อย่าลืมฉัน ตอนที่ 14
“เรื่องระหว่างแม่เลี้ยงของคุณ กับคุณเอื้อ”
คุณพจน์พูดต่อหน้าอัมพิกา กับอรทัยอย่างสุภาพ
“บอกตามตรงนะครับ ผมไม่อยากเข้าไปยุ่ง คุณสุริยงแม่เลี้ยงของคุณ ผมก็ไม่รู้จักเป็นการส่วนตัว ผม
ไม่อยากตัดสินว่าเขาเป็นคนดี หรือ ไม่ดี”
สองพี่น้องมองหน้ากัน แล้วอัมพิกาก็หันมาพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“อัมเข้าใจค่ะ อัมแค่อยากจะอธิบายเพิ่มเติม อัมไม่รู้ว่าเอื้อมาพูดอะไรกับคุณพจน์บ้าง แต่ผู้หญิง
คนนั้นทำให้เราสามคนพี่น้องต้องทะเลาะจนแทบจะตัดขาดกัน”
อรทัย เสริมขึ้นบ้าง
“ใช่ค่ะ และที่เรามาหาคุณอา ไม่ใช่ว่าอยากจะเอาเรื่องภายในมาเล่าให้ฟัง แต่เรามาเพราะความเป็น
ห่วง ไม่อยากให้ครอบครัวคุณอาต้องเจ็บปวดเหมือนครอบครัวของเรา”
“ขนาดเอื้อมีศักดิ์เป็นลูกเลี้ยง มันยังหว่านเสน่ห์ใส่ตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ บางทีอาจจะตั้งแต่คุณพ่อยังไม่
เสียด้วยซ้ำ” น้ำเสียงของอัมพิกา เหมือนคนที่เจ็บแค้นอย่างแสนสาหัส “และตอนนี้มันได้อยู่ใกล้ชิดเขมชาติ ผู้ชายที่
เพียบพร้อมทุกอย่าง ผู้หญิงอย่างสุริยงไม่ปล่อยไว้แน่ๆ”
อรทัยพูดต่อ
“ผู้หญิงเห็นแก่ได้ ทำทุกอย่างเพื่อเงิน มันก็เหมือนน้ำมันพร้อมจะติดไฟได้ทุกเมื่อ ขนาดพี่เอื้อเคย
เกลียดมันจะตาย มันยังทำให้เปลี่ยนใจได้ ผู้ชายอย่างเขมชาติจะทันเล่ห์เหลี่ยมมันหรือเปล่าก็ไม่รู้”
อัมพิกาเห็นพจน์ยังนิ่ง ก็รีบสรุปอย่างหนักแน่น
“คุณพจน์ไม่จำเป็นต้องเชื่อเราสองคน แต่ต้อง “ระวัง” ผู้หญิงคนนั้นอาจจะทำให้ลูกสาวของคุณต้อง
เสียใจ”
อัมพิกาสรุปอย่างชัดเจน อรทัยพยักหน้าเป็นฝ่ายสนับสนุนที่ดี
คุณพจน์เริ่มคิดหนัก “จะเชื่อใครดี?”
หลังเสร็จสิ้นการถ่ายทำ ทีมงานต่างก็ช่วยกันเก็บอุปกรณ์ให้เรียบร้อย เกนหลงบอกทุกคน เสียงดังฟัง
ชัด
“ขอบคุณทุกๆคนมากค่ะ งานนี้ถูกใจเกนมากๆ”
ทีมงานปรบมือด้วยความพอใจ เขมชาติปรบมือตาม แต่สีหน้าแอบเซ็งมาก
“เกนจะมีปาร์ตี้ขอบคุณนายแบบ นางแบบและทีมงานขอเชิญทุกท่านมาร่วมสนุกและทานอาหารกัน
นะคะ” พลางหันมาทางชนะ กับสุริยง “คุณชนะ คุณสุห้ามกลับไปแอบหลับที่ห้องนะคะ”
สุริยงยิ้มรับ
“ได้ค่ะ แต่ขอไปล้างเนื้อล้างตัวที่ห้องหน่อยนะคะ รู้สึกเหนียวตัวไปหมด”
เขมชาติ ชะงัก สุริยงกำลังจะไปห้อง
“ผมยังโอเคอยู่” ชนะพูดพลางหันไปดูฮันนี่ กับเด็กแฝด ที่ยังคุยเล่นกันอยู่ “เดี๋ยวผมดูไก่กับไข่
ให้เองครับ เชิญคุณสุตามสบาย”
“น้าสุไม่ต้องรีบนะคะ แต่งตัวสวยๆ คุณพ่อเห็นแล้วจะได้ตะลึงเหมือนในละครไงคะ”
เขมชาติเบ้หน้าอย่างนึกหมั่นไส้ ในชณะที่เกนหลงยิ้มชอบใจ ส่วนชนะหัวเราะเขินๆ แล้วก็หันมาบอก
สุริยง
“ฮันนี่เค้าพูดเล่นน่ะครับ คุณสุแต่งตัวตามสบายเถอะครับ แต่งยังไงคุณสุก็ดูดีอยู่แล้ว”
ฮันนี่ปรบมือเลย ไก่ กับไข่ ปรบมือตาม
“โดนค่ะคุณพ่อ ฮันนี่กดไลค์ให้เลยค่ะ”
สุริยง ชนะ และเกนหลง หัวเราะขำในความแก่แดดของฮันนี่ มีเพียงเขมชาติที่ปรายตามอง อย่างขัดใจ
ที่เห็นทุกคนมีความสุข
สุริยงหันมาพูดกับชนะ
“สุฝากเด็กๆด้วยนะคะ”
ชนะพยักหน้ารับ จากนั้นสุริยงก็เดินออกไป
“เดี๋ยวเกนไปดูสั่งอาหารให้ทีมงานก่อนนะคะ” เกนหลงยิ้มแล้วก็เดินไปนั่งที่โต๊ะไม่ห่างออกไป ใน
ขณะเดียวกัน เขมชาติมองตามสุริยง นัยน์ตาเหมือนมีแผนการอะไรบางอย่าง
เกนหลงนั่งที่โซฟายาว มีพนักงานคอยจดรายการอาหาร
“จัดเซ็ตนี้ เซ็ตนี้ แล้วก็เซ็ตนี้...ส่วนเครื่องดื่มก็ open bar ฟรีทั้งคืนเลยนะ”
เขมชาตินั่งลงข้างๆ แล้วหันมาบอกกับเกนหลง
“ คุณเกนครับ คือ พอดีผมลืมมือถือไว้ที่ห้อง ผมขอขึ้นไปหยิบก่อนนะครับ เผื่อคุณสมคิดจะโทร.มา
รายงานเรื่องผ้าชุดใหม่”
เกนหลงรับคำ อย่างไม่ติดใจสงสัยอะไรเลย “ค่ะ”
เขมชาติลุกขึ้นเดินออกไป แววตามีเลศนัย ไม่ทันสังเกตเห็นคีย์การ์ด ที่หล่นออกจากกระเป๋า ตกอยู่บน
โซฟา
สุริยงเดินมาตามลำพัง แล้วจู่ๆก็ได้ยินเสียงฝีเท้ากระชั้นชิดเข้ามา
เขมชาติเดินมาจนตามทันสุริยง แล้วก็พูดเสียงดัง ด้วยเจตนาดูถูก
“ดีใจด้วยนะ ที่หาเหยื่อรายใหม่เพิ่มมาได้อีกหนึ่งคน”
สุริยงชะงัก หยุดเดิน พลางหันมาประจัญหน้ากับเขมชาติ ที่เดินเข้ามา ด้วยหน้าตา ที่ตั้งใจหาเรื่อง
เต็มที่
“เวลาผ่านไปไม่กี่ปี ฝีมือ “จับผู้ชาย” พัฒนาไปมาก น่ายกย่องจริงๆ ใช้เวลาแค่ไม่ถึงหนึ่งวัน ทั้งพ่อ
หม้าย ทั้งลูกสาวถึงกับหลงหัวปักหัวปำ”
สุริยงยิ้มรับ แล้วสวนกลับนิ่มๆ
“ขอบคุณสำหรับคำชมค่ะ”
จากนั้นก็หันหลังอย่างไม่สนใจ ทว่าเขมชาติรีบพุ่งเข้ามาจับแขนไว้
“ เดี๋ยว ผมยังพูดไม่จบ”
สุริยงเซตามแรงกระชาก “โอ๊ย”
“คิดว่าที่ผมเดินตามมา เพราะอยากจะชมคุณแค่นั้นเหรอ?”
“ปล่อย” สุริยงเสียงเสียงเข้ม พลางพยายามจะบิดมือออก
“ทีกับผม พูดเสียงแข็ง ทำไมไม่ออดอ้อน คะ ขา เหมือนตอนคุยกับผู้ชายคนอื่น หรือว่า ผมยังรวยไม่
พอ ต่อมมารยามันถึงไม่ทำงาน”
เขมชาติพูดด้วยความโมโห สุริยงแทบกรี๊ด ทั้งเจ็บ ทั้งโกรธ
เมื่อเลือกรายการอาการได้ครบถ้วนแล้ว เกนหลง ก็ปิดเมนู แล้วยื่นส่งให้พนักงาน
“รีบจัดอาหารออกมาเลยนะ”
“ค่ะ” พนักงานรับคำก่อนที่จะเดินออกไป
เกนหลงวางมือลงที่โซฟาข้างๆบังเอิญมือไปกระทบกับคีย์การ์ดที่วางอยู่ เกนหลงหยิบมาดูเบอร์ห้อง
“ของเขมนี่”
สุริยงสะบัดตัวหลุดออกมาอย่างแรง
“ถ้าจะมาพูดเพื่อความสะใจ หรือต้องการให้ฉันเสียใจ ขอบอกเลยว่า มันไม่ได้ผล คำพูดของคุณ มัน
ทำอะไรฉันไม่ได้ อยากจะพล่ามอะไร ก็พล่ามไปคนเดียว ฉันไม่อยากฟัง”
เขมชาติ อารมณ์ขึ้น
“เมื่อตอนกลางวันผมไม่อยากเห็นคุณออดอ้อนผู้ชายคนอื่น ผมยังต้องทนเห็น ตอนนี้คุณไม่อยากฟัง
ก็ต้องฟัง”
ในที่สุดเขมชาติ ก็หลุดพูดความรู้สึกออกมา สุริยงถึงกับอึ้ง จากนั้นต่างคนต่างนิ่งไปหนึ่งอึดใจ จน
สุริยงตัดใจเบือนหน้าหนี
“คุณสั่งฉันไม่ได้”
เขมชาติ พูดขึ้นด้วยเสียงเจ็บปวด
“คุณไม่อยากรู้เหรอว่าทำไมผมถึงไม่อยากเห็นคุณออดอ้อนผู้ชายคนอื่น”
สุริยง ชะงักหน้าเชิด “ คุณจะอยากเห็นหรือไม่อยากเห็น มันก็เรื่องของคุณ ฉันไม่อยากรู้”
เขมชาติอึ้ง เหมือนโดนควักหัวใจออกไปอีกครั้ง
“ในสายตาคุณ ผมไม่มีค่าขนาดนั้นเลยเหรอ ผมต้องทำยังไงคุณถึงจะหันมาสนใจ มาอยากรู้ความรู้สึก
ของผมบ้าง ผมต้องทำยังไง วดี?”
