xs
xsm
sm
md
lg

ดงดอกงิ้ว ตอนที่ 6

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ดงดอกงิ้ว ตอนที่ 6

ศึกรบได้ยินเสียงสู่ขวัญดังมากจากหน้าห้อง ตกใจ รีบวิ่งเข้าไปหลบในห้องน้ำ พลางรีบโทรศัพท์หาสาธร

“ว่าไงบอสใหญ่ มีอะไรให้รับใช้ครับ”
สาธร ที่กำลังจะเดินออกจากโรงแรม กดรับสาย พลางทักทายกลับไปทางปลายสาย
“ไอ้ธร แกอยู่ไหน”
“กำลังจะออกจากโรงแรมแล้ว”
“อย่าเพิ่งออก ขึ้นมาห้องสวีทที่ระรินอยู่ ด่วน”
สาธร ยิ้มขำๆ
“แหมบอส จะให้ผมขึ้นไปขัดจังหวะฟามสุขทำไมกัน ผมจะกลับบ้านไปมีฟามสุขของผมบ้าง”
ศึกรบรีบตัดบท
“ไม่ต้องพูดมาก รีบขึ้นมาก่อน ไม่งั้นโรงแรมพังแน่”
“เกิดอะไรขึ้นวะบอส”
สาธรสีหน้าตกใจ

ระรินปัดป้องกระเป๋าที่สู่ขวัญฟาดใส่มา พอตั้งตัวได้ก็จับแขนสู่ขวัญไว้ พอดึงกระเป๋าสู่ขวัญได้ ก็รีบเหวี่ยงทิ้งไปอีกทาง สู่ขวัญเผลอมองกระเป๋า ระรินได้จังหวะตบสวนไป
สู่ขวัญโกรธจนตัวสั่น ปราดเข้าไปตบคืน แล้วก็ยื้อกันไปมา มีนาตามเข้ามาเห็น รีบเข้ามาช่วยจับ ระรินไว้
“อีพวกหมาหมู่ ช่วยด้วย”
“นังดาราร่านสวาท” สู่ขวัญตะโกนด่า พลางตบระรินซ้ำ ระรินพยายามดิ้นแต่มีนาจับไว้ ในที่สุดก็ทนไม่ไหว
“รบคะ ช่วยรินด้วย รบ”
สู่ขวัญหยุดตบมองเข้าไปในห้อง ดูว่าศึกรบจะออกมาไหม
“ออกมาช่วยนังนี่สิรบ ออกมา”
ระรินฉวยโอกาสสะบัดตัวออก ก่อนที่จะผลักมีนาไปชนสู่ขวัญเซไปอีกทางแล้ววิ่งเข้าห้องนอนทันที

ระรินวิ่งเข้ามาในห้องนอน พลางตะโกนให้ช่วย
“ช่วยด้วยค่ะ ช่วยด้วย ยัยพวกนั้นมันจะทำร้ายฉัน”
ระรินมองหาทางหนี มองไปรอบห้องก็ไม่มีทางรอด เริ่มหวั่นใจ ในขณะที่สู่ขวัญกับมีนา เดินตามเข้ามา ระรินถอยไปจนเกือบชิดกำแพง
“เข้ามาให้ใครช่วยเหรอ ไม่เห็นมีใคร”
“ก็ดี จะได้ปิดประตูตีนังแมวขโมยนี่ทีเดียว มีนา ไปล็อคห้อง”
สู่ขวัญหันไปสั่ง มีนาทำตามที่สู่ขวัญบอก ก่อนที่สู่ขวัญ จะย่างสามขุมเข้าไปหาระริน
“ฉันเคยได้ยินกิตติศัพท์ความร่านของเธอมานานแล้วระริน”
“เธอเป็นใครมาว่าฉันฉอดๆ เป็นเมียคุณรบเหรอ” ระรินลอยหน้าลอยตาถาม
“ใช่ ฉันนี่แหละเมียศึกรบ เธอไม่รู้จักฉัน แต่ฉันรู้จักเธอดี เรื่องงานแสดงเธอก็ดังอยู่หรอก แต่ไม่นึกว่าจะโด่งดังในทางแย่งผัวชาวบ้านด้วย”
“ฉันไปแย่งอะไรเธอไม่ทราบ” ระรินเถียงหน้าด้านๆ
“อย่ามาทำแอ๊บแบ๊วไม่รู้เรื่อง! ผู้หญิงอย่างเธอ ต่อให้เอาไปใส่ตะกร้าล้างน้ำแล้วกรองอีกกี่สิบรอบมันก็ไม่มีทางใสขึ้นมาได้หรอก ความแพศยามันฝังแน่นจนเอาอะไรมาล้างก็ไม่ออกแล้ว”
ระรินโกรธ จนตัวสั่น “แกด่าฉันว่าแพศยาเหรอ”
“ถ้าไม่โง่ ก็น่าจะเข้าใจว่าฉันหมายถึงอะไร ฉันเคยได้ยินเรื่องที่เธอเที่ยวแย่งสามีชาวบ้าน แต่ไม่นึกว่าจะเจอกับตัวเอง แค่นี้มันยังน้อย อย่างเธอมันควรจะใช้คำว่า นังดาราร่านสวาท นังดาราขายตัว”
สู่ขวัญด่าเป็นชุด
“มันจะมากไปแล้วนะ นังเมียปลาร้าค้างปี”
มีนาเดินกลับเข้ามาหาสู่ขวัญ ทั้งคู่มองหน้ากัน สู่ขวัญพยักเพยิดไปทางระริน มีนาพยักหน้า เข้าไปหาระริน ระรินโดนต้อนเข้ามุมไม่มีทางหนี
“วันนี้ฉันแค่สั่งสอน แต่ถ้ายังไม่เลิกทำตัวเป็นแมวขโมย ชอบลักผัวชาวบ้านกิน ฉันจะไม่รับประกันอนาคตแกอีก จำไว้”
จากนั้นสู่ขวัญ ก็ตบระรินแบบไม่ยั้งมือ มีนาคอยจับไว้ ระรินกรีดร้อง ด้วยความเจ็บปวด
“ขวัญ หยุด! หยุดเดี๋ยวนี้”
สู่ขวัญชะงัก หันไปเจอศึกรบที่ออกมาจากห้องน้ำ
“ออกมาแล้วเหรอ นึกว่าจะมุดหัวหลบต่อซะอีก”
“ขวัญ คุณฟังผม คุณทำเกินไปแล้ว ผมกับเขาไม่ได้มีอะไรกัน มันเป็นเรื่องเข้าใจผิด”
สู่ขวัญ จ้องหน้าศึกรบเขม็ง
“คาหนังคาเขาแบบนี้ คุณยังกล้าบอกว่าเข้าใจผิดอีกเหรอ คุณเห็นฉันโง่มากรึไง! ก็ดีงั้นก็ดูนังนี่เละเป็นซากไปแล้วกัน”
สู่ขวัญปราดจะเข้าไปตบอีก ศึกรบทนไม่ไหวเข้าไปดึงสู่ขวัญออกไป สู่ขวัญยังคงโวยวาย

“ปล่อยนะ ปล่อย คุณทำแบบนี้กับฉันไม่ได้”

