เสน่หาสัญญาแค้น ตอนที่ 8
ปานตะวันกำลังประคองนารถนรินทร์ที่กำลังเกาะขอบสระให้ลอยตัวขึ้นเสมอผิวน้ำ โดยใบตองลุ้น ๆ อยู่ริมสระ
นารถนรินทร์หวั่นใจ "พี่ตะวันคะ.นารถ..นารถจะทำได้เหรอคะ?”
ปานตะวันยิ้มน้อย ๆ อย่างให้กำลังใจ "ได้สิคะ..น้องนารถเก่งจะตาย อีกอย่างนึง การทำกายภาพในน้ำจะช่วยให้ร่างกายฟื้นฟูได้ดี น้องนารถจะได้หายเร็ว ๆ ไงคะ"
นารถนรินทร์แหย่ "แหม..รู้สึกว่าพี่ตะวันอยากจะเร่งให้นารถหายไว ๆ เหลือเกิน" นารถนรินทร์อมยิ้ม "ทำไมคะ...อยากจะรีบหนีไปไหน ไม่อยากอยู่บ้านนี้นาน ๆ เหรอคะ?”
"นั่นสิคะ?”
ปานตะวันอึ้งไปหลบตา "เอ่อ.." ปานตะวันเปลี่ยนเรื่อง "ลองดูนะคะ เริ่มจากเตะขาค่อย ๆ ก่อน ช้า ๆ ไม่ต้องรีบ ได้แค่ไหนแค่นั้น"
นารถนรินทร์อมยิ้ม นารถนรินทร์นึกว่าปานตะวันเลี่ยงตอบเพราะเขิน "แต่นารถว่า..พี่คินทร์คงไม่อยากให้นารถเดินได้เร็วนักหรอก"
"จริงค่ะ" ใบตองตอบ
ปานตะวันอึ้งแล้วก็เฉไฉ "แต่คุณวิทย์คงจะดีใจถ้าเห็นน้องนารถเดินได้นะคะ"
"โห..พี่ตะวัน มามุกนี้นารถก็คงจะงอแงไม่ได้แล้วแหละ เอ้า! เตะก็เตะค่ะ"
ปานตะวันช่วยประคองให้นารถนรินทร์ลอยตัวเพื่อจะเตะขา
"สลับซ้าย-ขวา รวม 20 ครั้งนะคะ" ปานตะวันบอก
นารถนรินทร์เบ้หน้า "โห...”
"เอ้า! เริ่มค่ะ..หนึ่ง สอง สาม สี่" ปานตะวันเริ่มคิดถึงนาคินทร์ "ห้า..หก"
ปานตะวันเหม่อ เธอนึกถึงตอนที่นาคินทร์บุกเข้าห้องแล้วจู่โจมจูบปานตะวัน นาคินทร์ชะงักเห็น ปานตะวันน้ำตาหยดก่อนจะถาม ‘ร้องทำไม? ผมถามว่าร้องไห้ทำไม?’
นาคินทร์ยัวะตะปบมือลงข้างที่นอน “โธ่เว๊ย!” แล้วผลุนผลันออกไป
ปานตะวันทรุดตัวปล่อยโฮที่ประตู
"พี่ตะวัน..พี่ตะวัน" นารถนรินทร์ดัง "พี่ตะวันคะ"
ปานตะวันสะดุ้งเฮือก "คะ? ว่าไงคะน้องนารถ?!”
"ครบ 20 รึยังอ่ะคะ?”
"เอ่อ.." ปานตะวันลืมนับ "เอ่อ.." ปานตะวันมั่ว "ครบแล้วค่ะ"
นารถนรินทร์ดีใจ "เย้!!”
เสียงอัครินทร์ดังขึ้น "ใครบอก?”
ทั้งสองคนหันไปเห็นอัครินทร์ยืนอยู่
นารถนรินทร์โวย "อะไร? พี่อัค?”
อัครินทร์เดินมาใกล้ "ก็ใครบอกว่าครบ 20 แล้ว?" อัครินทร์หันมองปานตะวันยิ้มๆ "แค่ 15 เอง"
ปานตะวันจ๋อย "เอ่อ..คือ..”
"พี่ตะวันเค้าบอกว่า 20 ก็ 20 สิ--20 แล้วใช่มั้ยคะพี่ตะวัน?” นารถนรินทร์ ถามกลับ
ปานตะวันจ๋อย "เอ่อ..พี่..”
นารถนรินทร์ถามใบตอง “20 ใช่มั้ยใบตอง?”
ใบตองสะดุ้งเพราะว่าเธอก็ไม่ได้นับ "เอ่อ..แฮ่ ใช่...รึเปล่าใบตองก็ไม่ทราบค่ะ"
นารถนรินทร์หงุดหงิด "ใบตองอ่ะ!!”
อัครินทร์ยิ้มก่อนจะยืนยัน “15 จริง ๆ พี่นับอยู่ตั้งแต่แรกเลย"
ปานตะวันหันขวับมองอัครินทร์
อัครินทร์อมยิ้มแล้วก็ถามทันที "ใจลอยคิดถึงใครอยู่เหรอครับ?”
"ปะ..เปล่านะคะ..ฉันเปล่า"
นารถนรินทร์ตาโตแล้วก็อมยิ้ม "จริงเหรอ?! พี่ตะวันใจลอยคิดถึงใครคะ? พี่คินทร์รึเปล่าคะ?”
ปานตะวันสะดุ้งอึ้ง "ไม่ใช่นะคะ!!”
อัครินทร์มองอาการปานตะวันก่อนจะเอ็ดน้องเบาๆ "ยัยนารถ..พูดอะไร"
"ทำไม? แค่นี้ก็ต้องดุด้วย" นารถนรินทร์นึกได้แล้วก็เหล่พี่ชาย "แน่ะ!! อย่าบอกนะว่า..แน้ๆ" นารถนรินทร์มองกลับไปกลับมาระหว่างปานตะวันกับอัครินทร์แล้วชูนิ้วส่ายไปส่ายมาเป็นเชิงห้ามก่อนจะพูดยิ้มๆ "ไม่ได้เด็ดขาดนะพี่อัค ห้ามแม้แต่จะคิด" นารถนรินทร์ยิ้ม "เดี๋ยวพี่คินเอาตาย น้องไม่ช่วยนะ"
อัครินทร์กับปานตะวันพูดพร้อมกัน "ยัยนารถ, น้องนารถ!”
ทั้งสองมองหน้ากัน ปานตะวันหลบตาไป
"พูดอะไรเพ้อเจ้อใหญ่แล้วเรา"
นารถนรินทร์ทำหน้าล้อ ๆ เถียงๆ "เพ้อเจ้อตรงไหน?”
"ใช่!! ยัยนารถพูดถูกแล้ว" นาคินทร์พูด
ทุกคนหันขวับก็เห็นนาคินทร์ยืนอยู่
"พีคินทร์!” อัครินทร์ตกใจ
นารถนรินทร์ดีใจและแซวออกมา "หมู่นี้พี่คินทร์กลับจากทำงานเร็วผิดปกตินะคะ"
นาคินทร์มองอัครินทร์ "ปกติคนไข้แกก็เยอะไม่ใช่เหรอนายอัค?”
บรรยากาศเริ่มมาคุมีแต่นารถนรินทร์ที่ไม่รู้สึกผิดปกติ สองพี่น้องจ้องตากัน ปานตะวันหวั่นใจ นาคินทร์หันไปมองปานตะวัน ปานตะวันเบือนหน้าหนี
ปานตะวันใส่ชุดคลุมเดินจ้ำ ๆ มา นาคินทร์เดินอย่างรวดเร็วมาคว้าข้อมือไว้
"ปล่อยนะ!!”
"ทำไม? จะรีบไปไหน?” นาคินทร์ถาม
ปานตะวันพยายามสะบัดมือ "ฉันบอกให้ปล่อย!”
"มีสิทธิ์อะไรมาสั่งผม?? ผมต่างหากที่มีสิทธิ์สั่งคุณ"
ปานตะวันชะงัก เธอจ้องหน้านาคินทร์อย่างไม่อยากเชื่อหู "คุณนาคินทร์.. ตกลงคุณเป็นคนยังไงกันแน่"
นาคินทร์จ้องตาด้วยสายตาเย้ยหยัน "แล้วคุณก็จะรู้" นาคินทร์กระชากเข้ามาใกล้ "อยากรู้ให้ลึกซึ้งมั้ยล่ะ?”
ปานตะวันฉวยโอกาสด้วยการผลักอกกระเด็นทันที "ปล่อย!!”
ปานตะวันวิ่งหนีไป
นาคินทร์มองตาม "ฉันปล่อยเธอแน่ แต่ก่อนจะถึงวันนั้น..ชีวิตเธอต้อง ‘พัง’ ก่อน..ปานตะวัน!”
ปานตะวันเปิดประตูผลัวะแล้วรีบล็อคห้อง เธอยืนด้วยความรู้สึกทั้งโกรธทั้งกลัวจนตัวสั่น ปานตะวันสะอื้นจนน้ำตาไหลแทบหมดเรี่ยวแรงอยู่ที่ประตู
ปานตะวันตัดพ้อ "นี่มันอะไรกัน คุณนาคินทร์ คุณเป็นใคร? คุณต้องการอะไรกันแน่?”
ทันใดนั้นมือถือดังขึ้นเป็นเสียง ประกายเดือนโทร.มา ปานตะวันรับอย่างรวดเร็ว
"ปานตะวันรีบพุ่งไปคว้ามือถือที่หัวเตียงทันที"
ปานตะวันปรับเสียงปรับอารมณ์ "ว่าไงเดือน?”
