xs
xsm
sm
md
lg

"ดงดอกงิ้ว" ตอนที่ 1-27

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ละครออนแอร์ "ดงดอกงิ้ว"

บทประพันธ์ : วิทินี โอฬาร์กร
บทโทรทัศน์ : อาณาจินต์
กำกับการแสดง : นภดล กำปั่นทอง
แนวละคร : เมโลดราม่า
อำนวยการผลิต : องอาจ สิงห์ลำพอง
ผลิต : บ. โซนิกซ์ ยูธ 1999 จำกัด โดยผู้จัด : ปิยะ เศวตพิกุล
ออกอากาศ : จันทร์-อังคาร-พุธ ทางช่อง 8
ระยะเวลาออกอากาศ : เริ่ม จันทร์ที่ 21 เมษายน 2557
จำนวนตอนออกอากาศ : 24/+

ตอนที่ 1 วันจันทร์ ที่ 21 เมษายน 2557
สู่ขวัญ สาวสวยที่เพียบพร้อมไปทรัพย์สินเงินทอง หน้าตาและความรู้ ตัดสินใจแต่งงานกับศึกรบ หนุ่มหล่อเพลย์บอย ทั้งๆ ที่สู่ขวัญก็รู้ทั้งรู้ว่าศึกรบนั้นเจ้าชู้มาก แต่เธอก็คิดว่า ณ เวลานี้ ศึกรบคงจะเลิกเจ้าชู้ได้ เพราะเธอคิดว่าความเพียบพร้อมในตัวของเธอน่าจะเอาศึกรบอยู่หมัด
ด้านทรงยศกับภาวดี พ่อกับแม่ของศึกรบ ที่สนับสนุนการแต่งงานครั้งนี้เป็นอย่างมาก เพราะครอบครัวของศึกรบกำลังจะถูกฟ้องล้มละลาย แต่ถ้าศึกรบได้แต่งงานกับสู่ขวัญแล้ว จะเป็นการกอบกู้ศักดิ์และศรีให้กับครอบครัวศึกรบ
สู่ขวัญเปิดร้านเสื้อผ้า โดยมีมีนาเพื่อนสาวคนสนิทมาช่วยงานที่ร้าน ส่วนศึกรบก็ไปดูแลกิจการโรงแรมของสู่ขวัญ โดยมีสาธรเพื่อนสนิทของศึกรบมาช่วย สาธรสนิทกับศึกรบมาก จึงค่อนข้างรู้ใจและรู้ทันศึกรบและวันนี้ ก็เป็นวันครบรอบวันแต่งงาน 1 ปีของคนทั้งสอง สู่ขวัญรีบกลับบ้านมาเพื่อเตรียมอาหารเย็นรอศึกรบ เพราะสู่ขวัญได้นัดแนะกับศึกรบไว้เรียบร้อยแล้ว แต่ทว่าศึกรบกลับได้รับคำเชิญให้ไปร่วมงานปาร์ตี้จากแขกวีไ อพีของโรงแรม ทำให้ศึกรบไม่กล้าปฏิเสธแขกคนสำคัญ ศึกรบจึงไปร่วมงานปาร์ตี้พร้อมกับสาธร โดยที่โทรศัพท์บอกสู่ขวัญว่าเขาติดประชุมด่วน อาจกลับค่ำเล็กน้อย
ตอนกลางคืน ที่งานปาร์ตี้ ศึกรบกับสาธรมาถึงงาน แขกวีไอพีก็ออกมาต้อนรับ “เชิญครับคุณศึกรบ ขอบคุณมากนะครับที่เนรมิตปาร์ตี้นี่ให้ผม แล้วยังให้เกียรติมาร่วมงานอีก” ศึกรบว่า “ยินดีครับ คุณเป็นแขกระดับวีไอพีของโรงแรมเรา ใช้บริการกันมาหลายปี ยังไงเราก็ต้องต้อนรับคุณให้ดีที่สุดอยู่แล้วครับ”
สาธรกวาดสายตาหื่นไปทั่ว เพราะภายในงานมีเหล่าสาวงามที่เป็นพริตตี้เดินกันอยู่ให้ทั่ว สาธรหันไปกระซิบ “โห ไอ้รบคืนนี้สงสัยเจอศึกใหญ่แน่ว่ะ” ศึกรบยังคงยืนนิ่งวางมาดนิ่งๆ หล่อๆ อยู่ เปรี้ยวสาวพริตตี้
คนหนึ่งหันมาสบตากับศึกรบ ก่อนจะแทรกตัวผ่านระหว่างศึกรบกับสาธรไป “ขอโทษนะคะ”เปรี้ยวตั้งใจเอาหน้าอกเบียดศึกรบ ก่อนหันกลับมาสบตาอีกครั้ง ศึกรบยิ้มให้อย่างสุภาพ ในขณะที่สาธรถึงกับเข่าอ่อน ต้องรีบคว้าแขนศึกรบไว้เป็นที่ยึด “ไม่ไหวแล้วว่ะไอ้รบ ขอไปห้องน้ำก่อนนะ” สาธรผละออกไปทันที ทิ้งศึกรบไว้ท่ามกลางสาวสวยเต็มไปหมด
แขกวีไอพีพาเปรี้ยวเดินเข้ามาหาศึกรบ พร้อมกับสั่งเปรี้ยว “ดูแลคุณศึกรบให้ดีๆ นะเปรี้ยว อย่าให้เสียชื่อ” แล้วหันไปยิ้มกับศึกรบ “นี่พริตตี้ตัวแม่เชียวนะ ผมจองตัวมาพิเศษเพื่อคุณโดยเฉพาะเลยนะครับ คุณศึกรบ” ศึกรบพยักหน้า ยิ้มนิดๆ “ขอบคุณครับ” แขกวีไอพีเข้าไปเอามือแตะบ่าศึกรบก่อนจะกระซิบ“ห้องนอนผมไม่ได้ล็อค เชิญตามสบายเลยนะครับ”
มุมหนึ่ง ภายในงานปาร์ตี้ เปรี้ยวกำลังพยายามโชว์ฝีมือสุดฤทธิ์ เข้านัวเนียศึกรบ “เปรี้ยวมีของขวัญพิเศษให้คุณค่ะ ถ้าไม่พิเศษ เปรี้ยวไม่ให้จริงๆ นะคะเนี่ย” เปรี้ยวว่าแล้วก็เริ่มลีลาการแรพแดนซ์ เต้นรำบนหน้าตักศึกรบ สาธรมองมาเห็นเข้าเลือดกำเดาแทบพุ่ง
ที่บ้านสู่ขวัญ ภายในห้องครัว สู่ขวัญหั่นผัก แล้วหันไปผัดกับข้าวในกระทะบนเตา ทำโน่นนี่ง่วนไปหมด พรกับภาวดีเดินเข้ามามอง พรเอ่ยขึ้น “ท่าทางจะอร่อยนะคะคุณผู้หญิง แหม ทำให้ผัวกินนี่มันดูดีนะคะ” ภาวดีเสริม “แน่สิยะ ถ้าเป็นผัวเรานะ ไม่ใช่ผัวคนอื่น” พรบอก “โอ๊ย ก็ต้องผัวเราสิคะ ผัวคนอื่นเราจะไปทำให้กินทำเบื๊อกอะไร” ภาวดีค้อน “ก็คนสมัยนี้มันชอบกินผัวคนอื่น” พรพูดขึ้นซื่อๆ “แล้วทีคุณผู้ชายไม่เห็นมีใครกิน มีแต่คุณผู้หญิงโง่กินอยู่คนเดียว เฮะๆ” พรถูกภาวดีผลักกระเด็นออกไป
ขณะที่งานปาร์ตี้ การเต้นแรพแดนซ์ของเปรี้ยวจบลง เปรี้ยวเข้าไปกระซิบที่ข้างหูศึกรบ “คืนนี้อยู่กับเปรี้ยวนะคะ”
ที่ห้องพักวีไอพี เสียงนาฬิกาข้อมือเตือน “ติ๊ดๆ” ศึกรบเอื้อมมือมาหยิบนาฬิกาข้อมือที่วางอยู่หัวเตียงดู ศึกรบงัวเงียมองนาฬิกาเห็นว่าเป็นเวลาเที่ยงคืน ศึกรบตื่น ลุกพรวดขึ้นมา รีบคว้าผ้าขนหนูเข้าห้องน้ำไปทันที ขณะที่เปรี้ยวยังนอนหลับอยู่ข้างๆ
ศึกรบรีบแต่งตัวอย่างเร็วแล้วออกมา เปรี้ยวตื่นขึ้นมามองเห็นว่าศึกรบจะกลับ เปรี้ยวแกล้งงอน “ไหนบอกจะอยู่กับเปรี้ยวทั้งคืนไงคะ” ศึกรบเดินเข้าไปหาเปรี้ยว จับคางพูดแหย่ๆ “ขอเป็นครึ่งคืนก่อนนะครับคนดี อีกครึ่งคืนขอติดไว้ก่อนนะคะ แล้วคราวหน้าผมยกให้คุณทั้งวันเลยโอเคไหม” ศึกรบหอมแก้มเปรี้ยว เปรี้ยวแกล้งท่างอน แต่ยิ้มๆ “จริงนะคะ” ศึกรบพยักหน้ายิ้มๆ เปรี้ยวดีใจหอมแก้มศึกรบเหมือนเด็กๆ และกอดศึกรบแน่น ศึกรบยิ้มๆ แอบมองดูนาฬิกาที่ข้อมือแล้วเปลี่ยนเป็นกังวล
ที่ห้องโถง บ้านสู่ขวัญ สู่ขวัญเผลอหลับไป แสงไฟจากรถที่แล่นเข้ามาจอดสาดเข้ามา จนทำให้สู่ขวัญตื่น สู่ขวัญเหลือบตาดูเวลา เห็นว่าเที่ยงคืนครึ่ง เสียงศึกรบปึงปังๆ เปิดประตูเข้ามาด้วยสีหน้าเครียด“แย่แล้วขวัญ โรงแรมมีปัญหา เราเพิ่งประชุมกันเสร็จ” สู่ขวัญตกใจ “ทำไมล่ะคะ มันเกิดอะไรขึ้นคะรบ”

ภายในห้องนอน สู่ขวัญส่งผ้าเย็นให้ศึกรบที่นั่งกุมขมับอยู่ พร้อมกับเอ่ยถาม “เรื่องมันเป็นยังไงคะ”ศึกรบทำทีถอนใจ “เอาไว้พร่งุ นี้ผมจะเล่าให้ฟังดีกว่า แค่ทิ้งคุณไว้คนเดียวจนดึกป่านนี้ ผมก็รู้สึกผิดจะแย่อยู่แล้ว ยกโทษให้ผมด้วยนะครับคนดี” ศึกรบทำทีเป็นดึงสู่ขวัญเข้ามาอยู่ในอ้อมกอด สู่ขวัญเอ่ยขึ้น “ขวัญไม่กล้าโกรธคุณหรอกค่ะ มีอะไรให้ขวัญช่วยได้ก็บอกมานะคะ” ศึกรบกอดสู่ขวัญ “ผมโชคดีจริงๆ ที่ได้แต่งงานกับคุณ ผมเป็นผู้ชายที่โชคดีที่สุดในโลก” ศึกรบแอบยิ้มร้าย ภูมิใจในตัวเองที่แผนสำเร็จ “ผมรักคุณนะ” สู่ขวัญยิ้มตอบ “ขวัญก็รักคุณค่ะ รักคุณคนเดียว”
เช้าวันใหม่ แสงดาวเลขาของศึกรบ โทรศัพท์มาหาศึกรบที่บ้านแต่เช้า ขณะที่ศึกรบกำลังออดอ้อนจะเข้าได้เข้าเข็มกับสู่ขวัญพอดี ศึกรบอารมณ์สะดุดจำใจเอื้อมมือไปหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา พอเห็นเป็นเบอร์แสงดาว ก็ถามขึ้นน้ำเสียงเซ็งนิดๆ “ดาวมีอะไรเหรอครับโทรมาแต่เช้าเชียว” แสงดาวสีหน้าเจื่อนๆ รู้สึกว่ารบกวนศึกรบ“เอ่อ ต้องขอประทานโทษนะคะ คือ เอ่อ คือ ดาวจะโทรมาเตือนคุณรบว่าตอนสิบโมงมีนัดสัมภาษณ์นะคะ” ศึกรบนึกขึ้นได้ หันมองทางสู่ขวัญที่ยังมองอยู่ ศึกรีบทำหน้าเครียดๆ “ขอบคุณมากครับที่เตือน ผมจะรีบไปเดี๋ยวนี้แหละ” แสงดาวยิ้มๆ รับคำแล้ววางสายไป ศึกรบวางสายไปสีหน้านิ่งๆ สู่ขวัญเป็นห่วงลุกขึ้นมาใกล้กับที่ศึกรบนั่งอยู่ถามด้วยความเป็นห่วง “ที่โรงแรมมีปัญหาอะไรเหรอคะ เล่าให้ขวัญฟังได้นะคะ” ศึกรบท่าทางคิดๆ “นิดหน่อยน่ะครับ แต่ไม่ต้องเป็นห่วง ผมจะรีบไปจัดการ เดี๋ยวกลับมาเล่าให้ฟังนะครับ” ศึกรบลุกขึ้นก้มลงหอมแก้มสู่ขวัญก่อนเดินเข้าห้องน้ำไป สู่ขวัญมองตามเป็นห่วง
ที่สตูดิโอถ่ายรายการ ระรินพิธีกรสาวสวยเซ็กซี่กำลังวีนใส่แสงดาวว่า ทำไมป่านนี้คนที่เธอต้องสัมภาษณ์ยังมาไม่ถึงอีก ทำให้แสงดาวร้อนใจต้องรีบออกมาโทรตามศึกรบ ระรินเองก็ปรี๊ดขึ้นมา “ปล่อยให้ฉันมานั่งรออยู่ได้ ฉันไม่ได้มีเวลาว่างมากนักนะ ฉันมีคิวต้องไปที่อื่นต่อ” สักพักแสงดาวก็เดินกลับเข้ามาบอกว่า ศึกรบไม่รับสาย ทำให้ระรินหงุดหงิดมาก “โอ้ย รอ รอ รอ ฉันให้เวลาอีก 10 นาที ถ้า MD ของคุณยังไม่มา ฉันไปละ” ระหว่างนั้น ศึกรบเดินเข้ามาพอดีได้ยินแอบยิ้มๆ แสงดาวเห็นศึกรบก็ก้มหน้าก้มตา ระรินคิดว่าแสงดาวกลัวเธอจึงข่มต่อ “เข้าใจที่ฉันพูดใช่ไหม” เสียงศึกรบตอบ “เข้าใจครับ” ระรินหันไปมองตามเสียงที่ได้ยินเห็นศึกรบถึงกับตะลึง ศึกรบรีบขอโทษขอโพย พร้อมกับยิ้มให้ระรินเท่ๆ แล้วหันไปบอกแสงดาว“ผมพร้อมแล้วครับคุณดาว” แสงดาวรีบพาศึกรบเข้าไปในสตูดิโอ ระรินมองตามศึกรบไม่วางตา
ภายในสตูดิโอถ่ายรายการ ภาพไตเติ้ลรายการ “คุยกับเซเลบ” ระรินซึ่งเป็นพิธีกรหญิงแต่งตัวเซ็กซี่เดินออกมา “สวัสดีค่ะคุณผู้ชม นาทีนี้คงไม่มีใครในวงสังคมไม่เคยได้ยินชื่อไฮโซหนุ่มคนดังแห่งวงการโรงแรม เขาเป็นที่จับตามองตั้งแต่สมัยยังวัยรุ่น ในฐานะนายแบบหนุ่มที่ฮอตข้ามปี แต่หลังจากทิ้งวงการบันเทิงไปเรียนต่อที่อเมริกา เขากลับมาบริหารงานด้านโรงแรมและขยายอาณาจักรธุรกิจไปจนประสบความสำเร็จเป็นอันดับต้นๆ ในอาเซียน วันนี้เขากลายเป็นนักบริหารหนุ่มไฟแรงแห่งปีที่ทุกคนต้องจับตามอง” ระรินเริ่มแนะนำตัว “รายการคุยกับเซเลบ ขอต้อนรับนักบริหารหนุ่มที่ฮอตที่สุดในนาทีนี้ กรรมการผู้จัดการโรงแรมเลอวิมาน คุณศึกรบ เลิศอริยาภาค่ะ” เสียงตบมือเกรียวกราว ระรินมองไปด้วยสายตาที่อดชื่นชมไม่ได้ ศึกรบก้าวเข้ามาในรายการรอยยิ้มเท่ๆ ของเขาและบุคลิกที่มั่นใจ มีเสน่ห์น่าหลงใหล ศึกรบยิ้มให้กับทุกคนอย่างอบอุ่น สาวๆในห้องส่งกรี๊ดดังขึ้นประดุจเจอซุป’ตาร์
ระรินถามศึกรบด้วยสายตาหวานเยิ้ม “ช่วยเปิดเผยเคล็ดลับหน่อยสิคะ ว่าอะไรที่ทำให้คุณศึกรบประสบความสำเร็จได้ขนาดนี้” ศึกรบหันไปยิ้มให้ระรินก่อนจะตอบคำถาม “ผมคิดว่า คงเป็นความตั้งใจทำงาน เอาใจใส่ผู้คนรอบข้าง และใส่ใจทุกรายละเอียดในงานที่ทำครับ” ระรินมองศึกรบด้วยสายตาปลื้มๆ
“อย่างนี้นี่เอง ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมคุณศึกรบถึงพาธุรกิจโรงแรมมาไกลมาก ถ้าคุณศึกรบเลือกที่จะอยู่ในวงการบันเทิง คงต้องเป็นนักแสดงที่มากฝีมือแน่ๆ ดิฉันได้ยินมาว่าเมื่อก่อนคุณศึกรบก็ได้ชื่อว่าเป็นหนุ่มเจ้าสำราญ และเจ้าเสน่ห์คนนึง จริงหรือเปล่าคะ” ศึกรบยิ้มอย่างมีเลศนัย มองระรินตาเป็นประกาย “แล้วคุณระรินคิดว่าว่าจริงหรือเปล่าล่ะครับ” ระรินสบตาสู้ “ไม่ทราบสิคะ แต่ก่อนคุณศึกรบก็เคยเป็นข่าวกับสาวฮอต ทั้งดารานางแบบไม่เว้นแต่ละวัน” ศึกรบบอก “ทุกคนเป็นเพื่อนผมทั้งนั้นครับ” ระรินทำทีกระเซ้า “งั้นก็แปลว่า ตอนนี้คุณศึกรบถอดเขี้ยวเล็บออกหมดแล้ว” ศึกรบว่า “ผมยังไม่ถอดหรอกครับ แต่เก็บไว้สำหรับปกป้องคนที่ผมรักเท่านั้น” ระรินถามขึ้น “คนที่คุณรักคือภรรยาหรือเปล่าคะ” ศึกรบจ้องตาระรินนิ่ง “ความรักของผมมีเหลือเฟือครับ ไม่จำเป็นต้องให้ใครคนใดคนหนึ่ง แต่ผมอยากให้กับคนที่ผมรักทุกคน”
ระรินแทบจะกรี๊ดออกมา แต่เก็บอาการไว้ สาวๆ ในห้องส่งเสียงกรี๊ดดังลั่นแทนระริน
หลังจากจบการสัมภาษณ์ ศึกรบก็สานต่อความสัมพันธ์กับระริน โดยการส่งช่อดอกไม้ไปให้ โดยที่ศึกรบไม่ลืมที่จะสั่งให้แสงดาวเลขาของเค้าส่งช่อดอกไม้ให้กับสู่ขวัญ ภรรยาคนสวยของเขาเองด้วย

ตอนที่ 2 วันอังคาร ที่ 22 เมษายน 2557
ด้านระรินเมื่อได้รับช่อดอกไม้จากศึกรบก็รู้ทันที ว่าศึกรบสนใจเธอ เธอเองก็คิดจะสานสัมพันธ์เช่นกัน ทั้งๆ ที่เธอก็มีสงครามซึ่งเป็นสามีชาวบ้านอยู่แล้ว
ขณะที่แจ๊ส ผู้จัดการส่วนตัวของระรินก็พยายามห้ามระริน เพราะรู้ว่าศึกรบมีภรรยาอยู่แล้วแต่ระรินกลับไม่สน
ที่ร้าน La Belle สู่ขวัญเดินเข้ามาในร้าน มีนาละมือจากหุ่นหน้าร้านหันไปแซวสู่ขวัญ “หวานกันที่บ้านยังไม่พอใช่ไหม ถึงต้องมาหวานออกสื่อกันถึงที่นี่อ่ะ” สู่ขวัญงงๆกับที่มีนาแซว “อะไรของเธอยะ” มีนาชีไปที่โต๊ะ “ก็โน่นไง” ดอกกุหลาบช่อใหญ่วางอยู่บนโต๊ะของมีนา สู่ขวัญเดินตรงเข้าไปหยิบช่อกุหลาบขึ้นมามีการ์ดข้อความ “ Happy 1st anniversary” จากศึกรบ สู่ขวัญอ่านไปยิ้มไป มีนาเดินเข้ามาจ้องหน้า
ล้อเลียน “ยิ้มหน้าบานเชียวนะ” สู่ขวัญแกล้งถาม “ทำไม อิจฉาเหรอ” มีนาว่า “ไม่ใช่แค่อิจฉานะ เรียกว่าหมั่นไส้เลยดีกว่า” สู่ขวัญบอกเขินๆ “ก็คนเขารักกันนี่ รบเขามักจะทำให้ฉันเซอร์ไพรส์ตลอดเวลา” มีนาค้อน“จ้าแม่คุณ กะอีแค่ดอกไม้ช่อเดียวเนี่ย มันแค่เรื่องจิ๊บๆ ของผู้ชายอย่างคุณรบ” สู่ขวัญว่า “แต่เขาก็ไม่เคยมองข้ามเรื่องเล็กๆ น้อยๆพวกนี้ไปนะ เราถึงรักกันไง” สู่ขวัญมองดอกไม้ยิ้มๆ มีนาหมั่นไส้แซวเพื่อน “ฉันล่ะเอียนความรักของเธอสองคนจริงๆ เลย นี่ถามจริงเหอะ เธอจะหวานใส่กันไปอีกนานไหม ไม่เลี่ยนบ้างเหรอ ไม่เห็นจะมีอะไรให้ตื่นเต้นเลย” สูขวัญงง “ทำไมต้องตื่นเต้นด้วยล่ะ” มีนาบอก “ก็หวานๆ แบบนี้มันเพลนๆ ไปหน่อยมันต้องมีสีสันบ้าง ออกนอกลู่นอกทางนิดๆ พอให้ได้จับผิดกันบ้างมันถึงจะตื่นเต้นเร้าใจ” สู่ขวัญส่ายหัว “ยัยบ๊อง เชิญเธอตื่นเต้นไปกับเรื่องแบบนี้ไปคนเดียวเถอะจ้ะ” มีนาไม่ยอมหยุด “เฮ้ย เรื่องแบบนี้มันเกิดขึ้นได้กับทุกคนแหละเธอ แค่เธอยังไม่เจอก็เท่านั้นเอง แต่ถ้าวันหนึ่งเธอเกิดเจอแบบนี้ขึ้นมาเธอจะทำไง” สู่ขวัญนิ่งคิดตามที่เพื่อนพูด ก่อนจะตอบด้วยท่าทีที่มุ่งมั่น “เธอก็รู้ว่าฉันไม่เคยยอมใครอยู่แล้ว ถ้าใครกล้าเข้ามาก็ต้องกล้าที่จะต้องเจอกับฉัน” มีนาอึ้ง “เธอนี่น่ากลัวกว่าที่ฉันคิดนะ” สู่ขวัญยิ้มๆ “มันแน่นอนอยู่แล้ว... ฆ่าได้แต่หยามไม่ได้ จำไว้นะไอ้น้อง” สู่ขวัญทำหน้าโหด แล้วเด็ดกุหลาบดอกหนึ่งมาบี้จนแหลกคามือพร้อมกับหัวเราะ แล้วเดินถือช่อดอกไม้ออกไป มีนามองตามขำๆ สู่ขวัญหันกลับไปมองเพื่อน แล้วหัวเราะ ก่อนจะหันกลับมามองที่กุหลาบแล้วยิ้มปลื้ม
ตอนสาย ชโยดมน้องชายคนเดียวของสู่ขวัญก็เดินทางมาตรวจคนไข้ที่กรุงเทพ แล้วก็ไม่ลืมที่จะแวะมาหาพี่สาวคนสวยด้วย สู่ขวัญดีใจมากที่ได้พบน้องชาย เพราะตอนนี้ครอบครัวของเธอก็มีกันสองคนเท่านั้น สู่ขวัญพยายามขอร้องน้องชายให้กลับมาทำงานที่กรุงเทพ แต่ชโยดมบอกว่าอยู่ต่างจังหวัดสบายกว่าเยอะ สู่ขวัญจนปัญญา แต่ก็ไม่ลืมที่จะชวนน้องชายไปทานข้าวเย็นที่บ้าน ชโยดมไม่อยากเจอศึกรบเพราะไม่ค่อยชอบหน้าศึกรบเท่าไหร่นัก แต่ก็จำใจตอบตกลงพี่สาวไปเพราะเห็นแก่พี่สาว แล้วชโยดมขอตัวไปทำธุระก่อน เย็นๆ จะตามเข้าไปที่บ้าน
บ่ายวันเดียวกัน เพชรกับแพรวเปิดประตูร้านเข้ามาพร้อมเสียงดังทักทายสู่ขวัญ สู่ขวัญที่กำลังคุยเรื่องแบบเสื้ออยู่กับมีนา รีบหันมามองเมื่อเห็นเป็นสองสาวก็รีบเข้าไปทักทาย “ไฮ ลมอะไรหอบสองคนมาถึงนี่ได้เนี่ย ไปไหนกันมาเหรอคะ” เพชรว่า “ก็ยัยแพรวน่ะสิชวนพี่ไปช็อปมาทั้งวันเลย” แพรวหน้าเหรอ “อ้าว แพรวแค่ชวนไป พี่เพชรจะไม่ช็อปก็ได้นี่ นี่อะไรเผลอแป๊บเดียวแอบไปจองกระเป๋าถือชาแนลรุ่นลิมิเต็ดไว้ซะงั้น เดี๋ยวต้องออกไปเอาอีกเนี่ย” สู่ขวัญว่า “อะไรกัน เมื่อเร็วๆ นี้ก็ถอยมาใบนึงแล้วไม่ใช่เหรอ” แพรวบอก “ก็ใช่น่ะสิ เครียดทีไรเป็นแบบนี้ทุกที” เพชรเสริม “แหมคนเรามันก็ต้องมีวิธีระบายออกกันมั่งแหละ จะให้มานั่งเครียดนอนเครียดอยู่กับบ้านมันก็คงจะไม่ใช่นะ” สู่ขวัญงงว่าเพชรเป็นอะไร “เครียดเรื่องอะไรเหรอคะพี่เพชร”แพรวแย่งตอบแทน “จะเรื่องอะไรได้นอกจากเรื่องสามีตัวดีน่ะสิ สวมเขาให้พี่เพชรกี่อันต่อกี่อันแล้วก็ไม่รู้” สู่ขวัญแปลกใจ “อ้าว นี่คุณสงครามก่อเรื่องอีกแล้วเหรอคะ” เพรชว่า “ก็เรื่องเดิมนั่นแหละแต่ไม่ยอมจบไง คาดคั้นเท่าไหร่เขาก็ไม่ยอมรับว่ายังติดต่อกับอีนังระริน ดาราโบท็อกซ์นั่น พี่ล่ะอยากจะเอามีดกรีดหน้ามันซะจริงๆ” สู่ขวัญมองเพชรอย่างเห็นใจ “ใจเย็นๆ ค่ะพี่เพชร เรื่องแบบนี้ต้องค่อยๆ ใช้เวลา เราต้องนิ่งๆ เข้าไว้ ตอนนี้ต่อให้เราคาดคั้นเขายังไงเขาก็ดิ้นไปเรื่อยๆ สู้เรานิ่งไว้แล้วเก็บหลักฐานทุกอย่างที่เราสงสัยไว้ก่อน รอเวลาเปิดทีเดียวให้เขาจนมุมน่าจะดีกว่าเซ้าซี้ให้เขารู้ตัวนะคะพี่เพชร” เพชรคิดตาม “แล้วพี่ต้องเริ่มจากอะไร จากตรงไหนล่ะคะน้อง” สู่ขวัญว่า “ก็เริ่มจากสิ่งที่พี่เพชรสงสัยนั่นแหละค่ะ พยายามอย่ารู้ทันเขานะคะ ต้องแกล้งโง่บ้างในบางครั้งเพื่อให้เขาตายใจ เขาจะได้ไม่ระวังตัว” เพชรพยักหน้า “อืม จริงอย่างที่ขวัญว่า แต่พี่ไม่มั่นใจว่าจะทำตามที่น้องขวัญบอกได้รึเปล่าน่ะสิ” แพรวสงสัย เข้ามาถามขวัญ “นี่เธอ อย่าบอกนะว่าเธอก็ใช้วิธีนี้กับคุณรบน่ะ” สู่ขวัญยิ้มๆ “ก็นิดนึงอ่ะนะ” แพรวกับเพชรมองหน้ากันไม่อยากจะเชื่อ สู่ขวัญมองสองสาวแล้วหัวเราะ “ฉันล้อเล่นน่ะ ตกใจกันใหญ่เชียว คุณรบเขายังไม่ถึงขั้นนั้นหรอกจ้ะ” เพชรถอนใจ “เฮ้ย.. พี่ก็ว่ายังงั้นแหละ ดูคุณรบเขาขยันทำงานทำการออกขนาดนั้นจะมีเวลาเฉไฉไปไหนได้ แล้วอีกอย่างน้องขวัญก็สวยซะขนาดนี้ มีหรือที่สามีจะคิดนอกใจถ้าสารรูปอย่างพี่ก็ว่าไปอย่าง”
แพรวว่า “แหมดูพูดเข้าสิพี่เพชร ก็ที่ลากพี่เพชรมาที่นี่ก็เพราะอยากให้เธอช่วยปรับลุคการแต่งตัวให้พี่เขาหน่อยน่ะ เอาสไตล์เธอน่ะเผื่อสามีพี่เพชรจะได้รักจะได้หลงเหมือนสามีเธอบ้างยังไงล่ะ” สู่ขวัญบอกเขินๆ “เธอก็พูดเกินไปยัยแพรว เดี๋ยวขวัญเลือกให้พี่เพชรดูนะคะ” เพชรพยักหน้า สู่ขวัญหยิบแค็ตตาล็อกมาเปิดส่งให้ดู
เช้าวันใหม่ ระรินไปหาศึกรบถึงโรงแรม ศึกรบแปลกใจมาก แต่ก็รู้ทันว่าระรินเล่นด้วยกับเขา แสงดาวเห็นระรินมาหาศึกรบถึงที่ก็ไม่พอใจมาก ศึกรบพาระรินออกไปทานอาหารข้างนอก
ที่ร้านอาหารหรู ศึกรบพาระรินมาทานข้าว ในบรรยากาศที่โรแมนติกมุมส่วนตัว “ความจริงระรินทานอาหารที่โรงแรมคุณก็ได้นะคะ ทำไมคุณต้องพารินมาทานที่นี่ด้วยล่ะคะ” ศึกรบบอก “ที่นี่เป็นส่วนตัวดีน่ะครับ หรือว่าคุณไม่ชอบที่นี่” ระรินรีบปฏิเสธ “ไม่ใช่อย่างนั้นค่ะ ที่นี่บรรยากาศดีออกค่ะ รินชอบ” ศึกรบยิ้มๆ “สำหรับคนพิเศษอย่างคุณ ผมว่าที่นี่น่าจะเหมาะที่สุด” ศึกรบมองระรินด้วยสายตามีประกาย ระรินรู้สึกว่าศึกรบสนใจตัวเองจึงแกล้งพูดหยั่งเชิงดู “คุณรบนี่ปากหวานนะคะ พูดแบบนี้ทำให้ผู้หญิงหลงได้เลยนะคะเนี่ย” ศึกรบบอกยิ้มๆ “คงไม่ถึงขนาดนั้นมั้งครับ ไม่งั้นคุณคงหลงผมแล้วล่ะจริงไหม” ระรินเขินกับสายตาของศึกรบที่มองมา
ที่ลานจอดรถร้านอาหารหรู ศึกรบกับระรินเดินออกมาจากร้าน ชโยดมที่เพิ่งออกมาจากโรงพยาบาลแถวนั้นก็เดินมาที่ลานจอดรถเช่นกัน และเผอิญเห็นศึกรบกำลังเปิดประตูให้ระรินขึ้นรถพอดี แล้วศึกรบก็เดินไปเข้าประจำที่คนขับ ชโยดมสีหน้าไม่พอใจทันที
วันใหม่ สู่ขวัญไปหาชโยดมที่บ้าน ชโยดมตัดสินใจบอกเรื่องศึกรบไปทานข้าวกับดาราคนหนึ่ง
สู่ขวัญคิดจะไปถามศึกรบให้รู้เรื่อง แต่ชโยดมก็ห้ามไว้ก่อน “อย่าเพิ่งโวยวายดีกว่าครับ ถ้าอะไรยังไม่ชัวร์เดี๋ยวพี่รบจะรู้ตัวแล้วจับไม่ได้ไล่ไม่ทัน” สู่ขวัญหน้าเหี้ยม “งั้นพี่จะเฉยไว้ก่อนแล้วคอยจับสังเกต ถ้ามีอะไรขึ้นมาจริงๆ ล่ะก็ โยก็รู้คนอย่างพี่ไม่มีทางยอมอยู่เฉยๆ แน่” ชโยดมมองพี่สาว หวั่นใจบอกไม่ถูก
สงครามก็พยายามไปตามตื้อระริน เพราะเริ่มรู้ว่าระรินจะตีจากเขา ระรินกำลังมีที่หมายปองใหม่สงครามตามไปง้อระรินที่คอนโด แต่ระรินก็พยายามปฏิเสธ
ที่ร้านเสื้อของสู่ขวัญ มีนาอ่านข่าวของระรินแล้วหงุดหงิด รีบปิดหนังสือพิมพ์วางทิ้งแบบอารมณ์เสีย “หนุ่มใหญ่ไฮโซทุ่มไม่อั้น แหวะ ใครกันกล้ามาทุ่มให้ยัยระรื่นจอมสตอเบอแหลกันเนี่ย จะโดนหลอกกินไม่รู้ตัว” สู่ขวัญเดินมาแซวขำๆ “ อินข่าวมากไปมั้ง เธอรู้จักเขาดีเหรอ ถึงไปว่าเขาแบบนั้น” มีนาว่า “มันต้องอินสิยัยขวัญ เธอดูหน้ายัยนี่ แอ๊บแน่นอน มีนานิวส์ฟันธง” สูขวัญส่ายหัว “เว่อร์ละ” มีนาสวน “ไม่เว่อร์แกเชื่อฉัน คนดีที่ไหนจะมีข่าวเสียหายไม่เว้นวัน แถมเจ้าตัวปล่อยเองด้วยนะ ทำเป็นพูดแอ๊บใสๆ ว่าหนูไม่รู้ค่ะ หนูไม่ได้เป็นอะไรกับเขาค่ะ คอยดูไม่เกินเดือนสองเดือน เดี๋ยวได้มีข่าวเซอร์ไพรส์” “เซอร์ไพรส์แบบไหน”
“ก็แบบ อาจจะเปิดตัวว่าคบใครอยู่ พวกไฮโซหนุ่มใหญ่ใจดี สปอร์ตซักคน ดีไม่ดีประกาศแต่งฟ้าแลบ ท้องแล้วจ้า อะไรแบบนี้อ่ะ” “ยัยนี่มันร้ายไม่ใช่เล่น” มีนาว่า “ใช่น่ะสิ เธอก็ระวังของของตัวไว้ให้ดีเถอะ เขาว่านางชอบกินไฮโซกระเป๋าหนัก ประเภทเมียเผลอแล้วเจอกันซะด้วย” สู่ขวัญสีหน้าจริงจัง “ก็ลองดูสิ ถ้านางมาเจอเมียไม่เผลออย่างฉันจะเล่นงานให้เป็นข่าวหน้าหนึ่งเลย” สู่ขวัญบอกน้ำเสียงแฝงแววกังวล มีนาหันมองเพื่อนอย่างหวั่นๆ“ว้าย ใจเย็นๆ นะขวัญ ฉันแค่โยงมาเล่นๆ ยังไงคงไม่บังเอิญขนาดนั้นหรอก”
ด้านเพชรกับแพรวก็ว่าจ้างนักสืบให้ตามเรื่องสงคราม ก็ปรากฏว่าสงครามยังคงไปหาระรินจริงพร้อมทั้งหลักฐานภาพถ่ายตอนสงครามพาระรินขึ้นคอนโด แพรวกับเพชรจึงขอนัดพบระริน แต่สองพี่น้องก็โดนระรินตอกกลับว่าสงครามมายุ่งกับเธอเอง แล้วก็ย้ำว่าให้เพชรเอาโซ่ไปล่ามขาสามีตัวเองจะดีกว่า ระรินด่ากลับแล้วก็เดินออกไป เพชรโมโหมาก “ยัยบ้านี่มันร้าย หน้าด้านชะมัดคอยดูเถอะ ฉันจะทำให้อนาคตในวงการมันไม่เหลือเลย คอยดู!” แพรวหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา กดหยุดอัดเสียง “เพราะว่าหลักฐานมันอยู่ในนี้แล้ว”
จากนั้นไม่นานภาพหลุดๆ ของระรินก็ถูกตีพิมพ์ลงบนหนังสือพิมพ์ ระรินตกใจกับข่าว พยายามหลบเลี่ยงนักข่าว แต่ก็หนีสงครามไม่พ้น สงครามตามไปดักระรินที่คอนโด ระรินอาศัยจังหวะเผลอ หนีสงครามออกมา แล้วก็ทำทีไปขอความช่วยเหลือจากศึกรบถึงโรงแรม
ตอนค่ำ ที่ห้องรับรองของโรงแรมเลอวิมาน ระรินกำลังนั่งร้องไห้ขอความเห็นใจจากศึกรบ“มีคนพยายามคุกคามรินค่ะ เพราะว่าเขามาจีบแล้วรินไม่เล่นด้วย รินนึกว่าเขาจะเงียบไปแล้ว แต่วันนี้เขาตามรินไปถึงคอนโดเลยค่ะ รินเลยหนีออกมา” ศีกรบแสดงท่าทีเห็นใจ “ผมมีเพื่อนเป็นตำรวจ จะให้เขาช่วยส่งคนมาคุ้มครองคุณรินดีไหมครับ” ระรินรีบบอก “อย่าเลยค่ะ รินไม่อยากเป็นข่าวอีก” ศึกรบเข้าใจ “จริงสินะครับ” ระรินแกล้งบีบน้ำตา “รินไม่รู้จะไปพึ่งใคร ตอนนี้ไม่มีคนเชื่อรินหรอกค่ะ เพราะไอ้ข่าวบ้าๆ ที่ไอ้คนชั่วนั่นมันกุขึ้นมาเพื่อไม่ให้ใครมายุ่งกับริน รินนึกออกแต่คุณคนเดียว” ศึกรบครุ่นคิด “เอาอย่างนี้แล้วกันครับ ช่วงนี้คุณรินพักที่โรงแรมผมก่อน จนกว่าเขาจะเลิกยุ่ง ผมจะเปิดห้องให้ในชื่อแขกวีไอพีของผมไม่มีคนนอกรู้แน่ว่าคุณรินอยู่ที่นี่ ถ้าสถานการณ์ดีขึ้นเมื่อไหร่คุณค่อยกลับไป ดีไหมครับ” ระรินตีหน้าเศร้า “แต่รินเกรงใจนี่คะ ไหนจะค่าใช้จ่าย” ศึกรบจ้องตาระริน “เรื่องนั้นเล็กน้อยครับ ความปลอดภัยสำคัญกว่าโรงแรมเราระบบรักษาความปลอดภัยดีเยี่ยม ผมกล้ารับประกันว่าจะไม่มีใครมารบกวนคุณรินแน่นอน” ระรินปลื้มใจมากที่ศึกรบช่วย ศึกรบยิ้มพอใจ ศึกรบสั่งการให้แสงดาวเปิดห้องวีไอพี โดยบอกว่ามีแขกวีไอพีจะมาพักที่ห้องสวีทในโรงแรม
ศึกรบเดินนำระรินเข้ามาในห้อง ระรินมองไปรอบๆ ตาโต ตื่นเต้นกับความหรูหรา “สวยจังเลยค่ะ สวยกว่าห้องที่คุณรบเคยพารินมาดูเสียอีก” ศึกรบบอก “ห้องนี้พิเศษสุดสำหรับแขกวีไอพีโดยเฉพาะครับ ต้อนรับเฉพาะมหาเศรษฐีระดับโลกกับซุปเปอร์สตาร์ระดับอินเตอร์ ตามสบายเลยนะครับคุณริน รับรองจะไม่มีใครมากวนใจคุณได้อีก” ระรินบอกน้ำเสียงอ้อนๆ “รินไม่รู้จะขอบคุณ คุณรบยังไงเลยค่ะ ถ้าไม่มี
คุณช่วยรินก็ไม่รู้จะทำยังไง” ศึกรบยิ้มๆ “ผมขอย้ำอีกครั้งว่ายังไงผมยินดีช่วยเสมอ ถ้าคุณรินขอ” “ขอบคุณค่ะ ขอบคุณจริงๆ” ระรินเสียงสั่นมากขึ้น “ผมมีงานต่อคงต้องไปแล้ว ขอตัวนะครับ” ศึกรบทำทีจะออกจากห้อง ระรินรั้งไว้ “คุณรบอย่าเพิ่งไปได้ไหมคะ รินกลัวค่ะ รินไม่อยากอยู่คนเดียว รินไม่เคยเจอเหตุการณ์เลวร้ายเท่าวันนี้เลย” ระรินดึงแขนศึกรบไว้ ทำหน้าขวัญเสีย ศึกรบหันไปมอง ระรินเข้ามาใกล้ น้ำตาหยด
แหมะ เอามือเช็ดน้ำตาป้อยๆ ศึกรบเอามือเข้าไปเช็ดน้ำตาให้ระริน ระรินจับแขนของศึกรบไว้ มองหน้า
“ไม่ต้องกลัวนะครับ อยู่ที่นี่คุณปลอดภัยเสมอ” ระรินโผเข้ากอดศึกรบ “งั้นอย่าเพิ่งทิ้งรินไปนะคะ”ศึกรบกอดปลอบระริน ระรินซุกหน้าลงยิ้มกริ่ม ศึกรบก้มมองระริน ระรินเงยหน้าขึ้น ทั้งสองสบตากันดื่มด่ำ ศึกรบก้มเข้าไปใกล้ระรินขึ้นเรื่อยๆ จนกลายเป็นจูบระริน
ในห้องนอน ภายในห้องสวีท ศึกรบกับระรินนัวเนียกันเข้ามาในห้อง ระรินถอดรองเท้าตัวเองกระเด็นไป แล้วมาจบลงที่เตียงซึ่งโปรยด้วยกลีบกุหลาบเหมือนเตียงคู่รักฮันนีมูน ชุดสุดเซ็กซี่ของระรินถูกโยนลงมาที่พื้น

