเห็นคุณนายเง็กก็โล่งใจ “ใครหน้าไหนจะไล่คนของอั๊วออก”
ทุกคนรวมเสี่ยตงชี้ไปที่ทรงเดช เจ๊พุ่มรีบมากระซิบกับคุณนายเง็ก
“แถมยังท้าให้ผีเจ้าสัวออกมาพบด้วยนะคะ”
“ไอ้หยา ลื้อกล้ามากเลยนะอาทรงเดช”
“ผมต้องกล้าทำในสิ่งที่ถูกต้อง ตามกฎระเบียบ ถ้าเอาแต่อะลุ้มอล่วยเพราะเห็นแก่ความเป็นคนเก่าแก่
หรือคนกันเอง แล้วเมื่อไหร่ระบบมันจะแข็งแรง อีกไม่นาน เราต้องโกอินเตอร์ ถ้ามัวแต่กากี่นั๊งแบบนี้ ไม่ได้โกแน่ครับ”
“อั๊วเห็นด้วย”
“แต่อั๊วไม่เห็น วันนี้เป็นไงเป็นกัน ฟังนะ เฮียตง อั๊วยอมให้ลื้อลดบทบาทของอาตี๋ได้เพราะหลักการลื้อเข้าท่า
อั๊วยอมไม่หือไม่อือ เรื่องลื้อไล่อาหนูช่างออก เพราะทุกอย่างมันบีบให้ต้องเป็นอย่างนั้น แต่วันนี้อั๊วจะไม่ยอมให้ลื้อล้มล้างการปกครองแบบครอบครัวของอาเตี่ยเด็ดขาด”
“อาเง็ก ลื้อกำลังฉีกหน้าอั๊ว”
“และจะฉีกให้เละไปทั้งตัว ถ้าลื้อเชื่อคนอื่นมากกว่าเมีย”
ทุกคนลุ้น เมื่อเห็นเสี่ยตงเผชิญหน้าคุณนายเง็ก ว่าจะหัวหรือก้อย
แสบ น้ำหวาน หยิก เข่ง ถัด เจ๊พุ่ม เดินคอตกออกมานอกห้องทำงานเสี่ยตง ก่อนจะเฮออกมาอย่างดีใจ
“เฮ”
“เพราะบารมีของท่านรองแท้ๆ เราถึงยังไม่ถูกไล่ออก”
“เป็นเมียแล้วมันดีอย่างนี้นี่เอง”
“เฮ้ย น้ำหวาน”
“พูดผิดตรงไหนอ่ะ เตี่ยน้ำหวานดุๆ บางทีก็ต้องยอมหม่าม้า ท่านประธานก็เป็นเหมือนกัน สุดท้ายก็ต้องยอมท่านรอง”
“ก็พูดซะจนคิดว่าอยากจะไปเป็นเมียใครงั้นแหละ”
“คนเดียวที่น้ำหวานจะยอมเป็นเมีย...” ทุกคนรอฟัง โดยเฉพาะแสบ “คือคนที่น้ำหวานรักเท่านั้น ถ้าไม่รัก ยังไงก็ไม่ยอม เคลียร์ป่ะ”
น้ำหวานพูดลอยๆ แต่จงใจให้เข้าหูแสบ แล้วก็เดินออกไป ทุกคนหันมองแสบ
“พูดลอยๆ”
“แต่ลอยมาทางพี่แสบ”
“ซึ่งยังไงชาตินี้ก็ไม่มีสิทธิ์”
“โว้ย เจ๊พุ่ม จะให้หัวใจพองโตสักวิสองวิไม่ได้ เกิดมาเพื่อดับฝันคนอื่นจริงๆ รู้แล้วน่าว่าอยู่อย่างคนไม่มีสิทธิ์
เจ็บ มาก”
“รู้สึกว่าเจ็บ แสดงว่ายังเป็นคนมีหัวใจไม่เหมือนไอ้คุณส่งเดชนะครับผม อยากจะให้มันได้ทำความรู้จักกับผีท่านเจ้าสัวอย่างเป็นทางการจริงๆ พับผ่าเถอะ”
“ใช่”
ทรงเดชยังอยู่ในห้องทำงานเสี่ยตง
“ผม ผิดหวังจริงๆ นะครับ ที่ป๊าตัดสินใจไม่ไล่พวกนั้นออก” ทรงเดชบอก เสี่ยตงกุมขมับโดยมีคุณนายเง็กอยู่ด้วย
“เรื่องของลื้อสิ”
“หม่าม้าครับ”
“เรียกท่านรอง อย่าปีนเกลียว อั๊วไม่ชอบ”
“ท่านรองครับ”
“อั๊วไม่คุย ตัดสินใจแล้ว ตัดสินใจเลย ไม่คืนคำ ถ้าลื้อไม่พอใจ ก็บอกท่านประธานให้ไล่อั๊วออกอีกคนสิ”
“เอาเถอะๆ ให้เรื่องนี้มันจบได้แล้ว มันไม่ใช่เรื่องใหญ่ ให้พวกนั้นอยู่ก็ไม่ได้ทำให้เราเสียหายอะไรหยวนๆ น่า
อาทรงเดช”
“ลื้อออกไปได้แล้วไป อั๊วจะคุยเรื่องส่วนตัวกับท่านประธาน!”
“ครับ”
ทรงเดชแอบไม่พอใจ แต่ก็ต้องออกไป
ทรงเดชออกมาจากห้องทำงานเสี่ยตงอย่างเจ็บใจ ฉุนขาด
“โธ่เว้ย มารผจญจริงๆ” ทรงเดชรู้สึกเหมือนมีใครมองอยู่ข้างๆ หันไป แต่ไม่มีใคร “หึ...ผีเจ้าสัวเหรอ ออกมาให้เห็นจริงๆ เหอะ จะไล่ตะเพิดให้กลับฮวงซุ้ยไม่ถูกเลย”
ทรงเดชเดินกร่างออกไป ผีเถ้าแก่ลอยตามหลังทรงเดชมาด้วยความไม่พอใจ
ที่ตลาดสด จุลลาเดินมาตามทางเดินกับป้าลำยอง ในมือถือของสด ของแห้งมาแล้วบ้าง เดินมาหยุดที่แผงผัก
“ป้า จัดของให้พ่อหนูหน่อย ตามนี้นะ พรุ่งนี้มาเอา”
“จ้า” แม่ค้ารับใบสั่งของมาจากจุลลา ทันใดนั้น เดือนพิไลก็ปราดเข้ามา กระชากไหล่จุลลาให้หันหน้ามา แล้วเดือนพิไลก็ถ่ายรูปหน้าจุลลาด้วยมือถือของตัวเอง
“เฮ้ย! คุณทำอะไรน่ะ”
จุลลา ป้าลำยองและมะขวิดตกใจและประหลาดใจมาก ว่าเดือนพิไลจะมาไม้ไหน
ทรงเดชเดินมา ผีเถ้าแก่ลอยตามหลังมาด้วย ใกล้มากขึ้น ใกล้มากขึ้น ทรงเดชชะงัก ผีเถ้าแก่ก็หยุด เหลียวซ้ายแลขวา รู้สึกแปลกๆ
“ทำไม รู้สึก หนาวขึ้นมาวะ”
ทรงเดชมองไปรอบๆ เห็นคนงานทำงานกันร้อนเชียว ทรงเดชแปลกใจ ก้าวเดินต่อ ผีเถ้าแก่ใช้นิ้ววาดเป็นวงกลมรอบตัวทรงเดช แล้วจู่ๆ ข้าวของที่อยู่ใกล้ๆ ทรงเดชก็พุ่งเข้าหาทรงเดชทีละอย่าง ทรงเดชตกใจมาก
“เฮ้ย! อะไรเนี่ย เฮ้ย! ช่วยด้วย”
ทรงเดชพยายามร้องขอความช่วยเหลือ คนงานทุกคนทำงานตามปกติ ไม่มีใครได้ยินทรงเดช
“ไม่มีใครได้ยินลื้อ” ผีเถ้าแก่บอก
ทรงเดชพยายามจะหนีไปจากพายุของถล่มใส่ แต่ก็ไปไม่ได้ จะวิ่งก็ถูกของพุ่งใส่ กระแทกจนบาดเจ็บ หมุนวนไปรอบๆ กลายเป็นโล่กำบังไม่ให้ออกไป
จุลลาเดินเข้ามาเอาเรื่องเดือนพิไล
