พายุเทวดา ตอนที่ 13
ในขณะที่หวานใจเดินนำฤทธิ์เข้ามาในคฤหาสน์ หยาดฟ้าโผล่ออกมาจากมุมหนึ่ง ตรงเข้าไปหาฤทธิ์ กระซิบกันเบาๆ
“อย่าเผลอบอกเรื่องของเรานะ”
ฤทธิ์ยิ้มตาเป็นประกาย “เรื่องของเรา...อย่าห่วงเลยครับคุณหยาด”
หวานใจมองทั้งสองอย่างรู้ทันว่า สองคนมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกันแค่ไหน
“เสี่ยอยู่ในห้องโถงแน่ะ รีบไปสิ”
ฤทธิ์เดินไป พอหวานใจหันมาทางหนึ่ง จึงเห็นพร้อมกับกานดายืนแอบมองมาทางตน
“นังพร้อม...กล้าดียังไงมาแอบฟังฉัน”
หยาดฟ้าถลาไป หวานใจเดินตามไปด้วย ก็เห็นกานดายืนอยู่ข้างพร้อม
“ไม่มีใครแอบฟังหล่อนหรอก ฉันสองคนยืนอยู่ตรงนี้ นานแล้ว..จะทำอะไรที่อุบาทว์บัดสีก็ดูตาม้าตาเรือดีๆ หน่อยสิ”
หยาดฟ้าตาวาว “หมายความว่าไง”
“หล่อนควรจะตอบตัวเองได้นะ...เพราะมีหล่อนคนเดียว ที่รู้คำตอบ”
หยาดฟ้ามองหน้ากานดาเหมือนอาฆาต เดินผละไป
หวานใจทำท่าจะตอบโต้แทนนาย “นัง”
กานดาชี้หน้าหวานใจ “ถ้าแกไม่หยุด ฉันจะไล่หล่อนออกจากบ้านเดี๋ยวนี้”
เทวาจอดมอเตอร์ไซค์ที่เช่ามาไว้ที่มุมหนึ่งใกล้พุ่มไม้เปลี่ยวๆ เดินออกมาที่ถนน เหลียวมองไปที่บ้านหลังใหญ่ของคงคา สอดตาสำรวจทางหนีทีไล่ของหน้าบ้าน
ส่วนหยาดฟ้าแอบฟังอยู่มุมหนึ่งนอกห้องโถง
“เสี่ยให้เวลาผมหน่อยเถอะครับ ผมมั่นใจว่ายังไงเสีย คุณคำรณก็ต้องชนะเลือกตั้ง” ฤทธิ์ว่า
คำรณไม่พอใจมาก “ไอ้มนต์ นายยังฆ่าได้ แล้วทำไมไอ้เทวาถึงทำไม่ได้”
“เสี่ยกับคุณคำรณคงไม่ทราบว่าในจำนวนลูกศิษย์ของ หลวงปู่ มีมันคนเดียวแหละครับที่ได้วิชาไปหมด มันคนเดียวเอาชนะพี่น้องทุกคนได้”
คงคาถาม “แม้แต่นายรึ”
ฤทธิ์ก้มหน้า “ครับเสี่ย”
คงคากับคำรณมองหน้ากัน หยาดฟ้านิ่งฟังสนใจเทวามากขึ้น
ในห้องคงคากับฤทธิ์คุยกันต่อ คำรณอยู่ด้วย
“คะแนนเสียงของคุณคำรณดีมาตลอด แต่...เอ้อ...ตั้งแต่ ปราศรัยวันนั้น มันหักหน้าคุณคำรณบนเวที ชาวบ้าน ก็เลยเทคะแนนไปให้มันหมด”
คงคาหงุดหงิด “ไม่ต้องอธิบาย...ถ้าไอ้เทวาชนะก็เป็นเหตุผลเพียงพอ ที่จะให้มันไปอยู่กับไอ้มนต์ในนรก...แล้วถ้างานนี้ลื้อ ทำไม่สำเร็จ ฉันก็มีเหตุผลพอว่าทำไมต้องกำจัดนาย”
สีหน้าของฤทธิ์เจื่อนไปถนัดตา คำรณหัวเราะเบาๆ
“หวังว่านายคงเข้าใจนะนายฤทธิ์”
ฝ่ายเทวาแอบซุ่มอยู่ที่พุ่มไม้ข้างรั้วบ้านคงคา มองไปในบ้าน เห็นตัวบ้านหลังใหญ่โอ่อ่ากว้างขวาง เทวาเห็นกานดานั่งดื่มนํ้าชา และอาหารว่างอยู่ พร้อมรับใช้อยู่ใกล้ๆ
“เรื่องเด็กที่ถูกขังนะพร้อม...ฉันเวทนามัน หาทางช่วย มันให้ได้นะ”
“อิฉันกําลังหาข้อมูลจากไอ้พันอยู่ค่ะ”
จังหวะนี้ พันขี่มอเตอร์ไซค์มาที่หน้าบ้าน หวานใจรีบเปิดประตูบ้านให้พันขี่รถเข้ามา พร้อมกับกานดามองอย่างผิดสังเกต
ฟากเทวาค่อยๆ โผล่หัวมามองมองเข้ามาในรั้ว เห็นหวานใจกระซิบกับพันแล้วหวานใจก็วิ่งไปทางหนึ่ง พร้อมกับกานดามองตาม
“นังหวานใจจะก่อเรื่องอะไรอีกล่ะ”
พันเดินผ่านมาพร้อมเรียก “ไอ้พัน”
พันเดินมาหา “อะไรล่ะแม่”
“ไปไหนมา แล้วซุบซิบอะไรกับนังหวานใจ”
กานดามองพันเขม็ง “ฉันอยากรู้ ไม่ใช่แม่เธอหรอก”
“ผมบอกไม่ได้จริงๆ ครับ คุณผู้หญิง...ขอโทษนะครับ” พันเดินไป
พร้อมเรียกไว้ “ไอ้พัน...ไอ้พัน” แต่พันไม่หัน เดินเลี่ยงไป
พร้อมกับกานดาเห็นฤทธิ์เดินมาขึ้นรถ ธงกับศรทำหน้าที่เหมือนเดิม รถเคลื่อนออกไป กานดากับพร้อมมองตามไป
“อย่าให้เกิดอะไรวุ่นวายเลยเจ้าประคู้ณ”
เทวาหลบอยู่ที่นอกรั้ว เห็นรถของคงคาซึ่งมีฤทธิ์นั่งอยู่ ผ่านไป
หยาดฟ้าเดินไปมาอยู่ในห้อง เสียงของฤทธิ์ที่บอกกับคงคาว่าเทวามีพลังเทวดาเหนือคนอื่นดังก้องเข้ามาในห้วงคิด
“นายเทวาเก่งกว่านายฤทธิ์...ถ้าได้เทวามาปกป้องเรา เราก็จะหนีจากอำนาจของเสี่ยคงคา แล้วก็หนีจากนายฤทธิ์ได้ ด้วย...ทั้งหล่อทั้งเก่งยังงี้ จะปล่อยให้หลุดมือไปได้ไง”
มีเสียงเคาะประตูดังขึ้น ก่อนที่หวานใจจะเข้ามา
“คุณหยาดขา...นังชงเหล้ามันอยู่ที่โรงพยาบาลที่ชายฝั่ง นี่แหละค่ะ หวานไปสืบมาแล้ว”
หยาดฟ้ายิ้มเหี้ยม พยักหน้า
เรือสปีดโบ๊ตแล่นอย่างเร็วอยู่กลางทะเล ฤทธิ์นั่งหน้าเครียดอยู่ในเรือ ลูกน้องคนหนึ่งขับเรือ อีกคนยืนอยู่ที่ท้ายลำเรือ
“คิดว่าอำนาจเงินของนายจะบันดาลทุกสิ่งทุกอย่างได้ เหรอ เสี่ยไม่มีทางทำอะไรผมได้หรอก เพราะผมนี่แหละ จะฆ่าเสี่ยก่อน” ฤทธิ์คิดแค้นในใจ
ที่ห้องอาหารของโรงพยาบาล ดารินนั่งทานข้าวอยู่คนเดียว มีเสียงโทรศัพท์ดังขึ้น ดารินเห็นเบอร์ก็รีบรับ
“แม่...แม่เป็นยังไงบ้างคะ”
มณี พูดโทรศัพท์เสียงสั่น เนื้อตัวสั่นด้วยความตื่นเต้น นํ้าตาคลอ “ริน...แม่พยายามโทร.หาหนู แต่ติดต่อไม่ได้เลย”
“ที่เกาะไม่ค่อยมีสัญญาณหรอกค่ะ...นี่พอดีหนูมาที่ฝั่ง แม่ยังไม่ตอบรินเลยว่าสบายดีหรือเปล่า เนตรทรายมา ดูแม่บ้างมั้ย...น้าบุญเกิดล่ะ”
มณียิ้มทั้งนํ้าตา “เมื่อไหร่จะกลับบ้านล่ะริน...แม่เป็นห่วง เป็นคิดถึง ให้คนอื่นดูแลแม่ ก็ไม่เหมือนมีรินอยู่ใกล้ๆ หรอก”
ดารินนํ้าตาร่วงพรู “แม่...ขอเวลารินอีกนิดเดียวนะคะ…เสร็จงานแล้วรินจะ รีบกลับไป”
มณีสะอื้นพยักหน้ายอมรับเงื่อนไข บุญเกิดเข้ามายืนอยู่มุมหนึ่งเงียบๆ
“จ้ะ แม่จะรอ...รักษาตัวให้ดีๆ นะริน”
“ค่ะแม่”
ในเวลาต่อมา ดารินมายืนกอดอกคิดเครียดอยู่ที่ถนนเลียบชายหาด ทอดสายตามองทะเลสวยเบื้องหน้า
“แกทิ้งทุกสิ่งทุกอย่างที่กรุงเทพฯ มาที่นี่เพื่ออะไรกันริน แกทำให้แม่ร้องไห้...แกคิดดูดีๆ นะ...แกจะเดินหน้า ต่อ หรือแกจะหยุดทุกสิ่งทุกอย่างไว้ที่นี่”
ดารินคิดหนัก ถอนใจเฮือกใหญ่ นํ้าตาคลอ
จังหวะนี้รถคันหนึ่งแล่นมา แล่นมาอย่างเร็ว แล้วรถก็จอดกะทันหัน เสียงเบรกดังจนดารินหันไป กระจกค่อยๆ ลดลงมา ดารินเห็นหยาดฟ้ามองมาที่ตน ถอดแว่นตาดำออกเผยให้เห็นดวงตาเหี้ยมเกรียม หยาดฟ้าหยิบปืนที่อยู่ในรถ เล็งมาที่ดาริน