ประกายเดือนที่โต๊ะทำงาน KTK
ประกายเดือนพูดเสียงแจ่ม "ตะวั๊นนน!! คิดถึงจังเลย" ประกายเดือนชะงัก "เอ๊ะ! ตะวันเป็นหวัดเหรอ?”
ปานตะวันรีบควบคุมเสียง "อ๋อ..นิดหน่อยจ๊ะ ไม่เป็นไรมาก"
ประกายเดือนห่วง "ไปหาหมอมั้ย เค้านั่งแท๊กซี่ไปรับ"
ปานตะวันแกล้งหัวเราะ "นี่!! ลืมไปแล้วเหรอว่าพี่เป็นพยาบาล พี่ทานยาแล้วจ๊ะ"
"อ้าว..เออ..จริง!! แหม..คนเค้าเป็นห่วงนี่ว่าแต่คิดถึงตะวัน อยากเจอตะวันจังเลย ออกมาเจอกันมั่งได้มั้ย?”
"เพิ่งจะเริ่มงานได้ไม่เท่าไหร่ พี่ยังไม่อยากลางาน" ปานตะวันบอก
"เค้าขอท่านประธานให้เองเอามั้ย?” ประกายเดือนถาม
ปานตะวันลืมตัวจึงพูดเสียงแข็ง "อย่าไปยุ่งกับเค้า"
ประกายเดือนเอะใจ "มีอะไรรึเปล่าตะวัน?”
ปานตะวันรู้สึกตัว "อ๋อ..เปล่าจ๊ะ พี่ไม่อยากให้เดือนไปรบกวนเค้า"
"หู๊ย!! ท่านประธานใจดีที่สุดใน 3 โลก ขอแค่นี้มีเหรอจะไม่ให้" ประกายเดือน
ปานตะวันอึ้งไป "เดือน..ท่านประธานของเดือนเค้าใจดีจริง ๆ เหรอ?”
"ก็จริงสิ อ้าวแหม..ตะวันอยู่บ้านเดียวกะเค้าแท้ ๆ ทำเป็นมาถาม"
ปานตะวันอึ้งไป
"เอางี้!! ถ้าตะวันเกรงใจไม่อยากออกมา" ประกายเดือนบอก ปาริฉัตรเดินเข้ามาแล้วก็ชะงักเมื่อได้ยิน "ไว้เค้าจะขอท่านประธานไปหาที่บ้านเองละกัน" ประกายเดือนชะงักเมื่อหันมาเห็น ‘ปาริฉัตร’ ยืนหอบแฟ้มจ้องอยู่ตรงหน้า "แค่นี้ก่อนนะ..อากาศเริ่มเป็นพิษ..บาย"
ประกายเดือนวางหูแล้วก็เชิดหน้าถาม "มีอะไร?”
ปาริฉัตรโยนแฟ้มลงบนโต๊ะโครม "ให้ท่านรองฯ เซ็นต์ด้วย"
ประกายเดือนไม่พูดอะไร เธอหอบแฟ้มลุกขึ้น
"เดี๋ยว!!” ปาริฉัตรเรียกไว้
ประกายเดือนหันมามอง
ปาริฉัตรเขยิบมาใกล้ "จะแร่ดไปหาท่านประธานถึงที่บ้านเชียวเหรอแก?!”
ประกายเดือนGet ว่าปาริฉัตรแอบได้ยินก็ยั่วใส่ "อืมม์..ก็คนมันคิดถึง"
ปาริฉัตรทำตาโต "นังหน้าด้าน"
ประกายเดือนยื่นหน้าใส่ "เค้าเรียกว่าจริงใจ กล้าแสดงออกย่ะ ใครเค้าจะแร่ดแต่แอ๊บไว้อย่างหล่อนล่ะจ๊ะ มัวแต่แอ๊บก็อดกินกันพอดี..ฮิฮิ"
ปาริฉัตรเหลือทนจึงผลักประกายเดือนจนกระเด็น "อีบ้า!”
ประกายเดือนตกใจ "ว๊าย"
ประกายเดือนถลาไปพอดีกับนัครินทร์เปิดประตูออกมารับประกายเดือนไว้เต็ม ๆ ปาริฉัตรตกใจ
"เฮ้ยๆๆ..เกิดอะไรขึ้นฮะ?” นครินทร์ถาม
ปาริฉัตรถลามาห่วงใยประกายเดือนทันที "ไม่สบายรึเปล่าคะคุณเดือน ฉัตรบอกแล้วว่าฉัตรเอาแฟ้มเข้าไปให้ท่านรองฯเองก็ได้ คุณเดือนก็ไม่ยอม"
ประกายเดือนตกใจ "หา?”
"อ้าว! ไม่สบายเหรอฮะ? ให้ผมพาไปฉีดยามั้ยฮะ?” นัครินทร์ว่า
ประกายเดือนรีบผละออกจากอกนัครินทร์ทันที "บ้า!! ทะลึ่ง!!”
"เฮ้ย!! ทะลึ่งตรงไหน? ไม่สบายก็อุตส่าห์จะพาไปหาหมอ?”
ประกายเดือนเห็นสายตาจริงใจก็เบาลง "ขอโทษค่ะ.. ดิฉันไม่เป็นไรแล้วค่ะท่านรองฯ"
นัครินทร์ได้ที "ไม่ได้ ๆ เซโรงัง ซะขนาดนี้ ถ้าไม่สบายก็คง" นัครินทร์นึกได้ก็ชี้หน้าเดือน "หิวข้าว!" นัครินทร์ปิ๊งไอเดียก็ดีดนิ้วเปาะ "งั้นถ้าไม่ไป รพ.หาหมอ ผมก็ต้องพาคุณไปทานข้าว"
ปาริฉัตรทำตาโต
ประกายเดือนมองอาการปาริฉัตรแล้วก็แกล้งยั่ว "ก็อยากจะไปอยู่นะคะ แต่จะไปไหนก็คงจะไม่ได้ทั้งนั้นแหละค่ะท่านรองฯ เพราะดิฉันคิดว่าดิฉันอาจจะต้องมีนัดสำคัญที่บ้านเพื่อนซักนิ้ดนึง!”
ปาริฉัตรหันขวับไปมองตาแทบถลน
"เพื่อนคนไหนจะสำคัญไปกว่าผม?” นัครินทร์บอก
"อย่ารู้เลยค่ะ..รู้แล้วจะ" ประกายเดือนเหล่ปาริฉัตร "ขนลุก!!”
ปาริฉัตรแทบจะกัดลิ้นตาย
"นี่ตกลง ‘เพื่อน’ หรือ ‘ผี’ กันแน่ห๊ะ..คุณ?”
ประกายเดือนอมยิ้มไม่ตอบ เธอมองยั่วปาริฉัตรที่โกรธมากแต่โวยไม่ได้ นัครินทร์งง ๆ ประกายเดือนสะใจ
สาวิตรีลุกพรวดขึ้นมานั่งด้วยท่าทางตกใจ
"จริงเหรอ นังตอง?” สาวิตรีตกใจ
ใบตองนวดขาสาวิตรีอยู่
"จริงเจ้าค่ะคุณผู้หญิง ใบตองเห็นเต็ม 2 ลูกกะตา ได้ยินก้อง 2 รูหู คุณนาคินทร์หึงคุณตะวันแน่ ๆ เจ้าค่ะ"
สาวิตรีอมยิ้ม "พี่คินของแม่ เจอรักแท้ครั้งใหม่แล้วจริง ๆ ด้วย"
"แต่แหม.." ใบตองใส่อารมณ์ "หึงใครไม่หึง ดั๊นมาหึงคุณอัค น้องชายตัวเองนี่นะเจ้าคะ" ใบตองบีบแรง "หึ๊ย!!”
"โอ๊ย!! ขาฉันจะหักแล้วนังใบตอง" สาวิตรี
ใบตองพนมมือแต้ "ขอประทานโทษเจ้าค่ะ..ก็ใบตองไม่อยากเห็นพี่น้องทะเลาะกันนี่เจ้าคะ"
"ทะเลาะ?? พี่น้องทะเลาะกันเชียวเหรอ? นี่แกเม้าท์รึเปล่าห๊า?” สาวิตรี
"ก็..ก็.." ใบตองไม่แน่ใจเหมือนกัน
"นังขี้เม้าท์!! บอกแล้วไง มีอะไรให้มารายงาน มาเล่า ไม่ใช่ให้มาเม้าท์ ใส่ใข่ให้ฉันฟัง" สาวิตรีภูมิใจ "พี่น้องบ้านนี้เค้ารักกันยังกะอะไรดี ฉันเลี้ยงของฉันมากับมือมีรึจะไม่รู้" สาวิตรีแว๊ด "นี่!! ต่อไป..รายงานอย่างเดียว ห้ามใส่ไข่ เข้าใจมั้ย?”
ใบตองจ๋อย "เจ้าค่ะ"
"นวดต่อ!" สาวิตรีเอนตัวลงนอนอย่างสบายอารมณ์
ใบตองนวด ๆ แล้วปากก็บ่นอุบอิบไปเรื่อย
อ่านต่อหน้าที่ 2
เสน่หาสัญญาแค้น ตอนที่ 8 (ต่อ)
นาคินทร์นั่งชิวอยู่ อัครินทร์เดินมาหา
"พี่คินครับ..”
นาคินทร์สวนโดยไม่มองหน้า "ทำไมวันนี้แกถึงอยู่บ้านได้?!”