ศึกรบลากสู่ขวัญออกมาคุยที่ห้องนั่งเล่นในห้องพัก

“ใจเย็นๆ ขวัญ ฟังผมอธิบายก่อนซิ”
สู่ขวัญสะบัดแขนศึกรบ พลางโวยวายเสียงดัง
“คุณจะให้ฉันเป็นอีโง่ไปถึงเมื่อไหร่ ทำตัวเป็นศรีภรรยาที่ดีแล้วก็ปล่อยให้สามีพาใครไม่รู้มากกถึงโรงแรมตัวเอง คุณทำแบบนี้ได้ยังไง”
สู่ขวัญเริ่มน้ำตารื้น ศึกรบเครียด พยายามแก้ตัว
“ขวัญ ขวัญใจเย็นๆ เรื่องนี้อธิบายได้”
“คุณจะเอาอะไรมาอธิบายอีก”
ศึกรบอ้าปากจะตอบ พอดีกับที่เสียงกริ่งหน้าห้องดังขึ้น ศึกรบรีบไปเปิดประตู สาธรโผล่เข้ามา
พลางมองสู่ขวัญงงๆ
“คุณขวัญ? มาได้ยังไงครับ”
ศึกรบ หันมาทางสู่ขวัญ
“นี่ไงขวัญ ไอ้ธรมันอธิบายได้ เรื่องระริน” แล้วหันไปทางสาธร “ใช่ไหมวะ”
“เอ้อ ใช่ครับ”
“ไม่ต้องมาแก้ตัวแทนกัน” สู่ขวัญขึ้นเสียง
“ฟังผมก่อนนะครับ การที่คุณระรินได้พักห้องสวีทโรงแรมเราเนี่ย เราทำเพื่อเป็นการโปรโมต เพราะว่าจะมีการจ้างคุณระรินมาเป็นพรีเซนเตอร์ให้กับเลอวิมาน”
“จะจ้างระริน ทำไมฉันไม่รู้เรื่อง”
“อันนี้ผมต้องขอโทษครับที่ทำไปโดยไม่แจ้งคุณขวัญก่อน” สาธรรีบอธิบาย
“แล้วอาหารในห้อง บนโต๊ะนั่นทำไมมีสองคน ระรินสั่งมากินกับใคร”
ศึกรบอึ้ง รีบโบ้ยห้สาธร
“ของระรินกับไอ้ธรไง มันจะเป็นของผมได้ยังไง ผมเพิ่งไปทานข้าวกับคุณมานี่”
“งั้นเหรอ” สู่ขวัญยังไม่วางใจ
“จริงครับ ผมนัดคุยเรื่องสัญญาการเป็นพรีเซนเตอร์เลยนัดดินเนอร์นิดหน่อย “
ศึกรบฉวยโอกาสรีบเปลี่ยนเรื่อง
“ไว้เราไปคุยต่อกันที่บ้านดีกว่าไหมขวัญ”
สู่ขวัญ ส่ายหน้า
“ขวัญไม่ไป ต้องเคลียร์ให้รู้เรื่อง ฉันอยากได้เอกสารที่เกี่ยวกับการจ้างระรินทั้งหมด ตอนนี้ เดี๋ยวนี้เลย”
สาธรอึ้งไม่นึกว่าสู่ขวัญจะเล่นไม้นี้ พลางมองหน้าศึกรบ
“ ไม่ต้องรบกวนคนอื่นหรอกค่ะ”
เสียงระรินแทรกเข้ามา สู่ขวัญหันขวับไปทันที
“เธอ”
ระรินเดินออกมาจากห้องนอน แกล้งทำหน้าเศร้า ศึกรบดึงสู่ขวัญไว้
“รินขอโทษที่ทำคนอื่นวุ่นวาย เรื่องการว่าจ้าง ถ้าจ้างรินแล้วทุกคนไม่มีความสุข รินคงต้องขอปฏิเสธค่ะ รินจะเช็คเอ้าท์ออกจากโรงแรมวันนี้เลย ขอโทษทุกคนด้วยจริงๆนะคะ”
ระรินเดินเข้าไปเก็บของในห้อง สู่ขวัญมองตาม

ระรินเดินเข้ามาในห้อง เดินไปเก็บเสื้อผ้าใส่กระเป๋า ด้วยอารมณ์หงุดหงิด สักพักได้ยินเสียงเหมือนคนเดินมาทางห้องนอน ระรินรีบแกล้งทำเป็นร้องไห้
“คุณรบไม่ต้องห้ามรินหรอกค่ะ รินบอกแล้วว่ารินต้องไป ทุกคนวุ่นวายไปหมดเพราะรินคนเดียว”
“ครับ ผมเข้าใจ แต่ผมไม่ใช่คุณรบน่ะสิ”
ระรินหันกลับไปเจอสาธร ก็ทำหน้าผิดหวัง แต่ก็แกล้งปาดน้ำตาต่อ
“ก็ได้ค่ะ คุณสาธร ขอบคุณนะคะที่เข้าใจ”
“คุณรินไม่ต้องเก็บของหรอกครับ ตอนนี้คุณก็ยังไม่มีที่ไป ออกไปตอนนี้จะไปอยู่ที่ไหน”
“ไม่รู้ค่ะ แต่รินก็มีศักดิ์ศรีของริน ริน จะ ไป”
รินพูดพลาง ก้มหน้าก้มตาเก็บของต่อไป สาธรหมดปัญญาจะห้าม

ศึกรบมองตามสาธรที่เข้าไปคุยกับระริน สู่ขวัญเห็น ก็ยิ่งหงุดหงิด
“อยากตามไปง้อแม่ดารานั่นให้อยู่ต่อรึไง”
“ขวัญ นี่คุณยังไม่เข้าใจอีกเหรอ ผมบอกว่าเหตุผลที่เขาอยู่ที่นี่เป็นเรื่องงาน งานเท่านั้นจริงๆ”
สู่ขวัญ จ้องหน้าศึกรบ อย่างพยายามจับผิด
“แค่เป็นพรีเซนเตอร์โรงแรม ถึงกับต้องเปิดห้องสวีทให้นอนเลยเหรอ ไม่จำเป็นมั้ง”
“คุณจะคิดยังไงผมไม่รู้ แต่เขามีผลต่องาน ยังไงผมก็ต้องให้เขาอยู่”
“บ้านช่องเขามี ก็ให้เขาอยู่บ้านเถอะค่ะรบ ไว้มาทำงานค่อยมาก็ไม่เสียหายนี่”
ศึกรบเถียงไม่ออก มองไปทางห้องนอน เห็นระรินถือกระเป๋าออกมา แกล้งทำหน้าเศร้า
ระรินเดินมาทางศึกรบ สาธรถือกระเป๋าตามออกมา
“รินต้องไปแล้วค่ะ ขอบคุณนะคะ”
ระรินยกมือไหว้ สู่ขวัญเมินไปอีกทาง ศึกรบอ้ำอึ้ง พูดอะไรไม่ออก จากนั้นระริน ก็เดินออกไปจากห้องพร้อมสาธร ในขณะที่ศึกรบมองตามอาลัยอาวรณ์
“หมดธุระแล้ว กลับบ้านกันเถอะค่ะ”
สู่ขวัญเดินมาลากศึกรบกลับ ศึกรบจำใจแต่ก็เดินตามไป

ระรินเดินก้าวฉับๆ มาตามทางเดิน จนสาธรตามแทบไม่ทัน ต้องรีบเรียกไว้
“คุณรินครับ จะรีบไปไหนล่ะคร้าบ ผมตามไม่ทันแล้ว”
“ก็เจ้าของที่เขาไม่อยากให้อยู่นี่คะ ตบไล่ที่ซะขนาดนี้”
“โถ่ หยุดก่อนเถอะครับ คุยกันก่อนก็ได้”
ระรินหยุดเดินกะทันหัน แล้วหันมาย้อนถาม
“มีอะไรต้องคุยกันอีกคะ”
“อีกพักคุณขวัญเขาก็กลับแล้ว คุณรอซะหน่อย พอเขาไป เดี๋ยวก็ขนของกลับเข้าไปพักต่อก็ได้ ไม่เห็นยากเลย ไอ้รบมันคงไม่อยากให้คุณไปหรอก”
“แต่เขาก็ไม่เห็นห้าม หรือว่าช่วยอะไรรินเลย”
“มันอยากช่วยครับ เชื่อผม” สาธรแก้ตัวแทน “แต่เมียยืนคุมซะขนาดนั้น ขยับตัวยังลำบากเลย”
“ขอบคุณที่พยายามช่วยรินนะคะ แต่รินไม่อยากโดนเมียเขามาหาเรื่องอีกแล้วล่ะค่ะ แค่นี้รู้ถึงไหนก็อายไปถึงนั่น”

ระรินเดินต่อ สาธรยอมแพ้ เดินตามไปส่งโดยดี
 
อ่านต่อหน้า 2

ดงดอกงิ้ว ตอนที่ 6 (ต่อ)