ไวเท่าความคิดดารินรีบม้วนตัวหลบ หยาดฟ้ายิงหลายนัด ติดๆ กัน หยาดฟ้าย่ามใจ ออกมาจากรถ เดินหน้ายิงปืนใส่ดาริน
เทวาวิ่งมาสีหน้าตกใจ ยินเสียงปืนดัง เทวามองไป ลมสลาตันพัดปืนหลุดจากมือหยาดฟ้าไป แรงลมยังพัดร่างของหยาดฟ้าปลิวไปปะทะรถของตัวเอง แล้วตกลงมาอย่างแรง
หญิงชั่วหน้านิ่วเจ็บปวด เทวาวิ่งมาดึงดารินให้วิ่งหนีไป หยาดฟ้าเงยหน้าขึ้น หน้านิ่วเจ็บปวดมองไป เห็นทั้งสองวิ่งไปด้วยกัน หยาดฟ้ามองตามด้วยความแค้นอาฆาตดาริน แววตาเหี้ยมเกรียมอำมหิต
ชาวบ้านวิ่งกรูกันมา ต่างตะโกนบอกกัน
“ทางโน้นๆ ดูซิว่ามีคนเป็นอะไรหรือเปล่า” ชาวบ้านวิ่งมา หยาดฟ้าได้สติ รีบลุกขึ้นแล้วเข้าไปในรถ ขับรถออกไปอย่างเร็ว
ทิ้งกลุ่มชาวบ้านเม้าท์เมามันกันอยู่ที่ถนนนั่นเอง
ดารินกับเทวาหลบอยู่ในพงหญ้ามุมหนึ่ง
“คราวนี้เชื่อหรือยังล่ะว่ามันไม่ได้ตั้งใจเก็บผม แต่คุณ ต่างหากคือเป้าหมายของมัน”
ดารินนิ่งคิด ภาพที่ปลาดุกถูกยิงในร้านเฮียเม้ง และตัวเองแย่งปืนได้ ผุดเข้ามาในห้วงคิด
“ผู้หญิงคนนั้น”
เทวารู้ “หยาดฟ้า ใคร ๆ เขาก็รู้กันว่าเป็นเมียเสี่ยคงคา...แต่เที่ยว บอกใครๆ ว่าเป็นน้องสาว”
เทวากอดดารินไว้แนบชิด ดารินรู้ตัวก็พยายามดันตัวออก
“เขาฆ่าฉันเพราะนายก็ได้..ปล่อย”
เทวาไม่ยอมปล่อย “เกี่ยวอะไรกับผม”
“เขาอาจจะชอบนาย...ก็เลย…”
“คิดแบบนี้เป็นกับเขาด้วยเหรอ”
“ทำไมล่ะ...ฉันก็มีสมอง...ไม่ฝ่อ ไม่บวม ไม่เน่า ไม่เสีย”
“งั้นก็ชัดเลย”
ดารินเง็ง “ชัด”
“เราคิดอะไรตรงกัน อย่างน้อยก็สองข้อ...ข้อหนึ่ง เรามี ศัตรูร่วมกัน คุณก็อยากเห็นความยุติธรรมบนเกาะมุก ไม่อยากให้คนนอกเกาะมาหาผลประโยชน์ ข้อสองคุณ กับผม”
เทวาสบตาดารินลึกซึ้ง อยากบอกรักแต่ไม่กล้าบอก ดารินรู้ทัน เลยถองเทวาเสียจุกไปหมด
“ฉันทิ้งเพื่อนไว้ กลัวจะเป็นอะไรไปซะก่อน” ดารินยืนมองเทวาที่ยังกุมท้องอยู่
“แล้วจะทิ้งผมไว้อย่างนี้เหรอ”
“คงไม่ตายหรอกน่า...นายจะกลับเกาะมุกเลยหรือเปล่า”
เทวาเซ็ง “ไล่ผมอีกแล้ว”
“ก่อนหน้านี้นายก็ไล่ให้ฉันกลับบ้าน”
เทวายิ้มกว้าง ชูนิ้วก้อยให้ดาริน
“งั้นหายกัน...เอ้า”
ดารินฟอร์มทำเมิน แต่สุดท้ายก็ชูนิ้วก้อยเกี่ยวกับนิ้วก้อยเทวา
ทั้งสองคนค่อยๆ หันมาสบตากันซึ้งๆ
ปลาดุกนอนลืมตาอยู่บนเตียง เครื่องมือแพทย์ยังเต็มตัวอยู่ เห็นดารินเข้ามา รีบถามอย่างห่วงใย
“พยาบาลเล่าว่ามีการยิงกันที่หน้าโรงพยาบาล ฉันเป็น ห่วงแกแทบแย่”
“อ้าว เหรอ ไม่เห็นรู้เรื่องอะไรเลย...ห่วงฉันเหรอ ห่วง ตัวเองดีกว่า”
ปลาดุกยิ้มให้ดาริน พูดด้วยนํ้าเสียงเข้าใจทุกสิ่งทุกอย่าง
“ฉันไม่ตายง่ายๆ หรอก ริน...ฉันรู้ว่าแกมีจุดมุ่งหมาย บางอย่างบนเกาะมุก ถึงแกไม่เล่า ฉันก็เดาได้ ฉันเจ็บครั้งนี้ ฉันไม่ต้องการอะไรเลย นอกจากเห็นแก ทำงานของแกให้สำเร็จ อย่าท้อนะริน”
ดารินซาบซึ้งพยักหน้า “แกก็ต้องช่วยฉันด้วยนะปลาดุก แกไม่น่าต้องเจ็บตัว เพราะฉันเลย”
ปลาดุกยิ้มหยันบางๆ “นรกยังไม่ต้องการฉันหรอกว่ะ”
“ขอให้นรกคิดกับฉันเหมือนคิดกับแก...ฉันจะได้ทำงาน เสร็จก่อนตาย”
ทั้งสองสาวยิ้มเศร้าๆ ให้กัน
เทวากลับมาที่ละแวกบ้านเสี่ยคงคา ลอบแอบมองจากนอกรั้วเข้าไปในบ้าน เห็นพร้อมเดินมากับกานดา เสียงร้องไห้และเสียงกรีดร้องดังมา พร้อมกับกานดาหันไปมอง
เทวาได้ยินเสียงเช่นกัน
กานดาสงสาร “น่าเวทนาจริงๆ คนนะไม่ใช่สัตว์จะได้เอาตัวมากักขังกัน แบบนี้”
หวานใจลากตัวเปียออกมา พบว่าเปียทรุดโทรมลงไปมาก
เทวาอุทานเบาๆ “เปีย”
เปียกรีดร้อง หวานใจตบตีไม่ยั้ง
“นังนี่ จะแหกปากให้ชาวบ้านแห่มาดูอีคนหน้าโง่อย่าง เอ็งรึไง...เงียบเดี๋ยวนี้เลยนะ ถ้าเสี่ยออกมาเห็นเข้า จะเจ็บตัวมากกว่านี้”
หวานใจตรงเข้าดึงทึ้งร่างของเปีย แต่เปียสู้ กัดหวานใจจนร้องออกมา
“นังเปีย...นังบ้า...ผีเข้าสิงหรือไงวะ ถึงกัดฉัน”
หวานใจจะตบ แต่พร้อมเข้ามาห้าม กานดาก้าวเดินมา
“อย่าเอานิสัยป่าเถื่อนมาใช้ในบ้านฉันนะ”
หวานใจลดมือที่เงื้อจะตบเปียลง เป็นจังหวะเดียวกับที่คำรณ หยาดฟ้า คงคา พัน ธง ศรเดินออกมาจากมุมหนึ่ง
“นังหวานใจ แค่ทำให้นังบ้านี่เงียบ แกยังทำไม่ได้เลย... อย่างนี้ ฉันจะไว้ใจอะไรแกได้” หยาดฟ้าด่า
หวานใจฟ้อง “หวานให้มันอาบนํ้ามันดันพ่นนํ้าลายใส่หวาน แถมยัง วิ่งออกมาข้างนอก นี่ถ้าจับไว้ไม่ทันนะคะ มันคงเตลิด หนีไปแล้วล่ะค่ะ”
“ถ้าเป็นอย่างที่แกพูด แกตายนังหวานใจ” คงคาคาดโทษ
หวานใจหัวหดไปทันที
“เมื่อไหร่จะปล่อยแม่หนูนี่ไปเสียที รู้มั้ยแกร้องไห้ โหยหวนจนคนแถวนี้คงคิดว่าบ้านเรามีผีสิง”
“คงไม่ผิดหรอกค่ะ ผีแก่ด้วย”
พร้อมถลึงตาใส่หยาดฟ้า
“แต่ก็เป็นเจ้าของสุสาน ไม่ใช่ผีไม่ญาติเที่ยวสิงสู่อยู่ สุสานคนอื่น ไม่ต่างจากสัมภเวสีเร่ร่อน”
หยาดฟ้ารู้ว่ากานดาด่า จะโต้ตอบแต่คงคาห้ามทัพเสียก่อน
“พอ...เดี๋ยวก็ไม่ทันได้ไปทำงานกันหรอก”
“แม่ก็ออกมาเดินเพ่นพ่านแถวนี้ทำไมกัน...เข้าไป นัง พร้อมก็สาระแนดีนัก...ถ้าแกไม่ทำให้แม่ฉันอยู่ในเรือน เล็กละก็ไสหัวไปเลย”
พัน อึ้งไป สบตาแม่ แล้วก็ก้มหน้า
“เพราะแกคนเดียวนังเปีย” หยาดฟ้าตบหน้า “นี่แน่ะ ทำให้เขา วุ่นวายกันหมด นังหวานเอามันไปขังไว้เหมือนเดิม...ถ้า มันไม่อยากอาบนํ้าก็ให้มันเน่าตายไปเถอะ”
หวานใจกระชากตัวเปียให้เดินตามไป เปียผ่านคำรณก็แลบลิ้นใส่ คำรณเงื้อมือจะตบ เปียพ่นนํ้าลายใส่หน้า
“อีบ้า” คำรณป้ายนํ้าลายของเปียออกจากใบหน้าอย่างรังเกียจ จะเข้าไปทำร้าย แต่กานดาร้องห้าม
“อย่าลูก...มันบาป”
เสียงห้ามของกานดาไม่เป็นผล คำรณตบหน้าเปียอย่างแรง ร่างเปียทรุดลงไป พร้อมสงสารปรี่ไปดึงตัวเปียออกมา
“นังพร้อม” คำรณจะตบพร้อมแต่พันห้ามไว้
“อย่าครับคุณคำรณ อย่าทำแม่ผม”
คำรณหงุดหงิด ผลักพร้อมไป กานดาประคองพร้อมไว้
“สักวันลูกจะรู้ว่าทุกสิ่งทุกอย่างที่ลูกทำ มันผิด แล้วมัน ก็ไม่เป็นผลดีต่อลูกเลย”
หยาดฟ้ามองกานดาแล้วหัวเราะขำ กานดาหันขวับ หยาดฟ้าทำไม่รู้ไม่ชี้ คำรณหน้าเครียด