“คุณนี่มัน เหมือนปลิงนะ เกาะไม่ยอมปล่อย ถ่ายรูปฉันทำไม”
“เพราะฉันต้องการเอาหน้าเธอไปประจานให้ชาวโลกได้เห็นว่านี่คือต้นเหตุที่ทำให้ชาวบ้านเค้าต้องเลิกกัน”
จุลลาอึ้ง แต่ป้าลำยองและมะขวิดดีใจ
“เยส”
“พวกแกมันจ้องจะรองาบแย่งคุณสืบไปจากฉันอยู่ก่อนแล้วสินะ ฟังนะคะ ผู้หญิงคนนี้แย่งแฟนฉัน” เดือนพิไลประจานเลย แม่ค้าพ่อค้าแถวนั้นต่างมามุงดู จ๋อมที่มาจ่ายตลาด เดินมาเห็น แทรกตัวเข้ามา
“เฮ้ย! จริงเหรอ ไอ้จูน! เอ็งแย่งแฟนดาราเหรอวะ” แม่ค้าตกใจ
“ฉันไม่ได้แย่งแฟนใคร ฉันอยู่ของฉันดีๆ”
“แต่ผู้ชายเค้าไม่ได้ชอบดาราคนนี้เลยนะป้า แต่นางเกาะติดไม่ยอมปล่อย บีบน้ำตาสร้างเรื่อง ผู้ชายเค้าแมนไง
กลัวนางจะเสื่อมเสีย เลยต้องออกรับว่าเป็นแฟน”
“แต่สุดท้าย ความจริงก็เข้าข้างคนดี ผู้ชายเค้าฝืนใจตัวเองไม่ไหว ทนนิสัยนางไม่ได้ สงสัยถูกบอกเลิก เลยมาเหวี่ยงใส่คุณจูน”
“อ้าว น้อง ตกลงก็หลอกลวงประชาชนสิเนี่ย”
“ใช่! นี่ เลิกเป็นดาราเถอะ มาเปิดแผงขายสะตอข้างๆ แผงผัก ป้านี่มา”
จ๋อมเข้ามาแจม
“กะเอาไว้แล้วเชียว ว่ามันต้องไม่ใช่อย่างที่เป็นข่าว” จ๋อมประจานต่อ “ยัยดาราคนนี้ตัวจริงนิสัยแย่มาก เคยด่าฉันด้วยไม่แปลกใจหรอกถ้าผู้ชายจะทิ้ง ผู้หญิงสวยแต่รูปจูบไม่หอมแบบนี้ ใครจะเอา”
“พวกแก หมาหมู่”
“เฮ้ย หมาไม่เกี่ยว นี่มันเรื่องของคน หมามันยังทำตัวน่ารักกว่าคุณอีกนะ” จุลลาบอก
“แกว่าหมาดีกว่าฉันเหรอ”
“ใช่”
“ไม่ไหวจะแอ๊บแล้วนะ อ๊าย”
เดือนพิไลปราดจะเข้าไปเอาเรื่องจุลลา จ๋อมหยิบมือถือกดถ่ายคลิปทันที จุลลาชี้หน้าเดือนพิไลแล้วบอกเสียงเข้ม
“หยุด” เดือนพิไลอึ้ง “บอกแล้วนะ ว่าถ้ายังไม่เลิกอาละวาดวี้ดวิ้วน่ารำคาญ ไม่เจอแค่น้ำธรรมดาสาดไล่”
“ก็เอาสิ เอาเลย สาดมาเลย จะน้ำอะไรก็เอาเลย แล้วฉันจะเอาตัวเองนี่แหละเป็นหลักฐานว่าถูกแกทำร้าย”
จ๋อมยังคงถ่ายคลิปต่อไป
“นับหนึ่ง...” จุลลาเริ่มนับ
“จะนับสิบ ฉันก็ไม่หยุด เอาสิ แน่จริง เอาสิๆๆ”
“โว้ย”
กลายเป็นป้าลำยองที่ทนรำราญไม่ไหว ป้าลำยองคว้าถังน้ำปลาร้าราดใส่เดือนพิไลเลยทันที
“ลำยองเองค่ะ!นี่แน่ะ จัดไป น้ำปลาร้า แซ่บอีหลี”
“อี๋”
“อ๊าย! ปลาร้า”
เดือนพิไลถูกน้ำปลาร้าสาดเต้นเร่าๆ ทุกคนยืนมองอย่างสมเพช แล้วค่อยๆ ถอยห่าง จุลลา ป้าลำยองและมะขวิดรีบออกไป เดือนพิไลเห็นจ๋อมถ่ายคลิปอยู่ตลอดเวลา
“อย่าถ่ายนะ อย่า”
“ไม่ถ่ายก็ได้ แต่รู้อะไรป่ะ คลิปนี้ต้องแชร์”
จ๋อมเดินออกไป สะใจมาก เดือนพิไลมองตาม เจ็บใจ ร้อนรน เอาไงดี เอาไงดี
อ่านต่อเวลา 17.00น.
ทรงเดชยังตกอยู่ในห้วงของพายุสิ่งของ น้ำหวานเดินมา
“น้ำหวาน”
“ไม่มีใครมองเห็นลื้อ”
น้ำหวานเดินผ่านทรงเดชไป แสบและลูกน้องเดินตามน้ำหวานมา หยุดอยู่ข้างหน้าทรงเดช แต่ก็มองไม่เห็น
“ไอ้แสบ เฮ้ย พวกแก เห็นฉันมั้ย เฮ้ย”
“เย็นนี้กินอะไรดีอ่ะพี่แสบ”
“ไปส่งน้ำหวานที่ท่ารถสองแถวก่อน ยังกินอะไรไม่ลงจนกว่าน้องจะถึงรถอย่างปลอดภัย”
“ใครจะไปทำอะไรน้องเค้าล่ะพี่”
“ไม่แน่หรอกเว้ย สมัยนี้อยู่ยากขึ้นทุกวัน อะไรก็เกิดขึ้นได้ ไป”
แสบเดินนำลูกน้องไป โดยไม่มีใครเห็นหรือได้ยินทรงเดช
“เฮ้ย เดี๋ยวก่อน เฮ้ย หูหนวก ตาบอดกันหรือไงวะ”
“เหมือนกับที่ลื้อทำกับลูกหลานของอั๊ว ตกอยู่ในสถานการณ์ เดียวกันดูบ้าง ว่ามันอึดอัดและทรมานมากแค่ไหน”
ของทุกอย่างพุ่งไปถมใส่ตัวทรงเดช
“เฮ้ย”
เจ้าที่ปรากฏตัวข้างๆ เถ้าแก่
“ต๊ะเอ๋ เจ้าสัว”
ผีเถ้าแก่ตกใจ เวทมนตร์หลุด
“ไอ้หยา”
ข้าวของทุกอย่างกลับเข้าที่ ทรงเดชนอนสลบเหมือดอยู่บนพื้น คนงานเห็นทรงเดชนอนอยู่ ตกใจ รีบเข้ามาดู
“คุณทรงเดช”
“อาเจ้าที่. จังหวะลื้อนรกมากรู้มั้ย อั๊วกำลังสั่งสอนไอ้คนเลวอยู่”
“แล้วจะรู้มั้ยว่าทำอะไรอยู่ ผมมีเรื่องด่วนจะมาบอก”
ผีเถ้าแก่มองทรงเดช เสียดาย แต่ก็ต้องตัดใจ
“วันนี้เอาแค่เบาๆ ก่อนนะ อาส่งเดช ถ้าลื้อยังไม่สำนึก และออกไปจากโรงงานของอั๊ว รับรอง จัดหนัก! ไป อาเจ้าที่”
ผีเถ้าแก่หายตัวไปกับเจ้าที่ เหลือทรงเดชที่สลบไสลไม่ได้สติ เสี่ยตงและคุณนายนเง็กเข้ามาเห็นก็ตกใจ
“อาทรงเดชอีเป็นอะไรวะ”
“ไม่รู้ครับ จู่ๆ แกก็ล้มลง ไม่ได้สติเลยครับ” คนงานบอก
“อ้าว ไม่ตายเหรอ นึกว่าตาย”
“อาเง็ก” เสี่ยตงปรามคุณนายเง็กแล้วงหันไปสั่งคนงาน “พาอีไปพักในห้องแอร์ก่อน ตรงนี้มันร้อนสงสัยเป็นลม”
“งั้นอั๊วไปก่อนนะ เก็บเรื่องนั้นไปพิจารณาด้วยแล้วกัน”
“เออๆๆ”
