xs
xsm
sm
md
lg

ดงดอกงิ้ว ตอนที่ 9

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ดงดอกงิ้ว ตอนที่ 9

ระรินหงุดหงิดที่ติดต่อศึกรบไมได้ ก็เลยโวยวายเสียงลั่นกองถ่าย แจ๊สถือถุงอาหารเข้ามา ถึงกับหน้าตาตื่นเมื่อได้ยินเสียงกรี๊ดของระริน พลางรีบตาลีตาเหลือกวางถุงอาหารวิ่งเข้ามามองหาระริน

“เกิดอะไรขึ้นริน ริน กรี๊ดทำไม ริน”
ระรินขว้างมือถือลงที่โซฟาร้องกรี๊ดๆไม่พอใจ
“อุ๊ยตาย อุ๊ยตาย เป็นอะไรเนี่ยริน คุยกันก่อนเป็นอะไร”
ระรินชี้ที่มือถือ
“เขาจงใจหนีฉัน บล็อกไลน์ฉันด้วย ฉันไม่ยอม”
ระรินกรี๊ดดังลั่น แจ๊สหันรีหันขวาง ทีมงานเข้ามามุงดูว่าเกิดอะไรขึ้น แจ๊สรีบเขย่าให้ระรินรู้สึกตัวก่อนที่จะยืนบอกกับทุกคน
“ขอโทษที่เสียงดังนะฮะ คือ เอ่อ ระรินกำลังซ้อมบทอยู่น่ะค่ะขอโทษนะคะทุกคน”
ทีมงานยังงงๆ กับท่าทางระริน จนต้องแอบมาเม้าท์ลับหลัง
“เขาอ่านบทตอนไหนวะถึงมีกรี๊ดๆแบบนี้ด้วย”
“เอ่อนั่นดิ ร้องซะเหมือนตัวอิจฉาโดนตบเลยอ่ะ”
แจ๊สได้ยินไม่พอใจ รีบไล่ทีมงานออกไป
“ไม่ใช่เรื่องนี้หรอกย่ะ ไปได้แล้วระรินต้องการสมาธิ”
พูดพลางรีบคนอื่นๆออกไปจากห้องแล้วรีบล๊อกประตู ก่อนจะเดินตรงเข้ามาหาระริน
“เป็นบ้าอะไรฮะหล่อน แหกปากอย่างกับโดนรุมโทรมแน่ะ ผีเข้าหรือไง”
ระรินเอาแต่ทุบหมอนร้องไห้ แจ๊สมองอย่างรำคาญ
“จะบอกได้ยังว่าใครหนีหล่อนยะ นายสงครามเกลียมัวนั่นรึไง”
“ไอ้บ้านั่นมันถูกเมียฆ่าหั่นศพไปแล้วมั้ง” ระรินพูดอย่างหงุดหงิด “คนที่หนีฉันเป็นคุณรบน่ะสิ
ได้ฉันแล้วคิดจะทิ้งฉัน คอยดูนะฉันจะทำให้เจ็บแสบเลย”
แจ๊สหันไปมองรอบๆ กลัวว่าจะมีใครได้ยินรีบมาปราม
“นี่หล่อนจะพูดจะจาอะไรระวังๆหน่อยได้ไหม หน้าต่างมีหูประตูมีช่องเกิดใครมาได้ยินเข้าแล้วเอาไปพูดขึ้นมาจะทำยังไง”
“ก็ดีน่ะสิ จะได้รู้ๆกันไปซะเลย”
“ว้าย พูดไม่คิดเลย” แจ๊สลงนั่งกุมขมับ “ตาย ตาย ตาย ชะตาชีวิตสาวสวยบริสุทธิ์อย่างเจสซี่จะมาจบลงแบบนี้ไม่ได้นะ”
แจ๊สหันมองระรินแล้วถอนใจ

ที่งานบวงสรวงละคร นักข่าวกำลังรุมดูภาพใน IG ของระรินที่ลงรูปท่าไอเลิฟยู แต่นิ้วชี้แนบที่ปากเหมือนบอกรักใครบางคนอยู่แต่พูดไม่ได้ พร้อมขึ้นสเตตัสว่า “# My L-o-v-e
นักข่าวจับกลุ่มพุดถึงเรื่องนี้ ในเชิงว่าระรินส่งรูปนี้ถึงใคร
“ฉันว่านางกำลังอินเลิฟกับเจมส์ พระเอกร่วมค่ายคนเดิมที่เคย เป็นข่าวนะ เธอว่าไหม”
“แต่ข่าวว่านางคายพระเอกตาหวานนั่นไปแล้วนะ เพราะนางสูบซะจนหมดความหวานแล้วอ่ะ”
“แต่ฉันว่าลักษณะท่าทางหวานแหววแบบนี้ น่าจะเป็นเหยื่อรายใหม่ที่นางเกี่ยวติดมากกว่านะ”
“เออจริง เพราะวีคที่แล้วนางก็แย้มๆมาทีแระว่ามีหนุ่มนอกวงการ”
“แล้วใครอ่ะ”
ทุกคนมองหน้ากัน แล้วก็มีกลุ่มนักข่าวสำนักอื่นๆวิ่งผ่านไปมีเสียงบอกว่า
“ระรินลงมาอยู่ที่แบ็คดร็อปแล้วไปเร็ว”
นักข่าวรีบกรูกันไปทันที

ระรินยืนอยู่หน้าแบ็คดร็อปท่ามกลางวงล้อมของนักข่าวมากมายที่รุมถามคำถามอื้ออึงไปหมด ระรินยิ้มสู้กล้อง พยายามฟังที่นักข่าวถาม
“คะ ว่าไงนะคะ”
“มีคนสงสัยว่าใน IG ของระรินที่โพสรูปนี้ต้องการสื่อถึงใคร เป็นพิเศษหรือเปล่าคะ”
ระรินยิ้มหวาน “ ก็ไม่มีอะไรค่ะ”
“แต่สเตตัสเขียนว่า my love แสดงว่าต้องส่งให้คนรักหรือเปล่าครับ”
ระรินแกล้งทำหน้าเขิน “ก็ทำนองนั้น”
นักข่าวได้ยินคำตอบต่างฮือฮามากกว่าเดิม รีบรุกถามต่อทันที
“บอกได้ไหมคะว่าใคร”
“ ขอไม่บอกได้ไหมคะ”
“มีข่าวแว่วๆว่าเป็นไฮโซจริงหรือเปล่าครับ”
ระริน มองคนที่ถามยิ้มๆ
“เอาเป็นว่าเขาเป็นคนที่รินคิดว่าใช่ที่สุดในเวลานี้แล้วกันนะคะ”
นักข่าวฮือฮากันอีกครั้งกับคำตอบ ระรินพยายามมองหานักข่าวที่ถามตรงประเด็นจนได้ยินนักข่าวที่อยู่ไกลๆถาม
“บอกใบ้นิดได้ไหมคะ”
“อะไรนะคะ อยากรู้ว่าเขาเป็นใครเหรอคะ เอาเป็นว่าเขาเป็นคนมีเสน่ห์ ทั้งหล่อและรวย เคยเป็น
ดารานายแบบที่มีชื่อเสียงมาก่อน และตอนนี้เป็นเจ้าของ รร. ”
นักข่าวฮือฮาหนักขึ้น แล้วรีบป้อนคำถามต่อ
“โรงเรียนเหรอคะ”
“หรือว่าโรงแรม”
“หมายถึงระรินหรือเปล่า”
ระรินแกล้งหัวเราะเขิน มองนักข่าวไปมาแล้วดึงไมค์มาใกล้ๆ
“อะไรนะคะ อยากรู้อักษรย่อเหรอคะ จะดีเหรอคะบอกอักษรย่อพี่ๆนักข่าวก็สืบจนรู้สิคะ เดี๋ยวนี้พี่ๆ
เก่งจะตาย บอกก็ได้ค่ะเขามีอักษรย่อ ร.เรือ ค่ะ”
นักข่าวงงเป็นไก่ตาแตกเดากันให้มั่วไปหมด