หยาดฟ้าบอกกับคงคา “อีกสามวันก็จะเลือกตั้งแล้ว ขืนให้คุณคำรณอยู่บ้าน มีหวังใจอ่อนตามคุณผู้หญิง งานของเราจะล้มเหลว นะคะเสี่ย”
เสี่ยคงคาพยักหน้าเห็นด้วย “คำรณต้องเดินหาเสียงด้วยตัวเอง ดูซิว่าถ้ามีฉันไป มี หยาดฟ้าไป” เสี่ยหัวเราะร่าอย่างย่ามใจ “มีเจ้าหนี้พวกมันสองคนเดินไป ด้วยกัน มันจะกล้าหือมั้ย...เมื่อพวกชาวบ้านมันเลี้ยงไม่ เชื่อง เราก็ต้องทำให้มันเชื่อง”
ส่วนที่นอกรั้ว เทวาค่อยๆ เลี่ยงกายหายไป เขาขี่รถมอเตอร์ไซค์มุ่งหน้ามาที่ท่าเรือกลับเกาะมุก ลมปะทะใบหน้าหล่อเหลาดูเท่โครตๆ
ปลาดุกนอนซมอยู่เตียง เทวาบอกกับดารินที่เฝ้าไข้อยู่
“สัญญานะว่าจะไม่กลับไปที่เกาะมุกในช่วงเลือกตั้ง ดูแล เพื่อนคุณให้ดี ผมเป็นห่วง”
เทวามองหน้าดาริน แล้วผละออกไป
“นาย” ดารินเรียกไม่ทัน ประตูปิดดังปัง ดารินหันมาทางปลาดุก
“ฉันว่าอะไรก็ห้ามแกไม่ได้หรอกริน ยิ่งนายเทวาบอกว่า อย่า แกยิ่งอยากทำ...ไปเถอะไม่ต้องห่วงฉัน”
ดารินนิ่งอึ้งพักหนึ่ง “ฉันไปแน่ แต่ไม่ใช่ตอนนี้...ยังไม่อยากเปิดศึกกับนายเทวา”
ปลาดุกพูดยิ้มๆ “ศึกหัวใจ...ใหญ่หลวงด้วยนะแก”
ดารินค้อน แต่สีหน้ายังกังวลอยู่ คิดหนักในใจ
“เกิดอะไรขึ้น ทำไมนายเทวาต้องห้ามเราด้วย”
เทวากระโดดขึ้นท่าเรือเป็นคนแรก วิ่งมาที่ท่าเรือ ขณะที่คนอื่นๆ ทยอยกันขึ้นเรือ สิงห์ยืนอยู่กับก้อง ก้องทัก
“เทวา ไปไหนมาวะ”
เทวาบอก “ไอ้สิงห์ ข้ามีข่าวดีมาบอกเอ็ง..ข้าเจอเปียแล้ว ไอ้เสี่ย คงคาเอาเปียไปขังไว้...ข้าแอบไปที่บ้านมัน”
สิงห์กระชากคอเสื้อเทวา “แล้วทำไมเอ็งไม่ช่วยเปีย ทำไมเอ็งไม่ช่วยเมียข้า”
“ยังไม่ถึงเวลา ข้าสัญญากับเอ็งแล้ว ข้าไม่ลืมหรอก... ข้านี่แหละจะเอาตัวมันเข้าคุกให้ได้”
ก้องปลดมือสิงห์ “ปล่อยไอ้สิงห์ ข้าเชื่อว่าไอ้เทวามันไม่ผิดคำพูดหรอก”
สิงห์ยอมปล่อยมือ เทวากับสิงห์แตะมือกัน
วันหนึ่งชาวบ้านชายทั้งสองกำลังคุยอย่างเมามัน แม่ค้าและคนอื่น ๆในตลาดมุงดูอยู่
ชาวบ้าน1 คุยลั่น “โชคดีนะที่พ่อเทวาให้เรากลับมา เราเลยไม่ตาย”
ชาวบ้าน 2 เสริม “ใช่ ไอ้ก้องมันเล่าว่าพวกมันยิงเอาเรือมาขนาบกะยิง ให้ตายทั้งลำเลย ไม่คิดเลยนะมันจะโหดเหี้ยมยังงี้”
แม่ค้า 1 บอก “คนดีๆ ผีไม่เอาไปหรอก ผีคุ้ม”
แม่ค้า 2 พยักพเยิด “ยังงี้พวกเราต้องเลือกเทวานะ อย่าเลือกมัน อย่าให้มัน ได้ไปแม้แต่คะแนนเดียว...ใครเลือกมัน อย่าให้ข้ารู้นะ โว้ย...แม่จะไม่ยอมให้เหยียบตลาดเลย”
ชาวบ้านพากันเออออ เห็นด้วย ฤทธิ์เข้ามาพอดี มีลูกน้องตามมาด้วยสองคน
ฤทธิ์ร้องถาม “คุยอะไรกันอยู่เหรอจ๊ะ”
ทุกคนเห็น หน้าจ๋อย ยิ้มแหยๆ แม่ค้า 2 บอก “ไม่มีอะไรหรอกกํานัน หมามันลอบกัดน่ะ...เลยด่าหมา ใครเป็นหมาก็รับไปละกัน”
ฤทธิ์กวาดตาดูแม่ค้าและคนอื่นๆ ในตลาด สีหน้าไม่พอใจ
แม่ค้า 1 ตะโกนขึ้น “เอ้า ขายของๆๆ ใครจะซื้อบ้าง วันนี้แม่ลดแลกแจกแถม เต็มที่จ้า”
แม่ค้าพากันไม่สนใจฤทธิ์ ต่างร้องขายของกันเสียงขรมเซ็งแซ่ ทั่งที่ไม่มีคนซื้อสักคนเดียว
ฤทธิ์รู้ว่าแม่ค้าแอนตี้ตน จึงเดินออกไป ลูกน้องตามไปติดๆ
แม่ค้า 1 ร้องขึ้นลอยๆ อีก “ช่วยกันเอานํ้าล้างหน่อยโว้ย...เสนียด จะได้หมดไปจาก ที่นี่...เมื่อไหร่นะ เกาะมุกจะกลับมาสงบสุขเหมือนเดิม”
หมู่มวลแม่ค้าพ่อขายสะใจไปตามๆ กัน
อ่านต่อหน้า2
พายุเทวดา ตอนที่ 13 (ต่อ)
ทุกคนอยู่ที่บ้านฤทธิ์ หน้าเครียดกันทั้งแถบ คงคาเอ่ยขึ้น
“เท่ากับว่ามันไม่ยอมรับอำนาจของเรา”
“แบบนี้ต้องให้บทเรียนแก่คนเกาะมุกแล้วล่ะค่ะเสี่ย” คงคาพยักหน้าเห็นด้วย
“ผมอยากรู้ ถ้าผมไม่ได้เป็นผู้ใหญ่บ้าน ใครกันที่ต้อง รับผิดชอบ”
คำรณจงใจกระทบไปถึงฤทธิ์ ฤทธิ์หันมามองตาดุๆ แล้วหลบตาไป
คงคาบอก “คิดว่าเรื่องนี้นายฤทธิ์คงตอบได้ดีกว่าคนอื่น จริงมั้ย”
ฤทธิ์ไม่ตอบ หยาดฟ้าแอบมองฤทธิ์ด้วยความเห็นใจ
“ยังไงเราก็ต้องเร่งทำงานกันอย่างถึงที่สุด อีกสองวันเอง นะคะเสี่ย”
“ใช่ อีกสองวันชี้ชะตาทุกอย่าง”
ฤทธิ์นั่งนิ่ง มือกำหมัดแน่น
อีกฟากหนึ่งทุกคนประชุมกันอยู่ในวัด เทวาเอ่ยขึ้น
“ผมว่ามันมาแน่...กลัวว่ามันจะข่มขู่จนชาวบ้านต้อง ทำตามมัน“
ประสิทธิ์บอก “มันทำแน่...คราวเลือกกํานันฤทธิ์มันก็ใช้วิธีข่มขู่”
แสงจันทร์ว่า “ชาวบ้านไม่ได้กลัวอย่างเดียว แต่เงินที่พวกมันสัญญา ว่าจะจ่ายถ้าเลือกคนของมันก็ล่อตาล่อใจชาวบ้าน”
หมอนทีออกความเห็น “ผมว่าเรามาช่วยกันวางแผนแล้วรีบกระจายกันออก ปฏิบัติการให้เร็วที่สุด เทวา ใช่ อย่างน้อยก็ช่วงชิงกลุ่มชาวบ้านมาจากพวกมันก่อน”
เดชเห็นด้วย
“เอาไงเอากัน...จริงมั้ยวะ” ก้องกับสิงห์พยักหน้ากัน
ก้องบอก “ปัญญาข้ากับไอ้สิงห์น้อย ขอเป็นแรงหนุนละกัน”
สิงห์เอาด้วย “ใช่ มีอะไรก็บอก ข้าพร้อม...ขออย่างเดียวนะเทวา เอาเปียมาให้ข้าให้ได้”
แสงดาวมองหน้าเทวา นทีถามขึ้น “คุณแสงดาวว่ายังไงครับ”
แสงดาวตอบงอนๆ “ฉันร่วมมือกับพวกเราอยู่แล้ว”
นทียิ้ม “ต้องอย่างนี้สิครับ”
เดชมองแสงดาวด้วยความน้อยใจ แสงจันทร์มองเห็นสายตานั้นของเดช
“ขอบใจทุกคนเลยครับ ผมจะไม่มีวันลืมบุญคุณของทุก คนเลย”
บุญกู้เอ่ยขึ้น “พวกเอ็งน่าจะนั่งสมาธิถึงหลวงปู่กับมนต์บ้าง เขาอาจ ช่วยคุ้มครองพวกเราได้”
เทวารับคำ “ครับ น้าบุญกู้”
แสงจันทร์แอบมองอยู่ด้านนอก เห็นเดชกราบพระอยู่ เดชหันมาเห็นแสงจันทร์อยู่ที่ประตู จึงลุกขึ้นเดินมาหา
“มากราบพระเหรอแสงจันทร์”
“เปล่า ฉันอยากพูดธุระกับพี่”
เดชมองแสงจันทร์แปลกใจ “ธุระอะไร”
“ฉันรู้ว่าพี่เดชชอบแสงดาว..น้องสาวฉัน”
เดชอึกอัก พูดอะไรไม่ถูก “เอ้อ...ช่าง...ช่างมันเถอะ พี่คงไม่มีวาสนาหรอก”
“ฉันเคยไม่สมหวังในความรักมาก่อน...ฉันเข้าใจพี่ดี พี่อย่าละความพยายามนะ ฉันเชื่อว่าสักวันหนึ่งแสงดาว จะต้องเห็นมุมดีๆ ในชีวิตของพี่”
เดชยิ้มให้แสงจันทร์ “ขอบใจแสงจันทร์”
