ดงดอกงิ้ว ตอนที่ 2
แสงแดดอ่อนๆ ส่องผ่านผ้าม่านในยามเช้า ศึกรบลืมตาตื่นขึ้นมา พลางใช้มือไล้ที่หน้าสู่ขวัญเบาๆ ด้วยความรักใคร่ ในขณะที่สู่ขวัญยังคงหลับอยู่ ศึกรบหอมแก้ม สู่ขวัญลืมตาขึ้นมามองเห็นศึกรบที่จ้องมองอยู่ข้างๆ ก็ยิ้มให้
“เช้าแล้วครับ”
สู่ขวัญจะลุกจากที่นอน หากศึกรบรวบตัวให้ลงมานอนเหมือนเดิม
“จะรีบลุกไปไหนล่ะครับ ยังเช้าอยู่เลย”
สู่ขวัญ ระบายยิ้มให้สามี “ก็ไปทำงานสิคะ รบไม่ไปทำงานหรือไงคะ”
“ ไม่อยากไป อยากอยู่กับคุณมากกว่า”
ศึกรบทำเสียงอ้อน พลางจูบสู่ขวัญ สู่ขวัญแกล้งเบี่ยงตัวหลบ
“แหนะรบเนี่ย”
ศึกรบยิ่งกอดรักแน่นขึ้น “ผมขอแก้ตัวเรื่องเมื่อคืนที่ทำให้ขวัญรอนาน”
“ไม่เป็นไรหรอกขวัญเข้าใจค่ะว่าคุณทำงาน”
สายตาสู่ขวัญหมายความตามที่พูดจริงๆ ทว่าศึกรบกลับแอบสะอึก
“คุณไม่โกรธผมใช่ไหมครับ”
สู่ขวัญยิ้ม พลางส่ายศีรษะนิดๆ ศึกรบจูบที่หน้าผากสู่ขวัญ พลางสบสายตาด้วยความรัก
ศึกรบกำลังก้มลงจะจูบสู่ขวัญ ทันทีที่ปากกำลังจะเข้าใกล้กันเสียงมือถือของศึกรบก็ดังขึ้นมาขัดจังหวะ ศึกรบอารมณ์สะดุด แต่ก็เอื้อมมือรับโทรศัพท์เห็นเป็นเบอร์แสงดาว
“ดาวมีอะไรเหรอครับโทรมาแต่เช้าเชียว” ศึกรบทำน้ำเสียงไม่สบอารมณ์
แสงดาว ที่นั่งคุยสายอยู่อีกด้าน สีหน้าเจื่อนๆ รู้สึกว่ารบกวนศึกรบ
“ต้องขอประทานโทษนะคะ คือ เอ่อ คือ”
“ว่าไงครับ”
“ดาวจะโทรมาเตือนคุณรบว่าตอนสิบโมงมีนัดสัมภาษณ์นะคะ”
ศึกรบนึกขึ้นได้ หันมองทางสู่ขวัญที่ยังมองอยู่ พลางทำหน้าเครียดๆ
“ขอบคุณมากครับที่เตือน ผมจะรีบไปเดี๋ยวนี้แหละ”
“ค่ะ” แสงดาวรับคำยิ้มๆ
ศึกรบวางสายไป พลางทำหน้านิ่ง สู่ขวัญเป็นห่วงลุกขึ้นมาใกล้กับที่ศึกรบนั่งอยู่ พลางถามด้วยความเป็นห่วง
“ที่โรงแรมมีปัญหาอะไรเหรอคะ เล่าให้ขวัญฟังได้นะคะ”
ศึกรบทำท่าคิดหนัก ก่อนจะแกล้งถอนหายใจ “นิดหน่อยน่ะครับ แต่ไม่ต้องเป็นห่วง ผมจะรีบ
จัดการ เดี๋ยวกลับมาเล่าให้ฟังนะครับ”
ศึกรบลุกขึ้นก้มลงหอมแก้มสู่ขวัญก่อนเดินเข้าห้องน้ำไป สู่ขวัญมองตามเป็นห่วง
ทางด้านแสงดาว ก็เดินไปเดินมาพลางชะเง้อรอศึกรบอยู่หน้าทางเข้าสตูดิโอ ระรินลุกพรวดขึ้นมาจากโซฟาที่นั่งรอ เดินตรงมาที่ทีมงานที่อยู่ด้านหน้าประตูด้วยความโมโห
“นี่มันสายมากแล้วนะทำไม MD ที่ฉันต้องสัมภาษณ์ยังมาไม่ถึงอีก”
ทีมงานอึกอัก “เอ่อ คงกำลังเดินทางน่ะค่ะ”
แสงดาวเองก็ร้อนใจไม่แพ้กัน รีบเดินเข้าไปบอกทีมงาน
“รอสักครู่นะคะ”
“ ฉันรอมาหลายครู่แล้วนะ” ระรินปรี๊ดขึ้นมาทันที “โทรตามหน่อยสิอะไรกันปล่อยให้ฉันมานั่ง
รออยู่ได้ ฉันไม่ได้มีเวลาว่างมากนักนะ”
“ใจเย็นๆนะคะ” ทีมงานพยายามใช้น้ำเย็นเข้าลูบ
“ โทรถาม MD คุณสิว่าอยู่ไหนแล้ว” ระรินหน้าเหวี่ยง “ แล้วก็บอกเขาด้วยว่าฉันมีคิวต้องไปที่อื่
ต่อ”
แสงดาว ค่อยๆ กดเบอร์โทรหาศึกรบ แต่ศึกรบไม่รับสาย แสงดาวรีบหันมาบอกระริน
“คุณศึกรบไม่รับสายค่ะ คงจะกำลังขับรถอยู่น่ะค่ะ ช่วงนี้รถค่อนข้างติด รบกวนคุณระรินรอ สักครู่นะคะ”
ระรินฟังแล้วยิ่งหงุดหงิด
“โอ๊ย .รอ รอ รอ อยู่นั่นน่ะ ฉันให้เวลาอีก 10 นาที ถ้าMD ของคุณยังไม่มา ฉันไปละ”
ระหว่างนั้นศึกรบเดินเข้ามาพอดีได้ยินแอบยิ้มๆ แสงดาวเห็นศึกรบก็ก้มหน้าก้มตา ระรินคิดว่าแสงดาวกลัว จึงข่มต่อ
“เข้าใจที่ฉันพูดใช่ไหม”
“เข้าใจครับ”
ศึกรบเป็นตอบคำถามนั้นแทน ระรินหันไปมองตามเสียง ทันทีที่เห็นศึกรบ ก็ถึงกับตะลึง
“ขอโทษทีนะครับ รถติดเลยมาสายไปหน่อย”
ศึกรบยิ้มให้ระริน แล้วหันไปบอกแสงดาว
“ผมพร้อมแล้วครับคุณดาว”
“เชิญทางนี้ค่ะ”
แสงดาวพาศึกรบเข้าไปในสตูดิโอ ระรินมองตามศึกรบไม่วางตา
เสียงปรบมือดังเกรียวกราว เมื่อไตเติ้ลรายการ “คุยกับเซเลบ” จบลง ระรินซึ่งเป็นพิธีกรหญิงแต่งตัวเซ็กซี่เดินออกมา
“สวัสดีค่ะคุณผู้ชม นาทีนี้คงไม่มีใครในวงสังคมไม่เคยได้ยินชื่อไฮโซหนุ่มคนดังแห่งวงการโรงแรม เขาเป็นที่จับตามองตั้งแต่สมัยยังวัยรุ่น ในฐานะนายแบบหนุ่มที่ฮอตข้ามปี แต่หลังจากทิ้งวงการบันเทิงไปเรียนต่อที่อเมริกา เขากลับมาบริหารงานด้านโรงแรมและขยายอาณาจักรธุรกิจไปจนประสบความสำเร็จเป็นอันดับต้นๆ ในอาเซียน วันนี้เขากลายเป็นนักบริหารหนุ่มไฟแรงแห่งปีที่ทุกคนต้องจับตามอง”
จากนั้นก็เป็นภาพอิริยาบถและกิจกรรมต่างๆ ของศึกรบ ทั้งตอนเป็นนายแบบ ตอนเล่นพารามอเตอร์ แข่งรถ ใส่สูทในมาดนักธุรกิจ ฯลฯ ประกอบเนื้อหาของรายการ
ระรินบรรยายต่อ “รายการคุยกับเซเลบขอต้อนรับนักบริหารหนุ่มที่ฮอตที่สุดในนาทีนี้ กรรมการผู้จัดการโรงแรม เลอวิมาน คุณศึกรบ เลิศอริยาภา ค่ะ”
เสียงคนดูปรบมือต้อนรับกันเกรียวกราว ระรินมองไปด้วยสายตาที่อดชื่นชมไม่ได้
ศึกรบก้าวเข้ามาในรายการ พร้อมกับรอยยิ้มเท่ๆ ของเขา และบุคลิกที่มั่นใจ มีเสน่ห์น่าหลงใหล ศึกรบยิ้มให้กับทุกคนอย่างอบอุ่น สาวๆ ในห้องกรี๊ดเสียงดังสนั่น