ระรินยิ้มระรื่นสะใจ

สู่ขวัญดูคลิปที่ระรินให้สัมภาษณ์ในไอแพดด้วยความโกรธ มีนาปิดไอแพดลงด้วยความโมโหเช่นกัน

“นังหน้าโบท็อกซ์มันให้ข่าวแบบนั้นได้ยังไงกัน แบบนี้ทุกคนก็เพ่งเล็งมาที่คุณรบน่ะสิ”
สู่ขวัญกำมือแน่นด้วยความโกรธ
“เขาต้องการจะแย่งรบไปจากฉันให้ได้”
“นังนี่มันร้ายมาก มันใช้สื่อมาผูกมัดตัวคุณรบ” พลางหันมามองส่ขวัญด้วยความเป็นห่วง “เธอจะทำ
ยังไงอ่ะขวัญ ไหนว่าเขาไม่มีอะไรกับมันไง แล้วทำไมมันออกมาประกาศปาวๆแบบนี้ได้ล่ะ”
-สู่ขวัญพยายามกลั้นไว้แต่ไม่สามารถนิ่งต่อไปได้
“มันทำได้ฉันก็ทำได้”
หน้าของสู่ขวัญดูดุดันและเย็นชา

ในขณะที่สาธร ก็ถือไอแพดอ่านข่าวเดียวกันให้ศึกรบฟัง
“ระรินเผยซุ่มเงียบคบหนุ่มอักษรย่อ ร.เรือ เจ้าของโรงแรมหรือไม่ก็โรงเรียน แถมโพสไอจีหวานแหวว...
เขาคงไม่ได้หมายถึงแกใช่ไหมวะบอส”
สาธรแกล้งถามแหย่
“ใบ้ซะขนาดนั้นคงไม่ใช่หรอกมั้ง”.
“เฮ้ย แกทั้งบล็อก ทั้งลบช่องทางการติดต่อเขา เขาจะมาโมเมว่าสัมพันธ์รักยังดีอยู่ได้ยังไง”
“ก็เพราะมันโมเมได้ไง ถึงต้องพูดให้แกฟังเนี่ย ถ้าขวัญรู้ขึ้นมาต้องเข้าใจผิดแน่”
ศึกรบหน้าเครียด
“ไม่ใช่แอ๊บว่าไม่มีอะไร แต่ลับหลังไปลั้นลากันมานะโว้ย” สาธรดักคอ
“เฮ้ย คนอย่างศึกรบบอกว่าเลิกก็เลิก ไม่มีมุบมิบแน่”
“ระวังไว้ให้ดีแล้วกัน”
“ฉันรู้ ระรินเขาน่ากลัวกว่าคนอื่น นี่เล่นยันสื่อมวลชนก็ไม่ธรรมดาแล้ว”
“จริงของแก” สาธรพยักหน้าเห็นด้วย “คนแบบระริน ลองได้เกาะแล้วอย่างกับปลิง สลัดยังไงก็ไม่หลุด”
“ฉันยังรักขวัญอยู่ รักมากๆ ฉันจะไม่ยอมให้คนๆเดียวมาทำทุกอย่างที่สร้างมาพังแน่”
สาธรลุกมาตบบ่าศึกรบ เชิงปลอบใจ ศึกรบดูกังวล

ปองฤทัยกำลังจัดดอกไม้เตรียมให้ลูกค้าที่กำลังจะมารับ พลางเหลือบสายตามองไปหน้าร้าน ก็เห็น
ศึกรบเดินเข้ามา
“คุณรบ”
ศึกรบเข้ามาในร้าน ยิ้มเหนื่อยๆ ให้ ปองฤทัยออกมารับอย่างตื่นเต้น
“รับดอกไม้หรือว่า”
“ผมมาสั่งดอกไม้ครับ ช่วยจัดให้สวยๆสักช่อนะครับ”
“กุหลาบขาวเหมือนเดิมใช่ไหมคะ”
ศึกรบพยักหน้า
“ครับ แต่จะมีดอกอื่นเข้าช่อด้วยก็ได้นะครับ ปกติแล้วผมจะฝากเลขาสั่งดอกไม้ให้ แต่คราวนี้ผมอยากมาสั่งเอง เพราะผมชอบฝีมือจัดดอกไม้ของคุณ”
“ขอบคุณมากเลยนะคะ” ปองฤทัย ยิ้มดีใจ “รับรองปองจะจัดให้อย่างสุดฝีมือเลย”
พลางทำท่าจะไปเลือกดอกไม้มาจัด ศึกรบเรียกไว้
“เดี๋ยวก่อนครับคุณปอง”
“คะ?”
“ผมขอกาแฟด้วยนะครับ เพราะว่าผมไม่ได้ชอบดอกไม้คุณอย่างเดียว”

ปองฤทัย ยิ้มเขิน “ได้ค่ะ อเมริกาโน่ร้อนเหมือนเดิมนะคะ”
 
อ่านต่อหน้า 2

ดงดอกงิ้ว ตอนที่ 9 (ต่อ)

ศึกรบกลับมาบ้าน พลางเดินถือช่อดอกไม้ตามหาสู่ขวัญทั่วบ้าน ไปจนถึงโต๊ะกินข้าว บนโต๊ะมีอาหารวางอยู่แต่ไม่มีใคร ศึกรบหน้าเศร้า คิดว่าสู่ขวัญไม่ยอมกินข้าวด้วย