เช้านี้ชาวบ้านในตลาดต่างวิ่งไปตามร้านรวงต่างๆ พากันปิดประตูหน้าต่าง พร้อมๆ กันในที่สุดตลาดก็ร้าง ห้องแถวร้านรวงปิดตายหมด
เทวายืนอยู่กับเดชและก้องยืนดูอยู่มุมหนึ่ง
เดชบอก “เทวา เอ็งกลับไป...อยู่ที่นี่พวกมันจะโจมตีเอ็งได้”
“ขอบใจเพื่อน” เทวาวิ่งไปทางหนึ่ง ถนนทั้งสาย ไร้ผู้คน ร้านรวงสองข้างทางก็ปิดตายหมด เดชกับก้องยิ้มพอใจในผลงานของตน
ธง พัน ศร คงคา หยาดฟ้า และคำรณ ทุกคนเดินอยู่กลางถนน มองดูร้านรวงที่ปิดหมด
คำรณแปลกใจมาก “มันผิดปกตินะพ่อ”
“ถ้าร้านเฮียเม้งยังเปิดอยู่ แสดงว่าผิดปกติอย่างที่แกว่า”
“แล้วถ้าร้านเฮียเม้งปิดด้วยล่ะคะเสี่ย”
“ก็แสดงว่าคนทั้งเกาะมุกประกาศตัวเป็นศัตรูกับเรา หรือไม่ก็เป็นอย่างไอ้สามตัวนี่ว่า...มันกลัวเราหัวหด”
ศรบอก “ผมว่าต้องเป็นอย่างนั้นครับเสี่ย..หรือเอ็งสองคนว่าไง” พันกับธงพยักหน้าเห็นด้วย
“มันกลัวเราแบบนี้ก็ดีนะ เราจะได้ใช้อำนาจกับมันยังไง ก็ได้”
คงคาด่า “คิดแบบคนโง่สิ.เราต้องการให้พวกมันลงคะแนนเสียง ให้เรา ถ้ามันกลัวเรา มันจะเป็นฐานเสียงให้ เราเหรอ”
“ก็มันไม่อยู่ให้เราแสดงความรักต่อมันนี่เสี่ย”
คำรณสั่ง “ลองเคาะประตูดูซิ..หรือว่ามันซ่อนอยู่ในบ้าน”
พัน ธง ศรเคาะประตู ทั้งเตะทั้งทุบ แต่ก็ไม่มีบ้านไหนเปิด คำรณโมโห ชักปืนที่เหน็บอยู่ข้างเอวยิงขึ้นฟ้าหลายนัด นกบินขึ้นฟ้าด้วยความตกใจ คงคารีบแย่งปืนมา
“อยากให้มันเกลียดขี้หน้าเราใช่มั้ย...เวลาแบบนี้ ต่อให้ ต้องกราบมัน แกก็ต้องทำ”
คำรณฮึดฮัดขัดใจ
ไม่นานนัก เม้งบอกกับทุกคนอยู่ที่หน้าร้าน ทั้งเกาะร้านของเม้งเปิดอยู่ร้านเดียว
“ก็ไอ้พวกหัวคะแนนของมันแหละครับเสี่ย มันซุบซิบกับ พวกชาวบ้าน อึดใจเดียวปิดร้านพร้อมๆ กันหมดเลย”
รถของฤทธิ์มาถึงพอดี ฤทธิ์กระโดดลงจากรถ “เกิดอะไรขึ้นหรือครับเสี่ย”
“วันนี้ พิสูจน์แล้วว่านายฤทธิ์ไม่มีคุณสมบัติที่จะคุมคนได้ นายน่าจะลองพิจารณาตัวเองบ้างว่าเหมาะสมกับ ตำแหน่งกำนันของเกาะมุกหรือเปล่า...อำนาจเงินและอิทธิพลของฉันก็ทำให้นายตกสวรรค์ได้ไม่ยาก”
ฤทธิ์สะกดอารมณ์ไว้ ก้มหน้า “เสี่ยจะให้ผมทำอะไรก็บัญชามาเลยครับ”
คงคาหัวเราะในลำคอ คำรณบอก “แกไม่น่าถามนะนายฤทธิ์”
ฤทธิ์มองหน้าคำรณ ไม่ได้ยำเกรงเหมือนที่ตนมีต่อคงคา คำรณตวาด “ไปตามคนมารวมตัวกันให้มากที่สุด ไป”
“ครับ คุณคำรณ”
ลูกน้องของฤทธิ์ขับรถไปตามมุมต่างๆ เสียงฤทธิ์ประกาศผ่านเครื่องขยายเสียง
“ขอเชิญพ่อแม่พี่น้องชาวเกาะมุกทุกท่าน ไปฟังการ ปราศรัยของคุณคำรณ ผู้สมัครผู้ใหญ่บ้าน...ด่วน...ด่วน ที่สุด ทุกท่านที่ไปจะได้ชมการแสดงที่จัดมาเพื่อให้พ่อแม่พี่น้องมีความสุข พร้อมรับประทานอาหารโต๊ะจีน ฟรี งานนี้ งานเดียวเท่านั้น”
รถเคลื่อนไปตามมุมต่างๆ ขณะที่เสียงของฤทธิ์ดังต่อเนื่อง
รถสองแถวของเดชวิ่งสวนรถของฤทธิ์มา ทั้งสองกดกระจกลงสวนทางกัน มองหน้ากัน
ฤทธิ์มีแววเยาะหยันว่าตนเหนือกว่า
ด้านเฮียเม้งซับเหงื่อที่ซึมไปทั่วใบหน้า มองโต๊ะจีนที่จัดไว้จำนวนมาก แต่อาหารยังไม่ออกมา
คงคาเอ่ยขึ้น ไม่อยากเชื่อ “ขนาดเอาโต๊ะจีนมาล่อมัน...มันยังไม่มากันอีก...เป็นไป ได้ไง”
“ก็เป็นไปแล้ว ผมว่าพ่อคงต้องจัดการไอ้ฤทธิ์แล้วละ”
หยาดฟ้าถามขึ้นทันที “เรื่องอะไรคะคุณคำรณ”
“ผมว่ามันต้องพูดจาอะไรให้พวกชาวบ้านเกลียดพ่อกับ ผมก็ได้”
“ก็น่าจะจริง เฮียเม้งว่าไง”
เม้งพยักหน้า “อย่าลืมนะครับ เสี่ย...ไอ้เทวาก็เป็นน้องมัน ระหว่างน้อง กับคนอื่น มันจะเลือกใครล่ะครับ”
“นั่นไงพ่อ เฮียเม้งยังคิดเหมือนผม”
คงคาหน้าเครียด หยาดฟ้าเริ่มเห็นความยุ่งยาก ได้แต่ระบายลมหายใจ
รถของฤทธิ์แล่นมาจอดพอดี ฤทธิ์กับลูกน้องลงจากรถมา เดินตรงมาที่กลุ่มของคงคา
“เดี๋ยวก็คงมากันแหละครับ”
“ถามจริงเถอะ นายฤทธิ์เป็นกํานันเกาะมุก ไม่รู้จริงๆ เหรอว่าผู้คนมันหายหัวไปไหนกันหมด”
ฤทธิ์บอก “ศาลาวัดเกาะมุกใต้ครับ”
คำรณฉงน “มันใช้วัดเป็นเวทีปราศรัยเหรอ”
ฤทธิ์ก้มหน้า “ผมไม่ทราบครับ”
คงคาบอก “ถ้างั้น ฉันจะไปดูให้เห็นกับตา”
บนศาลาวัดตอนนั้น เห็นชาวบ้านจำนวนมากนั่งสมาธิกันอยู่อย่างสงบ จัดเป็นแถวเป็นแนวเป็นระเบียบเรียบร้อย แสงดาว แสงจันทร์ ประสิทธิ์ นที นั่งปะปนอยู่กับกลุ่มชาวบ้าน
ส่วนด้านนอก รถของฤทธิ์กับของคงคาเข้ามาจอด กลุ่มของเทวาทุกคนลงมา
หยาดฟ้าแปลกใจ “เงียบจัง ทำไมนายฤทธิ์ถึงบอกว่ามันมารวมตัวกันที่นี่”
คำรณฉุน “หลอกพวกเราเหรอ”
ฤทธิ์สั่งสมุน “ขึ้นไปดูบนศาลาสิ”
เหล่าคนชั่วทุกคนมองไปที่ศาลาไม้เก่าๆ แล้วก้าวขึ้นไปข้างบน เห็นทุกคนนั่งสมาธิกันอย่างเงียบสงบ แน่วแน่ บุญกู้เดินมาทางด้านหลัง
“มานั่งสมาธิด้วยกันสิ”
คงคาไม่สนใจ “ทำไมต้องมานั่งรวมกันวันนี้ด้วย”
“พวกชาวบ้านนัดกันมาอธิษฐานจิตที่วัดหลวงปู่หาญ ขอให้เทวดาคุ้มครองเกาะมุกให้ปลอดพ้นจากคนชั่ว ที่คิดหาประโยชน์จากทรัพย์แผ่นดิน”
คำรณปราดจะเข้าไปทำร้ายบุญกู้ แต่เดชกับก้องเดินมา
“ถ้าจะทำอะไรละก็...เชิญข้างล่าง...เสียงดังขณะคนนั่ง สมาธิ บาปหนานะครับ...พี่ฤทธิ์ก็เป็นเด็กวัดมาก่อน น่าจะพูดให้เสี่ยกับคุณคำรณเข้าใจเรื่องนี้”
ฤทธิ์มองเดชอย่างแค้นๆ ก้องสำทับ “เชิญครับ”
คำรณลืมตัว วางอำนาจ “ข้าไม่ไป”
ก้องเยาะ “คุณคำรณไม่กลัวว่าพวกชาวบ้านจะเห็นพฤติกรรมที่ไม่ งามของคุณคำรณเหรอครับ”
คำรณชะงักไป คงคาเดินนำไปก่อน ทุกคนตามไป ก้องกับเดชส่งยิ้มให้กัน
มองจากมุมสูงลงมา เห็นชาวบ้านนั่งสมาธิกันเรียงเป็นแถวเป็นระเบียบ และสงบ
คำรณ คงคา ฤทธิ์ ลูกน้องของฤทธิ์ หยาดฟ้า พัน ธง ศรลงมาจากศาล ก้องกับเดชตามมาติดๆ
คำรณหันมา “ไอ้เทวาอยู่ไหน”
ก้องตอบเสียงเรียบ “ไม่เห็นเลยครับ”
“ไม่ต้องพูดอะไรทั่งนั้น...กลับไปก่อน” คงคาบอก
หยาดฟ้ามองไปทางหนึ่งเห็นสิงห์เดินผ่านไปจึงเรียกไว้
“เดี๋ยว” หยาดฟ้าก้าวตามไปติดๆ ฤทธิ์มองตามด้วยความเป็นห่วง ฤทธิ์หันมาบอกคงคา