อัครินทร์อึ้งงง "อ้าว..ผมก็มีวันหยุด"
นาคินทร์จ้องหน้าสวน "ร้อยวันพันปีฉันไม่เคยเห็นแกหยุดงาน ปกติแกมันบ้างานยังกะอะไรดี แล้วทำไมเดี๋ยวนี้ถึงริอ่านจะหยุดงาน"
อัครินทร์ถอนใจเซ็งๆ "พี่คินกำลังคิดว่าผมหยุดงานเพราะคุณตะวัน?”
นาคินทร์จ้องตา "แล้วมันใช่มั้ยล่ะ?”
อัครินทร์จะเถียง "พี่คิน..จริง ๆ แล้วผม"
นาคินทร์สวนทันทีแล้วลุกขึ้นประจันหน้า "ฉันสั่งแกแล้วใช่มั้ย?ว่าห้ามยุ่งกับปานตะวัน"
"ผมไม่ได้..”
นาคินทร์สวนลั่น "แกจะยุ่งกับผู้หญิงเป็นร้อยเป็นพันฉันไม่สน แต่ผู้หญิงคนเดียวที่แกห้ามยุ่ง ก็คือผู้หญิงที่ชื่อปานตะวัน" นาคินทร์เสียงดังลั่น "จำไว้"
พูดจบนาคินทร์ก็เดินพรวดออกไปทันที
อัครินทร์มองตามแล้วก็ส่ายหน้า "พี่คิน?”
ปานตะวันที่อยู่ในชุดใหม่เดินออกมาจากห้องแล้วปิดประตูก่อนจะหันมาเจอนาคินทร์ยืนอยู่ในระยะประชิด
ปานตะวันตกใจ "คุณ..”
นาคินทร์รีบเอามือปิดปากแล้วก็ดันปานตะวันหลังชิดประตู "เมื่อไหร่จะเลิกหว่านเสน่ห์ใส่นายอัคซะที?”
ปานตะวันอู้อี้พยายามจะเถียงแต่ก็ถูกปิดปากแน่น
"ผมเคยบอกแล้วใช่มั้ยว่าผมไม่ชอบ!”
ปานตะวันพยายามดิ้น
"และผมก็เคยบอกแล้วใช่มั้ยว่า วันเวลานับจากนี้ชีวิตที่เหลืออยู่ของคุณ คุณต้องยกให้ผม" นาคินทร์ย้ำ "ชีวิตคุณเป็นของผม คุณเป็นผู้หญิงของผม ปานตะวัน"
ปานตะวันหยุดดิ้นแล้วก็อึ้ง เธอจ้องตานาคินทร์อย่างไม่พอใจสุด ๆ นาคินทร์จ้องตอบก่อนจะปล่อยมือออกแล้วเดินไป
ปานตะวันเรียก "คุณนาคินทร์!!”
นาคินทร์ชะงัก
ปานตะวันน้ำเสียงเข้มแข็ง "เงินเดือน ๆ ละหนึ่งแสน โบนัสพิเศษเป็นคอนโดฯ 1 ห้อง กับเงินอีก 5 ล้าน มันไม่ได้หมายความว่าฉันจะต้องยอมยกชีวิตทั้งชีวิตของฉันให้กับคุณ"
นาคินทร์ค่อย ๆ หันมามองปานตะวัน
"ที่สำคัญ ฉันเซ็นต์สัญญากับคุณแค่ 1 ปี" ปานตะวันย้ำ “1 ปีเท่านั้น!!”
นาคินทร์มองด้วยสายตาที่คล้ายจะถามว่า ‘แล้วไง?’
"ฉันสัญญาค่ะ..ว่าฉันจะไม่ทำให้คุณต้องรอถึง 1 ปี ฉันจะพยายามอย่างสุดความสามารถที่จะทำให้คุณนารถเดินได้อย่างเร็วที่สุด สัญญาระหว่างเรามันจะได้สิ้นสุดลงซะที"
นาคินทร์อึ้ง
ปานตะวันพรวดออกไปทันที นาคินทร์อึ้งแล้วค่อย ๆ เปลี่ยนเป็นส่ายหน้า "ไม่มีทาง..อย่าหวังว่าสัญญาระหว่างเรามันจะสิ้นสุดลงง่าย ๆ อย่างนั้นเลย..ปานตะวัน"
ใบตองทรุดลงนั่งแล้วรายงานด้วยเสียงเจื้อยแจ้ว
"คุณผู้ชายไม่อยู่ออกไปตีกอล์ฟ คุณผู้หญิงก็ไม่อยู่ออกไปกินโต๊ะแชร์ค่ะ ส่วนคุณ..”
แพรวพรรณรายนั่งฟังอยู่
แพรวพรรณรายแทรก "เดี๋ยว ๆ" แพรวพรรณรายขำ "สรุปว่ามีใครอยู่บ้างล่ะจ๊ะใบตอง"
"อ๋อ..ก็..”
อัครินทร์โผล่มา
"แล้วคุณมาหาใครล่ะครับ?”
แพรวพรรณรายหันขวับ สะดุ้งเฮือก เธอเผลอเอามือตะปบปากตัวเองที่เคยโดนจูบ "แย่แล้ว"
ใบตองแจ๋ แล้วก็ทำตาวาวเพราะอยากเห็นเขากุ๊กกิ๊กกัน "นี่ล่ะค่ะ ก็มีคุณอัคอยู่ แล้วก็มีคุณ..”
"จะไปทำอะไรก็ไปเถอะใบตอง เดี๋ยวฉันรับแขกให้เอง"
แพรวพรรณรายสะดุ้ง
"แต่ว่า..” ใบตองอึกอัก
อัครินทร์ทำเสียงหน่าย ๆ "ปายย"
ใบตองเซ็ง "เจ้าค่ะ..ไปก็ได้"
ใบตองจำใจออกไปด้วยสายตาสอดแนมและเสียดายสุดฤทธิ์
อัครินทร์รอจนใบตองออกไปแล้วก็หันมามองแพรวพรรณราย "ว่าไงครับ? ตกลงว่ามาหาใคร?”
แพรวพรรณรายสะดุ้ง "แล้วมันธุระอะไรของคุณ?”
"อ้าว..ไม่ใช่ธุระของผมหรอกเหรอ? ไอ้เราก็นึกว่า ‘ติดใจ’ จนต้องตามมาให้ผมทำ ‘ธุระ’ ให้อีกซักที 2 ทีซะอีก?”
แพรวพรรณรายตาโต เธอนึกถึงตอนที่อัครินทร์จูบปากเธอ เมื่อนึกถึงเหตุการณ์นั้นเธอก็สะดุ้งหลับตาปี๋
"ว้าย!!! ฉันไม่ได้มาหาคุณซะหน่อย ฉันมาหาเพื่อนฉัน ฉันมาหาตะวัน!”
"อ๋อ.." อัครินทร์ก้มหน้าเข้ามาใกล้ "สรุปว่าเลิกไล่ตามผมแล้ว?”
แพรวพรรณรายเขยิบหนี
อัครินทร์ยิ้มๆ "ตอนนี้กำลังจะวิ่งหนีผมแทน"
แพรวพรรณรายเป็นสาวมั่นได้ยินก็ขึ้นเลย "ใคร? ใครวิ่งหนี? ผู้หญิงอย่างพิงค์-พราวพรรณราย ไม่เคยกลัวใครหน้าไหนทั้งนั้น!”
อัครินทร์ยื่นหน้าเข้ามาใกล้ "จริงเหรอ?”
แพรวพรรณรายอึ้งและหวิว ๆ
"ไม่กลัวใครแล้วทำไมต้องตัวสั่น ปากสั่นซะขนาดนั้น?” อัครินทร์
แพรวพรรณรายเผลอตะปบปากตัวเองว่าสั่นจริงเหรอวะ อัครินทร์ขำ ๆ
แพรวพรรณรายไม่รู้จะว่ายังไง "บ้า!!! ตกลงตะวันอยู่รึเปล่า? ไม่อยู่ฉันจะได้กลับ"
"ใจเย็น.. คุณตะวันอยู่ครับ เดี๋ยวผมให้ใบตองไปตามมาให้ รออยู่นี่นะ อย่ากลัวจนหนีกลับซะก่อนล่ะ" ยิ้ม ๆ เดินออกไป
"บ้า!!" จับปากตัวเองพึมพำ "อีตาบ้า!”
แพรวพรรณรายกับปานตะวันเดินคุยกันมา แพรวพรรณรายมองไปรอบๆ บ้าน
"บ้านเค้าน่าอยู่ดีเนอะ..ตะวันว่ามั้ย?” แพรวพรรณรายถาม
ปานตะวันอึ้งแล้วก็ตอบรับไปงั้นๆ "อือ..”
แพรวพรรณรายชะงักแล้วก็หยุดเดิน "อ้าว..ไงเนี่ย?! เสียงเหมือนไม่น่าอยู่?”
