ดงดอกงิ้ว ตอนที่ 11
ทันทีที่เห็นไอวี่เดินเข้ามหาวิทยาลัยมา ป้อม ก็รีบวิ่งเข้ามาทักทายด้วยความดีใจ
“ พี่ไอวี่”
ไอวี่ยิ้มให้
“ไง ไม่เจอกันเลยนะเรา”
“ผมก็อยู่มอตลอดแหละครับ พี่นั่นแหละไม่ค่อยมาเรียนเลย”
“พอดีงานเยอะน่ะ ไม่ค่อยว่างเลย”
“ถึงจะงานเยอะผมก็อยากให้พี่แบ่งเวลามาเรียนบ้างนะครับ อีกนิดเดียวเดี๋ยวก็จบแล้ว “
ป้อมไม่วายเป็นห่วง
“คนมันต้องดิ้นรนทำงานหาเงินเอง ก็ต้องเลือกเงินก่อน ไม่ต้องเป็นห่วงฉันหรอก”
“แต่ถ้าพี่ไม่ตั้งใจทำเกรดดีๆ สิ่งที่พี่ทำมาอาจจะสูญก็ได้นะ เรียนมาตั้งนานผมไม่อยากให้พี่โดนไทร์”
ป้อมพูดน้ำเสียงจริงจัง ไอวี่เริ่มหงุดหงิด
“เทศน์อีกละ ไม่สูญเปล่าหรอก ฉันรอดมาจนป่านนี้แล้ว ทำไมฉันจะเอาตัวรอดต่อไม่ได้”
“ผมหวังดีนะ ผมอยากให้พี่จบพร้อมผม ถ้าผมช่วยได้ก็จะช่วย”
“ขอบใจที่หวังดีนะ แต่ถ้าฉันจะต้องออกจากมหา’ลัยจริง ฉันคงไม่ได้ออกเพราะเกรดมันแย่ แต่เพราะฉันไม่มีเงิน ถอยไปได้แล้วฉันจะไปเรียน”
ไอวี่กระแทกเสียงใส่ป้อมแล้วเดินหนีไป
สาธรนั่งทำงานอยู่ในห้อง พลันเสียงเคาะประตู ก็ดังขึ้น
“เข้ามาเลยครับผม”
ศึกรบเปิดประตูเข้ามา สาธรแปลกใจ รีบลุกไปหา
“เฮ้ย อะไรดลใจให้บอสใหญ่โรงแรมอัญเชิญตัวเองมาหาฉันได้วะเนี่ย ปกติต้องขึ้นไปหาอย่างเดียวนะครับ”
“อยากมาหาเพื่อนบ้างไงไอ้ธร แปลกตรงไหนวะ” ศึกรบย้อนถาม
“แปลกสิครับ” สาธรทำหน้าล้อเลียน “ปกติถ้าไม่ตรงกลับบ้านหาเมีย ก็ออกไปกับใครไม่รู้ ไอ้เพื่อนอย่างผมนี่ไม่ได้อยู่ในสายตาหรอก”
“อย่าพูดงั้นสิวะ ก็มาแล้วนี่ไง”
“แสดงว่า ในสองช้อยส์ที่กล่าวไป มันต้องมีปัญหาแน่ ใช่ไหมวะเพื่อน”
ศึกรบ ถอนหายใจ “เออ”
“ขอเดา ฉันว่าแกยังไม่ดีกับเมียแน่ๆ”
ศึกรบพยักหน้า
“ปิ๊งป่อง ถูกต้องนะคร้าบ แหม เดาได้อย่างกับมีญาณทิพย์”
“ไม่ตลกเลยไอ้ธร” ศึกรบไม่ขำด้วย
“ก็ไม่ได้กะให้มันตลกอยู่แล้ว แล้วตอนนี้เป็นยังไง รายงานสถานการณ์มาซิ”
ศึกรบถอนหายใจ
“เข้าหน้าไม่ติดเลย ทั้งๆ ที่ฉันก็ตามใจเขาทุกอย่างแล้วนะเว้ย บอกเลิกระรินให้เขาก็ทำมาแล้ว ยังหาว่าฉันไม่เต็มใจทำแล้วมาโกรธอีก จนปัญญาแล้วว่ะ”
สาธรเดินมาตบบ่าศึกรบเป็นเชิงปลอบ
“เอาน่า เดี๋ยวก็หาย ผู้หญิงใดในโลกก็แพ้ลูกตื๊อ ง้อไปเรื่อยๆ เดี๋ยวก็หาย”
ไอวี่เดินมาตามทางในมหาวิทยาลัย เจอแก๊ง 3 สาวไฮโซ เข้ามาทัก
“เฮ้ย ไอวี่ หายหน้าไปนานเลย ไม่ค่อยเห็น งานคงชุกล่ะสิ” แทมทักขึ้นเป็นคนแรก
ไอวี่ ทำหน้าเซ็ง “อืม งานยุ่งนิดหน่อยน่ะ”
“งานเยอะก็เงินแยะ คงมัวไปโชว์ตัวหาเงินอยู่ ขยันจังนะเพื่อนเรา” เมเม่แซว
ไอวี่ทำเริ่มรำคาญ ทำท่าจะเดินหนี แก๊ง 3 สาวทำหน้าเหยียดยิ้ม เหลือบมองที่กระเป๋าถือของไอวี่
“อ้าว ทำงานหาเงินได้เยอะทำไมยังถือรุ่นนี้อยู่ล่ะ มันตกรุ่นแล้วนะเธอ ไม่รู้เหรอ”
แองจี้ทำเสียงเยาะ
“สงสัยยังขยันไม่พอ ต้องถีบตัวเองอีกหน่อยนะจ๊ะ จะได้ซื้อรุ่นใหม่มาถือแบบพวกเราไง”
ไอวี่ชักโกรธ แต่ก็ปรับสีหน้าให้ปกติ ยิ้มยั่วกลับไป
“อ๋อ ไม่ล่ะ ฉันกำลังสั่งซื้อรุ่นลิมิเต็ดอยู่ แบบที่พวกเธอถืออยู่น่ะ ใครก็มีได้ เห็นถือซ้ำกันเต็มไปหมด เหมาโหลมาหรือเปล่าเนี่ย”
3 ไฮโซชักสีหน้า
“อ๋อใช่ แดดดี้ไปฝรั่งเศสทีไรก็เหมาโหลมาแจกลูกกับเพื่อนๆ ตลอด เพราะรู้ว่าพวกเราหิ้วแป๊บเดียวก็เบื่อแล้ว”
เมเม่พูดพลางหันไปพนักเพยิดกับเพื่อนๆ แองจี้ หันมาทางกับไอวี่
“ ของไอวี่นี่ดีนะ ไม่ต้องรอพ่อแม่ซื้อให้ หาเงินใช้เองน่าภูมิใจจัง เป็นฉันนะไม่ไหวหรอกทำงานไปเรียนไป”
แทมช่วยเสริม “คุณพ่อคุณแม่เธอไม่ยอมให้เธอไปปากกัดตีนถีบหรอกแองจี้”
“นั่นสิ ไอวี่นี่เก่งอ่ะ ปากก็กัดตีนก็ถีบเมื่อยแย่เลย” เมเม่ทำเสียงเยาะเต็มที่
ไอวี่เม้มปากอย่างเจ็บใจ
“ฉันปากกัดตีนถีบหาเงิน ไม่ได้หาเรื่องคนอื่น แต่บางทีก็อาจจะถีบพวกปากหมาชอบกัดหาเรื่องบ้าง ก็ได้”
3 สาวไฮโซไม่พอใจ
“พูดอย่างนี้อยากมีเรื่องเหรอ”
