พายุเทวดา ตอนที่ 14
ค่ำนั้น ดารินยืนปะปนอยู่กับกลุ่มชาวบ้านที่เตรียมมาร่วมแสดงความดีใจกับ เทวา สลาตัน ในฐานะผู้ใหญ่บ้าน บ้านเกาะมุก ไม่นานนัก รถปิกอัพแห่แหนเทวามา โดยเทวายืนหล่อลากไส้อยู่บนรถคันนั้น มีพวงมาลัยดอกดาวเรืองคล้องคอ ก้อง เดช และสิงห์ ยืนประกบอยู่บนรถ
กลุ่มของ สน ประสิทธิ์ นที แสงดาว แสงจันทร์ ยืนปะปนอยู่อีกมุมหนึ่ง คนละมุมกับดาริน หมวดสาวในคราบสาวนั่งดริ๊งยิ้มดีใจเมื่อเห็นเทวาโบกมือให้กลุ่มชาวบ้าน
กลองยาวคณะหนึ่งตีและบรรเลงมาจากมุมหนึ่งปะปนกับชาวบ้าน ขวางถนนอยู่ เทวายิ้ม เห็นชาวบ้านโดยเฉพาะบรรดาแม่ค้าออกไปรำเฉิบๆ โห่เสียงดัง รับขบวน
เทวาสงสัย กระซิบถามเพื่อน “ใครหามาวะกลองยาวคณะนี้”
“ไม่รู้เหมือนกันว่ะ” เดชบอก
สิงห์กลับชอบใจ “แต่ก็สนุกดีนะโว้ย” แถมสิงห์โห่รับเสียงดัง ก้องถึงกับรำเฉิบๆ อยู่บนรถ
แสงดาว แสงจันทร์ ส่งยิ้มให้เทวา เทวาโบกมือให้สองสาว นทีแอบมองด้วยความน้อยใจ ประสิทธิ์คุยกับสนอยู่ข้างทาง
ประสิทธิ์มองจ้อง “กลองยาวคณะนี้ไม่ใช่คนบ้านเรานี่ลุงสน หน้าตาไม่คุ้น เลย”
สนมองดูก็หน้าเสียไป “จริงด้วย ไม่ชอบมาพากลแล้วโว้ย”
สนกับประสิทธิ์วิ่งเข้าไปที่รถ พยายามบอกกับกลุ่มเทวดา
“ไอ้ก้อง...ไอ้ก้องโว้ย”
“อะไรลุงสน”
“ใครว่ากลองยาวมาวะ”
“พวกแม่ค้าในตลาดมั้ง พวกนี้เขาเป็นแฟนคลับเทวามัน”
สนพยักหน้า สีหน้างงๆ
ส่วนประสิทธิ์พูดกับเดช “นายเดช กลองยาวเป็นพวกใคร”
“พวกใครเหรอครู...ไม่รู้สิ”
ประสิทธิ์เตือน “ระวังไว้บ้างนะ ผมว่ามันชักยังไงๆ อยู่”
เดชมองจากบนรถ เห็นกลุ่มขบวนกลองยาวตีกลอง เริ่มไม่เป็นจังหวะ
พวกแม่ค้าบ่นขรม “มันกว่านี้ไม่ได้เหรอ พ่อคุณ...เอาแบบให้พวกฉันติ๊ดชึ่ง กันให้ตะโพกครากไปเลย”
แม่ค้า 2 “ใช่ๆ”
กลองยาวตีกลอง แต่สายตาเริ่มมองซ้ายขวาและมองไปข้างบน เดชมองตามสายตา กระซิบกับสิงห์
สิงห์รีบกระซิบกับเทวา เทวามองไปรอบๆ พยักหน้า ดารินกับเทวาสบตากัน ส่งสายตาเป็นกำลังใจให้กัน
เทวา สิงห์ เดช ก้อง เริ่มเป็นกังวล
สนกับประสิทธิ์ยังยืนอยู่ข้างรถ ซึ่งติดขบวนกลองยาว ทำให้ดำเนินไปอย่างช้าๆ
เดชเอ่ยกับสองสาว “แสงดาว แสงจันทร์ พาลุงสนกลับบ้านเถอะ ไม่มีอะไร แล้ว...ไปสิ...ไป”
สนเห็นท่าไม่ดี เอาด้วยกะที่เดชว่า “กลับกันเถอะลูก”
แสงจันทร์งง “มีอะไรเหรอพ่อ”
แสงดาวก็งง “นั่นสิ”
สนขึ้นเสียง “พ่อบอกให้กลับก็กลับสินังหนู”
สนเดินนำแสงดาวกับแสงจันทร์ฝ่ากลุ่มฝูงชนไป นทีเห็นรีบเดินตามไปติดๆ เดชมองตามด้วยสีหน้าน้อยใจ
“ครูกลับไปเถอะ อย่าอยู่เลย เดี๋ยวจะเป็นอะไรไป”
“เอาอย่างนั้นเหรอพ่อเดช”
“ครับครู”
เทวายังยิ้มและโบกมือทักทายกับพ่อแม่พี่น้องอยู่ ส่วนที่กลุ่มกลองยาว สายตาคนตีกลองยาวแต่ละคนเริ่มไม่เป็นมิตร มองกราดไปรอบๆ อย่างมีพิรุธ
ดาริน เริ่มเห็นผิดสังเกต ด้วยสัญชาตญาณของตำรวจ
ขบวนกลองยาวเคลื่อนตัวมาที่หน้าร้านของเฮียเม้ง กลองยาวรำเฉิบๆ จังหวะเร้าใจมากขึ้น แม่ค้าต่างวาดลวดลายชนิดลืมตาย ที่ระเบียงชั้นสองของร้านเม้ง ปลายกระบอกปืนโผล่พ้นออกมาให้เห็น ดารินหน้าเสียใจหายวับ
เม้งยืนมองอยู่ที่หน้าร้าน สายตามีพิรุธ เหลือบไปยังหลังคาของร้านค้าตรงข้าม ดารินมองตามสายตาของเม้งทันที เห็นคนเดินอยู่บนหลังคา
ฉับพลันทันใดนั้นดารินรวบรวมสมาธิ บันดาลให้ฝนตกลงมาอย่างไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย ชาวบ้านพากันวิ่งหนีชุลมุน กลองยาวเริ่มไม่เป็นจังหวะ เม้งตะโกนเตือนสติกลองยาว
“เฮ้ย” กลองยาวคนหนึ่งชักปืนออกมา ยิงขึ้นฟ้า บรรดาเทวดาบนรถ หลบวูบ
เทวาได้สติยืนขึ้นก่อน ท่ามกลางฝนตกกระหนํ่า มือปืนออกมาที่ระเบียงชั้นบนของร้านเฮียเม้ง ยิงเปรี้ยง แต่ลมสลาตัน ปะทะวูบ เสียงปืนดัง แต่ลูกปืนลอยผิดทิศไปทางอื่น ชาวบ้านวิ่งหนีกันคนละทิศละทาง
ท่ามกลางฝนที่ตกมาอย่างรุนแรง มือปืนโผล่มาทางหลังคาหลายคนรายรอบ ดารินบันดาลให้ฝนตกหนัก เทวาบันดาลให้ลมสลาตันพัดมาอย่างแรง มือปืนพลัดตกลงไปทางด้านหลังอาคาร บ้างก็ตกลงมาที่พื้นดินแน่นิ่ง
มือปืนที่เหลือ วิ่งหนีตาย แต่ก้องกระแทกร่างกับอาคารอย่างแรง พื้นดิน จนสะเทือนไปทั้งถนน มือปืนชะงัก บ้างก็ตกลงมาที่พื้น
เดชกับสิงห์กรูกันเข้าไปต่อย เห็นประกายไฟออกจากหมัด เดชก็มีกายทองแข็งแกร่ง ยืนขวางกระสุนที่พวกกลองยาวยิงใส่ไว้ได้ แต่ไม่เป็นอะไร กลองยาวยิงจนหมดกระสุน เริ่มวิ่งหนี แต่ก้องใช้ความแข็งแกร่งต่อยเตะทำร้าย เช่นเดียวกับสิงห์ที่ใช้ตะบันไฟต่อยมือปืนและกลองยาวจนหมอบไปตามๆ กัน ประกายไฟจากหมัดของสิงห์จากปะทะเม็ดฝนและลมพายุสลาตันทำให้เกิดฟ้าผ่าเปรี้ยงปร้าง
ช่วงจังหวะที่ลมพายุพัดมาเป็นเกลียว นำร่างของเทวาให้ลอยขึ้นไปที่ระเบียงร้านเฮียเม้ง เทวากระชากปืนแล้วถือในมือ เล็งไปที่มือปืน มือปืนยกมือยอมแพ้
“อย่า”
“ใครใช้มา”
มือปืนบอก “กํา...กํานันฤทธิ์”
เทวาโกรธจัด ฟาดด้วยด้ามปืนอย่างแรง มือปืนแน่นิ่งไป
ฟากเฮียเม้งหลบอยู่มุมหนึ่ง เจอดารินทักมาจากด้านหลัง
“หลบอะไรเหรอเฮียเม้ง”
เม้งสะดุ้ง หันมาเห็นดารินก็โล่งอก “ลื้อยุ่งอะไรด้วย ขาดงานไปหลายวัน อั๊วจะไล่ลื้อออก”
ดารินไม่แคร์ “แขกร้านลื้อก็ได้หมดกัน เป็นร้านผีสิงละคราวนี้...เฮียมา อยู่ตรงนี้ เฮียเป็นคนวางแผนฆ่าผู้ใหญ่เทวาใช่มั้ย”
เม้งรีบปฏิเสธ “ซี้ซั้วน่าอาดาริน อั๊วไม่รู้เรื่อง อั๊วยังกลัวตายเลย...ถึงมา หลบที่นี่ มันยิงกันปังๆ ลื้อไม่เห็นเหรอ”
ดารินยิ้ม สายตารู้ทัน “เดี๋ยวผู้ใหญ่บ้านคนใหม่ กลับจากบ้านกํานันคนเก่าก็รู้ รู้เองแหละ”
เทวาพาตัวเองมาอยู่ที่หน้าบ้านของฤทธิ์ ก้องกุมตัวมือปืนที่ถูกตีท้ายทอยไว้ เดช สิงห์ คุมเชิงอยู่ เทวาตะโกนเรียก
“ไอ้ฤทธิ์ ไอ้พี่ทรยศ ออกมาพูดกันให้รู้เรื่อง…ออกมา” สีหน้าเทวาแข็งกร้าวมาก
เดชตะโกนตาม “มุดหัวอยู่ทำไมในบ้านวะ”
สิงห์ต่อ “จริงอย่างที่เขาพูดกันโว้ยว่ากํานันฤทธิ์ขี้ขลาดตาขาว”
ก้องบอก “พังบ้านมันเลยดีกว่า”
เทวายกมือห้ามก้อง ซึ่งบ้าพลัง
ลูกน้องของฤทธิ์หลายคน ออกมาจากข้างใน ล้วนมีอาวุธปืนเตรียมพร้อมจะยิง
“บอกนายพวกเอ็งออกมาพูดกันให้รู้เรื่อง”
ฟากเม้งพูดโทรศัพท์เสียงสั่น “เสี่ยครับ...เกิดเรื่องใหญ่แล้ว นอกจากจะฆ่ามันไม่สำเร็จ ชาวบ้านยังไม่พอใจพวกเรา เห็นทีจะอยู่เกาะมุกลำบาก แล้วละครับ”
ฝ่ายฤทธิ์ก้าวออกมา ลูกน้องประกบอยู่รอบๆ พร้อมปกป้อง ฤทธิ์เห็นกลุ่มของเทวายืนอยู่ เอาเรื่องทุกคน
“มีอะไร”
เทวาถาม “เมื่อไหร่จะเลิกนิสัยหมาลอบกัดเสียที...พี่ส่งคนไปดักฆ่า ผมที่ตลาด ผมจับไอ้นี่ได้ที่ร้านเฮียเม้ง...สมุนรับใช้ไอ้ เสี่ยคงคา...มันบอกว่ากํานันฤทธิ์ใช้มันมา...พี่มีอะไรจะ แก้ตัวมั้ย”
ฤทธิ์จ้องหน้ามือปืน “มันบอกอย่างนั้นเหรอ”
“ใช่”
“มันกล้าซัดทอดมาที่ข้า...ไอ้นี่เห็นทีจะเอาไว้ไม่ได้แล้ว”
โดยไม่มีใครคาดคิดฤทธิ์ชักปืนยิงเปรี้ยงไปที่มือปืนอย่างโหดเหี้ยม ลูกปืนเจาะที่กลางหน้าผากล้มลง ก้องกระโดดหลบทัน แต่ก้อง เดช สิงห์ล้มไปคนละทาง จากนั้นลูกน้องของฤทธิ์ก็เปิดฉากยิงถล่มมายังกลุ่มของเทวา
เทวาหลบ เช่นเดียวกับสิงห์
“ข้าจะป้องกันพวกเอ็ง” พลางเดช กายทอง ลุกขึ้น ร่างกายเป็นสีทองแดง ลูกกระสุนไม่สามารถทำอะไรได้ เนื้อตัวมีนํ้ามันเยิ้มลูกกระสุนแฉลบไปหมด สิงห์ได้จังหวะ ต่อยหมัดชกลม ประกายไฟลอยออกมาจากหมัด เทวาเรียกลมสลาตันมา ลูกไฟจากตะบันไฟของสิงห์ ลอยเป็นลูกเข้าหาบรรดาลูกน้องของฤทธิ์และตัวฤทธิ์ ต่างวิ่งหนีกันไปคนละทาง
ฤทธิ์กระโดดขึ้นเรือสปีดโบ๊ตได้ก่อน ลูกน้องฤทธิ์วิ่งตามมา แต่ไม่ทัน
“นาย...กํานัน รอผมด้วย” ฤทธิ์ไม่สนขับเรือเร็วออกไปทันที
ก้อง สิงห์ เดชวิ่งมา ลูกน้องพากันวิ่งลงทะเลไปหมด เทวาตามมา บอกกับทุกคน
“กลับกันเถอะ พวกมันก็แค่ทำงานตามคำสั่งของคนชั่ว อาจจะทำเพื่อความอยู่รอดก็ได้...ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป เราจะต้องปราบอิทธิพลของพวกมันให้หมดไปจากเกาะ มุกให้ได้”
เดชบอกจริงจัง “ข้าร่วมมือกับเอ็งเต็มที่เลย”
คงคาบันดาลโทสะตบหน้าฤทธิ์อย่างแรง หน้าฤทธิ์หันตามแรงตบ
“นายทำอะไรผิดพลาดหมดทุกอย่าง..เสียแผนหมด”
“ผมพยายามแล้ว แต่พลังเทวดาช่วยมันไว้ได้ นี่มันยัง บุกไปที่บ้านผม ผมหนีมันมานะเสี่ย” ฤทธิ์โอด
คำรณหัวเราะหยัน “น่าจะพิจารณาตัวเองได้แล้วนะนายฤทธิ์ ถ้าคิดว่ามือ ไม่ถึงละก็ อย่าเป็นกำนันเลยดีกว่า”
ฤทธิ์ซึมไป หยาดฟ้าแทรกขึ้น “หยาดบอกแล้วไงคะเสี่ย คนเดียวที่จะปราบไอ้เทวาได้ มีคนเดียวเท่านั้น”
คงคา คำรณ และฤทธิ์ พากันมาอยู่ที่หน้าถํ้าเกาะหัวสิงห์
คงคามองรอบๆอย่างไม่แน่ใจ พลางถาม “ไม่ผิดแน่นะนายฤทธิ์”
“ไม่ผิดครับ ผมจำได้”
นกบินพรูออกจากถํ้า กรูกันมาจิกตีทุกคน พากันปัดป้อง
คำรณบอก “ถ้าทักทายด้วยนกพวกนี้ก็คงไม่ผิดละครับ พ่อ”
ฤทธิ์ตะโกนเรียก “อาจารย์ครับ ช่วยด้วย...ช่วยด้วย”
เสียงคล้ามดังออกมา “เข้ามาสิ” ขาดคำของคล้าม ฝูงนกก็บินหนีขึ้นสู่ท้องฟ้าไปในพริบตา
สามคนเข้ามาภายในถ้ำ คล้ามผุดลุกขึ้นนั่งบนแท่นหิน ชี้หน้ามาที่คงคา
“ข้าจะไม่ช่วยอะไรพวกเจ้า...พวกเจ้าผิดสัญญากับข้า”