“ผมคิดว่าไอ้เทวาอยู่ในวัดนี่แหละครับ ผมจะไปลากคอ มันมาพบเสี่ย”
“อยากได้ลูกน้องไปช่วยมั้ย”
“ไม่ต้องครับ”
“ถ้านายทำได้จริง นายแน่มาก...ถือว่าความผิดที่นายทำ พลาดมาตลอด เป็นอันหายกัน”
หยาดฟ้าก้าวตามสิงห์มา “นายสิงห์ หันมาคุยกับฉันก่อน ฉันมีข้อเสนอที่นายต้อง สนใจ” สิงห์หันมา หยาดฟ้ายิ้มพอใจ “ถ้านายเลิกสนับ สนุนนายเทวา หันมาเป็นพวกของฉัน ฉันจะคืนเมียแก ให้...ได้ข่าวว่าหาตัวมันอยู่ไม่ใช่เหรอ”
สิงห์ส่ายหน้าไม่สนใจ “เทวารับปากผมแล้วว่าจะเอาเปียคืนมาให้ได้...ผมไม่ สนใจข้อเสนอของคุณ”
สิงห์เดินหนีไปหยาดฟ้าเรียกไว้ “แต่...” สิงห์หันมา พูดเสียงเข้ม
“กลับไป...ผมไม่สนใจ”
ฤทธิ์เดินมาที่ประตูโบสถ์มหาอุตม์ พบว่าเทวานั่งสมาธิอยู่ในนั้น จึงเดินเข้ามาหา
“นั่งสมาธิ...เพิ่มพลังหรือไงน้องชาย”
เทวาลืมตาขึ้น ตอบโดยไม่ได้หันมา
“ผมไม่จำเป็นต้องทำอย่างนั้นหรอกครับ ผมไม่เคยผิดศีล และไม่เคยทำผิดต่อทรัพย์แผ่นดิน...พี่ฤทธิ์ต่างหากที่ควร ต้องนั่งสมาธิเพื่อเพิ่มพลัง”
“ถ้างั้นแกนั่งสมาธิทำไม”
“นั่งเพื่อให้มีสติระลึกรู้ว่าอะไรควรทำและอะไรไม่ควร ทำครับ”
ฤทธิ์มีสีหน้าไม่พอใจแต่ระงับไว้ “แค่นั้นรึ”
พลางฤทธิ์หัวเราะก้อง อ้าปาก นกบินออกจากปากตรงมายังเทวา แต่ลมสลาตันพัดอวลอยู่ในโบสถ์มหาอุตม์ ประตูปิดกระชากดังปัง เปิดแล้วปิดเสียงกังวาน ร่างของฤทธิ์ลอยขึ้น เช่นเดียวกับข้าวของในโบสถ์ที่ล้มระเนระนาด โดยในระหว่างที่ลมสลาตันพัดในโบสถ์เทวานั่งนิ่งไม่ไหวติง
พอลมสลาตันสงบ ร่างของฤทธิ์ร่วงลงมากับพื้น เทวาหันหน้ามาเผชิญ
ฤทธิ์แค้นแทบกระอัก “ไอ้เทวา”
“กลับไปเสียพี่ฤทธิ์...พี่อย่าแพ้ผมให้อายวิญญาณของ หลวงปู่เลย มันจะเสียไปถึงอาจารย์ของพี่”
ฤทธิ์ลุกขึ้น ชี้หน้าเทวา “ไอ้เทวา...แล้วเอ็งกับข้าจะได้เห็นดีกัน”
ฤทธิ์ก้าวออกไปจากโบสถ์ เทวาพนมมือ ภาวนาเบาๆ ลมพายุพัดแรงอีกครั้ง แต่คราวนี้ข้าวของกลับมาอยู่อย่างเป็นระเบียบที่เดิมทุกอย่าง เทวาคุกเข่าพนมมือ
“ผมขอขมาต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทุกพระองค์ที่อยู่ในโบสถ์ แห่งนี้ ที่ผิดได้ทำผิดพลาดไปเมื่อครู่ โปรดให้อภัย ผมด้วย”
เทวากราบลง ราวกับพระพักตร์ของพระประธานในอุโบสถเปี่ยมเมตตาแลดูเข้มขลัง มองมายังเทวา
อ่านต่อหน้า3
พายุเทวดา ตอนที่ 13 (ต่อ)
ฤทธิ์เดินมา สีหน้าเครียด คงคา คำรณ หยาดฟ้า และบรรดาลูกน้องมองมาที่ฤทธิ์เป็นตาเดียว
“เจอไอ้เทวามั้ย” คำรณถาม
“เจอครับ...มันใช้พลังเทวดาเล่นงานผม..เจ็บใจนัก”
“นายฤทธิ์สู้ไม่ได้เหรอ” หยาดฟ้าถาม
ฤทธิ์ส่ายหน้า “ผมไม่เข้าใจเลยครับ คุณหยาดฟ้า ทำไมพลังเทวดาผม จึงไม่สามารถทำอะไรได้เลย เมื่ออยู่ในวัดนี้”
บุญกู้ ก้อง เดช สิงห์เดินออกมามา มีกลุ่มของสน ประสิทธิ์ แสงจันทร์ นที แสงดาว เดินมาด้านหลัง
“พี่ฤทธิ์มาทำกรรมอะไรไว้ที่นี่ล่ะ ลองคิดดู” เดชหยัน
ฤทธิ์ฉุนกึก “ไอ้เดช”
“ผมพูดอะไรผิด พี่ฤทธิ์กล้ายอมรับความจริงมั้ยล่ะว่า หลวงปู่หาญมรณภาพเพราะใคร...ถ้าไม่ใช่เพราะพี่”
คงคาหัวเราะหยัน “อำนาจอะไรจะมาสู้อาวุธทันสมัยได้ เฮ้ย ไปหยิบมาทีซิ ข้าก็อยากลองเหมือนกันว่าไอ้พลังเทวดาเหนือฟ้าเหนือ แผ่นดินนี่จะสกัดลูกปืนของข้าได้มั้ย”
พันและธง วิ่งไปที่รถ ต่างหยิบปืนมาคนละกระบอก ธงส่งปืนให้คงคา คำรณยื่นมือขอ พันจึงส่งให้
“ถ้าอำนาจของหลวงปู่ของพวกแกมีอำนาจจริง ศักดิ์สิทธิ์ สมคำรํ่าลือก็ต้องทำให้ปืนกระบอกนี้ยิงไม่ได้” คงคาท้าทาย
“อย่าเลยพ่อ ผมว่ายิงเจดีย์เลยดีกว่า เผื่อเจดีย์แตกอาจมี กรุสมบัติอยู่ในนั้นก็ได้”
กลุ่มของคงคาหัวเราะกัน
หยาดฟ้าระรื่น “ต๊าย น่าตื่นเต้นจัง”
ชาวบ้านเริ่มกรูกันลงมา แล้วตีวงออก ยืนดู คงคาประกาศก้องด้วยนํ้าเสียงวางอำนาจ
“พ่อแม่พี่น้องทั้งหลาย วันนี้ผมจะทำให้ทุกท่านได้เห็น ว่าบารมีของผมกับลูกชายมีมากแค่ไหน สามารถสะกด พลังศักดิ์สิทธิ์ของหลวงปู่หาญที่ทุกท่านนับถือได้ หาก ศักดิ์สิทธิ์จริง ต้องทำให้ปืนกระบอกนี้ยิงไม่ได้”
ทุกคนนิ่งเงียบ บุญกู้บอก “อย่าเลยเสี่ย มันจะเป็นบาปติดตัวไปถึงชาติหน้า”
“เงียบไปเลย ไอ้ค่อม” บุญกู้หน้าเสีย ก้องปราดจะไปทำร้าย แต่เดชกับสิงห์ดึงไว้
ก้องฮึดฮัด “ปล่อยข้าสิวะ..เอ็งไม่ได้ยินเหรอว่ามันท้าทายหลวงปู่”
สิงห์ปราม “ไอ้ก้อง ข้าเชื่อว่าหลวงปู่ไม่ปล่อยให้มันดูถูกท่านหรอก”
เทวาเดินออกมาจากทางหนึ่ง “ไอ้สิงห์พูดถูก...เมื่อเสี่ยคงคากล้าท้าทายอำนาจศักดิ์สิทธิ์ ที่คนเกาะมุกนับถือ เท่ากับว่าเสี่ยคงคาและพวกไม่ นับถือเรา ไม่ให้เกียรติเรา ผมก็อยากจะถามเสี่ยบ้างว่า หลวงปู่แสดงความศักดิ์สิทธิ์ออกมา เสี่ยจะยอมให้พวก เรารุมประชาทัณฑ์เสี่ยมั้ย”
ชาวบ้านชอบใจพากันเฮลั่น “กล้าท้าหรือเปล่าไอ้เสี่ย”
เสี่ยคงคากับคำรณไม่ตอบ แต่ยิงปืนขึ้นฟ้า เงาร่างของหลวงปู่หาญกับมนต์ปรากฏขึ้น ต่างชี้มือมาที่คงคากับคำรณ เสี่ยคงคายิงนัดที่หนึ่งก็ยิงไม่ออก เช่นเดียวกับคำรณ ทั้งสองคนยิงอีกหลายครั้ง แต่ก็ไม่ออกเช่นกัน คงคากับคำรณหน้าเสีย เช่นเดียวกับลูกน้องทุกคน
หยาดฟ้าหันมาทางฤทธิ์ “นายฤทธิ์ต้องช่วยฉันนะ”
เทวาตัดบท “ผมว่าพอได้แล้วละเสี่ย อย่าพยายามเลย...เสี่ยต้องยอมให้ พวกชาวบ้านเอาคืนบ้าง”
พัน ธง ศร และลูกน้องของฤทธิ์ต่างคว้าปืนเล็งใส่พวกชาวบ้าน พวกชาวบ้านชะงัก พากันถอยกรูด
แสงดาวด่า “หน้าตัวเมีย...ผิดคำพูด ไปเอาผ้าซิ่นมาใส่ซะ”
คำรณหันปลายกระบอกปืนมาทางแสงดาว
เดชตะโกนก้อง “อย่านะโว้ยไอ้คำรณ” ชาวบ้านพากันกรูเข้ามา
คงคาตัดสินใจยิง เช่นเดียวกับกลุ่มของพัน
หลวงปู่กับมนต์ชี้มาที่กลุ่มของคงคา ปืนทุกกระบอกไม่สามารถยิงได้ ชาวบ้านได้ที วิ่งกรูกันไปที่คงคากับคำรณ สองพ่อลูกต่างวิ่งขึ้นรถหนีตายปิดประตูอย่างเร็ว รถสองคันขับออกไปฝุ่นตลบ
“ปาฏิหาริย์หลวงปู่” บุญกู้มองไปที่เจดีย์ ยกมือไหว้อย่างรักและศรัทธา