เสี่ยตงตามคนงานที่ช่วยกันพยุงทรงเดชไป คุณนายเง็กรีบแยกออกไปข้างนอกทันที
สืบสายเดินเข้ามากับครรชิต
“ครรชิต โทรเช็คผ.อ ฝ่ายบัญชีการเงินซิ กลับบ้านไปหรือยัง ฉันอยากดูงบดุลของเดือนนี้”
“ครับผม”
ครรชิตแยกไปคุยโทรศัพท์ สืบสายยืนรอ คุณนายเง็กเดินมาเห็นสืบสาย ดีใจ รีบเข้าไปหา
“อาตี๋ ลื้อมาพอดี ม้ากำลังคิดถึง”
ครรชิตรีบเข้ามารายงานสืบสาย
“ผ.อ.ยังอยู่ครับ ยังไม่กลับ ให้ไปรอที่ห้องเลยนะครับ”
“ได้”
“ไม่ต้องทำงานแล้ว พอๆ เดี๋ยวเส้นเลือดในสมองแตก ตายพอดี ลื้อต้องพักบ้างนะอาตี๋ ไปกับม้า”
“แต่ผม”
“ไม่ต้องแต่ ที่นี่ใครใหญ่”
“ผีเจ้าสัวครับ” ครรชิตบอก
“ถูก ว้าย อั๊วรักอาเตี่ยนะ แต่ไม่ต้องพูดถึงแกบ่อย ไปอาตี๋ ไปกับม้า เร็ว เดี๋ยวไม่ทัน”
“ไปไหนครับ”
“เดี๋ยวก็รู้ อาครรชิต ตามมาเร็ว ลื้อต้องขับรถ”
“ครับผม”
คุถณนายเง็กลากสืบสายไป สืบสายจำใจไปกับคุณนายเง็ก ครรชิตคุยมือถือที่ค้างไว้อยู่
“กลับบ้านได้เลยครับ บอสเปลี่ยนใจแล้วครับ”
ครรชิตรีบตามสืบสายกับคุณนายเง็กไป
จ๋อมเดินมา ควานหานามบัตรพี่บีในกระเป๋า
“ต้องเอาออกสื่อประจาน นามบัตรเจ๊บี อยู่ไหนนะ โอ๊ย”
เดือนพิไลโผล่เข้ามาแย่งมือถือในมือของจ๋อม
“เอามือถือมานี่”
“ไม่ให้”
“เอามา”
“ไม่ให้”
เดือนพิไลและจ๋อมแย่งมือถือกันไปมา ฟัดกันนัว
จุลลาเหวี่ยงของบนกระบะรถ รู้สึกยังไม่ไว้วางใจ ป้าลำยองและมะขวิดต่างเหม็นปลาร้าที่ติดมือติดจมูกมา จุลลามีเซ้นส์เป็นห่วงจ๋อม
“เดี๋ยวมานะ”
“ไปไหนครับ คุณจูน”
“จะกลับไปตบยัยดาราปลาร้าเดือดเหรอคะ”
“เป็นห่วงน้าจ๋อม จูนมีเซ้นส์แปลกๆ”
จุลลาวิ่งออกไป ป้าลำยองหันไปสั่งมะขวิด
“ไอ้มะขวิดเฝ้าของ ฉันจะไปกับคุณจูน”
ป้าลำยองพุ่งตามจุลลาไปทันที
อีกมุมหนึ่ง ทางเดินหน้าโรงงาน น้ำหวานเดินมา แสบและลูกน้องเดินตามมาห่างๆ น้ำหวานปรายตามองเห็นแสบและลูกน้องก็แอบยิ้ม
คุณนายเง็กดึงตัวสืบสายมา ครรชิตตามมาติดๆ คุณนายเง็กเห็นน้ำหวานเดินอยู่ก็รีบเดินไปหา
“หนูน้ำหวาน”
น้ำหวานชะงัก หันไป แปลกใจ แสบและลูกน้องชะงักด้วย หยุดยืนดู
“ค่ะ ท่านรอง”
“ไป อั๊วไปส่ง”
“คะ”
สืบสายและครรชิตเองก็ประหลาดใจ แสบและลูกน้องขยับเข้าไปใกล้ๆ เพื่อฟังการสนทนาชัดๆ
“อั๊วบอกว่าจะไปส่งหนูที่บ้าน เพราะอั๊วมีเรื่องจะไปคุยกับเตี่ยและม้าของหนูพอดี ไปเร็วๆ”
“อ่อ ค่ะ”
“ไป อาตี๋”
คุณนายเง็กจูงสืบสายมือหนึ่ง จูงน้ำหวานมือหนึ่ง พาเดินไป ครรชิตมองรูปการณ์แล้ว เดาออก ตกใจ
“อุ๊ตะ”
“คุณเลขา มันแปร่งๆ ใช่มั้ย” แสบเข้ามาถามครรชิต
“ไม่แปร่งล่ะครับ ชัดเลยครับ”
“อะไรชัด” หยิกถาม
“ท่านรองกำลังจะ กำลังจะ…”
ทุกคนรอฟังลุ้น
วิมานมะพร้าว ตอนที่ 11 (ต่อ)
ที่ฮวงซุ้ย ผีเถ้าแก่หัวเราะอารมณ์ดี
“บอกเลิกยัยข้าวเหนียวมูนแล้ว ฮ่ะๆๆ เป็นข่าวดีที่สุดในรอบหลายๆ วันที่ผ่านมาของอั๊ว ขอบใจลื้อมาก”
แล้วผีเถ้าแก่ก็นึกขึ้นได้ ว่ายังน้อยใจเจ้าที่ “แต่ มาบอกลื้อทำไม”
“อย่าบอกนะว่างอน”
“ไม่ได้งอน แค่อยากให้ง้อ”
“ก็ที่เอาข่าวมาบอก แปลว่าง้อป่ะ”
“อยากได้หายงอนป่ะ”
“สักทีเหอะ”
“ก็ได้” ผีเถ้าแก่นั่งลงคุยปกติ “อธิบายสถานการณ์เพิ่มเติมอีกหน่อยสิ”
“อาตี๋ของเจ้าสัวรู้ใจตัวเองแล้วและกำลังจะเดินหน้าพิสูจน์ให้จุลลาเห็นว่ารักจริง”
“แล้วอาหนูช่างอีเป็นไง เขิน อายม้วนเป็นเลขแปดเลยป่ะ” เจ้าที่ส่ายหน้า
“หึ”
“อะไรวะ ตกลงอีเป็นผู้หญิงหรือเป็นเหล็กไหลวะ แข็งกระด้าง ไร้ความอ่อนโยนจริงๆ เอ๊ะ ลื้อพูดงี้ เหมือนอาหนูช่างไม่ได้ยินคำว่ารักออกจากปากอาตี๋” เจ้าที่ส่ายหน้า
“หึ”
“ทำไมอีกวะ”
“กำลังจะบอก แต่ถูกขัดจังหวะ”
“ใครขัดจังหวะ”
จุลลา ป้าลำยอง เดินมองหาจ๋อมมาตามทาง ขณะนั้นเดือนพิไลและจ๋อมฉุดกระชากลากถูกแย่งมือถือของจ๋อมโผล่ออกมาข้างหน้าจุลลา
“น้าจ๋อม”
“ยัยปลาร้าเดือด”
“ไปช่วยกันแยกเร็ว”
“คุณจูนจับยัยปลาร้าเดือดนะคะ ลำยองจับคุณจ๋อมเอง”
“ยังจะมาเลือกอีก! ไปเร็ว”
จุลลา ป้าลำยองวิ่งเข้าไปช่วยจ๋อมจากเดือนพิไล เดือนพิไลเห็นจุลลายิ่งฉุน
“อย่ามายุ่ง”
“น้องจูน ออกไป จ๋อมจัดการเอง”
“แต่ว่า”
เดือนพิไลฉวยจังหวะเอามือถือจ๋อมมาได้
“แกไม่มีทางเอาคลิปฉันไปทำอะไรได้หรอก”
“ก็ลองดู”
จ๋อมกระโดดใส่เดือนพิไล แย่งมือถือกันอีก จุลลา ป้าลำยองยืนดู จะช่วยยังไง ไม่มีจังหวะ
“เอาไงดีคะคุณจูน”
“ไม่รู้เหมือนกัน”
มือถือหลุดกระเด็นไปจ่ออยู่ที่คูน้ำ จะตกแหล่ไม่ตกแหล่!