แจ๊สอยู่ในชุดนางพยาบาลสาวสุดเซ็กซี่ กำลังสนุกสนานเริงร่าอยู่กับหนุ่มๆ ในการจัดปาร์ตี้ที่ห้อง ทุกคนแต่งตัวเป็นคนป่วย แจ๊สกำลังจะป้อนองุ่นให้หนุ่มคนหนึ่ง พลางหัวเราะคิกคักชอบใจ

“มามะ พี่จะป้อนให้ กินเยอะๆนะจ๊ะ ร่างกายจะได้แข็งแรง”
แจ๊สป้อนองุ่นให้หนุ่มคนหนึ่ง
“ป้อนให้แบบนี้ต้องมีของตอบแทนพี่นะ เดี๋ยวเรามาแดนซ์กันให้มันไปเลย มิวสิก”
แจ๊สตบมือส่งสัญญาณให้ผู้ชายอีกคนในห้องเปิดเพลงแดนซ์มันส์ๆ แล้วให้เต้นให้ดูสนุกสนาน ก่อนจะเปลื้องผ้าทีละชิ้นๆ แจ๊สเข้าไปลูบไล้ตามตัวแต่ละคน
แต่แล้วเสียงกริ่งประตูดังขึ้น คนในห้องหันไปมอง แจ๊สไม่สนใจ
“สงสัยกดผิด อย่าไปสนใจ สนุกกันต่อ”
เสียงกริ่งเริ่มถี่ขึ้นเรื่อยๆ จนแจ๊สเริ่มหงุดหงิด
“โอ๊ย อะไรกันนักกันหนายะ ขัดจังหวะจริงเลย” พลางหันไปทางหนุ่มคนที่เปิดเพลง
“ปิดเพลงก่อนนะตัวเอง เดี๋ยวเค้ามา”
จากนั้นแจ๊สก็เดินไปเปิดประตู พลางบ่นอุบ
“อย่าให้รู้นะว่าใครมาขัดจังหวะเจ๊ เจ๊จะด่าให้ลืมวงศาคณาญาติเลยคอยดู”
แจ๊สเปิดประตู แล้วก็ร้องเสียงหลง
“ว้าย ตาเถร”
ระรินในสภาพหน้าตายับเยินยืนอยู่หน้าห้อง
“กว่าจะเปิดได้นะ แล้วทำไมแต่งตัวแบบนี้”
“เอ่อ ก็ช่างมันก่อนเถอะ นี่โดนยัยลีน่าตบมาตั้งแต่เช้า ยังไม่หายอีกเหรอ”
“พูดอย่างกับแผลมันรักษาตัวเองหายในสองวิงั้นแหละ นี่ไม่ใช่รอยตบยัยลีเน่านั่น แต่ของใหม่ สดๆ เพิ่งโดนมาเมื่อกี้”
ระรินตอบเสียงสะบัดๆ แจ๊สตกมือทาบหน้าอก ตกใจ
“ ตายแล้วหล่อน อยู่ชมรมอนุรักษ์รอยตบเหรอยะ ไม่ชอบหาย ชอบสร้างเพิ่ม”
“หยุดพูดก่อนได้ไหม ฉันจะเข้าไปได้รึยัง”
“เออ ก็ได้ๆๆ รอแป๊บนะ”
พูดพลาง แจ๊สเก็เดินข้าไปทำท่าโบกมือบอกหนุ่มๆ ทั้งหลายในห้องให้หลบไปก่อน ระรินมองงงๆ

สู่ขวัญกับศึกรบเดินเข้าบ้าน สู่ขวัญหยุดเดิน หันขวับมาหาศึกรบ
“รบ ขวัญขอโทรศัพท์”
พลางแบมือไปตรงหน้า
“โทรศัพท์ ของผม?”
“ค่ะ เอามาสิคะ”
ศึกรบมองหน้าสู่ขวัญงงๆ “คุณจะเอาไปทำไม”
“เอามากันไว้ดีกว่าแก้ไงคะ เกิดคุณอยากติดต่องานกับยัยดารานั่นอีกจะทำยังไง”
“โธ่ ขวัญ นี่คุณไม่เชื่อผมเลยเหรอเนี่ย” ศึกรบพยายามทำเสียงออดอ้อน
“อาจจะเชื่อค่ะ แต่ยังไม่ใช่ตอนนี้”
“แต่ว่าผมต้องใช้ติดต่อลูกค้า”
สู่ขวัญรีบสวนกลับทันที
“ลูกค้าคงไม่โทรมาตอนกลางคืนแบบนี้หรอกจริงไหมคะ ถ้าเกิดเขาโทรมา ขวัญจะจัดการเอง ขวัญก็เคยเป็นผู้บริหารโรงแรมเหมือนกัน คุณอย่าลืม”
ศึกรบเถียงไม่ออก จำใจหยิบโทรศัพท์ให้สู่ขวัญไป สู่ขวัญยิ้มพอใจ

ศึกรบยืนอึ้งอยู่หน้าห้องนอน เมื่อข้าวของของตัวเอง ถูกสู่ขวัญโยนออกมาข้างนอก
“วันนี้ขวัญยังไม่สบายใจที่จะอยู่ร่วมห้องกับคุณ ขวัญอยากให้คุณไปนอนที่อื่นก่อน”
ศึกรบ มองสู่ขวัญอย่างขัดใจ “ขวัญ นี่ขวัญกำลังไล่ผมอยู่นะ”
“ขวัญไม่ได้ไล่ แต่คุณคิดดู ถ้าเรายังอยู่ด้วยกันตอนนี้ ก็ทะเลาะกันเปล่าๆ ไว้ขวัญเย็นลงเมื่อไหร่ เราค่อยมาคุยกัน”
พูดจบสู่ขวัญก็เดินหนีเข้าห้อง พร้อมกับปิดประตูใส่หน้า ศึกรบส่ายหน้าอย่างหงุดหงิด ในขณะที่อีกมุมหนึ่งของบ้าน พรมาแอบดูอยู่

เมื่อระรินเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้ฟัง แจ๊สก็ยกมือทาบอก ตกใจ
“โอ๊ย ฉันว่าแล้ว อีสุภาษิตที่ที่อันตรายที่สุดปลอดภัยที่สุดนี่ไม่จริงนะคะ เรื่องเธอนี่ค้านทฤษฎีสุดๆไปเลย อันตรายสุด เจ็บตัวที่สุด เป็นไงล่ะ”
ระรินค้อนแจ๊ส
“อย่าซ้ำเติมได้ไหมฮะ ทั้งเซ็งทั้งเจ็บตัว จะตายอยู่แล้ว”
แจ๊สถอนหายใจ
“อยากเล่นกับไฟ จิตใจก็ร้อนรุ่มอย่างนี้แหละ ฉันเตือนแล้วไม่ฟัง”
“หึ ระเห็จออกจากคอนโดนายสงคราม ไปอยู่ห้องหรูได้ไม่ทันไร ก็ต้องหนีหัวซุกหัวซุนมาอีกแล้ว เมื่อไหร่เธอจะเลิก ฮะ ระริน”
“นี่เจ๊ทำท่าเซ็งเพราะว่าฉันทำเรื่อง หรือเพราะอดสวีทกับแก๊งกล้ามปูเมื่อกี้กันยะ”
ระรินย้นถาม ท่าทางหงุดหงิด
“เรื่องเธอก็เรื่องนึง เรื่องผู้ชายก็เรื่องนึงสิยะ แล้วนี่เธอจะเอาไงต่อ”
ระรินคิดอยู่พักหนึ่ง ก่อนจะพูดออกมาน้ำเสียงเอาจริง
“ฉันจะไม่ยอมแพ้นังปลาร้าค้างปีนั่นหรอก วันนี้มันรุมฉัน ฉันจะเอาคืน สิบเท่าร้อยเท่า เอาให้นังนั่นหลาบจำ ว่าของอะไรที่ฉันควรได้ ฉันก็จะต้องได้ ไม่ว่าจะข้าวของ เงินทอง หรือแม้แต่ผัวของมัน ฉันก็จะแย่งมาให้หมด”