ศึกรบนั่งประจำที่ของแขกรับเชิญ ระรินเริ่มต้นสัมภาษณ์ ด้วยสายตาหวานเยิ้ม
“ช่วยเปิดเผยเคล็ดลับหน่อยสิคะ ว่าอะไรที่ทำให้คุณศึกรบประสบความสำเร็จ ได้ขนาดนี้”
“ผมคิดว่า คงเป็นความตั้งใจทำงาน เอาใจใส่ผู้คนรอบข้าง และใส่ใจทุกรายละเอียดในงานที่ทำครับ”
“อย่างนี้นี่เอง ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมคุณศึกรบถึงพาธุรกิจโรงแรมมาไกลมาก ถ้าคุณศึกรบเลือกที่จะยังอยู่ในวงการบันเทิง คงต้องเป็นนักแสดงที่มากฝีมือแน่ๆ ดิฉันได้ยินมาว่าเมื่อก่อนคุณศึกรบก็ได้ชื่อว่าเป็นหนุ่มเจ้าสำราญและเจ้าเสน่ห์คนนึง จริงหรือเปล่าคะ”
ศึกรบยิ้ม พลางส่งสายตาเป็นประกาย “แล้วคุณระรินว่าจริงหรือเปล่าละครับ”
ระริน จ้องตาศึกรบ
“ไม่ทราบสิคะ แต่ก่อนคุณศึกรบก็เคยเป็นข่าวกับสาวฮอต ทั้งดารา ทั้งนางแบบไม่เว้นแต่ละวัน”
“ทุกคนเป็นเพื่อนผมทั้งนั้นครับ”
“แปลว่า ตอนนี้คุณศึกรบถอดเขี้ยวเล็บออกหมดแล้ว” ระรินพูดพลางยิ้มให้ศึกรบอย่างท้าทาย
“ผมยังไม่ถอดหรอกครับ แต่เก็บไว้สำหรับปกป้องคนที่ผมรักเท่านั้น”
“คนที่คุณรักคือภรรยาหรือเปล่าคะ”
“ความรักของผมมีเหลือเฟือครับ ไม่จำเป็นต้องให้ใครคนใดคนหนึ่ง แต่ผมอยากให้กับคนที่ผมรักทุกคน”
ศึกรบตอบเลี่ยงๆ อย่างชาญฉลาด ระรินแทบจะกรี๊ดออกมาดังๆ แต่เท่าที่ทำได้ คือเก็บอาการไว้ ปล่อยให้สาวๆ ในห้องส่งเสียงกรี๊ดดังลั่นแทน
ศึกรบกลับเข้ามาในห้องทำงานในโรงแรมเลอวิมาน พลางลงนั่งที่เก้าอี้แล้วกดโทรศัพท์เรียก แสงดาว
“คุณดาวเชิญในห้องหน่อยครับ”
“ ค่ะ”
แสงดาวเคาะประตูก่อนที่จะเข้ามา
“คุณรบต้องการอะไรเหรอคะ” พลางตั้งท่าพร้อมจด
“ช่วยสั่งดอกไม้ให้ผมสักช่อสิ”
“ดอกไม้” แสงดาวทวนคำสั่ง “กุหลาบขาวให้คุณสู่ขวัญใช่ไหมคะ”
“ไม่ใช่ครับ”
แสงดาวเงยหน้ามองศึกรบด้วยความแปลกใจ ศึกรบเหมือนจะนึกขึ้นได้ รีบบอก
“งั้นคุณช่วยสั่งอีกช่อนะครับ ขอเป็นกุหลาบขาวทั้งหมดส่งให้คุณขวัญ”
“ได้ค่ะ” แสงดาวรับคำ พลางรีบจดลงสมุดโน้ต พร้อมทำท่าจะเดินออก แต่นึกขึ้นได้หันกลับมา
ถามศึกรบ
“ขอโทษนะคะ แล้วช่อแรกที่คุณรบสั่งต้องการให้ส่งให้ใครคะ และจะสั่งดอกอะไรดีคะ”
ศึกรบมองดูแสงดาวยิ้มๆมองแสงดาว แสงดาวเขินหลบตา
“คุณชอบดอกไม้อะไรครับ”
“ดาวน่ะเหรอคะ”
ศึกรบพยักหน้า ยิ้มนิดๆ ที่มุมปาก แสงดาวเขินหนักไม่กล้าสบตาศึกรบ ศึกรบจ้องมองแสงดาวทำเอาแสงดาวเขินทำอะไรไม่ถูก ศึกรบมองดูแสงดาวยิ้มๆในความใสของเธอ
ทางด้านสู่ขวัญ กำลังวุ่นอยู่กับการช่วยมีนาจัดเสื้อผ้าลงหุ่นโชว์ พลันก็มีชายหนุ่ม เดินเข้ามาเงียบๆทางด้านหลัง พลางหยิบหนังสือพิมพ์ขึ้นมาบังหน้าแล้วนั่งลงก่อนที่จะดัดเสียงพูดออกไปให้สู่ขวัญได้ยิน
“ผมอยากได้เสื้อสูทผู้ชายสีขาวสักตัวมีไหม”
สู่ขวัญหันมาแต่ไม่เห็นหน้าชายหนุ่มเจ้าของเสียง เพราะหนังสือพิมพ์บังอยู่
“ขอโทษนะคะที่ร้านเรามีแต่ชุดสุภาพสตรีค่ะ”
“แต่ผมเป็นลูกค้า ลูกค้าคือพระเจ้า ลูกค้าอยากได้ก็ต้องได้”
สู่ขวัญเข้าใจว่าลูกค้ามาก่อกวน ก็เริ่มอารมณ์ขึ้นมาทันที มีนาจะห้ามเพื่อนแต่ไม่ทัน สู่ขวัญกระชากหนังสือพิมพ์ออกพร้อมกับพูด
“แต่ไม่ใช่ที่นี่”
ทันทีที่หนังสือพิมพ์หลุดออก สู่ขวัญเห็นว่าเป็นชโยดม สู่ขวัญยิ้มกว้าง ด้วยความดีใจ
“โย มาได้ยังไงเนี่ย”
พูดพลางก็โผเข้ากอดน้องชาย มีนาก็พลอยดีใจไปด้วย
“น้องโยไม่เจอกันนานเลยนะ หล่อเชียว”
ชโยดมยกมือไหว้ “สวัสดีครับพี่มีนา”
มีนารับไหว้ “หวัดดีจ้าหมอโย”
“ทำไมไม่โทรมาบอกกันก่อนว่าจะมาที่นี่” สู่ขวัญหันมาถามน้องชาย
“โทรบอกก่อนก็ไม่เซอร์ไพรส์สิครับ”
สู่ขวัญฟังคำตอบของน้องชาย แล้วก็ยิ้มอย่างอารมณ์ดี
“ดีนะที่ที่เห็นหน้าก่อนว่าเป็นโย ไม่งั้นมีหวังโยคงโดนยัยพี่สาวตบหน้าหันแน่”
ชโยดมหันมองสู่ขวัญขำๆ “เดี๋ยวนี้พี่ขวัญโหดขนาดนั้นเลยเหรอครับ”
“ก็นิดนึงอ่ะ”
ชโยดมทำหน้าตกใจ สู่ขวัญยิ้ม
“ไม่ต้องกลัวหรอก ยังไงพี่ไม่โหดกับน้องหรอกน่า”
ชโยดมถอนหายใจ “ค่อยโล่งอกหน่อย”
“นี่ก็จะเที่ยงแล้วออกไปหาอะไรทานกันไหมโย” สู่ขวัญหันมาชวนชโยดม
“ดีเหมือนกันขับรถมาระหว่างทางกินแต่อาหารในปั๊ม งั้นจัดชุดใหญ่ เลยนะครับพี่ขวัญ”
“ได้สิ” สู่ขวัญพยักหน้า พลางหันไปชวนมีนา “นาไปด้วยกันนะ”
“ เชิญเถอะค่ะเพื่อน เดี๋ยวมีลูกค้ามาเอาชุด ฉันอยู่รอลูกค้าดีกว่า แต่เสียดายจัง พี่ไม่ไปด้วยไม่
ว่ากันนะจ๊ะโย”
ชโยดมยิ้มให้มีนา สู่ขวัญมองเพื่อนสาวที่จ้องชโยดมไม่กระพริบตาจึงเดินเข้าไปขวางสายตา
“ฉันไปละนะ ไปเหอะโยขืนอยู่นานมดขึ้นทั่วตัวแน่”
สู่ขวัญแหย่เพื่อน แล้วก็หัวเราะขำ จากนั้นก็รีบดึงขโยดมออกไป มีนามองตามหมั่นไส้เพื่อน
อ่านต่อหน้า 2
ดงดอกงิ้ว ตอนที่ 2 (ต่อ)
สู่ขวัญพาชโยดมมานั่งทานอาหารร้าน ที่อยู่ไม่ไกลจากร้านเสื้อของตัวเอง พลางเอ่ยถามน้องชาย
“เมื่อไหร่จะย้ายกลับมาทำงานที่กรุงเทพสักทีล่ะ”