ปานตะวันเฉไฉ "ก็..เปล่า..ไม่ได้พูดซักหน่อย"
แพรวพรรณรายท้าวเอว "ยังไงย้า?! นี่ถ้าเป็นเพื่อนนะ ได้มาอยู่ในบ้านผู้ชาย ทั้งหล่อ ทั้งรวย ทั้งสุภาพและแสนดีอย่างคุณนาคินทร์ ไกรตระกูล นะ..ว๊าว! ทำงานให้ฟรี ๆ ไม่คิดตังค์ซักกะบาท"
ปานตะวันทำหน้าอึ้งแบบไม่ได้อินด้วยเลยซักนิด
"ที่สำคัญนะ นอกจากจะกายภาพบำบัดให้น้องสาวแล้วยังจะแถมให้พี่ชายเป็นพิเศษอีกด้วย ฮิ ๆ"
"บ้าใหญ่แล้วยัยพิงค์" ปานตะวันเปลี่ยนเรื่อง "ว่าแต่มีอะไรรึเปล่าถึงได้มาหาเราถึงนี่"
"เปล๊าา..ก็เพื่อนคิดถึงง"
"คิดถึงใคร?? คิดถึงคุณอัครินทร์เหรอ?” ปานตะวันถาม
"บ้า!! ตะวันอ่ะ!! ใครจะไปคิดถึงอีตาหมอซาดิสท์นั่น"
"อะไรกัน?? วันก่อนยังเป็น ‘คุณหมอหล่อโฮก’ อยู่เลย ทำไมวันนี้กลายเป็น ‘อีตาหมอซาดิสท์ ‘ไปแล้วล่ะ’?! เกิดอะไรขึ้น บอกมาเดี๋ยวนี้"
แพรวพรรณรายหลบตา "บ้า!! เกิดอะไร้? ไม่ได้เกิ๊ด"
"เสียงสูงมากนะ..ผิดปกตินะ?”
แพรวพรรณรายทำเสียงสูงหนัก "บ๊าาา!! เอ๊ย" แพรวพรรณรายพยายามทำปกติ "บ้า!" แพรวพรรณรายเฉไฉ "ตะวันแหละ.. อยู่นี่เป็นไง โอเคป่ะ?!”
"ก็.." ปานตะวันหลบตา "โอเค"
"หลบตานะ..ผิดปกตินะ?”
ปานตะวันทำเนียนจ้องตา "อ่ะ.." ปานตะวันย้ำ "โอเค!”
แพรวพรรณรายมองตาแล้วก็ชะงัก "เฮ้ย!! ทำไมตาช้ำ ๆ อย่างนี้ล่ะ?”
แพรวพรรณรายจ้องตาปานตะวันที่มีร่องรอยซ้ำจากการร้องไห้
"ร้องไห้มาเหรอ? ทำไม? ใครทำอะไรตะวัน..บอกเพื่อนมาเดี่ยวนี้"
ปานตะวันพยายามหลบ "เปล่า..ไม่มีอะไร..ไม่มีใครทำอะไรเราหรอก"
แพรวพรรณรายจ้อง "แน่ใจ?" แพรวพรรณายส่ายหน้าไม่เชื่อ "ต้องเป็นอีตาหมอซาดิสท์นั่นแน่ ๆ ใช่มั้ย?! เพราะเป็นไปไม่ได้ที่จะเป็นคุณนาคินทร์--สุภาพบุรุษแสนดีซะขนาดนั้น..เป็นไปไมได้!”
ปานตะวันอึ้งแล้วก็ยิ่งสะท้อนใจ
"เพื่อนจะไปลุยเดี๋ยวนี้" แพรวพรรณรายจะเดินออก
ปานตะวันคว้าไว้ "พิงค์!! ไม่มีใครทำอะไรเราจริง ๆ เราแค่นอนน้อยไปหน่อย"
"จริงเหรอ?!”
ปานตะวันยักหน้ายืนยัน
แพรวพรรณรายถอนใจ "ถ้างั้นเอานี่" แพรวพรรรรายควักตลับยาเล็ก ๆ ขึ้นมาจากกระเป๋า "ทารอบดวงตาทุกเช้า-ก่อนนอน รับรองใสเด้งแบ๊ว"
ปานตะวันอดยิ้มขำเพื่อนไม่ได้
"เอ๊า!! ทำไมยะ?!! เรื่องบิวตี้วิ๊ง ๆ ต้องยกให้หมอพิงค์-พราวพรรณราย คนนี้คนเดียวเท่านั้น!! ไม่เชื่อดูหน้าหมอ" พรรณรายชี้หน้าตัวเองที่เด้งแบ๊วมาก
ปานตะวันยิ้มสดชื่นขึ้น "เชื่อจะเชื่อ..วิ๊งขนาดนี้ไม่เชื่อไม่ได้แล้ว"
"ถูก" แพรวพรรรรายเอาตลับยาใส่มือเพื่อนแล้วกุมมือไว้ "ตะวัน.. เราเป็นเพื่อนกันมา 10 กว่าปี แล้วก็ยังจะเป็นตลอดไป"
ปานตะวันอึ้ง
"ไม่ว่าจะสุขหรือทุกข์ ตะวันก็ยังมีเพื่อนคนนี้อยู่ข้าง ๆ เสมอ..โอเค้?”
ปานตะวันซึ้ง ทั้งสองโผเข้ากอดกัน
ปานตะวันผละออก "ขอบใจพิงค์มาก..ขอบใจมาก"
แพรวพรรณรายทำเป็นถอนใจเฮือก "แต่เอาจริง ๆ นะ.. ณ จุดนี้คนที่น่าห่วงไม่ใช่ตะวันหรอก น่าจะเป็นเพื่อนนี่ล่ะมากกว่า"
"อ้าว..ทำไมล่ะ?! พิงค์มีเรื่องอะไรไม่สบายใจเหรอ?”
"จะเรื่องอะไร้--ถ้าไม่ใช่เรื่อง ‘ผู้ชาย’?”
"โธ่..พิงค์อ่ะ!”
"เอ๊า! ก็จริงป่ะล่ะ ผู้หญิงอย่างเรา เรื่องอะไรจะมาทำให้จิ๊ดใจได้เท่ากับเรื่องผู้ชาย เฮ้อ! จนป่านนี้เพื่อนยังไม่โป๊ะเช๊ะกับใครซักคน ส่วนตะวันน่ะ เพื่อนไม่ห่วงแล้ว..คุณนาคินทร์น่ะโป๊ะเช๊ะที่สุด"
ปานตะวันอึ้ง
เสียงนาคินทร์ดังขึ้น "นินทาอะไรผมอยู่ครับ?”
สองคนหันขวับไปเห็นนาคินทร์ยืนอยู่ ปานตะวันสะดุ้งสุดตัว
"โห..ใครจะกล้านินทาคะ สุดหล่อและแสนดีอย่างคุณนาคินทร์มีแต่จะต้องสรรเสริญซิคะจริงมั้ย ตะวัน?”
ปานตะวันอึ้งไม่ตอบ
นาคินทร์ยิ้ม "อ้าว..ไม่ตอบอย่างนี้หมายความว่ายังไงครับ" นาคินทร์พูดกับแพรวพรรณราย "สงสัยผมคงจะไม่ใช่ผู้ชายแสนดีอย่างที่คุณพิงค์คิดซะแล้ว"
ปานตะวันมอง นาคินทร์ยิ้มให้คล้ายจะถามว่าจริงมั้ย?
"โห่..ถ้าอย่างคุณนาคินทร์ไม่แสนดี ผู้ชายในโลกนี้ก็คงจะห่วยกันหมดล่ะค่ะ ฮิฮิ..จริงมั้ย ตะวัน"
ปานตะวันอึดอัด
นาคินทร์มองปานตะวันแล้วก็ยิ้ม ๆ
"คุณพิงค์นี่น่ารักมากนะครับ สมกับเป็นเพื่อนคุณตะวัน"
แพรวพรรณรายตาโต "โห..อวยกันอย่างนี้พิงค์ก็เขินแย่สิคะคุณนาคินทร์"
"ไม่ได้อวยครับ ผมพูดเรื่องจริง"
"งั้นพิงค์ก็พูดจริงค่ะ..คุณนาคินทร์น่ารักมากจริง ๆ"
นาคินทร์เลิกคิ้ว "น่ารัก?" นาคินทร์มองปานตะวัน "ไม่รู้จะรักรึเปล่า?”
ปานตะวันอึ้ง
"โอย ๆๆ..คนเค้าจะจีบกันแล้วจ้า!! เราควรจะกลับบ้านดีกว่ามั้ยจ๊า"
ปานตะวันทำเสียงดุแล้วก็รีบดึงไว้ "พิงค์!!! พูดอะไร??? ยังไม่ให้กลับ"
นาคินทร์ยิ้ม "อยู่ทานข้าวเย็นกันก่อนสิครับ"
"ไม่ดีมั๊งค้าาาา ไม่อยากจะอยู่เป็น กขค." แพรวพรรณรายแกล้งไอ "แค่ก ๆๆ.. เห็นมั้ยคะ..ติดคอขึ้นมาทันทีเลย ถ้าอยู่ต่อสงสัยจะไม่ดี งั้นพิงค์กลับก่อนนะคะคุณนาคินทร์" แพรวพรรณรายพูดกับปานตะวัน "กินข้าวเย็นให้อร่อยนะจ๊ะเพื่อน บ๊ายบาย ไปละ..สวัสดีค่ะ"
แพรวพรรณรายพูดจบก็เผ่นทันที
ปานตะวันร้องเรียก "พิงค์ ๆๆๆ..ยัยพิงค์!" ปานตะวันถอนหายใจเฮือกก่อนจะหันมาเจอนาคินทร์มองอยู่ก็จะเดินออก
นาคินทร์คว้าข้อมือเธอเอาไว้ "จะไปไหน?? ผมยังยืนอยู่นี่"
"ก็เชิญคุณยืนไปสิคะ เกี่ยวอะไรกับฉัน?”