เขมชาติคาดคั้นด้วยความโกรธ สุริยงกัดฟัน พยายามทำใจแข็ง ไม่สนใจ
ในขณะเดียวกัน เกนหลง ก็กำลังเดินไปที่ห้องเขมชาติในมือถือคีย์การ์ด ระหว่างทาง ก็กวาดสายตาไปด้วย กลัวจะสวนกัน
“ผมถามว่าต้องทำยังไง?”
เขมชาติยังไม่หยุดคาดคั้น
สุริยงตอบเสียงเย็นชา
“ไม่ต้องทำอะไร เพราะฉัน ไม่มีวันสนใจคุณ”
เขมชาติกัดฟันกรอด
“เพราะผมเป็นผู้ชายคนเดียวที่ตาสว่าง มองเห็นธาตุแท้ของผู้หญิงอย่างคุณใช่มั้ย คุณถึงกลัวไม่อยาก
อยู่ใกล้ผม เพราะผมรู้ว่าความจริง คุณไม่ได้เป็นผู้หญิงแสนดีอย่างที่คนอื่นคิด คุณก็เป็นแค่ผู้หญิงเห็นแก่ได้ที่
ยอมแต่งงานเพื่อเงิน”
สุริยงสุดทน กำมือแน่น กัดฟันกรอด พลางเชิดหน้า ตอบกลับไปอย่างไม่แคร์
“ฉันไม่เคยกลัว และคุณก็ไม่เคยรู้สักนิด ว่าธาตุแท้ของฉันเป็นยังไง ผู้ชายที่ยึดติดอยู่กับอดีต ตัดสินคน
อื่นจากมุมมองที่คับแคบของตัวเอง ฉันไม่เคยอยากอยู่ใกล้ ยิ่งอยู่ไกลเท่าไหร่ได้ยิ่งดี”
“คุณพูดอีกทีสิ คุณอยากไปไกลๆจากผมจริงๆเหรอวดี”
“ใช่” สุริยงย้ำ “ฉันอยากไปให้ไกล ไกลที่สุด ไกลจากสายตา ไกลจากความคิด ไม่ต้องเจอ ไม่ต้อง
ได้ยิน ไม่ต้องเห็นกันตลอดชีวิตได้ยิ่งดี”
สุริยงพูดระบายออกมาแบบสุดอารมณ์ ทั้งแววตาทั้งน้ำเสียงบ่งบอกว่าไม่อยากอยู่ใกล้จริงๆ
“ผมไม่เชื่อ”
เขมชาติพูดจบก็พุ่งตัวเข้ามาและเอามือจับใบหน้าสุริยงล็อคไว้ ก่อนจะจูบลงที่ริมฝีปากอย่าง
หนักหน่วงด้วยความแค้น ความโกรธ และความรัก ระคนกัน
สุริยงตกใจพยายามดันตัวออก หากขมชาติยิ่งขยี้ริมฝีปากรุนแรงขึ้น สุริยงรวบรวมแรงแล้วดันตัว
เขมชาติหลุดออกมาจนได้ ก่อนที่จะฟาดมือลงบนใบหน้าของเขมชาติเต็มแรง
สุริยงเช็ดริมฝีปาก น้ำตาร่วง กัดฟันกรอด ด่าออกมาด้วยความรังเกียจ
“ต่ำที่สุด”
พลางหันหลัง แล้วรีบเดินหนี เขมชาติที่เพิ่งได้สติ รีบเรียก
“วดี วดี เดี๋ยวก่อน อย่าเพิ่งไป” วิ่งมาดักหน้าสุริยงจนได้ “ผมขอโทษ ผมแค่อยากพิสูจน์ว่าคุณไม่ได้
รังเกียจผมอย่างที่คุณพูด ผมแค่”
สุริยง ผงะถอย หน้าแดงก่ำ ด้วยความโกรธ
“หยุด อย่าเข้ามา แล้วก็ไม่ต้องพูดอะไรทั้งนั้น”
“ผมขอโทษ คุณยกโทษให้ผมนะ ถ้าคุณไม่ยกโทษให้ ผมจะไม่ยอมไปไหน จะยืนอยู่อย่างนี้จนกว่าคุณ
จะยอมยกโทษให้ผม”
“ฉันไม่มีวันยกโทษให้คุณ”
สุริยงประกาศกร้าว
“วดี ผม”
สุริยงทั้งโกรธ ทั้งสับสน ทั้งหวั่นไหวปะปนกันไปหมด และเมื่อมองไปข้างหน้าก็ต้องอึ้ง เมื่อ
เห็นเกนหลงกำลังเดินมา
“คุณเกน”
เขมชาติเย็นวาบไปถึงปลายเท้า เมื่อได้ยินสุริยงพูดชื่อของเกนหลง
ชนะเดินออกมาชะเง้อมองที่หน้าห้องจัดเลี้ยง ฮันนี่ก็เดินตามพ่อออกมา
“คุณพ่อ ใจเย็นๆค่ะ ผู้หญิงแต่งตัวช้า แสดงว่าผู้หญิงให้ความสำคัญมากนะคะ”
ชนะหันมายิ้ม
“ทฤษฎีแปลกๆนะลูก”
“ทฤษฎีของฮันนี่เองค่ะ ไม่เชื่อคอยดูนะคะ น้าสุจะต้องสวยมากๆเลยค่ะ”
ชนะจับหัวฮันนี่โยกเบาๆ “ดูท่าทางจะชอบน้าสุมากๆเลยนะเราเนี่ย เชียร์พ่อจริงๆ”
ฮันนี่หัวเราะชอบใจ ชนะยิ้มๆ แล้วก็หันมามองหน้าร้าน ตั้งหน้าตั้งตารอสุริยง
สุริยงรีบยกมือป้ายน้ำตาออก ในขณะที่เขมชาติพยายามปรับอารมณ์ หัวใจเต้นถี่ ไม่รู้ว่าเกนหลงเห็น
อะไรไปบ้างรึเปล่า
“มีอะไรกันรึเปล่าคะ?”
เขมชาติ กับสุริยงอึกอัก ไม่กล้าตอบ เกนหลงสังเกตเห็นรอยน้ำตาบนแก้มของสุริยง
“คุณสุ ร้องไห้เหรอคะ?”
สุริยงอึ้ง รีบเช็ดน้ำตามากกว่าเดิม
“มันเรื่องอะไรกันคะ เขม เกิดอะไรขึ้น?”
เกนหลงหันมาคาดคั้นกับเขมชาติ สุริยงหลบตา ไม่กล้ามองเกนหลงตรงๆ
“ตอนแรกผมก็ไม่รู้เหมือนกัน ผมแค่เดินผ่านมา แล้วก็ได้ยินเสียงคนร้องไห้ พอเดินมาดู ถึงได้เห็น
สุริยงเขานั่งร้องไห้อยู่ พอผมมาถาม เขาถึงได้บอกว่า เขาไม่ลืมอดีต”
สุริยงหันขวับมาทางเขมชาติ ที่พูดต่ออย่างสะใจ
“เขาคิดถึงสามีน่ะครับ”
สุริยงขมวดคิ้ว ไม่เข้าใจเจตนาของเขมชาติ
“เขาบอกว่าวันนี้ถ่ายรูปครอบครัวทั้งวัน เลยทำให้คิดถึง เจ้าสัวสามีเก่า”
เกนหลงมองสุริยง สายตาพยายามค้นหาความจริง สุริยงไม่กล้าสบตาเกนหลง
“จริงเหรอคะ คุณสุ?”
เขมชาติเหลือบมองสุริยง รู้ว่ายังโกรธตัวเองอยู่ หวั่นใจลึกๆ ว่าสุริยงจะหลุดความจริงออกมา
สุริยงกลั้นใจตอบออกมาจนได้ “ค่ะ”
เขมชาติถอนหายใจ โล่งอก
“เกนต้องขอโทษด้วยนะคะ ที่ทำให้คุณสุต้องคิดมาก”
สุริยงรีบบอก
“ไม่เลยค่ะ..ไม่ใช่ความผิดของคุณเกน” ปรายมาทางเขม เหมือนจะบอกว่าใครกันแน่ที่ผิด แล้วก็ตัดบท
“ฉันไม่เป็นไรแล้ว ขอตัวก่อนนะคะ”
สุริยงเดินไป เกนหลงมองตามสุริยง รู้สึกเป็นห่วง ครั้นจะเดินตาม เขมชาติก็จับมือไว้
“ผมว่า เวลาแบบนี้ เราปล่อยให้สุริยง เขาอยู่คนเดียวดีกว่านะครับ”
เกนหลงชะงัก ยอมหยุดตามคำของเขมชาติ พลางมองหน้าเขมชาติ เหมือนจะขุดลึกเข้าไปเพื่อหาอะไร
บางอย่าง
อย่าลืมฉัน ตอนที่ 14 (ต่อ)
ระหว่างที่เดินเคินคู่กันออกมา เขมชาติยังคงคิดถึงเรื่องที่เพิ่งเกิดขึ้น ในขณะที่เกนหลงก็ไม่คลายความระแวง เป็นการเดินที่มีความอึดอัดห่อหุ้มอยู่
เกนหลง ลองถามหยั่งเชิง
“ ตกลงได้โทรศัพท์มือถือหรือยังคะ?”