“ผมยังไม่อยากกลับน่ะพี่ขวัญ” ชโยดมตบด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“อยู่ที่โน่นมีอะไรดีงั้นเหรอ หรือว่าติดหญิง”
“ไม่มีหรอกครับ” ชโยดมปฎิเสธยิ้มๆ “แต่ผมชอบที่ต่างจังหวัดมากกว่ามันไม่รีบไม่เร่งดี ไม่ ต้อง
แย่งอะไรกับใคร”
“บางครั้งคนเรามันก็ต้องมีเรื่องอะไรให้เราแอคทีฟบ้าง เรียบง่าย เกินไปมันก็น่าเบื่อนะ”
สู่ขวัญออกความเห็น
“ครับพี่ “ ชโยดมทำเสียงล้อพี่สาว “เข้าใจแล้วคร้าบ แต่อยู่ที่นั่นผมก็เจอเคสแปลกๆ น่าตื่นเต้น ทุกวันเลยนะครับ”
สู่ขวัญยิ้มด้วยความหมั่นไส้น้องชาย
“จ้าคุณหมอ เย็นนี้ไปทานข้าวบ้านพี่นะ เดี๋ยวพี่ทำอาหารเย็นให้ทาน จะได้อยู่คุยกับพี่รบด้วย
ไม่ได้เจอกันนานแล้วนี่”
ชโยดมอึกอัก “เอาไว้วันหลังดีกว่านะพี่ขวัญ”
“ทำไมล่ะ มีอะไรเหรอ”
“คือ เดี๋ยวผมต้องไปตรวจคนไข้ต่อ ยังไม่รู้ว่าจะเสร็จกี่โมง กลัวว่าพี่จะรอนาน”
“ว้า อดโชว์ฝีมือเลยอ่ะ”
สู่ขวัญทำหน้าเซ็งๆ ชโยดมแกล้งแหย่
“ไปก็ได้ จะพยายามตรวจคนไข้ให้เสร็จเร็วๆ นะครับ แต่ไม่รับปากว่ากี่โมง”
“แหม เห็นคนไข้สำคัญกว่าพี่สาวตัวเอง”
สู่ขวัญแกล้งงอนน้องชาย ชโยดมรีบตักอาหารให้เอาใจพี่สาว
ในขณะที่ศึกรบนั่งเซ็นเอกสารอยู่ที่โต๊ะทำงาน สาธรก็เดินเข้าห้องมา ศึกรบเงยหน้าขึ้นมอง
“แกนี่มันจริงๆเลย เข้าห้องไม่เคยเคาะประตูเลยสักที”
“เคาะก่อนแกก็รู้ตัวน่ะสิ มาแบบนี้แหละเซอร์ไพรส์ดีเผื่อได้เห็นช็อตเด็ดๆ”
สาธรแกล้งแหย่เพื่อน
“ไอ้บ้า ที่เข้ามานี่มีเรื่องอะไรก็ว่ามา”
สาธรลงนั่งโซฟา ก่อนจะถามยิ้มๆ “เมื่อคืนเป็นไงวะ
“อืม ก็ดี”
ไเฮ้ย ตอบสั้นไป ยาวๆหน่อยสิ”
“ก็แกอยากรู้เรื่องอะไรล่ะ” ศึกรบย้อนถาม
สาธรรีบตอบ “น้องเปรี้ยวอ่ะ เป็นไงวะ”
“โอ้โห ตรงประเด็นเลยนะ น้องเปรี้ยวก็เปรี้ยวสมชื่อเขานั่นแหละ”
ศึกรบตอบพลาง ก้มหน้าก้มตาทำงานต่อไม่สนใจ
“ตอบแบบนี้แสดงว่าแกอยู่กับน้องเขาทั้งคืนเลยเหรอวะ”
“ก็ เกือบๆ”
สาธรลุกขึ้นมาจากโซฟาตรงมาที่โต๊ะศึกรบ
“เฮ้ย แบบนี้คุณขวัญไม่โกรธแย่แรอะ เมื่อวานเป็นวันครบรอบแต่งงานแกไม่ใช่เหรอ ระวังคุณ
ขวัญจับได้ จะเป็นเรื่องขึ้นมานะไอ้รบ”
“รู้น่า” ศึกรบตอบยิ้มๆ “ก็แค่เล่นๆไม่ได้คิดจะจริงจังอะไร เอาไว้มีใครที่คิดจะจริงจังจะบอกแก
คนแรกเลย”
“เออ ทำพูดดีไปเหอะ ถึงเวลาคับขันอยากลากฉันเข้าไปเอี่ยวด้วยนะ ฉันไม่อยากโดนสอบ”
พูดจบสาธร ก็เดินออกไป ศึกรบมอง แล้วเริ่มคิดตามที่สาธรพูด
ระรินโพสต์ท่าถ่ายภาพเซ็กซี่ๆ กับสินค้า
“เชิดหน้าขึ้นนิดนึง ดีครับ โอเค พักก่อนครับ”
ระรินเดินผละเข้ามานั่งพัก พลันก็มีช่อดอกไม้ยื่นมาตรงหน้า ระรินมองงงๆ
“มีคนส่งดอกไม้ให้คุณครับ”
คนส่งดอกไม้บอกระริน นักข่าวที่อยู่รอบนอกเห็นระรินกำลังรับช่อดอกไม้รีบปรี่เข้าไปใกล้
ระรินรับช่อดอกกุหลาบขาวมา
“ขอบคุณค่ะ”
พลางมองดูนามบัตรที่เสียบมากับช่อดอกไม้เห็นชื่อศึกรบแล้วแอบยิ้ม ระรินหอมดอกไม้ นักข่าวถ่ายภาพพร้อมกับยื่นไมค์มาสัมภาษณ์
“ดูเหมือนช่อดอกไม้จะส่งมาจากคนพิเศษนะครับ”
ระรินแกล้งทำทีเป็นยิ้มๆเขิน นักข่าวเริ่มซักต่อ
“บอกได้ไหมครับว่าเจ้าของดอกไม้คือใคร”
ระรินแกล้งทำทีไม่อยากตอบ
“รินขอไม่ตอบแล้วกันนะคะ รินขอตัวก่อนค่ะ”
ระรินจะเดินเลี่ยงนักข่าวรีบป้อนคำถามต่อทันที
“ดอกกุหลาบขาวจากคนพิเศษใช่ไหมครับ บอกได้ไหมครับว่าเป็นคน ในหรือนอกวงการ”
ระริน ทำทีเป็นยิ้มอายๆ แล้วแกล้งตอบเปรยๆ
“เอ่อ นอกวงการค่ะ รินขอตอบเท่านี้นะคะขอตัวนะคะ”
นักข่าวถ่ายภาพระริน ระรินรีบเดินออกมาทำท่าเหนียมอาย ไม่อยากตอบ แต่ในใจแทบจะระเบิดด้วยความดีใจ
“อ๊าย อะไรกันนี่”
แจ๊ส ที่มองนามบัตรที่มีชื่อศึกรบ ถึงกับกรี๊ดลั่น
“อะไร ยังไง อธิบายมาซิ หล่อนไปทำอีท่าไหนมาคุณศึกรบเขาถึงได้ส่งดอกไม้มาให้เนี่ย”
“ก็ไม่ได้ทำอะไรนี่ ถ้าทำฉันคงได้มากกว่าดอกไม้แล้วล่ะ”
ระรินที่นั่งเติมหน้าอยู่หน้ากระจก ตอบยิ้มๆ แจ๊สปรี่เข้ามาใกล้
“ตายแล้ว ทำไมพูดแบบนี้ล่ะยะ รู้ไว้นะว่าคุณศึกรบน่ะคาสโนว่าตัวพ่อเลยนะจ๊ะไม่ใช่ธรรมดา
ลองเขาเจาะจงมาที่เธอล่ะก็ แสดงว่าเขาต้องการสานสัมพันธ์ต่อ”
ระรินยิ้มเชิดๆ แจ๊สมองระรินในกระจกเห็นหน้าระรินที่ยิ้มท้าทาย ก็เริ่มหวั่นใจ
“นี่ อย่าบอกนะว่าเธอก็ตั้งใจจะเล่นกับเขาด้วยน่ะ”
ระรินหันมาทางแจ๊ส “ถ้าคนเพอร์เฟ็คท์อย่างเขายื่นมือมาแล้วเราไม่รับ มันดูโง่ไปหน่อยไหมเจ๊”
“แต่เขามีเมียแล้วนะ”
“แล้วไงคะ” ระรินยักไหล่อย่างไม่แคร์ “เมียก็อยู่ส่วนเมียไปสิ เขาอาจจะมีปัญหากันอยู่ก็ได้”
แจ๊สทำท่าจะเป็นลม
“ตายๆๆ เรื่องเก่ายังไม่จบเลยจะเริ่มเรื่องใหม่ซะอีกแล้ว แบบนี้ใครจะไปตามล้างตามเช็ดให้หล่อนไหวยะ”
ระรินเอียงหน้ามาพูดใกล้ๆ หูแจ๊ส
“คราวนี้ฉันจะกินไม่ให้เหลือซากเลย คอยดูนะเจ๊”
ระรินพูดจบก็คว้าโทรศัพท์เดินเชิดๆออกไป แจ๊สมองตามอย่างไม่พอใจ แต่ก็ทำอะไรไม่ได้มากไปกว่านี้