สนสำทับกับชาวเกาะมุก “เห็นหรือยังพวกเรา แม้กระทั่งความศักดิ์สิทธิ์ที่พวกเรา นับถือมันยังดูถูกดูแคลนได้ พ่อแม่พี่น้องจะเชื่อพวกมัน ได้เหรอ...เลือกตั้งวันพรุ่งนี้ พ่อแม่พี่น้องก็คิดกันเอาเอง ก็แล้วกันว่าจะเลือกใคร”
ชาวบ้านพากันพยักหน้า ต่างคุยกันเสียงเซ็งแซ่
ส่วนเทวาเดินมาที่เจดีย์ นั่งลงแล้วพนมมือ
“หลวงปู่ครับ...ผมขอบคุณหลวงปู่ เป็นกําลังให้ผมด้วย... พี่มนต์ พี่ก็อย่าทิ้งพวกเรานะ”
เทวากราบลง เงาร่างของหลวงปู่กับมนต์ค่อยๆ เลือนหายไป
คงคาตะคอกใส่หน้าฤทธิ์อย่างกราดเกรี้ยว “นายฤทธิ์ไปเรียนวิชาจากอาจารย์คล้ามมา ทำไมไม่เอาวิชาของอาจารย์มาสู้กับมัน”
ฤทธิ์ไม่ตอบ หยาดฟ้ามองฤทธิ์อย่างเห็นใจ
คำรณคาดโทษ “ไม่รู้ละ ถ้าฉันแพ้เลือกตั้งคราวนี้ แกต้องรับผิดชอบ”
“ทางที่ดี คืนนี้จัดการกับไอ้เทวาซะ”
คำพูดคงคา ทำเอาฤทธิ์หน้าเสียไปในทันที
ฤทธิ์ในเสื้อผ้าชุดใหม่ยืนอยู่ที่ชายหาด พระอาทิตย์กําลังจะตกดิน เขามองไปที่ทะเล
“อาจารย์...อาจารย์ ผมรู้นะว่าอาจารย์ได้ยินผม...อาจารย์”
คล้ามปรากฏตัวขึ้น “เรียกข้าทำไม...ข้าบอกแล้วไงว่าข้าจะไม่ช่วยเหลือเอ็งอีก ไอ้ฤทธิ์”
ฤทธิ์นั่งลง เกาะขาคล้ามวิงวอน “อาจารย์...ช่วยผมนะ ผมต้องแพ้ไอ้เทวาแน่...เสี่ยคงคา จะให้ผมฆ่ามัน…ผมกลัวว่าจะทำไม่สำเร็จ วิชามันเหนือ กว่าผมมาก...อาจารย์ต้องช่วยผมนะครับ...ผมสัญญาว่า จะนับถืออาจารย์ตลอดไป แล้วก็จะไม่ขัดใจอาจารย์อีก”
คล้ามหันมาหัวเราะเบาๆพอใจ “ยังไม่ถึงเวลาของข้า” ร่างคล้ามวูบหายไป
ฤทธิ์มองไปรอบๆ พระอาทิตย์ลับขอบฟ้าไปแล้ว แต่รอบบริเวณไม่เห็นแม้เงาของอาจารย์คล้าม
ที่สำนักงานตำรวจในกรุงเทพฯ ค่ำนั้น แลเห็นเนตรทรายพูดโทรศัพท์อยู่ มีสารวัตรอยู่ใกล้ๆ
“ดาริน...สะดวกคุยมั้ย”
ดารินยืนคุยสายอยู่ที่ระเบียงห้องพักคนไข้ของโรงพยาบาล “สะดวก มีอะไรเหรอเนตร...ต้องมีเรื่องสำคัญแน่ๆ ไม่งั้น เธอไม่โทร.มาเองหรอก”
“ก็ใช่อยู่นะริน...แต่ฉันว่าเธอพูดกับสารวัตรเองดีกว่า” เนตรทรายส่งโทรศัพท์ให้สารวัตร สารวัตร ดาริน
“ฟังให้ดีนะ สายของเราสืบมาว่าจะมีการขนยาเสพติดล็อตใหญ่ทางทะเลคืนนี้ อยากให้รินช่วยหา ข้อมูลให้หน่อย”
ดารินมองไปข้างหน้า สีหน้าและดวงตามุ่งมั่น
“ถ้าทราบเบาะแสแล้วจะให้ทำยังไงต่อไปคะ”
“รายงานให้ผมทราบก่อน อย่าทำอะไร ไม่งั้นละก็ เหยื่อไหวตัวแน่”
ดารินลดโทรศัพท์ลง แล้วมองออกไปข้างนอก ถามกลับเบาๆ
“สารวัตรคะ ถ้าปล่อยให้มันรอดไปได้คราวนี้ จะมีคนติดยาเพิ่มขึ้นอีกมาก รินยอมไม่ได้หรอกค่ะ”
ภายในห้องพักคนไข้ในโรงพยาบาล ปลาดุกนอนไม่หลับ ดารินคิดเครียด เดินไปมา ไม่เห็นว่าปลาดุกลืมตามองตนเองอยู่
“แกเป็นอะไร”
ดารินหันมาหา “ฉันนึกว่าแกหลับไปแล้ว”
“คงจะหลับได้หรอกนะ แกเดินไปเดินมาเป็นชั่วโมงแล้ว มีปัญหาอะไรหรือเปล่า”
ดารินเดินมาหาปลาดุก “คืนนี้แกนอนคนเดียว ไหวมั้ย”
ปลาดุกมองหน้าดารินอย่างเป็นห่วง “ฉันอยู่ได้ ดูแลตัวเองด้วยนะ”
ดารินอึ้งไป “ขอบใจ แล้วฉันจะรีบกลับมา...ว่าแต่แกจะไม่ ถามฉันสักคำเลยเหรอว่าฉันจะไปไหน”
“ไม่จำเป็น ฉันมั่นใจว่าแกทำอะไรก็สำเร็จทุกอย่าง”
ปลาดุกกับดารินยิ้มให้กัน
หยาดฟ้าเดินมาหาเทวาที่นั่งสมาธิอยู่บนโขดหิน แลเห็นคลื่นซัดเป็นฟองขาวในความมืด
“คุณเทวา” เทวาลืมตา หันมา “ฉันมีเรื่องสำคัญจะบอก”
เทวากระโดดลงมาจากโขดหิน “เรื่องอะไร”
“เขาสั่งเก็บคุณ”
เทวาหัวเราะในลำคอ ไม่ใส่ใจ “บอกผมทำไมกันคุณ เดี๋ยวสามีคุณรู้เข้าก็จะโกรธคุณแย่ เรื่องนี้ไม่ต้องบอกผมหรอกครับ...ผมรู้ว่ามันต้องเกิดขึ้น แน่...เพราะอะไรรู้มั้ย ฮึ เพราะสันดานของพวกคุณน่ะ ไม่ต่างจากสุนัขที่ลอบกัดทีเผลอ”
“รีบกลับเถอะ ฉันเตือนคุณได้แค่นี้”
เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น หยาดฟ้ารีบรับ “ค่ะ...หยาดจะไปเดี๋ยวนี้”
เทวาเยาะ “สามีโทรตามเหรอ...เชิญ”
“เขาไม่ใช่คนที่ฉันรัก...แต่คนที่ฉันรักคือคุณ”
เทวาไม่ซึ้งสักนิด “พูดง่าย สงสัยว่าพูดบ่อยๆกับผู้ชาย...ขอโทษนะผมมี คนที่ผมรักแล้ว...กรุณาเข้าใจตามนี้ด้วย”
หยาดฟ้านิ่งอึ้ง มองดูเทวาที่เดินผ่านหน้าตนไป
“ฉันจะทำให้คุณรักฉันให้ได้”
เทวาหยุด “คำพูดแบบนี้มันน่าจะอยู่ในหนังเมื่อสามสิบปีก่อนนะ ครับ”
ขณะที่เทวาเดินไปอย่างอารมณ์ดี มีเสียงปืนดังขึ้นติดๆ กันหลายนัด เทวารีบหลบกระสุน เห็นชายไม่ทราบชื่อหลายคนใส่หน้ากากพรางใบหน้า ใช้ปืนวิ่งไล่ยิง
หยาดฟ้าตกใจ ถอยหลังกรูด ล้มลงไปที่พื้นทราย
เทวาคว้าทรายขึ้น แล้วขว้างกลับไป ลมสลาตันบังเกิดขึ้น กลายเป็นพายุทราย พัดถล่มใส่กลุ่มเหล่าร้าย หยาดฟ้าเบือนหน้าหลบ
ฝ่ายดารินหน้าเสีย ตะโกนถามพนักงานร้านเช่าเรือ ข้ามไปเกาะมุก เสียงดังลั่น
“ไม่มีเรือให้เช่าเลยเหรอ...เอาเท่าไหร่ก็บอกมา ฉันมีจ่าย”
พนักงานบอก “ไม่มี คนเรือกลับบ้านหมดแล้ว”
“ฉันขับเป็น” พนักงานมองหน้าดาริน ส่ายหน้า
“มีคนเหมาหมดแล้ว บอกว่าคืนนี้ห้ามวิ่งเรือ ผมรับเงิน เขามาแล้วด้วย”
ดารินถามเสียงเข้ม “ใคร...ใครจะบ้าเช่าเรือแต่ไม่เอาเรือออกจากท่า”
“ผมบอกไม่ได้”
ขณะเดียวกันคงคาพูดกับคำรณอารมณ์ดีเรื่องงานคืนนี้
“ถ้าขนสำเร็จคืนนี้ เราจะเป็นเศรษฐีไปทั้งชาติ”
เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น คงคากดรับ “ว่าไง ป่านนี้ทำไมยังไม่กลับมาบ้าน จะอยู่ให้พวกมัน จับได้เหรอว่าเราฆ่าไอ้เทวา”
สภาพหยาดฟ้าเนื้อตัวมีแต่ทราย พูดโทรศัพท์อยู่
“ใครบอกล่ะเสี่ย พวกเราตายหมดเลย หยาดรอดมาได้ ก็เกือบเอาตัวไม่รอด...พลังเทวดาของมันทำให้พายุทราย พัดใส่พวกมัน แล้วคลื่นก็ซัดศพพวกมันลงนํ้าไปหมดเสี่ยคะ...คืนนี้หยาดคงต้องอยู่เกาะมุก”
คงคาตาวาววับ ไม่พอใจ “หวังว่าเธอจะเป็นเมียที่ซื่อสัตย์ของฉันนะหยาดฟ้า”
คงคาปิดโทรศัพท์หันมาบอกลูกชายหน้าเครียด “พวกเราตายหมด”
คำรณนึกกังวล “แล้วถ้าเกิด...”