“กินอะไรมารึยังคะรบ”
ศึกรบหันไป เจอสู่ขวัญ ดีใจมาก
“ขวัญ”.
“แล้วดอกไม้นั่น”
ศึกรบเดินถือช่อดอกไม้เข้าไปให้
“ให้ขวัญ เนื่องในโอกาสอะไรคะเนี่ย”
สู่ขวัญถามอย่างอารมณ์ดี ศึกรบแอบแปลกใจที่สู่ขวัญไม่โกรธ พลางคิดว่าไม่รู้เรื่องข่าว
“ก็ผมอยากให้ภรรยาคนสวยของผม ต้องมีโอกาสอะไรด้วยเหรอ ให้ทุกวันได้ผมคงให้ไปแล้ว”
สู่ขวัญตีศึกรบเบาๆ
“ รบก็ให้ทุกวันขวัญก็ไม่มีที่เก็บสิคะ มา กินข้าวกันดีกว่า ขวัญทำอาหารที่คุณชอบไว้เยอะเลย”
สู่ขวัญเดินนำไปที่โต๊ะ เตรียมจัดจานให้ ศึกรบมองอย่างสงสัย
“วันนี้คุณดู…
สู่ขวัญเงยหน้ามาถาม “ เป็นยังไงคะ”
“น่ารักเป็นพิเศษล่ะมั้ง”
“ขวัญน่ารักอยู่แล้วนะ รบเองรึเปล่าที่คิดว่าขวัญใจร้าย” สู่ขวัญย้อนถาม
“ไม่หรอก ขวัญน่ะใจดีจะตาย ผมรู้”
ศึกรบยืนเงียบๆ นึกอยากถามเรื่องข่าวแต่ไม่กล้า
“ใจดีสิคะ ถึงจะมีข่าวอะไรที่เสียหายเกี่ยวกับคุณ ขวัญก็ยังใจดีอยู่”
ศึกรบตกใจ “ ขวัญรู้? เรื่องข่าวนั้น”
“รู้สิคะ”
พลางเดินมาหา และมองหน้าศึกรบ
“เราเคยเจอเรื่องเข้าใจผิดจนเกือบจะแย่มาแล้ว ขวัญไม่อยากให้เป็นแบบนั้นอีก ขวัญเลยบอกกับตัวเอง
ว่า ไม่ว่ายังไง ขวัญเชื่อใจคุณ”
ศึกรบมองสู่ขวัญมีความหมาย ซึ้งใจที่สู่ขวัญเชื่อ
ในขณะที่อีกมุมหนึ่ง พรที่แอบมองทั้งคู่อยู่ แอบหยิบมือถือมาถ่ายรูปคนทั้งคู่ไว้

ทางด้านระริน อยู่ที่คอนโด ก็นั่งเปิดคอมพิวเตอร์อ่านข่าวที่ตัวเองเป็นคนปล่อย พลางยิ้มพอใจ สักพักมีข้อความเข้าในมือถือ ระรินเดินฮัมเพลงไปหยิบมาดูอย่างอารมณ์ดี
แต่แล้วก็ถึงกับอึ้ง สักพักก็กรี๊ดออกมา เพราะรับไม่ได้
“ยัยสู่ขวัญ จะเล่นกันแบบนี้เหรอ ได้ อย่าคิดว่าฉันจะหยุด ฉันยังมีไม้เด็ดอยู่ คอยดูเถอะ”
ระรินปาโทรศัพท์ทิ้ง เดินหงุดหงิดออกไป
ที่หน้าจอมือถือของระริน เห็นรูปสู่ขวัญกับศึกรบสวีทกันชื่นมื่น ที่พรถ่ายไว้ เปิดค้างอยู่

ปองฤทัยเดินจัดร้านไปมา รอลูกค้าเข้า สักพักก็มีเสียงเหมือนคนเข้ามา รีบวางมือ แล้วหันไปยิ้มต้อนรับ
“สวัสดีค่ะ จะรับ...”
“ดอกไม้หรือกาแฟดีคะ” ชโยดมที่เดินเข้ามาพูดต่อให้
ปองฤทัยเห็นชโยดมก็ยิ้มกว้าง รีบเข้าไปต้อนรับ
“คุณหมอ ล้อเลียนปองเหรอคะ”
“ ผมเปล่านะ แค่มันติดหูน่ะ เข้ามาทีไรก็ประโยคนี้ตลอดเลย”
“ก็ร้านปองขายแค่กาแฟกับดอกไม้นี่คะ ว่าแต่คุณหมอเถอะ คาปูชิโน่อีกรึเปล่า”
ชโยดม มองหน้าปองฤทัย ยิ้มๆ“อย่างผมต้องคาปูชิโน่อยู่แล้วครับ”
“ว่าแล้วเชียว สักครู่นะคะ”
ปองฤทัยเดินไปชงกาแฟที่เคาท์เตอร์ ชโยดมตามไปนั่งใกล้ๆ พลางมองไปรอบๆ แล้วก็พูดขึ้นมา
“ผมคงคิดถึงกาแฟหอมๆ ดอกไม้สวยๆในร้านนี้แย่เลย”
ปองฤทัยชะงัก แปลกใจ
“คุณหมอพูดเหมือนจะไปไหนไกลๆ เลย”
“สำหรับคนอื่นอาจจะไม่ไกลหรอกครับ แต่ในความรู้สึกของผมตอนนี้มันไกลมาก คือผมต้องกลับไปทำงานต่างจังหวัดแล้ว”
ชโยดมหน้าเศร้า
“จริงเหรอคะ ไปนานรึเปล่า”
“บอกไม่ได้เหมือนกันครับ คุณปองต้องดูแลคุณแม่ให้ดีนะครับ บอกให้ท่านพักผ่อนมากๆ”
“ค่ะ ปองจะดูแลคุณแม่ ตามที่คุณหมอบอกทุกอย่างเลย”
ปองฤทัยพูดยิ้มๆ แต่ในใจแอบเศร้า
ภายในร้าน กำลังเปิดข่าวช่อง 8 พอดี ชโยดมกับปองฤทัยหันไปดูแล้วก็ต้องแปลกใจ เพราะภาพในจอ พิธีกรสองคน กำลังกำลังเม้าท์ข่าวในวงการบันเทิงออกรส
“เอาล่ะค่ะ ข่าวต่อไป ตอนนี้เรียกว่าเป็นกระแสฮอตในโซเชียลกันเลย กับข่าวฉาวของระริน ที่ตั้งแต่เจ้าตัวปล่อยรูปไอเลิฟยูไปถึงหนุ่มคนหนึ่งที่เจ้าตัวเองบอกว่าชื่อย่อ ร.เรือ ลงไอจี คนก็ฮือฮากันไปทีนึงแล้วใช่ไหมคะ คราวนี้มาเด็ดกว่านั้นค่ะ เพราะว่ามาเป็นคลิปกันเลยทีเดียว”
พิธีกรคนแรกรายงานข่าวอย่างออรส ในขณะที่อีกคนรีบเสริม
“ซึ่งคลิปที่ว่านี่ก็คือคลิปที่เจ้าตัวกำลังย่องขึ้นคอนโดกับหนุ่มคนนึง แถมเจ้าตัวออกมารับหน้าตาเฉย ว่าเป็นตัวเอง คาดว่าหนุ่มคนนี้คงจะเป็น หนุ่ม ร.เรือที่ถูกพูดถึงคราวก่อนแน่นอน”
“ก็เกิดการคาดเดากันไปต่างๆนานาค่ะว่า หนุ่มร. ที่เจ้าตัวพาขึ้นคอนโดเป็นใคร”
“ตัดช้อยส์กิ๊กเก่าแบบหนุ่มเจมส์ไป ตอนนี้ที่เข้าข่ายก็มีทั้งนักร้อง นักแสดง และไฮโซ”
“แต่กระแสที่มาแรงแบบสุดๆ ตอนนี้เขาร่ำลือว่าเป็นหนุ่มใหญ่เซเลบในวงการไฮโซบ้านเรา แบบคุณสงคราม กับคุณศึกรบผู้บริการโรงแรมเลอวิมาน ซึ่งมันแซ่บตรงที่ ทั้งคู่มีภรรยาแล้วค่ะคุณ”
พิธีกรคนแรก ตั้งข้องสังเกต
“มันก็เป็นไปได้ว่ารักครั้งนี้ของสาวระริน อาจจะตกอยู่ในสภาวะมือที่สามซะแล้ว แต่หนึ่งในหนุ่มที่ถูกพาดพิง ก็คือคุณศึกรบเนี่ย มีข่าวออกมาว่าเจ้าตัวกับภรรยาไม่ได้จดทะเบียน ซึ่งตอนนี้ฝ่ายชายยังไม่ได้ออกมาให้ข่าวอะไร ก็ต้องติดตามกันต่อไป”