ตอนที่ 3 วันพุธ ที่ 23 เมษายน 2557
คืนวันเดียวกัน ที่บ้านสู่ขวัญ สู่ขวัญกำลังตั้งโต๊ะอาหาร มีพรคอยช่วย ภาวดีกับทรงยศเอาแต่ชะเง้อคอมองไปนอกบ้าน ภาวดีเดินมานั่งที่โต๊ะอาหารถามสู่ขวัญแบบร้อนใจ “นี่ หนูขวัญ ตารบมันจะไม่กลับมากินข้าวบ้านจริงๆ เหรอ” สู่ขวัญหยุดจัดโต๊ะ หันมาตอบสบายๆ “ค่ะ ขวัญโทรหารบแล้ว เขาบอกงานยุ่ง” ทรงยศว่า “แน่นะ งานบริหารโรงแรมมันจะยุ่งอะไรนักหนา” สู่ขวัญบอก “เป็นผู้บริหารงานยิ่งต้องหนักกว่าคนอื่นค่ะ คุณพ่อ เอ่อสมัยคุณพ่อขวัญ ท่านก็ทำงานหนักแบบนี้ กลับบ้านมืดค่ำแทบทุกวันเหมือนกัน ขวัญก็เลยเข้าใจรบน่ะค่ะ” ภาวดีรีบเข้าข้างสู่ขวัญ “จริงจ้ะ วิธีคิดแบบนี้สิถูกฉลาดมากๆ ไม่เหมือนบางคน”
ภาวดีมองทรงยศ ทรงยศทำเป็นไม่สนใจ “งานยุ่งจริงเร้อ นี่หนูจะไม่โทรไปเช็กอีกรอบจริงๆ เหรอ” สู่ขวัญสงสัย “ทำไมหรือคะ? หรือว่ารบเขามีอะไรให้ขวัญต้องคอยตามเช็ก” ภาวดีแอบหยิกทรงยศที่พูดจาให้สู่ขวัญสงสัย แล้วรีบแก้ตัวแทน “ไม่มีจ้ะไม่มี ผัวเมียกันต้องไว้ใจกันสิเนอะ” สู่ขวัญเห็นด้วย “ใช่ค่ะ แค่ที่เขาทำงานบริหารแทนขวัญ ทั้งๆที่โรงแรมกำลังมีปัญหา รบเขาก็เหนื่อยมากอยู่แล้ว ไม่ได้ทานข้าวเย็นด้วยกันบ้างก็ไม่เป็นไรหรอกค่ะขวัญเข้าใจ” ภาวดีเข่นเขี้ยวใส่ทรงยศ ทรงยศทำลอยหน้าลอยตา แล้วแกล้งซดน้ำแกงเข้าโฮกใหญ่ สู่ขวัญชะงัก แต่ทำเนียนๆ ไม่สนใจ ภาวดีมองทรงยศเซ็งๆ สู่ขวัญจัดโต๊ะเสร็จนั่งลง พูดนิ่มๆ แต่จริงจัง “ตอนนี้ขวัญยังไม่อยากไปจับผิดอะไรรบมากกลัวเขาจะอึดอัดทำงานไม่สะดวก แต่ถ้ารบคิดจะทำผิดกับขวัญล่ะก็ ขวัญจะจับให้ได้คาหนังคาเขาแล้วจัดการขั้นเด็ดขาด ไม่ปล่อยให้ลอยนวลอยู่แน่”
ภาวดีกับทรงยศเห็นสู่ขวัญเอาจริงก็แอบมองหน้ากันหวาดหวั่น
ในห้องนอน ห้องสวีท ระรินตื่นขึ้นแล้วมองศึกรบที่นอนหลับอยู่อย่างหลงใหล ระรินใช้นิ้วเขี่ยผมเขี่ยคางของศึกรบเล่นๆ สักพักศึกรบขยับตัวเหมือนจะตื่น ระรินตกใจ รีบทำเป็นนอนต่อ ศึกรบตื่นขึ้นมางัวเงีย หันไปทางระริน แล้วเข้าไปกอดไว้ ระรินแสร้งทำเป็นตกใจตื่นขึ้น ก้มดูตัวเอง “คุณรบ! ไม่นะ ไม่” ระรินรีบลุกขึ้นโดยมีผ้าห่มคลุมตัวมาด้วย พูดเสียงเศร้า “คุณรบ ริน รินขอโทษค่ะ รินไม่ควรเผลอใจขนาดนี้” ศึกรบตกใจ จะลุกไปเคลียร์กับระริน “คุณรินเดี๋ยวก่อน” “ริน รินไม่ได้ตั้งใจค่ะ รินไม่ได้ตั้งใจจริงๆรินเสียใจ” ระรินแกล้งทำเป็นเสียใจ ร้องไห้วิ่งเตลิดออกไปศึกรบงงว่าเกิดอะไรขึ้น ระรินวิ่งร้องไห้ออกมาจากห้อง แอบเหลือบไปมองว่าศึกรบตามมารึเปล่า ศึกรบเรียกระรินไล่หลังมา ระรินยิ้มกริ่มทำเป็นยืนสะอื้น ศึกรบวิ่งเข้ามาหาระริน จับตัวระรินให้หันมาคุยด้วย “คุณริน ผมต่างหากที่ต้องเป็นฝ่ายขอโทษ คุณรินอย่าโกรธผมเลย”
ระรินสะอื้น “รินโกรธตัวเองมากกว่าค่ะ เรื่องเมื่อคืนไม่ควรเกิดขึ้นเลย” ศึกรบว่า “โธ่ คุณริน อย่าร้องไห้นะครับ” “รินเสียใจ รินรังเกียจตัวเอง รินเกลียดที่ทำสิ่งที่ไม่ควรทำลงไป เกลียด” ศึกรบพูดขัดขึ้น “ถ้าคุณรินเกลียด ผมก็ต้องเกลียดตัวเองด้วยที่ไม่ยับยั้งชั่งใจ” ระรินแกล้งพูด “คุณจะทำเป็นไม่มีอะไรเกิดขึ้นก็ได้นะคะ รินจะลืมๆ มันไป แล้วเราเป็นเพื่อนกันเหมือนเดิม” ศึกรบบอก “ผมจะทำแบบนั้นได้ยังไง ผมไม่มีทางทิ้งคุณเด็ดขาด” ระรินแกล้งถาม “แล้วภรรยาคุณล่ะคะ คุณจะไม่สนใจความรู้สึกเธองั้นเหรอ” ศึกรบอึ้ง แต่พยายามปลอบใจระรินต่อ “ความรู้สึกคุณผมก็ต้องสนใจด้วยเหมือนกัน ยังไงผมก็จะรับผิดชอบดูแลคุณอยู่ดี ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น” “หมายความว่า คุณรบจะไม่ทิ้งรินหรือคะ?” ศึกรบพยักหน้า ระรินทำเป็นร้องไห้หนักขึ้นแล้วโผเข้ากอดศึกรบ ศึกรบลูบหัวปลอบใจ ระรินแอบยิ้มร้าย
ด้านสาธรก็ตามเกมของศึกรบทัน พอจะรู้ว่าศึกรบพาระรินมาเปิดห้องวีไอพีให้ระรินอยู่ สาธรอดอิจฉาเพื่อนไม่ได้
ตอนสาย ระรินโทรศัพท์บอกให้แจ๊สไปขนของออกจากคอนโด แล้วเล่าเรื่องราวให้แจ๊สฟัง ขณะที่สงครามก็พยายามตามง้อระรินไม่เลิก ยังคงขอนัดพบที่คอนโดอีกครั้ง ระรินจึงตัดสินใจบอกเพชรกับแพรว ทำให้ทั้งหมดได้เผชิญหน้ากัน ระรินบอกเลิกกับสงคราม เพชรก็ลากตัวสงครามกลับบ้านไป
ด้านสู่ขวัญก็เริ่มรู้สึกแปลกๆ ที่ศึกรบเริ่มไม่เหมือนแต่ก่อน กลับบ้านดึกทุกวัน และปกติก็จะร่วมหลับนอนกับสู่ขวัญทุกคืน แต่ช่วงนี้ศึกรบเปลี่ยนไป เธอจึงตัดสินใจโทรศัพท์ไปถามจากแสงดาวตอนสาย ที่โต๊ะทำงานแสงดาว แสงดาวทำงานอยู่สักพักก็มีเสียงโทรศัพท์ดังขึ้น “สวัสดีค่ะ แสงดาวพูดสายค่ะ” “คุณดาว นี่ฉันสู่ขวัญเองค่ะ” แสงดาวตกใจ “คุณขวัญ? มีอะไรจะใช้ดาวรึเปล่าคะ หรือว่าติดต่อคุณรบไม่ได้” สู่ขวัญว่า “ไม่ใช่เรื่องนั้นค่ะ ฉันอยากคุยกับคุณดาวน่ะแหละ” แสงดาวงง “กับดาว?” “ใช่ค่ะ คือฉันอยากรู้ว่าตอนนี้งานที่โรงแรมมีปัญหาอะไรรึเปล่า เห็นรบเครียดๆ” แสงดาวอึกอัก “คือว่า” “บอกฉันมาเถอะค่ะ ไม่ต้องกลัวรบรู้หรอกรับรองฉันจะอุบเงียบไม่บอกใคร” แสงดาวไม่รู้จะพูดยังไงดี “คือว่าช่วงนี้มีแขกวีไอพีมาพักน่ะค่ะ” “แขกวีไอพีเหรอคะ” “ค่ะ คุณรบเลยต้องลงไปดูแลเองเป็นพิเศษ” สู่ขวัญได้ยินก็โล่งใจ “เรื่องนี้เองเหรอคะ นึกว่าอะไร รบบอกฉันแล้วล่ะค่ะ สงสัยฉันจะคิดมากไปเอง ขอบคุณมากนะคะคุณดาว แล้วถ้ามีปัญหาอะไรนอกจากนี้ หรือว่ามีเรื่องอะไรแปลกๆ ฉันรบกวนคุณดาวช่วยรายงานฉันด้วยนะคะ” “ได้ค่ะ คุณขวัญ” “อ้อ แล้วก็เรื่องนี้เรารู้กันแค่สองคน ไม่ต้องบอกรบนะคะ โอเคตามนี้” “ค่ะ แล้วดาวจะรายงานไป” สู่ขวัญยิ้มพอใจกับคำตอบของแสงดาว หันไปยิ้มกับมีนาอย่างโล่งใจ
ที่โต๊ะทำงานแสงดาว แสงดาววางสายจากสู่ขวัญไปเครียดขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด สักพักศึกรบก็เข้ามา “งานวันนี้ผมมีอะไรบ้างครับ” แสงดาวเปิดสมุดจดตารางงานของศึกรบดู “มีประชุมกับบอร์ดบริหารช่วงบ่ายค่ะ” ศึกรบพยักหน้า “โอเค งั้นช่วงเช้าว่างใช่ไหม?” ศึกรบยิ้มกริ่ม แสงดาวสงสัย ศึกรบได้โอกาสก็ย่องขึ้นไปหาระรินที่ห้องสวีท ขณะที่แสงดาวก็สงสัยจึงแอบตามไปด้วย ศึกรบรู้ทันแสงดาวจึงมาแอบดักรอ แสงดาวตกใจที่ศึกรบจับได้ พยายามเฉไฉ แต่ศึกรบก็เข้าประชิดตัวแสงดาว ทำให้แสงดาวหวั่นไหว พอดีเป็นจังหวะที่ระรินเข้ามาเห็นพอดี ทำให้แสงดาวรู้ว่าแขกวีไอพีของศึกรบก็คือระรินนั่นเอง
ศึกรบขอร้องไม่ให้แสงดาวบอกใคร แสงดาวหน้าเครียดไป เดินกลับมาที่โต๊ะทำงานนั่งตัวสั่น “แขกในห้องคือคุณระริน คุณระรินที่เป็นดาราดังนี่ ถ้าคุณสู่ขวัญรู้” แสงดาวหน้าเครียด บีบมือตัวเองแน่น ไม่กล้าบอกใคร
กลางคืนที่หน้าออฟฟิศโรงแรม แสงดาวเดินออกมาแต่แล้วต้องชะงักเมื่อรปภ.เรียกไว้
“คุณแสงดาวครับ คุณสู่ขวัญโทรมา ขอคุยกับคุณครับ” แสงดาวตกใจ ทำท่าโบกมือว่าไม่รับสาย รปภ.กระซิบบอกว่าเพิ่งบอกไปว่าแสงดาวยังอยู่ แสงดาวอ่อนใจ ต้องคว้าโทรศัพท์มาพูด “สวัสดีค่ะ” สู่ขวัญถาม “รบยังอยู่ที่ออฟฟิศรึเปล่าคะ?” แสงดาวอึกอัก “คือ ตอนนี้ยังไม่อยู่ค่ะ” “ยังไม่อยู่? หมายความว่าเขาจะกลับมาออฟฟิศอีกเหรอคะ” “เอ่อ ดาวไม่แน่ใจเหมือนกันค่ะ” สู่ขวัญถามอีก “ยังไงคะ คือรบออกไปข้างนอก ติดประชุมหรือว่าอะไร” “เปล่าค่ะ ไม่ได้ออกไปข้างนอก” “ไม่ได้ไปข้างนอกก็แสดงว่ายังอยู่ในโรงแรม”
“ค่ะ ยังอยู่ แต่ว่าไม่ได้อยู่ที่ห้องทำงาน” แสงดาวตอบวนไปวนมา สู่ขวัญเริ่มหงุดหงิด “คุณดาวรู้ใช่ไหมคะว่ารบอยู่ที่ไหน” แสงดาวเสียงสั่น “ดาวไม่ทราบค่ะ” สู่ขวัญพูดขึ้นเสียงเข้ม “ตกลงจะทราบหรือไม่ทราบกันแน่ ฉันบอกแล้วใช่ไหมว่ามีอะไรให้คุณดาวรายงานกับฉัน ไม่ต้องบอกรบ พูดให้มันรู้เรื่องได้รึยังคุณดาว”
แสงดาวทนไม่ไหว ร้องไห้ออกมา สู่ขวัญอึ้ง แสงดาวสะอื้น “ดาว ดาวไม่รู้จริงๆ ค่ะ ฮือ” สู่ขวัญยิ่งสงสัย แต่ก็ไม่อยากถามแสงดาวต่อ สู่ขวัญเริ่มเครียดกับเรื่องของศึกรบ เธอจึงเล่าเรื่องให้มีนาฟัง มีนาจึงช่วยคิดหาวิธีจับผิดศึกรบให้คาหนังคาเขา สู่ขวัญจึงโทรศัพท์ไปหาแสงดาวอีกครั้ง แสงดาวตัดสินใจเล่าความจริงให้สู่ขวัญฟัง
ขณะที่ชโยดมก็ถูกส่งตัวให้มาอบรมที่กรุงเทพเขาจึงโทรศัพท์ไปบอกสู่ขวัญ สองพี่น้องต่างดีใจที่จะได้อยู่ใกล้กันพร้อมหน้า ชโยดมแวะไปทานกาแฟที่ร้านกาแฟแห่งหนึ่ง เขาได้พบกับปองฤทัย หญิงสาวเจ้าของร้านดอกไม้ซึ่งภายในร้านเปิดมุมกาแฟเล็กๆ พร้อมกับตู้ขนมเค้กไว้บริการ เผอิญว่าวันนั้นประนอมแม่ของปองฤทัยเกิดเป็นลมขึ้นมากะทันหัน ป้อมน้องชายของปองฤทัยรีบวิ่งมาบอกพี่สาวที่อยู่หน้าร้าน ชโยดมที่นั่งทานกาแฟอยู่ได้ยินเข้า จึงรีบตามเข้าไปช่วยเหลือประนอม
ที่ห้องพักโรงพยาบาล ประนอมลืมตาขึ้น มองไปรอบๆ อย่างงงๆ แล้วก็ยิ้มเซียวๆ ออกมา ปองฤทัยกับป้อมเข้ามาดูอย่างดีใจ สักพักชโยดมก็เดินเข้ามา “เป็นไงบ้างครับคุณน้า ยังรู้สึกมึนหัวอะไรอยู่ไหม”
ประนอมส่ายหัว นิ่วหน้าทบทวนความจำ “ฉันเป็นอะไรไป” ปองฤทัยบอก “แม่จ้ะ แม่เป็นลมที่ร้าน โชคดีมากเลยที่คุณหมอไปที่ร้านพอดี เขาเลยช่วยไว้” ป้อมเสริม “แถมหมอยังรักษาพวกหูคอจมูกรักษาโรคหอบแม่ได้พอดีเลย” ประนอมยกมือไหว้ชโยดม “ขอบคุณมากนะคะคุณหมอ ขอบคุณมาก” ชโยดมตกใจ รีบโบกมือห้าม ปองฤทัยมองยิ้มๆ

ตอนที่ 4 วันจันทร์ ที่ 28 เมษายน 2557
ที่ห้องตรวจคนไข้ในโรงพยาบาล ปองฤทัยเข้ามาคุยกับหมอชโยดมในห้องตรวจ ชโยดมดูแฟ้มคนไข้ไปพูดไป “มันเป็นอาการของโรคหอบหืดนะครับ” ปองฤทัยพยักหน้ารับ “ค่ะ โรคประจำตัวของแม่ แต่แม่ไม่ค่อยจะยอมกินยา” หมอชโยดมว่า “ครับ เดี๋ยวผมจะสั่งยาให้ เป็นยากินกับยาพ่น ยาพ่นนี่ให้พกติดบ้านติดตัวไว้ตลอด เผื่อมีอาการกำเริบทันที แล้วก็ให้คนไข้พักผ่อนมากๆ อย่าทำงานหนัก อาการจะได้ไม่กำเริบอีกนะครับ” ปองฤทัยยกมือไหว้ “ปองต้องขอบคุณคุณหมอมากนะคะ ถ้าไม่ได้คุณหมอ ปองก็ทำอะไรไม่ถูกเลย” “ไม่เป็นไรครับ เอ้อ นี่” ชโยดมหยิบนามบัตรตัวเองยื่นให้ “นามบัตรผม ถ้ามีอะไรฉุกเฉินตามผมได้เลยเบอร์นี้เปิด 24 ชั่วโมง” ปองฤทัยยกมือไหว้อีกครั้ง “ขอบคุณอีกครั้งค่ะ ขอบคุณจริงๆ” ปองฤทัยรับนามบัตร มองหน้าชโยดมอย่างซาบซึ้ง
วันใหม่ ที่ร้านดอกไม้ปองฤทัย ปองฤทัยนั่งดูนามบัตรของชโยดมแล้วนั่งยิ้มน้อยยิ้มใหญ่อยู่คนเดียว ป้อมเห็นพี่สาวยิ้มก็เดินเข้ามาแซว “พี่ปองว่าไหม ถ้าเรามีแฟนเป็นหมอก็ไม่เลวนา” ปองฤทัยงง “ยังไง”ป้อมว่า “ก็เจ็บไข้รักษาฟรี แม่ป่วยดูแลให้ แถมรักษาได้หมด ทั้งไข้กาย ทั้งไข้ใจ อย่างหมอโยนี่เข้าสเปคเลย จริงไหมครับผม” ปองฤทัยถอนใจ “แต่พี่คงไม่ใช่สเปคเขาหรอก หมอเขาก็มองหมอด้วยกัน หรือพยาบาล คนไข้สวยๆ รวยๆ ก็มีเยอะแยะ” ป้อมยิ้ม “มันก็ไม่แน่นา ป้อมเห็นสายตาที่เขามองพี่ปองแล้ว สยิวกิ้ว” ปองฤทัยแอบค้อน “ว่าไปนั่น พี่ไม่เห็นเขามองอะไรพี่เลย อย่ามายุอะไรไม่เข้าเรื่อง” ป้อมไม่หยุด พูดต่อ “ป้อมเป็นผู้ชายด้วยกันดูออกน่า โห ถ้าแม่ได้ลูกเขยเป็นหมอนะ ต้องดีใจแน่ๆ” ปองฤทัยโบกมือไล่ “ฝันหวานเพ้อเจ้อไปใหญ่แล้ว ไม่มีทางหรอกไปดูแม่เถอะไป๊” ป้อมทำท่าจะเดินไป แต่เปลี่ยนใจหันหลังกลับมา “เดี๋ยวป้อมเป็นพ่อสื่อให้เอาไหมล่ะ จะโทรไปเดี๋ยวนี้เลย” ป้อมแกล้งแย่งนามบัตรไป ปองฤทัยวิ่งไล่ตามป้อมทั่วร้าน
ด้านสู่ขวัญก็แอบตามศึกรบไปถึงโรงแรม และแอบตามไปที่ห้องสวีทวีไอพี โดยมีนาคอยช่วยเหลือ แล้วสู่ขวัญก็ได้พบระรินอยู่ในห้องสวีทจริงๆ สู่ขวัญกับมีนาช่วยกันจัดการระริน ขณะที่ศึกรบได้ยินเสียงสู่ขวัญก็ตกใจ แอบซ่อนตัวอยู่ในห้องน้ำ ไม่ยอมออกมาช่วยระริน ศึกรบลนลาน ก่อนจะคิดได้รีบโทรศัพท์โทรหาสาธรให้มาช่วยเขาโดยเร็ว
ที่ห้องสวีทวีไอพี ภายในโรงแรม ศึกรบตัดสินใจปรากฏตัวขึ้น และพยายามห้ามไม่ให้สู่ขวัญทำร้ายระริน โดยอธิบายว่าระรินกำลังจะมาเป็นพรีเซ็นเตอร์ให้กับทางโรงแรมของเรา สู่ขวัญไม่เชื่อ สักพักสาธรก็โผล่เข้ามาช่วยยืนยันอีกแรง สู่ขวัญจึงขอดูสัญญาว่าจ้าง ขณะที่สาธรกำลังอึกอักอยู่ ไม่คิดว่าสู่ขวัญจะมาไม้นี้ สาธรหันไปมองหน้าศึกรบว่าเอาไงดี ทันใดนั้น ระรินก็โพล่งขึ้นมา แกล้งทำหน้าเศร้า ศึกรบได้จังหวะเข้าไปดึงตัวสู่ขวัญไว้ ระรินสะอื้น “รินขอโทษที่ทำคนอื่นวุ่นวาย เรื่องการว่าจ้างถ้าจ้างรินแล้วทุกคนไม่มีความสุข รินคงต้องขอปฏิเสธค่ะ รินจะเช็คเอาท์ออกจากโรงแรมวันนี้เลย ขอโทษทุกคนด้วยจริงๆ นะคะ” ระรินเดินเข้าไปทำท่าจะเก็บของในห้อง สู่ขวัญมองตามลังเล
ภายในห้องสวีทวีไอพี ระรินเดินเข้ามาในห้อง แล้วตรงไปเก็บเสื้อผ้าใส่กระเป๋าอย่างหงุดหงิด นั่งเก็บไปได้สักพัก ก็ได้ยินเสียงเหมือนคนเดินเข้ามา ระรินคิดว่าเป็นศึกรบก็รีบแกล้งทำเป็นร้องไห้ “คุณรบไม่ต้องห้ามรินหรอกค่ะ รินบอกแล้วว่ารินต้องไป ทุกคนวุ่นวายไปหมดเพราะรินคนเดียวฮือ” สาธรเอ่ยขึ้น “ครับ ผมเข้าใจ แต่ผมไม่ใช่คุณรบน่ะสิ” ระรินหันไปเจอสาธร ก็ผิดหวังนิดหน่อย แต่แกล้งปาดน้ำตาต่อ “ก็ได้ค่ะ คุณสาธร ขอบคุณนะคะที่เข้าใจ” สาธรว่า “คุณรินไม่ต้องเก็บของหรอกครับ ตอนนี้คุณก็ยังไม่มีที่ไป ออกไปตอนนี้แล้วจะไปอยู่ที่ไหน” ระรินบอก “ไม่รู้ค่ะ แต่รินก็มีศักดิ์ศรีของริน รินจะไป” ระรินเก็บของต่อไม่ฟังสาธร สาธรเองหมดปัญญาห้าม
ศึกรบมองตามสาธรที่เข้าไปคุยกับระรินในห้อง สู่ขวัญเห็นก็หงุดหงิด “อยากตามไปง้อแม่ดารานั่นให้อยู่ต่อรึไง” ศึกรบรีบบอก “ขวัญ นี่คุณยังไม่เข้าใจอีกเหรอ ผมบอกว่าเหตุผลที่เขาอยู่ที่นี่เป็นเรื่องงาน งานเท่านั้นจริงๆ” สู่ขวัญพูดขึ้นน้ำเสียงไม่พอใจ “แค่เป็นพรีเซ็นเตอร์ของโรงแรม ถึงกับต้องเปิดห้องสวีทให้นอนเลยเหรอ ไม่จำเป็นขนาดนั้นมั้ง” ศึกรบถอนหายใจ “คุณจะคิดยังไงผมไม่รู้ แต่เขามีผลต่องานยังไงผมก็ต้องให้เขาอยู่” สู่ขวัญสวนกลับ “บ้านช่องเขามี ก็ให้เขาอยู่บ้านเถอะค่ะรบ ไว้มาทำงานค่อยมาก็ไม่เสียหายนี่”ศึกรบอึ้งเถียงสู่ขวัญไม่ออก ได้แต่มองเข้าไปในห้องห้องสวีทวีไอพี ระรินถือกระเป๋าเดินออกมา แกล้งทำหน้าเศร้าเดินมาทางศึกรบ สาธรช่วยถือกระเป๋าที่เหลือเดินตามระรินออกมา “รินต้องไปแล้วค่ะ ขอบคุณนะคะ” ระรินยกมือไหว้ สู่ขวัญเมินไปอีกทาง ศึกรบอ้ำอึ้ง อยากห้ามก็ห้ามไม่ได้ ระรินจำใจเดินออกไปจากห้องพร้อมกับสาธร ศึกรบมองตามอย่างอาลัยอาวรณ์ สู่ขวัญหันไปพูดกับศึกรบ “หมดธุระแล้ว กลับบ้านกันเถอะค่ะ” ศึกรบยังคงยืนนิ่ง สู่ขวัญเลยเดินเข้ามาลากตัวศึกรบให้เดินกลับออกมาด้วยกัน ศึกรบจำใจต้องเดินตามออกไป
ที่ทางเดินในโรงแรม ระรินเดินก้าวฉับๆ จนสาธรตามแทบไม่ทัน ต้องเรียกไว้ “คุณรินครับ จะรีบไปไหนล่ะคร้าบ ผมตามไม่ทันแล้ว” ระรินไม่ยอมหยุดเดิน พูดขึ้นน้ำเสียงไม่พอใจ “ก็เจ้าของที่เขาไม่อยากให้อยู่นี่คะ ตบไล่ที่ซะขนาดนี้” สาธรพยายามขอร้อง “โธ่ หยุดก่อนเถอะครับ คุยกันก่อนก็ได้” ระรินหยุดเดินกะทันหัน จนสาธรหยุดตามแทบไม่ทัน “มีอะไรต้องคุยกันอีกคะ” สาธรว่า “อีกพักคุณขวัญเขาก็กลับแล้ว คุณรอซะหน่อย พอเขาไปเดี๋ยวก็ขนของกลับเข้าไปพักต่อก็ได้ ไม่เห็นยากเลย ไอ้รบมันคงไม่อยากให้คุณไปหรอก” ระรินค้อน “แต่เขาก็ไม่เห็นห้าม หรือว่าช่วยอะไรรินเลย” สาธรบอกอย่างเห็นใจเพื่อน “มันก็อยากช่วยครับ เชื่อผม แต่เมียยืนคุมซะขนาดนั้น ขยับตัวยังลำบากเลย” “ขอบคุณที่พยายามช่วยรินนะคะ แต่รินไม่อยากโดนเมียเขามาหาเรื่องอีกแล้วล่ะค่ะ แค่นี้รู้ถึงไหนก็อายไปถึงนั่น” ระรินเดินต่อ สาธรยอมแพ้เดินตามไปส่งโดยดี
ระรินตัดสินใจไปขอแจ๊สอาศัยอยู่ด้วยชั่วคราว ขณะที่สู่ขวัญก็ไล่ศึกรบให้ไปนอนที่อื่นไม่ให้เข้าห้อง ศึกรบจึงต้องระเห็จกลับไปบ้านพ่อแม่ซึ่งอยู่ภายในรั้วบ้านเดียวกัน
วันใหม่ ศึกรบไปหาสู่ขวัญที่บ้านแต่เช้า แต่สู่ขวัญก็ยังไม่ยอมพบหน้าศึกรบ ศึกรบมองตามเข้าไปในห้องนอนสู่ขวัญด้วยสีหน้าเซ็งๆ
สู่ขวัญนัดพบชโยดมที่ร้านอาหาร แล้วระบายความในใจให้น้องชายฟัง “ตอนนี้พี่คิดว่าเขากำลังนอกใจพี่” ชโยดมว่า “ผมบอกพี่ขวัญแล้วว่าเขาไม่ธรรมดา พี่ก็บอกอยู่นั่นว่าจัดการได้” สู่ขวัญบอก “ก็เพราะจัดการได้น่ะสิ ถึงรู้ทันเขาไปหมดแบบนี้” “แสดงว่าพี่ขวัญทำอะไรสักอย่างถึงรู้?” สู่ขวัญพยักหน้า “ใช่ คือเรื่องมันเป็นแบบนี้” สู่ขวัญเล่าเรื่องราวทั้งหมดให้น้องชายฟัง
หลายวันก่อน ที่ร้าน La Belle สู่ขวัญกำลังจัดเสื้อผ้าลงหุ่นอยู่ในร้าน เสียงมือถือดังขึ้น สู่ขวัญวิ่งไปรับ “คุณขวัญ ดาวเองค่ะ คือ คือว่า” แสงดาวทำเสียงอ้ำอึ้ง จนสู่ขวัญเริ่มสงสัย “ศึกรบเหรอ” แสงดาวบอก “ค่ะ ดาวคิดไปคิดมาหลายทีแล้ว ไม่รู้จะบอกคุณขวัญดีรึเปล่า” สู่ขวัญว่า “บอกมาเถอะค่ะ โทรมาซะขนาดนี้แล้วฉันรับได้ พูดมาเลย” แสงดาวลังเล “ดาวเห็นคุณรบกับเอ่อ” สู่ขวัญเริ่มร้อนใจ “ใครคะ รบกับใคร” แสดงดาวตัดสินใจบอก “คุณ คุณระรินที่เป็นดาราดังน่ะค่ะ” สู่ขวัญอึ้งไปนิด ก่อนได้สติถามต่อ “ระริน? ยัยนั่นไปไหนกับรบ” แสงดาวว่า “เอ่อ ที่โรงแรมเราค่ะ ดาวเห็นทั้งคู่ไปห้องสวีทด้วยกัน วันก่อนคุณรบให้ดาวเปิดห้องสวีทให้แขกวีไอพี แต่พอดาวตามไป ดาวก็เจอคุณระริน” สู่ขวัญตกใจ “จริงเหรอ? แขกวีไอพีที่เขาพูดถึงคือยัยระรินดาวยั่วนั่นน่ะเหรอ” แสงดาวว่า “ใช่ค่ะ แต่คุณขวัญอย่าบอกคุณรบนะคะว่าดาวบอก แล้วดาวก็ไม่อยากให้คุณขวัญคิดมากด้วย” สู่ขวัญรับปาก “ได้ ฉันยอมแค่ข้อแรก ว่าจะไม่บอกรบว่ารู้มาจากเธอ แต่เรื่องไม่คิดมาก ไม่มีทาง” สู่ขวัญเริ่มร้อนรนมากขึ้นเรื่อยๆ อยากรู้ความจริงเรื่องแสงดาวพูดต่อ “ดาว ดาวไม่ทราบจริงๆ ค่ะ คุณขวัญใจเย็นก่อนนะคะ อาจจะเป็นเรื่องงานก็ได้” สู่ขวัญตัดบท “เอาเป็นว่าเรื่องนี้ฉันจะจัดการเอง ขอบใจเธอมาก” สู่ขวัญวางสายไป หน้าเครียด
สู่ขวัญเอาเรื่องที่แสงดาวโทรมาบอกตนเองว่าศึกรบพาระรินไปอยู่ที่ห้องวีไอพีของโรงแรมมาเล่าให้มีนาฟัง มีนาพอฟังจบก็มีสีหน้าตกใจมาก “โห คุณรบเขาถึงกับเปิดห้องให้ยัยระรื่นนั่นมานอนเลยเหรอ นั่นมันห้องสวีทเชียวนะคะ” สู่ขวัญบอกน้ำเสียงนิ่งๆ “ฉันแค่ได้ยินมา ไม่รู้จริงแค่ไหน มีนา ฉันควรจะทำไงดี” สู่ขวัญอึ้งๆ ทำอะไรไม่ถูก เลยถามขึ้น มีนานิ่งคิด ก่อนจะบอกเพื่อน “งั้นเราก็ต้องหาทางพิสูจน์ เราจะต้องจับคุณรบให้ได้คาหนังคาเขานะคะ ก่อนอื่นเราต้องแกล้งทำให้คุณรบเธอตายใจว่าเธอไม่รู้เรื่องหรือระแคะระคายอะไรเลย แล้วเราก็จะอาศัยจังหวะตอนที่คุณรบคิดว่าเราเผลอไปจัดการกับนังนั่น” สู่ขวัญฟังแล้วคิดตามสิ่งกับที่มีนากำลังพูด ก่อนจะพยักหน้ารับให้มีนา แต่ในใจลึกๆยังแอบกังวลอยู่ มีนามองตาสู่ขวัญท่าทางมั่นใจมากกับแผนของตนเอง