เขมชาติงง แล้วก็นึกขึ้นได้
“โทรศัพท์ อ๋อ คือ ก็พอดีผมยังเดินไปไม่ถึงห้อง ได้ยินเสียงร้องไห้ขึ้นมาก่อน ก็เลยไม่ได้ไปเอา งั้นผม
ไปที่ห้องก่อนนะครับ เดี๋ยวตามไป”
เขมชาติทำท่าจะเดินแยกไป แต่เกนหลงรีบเรียกไว้
“เดี๋ยวค่ะ คุณทำหล่นไว้” พลางยื่นคีย์การ์ดให้เขมชาติ “ดีนะคะ ที่คุณตอบว่ายังไม่ได้โทรศัพท์มือถือ
ถ้าตอบอีกอย่าง เกนคงคิดว่าคุณโกหกเพื่อจะหาจังหวะได้อยู่กับคุณสุสองต่อสอง” !
เขมชาติชะงักใจหายวาบ เกนหลงมองตาแข็ง รู้ว่าไม่ได้พูดเล่น
เขมชาติรีบจับมือเกนหลงมากุมไว้
“คุณเกน ทำไมคุณเกนพูดแบบนี้?”
“ก็ วันนี้ทั้งวันคุณเหมือนจะหงุดหงิด ขัดใจ ที่เห็นคุณสุถ่ายแบบสวีตกับคุณชนะ”
“ที่ผมหงุดหงิด เพราะผมเป็นห่วงงานคุณ อยากให้มันออกมาดีๆ แต่สองคนนั้น โพสต์ท่าแข็งยังกะ
อะไรดี เห็นแล้วมันก็อดอารมณ์เสียไม่ได้ นี่ อย่าบอกนะว่าคุณหึงผมกับสุริยง”
เขมชาติโยนความผิดให้เกนหลง
“เกนไม่ได้หึง แต่สงสัย”
“โห ถ้าอย่างนั้น ไม่ต้องสงสัยเลยครับ ถ้าผมสนใจ ผมคงเก็บเขาไว้ห่างๆคุณ ไม่ปล่อยให้มาอยู่ใกล้กัน
แบบนี้”
เกนหลงเริ่มคิดแอบคล้อยตาม เขมชาติ ได้ทีรีบรุกต่อ
“ผมไม่มีวันจะสนใจแม่หม้ายลูกติด คุณเกนไว้ใจได้โดยไม่ต้องสงสัย”
เกนหลง คิด แล้วถามหยั่งเชิงอีกครั้ง
“ แล้วถ้าไม่ใช่ แม่หม้ายลูกติด แต่เป็นผู้หญิงโสดไม่มีพันธะ มีใครที่เกนควรจะหึงหรือสงสัยบ้าง
มั้ยคะ? คุณเก็บใครไว้ให้อยู่ห่างๆเกน แล้วแอบทำอะไรกันลับหลังไม่ให้เกนรู้บ้างหรือเปล่า?”
เกนหลงถามตรงๆ จนเขมชาติอึ้งไป
“คุณเกน คุณคือผู้หญิงที่เพียบพร้อมทุกอย่าง เป็นผู้หญิงในฝัน ผมเจอคุณแล้ว ผมจะไปมีคนอื่นอีก
ทำไม”
เขมชาติจับมือแน่น ออดอ้อน เกนหลงมองหน้าตอบกลับ
“แต่ผู้หญิงที่เหมาะจะอยู่ในฝัน อาจจะไม่ใช่ผู้หญิงที่เหมาะจะอยู่ในโลกความเป็นจริงก็ได้นะคะ”
เกนหลงพูดทิ้งท้ายไว้ และดึงมือกลับมา ก่อนจะเดินไป เขมชาติจุก อึ้ง หน้าเสีย
สุริยงยืนมองตัวเองในกระจกอยูในห้องพัก พลางคิดถึงตอนที่โดนเขมชาติจูบ และตอนที่เขาโกหกว่า
เธอคิดถึงสามีเก่า สุริยงก็ถึงกับน้ำตาไหลออกมาอย่างไม่รู้ตัว ทั้งแค้น ทั้งโกรธ ทั้งสับสน
และในที่สุด ก็ตัดสินใจหยิบโทรศัพท์มากดโทรออก
“คุณสุไม่มาแล้วเหรอครับ ไม่เป็นไรครับ ถ้าเพลียก็พักผ่อนเถอะครับ”
ชนะ บอกกับสุริยงที่อยู่ทางปลายสาย ด้วยอารมณ์เสียดาย พลางหันไปมองฮันนี่ ไก่ กับไข่ที่นั่งเล่น
เกมรอผู้ใหญ่อยู่ ทั้งๆที่เริ่มง่วงนอนกันแล้ว
“ทางนี้พอท้องอิ่ม ก็เริ่มง่วงแล้วเหมือนกัน เดี๋ยวผมพาเด็กๆไปส่งให้ครับ”
ชนะวางสาย ใจหายเบาๆ รู้สึกขัดใจ ที่ไม่ได้ใช้เวลากับสุริยงอย่างที่หวังไว้..
เกนหลงนั่งทอดอารมณ์อยู่ตามลำพังที่ระเบียง ริมทะเล ทันใดนั้นเขมชาติก็มานั่งลงข้างๆ
“ผมมีเรื่องจะปรึกษา”
-เกนหลงชะงัก หันมามองเขมชาติ งง ๆ
“ผมกำลังนึกทบทวน ตั้งแต่รู้จักกันมา มีกี่ครั้งที่ผมทำให้คุณต้องเสียใจ หรือ ไม่สบายใจ ผมจำไม่ได้
คุณเกน พอจะจำได้มั้ยครับ?”
เกนหลงมองหน้า “จะอยากรู้ไปทำไมคะ?”
“เพื่อเป็นข้อมูลในการตัดสินว่า ผมจะเป็นผู้ชายที่ดีพอที่จะขอคุณ “แต่งงาน” หรือเปล่า”
เกนหลงประหลาดใจ มองตาเขมชาติ เขมชาติพูดด้วยความจริงใจ จริงจัง
“ถ้าตลอดเวลาที่รู้จักกัน ผมทำให้คุณต้องเสียใจ ไม่สบายใจหลายต่อหลายครั้ง ผมคงไม่มีหน้ามาพูด
เรื่องอนาคตกับคุณแต่ถ้ามีเพียงไม่กี่ครั้งที่ทำให้คุณรู้สึกไม่ดี และเป็นไม่กี่ครั้งที่พอจะให้อภัยได้ ผมจะได้มั่นใจที่จะมา
คุยเรื่องอนาคตกับคุณ”
เกนหลงเริ่มยิ้มออก
“พูดจริงๆ หรือเป็นแค่วิธีง้อแบบอ้อมๆกันแน่คะ”
เขมชาติหัวเราะ
“พูดจริงสิครับ เรื่องใหญ่แบบนี้ จะมาพูดเล่นได้ยังไง ผมคิดเรื่องนี้มาตั้งนานแล้ว แต่ไม่มีจังหวะพูด
สักที สรุปแล้วตลอดเวลาที่เรารู้จักกัน คุณคิดว่าผมมีคุณสมบัติพอจะขอคุณแต่งงานได้หรือเปล่า?”
เขมชาติส่งสายตาออดอ้อน เกนหลงมองแล้วก็อดใจอ่อนไม่ได้
“ก็พอจะมีอยู่บ้าง อย่างน้อย เวลาที่เรารู้จักกัน คุณก็ทำให้เกนไม่สบายใจน้อยมาก”
เขมชาติยิ้มดีใจ รีบรุกต่อ “แล้วผมต้องขออีกกี่ครั้ง คุณถึงจะยอมใจอ่อน”
เกนหลงเริ่มอารมณ์ดีขึ้นพอที่จะกวนกลับ
“ตอนแรกคิดไว้สักร้อยครั้ง”
“ได้ครับ ผมจะขอไปเรื่อยๆ ครบร้อยเมื่อไหร่ ห้ามปฎิเสธ”
เกนหลงมองหน้าเขมชาติแล้วถามตรงๆ
“เขม คุณแน่ใจเหรอคะ ถ้าแต่งงานกับเกนแล้วคุณจะมีความสุข”
“ถ้าไม่แน่ใจ ผมคงไม่ขอคุณแต่งงาน คุณต่างหากที่ต้องตัดสินใจ ผู้ชายอย่างผมจะให้ความสุขคุณได้
หรือเปล่า”
เกนหลงมองหน้าเขมชาติ และจ้องลึกเข้าไปในดวงตา เขมชาติส่งสายตาที่จริงใจ และจริงจัง
“คุณยังไม่ต้องให้คำตอบผมตอนนี้ก็ได้ รอให้ผมขอไปถึงสักร้อยครั้ง หรือสองร้อยครั้ง คุณมั่นใจ
เมื่อไหร่ ค่อยให้คำตอบผม ผมรอได้ แต่วันนี้ตอนนี้ผมแค่อยากบอกให้รู้ว่า คุณคือผู้หญิงที่ผมอยากใช้ชีวิตที่เหลืออยู่
เพื่อดูแลคุณอย่างดีที่สุด”
เขมชาติยิ้มจริงใจ เกนหลงมองแล้วก็ใจอ่อน
สุริยงนอนคิดถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้น วนเวียนไปมา จนฟ้าสาง เป็นสัญญาณเริ่มต้นสู่วันใหม่ พลันก็
ได้ยินเสียงเคาะประตูดัง
สุริยงมองที่ตาแมวอย่างระวัง เห็นเกนหลงยืนอยู่หน้าประตู ทั้งที่นึกแปลกใจ แต่รีบเปิดประตูให้
“ขอโทษนะคะ ที่มารบกวนตั้งแต่เช้า”
“ไม่เป็นไรค่ะ สุตื่นเช้าอยู่แล้ว สุต้องขอโทษที่เมื่อคืนไม่ได้ไปร่วมงานปาร์ตี้”
เกนหลงพยักหน้า ยิ้ม
“ไม่เป็นไรค่ะ เกนเข้าใจ เอ่อ พอดีเกนมีเรื่องอยากปรึกษาคุณสุ จะสะดวกมั้ยคะ?”
“คุณเกน อยากให้สุช่วยอะไรเหรอคะ”
สุริยงเริ่มหวั่นใจ
เกนหลงพาสุริยงมาเดินคุยอยู่ริมหาด ที่มีโต๊ะ เก้าอี้สำหรับนั่งพักผ่อนวางอยู่เป็นทาง
“ตอนเจ้าสัวขอแต่งงาน คุณสุใช้เวลาคิดนานมั้ยคะ?”
“ไม่นานค่ะ เพราะมีผู้ใหญ่ช่วยตัดสินใจ คุณเกนถามทำไมเหรอคะ?”