นาคินทร์ดึงตัวปานตะวันมาโอบไว้ "เกี่ยวสิทำไมจะไม่เกี่ยว"
"ปล่อยฉันนะคุณนาคินทร์"
"ไม่ปล่อย..ผมมันน่ารังเกียจอะไรนักหนาไม่ได้ยินเพื่อนคุณบอกเหรอว่าผมเป็นผู้ชายที่แสนดีขนาดไหน"
ปานตะวันมองหน้า "แสนดี?”
"ทำไม? สงสัย? ไม่เชื่อ? อยากพิสูจน์มั้ยล่ะ?”
นาคินทร์ก้มหน้าเข้าไปหาเหมือนจะจูบ ปานตะวันตกใจมาก ทันใดนั้นใบตองก็โผล่มาซะก่อน
"อาหารเย็นพร้อมแล้ว.." ใบตองเห็นภาพตรงหน้าก็ตกใจ "ว๊าย!! อกใบตองจะแตก"
ทั้งสองหันขวับ ใบตองปิดตาแล้วโบกไม้โบกมือ
"มะ..มะ..มะ..ไม่เห็นค่ะไม่เห็น ใบตองไม่เห็น แค่จะมาบอกว่า อะ..อะ..อาหารเย็นไม่ต้องกินแล้ว เอ๊ย! อาหารเย็นพร้อมแล้วเจ้าค่ะ"
ใบตองพูดจบก็วิ่งจู๊ดออกไปทันที ปานตะวันถือโอกาสผลักนาคินทร์ออกแล้ววิ่งตามไปด้วย นาคินทร์ยิ้มอย่างผู้เหนือกว่า
อ่านต่อหน้าที่ 2
เสน่หาสัญญาแค้น ตอนที่ 8 (ต่อ)
แพรวพรรณรายเดินมาเจออัครินทร์ที่กำลังหยิบจับว่านห่างจระเข้ ดอกอัญชัน ฯลฯ ในกระถางอยู่ก็ชะงัก แล้วตัดสินใจจะเปลี่ยนเส้นทาง
"ถ้าจะกลับบ้านก็ต้องออกทางนี้ทางเดียวล่ะครับ"
แพรวพรรณรายชะงักว่าจะเอาไงดี
"หรือไม่อยากกลับ? ติดใจอยากอยู่บ้านเดียวกับผม?”
"อยากตายล่ะ!!”
อัครินทร์ขำ ๆ แล้วก็ถามดี ๆ "ทำไมรีบกลับล่ะครับ ไม่อยู่ทานข้าวเย็นด้วยกันก่อน"
"ก็อยากอยู่หรอก แต่กลัวจะเป็น กขค. ตะวันกับคุณนาคินทร์เค้าน่ะสิ"
อัครินทร์อึ้งไปเล็กน้อย
แพรวพรรณรายกวนทันที "นี่ถ้าเป็นไปได้นะ ฉันอยากจะจับคุณตรวจดีเอ็นเอพิสูจน์ว่าคุณกับคุณนาคินทร์เป็นพี่น้องกันจริงรึเปล่า เพราะคุณนาคินทร์เค้าแสนจะสุภาพบุรุษเรียบร้อย..ไม่เหมือนคุณ"
"ยังไง? ไม่เหมือนยังไง?”
"ก็.." แพรวพรรณรายนึกแล้วก็ชักกลัวจะโดนจูบ
"คุณนี่ก็แปลกนะ ไอ้ตอนผมสุภาพเรียบร้อย คุณก็หาว่าผมเป็นเกย์ แต่พอโดนผมจูบก็โกรธผมอีก"
ใบตองผ่านมาได้ยินคำว่า ‘จูบ’ ก็สะดุ้งโหยง
แพรวพรรณรายสะดุ้งก่อนจะเอามือแตะปากแล้วแว๊ดใส่ "อยู่ ๆ โดนจูบอย่างนี้ไม่โกรธก็บ้าแล้วย่ะ?!”
ใบตองแน่นอกจนจะเป็นลม
"อ้าว! นึกว่าชอบ" อัครินทร์ว่า
แพรวพรรณรายสะดุ้ง "หึ้ย"
อัครินทร์พูดขำ ๆ "วันหลังก็อย่าเที่ยวไปสงสัยว่าใครเค้าเกย์ ไม่เกย์อีกล่ะ เดี๋ยวจะโดนอีก"
อัครินทร์พูดจบก็เดินออกไปปล่อยให้แพรวพรรณรายโกรธฮึดฮัดก่อนจะเดินออกไป
ใบตองพูดกับตัวเอง "แร้ง!! แซบ!! ยิ่งกว่าในละครซะอีกใบตองเอ๋ยยย พี่ก็จูบ น้องก็จูบ แอร๊ย"
จานข้าวผัดถูกวางตรงหน้าประกายเดือนที่กำลังนั่งมองจานข้าว ประกายเดือนนึกถึงเมื่อครั้งที่อยู่ด้วยกัน 2 คนพี่น้อง ตอนที่ทำกับข้าวกัน ตอนที่นอนคุยกัน ฯลฯ ประกายเดือนถอนใจเฮือกอย่างเหงา ๆ เพราะคิดถึงพี่ นัครินทร์ขับรถมาเพลิน ๆ เขาเห็นประกายเดือนนั่งอยู่ก็จอดรถเทียบแล้วลงมาทันที
ประกายเดือนบ่นอุบ "โอย..จะกินข้าวอร่อยมั้ยเนี่ย?”
นัครินทร์เดินมานั่งร่วมโต๊ะ "อ้าว!! ไหนบอกจะไปบ้านเพื่อนไงฮะ?" นัครินทร์มองไปที่คนขาย "เพื่อนขายข้าวผัดเหรอฮะ?”
ประกายเดือนขำประชด "ฮิ ๆๆ ฮ่า ๆ" ประกายเดือนพูดใส่หน้า "ตลก!!”
"เอ๊า!! ตลกก็ยังดีกว่าคนโกหก ไม่อยากไปทานข้าวกับผมก็ควรจะบอกตรง ๆ ไม่เห็นต้องโกหกว่าจะไปบ้านเพื่อน"
ประกายเดือนพูดลอย ๆ "หืมม์..ทำยังกะพูดตรงนักนี่ กะล่อนยังกะอะไรดี"
"คุณว่าใครกะล่อนฮะ?”
"เก๊าะ..ว่าไปเรื่อยอ่ะค่ะ ใครอยากรับก็รับไป"
"อ้าวเฮ๊ย! มีงี้ด้วยแฮะ?”
"อ้อ! ดิฉันไม่ได้โกหกท่านรองฯนะคะ ดิฉันตั้งใจจะไปหาตะวันจริง ๆ"
"ใครฮะ..ตะวัน?" นัครินทร์เหล่ "กิ๊กอีกล่ะสิ?”
"กิ๊กที่ไหนล่ะคะ..พี่สาวดิฉันเอง" ประกายเดือนนึกได้ "เอ๊ะ! นี่ท่านรองฯ ไม่รู้จักตะวันเหรอคะ?”
"ไม่รู้..ทำไมผมจะต้องรู้ด้วยล่ะ"
ประกายเดือนงง "อ้าว..ก็..”
มือถือของนัครินทร์ดังขึ้น นัครินทร์ทำมือให้ประกายเดือนหยุดพูดก่อน
นัครินทร์พูดโทรศัพท์ "โอเค.ฮะ" นัครินทร์เซ็ง "ทราบแล้วฮะ..ใจเย็นฮะแม่..อ่ะ! เดี๋ยวนี้ก็เดี๋ยวนี้ฮะ แค่นี้นะฮะ" นัครินทร์วางหูแล้วพูดกับประกายเดือน "ผมต้องไปก่อน" นัครินทร์ลุกขึ้นก่อนจะชะงักแล้วหันมาพูด "จำไว้นะเป็นเลขาฯท่านรองฯนัครินทร์ต้องไม่มานั่งกินข้าวริมถนน" นัครินทร์สั่ง "ต่อไปต้องไปกินข้าวกับผม" นัครินทร์พูดจบก็เดินบ่นขึ้นรถไป "แหม้!! เสียชื่อท่านรองฯหมด"
ประกายเดือนมองตามนัครินทร์ที่ออกรถไป "จะบ้ารึเปล่า?? เป็นเลขาฯ ท่านรองฯ แล้วไงยะ?? แหวะ!”
ประกายเดือนตักข้าวเคี้ยวกิน
"อร่อยจะตาย..เชอะ!”
สาวิตรีทิ้งตัวลงนั่งอย่างงอน ๆ
"เห็นมั้ย..จนป่านนี้ตานัคก็ยังไม่ยอมโผล่มา ไหนบอกแม่ว่าจะมาเดี๋ยวนี้ ๆ ดูซิ..ขนมเค้กสูตรใหม่ล่าสุดของแม่เซ็งแย่แล้ว"
"เอาน่า..มันคงจะรถติดอยู่ที่ไหนล่ะน่า" ทวยเทพว่า
"ติดอยู่บ้านผู้หญิงน่ะสิ" สาวิตรีตัดพ้อ
"มา..เดี๋ยวผมชิมก่อนเลยนะครับ" อัครินทร์อวย "หน้าตาน่ากินมาก อดใจไม่ไหว"
สาวิตรีอารมณ์ดีขึ้น "แหม..ลูกหมอของแม่น่ารักที่สุดมาจ๊ะ..แม่ป้อน"
สาวิตรีตัดเค้กป้อนอัครินทร์ จู่ๆ นัครินทร์ก็โผล่มาแซว
"โห..ไอ้ลูกแหง่ให้แม่ป้อนข้าวอีกแล้ว"
"ไม่ต้องเลยตานัค มาช้าแล้วยังจะปากดี แล้วนี่ก็ขนมเค้กย่ะ..ไม่ใช่ข้าว อ้อ! ขนมเค้กสูตรใหม่--อร่อยด้วยย่ะ!!”