ตอนที่ 5 วันอังคาร ที่ 29 เมษายน 2557
ที่หน้าร้านอาหารหรูแห่งหนึ่ง สู่ขวัญเดินแยกจากศึกรบที่ด้านหน้าร้านอาหาร ศึกรบขับรถออกไป สู่ขวัญแอบซุ่มดูอยู่ สักพักมีนาก็ขับรถเข้ามาหาสู่ขวัญ สู่ขวัญรีบขึ้นรถมีนาตามศึกรบไปทันที
ที่หน้าห้องพักระริน ศึกรบเดินยิ้มอารมณ์ดีเข้ามา มีนากับสู่ขวัญแอบตามไปยืนซุ่มดูอยู่ห่างๆ ศึกรบเอาคีย์การ์ดเปิดประตูเข้าไป มีนาหันมาคุยกับสู่ขวัญ “ห้องสวีทจริงๆ ด้วย เหมือนที่ยัยเลขานั่นพูดเลย” สู่ขวัญหน้าเครียด “จะใช่ยัยระรินจริงเหรอ ถ้าเป็นห้องแขกขึ้นมา แล้วเราจะทำยังไง” มีนาส่ายหน้า “ไม่รู้สิแก ก็ต้องรอดูไปก่อน” สู่ขวัญชักลังเล “ฉันว่าเราแสดงตัวเข้าไปถามรบเลยดีกว่า ว่าเขามาหาใคร จะได้จบๆ ไป ฉันอยากรู้จะแย่แล้วมีนา” สู่ขวัญทำท่าจะเดินออกไป มีนารีบดึงมือไว้ “ไม่ได้นะขวัญ แกอย่าพึ่งใจร้อนสิ” สู่ขวัญบอก “แต่เราก็เห็นแล้วนี่ว่าเขาเข้าไปในห้องนั้น คุณรบต้องมาหาใครแน่ๆ แต่ใครที่ว่านั่นอาจจะไม่ได้อยู่ในห้องก็ได้ เธออดทนรออีกหน่อยเถอะ ถ้าเธอเข้าไปตอนที่เขาไม่อยู่กับใคร เขาก็สับขาหลอกเธอได้อีกน่ะสิ ของแบบนี้มันต้องเห็นคาตา ถึงจะไปไหนไม่รอด” สู่ขวัญนิ่งคิดก่อนจะพยักหน้ายอมรอต่อ สักพักมีนาก็เห็นบางอย่าง “นั่นไง หลักฐานชิ้นใหญ่มาแล้ว เป็นแบบที่เราคิดไว้ไม่มีผิด” มีนาชี้ให้สู่ขวัญดู ระรินกำลังเดินตรงมายังห้องพักที่ศึกรบเข้าไป สู่ขวัญอึ้งที่เห็นระรินมาจริงๆ “มีนา นั่นยัยระริน!จริงๆ ด้วย ฉันทนไม่ไหวแล้วนะ” สู่ขวัญจะพุ่งออกไปอีก มีนาก็รั้งไว้อีก “ไม่นะยัยขวัญ ฉันบอกแล้วไงให้เธอใจเย็นๆ” สู่ขวัญโวย “เธอจะให้ฉันเย็นอะไรอีก เห็นแล้วไม่ใช่เหรอว่านังนั่นมันเข้าไปหารบในห้อง” มีนาว่า “ก็ฉันบอกว่าไม่ไง เราจะวู่วามทำอะไรไม่ได้ เราต้องจับให้ได้แบบคาตา ฉันมีวิธี เธอต้องฟังฉัน เข้าใจไหม” สู่ขวัญมองไปที่ประตูห้อง โกรธมาก กำมือแน่น
ที่ร้านอาหาร สู่ขวัญเล่าให้ชโยดมฟังต่อ “พี่เกือบจะรอไม่ไหวอยู่แล้ว แต่สักพักมีคนมาส่งอาหารที่หน้าห้อง เลยรีบตามเข้าไป กลัวจะพลาดอีก พี่ไม่อยากรอแล้ว ในที่สุด” ชโยดมพูดขึ้น “พี่ก็เลยเห็นว่าเขาอยู่กับดาราชื่อระริน?” สู่ขวัญพยักหน้า “ใช่ พี่เห็นกับตาเลยนะโย” ชโยดมพูดขึ้น “งั้นก็เป็นไปได้ว่าผู้หญิงคนนี้น่าจะเป็นคนเดียวกับที่ผมเห็นที่ร้านอาหารวันนั้น ทรงผมกับการแต่งตัวใกล้เคียงกันมาก” สู่ขวัญนึกได้ “จริงสิที่รบบอกว่าเป็นลูกค้าใช่ไหม รอบนี้ก็เหมือนกันเขาก็แก้ตัวว่าเป็นเรื่องงาน” ชโยดมว่า “งานเหรอ อืม ผมก็ไม่รู้เหมือนกันนะพี่ขวัญ แต่ในเมื่อเขาไม่ยอมรับ เราจะทำอะไรได้ ถ้าไม่จับให้ได้แบบคาหนังคาเขาจริงๆ เขาก็คงอ้างเรื่องงานไปเรื่อย” สู่ขวัญถอนหายใจ “เพราะฉะนั้น พี่ก็เลยต้องจับให้ได้ไงโย ถ้าพี่ได้หลักฐานชัดเจนจนยัยนั่นดิ้นไม่หลุดเมื่อไหร่ นังเซ็กซี่สตาร์ จะต้องโดนประจานจนเซ็กส์เสื่อมดับสนิทในวงการแน่ๆ คอยดู!” สู่ขวัญบอกน้องชายสีหน้าเอาเรื่อง ทั้งโกรธทั้งแค้น จนชโยดมรู้สึกเป็นห่วง
ตอนบ่าย ระรินย้ายกลับเข้าไปอยู่ที่คอนโดตามเดิม แล้วก็โทรศัพท์ไปอ้อนให้ศึกรบมาหาเธอที่คอนโด ศึกรบฟังแล้วก็ใจอ่อนตามไปหา แต่ยังไม่ทันจะได้มีอะไรกัน ศึกรบก็ต้องรีบกลับเสียก่อน เพราะยังต้องกลับไปง้อสู่ขวัญ ระหว่างทางศึกรบแวะร้านดอกไม้ของปองฤทัย เพื่อซื้อไปให้สู่ขวัญเพื่อเป็นการขอโทษ ปองฤทัยได้พบศึกรบก็จำได้ทันทีว่า ศึกรบคือหนุ่มในฝันของเธอ ปองฤทัยตื่นเต้นมากจนมือไม้สั่นไปหมด ศึกรบเองก็พอจะสังเกตเห็นอาการของปองฤทัยก็อดยิ้มขำไม่ได้ในความน่ารักของปองฤทัย
ที่ร้านดอกไม้ปองฤทัย ปองฤทัยจัดดอกไม้เสร็จก็ยื่นให้ตรงหน้าศึกรบแล้วก้มบอกศึกรบ “ดอกไม้น่ารักๆ เสร็จแล้วค่ะ” ศึกรบมองหน้าปองฤทัยที่ยิ้มร่าเริงอยู่ตรงหน้าใกล้กับช่อดอกไม้ที่ยื่นมา ศึกรบจ้องตาปองฤทัย “ครับ น่ารักมาก” ศึกรบจับจ้องมองอยู่ที่ปองฤทัย จนปองฤทัยเขินรีบถอยตัวออกมา “ปองขอให้คุณง้อภรรยาได้สำเร็จนะคะ ปองเอาใจช่วยค่ะ” ศึกรบกล่าวขอบคุณ มองดอกไม้ในมือแล้วชมปองฤทัย“คุณจัดดอกไม้เก่งนะครับ เปิดร้านมานานแล้วเหรอครับ” ปองฤทัยตอบอายๆ “ปองเพิ่งเปิดได้เดือนเดียวเองค่ะ” ศึกรบยิ้ม “น่ารักดีนะครับ” ปองฤทัยอึ้งๆ เมื่อเงยหน้ามาเจอศึกรบ ศึกรบชูช่อดอกไม้ในมือ “ผมขอนามบัตรร้านไว้หน่อยนะครับ ผมคงต้องใช้บริการร้านคุณปองตลอดไปซะแล้ว” ปองรีบหันไปหยิบนามบัตรร้านส่งให้กับศึกรบด้วยความเคอะเขิน ก่อนจะก้มหน้าก้มตาไม่กล้าจ้องตาศึกรบ ศึกรบมองปองฤทัยยิ้มๆ แล้วรับนามบัตรมา “ขอบคุณสำหรับช่อดอกไม้น่ารักๆ นี่นะครับ” ศึกรบเดินยิ้มๆออกไป ปองฤทัยแอบมองตามแล้วยิ้มชื่นชมอยู่คนเดียว ป้อมเดินออกมาจากเคาน์เตอร์มองดูเห็นพี่สาวมองส่งศึกรบจนลับตาจึงเข้ามาสะกิด ปองฤทัยหันมาตีป้อม สองพี่น้องแหย่กันแล้วช่วยกันเก็บของแล้วปิดไฟป้ายร้านลง
คืนนั้นเอง ศึกรบพยายามง้อสู่ขวัญ แต่สู่ขวัญก็ใจแข็ง ยังไม่ยอมให้ศึกรบเข้าห้อง ศึกรบจึงตัดสินใจไปขอความช่วยเหลือจากมีนา
เช้าวันใหม่ ที่ร้าน La Belle สู่ขวัญเดินเข้ามาที่ร้าน ปรากฏว่าร้านยังไม่เปิด สู่ขวัญแปลกใจมาก“อะไรกันยังไม่เปิดร้านอีกเหรอเนี่ย สายจนป่านนี้แล้ว ยัยมีนา มันน่าหักเงินหุ้นส่วนออกให้หมดเลย” สู่ขวัญหยิบโทรศัพท์กดโทรหามีนา แต่ไม่มีคนรับ “โทรศัพท์ก็ไม่รับ อะไรกันเนี่ย” สู่ขวัญเดินกลับไปที่รถควานหากุญแจร้าน

สู่ขวัญเดินกลับเข้ามาพร้อมกุญแจร้านตรงเข้าไขประตู “คอยดูนะยัยมีนา ฉันจะหักเงินให้เกลี้ยงเลย” สู่ขวัญไขประตูออกเปิดเข้าไป จู่ๆ ไฟภายในร้านก็สว่างพรึบขึ้นมา สู่ขวัญตกใจเมื่อมองไปรอบๆตัวก็เห็นดอกกุหลาบขาวและดอกไม้หลากหลายเต็มพรึบทั่วห้องไปหมด สู่ขวัญยืนตะลึง สักพักศึกรบก็เดินเข้ามาหาสู่ขวัญ สู่ขวัญมองด้วยความประหลาดใจกับการเซอร์ไพรส์ครั้งนี้ ศึกรบถือช่อดอกไม้เล็กๆ เป็นพุ่มน่ารักๆเข้ามาคุกเข่าง้อขอคืนดี ยื่นดอกไม้ให้สู่ขวัญ “ยกโทษให้ผมนะครับขวัญ” สู่ขวัญไม่ตอบหันหน้าไปทางอื่น มีนาโผล่เข้ามายิ้มทะเล้นๆ ให้สู่ขวัญหายงอน สู่ขวัญทำตาโตใส่ ศึกรบว่า “ไปทานข้าวกับผมนะครับที่รัก” สู่ขวัญนิ่งไม่ตอบ มีนาเห็นแล้วรำคาญแทน “ตอบคุณสามีหน่อยสิขวัญ เขาอุตส่าห์ลงทุนง้อเธอขนาดนี้แล้วจะใจแข็งไปถึงไหนกัน” ศึกรบอ้อน “นะครับขวัญ ทานข้าวกันนะครับ ผมอยากอยู่กับคุณสองคน” สู่ขวัญใจอ่อนยอมพูดด้วย “แต่ฉันต้องดูร้าน” มีนาขัดขึ้น “โอย ไปเถอะค่ะคุณ ฉันไม่หอบร้านหนีไปไหนหรอกจ้า เดี๋ยวฉันดูแลเอง ไปหาอะไรอร่อยๆ บรรยากาศดีๆ อยู่ด้วยกันเถอะจ้า ไม่ต้องห่วงทางนี้ปล่อยเป็นหน้าที่ฉันเอง” สู่ขวัญลังเล “แต่ว่า” มีนาตัดบท “ไม่ต้องตงต้องแต่อะไรทั้งนั้น คุณศึกรบคะพายัยขวัญไปได้แล้วค่ะ เซอร์ไพรส์พอแล้ว เชิญค่ะ เชิญนะเพื่อน” มีนาดันสู่ขวัญกับศึกรบให้ออกไปด้วยกัน “ฝากเลี้ยงดูด้วยนะคะคุณรบ” ศึกรบยิ้มให้มีนา มีนาดันเพื่อนจนพ้นประตูแอบถอนใจโล่งอกแล้วนึกขึ้นได้ รีบไปที่โต๊ะดึงเอาถุงกระดาษที่ใส่กระเป๋าหลุยส์ออกมาดูตาวาว “ว้าวววว รุ่นลิมิเต็ดของเรา เย้ๆๆ” มีนาจูบกระเป๋าที่ศึกรบให้ด้วยความดีใจ
ศึกรบขับรถเลียบชายหาดที่สวยงาม แล้วมาจอดที่ริมหน้าผามองเห็นทะเลสวยงาม สู่ขวัญลงจากรถมองดูเบื้องหน้าสูดลมหายใจเข้าเต็มที่ดูรีแลกซ์ ศึกรบเดินเข้ามาใกล้มองดูสู่ขวัญแล้วยิ้มๆ “เห็นคุณยิ้มได้ค่อยโล่งใจหน่อย” สู่ขวัญยังฟอร์มงอนนิดๆ “ขวัญยิ้ม ไม่ได้แปลว่าขวัญยกโทษให้คุณนะคะ” ศึกรบว่า “โธ่ขวัญ ยังไม่หายโกรธผมอีกเหรอครับ คุณจะให้ผมทำอะไรผมยอมทุกอย่างเลย ยกโทษให้ผมเถอะนะ” สู่ขวัญจ้องหน้าศึกรบ “คุณทำได้ทุกอย่างจริงเหรอคะ งั้นทำให้ขวัญกลับมาไว้ใจคุณเหมือนเดิม คุณทำให้ขวัญได้ไหมคะ” ศึกรบอึ้ง สู่ขวัญหันหน้ามองออกไปทะเล ศึกรบพยายามอธิบายขวัญ “ผมกำลังทำอยู่นี่ไงครับ” สู่ขวัญพูดขึ้นลอย “กำลังทำผิดต่อขวัญงั้นเหรอคะ” ศึกรบหน้าเจื่อน “ขวัญครับ ขวัญต้องเข้าใจผมบ้างนะครับ บางครั้งการทำงานของผมก็ต้องพึ่งคนอื่นมากมายไม่ใช่แค่ผู้หญิงเท่านั้น และทุกอย่างที่ทำ ผมก็ทำเพื่อความเจริญก้าวหน้าของโรงแรมเรา” สู่ขวัญบอก “คุณพ่อคุณแม่ขวัญท่านทำกิจการโรงแรมนี่มาทั้งชีวิต ขวัญไม่เห็นว่าท่านสองคนจะมีปัญหาเหมือนเราเลย วิธีการทำให้กิจการก้าวหน้ามีตั้งเยอะแยะ ทำไมคุณไม่ทำคะ” ศึกรบทำขึงขังซีเรียส “ผมก็มีวิธีทำงานของผมซึ่งโอเค มันอาจจะต่างจากคุณพ่อคุณแม่ของคุณทำมา เพราะเราคนละรุ่นกันก็ย่อมมีการเปลี่ยนแปลงบ้าง แต่ผมก็พากิจการโรงแรมของเราเข้าสู่อันดับท็อปไฟว์ของประเทศได้อย่างไม่อายใครไม่ใช่เหรอครับ” ศึกรบเดินมาตรงหน้าสู่ขวัญแล้วจับมือขวัญ “ผมอยากพิสูจน์ตัวเองให้ทุกคนเห็นว่าผมทำทุกอย่างได้เองโดยไม่ต้องอาศัยบารมีของใคร ผมอยากให้คุณได้ภูมิใจในตัวสามีของคุณบ้างก็เท่านั้นเอง ผมรู้สึกแย่มากที่ทำให้คุณเข้าใจผมผิดได้ขนาดนี้” ศึกรบพูดจบก็ปล่อยมือสู่ขวัญหันมองทะเล แล้วตีหน้าเศร้าแสร้งทำเสียใจเหลือเกิน สู่ขวัญอึ้งๆ กับสิ่งที่ศึกรบพูดมา สู่ขวัญแอบมองศึกรบเพราะรู้สึกว่าตัวเองพูดจาทำให้ศึกรบเสียใจน้อยใจ “ขวัญเสียใจที่ทำให้คุณรู้สึกแย่แบบนี้ แต่สิ่งที่ขวัญเห็น เป็นผู้หญิงคนไหนก็ต้องโกรธเหมือนขวัญทุกคน” ศึกรบแกล้งทำท่าน้อยใจ “แต่ผมก็อธิบายคุณแต่คุณก็ไม่เชื่อคำอธิบายของผม” สู่ขวัญรีบแก้ตัว “ไม่ใช่ไม่เชื่อนะคะ ขวัญแค่ยังไม่แน่ใจเท่านั้นเอง” ศึกรบสวนขึ้น “ไม่แน่ใจว่าผมพูดจริงหรือเปล่าใช่ไหมครับ” สู่ขวัญอึ้ง นิ่งๆ ไป ศึกรบหน้าซีเรียสจริงจังหันพูดกับขวัญ “ขวัญครับ ผมสัญญาว่าจะไม่ยุ่งเกี่ยวกับระรินอีกถ้าขวัญไม่สบายใจ แต่ถ้าคุณยังไม่ไว้ใจผม ผมจะเดินออกไปจากชีวิตคุณเอง” ศึกรบพูดด้วยน้ำเสียงเศร้า สู่ขวัญเริ่มรู้สึกผิด ที่ทำให้ศึกรบเศร้าขนาดนี้ “ขวัญจะเชื่อคุณอีกสักครั้งนะคะ” ศึกรบดีใจที่ขวัญยอมเชื่อใจ ศึกรบดึงสู่ขวัญเข้ามากอด “ขอบคุณมากนะครับขวัญ ขอบคุณมาก” ศึกรบกอดสู่ขวัญแน่น สู่ขวัญเองก็กอดตอบศึกรบ สองคนกอดกันเข้าใจ สู่ขวัญผละออกจากศึกรบ “ไหนคุณบอกว่าจะพาขวัญมาทานอาหารไม่ใช่เหรอคะ แล้วทำไมไม่พาไปสักทีล่ะคะ ขวัญหิวแล้ว” ศึกรบแกล้งยั่วขวัญ “จริงๆ แล้ว ผมกะว่าถ้าคุณไม่ยกโทษให้ผม ผมก็จะไม่พาคุณไปทานหรอก ปล่อยให้หิวจนท้องร้องเลย” สู่ขวัญค้อน “แน่ะ คุณเนี่ย” สู่ขวัญเอามือตีที่อกศึกรบเบาๆ ศึกรบจับมือรวบตัวสู่ขวัญมาหอมแก้มซะเลย สู่ขวัญเขิน ดันตัวออกด้วยความเขินหันมองรอบๆ อายคน “บ้าจังคุณ ขวัญอายคนอื่นเขา” ศึกรบยิ้มขำๆ สู่ขวัญ แล้วเปลี่ยนมาจูงมือสู่ขวัญกับศึกรบ กลับเข้ามาในรถ ศึกรบบอก “เดี๋ยวขับไปต่ออีกนิดก็จะถึงร้านอาหารวิวสวยๆ ริมหน้าผาแล้วล่ะครับ คุณอยากทานอะไรคิดไว้ก่อนได้เลยนะที่รัก”ศึกรบจูงมือสู่ขวัญเดินไปที่รถแล้วขับรถออกไป

ตอนที่ 6 วันพุธ ที่ 30 เมษายน 2557
ที่โรงแรมเลอวิมาน ตอนเย็น ศึกรบกลับเข้ามา ทำงานอย่างสบายใจ ระหว่างเดินนึกขึ้นได้ก็หยิบโทรศัพท์กดหาเบอร์ปองฤทัย
ปองฤทัยกำลังชงกาแฟอยู่ โทรศัพท์ดังขึ้น ปองฤทัยไม่ทันดูเบอร์กดรับแล้วเอาแนบหูคุยไปพร้อมชงกาแฟไป “สวัสดีค่ะ ร้าน The sit café ค่ะ รับกาแฟหรือดอกไม้ดีคะ” เสียงศึกรบดังขึ้น “ผมศึกรบนะครับ” ปองฤทัยชะงักกึกโทรศัพท์แทบร่วงรีบคุยแบบตั้งใจ “ค่ะ คุณรบ มีอะไรให้ปองรับใช้คะ” ศึกรบหัวเราะขำๆ ที่ปองฤทัยพูดเป็นทางการกับตนเองมาก “ผมจะโทรมาขอบคุณ สำหรับดอกไม้เมื่อเช้า ที่คุณช่วยไปจัดสถานที่ให้น่ะครับ” ปองฤทัยถามกลับ “แล้วภรรยาคุณชอบไหมคะ” ศึกรบว่า “ชอบครับ เพราะดอกไม้ของคุณผมกับภรรยาเลยเข้าใจกันเหมือนเดิม ดอกไม้ของคุณเป็นดอกไม้นำโชคของผมจริงๆ” ปองฤทัยเขินๆ “ไม่ถึงขนาดนั้นหรอกมั้งคะ ที่คุณคืนดีกันคงเป็นเพราะคุณสองคนรักกันมากกว่าค่ะ ดอกไม้คงนำโชคอะไรไม่ได้หรอกค่ะ” ศึกรบบอก “ได้สิครับ อย่างน้อยก็เพราะดอกไม้นี่แหละ ที่ทำให้ผมได้พบกับคุณ ขอบคุณนะครับ” ศึกรบกดวางสายไปยิ้มๆ ส่วนปองฤทัยอึ้งๆกับคำพูดของศึกรบไปพักหนึ่ง จนเครื่องทำกาแฟปล่อยไอน้ำออกมาสียงดัง ปองฤทัยสะดุ้งเฮือก ชโยดมที่แวะมาทานกาแฟเห็นเข้าก็แอบมองยิ้มๆ ปองฤทัยหันไปยิ้มเก้อๆ ให้ชโยดม แล้วกลับมาคิดถึงคำพูดของศึกรบเมื่อครู่
ที่ร้าน La Belle มีนายังคงชื่นชมกระเป๋าใบใหม่ที่เพิ่งได้จากศึกรบ สู่ขวัญเดินกลับเข้ามา มีนาสะดุ้งเฮือกรีบซ่อนกระเป๋าไว้ท่าทางดูมีพิรุธ “เป็นไง ไปทานถึงไหนมาเนี่ย กลับมาเอาป่านนี้ความจริงมาตอนเช้าเลยก็ได้นะ” สู่ขวัญค้อน “นี่ประชดฉันเหรอยะ” มีนาว่า “แหม ก็เล่นหายไปทั้งวันฉันก็นึกว่าไปฮันนีมูนกันซะอีก” สู่ขวัญแกล้วทำเป็นต่อว่า “เกินไปย่ะ เธอก็เป็นใจกับคุณรบไม่ใช่เหรอ ดูสิอุตส่าห์มาจัดดอกไม้ที่ร้านตั้งแต่เช้า ยังไงก็ขอบใจนะจ๊ะ” สู่ขวัญหันไปมองดอกไม้รอบๆแล้วยิ้มสดชื่น มีนามองเห็นเพื่อนที่กำลังมีความสุขก็อดแซวไม่ได้ “ทีเมื่อวานล่ะหน้าหงิกหน้างอ พอดีกันเข้าหน่อยยิ้มหน้าบานเลยนะเธอ” สู่ขวัญเขิน “ก็คนเขามีความสุขนี่” สู่ขวัญเดินไปดมดอกกุหลาบในแจกันแล้วยิ้มไม่สนใจเพื่อนที่มองตาม มีนาได้ที รีบหันไปดันกระเป๋าหลบสายตาสู่ขวัญ “จ้ะมีความสุขก็ดีแล้ว ฉันไม่อยากเห็นเธอเศร้าเลยมันหดหู่” สู่ขวัญบอกเพื่อนยิ้มๆ “เธอจะไม่เห็นภาพหดหู่แบบนั้นอีกแล้วล่ะ เพราะรบเขาสัญญากับฉันแล้วว่าจะทำตัวให้ดีขึ้น และที่สำคัญเขาจะไม่ยุ่งเกี่ยวกับยัยระรินนั่นอีกแล้ว” มีนาค่อยไม่อยากเชื่อ แต่เห็นสู่ขวัญมั่นใจแบบนั้นก็ทำเป็นเออออตามไป เพราะไม่อยากขัดความสุขเพื่อน
ที่โรงแรมเลอวิมาน มือถือศึกรบดังขึ้น ศึกรบเหลือบมองแล้วไม่สนใจปิดเสียงปล่อยให้สั่นอยู่แบบนั้นจนนิ่งไป แต่มือถือก็ดังอีกครั้งศึกรบก็ทำเหมือนเดิมอีก
ที่กองถ่าย ภายในห้องแต่งตัว ระรินหงุดหงิดที่โทรหาศึกรบไม่รับสาย “โธ่เว้ย ทำไมไม่รับสายนะ” ระรินยิ่งคิดยิ่งโมโห “คิดว่าจะหนีคนอย่างระรินพ้นเหรอคุณรบ” ระรินมองโทรศัพท์เปิดไปที่แอพไลน์ในมือถือ “โทรไปไม่รับ ส่งไลน์ก็ได้ดูสิจะว่ายังไง” ระรินกดหาไลน์ของศึกรบจะส่งข้อความถึงศึกรบแต่หาเท่าไหร่ก็ไม่เห็นไลน์ของศึกรบ ระรินโมโหหนักกรี๊ดดังลั่นห้อง “อ๊ายยย!! ทำไมกล้าทำแบบนี้กับฉัน” ทุกคนในกองถ่ายหันไปมองระรินอย่างตกใจว่าเกิดอะไรขึ้น
ตอนกลางคืน ที่บ้านสู่ขวัญ ศึกรบขับรถกลับเข้าบ้านมา เดินผิวปากเข้ามาในบ้านอย่างสบายใจ แล้วเดินเข้าไปนั่งที่โซฟา สู่ขวัญเดินกลับเข้ามาในบ้าน เห็นศึกรบนั่งยิ้มอารมณ์ดีอยู่ที่โซฟาก็แปลกใจ “อ้าวคุณรบ วันนี้ทำไมกลับเร็วได้ล่ะคะ” ศึกรบลุกขึ้นเดินเข้าไปโอบเอวสู่ขวัญ “แล้วไม่ดีหรือไงครับ” สู่ขวัญยิ้ม “ดีสิคะ เพียงแต่ขวัญแปลกใจน่ะค่ะ ปกติคุณจะกลับดึกหรือไม่ก็เช้า” ศึกรบมองตาสู่ขวัญ แล้วอ้อน “ต่อไปเวลานี้จะเป็นเวลากลับบ้านแบบปกติของผม” สู่ขวัญแปลกใจ “จริงเหรอคะ” ศึกรบบอก “จริงสิครับ วันนี้ผมตั้งใจกลับมาเพื่อรอทานอาหารเย็นฝีมือคุณน่ะ ทำให้ผมทานหน่อยได้ไหม” สู่ขวัญเดินหนีไปนั่งลงที่โซฟาแล้วบอกกับศึกรบ “เอาไว้วันหลังนะคะ วันนี้ขวัญเคลียร์งานที่ร้านเหนื่อยมากค่ะ คงทำอาหารให้คุณทานไม่ไหวแน่” ศึกรบสีหน้าผิดหวังทันทีตามไปลงนั่งที่โซฟา สู่ขวัญมองดูศึกรบเหมือนเด็กๆ ผิดหวัง ยิ้มๆ แล้วขยับเข้าไปนั่งใกล้ๆ เอามือเขี่ยคางศึกรบเล่น “โอ๋ๆๆ ไม่เอานะคะอย่างอนสิคะ” สู่ขวัญซบลงที่อกศึกรบ “วันนี้ทานอาหารฝีมือพี่พรไปก่อนนะคะ เดี๋ยววันหลังขวัญทำให้ทานค่ะ นะคะๆ” ศึกรบยิ้มๆ แล้วก้มลงมาจูบหน้าผากสู่ขวัญ สองคนหยอกล้อกันไปมา สู่ขวัญวิ่งหนีไป ศึกรบวิ่งตามไป
ภายในห้องนอนสู่ขวัญ สู่ขวัญเดินออกมาจากห้องน้ำในชุดนอนเซ็กซี่ปล่อยผม ศึกรบนอนอยู่ที่เตียงมองดูสู่ขวัญยิ้มๆ สู่ขวัญลงนั่งที่เตียงแล้วหยิบหนังสือแฟชั่นที่หัวเตียงมาเปิดดู ศึกรบถามสู่ขวัญว่า “ยังไม่นอนเหรอ” สู่ขวัญแกล้วทำเป็นบอก “อีกสักพักค่ะ ขวัญอยากดูหนังสือแฟชั่นเล่มนี้ก่อน คุณหลับก่อนได้เลยนะคะ” ศึกรบขยับตัวมากอดสู่ขวัญ “คุณไม่นอนผมก็ไม่นอน” สู่ขวัญทำเป็นไม่สนใจก้มหน้าก้มตาดูหนังสือต่อ “ก็ขวัญยังไม่ง่วงนี่คะ” ศึกรบยิ้มเจ้าเล่ห์ “ถ้าไม่ง่วงงั้นเราก็” ศึกรบเอามือไล้ที่ริมฝีปากสู่ขวัญเพื่อปลุกเร้าอารมณ์ สู่ขวัญเหนียมอายแกล้งปัดมือศึกรบออก “เอ๊ะคุณนี่ เห็นไหมว่าขวัญกำลังจะอ่านหนังสืออยู่นะคะ” ศึกรบชะงักเสียอารมณ์ แกล้งดึงหนังสือสู่ขวัญออก “ผมไม่ให้อ่าน” สู่ขวัญแกล้งดุ “คุณรบ” ศึกรบยันตัวขึ้นมองหน้าขวัญ “เวลานี้เป็นเวลาของผมนะครับ ผมต้องการคุยกับภรรยาที่น่ารักของผม” สู่ขวัญว่า “อ่ะก็ได้ มีอะไรจะคุยกับขวัญก็ว่ามาสิคะ” ศึกรบอมยิ้มก่อนจะพูดขึ้น “ผมอยากมีเด็กเล็กๆ วิ่งเล่นในบ้านเต็มทนแล้ว” สู่ขวัญบอก “แต่ขวัญยังสนุกกับงานอยู่เลยนี่คะ ขวัญยังไม่พร้อมที่จะเลี้ยงลูกหรอกค่ะ” “ไม่เห็นยากเลยถ้าเรามีลูกก็ให้คุณพ่อคุณแม่ผมช่วยเลี้ยงก็ได้นี่ครับ ท่านเองก็รบเร้าอยากจะอุ้มหลานเต็มแก่แล้วด้วย” สู่ขวัญไม่ค่อยเห็นด้วย “ไม่ได้หรอกค่ะ ลูกเราๆ ก็ต้องเลี้ยงเองสิคะ เกรงใจท่านเปล่าๆ แค่ท่านเลี้ยงคุณมาก็คงเหนื่อยแย่แล้วล่ะค่ะ” ศึกรบยิ้ม “ถึงเหนื่อยก็เหนื่อยแบบมีความสุขนะครับ” สู่ขวัญหัวเราะขำๆ กับความคิของศึกรบ ส่วนศึกรบก็มองความน่ารักสู่ขวัญแล้วยิ้ม ก่อนจะได้ทีหอมแก้มสู่ขวัญ สู่ขวัญหยิกจมูกศึกรบเบาๆ “คุณนี่ทำเป็นเด็กๆ ไปได้” ศึกรบว่า “เป็นเด็กน่ะสิดี คุณจะได้ตามใจผมบ้าง” สู่ขวัญแกล้งทำเป็นค้อน “คุณพูดเหมือนขวัญขัดใจคุณซะทุกเรื่อง” ศึกรบบอกน้ำเสียงงอนๆ “ใช่ อย่างตอนนี้เวลานี้คุณก็กำลังขัดใจผมอยู่” สู่ขวัญงง “ขวัญขัดใจคุณเรื่องอะไรคะ ไหนบอกมาสิ” ศึกรบว่า“ก็..” ศึกรบมองหน้าสู่ขวัญแล้วไล่มองไปจนทั่วตัว สู่ขวัญเขิน แทบจะละลายไปกับสายตาของศึกรบ ศึกรบโน้มตัวลงมาประกบปากจูบสู่ขวัญ สู่ขวัญมองหน้าศึกรบเต็มไปด้วยความรัก ศึกรบเอื้อมมือไปปิดสวิทซ์ไฟที่หัวเตียงให้ดับลง
ด้านเปรี้ยวกับไอวี่เพื่อนสนิท พริตตี้สาวสวยที่ตอนนี้กำลังดวงตก มีเรื่องมีราวจนไม่มีคนจะว่าจ้างอีเวนท์งานต่างๆ เพราะความใจร้อนของไอวี่เอง
ที่ร้านกาแฟแห่งหนึ่ง ไอวี่กับเปรี้ยวมาปรับทุกข์กัน ไอวี่หน้าเซ็งมาก เปรี้ยวปลอบใจ “อย่าท้อดิ ไม่มีโมเราหางานเองก็ได้ ไม่ต้องให้โมมันหักตังค์ก็โอออก” ไอวี่ว่า “เราไม่ใช่ดาราหรือพริตตี้ตัวแม่ ใครจะอยากให้งานแก คิดดูอยู่โมพี่เปี๊ยกยังเป็นได้แค่พริตตี้กะโหลกกะลา แล้วนี่ไม่มีโม เราจะไปทำอะไร เด็กล้างจานรึไง” เปรี้ยวบอก “นั่นก็รันทดไป ไม่ขนาดนั้นมั้ง” ไอวี่ค้อน “ตอนนี้ยัง แต่สิ้นเดือนรันทดแน่ ไหนจะค่ากินค่าห้อง ค่าลงทะเบียน นี่ก็ใกล้จะเปิดเทอมอีก” เปรี้ยวออกความคิด “แกก็โทรกลับไปขอเงินที่บ้านไม่ได้เหรอวะ” ไอวี่โวยกับทันที “ถ้าได้ ฉันจะต้องดิ้นขนาดนี้รึไง ขืนโทรไปเผลอๆ ถูกขอเงินใช้อีก โอ๊ย งานสบายๆ ได้เงินเยอะๆ ทำไมมันหายากแบบนี้เนี่ย” เปรี้ยวตอบเพื่อนไม่ถูก ได้แต่คิดหนัก ไอวี่นึกอะไรบางอย่างขึ้นได้ พูดขึ้นเสียงดัง “หรือว่าเราต้องหาเสี่ยเลี้ยงวะ จะได้จบๆ” เปรี้ยวฟังอึ้งๆ ไอวี่ยังคงคิดต่อ