“น้องจูน เก็บเร็ว”
จุลลาพุ่งไปจะเก็บมือถือ มือกำลังจะถึง แต่มือถือตกคูน้ำ ต๋อมมม หายไป
“เฮ้ย”
จ๋อม ป้าลำยอง ตาค้าง ส่วนเดือนพิไลสะใจ ยิ้มเลย
“ฮ่ะๆๆ มือถือแกคงจมน้ำตายไปแล้วล่ะ ในที่สุด โชคดีก็เป็นของฉัน”
เดือนพิไลลุกขึ้นยืน ป้าลำยอง จ๋อม ผละห่างเพราะเหม็นปลาร้า จ๋อมพุ่งไปที่คูน้ำ อาลัยมือถือ
“มือถือฉัน ใช้ยังไม่ถึงสามเดือนเลยอ่ะ”
“หืม...ปลาร้ายังหอมกว่านิสัยของหล่อนอีก”
“ปลาซิวปลาสร้อยอย่างแกฉันไม่เสียเวลาทะเลาะด้วยหรอก” เดือนพิไลเดินไปหาจุลลา “หัวหน้าขบวนอย่างแกต่างหากที่ฉันจะขยี้ให้ยับ ให้อายไปถึงพ่อถึงแม่ถึงต้นตระกูลเลย นังมือที่สามแย่งแฟนชาวบ้าน”
“ก็เอาเลย อยากทำอะไรก็ทำเลย ฉันสงสารคุณสืบสายจริงๆ คงไม่ค่อยได้ใส่บาตรทำบุญ เจ้ากรรมนายเวรอย่างคุณ ถึงได้มาขี่หลังเกาะติดหนึบไม่ปล่อย”
เดือนพิไลโกรธเงื้อมือตบหน้าจุลลา จุลลาจับมือเอาไว้ แล้วบิดด้วยท่าป้องกันตัวยูโด
“โอ๊ย”
“หักแขนมันเลยค่ะคุณจูน”
“เผื่อจ๋อมด้วย”
“โอ๊ย เจ็บ”
“แต่สิ่งที่คุณทำกับคุณสืบสาย กับฉัน กับทุกคนที่เกี่ยวข้อง มันเจ็บกว่าที่คุณกำลังโดน ฟังนะ ถ้ายังทำตัวปลาร้าไม่เลิก ไม่ใช่คุณที่ประจานฉันผ่านสื่อได้ ฉันเองก็ทำได้เหมือนกัน ไป๊”
จุลลาผลักเดือนพิไลกระเด็นออกไป เดือนพิไลมองจุลลาอย่างเจ็บใจ
“จ่ายค่ามือถือฉันมาเลย เดี๋ยวนี้ สองหมื่น”
“ไม่มี”
เดือนพิไลฮึดฮัดออกไป จุลลาโล่งอก ไปดูที่คูน้ำ
“น้าจ๋อม”
“ไม่ได้ จ๋อมไม่ยอม! มันจะลอยนวลโดยไม่ได้ชดใช้ให้จ๋อมไม่ได้”
“น้าจ๋อมจะทำอะไร”
“ลำยอง ล้วง”
“ว้าย”
“รีบเก็บให้จ๋อมที จ๋อมกลัวเล็บเสีย ก่อนที่มันจะสายเกินไป จ๋อมต้องการคลิปในมือถือนั่น เร็วๆ”
“มา จูนเอง”
จุลลารีบล้วงลงไปในคูน้ำควานหามือถือให้จ๋อม
“รู้สึกผิดเลย งั้น ยืนให้กำลังใจแล้วกันนะคะคุณจูน”
“ขอบใจ”
จุลลาเก็บมือถือในคูน้ำให้จ๋อม หยิบขึ้นมาได้ โชกน้ำเลย ทุกคนเหวอ…จะกู้คืนได้มั้ยเนี่ย
ห้องพยาบาลโรงงาน ทรงเดชค่อยๆ ลืมตาขึ้น เสี่ยตงเข้าไปดูอาการ
“เป็นไงบ้าง อาทรงเดช”
ทรงเดชตั้งสติได้ ลุกขึ้นทันที
“ผีหลอก”
“หา ผีอีกแล้วเหรอ”
ทรงเดชนั่งกลัวตัวสั่น เสี่ยตงสั่นไปด้วย มองไปรอบๆ ด้วยความกลัว
ที่ฮวงซุ้ย ผีเถ้าแก่หัวเราะอารมณ์ดี
“แค่อาตี๋อีกล้าบอกเลิกยัยข้าวเหนียวบูด แค่นี้อั๊วก็เบาใจแล้ว”
“ทำไมอ่ะ”
“อาหนูช่างอีจะได้สบายใจว่าตัวเองไม่ได้เป็นตัวทำลายความสัมพันธ์ของใคร อีจะได้กล้ารักอาตี๋ของอั๊วสักที”
“แล้วทีนี้ จุลลาก็จะเต็มใจทำทุกอย่างเพื่อให้คนที่ตัวเองรักมีชีวิตที่ดีและมีความสุข เจ้าสัวจะได้ไม่ต้องใช้แผนอะไรให้ถูกเด็กด่าอีก”
“เป็นนิมิตรหมายที่ดี ว่าเส้นทางชีวิตรักของอาตี๋กับอาหนูช่างกำลังปลอดโปร่ง โล่งสบาย อั๊วมีเซ้นส์ ฮ่ะๆๆ”
ผีเถ้าแก่หัวเราะอารมณ์ดี มีความสุข
คุณนายเง็กจูงสืบสายและน้ำหวานมาจะขึ้นรถ ครรชิตตามมาติดๆ อย่างไม่ค่อยสบายใจนัก
“เดี๋ยวก่อนครับ หม่าม้า”
“อย่าเพิ่งน่า รีบไปก่อน เดี๋ยวจะสาย อย่าปล่อยให้ผู้ใหญ่รอนาน”
สืบสายจำใจหยุดคุณนายเง็กเอาไว้
“หม่าม้าครับผมรู้นะครับว่าหม่าม้ากำลังคิดจะทำอะไร”
“อั๊วทำอะไร อั๊วก็แค่อยากไปเยี่ยมพ่อแม่หนูน้ำหวาน ในฐานะเพื่อนเก่าแก่ของบ้านเรา”
น้ำหวานหวั่นใจ มีเซ้นส์ตะหงิดๆ เหมือนกัน
“จริงเหรอคะ”
“จริงสิ เราห่างเหินกันมากเกินไปแล้ว อั๊วต้องรื้อฟื้นความสัมพันธ์ให้กลับมาเหนียวแน่นเหมือนเดิม เหมือนตอนอาเตี่ยยังมีชีวิตอยู่”
“หม่าม้าคิดจะจับคู่ผมกับน้ำหวาน” สืบสายบอก น้ำหวานตกใจ เป็นอย่างที่คิด
“บอส”
“อุ๊ตะ! ลื้อรู้ใจม้าจริงๆ”
“ผมก็รู้ครับ” ครรชิตบอก
“ดี รู้กันให้หมดก็ดี อั๊วจะได้ไม่ต้องเสียเวลาบอกใคร”
น้ำหวานส่งสายตาเว้าวอนสืบสาย
“บอสค่ะ ทำไงดี”
“ผมจำเป็นต้องขัดใจม้า”
“น้ำหวานขออนุญาตขัดใจด้วยอีกคนนะคะ”
“ไม่ได้! อั๊วคุยกับเตี่ยหนูน้ำหวานไว้แล้ว”
น้ำหวานตกใจ กระเถิบไปหาครรชิต น้ำตาจะไหล
“คุยใหม่สิครับ ว่าผมจะแต่งงานกับผู้หญิงที่ผมรักเท่านั้น” สืบสายบอก
“ถ้าลื้อคิดจะแต่งงานกับยัยข้าวเหนียวบูด ลื้อก็ตาต่ำเหมือนตาตุ่ม”