"โชคดีที่มาช้า" นัครินทร์ก้มลงพูดใกล้ ๆ น้อง "ไอ้หมอชิมไป..พี่รอดตัว!!”
"อะไรนะ..ว่าอะไรนะ?” สาวิตรีไม่พอใจ
นัครินทร์รีบปฏิเสธ "เปล่าฮะ..ไม่ได้ว่าอะไรฮะ..อ้าว! ไหนแม่ชวนมากินข้าวไง ไหนล่ะฮะข้าว?”
"มาช้าซะขนาดนี้ใครเค้าจะรอ เค้าทานกันอิ่มแล้ว" นารถนรินทร์บอก
"โห!! หิวจนไส้จะขาด" นัครินทร์บอก
"งั้นใบตองตั้งโต๊ะให้นะคะ"
"ดีมาก!!”
สาวิตรีรีบค้าน "ไม่ต้องย่ะ!! แกต้องนั่งดูละครกับชั้น วันนี้ตอนอวสานซะด้วย"
ใบตองคันปากมาก "หูย!! นอกจอแซบกว่าเยอะค่ะคุณผู้หญิง"
"แกว่าไงนะ?” สาวิตรีสงสัย
ใบตองเห็นทุกคน โดยเฉพาะอัครินทร์มองก็เลยพูดมั่ว "เอ่อ..ปะเปล่าค่ะ ใบตองว่าจะหาอะไรแซบ ๆ ให้คุณนัคทานนะค่ะ"
"ไม่ต้อง!! ให้ตานัคมันไปหากินเอาเองในครัว อยากมาช้าสมน้ำหน้า"
"โห!! แม่โหดอ่ะ"
"ใครโหดกันแน่ ลูกอะไรทิ้งแม่ ไม่มาหาแม่เป็นเดือน..ใจดำ!!” สาวิตรีว่า
"แหม..ก็งานมันยุ่งอีรุงตุงนัง" นัครินทร์บอก
"ถ้าจะยุ่งขนาดนั้น คงไม่ใช่งานแระ..สงสัยจะผู้หญิงมากกว่า"
"ขอบใจยัยนารถ ปากว่างก็กินขนมเค้กดีกว่านะ"
นัครินทร์หยิบขนมเค้กใส่ปากน้องเพื่อแกล้ง นารถนรินทร์โวยวาย
นัครินทร์ชอบใจ "ฮ่า ๆ ไปละ..ไปหาอะไรกินดีกว่า" นัครินทร์วิ่งจู๊ดออกไป
สาวิตรีบ่นนัครินทร์ นารถนรินทร์โวยวาย ส่วนอัครินทร์ขำ
ปานตะวันกำลังเทไข่เจียวลงกะทะ สักพักนัครินทร์ก็เดินเข้ามาแล้วก็ชะงัก
นัครินทร์พูดเบา ๆ "ใครวะ?”
นัครินทร์มองปานตะวันที่หันหลังอยู่หัวจรดเท้า
นัครินทร์ตาวาวก่อนจะพูดเบาๆ "เฮ้ย..หุ่นเซียะโคตร ๆ"
นัครินทร์ตาวาวด้วยความตื่นเต้นก่อนจะค่อย ๆ ก้าวเข้ามาหาปานตะวัน ทันใดนั้นปานตะวันก็หันหน้ากลับมาปะเข้าจึงตกใจร้องลั่นพร้อมตวัดไข่เจียวในกะทะกระเด็นไปโปะหน้านัครินทร์เต็ม ๆ ไข่เจียวค่อย ๆ ไหลตกลงมา
นัครินทร์กับปานตะวันตกใจมาก
นัครินทร์ถือผ้าห่อน้ำแข็งประคบหน้า ส่วนอีกมือนึงก็ลากนาคินทร์มาคุยด้วย
"นี่มันอะไรกันฮะพี่คิน พี่คินทำอย่างนี้ไม่ถูกนะฮะ"
นาคินทร์ย้อนถาม "ฉันทำอะไรไม่ถูก?”
"ก็การที่พี่คินรับพยาบาลหน้าตาดีหุ่นเซียะขนาดนี้มาไว้ในบ้านโดยไม่บอกผมซักคำ มันไม่ถูกต้อง!”
นาคินทร์อึ้งและไม่พอใจ
นัครินทร์พูดต่อ "เมื่อก่อนเห็นรับแต่พยาบาลแก่ ๆ เหี่ยว ๆ นี่ถ้ารู้ว่าเดี๋ยวนี้มีพยาบาลสวยเซียะอย่างนี้ ผมจะกลับมากินข้าวบ้านทุกวันเลย"
นาคินทร์เอาจริง "นายนัค!! ในโลกนี้ถ้าแกอยากจะยุ่งกับผู้หญิงคนไหนฉันไม่สน แต่คนเดียวที่ฉันห้ามแกยุ่งเด็ดขาดก็คือ..ผู้หญิงคนนี้"
"เฮ่ย!! ทำไมล่ะฮะ ทำไมผมจะยุ่งไม่ได้" นัครินทร์นึกได้ "เฮ้ย!! หรือว่า..อย่าบอกนะว่าพี่คิน"
นาคินทร์สวน "ถ้าแกไม่ทำตามคำสั่งฉัน..ฉันเอาจริง!" นาคินทร์เดินออกไป
นัครินทร์มองตาม "อะไรว้า....โห..เสียดายฉิบเป๋ง!!" นัครินทร์แสบร้อนหน้าจึงประคบน้ำแข็งต่อไป
นาคินทร์นั่งหน้ามึนอยู่ เขานึกถึงตอนที่นัครินทร์พูดว่า ‘นี่ถ้ารู้ว่าเดี๋ยวนี้มีพยาบาลสวยเซียะอย่างนี้ ผมจะกลับมากินข้าวบ้านทุกวันเลย’
นาคินทร์นึกถึงตอนที่ปานตะวันปล่อยโฮแล้วอัครินทร์ดึงปานตะวันมากอดปลอบใจ แสงไฟสูงรถนาคินทร์เปิดใส่ ทั้งสองคนสะดุ้งเฮือก นาคินทร์ลงมายืนจ้อง ทั้งสองคนเรียก “พี่คิน/คุณนาคินทร์”
นาคินทร์ลุกออกไปอย่างเคืองๆ
ปานตะวันห่มผ้าให้นารถนรินทร์ นารถนรินทร์ขำกิ๊ก
"สมน้ำหน้าพี่นัค พี่ตะวันนี่แม่นมาก ๆ เลยนะคะ โปะไข่เจียวได้เต็มหน้าพี่นัคเป๊ะ ๆ เลย"
ปานตะวันกลุ้มใจ "โธ่! น้องนารถ..ป่านนี้คุณนัคจะหายโกรธพี่รึยังก็ไม่รู้"
"คนสวย ๆ อย่างพี่ตะวัน พี่นัคไม่มีทางโกรธหรอกค่ะ"
ปานตะวันยังกลุ้มอยู่ "ไม่ใช่เรื่องเล่น ๆ เลยนะคะ ไข่เจียวก็ร้อนมากด้วย"
นารถนรินทร์ยิ่งขำก๊าก "นั่นแหละค่ะ..สะใจนารถสุดๆ"
ปานตะวันส่ายหน้า "นอนเถอะค่ะ พรุ่งนี้จะตื่นมาใส่บาตรแต่เช้าไม่ใช่เหรอคะ?”
"ค่ะ ๆๆ..เร่งจัง..ก็คนมันขำ" นารถนรินทร์ขำต่อ
"นอนนะคะ"
"กู๊ดไนท์ค่ะ"
ปานตะวันยิ้มให้ ก่อนจะปิดไฟ แล้วเดินออกไปจากห้อง
ปานตะวันปิดประตูห้องหันหน้ากลับมาป๊ะกับนาคินทร์เข้าเต็ม ๆ
"คุณนาคินทร์!”
นาคินทร์ไม่พูดพล่ามทำเพลง เขากระชากปานตะวันมาเข้าห้องนอนปานตะวันแล้วปิดประตูผลัวะ
ปานตะวันพยายามดิ้น นาคินทร์ล็อคประตู
"ปล่อยนะ!! บอกให้ปล่อย"
นาคินทร์ล็อคประตูเสร็จก็หันมารวบตัวปานตะวันไว้แน่น ปานตะวันดิ้นจนทั้งคู่ล้มโครมลงบนเตียงนอน
นาคินทร์จ้องหน้า "เสน่ห์แรงนักเหรอ"
"คุณ..คุณเมานะคะ คุณนาคินทร์"
"นายอัคคนเดียวยังไม่พอ คิดจะหว่านเสน่ห์ใส่นายนัคอีกคน"
"ฉัน..ฉันไม่ได้ทำอะไรนะคะ ฉันไม่เคยคิด..”
นาคินทร์สวน "คิดสิ..คิดแน่ ๆ..คนอย่างเธอมันต้องคิดแน่ ๆ"
"ไม่จริงนะคะ..ไม่จริง"
"จริง!! เธอมันผู้หญิงใจร้าย"
"คุณพูดอะไร..ฉันไปใจร้ายอะไร กับใคร ตอนไหน"
นาคินทร์จ้องหน้าปานตะวันคล้ายจะบอกว่าเนียนมากนะ
"เคยรู้บ้างมั้ย..ว่าความเจ็บปวดมันเป็นยังไง?”
ปานตะวันกลัว "คุณนาคินทร์..”