ตอนที่ 7 วันจันทร์ ที่ 5 พฤษภาคม 2557
ที่ร้านกระเป๋าหรู ภายในห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง ไอวี่กับเปรี้ยวเดินออกมา ผ่านหน้าร้านกระเป๋าหรู มองคนที่ออกมาจากร้าน ทำหน้าหมั่นไส้ “เซ็ง! ฉันเห็นนังเชอรี่มันถือกระเป๋าแบบนี้ด้วย สงสัยเสี่ยเลี้ยงแน่” เปรี้ยวว่า “อาจจะไม่ใช่เสี่ยเลี้ยงหรอก เชอรี่มันตัวแม่ งานเข้าขนาดนั้นนะแก” ไอวี่ไม่เชื่อ “ใครจะไปรู้ กระเป๋าใบละเป็นแสน เฮ้อ! ฉันก็อยากได้มั่ง” ขณะที่สองคนยืนมองหน้าร้านนาฬิกา ศึกรบกับสู่ขวัญก็กำลังเดินเข้าไปในร้านกระเป๋า ทั้งสองยิ้มหวานชื่นอย่างมีความสุข ไอวี่เหลือบไปมองเห็นพอดีก็ตาค้าง ส่วนเปรี้ยวกำลังดูกระเป๋าเพลินไม่ได้สนใจเพื่อน ไอวี่หันไปสะกิดเปรี้ยว “นี่ๆ แก ดูนั่นสิ แกรู้จักผู้ชายคนนั้นไหมเหมือนฉันเคยเห็นที่ไหน” เปรี้ยวไปหันมองตาม สายตายังเพ้อๆ “อ๋อ! คุณศึกรบ เจ้านายป๋าฉันเอง ไฮโซคนดัง เจ้าของโรงแรมเลอวิมาน เขาเป็นข่าวสังคมบ่อย แกคงเคยเห็นแหละ” ไอวี่ตาโตทันที “เหรอ หล่อดี เราตามเค้าเไปดูกัน” ไอวี่รีบลากแขนเปรี้ยวเดินเชิดเข้าร้าน เปรี้ยวเดินตามงงๆ
ภายในร้านกระเป๋าหรู สู่ขวัญเดินตรงไปที่จุด Flap Bag หยิบใบสองสีมาดู “ใบนี้ค่ะรบที่ขวัญอยากได้ สวยไหมคะ” ศึกรบบอกยิ้มๆ “ได้จ้ะ สวยดีนี่ เหมาะกับขวัญ เท่าไรครับ” พนักงานขายเดินเข้ามา “145,000 บาทค่ะคุณผู้ชาย กระเป๋าสวยเหมาะกับคุณผู้หญิงมากนะค่ะ” สู่ขวัญยังมองดูกระเป๋าแล้วคิดๆ ศึกรบเลยเดินไปดูแว่นกันแดด “ขวัญครับ ลองแว่นกันแดดอันนี้สิครับ ผมว่าเข้ากับคุณมาก” ศึกรบเดินเอาแว่นตามาลองสวมให้สู่ขวัญ สู่ขวัญมองกระจกยิ้มพอใจ “เป็นไงคะ รบ” ศึกรบยิ้มบอกสู่ขวัญ ก่อนจะหันไปพูดกับพนักงานขาย “สวยมากครับขวัญ ขอแว่นนี้ด้วยนะครับ” ไอวี่ที่กำลังทำทีขอดูกระเป๋าสตางค์จจากพนักงานพลาง หันไปกระซิบกับเปรี้ยว “โอ้ย น่าอิจฉาจัง” เปรี้ยวก็รู้สึกไม่ต่างจากเพื่อน “นั่นสิ คนรวยนี่ไม่ต้องคิดอะไรเลยเนอะ” ไอวี่ถอนใจ “เมื่อไหร่ฉันจะมีแฟนรวยๆ แบบนี้บ้างนะ” ไอวี่หันไปมองศึกรบแบบอยากได้ แต่มองสู่ขวัญอย่างริษยา
ตอนกลางวัน ที่หน้าหอพักไอวี่ ป้อมมานั่งรอท่าทางดีใจเมื่อเห็นไอวี่ “กลับมาแล้วเหรอ ทำไมกลับช้า ผมว่าจะโทรถามแต่ก็กลัวรบกวนเวลางาน” ไอวี่บอกน้ำเสียงไม่พอใจ “อย่ามาพูดเรื่องงานนะ คนยิ่งอารมณ์เสียอยู่ แล้วนี่มาทำไม” ป้อมว่า “เอาเลคเชอร์มาให้ อาจารย์สั่งรายงานด้วย ผมลงชื่อไปแล้วว่าจะทำด้วยกัน” ไอวี่โวย “ไม่มีอารมณ์จะทำหรอกรายงานบ้าบออะไรนั่น คนกำลังตกงานอยู่เข้าใจมั้ย” ป้อมออกความคิดเห็น “ทำไมไม่ลองหางานอื่นดูบ้างล่ะ อย่างผม ยังรับจ๊อบเป็นเด็กเสิร์ฟที่ร้านกาแฟเลย สนใจจะมาทำด้วยกันไหม” ไอวี่เบ้ปากทันที “อี๊ งานขี้ข้าแบบนั้น ฉันไม่ลดตัวลงไปทำหรอก ไป หลบไป” ไอวี่เบี่ยงตัวไปไขประตูห้องแล้วเดินเข้าไปทันที ก่อนจะปิดประตูกระแทกใส่หน้าป้อมดังปัง! ป้อมถอนใจเฮือก สีหน้ากังวล ก่อนจะเดินคอตกออกไป
ตอนกลางคืน ในห้องพักไอวี่ ไอวี่กำลังเปิดไอแพดดูอะไรบางอย่างอยู่ หน้าตามุ่งมั่น สักพักก็มองหน้าจอแล้วตาลุกวาว รูปศึกรบในหน้าข่าวสังคมที่พาดหัว “อดีตคาสโนว่าไฮโซ ปัจจุบันผู้บริหารบูติกโฮเต็ลชื่อดัง” ไอวี่ตื่นเต้น “โอ้โห! นอกจากหล่อแล้วยังรวยด้วย เฮ้ย! โรงแรมของเขากำลังเปิดรับพนักงานซะด้วย” ไอวี่ยิ้มเจ้าเล่ห์ทันที
เช้าวันใหม่ ไอวี่เดินเข้าไปสมัครงานที่โรงแรมเลอวิมานด้วยสีหน้ามุ่งมั่น ไอวี่หันมองไปรอบๆ อย่างรู้สึกทึ่ง “โอ้โห! โรงแรมหรูจัง ฉันต้องได้งานนี้ อ๊ะ!” ไอวี่หันไปมองใครบางคนจนเหลียวหลังตาละห้อย ศึกรบเดินเข้ามา พนักงานโรงแรมต่างพากันยกมือไหว้อย่างนอบน้อม ศึกรบยิ้มให้อย่างอบอุ่น พนักงานสาวๆ พากันมองตามสายตาเชื่อม ไอวี่รีบเดินตามไปจนถึงหน้าลิฟต์ แล้วจะก้าวตามเข้าลิฟต์ไปในตัวเดียวกับศึกรบ แต่ถูกพนักงานคนหนึ่งเข้ามากันไว้แล้วยกมือไหว้เสียก่อน “ขอโทษนะคะ ติดต่อจองห้องพักหรือเปล่าคะ”
ไอวี่เชิดๆหน้าขึ้น ก่อนจะตอบ “ฉันมาสมัครงานค่ะ” พนักงานมองไอวี่ด้วยสายตาที่เปลี่ยนไปทันที
ที่มหาวิทยาลัย ไอวี่สอบเสร็จก็เดินออกมาจากห้องสอบด้วยสีหน้าหงิกงอ ป้อมที่ยืนรออยู่แล้ว ร้องทัก “เป็นไงพี่วี่ ทำข้อสอบได้ไหม” ไอวี่หวุดหงิดบอก “อย่ามายุ่งได้ไหม ที่ฉันทำไม่ได้ เตรียมสอบไม่ทัน ก็เพราะนายนั่นแหละ” ป้อมว่า “ผมก็พยายามเต็มที่แล้ว ผมว่าถ้าพี่วี่แบ่งเวลาเรียนให้มากขึ้น รับงานให้น้อยลง พี่วี่อาจทำข้อสอบเองโดยไม่ต้องพึ่งใครก็ได้” ไอวี่โวย “แต่ที่ฉันทำงาน ก็เพราะต้องหาเงินมาเรียน
มาจ่ายค่าเทอมนี่ไง เข้าใจป่ะ” ป้อมบอก “ผมหวังดีนะพี่ ถ้ายังไม่เต็มที่กับเรื่องเรียน ปีนี้พี่อาจไม่จบอีก”
ไอวี่ทำท่าไม่รู้สึกรู้สา บอก “ก็มันทำได้แค่นี้ ไม่จบก็ช่าง ไม่เห็นเดือดร้อนซะหน่อย” ป้อมอึ้ง “ปี 5 แล้วนะพี่วี่ พี่อยากเป็นนักศึกษาไปตลอดรึไง” ไอวี่นึกได้ “เป็นนักศึกษาก็ดี ใครจะรู้เครื่องแบบนักศึกษา อาจมีประโยชน์กว่าที่คิดก็ได้” ป้อมฟังไอวี่พูดงงๆ “พี่คิดจะทำอะไร” ไอวี่ชักรำคาญ “โอ๊ย ถามอยู่ได้ ตอบจนคอแห้งแล้ว ไปซื้อน้ำมาให้กินหน่อยไป ไปดิ” ป้อมจำใจเดินออกไป ก่อนจะนึกได้ก็หันกลับมาถาม “แล้วจะกินน้ำอะ..”ป้อมหันกลับมาแล้วต้องงง หันมองซ้ายมองขวา ไอวี่หายตัวไปแล้ว ป้อมมองหาไอวี่ไม่เจอ ก็ได้แต่ถอนใจเซ็งๆ
ที่หน้าห้องไอวี่ ไอวี่กลับมาไขกุญแจเข้าห้อง ป้อมวิ่งตามมาร้องเรียก “เดี๋ยวพี่วี่ ทำไมต้องหนีผมด้วย ที่พูดเพราะผมไม่อยากเห็นพี่วี่เรียนไม่จบ แต่ถ้าพี่วี่ไม่อยากฟังวันหลังผมไม่เตือนก็ได้ ถ้าพี่วี่ไม่ชอบใจอะไรก็บอกผมตรงๆ ดิ” “เข้ามาคุยกันในห้องดีกว่า” ไอวี่เข้าไปในห้อง ป้อมมองตามลังเล
ภายในห้องไอวี่ ป้อมรู้ปัญหาเรื่องงานของไอวี่ก็เป็นห่วง “นี่ก็เท่ากับพี่วี่โดนพี่เปี๊ยกแกล้ง ไม่มีโมไหนรับเข้าทำงานเนี่ยนะ” ไอวี่พยักหน้า ป้อมพยายามเกลี้ยกล่อม “ใจเย็นนะพี่วี่ ผมเข้าใจว่างานพี่วี่ เป็นงานสบาย ได้เงินง่ายแต่ที่จริงงานเสิร์ฟแบบผมก็เงินดี ยิ่งถ้าขยันๆ” ไอวี่ขัด “พอเหอะ ยังไงฉันก็ไม่ทำงานเป็นเด็กเสิร์ฟ โอเคป่ะ” ป้อมถามอีก “แล้วถ้าพี่วี่ไม่มีงาน จะเอาเงินที่ไหนใช้ล่ะ” ไอวี่ส่ายหัว ป้อมตัดสินใจเปิดกระเป๋าสตางค์หยิบเงินหมดกระเป๋า 1,200 บาทยื่นให้ไอวี่ “พี่วี่เอาไปใช้ก่อนนะ” ไอวี่มองเงินในมองป้อม “แล้วนายล่ะ” ป้อมบอก “ไม่ต้องห่วง ผมยังพอมี” ไอวี่ดึงเงินมาจากมือป้อมทันที “ขอบใจนะ ไว้จะคืนให้ละกัน” ป้อมว่า “ไม่ต้องคืนหรอก พี่วี่เก็บไว้ใช้เถอะ ผมพอมีเงินเก็บ” ไอวี่เข้ากอดป้อมทันที “ขอบใจมากนะป้อม มีแต่ป้อมที่คอยช่วยเราเวลาเราลำบาก ขอบใจมาก” ป้อมยิ้มทำท่าจะกอดตอบ แต่เปลี่ยนใจมาเป็นตบบ่าเบาๆแทน
ระรินพยายามโทรศัพท์ติดต่อศึกรบ เมื่อศึกรบเห็นโทรศัพท์ดังก็ไม่รับสาย ระรินเลยตัดสินใจให้สัมภาษณ์กับนักข่าวว่ากำลังคบกับศึกรบอยู่ สู่ขวัญพอรู้ข่าวการให้สัมภาษณ์ของระรินก็โกรธมาก ศึกรบรีบไปซื้อดอกไม้ที่ร้านของปองฤทัยมาให้สู่ขวัญ เพราะกลัวสู่ขวัญจะโกรธเรื่องข่าวของระริน
เมื่อกลับมาถึงบ้าน ศึกรบเห็นบนโต๊ะมีอาหารวางอยู่แต่ไม่เจอใคร คิดว่าสู่ขวัญไม่ยอมกินข้าวด้วย
“กินอะไรมารึยังครับ” ศึกรบหันไปเจอสู่ขวัญดีใจมาก “ขวัญ” สู่ขวัญถาม “แล้วดอกไม้นั่น ให้ขวัญเนื่องในโอกาสอะไรคะเนี่ย” ศึกรบแปลกใจที่สู่ขวัญไม่โกรธ คิดว่าไม่รู้เรื่องข่าว “ก็ผมอยากให้ภรรยาคนสวยของผม ต้องมีโอกาสอะไรด้วยเหรอ ให้ทุกวันได้ผมคงให้ไปแล้ว” สู่ขวัญบอก “รบก็ ให้ทุกวันขวัญก็ไม่มีที่เก็บสิคะ มากินข้าวกันดีกว่า ขวัญทำอาหารที่คุณชอบไว้เยอะเลย” ศึกรบมองดูสู่ขวัญลังเล “วันนี้คุณดู” “เป็นยังไงคะ” ศึกรบตอบแบบอึกอัก “เอ่อ..น่ารักเป็นพิเศษล่ะมั้ง” สู่ขวัญยิ้ม “ขวัญน่ารักอยู่แล้วนะ รบเองรึเปล่าที่คิดว่าขวัญใจร้าย” ศึกรบรีบบอก “ไม่หรอก ขวัญน่ะใจดีจะตาย ผมรู้” ศึกรบยืนเงียบๆ อยากถามเรื่องข่าวแต่ไม่กล้า สู่ขวัญพูดขึ้น “ใจดีสิคะ ถึงจะมีข่าวอะไรที่เสียหายเกี่ยวกับคุณ ขวัญก็ยังใจดีอยู่” ศึกรบอึ้ง “ขวัญรู้เรื่องข่าวนั่น” สู่ขวัญบอก“รู้สิคะ เราเคยเจอเรื่องเข้าใจผิดจนเกือบจะแย่มาแล้ว ขวัญไม่อยากให้เป็นแบบนั้นอีก ขวัญเลยบอกกับตัวเองว่า ไม่ว่ายังไงขวัญเชื่อใจคุณ” ศึกรบมองสู่ขวัญมีความหมาย ซึ้งใจที่สู่ขวัญเชื่อ พรแอบมองทั้งคู่อยู่มุมหนึ่งในบ้าน รีบหยิบโทรศัพท์ออกมามาถ่ายรูปคนทั้งคู่ไว้ทันที ระรินเห็นภาพคู่ของสู่ขวัญกับศึกรบในโทรศัพท์ก็หงุดหงิดใจมาก

ตอนที่ 8 วันอังคาร ที่ 6 พฤษภาคม 2557
ชโยดมมาหาปองฤทัยที่ร้านดอกไม้ เพราะต้องเดินทางกลับไปทำงานที่ต่างจังหวัด โดยชโยดมบอกให้ปองฤทัยดูแลประนอม แม่ของตนเองให้ดี ระวังอย่าให้มีอาการกำเริบ
ระรินมาหาศึกรบที่โรงแรมเลอวิมาน แสงดาวรีบแอบโทรไปบอกสู่ขวัญทันที ศึกรบออกมาจากห้องประชุม พอเห็นระรินที่มายืนรออยู่ ก็รีบลากระรินไปที่ห้องทำงานทันที ระรินแกล้งทำเป็นร้องไห้เพื่อให้ศึกรบปลอบใจ สู่ขวัญเดินเข้ามาเห็นศึกรบกำลังกอดระรินเพื่อปลอบใจก็รู้สึกโกรธมาก รีบตรงเข้าไปดึงตัวระรินออกไปนอกห้อง ระรินโวยวาย “ยัยบ้า จะทำอะไรของเธอ” สู่ขวัญมองระรินเหยียดๆ “ฉันก็จะทำให้เธอรู้ไงว่าที่นี่ไม่ใช่ที่ๆ เธอจะเข้าจะออกได้สบายใจ ในเมื่อทุกตารางนิ้ว มันเป็นสิทธิ์ของฉัน” ระรินสวน “อ๋อ จะอวดงั้นเหรอว่าเธอสั่งอะไรก็ได้ในนี้ใหญ่จริงนะ” สู่ขวัญบอกเสียงเข้ม “ไม่ได้ใหญ่ธรรมดาด้วย เพราะทั้งที่ดิน หุ้นสิทธิ์การบริหารทั้งหมดเป็นของฉัน ถ้าฉันไม่ให้เธออยู่เธอก็ไม่มีสิทธิ์ รปภ.” แสงดาวพารปภ.วิ่งเข้ามาหาสู่ขวัญทันที “รปภ.มาแล้วค่ะ คุณขวัญ” สู่ขวัญหันไปสั่ง “พาคุณคนนี้ออกไป ห้ามมีการเห็นใจอะไรทั้งสิ้น เพราะฉันไม่อนุญาต” รปภ.พยักหน้ารับคำสั่ง แล้วเข้าไปลากระรินออกไป ระรินทำท่าจะขัดขืนแต่ก็สู้แรงไม่ไหว ระหว่างที่โดนลากออกไป ระรินตะโกนเสียงดังไปตลอดทาง “หยาบคายที่สุด ฉันเป็นแขกนะ ทำแบบนี้กับฉันได้ยังไง ฉันจะฟ้องให้หมดว่าไอ้โรงแรมนี้มารยาททราม ปล่อยฉันนะ ปล่อย”
สู่ขวัญเดินนำหน้าศึกรบเข้าบ้านไม่พูดไม่จา ศึกรบทนไม่ไหวเดินตามมาขวางสู่ขวัญไว้ “ขวัญ หยุด คุณต้องฟังผมก่อน” สู่ขวัญบอกด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ “ฟัง ฟังทุกครั้งเลยเหรอคะรบ จะให้ขวัญต้องฟังคุณอีกกี่ครั้งคุณถึงจะพอใจ แค่ที่เห็นกับตาวันนี้ยังไม่พออีกเหรอ” ศึกรบว่า “ก็เพราะอย่างนี้ไงคุณถึงต้องฟัง ระรินเขามาหาผมเอง ผมไม่ได้อยากคุยกับเขาเลย” สู่ขวัญฉุน “อ๋อ เขามาหาเอง แล้วทำไมต้องให้เขาเข้ามาถึงในห้องด้วยล่ะคะ รบสิที่ต้องฟังขวัญ ผู้ชายถ้ามันไม่เปิดโอกาสให้ก่อน ผู้หญิงที่ไหนจะกล้าเข้าไปหาถึงในนั้น” ศึกรบพยายามอธิบาย “โธ่ คุณไม่รู้ว่าระรินเป็นยังไง” สู่ขวัญประชดกลับ “แล้วทำไมคุณถึงรู้ล่ะ สนิทกันขนาดรู้นิสัยใจคอ แล้วทำไมคุณไม่รู้ว่าขวัญเป็นยังไง คุณพายัยนั่นขึ้นคอนโด ขวัญเห็นจากในคลิปหมดแล้ว คุณจะอธิบายยังไง” ศึกรบถึงกับอึ้ง สู่ขวัญเดินเข้ามาทุบตีศึกรบ “ทำไม ทำไมคุณทำแบบนี้กับขวัญ ทำไมต้องนอกใจขวัญ ทำไม ทำไม” ศึกรบพยายามห้าม “ขวัญ ใจเย็นก่อน คลิปนั่นมันไม่มีอะไรเลย ผมไม่ได้มีอะไรกับระรินทั้งนั้น” สู่ขวัญไม่สนใจโวยวาย “คุณคิดว่าขวัญโง่มากนักเหรอ โง่ซ้ำซากให้คุณโกหกครั้งแล้วครั้งเล่า หลักฐานชัดขนาดนี้คุณยังจะแก้ตัวอีกเหรอ” ศึกรบบอก “ขวัญ ผมไม่ได้แก้ตัว”
สู่ขวัญเมินหน้าหนี “ขวัญจะไม่เชื่อคุณอีกแล้ว วันนี้ขวัญไม่อยากเห็นหน้าคุณ เชิญเก็บข้าวของแล้วคุณอยากจะไปหาใครที่ไหนก็เชิญ” สู่ขวัญพูดจบก็เดินหนีศึกรบขึ้นห้องไปทันที ศึกรบได้แต่ยืนมองตามเซ็งๆ
ภาวดีและทรงยศพยายามพูดให้สู่ขวัญคืนดีกับศึกรบ โดยบอกให้สู่ขวัญมีลูกเพื่อสานสัมพันธ์ครอบครัว เพราะพอมีลูกแล้วศึกรบจะสนแต่ลูกจนลืมเรื่องอื่นไปเลย
สู่ขวัญให้ศึกรบนัดเจอกับระรินสองคนที่ร้านอาหาร โดยสู่ขวัญและมีนานั่งรออยู่ที่รถนอกร้านอาหาร “วันนี้รินมีความสุขที่สุดเลยค่ะ ไม่นึกเลยว่าจะมีโอกาสออกมาทานอาหารกับคุณอีก ครั้งสุดท้ายที่เราออกมาข้างนอกด้วยกันก็นานแล้ว” ศึกรบตอบน้ำเสียงเรียบๆ “จริงครับ นานแล้ว” ศึกรบพยายามทำหน้าให้นิ่งไว้ แอบหยิบโทรศัพท์ออกมากดดู ระรินยิ้ม “รินอยากให้เราออกมาแบบนี้ได้บ่อยๆ อย่างเปิดเผยจังค่ะ” “งั้นเหรอครับ” “ค่ะ รินรอคุณอยู่เสมอนะคะคุณรบ รอให้เรามีเวลาอยู่ด้วยกันอีก นานแค่ไหนก็รอ”
“แต่ผมมีเรื่องจะขอ” “คะ” ศึกรบนิ่งไปนิด ก่อนจะพูดขึ้น “อย่ารอผมอีกเลย เราควรจะเลิกติดต่อกันตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป” ระรินงง “หมายความว่ายังไงคะ” ศึกรบบอก “เราเลิกกันดีกว่าระริน ผมมีครอบครัวแล้วความสัมพันธ์ของเรามันผิดมาตั้งแต่แรก อย่ายุ่งกับผมอีกเลย” ระรินไม่พอใจทันที “คุณรบ คุณทำแบบนี้กับรินได้ยังไง” ระรินรับไม่ได้ ทำท่าเหมือนจะกรี๊ดออกมา แต่แล้วก็เปลี่ยนเป็นบีบน้ำตาร้องไห้ออกมาแทน ศึกรบได้แต่มองระรินอย่างสงสารแต่ทำอะไรไม่ได้ “ระริน” ที่มือถือของศึกรบ ศึกรบแอบกดโทรออกให้สู่ขวัญได้ยินทั้งสองคุยกัน
ในรถ สู่ขวัญกับมีนาแอบต่อว่าระรินทันทีที่ได้ยิน “รับไม่ได้ขึ้นมาเชียวนะ ทำเป็นบีบน้ำตา” มีนาว่า “คนมันหวังไว้สูง พอไม่ได้ก็ร้องแรกแหกกระเชอแบบนี้แหละ” สู่ขวัญอดหมั่นไส้ไม่ได้ “สมควรแล้วที่จะโดน จริงๆ นังนั่นควรจะโดนมากกว่าใช้คำพูดดีๆ ด้วยซ้ำมันควรจะโดนตบล้างน้ำเหมือนครั้งที่แล้ว” มีนารีบบอก “เธอทำแบบนั้นไม่ได้ขวัญ เราต้องใจเย็น ไม่งั้นเดี๋ยวเสียแผนหมด” สู่ขวัญพยักหน้ารับ แต่ก็ยังหมั่นไส้ไม่ได้อยู่ดี
ระรินวิ่งร้องไห้ออกมาจากร้าน มองไปไม่เห็นศึกรบตามมาก็รู้สึกหงุดหงิดทันที สู่ขวัญหันมาเห็นระรินจะหลบแต่ก็หลบไม่ทัน “หลบเร็วมีนา” มีนาบอก “เอาไงขวัญ ยัยนั่นเห็นแล้ว” ระรินหันไปเห็นสู่ขวัญในรถพอดีก็รีบเดินตรงไปที่รถ “ดี งั้นก็ลงไปคุยกันเลยมา” มีนากับระรินเปิดประตูเดินลงมาจากรถ เผชิญหน้ากับระริน
“พวกเธอนี่เอง” สู่ขวัญว่า “เสียใจเหรอจ้ะที่โดนเขาทิ้ง“ ระรินเข้าใจทันที “อ๋อ นี่เป็นแผนการพวกเธองั้นเหรอ” สูขวัญบอก “จะแผนหรือไม่ เขาก็บอกเลิกเธออยู่ดี” มีนาช่วยเสริม “ใช่ รู้สึกถึงรสชาติคนที่ถูกทิ้งรึยังล่ะจ๊ะ แม่ดาราใหญ่” ระรินเชิดหน้า แล้วสวนกลับ “ใครกันแน่ที่ถูกทิ้ง เธอไม่ใช่เหรอที่ไม่เฝ้าผัวตัวเองให้ดี ปล่อยให้มายุ่งกับฉันตั้งแต่แรก” สู่ขวัญจ้องหน้าระรินนิ่ง “แต่สุดท้ายเขาก็เลือกเมียที่ถูกต้อง ไม่ใช่กิ๊ก
บำเรออย่างเธอ” ระรินขำ “ฮือ.. เลือกเมียเหรอ แค่ฉันเห็นเธอก็รู้แล้วว่าทั้งหมดมันเป็นแผน เธอบังคับให้เขาเลิกกับฉัน” สู่ขวัญบอก “เขาเต็มใจจะเล่นตามแผนของฉันเอง ไม่มีการบังคับอะไรทั้งนั้น” ระรินท้า “งั้นเธอกล้าพูดไหมล่ะว่าตอนที่เขาบอกเลิกฉันเขามีสีหน้าเต็มใจร้อยเปอร์เซ็นต์” สู่ขวัญได้ยินระรินพูดแบบนั้นก็อึ้งไป “แล้วเธอมั่นใจเหรอว่าเขาไม่เต็มใจ” ระรินลอยหน้าลอยตาบอก “ก็ไม่รู้สินะ แต่ถ้าเธอถึงขนาดต้องวางแผนเพื่อให้เขาเลิกกับฉันแล้วล่ะก็ มันก็เป็นไปได้ว่าเขาไม่ได้เต็มใจ แล้วสีหน้าเขาก็อึดอัดมากเหมือนไม่อยากพูดไงจ้ะ พูดไม่ออกเหรอแม่ไฮโซ อ๋อ กลัวจะเสียผัวกับเสียหน้าพร้อมกันล่ะสิ ถึงต้องใช้วิธีสกปรก”
สู่ขวัญของขึ้นทันที “มันจะมากไปแล้วนะ” สู่ขวัญโมโหคว้ามือถือปาใส่หน้าระรินทันที ระรินกรีดร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด “ฉันจะฟ้องแก ฉันจะเอาแกเข้าคุก นังไฮโซ” สู่ขวัญสะทกสะท้าน “เอาเลยอยากฟ้องก็ฟ้องเลย ฉันไม่กลัวหรอก” ระรินมองหน้าสู่ขวัญอย่างเจ็บใจ ก่อนจะตัดสินใจวิ่งหนีออกไป
สู่ขวัญโมโหมากไม่ยอมกลับพร้อมกับศึกรบ ศึกรบพอกลับมาถึงบ้านก่อนยก็ยืนรอสู่ขวัญอย่างกระวนกระวาย สู่ขวัญพอกลับมาถึงก็ปึงปังเข้ามาในห้อง “หยุดอยู่ตรงนั้น ไม่ต้องเข้ามา” ศึกรบงง “ขวัญ นี่คุณเป็นอะไรอีกเนี่ย” สู่ขวัญโวยวาย “ฉันก็เป็นทุกอย่างน่ะแหละ เป็นเมียคุณ เป็นคนให้งานคุณ เป็นคนที่โดนคุณนอกใจ” ศึกรบพยายามใจเย็น “ขวัญ อย่าประชดสิ ทำไมไม่คุยกันดีๆ” สูขวัญว่า “อยากให้พูดดี ได้ งั้นคุณก็บอกฉันมาก่อนสิว่ายัยระรินพูดจริงใช่ไหม คุณยังเหลือเยื่อใยอยู่ ถ้าฉันไม่บังคับคุณก็ไม่เลิก” ศึกรบรีบบอก “ไม่ใช่อย่างนั้นนะขวัญ” สู่ขวัญสวน “คุณจะแก้ตัวอะไรอีกล่ะ” ศึกรบว่า “ผมไม่ได้แก้ตัว ผมแค่ไม่อยากทำร้ายจิตใจใคร ผมก็เฟดตัวออกจากเขามาแล้ว ผมอยากให้ค่อยๆห่างกัน แบบนี้มันใจร้ายเกินไป” สู่ขวัญไม่พอใจ “ใส่ใจเขามากก็ไปดูแลเขาเลย จะมาทนคุยทนง้อกันทำไม ฉันไม่อยากเชื่ออะไรคุณอีกแล้วพอกันที” ศึกรบเข้าไปจะกอดสู่ขวัญ แต่สู่ขวัญผลักออก “อย่าเล่นไม้นี้เลยรบ ขวัญไม่พร้อมจะฟังอะไรทั้งนั้น ขวัญอยากอยู่คนเดียว” ศึกรบอึ้ง “เดี๋ยวนะ ขวัญ หมายความว่ายังไง” สู่ขวัญบอกเสียงเขียว “คุณขนของออกไปได้แล้ว ขวัญจะอยู่คนเดียว” สู่ขวัญพูดจบก็เดินหนีไปเลย ไม่ยอมคุยด้วยอีก
ด้านระรินก็โกรธแค้นสู่ขวัญมาก เลยคิดจะแก้แค้นโดยการไปแจ้งความที่สถานีตำรวจเพื่อจะเอาเรื่องสู่ขวัญที่มาทำร้ายร่างกายตนเอง หวังจะให้สู่ขวัญเสื่อมเสียชื่อเสียง
มีนาพอรู้ข่าวเรื่องที่ระรินไปแจ้งความเอาผิดกับสู่ขวัญ ก็ไปเตือนสู่ขวัญให้ระวังตัวไว้ทันที

ตอนที่ 9 วันพุธ ที่ 7 พฤษภาคม 2557
เปรี้ยวพาไอวี่ไปคัดเลือกตัวพริตตี้ที่โมเดลลิ่งของนก นกพอใจในตัวไอวี่มาก รับไอวี่เข้าทำงานทันที ไอวี่จึงไปหาพัฒนะเพื่อบอกเลิกสัมภาษณ์งานโรงแรม
ในงานอีเวนท์ระรินเดินมาชนกับไอวี่จนเกือบจะมีเรื่องกัน ไอวี่หงุดหงิดใจมากจึงคิดหาทางแกล้งเดินกระแทกระรินบนเวที ระรินโมโหเลยเอาคืน ด้วยการเอาเท้าขัดขาไอวี่จนล้มแล้วเดินกลับเข้าหลังเวทีไป
ไอวี่โกรธเดินตามระรินกลับเข้ามาหลังเวที ทำให้ทั้งคู่ทะเลาะตบตีกัน นกจึงต่อว่าไอวี่แล้วแคนเซิลคิวงานของไอวี่ช่วงนี้ออกไป
ศึกรบขับรถมาที่ร้านของปองฤทัยเพราะรู้สึกกลุ้มใจ ปองฤทัยเห็นอาการของศึกรบเลยทำเป็นชวนศึกรบคุยเพื่อให้ศึกรบอารมณ์ดีขึ้น
แจ๊สพาระรินมากินข้าวกับเด็กในสังกัด ทำให้ระรินได้รู้จักกับธันวา ระรินเมามากธันวาเลยอาสาพาระรินไปส่งที่คอนโด
สายวันต่อมา ระรินงัวเงียตื่นขึ้นมา มองไปรอบตัวเห็นเสื้อผ้ากระจัดกระจายก็ตกใจก้มดูตัวเองแล้วมองไปข้างๆ เห็นธันวานอนหลับอยู่ ระรินรีบไล่ธันวาออกไปจากห้อง และห้ามไปพูดเรื่องนี้ให้ใครฟังเด็ดขาด ไม่อย่างนั้นจะฟ้องว่าธันวาข่มขืนตนเอง
ศึกรบยังคงกลุ้มใจเรื่องสู่ขวัญ จึงไปปรึกษาสาธร สาธรให้ศึกรบลองง้อสู่ขวัญไปเรื่อยๆ เดี๋ยวก็ดีกันเอง สาธรเลยชวนศึกรบไปกินข้าวด้วยกันเพื่อให้หายกลุ้มใจ
สู่ขวัญกลับเข้ามาบ้านพร้อมมีนา มีนาแนะนำสู่ขวัญให้เลิกงอนศึกรบ ไม่อย่างนั้นเดี๋ยวจะเสียศึกรบไปจริงๆ
ด้านสาธรพาศึกรบมากินข้าวกับเปรี้ยว และได้เจอกับไอวี่ สาธรเห็นไอวี่ก็มองตามตะลึงในความสวย ศึกรบมองไอวี่ตามสาธรก็สะดุดไปเล็กน้อย “คุณรบคุณธรค่ะ นี่ไอวี่เพื่อนสนิทเปรี้ยวเองค่ะ ที่พามาแนะนำในวันนี้ เพราะอยากปรึกษาเรื่องงานน่ะค่ะ พอดีไอวี่กำลังหางานทำไว้เป็นทุนเรียนหนังสือให้จบปริญญาตรี ครอบครัวยากจนไม่ได้ส่งเสียค่ะ ต้องดิ้นรนเอง ไอวี่เรียนการโรงแรมมาค่ะ เปรี้ยวเลยแนะนำให้มาพบคุณวันนี้” สาธรถาม “แต่คุณยังเรียนไม่จบ ไม่มีวุฒิอะไรเลยนี่ครับ” ไอวี่รีบบอก “กำลังจะจบปีนี้แล้วน่ะค่ะ แต่ตอนนี้ต้องหาเงินไปลงทะเบียนก่อน ไม่งั้นวี่ไม่จบแน่ๆ” สาธรช่วยพูดชักจูงศึกรบอีกคน
“โธ่บอส ก็ให้น้องเค้าไปฝึกงานก่อนก็ได้ ให้เป็นเบี้ยเลี้ยงก็ได้นี่” เปรี้ยวบอก “ลำพังเบี้ยเลี้ยงรายวันคงไม่พอหรอกค่ะไหนจะค่าเช่าหออีก ค่ากิน ค่าเดินทาง ค่าแต่งตัว แหม ลูกผู้หญิงมีรูปเป็นทรัพย์ ก็ต้องแต่งบ้างเป็นธรรมดา รายจ่ายเยอะน่ะค่ะ ไอวี่เขาเลยอยากหางานทำ” ศึกรบมองไอวี่อย่างพิจารณา ไอวี่สบตามอง
ศึกรบทำหน้าน่าสงสาร ศึกรบนิ่งไปนิด ก่อนจะบอกให้ไอวี่ไปสมัครงานที่โรงแรม ทุกคนดีใจทันที ต่างยกแก้วขึ้นเพื่อดื่มฉลองให้ไอวี่เพื่อเป็นการรับน้องใหม่
ตอนดึก ไอวี่แกล้งเป็นทำมึนหัวอ้อนให้ศึกรบพาตนเองไปส่งที่หอพัก “ขอบคุณมากนะคะ ที่กรุณามาส่งวี่” ศึกรบบอก “ไม่เป็นไรครับ ดึกขนาดนี้ ใครจะปล่อยผู้หญิงสวยๆ กลับคนเดียวได้ลงคอ” ไอวี่มองศึกรบสายตามีความหมาย “คุณรบจะขึ้นไปดื่มกาแฟสักถ้วยก่อนไหมคะ จะได้ขับรถกลับบ้านอย่างสดชื่นขึ้น”
ศึกรบยิ้มให้ไอวี่ “ขอบคุณนะครับ แต่มันดึกมากแล้ว ยังไงพรุ่งนี้ไอวี่ไปกรอกใบสมัครไว้ที่โรงแรมเลยละกันเดี๋ยวผมเข้าไปดูให้” ไอวี่รู้สึกเสียดายโอกาสทันที แต่ก็รีบปรับสีหน้าแล้วยกมือไหว้ขอบคุณอีกครั้ง “ขอบคุณจริงๆ ค่ะที่คุณช่วยวี่ วี่จะไม่ลืมบุญคุณครั้งนี้เลย ถ้าคุณรบอยากให้วี่ทำอะไรเป็นการตอบแทนได้ วี่ยินดีนะคะ ทุกอย่าง” ศึกรบว่า “ไม่ต้องตอบแทนอะไรหรอกครับ ผมแค่อยากช่วย Good Night ครับ”
ไอวี่ลงจากรถ เดินมาหยุดยืนมองรถศึกรบที่เคลื่อนออกไปอย่างเสียดาย “คราวหน้าล่ะก็ จะไม่ให้รีบกลับเลยคอยดู”
ศึกรบขับรถไปส่งไอวี่เสร็จ ก็ขับรถต่อไปที่ร้านของปองฤทัยทันที ศึกรบต้องการมาหาเพื่อนคุยเพื่อให้สบายใจ ปองฤทัยเลยจัดดอกไม้ให้ศึกรบเพื่อไปง้อสู่ขวัญ
ศึกรบกลับมาบ้านก็พบว่าสู่ขวัญหลับไปแล้ว ศึกรบเอาช่อดอกไม้วางไว้ที่โต๊ะหัวเตียงของสู่ขวัญ ก่อนเดินออกจากห้องไปเงียบๆ สู่ขวัญลืมตาขึ้นมาเห็นช่อดอกไม้ทำให้รู้สึกดีขึ้น
ศึกรบส่งข้อความหาสู่ขวัญ แต่สู่ขวัญไม่ตอบ ศึกรบจึงส่งข้อความไปคุยกับปองฤทัยแทน
วันรุ่งขึ้น ศึกรบให้แสงดาวเปิดห้องที่โรงแรมเพื่อพักชั่วคราว แสงดาวรับคำสั่งแล้วมองศึกรบอย่างแปลกใจ
เปรี้ยวพาไอวี่มาสมัครงานที่โรงแรมเลอวิมาน ศึกรบจึงให้แสงดาวพาไอวี่ไปสมัครงานที่ฝ่ายบุคคล
พัฒนะเห็นไอวี่มากรอกใบสมัครก็ทำเป็นไม่สนใจ เพราะครั้งที่แล้วไอวี่หนีตนเองไป ไอวี่ให้เปรี้ยวหลอกให้พัฒนะออกจากห้องแล้วเข้าไปเปลี่ยนใบสมัครของตนเองกับคนอื่นเพื่อให้ได้งานที่โรงแรม
ป้อมไปดักพบไอวี่เพราะมีข่าวงานใหม่มาบอก ไอวี่เพิ่งได้งานที่โรงแรมก็เลยปฏิเสธป้อมไป ป้อมจึงพาไอวี่ไปกินข้าวแล้วพาไปส่งที่หอพัก
ภาวดีพูดเตือนสู่ขวัญให้หายโกรธศึกรบได้แล้ว เพราะยังไงก็ผัวกันเมียกัน ลิ้นกับฟันกระทบกันบ้างเป็นเรื่องธรรมดา สู่ขวัญทำเป็นไม่สนใจเดินหนีไป
ปองฤทัยกำลังเก็บดอกไม้เตรียมปิดร้าน ศึกรบเปิดประตูเดินเข้ามาในร้านและบอกปองฤทัยว่าจะขอแวะมาที่ร้านทุกวัน ปองฤทัยเขินจัดจนเผลอทำน้ำร้อนหกรดตัวเอง ศึกรบรีบเอาผ้าห่อน้ำแข็งมาห่อมือปองฤทัยที่โดนน้ำร้อน ปองฤทัยขอบคุณศึกรบอย่างเขินๆ
ศึกรบกลับมาพักที่ห้องพักโรงแรม แล้วนึกถึงปองฤทัยกับสู่ขวัญ จึงส่งข้อความไปหาปองฤทัยกับสู่ขวัญ ปองฤทัยได้ข้อความที่ศึกรบส่งมาก็ปลื้มใจจนป้อมนึกว่าเป็นข้อความของชโยดม
สู่ขวัญได้ข้อความของศึกรบก็ดีใจจะกดตอบกลับ แต่แล้วก็เปลี่ยนใจวางโทรศัพท์มือถือลงแล้วปิดไฟนอน แต่กลับนอนไม่หลับเพราะคิดถึงคำพูดเตือนของภาวดี
ไอวี่มาทำงานวันแรกแล้วรู้ว่าศึกรบพักอยู่ที่โรงแรมก็ทำเป็นแกล้งปวดท้องเพื่อจะแอบไปหาศึกรบ ไอวี่หลอกถามแม่บ้านจนรู้ว่าศึกรบพักห้องไหนเพื่อจะเข้าไปหาศึกรบที่ห้อง
ไอวี่เดินมาหยุดยืนอยู่ที่หน้าห้องของศึกรบ ก่อนจะคิดว่าจะทำยังไงดีถึงจะเข้าไปหาหรือให้ศึกออกมาหาตนเองได้ สักพักไอวี่ก็ยิ้มขึ้น ไอวี่แกล้งทำเป็นหกล้มแล้วร้องขึ้นเสียงที่ดังหน้าห้องพักของศึกรบ “โอ๊ยยย โอ๊ยย”
ภายในห้อง ศึกรบกำลังผูกไทด์อยู่ตกใจเสียง รีบไปเปิดประตูออกไปดู ก็เจอกับไอวี่นั่งทรุดอยู่หน้าห้อง ศึกรบตกใจรีบเข้าไปประคอง “เกิดอะไรขึ้นครับ”
ไอวี่ทำท่าพยายามจะลุกแต่แกล้งล้มลงอีก ก่อนจะเอามือไปกุมที่ข้อเท้า “โอ๊ย เจ็บจังค่ะ” ไอวี่พยายามจะลุกขึ้นอีกครั้ง ศึกรบรีบร้องห้าม “อยู่นิ่งๆ ครับ อย่าเพิ่งขยับนะครับ” ไอวี่แสร้งพยายามฝืนลุกขึ้น แล้วทำเป็นเซ ศึกรบรับไว้ได้ทัน ไอวี่อยู่ในอ้อมกอดของศึกรบ ทำท่าทางสำออยว่าเจ็บหนักทันที ศึกรบมองไอวี่อย่างเป็นห่วง “ข้อเท้าคุณคงพลิกน่ะครับ ผมว่าถอดรองเท้าออกก่อนดีกว่านะครับ ขออนุญาตนะครับ” ศึกรบก้มลงถอดรองเท้าข้างที่เจ็บให้ไอวี่ออก ไอวี่แอบมองศึกรบปลื้ม “เจ็บมากใช่ไหมครับ” ไอวี่พยักหน้า “ค่ะ พอเท้าแตะพื้นก็เจ็บแปล๊บขึ้นมาเลยค่ะ” ศึกรบว่า “เออ ในห้องผมพอจะมียาทา ถ้างั้นลองทายาดูก่อนดีกว่านะครับถ้าไม่หาย ค่อยไปหาหมอให้ดูให้อีกที” ไอวี่แอบยิ้มทันที ศึกรบประคองไอวี่ลุกขึ้นมา แล้วพาเข้าไป
ในห้องพัก ศึกรบเดินไปหยิบเอายามานวดที่ข้อเท้าให้ไอวี่ พลางถามอาการไปด้วย “เป็นไง รู้สึกดีขึ้นไหม เท่าที่ดูก็ไม่ค่อยบวมเท่าไหร่แล้วนะ” ไอวี่ทำเป็นเขิน “ดีขึ้นแล้วค่ะคุณรบ ขอบคุณมากนะคะ” ศึกรบนวดเสร็จเดินเอายาไปเก็บ ไอวี่ลุกขึ้นทำท่าจะเดิน แต่ก็ลุกไม่ค่อยไหวแกล้งล้มลงไปอีก ศึกรบหันไปเห็นรีบเข้าไปประคองทันที “อย่าเพิ่งรีบลุกสิ นั่งสักพักก่อน” ไอวี่ทำหน้าซื่อบอก “แต่ไอวี่ไม่อยากรบกวนคุณนานนี่คะ”
ศึกรบว่า “ไม่เป็นไรหรอก ผมไม่ได้รีบไปไหน นวดต่อสักพักน่าจะดีขึ้นกว่านี้” ไอวี่แกล้วทำเป็นร้อง “โอ๊ะๆ เจ็บค่ะ” ศึกรบรีบบอก “ขอโทษครับเดี๋ยวผมจะทำเบาๆ กว่านี้นะครับ” ไอวี่พยักหน้ายิ้มๆ “ค่ะ” ศึกรบนวดไล่ช่วงข้อเท้าไปจนถึงน่อง ศึกรบหันมาเจอสายตาของไอวี่ที่แอบมองตน ทั้งสองคนสบตากัน มือศึกรบจากที่นวดอยู่เริ่มหยุดนิ่งมองไอวี่เคลิบเคลิ้ม หน้าของสองคนกำลังโน้มเข้าหากัน ก่อนที่ริมฝีปากจะชนกันไอวี่แกล้งยั้งเอาไว้ “เอ่อ ไอวี่ต้องขอตัวก่อนนะคะ” ศึกรบผงะรู้สึกตัวรีบกลบเกลื่อนความรู้สึกทำเป็นยิ้มรับ
“คุณไหวแน่นะครับ” ไอวี่พยักหน้า “ไหวค่ะ ขอบคุณนะคะที่ช่วยไอวี่” ไอวี่ค่อยๆ ลุกขึ้นให้เห็นว่าค่อยยังชั่ว แล้วค่อยๆเดินออกไป ศึกรบมองตามรู้สึกเก้อๆ ที่ปล่อยให้อารมณ์พาไป
แสงดาวเดินมาตามหาศึกรบ เพราะเห็นว่าสายแล้วยังไม่ลงมาจากห้องพัก เจอไอวี่ที่ออกมาจากลิฟต์ก็สงสัย แอบมองไอวี่ด้วยสายตาไม่พอใจ
ประนอมเย็บเสื้อโดยไม่พักผ่อนทำให้เกิดอาการเจ็บหน้าอกขึ้น ปองฤทัยกับป้อมตกใจจึงรีบพาประนอมไปส่งโรงพยาบาล หมอแจ้งให้ปองฤทัยรู้ว่าประนอมเป็นโรคหัวใจเฉียบพลัน อาจจะต้องผ่าตัด ปองฤทัยหน้าเสียทันที ไม่รู้ว่าจะจัดการกับเรื่องนี้ยังไงดี
ศึกรบมาที่ร้านของปองฤทัย ตั้งใจจะมาดื่มกาแฟ แต่พอมาถึงหน้าร้านเห็นร้านปิดก็รู้สึกแปลกใจ