-จากนั้นก็เดินเข้ามาใกล้ เตรียมจะรุม ไอวี่ตั้งท่าสู้เต็มที่
“เข้ามาสิวะ อีพวกไฮโซเหมาโหล”
-แต่ยังไม่ทันที่ใครจะจยับตัวทำอะไร เปรี้ยวก็เดินข้ามาพอดี
“ไอวี่เพื่อนรัก อยู่นี่เอง รีบไปเรียนเถอะ”
“เดี๋ยวเรียนเสร็จแล้ว แกช่วยพาฉันไปดูกระเป๋ารุ่นลิมิเต็ดหน่อยนะเปรี้ยว”
พูดพลางปรายตาไปเย้ย 3 สาวไฮโซ
“จัดไป” จากนั้นก็รีบฉุดไอวี่ทันที
3 สาวไฮโซหงุดหงิด มองตามอย่างขัดใจ
“ไม่อยากกินข้าวบ้านว่ะ กลับไปเมียก็ไม่คุยด้วย อึดอัดจะตายแล้ว แกพาฉันไปกินข้าวปลอบใจหน่อยสิวะ”
ศึกรบทำหน้าเซ็ง
“เฮ้ย เอาจริงดิ” สาธรแทบไม่เชื่อหู
“จริงดิวะ”
“น่าสงสารว่ะเพื่อน แต่ทำไงดีเนี่ย ฉันมีนัดกับเด็กเย็นนี้น่ะสิ”
ศึกรบหน้าเหี่ยว“งั้นตามสบายเถอะ ฉันไม่กวนละ”
พลางทำท่าจะกลับห้อง สาธรเห็นใจ เลยเรียกไว้
“เดี๋ยว จะรีบไปไหน”
“อ้าว แกมีนัดไม่ใช่รึไง”
“ฉันนัดเจอเด็กฉัน แต่น้องเขาใจกว้าง พาผู้ใหญ่ใจสปอร์ตไปอีกซักคนคงไม่เป็นปัญหามั้ง แค่เลี้ยงน้องเขานิดหน่อยก็โอแล้ว ว่าไง”
ศึกรบยิ้มออก สาธรตบบ่าประมาณว่าเข้าใจกัน
ไอวี่กับเปรี้ยวเรียนเสร็จ ก็เดินคุยกันออกมาจากห้อง
“ตั้งแต่โดนแคนเซิลงานวันนั้น ยังไม่มีเจ้าอื่นติดต่องานฉันเข้ามาเลยว่ะเปรี้ยว ฉันจะทำไงเนี่ย จะเอาเงินที่ไหนลงทะเบียน เฮ้อ”
เปรี้ยวมองไปที่กระเป๋าแบรนด์เนมที่ไอวี่ถืออยู่
“ก็นังหลุยส์นี่ไง ขายไปซะสิ ซื้อมาหลายหมื่นไม่ใช่เหรอ สภาพยังดี ราคาคงลงไม่เท่าไหร่มั้ง”
ไอวี่กอดกระเป๋าเอาไว้แน่น
“ไม่ได้ ขายไม่ได้นะ มันเป็นหน้าตาฉันไม่ให้ยัยพวกไฮโซมันดูถูกฉัน ฉันทำใจขายไม่ลง”
เปรี้ยว ส่ายหน้า
“งั้นก็ไม่ต้องจ่ายแล้วละค่าทงค่าเทอม หิวก็ต้มกระเป๋ากินเอาแล้วกันนะ”
“ไม่ช่วยแล้วยังซ้ำเติมอีก คนอะไร”
“แล้วใครว่าจะไม่ช่วยเล่า อุตส่าห์แนะนำให้ไปสมัครที่โรงแรมคุณป๋าฉันแล้วไง ยังไม่ไปอีกเหรอ”
ไอวี่ทำท่าเหมือนนึกขึ้นได้
“ก็ฉันด้นปฏิเสธอีตาฝ่ายบุคคลชีกอไปแล้วน่ะสิ ทำไงดี ฉันอยากกลับไปสมัครอีกครั้ง แกช่วยฉัน หน่อยสิ”
“ตกลงแกจะเอายังไงกันแน่? เดี๋ยวเอาเดี๋ยวไม่เอา” เปรี้ยวเริ่มงง
“ฉันเปลี่ยนใจละ คราวนี้เป้าหมายฉันคือเจ้าของโรงแรมไฮโซสุดเท่คนนั้น ฉันจะควงไปเย้ยนังระรินให้ได้ คอยดูสิ”
ไอวี่พูดอย่างมุ่งมั่น
“แล้วแกจะกลับไปขอร้องไอ้หัวงูนั่นอีกเหรอ”
“แกช่วยฉันหน่อยสิ”
สู่ขวัญกลับมาบ้านพร้อมมีนา พลางทำหน้าเซ็ง เมื่อมองไม่เห็นศึกรบ
“วันนี้มีอะไรทานบ้างคะพี่พร มีนาไม่ได้ทานอาหารฝีมือพี่พรมานานแล้วค่ะ”
มีนาทักพรที่เดินเข้ามาต้อนรับ
“พรทำแกงเขียวหวานไก่ของโปรดคุณมีนาไว้ด้วยค่ะ” พลางหันไปทางสู่ขวัญ “คุณรบโทร. มาบอกว่าวันนี้ไม่กลับมาทานข้าวนะคะ”
สู่ขวัญแอบหน้าเสีย แต่ก็รีบปรับสีหน้าเป็นร่าเริง
“ดีสิคะ ขวัญจะได้เมาท์กับมีนาชิลๆ ไม่ต้องมีใครมาขัดจังหวะ”
มีนาค้อน
“เหรอยะ ให้มันจริงเถอะ เธอจะกินข้าวลงหรือเปล่าน่ะมื้อนี้”
“ฉันไม่เห็นจะสน ว่าแต่เธออยู่ค้างกับฉันเลยได้ไหม”
“เฮ้ย นี่เธอจะให้ฉันนอนแทนที่สามีเลยหรือไงยะ ไม่เอาหรอก เดี๋ยวคันแย่ อย่างอนไปหน่อยเลยน่า พอสามีกลับมา เธอก็ยอมคืนดีกับเขาไปเถอะ”
สู่ขวัญ ส่ายหน้า
“เรื่องอะไร ถ้าเขาไม่สำนึกผิดจริงๆ ฉันไม่ยอมหรอก”
มีนากับพรมองหน้ากัน แล้วหันไปมองสู่ขวัญที่หน้าบึ้งตึง ด้วยสีหน้าเหนื่อยใจ
อ่านต่อหน้า 2
ดงดอกงิ้ว ตอนที่ 11 (ต่อ)
สู่ขวัญนั่งเขี่ยอาหารในจานไปมา มีนาที่กำลังกินอย่างเอร็ดอร่อย เหลือบตามอง ด้วยความสงสาร “เอ้า คุณนาย เขี่ยอาหารจนจานจะสึกอยู่แล้ว เดี๋ยวฉันก็กินหมดซะก่อนหรอก อร่อยจะตาย”
สู่ขวัญ ทำหน้าเบื่อโลก “ก็ฉันไม่หิวนี่”
“อ๋อ เหรอจ๊ะ แล้วใครกันนะที่กระตือรือร้นอยากจะรีบกลับมากินข้าวบ้าน พอไม่เห็นหน้าสามีสุดที่รัก ทำมาเป็นกินไม่ลง”
สู่ขวัญ แกล้งยักไหล่ “ฉันไม่ได้แคร์เขาสักหน่อย เขาจะไปไหนก็ช่าง”
“ขอร้องเลยเพื่อน หลอกใครก็หลอกได้ แต่อย่ามาหลอกมีนาคนนี้ซะให้ยาก มองปร๊าดเดียวฉันก็รู้แล้ว”