“ผมบอกเลิกคุณมูนแล้ว เพราะผมไม่ได้รักเธอ”
“ดี งั้นก็เดินหน้าศึกษาดูใจกับอาน้ำหวานเลย”
“ผมรักจุลลาครับ” คุณนายเง็ก น้ำหวานและครรชิต ต่างก็ตกใจ ช็อก เพราะเพิ่งได้ยินจากปากของสืบสายเป็นครั้งแรก “ผมรักจุลลา”
สืบสายยืนยันกับคุณนายเง็กด้วยสายตาที่หนักแน่น คุณนายเง็กอึ้ง ทำอะไรไม่ถูก ไม่คาดคิด
ทรงเดชรีบเดินร้อนรน กลัวๆ ออกมาจากโรงงาน เสี่ยตงตามมาติดๆ
“อาทรงเดช ลื้อจะไปไหน”
“ผมจะไปตามหมอผีมาจับผีเจ้าสัวลงหม้อถ่วงน้ำ เอาให้ติดอยู่ในหม้อออกมาหลอกใครไม่ได้อีก”
“เฮ้ย! นั่นผีเตี่ยอั๊วนะ”
“ก็ป๊าบอกผมเองว่าผีเตี่ยป๊าไม่ยอมไปผุดไปเกิด อยู่คอยสร้างความเดือดร้อนให้คนที่นี่ แล้วตอนนี้ผมก็โดนเข้าอีกคน คนอื่นอาจจะทนได้ แต่ผมไม่ทน”
“ถ้าลื้อจะเอาหมอผีมา ก็ทำให้อีไปผุดไปเกิดสิ ไม่ใช่จับอีไปขัง”
“แสดงว่าป๊าอนุญาตให้ผมเอาหมอผีมา”
“ไม่ดีกว่า ถ้าอาเง็กอีรู้ อีอาละวาดโรงงานแตกแน่ อั๊วไม่อยากมีปัญหากับเมีย”
“ป๊าครับ การกลัวเมียคืออุปสรรคของความเจริญนะครับ”
“แต่ตอนอั๊วแต่งงาน เตี่ยอั๊ว อาเจ็ก อาแปะทั้งหลายบอกอั๊วว่า กลัวเมียคือหนทางของความเจริญ ลื้อยังไม่มีเมีย ลื้อไม่เข้าใจหรอก”
“แต่ป๊าก็ต้องเข้าใจผมด้วย ผมทำงานที่นี่ไม่ได้ถ้าผีเจ้าสัวหลอกผมแบบนี้ จะโผล่มาอีกเมื่อไหร่ก็ไม่รู้ ป๊าเลือกเอา ถ้ามีเจ้าสัว ก็ต้องไม่มีผม”
“แล้วอั๊วต้องทำยังไง ลื้อถึงจะสบายใจ”
เสี่ยตงลำบากใจ เพราะไม่อยากเสียทรงเดชไป
สืบสายเดินเข้าบ้าน คุณนายเง็กตามประชิด ครรชิตเดินตามมาห่างๆ เสียวๆ ผีเถ้าแก่ยืนรออยู่แล้วอย่างอารมณ์ดี
“กลับมาแล้วเหรอวะอาตี๋ ขอแสดงความยินกับอิสรภาพของลื้อ”
“อาตี๋ ม้าสั่งให้ลื้อหยุด” คุณนายเง็กสั่งเสียงเขียว ผีเถ้าแก่สะดุ้ง ตกใจ
“อุย...” สืบสายชะงักหันมา
“ครับ หม่าม้า”
ผีเถ้าแก่สัมผัสได้ถึงรังสีความขัดแย้งอย่างรุนแรงระหว่างแม่ลูก รีบไปอยู่ข้างครรชิต
“พวกอีทะเลาะกันเรื่องอะไรวะ อาครรชิต”
“ท่านรองใจเย็นๆ นะครับ วันนี้ไม่ได้ไปทานข้าวกับที่บ้านของน้องน้ำหวาน ไว้วันหน้าก็ได้นะครับ” ครรชิตบอก
“อั๊วจะแน่ใจได้ยังไง ว่าจะมีวันหน้า”
“ท่านรองพูดเหมือนตัวเองกำลังจะตายงั้นแหละครับ”
“ใช่ อั๊วกำลังจะตายเพราะลูกชายอั๊วมันตาบอดหูหนวก”
“หม่าม้าครับ ผมตาสว่างแล้ว มองเห็นและได้ยินเสียงหัวใจตัวเองแล้ว ผมรักจุลลาเพราะฉะนั้นผมจะไม่ยอมให้หม่าม้าจับคู่ผมกับน้ำหวานเด็ดขาด”
“ลื้อทำให้อั๊วผิดคำพูด เสียผู้ใหญ่กับเตี่ยอาหนูน้ำหวาน”
“ไอ้หยา หนูน้ำหวาน” ผีเถ้าแก่ตกใจ ครรชิตเข้าไปปลอบคุณนายเง็ก
“ใจเย็นครับ เดี๋ยวความดันขึ้นครับ”
“ลื้อก็รู้ใจลูกชายลื้อแล้ว จะไปบังคับใจให้ไปดูตัวกับใครอีกทำไม” ผีเถ้าแก่บอกแต่ไม่มีใครได้ยิน
“ยังไงผมก็ไม่ดูตัวกับน้ำหวาน ถ้าผมจะต้องแต่งงาน ผมจะแต่งกับจุลลาเท่านั้น”
“แล้วอาหนูช่างอีรักลื้อด้วยหรือเปล่า” สืบสายอึ้ง ตอบไม่ได้ “ว่าไง”
“ผมไม่ทราบครับ”
“ทำไมถึงไม่ทราบ”
“เธอไม่เคยบอกผม”
“นั่นไง! แสดงว่าอีไม่ได้รักลื้อ ลื้อรักอีข้างเดียว จบ”
“แต่เท่าที่ผมเห็น คุณจุลลาเธอก็...” ครรชิตจะบอก คุณนายเง็กรีบตัดบท
“อย่าเดา จนกว่าอั๊วจะแน่ใจ ว่าลื้อสองคนรักกัน วันนั้นอั๊วถึงจะเปลี่ยนใจ แต่ตอนนี้อย่าให้เสียโอกาสตัวเอง
ลื้อควรคบหาดูใจกับอาหนูน้ำหวาน จบ”
คุณนายเง็กเดินเข้าไป เอาจริง สืบสาย ผีเถ้าแก่และครรชิตถอนใจพร้อมกัน
คืนนั้นที่บ้านจุลลา จุลลานั่งหางานในอินเตอร์เน็ต จำรัสนั่งจ้องหน้าจุลลา จุลลาทำไม่รู้ไม่ชี้ เปิดหางานไปเรื่อยๆ ดารากำลังคุยโทรศัพท์กับจ๋อมใกล้ๆ
“ตายจริง ไม่น่าเชื่อเลยนะคะว่าจะร้ายกาจได้ขนาดนั้น ขอให้กู้ข้อมูลคืนได้สำเร็จนะคะน้องจ๋อม ค่ะ สวัสดีค่ะ”
ดาราวางสาย จำรัสคุยกับจุลลา
“ชาวบ้านเค้าเดือดร้อนเต้นเป็นไฟที่ยัยดาราปลาร้าเดือดหาเรื่องแกในตลาด แต่เอ็งกลับไม่รู้สึก นั่งหางานเฉ้ย”
“จะให้จูนโกรธ ด่ายัยนั่น หาทางแก้แค้นเอาคืน เหรอ? ถ้าจูนทำอย่างนั้น จูนก็ปลาร้า ไม่ได้ต่างอะไรกับยัยนั่นเลย ทำไมเราต้องทำในสิ่งที่เราเกลียด”
“ก็จริง...”