"ไม่เคยรู้ ก็รู้ จะได้รู้ซะที"
นาคินทร์จะซุกไซร้ปานตะวัน
ปานตะวันกลัวมาก "อย่าค่ะ..คุณนาคินทร์..อย่า!”
ทันใดนั้นเสียงนารถนรินทร์จากอินเตอร์คอมฯ ก็ดังขึ้น
"พี่ตะวันคะ..พี่ตะวัน"
"คุณนารถ!!”
นาคินทร์ชะงัก ปานตะวันได้โอกาสผลักนาคินทร์อย่างแรงแล้วก็วิ่งไปเปิดประตูก่อนจะวิ่งออกจากห้องไปนาคินทร์จำใจต้องยอม
อ่านต่อหน้าที่ 4
เสน่หาสัญญาแค้น ตอนที่ 8 (ต่อ)
ปานตะวันวิ่งออกมาตัวซีดตัวสั่นหยุดยืนอยู่หน้าห้องนารถนรินทร์เพื่อสงบสติอารมณ์ก่อนจะเปิดประตูเข้าห้องแล้วเดินไปหาที่เตียง
"คะ..น้องนารถ? เป็นอะไรรึเปล่าคะ?”
นารถนรินทร์อมยิ้ม "ทำไมต้องหน้าซีดขนาดนั้นด้วยคะ?”
ปานตะวันเผลอเอามือแตะหน้าแล้วก็ทำสีหน้ามีพิรุธ
"ขอโทษนะคะที่ทำให้พี่ตะวันตกใจ"
"มะ..ไม่ใช่หรอกค่ะ..ว่าแต่น้องนารถมีอะไรคะ?”
นารถนรินทร์อมยิ้มแล้วทำตาวิบวับ "มีสิคะ..นารถมีอะไรจะอวดพี่ตะวัน"
นารถนรินทร์ค่อย ๆ ดึงผ้าห่มออกแล้วค่อย ๆ ยกขาท่า Straight leg Raiseโชว์ปานตะวันช้า ๆ ทีละข้างด้วยตัวเองโดยไม่ต้องให้ปานตะวันช่วย
ปานตะวันเห็นก็อึ้ง ทึ่ง และดีใจมาก นารถนรินทร์ทำได้ 4 ครั้งก็ชักจะไม่ไหว
ปานตะวันดีใจ "พอแล้วค่ะพอแล้ว น้องนารถเก่งค่ะ..เก่งมาก"
นารถนรินทร์โผเข้ากอดปานตะวันแน่น
นารถนรินทร์ผละออกแล้วพูด "พี่ตะวันต้องสัญญานะคะว่าจะเก็บเรื่องนี้ไว้เป็นความลับสุดยอด อย่าบอกใครแม้แต่คนเดียว" นารถนรินทร์ทำดวงตาวิบวับ "นารถจะลุกขึ้นเดินให้ทุกคนดูในวันแต่งงาน ทุกคนจะต้องเซอร์ไพรส์สุด ๆ" นารถนรินทร์หันไปมองรูปคู่ที่หัวเตียง "โดยเฉพาะพี่วิทย์ของนารถ"
ปานตะวันยิ้มชื่นใจไปกับความหวังของนารถนรินทร์
นารถนรินทร์พูด "สัญญานะคะ?”
"ค่ะ..พี่สัญญา"
"ขอบคุณนะคะพี่ตะวัน อ้อ! แล้วพี่ตะวันก็ต้องสัญญากับนารถด้วยนะว่าจะอยู่กับนารถไม่ทิ้งนารถไปไหน"
ปานตะวันอึ้ง
“..นะคะ?”
ปานตะวันไม่ตอบ เธอได้แต่ฝืนยิ้มให้นารถนรินทร์
เช้าวันใหม่ สาวิตรีเตรียมอาหารใส่บาตรอยู่กับทวยเทพและใบตอง ปานตะวันเข็นรถนารถนรินทร์เดินเข้ามา
"นารถ!!ตะวัน!" สาวิตรีกวักมือเรียก "มาเร็วลูกจ๋า..วันนี้เมนูเด็ดฝีมือแม่ล้วน ๆ เลย มี.." สาวิตรีพูดชื่อกับข้าวที่เตรียมใส่บาตรที่วางเรียงอยู่ พอถึงปาท่องโก๋เธอก็ชะงัก "เอ๊ะ..มายังไง? ปาท่องโก๋นี่มายังไง"
"แฮ่.." ใบตองสารภาพ "ของใบตองเองเจ้าค่ะ"
"มาแนวไหนของแกห๊า..นังตอง? ปาท่องโก๋?”
"เก๊าะ..แหม..หมู่นี้เห็นใคร ๆ เค้าก็.." ใบตองทำมือคู่กันเอานิ้วชี้ 2 ข้างมาประกบ ๆ ชน ๆ กัน "ใบตองก็อยากมีคู่กะเค้ามั่งอ่ะค่ะ"
"เว่อร์รที่สุดอ่ะนังตอง ชาตินี้แกไม่ต้องมีคู่กะใครเค้าหรอกอยู่อบขนม ทำกับข้าว ดูละครแล้วก็นวดให้ฉันอย่างนี้แหละดีแล้ว"
"โห..คุณผู้หญิงขา..ใจคอ!!” ใบตองตัดพ้อ
นารถนรินทร์ขำ "นี่..ว่าแต่ที่บอกเห็นใคร ๆ เค้า.." นารถนรินร์ทำนิ้วชนกันเลียนแบบใบตอง "กันน่ะ หมายถึงใครเหรอใบตอง?”
นารถนรินทร์แอบเหล่ปานตะวัน
ใบตองทำดวงตาวิบวับ "ก็แหม..ก็..เก๊าะ..วุ๊ย!! มันแน่นอก" ใบตองชะงักเห็นนาคินทร์เดินตรงมาก็ยิ้มแล้วมองปานตะวันมีเลศนัย "โน่นค่ะ..คุณนาคินทร์มาแล้ว"
ทุกคนหันไปมอง ปานตะวันสะดุ้งเฮือกก่อนจะเบือนหน้าหนีไปอีกทาง
"ไง!! ตาคิน มาใส่บาตรด้วยกันสิ" ทวยเทพชวน
สาวิตรีมองใบตองแล้วหัวเราะคิกคัก "จริง ๆ ด้วย พี่คินไม่ได้ใส่บาตรกับแม่นานแล้วนะลูก ตื่นปุ๊บก็ไปทำงานปั๊บ แหม..วันนี้ได้ใส่บาตรร่วมกัน" สาวิตรีมองปานตะวัน "แม่ดีใจที่สุด"
นาคินทร์มองปานตะวันแล้วยิ้มน้อย ๆ
"ผมก็ดีใจมากครับ"
ปานตะวันอึดอัด "เอ่อ..ตะวันขอตัวดีกว่านะคะ"
นาคินทร์มอง
"อ้าว!! ทำไมล่ะจ๊ะหนูตะวัน ไม่สบายรึเปล่า?” สาวิตรีถาม
ใบตองสังเกต "นั่นสิคะ..ดูหน้าซีด ๆ นะคะ"
"เปล่าค่ะ ตะวันไม่ได้เป็นอะไรค่ะ"
"พระมาแล้วแม่"
พระเดินมา ทวยเทพพูด "นิมนต์ครับหลวงพ่อ"
ทุกคนหยุดสนทนาแล้วตั้งหน้าตั้งตาใส่บาตร นาคินทร์กับปานตะวันจะหยิบของชิ้นเดียวกัน กองเชียร์แอบอมยิ้ม ใบตองตั้งอกตั้งใจยกปาท่องโก๋ขึ้นอธิษฐาน จนกระทั่งเสร็จทุกขั้นตอน
สาวิตรีพูดกับทวยเทพ "ปิติ อิ่มบุญจริง ๆ นะจ๊ะพ่อ วันหลังเราออกมาใส่บาตรด้วยกันอย่างนี้อีกนะจ๊ะ จะได้เกิดมาเป็นเนื้อคู่กันทุกชาติ"
ทวยเทพแกล้งทำหน้าแหย ๆ "เหรอ? ทุกชาติเลยเหรอ?”
"แหม..พ่ออ่ะ!! ต้องทุกชาติสิ"
ทุกคนขำ ๆ ยกเว้นปานตะวัน
นาคินทร์พูดกับปานตะวัน "วันหลังเราใส่บาตรร่วมกันอย่างนี้อีกนะครับ"
ปานตะวันอึ้ง
ทุกคนมองแล้วก็อมยิ้ม
ใบตองสังเกตุเห็น "อุ่ย..คุณตะวันหน้าซีดใหญ่เลยค่ะ"
นาคินทร์เอามือแตะหน้าผากปานตะวันทันที "ไม่สบายรึเปล่าครับ"
ปานตะวันรีบเบี่ยงออก "เปล่าค่ะ"
"แม่ว่าพี่คินพาไปหาหมอซะหน่อยดีมั้ย?” สาวิตรีบอก
"ตะวันไม่ได้เป็นอะไรจริง ๆ ค่ะ" ปานตะวันบอก
นาคินทร์แอบกัด "เมื่อคืนนอนน้อยรึเปล่าครับ?”