มีนาพูดด้วยความเป็นห่วง
“ย่ะแม่คนเก่ง แล้วจะให้ฉันทำยังไงล่ะ ให้ฉันยอมเขาทุกครั้งเลยหรือไง เขาก็ได้ใจใหญ่น่ะสิ”
“เวลาเขามาง้อ ก็เลิกงอนได้แล้ว งอนไม่เลิกแบบนี้ เขาก็ไปหาอีกคนน่ะสิ”
“แล้วเขาจะสำนึกไหม”
“ถ้าไม่สำนึกคราวนี้ก็หย่ากันซะเลย จะได้ไม่ต้องมาวุ่นวายอีก ดีไหมล่ะ?” มีนาย้อนถาม
“เรื่องอะไรจะหย่า กว่าจะแต่งกันไม่ใช่ง่ายๆ”
มีนายิ้ม
“ฉันรู้แล้ว ฉันก็แกล้งลองใจเธอไปงั้นแหละ งั้นเธอก็อย่ามัวแต่งอนอยู่แบบนี้ เดี๋ยวจะได้เสียเขาไป จริง ๆ”
“ไม่มีทาง ไม่ว่ายังไงฉันก็ไม่ยอมเสียเขาให้ใครทั้งนั้น”
“อุ้ย! เพื่อนเราเอาจริงแฮะ ท่าทางคุณศึกรบจะเจอศึกหนักแน่งานนี้”
มีนาหัวเราะ ในขณะที่สู่ขวัญหน้าเครียดจริงจัง
เปรี้ยวเดินในร้านอาหารหรู พลางกวาด มองไปตามโต๊ะต่างๆ จนสะดุดที่โต๊ะสาธร ที่กำลังนั่งดื่มกับ ศึกรบ เปรี้ยวรีบเดินเข้าไปทัก พร้อมส่งยิ้มหวาน โปรยเสน่ห์เต็มที่
“สวัสดีค่ะ คุณรบ คุณสาธร ดื่มกันเพลินเลยนะคะ อย่าเพิ่งเมาแซงหน้ากันไปซะก่อนล่ะ วันนี้เปรี้ยวขอชวนเพื่อนใหม่มาร่วมโต๊ะด้วยนะคะ”
“เชิญตามสบายครับ แต่ตอนนี้คุณรบกำลังเมารัก โดนเมียหักอก ทำร้ายจิตใจกันแสนสาหัส”
“อะไรกัน ภรรยาที่แสนดีแบบคุณสู่ขวัญ ไม่น่าจะทำคุณรบได้ลงคอ” เปรี้ยวทำท่าตกใจอย่างมีจริต
“ว่าแต่ คุณรบไปทำอะไรเธอก่อนหรือเปล่า ?”
ศึกรบ เงยหน้าจากแก้วไวน์ “ เปรี้ยวจะมาซ้ำเติมผมอีกทำไม”
สาธร รีบหันมาทางเปรี้ยว
“ช่วงนี้บอสเขากำลังอ่อนไหว ช่วยหาคนมาดามใจมันดีกว่า”
เปรี้ยวค้อนศึกรบอย่างหมั่นไส้ พลางมองไปเห็นไอวี่เดินเข้ามา ก็รีบลุกขึ้น พร้อมกวักมือเรียก
“ไอวี่ ทางนี้”
สาธรตะลึงในความสวย
“เฮ้ย นางฟ้า”
ไอวี่เดินเข้ามา สายตาเพ่งไปที่ศึกรบ ที่จ้องหน้ารออยู่ก่อนแล้ว พลางสบตากัน
“สวัสดีค่ะ”
ไอวี่ยกมือสวัสดี ศึกรบกับสาธรรับไหว้ เปรี้ยวรีบแนะนำ
“คุณรบคุณธรคะ นี่ไอวี่ เพื่อนสนิทเปรี้ยวเองค่ะ ที่พามาแนะนำในวันนี้ เพราะอยากปรึกษาเงื่องงานน่ะค่ะ ไอวี่กำลังหางานทำ ไว้เป็นทุนเรียนหนังสือให้จบปริญญาตรี ครอบครัวยากจนไม่ได้ส่งเสียค่ะ ต้องดิ้นรนเอง”
“ไอวี่เรียนการโรงแรมมาค่ะ เปรี้ยวเลยแนะนำให้มาพบคุณวันนี้”
“แต่คุณยังเรียนไม่จบ ไม่มีวุฒิอะไรเลยนี่ครับ”
ไอวี่ แกล้งทำหน้าเศร้า
“กำลังจะจบปีนี้แล้วน่ะค่ะ แต่ตอนนี้ต้องหาเงินไปลงทะเบียนก่อน ไม่งั้นวี่ไม่จบแน่ๆ”
“โธ่บอส ก็ให้น้องเขาไปฝึกงานก่อนก็ได้ ให้เป็นเบี้ยเลี้ยงก็ได้นี่” สาธรเสนอ เปรี้ยวรีบช่วยเสริม
“ลำพังเบี้ยเลี้ยงรายวันคงไม่พอหรอกค่ะ ไหนจะค่าเช่าหออีก ค่ากิน ค่าเดินทาง”
“ค่าแต่งตัว” ศึกรบพูดต่อ พลางเหลือบมองที่กระเป๋าหลุยส์ของไอวี่
“แหม ลูกผู้หญิงมีรูปเป็นทรัพย์ ก็ต้องแต่งบ้างเป็นธรรมดา รายจ่ายเยอะน่ะค่ะ ไอวี่เขาเลยอยากหางานทำ”
ศึกรบมองพิจารณา ไอวี่สบตามองศึกรบ ทำหน้าน่าสงสาร แต่สายตาแอบโปรยเสน่ห์
ปองฤทัยจัดดอกไม้ไปดูนาฬิกาไป พลางชะเง้อรอศึกรบ พลันก็ได้ยินเสียงคนเดินเข้ามา ปองฤทัยรีบหันไปก็ดีใจนึกว่าเป็นศึกรบ แต่พอเห็นหน้าก็ผิดหวัง
“สวัสดีค่ะ รับดอกไม้หรือกาแฟดีคะ”
“เอ่อ เอา”
ลูกค้ายังพูดไม่ทันจบประโยค ปองฤทัยก็รีบพูดต่อ
“อเมริกาโน่เหมือนเดิมใช่ไหมคะ”
ลูกค้าทำหน้างง
“เปล่า ผมไม่ชอบกาแฟดำ ขอลาเต้ดีกว่า”
“ค่ะ ได้ค่ะ”
ปองฤทัยชงกาแฟไป แต่สายตาก็คอยมองไปนอกร้านอยู่ตลอดเวลา
สาธรจ้องมองไอวี่ไม่วางตา
“คุณไอวี่เรียนมาทางด้านโรงแรมโดยตรง รูปร่างหน้าตาก็เหมาะกับโรงแรมหลายดาวของเรานะบอสรับเข้ามาทดลองงานดูก่อนก็ดี”
เปรี้ยวรีบเสริม “งั้นอาทิตย์หน้าให้ไอวี่ไปสมัครงานเลยนะคะ”
พูดพลางรีบสะกิดไอวี่
“รีบขอบคุณคุณสาธรกับคุณรบซะสิ”
ไอวี่รีบมือไหว้ขอบคุณทันที
“ขอบคุณมากเลยนะคะ ไอวี่ขอฝากตัวเป็นลูกน้องคุณทั้งสองคน รับรองไม่ผิดหวังแน่นอนค่ะ”