คงคาแก้ตัวทันที “ผิดเรื่องอะไรครับอาจารย์”
“ศพข้าไม่มีคนมาหยอดนํ้าผึ้งบำรุงกายสังขารข้ามา นานนับเดือนแล้ว”
“ผมขอโทษ ต่อไปนี้ ผมจะให้เป็นธุระของไอ้ศร...ให้มัน จัดการเรื่องนี้ครับ”
คำรณอ้อนวอน “อาจารย์ต้องช่วยเรานะครับ ตอนนี้เราเดือดร้อนมาก”
คล้ามหันมามองทางฤทธิ์ “ข้าบอกเอ็งแล้วไอ้ฤทธิ์ ไม่มีทางเอาชนะพวกพลังเทวดา ได้ นอกจาก...” คล้ามค้างคำไว้เท่านั้น ทุกคน สนใจฟัง
“บอกมาเถอะครับ ผมพร้อมทุกอย่าง” คงคาว่า
“สลายพลังเทวดา ให้มันแตกแยกกัน ตอนนี้พวกเทวดา มาพร้อมกันทั้ง 5 คนแล้ว มันจะยิ่งปราบได้ยากมากขึ้น เมื่อพลังเทวดาอ่อนแอ พวกมันก็ไร้ความหมาย อย่างที่ สอง พลังทั้งหมดเกิดจากการบัดพลีบูชาอย่างต่อเนื่องยาวนาน พวกเจ้าต้องทำลายแหล่งรวมของพลังนั้นให้ได้”
ฤทธิ์สงสัย “อยู่ที่ไหนเหรอครับ อาจารย์”
“ที่ที่เจ้าเกิดไงล่ะเจ้าฤทธิ์” สีหน้าฤทธิ์อึ้งไปถนัดตา ภาพเจดีย์วัดเกาะมุกใต้ผุดเข้ามาในห้วงคิด
คงคางง “ที่ไหนหรือนายฤทธิ์”
คำรณคาดคั้น “ว่าไงล่ะ”
ฤทธิ์บอกเสียงเครียด “เจดีย์วัดเกาะมุก”
คงคารีบบอก “อย่างที่สองนี่ไม่น่ายากครับ อาจารย์”
คำรณคลานไปหาคล้ามที่หน้าแท่นหิน คงคามองด้วยความสงสัย
“คำรณ จะทำอะไร”
คำรณบอกกับคล้าม “ผมอยากเรียนวิชาจากอาจารย์อย่างจริงจัง เผื่อว่าผมจะใช้พลังจากวิชาของอาจารย์ได้บ้าง”
คล้ามเหลือบมองฤทธิ์ หัวเราะก้องถํ้า “ศิษย์หนึ่งไม่เห็นค่าครูบาอาจารย์ อีกศิษย์หนึ่งกลับ ศิโรราบกราบไหว้ขอเรียนวิชา...เอาสิ...ข้าจะสอนให้ เจ้าอย่างไม่ปิดบังในเวลารวดเร็วที่สุด”
ฤทธิ์นิ่งอึ้งน้อยใจทันที
คงคายิ้มร่า “ดีสิ..คำรณ จะให้พ่อช่วยอะไรก็บอกมาเลยนะ”
คล้ามบอก “วันพรุ่งนี้เจ้ามารับลูกชายกลับบ้านได้ ข้าจะถ่ายพลังให้ มันแทนการเรียนวิชาอย่างค่อยเป็นค่อยไป”
คำรณดีใจตาเป็นประกาย “พรุ่งนี้เลยเหรอครับ อาจารย์ วิเศษจริงๆ เลย”
คงคานำฤทธิ์เดินมาที่เรือ ธง ศรกับพันรออยู่ที่เรือ
พันแปลกใจที่กลับมาแค่สอง “คุณคำรณล่ะครับเสี่ย”
“คำรณอยู่ที่นี่...เอ็งกลับไปที่ถํ้า ไปอยู่เป็นเพื่อนลูกข้า”
พันกลืนนํ้าลาย ไม่อยากไป ศรรีบเสนอตัว “ให้ผมขับเรือใช่มั้ยครับเสี่ย”
“เอ็งก็ต้องอยู่ทำหน้าที่หยอดนํ้าผึ้งให้อาจารย์คล้าม ข้าเคยใช้เอ็งก่อนหน้านี้ เอ็งก็ละเลยหน้าที่ ถ้าขืนเป็น เหมือนเดิมอีก ข้ายิงทิ้งแน่ ไอ้ศร”
ศรหน้าเสียไป พันอมยิ้มสมน้ำหน้าเพื่อน “แล้วผมอยู่ที่นี่ทำไมล่ะครับอาจารย์”
“คอยดูแลลูกข้า”
พันงง “แล้วใครจะขับเรือล่ะครับเสี่ย”
“ให้ไอ้ธงขับ”
สีหน้าฤทธิ์ เริ่มไม่ไว้ใจคงคา พัน ศรหน้าเสียไป แต่ก็ไม่กล้าปฏิเสธ ธงสีหน้าแช่มชื่นกว่าคนอื่นๆ
ขณะเดียวกันนั้น เทวา และบุญกู้ ทั้งสองคนคุยกันอยู่ที่วัด เทวาถามเรื่องที่ค้างคาใจ
“วันที่พี่ฤทธิ์เอามือปืนมายิงผม ถ้าไม่มีฝนที่ตกลงมาอย่าง ไม่ลืมหูลืมตา ผมคงตายไปแล้วครับ น้าบุญกู้...ฝนนั้น เหมือนไม่ใช่ฝนธรรมดา...น้าบุญกู้กับหลวงปู่เคยบอกว่า ผมยังมีน้องเล็กอีกคนไม่ใช่เหรอครับ ตอนนี้เขาอยู่ที่ไหน”
บุญกู้ตอบด้วยสีหน้าอึดอัด “อาจจะอยู่ใกล้ๆ เราก็ได้ พลังเทวดาจะทำให้เขาเผยตัว ออกมาเอง...อย่าคิดตามหาเลย”
“ทำไมล่ะครับ”
“คนที่มีพลังเทวดาเหมือนกัน ก็ไม่ได้หมายความว่าจะ ทำบุญร่วมกัน อธิษฐานมาเป็นมิตรกันเสมอไปหรอก”
“ผมไม่เข้าใจ”
“ก็เหมือนเอ็งกับไอ้ฤทธิ์ไงล่ะ”
เทวา สลาตัน พยักหน้า พอเข้าใจ
ธงขับเรือมากลางทะเล คงคากับฤทธิ์นั่งเผชิญหน้ากันอยู่ จู่ๆ ธงก็จอดเรือกลางทะเล
“เรือเป็นอะไร” ฤทธิ์แปลกใจ
“ฉันสั่งให้มันจอดเองแหละนายฤทธิ์” คงคามองฤทธิ์ สีหน้าไม่ไว้ใจ
“มีอะไรเหรอเสี่ย”
คงคาดึงปืนมาเล็งไปที่ฤทธิ์ “ทำไมเอ็งไม่บอกเรื่องน้องเอ็งยังมีอีกคนหนึ่ง...ตั้งใจจะ เก็บไว้เล่นงานพวกฉันใช่มั้ย นายฤทธิ์”
“เปล่าครับ...ผมเองก็เพิ่งรู้เรื่องนี้”
ธงดึงปืนขึ้นจากที่ซ่อนบริเวณคนขับแล้วเล็งปืนมาที่ฤทธิ์เช่นกัน
“เอาพลังเทวดาของนายมาใช้กับฉันสิ...มาเลย” คงคาหัวเราะเยาะ “ไอ้พวกเทวดานี่ พอหมดพลังก็เหมือนหมดบุญ ไม่มี คุณค่าอะไรสักนิด”
ฤทธิ์ไม่พอใจ “เสี่ยต้องการอะไรครับ”
“เปล่า ก็แค่อยากพิสูจน์ว่านายยังเหมือนเดิมหรือเปล่า”
“ผมยังเป็นลูกน้องของเสี่ยเหมือนเดิม”
“ยอมตายเพื่อฉันได้เลยหรือเปล่า นายฤทธิ์” ฤทธิ์อึ้ง คงคาตวาดถามคาดคั้น “ได้หรือเปล่า”
ฤทธิ์ยังไม่ทันตอบ คงคาก็ยิงใส่ฤทธิ์ แต่จงใจไม่ให้ถูก ฤทธิ์หลบจนหน้าตาเหยเก ล้มลงไปไม่เป็นท่า ลูกปืนแต่ละนัดเฉี่ยวไปอย่างหวาดเสียว ฤทธิ์หอบหายใจแรง คงคาหัวเราะสะใจ
“ทีนี้ตานายบ้าง...อยากรู้ว่านายจะกล้าฆ่าฉัน หรือไว้ ชีวิตฉัน เหมือนที่ฉันไว้ชีวิตนาย”
ฤทธิ์นิ่งแล้วยกมือไหว้ “ผมทำอย่างนั้นไม่ได้หรอกครับ เสี่ย...ผมนับถือเสี่ย เหมือนพ่อของผมคนหนึ่ง”
คงคาหัวเราะ “พ่อเลยหรือวะ”
คงคายื่นมือให้จับ ฤทธิ์จับมือคงคา ทั้งสองคนสบตากัน มีธงยืนคุมเชิงถือปืนอยู่ที่หัวเรือ
ฤทธิ์คิดแค้นในใจ “ไอ้เสี่ยบ้าอำนาจเอ๊ย สักวันจะชำระแค้นให้สาสมกับที่ แกทำกับฉัน”
เช่นเดียวกับคงคาที่ดูแคลนฤทธิ์ “อ่อนหัดอย่างนี้นี่เอง ถึงทำงานไม่เคยสำเร็จ ไอ้คนไม่มีสมอง ฮึ...วันที่ลงจากตำแหน่งก็คงไม่ต่างกับหมาข้าง ถนน หรือไม่ ฉันนี่แหละจะกระชากนายลงมาเอง”
ทั้งสองจับมือกันราวกับรักใคร่เต็มประดา
ฟากดารินอยู่ในห้องพักฟื้นในโรงพยาบาล กำลังประคองปลาดุกนั่งที่เก้าอี้
“ขอบใจมากนะริน”
“ฉันสิต้องขอบใจเธอ ถ้าเธอไม่ไปช่วยฉันที่ร้านเหล้าวัน นั้น ฉันคงตายไปแล้ว เธอไม่น่ารับเคราะห์แทนฉันเลย”
“ไม่เป็นไรหรอก ฉันตาย มันก็แค่นักมวยหญิงไม่มี อันดับตายไป แต่แกสิ ถ้าแกตาย ประเทศชาติจะสูญเสีย อีกมาก”
ดารินนิ่งอึ้ง ถามเสียงเบา “แกรู้”
ปลาดุกพยักหน้า “พฤติกรรมรินมันบอกนานแล้ว ว่ารินมาทำงานบาง อย่างบนเกาะมุก บางทีฉันอาจจะกลับบ้านนะริน คิดถึงพ่อ อีกอย่าง ฉันน่าจะช่วยรินด้วยการส่งข่าว ระหว่างรินกับคนอื่นๆ ที่รินต้องการได้ อย่างน้อย ฉันก็รู้จักใครต่อใครบนเกาะมุกมากพอที่จะปะติดปะต่อ เรื่องราวได้บ้าง”
ดารินยิ้มพอใจ “บางที เสร็จงานนี้แล้ว ประเทศไทยจะมีตำรวจหญิงคน ใหม่ก็ได้”
“หมายถึงฉันหรือเปล่าวะ”
ดารินยิ้มบอก “ใช่” ปลาดุกดีใจกระโดดตัวลอย แล้วก็เจ็บแผล แปล๊บ ร้อง “อูย”
“สม ดีใจไม่ดูสังขาร” ดารินขำ ส่วนปลาดุกยิ้มตาเป็นประกาย
ค่ำแล้ว ภายในถ้ำที่เกาะหัวสิงห์เห็นคบไฟปักอยู่ ทำให้ถํ้ามีแสงสว่าง ศพของคล้ามนอนอยู่บนแท่นหิน คำรณนั่งสมาธิอยู่ ถอดเสื้อเหงื่อโซมกาย พันกับศรค่อยๆ ย่องประคองนํ้าผึ้งในช้อน แล้วค่อยๆ ช่วยกันหยอดเข้าปากคล้าม พลันร่างของคล้ามก็ผุดลุกขึ้น พันกับศรผงะหนีพร้อมกัน อุทานเสียงดังด้วยความตกใจ “เฮ้ย”
คล้ามเอ็ดเอา “เบาๆ หน่อยสิ ทำให้ศิษย์ของข้าเสียสมาธิ” ร่างคล้ามวูบไปที่คำรณ
“พร้อมจะถ่ายพลังจากข้าหรือยัง”
คำรณลืมตาขึ้น มองสบตาผู้เป็นอาจารย์อย่างมุ่งมั่น
อ่านต่อหน้า 2
พายุเทวดา ตอนที่ 14 (ต่อ)
ถนนสายบันเทิงบนเกาะมุกคืนนี้กลับมาคึกคักดังเคย ชาวบ้านและนักเที่ยวจำนวนมาก เดิน ดื่ม กิน ทำหน้าที่ของตนในร้านรวง กลางแสงสีที่เต็มไปด้วยอบายมุขเรียงรายกันอยู่ เทวา และผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านทั้ง 3 สิงห์ เดช ก้อง เดินปะปนกับบรรดานักเที่ยว
เดชหันมาทางผู้ใหญ่บ้านคนใหม่ “ว่าไงผู้ใหญ่ เห็นบรรยากาศแบบนี้แล้วคิดยังไงบ้าง”
“ถ้าพูดถึงเศรษฐกิจก็ดีอยู่ แต่ต้องทำให้ปลอดภัย” เทวาบอก
สิงห์งง “ยังไงวะท่านผู้ใหญ่บ้าน”
“ยาเสพติดต้องไม่มี การค้าประเวณีและการพนันต้อง หมดไปจากเกาะมุก” เทวาบอกจริงจัง
ก้องสัพยอก “แบบนั้นมันวัดแล้วละท่าน”
เทวากับพวกหยุดมองเข้าไปในร้านของเฮียเม้ง ทุกคนเห็น ดารินกำลังเสิร์ฟเหล้าให้แก่แขกที่มาใช้บริการ เสียงเพลงดังกระหึ่ม ดารินหันมาเห็นเทวายืนอยู่ ได้แต่มองสบตาแล้วหันไปทำงานต่อไป เม้งหันมาเห็นก็ออกมานอกร้าน
“หวัดดีครับท่านผู้ใหญ่บ้าน วันนี้มาเยี่ยมกิจการของ พวกเราเหรอครับ”
“ใช่...เหตุการณ์ปกติดีทุกอย่างหรือเปล่าเฮียเม้ง”
“วันนี้ผิดปกตินิดหน่อยครับ”
“อะไรล่ะ”
“คนมีศีลมีธรรมมาเกลือกกลั้วกับแหล่งอบายมุข ฝนคง ตกหนักละครับ” เฮียเม้งแดกดัน
เดชหมั่นไส้ เลยตอบไป “เฮียเม้ง ถ้าเป็นยังงั้นละก็ แสดงว่าผู้ใหญ่เทวามีบุญหนัก ศักดิ์ใหญ่เชียวนะ ถ้าเป็นจริงละก็ เฮียเม้งจะกราบแทบเท้า ผู้ใหญ่เทวาหรือเปล่าล่ะ”
สิงห์กับก้องหัวเราะกัน “คนมีบุญมาถึงหน้าร้าน ทำไมไม่นั่งลงกราบล่ะ” ก้องว่า
เม้งมองสิงห์ ก้อง และเดชอย่างไม่พอใจ ตอบกลับมาเสียงดัง
“ถุย...ก็ให้ฝนตกลงมาก่อนสิวะ ข้าถึงจะกราบมัน...ไอ้ ผู้ใหญ่บ้านเด็กวัด ใครนับถือก็นับถือไป แต่อั๊วไม่โว้ย”
ดารินยืนฟังอยู่ หลับตาตั้งสมาธิ “พายุฝน ตกลงมาทำลายความเชื่อมั่นของเฮียเม้งที่เถิด”
ขาดคำของดาริน ฝนก็ตกกระหนํ่าลงมาอย่างไม่ลืมหูลืมตา เดช ก้อง สิงห์ เทวาวิ่งหลบฝน
เม้งวิ่งเข้าไปในร้าน ดารินถามทันที “ฝนตกแล้ว ทำไมเฮียไม่กราบผู้ใหญ่ล่ะ”
เม้งหัวเสีย “ไม่ใช่เรื่องของลื้อ…อั๊วไม่มีวันกราบมันหรอก ไอ้พวกเทวดาพวกนี้มันเล่นกลได้ คนก็งมงายนับถือมัน ได้ นี่มันก็คงเรียกฝนให้ตกลงมา”