ระรินทิ้งท้ายประโยคด้วยสีหน้าเอาจริง แจ๊สมองตามอย่างนึกหวั่น

สู่ขวัญนั่งหน้าเครียดอยู่ในห้องนอนตามลพังคนเดียว มีเรื่องราวในหัวให้คิดสับสนไปหมด พรเปิดประตูเข้ามา

“คุณขวัญ พรขออนุญาตนะคะ”
สู่ขวัญหันไปเห็นพร ก็ร้องทักอย่างดีใจ
“พี่พร เข้ามาก่อนจ้ะ”
พรเดินเข้ามา “คุณขวัญเป็นยังไงบ้าง สีหน้าไม่ดีเลย”
พรถามด้วยความเป็นห่วง สู่ขวัญน้ำตาคลอ
“พี่พร”
สู่ขวัญโผเข้าไปกอดพร พรลูบหัว สงสารสู่ขวัญจับใจ
“คุณขวัญมีเรื่องอะไรไม่สบายใจบอกนะคะ ถ้าพรช่วยได้พรจะช่วย”
สู่ขวัญ น้ำตาตก
“เขานอกใจขวัญ พี่พร ขวัญว่าเขาต้องนอกใจขวัญแน่ๆ ขวัญคิดว่าแต่งงานกันแล้วเขาจะเปลี่ยน แต่เขาไม่เคยเปลี่ยนเลย”
“สันดานคนมันเปลี่ยนกันยากนะคะคุณขวัญ คนมันเจ้าชู้ ไม่รู้ว่ามีของดีในมือ ดันไปสนใจพวกของข้างทาง กินไม่เลือกยังไงก็อย่างนั้น”
“ขวัญจะทำยังไงดีพี่พร” สู่ขวัญหันมาถามพรเป็นเชิงปรึกษา
“ถ้าคุณขวัญรู้สึกว่าไม่ไหว ก็เลิกเลยค่ะ เงินทองเราก็มี กิจการก็ของเรา เขาเลิกกับคุณขวัญไป เขาก็เหลือแต่ตัว เขาจะทำอะไรได้”
สู่ขวัญ ส่ายหน้า
“ขวัญเลิกกับเขาไม่ได้หรอกพี่พร เขาเป็นของของขวัญ ขวัญจะไม่ยอมยกเขาให้ใครทั้งนั้น”
พรเงียบ ไม่รู้จะพูดยังไง
“บางทีขวัญก็คิดนะ ว่าขวัญไล่เขาไป เขาอาจจะไปหายัยนั่นก็ได้ แต่ขวัญก็ไล่เขาไป ขวัญไม่เข้าใจตัวเองเลย”
พรมองสู่ขวัญอย่างเห็นใจ
“คุณขวัญไม่ต้องคิดมากนะ เรื่องนี้พี่ช่วยได้ เอาเป็นว่าพี่จะตามไปดูคุณรบให้ ดีไหมคะ”
สู่ขวัญ ยิ้มดีใจ
“จริงเหรอคะพี่พร”
สู่ขวัญมองหน้าพร อย่างซาบซึ้งใจ

ศึกรบหอบข้าวของมาที่เรือนของทรงยศกับภาวดีที่ปลูกอยู่ใกล้ๆ กัน พลางนั่งหน้าเครียด .ในขณะที่ทรงยศเปิดฉากบ่นกับศึกรบทันทีที่รู้เรื่อง
“แกมันไม่ได้เรื่อง ไอ้รบ ทำยังไงให้เมียแกตามไปได้ ไม่ระวังตัวเอาซะเลย เมื่อไหร่จะเลิกเจ้าชู้ฮะ มีเรื่องแบบนี้เกิดเมียแกขอหย่าขึ้นมาจะทำยังไง”
“พ่ออย่าพูดแบบนั้น มันไม่ได้ร้ายแรงขนาดเขาขอหย่าหรอกน่า”
ภาวดีหันขวับมาทางทรงยศ “คุณนี่ปากเสียจริงๆเลย พูดอะไรออกมาฮะ”
“อ้าว ก็จริงไหมล่ะ” ภารดีย้อน “แกน่ะสันดานเจ้าชู้ไม่ยอมเลิก วันๆเลยมีแต่เรื่องปวดหัว”
“ทำไมคุณไม่เข้าข้างลูกล่ะ เห็นชัดๆ ว่าเมียตารบทำเกินไป ตามไปตบตีเขาแบบนั้นได้ยังไง ยังไม่ทันเห็นว่านอกใจเลย เรื่องงานแท้ๆ อธิบายก็ไม่ฟัง”
“ผมก็พยายามบอกแล้วว่าเขามาเพราะเรื่องงานจริงๆ แต่ก็อย่างที่เห็น”
ภาวดีกอดลูกชายปลอบใจ
“ไม่เป็นไรลูก เดี๋ยวรอเขาใจเย็นๆแล้วค่อยคุยกัน มันไม่มีอะไรหรอก เรื่องงาน ยังไงเขาก็ต้องเข้าใจ ความจริงก็คือความจริงวันยังค่ำ”
ศึกรบพยักหน้ารับ โล่งใจที่พ่อแม่เชื่อเรื่องระริน ในขณะที่พร ที่แอบตามมาดู พอแน่ใจว่าเห็นศึกรบอยู่ในบ้านก็รีบย่องออกไป แล้วรีบย้อนกลับไปที่ห้องสู่ขวัญ ที่รออยู่อย่างกระวนกระวายใจ
“พี่พร”
“เขาอยู่ที่บ้านพ่อแม่เขาค่ะ ไม่ได้ออกไปไหน”
สู่ขวัญได้ยินก็โล่งใจ
“จริงเหรอคะ แล้วไป”
“พรว่าคุณรบยังไม่กล้าหรอกค่ะ ต้องรอดูกันต่อไป”
สู่ขวัญพยักหน้า
“พี่พรต้องต้องช่วยขวัญนะ ช่วยขวัญจับตาดูเขา อย่าให้คลาดสายตาเป็นอันขาด”
“ได้ค่ะ พี่จะคอยดู ทุกฝีก้าวเลยทีเดียว”
พรพูดด้วยสีหน้ามุ่งมั่น ในขณะที่สู่ขวัญยังหวั่นใจอยู่

ศึกรบยืมโทรศัพท์ภาวดี แอบหลบมานอกตัวบ้าน โทรหาระริน
“สวัสดีค่ะ”
“ริน ผมเอง”
ระริน ตาวาว “คุณรบ? คุณรบเหรอคะ”
“ใช่ครับ ผมใช้เบอร์คุณแม่โทรมาน่ะ รินเป็นเป็นยังไงบ้าง”
ระรินนึกได้ รีบปรับเสียงให้ดูเศร้าน่าสงสาร
“ริน โอเคค่ะแค่นี้รินทนได้”
ระรินทำเป็นสะอึกสะอื้นเหมือนร้องไห้
“ผมขอโทษที่ทำให้คุณต้องเป็นแบบนี้นะริน ไม่น่าเลย”
“รินบอกแล้วไงคะ ว่าทนได้ทุกอย่าง เพราะรินรักคุณ”
ระรินปั้นเสียงให้ฟังดูน่าสงสาร
“รินอย่าพูดแบบนี้สิครับ เดี๋ยวมันต้องมีทางออก ผมจะคิดอีกที แต่ว่าตอนนี้ผมขอให้รินอย่าโทรหาเบอร์ผมซักพักนะ”
“ทำไมล่ะคะ?” ระรินย้อนถาม
“ขวัญเขายึดโทรศัพท์ผมไป ถ้าคุณโทรไปขวัญเขารู้ คุณต้องเจ็บตัวอีกแน่ ผมไม่อยากให้เกิดเรื่องกับคุณอีก”
“ก็ได้ค่ะ รินเชื่อคุณทุกอย่าง”

ศึกรบยิ้ม ดีใจที่ระรินยอมทำตาม ในขณะที่ระรินเหมือนจะนึกแผนอะไรได้ขึ้นมา พลางยิ้มร้าย
 