“เมื่อคืน เขมเค้าขอเกนแต่งงานน่ะค่ะ”
สุริยงใจหายวาบ ไม่รู้สึกเจ็บสักนิด หากมันจี๊ดขึ้นมาดื้อๆ
“เกนก็รู้สึกดีนะคะ แต่เหมือนมีอะไรบางอย่างที่ทำให้ “สุข” แบบไม่ “สุด” เกนไม่แน่ใจว่าเขาขอ
แต่งงาน เพราะเกนถามเรื่องผู้หญิงคนอื่นหรือเปล่า”
สุริยงสะอึกนิดๆ พลางกลั้นใจถามออกไป
“ใคร เหรอคะ?”
“เกนก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่ผู้หญิงเรามักจะมีเซ้นส์นะคะ..มันบอกไม่ได้ แต่มันรู้สึกได้ เมื่อคืนเกนยังถาม
เขมตรงๆ ว่าผู้หญิงคนนั้นใช่คุณสุหรือเปล่า”
สุริยงตัวชา พากพยายามปั้นหน้าให้เป็นปกติที่สุด เกนหลงมองอย่างจับสังเกต เมื่อเห็นว่าสุริยงทำหน้านิ่งๆ ไม่มีปฎิกริยาตอบโต้ ก็พูดต่อ
“แต่เขมก็บอกว่าไม่ใช่ เกนถามถึงคนอื่น เขาก็บอกว่าไม่มี แล้วก็มาขอแต่งงาน เกนก็เลยไม่รู้ว่าควร
จะดีใจ หรือระแวงดี”
สุริยง หยุดคิด และพยายามตอบด้วยความจริงใจ
“ในชีวิตการแต่งงานมีสิ่งที่ไม่น่าเป็นไปได้ แต่ก็เป็นไปได้มากมาย อย่ากลัวที่จะเจอมัน ถ้าคุณเกน
รักใครสักคน รักจริงๆ”
เกนหลงตั้งใจฟัง สุริยงพูดต่อ
“รักอย่างที่คิดว่าจะทนได้ทุกอย่าง ทั้งความดีและความเลวของคนๆนั้น ไม่ว่ายามสุขหรือทุกข์ ก็จะไม่
เสียใจ ถ้ารับได้ ก็แต่งเถอะค่ะ”
“เรื่องดี เลว ยากดีมีจน เกนรับได้อยู่แล้ว เพราะบนโลกนี้ไม่มีใครเพอร์เฟ็ค และถ้าเกนคิดจะแต่งงาน
เขมก็เป็นผู้ชายคนแรกที่เกนจะพิจารณา”
“ถ้าคุณเกนคิดแบบนี้แล้ว ก็น่าจะตัดสินใจได้ไม่ยาก ส่วนเรื่องผู้หญิงคนอื่น ถ้าผู้อำนวยการตัดสินใจขอคุณเกนแต่งงาน นั่นหมายความว่าคุณคือคนที่ผู้อำนวยการเลือกแล้ว ผู้หญิงคนอื่นก็ไม่สำคัญ ไม่ต้องไปสนใจหรอกค่ะ”
สุริยงพูดกับเกนหลงอย่างหนักแน่น จริงใจ และปราศจากความลังเล เมื่อฟังคำยืนยันของสุริยง ความอึดอัดที่มีอยู่ในใจของเกนหลง ก็ค่อยๆ ถูกบรรเทาลงไป
“ขอบคุณคุณสุมากนะคะ เกนจะลองคิดดูเกนเป็นลูกคนเดียว เวลามีปัญหาไม่รู้จะปรึกษาใคร คุณสุ
เป็นเหมือนพี่สาวของเกน ขอบคุณคุณสุอีกครั้งสำหรับทุกๆอย่าง”
สุริยงฟังแล้วสะท้อนใจ ตอกย้ำความรู้สึกผิดขึ้นมาเป็นทวีคูณ
“เมื่อคืนเด็กบอกว่าเช้านี้อยากจะเล่นน้ำกันก่อนกลับ เดี๋ยวเกนไปดูให้พนักงานเตรียมเครื่องเล่นไว้ให้เด็กๆก่อนนะคะ จะได้สนุกกันให้เต็มที่”
“ขอบคุณมากค่ะ”
พอเกนหลงเดินไปแล้ว สุริยงก็ทรุดลงนั่งที่เก้าอี้ข้างๆ คำพูดของเกนหลงที่แสดงความไว้วางใจวกลับมาก้องอยู่ในหู พร้อมกับภาพเหตุการณ์เมื่อคืน และความร้ายกาจของเขมชาติ ที่วนเวียนอยู่ในภวังค์ความคิดและแล้วสุริยงก็ตัดสินใจถอนแหวนดอกออกวางทิ้งไว้บนโต๊ะ ก่อนที่จะเดินกลับเข้าโรงแรมไป พยายามแข็งใจ ไม่ยอมหันไปมองอีก
คล้อยหลังสุริยง เขมชาติ ก็เดินออกมา และเมื่อมองเห็นแหวนดอกไม้ถูกวางทิ้งไว้บนโต๊ะ เขมชาติมอง
ด้วยความโกรธและไม่เข้าใจ !!
สุริยงคุยโทรศัพท์กับเอื้อ ในขณะที่ไก่กับไข่ และฮันนี่เล่นน้ำอยู่กับชนะอย่างสนุกสนาน
“คุณเอื้อใกล้จะถึงแล้วเหรอคะ? ค่ะๆ แล้วเจอกันค่ะ”
สุริยงวางสาย แล้วหันมาทางคู่แฝด
“ไก่ ไข่ ครับขึ้นได้แล้วครับ จะได้อาบน้ำ ทานข้าว เตรียมตัวกลับ พี่เอื้อใกล้จะมาถึงแล้ว”
“ไก่ขออีก 15 นาทีนะครับ” ไก่ต่อรอง
“คุณแม่ให้แค่ 10 นาทีค่ะ “
“โหย” คู่แฝดเริ่มงอแง
ชนะ หันมาบอกกับเด็กๆ
“ 10 ก็ 10 ดีกว่าไม่ได้เลยนะ”
เด็กๆ พยักหน้า สุริยงยิ้มๆ ที่เด็กๆฟังชนะ
“คุณแม่ไปรอที่ห้องนะคะ 10 นาทีเจอกันนะครับ”
ไก่กับ ไข่ รับคำ หน้าจ๋อยๆ “ครับ”
สุริยงยิ้มๆ แล้วก็เดินไป ชนะมองตามตาละห้อย ฮันนี่เห็นก็มากระแซะ
“วันนี้เหลือเวลาอีกไม่มากนะคะคุณพ่อแต่ไม่ต้องห่วงค่ะ เดี๋ยวฮันนี่ช่วยคุณพ่อเองค่ะ”
ฮันนี่ยิ้มเจ้าเล่ห์
สุริยงอยู่ในชุดเสื้อคลุม หยิบเสื้อผ้าเตรียมอาบน้ำ พลันก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้น สุริยงเดินมาดูด้วย
ความแปลกใจ ได้ยินเสียงพนักงานดังมาจากหน้าห้อง
“Room Service ค่ะ คุณเกนหลงให้นำอาหารเช้ามาเสิร์ฟค่ะ”
สุริยงเดินมาเปิดประตูด้วยความวางใจ จากนั้นพนักงาน ก็เข้ามาจัดอาหารไว้บนโต๊ะ และเข็นออกไป
สุริยงยิ้มส่ง และเดินมาดูอาหารที่วางอยู่บนโต๊ะ
พนักงานเปิดประตูและเข็นรถออกไป ขณะที่ประตูกำลังจะปิด มือเขมชาติก็แทรกเข้ามาจับไว้...
สุริยงกำลังหยิบผลไม้เข้าปาก เสียงเขมชาติดังขึ้น
“ผมเจอโดยบังเอิญ คุณลืมมันใช่มั้ย?”
สุริยงสะดุ้งเฮือกหันมา เขมชาติชูแหวนขึ้น และถามเสียงเคืองๆ
“เปล่าค่ะ ดิฉันตั้งใจถอดวางไว้ตรงนั้น เผื่อจะมีคนอยากได้”
เขมชาติ หน้าเข้ม
“ใส่มาตั้งนาน ทำไมเพิ่งจะมาถอดวันนี้ หรือว่าเจอคนใหม่ที่น่าสนใจกว่าแล้ว เลยรีบเขี่ยของเก่าทิ้ง
นิสัยเดิม เหมือนที่เคยทำ”
“ฉันจะถอดแหวนเพราะอะไร มันก็ไม่เกี่ยวกับคุณ คนที่คุณควรจะสนใจคือผู้หญิงที่คุณกำลังจะ
แต่งงานด้วย ไม่ใช่ฉัน”
เขมชาติสะอึก ไม่นึกว่าสุริยงจะพูดเรื่องแต่งงานของตัวเองขึ้นมา
เอื้ออยู่ในชุดลำลอง สวมแว่นดำเดินเข้ามาที่หน้าโรงแรม พนักงานยกมือไหว้ต้อนรับอย่างนอบน้อม
เอื้อยิ้มให้ และเปิดมือถือดูเบอร์ห้อง ที่สุริยงส่งมาบอก
“ ห้อง 209”
เขมชาติพูดเสียงเหยียด
“ผมรู้แล้ว...ที่แท้ก็ทำเป็นถอดแหวน เพื่อเรียกร้องความสนใจนี่เอง”
สุริยงสวนกลับ
“ ฉันไม่ได้ต้องการความสนใจจากคุณ”
“ถ้าคุณไม่ต้องการ ถ้าคุณไม่แคร์ผม เมื่อคืนคุณคงจะไม่ร่วมมือกับผมโกหกคุณเกน คุณไม่บอกความ
จริงที่เกิดขึ้น เพราะคุณไม่ต้องการให้เกนหลงรู้ว่า ระหว่างเราสองคน มันเกิดอะไรขึ้น”
สุริยงค่อยๆถอยมาทางโต๊ะอาหาร เขมชาติได้ทีรุกต่อ
“การที่ผมจะแต่งงานกับเกนหลง ไม่ได้แปลว่า ผมจะแคร์คุณไม่ได้ และการที่ผมแคร์คุณ ก็ไม่ได้แปลว่า
ผมกำลังทำผิดกับเขา”
เขมชาติรุกเข้ามาใกล้ จนสุริยงเริ่มหลังชนโต๊ะอาหาร ถอยไม่ได้
“วดี สิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อคืน ทำให้ผมรู้ว่า คุณยังต้องการผม”
สิ้นคำเขมชาติ สุริยงที่เริ่มทนไม่ได้ไหว ก็หันมาคว้าขวดนมที่วางอยู่ มาสาดใส่หน้าอย่างแรง
เขมชาติชะงักกึก หลับตาแทบไม่ทัน
“ตื่นได้แล้ว อย่าฝันไปคนเดียว ถ้าสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อคืนทำให้คุณเข้าใจว่าฉัน “ต้องการ” คุณ ต้อง
ขอโทษด้วย ที่ทำให้เข้าใจผิด ฉันไม่เคยคิดแบบนั้น”
เขมชาติปาดน้ำนมออกจากหน้า ความแค้นปะทุขึ้นมาในใจ
“ผมไม่เชื่อ”
พลางจะเดินเข้าหา สุริยงยกขวดน้ำ เตรียมฟาด
“อย่าเข้ามานะ ฉันไม่ยั้งมือแน่”
เขมชาติมองสุริยงแล้วก็ชะงัก เมื่อเห็นว่าเอาจริง ก็เริ่มอ่อนลง
“ถ้าคุณไม่เคยคิดก็ไม่เห็นต้องทำร้ายจิตใจด้วยการถอดแหวนทิ้งไว้แบบนี้ คุณเคยบอกเอง มันก็แค่
แหวน จะใส่หรือถอด ก็ไม่สำคัญ งั้นก็ใส่มันต่อไปเหมือนที่เคยทำ ก็คงจะไม่เป็นไร แต่ถ้าคุณไม่ใส่ ผมจะคิดว่าคุณ
ต้องการเรียกร้องความสนใจจากผม”
สุริยงเชิดหน้าไม่สนใจ เขมชาติวัดใจ
“ผมจะวางมันไว้ตรงนี้ ตัดสินใจเอาเองว่าคุณจะใส่หรือไม่ใส่”
เขมชาติพูดจบก็หันหลังเดินไปที่ประตู. พอเปิดประตูออกมา ก็เจอ “เอื้อ” ยืน ต่างคนต่างอึ้ง
เอื้อมองสภาพเขมชาติที่ยังมีคราบน้ำนมเลอะเทอะ ด้านหลังสุริยงเดินมาในชุดเสื้อคลุม..สุริยงก็อึ้ง
“คุณเอื้อ”
เอื้อ หันมาทางเขมชาติ
“ คุณทำอะไรหนูเล็ก?”