เสียงโทรศัพท์มือถือดังอยู่ข้างๆ ตัว ศึกรบเอื้อมมือหยิบ พลางกดปุ่มรับสาย
“สวัสดีครับ”
ระรินยิ้มมองดูนามบัตรศึกรบในมือก่อนที่จะพูด
“ขอบคุณนะคะ สำหรับดอกไม้ ว่าแต่ส่งดอกไม้ให้รินเนื่องในโอกาส อะไรเหรอคะ”
ศึกรบยิ้ม “แทนคำขอโทษที่ผมไปสายทำให้คุณเสียเวลารอนาน”
“อุ๊ย ไม่ได้เสียเวลาอะไรหรอกค่ะ” ระรินพูดอย่างมีจริต “รินรับงานเขาแล้ว เรื่องรอเป็นเรื่องธรรมดาของการทำงานอยู่แล้วค่ะ”
“คุณนี่สมกับเป็นมืออาชีพจริงๆเลยนะครับ ผมดีใจที่ได้รู้จักผู้หญิงเก่ง อย่างคุณนะครับคุณ
ระริน”
“เช่นกันค่ะ มีอะไรให้รินช่วยรินยินดีนะคะ”
“ผมคงไม่กล้ารบกวนซูเปอร์สตาร์อย่างคุณระรินหรอกครับ”
“แต่ถ้าคุณจะรบกวน รินก็ยินดีค่ะ”
ระรินพูดเปิดทาง ศึกรบยิ้ม ตาลุกวาว
ทันทีที่สู่ขวัญเดินเข้าร้านมา มีนาละมือจากหุ่นหน้าร้านเข้ามาแซว
“หวานกันที่บ้านยังไม่พอใช่ไหม ถึงต้องมาหวานออกสื่อกันถึงที่นี่อ่ะ”
“อะไรของเธอยะ” สู่ขวัญงง
“ก็โน่นไง”
มีนาชี้มือไปที่ช่อกุหลาบช่อใหญ่ที่อยู่บนโต๊ะ สู่ขวัญเดินตรงไป หยิบช่อกุหลาบขึ้นมา มีการ์ดข้อความ ”Happy 1 st Anniversary” จากศึกรบ สู่ขวัญอ่านไปยิ้มไป มีนาเดินเข้ามาจ้องหน้าล้อเลียน
“ยิ้มหน้าบานเชียวนะ”
“ทำไม อิจฉาเหรอ”
“ไม่ใช่แค่อิจฉานะ เรียกว่าหมั่นไส้เลยดีกว่า”
สู่ขวัญยิ้มขำ“ก็คนเขารักกันนี่ รบเขามักจะทำให้ฉันเซอร์ไพรส์ตลอดเวลา”
“จ้าแม่คุณ กะอีแค่ดอกไม้ช่อเดียวเนี่ย มันแค่เรื่องจิ๊บๆ ของผู้ชายอย่างคุณรบ”
“แต่เขาก็ไม่เคยมองข้ามเรื่องเล็กๆน้อยๆพวกนี้ไปนะ เราถึงรักกันไง”
สู่ขวัญมองดอกไม้อย่างปลาบปลื้ม มีนามองอย่างหมั่นไส้
“ฉันล่ะเอียนความรักของเธอสองคนจริงๆเลย นี่ถามจริงเหอะเธอจะ หวานใส่กันไปอีกนานไหม
ไม่เลี่ยนบ้างเหรอ ไม่เห็นจะมีอะไรให้ตื่นเต้นเลย”
“ทำไมต้องตื่นเต้นด้วยล่ะ”
“หวานๆแบบนี้มันเพลนๆไปหน่อย มันต้องมีสีสันบ้าง ออกนอกลู่นอกทางนิดๆ พอให้ได้จับผิด
กันบ้างมันถึงจะตื่นเต้นเร้าใจ”
มีนาตอบขำๆ
“ยัยบ๊อง เชิญเธอตื่นเต้นไปกับเรื่องแบบนี้ไปคนเดียวเถอะจ้ะ”
“เฮ้ย เรื่องแบบนี้มันเกิดขึ้นได้กับทุกคนแหละเธอ แค่เธอยังไม่เจอก็เท่านั้นเอง แต่ถ้าวันหนึ่งเธอ
เกิดเจอแบบนี้ขึ้นมาเธอจะทำไง”
สู่ขวัญนิ่งคิดตามที่เพื่อนพูด ก่อนจะตอบด้วยท่าทีที่มั่นใจ
“เธอก็รู้ว่าฉันไม่เคยยอมใครอยู่แล้ว ถ้าใครกล้าเข้ามาก็ต้องกล้าที่จะต้องเจอกับฉัน”
มีนาทำท่าขนลุก “เธอนี่น่ากลัวกว่าที่ฉันคิดนะ”
”มันแน่นอนอยู่แล้ว” สู่ขวัญทำหน้าโหด พลางเด็ดกุหลาบดอกหนึ่งมาบี้จนแหลกคามือ “ฆ่าได้
แต่หยามไม่ได้ จำไว้นะไอ้น้อง”
สู่ขวัญหัวเราะแล้วเดินถือช่อดอกไม้เข้าไป มีนามองขำๆ
“ยัยบ้า”
แสงดาว ก็เป็นอีกคนหนึ่งที่กำลังนั่งมองดอกไม้ ที่ศึกรบให้ด้วยความปลาบปลื้ม
“ เขาไม่ได้ตั้งใจจะให้เราสักหน่อย”
แสงดาวพยายามสลัดความคิดที่ฟุ้งซ่านออก พลางละสายตาจากดอกไม้กลับมาทำงานตรงหน้าอีกครั้ง
ระรินเดินมาที่รถ กำลังจะเปิดประตูรถ พลันก็มีจับที่ข้อมือ ระรินร้องด้วยความตกใจ
“ว้าย”
ระรินหันมา ก็เห็นเป็นสงครามยืนอยู่ตรงหน้า ระรินสะบัดมือออกด้วยความโมโห
“รินผมมีเรื่องต้องคุยกับคุณ”
“แต่รินไม่มี”
ระรินอารมณ์เสียมองรอบๆ ตัว เหมือนกลัวใครมาเห็น พลางรีบเปิดประตูเข้ารถ
“รินคุยกันให้รู้เรื่องก่อน ริน”
พูดพลางสงครามก็รีบเดินเข้าไปในรถฝั่งข้างคนขับ
“ทำไมคุณต้องหลบหน้าผมด้วย”
“ฉันเบื่อที่ต้องหลบๆ ซ่อน ๆ แบบนี้เต็มทีแล้ว”
ระรินทำสีหน้าให้รู้ว่าเบื่ออย่างที่พูดจริงๆ
“ผมบอกแล้วว่าให้อดทนรออีกหน่อย พอผมได้ทุกอย่างจากอีแก่นั่นแล้ว เราจะได้มีความสุขบนกองเงินกองทองด้วยกัน”
ระรินยิ้มเหยียดๆ
“คิดว่ารินจะเชื่อคุณเหรอ นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่คุณพูดกับรินแบบนี้ รินให้โอกาสคุณมานับครั้งไม่
ถ้วนแล้ว รินเบื่อที่ต้องรอๆ ไม่มีที่สิ้นสุด”
สงครามจับมือระรินขึ้นมาหอม
“โธ่ริน อีกแค่ปีเดียวเท่านั้น ตอนนี้ผมกำลังหว่านล้อมให้มันยกบริษัทให้ผมบริหาร ผมทำเพื่อคุณ
คนเดียว ผมรักคุณมากขนาดไหนคุณก็น่าจะรู้นะ อย่าทรมานผมแบบนี้ เลยนะที่รัก”
สงครามหอมแก้มระริน ระรินพยายามดันออก แต่สงครามจู่โจมหอมใหม่อีกครั้ง พลางจับมือ ระรินไว้
“ยิ่งดิ้นยิ่งดื้อผมยิ่งชอบนะ”
ระรินยอมอ่อนลง
“ต้องอย่างนี้สิ”
“ปีนึงรอไม่ไหวหรอก อีกหกเดือนได้ไหม” ระรินต่อรอง
“ได้สิจ๊ะที่รัก ผมจะเร่งให้เต็มที่เพื่อคุณคนเดียว”
สงครามยิ้ม พลางเชยคางให้ระรินหันมา
“วันนี้คุณอยากได้อะไรผมจะตามใจคุณทุกอย่างเลย”
ระรินฟังแล้วยิ้มได้ใจ
“ทุกอย่างจริงๆ นะ”
สงครามพยักหน้า ระรินยิ้มหอมแก้มสงครามแล้วขับรถออกไปจากลานจอดรถทันที
อ่านต่อหน้า 3
ดงดอกงิ้ว ตอนที่ 2 (ต่อ)
เพชรกับแพรวเปิดประตูเข้ามาในร้านของสู่ขวัญ พลางส่งเสียงทักทายเจ้าของร้าน
“เฮลโล ขวัญ”