ไอวี่ชำเลืองมอง พลางส่งสายตาให้ศึกรบ ที่ยังไม่ทันตอบ สาธรก็รีบสรุป
“ด้วยความยินดีครับ มาชนแก้วกัน ดื่มฉลองรับน้องใหม่กันหน่อยครับ”
ทุกคนยกแก้วขึ้นชนกัน ศึกรบส่งสายตาไอวี่เขิน แกล้งทำท่ามึนๆ หัว
“ไอวี่ดึ่มไปหลายแก้วแล้วนะครับ เดี๋ยวจะกลับยังไงล่ะ”
“ไม่ต้องห่วงค่ะ วี่ดูแลตัวเองได้ แต่วันนี้ขอฉลองเต็มที่ ในโอกาสได้พบเจ้านายใหม่ที่แสนดีแบบคุณรบค่ะ”
“ผมอาจไม่ดีอย่างที่คุณคิดก็ได้ อย่าคาดหวังอะไรเลย”
ไอวี่กระดกแก้วดื่มจนหมด เปรี้ยวตกใจ รีบห้าม
“เอ้า พอแล้วไอวี่ เดี๋ยวแท็กซี่ก็พาไปไม่ถึงหอหรอก”
“นั่นสิ สวยๆแบบนี้น่ะ ต้องระวังตัวหน่อยนะครับ” สาธรเป็นห่วง
“พอดีเปรี้ยวมีนัดคุยธุระต่อซะด้วยสิ ไอวี่คงต้องกลับคนเดียว” เปรี้ยวแกล้งพูดเปิดทางให้เพื่อน
“หอพักอยู่ไหนหรือครับ” สาธรหันมาถาม
“แถวลาดพร้าวค่ะ”
“อ้าว ทางผ่านแกเลยนี่หว่าบอส จะอาสาไปส่งไหมครับ”
“ด้วยความเต็มใจครับ”
ศึกรบมองไอวี่ ไอวี่ส่งสายตาเยิ้ม
“แล้วพรุ่งนี้เจอกัน บอส” สาธรหันมาบอกกับศึกรบ เมื่อเดินมาถึงลานจอดรถ
“ฝากด้วยนะคะ คุณรบ” เปรี้ยวพูดเปิดทางเต็มที่
“ไม่ต้องห่วงครับ Take care นะครับ”
จากนั้นสาธรเดินแยกไปกับเปรี้ยว ในขณะที่ศึกรบเดินประคองไอวี่
“เดินไหวไหมครับ รถอยู่ทางโน้น”
“ถ้าไม่ไหว คุณรบจะทำยังไงเหรอคะ ?” ไอวี่แกล้งถาม พลางส่งสายตายั่วยวน
ศึกรบหัวเราะ “จะให้ผมอุ้มก็ได้”
“แหม วี่ยังไม่เมาขนาดนั้นหรอกค่ะ”
ไอวี่เดินคู่ไปกับศึกรบ แล้วแกล้งทำมึนๆ จะเซล้ม จนศึกรบต้องช่วยพยุงตัวไว้
“อุ๊ย ขอโทษค่ะ วี่ซุ่มซ่ามเดินไม่ระวังเองค่ะ”
ศึกรบประคองไอวี่ขึ้นรถ ก่อนจะขับออกไป ไอวี่แอบยิ้มกริ่ม
ในขณะที่ปองฤทัย ออกมายืนรอศึกรบอยู่นอกร้าน ผู้คนบริเวณนั้นเริ่มบางตา พลางเหลือบมองนาฬิกา เป็นเวลาเกือบสี่ทุ่ม
“พี่ปอง จะเก็บร้านได้หรือยังอ่ะ วันนี้เราปิดช้ากว่าทุกวันเลยนะ” ป้อมตะโกนถามออกมาจากในร้าน
“อีก 15 นาทีละกัน” ปองฤทัยตอบกลับมา
“มืดค่ำป่านนี้แล้ว ใครจะมาซื้อดอกไม้ แล้วคงไม่มีใครมากินกาแฟแล้วล่ะ”
ปองฤทัยแอบผิดหวัง
“รอใครมาหรือเปล่าพี่ หมอโยเหรอ ?”
ป้อมแซว ปองฤทัยสะดุ้ง รีบปฎิเสธ
“เปล่า เขาอยู่ต่างจังหวัด จะมาได้ไงเล่า เดี๋ยวพี่ปิดร้านเอง ป้อมเข้าไปดูแลแม่ก่อนเถอะ”
ป้อมมองเห็นปองฤทัย ชะเง้อเหมือนรอใครอยู่ แต่ก็ไม่อยากเซ้าซี้ถาม รีบเดินเข้าหลังร้านไป
ในขณะที่ศึกรบขับรถมาถึงหอพักไอวี่
“ขอบคุณมากนะคะ ที่กรุณามาส่งวี่”
“ไม่เป็นไรครับ ดึกขนาดนี้ ใครจะปล่อยผู้หญิงสวยๆกลับคนเดียวได้ลงคอ”
ศึกรบพูดพลางปรายตาเจ้าชู้
“คุณรบจะขึ้นไปดื่มกาแฟสักถ้วยก่อนไหมคะ จะได้สดชื่นขี้น” ไอวี่ส่งสายตาเชิญชวน
“ขอบคุณนะครับ แต่มันดึกมากแล้ว ยังไงพรุ่งนี้ไอวี่ไปกรอกใบสมัครไว้ ที่โรงแรมเลยละกัน เดี๋ยวผมเข้าไปดูให้”
ไอวี่ยกมือไหว้ขอบคุณ
“ขอบคุณจริงๆค่ะ ที่คุณช่วยวี่ วี่จะไม่ลืมบุญคุณครั้งนี้เลย ถ้าคุณรบอยากให้วี่ทำอะไรเป็นการ
ตอบแทนได้ วี่ยินดีนะคะ ทุกอย่าง”
ไอวี่ จงใจเน้นคำว่า..ทุกอย่าง ศึกรบยิ้ม
“ไม่ต้องตอบแทนอะไรหรอกครับ ผมแค่อยากช่วย Good Night ครับ”
ไอวี่ลงจากรถ มองรถที่เคลื่อนออกไปอย่างเสียดาย
“คราวหน้าล่ะก็ จะไม่ให้รีบกลับเลย คอยดู”
อ่านต่อหน้า 3
ดงดอกงิ้ว ตอนที่ 11 (ต่อ)
ปองฤทัยชะเง้อคอยจนหมดหวัง
“ป้อม เก็บร้านได้ละ จะได้ไปอาบน้ำนอนซะที”
ป้อมรีบเก็บเครื่องชงกาแฟ แล้วเดินไปจะปิดประตูร้าน พลันก็มีรถเก๋งเข้ามาจอดหน้าร้าน
“ใครวะ จะมากินกาแฟกันป่านนี้”
ป้อมบ่นพึมพำ ปองฤทัยมองไป สีหน้าเบิกบานขึ้นมาทันที
“เดี๋ยวครับ อย่าเพิ่งปิด”
ปองฤทัยรีบออกมาต้อนรับด้วยความดีใจ
“คุณรบ ทำไมมาซะมืดค่ำขนาดนี้ล่ะคะ ปกติร้านเราปิดไปแล้วนะคะ”
“นั่นสิครับ แต่ดูเหมือนพี่ปองจะรู้ว่า อาจมีใครแวะมา”
ศึกรบมองปองฤทัย พลางส่งยิ้มให้ จนปองฤทัยเขิน
“ผมเพิ่งเลิกงาน เหนื่อยๆน่ะครับ เลยอยากแวะมาหาที่นั่งสบายๆ”