ดารินเดินไป สีหน้าขำๆ ส่ายตัวตามจังหวะเพลงอยู่ท่ามกลางนักดื่ม ส่วนข้างนอกฝนตกหนัก
เทวากลับถึงห้องพักในกุฏิ ใช้ผ้าผืนเล็กเช็ดผมที่เปียกอยู่ ถอดเสื้อนุ่งผ้าเช็ดตัว เตรียมตัวอาบนํ้า
“ฝนตกลงมาอย่างไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ยเลยครับ น้าบุญกู้... ผมเชื่อว่าน้องเล็กจะต้องอยู่บนเกาะมุกนี้แน่ๆ เธอต้องมี พลังเทวดาที่เกี่ยวข้องกับนํ้าแน่ๆ”
บุญกู้นั่งนิ่งตอบเบาๆ “สักวันก็คงเผยตัวออกมาเองแหละเทวา”
เทวาหยุดเช็ดผม หันมองบุญกู้ “น้าพูดเหมือนกับรู้แล้วว่าน้องเล็กเป็นใคร”
“เปล่า ข้าพูดตามที่หลวงปู่เคยพูดไว้ ผู้มีพลังเทวดาจะมา รวมตัวกันและทำหน้าที่ปกป้องทรัพย์แผ่นดินด้วยกัน”
เทวานิ่งคิด
อีกฟากที่เกาะหัวสิงห์ บนแท่นหินในถ้ำ คล้ามกับคำรณนั่งเหยียดขา หันหลังพิงกัน เสียงฟ้าร้อง ฟ้าผ่าดังเปรี้ยงๆ มาจากข้างนอก พันกับศรนั่งติดกัน เหลียวมองไปรอบๆ ที่ร่างกายของคำรณมีประกายแสงเรืองๆ เหมือนพลังจากคล้ามซึมแทรกไปทุกอณูของร่างกายคำรณ
เสื้อที่คำรณใส่ปริขาดออกจากกัน เผยให้เห็นลำตัวมียันต์ปรากฏอยู่เต็มร่างกาย พันกับศรมองอย่างตะลึง
คำรณกลับมาถึงบ้านในตอนเช้าของวันต่อมา
สามสมุนปรับทุกข์กันอยู่มุมหนึ่ง ศรส่ายหน้า บ่นกับทั้งสองคนท่าทีเซ็งๆ
“นี่ข้าต้องไปที่ถํ้าบ้าๆ นั่นทุกเดือนเหรอไงวะ..ทำไม ต้องเป็นข้าด้วย”
พันหันมาทางธง “ไอ้ธง เอ็งสบายกว่าเพื่อน”
“สบายอะไร วันนั้นถ้าไอ้ฤทธิ์มันใช้พลังเทวดาขึ้นมา ข้ากับเสี่ยก็คงตายไปแล้ว”
คำรณเข้ามาได้ยินพอดี “ถ้าไอ้ฤทธิ์มันกล้าทำยังงั้น ก็ต้องเจอข้าหน่อยละ... ต่อไปนี้ ข้าไม่กลัวใครแล้ว”
หยาดฟ้ากับคงคาเข้ามาพร้อมกัน หยาดฟ้าประเหลาะตอแหลเอาใจ
“น่าตื่นเต้นจังค่ะคุณเทวา เสี่ยเล่าให้หยาดฟังหมดแล้ว นี่คุณคำรณคงได้วิชามาใช้ป้องกันตัวเต็มที่เลยใช่มั้ยคะ”
คำรณคุยโต “ไม่ใช่แค่ป้องกันตัวนะ ใช้ต่อสู้ทำร้ายคนอื่นก็ได้”
หยาดฟ้ามองหน้าคงคา ยิ้มพอใจ “เสี่ยบอกเลยสิคะว่าจะต้องให้คุณคำรณช่วยทำอะไรบ้าง”
“อะไรเหรอพ่อ”
“อาจารย์คล้ามบอกว่าถ้าทำให้พวกมันแตกสามัคคีกัน ไม่ได้ก็ต้องทำลายแหล่งรวมพลังมัน จำไม่ได้เหรอ คำรณ”
คำรณยิ้มเหี้ยมออกมา
ขณเดียวกันดารินเดินเข้ามาในวัด บรรยากาศสงบเงียบน่าเลื่อมใส หล่อนเหลียวมองมุมงดงามต่าง ๆ เช่น ช่อฟ้า ใบระกาภายในบริเวณวัด ดารินเดินเรื่อยมาจนถึงเจดีย์ หญิงสาวรู้สึกปวดศีรษะขึ้นมา
“เป็นอะไรเนี่ย” ดารินหน้านิ่ว ทำท่าจะเซเป็นลม
เสียงบุญกู้ดังขึ้น “เป็นอะไรหรือแม่หนู”
ดารินตาพร่ามองเห็นบุญกู้พร่าเลือน
“หนู...หนู…” ร่างของดารินร่วงผล็อยลง
บุญกู้ตกใจ มองร่างของดารินที่นอนแน่นิ่งอยู่กับพื้น บุญกู้มองไปที่องค์เจดีย์
“หลวงปู่...หรือว่า...”
ฝ่ายเม้งออกมาต้อนรับคำรณกับสมุน
“อาคุณคำรณ มาแต่วัน ร้านผมยังไม่เปิดเลยครับ ต้อง ดึกๆ หรือว่ามีธุระอะไรให้ผมรับใช้”
“มี...จำได้ว่าที่ร้านมีพนักงานเสิร์ฟคนหนึ่งชื่อดาริน.. เธอยังทำงานอยู่หรือเปล่า”
“อยู่...ผมจะไล่มันออกตั้งหลายครั้งแล้ว แต่แขกติดมัน ก็เลยจำใจให้มันทำงานอยู่ มันก่อเรื่องอะไรขึ้นมาอีก เหรอครับ”
“เปล่า ถ้าคืนนี้มาทำงาน เฮียเม้งโทร.บอกผมด้วย”
เม้งมองคำรณอย่างงงๆ คำรณยัดเงินใส่มือเม้งปึกใหญ่ เม้งหายสงสัยทันควัน
“ได้เลยครับ คุณคำรณ”
คำรณกับพวกเดินไป เม้งมองตาม “นังดารินอีจะได้ผัวเศรษฐีละมั้ง”
รถแล่นมาตามถนนบนเกาะมุก คำรณนั่งคู่กับธง ซึ่งเป็นคนขับ รถเก๋งสี่ประตูขับเฉิดฉายเป็นที่ต้องตาคนทั่วไป พันกับศรนั่งอยู่เบาะหลัง ทุกคนอยู่ในกิริยาพร้อมอารักขาคำรณ รถแล่นผ่านไปมุมหนึ่ง
ก้องแบกกระเป๋าจากท่าเรือขึ้นมาที่ท่ารถ วางกระเป๋าลง เป็นจังหวะที่รถเก๋งของ คำรณผ่านหน้าไปอย่างช้าๆ คำรณมองมาที่ก้อง ก้องมองตามไปเช่นกัน แล้วก็ตัวชาวาบ เมื่อเห็นดวงตาของคำรณเป็นสีแดงจัด เหมือนไม่ใช่ตามนุษย์ ก้องหน้าซีด
ดารินฟื้นแล้วนั่งอยู่บนแคร่ ข้างๆ มีบุญกู้อยู่คอยดูแล
“น้าช่วยบอกหนูหน่อยเถิดว่าหนูเป็นใคร...ทำไมหนูต้อง มาที่เกาะมุก...หนูรู้สึกว่าหนูมีพลังพิเศษ อยากทำอะไรก็ ทำได้อย่างใจนึก โดยเฉพาะถ้าเรื่องนั้นเกี่ยวกับฝนและ นํ้า”
“ทำไมหนูถึงตั้งใจมาที่นี่ แล้วถามคำถามนี้กับน้า”
“เพราะหนูรู้ว่าน้าเลี้ยงพวกของเทวามา เขามีพลังพิเศษ บางอย่างที่คนอื่นไม่มี แต่บังเอิญหนูมี...มันเกิดขึ้นเอง นะคะ หนูไม่ได้ไปหามาจากไหน”
บุญกู้ยิ้ม “หนูชื่อวารินใช่มั้ย”
ดารินตกใจ ถามกลับเบาๆ “วาริน...น้าไปเอาชื่อนี้มาจากไหน”
บุญกู้ฉงน “อ้าว หนูไม่ได้ชื่อวารินหรอกรึ...หรือว่าเปลี่ยนชื่อ เดี๋ยวนี้ ใคร ๆ ก็ชอบเปลี่ยนชื่อกัน”
“หนูชื่อดารินมาตั้งแต่เล็กแล้วค่ะน้า...ไม่ใช่วาริน”
“วารินแปลว่านํ้า หนูมีพลังของนํ้า หนึ่งในนักเลงเทวดา ตามน้ามานี่สิ”
บุญกู้ลุกขึ้นเดินนำไปทางโบสถ์มหาอุตม์ ดารินจึงลุกขึ้นตามไป
เทวา เดช และสน อยู่ที่บ้านพัก ที่ทำการผู้ใหญ่บ้าน กําลังจัดเตรียมเอกสารเข้าแฟ้ม ก้องวิ่งมา เห็นป้ายเขียนไว้ที่มุมหนึ่งว่า “ที่ทำการผู้ใหญ่บ้าน เกาะมุก”
“เร็วเถอะวะ ข้าว่าไม่ใช่เรื่องดีแล้วละ”
ทุกคนหันมา เทวาถาม “อะไรวะก้อง”
“ไอ้...ไอ้...คำรณ” ก้องตื่นเต้น ตกใจมาก
เดชบอก “ค่อยๆ พูด พูดช้าๆ ไอ้ก้อง”
“มันมาที่นี่ ท่าทางมันเหมือนไม่ใช่คน ดวงตามันสีแดง จัดเลยนะ เหมือนตาปีศาจ”
สิงห์ส่ายหน้า “ไอ้ก้อง เอ็งเมาหรือเปล่าวะ”
ก้องฉุน “โธ่ ไอ้สิงห์ ข้าไม่ใช่คนกินเหล้าอย่างเอ็งนะโว้ย”
สนนิ่งคิด พยักหน้าเหมือนไตร่ตรอง
“ลุงว่ามีส่วนเป็นไปได้ ดูอย่างนายฤทธิ์สิ ยังแสวงหา อาจารย์มาต่อสู้กับพลังเทวดาของพวกเรา แล้วทำไม นายคำรณจะทำบ้างไม่ได้”
“ถ้าหากว่ามันใช้พลังมาร เราก็เหนื่อยหน่อยละ...คืนนี้ ยังต้องทำงานตามแผนที่วางไว้...หรือทุกคนว่าไง” เทวาถามความเห็น
ทุกคนพยักหน้ารับ แววตามุ่งมั่น
ทางด้านบุญกู้พาดารินเข้ามาในโบสถ์มหาอุตม์ องค์พระประธานงดงามแม้จะดูเก่าแก่มาก ดารินนั่งลงแล้วกราบพระ ก่อนจะมองไปรอบๆ พบว่าโบสถ์มหาอุตม์ไม่มีหน้าต่างเลยสักบาน
“ที่นี่เป็นโบสถ์มหาอุตม์...ไม่มีหน้าต่าง โบราณเชื่อว่า ศักดิ์สิทธิ์นักนะแม่หนู...ใช้ปลุกเสกวัตถุมงคล แม้แต่ เราเอง มาสวดมนต์ นั่งสมาธิในนี้ก็พลอยได้รับพลัง ศักดิ์สิทธิ์ไปด้วย” บุญกู้ว่า
ดารินยิ้มบางๆ ดวงตาแจ่มใส “น้าเล่าเรื่องให้หนูฟังบ้างสิ ว่าเด็กหญิงวารินคนที่น้าว่า นั่นเป็นใครกัน”
บุญกู้มองหน้าดาริน ส่ายหน้า “พ่อหนูชื่ออะไร”
“พ่อหนูชื่อร้อยตำรวจเอกสุชาติค่ะ แม่ชื่อแม่มณี ตอนนี้ ตาบอด...อยู่กรุงเทพฯ กับน้าชายชื่อบุญเกิด”
บุญกู้ตกใจนิดๆ “ตาบอด...จริงเหรอแม่หนู”
“ค่ะ พ่อเป็นตำรวจ น้าบุญเกิดเล่าว่าพ่อปราบปรามขบวน การค้ายาเสพติด แล้วโดนพวกมันฆ่าตาย แม่หนูก็พลอย ถูกมันทำร้ายจนตาบอด”
“บุญเกิดมันเป็นน้องชายของน้าเอง” บุญกู้เสียใจ เสียงเครือ นํ้าตาไหล “ไม่ได้เจอกันนาน มันยังทำหน้าที่นี้อยู่เหรอ”
ดารินงุนงง “อะไรนะคะ”
“น้องชายน้าเป็นตำรวจ ติดตามพ่อหนู หลังจากเกิดเหตุ มันก็หายสาบสูญไป”
ดารินร้องไห้ออกมา “น้าขา...น้าเล่าหน่อยเถิดว่าหนูเป็นใคร...บอกหนูมาตาม ความจริงเถอะค่ะ”
บุญกู้นํ้าตาไหลพราก ท่านน้ำตาทำให้มองเห็นดารินเป็นภาพพร่าเลือน
“หนูไม่ใช่ลูกของพ่อสุชาติกับแม่มณีหรอกนะ แต่หนูคือ เทพที่ถือกำเนิดแบบโอปปาติกะ กำเนิดมาด้วยพลังของ เทพ เพื่อมาปกป้องบ้านเมือง เมื่อหนูเกิดมาเป็นหญิง หลวงปู่เกรงว่าหากเลี้ยงไว้ในวัด จะถูกติฉินได้ในภาย หน้า จึงยกหนูให้เป็นลูกของสุชาติ...หนูจึงต้องกลับมา ที่นี่ไงล่ะ น้าคิดว่าบุญเกิดมันรู้เรื่องนี้ดี แต่มันไม่ยอมบอกใคร”
ดารินสะอื้นเบาๆ “เพราะไม่ปลอดภัยนี่เอง แม่หนูจึงเปลี่ยนชื่อจากวาริน เป็นดาริน”
มีเสียงรถแล่นเข้ามา บุญกู้ชะโงกออกไปมองข้างนอก แล้วหันกลับเข้ามา
“เช็ดนํ้าตาซะลืมเรื่องนี้ให้หมด อย่าเล่าให้ใครฟัง ไม่งั้น หนูเองจะไม่ปลอดภัย...อย่าออกไปไหนนะ ปิดประตู ลงกลอนซะ”
บุญเกิดออกไป ดารินยังงงๆ แต่ก็รีบไปลงกลอนประตู แล้วหันกลับไปมองที่องค์พระพุทธรูป ยกมือขึ้นไหว้ นั่งลง
“หลวงปู่ขา...หนูกลับมาแล้ว ปกปักรักษาหนูด้วยนะคะ”
บุญกู้ออกมา แอบซุ่มดูอยู่มุมหนึ่ง ห่างๆ เห็นคำรณและพวกเดินอยู่รอบๆ เจดีย์ คำรณใช้มือเคาะเจดีย์
“เก่าแก่จนแทบทรุดลงมาได้เอง ทำไมคนถึงโจรกรรม สมบัติไม่ได้”
พันบอก “ถ้ามันง่ายอย่างที่คุณคำรณว่า ก็อย่าช้าเลยครับ ลงมือ ตอนนี้เลยดีมั้ยครับ”
ธงกับศรเหลียวมองไปรอบๆ ธง ไม่มีคนอยู่ด้วย เงียบสงบเหมือนวัดร้าง
“ข้าว่าค้นดูดีกว่าว่ะ...ได้ข่าวว่าตั้งแต่หลวงปู่มรณภาพ ไปแล้ว วัดนี้แทบกลายเป็นวัดร้าง มีพระมาอยู่ได้ไม่กี่ วันก็ต้องไป มันต้องมีอะไรเฮี้ยนมากเลยนะครับ” ศรบอก
คำรณตวาดทันที “ปอดหรือวะไอ้ศร...ข้านี่แหละที่จะทำให้พวกเอ็ง รู้ว่าพลังของอาจารย์คล้ามไม่เป็นสองรองใคร”
คำพูดโอหังนั้นกระแทกเข้าหน้าของบุญกู้ทันที
“คล้าม...ไอ้คล้ามอีกแล้วหรือนี่”
คำรณลงนั่งสมาธิตรงหน้าเจดีย์ “โอม...นกปากเหล็กจงมา จิกเจดีย์นี้ให้ย่อยยับในพริบตา ด้วยเถิด” ปากของคำรณ ท่องคาถารัวเร็ว ดวงตาของคำรณเป็นสีแดงฉาน