อ่านต่อหน้า 3

ดงดอกงิ้ว ตอนที่ 6 (ต่อ)

ทางด้านสู่ขวัญอาบน้ำเสร็จออกมาจากห้องน้ำ จะหยิบหวีมาหวีผม ทันใดนั้นโทรศัพท์ศึกรบ ก็ดังขึ้นมา สู่ขวัญรีบมาดู เห็นเป็นเบอร์ที่ไม่ได้เมมชื่อไว้ ก็รีบกดรับ

“ฮัลโหล”
ปลายสายไม่พูดอะไรกลับมา สู่ขวัญยิ่งร้อนใจ
“นั่นใครคะ ฮัลโหลใครน่ะ ฮัลโหล”
ระรินวางสายเสียงวางสาย สู่ขวัญยิ่งระแวง
ระรินสะใจที่แกล้งสู่ขวัญได้

สู่ขวัญเดินลงมาข้างล่าง เจอพรนั่งดูโทรทัศน์อยู่ พรหันไปมองอย่างแปลกใจ
“คุณขวัญ ยังไม่นอนเหรอคะ พี่นึกว่าหลับแล้ว”
“ขวัญนอนไม่หลับค่ะพี่พร”
“ยังคิดมากอยู่รึเปล่า” พรถามด้วยความห่วงใย
“คิดสิคะ”
“โธ่ คุณขวัญของพี่ ใครกันนะมาทำให้คุณขวัญเป็นแบบนี้ได้”
“จะใครก็แล้วแต่ แต่ยัยนั่นมันเป็นคนที่ร้ายกาจมาก พี่พรคอยดูนะ ถ้าเขาเลือกจะเล่นสงครามจิตวิทยาแบบนี้ล่ะก็ ขวัญก็จะทำบ้าง เอาให้หัวปั่นกันไปข้างนึงเลย”
พรมองสู่ขวัญ อย่างไม่ค่อยเข้าใจ แต่ก็อดเป็นห่วงไม่ได้

ศึกรบเดินเข้ามาในบ้านตอนเช้า มองหาสู่ขวัญ พรเดินออกมาเห็น พลางมองศึกรบเหยียดๆ
“มาหาคุณขวัญเหรอคะ”
“ใช่ คุณขวัญอยู่ไหน ผมอยากคุยกับเขา”
“คุณขวัญยังไม่อยากให้ใครรบกวนค่ะ คุณกลับไปก่อนเถอะ”
ศึกรบ ถอนหายใจ “ขวัญพูดแบบนี้จริงๆเหรอ?”
“พรไม่ได้โกหก หรือว่ากันท่าอะไรนะคะ พรมีหลักฐาน นี่ค่ะ”
พรหยิบโทรศัพท์ของศึกรบออกมา
“คุณขวัญฝากมาคืนคุณ แล้วก็บอกว่าคุณขวัญอยากพักผ่อน ยังไม่อยากคุยกับใคร เข้าใจนะคะ”
พรยัดโทรศัพท์ใส่มือศึกรบแล้วเดินออกไป ศึกรบมองอย่างขัดใจ

ศึกรบมาทำงานที่ออฟฟิศ ในขณะที่อารมณ์ยังหงุดหงิด แสงดาวเห็นศึกรบมาก็ดีใจ รีบเข้าไปเอาใจ
“คุณรบทานอะไรมารึยังคะ จะรับกาแฟหรือเปล่าคะ ดาวจะได้จัดการให้”
ศึกรบ ส่ายหน้า
“ไม่เป็นไรคุณดาว ผมไม่ค่อยอยากกินอะไร”
“ คุณรบดูไม่ค่อยดีเลยนะคะ” แสงดาวพูดด้วยความเป็นห่วง
“ช่วงนี้เครียดๆน่ะ เจอหลายเรื่อง ขอตัวนะครับ”
-ศึกรบเดินเลี่ยงไปเข้าห้อง แสงดาวพูดไล่หลัง
“ถ้าคุณรบมีอะไรให้ช่วยก็บอก”
ศึกรบไม่ได้ฟัง รีบเข้าห้องไป แสงดาวชะงัก มองศึกรบแบบรู้สึกผิดนิดๆ

ศึกรบนั่งอยู่ที่โต๊ะ ไม่มีแก่จิตแก่ใจทำงาน เพราะคิดมากเรื่องสู่ขวัญ พลันเสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น
ศึกรบมองไป เห็นชื่อระริน ที่หน้าจอ ก็รีบกดรับ
“ครับ ริน”
“คุณรบเหรอคะ คุยได้ไหมคะ รินรบกวนรึเปล่า”
ศึกรบตอบเนือยๆ “ คุยได้ครับ มีอะไรรึเปล่า”
ระรินปั้นเสียงเหมือนน้อยใจใส่ศึกรบ
“คุณได้โทรศัพท์คืนแล้วเหรอคะ”
“คุณโทรมาทั้งที่คุณไม่รู้ว่าผมได้โทรศัพท์คืนรึยังงั้นเหรอ? ถ้าขวัญเขารู้เข้ามันจะเป็นยังไง”
ศึกรบเริ่มหงุดหงิด
“ริน รินแค่คิดถึงคุณนี่คะ รินอยากคุยกับคุณ แต่ไม่รู้จะโทรหาใคร ทำไมไม่โทรหารินเลยล่ะคะ หรือว่าคุณไม่เป็นห่วงรินแล้ว”
“ห่วงน่ะห่วงครับ แต่เรื่องขวัญผมก็ยังเคลียร์ไม่ได้ ผมต้องจัดการเรื่องนี้ก่อน”
“รินขอโทษค่ะ ถ้ารินทำให้คุณไม่สบายใจ” ระรินใส่จริตเต็มที่
“ผมไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น”
ระรินพูดเศร้าๆ
“คุณจะหมายถึงอะไรก็ได้ค่ะ คุณจะไม่โทรไม่ห่วงอะไรรินก็ได้ รินยอมคุณหมดทุกอย่าง เพราะรินเป็นของคุณ รินอยากให้คุณสบายใจเวลาอยู่กับริน แค่นั้นเอง”
ศึกรบได้ยินระรินพูดแบบนี้ ก็เริ่มเสียงอ่อนลง
“เอาเป็นว่าถ้าผมมีโอกาสผมจะโทรหาคุณแล้วกัน”
“จริงเหรอคะ รินดีใจที่สุดเลยค่ะ”

ระรินยิ้มพอใจ

ในขณะที่สู่ขวัญลงมาชั้นล่างด้วยท่าทางอ่อนเพลีย เตรียมตัวจะออกไปทำงาน ภาวดีเดินเข้ามาบ้านพอดี จึงรีบเดินเข้าไปหา