“ดีค่ะลูก ตัดเรื่องไร้สาระออกไป เอาพื้นที่ไว้ให้กับเรื่องดีๆ ที่กำลังจะเกิดขึ้นดีกว่า เช่นเรื่องที่บอส...” ดาราจะแซวเรื่องสืบสาย จุลลาตัดบท
“ขอบคุณค่ะแม่ที่อวยพรให้จูนได้งานใหม่เร็วๆ รู้สึกง่วงกระทันกัน จูนไปนอนล่ะนะ” จุลลาหอบโน้ตบุ๊ก จะขึ้นห้อง ทิ้งพ่อแม่อารมณ์ค้าง จุลลาหันมาสั่งเสีย “พ่อ พรุ่งนี้จูนไปเอาของที่ตลาดเอง นอนตื่นสายๆ ก็ได้ แต่ชวนแม่ไปเดินออกกำลังกายดีกว่าจะได้แข็งแรง อยู่กับจูนนานๆ”
“ไม่เอา ต่อไปลูกจูนมีแฟน ก็ต้องอยู่กับแฟน พ่อกับแม่จะไปอยู่วัดแล้วค่ะ”
“โอยยย แม่ ไม่คุยแระ”
จุลลายิ้มเขิน วิ่งออกไป ดาราหัวเราะชอบใจ หันมาเห็นจำรัสหน้าเศร้า
“เป็นอะไรคะพ่อ”
“ใจหาย ถ้าไอ้จูนมันมีแฟนขึ้นมาจริงๆ”
“ทำใจค่ะ ลูกเราต้องไปมีชีวิต มีครอบครัวของเค้าเอง”
“มันถึงเวลาที่ลูกจะต้องไปจากอ้อมอกของเราแล้วใช่มั้ย”
ดารายิ้มให้กำลังใจจำรัส จำรัสยิ้มแห้ง ที่ต้องยอมรับความจริง
จุลลาเดินเข้ามาในห้อง มองออกไปนอกหน้าต่าง
“คืนนี้ เห็นดาวไม่ชัดเหมือนคืนนั้นเลย”
จุลลาหลับตา เอานิ้วจิ้มไปบนอากาศ นึกถึงตอนนั่งดูดาวกับสืบสาย ที่เห็นดาวเต็มท้องฟ้า สว่างไปหมด จุลลายิ้มกับตัวเอง ลืมตา คิดถึงสืบสายแล้วหัวใจอ่อนไหว มือยังจิ้มแต้มดาวไปเรื่อยๆ
อีกด้านหนึ่งที่บ้านสืบสาย สืบสายก็กำลังใช้มือแต้มดาวบนท้องฟ้าเหมือนกัน สืบสายนั่งมองดูดาวบนท้องฟ้า ใช้มือแต้มดาวไปเรื่อยๆ คิดถึงตอนที่ดูดาวกับจุลลาเหมือนกัน ผีเถ้าแก่ปรากฏตัวข้างๆ สืบสาย
“อาตี๋” สืบสายชะงักไป ลดมือลง ถอนใจด้วยความเครียด “ถ้าอากงยังไม่ตาย อากงจะพูดกับม้าลื้อ ให้อีเข้าใจและเปลี่ยนทัศนคติซะใหม่ ว่าอย่าคิดแทนลื้อ ถ้าบังคับให้ลื้อแต่งงานกับคนที่ไม่ได้รัก ก็เหมือนพรากหัวใจออกไปจากตัวลื้อ ที่ยังเหลืออยู่ก็จะเป็นเพียงซากที่ไร้ชีวิตจิตใจ”
“ฉันคิดถึงเธอนะจุลลา ซึ่งเธออาจจะไม่ได้คิดถึงฉัน”
“ไม่จริง อีก็กำลังคิดถึงลื้ออยู่”
“ตอนนี้ ฉันอยากคุยกับเธอ อยู่ใกล้เธอ แค่เพียงในฝันก็ยังดี”
ผีเถ้าแก่มองสืบสายอย่างเห็นใจ ก่อนจะ...ปิ๊ง
คืนเดียวกันนั้นที่ผับแห่งหนึ่ง เดือนพิไลนั่งมองมือถือดูรูปหน้าจุลลาที่ถ่ายที่ตลาดสดด้วยความโกรธแค้น
“ฉันเกลียดแก เกลียดๆๆๆๆ”
เดือนพิไลจะเขวี้ยงมือถือ แต่มีมือๆ หนึ่งมาจับเอาไว้ เดือนพิไลชะงัก เงยหน้าขึ้นมองเห็นทรงเดชยืนอยู่
“ปามันทิ้ง แล้วจะมีเงินซื้อเครื่องใหม่เหรอคุณ งานไม่มีเลยนี่”
“ก็ฉันเกลียดมัน ทุกอย่างกำลังจะดี เป็นไปตามแผนที่ฉันวางเอาไว้ แต่จู่ๆ ก็เหลว พัง แห้ว อด คุณสืบบอกเลิกฉันเพราะมัน”
“นึกว่าเพราะนิสัยของคุณซะอีก ถึงทำให้สืบมันตาสว่าง”
“นี่! นัดให้มาช่วยฉันคิดหาทางเอาคืนมัน ไม่ได้ให้มาซ้ำเติม”
“ใจเย็นๆ สิ เราต้องมีสติให้มากๆ งานใหญ่จะวู่วามไม่ได้”
เดือนพิไลหงุดหงิด วางมือถือลงก็ได้
“แล้วต้องทำอะไรยังไง ตอนนี้ฉันคิดอะไรไม่ออกแล้วมันตันไปหมด”
ทรงเดชจับมือเดือนพิไล กรุ้มกริ่ม
“ถ้าทำตามที่ผมบอกคุณ รับรองคุณจะได้ในสิ่งที่อยากได้”
เดือนพิไลปัดมือทรงเดชออกอย่างรังเกียจ ลุกขึ้นทันที
“ฉันจะกลับแล้ว ไปส่งฉันด้วย ฉันไม่มีรถ”
เดือนพิไลลุกออกไป ทรงเดชมองตามเดือนพิไลอย่างไม่พอใจ ลุกตามไป
จุลลาเอนตัวลงนอน แต่นอนไม่หลับ คิดถึงสืบสาย
สืบสายนอนบนที่นอน แต่นอนไม่หลับ ยังลืมตาในความมืด
ส่วนที่ฮวงซุ้ย ผีเถ้าแก่เข้ามานั่งหน้าทีวี หอบถ้วยป๊อบคอร์นมาด้วย กดรีโมทเปิดทีวีเห็นสืบสายและจุลลานอนอยู่ ทั้งสองคนยังไม่หลับ ต่างคิดถึงกัน ผีเถ้าแก่ซดน้ำชา กินป๊อบคอร์น
“หลับกันเร็วๆ น้า อาตี๋ อาหนูช่าง จะได้ฝันดีกันทั้งสองคน”
ผีเถ้าแก่ครึ้มอกครึ้มใจ
ทรงเดชเดินมาส่งเดือนพิไลหน้าอพาร์ตเม้นต์เล็ก ทรงเดชเห็นสภาพที่อยู่ของเดือนพิไลแล้วสมเพช
“คุณอยู่ที่นี่เหรอ”
“ใช่ ทำไม”
“ไม่คิดว่าคุณจะตกต่ำถึงขนาดนี้”
“ที่ฉันเป็นแบบนี้เพราะนังจุลลาคนเดียว ถ้าฉันไม่ได้คุณสืบก็อย่าหวังว่ามันหรือหน้าไหนจะได้เหมือนกัน”