มองจากมุมสูงลงมา เห็นอีกาปากเหล็ก พากันรุมจิกที่องค์เจดีย์ ปูนกะเทาะร่อนออกเป็นผุยผง ร่วงหล่น
พันชี้ “ดูสิ ปูนกะเทาะออกแล้ว”
ศรยิ้มย่อง “อีกไม่นานเราก็จะได้สมบัติที่อยู่ข้างในนั้น”
อีกาอาคมจิกจนสะเทือน ฟ้าครืนๆ ผ่าเปรี้ยง
เทวาหยุดงานตรงหน้า หันขวับที่นอกหน้าต่าง
สิงห์เหลียวมองตาม “เสียงฟ้า...เหมือนมีใครใช้อาคม”
เทวาบอกทุกคน “ถ้าเป็นอย่างไอ้ก้องว่า ไอ้คำรณมันต้องใช้วิชามารที่วัด”
ก้องตกใจเป็นห่วงชายหลังค่อม “น้าบุญกู้”
เดชเร่งใหญ่ “รีบไปเถอะวะ”
สนเห็นด้วย “ลุงว่ารีบไปเถอะ ป่านนี้มันมิขุดเจดีย์แล้วเหรอ”
เทวาผลุนผลันนำออกไปก่อนอย่างเร็วรี่ ทุกคนตามไป
ทุกคนออกมาจากข้างใน อยู่ตรงลานหน้าบ้าน
ก้องหันมาถามเดช “ไอ้เดช รถอยู่ไหน”
เทวาเอ่ยขึ้น “ถึงไงก็ไม่ทันหรอก...หลวงปู่เคยบอกว่าถ้าเรารวมพลัง กันส่งจิตไปถึงที่หมาย พลังเทวดาก็เกิดขึ้นได้”
ทั้งสี่คนจับมือประสานพลังกัน มองไปที่ท้องฟ้า แล้วเห็นท้องฟ้าปั่นป่วน ลมพายุพัดแรงอยู่ด้านบน ต้นไม้ส่ายไหวโบกโบย
เดช เนื้อตัวเป็นสีทองแดง รวบรวมพลังจนแผ่นทองแดงลอยขึ้นไปบนฟ้า ปลิวไปพร้อมกับลมสลาตันของ เทวา สิงห์ออกหมัดตะบันไฟ กลายเป็นลูกไฟลอยไปบนฟ้า ส่วนก้องก็กระทืบพื้น จนแผ่นดินสะเทือน ฟ้าผ่าเปรี้ยง สนมองอย่างตะลึง
ตรงพื้นรอบๆ เจดีย์แลเห็นปูนร่วงกราว ลมสลาตันพัดแรง คำรณหัวเราะลั่น ลูกไฟและแผ่นทองแดงลอยปลิวมาร่วงใส่กลุ่มของพัน อีกาปากเหล็กยังคงทำหน้าที่อยู่ แผ่นดินสะเทือนเลื่อนลั่น กลุ่มของพัน กลิ้งไปตามแรงสะเทือน
ดารินออกมาจากในโบสถ์ ยืนอยู่ในมุมลับตา หล่อนหลับตาลง เข้าสู่สมาธิ
ทันใดนั้นเอง บังเกิดฝนหอกพุ่งตกลงมาเสียบอีกาปากเหล็กร่วงหล่น ปีกสีดำร่วงเต็มพื้นลานเจดีย์ คำรณตกใจ อีกาปากเหล็กหายไป ฝนหอกยังพุ่งใส่กลุ่มของพัน ธง ศร ทั้งหมดหนีไปแอบที่ใต้กุฏิ เห็นหอกพุ่งปักใส่ผนังอย่างแรง และเร็ว บุญกู้ยืนตะลึง
คำรณตะโกนสั่ง “กลับก่อนโว้ย” แล้ววิ่งนำไปก่อน วิชาในตัวทำให้เขาสามารถย่นระยะทางกระโดดแค่สองทีก็ออกพ้นไปจากกําแพงวัด ส่วนพัน ธง ศรวิ่งหนีกันไม่คิดชีวิต ฝนหอกยังตามติด แต่ไม่โดน สามสมุนรอดตายหวุดหวิดอย่างน่าหวาดเสียว
บุญกู้ตรงเข้ามาถามดารินทันที “แม่หนูออกไปช่วยใช่มั้ย”
ดารินพยักหน้า “นี่ไง หลวงปู่ เคยบอกไว้ว่าพลังของแม่หนู คือพลังของฝน แต่เป็นฝน ที่บันดาลให้เป็นยังไงก็ได้...นี่ถ้าได้ร่วมมือกับพลัง เทวดาของเทวาด้วยนะ ลมกับฝนจะพัดพาสิ่งชั่วร้ายออกไปจากเกาะมุกได้เลยละ... อ้อ แม่หนูกลับไปก่อน เถอะ แล้วค่อยมาใหม่นะ...น้ายังไม่อยากให้ใครสงสัย แม่หนูจะได้ช่วยพวกเทวาอย่างลับๆ ได้”
“ค่ะน้า...หนูไปก่อนนะคะ” ดารินไหว้บุญกู้ แล้วออกไปอย่างเร็ว
ดารินรีบนั่งลงหลบรถของเดชที่เลี้ยวเข้าประตูวัดมา ไม่มีใครเห็นดาริน เมื่อรถผ่านไปแล้ว ดารินจึงออกไปนอกวัด
ร่องรอยการต่อสู้ยังปรากฏให้เห็นอยู่ เศษปูนยังหล่นอยู่ที่พื้น เพียงแต่ไม่มีหอกจากฝนของดาริน ไม่มีขนอีกา
“นี่มันมาสกัดปูนหวังเจาะขุดสมบัติหรือนี่” เทวาว่า ทุกคนมองที่องค์เจดีย์
“เอ็งดูสิ...มีเศษปูนเต็มไปหมด แต่องค์เจดีย์กลับไม่บิ่น หรือกะเทาะเลย” เดชบอก
“ศักดิ์สิทธิ์จริงๆ หลวงปู่” สิงห์ยกมือไหว้
ก้องเหลียวหา “น้าบุญกู้ล่ะ”
เทวาบอกเพื่อนๆ “แยกย้ายกันหาให้ทั่ววัด ข้าจะไปทางโบสถ์” เทวาวิ่งไปที่โบสถ์ ทุกคนแยกวิ่งกันไปคนละทาง บ้างก็วิ่งขึ้นไปบนกุฏิ บ้างวิ่งไปที่ศาลา
บุญกู้ยืนนิ่งอยู่ในโบสถ์ เห็นพระประธานอยู่ด้านหลัง เทวาเข้ามาอย่างร้อนใจ
“น้าบุญกู้เป็นอะไรหรือเปล่า แล้วมันเป็นฝีมือใคร น้าเห็น หรือเปล่า”
“ไอ้คำรณกับพวก” เทวาได้ฟังขบกรามแน่น โกรธจัด
“คิดแล้วว่าต้องเป็นมัน”
“มันเรียนวิชาอาคมกับไอ้คล้าม คนที่ฆ่าหลวงปู่ตาย”
“แต่มันก็ทำอะไรเจดีย์ไม่ได้ใช่มั้ย”
“โชคดีที่มีคนมาช่วย” บุญกู้บอก
“ใคร”
“น้องเล็ก...คนที่พวกเรากําลังตามหาอยู่น่ะแหละ”
“แล้วอยู่ไหน..เป็นน้องเล็กแน่เหรอน้าบุญกู้ ไหนล่ะ ไหน”
เทวาเหลียวมองไปรอบๆ โบสถ์
บุญกู้บอก “ไปแล้ว...สักวันเอ็งก็จะได้เจอ”
“ทำไมน้าไม่ชวนอยู่ที่นี่เลยล่ะ”
บุญกู้ไม่ตอบ เทวาหงุดหงิดเล็กๆ
“เก็บเรื่องนี้เป็นความลับนะ แม้แต่ไอ้สิงห์ ไอ้ก้อง หรือไอ้เดชก็ให้รู้ไม่ได้” บุญกู้กำชับ
“ลับลมคมในขนาดนั้นเลยเหรอน้า”
คำรณกลับมาถึงบ้านพักของฤทธิ์ตอนค่ำ และโกรธสุดขีด ตบหน้าฤทธิ์อย่างแรงจนหน้าหัน
“ทีนี้จะรู้หรือยัง...หาไอ้ฤทธิ์”
“ผมไม่ทราบจริงๆ ครับ...ที่คุณคำรณเล่ามา ผมก็ไม่เคย เห็น..ฝนหอกฝนเหล็ก ไม่มีหรอกครับ หลวงปู่ไม่เคย สอน หรือไม่ก็อาจจะสอนไอ้เทวา”
คำรณเครียดจัด งุ่นง่าน “แม้แต่อีกาปากเหล็กของข้าก็ยังสู้อาคมมันไม่ได้ ยังมี วิชาของอาจารย์คล้ามวิชาไหนอีกที่มันขลังมากกว่านี้ เฮ้ย มุดหัวไปอยู่ไหนหมดวะ”
พัน ธง ศรรีบวิ่งมา “ครับนาย”
“เบื่อโว้ย ไปเที่ยวกัน” คำรณเดินออกไป มีลูกน้องทั้งสามเดินตาม
ลูกน้องของฤทธิ์เข้ามา มองฤทธิ์ด้วยความสงสาร “มีโทรศัพท์จากคุณหยาดฟ้าครับ บอกให้กำนันโทร.กลับ”
ฤทธิ์ยิ้มออก “หยาดฟ้า”
ไม่นานต่อมาฤทธิ์พูดโทรศัพท์สีหน้าแจ่มใส “คุณหยาด ผมคิดถึงคุณเหลือเกิน”
หยาดฟ้าอยู่ในห้องนอนบ้านเสี่ยคงคา “อย่าเพิ่งหวานเวลานี้เลยนายฤทธิ์ ฉันต้องการความช่วยเหลือ”
“คุณหยาดมีอะไรให้ผมช่วยเหลือ”
“ฉันไม่อยากอยู่ในนรกขุมนี้แล้ว...แต่ไม่รู้จะหนีจากพวกมันได้ยังไง ตั้งแต่คำรณกลับมาก็คิดว่าตัวเองเป็น ผู้วิเศษ บ้าประลองวิชาจนวุ่นวายกันไปหมด”
ฤทธิ์เครียดและแค้นเมื่อนึกถึงตอนถูกคำรณตบหน้า
“อดทนนะครับ...เกิดอะไรขึ้น เล่าให้ผมฟังหน่อยสิ บางทีคุณอาจสบายใจขึ้นบ้าง”
หยาดฟ้านิ่ง เล่าเรื่องให้ฟัง
โดยในตอนนั้น หวานใจลากตัวเปียมาทางหนึ่ง เปียกรีดร้อง กัดและเตะถีบเท่าที่จะทำได้
“นังเปีย วอนซะแล้ว ไม่รู้เหรอว่าฉันน่ะนักมวยเก่านะยะ”
เปียไม่สนใจยังคงร้องเสียงดังอยู่ หวานใจตบหน้าเปียอย่างแรง เปียทรุดลงไป สะอื้นฮักๆ หอบเหมือนจะขาดใจ
กานดาวิ่งมา พร้อมประคองเปียไว้
“ทำไมถึงโหดร้ายยังงี้ ทำคนไม่มีทางสู้”
“เป็นคำสั่งของคุณหยาดฟ้าค่ะ..ถ้าคิดว่าหวานผิด คุณผู้หญิงก็ไปเอาผิดกับคุณหยาดเองสิคะ โน่นค่ะมาพอดี”
หยาดฟ้าเดินมา กานดาเปิดศึกก่อนเลย
“เธอต้องจัดการเรื่องนี้ซะที เอาคนมากักขัง ฉันจะแจ้ง ความจับหล่อน คราวนี้แหละเขาจะได้ขุดคุ้ยหล่อนละว่า มีคดีเก่าอยู่กี่คดี”
“ก็เอาสิ ทุกคดีพัวพันกับผัวแกทั้งนั้น ถ้าติดคุกก็ติด มันพร้อมกันนี่แหละ กล้ามั้ยล่ะ” หยาดฟ้าท้า
คำรณกับคงคาเดินมาอย่างเร็ว คงคา พอๆ เสียงดัง อายชาวบ้านเขาบ้าง...มันอะไรกัน
หยาดฟ้า ก็เมียคุณสิคะ ด่าว่าหยาดฉอดๆๆ หยาดไม่อยากทนแล้ว นะคะ เรื่องก็มาจากอีบ้านี่แหละค่ะ ไม่รู้จะแหกปากร้อง หาสวรรค์วิมานที่ไหน เมื่อไหร่เสี่ยจะฆ่ามันทิ้งทะเล ซะที...รำคาญจะแย่แล้ว
คำรณโมโห อย่าก้าวร้าวแม่ฉันนะ
หยาดฟ้าหันขวับไปที่คำรณ ดวงตาผิดหวัง “คุณคำรณคิดว่าเป็นความผิดของหยาดเหรอคะ”
“ผิดหรือไม่ผิด เขาก็เป็นแม่ฉัน”
“เสี่ยขา หยาดไม่ยอม หยาดเป็นเมียเสี่ยนะคะทั้งลูกทั้งเมียคุณรุมทำร้ายหยาด...คุณต้องยุติธรรมกับ หยาดนะคะ”
หวานใจยิ้มสะใจ
คงคาบอกกานดา “ถ้าเธอสงสารนังเปีย ก็เอาไปเลี้ยงดูเอง แต่ฉันปล่อยมัน ไม่ได้หรอก จะเก็บไว้เป็นตัวประกัน อย่างน้อยไอ้สิงห์ มันก็ไม่กล้าทำอะไรเรา”
หยาดฟ้าหัวเราะใส่หน้ากานดา “เห็นหรือยังล่ะคะคุณผู้หญิง มุดหัวอยู่แต่ในเรือนเล็ก เลยไม่รู้ว่านังบ้านี่เป็นตัวเงินตัวทองสำคัญสำหรับพวกเรา”
คำรณตวาด “ฉันบอกให้เธอหยุดก้าวร้าวแม่ฉัน”
หยาดฟ้าสวน “ไม่หยุด”
คำรณว่าคาถาเบาๆ แล้วเป่าพรวดไปที่หยาดฟ้า หยาดฟ้างอตัวปวดท้องเหมือนมีคนบิดไส้ร้องโอดโอย
“โอ๊ย...ช่วยด้วย”
พร้อมนิ่งตะลึง เช่นเดียวกับหวานใจ
“จำไว้ ถ้าใครกล้าดีขึ้นเสียงกับฉัน จะเจอดียังงี้” คำรณหันมาทางคงคา “ผมจะไปเกาะมุก ผมเชื่อว่าวิชาของผมปราบ ไอ้พวกเทวดาได้”
หยาดฟ้ากรีดร้อง คงคาร้องบอกลูกชาย “คำรณ อย่าให้หยาดฟ้าเป็นยังงี้ กลับมาก่อน”
คำรณหัวเราะ เหมือนเห็นว่ากิจกรรมที่ทำร้ายหยาดฟ้าเป็นเรื่องสนุก เป่าพรวดทีเดียว หยาดฟ้าหายเป็นปลิดทิ้ง
คงคาหัวเราะ “เออ วิชาของแกนี่แน่จริงว่ะคำรณ”
เมื่อฟังเรื่องราวจบลง ฤทธิ์ยิ้มเจ้าเล่ห์พลางบอก
“ถ้าอย่างนั้น เราก็มีศัตรูคนเดียวกัน...เราต้องร่วมมือกัน นะคุณหยาด ผมรับรองว่าผมจะให้ทุกสิ่งทุกอย่างแก่คุณ ผมยอมเป็นทาสคุณไปทั้งชีวิต”
หยาดฟ้าหัวเราะใส่จริต “ขนาดนั้นเลยเหรอนายฤทธิ์”
อ่านต่อหน้า 3
พายุเทวดา ตอนที่ 14 (ต่อ)
คํ่าวันเดียวกัน เฮียเม้งต้อนรับคำรณที่เข้าร้านมาด้วยสีหน้าร่าเริง บรรยากาศในร้านมีลูกค้าอยู่เต็ม เสียงเพลงดังเร้าอารมณ์ ดารินทำงานอยู่ หล่อนพูดคุยกับแขก หัวเราะร่าเริง หว่านเสน่ห์ไปทั่วร้าน
“ผมไม่ลืมที่รับปากกับคุณคำรณไว้หรอกครับ...เดี๋ยว ผมจัดการให้” เม้งกระซิบที่ข้างหู คำรณหัวเราะชอบใจ หันมาบอกลูกน้อง
“เฮ้ย...วันนี้เต็มที่”
พัน ธง ศรหัวเราะให้กัน
เม้งพาคำรณเข้ามาในห้องนอน “ห้องนี้ผมใช้รับรองแขกระดับวีไอพีเท่านั้นครับ”
“อย่างผม...”