“หนูขวัญ ตายแล้ว มาพอดีเลย แม่มีเรื่องจะคุยด้วย”
“เรื่องอะไรคะ?”
“ก็ เอ่อ” ภารดีอึกอัก “เรื่องตารบน่ะจ้ะ”
“ขวัญไม่ค่อยสบาย ยังไม่อยากคุยเรื่องนี้กับใครทั้งนั้น ขวัญขอโทษนะคะคุณแม่”
สู่ขวัญจะเดินเลี่ยงไป ภาวดีรีบเรียกไว้
“แหม หนูขวัญก็ฟังแม่ก่อนเถอะนะ ตารบน่ะมีคำอธิบาย ขอแค่หนูฟัง นิดเดียวเท่านั้นเอง”
สู่ขวัญ ส่ายหน้า
“จะมากจะน้อย ตอนนี้ขวัญก็ไม่พร้อมจะฟังทั้งนั้นค่ะ”
“โธ่ๆ งั้นฟังแม่ก่อนก็ยังดี” ภารดีไม่เลิกตื๊อ
“ถ้าคุณแม่จะช่วยเขาแก้ตัว ขวัญบอกไว้ก่อนเลยว่า ขวัญเชื่อสิ่งที่ขวัญเห็นมากกว่าคำพูด คุณแม่จะช่วยอะไรเขาก็ไม่มีประโยชน์หรอกค่ะ”
“แต่ว่า”
ภารดีจะพูดต่อ แต่สู่ขวัญไม่ฟัง
“เดี๋ยวขวัญจะรีบไปร้าน พอดีนัดลูกค้าไว้ ไว้เราค่อยมาคุยกันทีหลังเถอะนะคะ”
สู่ขวัญเดินหนีออไป ภาวดียืนเหวอ
“หนูขวัญ”.
ภาวดีเดินจะตามไปคุยกับสู่ขวัญ พรโผล่มาขวางไว้
“จะไปไหนคะ”
“ฉันจะไปไหน คนใช้แบบเธอมายุ่งอะไรด้วย”
“ก็ไม่ได้อยากยุ่งหรอกนะ แค่อยากจะเตือนอะไรคุณไว้หน่อย”
“เตือนเรื่อง?” ภารดีย้อนถาม
“จำได้รึเปล่าว่าตอนก่อนจะแต่งงาน คุณรับปากอะไรไว้เป็นมั่นเป็นเหมาะ”
“เมื่อไหร่จะเลิกอ้อมโลก เธอต้องการอะไร พูดมาเลยดีกว่า”
ภารดีเริ่มรำคาญ
“ก็คุณสัญญาไว้ไม่ใช่เหรอว่าลูกชายตัวดีของคุณจะถอดเขี้ยวเล็บ เลิกเจ้าชู้เด็ดขาด สุดท้ายก็ทำไม่ได้”
“ใครบอกเธอไม่ทราบว่าลูกชายฉันเป็นอย่างที่เธอว่า อย่ามากุเรื่องเอาเองนะ”
“คนเราทำอะไรมันรู้อยู่แก่ใจ โกหกกันได้ไม่นานหรอก” พรพูดตอกหน้าใส่j
“พวกฉันไม่ได้โกหกนะ!
“อุ๊ยต๊ายตาย ฉันยังไม่ได้บอกเลยนะว่าใครโกหก แค่พูดลอยๆ”
พรทำหน้าเยาะเย้ย ภาวดีเริ่มโกรธ
“แก นังคนใช้”
“อย่ามาเรียกฉันว่าคนใช้ ฉันไม่ได้รับใช้คุณ” พรเชิดใส่ภารดี “ฉันมองพวกคุณออก คนแบบพวกคุณ อีกไม่นานไอ้สันดานแท้ที่มันซ่อนไว้ ซักวันมันก็จะออกมา คุณมันพวกกิ้งก่าอยากได้ทอง รักจริงหวังสมบัติ แต่งงานล้างหนี้”
ภาวดี โกรธจนตัวสั่น
“นี่แกชักจะพูดมากเกินไปแล้วนะ”
แต่พรติดลม จนหยุดไม่อยู่แล้ว
“คนมันกินปูน มันก็ร้อนท้องทุรนทุรายเป็นธรรมดา จริงไหมคะคุณภาวดี”
“พูดเก่งสำบัดสำนวนเหลือเกินนะ นังคางคกขึ้นวอ นังสาวทึนทึก ไม่มีปัญญาหาผัวรวย เลยมาเกาะเลียแข้งเลียขาหนูขวัญ ทั้งที่เป็นแค่ญาติห่างๆกัน ไม่อายหรือยังไง”
พรสะบัดหน้าใส่
“ฉันไม่มีอะไรต้องอาย ฉันดูแลคุณขวัญมาตั้งแต่เด็ก ฉันรักคุณขวัญ แล้วฉันก็จะไม่ให้ใครมาทำอะไรให้คุณขวัญเสียใจทั้งนั้น พวกคุณระวังไว้เถอะ ถ้าวันไหนคุณขวัญต้องร้องไห้ ฉันไม่ยอมแน่ จำไว้”
พรโกรธมากชี้หน้าภาวดี แล้วสะบัดตัวเดินหนีไป ภาวดีตะโกนไล่หลัง
“จ้า แม่คนใช้ดีเด่น เดินดีๆล่ะ อย่าล้มนะ วันไหนเธอล้ม เธอเจอดีแน่ คอยดู”

ภาวดีเดินกลับเข้ามาในบ้าน ด้วยอารมณ์หงุดหงิดม ทรงยศที่นั่งอ่านหนังสือพิมพ์อยู่ เงยหน้ามาเห็นเข้า เลยถาม
“หน้าบูดมาเลย ไปเจออะไรที่บ้านนั้นมาเรอะ”
“เจอหมาแก่เฝ้าบ้านมันเห่าเอาน่ะสิคุณ”
“หืม บ้านนี้ไม่ได้เลี้ยงหมาซะหน่อย มีหมาที่ไหน” ทรงยศพาซื่อ
“โอ๊ย ฉันหมายถึงยัยพร ยัยแม่บ้านปากจัดนั่น เป็นแค่คนใช้แท้ๆ ริอาจมาขึ้นเสียงเถียงกับฉัน นี่ฉันถึงขนาดต้องยืนเถียงกับคนใช้แล้วเหรอเนี่ย”
ภาวดีนั่งลง กุบขมับ
“ทำไมคุณต้องลดตัวไปเถียงกับเขาด้วย”
“มันก็เป็นเพราะคุณนั่นแหละ”
ภาวดีเสียงดัง จนทรงยศตกใจ
“อ้าว เกี่ยวอะไรกับผมเนี่ย”
ภาวดีจ้องหน้าสามี อย่างขัดใจ
“คิดดู ถ้าคุณไม่ทำธุรกิจเจ๊ง ถ้าบ้านเรายังรวย มีเงินใช้สบายเหมือนเมื่อก่อน เราก็ไม่ต้องวางแผนจับหนูขวัญมาแต่งงาน เราก็คงไม่ต้องโดนยัยแม่บ้านมาดูถูกว่าเกาะเขากินแบบนี้หรอก”
“อ้าวคุณ ทำธุรกิจมันก็มีความเสี่ยงทั้งนั้น ผมจะไปรู้เหรอ ว่าวันนี้พรุ่งนี้มันจะเจ๊ง”
ทรงยศไม่ยอทรับความผิด
“ถ้าคุณเก่งและรอบคอบกว่านี้มันคงไม่เป็นแบบนี้หรอก คุณน่าจะรู้อยู่แล้วว่ามันจะเจ๊ง ไม่ใช่ปล่อยให้เงินมันหมดจนแทบไม่เหลืออะไรแบบนี้”
“คุณรอบคอบมากนักรึไง” ทรงยศเริ่มทนไม่ไหว เลยย้อนเข้าให้ “ ใช้เงินเป็นเบี้ย ซื้อกระเป๋าใบละครึ่งล้าน ให้ผมรอบคอบให้ตายก็เอาไม่อยู่ ไอ้ข้าวของแพงๆในบ้านนี่ไม่ใช่ฝีมือคุณรึไง”
“เอ๊ะ ทำไมย้อนมาว่าฉันแบบนี้ล่ะฮะ”
“ทีนี้คุณรู้รึยังว่าลูกมันได้นิสัยใครมา คุณใช้เงินเปลืองอย่างกับไม่มีวันหมด ไอ้รบก็เหมือนกัน ใช้ผู้หญิงเปลืองอย่างกับอะไรดี โว้ย เซ็ง”

ทรงยศเดินหนี ภาวดีมองตามอย่างหงุดหงิด
 
อ่านต่อหน้า 4

ดงดอกงิ้ว ตอนที่ 6 (ต่อ)