“เขาต่างหากที่เป็นคนทำผม..ผมแค่เข้ามาสั่งงาน ตอนเขากำลังจัดโต๊ะอาหารรอเด็กๆ แล้วเดินยังไงก็
ไม่รู้ ล้มทำนมหกใส่ผมเลอะเทอะไปหมด ผมต้องไปเปลี่ยนเสื้อผ้าอีกรอบเลย”
เอื้อมองหน้าสุริยง สุริยงหลบตา ไม่เถียง ไม่โต้ตอบ
เขมชาติหันมาทางสุริยง
“งานที่ผมสั่ง ทำให้เรียบร้อยด้วย อย่าลืม” พูดพลางปรายตามาที่แหวน แล้วก็หันหลังเดินออกไป
เอื้อมองสุริยง สุริยงหลบตาวูบ
“ฉันขอตัวไปอาบน้ำก่อนนะคะ เด็กๆมาจะได้รีบกลับ”
สุริยงเดินเลี่ยงไป เอื้อสัมผัสได้ถึงความไม่ปกติ พลางหันไปมองเขมชาติอีกครั้ง แล้วเดินตามไปทันที
อย่าลืมฉัน ตอนที่ 14 (ต่อ)
เขมชาติเดินเอามือเช็ดหน้า เช็ดตัว ด้วยความหงุดหงิด
“คุณเขม ผมมีเรื่องอยากจะคุยด้วย”
เอื้อตะโกนไล่มาทางด้านหลัง เขมชาติชะงักเท้าหยุด ในใจนึกระแวงนิดๆ หากก็ปั้นหน้าให้ปกติ ก่อน
จะหันมายิ้มรับ
“ครับ?”
เมื่อสองคนหันมาเผชิญหน้ากัน. เอื้อพยายามเรียบเรียงคำพูดในหัว แล้วก็พูดออกมาอย่างสุขุม
“มันอาจจะเป็นเรื่องส่วนตัวของคุณ ที่ผมไม่ควรจะเข้าไปยุ่ง แต่ตอนนี้ ผมไม่ยุ่งคงไม่ได้ เพราะคุณ
พจน์ พ่อเกนหลงเรียกผมเข้าไปสอบถามเรื่องของคุณกับหนูเล็ก”
เขมชาติตอบกลับ อย่างย่ามใจ
“ผมทราบแล้ว ก็ไม่มีอะไรนี่ครับ ทุกอย่างก็เป็นไปตามที่คุณบอกคุณอา ระหว่างผมกับสุริยงไม่มีอะไร
มากไปกว่าเจ้านายและลูกน้อง”
“ใช่ ผมตอบแบบนั้นจริง แต่ผมโกหก”
เขมชาติสะอึก เอื้อพูดต่อ
“ผมโกหกเพื่อปกป้องหนูเล็ก เกนหลง และ คุณ แต่ในความเป็นจริงผมคิดว่า..ระหว่างคุณกับหนู
เล็ก มันมีอะไรบางอย่างที่มากกว่านั้น และผมมั่นใจว่า หนูเล็กไม่ได้เป็นคนเริ่ม”
เขมชาติเชิดหน้าอย่างไม่พอใจ หากก็พยายามระงับไว้ ไม่พูดให้ตัวเองเสีย พยายามรักษาท่าทีทั้งที่ใน
ใจร้อนรน
“ผมไม่ใช่คนชอบพูดโกหก หรือพูดแก้ตัวไปเรื่อยเปื่อยจนสุดท้าย คำโกหกกลับมามัดตัวเองจนดิ้นไม่
หลุด เพราะฉะนั้นคราวหน้าถ้าคุณพจน์เรียกผมไปถามเรื่องนี้อีก ผมคงต้องบอกความจริง”
สองคนประสานสายตากัน อย่างไม่มีใครยอมใคร ก่อนที่เอื้อจะสรุป
“ ถ้าคุณไม่อยากเดือดร้อน กรุณาอย่ามาสร้างความเดือดร้อนให้คนของผม”
เอื้อพูดจบก็เดินออกไป ทิ้งให้เขมชาติยืนกำหมัดแน่นด้วยความเจ็บใจ เหมือนโดนทวงบุญคุณและ
ขู่ทับอยู่ในที
สุริยงแต่งตัวให้ไก่ ไข่ ทุกคนพร้อมเดินทาง พนักงานมาช่วยขนของ และ ห้องทั้งห้องก็เงียบไม่มีคน
ประตูห้องเปิดทิ้งไว้ เขมชาติเดินเข้ามา เห็นแหวนดอกไม้วางอยู่ที่เดิม พลางหยิบแหวนขึ้นมากำไว้
ชนะกับฮันนี่ เดินมาลาสุริยง และไก่กับไข่ ในขณะที่เกนหลงยืนอยู่ข้างๆ
ชนะหน้าจ๋อยๆ “น่าเสียดายที่คุณสุ มีคนไปส่งแล้ว”
ชนะเหลือบมองไปทางเอื้อที่คุยมือถือ และจอดรถรออยู่ห่างออกไป เกนหลงตอบแทน
“พี่เอื้อ เป็นพี่ชายของสองคนนี้น่ะค่ะ ตามศักดิ์ก็เป็นลูกเลี้ยงของคุณสุ”
ชนะฟังแล้วค่อยสบายใจ ความหวังเริ่มกลับมาอีกครั้ง
“ลูกเลี้ยง อ๋อ โอเคครับ ไม่น่าเชื่อคุณสุจะมีลูกเลี้ยงโตขนาดนี้”
สุริยงยิ้มๆ แทนคำตอบ ฮันนี่มองหน้าพ่อที่ยังเขินๆไม่กล้าทำอะไรต่อ แล้วก็รีบเดินเข้ามาจับแขน
“น้าสุคะ ฮันนี่จะขอเบอร์โทรศัพท์ของน้าสุไว้ได้มั้ยคะ ทั้งเบอร์บ้าน แล้วก็เบอร์ส่วนตัว อีเมลล์ วอทส์
แอพ ไอจี เฟซบุ๊ค ขอหมดเลยนะคะ เผื่อฮันนี่คิดถึงไก่ กับไข่ จะได้เอาไว้ติดต่อกัน”
ฮันนี่หันมาส่งตาปิ๊งๆ ให้ไก่กับไข่ คู่แฝดถึงกับยิ้มแฉ่ง รีบหันมาทางสุริยง
“ให้เลยครับแม่หนูเล็ก”
“ให้ไปให้หมดเลยครับ ให้เลยครับ ให้เลย”
เกนหลงขำ ชนะยิ้มเขินๆ
สุริยงยิ้มรับ “ครับๆ ใจเย็นๆครับ” จากนั้นก็หันมาบอกกับฮันนี่ “น้าสุมีแต่เบอร์บ้าน เบอร์มือถือ แล้วก็
อีเมลล์นะคะ” พลางยื่นนามบัตรให้ “ตามนี้เลยค่ะ มีอะไรติดต่อน้าสุมาได้เลยนะคะ”
ฮันนี่ ยกมือไหว้ก่อนรับ
“ขอบพระคุณค่ะ ฮันนี่ต้องติดต่อไปแน่ๆค่ะ” จากนั้นก็หันมาทางพ่อ “ใช่มั้ยคะคุณพ่อ”
ชนะรีบบอก
“ใช่ครับ ผมต้องติดต่อหาคุณสุ เอ่อ หาเด็กๆแน่ๆครับ”
ชนะยิ้มอายๆ มีความสุข สุริยงยิ้มรับนิดๆ ตามมารยาท
เอื้อวางสายหันมามองชนะกับ สุริยง แววตาเต็มไปด้วยคำถาม ค้างคาใจ
นภาและชื่นออกมารับไก่ ไข่ สีหน้าเบิกบาน คู่แฝดยกมือไหว้นภา กับชื่น
“คุณไก่ คุณไข่ ไปทะเลแค่วันเดียวดำขึ้นเป็นกองแน่ค่ะ”
ชื่นแหย่คู่แฝด
ไก่โต้กลับ “ดำแต่ก็ยังหล่อ”
ไข่หัวเราะคิกคัก แล้วรีบเสริม “ใช่ๆ หล่อแบบดำๆ”
“ตายแล้ว ไปถ่ายแบบวันเดียว หลงตัวเองขึ้นเยอะเลยค่ะ” ชื่นไม่เลิกแซว
นภารีบตัดบท “คุยเล่นกันพอแล้ว เข้าบ้านกันดีกว่า ยายทำขนมไว้รอเราหลายอย่างเลยนะ”
ไก่ กับไข่ เข้ามากอดอ้อนยาย “รักคุณยายที่สุด รักจังเลย”
นภาหัวเราะชอบใจ พลางหันทางเอื้อ
“ เชิญเข้ามาทานขนมด้วยกันนะคะ”
“ขอบคุณครับ”
นภา กับชื่นพาสองแสบเข้าบ้านไปก่อน เอื้อหันมาถามสุริยง
“หนูเล็กครับ อย่าเพิ่งไป ผมมีเรื่องจะคุยด้วย”
สุริยงชะงักกึก แอบหวั่นใจลึกๆ
เขมชาติขับรถเข้ามาจอดเทียบหน้าบ้านของเกนหลง เจ้าของบ้านรีบลงจากรถแล้วเรียกเด็กๆมายกของ เขมชาติลงจากรถตามไป ใจก็คิดถึงคำพูดของเอื้อ
“มันอาจจะเป็นเรื่องส่วนตัวของคุณ ที่ผมไม่ควรจะเข้าไปยุ่ง แต่ตอนนี้ ผมไม่ยุ่งคงไม่ได้ เพราะคุณ
พจน์พ่อเกนหลงเรียกผมเข้าไปสอบถามเรื่องของคุณกับหนูเล็ก ผมโกหกเพื่อปกป้องหนูเล็ก เกนหลง และ คุณ แต่ใน
ความเป็นจริงผมคิดว่า ระหว่างคุณกับหนูเล็ก มันมีอะไรบางอย่างที่มากกว่านั้น ผมไม่ใช่คนชอบพูดโกหก หรือ พูดแก้
ตัว ไปเรื่อยเปื่อยจนสุดท้าย คำโกหกกลับมามัดตัวเองจนดิ้นไม่หลุด เพราะฉะนั้นคราวหน้าถ้าคุณพจน์เรียกผมไป
ถามเรื่องนี้อีก ผมคงต้องบอกความจริง”
เขมชาติคิดแล้วก็ตัดสินใจ หันไปถามเกนหลง
“คุณเกนครับ วันนี้คุณอาอยู่บ้านหรือเปล่าครับ”
“อยู่ค่ะ มีอะไรหรือเปล่าคะ ?”