“ถูกต้องครับ..รอเดี๋ยว แป๊บเดียว ใจเย็นๆ” เม้งลงไปข้างล่าง คำรณทิ้งตัวลงบนเตียง มองไปรอบๆ ห้อง สีหน้าย่ามใจ
เม้งลงมาตะคอกกับดารินเบาๆ “แขกวีไอพี แค่ขึ้นไปเสิร์ฟเหล้าจะตายหรือไง...ไป”
ดารินรับถาดเครื่องดื่มมาจากพนักงานชายคนหนึ่ง ขึ้นบันไดไป เม้งมองตาม สีหน้ากระหยิ่มร่าเริง
ดารินถือถาดเครื่องดื่มมา เคาะประตูเบา ๆ คำรณมาเปิด ดารินตะลึง แต่ก็ระงับอาการตื่นเต้นไว้ได้
“เชิญ...”
ดารินวางถาดเครื่องดื่มที่โต๊ะ หันหลังให้คำรณ คำรณกอดแล้วพยายามจะจูบ ดารินดิ้น แล้วผลักคำรณลงไปที่เตียง
“ทำสะดีดสะดิ้ง ผู้หญิงทำงานร้านเหล้าต้องหวงตัว ด้วยเหรอ หรือว่าเล่นตัวอยากได้ค่าตัวสูงๆ ต้องการเท่าไหร่บอกมาเลย”
ดารินบอกทีเล่นทีจริง “ถ้าทะเบียนสมรสหนึ่งใบล่ะ”
คำรณหัวเราะชอบใจ “ผมให้คุณได้อยู่แล้วนะดาริน ชีวิตนี้ผมไม่เคยรักใคร เท่าคุณเลย...มานั่งข้างๆ นี่...มา”
ดารินยืน ยิ้มยั่ว “ฉันเป็นพนักงานเสิร์ฟค่ะ ขอทำหน้าที่ก่อน อย่างอื่นค่อย ว่ากัน”
คำรณ งั้นก็ตามใจ...ราตรียังเยาว์...เรายังได้อยู่กันอีกนาน จนกว่าจะเช้าวันใหม่
ดารินเทเหล้าลงแก้ว ผสมเหล้า พร้อมกับเพ่งสมาธิ อธิษฐานจิต
“ด้วยอำนาจของพลังเทวดาที่ฉันมีอยู่ ขอให้เหล้านี้มีพลัง แห่งนํ้าศักดิ์สิทธิ์จงทำให้ผู้ชายคนนี้หลับใหลไม่ได้สติ” ดารินส่งเหล้าให้ คำรณรับไปดื่ม ดารินจ้องมองตลอด คำรณยิ้มหวานซึ้ง เหมือนคนเมาที่ดื่มมาเป็นเวลานาน คำรณคอพับไป
ดารินยิ้มชื่น “ขอบคุณค่ะ...ขอบคุณ”
ไม่นานต่อมาดารินเดินส่ายตามจังหวะเพลง คนในร้านพากันปรบมือให้ดาริน เม้งมองดารินตะลึง
“ดาริน ลื้อลงมาทำไม”
“ทำงานสิเฮีย หรือว่าจะให้กลับบ้าน”
“แล้ว...” เม้งชี้ไปข้างบน
“เขาบอกว่าอยากนอนพัก ถ้าตื่นแล้วจะมาเรียก”
เม้งมีสีหน้าพอใจ พัน ธง ศรมองมา แต่ไม่ได้สนใจอะไร สนใจเหล้าตรงหน้ามากกว่า
“ฉันจะไปอาบนํ้าก่อนนะ” ดารินออกไปจากร้าน เม้งมองตามไป เกาหัวงงๆ
ดารินเดินทอดอารมณ์มาตามถนนเลียบริมหาด เห็นเดชกับก้องช่วยกันดึงตัวสิงห์ไม่ให้เข้าไปหาเทวา ซึ่งนั่งอยู่บนโขดหิน
“ปล่อยข้า ไอ้เทวามันไม่รักษาคำพูด ข้าจะพูดกับมันให้ รู้เรื่อง”
เทวาหันมาแล้วกระโดดลงมาจากแท่นหินที่ตนเพิ่งนั่งสมาธิ
“ไอ้สิงห์ เอ็งเป็นอะไร”
“ไหนเอ็งบอกว่าเสร็จเลือกตั่งแล้ว เอ็งจะไปตามเปียมาให้ ข้าไง ทำไมเอ็งไม่รักษาคำพูด”
สิงห์จะต่อยเทวา แต่ก้องกับเดชดึงตัวไว้
“ไอ้สิงห์ ใจเย็นๆ” เดชปราม
“ไม่เย็นละโว้ย…ข้าคิดถึงเปีย ข้าทำทุกอย่างเพื่อมัน ข้า อยากรู้ว่าเอ็งรออะไร ทำไมเอ็งไม่ไปเอาเปียมาให้ข้า”
ก้องปลอบ “ค่อยๆ พูดกันน่า ไอ้สิงห์...ไอ้เทวา เอ็งจะแก้ตัวว่าไง”
“เปียอยู่ที่บ้านเสี่ยคงคา ข้าก็บอกเอ็งแล้ว แต่วิธีการที่จะ เอาเปียออกมาสิ จะทำยังไง”
สิงห์โวยขึ้น “ก็บุกเลยสิวะ กลัวอะไร”
“พูดง่ายนะโว้ย แต่ทำยาก”
สิงห์ถ่มนํ้าลาย ระบายอารมณ์
“กลัวมัน หรือว่ากลายเป็นพวกมันไปแล้ว หาไอ้เทวา เอ็งมันก็ไม่ต่างอะไรกับไอ้ฤทธิ์ อยากได้เงิน อยากได้ อำนาจ เหยียบหัวพวกข้าขึ้นไปสู่อำนาจ”
เทวาชักฉุน “ไอ้สิงห์ อย่าดูถูกข้า ถ้าเอ็งไม่หยุด ข้าจะต่อยปากเอ็ง”
“จริงใช่มั้ยล่ะ ถุย นี่เหรอว่าศิษย์เอกหลวงปู่”
เทวาต่อยหน้าสิงห์ทันที เดชฉุน “ไอ้เทวา ทำยังงี้ทำไมวะ”
“มันจะได้ไม่ปากพล่อยยังงี้อีก ข้าถือว่ามันดูถูกข้า...ฟัง นะไอ้สิงห์ อะไรที่ข้ารับปากแล้ว ข้าต้องทำ”
สิงห์ฮึดฮัดจะต่อย สิงห์ ปล่อยกู มันถือว่ามันมีพลังเทวดา ให้มันฆ่าข้าให้ตายไป เลย ข้าจะได้ไปอยู่กับพี่มนต์
ก้องดึงตัวสิงห์ออกห่าง เดชกับก้องพาสิงห์ไป สิงห์ขืนตัวแล้วหันมาตะโกน
“ข้าจะรอดูว่าเอ็งจะรักษาคำพูดหรือเปล่า...ไอ้เทวา”
เทวาเครียดจัด มองออกไปที่ทะเลกว้างใหญ่ ดารินแอบซุ่มอยู่ที่มุมหนึ่ง รอจนสิงห์ ก้อง เดชผ่านหน้าไป จึงออกมาจากที่ซ่อน มายืนอยู่ด้านหลังของเทวา
“คิดไปก็เท่านั้น ถ้าไม่ลงมือทำ” เทวาหันมา เห็นดารินเดินมาหา
“แอบฟังอยู่ละสิ”
“เสียงดังสะท้อนกับสายลม สงสัยว่าดังไปถึงตลาดแล้ว มั้งท่านผู้ใหญ่บ้าน”
เทวาหน้าเสียไป “สิงห์มันใจร้อน ผมยังหาวิธีตามเมียมันกลับมาไม่ได้เลย”
“ฉันอาจช่วยคุณได้นะ”
เทวาหันมาฉวยมือดารินมากุมไว้ “มันอันตราย คุณอย่ายุ่งเรื่องนี้เลย”
“ลองไว้ใจฉันดูสักครั้งสิ...ฉันมีวิธี...แต่ทุกคนต้องร่วมมือ”
ปลาดุกรู้เรื่องแล้ว ถามดารินเสียงเครียด
“ปัญหาใหญ่ทั้งสองอย่างเลยนะแก เรื่องตามเมียนายสิงห์ ฉันว่าแกทำได้ แต่เรื่องนายคำรณสิ แกจะทำยังไง หรือ ว่าแกไม่กลัวเสียตัว”
“บ้าสิ...ฉันจะใช้นายคำรณเป็นเครื่องมือเข้าไปหา ผู้หญิงที่ชื่อเปีย”
ปลาดุกมองอย่างทึ่งๆ “เก่งว่ะ คิดได้ไง”
ดารินตื่นแต่เช้า ออกมารอใส่บาตร พระสงฆ์ให้พร “อายุ วรรโณ สุขัง พลัง”
ดารินนั่งไหว้ คล้อยหลังพระเดินไป ดารินจึงได้เห็นว่ากลุ่มของคำรณอยู่ที่ฝั่งถนนตรงข้าม คำรณเดินข้ามถนนมา จับข้อมือดารินด้วยความแค้นเคือง
“เมื่อคืนเธอเอายานอนหลับให้ฉันกินใช่มั้ย แม่สาวน้อย”
ดารินทำไก๋ “อะไรกัน ฉันก็รินเหล้าต่อหน้าคุณ ถาดเหล้านั้นเฮียเม้ง ก็เป็นคนให้ฉันเอาขึ้นมา ฉันจะแอบใส่ยาให้คุณตอนไหน”
“แต่ฉันไม่เคยเป็นอย่างนี้”
“เหล้าปลอมมั้ง ได้ยินแขกพูดเหมือนกันว่ากินแล้วปวด หัว แถมยังง่วงซึม ไม่สนุก เฮียเม้งยิ่งเป็นคนงกอยู่ด้วย ซื้อเหล้าหนีภาษีมาแน่ๆ”
สีหน้าคำรณคลายความเครียดลง “แล้วคืนนี้ล่ะ”
“อย่าเลยค่ะ คุณถามฉันไม่ใช่เหรอว่าอยากได้อะไร ฉันก็ บอกคุณแล้วว่าทะเบียนสมรส ผู้หญิงดีๆ อย่างฉันพูด แบบนี้น่ะมีความหมายนะคะ”
คำรณจ้องหน้า “พูดจริงหรือเปล่าล่ะ”
“ว่าแต่แม่คุณจะยอมรับฉันเหรอ”
คำรณมองหน้าดารินแล้วยิ้มให้ ทั้งสองคนมองสบตากัน แต่คนละความหมาย
กะเทยถึกหวานใจมองมาด้วยสีหน้าตกใจ ตาแทบถลน เมื่อเห็นดารินคู่ปรับนายสาว เดินตามคำรณเข้ามาในคฤหาสน์
“ว้าย...นังศัตรูหมายเลขหนึ่งของคุณหยาดฟ้านี่...นัง ผู้หญิงชงเหล้า”
หวานใจรีบวิ่งไปเต็มแรง
กานดากับพร้อมกำลังดูต้นไม้ในสวนอยู่ ขณะคำรณพาดารินไปหา
“รินจ๊ะ นี่แม่ผม” ดารินไหว้นอบน้อม กานดารับไหว้ พร้อมพลอยตื่นเต้นไปด้วย
“เพื่อนหรือคำรณ”
“ถ้าบอกว่าผมรักผู้หญิงคนนี้ แม่จะว่าอะไรมั้ย”
“แม่ไม่เคยเห็นลูกพาใครมาบ้าน เมื่อพาแม่หนูคนนี้มา ก็แสดงว่าลูกจะต้องรู้สึกกับเธอเป็นพิเศษ”
ฝ่ายหยาดฟ้าตามหวานใจมา มีคงคาตามมาด้วย หยาดฟ้าพูดเสียงดังลั่น
“นี่ไงคะเสี่ย..นังผู้หญิงชงเหล้าในร้านเฮียเม้ง คุณคำรณ พามาเชิดหน้าชูตาถึงบ้าน เสี่ยจะว่ายังไงล่ะคะ”
กานดามองหน้าหยาดฟ้า “เขาจะเป็นใครฉันไม่สนใจหรอก...ขออย่างเดียวให้เขา รักคำรณและคำรณก็รักเขาเท่านั้น”
คงคาไม่พอใจ “เธอจะไม่สืบดูกําพืดของแม่นี้หน่อยเหรอ”
“ฉันไม่เชื่ออดีตว่ามันจะทำให้คนเป็นอย่างนั้นไปทั่งชีวิต หรอกค่ะ” กานดาปรายตาไปทางหยาดฟ้า “ผู้หญิงบางคนอยู่ใน บ้านผู้ดีมีเงิน ก็ไม่ได้หมายความว่าจะเปลี่ยนตัวเองเป็น ผู้ดีได้” แล้วหันมายิ้มให้ดาริน “แม่ขอโทษนะที่ทำให้หนูไม่สบายใจ ไปคุยที่เรือนเล็กของแม่ดีกว่า”
ดารินตีหน้าเศร้า “ค่ะ คุณแม่... พร้อมเดินไปกับกานดา” ดารินเดินตามต้อยๆ
“ผมฝากรินด้วยนะครับ คุณแม่” คำรณยิ้ม ร้องบอกตามไป
“เอ้า เชิดชูกันเข้าไป...สักวันมันก็คงมาเปิดร้านเหล้า ในบ้านนี้หรอก” หยาดฟ้าค่อนแคะ
“พูดมากอยากเจอดีใช่มั้ย...เดี๋ยวก็จับผีเข้าสิงหรอก” คำรณขู่
หยาดฟ้าถอยกรูด ไปยืนรวมกันกับหวานใจ
“แกคิดยังไงถึงพาแม่นี่มาบ้าน” คงคาถามซีเรียส
“ผมรักรินจริงๆ นะครับ บางทีผมจะแต่งงานกับเธอ”
หยาดฟ้าตะลึง รีบเอามือปิดปากกลัวร้องออกมาเสียงดัง
พร้อมเอานํ้ามาเสิร์ฟให้ดาริน
“ไม่ต้องลำบากหรอกค่ะคุณน้า...ให้รินช่วยทำดีกว่า”
“อุ๊ย ไม่ได้ค่ะ เดี๋ยวคุณผู้หญิงรู้เข้า พร้อมตายแน่เลยค่ะ”
กานดาเดินมาพอดี ดารินไหว้แล้วกอดกานดาไว้ “รินไม่มีแม่ เป็นกำพร้ามาตั่งแต่เด็กค่ะ ขอรินได้กอดท่าน ให้เหมือนกับที่ได้กอดแม่หน่อยนะคะ”
กานดานํ้าตาซึม “โถ แม่คุณ...ช่างน่าสงสารจริงๆ”
เปียซึ่งถูกทารุณจนเริ่มฟั่นเฟือนออกมาจากข้างใน ประแป้งขาวแบบเด็กๆ ยิ้มให้ดาริน