ตอนที่ 10 วันจันทร์ ที่ 12 พฤษภาคม 2557
ทรงยศโทรไปตามศึกรบให้มาที่โรงพยาบาลบอกว่าภาวดีไม่สบาย ศึกรบจึงรีบไปโรงพยาบาลทันที ศึกรบเปิดประตูเข้ามาที่ห้องพักของภาวดีในโรงพยาบาลเจอสู่ขวัญ สู่ขวัญพอเห็นศึกรบมาก็ขอตัวกลับทันที ศึกรบรีบเดินตามไปง้อสู่ขวัญ

สู่ขวัญรีบเดินหนีออกมานอกห้อง ศึกรบตามออกไปติดๆ เรียกสู่ขวัญไว้ “ขวัญ อย่าเพิ่งไปสิครับ”สู่ขวัญไม่ยอมหยุดเดิน ศึกรบเร่งฝีเท้าวิ่งไปดักหน้าสู่ขวัญไว้ สู่ขวัญชะงักไม่พอใจ “เอ๊ะ คุณถอยไปนะ ฉันจะกลับ” สู่ขวัญจะหนี ศึกรบเข้าไปดึงสู่ขวัญมากอดไว้ สู่ขวัญอึ้งพยายามดิ้นให้หลุด “ปล่อย” ศึกรบบอก “ไม่ปล่อย เราต้องคุยกัน” สู่ขวัญโวย “ฉันบอกแล้วไงว่าขอคิดก่อน คุณฟังไม่รู้เรื่องเหรอ” “รู้เรื่อง” สู่ขวัญจ้องหน้าศึกรบ “รู้เรื่องก็ปล่อยได้แล้ว” สู่ขวัญดิ้น ศึกรบก็กอดแน่นขึ้นอีก “ขวัญ ขวัญจะโกรธผมไปถึงไหน ทำไมเราไม่คุยกันดีๆ แบบที่แม่ผมว่า” สู่ขวัญไม่ยอมตอบ ศึกรบบอก “ก็ได้ ถ้าคุณไม่พูดกับผม งั้นเราก็กอดกันอยู่แบบนี้นั่นแหละ” สู่ขวัญหันมองรอบๆ “ปล่อยนะ ไม่อายบ้างหรือไง” ศึกรบว่า “ไม่อาย คุณดิ้นไปก็ไม่มีประโยชน์หรอก ผมบอกแล้วว่าไม่ปล่อย ถ้าคุณไม่ดีกับผม เราก็จะอยู่สภาพนี้แหละ เอาให้เป็นรูปปั้นไปเลย” สู่ขวัญจำใจหยุดดิ้น และยอมพูดดีๆ กับศึกรบในที่สุด “ก็ได้ๆ คุณปล่อยฉันก่อนนะ ฉันจะพูดดีๆด้วยแล้ว” ศึกรบอ้อน “ไม่ใช่แค่พูดดีสิ แต่เราต้องดีกัน” สู่ขวัญถอนใจก่อนจะพูดขึ้น “โอเค ฉันยอมแพ้ ปล่อยฉันนะคะ” ศึกรบคิดซักพักแล้วหอมสู่ขวัญ ก่อนปล่อยตัวสู่ขวัญ “เอ๊ะ คุณนี่ ฉวยโอกาสชะมัด” สู่ขวัญบ่น “คุณรัดฉันจนปวดไปหมดแล้วเนี่ย” ศึกรบตอบยิ้มๆ “ก็คุณไม่ยอมใจเย็นเลย ผมก็ต้องทำแบบนี้แหละ” “ฉันบอกแล้วไงว่ายอมแล้ว ฉันไม่หนีแล้วนี่ไง” ศึกรบจับมือสู่ขวัญแล้วมองตา “ผมไม่อยากได้แค่นั้น ผมอยากให้คุณให้อภัยผม ผมทำขนาดนี้แล้ว คุณจะไม่เห็นใจผมบ้างเลยเหรอขวัญ ผมยอมคุณทุกอย่าง แค่คุณบอกมาแค่นั้นจริงๆ นะ” สู่ขวัญถามย้ำ “ทุกอย่างเลยเหรอ” ศึกรบพยักหน้า “ครับ ทุกอย่าง” สู่ขวัญว่า “ฉันอยากขอคุณแค่อย่างเดียว รบ คุณอย่ายุ่งกับผู้หญิงที่ชื่อระรินอีก คุณให้ฉันได้หรือเปล่า” ศึกรบบอก “ได้สิขวัญ ผมให้สัญญากับคุณ ว่าผมจะไม่ยุ่งกับเขาอีก ด้วยเกียรติของผมเลย” สู่ขวัญนิ่งคิดสักพักแล้วพูดขึ้น “ก็ถ้าคุณสัญญา แล้วทำให้เห็นได้ ขวัญก็โอเคค่ะ” ศึกรบดีใจ เข้าไปกอดสู่ขวัญแน่น “ขอบคุณนะขวัญ ไว้เดี๋ยวงานหายยุ่งแล้วเราไปฮันนีมูนรอบสองกันที่ยุโรปด้วยกันนะ” สู่ขวัญเริ่มอาย “รบค่ะ ปล่อยขวัญก่อน คิดเร็วทำเร็วจริง คนบ้า ขวัญอายคนอื่นนะคะ” ศึกรบว่า “ไม่ ขอกอดเมียให้ชื่นใจหน่อยก็ยังดี” 
ศึกรบเดินออกมาส่งสู่ขวัญ ก็เห็นปองฤทัยกับป้อมนั่งอยู่ไกลๆ จึงเดินไปหาทั้งคู่ หลังจากไปส่งสู่ขวัญที่รถกลับมาแล้ว
ศึกรบไปแอบฟังปองฤทัยกับป้อมคุยกันได้ยินว่าประนอมเป็นโรคหัวใจต้องผ่าตัด จึงตัดสินใจเข้าไปทักและไปขอเยี่ยมประนอม

สู่ขวัญให้พรทำอาหารไว้เพื่อฉลองที่ภาวดีออกจากโรงพยาบาล ศึกรบนำสร้อยเพชรที่เตรียมไว้มาให้สู่ขวัญเป็นของขวัญ ตอบแทนที่สู่ขวัญให้อภัยตนเอง สู่ขวัญจึงอัพเดทรูปสร้อยเพชร รูปคู่ตัวเองกับศึกรบขึ้นเฟซบุ๊ก

วันรุ่งขึ้น ไอวี่มาหาศึกรบที่ห้องพัก แสงดาวเดินผ่านมาเจอก็พูดจาเยาะเย้ยไอวี่ที่ไม่รู้ว่าศึกรบตอนนี้กลับไปนอนที่บ้านแล้ว
ระรินจะเข้าฉากถ่ายละครกับธันวา มีฉากที่ต้องทะเลาะตบตีกัน ระรินเล่นนอกบทเอากระเป๋าฟาดเข้าเต็มหน้าธันวา และด่าเหมือนเคียดแค้นกันจริงๆ ธันวาเดินตามระรินมาขอคำอธิบายว่าทำไมต้องทำขนาดนี้ ระรินไม่พอใจออกปากไล่ธันวาไม่ให้เข้ามาใกล้ตนเองแล้วเดินเชิดใส่ธันวาหนีเข้าห้องน้ำไป ธันวามองตามรู้สึกเจ็บใจ
แจ๊สเดินมาเจอระรินนั่งหงุดหงิดอยู่ ก็รีบถามระรินว่าเกิดอะไรขึ้นระหว่างระรินกับธันวา แต่ระรินไม่ยอมรับบอกกับแจ๊สว่าคนที่เหมาะสมกับตนเองมีแค่ศึกรบเท่านั้น แจ๊สหมั่นไส้เลยเอาข่าวของสู่ขวัญกับศึกรบมาให้ระรินดูว่าสู่ขวัญกับศึกรบกำลังจะไปฮันนีมูนรอบสองเพื่อให้มีลูกด้วยกัน ระรินมองข่าวสู่ขวัญกับศึกรบแล้วของขึ้น พูดอย่างโกรธแค้นว่าจะไม่ยอมให้ทั้งสองคนมีลูกด้วยกันเด็ดขาด
ไอวี่แกล้งเลิกงานช้าเพื่อรอกลับพร้อมศึกรบ พอเห็นพนักงานขับรถของศึกรบขับรถมาจอดที่หน้าโรงแรม ก็รีบกลับออกจากโรงแรมไป ศึกรบขับรถเลี้ยวออกมาจากโรงแรมเห็นไอวี่เดินอยู่ริมถนนจึงขับรถเข้าไปหา แล้วอาสาจะไปส่งไอวี่ที่หอพัก

ตอนที่ 11 วันอังคาร ที่ 13 พฤษภาคม 2557
ที่ด้านหน้าหอพัก ศึกรบเห็นชายขี้เมาประจำหอพักเดินมาแซวไอวี่ ศึกรบรู้สึกเป็นห่วงเลยเดินขึ้นไปส่งไอวี่ที่ด้านบนห้องพักไอวี่แกล้งทำเป็นกลัว ขอให้ศึกรบอยู่เป็นเพื่อนจนกว่าเปรี้ยวจะมา ศึกรบพบยักหย้าตอบรับ ไอวี่จึงไปชงกาแฟมาให้ศึกรบและแกล้งทำกาแฟหกใส่เสื้อผ้าตนเอง ไอวี่รีบไปเปลี่ยนเสื้อผ้าในห้องน้ำ และแกล้งทำเสียงร้องดังออกมาจากห้องน้ำ “ว้ายยยย” ศึกรบตกใจรีบวิ่งไปที่หน้าประตูห้องน้ำแล้วเคาะประตูเรียก“ไอวี่ ไอวี่เกิดอะไรขึ้นครับ ไอวี่” เสียงไอวี่ร้องดังขึ้นอีก “โอ้ย” ศึกรบชักเป็นห่วง “ไอวี่คุณเป็นอะไรหรือเปล่า” ศึกรบเคาะประตูเสียงดัง ไอวี่ไม่ตอบ ศึกรบเขย่าประตูเห็นประตูไม่ได้ล็อคจึงตัดสินใจเปิดเข้าไปทันที ไอวี่กรีดร้องขึ้นอีก “อ๊ายยยย” ศึกรบรีบหันหลังทันที แล้วถามไอวี่ด้วยความเป็นห่วง “คุณโอเคไหมไอวี่ คือผมได้ยินเสียงเหมือนคุณล้มในห้องน้ำเลยรีบมาดู” ไอวี่บอก “ไอวี่ลื่นล้มค่ะ คุณช่วยส่งผ้าขนหนูให้ไอวี่ทีได้ไหมคะ” ศึกรบเอื้อมมือหยิบผ้าขนหนูที่แขวนไว้จะส่งให้ไอวี่ “ได้ ได้ครับ” ไอวี่แอบยิ้ม

ระรินส่งข้อความไปขอนัดเจอกับศึกรบที่ร้านอาหาร ศึกรบไม่ค่อยอยากไปพบแต่ก็ต้องจำใจไปเพราะระรินบอกมีเรื่องสำคัญมาก ศึกรบเดินเข้ามาจะนั่งที่โต๊ะ ระรินลุกขึ้นพุ่งเข้าไปกอดศึกรบทันที “คุณรบมาแล้ว รินคิดถึงคุณที่สุดเลย” ศึกรบไม่ตอบ แต่ค่อยๆ ดันตัวระรินออก “อย่าทำแบบนี้มันไม่เหมาะ“ ระรินสวนกลับไม่พอใจ “ไม่เหมาะอะไรกันคะ” ศึกรบบอกอย่างใจเย็น “คนอื่นเห็นเข้ามันจะไม่ดี คุณก็รู้” ระรินไม่สน “รินไม่กลัวหรอกค่ะ เพราะอีกหน่อยเราก็น่าจะคบหากันเปิดเผยได้แล้ว” ศึกรบงง มองระรินแบบไม่เข้าใจ “หมายความว่ายังไง ผมนึกว่าเราเคลียร์กันรู้เรื่องแล้วไม่ใช่เหรอ” ระรินยิ้มร้ายก่อนจะตอบ “คุณฝ่ายเดียวต่างหากที่ตกลง รินยังไม่ยอมหรอกนะคะ” ศึกรบชักหงุดหงิด “คุณต้องการอะไรกันแน่” ระรินยืนนิ่งไม่ยอมตอบเพราะคิดว่าตัวเองถือไพ่เหนือกว่า ศึกรบเลยตัดสินใจควักเงินออกมา ระรินมองเห็นว่าศึกรบกำลังจะทำอะไรก็โวยวาย “รินไม่ได้ต้องการเงิน แต่รินต้องการ ทะเบียนสมรส” ศึกรบอึ้ง มองระรินท่าทางเอาจริง “ไม่มีทาง ผมให้คุณไม่ได้ ผมมีภรรยาอยู่แล้วคุณก็รู้” “มีแล้วยังไงคะ” ระรินตอบแบบไม่ทุกข์ร้อน ศึกรบชักจะหัวเสียขึ้นมา “ทำไมคุณถึงพูดไม่รู้เรื่องแบบนี้นะริน” ระรินไม่พอใจ “อ๋อ เดี๋ยวนี้รินทำอะไรก็ผิดไปหมดแล้วเหรอคะ คุณกำลังรำคาญรินใช่ไหม” ศึกรบถอนใจ “ไม่ใช่แบบนั้น” ระรินว่า“ก็คุณพูดเหมือนรำคาญจริงๆ” ศึกรบเริ่มจะทนไม่ไหว “ถ้าคุณยังเป็นแบบนี้ผมจะไม่คุยด้วย ผมกลับล่ะ” ระรินมองศึกรบอย่างท้าทาย “ทำไมคะ ต้องหาเหตุผลอะไรเหรอคะ ในเมื่อเรื่องของเราคุณก็รู้อยู่แก่ใจ” ศึกรบตอบอย่างเอือมๆ “มันก็ใช่ แต่” ระรินพูดต่อ “รินเป็นดารา ถ้ารินท้องซักวันคนอื่นก็จะรู้แล้วไม่ว่ายังไงรินจะไม่ยอมททำแท้ง รินจะเก็บเขาไว้ถึงพ่อเขาจะไม่ต้องการก็เถอะ” ศึกรบอึ้งไป ก่อนจะพูดขึ้น “ผมยังไม่ได้บอกว่าผมไม่ต้องการเขา” ระรินแอบยิ้ม “งั้นคุณก็รับผิดชอบทั้งรินทั้งลูกสิคะ รินขอแค่ทะเบียนสมรส คุณให้ไม่ได้เหรอคุณกับคุณขวัญก็ยังไม่มีลูกด้วยกัน แต่เรากำลังจะมีลูกของเรานะคะคุณรบ” ระรินตีหน้าเศร้า ศึกรบเริ่มคิดหนัก ระรินมองหน้าศึกรบ ศึกรบยังคงอึ้งอยู่ แต่แล้วก็ตัดสินใจพูดออกมา “ผมจะคิดดูก่อน” ระรินตวาด “ไม่ค่ะ” ศึกรบงง “ทำไมล่ะ” ระรินบอกน้ำเสียงเด็ดขาด “รินอยากได้คำตอบ พรุ่งนี้เท่านั้น” ศึกรบพยายามต่อรอง “ผมขอเวลาสองวัน” ระรินปฏิเสธ “ไม่ได้ค่ะ ยังไงต้องพรุ่งนี้ พรุ่งนี้เท่านั้น” ศึกรบบอก “แต่ผมมีหลายเรื่องต้องจัดการ” ระรินชักไม่พอใจ “จะอะไรนักหนาคะ ทำไมตัดสินใจเลยไม่ได้หรือว่าคุณจะไม่รับผิดชอบ” ศึกรบพยายามระงับอารมณ์ “ผมตัดสินใจเลยก็ได้ แต่ผมไม่ชอบให้ใครมาบังคับ หรือบอกให้ผมทำอะไร มันกะทันหันมาก ตอนนี้ผมยังไม่พร้อม คุณเข้าใจไหมริน” ระรินรู้ว่าศึกรบเริ่มโกรธ เลยพยายามอ่อนลงเดินเข้าไปจับมือศึกรบไว้ “เข้าใจก็ได้ค่ะ สองวันนะคะรินจะรอ” ศึกรบมองหน้าระรินอย่างลำบากใจ ระรินไม่พอใจแต่ก็ฝืนยิ้มไป
ศึกรบกลับมาที่รถเห็นป้อมโทรศัพท์มาหาแล้วไม่ได้รับสาย จึงรีบโทรกลับ ป้อมรับโทรศัพท์ของศึกรบ และยอมรับข้อเสนอของศึกรบเรื่องร้านขายดอกไม้ ศึกรบวางสายจากป้อมก็เครียดยิ่งกว่าเดิม
ศึกรบสั่งแสงดาวหาตั๋วเครื่องบินไปโตเกียว 15 วัน เพื่อจะไปฮันนีมูนกับสู่ขวัญรอบสอง แทนการไปฮันนีมูนที่ยุโรป โดยที่มีนาไปช่วยพูดเกลี้ยกล่อมให้สู่ขวัญไปหาผ้ากิโมโนที่ญี่ปุ่นมาใช้กับที่ร้าน สู่ขวัญเลยจำใจต้องยอมทำตามศึกรบให้ศุภชัยไปเจรจาซื้อขายร้านของปองฤทัย พอปองฤทัยรู้ว่าศึกรบเป็นเจ้าของสัญญาก็ไม่ยอมขาย แต่ศึกรบพูดจนปองฤทัยยอมทำสัญญากับศึกรบ
ที่โรงพยาบาล ปองฤทัยพาชโยดมมาเยี่ยมประนอม และได้บอกกับประนอมว่าเอาของในร้านไปขายลดราคามา จนได้เงินมาผ่าตัดประนอม
ชโยดมมาหาสู่ขวัญที่ร้าน เพื่อบอกว่าตนเองจะย้ายมาประจำที่กรุงเทพฯ สู่ขวัญถามดักคอชโยดมว่า สงสัยจะมีคนที่อยากอยู่ใกล้ๆ แล้ว ถึงย้ายมาได้
ศึกรบนัดเจอกับระรินที่ร้านอาหาร เพื่อคุยกันถึงข้อตกลงเรื่องลูก “ผมได้คำตอบให้คุณแล้ว” ระรินตื่นเต้น “ตกลงว่ายังไงคะ” ศึกรบว่า “ผมจะรอให้คุณคลอดเด็กออกมาก่อน” ระรินไม่พอใจทันที “ทำไมต้องรอด้วยคะ” ศึกรบบอก “ผมอยากตรวจดีเอ็นเอ ถ้าเขาเป็นลูกผมจริงผมจะรับเขาเป็นลูก ส่วนค่าใช้จ่ายระหว่างที่คุณกำลังท้องผมจะจัดการให้เอง” ระรินโมโหทันที “ตรวจดีเอ็นเอ นี่คุณหาว่ารินโกหก ไปท้องกับใครไม่รู้แล้วมาอ้างว่าเป็นลูกคุณเหรอ” ศึกรบพยายามอธิบาย “ไม่ใช่แบบนั้น ผมแค่อยากทำให้มันแน่ใจระหว่างนี้คุณก็ไปพักผ่อนเมืองนอกก่อน ผมออกค่าใช้จ่ายให้จะคลอดที่นั่นเลยก็ได้ คุณไม่ต้องกังวลอะไรทั้งนั้น” ระรินลุกขึ้นตบโต๊ะ โกรธมาก “คุณพูดจาดูถูกริน รินยอมไม่ได้หรอกค่ะ รินจะไม่ไปไหนทั้งนั้น” ศึกรบรู้อึกอัด “ผมให้ได้เท่านี้ ถ้าคุณไม่ยอม คุณจะไม่ได้อะไรจากผมอีก” ระรินเชิดหน้าขึ้นอย่างถือตัว “ไม่ให้ก็ไม่ให้ รินแค่ต้องการความรับผิดชอบถ้าอีกฝ่ายไม่เต็มใจ รินก็ไม่อยากรับเหมือนกัน” ระรินพูดจบก็ก้าวพรวดๆ ออกจากร้านไป ศึกรบเดินตามออกมาดึงระรินไว้ ระรินสะบัดตัวออก “ริน คุณต้องคุยกับผมให้รู้เรื่องนะ” “รินไม่มีอะไรจะคุยกับคุณ” ศึกรบว่า “แต่คุณต้องคุย ผมไม่ได้บอกว่าผมไม่เต็มใจรับผิดชอบ แต่ทีผมทำแบบนี้แค่ต้องการความแน่ใจ” ระรินโวยกลับ “มันก็แสดงว่าคุณไม่ไว้ใจริน รินจะบอกคุณว่ารินทำได้ทุกอย่าง รินจะเอาข่าวนี้ป่าวประกาศบอกใครก็ได้ ถ้าคุณอยากทำแบบนี้กับริน เราจะได้เห็นดีกัน” ศึกรบโต้กลับ “คุณอยากทำอะไรแตกหักกับผมก็ตามใจคุณแต่อยากเตือนคุณคิดให้ดีๆ ชื่อเสียง เงินทอง งานของคุณ ถ้าข่าวนี้มันออกไป มันจะเป็นยังไง” ระรินชะงักไป ศึกรบหยิบสมุดเช็คออกมาเซ็นยื่นให้ระริน “ผมให้คุณเท่านี้ ลองคิดดูดีๆ ก่อนที่จะทำอะไร เพราะผมก็ทำได้ทุกอย่างเหมือนกัน” ศึกรบพูดเอาจริง ระรินอึ้ง ก่อนจะยื่นมือไปดึงเช็คมา

ตอนที่ 12 วันพุธ ที่ 14 พฤษภาคม 2557
ระรินกลับมาที่คอนโด แจ๊สก็เข้าไปถามด้วยความเป็นห่วง ระรินเล่าเหตุการณ์ให้แจ๊สฟังอย่างเจ็บใจแต่ยังไม่ยอมแพ้
สู่ขวัญบอกศึกรบว่าไปฮันนีมูนที่ยุโรปไม่ได้ ให้ศึกรบเลื่อนไปก่อน ศึกรบแกล้งทำหน้าเศร้าให้สู่ขวัญรู้สึกเห็นใจ สู่ขวัญมองหน้าศึกรบลังเล ก่อนจะตัดสินใจยอมไปเพื่อเอาใจศึกรบ
ชโยดมพยายามจะถามป้อมว่าปองฤทัยเอาเงินที่ไหนมารักษาประนอม ป้อมบอกให้ชโยดมรู้ว่าปองฤทัยเอาร้านไปจำนอง แต่ป้อมไม่ยอมบอกกับชโยดมว่าปองฤทัยเอาไปจำนองกับใคร
มีนาโทรมาหาส่ขูวัญก่อนที่จะออกไปฮันนีมนูกับศึกรบ เพื่อจะบอกข่าวของระรินที่ไปฝากครรภ์ แล้วเด็กอาจจะเป็นลูกของศึกรบ สู่ขวัญฟังที่มีนาบอกแล้วรู้สึกไม่เชื่อแต่ก็อดไม่สบายใจไม่ได้
ศึกรบกำลังจะขับรถออกจากบ้าน แต่จู่ๆ ก็มีรถคันหนึ่งพุ่งมาจอดขวางไว้ ศึกรบกับสู่ขวัญตกใจมองไปข้างหน้า “ใครกัน” สู่ขวัญพอเห็นว่าระรินลงมาจากรถ เข้ามาขวางรถศึกรบไว้ก็ยิ่งตกใจเข้าไปอีก สู่ขวัญรีบลงจากรถ เดินไปหาระรินทันที “เธอมาทำอะไรที่นี่” ระรินโวยวายทันที “พวกคุณจะไปไหนไม่ได้ทั้งนั้น” ศึกรบรีบเดินเข้าไปหาระริน พูดเสียงเบาไม่ให้สู่ขวัญได้ยิน “ริน คุณมาทำไม กลับไปซะ” แต่ระรินหันไปทางสู่ขวัญ ตะโกนเสียงดัง “รินไม่กลับ แล้วคุณก็ไปไหนไม่ได้ด้วย จนกว่าจะคุยกันรู้เรื่อง” สู่ขวัญตวาด “คุยเรื่องอะไร จะมาโกหกอะไรอีก” ระรินลอยหน้าบอก “ก็เรื่องที่เธอควรจะรู้ยังไงล่ะ ฉันไม่ได้โกหก เธอต่างหากที่น่าจะเลิกโง่ได้แล้ว” สู่ขวัญไม่พอใจ “เธอว่าใครโง่มิทราบ มาถึงแล้วก็ด่าเอาๆ ไม่มีความเป็นผู้ดีเอาซะเลย” ระรินหมั่นไส้ “ผู้ดีอย่างเธอก็ดีแต่เก็บตัวอยู่ในบ้าน ไม่เคยรับรู้ว่าใครเขาไปถึงไหน สมควรแล้วที่โดนเขาทิ้งแล้วก็ไปคว้าไพร่อย่างฉันมาทำเมียอีกคน สมใจไหมล่ะ” สู่ขวัญเริ่มจะหมดความอดทน “ถ้าพูดแบบนี้ ก็ไม่มีความจำเป็นต้องพูดดีด้วยแล้วล่ะมั้ง” สู่ขวัญพุ่งเข้าไปตบระรินทันที ระรินอึ้งไปแต่ก็สวนกลับทันควัน สู่ขวัญไม่ยอมจะเข้าไปตบอีก ศึกรบรีบเข้าไปช่วยดึงสู่ขวัญออกมา ระรินโกรธหันมาตะโกนใส่ศึกรบ “คุณมันไม่ใช่ลูกผู้ชาย ทำไมคุณสนใจแต่มัน รินทำขนาดนี้แล้วทำไมคุณถึงไม่สนใจรินบ้าง รินยอมเสียศักดิ์ศรีให้เมียคุณทั้งด่าทั้งตบ ทั้งที่รินกำลังท้องลูกคุณอยู่นะ” สู่ขวัญตกใจหันถามศึกรบทันที “ลูกของคุณจริงเหรอ” ศึกรบจะจับสู่ขวัญไว้แต่สู่ขวัญสะบัดออก เดินเข้าไปผลักระรินจนเซล้ม ศึกรบตกใจเข้าไปประคองระริน สู่ขวัญหันไปมองศึกรบตาเขียว “เรื่องจริงใช่ไหม ยัยนี่พูดจริงใช่ไหม” ศึกรบตอบเสียงอ่อยๆ “ผมก็ไม่แน่ใจ” สู่ขวัญมองศึกรบอย่างผิดหวังสุดขีด แล้วหันหลังวิ่งหนีเข้าบ้านไป ศึกรบมองสลับไปมาระหว่างสู่ขวัญกับระริน สับสนไปหมด “ขวัญ เดี๋ยวขวัญ ฟังผมก่อน” ศึกรบตัดสินใจวิ่งตามสู่ขวัญเข้าบ้าน ระรินมองตามไปอย่างสะใจ ศึกรบตามสู่ขวัญมาทันจึงรีบดึงแขนสู่ขวัญไว้ “ขวัญ ฟังผมอธิบายก่อน” สู่ขวัญหันมามองทั้งโกรธทั้งเสียใจ “จะให้ฟังอะไรอีก คุณจะโกหกไปถึงไหน” ศึกรบว่า “ผมไม่ได้โกหก ผมรู้พูดไปก็เหมือนแก้ตัว แต่ผมไม่แน่ใจว่าลูกระรินจะเป็นลูกของผม” สู่ขวัญชะงัก “อะไรนะ” ศึกรบบอก “ผมรู้ว่าเขาไม่ได้มีผมคนเดียว เด็กนั่นอาจจะไม่ใช่ลูกผมก็ได้” สู่ขวัญรู้สึกผิดหวัง “คุณพูดจาไม่มีความรับผิดชอบแบบนี้ออกมาได้ยังไง” ศึกรบอึกอัก “ผม” สู่ขวัญรับไม่ได้สวนกลับทันที “ไม่ต้องพูดอะไรแล้วขวัญไม่อยากฟังแค่ที่ได้ยิน ได้เห็นทุกวันมันก็เกินทนแล้ว” ศึกรบพยายามพูด “คุณต้องเชื่อผมนะ ใจเย็นก่อน” สู่ขวัญสะบัดหน้าหนี “เชื่อจนยัยนั่นด่าว่าโง่น่ะเหรอ” ศึกรบว่า “คุณต้องอดทนสิ คุณเชื่อแต่คนอื่นแต่คุณไม่ฟังผม แล้วเมื่อไหร่เราจะเข้าใจกัน” สู่ขวัญโกรธจนไม่สนใจฟังอะไรทั้งนั้น “ใช่ ขวัญมันเข้าใจอะไรยาก งั้นคงไม่มีความจำเป็นต้องคุยกัน ปล่อย” สู่ขวัญจะเดินหนี ศึกรบยื้อไว้ สู่ขวัญเลยหันไปตบหน้าศึกรบเข้าเต็มแรง “เลิกยุ่งกับฉันซะที” สู่ขวัญวิ่งหนีขึ้นไปบนห้อง
ศึกรบโกรธ เดินออกไปต่อว่าระรินและไล่ให้ระรินกลับออกไป ภาวดีได้ยินเสียงคนทะเลาะกันก็ออกมาดู เจอระรินอยู่หน้าบ้านเลยมาช่วยศึกรบไล่ระรินให้กลับออกไป ระรินเห็นท่าไม่ดีเลยยอมกลับแต่ประกาศกร้าวก่อนไป ว่าจะไม่มีวันยอมแพ้จนกว่าศึกรบจะยอมรับเรื่องลูก
สู่ขวัญโทรไปบอกมีนาว่าระรินมาที่บ้านและบอกว่าท้องกับศึกรบ มีนาเจ็บใจแทนสู่ขวัญ ตามไปเอาเรื่องกับระรินที่งานอีเวนท์ จนมีเรื่องทะเลาะตบตีกัน

“อย่าหันมานะคะ ไอวี่โป๊อยู่ค่ะ” ศึกรบยืนอยู่กับที่ทำตัวไม่ถูก ไอวี่โผเข้ามากอดศึกรบจากทางด้านหลัง ศึกรบอึ้งไปชั่วขณะก้มมองมือไอวี่ที่โอบรอบเอวตัวเองอย่างไม่เชื่อสายตา “คุณเป็นห่วงไอวี่จริงๆ ใช่ไหมคะ” ศึกรบอึกอัก “เอ่อ ผมว่าคุณรับผ้าขนหนูไปก่อนดีไหมครับ” ไอวี่ยั่ว “คุณห่มให้ไอวี่ได้ไหมล่ะคะ” ศึกรบอึ้ง ไอวี่โอบศึกรบแน่นขึ้น ศึกรบทำตัวไม่ถูกได้แต่ยืนนิ่งงัน ศึกรบพยายามข่มใจหลับตาแล้วแกะมือไอวี่ออกหันไปเอาผ้าคลุมร่างให้ไอวี่ ไอวี่จับมือศึกรบไว้ ศึกรบลืมตามองดูไอวี่ที่ท่าทางเชื้อเชิญยั่วยวนด้วยสายตาจนศึกรบเคลิ้มไป ไอวี่เข้าไปกอดศึกรบอีกครั้ง หน้าไอวี่แนบอยู่ที่อกของศึกรบ “ไอวี่รักคุณนะคะ” ศึกรบก้มมองตาไอวี่ที่ดูไร้เดียงสา จิตใจศึกรบหวั่นไหวไปกับท่าทางที่ยั่วยวนของไอวี่ ทั้งคู่จ้องมองกันก่อนที่ศึกรบจะโน้มหน้าเข้าหาไอวี่