“ทำตามที่ผมบอก ยังไงก็ไม่พลาด”
“ฉันทำแน่”
เดือนพิไลจะไป ทรงเดชรั้งตัวเอาไว้
“เดี๋ยวก่อนสิ”
“อย่ามารุ่มร่ามกับฉัน เอามือออกไป”
“ฟังก่อนสิ”
“อะไร”
“อยากอยู่ในที่ๆ สะดวกสบายมากกว่านี้มั้ย อ้อ แถมรถอีกหนึ่งคัน ขายรถไปแล้วนี่ จะได้ไม่ต้องอายใคร”
เดือนพิไลขัด เพราะอยากได้อยู่แล้ว
“ยังไง”
“ก็...” ทรงเดชโลมเลียเดือนพิไลด้วยสายตาและท่าทาง “มาเป็นของผมสิ ยังไงก็ได้ชัวร์ ไม่ต้องลุ้นเหมือนไอ้สืบ”
“เมินเสียเถอะ!ฉันไม่ใฝ่ต่ำ ถ้ามันจะงุ่นง่านมากขนาดนี้ล่ะก็ ไปที่อื่น ไม่ใช่ฉัน”
เดือนพิไลสะบัดเดินออกไป ทรงเดชมองตามอย่างเจ็บใจ
ผีเถ้าแก่นั่งอยู่บนโซฟา ดูทีวี เซ็งเพราะสืบสายและจุลลายังไม่ยอมหลับ
“เมื่อไหร่ลื้อสองคนจะนอนสักทีวะ จะให้อั๊วรอถึงพ.ศไหน ไอ้หยา ชักช้า ไม่ทันใจแฟนคลับ”
ผีเถ้าแก่ตัดสินใจใช้อิทธิฤทธิ์ จิ้มไปที่จอทีวี
จู่ๆ สืบสายและจุลก็รู้สึกง่วง และค่อยๆ ม่อยหลับลง ผีเถ้าแก่ในฮวงซุ้ย วาดนิ้วเป็นรูปหัวใจ ในอากาศแล้วเป่าให้ลอยเข้าไปในทีวี
จุลลาหลับอยู่ ลืมตาตื่นแล้วเธอก็เห็นสืบสายนอนหลับ หน้าอยู่ในระยะประชิดหน้าจุลลามาก จุลลาหลับตาลงใหม่ ก่อนจะลืมตาขึ้น ตกใจ...เหวอ เห็นชัดๆ อีกครั้ง สืบสายหลับอยู่ข้างหน้า จุลลาสะดุ้ง ตกใจลุกขึ้น
“เฮ้ย คุณสืบสาย”
สืบสายตกใจตื่น ลุกขึ้น เห็นจุลลาก็แปลกใจ
“จุลลา”
จุลลากับสืบสายอยู่บนเตียงเดียวกัน จุลลามองไปรอบๆ ไม่ใช่ห้องของตัวเอง
“ไม่ใช่ห้องฉัน ฉันมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง”
สืบสายเข้าไปกอดจุลลาเอาไว้ทันทีด้วยความคิดถึงและดีใจ
“จุลลา” จุลลาอึ้ง ที่ถูกกอด “ฉันคิดถึงเธอมาก รู้มั้ย”
จุลลาค่อยๆ ใจอ่อน ค่อยๆ ยกมือขึ้นโอบกอดสืบสาย ทั้งสองคนกอดกัน โดยไร้คำพูดใดๆ ผีเถ้าแก่นั่งมองอย่างซาบซึ้ง
“อย่าให้ภาพนี้มันเป็นเพียงแค่ความฝันเลยนะ อั๊วอยากให้มันกลายเป็นความจริงเร็วๆ”
สืบสายจับจุลลามามองหน้า สองคนมองตากันซาบซึ้ง ไม่มีการชักใยของผีเถ้าแก่ จุลลาหลับตารอรับจุมพิตของสืบสายด้วยความเต็มใจ ผีเถ้าแก่ค่อยๆ ยักพัดขึ้นปิดหน้าตัวเองด้วยความเขินอาย สืบสายและจุลลายังคงตกอยู่ในภวังค์แห่งความรัก ความหวานของจุมพิต ถ่ายทอดซึ่งกันและกัน
เช้าวันใหม่ สืบสายลืมตาตื่นขึ้น นอนอยู่บนเตียงคนเดียวเพียงลำพัง ยิ้มออกมา ด้วยฝันดีเมื่อคืน
จุลลานอนจับปากของตัวเองอยู่ ยิ้มอย่างมีความสุขเช่นกัน
สืบสายเดินเข้ามาในออฟฟิศ ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่กับตัวเอง ครรชิตแอบสังเกต
“วันนี้อารมณ์ดีนะครับ บอส”
“เมื่อคืนฝันดี”
“ฝันว่าอะไรครับ”
“เรื่องส่วนตัว”
สืบสายเดินออกไป ครรชิตมองตามยิ้มๆ ตามไป
มุมหนึ่งในร้านสบายท้อง จุลลาถือถุงใส่กับข้าวของสด ถุงใหญ่มาก แต่หน้ายิ้มบานมาก ลีลา มะขวิดช่วยกันหิ้วมาเต็มสองมือ จำรัส ดารา ป้าลำยองมองอยู่ จุลลาวางของลง หันไปถามมะขวิด
“ยังเหลืออีกมั้ยจ๊ะ”
“เดี๋ยวผมไปเอาเองครับ”
“ไม่เป็นไรจ๊ะ ฉันไปเอาเอง แรงเหลือๆ จ๊ะ”
จุลลายิ้มลั้ลลาร่าเริงเดินออกไป ทุกคนมองตามแปลกใจ
“ไอ้จูนมันไปกินยาชูกำลังมาจากไหน ดูอารมณ์ดีมากผิดปกติ”
“สงสัยเมื่อคืนฝันดี เห็นตื่นมาก็อารมณ์ดีแต่เช้าแล้วค่ะ”
“ก่อนไปตลาดแกแวะใส่บาตรด้วยนะคะหน้างี้ผ่อง ดูอิ่มอกอิ่มใจทีเดียวเชียว”
“อยากรู้จัง ว่าคุณจูนฝันอะไร”
“จะเอามาตีเลขอ่ะดิ”
“เจอฉันตีก่อนแล้วกัน เล่นเข้าไปหวยน่ะ ถูกกินทุกงวดก็ยังเล่น”
“ไม่จ่ายเงินเดือนซะดีมั้ย จะได้ไม่ต้องเอาเงินไปเล่นหวย เลือกเอา”
“ไม่ดีกว่าค่ะ ถึงลำยองจะสวย แต่ก็เลือกค่ะ”
“ไป แยกย้ายกันทำงานจ๊ะ”
ทุกคนแยกย้ายกันไปทำงาน
สืบสายเดินมาที่มุมหนึ่งในออฟฟิศแล้วก็ต้องชะงัก เมื่อเห็นพนักงานขนรูปเถ้าแก่ที่เคยติดไว้ในออฟฟิศออกมา
“จะเอารูปอากงไปไหน”
“ไปเก็บที่บ้านครับ”
สืบสายโกรธมาก
“ใครสั่ง”
เสี่ยตงคุยกับทรงเดช โดยมีพนักงานช่วยกันเคลียร์เครื่องเซ่นไหว้รูปเถ้าแก่ออกไปจนเกลี้ยง