สู่ขวัญที่กำลังคุยเรื่องแบบเสื้ออยู่กับมีนา รีบหันมองเมื่อเห็นเป็นสองสาวก็รีบเข้าไปทักทาย
“ไฮ ลมอะไรหอบสองคนมาถึงนี่ได้เนี่ย ไปไหนกันมาเหรอคะ”
“ก็ยัยแพรวน่ะสิชวนพี่ไปช้อปมาทั้งวันเลย”
แพรวแกล้งค้อนพี่สาว
“อ้าว แพรวแค่ชวนไป พี่เพชรจะไม่ช้อปก็ได้นี่ นี่อะไรเผลอแป๊บเดียวแอบไปจองกระเป๋าถือ
ชาแนลรุ่นลิมิเต็ดไว้ซะงั้น เดี๋ยวต้องออกไปเอาอีกเนี่ย”
“อะไรกันเมื่อเร็วๆนี้ก็ถอยมาใบนึงแล้วไม่ใช่เหรอ” สู่ขวัญถามด้วยความแปลกใจ
“ก็ใช่น่ะสิ เครียดทีไรเป็นแบบนี้ทุกที” แพรวหันมาทำทหน้าพยักเพยิด
“แหมคนเรามันก็ต้องมีวิธีระบายออกกันมั่งแหละ จะให้มานั่งเครียดนอนเครียดอยู่กับบ้านมันก็
คงจะไม่ใช่นะ”
“เครียดเรื่องอะไรเหรอคะพี่เพชร” สู่ขวัญหันมาถามเพชร แต่แพรวกลับเป็นคนตอบแทน
“จะเรื่องอะไรได้นอกจากเรื่องสามีตัวดีน่ะสิ สวมเขาให้พี่เพชรกี่อันต่อ กี่อันแล้วก็ไม่รู้”
สู่ขวัญมองหน้าเพชรอย่างแปลกใจ “ อ้าว นี่คุณสงครามก่อเรื่องอีกแล้วเหรอคะ”
“เรื่องเดิมนั่นแหละ แต่ไม่ยอมจบไง”
เพชร ถอนหายใจ
“คาดคั้นเท่าไหร่ เขาก็ไม่ยอมรับว่ายังติดต่อกับอีนังดาราโบท็อกซ์นั่น พี่ ล่ะอยากจะเอามีดกรีด
หน้ามันซะจริงๆ”
“โอย มันไม่เจ็บหรอกค่ะพี่เพชร หน้ามันมีแต่ซิลิโคนทั้งนั้น”
เพชรทำหน้าหงุดหงิด สู่ขวัญมองเพชรอย่างเห็นใจ
“ใจเย็นๆค่ะพี่เพชร เรื่องแบบนี้ต้องค่อยๆใช้เวลา เราต้องนิ่งๆเข้าไว้”
“โอย ไม่ไหวมั้งอกพี่จะแตกก่อนน่ะสิคะคุณน้อง”
“ตอนนี้ต่อให้เราคาดคั้นเขายังไงเขาก็ดิ้นไปเรื่อยๆ สู้เรานิ่งไว้แล้วเก็บหลักฐานทุกอย่างที่เราสงสัยไว้ก่อน รอเวลาเปิดทีเดียวให้เขาจนมุมน่าจะดีกว่าเซ้าซี้ให้เขารู้ตัวนะคะพี่เพชร”
สู่ขวัญแนะนำราวกับผู้มีประสบการณ์ เพชรเริ่มคิดตาม
“แล้วพี่ต้องเริ่มจากอะไร จากตรงไหนล่ะคะน้อง”
“เริ่มจากสิ่งที่พี่เพชรสงสัยนั่นแหละค่ะ พยายามอย่ารู้ทันเขานะคะ ต้องแกล้งโง่บ้างในบางครั้งเพื่อให้เขาตายใจ เขาจะได้ไม่ระวังตัว”
“ อืม จริงอย่างที่ขวัญว่า” เพชรเริ่มคล้อยตาม “แต่พี่ไม่มั่นใจว่าจะทำตามที่น้องขวัญบอกได้หรือ
เปล่าน่ะสิ”
แพรวทำหน้าสงสัย พลางเอ่ยถามสู่ขวัญ
“นี่เธอ อย่าบอกนะว่าเธอก็ใช้วิธีนี้กับคุณรบน่ะ”
“ ก็นิดนึงอ่ะนะ”
สู่ขวัญตอบยิ้มๆ แพรวกับเพชรมองหน้ากันไม่อยากจะเชื่อ สู่ขวัญมองสองสาวแล้วหัวเราะ
“ฉันล้อเล่นน่ะ ตกใจกันใหญ่เชียว คุณรบเขายังไม่ถึงขึ้นนั้นหรอกจ้ะ”
“พี่ก็ว่ายังงั้นแหล่ะดูคุณรบเขาขยันทำงานทำการออกขนาดนั้นจะมี เวลาเฉไฉไปไหนได้ แล้วอีก
อย่างน้องขวัญก็สวยซะขนาดนี้ มีหรือที่สามีจะคิดนอกใจ ถ้าสารรูปอย่างพี่ก็ว่าไปอย่าง”
เพชรพูดพลางทำหน้าเศร้า
“แหมดูพูดเข้าสิพี่เพชร” จากนั้นแพรวหันมาบอกสู่ขวัญ “ ก็ที่ลากพี่เพชรมาที่นี่ก็เพราะอยากให้
เธอช่วยปรับลุคการแต่งตัวให้พี่เขาหน่อยน่ะ เอาสไตล์เธอน่ะ เผื่อสามีพี่เพชรจะได้รักจะได้หลงเหมือนสามีเธอ
บ้างยังไงล่ะ”
“เธอก็พูดเกินไปยัยแพรว” จากนั้นก็หันมาพูดกับเพชร “เดี๋ยวขวัญเลือกให้พี่เพชรดูนะคะ”
เพชรพยักหน้า สู่ขวัญหยิบแคตตาล็อคมาเปิดส่งให้ดู
สงครามเดินเข้ามาในร้านขายกระเป๋าแบรนด์เนม ที่อยู่ภายในห้างสรรพสินค้าชื่อดัง พนักงานรีบเดินปราดเข้ามาต้อนรับ
“คุณผู้ชายสนใจใบไหนถามได้นะคะ”
“เอ่อผมจะเลือกระเป๋าให้ผู้หญิงน่ะครับ แต่ไม่ทราบจะเลือกแบบไหนดี คุณมีแบบไหน
แนะนำไหมครับ”
ในจังหวะเดียวกันกับที่เพชรกับแพรว ก็เดินเข้ามาในร้านพอดี เพชรมองเห็นสงครามคุยกับพนักงานอยู่อีกมุม พลางรีบสะกิดแพรวให้ดู จากนั้นสองพี่น้อง ก็รีบเดินไปใกล้ๆ แต่สงครามไม่ทันได้เห็น
“ขอโทษนะคะ คุณผู้ชายจะซื้อให้แฟนใช่ไหมคะ”
“ใช่”
แพรวตกใจ เพราะไม่คิดว่าสงครามจะมาซื้อกระเป๋าให้ เพชรยิ่งตื่นเต้นชวนแพรวหลบ
“แล้วแฟนคุณบุคลิกเป็นแบบไหนคะ ดิฉันจะได้เลือกให้เข้ากับบุคลิกน่ะค่ะ”
สงครามนึกถึงภาพของระริน
“เขาเป็นคนสวยดูเฉี่ยวๆ เซ็กซี่ มั่นใจในตัวเอง ควรจะใช้กระเป๋าแบบไหน”
เพชรกับแพรวหันมองหน้ากันอย่างแปลกใจ เพชรเริ่มรู้ว่าสงครามไม่ได้หมาถึงตนแน่ จึงรีบ เดินออกไปอยู่ด้านหลังสงครามแล้วพูด
“ฉันไม่ยักรู้ว่าคุณมองภาพมองภาพฉันเป็นแบบนั้น ทำไมไม่บอกฉันล่ะคะ ฉันจะได้มา
พร้อมกับคุณน่ะ”
สงครามสะดุ้งสุดตัว แต่พยายามเก็บอาการ
“เอ่อ กะจะทำเซอร์ไพรส์ แต่ไม่เซอร์ไพรส์แล้ว ว้า แย่จัง”
แพรวมองดูสงครามอย่างไม่ค่อยจะเชื่อในคำพูด เพราะบุคลิกที่สงครามพูดถึงเมื่อครู่ ไม่ตรงกับบุคลิกของเพชรเลยสักนิด
เพชรมองจ้องสงคราม
“ไม่ต้องเซอร์ไพรส์ก็ได้ค่ะ ฉันกลัวจะตกใจหัวใจวาย เพราะคุณไม่ค่อยได้เซอร์ไพรส์ฉันบ่อยๆ”
สงคราม หันมาพูดกับพนักงานแก้เก้อ
“ผมจะทำเซอร์ไพรส์ภรรยาสักหน่อย แต่เจ้าตัวมาอยู่ตรงนี้แล้ว เดี๋ยวให้เขาเลือกเองเลยแล้วกันนะครับ”
จากนั้นสงครามก็หันมาบอกเพชร
“คุณชอบแบบไหนเลือกเอาเลยนะ”
เพชรมองหน้าสงคราม แล้วตอบห้วนๆ