ศึกรบเดินออกจากหอพักไอวี่มาด้วยสีหน้าเครียด โกรธตัวเองที่ปล่อยให้อารมณ์พาไป ไอวี่ยืนมองศึกรบอยู่ที่ระเบียงด้วยสีหน้าพอใจที่ทำสำเร็จ
ศึกรบมาหาป้อมที่โรงพยาบาลเพื่อให้เงินกับป้อมเป็นค่าผ่าตัดของประนอม ป้อมไม่ยอมรับไว้ศึกรบจึงให้โทรศัพท์มือถือกับป้อมไว้เพื่อติดต่อกัน
ระรินเป็นลมขณะที่ออกงานอีเวนท์อยู่ จึงไปหาหมอเพื่อตรวจร่างกายพบว่าตนเองท้องได้ 6 สัปดาห์แล้ว ระรินดีใจมากหยิบโทรศัพท์ออกมาจะโทรไปบอกศึกรบ
ประนอมเข้าผ่าตัดโดยมีปองฤทัยและป้อมคอยอย่างกระวนกระวาย ศึกรบโทรศัพท์มาหาป้อมเพื่อถามอาการประนอม ปองฤทัยเห็นป้อมใช้โทรศัพท์ใหม่ก็ถาม ป้อมเลยแกล้งบอกว่าใช้เงินเก็บไปซื้อมา
ศึกรบให้แสงดาวหาตั๋วเครื่องบินไปสวิสต่อด้วยอิตาลีให้ตนเองกับสู่ขวัญ 15 วันเพื่อไปฮันนีมูน ไอวี่ทำทีเป็นเดินเข้าไปชนศึกรบโดยบังเอิญแล้วให้ศึกรบพาตนเองไปกินข้าวด้วยและไปเที่ยวด้วยกันต่อ
ปองฤทัยเฝ้าประนอมอยู่ข้างเตียงในห้องไอซียู เจอชโยดมในชุดเสื้อกาวน์เข้ามาก็แปลกใจ ชโยดมจึงบอกว่าตนเองย้ายมาประจำที่นี่แล้ว และขอให้ประนอมหายไวๆ
แจ๊สพยายามถามระรินว่าไม่สบายเป็นอะไร ระรินบอกกับแจ๊สว่าเธอท้องกับศึกรบ
ศึกรบกลับมาบ้าน หันไปเจอสู่ขวัญนั่งรออยู่ก็ตกใจ พยายามแก้ตัวว่าไปเที่ยวกับสาธร และเลี่ยงไปคุยเรื่องการไปฮันนีมูนยุโรป 15 วัน แต่สู่ขวัญยังไม่รับปาก
ป้อมเจอไอวี่ที่มหาวิทยาลัยก็ชวนไปเยี่ยมประนอมที่โรงพยาบาลด้วยกัน ไอวี่มาเยี่ยมประนอมเสร็จก็รีบกลับไปหาสุนีย์เพราะคิดถึงแม่ตนเอง
ป้อมรู้ว่าปองฤทัยจะขายร้านเพื่อมาเป็นค่าผ่าตัดให้แม่ก็โกรธมากที่ไม่ปรึกษาตนเอง ทำให้ทั้งสองทะเลาะกัน

ตอนที่ 13 วันจันทร์ ที่ 19 พฤษภาคม 2557
เปรี้ยวรับงานมาเป็นพริตตี้ในงานเดียวกับระริน ได้ยินเสียงเอะอะมาจากหน้างานเห็นว่าระรินกำลังทะเลาะอยู่กับมีนาเลยรีบกลับไปเล่าให้ไอวี่ฟัง ไอวี่จึงคิดหาทางช่วยให้ศึกรบพ้นจากระริน
ศึกรบรู้สึกเครียดไม่อยากทำงาน เลยไปที่ร้านของปองฤทัย ปองฤทัยมองศึกรบอย่างเห็นใจเลยพยายามพูดคุยเพื่อปลอบใจศึกรบ
สู่ขวัญนั่งร้องไห้กับมีนาที่ร้าน มีนาแนะนำสู่ขวัญว่าระรินได้ศึกรบไปก็ต้องได้แต่ตัว ทรัพย์สมบัติทั้งหลายอย่าหวังว่าจะได้ไปใช้สบาย สู่ขวัญคิดจะเอาคืนระรินด้วยความแค้นใจ
ศึกรบมาปรับทุกข์กับปองฤทัยที่ร้าน จนเผลอใจจะจูบปองฤทัย แต่ชโยดมเข้ามาเห็นก่อน เลยพูดเตือนศึกรบว่าไม่ควรมาอยู่กับผู้หญิงสองต่อสองแบบนี้ ปองฤทัยรีบพูดปกป้องศึกรบว่าเป็นความผิดของตัวเอง ชโยดมมองปองฤทัยอย่างผิดหวัง จึงฝากของเยี่ยมประนอมแล้วเดินหนีออกจากร้านไป
ชโยดมไปคาดคั้นป้อมว่าใครเป็นคนซื้อร้านให้ปองฤทัยบริหารร้านต่อ พอรู้ว่าเป็นศึกรบ ชโยดมเลยบอกให้ป้อมไปเตือนปองฤทัยให้ระวังตัวให้มากๆ และบอกให้ป้อมรู้ว่าศึกรบเป็นพี่เขยของตน
ทรงยศกับภาวดีหาทางพูดกับสู่ขวัญให้ยอมให้โอกาสศึกรบอีกครั้ง โดยให้รับผิดชอบในตัวเด็กแต่จะไม่รับผิดชอบระรินด้วยทะเบียนสมรสเพื่อไม่ให้ระรินเข้ามามีส่วนในกองมรดก สู่ขวัญทำท่าเออออตาม เสียงกริ่งหน้าบ้านดังขึ้นพอดี ไอวี่กดออดหน้าบ้านสู่ขวัญเพื่อมาเสนอความช่วยเหลือ สู่ขวัญดูออกว่าไอวี่ก็เป็นผู้หญิงอีกคนของศึกรบ เลยออกปากไล่ไอวี่แล้วเดินหนีเข้าบ้านไป ไอวี่วิ่งตามมาพูดไล่หลังสู่ขวัญ “ฉันอยากช่วยคุณจริงๆ นะ ฉันอยากช่วยคุณกำจัดยัยระรินนั่น เรามีผลประโยชน์กัน ก็น่าจะร่วมมือกันได้ไม่ใช่เหรอ” สู่ขวัญหันกลับไปยิ้มเยาะไอวี่ “ไม่จำเป็น ฉันไม่จำเป็นต้องใช้วิธีหมาหมู่ต่ำๆ เหมือนที่พวกคนอย่างเธอทำ กลับไปได้แล้ว” สู่ขวัญไม่สนใจสะบัดหน้าแล้วเดินหนีออกมา ไอวี่โกรธตะโกนด่าสู่ขวัญกลับ “ทำเป็นเชิดไปเถอะ เก่งนักทำไมดึงผัวตัวเองไว้ไม่ได้ล่ะ” สู่ขวัญชะงัก “เธอว่ายังไงนะ” ไอวี่ว่าต่อ “ชอบทำตัวสูงส่งเหมือนอยู่บนหิ้ง ทองคำใครแตะไม่ได้ ไม่เคยเห็นหัวชาวบ้าน อย่างงี้นี่เองผัวถึงมีกิ๊กไปทั่ว” สู่ขวัญโกรธมาก เดินไปคว้าข้าวของในบ้านระดมปาใส่ไอวี่ “ออกไป ออกไปจากบ้านฉัน ออกไป” ไอวี่ร้องกรี๊ดวิ่งหลบ สู่ขวัญปาของใส่ไม่ยั้ง ไอวี่ทนไม่ไหวต้องวิ่งหนีออกไป
ภาวดีกับทรงยศมองสู่ขวัญที่สติแตกเรื่องไอวี่อย่างหงุดหงิดมอง เรื่องมันกำลังจะดีอยู่แล้ว ไอวี่ดันโผล่มาทำให้เสียเรื่อง
ป้อมกลับมาเตือนปองฤทัยให้เลิกยุ่งกับศึกรบ ปองฤทัยไม่ฟังเถียงกับป้อม ประนอมต้องมาห้ามจนหน้ามืดเป็นลมล้มลงไป ปองฤทัยร้องไห้เสียใจที่ทะเลาะกับป้อมจนเป็นเหตุให้ประนอมเป็นลม
ศึกรบถือช่อดอกไม้กลับเข้ามาที่บ้าน มองไปเห็นสู่ขวัญนั่งอ่านหนังสืออยู่เงียบๆ ศึกรบเข้าไปนั่งตรงข้ามสู่ขวัญ ยื่นช่อดอกไม้ให้ สู่ขวัญเงยหน้าขึ้นมามองช่อดอกไม้ “ให้ขวัญเหรอคะ” ศึกรบพูดขึ้น “ผมรู้ว่าทุกครั้งที่ผมให้คุณมันจะแทนคำขอโทษ แต่ผมอยากให้คุณรับมันไว้นะ ผมขอโทษคุณอีกครั้งนะขวัญ” สู่ขวัญมองช่อดอกไม้ แล้วรับช่อดอกไม้มา “ขวัญจะไปหาแจกันมาใส่นะ” ศึกรบยิ้มออก คิดว่าสู่ขวัญให้อภัยแล้วลุกจะตามไป สู่ขวัญเห็นศึกรบเดินตามมาก็หันกลับไปหาแล้วยิ้มให้ศึกรบ แต่แล้วก็เปลี่ยนเป็นฟาดช่อดอกไม้ใส่ศึกรบเต็มแรง ศึกรบตกใจ “ขวัญ” สู่ขวัญโวย “คุณคิดว่าดอกไม้ของคุณมันจะแทนคำขอโทษได้ทุกครั้งเหรอ” ศึกรบพยายามพูด “แต่ขวัญ ผมรู้สึกผิดจริงๆ นะ” สู่ขวัญสุดทน “ถ้าคุณรู้สึกว่ามันผิด แล้วคุณจะปล่อยให้มันเกิดขึ้นอีกครั้งแล้วครั้งเล่าทำไม” ศึกรบเงียบไปเถียงไม่ออก สู่ขวัญพยายามระงับอารมณ์ “วันนี้ก็มีกิ๊กอีกคนของคุณโผล่มาหาฉันถึงที่ คุณดูแลยังไงถึงกล้าปล่อยให้ยัยนั่นถือวิสาสะกับฉันขนาดนี้ ถ้าไม่รักกัน อย่างน้อยคุณน่าจะให้เกียรติฉันบ้าง ไม่ใช่ให้ใครก็ได้มาเหยียบหัวฉัน จนฉันจะไม่เหลือศักดิ์ศรีอะไรอยู่แล้ว” ศึกรบงง “ใคร ใครมาที่นี่” สู่ขวัญค้อน “คุณกำลังกิ๊กกับใครอยู่ละ หรือมันมีเยอะจนนับไม่ถูกว่าใคร” ศึกรบพูดขึ้น “ไอวี่งั้นเหรอ” สู่ขวัญว่า “รู้แล้วก็ช่วยกลับไปเตือนยัยนั่นด้วยนะ จะไปไหนก็ไป ฉันไม่อยากเห็นหน้า” สู่ขวัญเดินหนีออกไปทันที ศึกรบอึ้งทำอะไรไม่ถูก
ประนอมพยายามถามป้อมว่าปองฤทัยเอาเงินค่ารักษามาจากไหน ป้อมเล่าให้ประนอมฟังว่าศึกรบซื้อร้านไว้แต่ให้ทำร้านต่อ ประนอมจะไปคุยกับปองฤทัยให้เอาเงินไปคืนศึกรบ ป้อมห้ามไว้โดยบอกว่าจะหาทางคุยกับปองฤทัยเอง
ป้อมเห็นไอวี่มาที่มหาวิทยาลัยแล้วหน้าเป็นแผล จึงจะเดินเข้าไปถามไอวี่อย่างเป็นห่วง อ๊อฟทนไม่ไหวเตือนป้อมให้เลิกยุ่งกับไอวี่เพราะไอวี่ไม่มีทางสนใจป้อม สิ่งที่ไอวี่สนใจคือเงินกับความสบาย ป้อมไม่ยอมเชื่อลุกหนีอ๊อฟไป
แสงดาวเห็นศึกรบมาเปิดห้องพักในโรงแรมก็โทรไปถามสู่ขวัญ พอรู้ว่าไอวี่ไปหาเรื่องสู่ขวัญที่บ้านก็รู้สึกเจ็บใจมาก

ไอวี่มารับบทเป็นตัวประกอบในกองถ่ายละครเรื่องเดียวกับระริน เมื่อระรินเห็นไอวี่ก็แกล้งเล่นนอกบท ตบตีไอวี่อย่างแรง ไอวี่ตบระรินกลับ ไอวี่โดนผู้กำกับต่อว่าทันที เพราะตามบทไอวี่ต้องสู้ระรินไม่ได้ เปรี้ยวต้องเข้ามาเตือนให้ไอวี่ใจเย็นๆ และกลับไปเล่นตามบท เพื่อไม่ให้เกิดปัญหา พอรับเงินแล้วก็จบ ไอวี่เห็นแก่หน้าเปรี้ยว จึงจำใจกลับเข้าไปในกองถ่าย
ธันวารู้ว่าระรินท้องก็พยายามถามระรินว่าใครเป็นพ่อของเด็ก ระรินบอกธันวาว่าศึกรบเป็นพ่อของเด็กไม่ใช่ธันวา ธันวาหยิบโทรศัพท์เพื่อให้ระรินดูว่ามีรูปที่ถ่ายกับระรินในคอนโดบนเตียง และบอกระรินว่าถ้าศึกรบรู้ระรินก็จะไม่เหลืออะไรเลย ไอวี่แอบเดินตามมาได้ยินเรื่องทั้งหมด
ทนายประจักษ์มาที่ออฟฟิศของศึกรบในฐานะตัวแทนของสู่ขวัญเพื่อมาขอจดทะเบียนหย่า ศึกรบไม่ยอม ประจักษ์จึงบอกว่าถ้าศึกรบไม่ยอมเจรจา สู่ขวัญให้ดำเนินการเรื่องฟ้องหย่าได้ทันที

ตอนที่ 14 วันอังคาร ที่ 20 พฤษภาคม 2557
ชโยดมมาที่ร้านดอกไม้ของปองฤทัย พยายามจะง้อปองฤทัยเพื่อให้หายโกรธ แต่ปองฤทัยไม่สนใจชโยดม จนชโยดมอ่อนใจต้องกลับออกไป
ไอวี่เล่าให้เปรี้ยวฟังเรื่องที่ได้ยินธันวาพูดกับระรินในกองถ่ายว่าธันวาอาจจะเป็นพ่อของเด็กในท้องระริน จึงคิดจะช่วยศึกรบเพื่อที่จะให้ตัวเองเป็นเบอร์หนึ่งของศึกรบคนเดียว
ชโยดมมาหาศึกรบ เพื่อมาพูดให้ศึกรบเลิกยุ่งกับปองฤทัย ศึกรบไม่ยอมเลยมีปากเสียงทะเลาะกับชโยดม จนชโยดมโมโหชกศึกรบ ศึกรบจำใจต้องยั้งมือไว้เพราะชโยดมเป็นน้องชายสู่ขวัญ แล้วเดินออกจากห้องไปทิ้งชโยดมไว้ตามลำพัง
แสงดาวโทรไปบอกสู่ขวัญว่าเห็นศึกรบพาผู้หญิงมานอนที่โรงแรมอีก สู่ขวัญโมโหมากทนฟังไม่ได้ตัดสายแสงดาวทิ้งไป แล้วนั่งร้องไห้อยู่ในร้าน
ไอวี่พยายามตามหาศึกรบแต่ไม่เจอ จึงไปถามสาธร สาธรบอกว่าศึกรบชอบไปนั่งที่ร้านกาแฟแถวโรงแรมไอวี่ตามศึกรบมาที่ร้าน มองเข้าไปในร้านเห็นปองฤทัยกำลังชงกาแฟให้ศึกรบอยู่ ทั้งสองคนนั่งคุยกันท่าทางมีความสุข ไอวี่ทนไม่ได้รีบเข้าไปในร้านทันที “พี่รบ” ศึกรบมองไอวี่งงๆ “เธอมาที่นี่ได้ยังไง” ไอวี่บอก “วี่มาได้แล้วกันค่ะ แต่ก็ไม่คิดว่ามาแล้วจะเจอยัยพวกชอบยุ่งกับของของชาวบ้าน" “เธอหมายถึงใคร” ไอวี่ชี้ไปที่ปองฤทัย “ก็ยัยนี่ไงคะ” ปองฤทัยตกใจที่จู่ๆ ไอวี่ก็มาหาเรื่อง “ฉันว่าคุณเข้าใจผิดแล้วค่ะ คุณรบเป็นแค่ลูกค้าของฉันเท่านั้น” ไอวี่จ้องหน้าปองฤทัย “แล้วไอ้ท่าทีคุยสนิทสนมนั่น เขาทำกับลูกค้ากันเหรอไง รู้ไว้ซะด้วยว่าเขาเป็นแฟนฉัน” ศึกรบจะเถียง แต่ปองฤทัยชิงพูดขึ้นก่อน “เขาคบใครฉันไม่รู้หรอกค่ะ ฉันก็ทำแบบนี้กับลูกค้าทุกคน ไม่เชื่อคุณรอดูก็ได้” ไอวี่มองปองฤทัยอย่างจับผิด “ไม่ใช่ก็ดี จำที่เธอพูดไว้แล้วกัน”ปองฤทัยบอก “ฉันจำได้แน่ค่ะ แล้วก็จะดีมากถ้าคุณไม่ทำเสียงดังรบกวนลูกค้าคนอื่น” ไอวี่ไม่พอใจ “นี่เธอหาว่าฉันเสียงดังเหรอ” ปองฤทัยบอกนิ่งๆ “ถ้าจะตีความว่าอย่างนั้นก็ได้ค่ะ ถ้ารู้ตัวแล้วช่วยออกไปจากร้านฉันด้วยจะขอบคุณมาก” ศึกรบเห็นบรรยากาศไม่ค่อยดีเลยตัดสินใจลากไอวี่ออกไป “มานี่เลย เรามีเรื่องต้องคุยกัน” ไอวี่ทำท่าฮึดฮัดแต่ก็ยอมออกไปโดยดี ป้อมออกมาจากหลังร้านเห็นไอวี่ก็ช็อกทันที “ทำไมวี่มาอยู่ที่นี่” ศึกรบต่อว่าไอวี่ที่หน้าร้านดอกไม้ที่มาหาเรื่องปองฤทัย “ทำไมไปว่าคุณปองเขาแบบนั้น” ไอวี่เถียง “ทำไมจะว่าไม่ได้ ก็ดูยัยนั่นมันทำท่าหัวร่อต่อกระซิกกับพี่รบสิ” ศึกรบถอนใจ “เขาเป็นเพื่อนของฉัน เธอไม่มีสิทธิ์ไปว่าเขา” ไอวี่ไม่ยอมหยุด “เพื่อนที่ไหนยิ้มให้หวานขนาดนั้นคะ ถ้าไม่รู้ว่าเป็นใครคงคิดว่าเขาชอบพี่แน่ๆ วี่ก็เข้าใจผิดสิ” ศึกรบพยายามระงับอารมณ์ “เรื่องนี้ฉันจะถือว่าเธอเข้าใจผิด แต่ฉันยังมีอีกเรื่อง” “อะไรอีกล่ะคะ” ศึกรบจ้องหน้าไอวี่เอาเรื่อง “เธอไปที่บ้านฉันทำไม” ไอวี่สะอึกไปหน้าเสียขึ้นมาทันที “คือ” ศึกรบสีหน้าเครียด “แล้วทำไมเธอต้องไปหาขวัญ รู้ไหมว่าทำให้เรื่องมันยุ่งแค่ไหน เขากำลังจะคุยกับฉันดีๆ แล้วแท้ๆ” ไอวี่หน้าเจื่อน “วี่รู้ค่ะว่ามันไม่ถูกต้อง แต่ที่วี่ทำไปเพราะหวังดีกับพี่รบนะคะ” ศึกรบสงสัย“ยังไง” ไอวี่แอบยิ้มร้าย “วี่มีเรื่องสำคัญที่ต้องบอกพี่รบค่ะ วี่เลยยอมไปที่นั่น ถึงจะโดนทำร้ายมาก็ไม่เป็นไร”

“ขวัญทำอะไรเธอ” ไอวี่เปิดแผลที่สู่ขวัญขว้างของใส่ตนเองให้ศึกรบดู “วี่จะไปพูดกับเขาดีๆ ให้เขาเข้าใจพี่ แต่ไม่คิดว่าเขาจะไม่ฟังอะไร พอเขาโมโหเขาก็ขว้างของใส่วี่จนเป็นแบบนี้น่ะค่ะ” ศึกรบดูแผล เริ่มอ่อนลงเห็นใจไอวี่ “ขอโทษแทนขวัญด้วย เขาเป็นคนโมโหร้ายเหมือนกัน เวลาโกรธเขาจะไม่สนอะไรทั้งนั้น ฉันเสียใจที่ทำให้เธอเจ็บตัว” “ไม่เป็นไรค่ะ อย่างน้อยวี่ก็ได้เจอพี่รบที่นี่แล้ว” “แล้วเธอมีเรื่องอะไรมาบอกฉัน” “เรื่องคุณระรินค่ะ” ศึกรบได้ยินรู้สึกแปลกใจ ศึกรบฟังไอวี่พูดจบดีใจขึ้นมาทันที “หมายความว่า เด็กในท้องอาจจะไม่ใช่ลูกของฉัน” ไอวี่ยิ้ม “ใช่ค่ะ ยัยระรินแอบอ้างเพื่อหวังจะจับพี่รบจริงๆ แล้วเขานอนกับผู้ชายตัวประกอบคนนั้นด้วย” ไอวี่ถามย้ำให้แน่ใจ “เธอได้ยินมาอย่างนี้แน่เหรอ” ไอวี่บอก “แน่ยิ่งกว่าแน่ค่ะ ฝ่ายผู้ชายมีหลักฐานตอนพากันขึ้นคอนโดด้วย น่าเสียดายที่เราไม่เห็นรูปนั้น” ศึกรบนึกตาม “ใช่ เราไม่มีหลักฐาน จะไปกล่าวหาเขาตอนนี้คงไม่ได้ อีกอย่างอาจจะเป็นแค่คำขู่ก็ได้” ไอวี่มั่นใจ “ไม่ใช่การขู่แน่นอนค่ะ” “เธอรู้ได้ยังไง” ไอวี่ว่า “ดูอาการระรินก็เดาออกแล้วล่ะค่ะ ถ้าคนมันไม่มีชนักปักหลังคงไม่อึ้งไปแบบนั้น” ศึกรบถาม “แล้วผู้ชายคนนั้นคือใคร เธอพอจะรู้รึเปล่าบอกฉันมา ฉันต้องการหลักฐานจากนายคนนั้น” ไอวี่พยักหน้า“รู้ค่ะ แต่วี่บอกพี่รบไม่ได้” ศึกรบงง “ทำไม” ไอวี่ยิ้มร้าย “บอกง่ายๆ วี่ก็หมดความหมายสิคะ พี่รบสนใจเรื่องคนอื่นมากกว่าวี่ซะอีก” ศึกรบมองไอวี่อย่างอ่อนใจ หยิบกระเป๋าสตางค์ ควักเงินให้ไปก้อนหนึ่ง “ฉันให้นี่แล้วกัน ถือเป็นค่าตอบแทน” ไอวี่มองเงินตาโต แต่ทำเป็นออดอ้อนศึกรบ “พี่รบมองวี่เห็นแก่เงินขนาดนั้นเลยเหรอคะ วี่อยากอยู่กับพี่มากกว่าอีก” ศึกรบบอกอย่างรำคาญ “ฉันมีเรื่องต้องจัดการ ตอนนี้ที่ฉันให้เธอได้ทันทีคือเงินเท่านั้น” “งั้นแค่นี้ก็ได้ค่ะ” ไอวี่แอบเซ็ง แต่ก็รับเงินมาโดยดี
ศึกรบกลับเข้ามาบ้าน เดินไปมาหาสู่ขวัญที่นั่งอยู่เงียบๆ คนเดียว “ขวัญ สะดวกคุยกับผมรึเปล่า”สู่ขวัญเมินหน้าหนี “ขวัญว่าเราไม่มีอะไรต้องคุยกันแล้วนะ” ศึกรบว่า“แต่ผมมีเรื่องสำคัญต้องบอกคุณ”สู่ขวัญสวน “ถ้าเป็นเรื่องหย่า ขวัญยืนยันคำเดิม นอกเหนือจากนั้นให้เป็นเรื่องในชั้นศาลแล้วกันค่ะ” “ไม่ใช่เรื่องนั้นเลยขวัญ” “แล้วอะไรอีกล่ะคะ” ศึกรบบอก “ผมรู้มาว่าระรินอาจจะท้องกับคนอื่นที่ไม่ใช่ผม” สู่ขวัญชะงักไปนิด แต่ก็ทำเป็นไม่รู้สึกอะไร “แล้วยังไงคะ” ศึกรบรู้สึกผิดหวังที่สู่ขวัญเย็นชากว่าที่คิด “คุณไม่รู้สึกอะไรบ้างเลยเหรอ” สู่ขวัญถอนใจ “ขวัญเหนื่อย ขวัญทั้งร้องไห้ ทั้งเสียใจ จนขวัญชิน ชินจนไม่อยากจะรับรู้อะไรอีกแล้วในโลก ถึงคุณมาพูดตอนนี้ว่าเขาไม่ใช่ลูกคุณ มันก็ไม่สำคัญแล้วล่ะค่ะ” ศึกรบหน้าเสีย “ขวัญ ผมพยายามพิสูจน์ตัวเองทุกวิถีทางแล้วทำไมคุณยังใจร้ายกับผมนัก” สู่ขวัญหันไปจ้องศึกรบ “คุณก็ว่าแต่ขวัญใจร้าย แล้วคุณเคยคิดบ้างไหมว่าเวลาคุณมีคนอื่น เวลาคุณปล่อยคนของคุณมาราวีขวัญ ขวัญรู้สึกยังไงนั่นไม่ใจร้ายกว่าเหรอ ถ้าคุณคิดได้ คุณก็จะได้คำตอบเองค่ะว่าทำไมขวัญถึงทำแบบนี้” ศึกรบยืนอึ้ง พูดอะไรต่อไม่ถูก
ธันวาขู่ระรินให้นำส่วนแบ่งครึ่งนึงจากที่จะได้จากศึกรบมาให้ตนเอง ไม่อย่างนั้นจะเอารูปที่มีอยู่ไปลงในอินเทอร์เน็ต
ศึกรบมาหาระรินที่ห้องเพื่อต่อว่าระริน “คุณลงไอจีไปแบบนั้นได้ยังไง” ระรินเชิดหน้าไม่สะทกสะท้าน “ถ้าคุณจะมาเพื่อว่ารินเรื่องนี้ล่ะก็ รินจะไม่คุยด้วย” ศึกรบบอกเสียงเครียด “ก็ลองดู เพราะถ้าผมรู้สึกว่าคุณยังคุยไม่รู้เรื่องอีก คงจะไม่มีการคุยรอบต่อไปแล้วเหมือนกัน” ระรินพยายามเถียงศึกรบ “ทำไมรินจะทำไม่ได้ ก็ในเมื่อคุณทำเหมือนจะไม่รับผิดชอบ รินก็ต้องทำแบบนี้แหละ” ศึกรบบอก “คุณรู้ว่าผมไม่ชอบให้ใครมาบังคับ ไม่ว่ายังไงผมจะรอจนกว่าจะได้ตรวจดีเอ็นเอ” ระรินสวนกลับ “จะรอทำไมคะ อ๋อ ใช่สิ คุณกะจะไม่รับผิดชอบอยู่แล้วนี่ คุณมันไม่ใช่ลูกผู้ชาย” ศึกรบพยายามระงับอารมณ์ “ผมพยายามจะเป็นสุภาพบุรุษที่สุดแล้ว แต่ถ้าคุณเลือกจะไม่เล่นตามกติกา ผมก็ทำได้ทุกอย่างเหมือนกัน เพราะถ้าไม่มีหลักฐาน ผมจะไม่ยอมเสียสู่ขวัญไปเด็ดขาด” ระรินไม่พอใจ “คุณรักอะไรมันนักหนา ทำไมต้องแคร์มันขนาดนี้ด้วย” ศึกรบว่า “ขวัญเขามาอย่างถูกต้อง ผมก็รักเขา แล้วเขาก็รักผม ตอนนี้ผมก็ชักรู้สึกแล้วว่าผมมันคือไอ้โง่ที่ไปหลงเชื่อคุณ อย่าทำตัวให้มันไร้ค่าไปกว่านี้เลยริน” ระรินยืนตัวสั่นโกรธมาก ก่อนจะร้องกรี๊ดใส่ศึกรบลั่นห้อง แล้วหันไปหยิบข้าวของขว้างปาใส่ศึกรบ ศึกรบทนไม่ไหวรีบหลบออกไปจากห้องระรินทันที

ตอนที่ 15 วันพุธ ที่ 21 พฤษภาคม 2557
ระรินเข้ามาที่ห้อง กดโทรศัพท์มือถืออัพรูปศึกรบทางด้านหลังพร้อมข้อความ “ผู้ชายคนนั้นอยากรู้เหมือนกันว่ายังมีความรับผิดชอบเหลืออีกไหม” ระรินโกรธมาก ตั้งใจจะให้เป็นข่าวขึ้นมาอีก
ไอวี่มาพูดให้แสงดาวรู้ว่าศึกรบยังมีผู้หญิงอีกคนที่ชอบหายไปหาตอนเย็นๆ เพื่อให้แสงดาวระแวง ศึกรบออกจากห้องประชุมมาบอกแสงดาวว่าจะออกไปข้างนอก แสงดาวได้แต่มองตามอย่างสงสัย
ศึกรบมาหาปองฤทัยที่ร้านดอกไม้ แสงดาวแอบตามศึกรบมาเห็นศึกรบคุยกับปองฤทัยแล้วหงุดหงิดมาก รีบโทรไปรายงานสู่ขวัญว่าศึกรบมีผู้หญิงอีกคนเป็นเจ้าของร้านดอกไม้แถวบริษัท แสงดาวส่งรูปปองฤทัยคุยกับศึกรบอย่างสนุกสนานไปให้สู่ขวัญดู สู่ขวัญทนไม่ไหวตามมาที่ร้านดอกไม้พร้อมมีนาทันที
ชโยดมมาที่ร้านดอกไม้พร้อมกับศึกรบพอดี จึงเกิดมีปากเสียงกันขึ้น ปองฤทัยห้ามทั้งคู่จนหยุดทะเลาะกัน แล้วหลบมาที่หลังร้าน ศึกรบตามมาปลอบปองฤทัยและเดินหลีกทุกคนออกไปจากร้านเพราะคิดว่าตนเองสร้างปัญหาให้ทุกคน ปองฤทัยวิ่งตามมาเรียกศึกรบไว้ “คุณรบคะ ปองขอโทษนะคะ ปองพยายามอธิบายแล้ว แต่” ศึกรบเอามือไปเช็ดน้ำตาปองฤทัย พูดปลอบใจ “ไม่เป็นไรครับ ผมเข้าใจ ขอบคุณที่เชื่อผม” ปองฤทัยยิ้ม แต่แล้วเสียงสู่ขวัญก็ดังขึ้น “รบ” ศึกรบตกใจ หันไปเจอสู่ขวัญมายืนอยู่ “ขวัญ มาได้ยังไง” สู่ขวัญบอก “ก็มาทันตอนคุณ อี๋อ๋อ ยัยหน้า ด้านนี่อยู่ยังไงล่ะ คิดว่าจะแอบไปได้ตลอดเหรอ” สู่ขวัญหันไปจ้องหน้าปองฤทัย “เธอมันน่าไม่อายที่สุดลักกินขโมยกิน” มีนาช่วยสู่ขวัญด่าปองฤทัย “นี่คิดว่าขวัญเขาโง่มากรึไงถึงแอบซุ่มอยู่ได้ นี่กล้าโผล่หัวออกมาซะทีนะ เธอน่ะมันสมควรโดนเอาเลยขวัญจัดการมันเลย” สู่ขวัญตวาด “แค่ด่าน่ะมันยังน้อยไป ทำมาตีหน้าซื่อ ร้องไห้น่าสงสาร เจ้ามารยาที่สุด”
ศึกรบเห็นท่าไม่ดี รีบขัด “เดี๋ยวก่อนขวัญ คุณกำลังเข้าใจผิดแล้ว” สู่ขวัญจ้องหน้าศึกรบไม่พอใจ “เข้าใจผิดอะไร ก็เห็นอยู่ว่าคุณกำลังเช็ดน้ำตาให้มัน อยากปลอบใจกันนักก็ไปปลอบกันไกลๆ ไม่ใช่มาอยู่ให้ตำตาตำใจฉัน คุณมันทุเรศ คุณมันแย่ยิ่งกว่าแย่“ ศึกรบเข้าไปจะลากสู่ขวัญออกไป “ขวัญ ไปคุยกันที่บ้าน” “ไม่ไป ฉันไม่ไปไหนทั้งนั้น” สู่ขวัญสะบัดศึกรบออก แล้วตบหน้าจนศึกรบหน้าหัน มีนาได้ทีจะพุ่งเข้าไปตบปองฤทัย ปองฤทัยเอามือขึ้นมากันเพราะกลัวมาก แต่จู่ๆ ชโยดมก็พุ่งมาขวางไว้ มีนากับสู่ขวัญตกใจที่เห็นชโยดม “โย ทำไมมาอยู่ที่นี่” ชโยดมพูดขึ้น “อยากตบก็ตบเลยครับ ตบผมนี่แหละ” สู่ขวัญมองน้องชายงงๆ มีนาถาม “โย ทำไมโยไปปกป้องมัน มันแย่งคุณรบไปจากพี่สาวโยนะ” ชโยดมบอก “ผมไม่รู้ว่าใครแย่งใคร หรือใครเป็นของใครแต่คุณปองเขาเป็นผู้หญิงที่ผมรัก” มีนากับสู่ขวัญอึ้ง ศึกรบก็ด้วย “ถ้าจะทำอะไรคุณปองก็มาลงที่ผม แต่ผมจะไม่ยอมให้เขาเป็นอะไรแน่” สู่ขวัญงง ทำอะไรไม่ถูก “หมายความว่ายังไงกันเนี่ย” ชโยดมว่า “พี่ขวัญหยุดเถอะนะครับ ถ้าคุณปองจะต้องโดนทำร้ายเพราะถูกผู้ชายคนนี้หลอกล่ะก็ ผมจะไม่ยอมเหมือนกัน” สู่ขวัญมองชโยดมกับปองฤทัยสับสนไปหมด ก่อนจะหันหลังเดินหนีออกไป มีนารีบวิ่งตามไปทันที มีนากับสู่ขวัญมาที่รถ สู่ขวัญรู้สึกเพลียๆ จนเซไปเกาะรถจนมีนาต้องถามขึ้นอย่างเป็นห่วง “ขวัญ แกเป็นอะไรรึเปล่า ดูแกเพลียๆ นะเครียดเหรอ” สู่ขวัญพยักหน้า “คงงั้น วันนี้มันหลายเรื่อง รีบไปเถอะ” “ขวัญ รอก่อน” ศึกรบตามทั้งคู่มา รีบเข้ามาดูสู่ขวัญ “ขวัญ ผมเห็นคุณเหมือนจะไม่สบาย ไปหาหมอไหม ผมพาไป” สู่ขวัญฝืนยันตัวขึ้น ก่อนจะหันไปตวาด “ไม่ต้องมายุ่ง ฉันจะกลับแล้ว” ศึกรบพยายามจะพูด “แต่” สู่ขวัญขัดขึ้น“มีนา พาฉันกลับที แล้วคุณก็ไม่ต้องตามฉันมา” สู่ขวัญให้มีนาพยุงไปที่รถไม่สนใจศึกรบ 
แสงดาวที่แอบอยู่หน้าร้าน รู้สึกเจ็บใจที่ชโยดมมาช่วยปองฤทัยไว้ได้ ไอวี่ตามมาเยาะเย้ยแสงดาว จนมีเรื่องตบตีกับแสงดาว
ชโยดมตามไปปลอบปองฤทัยที่ยังตกใจกับเรื่องที่เกิดขึ้น ปองฤทัยมองชโยดมอย่างซาบซึ้งในน้ำใจของชโยดมมาก
ประจักษ์มานั่งรอศึกรบที่หน้าห้องทำงาน เพื่อแจ้งให้รู้ว่าสู่ขวัญต้องการให้ศึกรบขนของออกจากเรือนใหญ่ให้หมด ให้เลิกพักที่เลอวิมานและออกจากการเป็นคณะผู้บริหารโรงแรมด้วย ศึกรบเครียดคิดว่าต้องทำอะไรซักอย่างแล้ว

ศึกรบไปหาสู่ขวัญที่ร้าน พอเดินเข้าไปก็เจอกับมีนา ศึกรบถาม “ขวัญอยู่ไหม” มีนาตกใจที่เห็นศึกรบมาถึงร้านชี้มือบอกงงๆ “อยู่ข้างในค่ะ” ศึกรบเดินเข้าไปหาในร้าน หยุดยืนเรียกสู่ขวัญให้ออกมาคุยกัน “ขวัญ เรามีเรื่องต้องคุยกัน” สู่ขวัญได้ยินเสียงศึกรบก็เฉย ไม่หันไปมองหน้า พูดตอบขึ้นลอยๆ “ขวัญว่าเราไม่มีอะไรต้องคุยแล้วนะ ขวัญบอกผ่านคุณทนายไปหมดแล้ว” ศึกรบเดินเข้าไปหยุดตรงหน้าสู่ขวัญ “ทำไมขวัญคิดอะไรถึงใช้แต่อารมณ์แบบนี้ ทำไมขวัญไม่ฟังผมเลย ขวัญไม่นึกถึงผมเลยสักนิดเดียว” สู่ขวัญถอนใจ ก่อนจะเงยหน้ามองศึกรบ “หมดเวลาที่จะต้องฟังแล้วล่ะค่ะ ขวัญยื่นข้อเสนอให้คุณไปแล้ว ถ้าไม่ต้องการก็ตามใจ ขวัญจะจัดการแบบของขวัญเอง เชิญคุณกลับไปได้” ศึกรบตื้อ พยายามจะจับมือสู่ขวัญ แต่สู่ขวัญสะบัดมือออกแล้วตบเข้าที่หน้าศึกรบเต็มแรง “ไม่ต้องมายุ่งกับฉัน แล้วก็ออกไปจากร้านฉันซะที ฉันไม่ฟังอะไรคุณทั้งนั้น เชิญ” ศึกรบจนปัญญาหันหลังจะเดินกลับ สู่ขวัญยืนมองศึกรบ แต่จู่ๆ ก็เวียนหัวเหมือนจะเป็นลมทรุดลงไป มีนารีบพุ่งเข้ามาดูสู่ขวัญ ศึกรบจะตามเข้ามาช่วยดู แต่สู่ขวัญโบกมือไล่ มีนาเลยต้องหันไปบอกศึกรบ “คุณรบกลับไปก่อนเถอะค่ะ เดี๋ยวฉันดูขวัญให้เอง ขอร้องล่ะนะคะ” ศึกรบจำใจพยักหน้า ยอมกลับไปแต่ยังเป็นห่วงสู่ขวัญอยู่
 