“แต่ร้านเราเล็กๆ นั่งไม่สบายเหมือนโรงแรมหรูๆ หรอกนะครับ”
ป้อมแอบเหน็บ แต่ศึกรบแกล้งทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้
“ผมอยู่กับบรรยากาศแบบนั้นมาตลอดทุกวัน มันเบื่อน่ะครับ อยากหาที่นั่งพักที่เรียบง่าย กันเองเหมือนอยู่บ้าน อย่างที่นี่น่ะครับ”
“เออ คุณรบจะดื่มกาแฟอะไรดีครับ เดี๋ยวผมเปิดเครื่องชงให้ใหม่”
ศึกรบส่ายหน้า
“ไม่ต้องแล้วล่ะครับ ดึกแล้ว ผมก็เพิ่งดื่มมา แค่อยากแวะมาหาเพื่อนคุยให้สบายใจ”
ป้อมยิ่งสงสัยหนัก พลางเหลือบมองปองฤทัย ที่ยืนเขินไปมา
“เขาหมายถึงใคร พี่หรือผม”
ปองฤทัย ยิ่งเขินหนัก
“ไปเลย รีบๆ ไปหาน้ำเย็นๆมาให้คุณรบ รับแขกหน่อย”
ป้อมเดินเข้าไปหลังร้าน ศึกรบมองสองพี่น้องแหย่กันอย่างมีความสุข
“อิจฉาครอบครัวคุณปองนะครับ ครอบครัวเล็กๆ อบอุ่น มีแต่ความรักความเข้าใจกัน ทำให้อยากเจอกันทุกๆวัน”
“อ้าว แล้วครอบครัวคุณรบยังไม่เข้าใจกันอีกเหรอคะ? อุ๊ย..ขอโทษค่ะ ปองไม่น่าละลาบละล้วงถามเลย”
“ไม่เป็นไรครับ มันคงเป็นความผิดของผมเอง”
ศึกรบหน้าเศร้า ปองฤทัยมองอย่างเห็นใจ
สู่ขวัญเดินคู่มากับมีนา จนถึงรถที่มีนาจอดอยู่ในตัวบ้าน สู่ขวัญมองจ้องแต่ประตูบ้าน มีนากำลังจะเปิดประตูตรงคนขับ พลางมองหน้าเพื่อนด้วยความเป็นห่วง
“ขวัญ เธออยากให้ฉันอยู่เป็นเพื่อนก่อนไหม ฉันยังไม่กลับก็ได้นะ”
สู่ขวัญละสายตาจากประตู มองหน้ามีนา
“ ฉันไม่เป็นไรหรอก ขอบใจนะ เธอรีบกลับเถอะ ขับรถดึกๆอันตราย”
“โอ๊ย! อย่างฉันน่ะ มีหน้าตาเป็นอาวุธ คนร้ายเห็นปร๊าดเดียววิ่งป่าราบยิ่งกว่าเจอแม่นาคอีก”
มีนาแซวตัวเอง สู่ขวัญหัวเราะออกมาเบาๆ
“ ฉันไม่เป็นไรจริง ๆ เรื่องแค่นี้ฉันยังไหว”
“ก็อย่าให้มันต้องทรมานตัวเองทั้งกายทั้งใจแบบนี้เลย เพื่อนฉันเลิศเลอเพอรเฟ็กท์ขนาดนี้ ซะมียังจะเจ้าชู้ไม่เลิก ก็เพราะว่าเขายังไม่รู้จักพอ”
“ฉันหวังว่าถ้ามีลูกแล้วเขาน่าจะดีขึ้น”
“ลูกไม่ช่วยให้เขาเปลี่ยนนิสัยได้หรอก เขาก็นอกใจเธอซ้ำซากอยู่นั่นแหละ ถ้าเกิดมีลูกขึ้นมา เธอจะยิ่งตัดเขาไม่ขาด แล้วต้องกลายมาเป็นเมียหลวงผู้น่าสงสารไปตลอดชีวิตนะ”
มีนาพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“ฉันรู้ ฉันก็จะต้องไม่ให้มันเกิดคำว่าเมียหลวง เมียน้อย ขึ้นมาได้น่ะสิ เขาจะต้องมีฉันเป็นเมียคนเดียว”
สู่ขวัญสีหน้าเอาจริง มีนาจับมือสู่ขวัญมาบีบให้กำลังใจ
ปองฤทัยยืนดอกไม้ ที่จัดช่อให้ ศึกรบมองอย่างแปลกใจ
“ปองจัดช่อดอกไม้นี้ให้คุณรบเป็นพิเศษละกันค่ะ นำไปให้ภรรยาที่แสนดี เพื่อขอให้ความรู้สึกดีๆกลับมาอีกครั้งค่ะ”
“ขอบคุณมากครับ แต่ผมไม่ค่อยแน่ใจ ว่าเธอจะให้โอกาสผมอีกไหม”
ศึกรบหน้าเศร้า
“ป่านนี้ เธอคงกำลังรอคุณกลับบ้านน่ะค่ะ”
ศึกรบกลับมาบ้าน พลางจะเดินนำดอกไม้จะเข้าไปหาสู่ขวัญ พรยืนขวางหน้าประตูห้อง
“คุณขวัญเข้านอนไปแล้วค่ะ”
“ก็นี่มันห้องนอนของผม ทำไมจะเข้าไปไม่ได้ล่ะ” ศึกรบพูดพลางทำท่าขะเปิดประตู
“คุณขวัญเธอเหนื่อยมาทั้งวัน เหนื่อยทั้งกายเหนื่อยทั้งใจ เพิ่งจะได้นอน ปล่อยให้เธอหลับให้สนิทเถอะค่ะ”
“คุณขวัญไม่สบายหรือเปล่า” ศึกรบถามด่วยความเป็นห่วง
“สบายแต่กาย ส่วนใจยังไม่ดีนัก เพราะถูกทำร้ายบ่อยๆ”
ศึกรบขี้เกียจฟังพรพูดประชด รีบเดินเลี่ยงเปิดประตูเข้าไป เดินไปหยุดที่เตียงนอน มองสู่ขวัญที่นอนหลับสนิท ด้วยแววตารู้สึกผิด พลางจูบที่หน้าผากภรรยาเบาๆ แล้ววางช่อดอกไม้ที่โต๊ะหัวเตียง ก่อนเดินออกจากห้องไปเงียบๆ
สู่ขวัญลืมตาขึ้นมาเห็นช่อดอกไม้ รู้สึกดีที่ศึกรบเข้ามา ก่อนจะหยิบช่อดอกไม้ขึ้นมาดม
ปองฤทัยอาบน้ำเสร็จจะเข้านอน พลางหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดู เห็นข้อความของชโยดมทักทายมาทางไลน์
“หลับหรือยังครับ”
ปองฤทับพิมพ์ตอบกลับไป
“กำลังจะเข้านอนค่ะ อยู่ที่นั่นเป็นยังไงบ้างคะ?”
“ก็สนุก ตื่นเต้นดีครับ”
“เจอคนไข้สวยๆ เหรอคะ ?”