“ฉันเลือกไว้แล้ว” พลางหันบอกพนักงาน “เอ่อ พี่โทรมาจองรุ่นลิมิเต็ดไว้เมื่อเช้า เดี๋ยวเก็บเงิน
ที่สามีพี่แล้วกันนะคะ”
“ค่ะ” พนักงานรับคำ พร้อมผายมือเชิญสงคราม “ เชิญที่เคาน์เตอร์เลยค่ะ”
พนักงานเอากระเป๋ามาส่งให้ เพชรยิ้มกระหยิ่ม ในขณะที่สงครามยืนปาดเหงื่ออยู่ที่เคาน์เตอร์ พลางมองเพชรด้วยความเจ็บใจ ที่โผล่มาขัดจังหวะ
ที่บ้านของสู่ขวัญ ขโยดมกำลังช่วยพี่สาวทำกับข้าว โดยมีพรช่วยอยู่ข้างๆ
“ทำไมพี่ขวัญต้องมาทำอาหารให้สามีกินด้วยล่ะ”
“พี่ไม่ได้ทำบ่อยๆสักหน่อย จะทำก็โอกาสพิเศษๆเท่านั้นล่ะ”
“พี่รบเขาจะเห็นว่าเป็นวันพิเศษเหมือนพี่หรือเปล่าหนอ ดูสิจนป่านนี้ แล้วยังไม่กลับมาเลย”
“แหม เรานี่มันมองคุณรบในแง่ร้ายตลอดเลยนะ ที่รบเขากลับช้า เพราะที่โรงแรมโรงแรมกำลังมี
ปัญหาต่างหากล่ะ”
“ปัญหาอะไร”
ชโยดมถามด้วยความสงสัย สู่ขวัญที่ยังไม่รู้รายละเอียด จึงเฉไฉไปเรื่องอื่น
“โยก็รู้พี่ไม่ชอบงานบริการคนอื่นแบบนั้น เลยไม่เคยสนใจปล่อยให้รบ เขาแก้ปัญหาพวกนั้นดีกว่า
พี่ไม่เอาด้วยหรอกปวดหัวตาย”
ชโยดมตั้งท่าจะถามต่อ สู่ขวัญรีบเปลี่ยนเรื่อง
“พอก่อน พี่ต้องใช้สมาธิในการทำอาหาร ถ้าอยากทานอาหารให้อร่อยๆ พี่แนะนำว่าโยควรจะไป
รอพี่ข้างนอกนะ”
สู่ขวัญดันหลังน้องชายให้ออกจากห้องครัว
“ไป ไป นั่งรอเลย พรจ๊ะช่วยเอาของว่างตามไปให้คุณโยที”
“ถามนิดถามหน่อยก็ไม่ได้” ชโยดมยังไม่เลิกบ่น
“ออกไปเลย”
สู่ขวัญดันหลังน้องชายออกไปจากห้อง พลางถอนหายใจโล่งอก
พรยกของว่างตามมาให้ชโยดมที่นั่งรออยู่ที่ห้องรับแขก
“ทานปอเปี๊ยะไปพลางๆ ก่อนนะคะคุณโย”
“ขอบคุณครับ”
ชโยดมใช้ซ้อมจิ้มปอเปี๊ยะเข้าปาก พรมองดูชโยดมยิ้มๆ จนเจ้าตัวแปลกใจ
“มีอะไรเหรอพี่พร”
“คุณโยไม่เปลี่ยนเลยนะคะ มากี่ทีกี่ทีก็เหมือนเดิมตลอด”
“เหมือนเดิมยังไงเหรอครับ”
“ก็พรไม่เคยเห็นคุณโยจะพาฟงพาแฟนมาหาคุณขวัญบ้างเลย”
“ อย่าว่าแต่พามาเลยครับ” ชโยดมตอบขำๆ “มีก็ยังไม่มีเลย”
พรฟังทำหน้าประหลาดใจ
“คุณโยล้อพรเล่นหรือเปล่าคะ คุณโยหล่อเลิศขนาดนี้ ไม่อยากเชื่อเลย ว่าไม่มีแฟน”
“ ใครเขาจะมาสนใจหมอบ้านนอกอย่างผม เร่ร่อนไปจังหวัดโน้นทีจังหวัดนี้ที ไม่มีเวลามองหา
แฟนหรอกครับ”
“โถๆ นี่ถ้าพี่พรไม่ติดว่าต้องดูแลคุณขวัญ พี่พรจะขอสมัครเป็นแฟนคุณโยคนแรกเลยค่ะ
เสียดายจัง”
พรพูดพลางทำสีหน้าจริงจัง จนชโยดมขำ
“ขนาดนั้นเลยเหรอครับ”
ศึกรบมาถึงบ้าน เห็นชโยดมนั่งดูทีวีอยู่ที่ห้องรับแขก จึงเดินเข้าไปทักทาย
“มานานแล้วเหรอ”
ชโยดม ยกมือไหว้แบบขอไปที
“หวัดดีครับ พอดีพี่ขวัญชวนมาทานข้าวเย็น” พลางแกล้งมองนาฬิกา “แต่นี่เลยเย็นแล้วล่ะครับ
คงต้องเรียกว่าทานข้าวมื้อดึกมากกว่า”
ศึกรบสะอึกที่โดนชโยดมเหน็บ แต่ก็เสทำเป็นเลี่ยงคุยเรื่องอื่น
“มาคราวนี้ดูซูบไปนะ ออกไปรักษาคนไข้ต่างจังหวัดแล้วผอมลงเยอะเลย ความจริงนายน่าจะ
กลับมาอยู่กรุงเทพสบายๆจะดีกว่า”
ชโยดมสวนกลับทันที
“ผมไม่ชอบความสบายหรอกครับ อยู่สบายๆแล้วเคยตัวชอบทำอะไรๆมักง่ายไปซะหมด สงสารคนที่อยู่ด้วยน่ะครับ”
ศึกรบมองชโยดมที่จ้องมองด้วยสายตาไม่เป็นมิตร สู่ขวัญเข้ามาเห็นพอดี รู้ว่าสองคนไม่ค่อยลงรอยกันเท่าไหร่นัก รีบห้ามทัพทันที
“กลับมาแล้วเหรอคะรบขา”
ศึกรบหันไป พลางเดินเข้าไปโอบสู่ขวัญ ชโยดมมองตามอย่างหมั่นไส้
“ขอโทษทีที่กลับช้านะคะที่รัก ประชุมเสร็จค่ำ แล้ววันนี้รถก็ติดจริงๆ รอนานไหม”
“ไม่หรอกค่ะ ขวัญเพิ่งทำอาหารเสร็จสักครู่นี้เองค่ะ”
สู่ขวัญยิ้มให้ศึกรบ พลางมองไปที่ดอกกุหลาบขาวที่อยู่ในแจกันช่อใหญ่
“ขอบคุณสำหรับดอกกุหลาบที่ส่งให้ขวัญนะคะ”
ศึกรบมองตาม แล้วพูดยิ้มๆ
“ดอกไม้สวยๆก็ต้องคู่กับคนสวยๆอย่างภรรยาผมสิครับ”
จากนั้นศึกรบก็ตั้งใจหอมแก้มสู่ขวัญโชว์ชโยดม ชโยดมมอง
“ไปทานข้าวกันดีกว่าค่ะ ไปโยทานข้าวกัน”
ศึกรบโอบไหล่สู่ขวัญเดินเข้าห้องอาหาร ชโยดมมองตามไม่ชอบใจเท่าไหร่
จากนั้นทั้งหมดก็เดินเข้าไปในห้องอาหาร ศึกรบขยับเก้าอี้ให้สู่ขวัญนั่งเรียบร้อย ก่อนที่เดินไปนั่งที่เก้าอี้ตัวเอง ชโยดมยืนมองนิ่งๆ จนสู่ขวัญต้องหันไปเรียก
“นั่งซิจ๊ะโย”
“ครับ”
ชโยดมเดินมานั่งตรงข้ามกับสู่ขวัญ พรตักข้าวเสริฟให้ครบทุกคนแล้วออกไป ศึกรบมองดูอาหารที่โต๊ะ
“โอ้โห อาหารที่ผมชอบทั้งนั้นเลย คุณนี่ช่างรู้ใจผมจริงๆ”
สู่ขวัญยิ้มหน้าบาน “งั้นก็ทานเยอะๆนะคะ”
สู่ขวัญตักอาหารใส่ในจานให้ศึกรบ ศึกรบยิ้มๆ หันมองทางชโยดมที่จ้องมองอยู่ จากนั้นก็ตักอาหารใส่ในจานให้สู่ขวัญบ้าง
“คุณก็ทานเยอะๆนะ”
“ขอบคุณค่ะ”
สู่ขวัญยิ้มๆ พลางหันมาทางชโยดม ที่เอาแต่จ้องมองหน้าศึกรบอยู่
“โย ทานสิจ๊ะ”
ชโยดมหันมาตักอาหารทานไปงั้นๆ
ศึกรบคอยตักโน่นนี่เอาใจสู่ขวัญตลอดเวลา ชโยดมแอบมองสังเกตพี่เขยด้วยความหงุดหงิด ก่อนที่รวบช้อนแล้วหยิบแก้วน้ำมาดื่ม สู่ขวัญสังเกตเห็น
“อ้าว อิ่มแล้วเหรอโย”