ศึกรบกลับมาที่โรงแรมเก็บของ อารมณ์ไม่ดีเอามากๆ เก็บของทั้งที่ไม่เต็มใจ ไอวี่แอบเปิดประตูเข้ามาเห็นศึกรบง่วนเก็บของอยู่ก็ถามขึ้น “วี่มารบกวนรึเปล่าคะ” ศึกรบหันไปเห็นไอวี่ พยายามใจเย็นลงแล้วคุยกับไอวี่ “มีอะไร” ไอวี่ว่า “วี่มีเรื่องต้องบอกพี่รบค่ะ” “สำคัญรึเปล่า ตอนนี้ผมยุ่งอยู่” ศึกรบหันกลับไปเก็บของ ไอวี่โพล่งออกไป “คุณแสงดาวเป็นคนบอกคุณขวัญเรื่องคุณปองฤทัยค่ะ” ศึกรบชะงัก หันกลับมาทางไอวี่ “ว่าไงนะ ใครเป็นคนบอก” ไอวี่แอบยิ้ “ก็คุณแสงดาวเลขาพี่รบเองไงคะ เธอนั่นแหละ ที่คอยรายงานคุณขวัญทุกเรื่อง เรื่องคุณปองเจ้าของร้านดอกไม้ก็ด้วย” ศึกรบสงสัย “เธอรู้ได้ยังไง” ไอวี่หยิบโทรศัพท์ออกมากดเปิดคลิปบางอย่างขึ้น ก่อนจะยื่นไปให้ศึกรบ ศึกรบหยิบไปดู ไอวี่แกล้งตีหน้าซื่อแล้วบอกศึกรบ “วี่เห็นยัยแสงดาวเขาไปทำท่าลับๆ ล่อแถวหน้าร้านดอกไม้ วี่ก็เลยตามเขาไป แล้วบังเอิญถ่ายคลิปตอนที่เขากำลังถ่ายรูปพี่รบส่งไปให้คุณขวัญได้ค่ะ” ศึกรบมองคลิปวิดีโอในมือหน้าเครียด พอเห็นหลักฐานว่าแสงดาวเป็นคนทำจริงๆ ก็รู้สึกเจ็บใจ “แสงดาว” ไอวี่แอบยิ้มสะใจ ที่สามารถทำให้ศึกรบโกรธแสงดาวได้สำเร็จ

ตอนที่ 16 วันจันทร์ ที่ 26 พฤษภาคม 2557

ที่หน้าบ้านสู่ขวัญ พรกับมีนาช่วยกันพยุงสู่ขวัญจะพาไปพักที่ห้อง แต่จู่ๆ สู่ขวัญก็รู้สึกเหมือนจะอาเจียน พรช่วยลูบหลังให้ เอ่ยบอกว่าน่าจะไปหาหมอ สู่ขวัญค้าน “ไม่ ไม่ไป พาขวัญเข้าบ้านที เร็ว” พรได้แต่ส่ายหัวในความดื้อของสู่ขวัญ รีบพาเข้าไปในบ้านอย่างทุลักทุเล
ตอนกลางวัน ภาวดีกับทรงยศมาหาสู่ขวัญ แต่พอรู้ว่าสู่ขวัญไม่สบายจึงไม่ได้พูดอะไร รีบเข้าไปดูแลสู่ขวัญ แต่พอจะเอายาให้สู่ขวัญทาน สู่ขวัญก็ไม่ยอมกิน พอดีชโยดมที่รู้เรื่องจากมีนาก็รีบมาดูพี่สาว ชโยดมยกมือไหว้ภาวดีกับทรงยศ ทั้งสองรับไหว้ “ให้ผมดูอาการพี่สาวผมนะครับ คุณลุงคุณป้าไปพักก่อนก็ได้” ภาวดีลังเล “เอางั้นเหรอ” ชโยดมพยักหน้า “ผมเป็นหมอนะครับ” ภาวดีจำใจออกไป “ก็ได้ ฝากหน่อยแล้วกัน คุณ กลับ!” ทรงยศลุกมางงๆ เดินตามภาวดีไป ชโยดมรีบเข้าไปดูแลสู่ขวัญ
ที่บ้านภาวดี ทรงยศ ทั้งสองกลับเข้ามาในบ้าน ภาวดีหงุดหงิดเลยบ่นๆ ใส่ทรงยศ “พอน้องชายมาล่ะ ยอมง้ายง่าย ทีเราจะเอายาให้กินทำจะเป็นจะตาย” ทรงยศบอก “คนป่วยก็งี่เง่าบ้างน่าคุณ” ภาวดีโวย“ป่วยเป่ยอะไรไม่เกี่ยวหรอก ไม่เห็นเหรอว่าหนูขวัญเขาไม่ไว้ใจเรา จะทำอะไรให้ก็บ่ายเบี่ยงท่าเดียว ตารบก็ไม่มาเหยียบบ้านเลย” ทรงยศถอนใจ “แล้วเราจะเป็นไงต่อเนี่ยคุณ” ภาวดีหงุดหงิด คิดอะไรไม่ออก “ไม่รู้ แค่เขาให้ที่ซุกหัวนอนทุกวันนี้ก็บุญเท่าไหร่แล้ว ไม่รู้จะอยู่ได้อีกนานเท่าไหร่ พูดแล้วก็เซ็งจริงๆ” ทรงยศบอกอย่างปลงๆ “หงุดหงิดไปก็เท่านั้น มันไม่ใช่เพราะเราซะหน่อย ไอ้ลูกตัวดีมันทำพฤติกรรมแย่เอง มีของดีอยู่ในมือแล้วไม่รู้จักรักษา” ภาวดีเดินไปนั่งที่โซฟาเซ็งๆ ทรงยศก็เหนื่อยหน่ายเต็มทน
ที่ห้องของสู่ขวัญ ชโยดมห่มผ้าให้สู่ขวัญให้นอนพัก สู่ขวัญถามชโยดม “โยรู้ได้ยังไงว่าพี่ไม่สบาย” ชโยดมตอบยิ้มๆ “ผมมีญาณพิเศษ” สู่ขวัญค้อน “บ้า โยน่ะเหรอ?” ชโยดมหัวเราะ “ผมล้อเล่น พี่มีนาโทรบอกตั้งแต่อยู่ร้านแล้ว อีกอย่างมีญาณจริงๆ ผมคงไม่มาเป็นหมอรักษาคนหรอก ผมคงเป็นหมอดูไปแล้ว” สู่ขวัญยิ้มขำ “พี่ป่วยยังจะมาล้อเล่นอีกนะ” ชโยดมบอก “ก็ผมไม่อยากให้พี่ขวัญเครียดนี่ คนเราถ้าจิตใจสบาย ก็หายป่วยไวนะครับ” สู่ขวัญหน้าเศร้า “พี่ไม่อยากหาย อยากป่วยๆ แล้วก็ตา...” ชโยดมรีบห้าม จับมือสู่ขวัญไว้ “ห้ามพูดแบบนั้นนะพี่ขวัญ เราเหลือแค่สองคนแล้ว พี่ขวัญต้องดูแลตัวเอง อย่างน้อยเพื่อผมก็ยังดีนะ” สู่ขวัญมองหน้าชโยดมแล้วรู้สึกผิด ก่อนจะพยักหน้ารับปากน้องชาย ชโยดมมองพี่สาวเป็นห่วง
ที่ห้องพักศึกรบภายในโรงแรม ไอวี่ช่วยศึกรบเก็บของจนเสร็จ ศึกรบยืนมองห้องเศร้าๆ ไอวี่เห็นศึกรบเศร้าๆ เลยเข้าไปกอดศึกรบให้กำลังใจ “ไม่เป็นไรนะคะพี่รบ ถ้าออกไปจากที่นี่แล้ว พี่รบจะไปอยู่ที่ไหนคะ” ศึกรบตอบเซ็งๆ “ก็คงไปเช่าคอนโดอยู่สักพัก เดี๋ยวให้สาธรช่วยหาให้” ไอวี่ถามอีก “แล้วคืนนี้ล่ะคะ” ศึกรบว่า “ก็คงหาโรงแรมนอนไปก่อน แล้วค่อยว่ากันอีกที” ไอวี่กำลังจะถามอะไรต่ออีก แต่แสงดาวเปิดประตูเข้ามาพอดี “ช่วยเก็บของเสร็จก็หมดธุระแล้วใช่ไหมคะ เพราะฉะนั้นเชิญกลับไปทำงานได้แล้วมั้งคะน้องไอวี่” ไอวี่ทำเป็นแสร้งยิ้มให้แสงดาวสงสัย “คุณเลขาจะไล่ผิดคนแล้วมั้งคะ ฉันเป็นพนักงานที่นี่ ตามหลักแล้วคนที่คุณเลขาควรไล่ออกไปคือคนที่ไม่ได้เป็นเจ้าของที่นี่แล้วว่าแต่กล้าไล่ไหมล่ะ” แสงดาวมองไปที่ศึกรบ ลำบากใจ ศึกรบว่า “ไอวี่ ออกไปก่อนได้ไหม พี่มีเรื่องจะคุยกับคุณดาว” ไอวี่ไม่พอใจ แต่ก็ยอมเดินออกไป แสงดาวยิ้มเยาะ หันไปยิ้มให้ศึกรบแต่เจอสีหน้าจริงจังแล้วถึงกับพูดไม่ออก
แสงดาวยืนรอศึกรบว่าจะพูดอะไร ศึกรบพูดกับแสงดาวหน้าเครียด “คุณดาว คุณใช่ไหมที่เป็นคนบอกเรื่องคุณปองให้ขวัญรู้” แสงดาวตกใจ อึ้งไป “ดาว ดาวไม่ได้” ศึกรบพูดเสียงเครียด “อย่าโกหกผม ผมไม่ได้โกรธคุณนะ ผมแค่ถามว่ามันจริงไหม ผมแค่ต้องการคำตอบจากคุณ ว่ายังไงคุณดาว” แสงดาวทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ “ดาวบอกไม่ได้ค่ะ” แสงดาวส่ายหัว ศึกรบพยายามพูดอย่างใจเย็น “ได้ งั้นคุณดูนี่” ศึกรบหยิบโทรศัพท์มาเปิดภาพที่แสงดาวแอบถ่ายรูปที่ร้านของปองให้ดู แสงดาวเห็นรูป มือสั่น ถึงกับร้องไห้ออกมา “ดาวขอโทษค่ะ ดาวไม่ได้ตั้งใจ ดาวจำเป็นต้องทำ” ศึกรบถามต่อ “เพราะอะไร” แสงดาวอึกอักบอก “พักหลังนี่คุณขวัญสั่งให้ดาวคอยตามคุณค่ะ ดาวไม่ได้อยากทำเลย ดาว” ศึกรบตกใจ “คุณแอบตามผมตั้งแต่เมื่อไหร่” แสงดาวว่า “ตั้งแต่ ตั้งแต่มีเรื่องระรินท้องน่ะค่ะ ฮือ... ดาวจำเป็นต้องทำ ทั้งที่ไม่อยาก” ศึกรบมองแสงดาว แล้วเริ่มสงสารแสงดาวที่ร้องไห้หนัก ศึกรบเลยเข้าไปตบบ่าเบาๆ “ไม่เป็นไร ผมจะให้โอกาสคุณ ตอบแทนที่คุณเคยดูแลผม” แสงดาวอึ้ง ยิ่งร้องไห้หนักเข้าไปกอดศึกรบ แสงดาวแอบยิ้มที่ศึกรบเชื่อตัวเอง ศึกรบดึงแสงดาวออกมาจากอ้อมกอดแล้วเช็ดน้ำตาให้แสงดาว “คุณเป็นทุกอย่างของดาว ดาวไม่อยากทำร้ายคุณหรอกค่ะ” ศึกรบเผลอใจเกือบจะจูบแสงดาว แสงดาวหลับตาลง แต่จู่ๆ เสียงโทรศัพท์มือถือศึกรบก็ดังขึ้น ศึกรบผละออกจากแสงดาวรีบรับโทรศัพท์แล้วเดินออกไปคุยที่ระเบียง แสงดาวมองตาม ทั้งเจ็บใจทั้งเสียดาย ฮึดฮัดที่ทุกอย่างไม่เป็นอย่างที่ต้องการ เมื่อศึกรบคุยโทรศัพท์เสร็จแล้ว ก็หันมาบอกแสงดาว “ไม่มีอะไรแล้วล่ะคุณดาว คุณกลับไปทำงานต่อเถอะ” แสดงดาวรีบถาม “คุณรบจะไปเช่าโรงแรมพักจริงๆ เหรอคะ” “แล้วผมมีทางอื่นด้วยงั้นเหรอ?” ศึกรบเก็บของต่อ แสงดาวเห็นเขาไม่สนใจ เข้าไปช่วยเก็บของและยื้อต่อ “ถ้าคุณรบไม่รังเกียจ บ้านดาวยังมีห้องว่างนะคะ ดาวอยู่คนเดียวไม่มีคนอื่น” ศึกรบชะงัก แสงดาวมองลุ้นๆ ว่าศึกรบจะสนใจไหม “ผมไม่อยากรบกวนน่ะ ไม่เป็นไร ขอบคุณมาก” แสงดาวทำหน้าผิดหวังอย่างแรง “งั้น ดาวกลับก่อนแล้วค่ะ” ศึกรบพยักหน้าแล้วก็ไม่สนใจแสงดาวอีก
แสงดาวเดินออกมาเซ็งๆ
ในห้องของสู่ขวัญ ชโยดมเก็บของเตรียมตัวจะกลับ สู่ขวัญลุกขึ้นมานั่งคุยกับชโยดม เอ่ยถามเรื่องปองฤทัย “โย พี่อยากถามอะไรหน่อย เรื่องวันนั้นที่โยบอกว่าโยรักเจ้าของร้านดอกไม้คนนั้น โยพูดจริงรึเปล่า หรือแค่จะปกป้องเขา” ชโยดมเงียบไปนิดหน่อย สักพักก็ตอบสู่ขวัญเสียงหนักแน่น “ผมพูดจริงครับ” สู่ขวัญถอนหายใจ “ทำไมทุกอย่างถึงเป็นแบบนี้นะ เขาไม่น่ารู้จักรบเลย” ชโยดมว่า “ผมไม่อยากโทษโชคชะตาหรืออะไรที่ทำให้ทุกคนต้องเจอกับเรื่องแบบนี้หรอกครับ ผมคิดแค่ว่าในเมื่อมันเป็นแบบนี้แล้ว ที่ผมทำได้คือปกป้องคุณปองให้ถึงที่สุด” สู่ขวัญบอก “คุณปองเธอโชคดีที่เจอโยนะ” ชโยดมว่า “แต่เธอก็ใสซื่อเกินกว่าจะทันเกมของผู้ชายชื่อศึกรบ” สู่ขวัญจับมือชโยดมให้กำลังใจ “พี่เชื่อว่าโยจะดูแลคนที่ตัวเองรักได้ เหมือนที่โยคอยดูแลพี่ ดูแลเธอดีๆ นะ ช่วยให้เธออยู่ห่างๆ รบ อย่าให้เขาทำให้เธอเสียใจเหมือนพี่” ชโยดมพยักหน้า “ครับ ผมจะพยายามให้ดีที่สุด” สองพี่น้องมองหน้าเข้าใจในความรู้สึกกันและกัน
ขณะที่ไอวี่ก็ตามติดศึกรบ อ้อนศึกรบขอตามไปด้วย ศึกรบใจอ่อนยอมให้ไอวี่ตาม แสงดาวที่แอบดูอยู่มองตามอย่างเจ็บใจ “นังพริตตี้เมื่อวานซืน”
ด้านชโยดมก็ไปหาปองฤทัยที่ร้าน เขาคอยให้กำลังใจปองฤทัย จนปองฤทัยรู้สึกดีกับชโยดมมากขึ้น
คืนนั้นเอง ไอวี่ก็ชวนศึกรบไปดื่มที่ผับแห่งหนึ่งจนศึกรบเมามาย แล้วก็พร่ำเพ้อถึงสู่ขวัญ ไอวี่ได้ยินก็เซ็งๆ ศึกรบเมาจนฟุบลงไปกับโต๊ะ ไอวี่ยิ่งเซ็งหนัก สักพักรปภ. ก็เดินเข้ามาบอกให้ศึกรบช่วยขยับรถ ไอวี่เห็นศึกรบเมามากก็ขอกุญแจรถ เพื่อที่เธอจะออกไปขยับรถให้ ไอวี่หันไปกำชับศึกรบ “อยู่นี่ก่อนนะคะ นอนไปเลยก็ได้แต่อย่าลุกไปไหนนะ” ศึกรบพยักหน้าอย่างว่าง่าย ไอวี่เดินออกไป
ไอวี่ขยับรถเสร็จก็รีบกลับเข้ามาในผับ แต่ปรากฏว่าศึกรบหายตัวไปแล้ว ไอวี่รีบวิ่งตรงมาที่รถของศึกรบที่เคยจอดไว้อีกครั้ง แต่รถของศึกรบก็หายไปแล้วเหมือนกัน ไอวี่กัดฟัน กำมือแน่น เจ็บใจ แทบจะกรี๊ดออกมา “นังเลขาเจ้าเล่ห์นังจอมวางแผน! ต้องเป็นแกแน่ๆ” ไอวี่เหวี่ยงกระเป๋า กระฟัดกระเฟียด รู้ทันทีว่าเป็นแสงดาวแน่ๆ
ภายในรถของศึกรบ แสงดาวขับรถตรงไปยังบ้านของเธอ โดยมีศึกรบนั่งเมางัวเงียมาในรถด้วย
ขณะที่ไอวี่ก็พยายามโทรศัพท์หาศึกรบ ส่งไลน์ก็แล้ว ส่งข้อความก็แล้ว แต่ก็ไม่มีเสียงตอบกลับจากศึกรบแม้แต่น้อย ไอวี่ลนลานมากๆ
ที่บ้านแสงดาว แสงดาวอาบน้ำเสร็จ สวมเสื้อคลุมออกมาที่ตู้เปิดเลือกชุดที่เซ็กซี่ที่สุดที่เตรียมไว้สำหรับศึกรบ แสงดาวมองชุดยิ้มพอใจ “คุณรู้ไหมว่าฉันรอวันนี้มานานแค่ไหน” แสงดาวหิ้วชุดเซ็กซี่ไปเปลี่ยน ก่อนจะออกมาที่หน้ากระจก หยิบน้ำหอมกลิ่นที่ศึกรบชอบออกมาฉีด สะบัดผมทำหน้ายั่วยวน พอใจตัวเองมาก
ด้านไอวี่ก็ตัดสินใจไปบ้านสู่ขวัญ เพื่อที่จะให้สู่ขวัญช่วยตามหาตัวศึกรบ แต่พรก็ออกมาไล่ไอวี่พร้อมกับเอาตำรวจมาขู่

ตอนที่ 17 วันอังคาร ที่ 27 พฤษภาคม 2557
ที่บ้านแสงดาว แสงดาวเดินออกมาหาศึกรบที่นอนอยู่ ศึกรบสะลึมสะลือ แสงดาวเข้าไปใกล้ศึกรบแล้วคลอเคลีย ศึกรบเมาอยู่เผลอเคลิ้มไปกับแสงดาว “ขวัญ คุณให้อภัยผมแล้วเหรอ” แสงดาวชะงัก เซ็งจัด บ่นพึมพำ “ขวัญเขวิญอะไร ยังจะเพ้ออยู่อีก” ศึกรบลูบไล้แสงดาวเพราะนึกว่าเป็นสู่ขวัญ “ขวัญ อย่าโกรธผมเลยนะครับ ผมรักคุณ” แสงดาวถอนใจ ตัดสินใจสวมรอยเป็นสู่ขวัญซะเลย ศึกรบยิ้มออก แสงดาวผลักศึกรบลงไปบนเตียงยิ้มพอใจมาก
ที่ห้องนอนสู่ขวัญ สู่ขวัญนอนอยู่แล้วก็ดิ้นไปมาร้องตะโกนเพ้อๆ “ไม่ ฉันบอกให้หยุดไง หยุด พอได้แล้ว!” สู่ขวัญสะดุ้งตื่นขึ้นมา เหงื่อท่วม หอบหายใจไม่หยุด “ฝันเหรอ” สู่ขวัญกุมขมับ รู้สึกอ่อนเพลียมากแต่จู่ๆ เธอก็รู้สึกพะอืดพะอม “อุบ!” สู่ขวัญรู้สึกอยากอาเจียนขึ้นมาทันที เลยรีบวิ่งไปห้องน้ำอาเจียนออกมาจนแทบหมดแรง
เช้าวันใหม่ ไอวี่ยังไม่ลดละที่จะตามหาตัวศึกรบ ตัดสินใจแอบเข้าไปในแผนกบุคคล เพื่อค้นประวัติที่อยู่ของบ้านแสงดาว
ขณะที่ศึกรบตื่นขึ้นก็ได้รับการเอาอกเอาใจจากแสงดาว พร้อมทั้งงงๆ ว่ามาอยู่กับแสงดาวได้อย่างไร
ด้านป้อมก็ไม่ค่อยมีสมาธิที่จะสอบเท่าไหร่นัก มัวแต่กังวลเรื่องไอวี่ เพราะใกล้ถึงเวลาจะสอบแล้วแต่ไอวี่ยังไม่มาเลย ป้อมจึงโทรศัพท์หาไอวี่ แต่ไอวี่ก็ไม่รับสาย อ๊อฟที่นั่งอยู่ด้วยเอ่ยขึ้น “กูว่าถ้าเขาอยากมาป่านนี้เขามาแล้วว่ะ อย่าห่วงคนอื่นนักเลยมึง” ป้อมบอก “แต่ถ้าเขาขาดสอบอีกนี่ติด F ขึ้นมาคือไม่จบปีนี้เลยนะเว้ย” อ๊อฟเตือนสติป้อม “ป้อมแกเอาตัวเองให้มันรอดก่อนเหอะ เดี๋ยวห่วงกันไปมา แกนั่นแหละที่จะไม่จบด้วย ไปเว้ย ถ้าไม่ติวแกก็ต้องสงบใจซะ แล้วเข้าไปสอบ เข้าใจมั้ยเพื่อน” ป้อมก้มมองดูนาฬิกาในโทรศัพท์มือถือแล้วถอนหายใจ อ๊อฟทนไม่ไหวตรงเข้าลากป้อมไปหน้าห้องสอบ คนอื่นๆเริ่มทยอยเข้าห้องสอบกันบ้างแล้ว
ขณะที่ระรินเองก็จะออกไปไหนมาไหนก็ลำบาก โดนชาวบ้านนินทาตลอดเวลา จนตัวเองเริ่มเครียด กลุ้มใจมาก

ที่บ้านสู่ขวัญ สู่ขวัญนอนซมอยู่ที่เตียง ชโยดมเข้ามายืนมองสู่ขวัญแล้วถอนหายใจก่อนจะเดินเข้าไปหา “พี่ขวัญเป็นไงบ้างครับ” สู่ขวัญหันมาทางชโยดม “พี่พรตามโยมาล่ะสิพี่ไม่ใช่เด็กๆ แล้วนะ” ชโยดมเดินเข้ามาที่เตียง “ถ้าเป็นเด็กล่ะก้อผมจับฉีดยาไปแล้ว เอ...ไม่มีไข้แล้วนี่ แต่ทำไมหน้าพี่ยังดูซีดๆ อยู่เลย ผมว่าพี่ขวัญไปตรวจร่างกายที่โรงพยาบาลให้ละเอียดอีกทีจะดีกว่านะครับ แต่ถ้าพี่นอนซมอยู่แบบนี้ร่างกายมันจะไม่ฟื้นสักทีนะครับ” สู่ขวัญหันหลังให้ “ไม่ฟื้นก็ไม่ต้องฟื้นเลย” ชโยดมส่ายหัว “แน่ะขี้งอนเป็นเด็กอีกแล้ว ไปโรงพยาบาลกับผมนะครับ” สู่ขวัญส่ายหัว “พี่ไม่อยากไปไหนทั้งนั้น โยกลับไปเถอะ” ชโยดมว่า “ไม่ไปก็ไม่ไป พี่ขวัญนี่ดื้อเหมือนคุณพ่อไม่มีผิดเลย งั้นก็ทานยาตามที่ผมจัดให้แล้วกันนะครับ ผมไปทำงานก่อนนะ” สู่ขวัญพยักหน้าเบาๆ ชโยดมมองพี่สาวก่อนจะเดินออกไป
ตอนกลางวันที่บ้านแสงดาว แสงดาวกำลังทำกับข้าวอย่างอารมณ์ดี เสียงกริ่งหน้าบ้านดังขึ้น แสงดาวละมือจากที่ทำอยู่เดินออกไปดูที่หน้าบ้าน เปิดประตูดูแต่ไม่เห็นใคร แสงดาวมองงงๆ เดินออกมานอกประตูบ้านมองหาด้านข้างเห็นไม่มีใครจริงๆ เลยเดินกลับเข้าบ้านไป แสงดาวเดินผ่านรถศึกรบเข้าบ้านไป ไอวี่แอบอยู่ตรงรถโผล่ออกมา “ฮึ... อีนังเลขาจอมร่านเอาตัวพี่รบมากกไว้ที่นี่เอง” ไอวี่มองเข้าไปในบ้านเห็นแสงดาวเดินลับตาไปแล้ว ไอวี่ชะเง้อมองเห็นว่าศึกรบเดินออกมานั่งที่ห้องรับแขก ไอวี่ดีใจมองรอบๆ ไม่เห็นแสงดาวตัดสินใจย่องเข้าไปหาศึกรบ ศึกรบหันมาเห็นไอวี่ก็ตกใจ ไอวี่รีบยกมือทำจุ๊ๆ บอกให้ศึกรบเบา “ไอวี่ตามหาพี่ตั้งนาน ออกไปจากที่นี่กันเถอะค่ะ จะมาอยู่อุดอู้แบบนี้ทำไมกันคะ” ศึกรบว่า “ผมอยู่ที่นี่ก็สบายดีไม่เห็นจะอุดอู้อะไรนี่ คุณจะให้ผมไปไหนเหรอ” ไอวี่ไม่พอใจบอก “ไปให้พ้นจากบ้านอีนังแม่มดนี่น่ะสิคะ ไปเถอะค่ะ” ศึกรบงง “บ้านแม่มดอะไรกัน เพ้อไปกันใหญ่แล้ว” ไอวี่ดึงๆ “ออกไปเร็วๆ เถอะค่ะ” ทันใดนั้น เสียงแสงดาวก็ดังขึ้น “เธอนั่นแหละออกไปจากบ้านฉันเดี๋ยวนี้” ไอวี่หันขวับไป เห็นแสงดาวยืนจ้องตาเขม็งอยู่ “ฉันไปแน่ และก็จะออกไปกับพี่รบด้วย” ไอวี่คล้องแขนรบไว้แน่น แสงดาวปรี๊ดปรี่เข้ามากระชากแขนไอวี่ออกจากศึกรบ แล้วเหวี่ยงไอวี่ออกไป “แกนั่นแหละไป” ไอวี่เซถลาไป แสงดาวตามออกไปศึกรบมองดู กลุ้มใจ และแล้วสองสาวก็ตบกันนัวเนีย ศึกรบพยายามห้าม แต่ไม่มีใครฟังใคร สุดท้ายสองสาวก็ได้ยินเสียงรถดัง ทั้งสองหยุดชะงักหันไปมองเห็นรถศึกรบแล่นออกไป สองสาวผละออกจากกันแล้วแข่งกันวิ่งออกไปตามรถของศึกรบ จังหวะนั้นมีมอเตอร์ไซค์รับจ้างผ่านมา ไอวี่เห็นก็รีบโบกแล้วโดดขึ้นมอเตอร์ไซค์บอกให้ขับตามรถศึกรบไป แสงดาวเห็นก็เจ็บใจมาก
ที่ทางเดินมหาวิทยาลัย ป้อมเดินออกมาจากอาคารเรียนมองหาใครบางคน อ๊อฟตะโกนเรียกป้อม “ออกจากห้องสอบคนสุดท้ายเลยรึไงวะคุณเพื่อน กูออกมารอตั้งนาน กะทำคะแนนท็อปเลยอ่ะดิ” ป้อมหันมาตอบเพื่อนว่าแค่พอทำได้ เพราะครั้งนี้ไม่ค่อยมีสมาธิ อ๊อฟมองป้อมคิดได้ว่าไอวี่ไม่มาสอบก็หมั่นไส้เพื่อน “ถ้าให้กูเดา เป็นเพราะไอวี่ไม่เข้าสอบใช่ไหมล่ะ ถึงไม่ตอบก็รู้ มึงเป็นห่วงเขารึไง อย่าหาว่างั้นงี้เลยนะ ยัยไอวี่เนี่ยมีดีแค่สวยและก็น่ารักเท่านั้นแหละ ข้อดีอย่างอื่นกูว่าไม่มีว่ะ” ป้อมคิดตามที่อ๊อฟพูด ก่อนที่จะพูดไปลอยๆถึงไอวี่ “ใครว่าล่ะ ไอวี่มีดีที่ความมุ่งมั่นนี่แหละ แต่มุ่งมั่นในทางที่ผิดเพราะชอบทางลัด” อ๊อฟมองป้อมงงๆ ป้อมมองเหม่อคิดถึงไอวี่
ด้านระรินก็ตัดสินใจไปหาศึกรบที่โรงแรม แต่พอรู้จากพนักงานว่าศึกรบโดนไล่ออกไปแล้ว ระรินก็ตกใจ ไม่อยากเชื่อเลยคิดจะบุกเข้าไปดูเองให้เห็นกับตา
ที่ลานจอดรถ ระรินเดินออกจากตัวโรงแรมมองหาตรงที่จอดรถของผู้บริหาร “คอยดูนะถ้าฉันเจอรถคุณรบเมื่อไหร่จะกลับไปตบให้หน้าชาเลย” ระรินเดินหลบๆ คนไปใกล้ที่จอดรถผู้บริหารไล่เช็กดูทะเบียนรถไม่มีรถของศึกรบอยู่เลย ระรินเจ็บใจ “ไม่มีรถ แสดงว่าเขาไม่อยู่ที่นี่ หรือว่าเปลี่ยนรถแล้ว ยังไงกันละเนี่ย ไม่อยู่ที่นี่แล้วคุณอยู่ที่ไหนล่ะ คุณรบ ฮึ่ย” ระรินเดินฮึดฮัดออกไป
ขณะที่ศึกรบก็แวะมาทานกาแฟที่ร้านปองฤทัย ปองฤทัยเห็นเป็นศึกรบแอบดีใจ “คุณรบจริงๆ ด้วย เอ ทำไมวันนี้คุณถึงมาในเวลางานได้ล่ะคะ” ศึกรบบอก “ก็ผมกลายเป็นคนไม่มีงานแล้วน่ะสิครับ จะมาหาคุณที่ร้านเวลาไหนก็ได้” ปองฤทัยมองศึกรบสงสาร เพราะรู้ดีว่าศึกรบกำลังเคว้งคว้าง ปองฤทัยยิ้มๆ ศึกรบมองปองฤทัยชอบในความสดใสของเธอ ศึกรบนั่งดูปองฤทัยชงกาแฟเพลินๆ จนปองฤทัยเอามาเสิร์ฟที่โต๊ะ “ขอบคุณครับ วันนี้ลูกค้าน้อยเหรอครับ” ปองฤทัยลงนั่งตรงข้ามศึกรบ “ค่ะ คงเป็นเพราะปองปิดร้านมาหลายวันน่ะค่ะ ตั้งแต่มีเรื่องวันนั้น” ศึกรบรู้สึกผิดทันที “ผมต้องขอโทษแทนขวัญด้วยจริงๆ ที่วันนั้นมาพังร้านคุณ” ปองฤทัยว่า “เป็นเพราะปองเองนั่นแหละค่ะ ที่ทำให้คุณสู่ขวัญเข้าใจผิด” ศึกรบบอก “ไม่เกี่ยวกับคุณหรอกครับ ขวัญเขาเข้าใจผิดมานานแล้ว ใครก็ห้ามเขาไม่อยู่ คุณเลยพลอยมารับเคราะห์ไปด้วย ผมต้องขอโทษจริงๆ นะครับ” ปองฤทัยมองศึกรบสงสาร เห็นศึกรบเศร้า ปองเอื้อมมือมากุมมือศึกรบให้กำลังใจ ขณะนั้นเอง ระรินที่ขับรถผ่านหน้าร้านปองฤทัยก็กำลังจะหยิบกาแฟมาดื่ม แต่ปรากฏว่าหมดพอดี เธอจึงจอดรถเพื่อที่จะซื้อกาแฟ ก็เผอิญทำให้ได้พบศึกรบที่กำลังจับมือปองฤทัยอยู่ คุยกันจี๋จ๋า ระรินโมโหปรี่เข้าไปกระชากปองฤทัยมาตบ ปองฤทัยงงๆ ว่าเกิดอะไรขึ้นไม่ทันได้ตอบโต้อะไร ศึกรบเห็นระรินก็รีบเข้าไปห้าม ดึงระรินให้ออกห่างจากปองฤทัย ระรินด่าปองฤทัยเสียๆ หายๆ พอปองฤทัยตั้งสติได้ก็ว่ากลับ“ก่อนที่คุณจะด่าคนอื่น ดูตัวเองก่อนดีกว่าไหมคะ” ระรินกรี๊ดที่ปองฤทัยสวนกลับ จะเข้าไปตบปองฤทัย ศึกรบกระชากมือระรินไว้ตะคอกใส่ “เลิกระรานใครต่อใครได้แล้ว คุณทำลายครอบครัวผมจนย่อยยับไปหมดแล้ว คุณยังต้องการอะไรจากผมอีก” ระรินจ้องหน้าศึกรบ “รินต้องการความรับผิดชอบ” ศึกรบโกรธขบกรามแน่น “ผมจะรับผิดชอบก็ต่อเมื่อมันเป็นสิ่งที่ผมทำจริงๆ เท่านั้น” ระรินเห็นท่าทางเอาจริงของศึกรบ รีบก็ชะงัก เปลี่ยนเป็นบีบน้ำตาเข้าสู้แทน “ใช่สิ คุณมีคนใหม่ คุณก็เลยจะเขี่ยรินทิ้งใช่ไหมคะ ทั้งที่รินยังมีลูกของคุณอยู่ในท้องอีกทั้งคน คุณไม่เห็นใจรินบ้างเลยเหรอ...” ศึกรบเหลืออดกับการแสดงของระริน “เลิกบีบน้ำตาได้แล้ว ผมไม่ใจอ่อนเชื่อคุณหรอก คนที่ต้องเป็นฝ่ายร้องไห้น่าจะเป็นผมมากกว่า” ระรินอึ้งเมื่อเจอศึกรบตอกกลับ ศึกรบหันไปไม่สนใจระริน ประคองปองฤทัยเลี่ยงไปอีกมุม ระรินแค้นหนักร้องโวยวาย “อ๊าย... คุณศึกรบคุณมันใจดำที่สุด” ขณะนั้นเอง ไอวี่ที่ซ้อนมอเตอร์ไซค์รับจ้างก็มาถึง เห็นรถศึกรบจอดหน้าร้านกาแฟก็รีบกระโดดลงจากรถ ไอวี่เปิดประตูผัวะเข้ามาในร้านกาแฟ เห็นระรินกำลังเข้าไปดึงศึกรบออกมาจากปองฤทัย “คุณรบคุณต้องคุยกับรินให้รู้เรื่องนะ คุณต้องรับผิดชอบลูกในท้องริน” ปองฤทัยอึ้งๆ ไอวี่เดินเข้ามา “ท้องกับใครที่ไหนก็ไม่รู้ จู่ๆ จะมาให้คุณรบรับเป็นพ่อของลูก ไม่น้ำเน่าไปหน่อยเหรอคะคู้ณ” ระรินหันขวับเห็นไอวี่ยิ้มเยาะเข้ามา ศึกรบถอนหายใจ ปองฤทัยสงสารศึกรบ “แกมาเกี่ยวอะไรด้วย มันเรื่องของผัวเมียเขาจะตกลงกัน” ไอวี่ยิ้มยั่ว “เหรอ งั้นยิ่งเกี่ยวใหญ่เลย เพราะฉันก็เป็นเมียเหมือนกัน” ระรินโมโหมากเข้าไปตบไอวี่ ไอวี่ตบระรินกลับ ศึกรบพยายามห้ามกับปองฤทัยแต่ไม่มีใครยอมฟัง ศึกรบพยายามดึงระรินออก ปองฤทัยพยายามดึงไอวี่ออก พอดีป้อมกลับเข้ามาเห็นเหตุการณ์ก็อึ้งไป ปองฤทัยเห็นน้องชายก็รีบบอกให้มาช่วยห้ามที ป้อมรีบมาช่วยดึงไอวี่ออก ทั้งสองคนแยกจากกัน ศึกรบลากระรินออกไป “คุณกลับไปได้แล้วระริน ผมไม่มีอะไรจะคุยกับคุณ กลับไปซะ” ศึกรบลากระรินไปนอกร้านแล้วกลับเข้าไป ระรินมองตามแค้นใจ ระรินเดินออกมาที่รถด้วยอารมณ์โกรธ แสงดาวที่แอบดูอยู่เดินเข้ามาหาระริน “ถูกเขาไล่ออกมาเหรอคะ” ระรินมองแสงดาวตาขวาง “มันเรื่องอะไรของเธอ” แสงดาวยิ้มๆ “แย่หน่อยนะคะ ช่วงนี้คุณรบเขาไม่ค่อยไว้ใจใคร เพราะเขากลัวจะโดนหลอกน่ะค่ะ” ระรินตวาดกลับ “ฉันไม่ได้ถามและก็ไม่อยากรู้เรื่องอะไรด้วยหลีกไป” แสงดาวยิ้มยั่วๆ “ว้า...เสียดายจัง ว่าจะบอกสักหน่อยว่าทำไมคุณศึกรบถึงไม่ยอมรับผิดชอบเด็กในท้องคุณ แต่ก็นะ...คุณไม่อยากรู้แล้วนี่“ แสงดาวหันหลังกลับเดินออกไป ระรินนิ่งคิดอยากรู้เรื่อง“เดี๋ยว” แสงดาวหยุดอยู่กับที่ยิ้มร้ายอย่างเป็นต่อ