เกนหลงรอฟังคำตอบ
เอื้อกับสุริยงยืนคุยอยู่ที่มุมหนึ่งของสวนหน้าบ้าน เอื้อพูดน้ำเสียงจริงจัง ตรงๆ
“ผมไม่เชื่อคำพูดของเขมชาติ เรื่องที่เขาบอกว่ามาสั่งงานแล้วหนูเล็กก็หกล้มอะไรนั่น มันฟังไม่ขึ้น
ทำไมต้องมาสั่งงานในห้องพัก สองต่อสอง แล้วหนูเล็กก็อยู่ในชุดนั้น มันไม่เหมาะสมในทุกกรณี หนูเล็กบอก
ผมได้มั้ย ว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่”
สุริยงสะอึก พลางคิดหาคำตอบ
“บอกได้ค่ะ แต่มันไม่มีประโยชน์ที่จะต้องบอก เพราะมันเป็นเรื่องไร้สาระ ที่ไม่น่าจะเก็บมาเป็นอารมณ์
เขาก็แค่ไม่ชอบให้คนขัดใจ ก็เลยแผลงฤทธิ์ ก็เท่านั้น”
“แผลงฤทธิ์ยังไง อย่าบอกนะว่าเขาลวนลามคุณ?”
สุริยงฝืนหัวเราะออกมา
“ผู้อำนวยการเขาไม่ทำอะไรแบบนั้นหรอกค่ะ ทำได้ก็แค่ยั่วโทสะด้วยคำพูด เขาคงไม่กล้าเสี่ยง เพราะ
อีกไม่นานก็จะแต่งงานกับคุณเกนหลงแล้ว”
เอื้อขมวดคิ้ว “ แต่งงาน?”
“ค่ะ คุณเกนหลงบอกหนูเล็กเมื่อเช้านี้เองค่ะ..เพราะฉะนั้นไม่ต้องห่วงเรื่องผู้อำนวยการนะคะ เรา
สองคนก็แค่เจ้านาย กับเลขา ที่ไม่ลงรอยกัน มีถกเถียง ใส่อารมณ์กันบ้างก็แค่นั้น”
สุริยงตอบเบี่ยงประเด็นไปได้อย่างสวยงาม และแนบเนียน เอื้อฟังแล้วก็คิดตาม..คลายความกังวลเรื่อง
เขมชาติลง
“ในเมื่อคุณกับเขมชาติทำงานกันไม่ได้..ก็รีบลาออกแล้วมาทำงานกับผมได้แล้ว”
เอื้อพลิกวิกฤตเป็นโอกาส
“ไม่ต้องห่วงค่ะ หนูเล็กจะรีบเข้าไปเคลียร์งาน คงไม่รอให้ถึงสิ้นเดือน เคลียร์งานเสร็จแล้วคงจะ
ลาออกมาเลย”
เห็นสุริยงรับปากอย่างหนักแน่น เอื้อก็เบาใจลงมาบ้าง
สุริยงตัดใจอย่างเด็ดขาด แม้จะเจ็บ แต่ต้องยอมจบ
เขมชาตินั่งเผชิญหน้ากับคุณพจน์ โดยมีเกนหลงนั่งอยู่ข้างๆ
“คุณอาครับ ผมมีเรื่องจะสารภาพกับคุณอาตรงๆ”
คุณพจน์ และเกนหลง ทำหน้างงๆ เขมชาติพูดต่อด้วยความจริงใจ ตรงไป ตรงมา
“ผมไม่ปฎิเสธว่าในอดีต ผมมีหลายเรื่องที่เคยทำผิดพลาด ผมไม่ใช่ผู้ชายที่เพียบพร้อม สมบูรณ์แบบ
เมื่อเทียบกับคุณเกน มันช่างห่างไกล แต่คุณเกนเป็นผู้หญิงที่ทำให้ผมอยากจะเป็นคนดี อาจจะไม่ดีเท่าคุณเกน แต่ก็
ดีมากพอที่จะทำให้คุณอาไว้วางใจให้ผมดูแลเธอ”
เขมชาติพูดตรงไปตรงมา ด้วยความรู้สึกที่แท้จริง เกนหลงฟังด้วยความซึ้งใจ คุณพจน์หันมามองหน้า
เกนหลง และพอจะเข้าใจเรื่องราว
“พูดแบบนี้แสดงว่า เราสองคนคุยอะไรกันไว้แล้วหล่ะสิ”
คุณพจน์หยั่งเชิง เกนหลงยิ้มอายๆ เขมชาติยิ้มยอมรับ สองคนมองหน้ากัน เกนหลงเป็นคนหันมา
บอกกับบิดา
“จริงๆ ก็ยังไม่ได้คุยอะไรกันมากค่ะ เขมเขาก็แค่ ถามๆอะไรนิดหน่อย”
เขมชาติรีบบอก
“ถ้าคุณเกนตอบตกลงกับผมเมื่อไหร่ ผมจะต้องมาคุยกับคุณอาอย่างจริงจังอย่างแน่นอนครับ ผมก็ได้
แต่หวังว่า ผมคงจะได้คำตอบในอีกไม่ช้า”
เขมชาติพูดน้ำเสียงจริงจัง เกนหลงยิ้มนิดๆ แอบเขิน คุณพจน์มองหน้าลูกสาวแววตาเปี่ยมสุข แล้วก็
จำใจต้องพยักหน้า
“อืม ได้คำตอบเมื่อไหร่ก็มาคุยกันให้เป็นกิจจะลักษณะ ถึงวันนั้นก็ค่อยว่ากันอีกที”
เกนหลงยิ้มกว้าง เขมชาติมองหน้าเกนหลงแล้วก็ยิ้มให้กันอย่างมีความสุข
ในขณะที่คุณพจน์มองแล้วก็คิด เหมือนผู้สังเกตการณ์ที่เฝ้ามองด้วยความเป็นห่วง
อัมพิกา กับ อรทัย เดินพรวดๆ เข้ามาในห้องทำงานของเอื้อด้วยใบหน้าบูดบึ้ง โดยที่เลขาเอื้อกันไม่ทัน
“เดี๋ยวก่อนค่ะ .. ท่านประธานคะ”
เลขาระล่ำระลัก เอื้อเงยหน้าขึ้น แล้วพยักหน้าให้เลขาออกไป อัมพิกาเปิดฉากโวยทันที
“เอื้อไม่มีสิทธิ์ตามตัวทนายของพี่กลับมาประเทศไทย ทนายธีระศักดิ์เป็นคนของพี่ พี่ส่งเขาไปดูงานที่
ต่างประเทศ เขาจะต้องอยู่ที่โน่นจนกว่าพี่จะอนุญาตให้กลับ”
“ผมก็ไม่อยากยุ่งกับคนของพี่ ถ้าเขาไม่ได้เป็นคนดูแลเรื่องมรดก ผมไม่ได้ห้ามให้เขาไปดูงานเมืองนอก
จะไปนานแค่ไหน หรือไปแล้วไม่กลับมาเลยก็ได้ แต่เขาต้องจัดการโอนหุ้นให้ไก่ กับ ไข่ให้เรียบร้อย”
“พี่เอื้อกล้าข้ามเส้น มาใช้งานคนของพี่อัม เพราะไอ้เด็กสองคนนั้นเหรอคะ?”อรทัยโวยวายเสียงแข็ง
เอื้อ ลุกขึ้นพรวด
“พี่ไม่ได้ข้ามเส้น แต่พี่แจ้งให้ทราบไปแล้ว ว่าพี่จะเป็นคนจัดการเรื่องมรดกของคุณพ่อ พี่แค่ทำตามที่
พูด”
“แต่พี่ไม่ยอม”
“อรก็ไม่ยอม”
เอื้อสวนกลับ “ผมไม่ได้ขอความยินยอมจากจากใครทั้งนั้น”
อัมพิกากัดฟันกรอด
เอื้อพูดต่อ “พรุ่งนี้ทนายธีระศักดิ์จะกลับมาถึงประเทศไทย และเขาจะต้องทำเอกสารโอนหุ้นให้เด็กสอง
คนนั้นโดยเร็วที่สุด”
“เอื้อทำเกินไปแล้ว ทำเกินไปแล้ว”
อัมพิกาปากสั่น โกรธ จนพูดไม่ออก เอื้อตัดบทอย่างใจแข็ง
“สิ่งที่ผมทำ อยู่ใน “กรอบความต้องการของคุณพ่อ” ผมไม่ได้ทำเกินไป”
อัมพิกา และอรทัยอึ้ง เอื้อหันไปหยิบแฟ้ม
“ผมมีประชุม..ขอตัว”
เอื้อพูดจบก็เดินออกไปอย่างไม่แคร์ อัมพิกายืนกัดฟันกรอดด้วยความขัดใจสุดๆ อรทัยทิ้งตัวนั่งด้วย
ความหงุดหงิด ทั้งห้องเต็มไปด้วยความตึงเครียด
มาลัยเดินเข้ามาในห้องทำงานของสมคิดพร้อมกับเอกสารในมือ พลางพูดด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น
“คุณสมคิดคะ มีลูกค้าที่สวิสต้องการจะรีโนเวทโรงแรมในเชน 4 แห่ง เขาอยากให้คุณเขมเป็นที่
ปรึกษาและต้องการใช้ผ้าของเรา” พลางยื่นเอกสารให้ “เขาส่งเมลล์มานัดให้เข้าไปตามวัน เวลา สถานที่ ตามนี้ค่ะ”
สมคิดรับมาดู พลางพูด “อีกไม่กี่วันเองก็ต้องเดินทางแล้วนี่”
ทันใดนั้นวิบูลย์ก็เปิดประตูพรวดเข้ามา
“คุณสมคิดครับ มีข่าวใหญ่ครับ บริษัทของคุณสุกิจที่เคยติดต่อขอเป็นผู้จัดจำหน่ายผ้าของเราที่อิตาลี่