“โธ่ วันๆ ไม่มีเวลาคุยกับคนไข้มากนัก เจอแต่คนป่วยหนักๆ ทั้งนั้น อยากหาคนที่คุยด้วยแล้วสบายใจน่ะครับ”
ป้อมชะเง้อมองจอ พลางหันมาแซวปองฤทัย
“แหม หมอโย หาคนคุยด้วยไกลจัง แต่ไกลแค่ตัวล่ะน้า”
ปองฤทัย ค้อนน้องชาย
“นี่ไม่ต้องเลย เราคุยกันปกติ”
ป้อม รีบสวนทันที “แบบคนรู้ใจ เอ แล้วเทพบุตรที่เพิ่งกลับไปล่ะ ก็มาคุยปกติหรือเปล่า”
ปองฤทัยก้มหน้าเขิน
“คุณรบเขากำลังกลุ้มใจ เลยแวะมาให้ช่วยจัดดอกไม้ไปง้อเมียเขา”
“แสดงว่ากำลังมีปัญหากันอยู่ ก็ยังดี ที่พี่ปองรู้ตัวว่าเขามีเมียรออยู่ที่บ้าน”
ปองฤทัยชะงัก และเริ่มได้คิด
ศึกรบนั่งเซ็งอยู่ในสวนคนเดียว พยายามส่งไลน์ไปหาสู่ขวัญ
“ผมกลับมาแล้วนะ”
แต่ไม่มีข้อความตอบกลับมา
ในขณะที่สู่ขวัญยืนมองศึกรบจากหน้าต่างอยู่บนห้องนอน ศึกรบรอคำตอบอย่างผิดหวัง จึงพิมพ์ข้อความต่อ
“Good Night ครับภรรยาของผม”
ศึกรบนั่งเศร้า เหลือบมองเห็นชื่อปองฤทัย เลยพิมพ์ข้อความชวนคุย
“หลับหรือยังครับ สาวน้อย”
ปองฤทัย เห็นไลน์ของศึกรบทักมา ก็ดีใจ รีบพิมพ์ตอบกลับ
“ยังค่ะ เพิ่งอาบน้ำเสร็จ”
“มิน่าล่ะ ได้กลิ่นหอมชื่นใจเลย”
ปองฤททัยหัวใจพองโต แต่ก็พยายามหักห้ามความรู้สึกตัวเอง
“คุณรบถึงบ้านหรือยังคะ?”
“ถึงแล้ว เขาก็หลับแล้ว เลยไม่เห็นดอกไม้คืนนี้”
“ไว้พรุ่งนี้ก็เห็นเองค่ะ ใจเย็นๆ”
“ขอบคุณนะครับ ที่ช่วยจัดดอกไม้สวยๆให้”
“ยินดีค่ะ หวังว่าคนรับจะชอบ”
“ยังไม่รู้เลย Good Night นะครับ อย่านอนดึกล่ะ สาวน้อย”
ปองฤทัยแทบอยากลุกขึ้นกรี๊ด พลางพิมพ์ตอบกลับไป
“ค่ะ Good night ค่ะ”
จากนั้นก็เอามือถือมาแนบอก หลับตาพริ้มแบบเคลิ้มๆ
ศึกรบมาที่โรงแรม แสงดาวรีบเดินเข้ามาต้อนรับ
“วันนี้ช่วยเปิดห้องให้ผมด้วยนะ อยากพักที่นี่ชั่วคราว ฝากบอกให้เด็กไปขนกระเป๋าในรถผมด้วย”
ศึกรบยื่นกุญแจรถให้ แสงดาวรับคำสั่ง พลางมองตามศึกรบที่เดินไปนั่งอย่างแปลกใจ
เปรี้ยวกลับมาถึงหอพักตอนสายๆ เจอไอวี่นั่งทำหน้าเซ็งอยู่ในห้อง
“อ้าว ทำไมนั่งเซ็งอยู่คนดียว มื่อคืนไม่ได้อยู่กับคุณรบหรอกเหรอ”
ไอวี่ส่ายหน้า
“ไม่มีอะไรเกิดขึ้น ไหนบอกว่าไวไฟมากไง แต่เมื่อคืนทำตัวโคตรสุภาพบุรุษเลย น่าเบื่อ ฉันล่ะอุตส่าห์”
เปรี้ยว รีบพูดต่อ
“อุตส่าห์ชี้โพรงให้แล้ว ยังแกล้งโง่อยู่ใช่ม้า สงสัยคงจะกลัวเมีย เพราะเพิ่งเกิดเรื่องหึงหวงยัยระรินนั่น ถึงขนาดเมียแกปามือถือใส่หน้ายัยนั่นเลย ฉันล่ะสะใจ”
ไอวี่ ตกใจ “โห เมียแรงขนาดนั้นเลยเหรอ”
“ก็มันน่าอยู่หรอก อย่างนังนั่นน่ะ แค่นี้ยังน้อยไป”
ไอวี่ เบ้ปากยิ้มเยาะ
“สมน้ำหน้า เออ แล้วแกไม่เคยเจอเมียเขาเหรอ”
เปรี้ยวส่ายหน้า
“ไม่เคย ฉันมันแค่ทางผ่าน คุณรบไม่ได้จริงจังนี่ สู้ป๋าธรก็ไม่ได้”
ไอวี่ ถอนหายใจ “ท่าทางจะยากว่ะงานนี้”
“เฮ้ย แกก็อย่าไปหวังอะไรมากเลย ได้งานทำก็ดีแล้ว”
“งานโรงแรมเงินเดือนเท่าไรกันเชียวนังเปรี้ยว ฉันต้องหวังมากกว่านั้นสิ”
“เชื่อแกเลยว่ะ”
“เออ เดี๋ยวก็รู้”
ไอวี่ยิ้มมีเลศนัย
อ่านต่อหน้า 4
ดงดอกงิ้ว ตอนที่ 11 (ต่อ)
เปรี้ยวพาไอวี่มาถึงโรงแรมของศึกรบ เจอแสงดาวนั่งอยู่ที่โต๊ะทำงาน
“ขอพบคุณรบหน่อยค่ะ”
แสงดาวจำเปรี้ยวได้ “เธอเองเหรอ มาที่นี่อีกทำไม คุณรบเธอไม่ว่าง ติดธุระอยู่”
“แต่คุณรบนัดให้เรามาที่นี่” เปรี้ยวเชิดหน้า
“ถ้าไม่ใช่ธุระสำคัญก็กรุณานัดใหม่ วันนี้คิวแน่น เชิญพวกคุณกลับไปก่อน”
เปรี้ยวชักสีหน้า “เอ๊ะ มาไล่กันง่ายๆแบบนี้ได้ไง”
“ไม่ได้ไล่ แต่บังเอิญไม่ได้นัดก่อน”
“เธอเป็นแค่เลขา นายสั่งให้มา ก็มาตามนัดแล้วไง”
ศึกรบได้ยินเสียงดัง เลยเดินออกมาดู
“มีอะไรกัน” และเมื่อมองเห็นเปรี้ยวกับไอวี่ “อ้าว พวกคุณนั่นเอง”
เปรี้ยวกับไอวี่ ยกมือไหว้ ศึกรบรับไหว้
“สวัสดีครับ มากันเช้าจังนะครับ คุณดาว ผมรบกวนพาพวกเขาไปเขียนใบสมัครที่ฝ่ายบุคคลด้วยนะครับ”
เปรี้ยวมองแสงดาว ยิ้มเยาะ
“เชิญตามไปกรอกใบสมัครก่อนนะครับ แล้วค่อยคุยกัน”
แสงดาวเดินนำออกไปอย่างไม่ค่อยพอใจ
แสงดาวรีบเดินจ้ำเร็วๆ โดยไม่หันมามองทั้งสองคนที่เดินตามหลังไม่ค่อยทัน เปรี้ยวกับไอวี่กึ่งเดินกึ่งวิ่ง รีบตามหลังแสงดาวมา จนรู้สึกเหนื่อย
“โอ๊ย คุณเลขา ชีจะรีบไปไล่ควายหรือไง จ้ำเอาจ้ำเอา”
เปรี้ยวโวยวาย ในขณะที่ไอวี่เร่งฝีเท้าจนสะดุดส้นสูงชนโต๊ะ รปภ. ล้มลง
“เฮ้ยวี่ เป็นไงมั่งวะ”
“ไม่เป็นไร รีบมากไปหน่อย”
รปภ. กับเปรี้ยว ช่วยพยุงให้ไอวี่ลุกขึ้น แต่แสงดาวไม่อยู่ตรงนั้นแล้ว
“อ้าว เจ๊ไม่รอเลย”
เปรี้ยวบ่นงึมงำ ไอวี่เลยถาม รปภ.