ศึกรบนั่งทำงานอยู่ สาธรค่อยๆ แง้มประตูเข้ามา

“เข้ามาเลยไอ้ธร ไม่ต้องลับๆ ล่อๆ”
สาธรโผล่ออกมาจากตรงประตู เดินเข้ามาหาศึกรบ ทำเป็นอารมณ์ดี
“เฮ้ย เข้ามาถึงก็สัมผัสได้ถึงรังสีว้าวุ่นแผ่ซ่านไปทั่วห้อง”
ศึกรบพยักหน้ารับ
“ก็ไม่แปลก ว้าวุ่นจริงๆ”
“นั่นไง ว่าแล้ว ควงนารีเกินสอง จิตใจก็มัวหมองว้าวุ่น เป็นธรรมดา”
“คติบ้านไหนของแกวะ ไม่เห็นเคยได้ยิน”
สาธรยิ้มขำๆ “บ้านผมนี่ล่ะครับ แหม่ เอ้อ แล้วศรีภรรยาว่าไงบ้างเรื่องระริน”
ศึกรบ ส่ายหน้า “โหดกว่าที่คิดเยอะ คิดว่าง้อก็คงหาย นี่ข้ามวันมาแล้วยังไม่ดีขึ้นเลย”
“โห เจอสายแข็งนี่หว่า”
“เออสิวะ กลุ้มจนทำงานไม่ออกแล้วเนี่ย”
สาธรเดินมาตบบ่าศึกรบเป็นเชิงปลอบใจ
“ฉันว่านะ นายต้องยอมสละน้องระรินสุดเซ็กซี่สักพักแล้วว่ะ แล้วทำตัวดีๆ ไปง้อเมียซะ”
“จะง้อยังไงดี ขวัญใจแข็งชมัด”
ศึกรบหน้าเครียด
“ไรแว้ เรื่องแค่นี้คาสโนว่าอย่างแกคิดไม่ออกฉันก็ไม่รู้จะช่วยยังไงว่ะ”

ชโยดมเดินเข้ามาที่โรงพยาบาล ระหว่างเดินไปห้องตรวจ มีคนไข้และพยาบาลทักเป็นระยะ
“สวัสดีครับ”
ชโยดมยิ้มทักทายทุกคนอย่างอารมณ์ดี พยาบาลบางคนมองตามปลื้มๆ
ชโยดมเดินไปถึงห้องตรวจ พอเปิดประตูห้องตรวจเข้าไป ก็ต้องแปลกใจ เพราะบนโต๊ะทำงานมีช่อดอกไม้วางอยู่
ชโยดมเดินไปดู เห็นป้ายชื่อที่ติดอยู่กับช่อดอกไม้ มีข้อความเขียนว่า ‘
แทนคำขอบคุณค่ะ -ปองฤทัย’
พอเห็นว่าใครส่งมา ชโยดมก็ยิ้ม เดินไปหยิบมือถือ
“โทรไปขอบคุณซะหน่อยดีกว่า”
ชโยดมกำลังจะกดเบอร์ปองฤทัย แต่จู่ๆ สู่ขวัญก็โทรเข้ามาเสียก่อน
“พี่ขวัญ?”

ทางด้านระริน ก็กำลังโดนนักข่าวรุมสัมภาษณ์หลังเสร็จจากงานอีเว้นท์
“ระรินคะ มีคนบอกว่าเกิดการตบนอกบทในกองถ่ายริษยาอาฆาต เป็นเรื่องจริงใช่ไหมคะ รอยแดงที่หน้าคุณนี่ก็เกิดจากเรื่องนี้ใช่ไหมคะ”
ระรินทำเป็นยิ้มแล้วตอบนักข่าว
“จริงๆมันแค่ผิดคิวกันนิดหน่อยค่ะ”
“แค่ผิดคิวเหรอคะ ไม่ได้ตบนอกบทเหรอ” นักข่าวคนหนึ่งย้อนถาม
“เวลาทำงานมันก็มีเผลออินจนเล่นจริงไปบ้าง อยากให้สมบทบาทแค่นั้นเอง”
“แล้วกับลีน่านักแสดงใหม่เป็นยังไงบ้างคะ มีปัญหาอะไรหลังจากนั้นรึเปล่าได้ข่าวว่าไม่ค่อยถูกกันนี่คะ”
นักข่าวอีกคนซักต่อ
“เราโอเคกันดีค่ะ เป็นพี่เป็นน้องกัน น้องเขาน่ารักค่ะ ไม่ได้มีปัญหากันนะ คือรินเข้าใจว่าน้องยังใหม่มาก เวลาเล่นอะไรอาจจะช้า จำบทไม่ได้บ้าง เราก็ต้องปรับตัวค่ะ คนทำงานด้วยกันเนอะ มีอะไรก็ช่วยกัน”
“เจ็บตัวแบบนี้คนใกล้ตัวว่ายังไงบ้างคะ”
ระริน ทำเป็นหัวเราะ “หมายถึงใครรึเปล่าเนี่ย”
“คนพิเศษที่คุยอยู่ไง”
นักข่าวหัวเราะกันเกรียว ระรินทำเป็นเขินอาย
“เอาเป็นว่าเขาก็ช่วยดูแลอยู่”
นักข่าวฮือฮากันใหญ่ แล้วรีบถามต่อ
“แล้วเมื่อไหร่จะเปิดตัวหนุ่มคนนี้ซะทีคะคุณระริน”
ระริน ยิ้มหวาน“รินว่ายังไม่ถึงเวลานะ”
“ซักนิดก็ยังดี เป็นใครยังไง ทำงานอะไร”
“นิดเดียวจริงๆ นะ ก็เป็นหนุ่มนักธุรกิจ หล่อ รวย ไฮโซ”
นักข่าวยิ่งฮือฮาขึ้นอีก รีบถ่ายรูประรินกันใหญ่
“แค่นี้แล้วกัน เดี๋ยวต้องไปแล้ว ขอตัวก่อนนะคะ”
ระรินยกมือไหว้นักข่าวแล้วเดินเลี่ยงออกไป นักข่าวเดินตามมาถามต่อ
“เดี๋ยวก่อนสิริน บอกมากกว่านี้หน่อย ขออักษรย่อ ริน”
ระรินทำเป็นเดินหนีแต่แอบยิ้มพอใจ

สู่ขวัญออกมากินข้าวกับชโยดม พลางนั่งเหม่อๆ เหมือนคิดอะไรอยู่ จนชโยดมร้องทัก
“พี่ขวัญ”
สู่ขวัญสะดุ้ง “ว่าไงจ๊ะ”
“ถามจริงนะ ตอนนี้มีอะไรไม่สบายใจอยู่รึเปล่า”
สู่ขวัญเงียบไป ชโยดมจ้องพี่สาวเป็นเชิงคาดคั้น สู่ขวัญยอมแพ้ ยอมเล่าออกมา
“มีสิ แต่ไม่อยากเล่า นานๆจะเจอกันที ไม่อยากเอาเรื่องเครียดมาทำให้เสียบรรยากาศ”
“บรรยากาศน่ะช่างมันเถอะครับ ผมอยากรู้มากกว่าว่าพี่เป็นอะไร”
“ก็เรื่อง”
สู่ขวัญยังพูดไม่ทันจบ ชโยดมก็สวนขึ้นมา
“สามีพี่ใช่ไหม”
สู่ขวัญพยักหน้า “ใช่ ตอนนี้พี่คิดว่าเขากำลังนอกใจพี่”
“ผมบอกพี่ขวัญแล้วว่าเขาไม่ธรรมดา พี่ก็บอกอยู่นั่นว่าจัดการได้”
“เพราะจัดการได้น่ะสิ ถึงรู้ทันเขาไปหมดแบบนี้”
“แสดงว่าพี่ขวัญทำอะไรซักอย่างถึงรู้?” ชโยดมย้อนถาม

“ใช่ คือเรื่องมันเป็นแบบนี้”

แล้วสู่ขวัญก็ย้อนเล่าถึงวันที่เกิดเรื่อง ในขณะที่กำลังจัดเสื้อผ้าลงหุ่นอยู่ในร้าน เสียงมือถือดังขึ้น สู่ขวัญวิ่งไปรับ