“ครับ”
“อะไรกันทานไปนิดเดียวเนี่ยนะ ปกติโยจะทานฝีมือพี่จนเกลี้ยงเลย ทำไมวันนี้ทานน้อยจัง”
สู่ขวัญถามอย่างแปลกใจ
“ระหว่างที่รอผมคงทานของว่างไปเยอะเกินน่ะครับ” พลางหันมาเหน็บศึกรบ “ไม่คิดว่าจะรอนาน
ก็เลยทานซะอิ่มเลย เอ่อพี่ขวัญผมขอตัวกลับก่อนนะครับ”
“ทำไมรีบกลับจัง ไม่อยู่คุยกับพี่รบก่อนเหรอ”
ชโยดมส่ายศีรษะเบาๆ
“รู้สึกเพลียๆน่ะครับ คงเป็นเพราะขับรถมาไกล เลยอยากกลับไปพักสักหน่อย ไปล่ะครับ”
ชโยดมไหว้ลาศึกรบกับสู่ขวัญแล้วเดินออกไป สู่ขวัญมองตาม นึกรู้ว่าน้องชายไม่ค่อยชอบศึกรบ
ศึกรบรีบพูดเอาใจสู่ขวัญ
“วันนี้อาหารอร่อยมาก ผมจะทานให้เกลี้ยงเลย”
สู่ขวัญมองดูศึกรบ แล้วยิ้มอย่างมีความาสุข
อ่านต่อหน้า 4
ดงดอกงิ้ว ตอนที่ 2 (ต่อ)
เช้าวันรุ่งขึ้น แสงดาวเปิดประตูห้องศึกรบ พร้อมกับถือแจกันดอกไม้เข้ามาวางที่โต๊ะรับแขกแล้วเดินมาจัดโต๊ะเรียงเอกสารบนโต๊ะเรียบร้อย พลางมองดูที่โต๊ะ แล้วยิ้มกับตัวเอง รู้สึกดีที่ได้ทำให้ศึกรบ
แสงดาวจะหันเดินออกไปชนกับศึกรบที่เข้าห้องมาเงียบๆ แสงดาวเสียหลักเซไป ศึกรบประคองไว้ในอ้อมกอด แสงดาวมองหน้าที่ใกล้ของศึกรบนิ่งงัน เมื่อตั้งสติได้รีบทรงตัวด้วยความเขินอาย
“เอ่อ ดาวขอโทษค่ะ”
“ผมทำให้คุณตกใจใช่ไหม”
แสงดาวก้มหน้าอายๆ
“ดาวไม่คิดว่าคุณจะมาเช้าขนาดนี้น่ะค่ะ”
“ที่ผมมาเช้า ก็เพราะอยากมาเจอคนบางคน”
ศึกรบพูดจู่โจม จนแสงดาวรู้สึกเขิน จนหน้าแดง พลางรีบก้มตัวเดินผ่านศึกรบไปไม่กล้าสบตา
ศึกรบมองดูแสงดาวเดินออกไปขำๆ ในท่าทีที่เขินอาย
แสงดาวเดินออกไปนอกห้องได้ ก็รีบปิดประตูห้องศึกรบ พลางยืนใจสั่นยิ้มอายหน้าแดงกับคำพูดของศึกรบ แสงดาวลงนั่งที่โต๊ะยิ้มเหม่อๆ จนกระทั่งมีเสียงผู้หญิงดังขึ้นมาตรงหน้า
“ฉันมาพบคุณรบ”
แสงดาวเงยหน้าขึ้น ก็เห็นระรินยืนอยู่ตรงหน้า
“เชิญครับ”
ศึกรบพูดพร้อมๆ กับเปิดประตูห้องเชิญระรินเข้ามา ระรินก้าวตามเข้ามาในห้อง พลางมองรอบห้องที่กว้างขวางแล้วยิ้มๆ แสงดาวเดินตามเข้ามาด้วยอีกคน ศึกรบรีบอธิบาย
“นี่ป็นห้องสวีทของโรงแรมที่มีคู่ฮันนีมูนเข้ามาพักมากที่สุด เพราะบรรยากาศในห้องนี้เป็นมุมที่
มองเห็นกรุงเทพสวยที่สุดเลยก็ว่าได้”
ระรินฟังศึกรบยิ้มแย้มตามด้วยความชื่นชม
“งั้นเหรอคะ แหมคุณรบเนี่ยขายของเก่งชมัด รินคงไม่ต้องช่วยโฆษณาแล้วมั้งคะ แค่คุณรบพูด
รินยังอยากมาใช้บริการห้องนี้เลย”
แสงดาวแอบหมั่นไส้ในจริตของระริน
“ถ้าคุณรินเข้าพัก ผมลดราคาให้พิเศษเลยครับ”
ระรินส่งสายตายั่วยวน
“ห้องสวีทแบบนี้จะให้รินมาอยู่คนเดียวได้ยังไงละคะ ต้องหาคนมาฮันนีมูนด้วย”
ระรินชำเลืองมองศึกรบตา พร้อมจงใจส่งสายตาเชิญชวน ศึกรบมองกลับ ด้วยสายตาแพรวพราว
“อย่างคุณรินหาไม่ยากหรอกครับ อยู่ที่คุณรินจะเลือกเขาหรือเปล่า ท่าทางคุณรินจะช่างเลือก”
“ก็ต้องเลือกบ้างแหละค่ะ รินอยากได้คนที่เพอร์เฟ็คท์ครบเครื่อง อย่าง...”
ระรินส่งสายตาหวานเชื่อมให้ศึกรบ แล้วทั้งคู่ก็สบตากัน แสงดาวสังเกตเห็นจึงขัดจังหวะด้วยการปัดหนังสือที่อยู่ตรงเคาน์เตอร์ตกลงพื้นเสียงดัง ทั้งสองคนละสายตาจากกัน แสงดาวแกล้งเก็บ
“ขอโทษค่ะ”
ศึกรบช่วยดาวเก็บของที่หล่น ระรินมองแสงดาวอย่างหมั่นไส้ที่เป็นก้างขวางคอ พลางบ่นเบาๆ “จะตามมาทำไม”
แสงดาวหยิบหนังสือบังเอิญหยิบเล่มเดียวกันกับศึกรบ ศึกรบจับเอามือแสงดาว พลางจ้องตาแสงดาว แสงดาวหลบตาวูบ ระรินเห็นรีบกระแอมเสียงดัง
“ฮะแอ้ม”
ศึกรบละมือจากแสงดาวลุกขึ้นมามองระริน
“เป็นอะไรหรือเปล่าครับ”
“จู่ๆ ก็คอแห้งขึ้นมา อยากดื่มน้ำจังเลยค่ะ”
ศึกรบหันไปบอกแสงดาวที่เก็บหนังสือวางที่โต๊ะเสร็จพอดี
“คุณดาวผมขอน้ำดื่มให้คุณระรินแก้วนึงนะครับ”
“น้ำเย็นบีบมะนาวครึ่งซีกด้วยนะคะ”
ระรินใช้น้ำเสียงจิก
“ได้ค่ะ”
แสงดาวเดินออกไปเจ็บใจที่ระรินใช้มารยากับศึกรบ ในขณะที่ระรินยิ้มสะใจ
จากนั้นแสงดาว ก็เดินมาที่บาร์น้ำ พลางสั่งน้ำกับบริกร
“ขอน้ำเย็นจัดๆ แล้วก็บีบมะนาวครึ่งซีกด้วยนะ”
บริกรรับคำแล้วเดินเข้าไป แสงดาวนั่งหน้าง้ำรอ สาธรผ่านมาเห็นเดินเข้ามาทักแสงดาว
“คุณดาวมานั่งทำอะไรตรงนี้เนี่ย”
-แสงดาวปรับสีหน้าให้เป็นปกติ
“มาสั่งน้ำให้แขกน่ะค่ะ”
“อ๋อเหรอ แล้วนายรบไปไหนคุณทราบไหม”
“อยู่ที่ห้องสวีทค่ะ”
“ไปทำอะไรที่ห้องสวีท” สาธรแปลกใจ
“พาคุณระรินไปชมห้องน่ะค่ะ”
สาธรตาลุกวาว “ระริน เซ็กซี่สตาร์ตัวแม่น่ะเหรอครับ”
แสงดาวพยักหน้า “ค่ะ”
“ไอ้รบนี่มันร้ายจริงๆ หลอกเหยื่อมาถึงที่จนได้”
สาธรยิ้มชอบใจ ในขณะที่แสงดาวมองด้วยความไม่สบายใจ
แสงดาวถือถาดน้ำเดินมาตามทาง พลางมองที่ประตูห้องด้วยอารมณ์โกรธ ก่อนจะปรับอารมณ์ให้เป็นปกติ แล้วจึงสูดลมหายใจ เอื้อมมือเปิดประตูห้องเข้าไป
“น้ำมาแล้วค่ะ”
แสงดาววางน้ำลงที่โต๊ะ แล้วมองไปทั่วๆ ห้อง แต่กลับไม่เห็นใคร เดินไปดูที่ระเบียงแต่ก็ไม่มีใคร