“ขอบคุณมากครับป๊า ที่ยอมทำเพื่อความสบายใจของผม”
“แต่อั๊วไม่ค่อยสบายใจเลยว่ะ กลัวเตี่ยอีจะโกรธ”
“ป๊าต้องคิดถึงขวัญและกำลังใจของพนักงานทุกคนที่นี่นะครับ มีรูปท่านเจ้าสัวอยู่ ยิ่งทำให้ทุกคนกลัว เหมือนผีเจ้าสัวอยู่ใกล้ๆ ไม่ยอมไปไหน”
“ก็จริง อั๊วเดินผ่านทุกวัน อั๊วสะดุ้งทุกที มองรูปอีทีไร เหมือนอีกำลังมองหน้าด่าอั๊ว”
“ผมว่านอกจากรูปแล้ว อะไรที่เป็นของท่านเจ้าสัว ก็น่าจะเอาออกไปให้หมดด้วย มันอาจจะเป็นที่เก็บวิญญาณท่านเจ้าสัวเอาไว้ ถ้าป๊าไม่อยากให้คนงานกลัวจนต้องลาออก ไม่มีคนงาน โรงงานก็เจ๊ง”
สืบสายเดินเข้ามากับครรชิต
“ถ้าใครทำแบบนั้น ฉันจะไม่ไว้หน้า” เสี่ยตง ทรงเดชชะงัก “แม้จะเป็นป๊าเองก็ตาม”
“อาตี๋ ลื้อจะกำเริบเสิบสานเกินไปแล้ว ลื้อเป็นลูก ลื้อต้องเชื่อฟัง ไม่ใช่ท้าทาย ไร้ความเกรงใจ ไม่มีความเคารพ”
เสี่ยตงบอกอย่างไม่พอใจ ครรชิตตกใจ รีบปลีกตัวไป เพื่อจะไปรายงานคุณนายเง็ก เสี่ยตงมองสืบสายด้วยความโกรธ สืบสายไม่หวั่นเกรง ทรงเดชแอบยืนยิ้มสะใจ
คุณนายเง็กกำลังเข้ามาในออฟฟิศ ครรชิตโผล่มา
“ท่านรองมากับผมเร็วเข้าครับ แย่แล้วครับ”
“มีอะไรแย่กว่าหน้าตาลื้ออีกวะ”
“ที่หน้าผมแย่ เพราะบอสกำลังแย่ครับท่านรอง”
“อาตี๋”
คุณนายเง็กพุ่งไปทางหนึ่งด้วยความตกใจเป็นห่วงสืบสาย
“ผิดทางครับ ทางนี้ครับ ท่านรอง”
“ก็พาอั๊วไปเร็วสิ”
ครรชิตรีบนำเง็กคุณนายออกไป
ผีเถ้าแก่อยู่ในฮวงซุ้ย กำลังรินน้ำชา และพลาดทำถ้วยตกแตก
“ไอ้หยา”
ผีเถ้าแก่ลุกขึ้น แล้วก็ได้ยินเสียงของสืบสายแว่วมา
“แล้วที่ป๊าทำอยู่ ป๊าก็ท้าทาย ไร้ความเกรงใจ ไม่ให้ความเคารพอากงเหมือนกัน”
ผีเถ้าแก่ตกใจ
“อาตี๋ อาตง”
ผีเถ้าแก่รีบเดินออกไปทันที
เสี่ยตงยืนอึ้งเมื่อถูกสืบสายย้อน
“ผมยอมป๊าได้ทุกอย่าง แต่ถ้าป๊าลบหลู่อากงถึงขนาดนี้ ผมยอมไม่ได้ ทุกอย่างของอากง ต้องอยู่ที่เดิม”
“แต่ผีอากงลื้อกำลังจะทำให้โรงงานเจ๊ง อั๊วจำเป็นต้องทำ”
“สิ่งที่จะทำให้โรงงานเจ๊ง ไม่ใช่อากง แต่เป็นเพราะป๊า”
เสี่ยตงโกรธสืบสายมาก ลืมตัวตบหน้าสืบสาย จังหวะเดียวกับที่คุณนายเง็กและครรชิตเข้ามาเห็นพอดี ทั้งคู่ตกใจ สืบสายอึ้ง หน้าชา มองเสี่ยตงด้วยความผิดหวัง เสียใจ เสี่ยตงรู้สึกเจ็บปวดกับสายตาของสืบสาย ขณะที่ทรงเดชแอบสะใจ คุณนายเง็กปราดเข้าไปขวางทันที
“ทำลูกถึงขนาดนี้ได้ยังไง”
“เพราะเป็นลูกไง อั๊วถึงต้องตบสั่งสอน มันจะได้สำนึก ว่ามันทำไม่ถูก”
“แล้วที่ลื้อทำ ถูกแล้วเหรอ โกรธยังไงก็ไม่ควรลงไม้ลงมือกับคนในครอบครัว ผีสิงให้ลื้อตาบอดหูหนวกหรือไง ไม่ฟังลูกตัวเอง แต่ฟังคนอื่น ที่ไม่รู้ว่ามันมาดีหรือมาร้ายกันแน่”
คุณนายเง็กตวัดสายตามองมาที่ทรงเดช ทรงเดชรีบปั้นหน้าเครียดกลบเกลื่อนรอยยิ้มเยาะ
“ถ้าไม่ถูก อั๊วไม่ทำ ใครไม่พอใจ ก็ไม่ต้องอยู่ ไปให้พ้น ไปให้หมด”
เสี่ยตงโกรธรุนแรง ออกไป ทรงเดชยิ้มๆ รีบตามเสี่ยตงไป ผ่านผีเถ้าแก่ที่ยืนมองเหตุการณ์ด้วยความเศร้าใจ และเห็นใจสืบสาย
“อาตี๋ เข้มแข็งไว้นะ อย่าเพิ่งถอดใจ ถ้าคนดีท้อแท้ คนชั่วมันก็จะได้ใจ”
“อาตี๋ของม้า”
สืบสายไม่พูดอะไรเดินออกไปทันที คุณนายเง็กและครรชิตมองตามด้วยความเป็นห่วง
ที่ร้านสบายท้อง จุลลาเทน้ำจากที่กรวดน้ำ ที่โคนต้นไม้เสร็จพอดี
“หนูกรวดน้ำไปให้แล้วนะเถ้าแก่ ขอบคุณนะที่ทำให้หนูฝันดี...เขินจุง” จุลลายิ้มแก้มเกือบแตก ลุกขึ้นยืน เจอผีเถ้าแก่ยืนหน้าเครียดอยู่ถึงกับตกใจ “เฮ้ย”
“ไฮ้”
“มารับส่วนบุญเร็วทันใจจริงๆ แล้วทำไมหน้าตาดูเศร้าๆ งั้นล่ะ จริงๆ แล้ว พอคนทำบุญกรรวดน้ำอุทิศบุญไปให้ เถ้าแก่ต้องร่าเริงลั้ลลาสิ”
“ลั้ลลาไม่ไหว อั๊วเก๊กซิม”
“เรื่อง”
“อั๊วสงสารอาตี๋ อีกำลังทุกข์ใจที่ต้องต่อสู้กับความเลวที่ไอ้ตงอีมองไม่เห็น ไอ้ส่งเดชมันยืมมือไอ้ตงทำลายโรงงาน ทำลายอั๊ว ไปทีละเล็ก ทีละน้อย”
ผีเถ้าแก่ยืนซึม จุลลาสงสารผีเถ้าแก่และสืบสาย
จบตอนที่ 11