“ค่ะ สู่ขวัญพูดค่ะ”
“คุณขวัญ ดาวเองค่ะ”
ปลายสาย คือแสงดาว ที่หลบมาคุยที่มุมเงียบๆ ภายในโรงแรม
“มีเรื่องอะไรรึเปล่าคะ?”
“คือ คือว่า”
แสงดาวทำเสียงอ้ำอึ้ง จนสู่ขวัญเริ่มสงสัย
“ศึกรบเหรอ”
“ค่ะ ดาวคิดไปคิดมาหลายทีแล้ว ไม่รู้จะบอกคุณขวัญดีรึเปล่า”
“บอกมาเถอะค่ะ โทรมาซะขนาดนี้แล้ว ฉันรับได้ พูดมาเลย”
สู่ขวัญพูดพลางตั้งสติเตรียมรับสถานการณ์
“ดาวเห็นคุณรบ กับเอ่อ”
สู่ขวัญเริ่มร้อนใจ “ใครคะ รบกับใคร”
“คุณ คุณระรินที่เป็นดาราดังน่ะค่ะ”
“ระริน?” สู่ขวัญตกใจ “ยัยนั่นไปไหนกับรบ”
“ที่โรงแรมเราค่ะ ดาวเห็นทั้งคู่ไปห้องสวีทด้วยกัน วันก่อนคุณรบให้ดาวเปิดห้องสวีทให้แขกวีไอพี แต่พอดาวตามไป ดาวก็เจอคุณระริน”
“จริงเหรอ? แขกวีไอพีที่เขาพูดถึงคือยัยระรินดาวยั่วนั่นน่ะเหรอ”
“ใช่ค่ะ แต่คุณขวัญอย่าบอกคุณรบนะคะว่าดาวบอก แล้วดาวก็ไม่อยากให้คุณขวัญคิดมากด้วย”
สู่ขวัญพยักหน้า
“ได้ ฉันยอมแค่ข้อแรก ว่าจะไม่บอกรบว่ารู้มาจากเธอ แต่เรื่องไม่คิดมาก ไม่มีทาง”
สู่ขวัญเริ่มร้อนรนมากขึ้นเรื่อยๆ ด้วยความอยากรู้ความจริง
“ดาว ดาวไม่ทราบจริงๆค่ะ คุณขวัญใจเย็นก่อนนะคะ อาจจะเป็นเรื่องงานก็ได้”
“เอาเป็นว่าเรื่องนี้ฉันจะจัดการเอง ขอบใจเธอมาก”
สู่ขวัญวางสายไป หน้าเครียด ก่อนที่จะรีบมาเล่าให้มีนาฟัง
“โห คุณรบเขาถึงกับเปิดห้องให้ยัยระรื่นนั่นมานอนเลยเหรอ ห้องสวีทเชียวนะ”
“ฉันแค่ได้ยินมา ไม่รู้จริงแค่ไหน มีนา ฉันจะทำไงดี”
“งั้นต้องหาทางพิสูจน์”
“ยังไง” สู่ขวัญย้อนถาม
“เราต้องจับให้ได้คาหนังคาเขา ต้องทำให้สามีเธอตายใจว่าเธอไม่รู้เรื่อง อาศัยจังหวะตอนเขาคิดว่าเธอเผลอ”
สู่ขวัญพยักหน้า แววตายังมีมีความกังวลอยู่ ในขณะที่มีนาท่าทางมั่นใจมาก

เมื่อสู่ขวัญแยกกับศึกรบที่หน้าร้านอาหาร และศึกรบขับรถออกไป มีนาก็ขับรถมารับ สู่ขวัญรีบขึ้นรถมีนา แอบตามศึกรบไป

มีนากับสู่ขวัญแอบตามมาศึกรบมาจนถึงหน้าห้องสวีท ที่เป็นห้องพักของระริน พลางซุ่มดูอยู่ห่างๆ
ศึกรบเอาคีย์การ์ดเปิดประตูเข้าไป มีนาหันมาคุยกับสู่ขวัญ
“ห้องสวีทจริงๆด้วย เหมือนที่ยัยเลขานั่นพูดเลย”
“จะใช่ยัยระรินจริงเหรอ ถ้าเป็นห้องแขกขึ้นมาจะทำยังไง”
“ไม่รู้สิแก ก็ต้องรอดูไปก่อน”
“ฉันว่า เราแสดงตัวเข้าไปถามรบเลยดีกว่า ว่าเขามาหาใคร จะได้จบๆไป ฉันอยากรู้จะแย่แล้วมีนา”สู่ขวัญทำท่าจะเดินออกไป มีนาดึงไว้
“ไม่ได้ๆ ขวัญ แกอย่าใจร้อนสิ”
สู่ขวัญ หน้าเครียด
“แต่เราก็เห็นแล้วนี่ว่าเขาเข้าไปในห้องนั่น ต้องมาหาใครแน่ๆ”
“แต่ใครที่ว่านั่นอาจจะไม่ได้อยู่ในห้องก็ได้ เธอรออีกหน่อย ถ้าเธอเขาไปตอนเขาไม่อยู่กับใคร เขาก็สับขาหลอกเธอได้อีกน่ะสิ ของแบบนี้มันต้องเห็นคาตา ถึงจะไปไหนไม่รอด”
มีนาอธิบายป็นฉากๆ สู่ขวัญพยักหน้า ยอมรอต่อ
“นั่นไง หลักฐานชิ้นใหญ่มาแล้ว เป็นแบบที่คิดไว้ไม่ผิด”
มีนาชี้ให้สู่ขวัญดู เห็นระรินกำลังเดินตรงมายังห้องพักที่ศึกรบเข้าไป สู่ขวัญอึ้งที่เห็นระรินมาจริงๆ
“มีนา ยัยระริน! ยัยนั่นจริงๆด้วย ฉันทนไม่ไหวแล้วนะ”
สู่ขวัญจะพุ่งออกไปอีก มีนาก็รั้งไว้อีก
“ไม่ ยัยขวัญ ฉันบอกแล้วไงให้เธอใจเย็นๆ”
“เธอจะให้ฉันเย็นอะไรอีก เห็นแล้วไม่ใช่เหรอ ว่ามันเข้าไปหารบ”
“ฉันบอกว่าไม่ เราจะวู่วามทำอะไรไม่ได้ เราต้องจับให้ได้ แบบคาตา ฉันมีวิธี เธอต้องฟังฉัน เข้าใจไหม”
สู่ขวัญมองไปที่ประตูห้อง กำมือแน่น ด้วยความโกรธ

“พี่เกือบจะรอไม่ไหวอยู่แล้ว แต่สักพักมีคนมาส่งอาหารที่หน้าห้อง เลยรีบตามเข้าไป กลัวจะพลาดอีก พี่ไม่อยากรอแล้ว ในที่สุด”
สู่ขวัญเล่าให้ชโยดมฟังต่อ
“พี่ก็เลยเห็น ว่าเขาอยู่กับดาราชื่อระริน?”
สู่ขวัญพยักหน้า “ใช่ เห็นกับตาเลยนะโย”
“งั้นก็เป็นไปได้ว่าผู้หญิงคนนี้น่าจะเป็นคนเดียวกับที่ผมเห็นที่ร้านอาหารวันนั้น ทรงผมกับการแต่งตัวใกล้เคียงกันมาก”
“จริงสิ” สู่ขวัญเพิ่งนึกขึ้นได้ “ที่รบบอกว่าเป็นลูกค้าใช่ไหม รอบนี้ก็เหมือนกันเขาก็แก้ตัวว่าเป็นเรื่องงาน”
“งานเหรอ” ชโยดมส่ายหน้าแบบไม่เชื่อ “อืม ผมก็ไม่รู้เหมือนกันนะพี่ขวัญ แต่ในเมื่อเขาไม่ยอมรับ เราจะทำอะไรได้ ถ้าไม่จับให้ได้แบบคาหนังคาเขาจริงๆ เขาก็คงอ้างเรื่องงานไปเรื่อย”
“เพราะฉะนั้นพี่ก็เลยต้องจับให้ได้ไงโย ถ้าพี่ได้หลักฐานชัดเจนจนยัยนั่นดิ้นไม่หลุดเมื่อไหร่ นังเซ็กซี่สตาร์ จะต้องโดนประจานจนเซ็กส์เสื่อม ดับสนิทในวงการแน่ๆ คอยดู”

สู่ขวัญจบประโยคด้วยอารมณ์คุกรุ่น ชโยดมมองพี่สาวด้วยความ เป็นห่วง
 
อ่านต่อตอนที่ 7
กำลังโหลดความคิดเห็น