“ไปที่ข่าวต่อไปนะคะ”

ชโยดมละสานตาจากจอทีวี สีหน้าเป็นกังวล

“ผมว่ายังไงคนในคลิปนั่นต้องเป็นเขาแน่ๆ”
ปองฤทัยแปลกใจ ที่จู่ๆชโยดมก็พูดเรื่องนี้ขึ้นมา
“ใครเหรอคะคุณหมอ”
ชโยดมอ้าปากกำลังจะตอบ แต่เสียงของป้อมดังแทรกขึ้นมาก่อน
“ผู้ชายเป็นไงไม่รู้ แต่ฝ่ายหญิงน่ะแซ่บอย่างที่ข่าวเขาว่าเลยนะพี่ปอง”
ป้อมพูดพลางเดินเอาแก้วที่ไปล้างออกมาจากหลังร้าน
“ตามข่าวดารากับเขาเหมือนกันเหรอเราน่ะ”
“เอ้า เขาพูดกันให้ว่อนเน็ต คนงี้ตั้งสเตตัสถึงเป็นสิบเลย เพื่อนป้อมด้วย มันก็น่าพูดอยู่หรอก ดาราคนนี้ตั้งกะรู้จักมามีแต่ข่าวกับผู้ชายตลอดเล้ย”
“จริงเหรอ ดูไม่ดีเลยนะ มีแต่ข่าวแบบนี้” ปองฆฤทัยเบ้ปากย่างนึกรังเกียจ
“ข่าวไม่ดี แต่หุ่นนี่ดีมากพี่ปอง ป้อมให้ห้าดาว เซ็กซี่ม้ากก พูดเลย”
ป้อมพูดขำๆ ปองฤทัยตีแขนน้องชายเบาๆ
“ทะลึ่งจริง น้องใครเนี่ย”
ชโยดมไม่ขำด้วย พูดหน้าเครียด
“ฝ่ายชายเองก็ไม่ได้ดีไปกว่ากันหรอกครับ เขาก็ไม่ได้ดีพอจะให้ผู้หญิงคนไหนมาเป็นข่าวเสียหายขนาดนี้เพื่อเขา หรือแม้แต่จะทำทุกอย่างเพื่อแย่งเขาด้วยซ้ำ”
ปองฤทัยกัปป้อมมองชโยดม ไม่ค่อยเข้าใจว่าหมายถึงอะไร

ทันทีที่ระรินเดิน ที่เดินเชิดหน้าเข้ามาในโรงแรมเลอวิมาน พนักงานต่างมองกันเป็นตาเดียว พลางซุบซิบถึงระรินไปตลอดทาง ระรินเดินมาจนถึงเคาน์เตอร์ต้อนรับ
“มาพบคุณศึกรบค่ะ”
พนักงานเห็นระริน ตกใจมาก
“คุณระริน”
“รู้จักฉันด้วยเหรอคะ” ระรินย้อนถาม
“รู้จักสิคะ แหม คุณระรินดังจะตาย”
ระรินยิ้ม “จะให้ฉันเข้าไปข้างในได้รึยังคะ”
พนักงานอึกอัก “เอ่อ ไม่ทราบว่าได้นัดไว้รึเปล่าคะ”
“เปล่าค่ะ แต่มีธุระด่วน ตกลงจะยังไงคะ เข้าไปได้ไหม”
“อ๋อ ได้ค่ะได้ เชิญเลยค่ะ”
ระรินยิ้มให้พอเป็นพิธี แล้วเดินเข้าไปจนถึงโต๊ะแสงดาว แสงดาวรีบลุกออกไปต้อนรับ
“มาพบคุณรบเหรอคะ”
ระรินหยุดเดิน หันไปมองแสงดาว
“อ๋อ เลขาคุณรบนี่เอง ใช่ คุณรบอยู่ไหม”
“อยู่ค่ะ แต่ว่าติดประชุมอยู่ คงต้องรอสักพัก”
“ไม่เป็นไร ฉันจะรอตรงหน้าห้อง คุณรบมาแล้วบอกฉันด้วย”
ระรินไม่รอให้แสงดาวตอบ รีบเดินไปนั่งรอหน้าตาเฉย แสงดาวมองตามคิดอะไรบางอย่าง
จากนั้นก็แอบเดินหลบออกมาหน้าห้องน้ำ รีบกดโทรศัพท์หาสู่ขวัญ
“ฮัลโหล”
“คุณขวัญเหรอคะ ดาวมีเรื่องจะบอกค่ะ สำคัญมากๆ”
“เรื่องอะไร?” สู่ขวัญถามอย่างร้อนใจ
“ระรินค่ะ คุณระรินมาหาคุณศึกรบที่ออฟฟิศ”
สู่ขวัญเงียบไป ในขณะที่แสงดาวแอบยิ้ม

ระรินนั่งรอศึกรบอย่างกระวนกระวาย แสงดาวนั่งที่โต๊ะ คอยสังเกตอยู่ตลอดเวลา จนกระทั่งศึกรบเดินออกจากห้องประชุม ท่าทางเหนื่อยๆ ระรินเห็นศึกรบ รีบลุกขึ้นเดินไปหาทันที
“รบคะ”
ศึกรบตกใจที่เจอระริน
“ริน มาได้ยังไง?”
“ไม่ต้องรู้หรอกค่ะ แต่รินอยากคุยกับคุณ ทำไมคุณไม่รับสายรินเลย”
พนักงานคนอื่นเริ่มหันมามอง ศึกรบรีบคว้าแขนระริน
“เข้าไปคุยในห้องดีกว่า ตรงนี้คนเยอะเกินไป”

ศึกรบลากระรินให้เดินตามตัวเองไป แสงดาวมองตามอย่างเจ็บใจ
 
อ่านต่อหน้า 3

ดงดอกงิ้ว ตอนที่ 9 (ต่อ)