เขาติดต่อกลับมาแล้วครับ เขาจัดการเรื่องการเปิดร้านที่มอลล์ได้แล้ว เขาอยากให้คุณเขมเข้าไปดูสถานที่ และคุยกัน
เรื่องการจัดหน่ายครับ” พลางส่งเอกสารให้ “นี่เป็นกำหนดการคร่าวๆ ที่เขาอยากเชิญคุณเขมไปครับ”
สมคิดรีบรับมาอ่าน
“อ้าวนี่มันวันเดียวกันเลยนี่” พลางมองจดหมายฉบับแรก “สวิสเซอร์แลนด์ “ อีกฉบับ” อิตาลี่”
สมคิดเงยหน้ามองมาลัยและวิบูลย์
“แล้วคุณเขมจะไปประเทศไหนหล่ะเนี่ย ? “
เขมชาติ นั่งเครียด นิ่ง เซ็ง ในใจยังพะวงอยู่กับเรื่องแหวนที่ถูกสุริยงถอดทิ้งไว้ ในขณะที่สมคิดกับ
วิบูลย์ที่รอคำตอบใจจดจ่อ
“ไม่รู้”
สมคิด กับวิบูลย์หน้าเหวอ พลางหันมามองหน้ากัน สมคิดพยายามช่วยหาทางออก
“คุณเขมอยากให้ผมสร้างทีมไปแทนมั้ยครับ? แบบว่า คุณเขมไปประเทศนึง แล้วให้อีกทีมไปปูทาง รับ
ข้อมูล ไว้อีกประเทศนึง ให้วิบูลย์ไปก็ได้ ช่วงนี้คุณวิบูลย์เขางานไม่ยุ่ง “
วิบูลย์ผงะ
“เย้ย ไม่ได้ครับ ผมออกนอกประเทศไม่ได้ เป็นโรคแพ้ฝรั่ง คุณสมคิดนั่นแหละ”
“ผมก็ไปไม่ได้ ถ้าไปเมียงอนแน่ๆ ที่สำคัญภาษาอังกฤษผมกระดิกซะที่ไหน”
สมคิดก็ไม่ยอมเหมือนกัน
“ไม่เห็นยากเลย จ้างล่ามสิครับ คุณสุไง” วิบูลย์นึกขึ้นมาได้ “ คุณสุพูดได้ตั้งหลายภาษา ให้คุณสุไป
เป็นล่ามให้คุณสมคิดก็ได้”
แววตาของเขมชาติใสวับขึ้นมาทันที
“โห ถ้าคุณสุเธอยอมไป ไม่ต้องให้ผมไปหรอก ให้เธอไปคนเดียวก็ได้ เธอรู้ทุกอย่างอยู่แล้ว ทั้งเรื่องผ้า
ราคา การส่งขน ภาษาก็ได้ ให้คุณสุลุยเดี่ยวเลย จบ”
สมคิดเสนอ พลันเขมชาติก็หันเก้าอี้มาและตบโต๊ะสรุป
“โอเค บอกให้สุริยงไปพบลูกค้าที่สวิส”
“ให้สุไปสวิสเหรอคะ ?”
สุริยงทวนคำสั่ง
สมคิด ยิ้มรับ
“ใช่ครับ ไปสำรวจโรงแรม 4 แห่ง 4 วัน ดูหน้างาน นำเสนอตัวอย่างผ้าให้ลูกค้าเลือก แล้วส่งมาให้
ทางผมกับคุณวิบูลย์ทำราคาส่งไปให้ลูกค้าดู แค่นั้นครับงานง่ายๆ”
สุริยงคิด พลางถามกลับ “แล้วสุต้องไปกับใครคะ?”
สมคิดเล่าย้อนถึงแผนการของเขมชาติให้สุริยงฟัง
“บอกให้เขาไปคนเดียว ส่วนผมกับคุณเกนหลงจะไปหาหุ้นส่วนที่อิตาลี่ เสร็จงานที่อิตาลี่แล้ว ผมจะ
รีบไปสมทบที่สวิส”
สุริยงชะงัก แววตาต่อต้านทันที
“ผู้อำนวยการจะตามไปเจอที่สวิสเหรอคะ?”
วิบูลย์ พยักหน้า
“ใช่ครับ แต่ตอนที่คุณเขมกับคุณเกนหลงไปถึงสวิสแล้ว คุณสุจะกลับมาไทยเลยก็ได้นะครับ งานที่
เหลือเจ้านายจะเป็นคนรับช่วงต่อเอง”
อย่าลืมฉัน ตอนที่ 14 (ต่อ)
สมคิดเล่าย้อนต่อถึงคำพูดของเขมชาติ
“ผมขอให้เขาไปดีลกับลูกค้าแทนแค่ 4 วัน เท่านั้น ผมไปถึงสวิสเมื่อไหร่ เขาก็กลับประเทศไทยได้ ไม่
ต้องกลัวว่าจะต้องอึดอัดเวลาอยู่กับผมและคุณเกน”
สุริยงรีบบอก
“สุไม่ได้รู้สึกอึดอัดอะไรนะคะ งานก็คืองาน แค่ไม่อยากทิ้งที่บ้านไปนานๆ หรือถ้ามีคนอื่นทำได้ อยาก
ให้คนอื่นทำแทน”
“ปัญหามันคือตรงนั้นหล่ะครับ คือมันไม่มีใครทำได้ดีเท่าคุณสุ นะครับคุณสุ ถือว่าเห็นแก่บริษัท
ช่วยงานนี้งานสุดท้าย ก่อนจะจากกัน”
สมคิดโน้มน้าว วิบูลย์สนับสนุน
“ถ้าคุณสุไม่ทำ หวยออกที่ผมกับคุณสมคิดแน่ๆ นะครับ นอกจากช่วยบริษัทแล้ว ถือซะว่าช่วยเราสอง
คน แค่ 4 วันเองครับ”
“ช่วยหน่อยนะครับ”
“ได้โปรด”
สุริยง มองหน้าสมคิดกับวิบูลย์ที่รอคำตอบใจจดจ่อ แล้วก็คิด คิด คิด ก่อนจะตัดสินใจ
“ก็ได้ค่ะ สุไปก็ได้ค่ะ”
วิบูลย์กับสมคิดดีใจจนเก็บอาการไม่อยู่ “เย้”
สุริยงย้ำต่อ “แต่สุอยู่แค่ 4 วันนะคะ พอผู้อำนวยการกับคุณเกนหลงมาถึงสวิสเมื่อไหร่ สุกลับประเทศ
ไทยทันที”
เกนหลงย้อนถามอัมพิกา ขณะนั่งคุยกันในร้านอาหารด้วยความแปลกใจ
“คุณอัมพิกาจะให้เกนพาไก่ กับ ไข่ ไปเข้าแคมป์ ตอนคุณสุไปต่างประเทศเหรอคะ”
อัมพิกาทำทีเป็นอึกอักๆ นิดหน่อย แล้วก็แสร้งแสดงละครต่อ
“ใช่ค่ะ คือพี่อยากรู้จักเด็กนั่นให้มากขึ้นไหนๆ เราก็เป็นพี่น้องกัน อาจจะไม่ใช่แม่เดียวกัน แต่อย่าง
น้อยก็พ่อเดียวกัน ถ้าพี่ไม่รีบทำความรู้จักกับเด็กตอนที่สุริยงไม่อยู่ พี่ก็ไม่รู้จะหาโอกาสตอนไหน ถ้าเขาอยู่เค้าก็กีดกัน
ไม่ให้พี่ใกล้ชิดเด็กๆ”
อัมพิกาตีหน้าเศร้า พร้อมทำเสียงน่าสงสาร
“พี่รักไก่ กับ ไข่นะคะแต่พี่ไม่รู้จะแสดงออกยังไง เอื้อบอกพี่ว่าน้องเกนสนิทกับไก่ ไข่ พี่ก็เลยมาขอร้อง
ให้น้องเกนช่วยเป็นสะพานเชื่อมระหว่างพี่กับน้องอร กับ ายแฝดสองคนนั่น น้องเกนอย่าปฎิเสธเลยนะคะ พี่ไม่มีใคร
แล้วจริงๆ”
“แล้วพี่เอื้อหล่ะคะ พี่เอื้อก็สนิทกับไก่ ไข่ สนิทมากกว่าเกนด้วยซ้ำทำไมไม่ให้เป็นสะพาน”
อัมพิการีบออกตัว
“เอ่อ เอื้อไม่เข้าใจพี่หรอกค่ะ ถ้าพี่ไปปรึกษาก็ต้องคิดว่าพี่มีลับลมคมใน ซึ่งจริงๆแล้วไม่มีเลยนะคะ
พี่อยากสนิทกับเด็กสองคนนั้นจริงๆ นะคะๆ ถ้าไม่อยากช่วยพี่ ก็คิดซะว่าช่วยเด็กๆ ช่วยให้พวกเขาได้มีพี่สาวเพิ่มมาอีก
สองคน เป็นครอบครัวที่อบอุ่น ถ้าเกนไม่ช่วย เด็กสองคนนั้นไม่มีวันเปิดรับพี่กับยัยอรเด็ดขาด”
เกนหลงคิดหนัก อัมพิกาลุ้นคำตอบ
เขมชาติแสร้งพูดด้วยความเสียดาย
“คุณเกนไปไปอิตาลี่กับผมไม่ได้เหรอครับ”
“ใช่ค่ะเกนรับปากจะช่วยเป็นกาวใจให้คุณอัมพิกา คุณอรทัย กับนายไก่ นายไข่ ด้วยการไปอยู่แคมป์
ด้วยกัน 2 วัน 1 คืน วันเดียวกับที่เขมไปอิตาลี่เป๊ะเลยค่ะ”
เขมชาติทำทีเป็นตีหน้าเศร้า
“ผมเสียใจ เพราะผมจะมาชวนคุณเกนไปพบหุ้นส่วนของผมที่อิตาลี่ แล้วก็เลยไปพบลูกค้าที่สวิสต่อ
นี่ถ้าผมรู้ว่าจะมีคนมาชวนตัดหน้าแบบนี้ ผมรีบชวนตั้งแต่เช้าแล้ว เสียดายจริงๆฃคุณเกน ไปยกเลิกทางโน้นไม่ได้เหรอ
ครับ ?”