“ใครคะ” ดารินถามพร้อมมองหน้ากานดา
“เอ้อ แกสติไม่ดีน่ะ ฉันก็เลยเอามาเลี้ยง สงสารแก” กานดาปด
“เขายังโชคดีกว่ารินค่ะ รินไม่มีใครเลย ตั้งแต่จำความได้ ก็ทำงานส่งเสียตัวเองเรียนมาตลอด...คุณแม่รังเกียจริน หรือเปล่าคะ”
“ฉันไม่เคยคบคนที่ฐานะ แต่คบที่คนคนนั้นเป็นคนดีรึ เปล่า หนูอย่ากังวลนะ”
“ค่ะท่าน หนูจะช่วยดูแกให้นะคะ”
ดารินเริ่มตีซี้กับเปียขณะอยู่กันสองคน หวีผมให้เปียอย่างช้าๆ พลางพูดเบาๆ ที่ข้างหู
“คนชื่อสิงห์ จำคนชื่อสิงห์ได้มั้ย” เปียเอียงคอเหมือนใช้ความคิด แล้วก็ยิ้มออก
“ใช่ๆ สิงห์ สิงห์ สิงห์ทำไม”
“เขาฝากความคิดถึงมาให้เธอ” เปียยิ้มกว้าง ไร้เดียงสา “ถ้าฉันพาเธอไปเที่ยว เธอจะไปมั้ย”
เปียพยักหน้าเร็วๆ “ไปๆๆๆ ไปเที่ยว”
กานดาเดินมา พร้อมถือจานผลไม้มาด้วย
ดารินเอ่ยขึ้น “หนูเคยทำงานเป็นอาสาสมัครดูแลคนพิการซํ้าซ้อนค่ะ บางคนน่าสงสารมาก ร่างกายไม่สมประกอบแล้วยัง มีปัญหาที่สมองอีก...แบบหนูเปียเนี่ย”
พร้อมฉงน “อ้าว รู้จักชื่อด้วยเหรอ”
ดารินยิ้มเก้อๆ “ก็ได้ยินแกเรียกแทนตัวเองน่ะค่ะคุณน้า”
“เล่าต่อซิ ฉันอยากฟัง”
“คืออาการแบบนี้แก้ไม่ยากหรอกค่ะ ต้องพาแกไปเปิดหู เปิดตาบ้าง สมองแจ่มใสแล้ว ก็จะดีขึ้นเอง”
กานดาถอนใจ ”ลำพังฉันเอง โลกก็แคบเหลือแค่ในบ้านหลังนี้เท่านั้น จะมีปัญญาเอาแม่เปียไปเที่ยวเล่นที่ไหนได้ล่ะ”
“รินพาไปได้นะคะท่าน”
พร้อมเห็นงามด้วย “ก็น่าสนใจนะคะ คุณผู้หญิง”
กานดาพยักหน้า
ไม่นานต่อมาดารินพาเปียมาที่ชายหาด “รู้มั้ยว่าเกาะโน้นเรียกว่าเกาะอะไร”
เปียทำท่าคิดนาน ดารินถามอีก “เกาะมุก..เคยได้ยินมั้ย”
เปียทวนชื่อ “เกาะมุก...ได้ยิน จำได้”
“ครั้งหนึ่งนานมาแล้ว มีหญิงสาวผู้น่าสงสาร เธอมีชื่อว่า เปีย”
“เปีย...ใช่ๆๆ เปีย ชื่อเปีย”
“พ่อเธอชื่อเป้า ทั้งสองเปิดร้านอาหารอยู่ที่เกาะมุก”
“เป้า...เป้า...ทำไมคุ้นจัง..เป้า”
ดารินพูดเบาๆ นํ้าเสียงอ่อนโยน “ลองนึกสิคะว่าเราเคยเกี่ยวข้องกับคนชื่อเป้าบ้างมั้ย”
เปียมองออกไปที่ทะเล นํ้าตาซึม
“ฉันนึกออกแล้ว...เปีย เป้า...เปีย เป้า...เปีย เป้า” เปียสะอื้นออกมาเบาๆ
“ค่อย ๆ คิด คิดออกแล้วกลับบ้านกัน คนชื่อสิงห์ รอเธออยู่”
ดารินเหลียวมองไปรอบๆ หาพวกเทวา บ่นเบาๆ “ทำไมไม่มากันอีก”
คงคายังไม่รู้เรื่องดารินพาเปียออกไปจากบ้าน ตวาดใส่หน้าคำรณเรื่องหลงดารินมากไป
“แกกำลังตาบอดเจ้าคำรณ นอกจากผู้หญิงคนนั้นจะ ไม่มีคุณสมบัติอะไรพอที่จะเป็นสะใภ้ของฉันได้ ฉันก็ยังไม่ห่วงเท่าแกไว้วางใจเขามากไป ระวังว่า มันจะมาเผาบ้านแก”
หยาดฟ้าเข้ามา หน้าตื่น “เร็วเข้าเถอะค่ะ นังดารินพานังเปียออกไปนอกบ้าน แล้ว งูเห่าจริงๆ เลยนังนี่”
“ไปบอกไอ้พวกนั้น เอาตัวเปียมาให้ได้ ถ้าได้นังนั่น มาด้วยยิ่งดี” หยาดฟ้ารีบออกไป
“พ่อจะทำอะไรแฟนผมไม่ได้นะครับ”
คงคายิ่งโมโห “แฟนเหรอ แกใช้สมองคิดหน่อยสิ แกจะเอาผู้หญิง แบบนั้นมาเป็นเมีย แกอย่าบ้าเหมือนแม่แกนะ”
ฝ่ายดารินกับเปียเดินเล่นอยู่ รอพวกเทวา
“สิงห์...สิงห์...สิงห์ เป้า เกาะมุก..จำได้แล้ว”
ดารินยิ้มให้พอใจ “เราจะกลับกันหรือยัง เปีย กลับไปหาคุณแม่กานดาไง”
ดารินส่ายหน้า “กลัว..ไม่ไป”
สิงห์เดินมากับก้องและเดช สิงห์จะวิ่งไปหา แต่เดชรั้งตัวไว้
“ปล่อย ไอ้เดช ปล่อยข้า”
“สัญญาก่อนสิว่าจะไม่ทำอะไรบ้า ๆ คุณรินต้องการให้ นังเปียมันคุ้นเคยแล้วก็จำเอ็งได้ก่อน เอ็งค่อยคิดหาวิธี เอามันกลับบ้าน” สิงห์ต่อยเดช แล้ววิ่งไป ก้องเกาหัว
“บรรลัยละคราวนี้”
สิงห์ตรงเข้ากอดเปีย เปียตกใจ จะร้องออกมา สิงห์ปิดปากเปียไว้
“พี่เอง พี่สิงห์ไง จำได้มั้ย” เปียพยักหน้าเร็วๆ
สิงห์ยิ้มดีใจ สิงห์ออกแรงฉุดเปีย เปียตกใจแต่สิงห์ฉุดลากถูลู่ถูกังวิ่งลุยคลื่นที่ริมหาด
“กลับมา...ทำไงดี” ดารินยืนงง
ก้องกับเดชจะเข้าไปห้าม แต่สิงห์ชี้หน้าด่า “อย่ามายุ่งกับข้านะ ข้าเอาตายหมดไม่เลือกหน้าอินทร์ หน้าพรหม”
สิงห์กอดเปียไว้แน่น เปียเริ่มร้องไห้ มีเรือลำหนึ่งจอดอยู่ สิงห์ผลักเปียลงไป เปียล้มลงไปที่เรือ
“ไอ้สิงห์ เอ็งอย่าทำอะไรบ้าๆ นะโว้ย” สิงห์ไม่สนใจเดช เข็นเรือออกไปให้พอเรือลอยได้ ก็ขึ้นไปขับเรือไปในกลางทะเล
ดารินมองอย่างตะลึง “ขอให้รอด...ขอให้รอดนะพี่สิงห์”
กลุ่มของพัน ธง ศรวิ่งมาพอดี ดารินเห็นรีบหลบ มองไปที่เรือใช้กระแสนํ้าช่วยให้เรือของสิงห์แล่นไปอย่างเร็ว เห็นคลื่นนํ้าไล่เป็นกระแสจากชายฝั่งไปที่เรือประมงลำเล็กที่สิงห์ใช้เป็นพาหนะพาเมียหนี
กลุ่มพัน ธง ศรหัวเสีย
พันตะโกน “กลับไปเอาเรือเร็วตามไปดีกว่า”
เรือแล่นมาได้สักพักหนึ่งนํ้ามันก็ดันหมด สิงห์หน้าเสียไป
“นํ้ามันหมด” สิงห์ลุกมากอดเปียไว้ “จำพี่ได้หรือยัง”
เปียบอก “จำ...จำได้”
สิงห์จูบประทับรับขวัญเมียรัก ด้วยความรักและความคิดถึง
อ่านต่อหน้า 4
พายุเทวดา ตอนที่ 14 (ต่อ)
ณ ที่ทำการผู้ใหญ่บ้าน เทวาพูดโทรศัพท์ ด้วยสีหน้าเทวาตกใจมาก
“ช่วยกันตามหา...เอาตัวไอ้สิงห์กลับมาให้ได้” เทวาปิดโทรศัพท์แล้วเดินออกมาข้างนอกหน้าเครียด
“ผมไม่น่าเชื่อคุณเลย ดาริน”
ที่กลางทะเล สิงห์ยืนขึ้นสีหน้าตกใจ เมื่อเห็นเรือของพัน ธง ศรขับมาด้วยความเร็ว เปียถลาคลานมาหา
สิงห์ตวาด “หมอบลง...หมอบสิ” สิงห์กดหัวเปีย แต่เปียดิ้นรน สิงห์กอดรัดเปีย กลิ้งไปในเรือ เรือเร็วของพัน ธง ศรแล่นเข้ามาใกล้ เปียดิ้นหลุด หัวเราะเหมือนสติหลุดลอย
สิงห์ตกใจ “เปีย” สิงห์จะคว้าตัวเปีย แต่เปียวิ่งหนี เพราะคิดว่าสิงห์เล่นกับตัวเอง
“จับให้ได้สิ..จับสิ” เปียหัวเราะร่าวิ่งไปในเรือ เท่าที่มีพื้นที่ว่าง สิงห์เป็นห่วง เมื่อมองไป เห็นพันยิงปืนมาที่เรือ สิงห์ถลาจะคว้าตัวเปียให้หมอบลง แต่ช้าไป เปียถูกลูกปืนล้มลงต่อหน้า
ร่างของเปียเลือดสาดกระเซ็น ล้มลงกับพื้นเรือ
สิงห์ใจจะขาดตาม ตะโกนสุดเสียง “เปีย”
พัน ธง ศรไล่ยิงใส่สิงห์ ทั้งสามกระโดดขึ้นมาบนเรือประมงที่สิงห์ขโมยมาจากชายฝั่ง สิงห์หลบลูกปืนจนกระทั่งตัดสินใจกระโจนลงนํ้า ทั้งสามคนยังยิงกระหนํ่าลงไปในนํ้า
ธงบอก “ถ้ามันโผล่ขึ้นมาเมื่อไหร่ ศพไอ้สิงห์ต้องเป็นของข้า”
“ก็ลองดูว่าใครจะได้ยิงมันก่อน” พันว่า
ศรไม่พูดอะไร เล็งปืนไปที่ในนํ้ายิงกระหนํ่า พันกับธงกราดยิงบ้าง
ร่างสิงห์ค่อยๆ จมไปในทะเล ร่างกายเหมือนพยายามไขว่คว้าให้ตัวเองลอยขึ้น แต่เสียงปืนที่ยิงมาจากข้างบนทำให้สิงห์ไม่กล้าขึ้นไป มือที่แหวกนํ้าอยู่ใต้นํ้าค่อยๆ อ่อนแรงลง สิงห์ปล่อยวางทุกสิ่งทุกอย่าง ร่างดำดิ่งลงสู่เบื้องล่าง ภาพของหลวงปู่ปรากฏขึ้น ตามมาด้วยมนต์
“หลวงปู่ มนต์ ช่วยผมด้วย...ช่วยผมด้วย...ช่วยด้วย...ช่วย” เสียงของสิงห์หายไป
ส่วนร่างของเปียนอนแน่นิ่งจมกองเลือดอยู่บนเรือประมง มองจากจากมุมสูงเห็นร่างไร้วิญญาณนอนอยู่เรือที่ลอยเท้งเต้ง ห่างออกไป เห็นเรือเร็วนำพาสมุนทั้งสามของเสี่ยคงคาห่างออกไปทุกทีๆ
ส่วนที่ใต้ท้องทะเล ปรากฏเป็นคลื่นวนไปมาอย่างแรง พัดพาเอาร่างของสิงห์ให้เคลื่อนไปใต้ทะเล หลวงปู่กับมนต์ยืนมองคลื่นใต้นํ้านั้น ราวกับเป็นอาคมที่ทั่งสองร่วมกันสร้างขึ้น ร่างของสิงห์หายไป หลวงปู่กับมนต์มองตามด้วยสายตาสงสารและเวทนา
หลวงปู่เอ่ยขึ้น “เอ็งช่างน่าเวทนาเหลือเกินเจ้าสิงห์ นี่แหละผลจากการ ตกเป็นทาสอารมณ์ของตัวเองจนขาดสติ”
ฝ่ายเทวาขับเรือเร็วไปกลางทะเล เห็นเรือประมงลอยเท้งเต้งอยู่ ก็เข้าไปเทียบท่า กระโดดขึ้นไป เห็นเปียนอนตายอยู่ เลือดเลอะพื้นเรือ
“เปีย...เปีย” เทวามองหาสิงห์ แต่ไม่พบ
เขาร้องตะโกนเรียก “สิงห์...ไอ้สิงห์ เอ็งอยู่ที่ไหน...ไอ้สิงห์”
เรือเร็วอีกลำแล่นเข้ามา มีเดชขับเรืออยู่ ก้องกับดารินยืนมองด้วยสายตาวิตกกังวล
ก้องร้องขึ้น “นั่น...ไอ้เทวา...เทวาจริงๆ ด้วย”
เดชขับเรือเข้าไปจอดใกล้ๆ เรือประมง เทวายังค้นหาและตะโกนเรียกสิงห์อยู่
“สิงห์ ไอ้สิงห์”
ก้องกับเดชและดารินกระโดดขึ้นไปบนเรือประมง ดารินถึงกับเบือนหน้าหนีแล้วหลุดสะอื้นออกมา
“ไม่น่าเลย...ไม่น่าเลย...ฉันไม่น่าโง่ทำอะไรผิดๆ ลงไป ฉันไม่น่าประมาทเลย...ฮือๆ เปีย ยกโทษให้ฉันด้วยนะ”