ศึกรบลากระรินให้เดินตามตัวเองไป แสงดาวมองตามอย่างเจ็บใจ

“ทำไมคุณถึงมาที่นี่”
ศึกรบถามอย่างร้อนใจ ทันทีที่อยู่ด้วยกันตามลำพังในห้องทำงาน
“ก็รินบอกแล้วว่าคุณไม่รับสายริน ไลน์ไปก็ไม่ตอบ รินอยากเจอคุณ รินก็มาหาคุณ รินผิดตรงไหนคะ
ศึกรบ หน้าเครียด
“แต่นี่มันที่ทำงานผม คนอยู่กันเยอะไปหมด ถ้าคนเห็นแล้วเอาไปพูดจะทำยังไง”
ระรินยักไหล่ “รินไม่สนใจหรอกค่ะ ใครจะพูดไงก็ช่าง”
“โธ่ ริน ทำไมไม่ฟังผมบ้าง”
ระรินพุ่งเข้ามากอดศึกรบ
“ก็รินคิดถึงคุณ คิดถึงคุณจริงๆ อย่าทำแบบนี้กับรินเลยนะคะ รินขอร้อง”
ศึกรบอึ้ง พลางโอบแขนกอดตอบ ลูบผมระรินเป็นเชิงปลอบ ระริแกล้งบีบน้ำตา ร้องไห้สะอึกสะอื้น
สู่ขวัญเปิดประตูผลัวะเข้ามาพอดี
“รบ”
ศึกรบสะดุ้งรีบปล่อยตัวระริน เห็นสู่ขวัญยืนอยู่ที่หน้าประตู หน้าตาบึ้งตึง
สู่ขวัญ เดินเข้ามากระชากระรินให้ออกห่างจากศึกรบ
“ที่นี่ไม่ใช่ที่ของเธอ มานี่”
จากนั้นก็ดึงระรินออกไป ศึกรบยืนเหวอ

สู่ขวัญลากตัวระรินออกมาข้างนอก ระรินสะบัดตัวออก
“ยัยบ้า จะทำอะไรของเธอ”
สู่ขวัญ จ้องหน้าระริน
“ฉันจะทำให้เธอรู้ไงว่าที่นี่ไม่ใช่ที่ที่เธอจะเข้าจะออกได้สบายใจ ในเมื่อทุกตารางนิ้ว มันเป็นสิทธิ์ของฉัน”
“อ๋อ จะอวดงั้นเหรอว่าเธอสั่งอะไรก็ได้ในนี้ ใหญ่จริงนะ”
สู่ขวัญ เชิดหน้ายิ้มๆ
“ไม่ได้ใหญ่ธรรมดาด้วย เพราะทั้งที่ดิน หุ้น สิทธิ์การบริหารทั้งหมดเป็นของฉัน ถ้าฉันไม่ให้เธออยู่ เธอก็ไม่มีสิทธ์ รปภ.”
สิ้นเสียงของสู่ขวัญ แสงดาว ก็วิ่งนำบรปภ. 3 คนเข้ามา
“รปภ.มาแล้วค่ะคุณขวัญ”
“พาคุณคนนี้ออกไป ห้ามมีการเห็นใจอะไรทั้งสิ้น เพราะฉันไม่อนุญาต”
รปภ.พยักหน้ารับคำสั่ง พลางเข้ามาลากระรินออกไป ระรินจะขัดขืนแต่ก็สู้แรงไม่ได้ ทำได้แต่เพียงตะโกนเสียงดังไปตลอดทาง
“หยาบคายที่สุด ฉันเป็นแขกนะ ทำแบบนี้กับฉันได้ยังไง ฉันจะฟ้องให้หมด ว่าไอ้โรงแรมนี้มารยาททราม ปล่อยฉันนะ ปล่อย”

สู่ขวัญเดินเข้าบ้านไม่พูดไม่จา ศึกรบตามมาขวางสู่ขวัญไว้
“ขวัญ หยุด คุณต้องฟังผมก่อน”
สู่ขวัญมองศึกรบ แววตาตัดพ้อ
“ฟัง? ฟังทุกครั้งเลยเหรอคะรบ จะให้ขวัญต้องฟังคุณอีกกี่ครั้งคุณถึงจะพอใจ แค่ที่เห็นกับตาวันนี้ยังไม่พอเหรอ”
“เพราะอย่างนี้ไงคุณถึงต้องฟัง ระรินเขามาหาผมเอง ผมไม่ได้อยากคุยกับเขาเลย”
สู่ขวัญยิ้มหยัน
“อ๋อ เขามาหาเอง แล้วทำไมต้องให้เขาเข้ามาถึงในห้องด้วยล่ะคะ รบสิที่ต้องฟังขวัญ ผู้ชายถ้ามันไม่เปิดโอกาสให้ก่อน ผู้หญิงที่ไหนจะกล้าเข้าไปหาถึงในนั้น”
“โธ่ คุณไม่รู้ว่าระรินเป็นยังไง”
“แล้วทำไมคุณถึงรู้ล่ะ” สู่ขวัญย้อน “สนิทกันขนาดรู้นิสัยใจคอ แล้วทำไมคุณไม่รู้ว่าขวัญเป็นยังไง! คุณพายัยนั่นขึ้นคอนโด ขวัญเห็นจากในคลิปหมดแล้ว คุณจะอธิบายยังไง”
-ศึกรบอึ้ง สู่ขวัญเดินเข้ามาเริ่มทุบตีศึกรบเป็นพัลวัน
“ทำไม ทำไมคุณทำแบบนี้กับขวัญ ทำไมต้องนอกใจขวัญ ทำไม ทำไม”
ศึกรบพยายามปัดป้อง พลางพูดแก้ตัวไปด้วย
“ขวัญ ใจเย็นก่อน คลิปนั่นมันไม่มีอะไรเลย ผมไม่ได้มีอะไรกับระรินทั้งนั้น”
“คุณคิดว่าขวัญโง่มากนักเหรอ โง่ซ้ำซากให้คุณโกหกครั้งแล้วครั้งเล่า หลักฐานชัดขนาดนี้คุณยังจะแก้ตัวอีกเหรอ”
“ขวัญ ผมไม่ได้แก้ตัว”
สู่ขวัญ สูดลมหายใจเข้าปอด เหมือนพยายามระงับความโกรธ

“ขวัญจะไม่เชื่อคุณอีกแล้ว วันนี้ขวัญไม่อยากเห็นหน้าคุณ เชิญเก็บข้าวของแล้วคุณอยากจะไปหาใครที่ไหนก็เชิญ”

สู่ขวัญนั่งใจลอย คิดไม่ตกว่าจะทำอย่างไรต่อไป ชโยดมก็เดินเข้ามาในบ้าน มองหาสู่ขวัญ