ปานตะวันสะดุ้งแล้วก็เบือนหน้าไม่ตอบ
"นั่นสิ..มัวแต่ดูแลยัยนารถ พักผ่อนไม่พอละมั้ง?” ทวยเทพสรุป
สาวิตรีได้ที "จริงด้วย แม่ว่าหนูตะวันดูเหนื่อย ๆ นะจ๊ะ ตั้งแต่มาอยู่ที่นี่ก็ไม่เคยหยุดพักเลย ถ้าจะให้ดี พี่คินน่าจะพาหนูตะวันไปเที่ยวพักผ่อนซะบ้างนะจ๊ะ"
ปานตะวันรีบพูด "ไม่เป็นไรค่ะ ตะวันไม่เหนื่อยเลยค่ะ"
"แต่นารถเห็นด้วยกับคุณพ่อคุณแม่นะคะ พี่ตะวันดูแลนารถซะจนไม่ได้พักผ่อน นี่ถ้านารถพาพี่ตะวันไปเที่ยวเองได้นารถก็จะพาไปแล้ว งั้นคงต้องขอให้พี่คินช่วยพาพี่ตะวันไปเที่ยวแทนได้มั้ยคะถือว่าเป็นการไถ่โทษที่นารถเป็นต้นเหตุให้พี่ตะวันเหนื่อยนะคะ"
ปานตะวันอึดอัดมาก "น้องนารถคะ..คือพี่..”
ทุกคนพูดพร้อมกันยกเว้นนาคินทร์ "นะคะ, นะลูก"
ปานตะวันอึ้ง นาคินทร์ยิ้มกริ่มแต่ปานตะวันเครียด
นาคินทร์ขับรถแล่นมาจนกระทั่งรถติด นาคินทร์มองปานตะวันที่นั่งหน้ามุ่ยและมีท่าทางอึดอัด
"นี่ถ้าไม่ใช่ผม แต่เป็นนายอัคหรือนายนัค คุณจะทำหน้าตาอย่างนี้มั้ย?”
ปานตะวันมองแล้วพูดกวน "ทำยังไงคะ?”
"ก็ทำหน้าตาเบื่อโลกอย่างที่คุณทำอยู่น่ะสิ" นาคินทร์ผลักกระจกส่องหน้าให้ดู "อ่ะ! ดูซะ"
ปานตะวันมองหน้าตัวเองในกระจก "จริงด้วยค่ะ..ก็โลกมันน่าเบื่อ"
นาคินทร์มองปานตะวันคิดในใจว่าเธอร้ายไม่ใช่เล่น เขาพยักหน้าหงึก ๆ "จริง..น่าเบื่อมากแต่โลกของคุณ..ถึงจะน่าเบื่อยังไง ก็คงจะไม่น่าเบื่อเท่ากับโลกของผม"
ปานตะวันปรายตามองที่เขาพูดจาแปลก ๆ
นาคินทร์มองถนนที่รถติดแล้วบ่น ๆ "รถติดเป็นบ้า"
ปานตะวันแอบดีใจ "นั่นสิคะ..ติดมาก ติดยาวเลย ถ้างั้นเรากลับกันดีมั้ยคะ เสียเวลาเปล่า ๆ"
นาคินทร์มองปานตะวันอย่างรู้ทัน ก่อนจะบอก "โอเค.ผมเปลี่ยนใจแล้ว"
ปานตะวันดีใจยิ่งกว่าถูกหวย นาคินทร์ยูเทริ์นรถกลับไปอีกทางทันที
นาคินทร์ขับรถพุ่งเข้ามาจอดเอี๊ยดที่สนามบิน
ปานตะวันงงมาก "อะไรกันคะคุณนาคินทร์"
นาคินทร์ทำหน้าเหนือมาก
ปานตะวันมองไปรอบ ๆ ด้วยอาการตกใจ "ที่นี่มัน...”
ปานตะวันตกใจมาก "นี่คุณจะทำอะไรของคุณ..คุณนาคินทร์?”
"ทำไมต้องทำหน้าตายังกะโดนผีหลอกอย่างนั้นด้วย"
ปานตะวันสวน "คุณนั่นแหละหลอก! เมื่อกี้คุณบอกฉันว่าจะกลับบ้าน"
"ผมบอกคุณตอนไหน? เมื่อกี้ผมบอกว่าผมเปลี่ยนใจแล้วต่างหาก"
ปานตะวันอึ้ง "เปลี่ยนใจ?”
"ใช่!! ก็รถมันติด ผมก็เลยเปลี่ยนใจ"
ปานตะวันยิ่งอึ้ง "อะไรนะ?" ปานตะวันหันไปมองเครื่องบิน "นี่อย่าบอกนะว่า...”
นาคินทร์ถอดเบลท์ตัวเองทันทีแล้วลงไปเปิดประตูด้านปานตะวัน เขาปลดเบลท์ของปานตะวันแล้วคว้าข้อมือเธอ
"ลงมา!!”
ปานตะวันขัดขืน "ไม่นะ!! คุณนาคินทร์!! ปล่อยนะ!! ฉันไม่ไป!! ฉันไม่ไป!!”
นาคินทร์ไม่พูดพล่ามทำเพลง เขาอุ้มปานตะวันเดินลิ่ว ๆ ไปขึ้นเครื่องบินทันที
นาคินทร์อุ้มปานตะวันเดินมาหย่อนโครมลงบนเก้าอี้ในเครื่อง
ปานตะวันเด้งตัวขึ้น "ฉันบอกว่าฉันไม่ไป!”
นาคินทร์ผลักปานตะวันให้นั่งลงจนหลังติดพนักพิง "ต้องไป!!”
นาคินทร์จับปานตะวันรัดเบลท์ ปานตะวันดิ้นและโวยวายลั่น
"ปล่อยฉันนะ!! คุณจะบ้ารึไง?? คุณเป็นบ้าไปแล้วเหรอคุณนาคินทร์!”
นาคินทร์ไม่สนใจ เขาลงไปนั่งข้างปานตะวันแล้วคาดเบลท์ให้
ปานตะวันโวยวาย "คุณจะพาฉันไปไหน?? ฉันไม่ไปนะ!! ฉันไม่ไป" ปานตะวันเริ่มสะอื้น "ฉันจะกลับบ้าน"
นาคินทร์สะใจ นักบินเริ่มทำการบิน
Printer กำลัง print ภาพนาคินทร์ใส่สูทผูกไทอย่างเป็นทางการออกมา ปาริฉัตรยืนมองอยู่ เธอค่อย ๆ หยิบรูปเจ้านายขึ้นมามองแล้วลูบไล้อย่างรักใคร่ ประกายเดือนเดินมาด้านหลังแล้วก็ชะงักกึก เธอค่อย ๆ ย่องมาดูก็เห็นปาริฉัตรยังเคลิ้มในขณะที่ Printer ก็ยัง print ต่อไปเรื่อยๆ
"น่าสงสารจริง ๆ ได้แต่หลงรูปจูบกระดาษ" ประกายเดือนว่า
ปาริฉัตรสะดุ้งแล้วหันขวับ "อะไร แกว่าใคร?”
"แน้!! ยังจะถาม นี่!! จะบอกให้นะ ของจริงน่ะ..หอมมาก"
ปาริฉัตรว่า "นังบ้า!!!”
ปาริฉัตรพุ่งเข้าจะผลักประกายเดือนแต่ประกายเดือนหลบได้ทำให้ปาริฉัตรจับกบ
ประกายเดือนขำ "อืมม์..ก็น่าเห็นใจอยู่ เพราะหมู่นี้เจ้านายเธออู้งานบ่อย เลขาฯอย่างเธอก็คงจะเหงาหน่อยนะ แหม..บังเอิญฉันเองก็ยุ่ง ไม่มีเวลามาตบกับเธอเล่น เอาไว้วันหลังละกันนะจ๊ะ" ประกายเดือนหยิบรูปทั้งปึกจาก Printer มาส่งให้ "วันนี้กอดจูบลูบไล้เจ้านายบนกระดาษแก้เหงาไปก่อนละกัน ฮิ ๆๆ" ประกายเดือนเดินเชิดออกไป
"อีบ้า!!" ปาริฉัตรเงื้อปึกรูปจะขว้าง "นังบ้า!!" ปาริฉัตรชะงักเพราะไม่อยากขว้างรูปนาคินทร์ ฮึดฮัดก่อนจะเอามาจ้องมองด้วยสายตาน้อยใจ "คุณไปไหนคะ..ท่านประธาน..ตอนนี้คุณไปอยู่ที่ไหน คุณไปอยู่กับใคร??”
ปานตะวันที่ยังหน้าบึ้งหันมามองนาคินทร์ก่อนจะอ้าปากพูด นาคินทร์รีบสวมหูแกล้งหลับ ปานตะวันเซ็ง จึงฮึดฮัดแล้วหันออกไปมองนอกหน้าต่าง นาคินทร์แอบลืมตามองแล้วยิ้มมุมปาก ปานตะวันถอนใจเฮือกอย่างยอมรับชะตากรรม เธอนั่งมองทิวทัศน์เบื้องล่าง นาคินทร์แอบมองปานตะวันที่สวยมาก ๆ จนแอบเคลิ้มไป ปานตะวันรู้สึกตัวก็หันขวับมา นาคินทร์รีบหลับตาลงทันที ปานตะวันเคืองสะบัดหน้าหนีไป สุดท้ายนาคินทร์ก็ค่อย ๆ ลืมตามองปานตะวันแล้วยิ้มเย็น
"กนกครับ..พี่คินกำลังจะแก้แค้นให้กนก..กนกจะไม่ต้องรอคอยอีกต่อไปแล้วนะครับ ทุกอย่างมันกำลังจะจบลงแล้ว"
นาคินทร์มองปานตะวันที่ไม่รู้ชะตากรรมว่าอะไรกำลังรอเธออยู่ข้างหน้า
อ่านต่อตอนที่ 9