เทวากอดดารินไว้ ดารินสะอื้น “ฉันขอโทษ ไม่คิดว่าจะเป็นยังงี้”
“คุณรินไม่ผิดหรอก ผมสองคนก็ห้ามไอ้สิงห์แล้ว แต่ มันไม่ฟัง” เดชบอก
เทวาช้อนร่างของเปียขึ้นมา มองไปภายนอก
“เปีย พี่สัญญาว่าเปียจะไม่ตายฟรีแน่” เทวาหันมาบอกกับทุกคน “พวกเอ็งพาเปียกลับไป จัดแจงเรื่องศพมันด้วย ข้าจะ ตามหาไอ้สิงห์เอ็ง ข้ามั่นใจว่ามันยังไม่ตาย”
“ทำไมเอ็งมั่นใจวะเทวา” เดชถาม
“ข้าเชื่อว่าถ้าเราทำดีแล้ว หลวงปู่กับพี่มนต์ต้องช่วยเรา... ไอ้สิงห์ไม่ผิด มันเป็นอย่างนี้ เพราะความรัก ไม่ใช่เพราะ ความชั่วอย่างพี่ฤทธิ์”
ก้องถามย้ำ “แน่ใจเหรอว่ามันยังไม่ตาย” เทวานิ่งอึ้งไป ตอบเสียงเศร้า ดวงตามองไปกลางทะเลเวิ้งว้าง
“ถึงตาย ข้าก็ต้องหามันให้เจอ จะปล่อยให้เป็นเหยื่อปลา ในทะเลไม่ได้”
เทวาขับเรือเร็วไปกลางทะเล มองหาร่างของสิงห์ เมื่อไม่เจอก็ขับมาตามริมหาด เกาะแก่งต่างๆ ที่คิดว่าจะเจอ แต่ไม่เห็นร่างของสิงห์ เทวาเริ่มหมดหวัง
เวลาเย็นใกล้คํ่า พระอาทิตย์กำลังจะตกขอบทะเล เทวาขับเรือแล่นไปที่เกาะหนึ่ง
“ไอ้สิงห์”
เทวาเห็นร่างของสิงห์ นอนควํ่าหน้าอยู่ ท่อนล่างอยู่ในทะเล คลื่นซัดเข้ามาตัวมันอยู่ตลอดเวลา เทวาจอดเรือที่ใกล้สุด หย่อนสมอเรือเล็กๆ ลงไปในทะเลแล้วกระโดดลุยนํ้าไปอย่างรวดเร็ว พลางร้องตะโกน
“ไอ้สิงห์...ไอ้สิงห์...ไอ้สิงห์”
เทวาเขย่าร่างของสิงห์ แต่ไม่มีเสียงตอบใดๆ เทวาลากตัวสิงห์ให้พ้นแนวคลื่น พลิกร่างของสิงห์ขึ้น ตบหน้าเบาๆ เห็นว่ายังหายใจอยู่
“เอ็งไม่ตายแล้ว”
เทวาจับสิงห์พาดบ่าแล้ววิ่งไปรอบๆ “ไอ้สิงห์ เอ็งไม่ตายแล้ว เอ็งต้องไม่ตาย”
สิงห์ สำลักนํ้า มีนํ้าที่กลืนเข้าไปในท้องทะลักออกมา ตามมาด้วยการสำลักเหมือนจะอาเจียน เทวาหัวเราะสุดเสียง ดีใจที่สุดในชีวิต
“เอ็งรอดแล้ว เอ็งต้องกลับไปเป็นเพื่อนข้า ไปช่วยกัน ทำงานที่เกาะมุก”
เทวาวางสิงห์ลงให้สิงห์นอนหงาย สิงห์อยู่ในอาการอ่อนเพลีย มองเทวาเป็นภาพพร่าเลือน แล้วหลับไปอีกครั้ง เทวาอุ้มสิงห์ขึ้น แล้วเดินลุยทะเล ท่ามกลางความมืดสลัว พระอาทิตย์ตกนํ้าหายไปจากขอบฟ้าพอดี
ต่อมาไม่นานเทวาขับเรืออยู่ สิงห์นอนหงายอยู่ที่พื้นเรือ สิงห์ลืมตาขึ้น เห็นดาวระยิบเต็มท้องฟ้า พลิกตัวมองไปทางคนขับก็เห็นเทวายืนหันหลังให้ตน สิงห์โผเผลุกขึ้น คว้าตัวเทวาหันมา
“อะไรวะสิงห์” สิงห์ต่อยเปรี้ยง เทวาล้มลงไป เรือเสียหลัก เซอยู่กลางทะเล สิงห์ตรงเข้าหาเทวา เทวาไม่สู้ แต่ปัดป้องช่วยเหลือตัวเอง สิงห์ต่อย แต่ไม่โดน เพราะไม่มีแรง จนในที่สุดก็หอบเหนื่อย ควํ่าหน้าลงร้องไห้
“จะฆ่าให้ข้าตายตอนนี้ก็ได้นะ แต่ว่าถึงข้าตาย เอ็งก็เอา ชีวิตนังเปียมันกลับคืนมาไม่ได้...มันตายแล้ว”
สิงห์ปล่อยโฮดังลั่น “เอ็งไม่น่าใจร้อน...ถ้าเชื่อตามที่คุณดารินพูด บางทีเรา อาจไม่เสียเปียไป”
สิงห์สะอื้นอยู่ในความมืด เทวามองเพื่อนด้วยความสงสาร
เรือลอยลำอยู่กลางทะเล มุ่งหน้ากลับเกาะมุก
ที่เรือนเล็กของกานดาตอนนั้น กานดารู้เรื่องเปียตาย ร้องไห้ออกมาด้วยความสงสาร เช่นเดียวกับพร้อม
“ผมหวังว่ารินจะไม่มีส่วนรู้เห็นกับเรื่องนี้” คำรณบอก
หยาดฟ้าเยาะ “มีส่วนเต็มที่เลยล่ะค่ะคุณคำรณ คิดดูสิคะ ร้อยวันพันปี ไม่เคยเข้ามาในบ้านนี้ มาวันเดียวได้เรื่อง...ฮึ”
“อย่าให้ตำรวจซัดทอดมาถึงเราก็แล้วกัน...ไอ้พัน ไอ้ธง ไอ้ศรนี่บางทีมีปืนอยู่ในมือก็ย่ามใจขาดสติ”
“ตายแล้วก็ดี จะได้หมดภาระไป เอามากักขังไว้ก็ต้อง วุ่นวายกันตลอด คุ้มดีคุ้มร้าย อาละวาดเช้าเย็น”
กานดาโบกมือไล่สะอื้น “ออกไปให้หมด..ฉันไม่อยากพูดกับใคร ฉันอยากอยู่ คนเดียว”
หยาดฟ้าเบ้ปาก พากันเดินไปพร้อมกับคงคาและคำรณ
“พร้อม ลูกผัวฉันเอาอะไรมาทำหัวใจ”
ค่ำคืนนั้น รูปของเปียตั้งอยู่หน้าโลงศพ ทุกคนนั่งอยู่ด้านหน้า เทวากำลังจุดธูปไหว้ศพอยู่ เสียงร้องไห้ของสิงห์ดังลั่นศาลาสวดศพ ทุกคนมองเห็นสิงห์ยกขวดเหล้าขึ้นดื่ม เป็นที่น่าเวทนา
ส่วนดารินนั่งหน้าเศร้าอยู่อีกมุม แสงดาวเดินเข้ามาแล้ว นั่งข้างๆ ดาริน แสงดาวพูดโดยไม่หันไปมองหน้า “เธอคิดว่าเปียตายเพราะเธอหรือเปล่า”
ดารินหันขวับมาที่แสงดาว “ถ้าเธอไม่อยู่ในเหตุการณ์ จะพูดยังไงก็ได้ ฉันไม่จำเป็น ต้องอธิบาย คนที่อยู่ในเหตุการณ์เท่านั้นจึงจะรู้ว่าเกิด อะไรขึ้น”
“ฉันก็แค่ถาม...ถ้าไม่มีส่วนในการตายของเปียก็อย่าร้อน ตัวสิ”
ดารินจ้องหน้าแสงดาว “ร้อนตัวสิ...เพราะกําลังปรักปรำฉันว่าเป็นต้นเหตุทำให้ เปียตาย”
แสงจันทร์เดินมาหา “แสงดาว ไม่เอาน่า”
แสงดาวไม่สนใจพี่สาวหันมาใส่อารมณ์กับดารินต่อ “ใครจะรับผิดชอบการตายของเปีย...ตอบฉันทีสิ”
ดารินจ้องหน้า “ใครล่ะที่ทำให้เปียต้องออกไปจากเกาะนี้ เธอก็ไปเอาผิด กับคนนั้น รู้มั้ยว่าเปียเสียสติ...เธออยู่เกาะมุก รักเกาะมุก แล้วช่วยเหลืออะไรคนเกาะมุกได้บ้าง...แม้แต่เรียกหา ความยุติธรรมให้แก่เกาะมุกยังไม่กล้าทำกันเลย”
เสียงทพเลาะกันของทั้งสองสาวทำให้ทุกคนหันมา
“หนูดารินพูดถูก บางทีเราก็กลัวอำนาจมันเกิดไป เรา ปล่อยให้มันมีอำนาจมากเกินไป เหมือนเชื้อโรคที่กัดกิน เกาะมุกให้กร่อนลงทีละน้อย กว่าจะลุกขึ้นสู้ก็ไม่เหลืออะไรแล้ว” สนบอกหน้าเศร้า
แสงจันทร์งง “พ่อหมายความว่ายังไง”
สนมองไปที่โลงศพเปีย
“พ่อเคยถูกพวกมันซ้อมปางตาย ถูกลอบทำร้าย รอดตาย มาอย่างปาฏิหาริย์ ความจริงสิ่งศักดิ์สิทธิ์เขาให้พ่อรอด ตายมาต่อสู้กับพวกมัน แต่ที่ผ่านมา พ่อก็ได้แต่นั่งรอ เวลา หวังว่าจะมีอัศวินขี่ม้าขาวมาช่วยแก้ไขปัญหาของ เกาะมุก แล้วก็ดูดาย มองปัญหาที่เกิดขึ้นทุกวัน...จนเป็น ความเคยชิน..พ่อว่าทุกคนมีส่วนผิด.....ใครไม่เป็นไอ้ สิงห์ ไม่เป็นนังเปีย รวมถึงไอ้เป้าที่ยอมผูกคอตายเพื่อหวังว่าศพของมันจะเรียกสำนึกคนเกาะมุกให้ลุกขึ้นสู้ แต่มันก็ตายเปล่า”
นทีพยักหน้าเห็นด้วย “ใช่..ผมว่าเราเริ่มตั่งแต่ไม่ซื้อสินค้าพวกมันที่อยู่บนเกาะ นี้ ร้านค้าไหนมีพวกมันเป็นหุ้นส่วน ก็เลิกซื้อมันซะ”
เทวาเอ่ยขึ้น “ผมเห็นด้วยมานานแล้ว...ตั้งแต่คืนนี้ไป ผมจะกวาดล้าง อบายมุขทุกอย่างบนเกาะนี้...อะไรที่ผิดกฎหมายผมจะ ไม่ยอมให้มีอยู่บนเกาะนี้เด็ดขาด”
ดารินมองเทวาด้วยสายตาชื่นชม ทุกคน มองเทวาอย่างทึ่งๆ
เดชบอก “เริ่มคืนนี้เลยมั้ย” ก้องพยักหน้า แล้วเดินไปหาสิงห์ เขย่าตัวให้สิงห์รู้สึกตัว
“ไอ้สิงห์ กลับไปอยู่กับน้าบุญกู้นะ เอ็งเมามากแล้ว เอ็ง ไม่ต้องไป”
“ข้าไม่ไปไหนทั้งนั้น ข้าจะอยู่กับเปีย...ข้าจะตายกับมัน”
ทุกคนหน้าเสียไป
เดชบอกก้อง “เอ็งน่ะแหละอยู่เป็นเพื่อนมันที่นี่”
“ข้าเหรอ” ก้องมองไปที่โลงศพ สีหน้าหวาดๆ “ข้าว่าให้ ไอ้สิงห์ไปกับเราดีกว่ามั้ง แต่ให้มันอยู่ในรถ ไม่ต้องให้ ลงมา ดีกว่ามันจะไปเพ่นพ่านที่อื่น”
เทวาพยักหน้าเห็นด้วย “ดีเหมือนกัน”
ประสิทธิ์หันไปทางเข้า “พระมาแล้ว...ฟังพระสวดศพก่อน ไอ้ก้องเอ็งพาไอ้สิงห์ ออกไปข้างนอกก่อนดีกว่า...จะรบกวนพระท่าน”
ก้องเข้าไปเขย่าตัว สิงห์ถาม “มีเหล้าอีกมั้ยวะเพื่อน”
“ฟังพระสวดให้วิญญาณของเปียไปสู่สุคติดีกว่ามั้ย เพื่อนรัก” ก้องปลอบ
เสียงพระสวดพระอภิธรรมดังมา สิงห์นั่งสัปหงก เมาจนประคองตัวไม่อยู่ แต่ก็พยายามจะพนมมือฟังพระ ดวงตาเชื่อมๆ เพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์มองไปที่รูปของเปีย
ภาพความสัมพันธ์ครั้งเก่าของเปียกับสิงห์ผุดเข้ามาในห้วงคิด
กลุ่มของเทวา แสงจันทร์ แสงดาว สน ประสิทธิ์ นที ก้อง เดชและชาวบ้านอื่นๆ ดารินยกมือไหว้พระแล้วลุกออกไป เทวามองตามไป
แสงดาวหันมาเบ้ปากให้ ดูถูกดารินอยู่ในที
เสร็จจากงานสวดศพ ดารินพาตัวเองมาทำงานที่ร้านฮียเม้งบนถนนสายบันเทิงของเกาะมุกต่อในชุดดำ
เม้งมองกราดจากศีรษะของดารินจนถึงปลายเท้า เห็นดารินแต่งชุดดำเก๋ๆ เลยไล่ตะเพิดเสียงดัง
“ลื้อใส่ชุดดำมาทำงานร้านอั๊ว แบบนี้อั๊วไม่ชอบ”
“ฉันไปงานศพมา ถ้ากลับไปเปลี่ยนเสื้อผ้าก็พอดีไม่ต้อง ทำงานกัน เฮียเม้งจะเอาไงก็ว่ามา”
แขกในร้านเห็นดารินมาก็เฮกัน บางคนทำหน้าหื่นๆ ยักคิ้วให้ บรรยากาศคึกคักกลับมาทันตา