“พี่ขวัญ อยู่นี่เอง พอโทรไปก็รีบมาเลย”
“โย”
ชโยดมเห็นพี่สาวนั่งหน้าเศร้า ก็รีบเข้าไปนั่งข้างๆ พลางถามด้วยความเป็นห่วง
“เป็นยังไงบ้าง”
สู่ขวัญนิ่งไปสักพักแล้วก็ทนไม่ไหว ร้องไห้โฮ ชโยดมลูบหลังปลอบใจ
“ร้องออกมาเลยพี่ขวัญ ร้องออกมาให้หมด”
“โย พี่ไม่ไหวแล้ว
“พี่สาวผมต้องเข้มแข็งนะ พี่ต้องอดทน” ชโยดมพยายามปลอบใจ
“พี่ไม่อยากทนแล้วโย มันหนักเกินไป พี่อยากหย่า”
ชโยดมตกใจ
“พี่ขวัญว่าอะไรนะ”
“พี่จะขอหย่ากับเขา”

ในขณะที่ศึกรบก็ขนข้าวของเข้ามามาที่บ้านพ่อแม่ ทรงยศเดินไปมา บ่นศึกรบแบบหัวเสีย
“ไอ้ลูกชายนะ ไอ้ลูกชาย ถ้าเกิดคราวนี้เมียแกเอาจริงขอหย่าขึ้นมา แล้วฉันจะเหลืออะไร โธ่เว้ย”
“ผมก็ไม่ได้อยากให้มันเป็นแบบนี้หรอกพ่อ แต่ขวัญเขาโกรธมาก”
ภารดีถอนหายใจ “ไม่รู้ล่ะ คราวที่แล้วแกง้อได้ คราวนี้ก็ต้องง้อได้”
“แม่ไม่รู้เหรอผมลงทุนไปเท่าไหร่ กว่าเขาจะยอมดีด้วย เฮ้อ”
ศึกรบนั่งหน้าเครียด ภาวดีคิดหาทางบางอย่าง
“ถ้าง้อดีๆไม่ได้ก็มีอีกวิธี”
“วิธีอะไรของคุณ?” ทรงยศหันมาถามภรรยา
“ก็ให้ตารบ มีลูกกับหนูขวัญให้ได้ยังไงล่ะ”
ศึกรบสวนขึ้นมาทันที
“แค่จะเข้าไปในห้องเขายังไม่ให้ผมเข้าไป แม่คิดว่ามันมีโอกาสที่ผมจะมีลูกกับเขาได้งั้นเหรอ”
“แหม พูดเหมือนเด็กมันผลิตกันง่ายๆในสามวันเจ็ดวัน” ทรงยศพูดพลางส่ายหน้าเบาๆ
“เอ๊ะ คุณนี่พูดมากจริง” ภารดีเอ็ดสามี พลางหันมาทางศึกรบ “ไม่ยากหรอกน่า คนแบบหนูขวัญ
ขี้คร้านเข้าไปอ้อนหน่อย เดี๋ยวก็ใจอ่อน”
“แต่ผมว่ามันไม่ง่ายแบบนั้นนา” ทรงยศไม่เห็นด้วย
“ก็มันไม่มีวิธีดีกว่านี้แล้วนี่ มีลูกกับเขาก็ดี ไม่เคยได้ยินเหรอว่าลูกเป็นโซ่ทองคล้องใจพ่อแม่ เมียแกจะได้ไม่ไปไหน แกด้วยจะได้เลิกเจ้าชู้ซะที”
“มันจะดีจริงเร้อ” ทรงยศยังไม่ค่อยมั่นใจ
ภารดีเริ่มหงุดหงิด
“คุณวันนี้ทำไมพูดจาขัดแข้งขัดขาฉันตลอดเลย หาเรื่องกันรึไงฮะ”

ศึกรบเดินใจลอยเข้ามาถึงที่ทำงาน สีหน้าเครียด ดูหมองลงไปถนัดตา แสงดาว เงยหน้ามา รีบลุกเดินเข้าไปหา พลางถามแบบเป็นห่วง
“คุณรบ โอเคใช่ไหมคะ”
ศึกรบฝืนยิ้มให้แสงดาว
“ผมโอเคคุณดาว ไปทำงานเถอะ ขอบคุณมาก”
แสงดาวทำท่าจะเดินออกไป แต่แล้วลับหันมาอีกครั้ง
“คุณรบต้องผ่านมันไปได้นะคะ ไม่ว่าจะเรื่องอะไร มีอะไรคุณรบบอกกับดาวได้นะคะ ดาวจะฟัง”
ศึกรบมองแสงดาว อย่างแปลกใจ
“ถึงผมบอกไป ก็ไม่มีคนเข้าใจผมหรอก”
แสงดาวยิ้ม “มีสิคะ ดาวไงคะ ดาวพร้อมจะเข้าใจคุณรบนะคะ คุณรบมีพระคุณกับดาวยิ่งกว่าเจ้านาย แค่นี้ทำไมดาวจะเข้าใจคุณรบไม่ได้”
แสงดาวพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง ศึกรบมองแสดงอย่างอึ้งๆ
“ขอบคุณมากนะครับ ขอบคุณมาก แค่นี้ก็พอแล้วล่ะ”
ศึกรบเดินก้มหน้าเข้าห้องทำงานไป แสงดาวแอบยิ้มดีใจ

สู่ขวัญเดินเข้ามาที่ห้องอาหารในบ้าน อารมณ์ไม่ค่อยดีนัก ภาวดีกับทรงยศ ทำทีเดินเข้ามาหาสู่ขวัญ
“อ้าวแหม หนูขวัญ ตื่นแต่เช้าเชียว”
สู่ขวัญยกมือไหว้ภาวดีกับทรงยศ
“คุณพ่อคุณแม่ก็ตื่นเช้านะคะ”
“ก็อย่างนี้ประจำแหละจ้ะ แค่บางทีไม่ได้เดินมาบ้านนี้”
ทรงยศกับภาวดีนั่งลงตรงข้ามสู่ขวัญ
“ทานข้าวด้วยกันก่อนสิคะ” พลางหันไปทางเด็กรับใช้ “เดี๋ยวจัดจานให้คุณพ่อคุณแม่ด้วย”
“ขอบใจมากจ้ะ”
ภาวดีปรายตามองสู่ขวัญ แล้วแอบสะกิดทรงยศ ทรงยศค่อยๆเลียบๆเคียงๆพูดออกมา
“หนูขวัญ โกรธตารบมันมากเลยเหรอ”
สู่ขวัญชะงัก แต่ไม่ยอมตอบอะไรออกมา ภาวดีพูดต่อ
“แม่รู้ ว่าหนูคิดยังไง แต่นี่แม่ไม่ได้จะมาแก้ตัวให้ตารบนะ”
“แล้วยังไงคะ” สู่ขวัญย้อนถาม
“แม่ก็แค่เห็นว่าเรื่องที่เราทะเลาะกันไม่ควรจะเอามาเป็นเรื่องใหญ่โต แค่ยัยดาวยั่วคนเดียว ทำไมหนูจะต้องเอามาทำให้ครอบครัวแตกแยกด้วย”
“ขวัญไม่ทราบสิคะ นั่นก็อยู่ที่ลูกชายคุณแม่ว่าทำไมถึงต้องปล่อยให้เขามายุ่งกับครอบครัวเราต่างหาก”
สู่ขวัญพูดหน้านิ่ง ภาวดีถึงกับสะอึก แต่ก็พยายามพูดต่อไป
“มันก็จริง แต่ตารบมันก็ไม่ได้อยากให้เป็นแบบนี้ ถ้าไม่อยากให้เกิดขึ้นอีก แม่ว่าหนูควรจะมีลูกกับตารบซะ จะได้เอาไว้สานสัมพันธ์ครอบครัวไง ดีไหม”
สู่ขวัญยิ้มบางๆที่มุมปาก
“การมีลูกบางครั้งไม่ใช่การแก้ปัญหานะคะคุณแม่ ถ้าเกิดมี แล้วพ่อเขายังทำตัวแบบนี้ มีลูกไป เกิดเขาโตเขาก็ต้องมาคอยเห็นพ่อแม่ทะเลาะกัน ถ้าเป็นแบบนั้น ขวัญว่าไม่มีดีกว่า”
“หนูขวัญอย่าเพิ่งคิดไปไกลสิลูก แม่แค่เสนอวิธี สมัยก่อนพ่อตารบก็อย่างนี้แหละ”
ทรงยศแอบสะดุ้ง
“เหรอคะ แล้วยังไง?” สู่ขวัญเริ่มสนใจ
“ตั้งแต่มีไอ้รบ พ่อก็เลิกหมดทุกอย่าง”
“ใช่ๆ หลังจากนั้น อะไรๆ มันก็ค่อยดีขึ้นจ้ะ พอมีลูกเขาก็สนแต่ลูก เรื่องอื่นก็ลืมไปเลย หนูลองคิดดีๆนะ”