“ฝ่ายบุคคลไปทางไหนคะ ?”
“เลี้ยวซ้ายเลี้ยวขวา แล้วขวาอีกที ตรงไปเลี้ยวซ้ายอีกหน่อย ขวาอีกนิด นั่นล่ะครับ”
“โอ๊ย งง รีบไปกันเถอะ”
แสงดาวเข้ามาหยุดที่โต๊ะทำงานของพัฒนะ พลางยืนกอดอก ทำหน้าบูด ครู่หนึ่งเปรี้ยวกับไอวี่ก็เดินกะเผลกเข้ามา
“เขาจะมาเขียนใบสมัคร คนไหนก็ไม่รู้ คุยกันเอาเองละกัน หมดหน้าที่ฉันแล้ว แค่นี้นะ”
แสงดาวสะบัดเดินออกไป ไอวี่ เปรี้ยว และพัฒนะ มองหน้ากันงงๆ
“คือว่า คุณศึกรบให้มาเขียนใบสมัครที่นี่น่ะค่ะ”
“สมัครตำแหน่งอะไรเหรอครับ”
เปรี้ยว รีบตอบ “พีอาร์ค่ะ คุณรบบอกให้สมัครตำแหน่งพีอาร์ค่ะ”
“ค่ะ คุณรบให้มาเขียนใบสมัครไว้ก่อน”
“คุณรบแนะนำมาโดยตรงเลยเหรอ” พัฒนะย้อนถาม
“ใช่ค่ะ คุณศึกรบ เจ้านายของคุณเลขานั่น”
ไอวี่แอบหยิกเปรี้ยว
“เหรอ ทำไมคุณแสงดาวไม่ค่อยจะใส่ใจเลยล่ะ”
เปรี้ยวชักรำคาญ “เลขาไม่สน แต่ลองโทรถามคุณศึกรบดูไหมคะ”
“ถ้างั้น รบกวนกรอกใบสมัครก่อน แล้วเดี๋ยวขอสัมภาษณ์ตัวต่อตัวนะครับ”
พัฒนะเดินออกไป ไอวี่กับเปรี้ยวมองตาม แล้วนั่งลงเขียนใบสมัคร
ไอวี่เปิดประตูห้องสัมภาณ์เข้ามา พร้อมใบสมัครในมือ
“สวัสดีค่ะ พี่พัฒนะ”
พัฒนะเหลือบมองไอวี่แบบไม่พอใจ
“ทำไมวันนั้น จู่ๆคุณก็หนีผมไปดื้อๆ แบบนั้นล่ะ”
“คือ วันนั้นแฟนวี่โทรตามน่ะค่ะ ไม่รีบไปก็ไม่ได้ เดี๋ยวเขาสงสัย”
พัฒนะหน้าบึ้ง “ตอนนี้เหลือแค่ตำแหน่งโอปะเรเตอร์เท่านั้นนะ สนใจไหมล่ะ”
“ แต่วี่ต้องการสมัครตำแหน่งฟรอนท์หรือพีอาร์นี่คะ คุณศึกรบบอกวี่ว่าให้มาสมัครตำแหน่งนี้”
พัฒนะลังเล แต่ยังวางท่า
“ ถ้างั้นก็กรอกใบสมัครใหม่ก็แล้วกัน แล้วผมจะลองส่งไปให้หัวหน้าพิจารณาอีกทีแล้วจะแจ้งคุณกลับ”
ไอวี่นั่งกรอกเอกสาร พัฒนะนั่งกดคอมไม่สนใจ ไอวี่เหลือบมองไปอีกตะกร้าที่อยู่ใกล้ตัว เห็นใบสมัครงานที่ติดรูปของจริญญาก็จำได้ ไอวี่มองพลางนึกแผนอะไรบางอย่างขึ้นมาได้
แสงดาวคอยดูแลให้เด็กยกกระเป๋าเข้าไปในห้องพักในโรงแรม ที่เปิดให้ศึกรบ
“มาเลยจ้ะ วางไว้ตรงนี้”
แสงดาวให้ทิปพนักงาน สาธรเดินเข้ามาดู
“แขกพิเศษเหรอครับ คุณดาวถึงกับต้องมาดูด้วยตัวเองเลย”
“พิเศษมากค่ะ”
“ใครเหรอครับ” สาธรทำหน้างง
“บอสใหญ่ของเราไงคะ”
“หา ไอ้รบเหรอ มันมาอยู่นี่ทำไม” สาธรยิ่งงงหนัก
“ดาวก็สงสัยเหมือนกันค่ะ นึกว่าคุณสาธรจะรู้”
“คงมีเรื่องกับเมียอีกแน่เลย” สาธรเดา
“แล้วคนชื่อไอวี่กับเปรี้ยวนั่น เป็นใคร ? ทำไมถึงดูมีสิทธิพิเศษไงไม่รู้ ดูคุณรบใส่ใจมาก ไม่เหมือนคนมาสมัครงานทั่วไป”
สาธร รีบกลบเกลื่อน
“อ๋อไม่มีอะไรพิเศษหรอก แค่สงสารเด็กมาขอฝึกงานน่ะ เลยอยากช่วยเหลือ ไอ้รบมันใจดีอยู่แล้ว”
แสงดาวไม่เชื่อ แต่ก็ไม่อยากเซ้าซี้
ไอวี่เดินออกมานอกห้องฝ่ายบุคคล เห็นเปรี้ยวนั่งรออยู่ที่หน้าห้อง
“เปรี้ยว แกช่วยฉันหน่อยสิ เมื่อกี้พอฉันส่งใบสมัครให้อีตาชีกอนั่น มันทำเป็นถืออ่าน แล้วตอนฉันเดินออกมาก็เห็นมันเอาใบสมัครของฉันทิ้งลงถังขยะไปแล้ว”
“เฮ้ย จริงเหรอ” เปรี้ยวตกใจ “แสบมากอีตาคนนี้ แล้วจะทำยังไงกันดี”
“ฉันคิดอะไรเจ๋ง ๆ ได้แล้ว ในเมื่อมันอยากร้ายกับฉันก่อน ฉันจะต้องร้ายยิ่งกว่า”
“แกจะทำอะไร?” เปรี้ยวสงสัย
“ แต่แผนนี้ต้องพึ่งแกล่ะ เปรี้ยว”
“ฉันอีกแล้ว เอ้า ว่ามา”
พัฒนะนั่งทำงานอยู่ง่วนอยู่หน้าคอมพิวเตอร์ พลางเหลือบสายตาเห็นเปรี้ยวเดินนวดนาดเข้ามา
“ขอโทษค่ะ พอดีเปรี้ยวมาตามหาไอวี่น่ะค่ะ เห็นเข้ามาตั้งนานแล้วไม่ออกไปเสียที”
“เขาออกไปแล้วนี่ อาจจะสวนกันก็ได้นะครับ”
พลางมองเปรี้ยวด้วยวาตาเจ้าชู้
“แย่จัง งั้นเปรี้ยวลานะคะ”
เปรี้ยวกำลังจะยกมือไหว้ แต่แล้วก็ค้างอยู่ครู่หนึ่ง แล้วเอามือจับท้อง หน้านิ่ว ตัวงอ
“โอ้ย เปรี้ยวปวดท้องจังเลยค่ะ”
พลางก้มตัวลง เห็นเนินอกอูม พัฒนะมองตาค้าง รีบลุกมาประคอง
“เป็นอะไรมากไหมครับ ห้องน้ำอยู่ทางโน้น”
“ไม่ได้ปวดแบบนั้นค่ะ แต่เหมือนปวดเสียดท้อง สงสัยโรคกระเพาะกำเริบ”
“งั้นผมพาไปห้องพยาบาลนะครับ”
เปรี้ยว แกล้งทำหน้าเหยเก กุมท้อง แต่แอบอมยิ้ม
“ ช่วยหน่อยนะคะ เปรี้ยวคงเดินไปคนเดียวไม่ไหวแน่ค่ะ”
พัฒนะโอบประคองเปรี้ยวเดินออกจากห้อง
“อย่าเพิ่งเป็นอะไรนะครับ เดี๋ยวก็ถึงห้องพยาบาลแล้ว”
ไอวี่แอบอยู่มุมห้องด้านนอก มองสองคนเดินไปอีกทาง ก็อมยิ้มอย่างมีเลศนัย ก่อนจะผลุบเข้ามาในห้อง พลางหยิบใบสมัครจริญญาจากในตะกร้ามา ดึงรูปจริญญาออก แล้วเปลี่ยนรูปของตัวเอง ก่อนที่จะใช้น้ำยาลบคำผิดบนโต๊ะ ป้ายที่เบอร์โทรศัพท์ แล้วเขียนเบอร์ตัวเองลงไปแทน
“คราวนี้ล่ะ จะได้รู้ว่าใครกันแน่ที่เหมาะสมกับตำแหน่งนี้ เชอะ”
ไอวี่ยิ้มกริ่ม
ไอวี่เดินยิ้มออกมาหน้าโรงแรมมาเจอเปรี้ยวที่ยืนชะเง้อรออยู่
“เป็นไงบ้างแก? สำเร็จไหม?”