“ว่าไง”
“ชุดดำลื้อจะทำให้อั๊วซวย”
“งั้นฉันกลับก็ได้” ดารินจะเดินออกเสียงลูกค้าในร้านร้องเรียกเสียงดัง
“ริน...ไปไหนล่ะ เฮีย วันนี้รินไม่ทำงานเหรอ”
ดารินหันมา “ว่าไงเฮียเม้ง”
เม้งเซ็ง “เออ หยวนๆ”
สามพ่อลูกอยู่ที่บ้าน กำลังจะเข้านอน สนบอกกับแสงดาวเป็นเชิงตำหนิ
“ต่อไปจะพูดอะไรก็ต้องระวังไว้บ้าง คุณดารินเขาก็เป็น ส่วนหนึ่งของเกาะมุก”
“เขาเพิ่งเข้ามาอยู่นะพ่อ แล้วอยู่ในฐานะอะไร ฉันคงไม่ ต้องอธิบายมั้ง...หรือว่าพ่อชื่นชมอาชีพเขาล่ะ”
แสงดาวเดินหน้าตึงออกไป แสงจันทร์ส่ายหน้า
“นังลูกคนนี้ มันปากร้ายเหมือนใครนะ” สนบ่น
แสงจันทร์ตามเข้ามาในห้อง แสงดาวกำลังจัดเตียงนอนอยู่ “ยังไม่รีบนอนใช่มั้ย...พี่อยากจะคุยกับเราหน่อย”
“ถ้าจะมาเตือนเรื่องที่ฉันขึ้นเสียงกับแม่คน สวยประจำเกาะมุกละก็ บอกก่อนนะว่าฉันไม่สน”
“ทำไมเธอถึงไม่ชอบหน้าดาริน...เขามาทำอะไรให้เธอไม่ พอใจเหรอ”
“เปล่า แต่ไม่ชอบหน้า ไม่มีเหตุผลอื่น”
แสงจันทร์มองหน้าน้องสาว “ระวังคนเขาจะหาว่าเธอหึง”
แสงดาวร้อนตัวขึ้นมาทันที “หึง...ฉันจะหึงใครล่ะ”
“เขาสนิทกับพี่เทวา”
“ก็ไม่เกี่ยวกับฉันนี่”
“พี่รู้นะว่าเธอชอบพี่เทวา”
แสงดาวไม่ยอมรับพูดตัดบท “ฉันจะนอนแล้วพี่ ง่วงมาก...พรุ่งนี้ต้องทำงานแต่เช้าด้วย”
แสงจันทร์ลุกขึ้น บอกกับแสงดาวก่อนออกไป
“รักคนที่เขารักเราดีกว่า...หมอนทีน่ารัก นิสัยดี แล้วเขาก็ รักเธอมากด้วย”
“พี่พูดอย่างนี้ พี่ลืมพี่เทวาได้แล้วเหรอ...ฉันถามจริงๆ”
แสงจันทร์อึ้งไป ไม่ตอบ เลี่ยงเดินออกไป
แสงดาวมองตามพี่สาว ระบายลมหายใจให้คลายความอึดอัด
ด้านเทวานำตำรวจ เดช ก้องเข้าไปในบ่อน นักพนันกำลังเล่นการพนันกันอยู่ เห็นตำรวจก็พากันกระโดดวิ่งหนี
ส่วนที่ด้านหน้าบ่อน สิงห์เปิดประตูรถลงมา อ้วก เห็นคนวิ่งผ่านหน้าไป ก็มองตาม
สิงห์ยืนโงนเงนอยู่ข้างรถ เทวาคุมตัวเจ้าของบ่อนออกมาข้างนอก
เจ้าของบ่อนโวยวาย “จับอั๊วทำไม ไอ้ผู้ใหญ่บ้านกระจอก มีอำนาจหน้าที่ ล้นฟ้าหรือไงวะ...รู้มั้ยว่าอั๊วเป็นเด็กใคร”
“เด็กใครผมไม่สน...หมวดครับ ดำเนินคดีตามกฎหมาย เลยนะครับ”
ตำรวจนำตัวเจ้าของบ่อน ขึ้นรถตำรวจซึ่งเป็นรถสำหรับขังผู้ต้องหา เจ้าของบ่อนตะโกนท้าทายระหว่างถูกนำตัวไปขึ้นรถ “เดี๋ยวกำนันรู้ก็ต้องมาเอาเรื่องกับเอ็ง ไอ้เทวา ไอ้เด็กวัด ไอ้คนไม่มีพ่อไม่มีแม่ อาศัยข้าววัดกิน แล้วเนรคุณต่อ พวกเรา เอ็งมีสิทธิ์อะไรวะ ถึงมาปิดบ่อนข้า...ระวังไว้ เถอะ”
“อย่าเสียงดัง เข้าไป” ตำรวจจะยัดตัวเข้าห้องขังบนรถ แต่เจ้าของบ่อนสะบัด
เจ้าของบ่อนกร่างไม่เลิก “ระวังจะถูกย้ายทั้งโรงพัก”
ตำรวจยิ้ม “ดีเลย ผมกําลังอยากไปจากเกาะมุกพอดีเลยครับ ตอนนี้คดีเยอะกว่าที่อื่นอีก เหนื่อยครับ”
เทวาส่ายหน้าระอา ก้องมองหาสิงห์ “ไอ้สิงห์ ไปไหนวะ”
“ช่วยกันตามหาสิ” เดชบอก
“เอ็งกับไอ้ก้องไปตามหามัน ส่วนข้าจะไปกับคุณตำรวจ”
ก้องกับเดชพยักหน้า แยกย้ายไปทันที เทวาถอนใจเป็นห่วงสิงห์ไม่น้อย
ต่อมาเทวานำตำรวจเข้าไปในร้านเหล้าเฮียเม้งโวยวาย คนในร้านเหล้าแตกตื่น
“ผมขออนุญาตตรวจปัสสาวะหาสารเสพติดนะครับ ผม ทำหน้าที่ตามกฎหมาย ขอความร่วมมือด้วยครับ”
ตำรวจหลายคนกําลังตรวจค้นอาวุธ เทวายืนอยู่ เม้งเข้ามาโวยวายอีก
“ลื้อคิดว่าแน่เหรอ...ถึงกล้าทำยังงี้”
“ผมไม่ได้แน่ แต่ผมทำตามกฎหมาย”
“แล้วลื้อกับอั๊วจะได้เห็นดีกัน” เม้งขู่
ดารินยืนมองอยู่มุมหนึ่ง สายตาเป็นห่วงเทวา ดารินเลี่ยงไป ลัดเลาะไปตามกลุ่มนักเที่ยว ซึ่งบัดนี้ร้านเปิดไฟสว่าง มีตำรวจคอยตรวจค้นอยู่
เฮียเม้งกำลังโทรศัพท์ ดารินแอบฟัง
“มันไม่ไหวแล้วนะเสี่ย จะจัดการยังไงก็รีบๆ เข้า ก่อนที่ ธุรกิจทั้งหมดบนเกาะมุกของเสี่ยจะพินาศไปกว่านี้”
เม้งปิดโทรศัพท์ สีหน้าเครียด เดินมา ดารินรีบหลบ แต่ไม่ทัน
“เพราะลื้อใส่ชุดงานศพมาทำงานที่ร้านอั๊ว ถึงได้ซวยยังงี้”
“ฉันถามเฮียแล้วนะว่าจะให้กลับไปเปลี่ยนหรือเปล่า”
เม้งไม่ตอบ เดินหนีไป
สิงห์เมาโวยวายอาละวาดอยู่หน้าบ้านฤทธิ์ เสียงดัง ลูกน้องของฤทธิ์ถือปืนคุมเชิงอยู่ด้านใน
“ไอ้ฤทธิ์ ไอ้พี่ทรยศ ออกมาพูดกันหน่อย วันนี้ข้ามาทวง ความยุติธรรมโว้ย...รู้จักมั้ยคำว่ายุติธรรม”
ฤทธิ์เดินอาดๆ ออกมา “เมาแล้วก็กลับนอนซะไอ้สิงห์”
สิงห์ตะโกนใส่หน้า “ข้าไม่เมาโว้ย...ฝากไปบอกไอ้เสี่ยคงคาด้วยว่า ข้าจะตาม จองล้างจองผลาญมันจนวันตาย เปียจะต้องไม่ตายฟรี โว้ย...แล้วเป็นไงล่ะ มันคิดว่ามันจะฆ่าข้าให้ตาย แต่ข้า ก็ไม่ตายโว้ย อยากรู้มั้ยว่าทำไมข้าถึงไม่ตาย”
“เรื่องของเอ็ง กลับไปซะ”
“ไม่กลับ ข้าต้องพูดเรื่องของข้าก่อน..หลวงปู่หาญกับ มนต์มาช่วยข้าไว้ ไอ้พวกหมารับใช้ของเสี่ยคงคามันจับ ข้าถ่วงนํ้า ข้ายังไม่ตายเลยโว้ย...แต่ถ้าคนชั่วอย่างเอ็งต่อให้ใกล้ตาย หลวงปู่ก็คงไม่ช่วย...ขอให้เอ็งคิดดูได้ฤทธิ์”
สิงห์เดินเซกลับไป ฤทธิ์มองตาม แล้วผลุนผลันกลับเข้าไปในบ้าน
ไม่นานต่อมา หยาดฟ้ากับคำรณนั่งที่โซฟาในห้องโถง คงคายืนต่อหน้าพัน ธง ศร ซึ่งยืนก้มหน้าอยู่
“เอ็งบอกว่าจับไอ้สิงห์ถ่วงนํ้าแล้ว ทำไมมันถึงไม่ตาย”
ทั้งสามเงยหน้าขึ้นพร้อมกัน “เป็นไปได้ไงครับเสี่ย ผมว่ามันอยู่ใต้ทะเล ไม่น่าจะเกิน สิบนาทีก็ตายแล้ว” พันว่า
ศรบอก “ไอ้ฤทธิ์มันหลอกเสี่ยหรือเปล่า”
“นั่นสิเสี่ย” ธงก็ไม่เชื่อ
“ไม่ได้หลอก มันยืนยันว่าไอ้สิงห์ไปด่ามันถึงหน้าบ้าน แล้วนี่เฮียเม้งก็โทร.มารายงานว่าไอ้คงคามันเอาตำรวจ ออกตรวจค้นบ่อนกับสถานบันเทิงจนเจ๊งกันไปทั่งเกาะ”
คำรณไม่พอใจ “นี่ถ้าไอ้ฤทธิ์ฆ่ามันสำเร็จ มันคงไม่เป็นยังงี้...ผมว่านะ คนที่พ่อจะต้องจัดการก่อนคนแรกเลยก็คือไอ้ฤทธิ์...แล้ว หาทางตั้งผมเป็นกำนัน ผมรับรองว่าผมจะดูแลเกาะมุก ให้พ่อได้ดีที่สุด”
คงคาหันมามองหน้าคำรณ เห็นด้วย “ก็จริงของแก แต่ใครล่ะจะลงมือฆ่าไอ้ฤทธิ์ได้ มันก็มี ทั้งพลังเทวดาและพลังมารของอาจารย์คล้าม”
“แต่ผมได้วิชาจากอาจารย์คล้ามมามากกว่ามัน..พ่ออย่าลืมสิ”
หยาดฟ้านั่งฟังตลอด นึกเป็นห่วงฤทธิ์
“แต่หยาดว่าเรามองข้ามนายฤทธิ์ไปก่อนดีกว่า”
คำรณไม่พอใจ “ทำไม”
หยาดฟ้าบอก “วันก่อน นังผู้หญิงชงเหล้ามาที่นี่ นังเปียตาย ไอ้สิงห์รอด คืนนี้เกาะมุกถูกตรวจค้น...ทำไมไม่สงสัยบ้างว่าอาจมี อะไรบางอย่างเกี่ยวข้องกัน”
คงคาสนใจ “ยังไงเหรอหยาดฟ้า”
“นังผู้หญิงคนนั้นมีฝีมือผิดผู้หญิงทั่วไป เฮียเม้งเคยเล่าว่า มันเป็นนักมวยหญิงด้วย หูตาลอกแลก ผิดปกติ หยาดว่า มันเป็นสายให้ตำรวจ”
คงคาพยักหน้าเห็นด้วย คำรณหน้าเสียไป
“ดารินไม่ได้เป็นยังงั้น เธอแค่ฉลาดกว่าผู้หญิงคนอื่นๆ ผมชอบเธอ...พ่ออย่าทำอะไรเธอนะ”
คงคาไม่พอใจ จ้องหน้าคำรณ “ถ้ามันทำให้งานเราเสีย พ่อก็ต้องฆ่ามัน”
กลางดึกคืนนั้นฤทธิ์รับโทรศัพท์ด้วยความดีใจ มือไม้สั่น “คุณหยาด ผมกำลังคิดถึงคุณอยู่พอดี”
หยาดฟ้าแอบคุยอยู่ในบ้าน “ฉันมีเวลาน้อย ฟังให้ดีนะ นายคำรณคิดฆ่านาย นาย ต้องระวังตัวด้วยนะ...เขายิ่งมีวิชาไสยเวทย์อยู่ด้วย”
ฤทธิ์อึ้งไป “ผมดีกับเขาขนาดนี้ ยอมทำทุกอย่างเพื่อเขา ทำไมเขาถึง คิดฆ่าผม”
“ก็ไม่ต่างจากฉันหรอกนายฤทธิ์ เราตกที่นั่งเดียวกัน ฉัน ยอมตายเพื่อพวกเขามานานแค่ไหน แต่พอถึงเวลาที่ฉัน ขัดแย้งกับครอบครัวเขา ครอบครัวเขามาก่อนเสมอ.. แค่นี้นะ เดี๋ยวมันจะสงสัย”
หยาดฟ้าปิดโทรศัพท์ ยิ้มเจ้าเล่ห์ คิดในใจ
“ฆ่ากันให้ตายหมด...ตายกันทุกฝ่ายน่ะแหละ ฉันจะได้ เป็นอิสระซะที แล้วก็เสวยสุขอยู่บนกองเงินที่แกหามาให้สบายไปตลอดชาติ”
ฝ่ายคำรณอยู่ในห้องนอนมองที่ดวงจันทร์เต็มดวงบนฟ้า ยิ้มเหี้ยมออกมา
“บางทีผมจะได้ปล่อยของในคืนวันเพ็ญเป็นครั้งแรก... อาจารย์ต้องช่วยผมด้วยนะ”
คำรณนั่งลง ขัดสมาธิ ปากภาวนาสาธยายมนต์ขมุบขมิบ
ที่ป่าช้าแห่งนั้น เห็นเนินดินที่ฝังศพอยู่ค่อยๆ เขยื้อน ดินที่พูนไว้เริ่มร่วงหล่น แล้วก็แยกออก ผีชายหญิงผุดขึ้นจากหลุม
คำรณยังภาวนาอยู่
“ไป..ไปจัดการมัน”
คำรณเป่าคาถาพรวดออกไป เป้าหมายคือบ้านฤทธิ์
อ่านต่อตอนที่ 15