“โชคช่วยเรา คลื่นซัดศพพวกมันหายไปในทะเลหมดแล้ว”
คำรณมีสีหน้าโล่งอก
ฟากดารินยืนอยู่ที่ชายหาดมองไปในทะเล
“ไอ้เสี่ยคงคามันสั่งห้ามเรือทุกลำแล่นในทะเลคืนนี้ แสดงว่าถ้ามีเรือลอยอยู่กลางทะเลก็ต้องเป็นเรือของพวก มัน...แกอย่าคิดเลยว่าแกจะขนยาเสพติดได้”
ดาริน พิรุณ ยิ้ม แล้วนั่งลงกับผืนทราย กำหนดจิตพาตัวเองเข้าสู่ห้วงสมาธิ
อ่านต่อหน้า4
พายุเทวดา ตอนที่ 13 (ต่อ)
ค่ำคืนนั้น เรือประมงลำหนึ่งแล่นมากลางทะเล ในเรือมีชายฉกรรจ์หลายคนแหงนมองดูท้องฟ้าเห็นความวิปริต ฟ้าเป็นสีแดงฉานทั้งที่เป็นตอนกลางคืน ดวงจันทร์ และดาวหายไปจากท้องฟ้าจนสิ้น
ชาย 1 ตั้งข้อสังเกต “ฟ้าแบบนี้หรือว่ามันจะมีสึนามิ...ไม่ก็ไต้ ฝุ่นแน่ๆ เลย”
ชาย 2 ว่า “ข้าไม่ได้ยินข่าวเลย...รีบเข้าเถอะวะ ใกล้จะถึงที่หมาย แล้วจะได้รับเงินจากเสี่ยแล้วรีบกลับบ้านใครบ้านมันโว๊ย”
ที่แท้ เป็นเรือขนยาเสพติดของเสี่ยคงคา
ลมพัดมาวูบใหญ่ คลื่นแรงขึ้น เรือประมงลอยไปอย่างไร้ทิศทาง ชาวประมงพยายามบังคับเรือ แต่คลื่นสูงเกินกว่าจะ บังคับได้
ส่วนที่ลานวัดเกาะมุกใต้ทุกคนมองไปที่ท้องฟ้า
บุญกู้พึมพำเบาๆ “วาริน หนูทำอะไร”
เทวาหันมาถามบุญกู้ “น้าบุญกู้ ทำไมฟ้าถึงเกิดอาเพศอย่างนี้ล่ะ เหมือนมีใครใช้ พลังเทวดา”
บุญกู้ ส่ายหน้าเทวาตั ดสินใจวิ่งไป เดชเรียกไว้
“ไอ้ เทวา..กลับมา”
สิงห์บ่น “เดี๋ยวก็ถูกเขาฆ่าอีกหรอก ไอ้นี่”
ก้องบอกเพื่อนๆ “ตามไปสิวะ”
ทั้งสามคนวิ่งตามไป บุญกู้มองไปที่ท้องฟ้า ยิ้มออกมา
เทวาวิ่งมาที่ชายหาด เดช สิงห์ ก้องวิ่งตามมาติดๆ ทั้งหมดยืนหอบมองไปที่ทะเล เห็นท้องฟ้าและลมปั่นป่วน เทวามองอย่างประหลาดใจ
“มันต้องเกิดอะไรสักอย่าง เรามารวมตัวกันดีกว่า”
สิงห์งง “ทำไมวะ”
“ข้ากลัวว่าไอ้ฤทธิ์จะใช้พลังของมารที่เป็นอาจารย์คน ใหม่ของมันมาทำร้ายเรา”
ก้องเห็นด้วย “เออ ก็น่าคิดนะ”
ทุกคนจับมือกัน ลมสลาตันพัดทำให้ทะเลยิ่งปั่นป่วน สายฟ้าพาดสายลงมาเปรี้ยงปร้าง
ดารินนั่งสมาธิอยู่ ฝนตกลงมา อาบร่างดารินจนเปียกไปหมด ลมพายุก็พัดแรง คลื่นในทะเลปั่นป่วน
ลูกเทวดาทั้งสี่คนจับมือกัน ประกายไฟเริ่มออกมาจากเดช สิงห์สะบัดมือจากกลุ่ม ชกลมไปข้างหน้า ประกายสายฟ้าพุ่งออกจากหมัด ตรงไปที่ทะเล สิงห์ต่อยเร็วๆ จนประกายไฟเปรี้ยงปร้างปะทะกัน ก้องกระทืบเท้าเร็วๆ ประสานกับพลังของสายฟ้า เทวาจ้องไปที่ท้องฟ้า เห็นลมปั่นป่วนยิ่งทำให้สายฟ้าปะทะกันจนเกิดเป็นเสียงระเบิด
ชายฉกรรจ์ในเรือประมงหลายคนไม่อาจต้านพายุได้ เรือเอียงไปตามคลื่นสูง ขณะที่ฝนก็ตกหนัก ลมปั่นป่วน สายฟ้าก็พาดสายลงมา แล้วฟ้าก็ผ่าที่เรือประมง เกิดไฟลุกพรึบ เสียงระเบิดดังสนั่นหวั่นไหว -
ฤทธิ์ยืนมองอยู่ที่ระเบียงนอกบ้าน เห็นธรรมชาติปั่นป่วนก็แปลกใจ
“เกิดอะไรขึ้นวะเนี่ย”
คล้ามปรากฏร่างขึ้น ฤทธิ์ดีใจ รีบนั่งลงไหว้
“อาจารย์กลับมาช่วยผมแล้ว”
“เปล่า แต่ข้าจะบอกว่าเวลานี้พลังเทวดามันกลับมา รวมตัวกันครบห้าคนแล้ว...นี่ขนาดขาดไปถึงสอง คือเอ็งกับคนที่ชื่อมนต์ พลังเทวดายังรุนแรงอย่างนี้”
ฤทธิ์เกาะขาคล้าม วิงวอน “นะครับ อาจารย์ ผมบอกตรงๆว่าผมกลัว กลัวมัน เล่นงานผมสักวันหนึ่ง อาจารย์ต้องฆ่ามันนะครับ”
คล้ามหัวเราะหยัน “รู้ใช่มั้ยว่าข้าต้องการอะไร”
หยาดฟ้าหวีผมอยู่หน้ากระจก เห็นคล้ามในกระจกเงาก็ตกใจ ทำหวีตกจากมือ คล้ามตรงมากอดรัดแล้วจูบหยาดฟ้าพัลวัน หยาดฟ้าดิ้นรนผลักไสอย่างรังเกียจ
“อย่า...ช่วยด้วย”
ฤทธิ์เดินเข้ามาบอกหน้าตาเฉย “ถ้าไม่มีอาจารย์...เสี่ยคงคากับทุกคนจะสู้มันไม่ได้ คุณหยาดเสียสละเพื่อพวกเราเถอะนะครับ”
หยาดฟ้ากลัวจนตัวสั่น นํ้าตาไหลพราก เม้มปาก กลั้นสะอื้น ยอมให้คล้ามดึงตัวเองยืนขึ้น
คล้ามยิ้มหื่น “สวยจริงๆ สวยจนฉันอดใจไม่ได้”
ฝ่ายดารินกลับเข้าห้องพักฟื้นปลาดุกมา สภาพเนื้อตัวเปียกปอน ปลาดุกลุกขึ้นนั่ง
“ริน แกไปทำอะไรมา”
“เปียกฝน พายุเข้า...ไม่มีเรือไปเกาะมุก”
“แกไม่ต้องห่วงนะ พยาบาลเข้ามาบอกฉันตะกี้นี้เองว่า พรุ่งนี้ให้ฉันกลับบ้านได้แล้ว”
ดารินยิ้มบางๆ “พรุ่งนี้วันเลือกตั้งผู้ใหญ่บ้าน”
ปลาดุกดักคอ “แกไม่คิดจะไปให้กำลังใจนายเทวาเหรอ”
ดารินฟอร์ม “คิดดูก่อน”
ปลาดุกส่งเสียงล้อๆ “ฮะอึ้ม...คิด..ดู...ก่อน...งอนอะไรกันเหรอเปล่า”
ดารินไม่สนใจเดินเข้าห้องนํ้าไป
เช้าวันต่อมา อันเป็นวันเลือกตั้งผู้ใหญ่บ้าน บ้านเกาะมุกใต้
โทรศัพท์ในห้องโถงคฤหาสน์ดังขึ้น เสี่ยคงคาหยิบขึ้นมารับ นิ่งฟัง
“เป็นไปได้ไง” คงคาวางโทรศัพท์ลง
คำรณสงสัย “เกิดอะไรขึ้นหรือครับพ่อ”
“เรือสินค้าของเราโดนพายุถล่มอับปางกลางทะเล”
กานดาอยู่ด้วย “เรือสินค้า..ตอนนี้คุณค้าขายอะไรหรือคะ...หรือว่า...”