“หายไปไหนกันนะ”
แสงดาวคิด ก่อนจะล้วงเอามือถือขึ้นมากดโทรศัพท์หาศึกรบ แต่ศึกรบไม่รับสาย
ในขณะที่ศึกรบ กำลังนั่งทานอาหารอยู่กับระรินในบรรยากาศที่โรแมนติก ในมุมส่วนตัว และปิดเสียงโทรศัพท์มือถือไว้
“ความจริงระรินทานอาหารที่โรงแรมคุณก็ได้นะคะ ทำไมคุณต้องพารินมาทานที่นี่ด้วยล่ะคะ”
“ที่นี่เป็นส่วนตัวดีน่ะครับ หรือว่าคุณไม่ชอบที่นี่”
ระรินรีบปฏิเสธ พลางส่งตาหวาน
“ ไม่ใช่อย่างนั้นค่ะ ที่นี่บรรยากาศดีออกค่ะ รินชอบ”
“ สำหรับคนพิเศษอย่างคุณ ผมว่าที่นี่น่าจะเหมาะที่สุด”
ศึกรบมองระรินด้วยสายตามีประกาย ระรินแกล้งพูดหยั่งเชิงดู
“ คุณรบนี่ปากหวานนะคะ พูดแบบนี้ทำให้ผู้หญิงหลงได้เลยนะคะเนี่ย”
“ คงไม่ถึงขนาดนั้นมั้งครับ ไม่งั้นคุณคงหลงผมแล้วล่ะจริงไหม”
แสงดาวกลับมานั่งเซ็งที่โต๊ะทำงาน ในจังหวะเดียวกับที่เปรี้ยวเดินดุ่มๆ เข้ามาผ่านโต๊ะแสงดาวจะเข้าไปในห้องศึกรบ แสงดาวรีบลุกห้ามขวางไว้
“เดี๋ยวก่อนค่ะ คุณเข้าไปไม่ได้นะคะ”
เปรี้ยวหันมาทำหน้าเหวี่ยงใส่แสงดาว
“ทำไมจะเข้าไปไม่ได้ ฉันเป็นแขกคุณรบ”
แสงดาว ปรายตามองเปรี้ยว “คุณรบไม่อยู่ค่ะ”
“ไม่จริง ฉันไม่เชื่อ ฉันจะเข้าไป”
เปรี้ยวพยายามจะเดินเข้าไป แสงดาวกันไว้
“คุณรบไม่อยู่ ฉันให้คุณเข้าไปไม่ได้ ถ้าจะรอก็เชิญรอด้านนอกนะคะ”
แสงดาวดันเปรี้ยวให้ออกไป เปรี้ยวโมโหชี้หน้าด่าแสงดาว
“นี่แกกล้าไล่ฉันงั้นเหรอ คอยดูนะฉันจะฟ้องคุณรบ”
เปรี้ยวจะเดินเข้าห้องให้ได้ แสงดาวกันไว้
“ฉันบอกว่าไม่ได้ก็ไม่ได้สิ ไม่งั้นฉันเรียก รปภ.”
“แน่จริงก็เรียกสิ จะได้เห็นดีกัน”
แสงดาว โมโห “ใครก็ได้ช่วยแจ้งรปภ.ให้หน่อยค่ะ”
เปรี้ยวตัวสั่นด้วยความโกรธ “อ๊าย นี่แกจะลองดีกับฉันใช่ไหม”
พลางเงื้อมือจะตบแสงดาว พลันมีมือมาคว้าแขนเปรี้ยวเอาไว้ เปรี้ยวหันมองตกใจ
“หยุดนะ นี่มันเรื่องอะไรกัน”
สาธรลากเปรี้ยวออกมาที่มุมลับตาคน เปรี้ยวสะบัดแขนออก
“ปล่อยฉันนะ ปล่อย”
สาธรปล่อยแขนเปรี้ยวแล้วต่อว่า
“ทำไมถึงต้องตามมาถึงที่ทำงานแบบนี้”
เปรี้ยวเชิดหน้า แล้วตอบแบบสะบัดๆ
“ก็คุณรบอยากไม่รับโทรศัพท์เปรี้ยวทำไมล่ะ”
“เขาก็ต้องมีการมีงานทำนะครับ จะให้มารอรับแต่โทรศัพท์จากคุณได้ยังไงกันล่ะ”
สาธรพยายามพูดดี
“คุณรบสัญญากับเปรี้ยวว่าเราจะเจอกันอีกแต่ก็หายตัวไป หรือว่าคิดจะหลบหน้าเปรี้ยวก็ไม่รู้”
“ไอ้รบมันก็เป็นแบบนี้แหละ ผมว่าคุณอย่าไปตอแยให้มากนักเลย ยิ่งตามมันก็จะยิ่งหนีเปล่าๆ
เชื่อผมสิ”
เปรี้ยวคิดตามที่สาธรพูด สาธรมองเปรี้ยว พลางส่งสายตาก้อร่อก้อติก
“สวยๆอย่างคุณมีเหรอที่ไอ้รบมันจะทิ้งไปง่ายๆ เสียดายแย่เลย”
จากนั้นก็เดินเข้ามาใกล้ด้วยสายตาที่โลมเลีย เปรี้ยวมองสาธรสายตาเป็นประกาย
“ถ้าอยากมัดใจมันได้ล่ะก็ผมจะบอกวิธีให้เอาไหม”
เปรี้ยวมองตาสาธรอย่างรู้ทัน
“ ถ้าคุณอยากสอนเปรี้ยวก็พร้อมจะเรียนรู้ค่ะ”
เปรี้ยวสายตายั่วยวนแสดงความต้องการ สาธรยิ้มเข้าทาง ก่อนจะโอบเปรี้ยวเดินเข้าลิฟต์ไป
มือถือของพชรดังขึ้น หน้าจอขึ้นชื่อโชว์ว่า Spy เพชรวางแก้วกาแฟลง แล้วเอื้อมมือหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา
“เจอตัวแล้วใช่ไหม ตอนนี้อยู่ที่ไหน”
เพชรนิ่งฟังที่ปลายสายพูดหน้าตาเปลี่ยนเป็นซีเรียส
“โอเค มีอะไรรีบส่งข่าวมาทันที ฉันสแตนด์บายอยู่”
เพชรวางสายสีหน้าเครียด แพรวรีบหันมาถาม
“เป็นไงบ้าง”
“นักสืบตามมันไปถึงคอนโดนังนั่นแล้ว”
แพรวตบโต๊ะสะใจ
“เห็นไหมล่ะ เขายังไม่เลิกกับนังนั่น เขาหลอกพี่เพชรอยู่ตลอดเวลาว่าเลิกแล้ว ไม่มีแล้ว ดูสิตาม
ไปกกกันถึงคอนโดน่ะ เลิกประสาอะไร”
เพชรสีหน้าเป็นกังวล คิดมาก แพรวมองด้วยความสงสารพี่
ในขณะที่ศึกรบกับระรินเดินควงกันออกจากร้านอาหารมา ที่ลานจอดรถ ชโยดม ที่เดินออกจากโรงพยาบาลแถวนั้น เห็นเข้าพอดี
“พี่รบ”
ชโยดมจะเดินเข้าไปหาแต่ไม่ทัน เพราะศึกรบขับรถออกไปเสียก่อน ชโยดมมองตามไม่พอใจ
รถหรูของศึกรบเลี้ยวเข้ามาที่ลานจอดรถคอนโดระริน ศึกรบลงมาเดินอ้อมไปเปิดประตูให้ระริน
“เชิญครับ”
ระรินก้าวลงมา “ขอบคุณนะคะที่มาส่ง”
“ยินดีครับ หวังว่าเราคงมีโอกาสได้เจอกันบ่อยๆนะครับ”
ระรินยิ้มแบบมีจริต “ถ้าคุณเรียกใช้งานรินก็จะไปหาค่ะ”
ศึกรบส่งสายตาเจ้าชู้ให้ระริน
“แล้วถ้าไม่ใช่เรื่องงานล่ะครับ คุณจะไปหาผมไหม”
ระรินส่งสายตายั่วยวน แต่ยังแกล้งไว้ท่าที
“อืม ขอรินคิดดูก่อนแล้วกันนะคะ”
จากนั้นก็เดินผละออกมา
“บายค่ะ”
ระรินยืนส่ง จนศึกรบเลี้ยวรถออกไป พลางมองตาม แล้วยิ้มกับตัวเอง ที่เหยื่อชิ้นใหม่ที่กำลังติดเบ็ด
จากนั้นระรินหันมาจะเดินเข้าคอนโด แล้วต้องตกใจ เมื่อเห็นสงครามที่เดินหน้าตาจริงจังเอาเรื่อง “ไอ้หมอนั่นมันเป็นใคร”
ระรินปั้นหน้าไม่พอใจเดินเลี่ยงสงครามเข้าคอนโดไป สงครามเดินตามไปติดๆ“ริน ริน”
ระรินเดินเข้าคอนโดด้วยความไม่พอใจ
จบตอน 2 อ่านต่อตอนที่ 3