สู่ขวัญเริ่มคิด คล้อยตาม ภาวดีกับทรงยศแอบยิ้มเพราะดูเหมือนจะได้ผล
 
อ่านต่อหน้า 4

ดงดอกงิ้ว ตอนที่ 9 (ต่อ)

สาธรนั่งทำงานอยู่ในห้อง พลันเสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น เห็นชื่อระรินปราะกฎที่หน้าจอ สาธรมองอย่างประหลาดใจ แต่ก็รีบกดรับสาย

“ฮัลโหล คุณรินเหรอครับ เป็นไงบ้างครับ วันนี้ไม่เห็นลงอะไรในไอจีเลย”
“วันนี้รินยุ่งมากค่ะคุณสาธร คือรินจะโทรมาถามว่าที่ออฟฟิศคุณเป็นยังไงบ้างน่ะค่ะ”
“ออฟฟิศผม?” สาธรย้อนถาม “แล้วคุณรินสงสัยอะไรเหรอครับ? ผมงง”
“ก็วันนั้นที่รินไปแล้วมีเรื่องไงล่ะคะ”
“อ๋อ นี่เป็นห่วงออฟฟิศหรือคนบางคนที่ออฟฟิศกันครับ” สาธรแหย่
“ไม่รู้สิคะ แต่รินแค่อยากบอกใครสักคนว่ารินไม่ได้ตั้งใจจะให้เรื่องมันเป็นแบบนั้น”
“แล้วอยากให้เป็นแบบไหนล่ะครับ”
“นี่คุณธร รินไม่ได้พูดเล่นนะคะ” ระรินชักหงุดหงิด “ รินแค่อยากเคลียร์จริงๆ รินไม่อยากให้คุณรบกับภรรยาเขาเข้าใจผิดกัน”
“นั่นแน่ ออกมาแล้ว เป็นห่วงไอ้รบจริงด้วย”
สาธรหัวเราะขำๆ ระรินต้องพยายามเข้าเรื่อง
“คุณธร รินซีเรียสนะคะ”
“ครับๆ ผมทราบ ผมจะบอกให้ก็ได้ จริงๆ ตอนนี้ไอ้รบมันก็เครียดเลยแหละครับ”
ระรินตาวาว “จริงเหรอคะ”
“จริงสิครับ ล่าสุดนี่ได้ยินมาว่าอาจจะถึงขั้นขอหย่ากันเลย ก็ได้แต่ภาวนาว่าคงไม่ไปถึงขั้นนั้น”
ระริน ยิ้มกริ่ม แต่แกล้งทำเสียงเศร้า
“รินจะทำยังไงดีคะเนี่ย”

ระรินนั่งคุยให้แจ๊สฟัง ระหว่างที่รอเข้าฉากละคร
“ฉันบอกแล้วเจ๊ ว่าแผนของฉันมันจะต้องได้ผล ตอนนี้เตียงบ้านนั้นคงผุใกล้หักเต็มทีแล้ว”
“จ้า มั่นใจจริงนะ ฉันล่ะกลัวเขาจะซื้อเตียงเสริมใยเหล็กมาน่ะสิยะ มันจะไม่หักง่ายๆ”
ระรินยักไหล่
“ตอนนี้ยัง แต่เดี๋ยวหย่าแน่ ฉันมั่นใจ”
“รอให้เขาหย่ากันเป็นจริงเป็นจังก่อนเถอะจ้ะหล่อน แล้วค่อยมาดี๊ด๊า ตอนนี้ตั้งใจทำงานก่อนดีกว่าไหมคะคุณขา”
ระรินส่ายหน้าอย่างขัดใจ “ก็ได้ วกเข้าเรื่องงานทั้งปี เซ็งจริง”