พร้อมมองมาทางกานดา
คงคารำคาญ “ไม่ต้องถามได้มั้ย...ผมมีเงินให้คุณใช้จ่ายก็ดีแล้ว...อยู่ อย่างสุขสบายไม่ชอบเหรอ”
“คุณขังฉันไว้ในคุกหลังนี้ต่างหาก” กานดาน้ำตาร่วง เสียงเครือปนสะอื้น “ไม่ มีเมียคนไหนหรอกที่อยากเห็นผัวเห็นลูกทำตัวอย่างนี้”
คำรณหงุดหงิด “แม่ก็ทำไมต้องทำให้พ่อโมโหด้วยก็ไม่รู้”
กานดาสะอื้น “พร้อม พาฉันออกไปจากนรกขุมนี้ที”
“เจ้าค่ะ” พร้อมรีบประคองกานดาออกไป
คงคาระเบิดอารมณ์ พูดตามไป “นรกเหรอ...อยากไปอยู่ที่ สวรรค์ชั้นไหนก็เชิญเลย
ในตลาดเกาะมุก บรรดาพ่อค้าแม่ค้าขายของพลางจับกลุ่มคุยกัน
แม่ค้า 1 เปิดประเด็น “ได้ข่าวว่ามันลอบฆ่าพ่อเทวาอีกแล้ว โชคดีนะที่ไม่เป็น อะไร”
แม่ค้า 2 แค้น “มันเลวได้ใจเลย...หนีนรกมาเกิดหรือไงก็ไม่รู้ไอ้พวกนี้”
แม่ค้า 3 บอกเสียงดังกับหมู่มวล
“พวกเราก็อย่าไปเลือกมันสิ..เลือกเทวา คนบ้านเดียวกับ เราดีกว่า”
ฝ่ายแสงจันทร์อยู่ที่โรงเรียนบอกกับเทวาที่แวะมาหา ด้วยสีหน้าดีใจ
“มีแต่คนเลือกพี่เทวา...ต่อไปพี่ก็คงต้องทำงานหนัก”
“ไม่เป็นไรหรอก ถ้าคนเกาะมุกไว้วางใจพี่ พี่ก็จะทำงาน ให้ดีที่สุด”
ก้อง เดช สิงห์เดินมา
เดชเอ่ยขึ้น “ข่าวเรื่องที่เอ็งถูกไล่ยิงแพร่ไปทั่วเกาะ คะแนนสงสาร มาเป็นกอง”
สิงห์บอก “เล่นไล่ฆ่ากันเลยนี่ไม่ไหว”
ก้องว่า “เลือกตั้งชนะแล้ว มันก็ต้องป่วนเอ็งแน่ไอ้เทวา”
สน ประสิทธิ์มาถึงพอดี
“ดีเลย เทวา จะได้ดูผลนับคะแนนของหน่วยเลือกตั้ง ที่โรงเรียนซะเลย”
กระดานนับคะแนนหน่วยเลือกตั้งโรงเรียนเกาะมุก เขียนไว้ว่า เบอร์ 1 เทวา เบอร์ 2 คำรณ คนละบรรทัด มีเจ้าหน้าที่หยิบบัตรเลือกตั้งมาเปิด เจ้าหน้าที่คนที่ทำหน้าที่บันทึกคะแนน ขีดที่เบอร์ 1 ยาวเป็นแถว ขณะที่คะแนนของคำรณได้น้อยมาก กล่องบัตรเลือกตั้ง เหลือบัตรใบสุดท้าย เจ้าหน้าที่เปิดแล้วขานเสียงดัง
“เบอร์ 1” เจ้าหน้าที่บันทึกคะแนนขีดลง ทุกคนเฮเสียงดัง
กลุ่มชาวบ้าน และ ก้อง เดช สิงห์ พากันยกตัวเทวาลอยขึ้น ส่งเสียงดีใจ
เย็นวันนั้นคงคาถามหยาดฟ้าทันทีที่เข้ามาในห้องโถง ทุกคนหันมามองเป็นตาเดียว
“กลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่”
“หยาดเพิ่งถึงค่ะ” หยาดฟ้ามองไปที่คำรณบอกผลไป “คะแนนของคุณ แพ้ไอ้เทวาค่ะ...”
คำรณยั๊วสุดขีดตวาดกลับ “ไม่ต้องสาธยายอะไรทั่งนั้น...ฉันแพ้มันวันนี้ ก็ไม่ได้ หมายความว่าจะต้องแพ้มันตลอด วันพรุ่งนี้มันก็คง ไม่ได้เป็นผู้ใหญ่บ้านแล้วละ”
คงคาฉงน “แกจะทำอะไรคำรณ”
“ผมจะให้ไอ้ฤทธิ์ฆ่ามัน”
คงคารีบห้าม “หยุดเลย คำรณ ขืนแกทำเวลานี้ มีแต่คนปัญญาอ่อน เท่านั้นที่ไม่คิดว่าพวกเราเป็นคนทำ”
“ก็ไหนพ่อว่าเงินของพ่อคุ้มครองผมได้หมด”
“ถึงได้ แกก็ต้องนอนคุกก่อน กว่าทุกสิ่งทุกอย่างจะ คลี่คลาย แกต้องการอย่างนั้นเหรอ”
“ผมยอมทุกอย่าง ขออย่างเดียว ให้ไอ้เทวามันตาย”
ฟากกานดากับพร้อมนั่งปรับทุกข์อยู่ในเรือนเล็ก คำรณสีหน้าเศร้าเดินมาที่เรือนของแม่ พร้อมเห็นก็ตกใจเล็กๆ
“คุณคำรณมาเรือนเล็กทำไมคะ”
คำรณไม่ตอบ แต่ตรงไปหากานดาซึ่งนั่งอยู่ที่โซฟา
“แม่” คำรณนั่งที่พื้น ซบหน้ากับตักแม่
“คำรณมีปัญหาอะไรหรือเปล่าลูก”
“ผมไม่รู้แม่ว่าเป็นอะไร รู้แต่ว่าวันนี้ผมอ่อนแอ อยากอยู่กับแม่ อยากให้แม่ปลอบ”
กานดาลูบผมของลูกชาย นํ้าตาร่วงพรู “ทุกข์ของลูกมีเท่าไหร่ แม่ก็จะยอมทุกข์มากกว่าเป็น หลายเท่า บอกแม่มาเถอะ ลูกมีปัญหาอะไร”
“ผมแพ้เลือกตั้ง พวกชาวบ้านไม่เลือกผม ทั้งที่พ่อมีเงิน ยอมให้พวกมันกู้ยืมมากมาย ทำไมพวกชาวบ้านถึงได้ เป็นอย่างนี้”
“ความรักไงล่ะคำรณ ถ้าเปลี่ยนความชังเป็นความรัก ไม่ได้...อำนาจก็ไม่มีวันเกิดขึ้นได้ อยากให้เขารักเรา ภักดีต่อเรา อยู่ในอำนาจเรา ลูกก็ต้องมีความรักให้เขา ก่อน...เป็นความรักที่เกิดจากความจริงใจด้วยนะลูก”
หยาดฟ้าเข้ามาตามพอดี พร้อมขวาง หยาดฟ้าผลักออก
“คุณคำรณคะ เสี่ยให้หยาดมาตาม”
คำรณลุกขึ้น “ผมไปก่อนนะแม่”
“จ้ะ อย่าลืมที่แม่บอกนะ ลูกต้องมีความรักให้ทุกคน”
หยาดฟ้าเยาะหยัน “อุ๊ยตาย คุณผู้หญิงคิดจะให้คุณคำรณเป็นกามเทพมีปีก บินแจกจ่ายความรักหรือคะ”
พร้อมด่า “คนกิเลสหนาปัญญาหยาบอย่างหล่อน ไม่มีวันเข้าถึง คำพูดของคุณผู้หญิงหรอก”
หยาดฟ้าแว้ดใส่ “นังพร้อม จะมากไปแล้วนะ” พร้อมมองหน้าหยาดฟ้าไม่เกรงกลัว
คำรณเดินออกไป ผ่านหน้าหยาดฟ้าไป หยาดฟ้าตามไปติดๆ
“รอหยาดด้วยค่ะคุณคำรณ”
พร้อมมองตามส่ายหน้า เสียงของกานดาดังมาก่อน จึงได้เห็นว่ากานดาเดินมาที่พร้อม
“ฉันดีใจที่ลูกแพ้เลือกตั้ง อย่างน้อยก็ไม่ทำบาปต่อ แผ่นดิน”
พร้อมงง “ยังไงหรือคะคุณผู้หญิง”
“ถ้าได้ตำแหน่ง พ่อเขาคงบังคับให้คำรณใช้อำนาจไป ในทางไม่ชอบ...ทำให้คนอื่นเดือดร้อน นี่แหละบาป ต่อแผ่นดินละ...อย่าลืมว่าเงินเดือนผู้ใหญ่บ้านก็มาจาก ภาษีประชาชนนะ”
พร้อมพยักหน้าเข้าใจ
หวานใจวิ่งตามเปียที่หนีออกมาตรงสนามหญ้า จะคว้าผมแต่ก็หวุดหวิด คว้าไม่ได้ เปียหัวเราะ ทำหน้าล้อ หวานใจแค้น
“นังเปีย...มานี่นะ”
เปียวิ่งไปแล้วชนเข้ากับคำรณที่เดินมาพอดีที่มุมหนึ่งของสนามหน้าบ้าน
“นังบ้า...วิ่งชนฉันได้ไง เดี๋ยวก็เจอดีหรอก”
เปียทำหน้าทำตาล้อเลียน คำรณยิ่งโมโห “แกจับมันไว้ทีนังหวานใจ ฉันตบมันไม่สะดวก”
“อุ๊ย ได้ค่ะคุณคำรณ” หวานใจจับตัวเปียได้ เปียพยายามดิ้นจนหลุดแล้ววิ่งหนี
“กลับมานี่นะนังเปีย”
หวานใจตะครุบตัวเปียไว้ ได้ คำรณก้าวมาอย่างเร็ว เป็นจังหวะที่หวานใจจับเปียหันมาพอดี คำรณตบหน้าเปียอย่างแรง เลือดกบปาก เปียเช็ดมุมปากเห็นเลือดตัวเองก็พ่นใส่หน้าคำรณ
คำรณตาวาว “นังนี่...เดี๋ยวเถอะ”
คงคาบอกกับคำรณ มีหยาดฟ้ายืนอยู่ด้วย
“ตกลงนายฤทธิ์จะจัดการหามือปืนฝีมือดีๆ มาจัดการ กับไอ้เทวา คํ่านี้”
“จริงหรือครับพ่อ...ผมอยากไปดูตอนมันถูกยิงตายต่อ หน้าต่อตา”
คงคายกมือห้าม “หยุดเถอะ งานนี้ปล่อยให้มันทำไปก่อน” คำรณจ๋อยไป
หยาดฟ้ารับประกันเป็นมั่นเป็นเหมาะ
“งานนี้ไม่น่าพลาดหรอกค่ะเสี่ย”
อ่านต่อตอนที่ 14