เกนหลงส่ายหน้า
“ ไม่ได้ค่ะ เกนรับปากแล้ว คุณอัมก็จองแคมป์ไว้แล้วด้วย ปฎิเสธตอนนี้น่าเกลียด ที่สำคัญเกนเองก็
อยากช่วยไก่ กับ ไข่ ถ้าสองคนนั้นเข้ากับคุณอัมกับคุณอรได้ ก็น่าจะเป็นเรื่องที่ดี”
เขมชาติจับมือเกนหลง มองด้วยความชื่นชม แล้วเผลอพูดความจริงออกมา
“คุณเป็นคนจิตใจดีจริงๆ ผมกะอยู่แล้วว่าคุณต้องรับปากช่วย”
เกนหลง เลิกคิ้ว สงสัย “พูดยังกับรู้ล่วงหน้าว่าคุณอัมจะมาชวนเกน”
เขมชาติ รีบกลบเกลื่อน
“ เอ่อ ไม่รู้ครับ ไม่รู้ คือผมหมายความว่า ถึงผมจะขอให้คุณยกเลิกทางโน้นแล้วไปอิตาลี่กับผม คุณก็
คงไม่ไป เพราะอยากช่วยพวกนั้น”
เขมชาติยิ้มเฉไฉ แล้วพูดต่อ
“แต่ คุณต้องรับปากว่าพอคุณเคลียร์เรื่องเด็กไก่ ไข่ เรียบร้อยแล้ว.. คุณจะตามไปเจอกับผมที่สวิส
นะครับ”
เกนหลงรับคำยิ้มๆ “ได้ค่ะ”
“ขอบคุณครับน่ารักที่สุดเลย งั้นผมให้คุณสมคิดจัดการเรื่องเอกสารการเดินทางให้เลยนะครับ”
เกนหลงพยักหน้ายิ้มๆ มองหน้าเขมชาติที่ยิ้มแย้มแจ่มใสจนผิดปกติ แล้วก็คิดว่าคงจะดีใจที่จะได้ไป
เที่ยวด้วยกัน ไม่ทันเฉลียวใจใดๆ ที่เขมชาติยิ้มเหมือนดีใจ แต่ในแววตาแฝงความพอใจไว้อยู่ในที
“จะว่าไป เกนยังแปลกใจอยู่เลยนะคะ ทำไมคุณอัมพิกาไว้ใจเกน ทั้งๆที่เราก็ไม่ได้สนิทกันขนาดนั้น
อยากรู้จริงๆ เขาไปเอาความคิดนี้มาจากไหน?”
เกนหลงสงสัย อยากรู้ เขมชาติสะอึก พลางตีหน้านิ่งๆ เนียนๆ แต่รู้ความจริงอยู่ในใจ
เขมชาตินึกถึงตอนที่เขาบอกกับอัมพิกา เรื่องที่สุริยง จะเดินทางไปต่างประเทศ
“นังสุริยงจะไปทำงานต่างประเทศ แล้วมันเกี่ยวอะไรกับพี่?”
“ผมคิดว่ามันเป็นโอกาสที่ดี ที่พวกคุณจะทำความรู้จักกับไก่ ไข่มากขึ้น “
“แล้วทำไมพี่ต้องทำความรู้จักกับมันสองคน ?”
อัมพิกาย่อนถาม
“เพราะถ้าคุณสองคนรู้จัก สนิทสนม และทำให้เด็กไว้ใจได้มากเท่าไหร่ คุณก็มีสิทธิ์ที่จะควบคุมพวก
เขาได้มากเท่านั้น”
อัมพิกาตั้งใจฟัง เขมชาติพูดต่อ
“คุณจะชักจูงให้เค้าทำอะไรก็ได้ หรือจะหลอกล่อให้เค้าโอนหุ้นคืนคุณก็ยังได้”
อัมพิกาเริ่มเข้าใจ ทว่ายังคงมองเขมชาติด้วยแววตาไม่วางใจ
“ตกลงคุณอยู่ฝั่งไหนกันแน่ ? เดี๋ยวก็ดีกับพี่ เดี๋ยวก็ดีกับนังสุริยง พี่ชักจะงงไปหมดแล้ว”
เขมชาติยิ้มร้ายๆ
“ผมเลือกอยู่ฝั่งผู้ชนะ และผมก็ทนไม่ได้ ที่สุริยงแอบลาออก โดยไม่บอก เพื่อไปทำงานกับน้องชายคุณ
เขาหักหลังผม ผมต้องสั่งสอน”
เขมชาติดึงเหตุผลมาเป็นข้ออ้างเพื่อความแนบเนียน
“มันมาทำงานกับเอื้อ ทำงานอะไร? เมื่อไหร่?”
“เรื่องนั้นไปถามน้องชายเอาเอง กลับมาประเด็นของเรา ถ้าคุณต้องการได้หุ้นคืนจากเด็กแฝดนั่น มี
ทางเดียวคือหาทางตีสนิทกับพวกเขาระหว่างที่สุริยงไม่อยู่”
อัมพิกาเริ่มชะงักคิด จากไม่วางใจเริ่มเห็นด้วย
“มันก็เป็นความคิดที่ดี แต่ “พี่เกลียดเด็ก” ยิ่งยัยอรไม่ต้องพูดถึง เราสองคนไม่มีทางจะเข้ากับเด็กนั่น
ได้แน่ๆ ไม่มีทาง”
“ถ้าไม่มีทาง ก็ต้องทำสะพานเชื่อมเข้าไปสิครับ ไม่เห็นจะยาก หาคนที่เด็กนั่นไว้ใจ เป็นสะพานพา
คุณสองคนเดินเข้าไปในชีวิตเขา”
เขมชาติเสนอความคิด
“ใคร?”
“คุณเกนหลง”
เขมชาติยิ้มร้าย สุดท้ายความคิดทั้งหมดก็มาจากเขานั่นเอง
“ตกลงเกนไปสวิสกับเขมชาติจริงใช่หรือเปล่า?”
เอื้อถามเกนหลงทางโทรศัพท์ ในขณะที่ เกนหลงคุยไปทำขนมไปด้วย
“จริงค่ะ เขมเขาจะไปอิตาลี่ก่อน แล้วก็ไปเจอกันที่สวิส พี่เอื้อมีอะไรหรือเปล่าคะ?”
เอื้อยิ้มเบาใจ
“ก็แค่ อยากจะเช็คให้แน่ใจ โอเค เที่ยวให้สนุกนะครับ”
เกนหลงยิ้มรับ “ขอบคุณค่ะ”
เกนหลงวางสายต ฉุกคิดนิดๆ
เอื้อวางสายตาม เบาใจ แล้วก็มองเข้าที่หน้าบ้าน เห็นชื่นกำลังยกกระเป๋าเดินทางออกมา จึงรีบเข้า
มาไปช่วย
“ผมช่วยครับ”
“ขอบคุณค่ะ”
เอื้อยกกระเป๋าสุริยงไปไว้ในรถ ในขณะที่สุริยงล่ำลาลูกๆ ที่มองตาละห้อย
“ไก่ ไข่ อยู่กับคุณตาคุณยาย อย่าดื้อนะครับ คุณแม่ไปทำงานแป๊บเดียว เดี๋ยวกลับมานะ”
ไก่ พยักหน้า “ครับ ไก่ไม่ดื้อ”
ไข่รีบเสริม “ไข่ไม่ซนครับ”
“จุ๊บๆ คุณแม่หน่อยครับ”
เด็กแฝดหอมแก้มสุริยงฟอดใหญ่ สุริยงหอมกลับด้วยความรัก เหมือนไม่อยากไป หากก็ทำใจลุกขึ้น
“ไปก่อนนะคะ หนูเล็กเปิดโรมมิ่ง มีอะไรพ่อแม่โทรหาได้ทันทีนะคะ”
“จ้า เดินทางปลอดภัยลูก” นภาอวยพรลูกสาว
“ถึงแล้วส่งข่าวหน่อยนะลูก”
อาทิตย์กำชับ
“ค่ะ สวัสดีค่ะ”
ไเดินทางปลอดภัย อย่าลืมของฝากนะคะคุณหนูเล็ก” ชื่นพูดแบบขำๆ
สุริยงเดินมาที่รถ เอื้อรีบเปิดประตูรอ
“ขอบคุณค่ะ”
“ด้วยความยินดีครับ หนูเล็กอย่าลืมนะ ถ้ามีอะไรไม่ชอบมาพากล ติดต่อผมทันที ผมเกิดที่โน่น มี
พาสปอร์ตสวิสพร้อมเดินทางไปหาได้ทันที”
สุริยง ตอบยิ้มๆ
“ไปทำงานแค่ 4 วัน ไม่มีอะไรหรอกค่ะ คิดมาก”
สุริยงยิ้มๆส่ายหน้า ด้วยความไว้วางใจ
ในขณะที่เขมชาติยืนอยู่ที่หน้ากระจก มีกระเป๋าเดินทางวางอยู่ข้างๆ พร้อมเดินทาง พลางยิ้มร้าย พึง
พอใจกับสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นในอนาคตอันใกล้
จบตอนที่ 14