“มือชั้นนี้แล้ว มีหรือจะไม่สำเร็จ ขอบใจแกมากนะเปรี้ยว ไม่ได้นางเอกตุ๊กตาทองอย่างแก ฉันก็ทำไม่ได้ล่ะ”
“ไม่เป็นไร แต่ฉันก็ดีใจนะที่แกไม่ต้องไปง้อไอ้ห้วงูคนนั้น แค่มันพาฉันไปห้องพยาบาล มันยังแกล้งแต๊ะอั๋งตลอดทางเลย”
ไอวี่ ส่ายหน้าอย่างนึกรังเกียจ “ไอ้นี่มันหัวงูกับทุกคน ทุเรศจริงๆ”
“ฉันลงทุนช่วยขนาดนี้แล้วแผนแกสำเร็จแน่นะ”
“ฉันออกมาแอบดูนอกห้อง เห็นอีตานั่นเอาเอกสารที่ฉันแอบเปลี่ยนไปยื่นให้หัวหน้าแล้วน่ะสิ มันไม่ได้
สังเกตหรอกว่าชื่อกับรูปถ่ายไม่ตรงกัน เพราะรูปถ่ายที่รีทัชแล้วเหมือนกันหมดทุกคนน่ะแหละ”
“ขอให้แกได้งานเย้ยนังดารานั่นสมใจซะทีนะ”
เปรี้ยวอวยพรเพื่อน จากนั้นทั้งคู่ก็หันมาหัวเราะให้กัน
ไอวี่กำลังเดินเข้าอาคารเรียน ป้อมเห็นจึงเรีบเข้าไปทัก
“พี่ไอวี่ รออยู่หลายวันเลย หายไปไหนน่ะ”
“ฉันก็มีธุระของฉันบ้างสิ มีอะไรหรือเปล่า”
“ผมมีข่าวงานใหม่จะมาบอกพี่ เป็นงานเหมาะกับพี่เลยนะ” ป้อมพูดด้วยน้ำเสียงรื่นเริง
“ไม่ต้องแล้วล่ะ ฉันเพิ่งได้งาน ขอบใจ ป้อมนี่ก็น่ารักเหมือนกันนะ”
ป้อมยิ้มๆ รู้ทัน “จะให้ทำอะไรหรือเปล่า หิวข้าวใช่ไหม”
ไอวี่เกาะแขนป้อม “ป้อมรู้ใจฉันเสมอเลย”
ป้อมพาไอวี่เดินเข้ามาในร้านอาหารที่จัดแต่งแบบบ้านๆ ไอวี่มองรอบๆ ไม่ค่อยปลื้ม ป้อมจัดแจงขยับโต๊ะเก้าอี้ให้ดีให้ไอวี่นั่ง
“ร้านเล็กๆกะทัดรัด ไม่หรู แต่อาหารอร่อยนะครับ”
เสียงคนผัดกับข้าวตะโกนถามมา
“อ้าว จะกินอะไรก็จดใส่กระดาษมาเลย”
ไอวี่ทำท่ารังเกียจ ที่ควันอาหารคลุ้งทั่วร้าน
“ควันโขมงเลย นี่ฉันเพิ่งสระไดร์มาแท้ๆ กลิ่นติดผมกันพอดี”
“นิดหน่อยน่าพี่ ผมหิวแล้ว สั่งอาหารเหอะ มื้อนี้เต็มที่”
ไอวี่ มองป้อมค้อนๆ
“แหม คิดว่าจะพาไปเลี้ยงข้าวร้านดีๆหน่อย”
“โอย ร้านหรูๆน่ะ ช่วงนี้ผมไม่มีปัญญาเลี้ยงหรอก ต้องประหยัดนิดนึง ผมไม่อยากขอเงินพี่สาว
มากว่านี้”
ป้อมดูเมนูแล้วจดรายการอาหาร ไอวี่แอบมองป้อมสีหน้าหยันนิดๆ
“พี่สาวเธอมีงานทำ ส่งน้องชายได้ขนาดนี้ก็เก่งนะ”
“ถ้าผมเรียนจบจะให้พี่สาวกับแม่เลิกทำงานเลย ผมจะหาเลี้ยงแม่กับพี่สาวเอง”
ป้อมพูดอย่างมุ่งมั่น
“เธอยังดี ที่มีคนส่งเสียให้เรียน ฉันสิ ต้องดิ้นรนเองทุกอย่าง”
“ทนหน่อย เดี๋ยวพี่ก็จะจบแล้ว จบเมื่อไหร่จะพาไปฉลองร้านหรูๆเลย”
ไอวี่ ยิ้มขำ “เอาให้จบก่อนเถอะ อย่ามาขี้คุยเลย”
ป้อมมองไอวี่ตาเป็นประกายมีความสุข
จากนั้นป้อม ก็มาส่งไอวี่ที่หน้าหอพัก
“วันนี้เป็นพิเศษมากเลย ที่พี่ยอมไปกินข้าวกับผมอีก”
“จะมาอีกเมื่อไหร่ก็ได้ ป้อมก็เป็นคนที่ฉันไว้ใจอีกคน”
ป้อม ยิ้ม ดีใจ “จริงเหรอ”
“ทำไมจะไม่ได้ เธอน่ะ เป็นคนดี มีน้ำใจ ใครได้เป็นแฟนนี่ ก็ถือว่าโชคดีนะ”
“จริงเหรอพี่ไอวี่”
ไอวี่ยิ้ม ๆ แล้วเดินเข้าหอพักไป ป้อมมองตามอย่างมีความหวัง
อ่านต่อตอนที่ 12