สู่ขวัญนั่งทำงาน หน้าเครียด ไม่พูดไม่จา มีนาแอบมอง เป็นห่วงแต่ก็ไม่กล้ายุ่ง ทันใดนั้นโทรศัพท์ ของร้าน ก็ดังขึ้น
มีนาลุกไปรับสาย “สวัสดีค่ะ ร้าน la belle ค่ะ”
“ขอพูดสายกับคุณสู่ขวัญค่ะ” ปลายสายตอบกลับมา
“ไม่ทราบว่าโทรมาจากที่ไหนคะ”
“มาจาก…” คนโทร. มาบอกชื่อช่อง “จะขอสัมภาษณ์คุณสู่ขวัญน่ะค่ะ”
“เอ่อ สักครู่นะคะ”
จากนั้นก็หันไปถามสู่ขวัญ
“ขวัญ นักข่าวโทรมาจะขอสัมภาษณ์เธอ”
“บอกเขาไปว่าฉันไม่พร้อมให้สัมภาษณ์”
“เอางั้นเหรอ”
สู่ขวัญไม่ตอบ มีนาจำต้องหันไปคุยแทน
“ ตอนนี้คุณขวัญไม่สะดวกคุยค่ะ ไว้คราวหน้านะคะ”
“เดี๋ยวก่อนค่ะ” นักข่าวที่โทร. มาไม่ยอมแพ้ “คุณเป็นเพื่อนคุณสู่ขวัญใช่ไหมคะ พอจะให้ข้อมูลอะไรได้บ้างรึเปล่า”
“ข้อมูล? เกี่ยวกับเรื่อง?”
“ข่าวตอนนี้ค่ะ ที่คุณระรินมีข่าวออกมาว่ากำลังควงกับคุณศึกรบ เรื่องเป็นยังไงกันแน่คะ จริงแค่ไหน”
มีนาได้ยิน ก็ถึงกับของขึ้น
“เรื่องนั้น ฉันขอบอกเลยนะคะ ว่ายัยดารานั่นมันพยายามจะแย่งสามีเพื่อนฉัน ทั้งๆที่เขาแต่งงานเป็นสามีภรรยากันแล้ว คุณออกข่าวไปก็ดี ยัยนั่นจะได้สำนึกบ้างว่ากำลังทำอะไรอยู่ แค่นี้นะคะ”
มีนาตัดสายทิ้งไป หันไปพูดกับสู่ขวัญ
“ขวัญ วันนี้นักข่าวโทรมาไม่รู้กี่สายแล้ว เธอจะทำไงเนี่ย”
“เธอบอกไปแบบเมื่อกี้น่ะแหละ แต่ฉันจะไม่ให้สัมภาษณ์อะไรทั้งสิ้นตอนนี้ แค่เขารู้ว่ายัยนั่นกำลังทำอะไรก็พอแล้ว”
มีนามองสู่ขวัญอย่างเป็นห่วง
“แกจะต้องสู้นะขวัญ อย่าไปยอมแพ้ อย่าให้เขาว่าเอาได้ว่าแต่งไม่ทันไรเตียงก็หักซะแล้ว อายตาย”
“แล้วเธอจะให้ฉันทำยังไง”
“ฉันจะช่วยเธอกำจัดนังนั่นเอง”

มีนาพูดอย่างมุ่งมั่น

ศึกรบกำลังนั่งทำงานอย่างเซ็งๆ ไม่ค่อยมีสมาธิ สักพักก็รู้สึกเหมือนมีคนเปิดประตูเข้ามาในห้อง

“คุณดาวเหรอ มีอะไร” พลางเงยหน้าขึ้นมา “ขวัญ”
ศึกรบรีบเข้าไปหาด้วยความดีใจ
“ทำไมขวัญถึงมาที่นี่ได้? หรือว่าขวัญหายโกรธผมแล้ว”
ศึกรบจะจับมือสู่ขวัญ แต่สู่ขวัญเบี่ยงตัวออก
“ฉันยังไม่หาย แล้วก็ไม่หายง่ายๆด้วย แต่ฉันมา เพราะมีเรื่องจะพูด”
“เรื่องอะไร?” ศึกรบย้อนถาม
“ฉันต้องการให้คุณนัดเจอระริน”
สู่ขวัญพูดเสียงหนักแน่นเอาจริง ศึกรบงง
“ขวัญจะอยากเจอเขาทำไม”
“ฉันไม่ได้อยากเจอเขา แต่ฉันอยากให้คุณเจอกับเขา”
“ยังไงขวัญ ผมงงไปหมดแล้ว” ศึกรบทำหน้าสงสัย
“ฉันอยากให้คุณนัดเจอกับเขาแค่สองคน”
ศึกรบยิ่งงงหนักเข้าไปอีก

ระรินมานั่งรอศึกรบในร้านอาหารอย่างมีความหวังมาก เมื่อเห็นศึกรบเดินเข้ามาในร้าน ก็ยิ้มหน้าบาน แต่ยังพยายามเก็บอาการ
“คุณรบ”
ศึกรบเดินมานั่งกับระริน ถามอย่างอารมณ์ดี
“มารอนานหรือยังครับ”
“ไม่นานค่ะ รินมาก่อนเพราะเผื่อเวลาไว้” ระรินยิ้มหวาน
“สั่งอะไรไปบ้างรึยังครับ”
“ยังเลยค่ะ รอคุณมานี่แหละ”
ศึกรบหันไปเรียกบริกร สั่งอาหาร
ระหว่างที่นั่งทานอาหาร ระรินก็ชวนคุยอย่างอารมณ์ดี จนทั้งคู่ทานเสร็จเรียบร้อย บริกรมาคิดเงิน
ระรินพูดขึ้น
“วันนี้รินมีความสุขที่สุดเลยค่ะ ไม่นึกเลยว่าจะมีโอการออกมาทานอาหารกับคุณอีก ครั้งสุดท้ายที่เราออกมาข้างนอกด้วยกันก็นานแล้ว”
“จริงครับ นานแล้ว”
ศึกรบพยายามทำหน้าให้นิ่งไว้ พลางแอบหยิบโทรศัพท์ออกมากดดู
“รินอยากให้เราออกมาแบบนี้ได้บ่อยๆ อย่างเปิดเผยจังค่ะ”
“งั้นเหรอครับ”
ระริน จ้องหน้าศึกรบอย่างรักใคร่
“ค่ะ รินรอคุณอยู่เสมอนะคะคุณรบ รอให้เรามีเวลาอยู่ด้วยกันอีก นานแค่ไหนก็รอ”
“แต่ผมมีเรื่องจะขอ” ศึกรบเริ่มเข้าเรื่อง
“คะ?”
“อย่ารอผมอีกเลย เราควรจะเลิกติดต่อกัน ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป”
ระรินมองศึกรบอย่างอึ้งๆ “หมายความว่ายังไงคะ?”
“เราเลิกกันดีกว่าระริน ผมมีครอบครัวแล้ว ความสัมพันธ์ของเรามันผิดมาตั้งแต่แรก อย่ายุ่งกับผมอีกเลย”
“คุณรบ คุณทำแบบนี้กับรินได้ยังไง”
ระรินรับไม่ได้ ทำท่าเหมือนจะกรี๊ดออกมา แต่แล้วเปลี่ยนเป็นร้องไห้บีบน้ำตา ศึกรบมองระรินอย่างสงสาร
“ระริน”
ระรินไม่รู้เลยว่า ศึกรบแอบกดโทรออกหาสู่ขวัญ
ในขณะที่สู่ขวัญกับมีนาแอบซุ่มดูทั้งคู่อยู่ในรถ ได้ยินบทสนทนาทั้งหมด
“รับไม่ได้ขึ้นมาเชียวนะ ทำเป็นบีบน้ำตา” สู่ขวัญทำเสียงเยาะ
“คนมันหวังไว้สูง พอไม่ได้ก็ร้องแร่แห่กระเฌอแบบนี้แหละ”
“สมควรแล้วที่จะโดน จริงๆนังนั่นควรจะโดนมากกว่าใช้คำพูดดีๆ ด้วยซ้ำ มันควรจะโดนตบล้างน้ำเหมือนครั้งที่แล้ว”
“เธอทำแบบนั้นไม่ได้ขวัญ เราต้องใจเย็น ไม่งั้นเดี๋ยวเสียแผนหมด”

สู่ขวัญพยักหน้ารับ แม้ว่าในใจจะนึกหมั่นไส้เต็มที
 
อ่านต่อตอนที่ 10
กำลังโหลดความคิดเห็น