ตอนที่ 18 วันพุธ ที่ 28 พฤษภาคม 2557
ที่ร้านปองฤทัย ศึกรบกลับเข้ามาในร้าน ไอวี่วิ่งเข้าไปเกาะแขนไว้ ป้อมกับปองฤทัยยืนมองห่างๆ “พี่รบ ไหนๆ พี่ก็ไล่ยัยระรินนั่นไปแล้ว พี่เลิกยุ่งกับยัยเลขาแสงดาวนั่นเถอะนะ ยัยนั่นมันเป็นคนเจ้าเล่ห์เจ้ามารยาเชื่อไม่ได้ ถ้าพี่รบยุ่งกับมันชีวิตพี่จะยิ่งแย่” ศึกรบเหลือบมองไปทางปองฤทัยกับป้อมกระซิบ “พูดเบาๆ ได้ไหม ไม่อายคนอื่นเขาเหรอ” ไอวี่โวย “พี่จะอายอะไร วี่พูดอะไรผิด” ศึกรบหน้าเครียด “ก็ที่เธอกำลังทำอยู่นี่ไง เธอพูดเรื่องอะไร” ไอวี่ไม่พอใจ “ก็มันจริงนี่ พี่จะปฏิเสธเหรอ” ศึกรบทนไม่ไหวตวาด “หยุดพูดเหลวไหลได้แล้ว!” ไอวี่อึ้งไป ศึกรบหัวเสียมาก “แค่เธอมาที่นี่มันก็วุ่นวายมากพออยู่แล้ว ไม่งั้นอะไรๆ มันคงไม่แย่แบบนี้ ถอยไป ฉันจะกลับแล้ว” ศึกรบหงุดหงิดเดินเลี่ยงไอวี่ออกไปนอกร้านทันที
ที่หน้าร้านปองฤทัย ศึกรบเดินหนีออกมาหน้าร้าน ไอวี่จะตามศึกรบไป แต่ป้อมก็ตามมาดึงไว้ “ไอวี่... เดี๋ยวก่อน” ไอวี่หันไปเหวี่ยงใส่ป้อมที่มาขัดขวางตัวเอง “ปล่อยฉันนะป้อม! บอกให้ปล่อย” ป้อมพูดเสียงดังใส่ไอวี่ “เธอนั่นแหละ ปล่อยคุณศึกรบไป ไม่เห็นเหรอว่าเขากำลังเขี่ยเธอทิ้ง” ไอวี่พยายามสะบัดป้อมออก แต่ป้อมก็ไม่ปล่อย “นายดูถูกฉัน เขาไม่ได้จะเขี่ยฉันทิ้ง” ป้อมจ้องหน้าไอวี่ “ตาสว่างซะที คนดีๆ มีตั้งเยอะแยะทำไมเธอไม่เคยมอง มัวแต่ไปแย่งคนที่เขาไม่เคยรักเธอด้วยซ้ำ เขามีแต่เงินให้เธอก็ทำได้ทุกอย่างงั้นเหรอ” ไอวี่โวยกลับ “นายไม่เคยจน นายไม่เคยลำบาก นายไม่รู้หรอกว่ามันทรมานยังไงบ้าง” ป้อมเถียง “ฉันก็ไม่เคยรวยเหมือนกัน ที่มีทุกอย่างตอนนี้เพราะแม่ฉัน พี่ฉัน ทุกคนทำงาน ทุกคนพยายามเก็บเงินเพื่อให้ครอบครัวสบาย พวกเขาไม่เคยหวังรวยทางลัด แล้วเธอล่ะ” ไอวี่ลอยหน้าถาม “ฉันทำไม” ป้อมว่า “เธอมันหวังแต่จะสบาย ไอวี่ คนเราจะมีชีวิตที่ดีได้มันต้องรู้จักอดทน ตอนนี้เธอควรเรียนให้จบ แล้วก็ใช้ความรู้ทำมาหากินอย่างถูกต้องนะ” ไอวี่แค่นหัวเราะ “นี่คิดว่าเล่นตลกอยู่หรือไง เงินเดือนแค่ปริญญาตรี เก็บกี่ชาติถึงจะรวย” ป้อมมองไอวี่สีหน้าผิดหวัง “อ้อ… ขยันทำงานเก็บเงินมันลำบาก มันสู้เกาะผู้ชายไม่ได้ใช่ไหม” ไอวี่สวน “ใช่ เขาทั้งหล่อ ทั้งรวย ฉันอยากได้อะไรก็ได้ไม่ต้องไปทำงานงกๆ ให้มันเหนื่อย ฉันอยากสบายฉันผิดเหรอ” ป้อมบอก “ทั้งผิดทั้งพลาดเลยล่ะ เพราะคนอย่างศึกรบ มันก็เกาะผู้หญิงกินเหมือนกัน ที่เขามีเงินมาแจกจ่ายให้เธอ เพราะเขาได้มาจากเมียเขา” ไอวี่ยักไหล่ ไม่แคร์ “เมียเขาโง่เอง ช่วยไม่ได้” ป้อมพูดต่อ “ตอนนี้เมียเขากำลังจะฟ้องหย่า เขาจะไม่เหลืออะไรเลย ถ้าเขาไม่มีเงิน เธอยังจะคบเขาอยู่ไหม” ไอวี่ม่สนใจ “แต่ตอนนี้เขารวยกว่าทุกคนที่ฉันเคยเจอสมบัติเก่าพ่อแม่เขาก็มีนี่” ป้อมมองไอวี่แล้วส่ายหัว “เธอนี่มันเลือกคนที่เงินอย่างเดียวงั้นเหรอ” ไอวี่เชิดหน้าบอก “ไม่ใช่แค่นั้น เขามีทุกอย่างที่เป็นสเป็กฉันทุกอย่าง” ป้อมรู้สึกหมดแรงปล่อยมือไอวี่ ไอวี่รีบวิ่งตามศึกรบไป ป้อมมองตามเสียใจมาก
ที่มุมหนึ่งแถวร้านปองฤทัย แสงดาวพาระรินมาคุยในที่ลับตาคน แสงดาวมองรอบๆ ไม่เห็นใครตามมา ระรินหงุดหงิดใจนิดหน่อย พูดเร่งให้แสงดาวบอก “จะพาเดินอีกนานไหม ฉันเหนื่อยแล้วนะ” แสงดาวยิ้มอย่างเป็นต่อ “แหม รอหน่อยสิคะ คุณไม่เห็นเหรอว่าคนเยอะไปหมด มีแค่ที่นี่แหละที่คุยกันได้” ระรินโวย “งั้นก็รีบพูดมา ฉันไม่อยากเสียเวลา” แสงดาวหันกลับไปหาระริน “ก็ได้ค่ะ ว่าแต่คุณเคยเจอยัยเด็กที่ชื่อไอวี่แล้วใช่ไหม” ระรินนึกตาม “ไอวี่ อ๋อ ยัยเด็กพริตตี้จากสลัมนั่นน่ะเหรอทำไม?” แสงดาวยิ้มกริ่ม ค่อยๆ เดินเข้าไปหาระริน แสงดาวกระซิบ “ฉันจะบอกคุณให้ว่าที่ทุกอย่างมันไม่เป็นอย่างที่คุณคิดน่ะ” ระรินถอยหนี มองแสงดาวอย่างระแวง “เพราะยัยไอวี่ มันแส่เอาเรื่องคุณท้องกับคนอื่นไปบอกคุณรบน่ะสิ” ระรินตกใจ “ว่ายังไงนะ!” แสงดาวพูดต่อ “คนที่มันทลายวิมานอันสวยหรูของคุณคือยัยนั่น รู้อย่างนี้แล้ว คุณจะทำไงดีล่ะคะ คุณระริน” ระรินอึ้ง “มันไปรู้มาได้ยังไง” แสงดาวหัวเราะ “วงการคุณมันเหมือนจะกว้างขวางนะ แต่เอาเข้าจริงๆ ก็รู้จักกันแค่ในวงแคบๆ คุณคิดว่ามันจะไม่มีหลุดรอดไปถึงหูใครก็ได้บ้างเหรอ” ระรินทำอะไรไม่ถูก แสงดาวใส่ไฟต่อ “นังเด็กสลัมนั่น อยากจับคุณรบจนตัวสั่น มันคงเกลียดคุณเข้าไส้” ระรินโมโห “มันต่ำกว่าขี้ฝุ่นบนส้นตีนฉัน ฉันไม่ให้ค่ามันหรอก” แสงดาวแกล้งตีหน้าซื่อ “คนเราชอบของแบบเดียวกัน แต่มันมีแค่ชิ้นเดียวในโลก มันก็ต้องเขี่ยใครทิ้งให้พ้นทาง เพื่อจะได้เป็นเจ้าของ จริงไหมคะ” ระรินโกรธจนแทบยืนไม่อยู่ “ยัยนั่นเลยเอาเรื่องนี้มาเล่นงานฉันงั้นเหรอ” แสงดาวแอบสะใจ “คุณน่าจะรู้ เวลาเราอยากได้อะไรมากๆ เราไม่สนวิธีหรอกค่ะ” ระรินร้องกรี๊ด “อ๊าย...นังไอวี่ ฉันจะเหยียบแกให้จมน้ำครำบ้านแกเลยคอยดู” แสงดาวมองระรินพอใจที่คล้อยตาม
ป้อมกลับเข้ามาในร้านดูซึมลงไป ปองฤทัยเดินเข้าไปหา จับไหล่ป้อมเบาๆ “ไม่เป็นไรนะป้อม” ป้อมพยักหน้าเศร้าๆ ปองฤทัยเห็นใจ พยายามปลอบ “มันไม่มีประโยชน์ที่จะเศร้าเพราะคนที่เขาไม่เคยมองเราเลยนะป้อม ตัดใจเถอะนะ ลืมไอวี่ซะ” ป้อมมองหน้าปองฤทัยสีหน้าเจ็บปวด “ตัดใจมันทำได้แต่พูดเท่านั้นแหละพี่ปอง พี่น่าจะรู้ว่าพยายามลืม มันยากกว่าพยายามจำร้อยเท่า” ปองฤทัยว่า “แต่ก็ยังดีกว่าเศร้าอยู่แบบนี้ไม่ใช่เหรอ” ป้อมว่า “แล้วพี่เคยเลิกเศร้าเพราะลืมคุณรบไม่ได้รึเปล่าล่ะ” ปองฤทัยสะอึกที่โดนย้อนเข้าให้ “มันไม่เหมือนกัน พี่รู้อยู่แล้วว่ามันเป็นไปไม่ได้ แล้วที่พี่ดีกับเขาเพราะพี่สงสารเขา” ป้อมบอก“ผมก็สงสารไอวี่” ปองฤทัยถอนใจ “โธ่ ป้อม ไอวี่ไม่ใช่ผู้หญิงที่ป้อมควรจะมาเสียเวลาด้วยเลยนะ” ป้อมสวน “คุณศึกรบก็ไม่ใช่ผู้ชายที่พี่ปองควรจะเสียใจเพราะเขา พี่ปองเข้าใจผมรึยัง เรามันก็ไม่ได้ต่างกันหรอก” ป้อมหันไปมองอีกทาง หน้าเครียด ปองฤทัยกลุ้ม
ศึกรบนัดคุยกับสาธรที่ร้านอาหารแห่งหนึ่ง ศึกรบพูดเสียงเครียด “ฉันอยากได้ที่อยู่ใหม่แล้วว่ะ ที่ให้แกช่วยหาไปถึงไหนแล้ว” สาธรทำหน้าลำบากใจ “เฮ้ย ใจเย็นสิวะ ทำไมเกิดนึกจะเร่งขึ้นมา มีอะไรรึเปล่า” ศึกรบถอนหายใจ “ช่วงนี้เจอแต่เรื่องวุ่นวาย อยากอยู่คนเดียวเงียบๆ ไม่อยากรับรู้อะไรแล้วว่ะ” สาธรว่า “พูดเหมือนคนหมดอาลัยตายอยาก แกจะนอยด์ไปทำไม ตอนนี้ก็มีคนคอยดูแลไม่ใช่เหรอ มีข้าวให้กิน มีที่ให้นอน” ศึกรบงง “แกหมายถึง?” “ก็คุณดาวอดีตเลขาแกไง ดูเขาเต็มใจให้แกมาใช้พื้นที่ชีวิตร่วมกับเขาน่าดูนะ” สาธรหัวเราะ ศึกรบไม่ขำด้วย หน้าเครียดหนักกว่าเดิม สาธรหยุดหัวเราะทันที “ล้อเล่นๆ อย่าเครียด” ศึกรบว่า “จะใครอะไรยังไงก็ช่าง ตอนนี้ฉันแค่อยากหลบไปคิดอะไรคนเดียวสักพัก แค่นั้น” สาธรพยักหน้า เข้าใจศึกรบ ศึกรบนั่งเหม่อ ถอนหายใจเซ็งๆ
ที่บ้านภาวดีกับทรงยศ ภาวดีชะเง้อมองไปทางเรือนใหญ่ คิดอะไรบางอย่าง หันมาคุยกับทรงยศที่นั่งเล่นไอแพดอยู่ ภาวดีเรียกทรงยศ “นี่คุณ นี่มันปาเข้าไปกี่วันแล้วก็ไม่รู้ ลูกสะใภ้ฉันยังนอนป่วยลุกไม่ขึ้น งานการก็ไม่เห็นไปทำ เขาเป็นอะไรของเขา” ทรงยศบอก “จะไปรู้เรอะ อยากรู้ก็ไปถามน้องชายเขาสิเป็นหมอนี่” ภาวดีจิกตาใส่ “กวนประสาท” ทรงยศงง “อ้าว ผมตอบผิดตรงไหน” ภาวดีว่า “คือที่ฉันเกริ่นมาเนี่ย จะให้ช่วยคิดว่าจะทำยังไงดี” ทรงยศถามกลับ “แล้วเราจะทำยังไงล่ะ” ภาวดีชักโมโห แว้ดใส่ทรงยศ “นีจะต้องให้บอกทุกเรื่องเลยใช่ไหม คือฉันจะชวนคุณไปเยี่ยมสู่ขวัญเข้าใจรึยัง” ทรงยศส่ายหัว “ก็บอกแต่แรกจะได้เข้าใจ อ้อมไปอ้อมมาอยู่ได้” ภาวดีกระซิบ “นี่มันเป็นเวลาทำคะแนนคืนแล้ว เราจะอยู่เฉยไม่ได้นะ” ทรงยศลุกขึ้นทันที “แล้วจะนั่งรออะไรอยู่ล่ะ ก็ลุกสิคุณ” ทรงยศเดินนำภาวดีออกไปจากบ้าน ภาวดีรีบลุกตามไป
เวลาเดียวกันนี้ สู่ขวัญนอนอยู่ในห้องละเมอถึงศึกรบขึ้นมา “รบ...อย่าไป รบ” ภาวดีกับทรงยศเปิดประตูเข้ามา ได้ยินพอดี ภาวดีรีบเข้าไปเขย่าตัวสู่ขวัญ “หนูขวัญ หนูขวัญ!” สู่ขวัญได้สติ เหงื่อแตกพลั่ก “เป็นอะไรรึเปล่า เมื่อกี้หนูนอนละเมอนะ” สู่ขวัญงง “ละเมอ…เหรอคะ” ทรงยศรีบบอก “ใช่ เมื่อกี้พ่อกับแม่เข้ามา ได้ยินพูดชื่อตารบ” สู่ขวัญไม่อยากเชื่อ “ไม่จริง ขวัญจะละเมอถึงเขาได้ยังไง” ภาวดีได้จังหวะเลยลองเลียบๆ เคียงๆ พูด “หรือว่า… ที่หนูป่วยอยู่แบบนี้เพราะตรอมใจเรื่องตารบ” สู่ขวัญตกใจ “ว่ายังไงนะคะ” ภาวดีถาม “หนูคิดถึงตารบใช่ไหม อยากให้ตารบกลับมาดูแลใช่ไหม” สู่ขวัญพลิกตัวไปอีกทาง “ไม่ค่ะ ขวัญไม่เคยคิดอย่างนั้น” ทรงยศว่า “แต่เมื่อกี้เราทั้งคู่ได้ยินหนูละเมอถึงตารบจริงๆนะ” สู่ขวัญไม่ยอมรับ “ขวัญคงเพลียมากน่ะค่ะ อยากนอน อย่าพูดถึงเขาอีกเลยนะคะ ขวัญขอร้อง” สู่ขวัญไม่ยอมคุยกับภาวดี ทรงยศอีก ภาวดีคิดอะไรได้บางอย่าง

ตอนที่ 22 วันจันทร์ ที่ 9 มิถุนายน 2557
ระรินนัดเจอกับธันวาอีกครั้งตรงที่เดิม ระรินมองไปรอบๆ ไม่เห็นใคร ก็เริ่มพูด “เป็นยังไงบ้าง”ธันวายิ้ม “ผมจัดการให้คุณเรียบร้อยแล้ว” ระรินดีใจทันที“จริงเหรอ ขอบใจมากๆ ขอบใจมากจริงๆ นะธันวา” ระรินจับ มือธันวาดีใจสักพักก็ถอนใจแล้วเปลี่ยนสีหน้าเป็นกลุ้มใจแทน ธันวามองระรินสงสัย“เป็นอะไร คุณไม่ดีใจเหรอ” ระรินยังคงตีหน้าเครียด “ดีใจสิ แต่ว่า…ฉันว่าช่วงนี้เราอยู่ห่างๆ กันไปก่อนดีกว่านะ” ธันวางง “ทำไมล่ะ ผมทำดีให้คุณไม่พองั้นเหรอ” ระรินรีบบอก “ไม่ใช่อย่างนั้น นายทำดีมาก แต่ช่วงนี้คนสังเกตฉันเยอะ ถ้านายมาเจอฉันบ่อยๆ เดี๋ยวคนจะสงสัย เอาอย่างนี้นะ” ระรินหยิบซองเงินขึ้นมายื่นส่งให้ธันวา “เอานี่ไป แทนคำขอบคุณแล้วกัน” ธันวามองซองเงิน ก่อนจะยื่นมือไปรับมาเปิดดูแล้วต้องตาโต “ขอบคุณมากครับคุณริน” ระรินว่า “ตอนนี้นายกลับไปได้แล้วล่ะ ขอบคุณอีกรอบนะ” ธนาบอก “ไม่เป็นไรครับ ขอบคุณมากจริงๆ ผมต้องไปทำงานแล้ว วันไหนถ้าผมดังขึ้นมา ผมจะไม่ลืมคุณเลย ผมสัญญา” ธันวาหันมองซ้ายมองขวาเห็นว่าปลอดคนเลยรีบเดินผละออกมา ระรินมองตาม ทำท่าขยะแขยงธันวา

ไอวี่แสบหน้ามาก เริ่มร้องไห้ออกมาอย่างทรมาน ชโยดมขับรถพาป้อมมาเจอไอวี่ ป้อมรีบบอกให้ชโยดมจอดแล้วลงมาหาไอวี่ “ไอวี่!” ไอวี่ได้ยินเสียงป้อมดีใจมากรีบบอก “ป้อม ช่วยด้วย ฮือ… มันเอาอะไรสาดหน้าฉันไม่รู้” ชโยดมรีบเอาน้ำขวดจากในรถลงมา “เหมือนจะโดนน้ำกรดนะครับ ล้างหน้าก่อน เดี๋ยวรีบไปโรงพยาบาลกัน” ชโยดมจัดการล้างหน้าปฐมพยาบาลให้ไอวี่ ป้อมกับชโยดมรีบพาไอวี่ขึ้นรถแล้วพาไป

โรงพยาบาล ศึกรบมาที่ร้านของปองฤทัย ปองฤทัยเห็นศึกรบมาก็ดีใจ ศึกรบยิ้มให้ปองก่อนจะพูดขึ้น “ผมมาสั่งดอกไม้ ช่วยจัดให้ผมสวยๆ สักช่อนะครับ” ปองฤทัยถาม “จะให้เขียนการ์ดไหมคะว่าให้ใคร” ศึกรบบอก “ให้สู่ขวัญครับ ผมจะเอาไปง้อภรรยาผม” ปองฤทัยยิ้มออก “ปองดีใจด้วยนะคะ ปองจะจัดให้สุดฝีมือเลย”
“ไม่ได้นะ!” ศึกรบกับปองฤทัยมองไปทางเข้าร้าน แสงดาวมายืนอยู่ สีหน้าช็อกมาก แสงดาวเดินมาหยุดยืนที่ด้านหน้าศึกรบ “คุณไม่ได้จะไปง้อเมียคุณจริงๆ ใช่ไหม เขาไล่คุณขนาดนั้น คุณยังจะง้อเขาอีกงั้นเหรอ” ศึกรบมองแสงดาวงงๆ “ดาว คุณมาได้ยังไง” แสงดาวตอบเสียงอ้อน “ก็คุณไม่กลับไปที่บ้าน ดาวเลยตามคุณมา” ศึกรบหน้าเครียดทันที “อย่าทำแบบนี้เลยดาว ผมตัดสินใจแล้ว ผมจะไปขอคืนดีกับขวัญ เรื่องระหว่างเรา ผมไม่ตั้งใจ ผมขอโทษ” แสงดาวตัวสั่น เริ่มร้องไห้ ตะโกนใส่ศึกรบ“คุณมันพูดง่าย ดาวทำให้คุณทุกอย่าง แต่คุณก็จะทิ้งดาว! ฮือ...” ศึกรบพยายามใจเย็นแล้วพูดกับแสงดาว “ผมรู้ว่ามันแย่ที่ต้องพูดแบบนี้ แต่ขวัญเขาไม่เคยทำอะไรผิดเลย มีแต่ผมที่ปล่อยให้ทุกอย่างมันเกิดขึ้น” แสงดาวไม่พอใจตวาด “คุณมันแย่มาก แย่ที่สุด” ศึกรบบอก “ผมคงไม่กลับไปอยู่กับคุณอีกแล้ว ขอบคุณแล้วก็ขอโทษกับทุกอย่างที่ผ่านมานะดาว” แสงดาวปล่อยโฮออกมาอย่างไม่อาย ปองฤทัย ยืนมองแสงดาวแล้วรู้สึกเศร้าใจตามไปด้วย แสงดาวเงยหน้ามองศึกรบสีหน้าเคียดแค้นมาก แสงดาวเดินออกมานอกร้าน ตายังบวมเพราะร้องไห้อยู่ แสงดาวหยุดยืนแล้วหันหลังกลับไปมองในร้านเห็นศึกรบกำลังช่วยปองจัดดอกไม้พูดคุยกันกระหนุงกระหนิงก็เจ็บใจ “หวังจะเคลมยัยเจ้าของร้านนี่เอง ถึงได้ไล่ฉันอย่างกับอะไร คอยดูเถอะ คุณจะไม่มีวันอยู่กับนังนี่อย่างเป็นสุข” แสงดาวมองในร้านอย่างแค้นใจ

ที่โรงพยาบาล ป้อมเข็นรถเข็นของไอวี่ออกมาจากห้องฉุกเฉิน ชโยดมตามออกมาด้วย ไอวี่ทำแผลเสร็จแล้ว หน้าถูกปิดด้วยผ้าก๊อซเหลือไว้แต่ตา คอบางส่วนก็ถูกปิด ไอวี่ร้องโวยวาย “ทำไมถึงเป็นแบบนี้ หน้าฉัน ฉันจะเสียโฉมไหมป้อม” ป้อมปลอบ “ไม่เป็นไรนะ เดี๋ยวก็หาย” ไอวี่สวน “มันจะหายได้ยังไง ดูสภาพฉันสิ ดู!” ไอวี่ทำเสียงเหมือนจะร้องไห้ ชโยดมต้องเข้ามาช่วยปลอบ “ถ้าดูแลรักษาตัวเองดีๆ ก็จะหายได้ไวครับ ถึงแม้อาจจะไม่เหมือนเดิม แต่โชคดีที่ตาไม่บอดนะครับ” ไอวี่ร้องครวญ “ฉันอยากจะหายเหมือนเดิม เอาไม่ให้มีแผลเป็นเลยได้มั้ยค่ะหมอ เพราะฉันต้องใช้หน้าตาทำงาน” ชโยดมตอบ “ผมว่าหมอเจ้าของไข้ดูแลอย่างดี ไม่น่ามีปัญหา” ไอวี่นึกได้ “แล้วถ้ามีคนตามมาจะทำร้ายฉันอีกล่ะคะ ฉันจะทำยังไงดีคะหมอ” ไอวี่รู้สึกกลัว ชโยดมว่า “ทำใจให้สบายเถอะครับ คืนนี้พักให้สบาย ไม่มีใครทำร้ายคุณที่นี่หรอก” ป้อมอาสาทันที “เดี๋ยวคืนนี้ ฉันอยู่เฝ้าเธอเอง ไม่ต้องกลัวอะไรหรอกนะวี่” ไอวี่พยักหน้า ชโยดมแอบยิ้มที่เห็นป้อมเป็นห่วงไอวี่ ป้อมถามขึ้น “ไอวี่ แล้วก่อนจะเกิดเรื่อง เธอพอจะจำหน้าคนร้ายได้ไหม” ไอวี่พยายามนึก “ฉันเห็นไม่ชัด มันใส่หมวกกันน็อค แต่รู้ว่าเป็นผู้ชาย” ป้อมอึ้ง“ผู้ชาย” ไอวี่นึกได้รีบพูด “อาจจะเป็นยัยแสงดาวเลขาคุณรบจ้างมาก็ได้ ก่อนหน้านั้นฉันทะเลาะกับเขา” ชโยดมนิ่งคิดสักพัก “ตอนนี้อะไรก็เป็นไปได้งั้นเราก็แจ้งความไว้ก่อนดีไหม” ป้อมเห็นด้วย “ดีเหมือนกันครับ เอ้อ ให้ฉันบอกที่บ้านเธอไหมว่าเธออยู่ที่นี่” ไอวี่บอกเสียงดัง “ไม่!” ป้อมตกใจไปนิดหน่อย “ทำไมล่ะ” ไอวี่ว่า “เขาไม่เห็นใจฉันหรอก มาก็มีแต่จะด่าซ้ำ พาฉันไปห้องเถอะ อยากพักแล้ว” ป้อมพยักหน้า ค่อยๆ เข็นไอวี่ไปห้องพัก

ที่ร้านของปองฤทัย ปองฤทัยยื่นช่อดอกไม้ที่จัดเสร็จแล้วให้ศึกรบ ศึกรบมองช่อดอกไม้ยิ้มๆ“สวยมากครับ ฝีมือคุณนี่ไม่ตกเลยนะ” ปองฤทัยยิ้มตอบ “ขอบคุณค่ะที่ชม จะเอาไปง้อภรรยาทั้งทีต้องสุดฝีมือหน่อยล่ะ” ศึกรบจ้องหน้าปองฤทัย “ขอโทษด้วยนะครับที่ทำให้ร้านคุณวุ่นวาย” ปองฤทัยว่า “ไม่เป็นไรหรอกค่ะ อะไรผ่านไปแล้วก็ให้มันผ่านไปเถอะค่ะ” ศึกรบจับมือปองที่มารับช่อดอกไม้ไป “ขอบคุณครับปอง” เสียงดังขึ้นที่หน้าบ้าน “ทำอะไรน่ะ” ชโยดมกลับมาที่ร้านพอดี เห็นศึกรบจับมือ ปองฤทัยก็ไม่พอใจ เดินเข้ามากระชากคอเสื้อศึกรบแล้วชกเต็มแรง ศึกรบเซไปอีกทาง ชโยดมจะตามไปซ้ำ ปองฤทัยตกใจ รีบเข้าไปห้าม “คุณหมอคะ หยุดเถอะ” ชโยดมไม่พอใจบอก “คนแบบนี้โดนแค่หมัดมันยังน้อยไป ผมบอกคุณแล้วใช่ไหม ว่าอย่าทำแบบนี้อีก พี่สาวผมกำลังป่วย คุณทำแบบนี้ได้ยังไง” ศึกรบว่า “ฉันไม่ได้ทำอะไร” ชโยดมไม่ฟังจะชกเข้าอีกที ปองฤทัยต้องเข้าไปดึงแขนไว้ “คุณหมอฟังปองก่อน ดอกไม้นั่นคุณรบเขามาสั่งให้พี่สาวคุณนะคะ” ชโยดมค้างหมัดไว้ หันไปมองปองฤทัยอึ้ง “ให้พี่ขวัญ” ปองฤทัยพยักหน้า “ใช่ค่ะ คุณรบมาสั่งดอกไม้เพื่อเอาไปขอโทษคุณสู่ขวัญ เขาก็เลยจับมือขอบคุณ” ชโยดมเอามือลง แต่ยังไม่ไว้ใจนัก ศึกรบเช็ดเลือดที่มุมปาก ปองฤทัยทั้งสองคนแล้วค่อยโล่งใจ

แสงดาวกลับมาที่บ้าน ทำกับข้าวอยู่ในครัว เอามีดปังตอสับเขียงไปนึกถึงสู่ขวัญกับศึกรบไป แสงดาวกัดฟัน “คุณรบ คุณคิดว่าฉันมาทีหลังแล้วฉันจะยอมง่ายๆ งั้นเหรอ เห็นฉันเป็นตัวอะไร ฉันไม่เหมือนนางบำเรอคนอื่นๆ ของคุณหรอกนะ” แสงดาวสับมีดแรงขึ้น นึกถึงตอนศึกรบกับปองฤทัยคุยกันที่ร้านดอกไม้ “นังปองฤทัยก็อีกคน ทำมาแอ๊บเรียบร้อย นึกว่าฉันไม่รู้เหรอว่าที่แท้ก็แรดเงียบ หวังจะจับคุณศึกรบอีกคน” แสงดาวสับมีดลงไปเต็มแรง เงยขึ้นมาตาลุกวาว สีหน้าโกรธแค้นน่ากลัว “ฉันจะไม่ยอมแพ้ ฉันจะไม่เสียคุณให้ใครไม่มีวัน” แสงดาวใบหน้าโกรธแค้นบิดเบี้ยวอย่างคนไม่ปกติ

ที่ร้านของปองฤทัย ปองฤทัยหยิบอุปกรณ์ทำแผลออกมาจากหลังร้านส่งให้ชโยดม ชโยดมจัดการทำแผลให้ศึกรบ “เรื่องเมื่อกี้ ผมเข้าใจผิด ผมขอโทษพี่รบแล้วกัน” ศึกรบว่า “ช่างมันเถอะ แต่วันหลังนายควรจะถามว่าอะไรเป็นอะไรก่อนนะ” ชโยดมหน้าเจื่อนไปนิด “ผมใจร้อนไปหน่อย พอเป็นเรื่องของพี่ขวัญ”ศึกรบขัด “แล้วก็คุณปองด้วยใช่ไหม” ชโยดมอึ้งที่ศึกรบรู้ทัน พยายามเปลี่ยนเรื่อง “ผมว่าพี่อย่าพยายามอีกเลยดีกว่า เรื่องพี่ขวัญแค่ดอกไม้ช่อเดียวมันทดแทนความเจ็บปวดของใครไม่ได้หรอกนะ” ศึกรบหน้าเศร้าลงทันที ปองฤทัยที่นั่งอยู่ข้างๆชโยดม พยายามช่วยพูด “แต่คราวนี้คุณรบคงอยากคืนดีกับพี่สาวคุณจริงๆ นะคะ” ชโยดมเมินหน้าหนี “ทุกครั้งพี่เขาก็พูดแบบนี้ล่ะครับ” ปองฤทัยขัด “คนเรามันผิดพลาดกันได้ทุกคน ขนาดเมื่อกี้คุณหมอยังพลาด แล้วคนอื่นล่ะคะ คนทำผิดที่อยากแก้ไข เราน่าจะให้โอกาสเขากลับตัวนะคะ” ชโยดมยังไม่ยอม “แต่บางโอกาสก็ควรให้กับคนที่สมควรได้เท่านั้นครับ คนที่ทำผิดซ้ำแล้วซ้ำเล่าน่ะ เขาควรจะรู้บ้างว่าบางทีมันอาจจะไม่เหลือโอกาสให้แก้ตัวอีกแล้ว เพราะความอดทนของทุกคนมันมีขีดจำกัด” ชโยดมหันกลับมานั่งทำแผลต่อให้ ทุกคนมองหน้ากันแต่ไม่พูดอะไรกันอีก บรรยากาศดูอึดอัดขึ้นมาบอกไม่ถูก

ตอนที่ 23 วันอังคาร ที่ 10 มิถุนายน 2557
ห้องพักไอวี่ ในโรงพยาบาล ไอวี่นอนพลิกตัวไปมาอยู่บนเตียงอย่างยากลำบากเพราะเจ็บแผล เลยทำให้ไอวี่นอนไม่หลับ หันไปเรียกป้อม “ป้อม ป้อม” ป้อมรีบลุกไปดูไอวี่ถามเสียงเป็นห่วง “เป็นยังไงบ้าง เจ็บแผลเหรอ” ไอวี่พยักหน้า “เจ็บ เจ็บมาก” ป้อมบอก “หมอสั่งยาแก้ปวดไว้ให้ เดี๋ยวฉันเอาให้กินนะ” ป้อมเดินไปจัดการเทน้ำใส่แก้ว แล้วหยิบยามาให้ ป้อมค่อยๆพยุงไอวี่ให้ลุกขึ้นมากินยา หลังกินยาเสร็จไอวี่ก็นั่งพักบนเตียง พูดขึ้นน้ำเสียงเศร้า “ทำไมฉันต้องมาทรมานอย่างนี้ด้วยป้อม” ป้อมปลอบ “มันเป็นอุบัติเหตุ ไม่มีใครอยากเจ็บอยากป่วยหรอก แต่ถ้าเกิดขึ้นแล้วก็ต้องอยู่กับมันให้ได้นะวี่” ไอวี่ทำใจไม่ได้ “จะให้ฉันทนได้ยังไง ฉันใช้รูปร่างหน้าตาทำงานหาเงินมาทั้งชีวิต ถ้าไม่มีมันแล้วฉันจะทำยังไง” ป้อมว่า “มีงานอื่นสุจริตเยอะแยะที่เราทำได้นะ” ไอวี่เถียง “ไอ้งานแบบนั้นทำทั้งชาติก็ไม่รวย” ป้อมบอก “ไม่รวย แต่ก็ไม่เดือดร้อนใคร แถมไม่ต้องมีปัญหากับใคร ไม่มีคนคิดทำร้ายด้วยนะ” ไอวี่ไม่สนใจฟังป้อม นั่งเหม่อมองออกไปข้างนอก พูดพึมพำ “อยากเจอพี่รบ อยากให้เขามาเยี่ยมฉันบ้าง ถ้าเขารู้ว่าฉันเป็นแบบนี้เขาจะยังรักฉันอยู่ไหม” ป้อมได้ยินก็หน้าเศร้าทันที แต่พยายามยิ้มแล้วก็นั่งเป็นเพื่อนไอวี่อยู่ตรงนั้น

ที่ร้านของปองฤทัย ชโยดมทำแผลศึกรบเสร็จก็หันไปทางปองฤทัย “คุณปองครับ วันนี้ป้อมจะอยู่เฝ้าไอวี่ที่โรงพยาบาลนะครับ คุณปองไม่ต้องห่วง” ปองฤทัยว่า “ป้อมโทรมาแล้วค่ะ ขอบคุณมากนะคะที่บอก” ศึกรบได้ยินก็แปลกใจ “ไอวี่เป็นอะไร” ชโยดมหันไปจ้องหน้าศึกรบ “ทำไมครับ? เป็นห่วงขึ้นมาเหรอ” ศึกรบว่า “ใช่สิ ยังไงเขาก็เคยเป็นลูกน้องพี่ นี่เขาเป็นอะไรมากรึเปล่า” ชโยดมบอก “เขาโดนคนร้ายสาดน้ำกรด แต่ตอนนี้ปลอดภัยแล้วครับ” ชโยดมอดประชดไม่ได้ “ผมว่า จริงๆ คงไม่น่าเกิดเรื่องกับไอวี่หรอกครับ ถ้าเขาไม่ไปยุ่งกับผู้ชายที่ไม่รู้จักพอ บางคน” ชโยดมเน้น ศึกรบถอนใจ “เมื่อไหร่นายจะเลิกมองพี่ในแง่ร้ายซะที” ชโยดมว่า “ผมไม่ได้พูดชื่อพี่นะครับ” “โย” ศึกรบจะเถียง ชโยดมขัดขึ้น “แต่ถ้าพี่ยอมรับว่าเป็นคนนั้น พี่ก็น่าจะไปเยี่ยมเขาซะหน่อย ไปดูว่าสิ่งที่พี่ทำลงไปมันส่งผลยังไงกับคนอื่นบ้าง” ศึกรบคิดหนัก รู้สึกเป็นห่วงไอวี่ขึ้นมา

ไอวี่นอนพักอยู่บนเตียงเบื่อๆ ป้อมนั่งเฝ้าอยู่ข้างๆ เสียงเปิดประตูดังขึ้น ไอวี่หันไปมอง ดีใจ ป้อมสงสัยเลยหันตาม ศึกรบเปิดประตูเข้ามาพร้อมของเยี่ยมไอวี่ ไอวี่ดีใจมาก “พี่รบ” ศึกรบวางของเยี่ยมไว้ข้างเตียงแล้วเข้าไปถามอาการของไอวี่ “เป็นยังไงบ้าง เจ็บมากไหม” ไอวี่น้ำตาจะไหล ดีใจที่ศึกรบมาเยี่ยม เข้าสวมกอดศึกรบอย่างลืมความเจ็บปวด “วี่ดีใจ วี่นึกว่าพี่รบจะไม่รู้ซะแล้ว พี่รบอยู่เฝ้าวี่นะ วี่อยากอยู่กับพี่รบ” ป้อมยืนมองไอวี่ที่กำลังกอดศึกรบแล้วรู้สึกเสียใจ ค่อยๆ หลบฉากเดินออกไปจากห้อง ศึกรบแกะมือไอวี่ออก “พี่อยู่ได้ไม่นานหรอก เดี๋ยวก็ต้องไปแล้ว” ไอวี่หน้าเสียรีบถาม “ทำไมคะ พี่รบจะไปไหน อยู่ที่นี่ก็ได้ วี่ไม่อยากอยู่คนเดียว วี่กลัว ถ้าคนร้ายมันตามมาจะฆ่าวี่ วี่จะทำยังไง” ศึกรบบอก “ที่นี่ไม่เห็นมีอะไรน่ากลัวเลย มีแต่คนจะดูแลเธอนะ นายป้อมไง พี่เชื่อว่าต่อให้คนจะทำร้ายเธอเขาจะปกป้องเธอก่อนใคร” ไอวี่อ้อน “แต่วี่อยากอยู่กับพี่รบ” ไอวี่ทำท่าเหมือนจะร้องไห้ ศึกรบพูดขึ้น “พี่ไม่ใช่คนดีนักหรอก ตอนนี้ปกป้องตัวเองก็ยังทำไม่ได้ เชื่อพี่เถอะนะวี่ ว่าคนที่จะดูแลวี่ได้ดีกว่าพี่ คือป้อม คนที่เขายอมเฝ้าเธอทั้งวันทั้งคืน” ไอวี่โวย “แต่วี่ไม่ได้รักเขา วี่รักพี่รบนี่” ศึกรบถอนใจ “อย่ามารักพี่เลยวี่ ยังไงพี่ก็รักขวัญมากที่สุด แล้วพี่ก็จะหาทางคืนดีกับเขาให้ได้” ไอวี่ไม่พอใจ “เขาไม่สนใจใยดีพี่ แล้วพี่จะไปง้อเขาอีกทำไม แต่สำหรับวี่ ถึงพี่รบจะเป็นยังไงวี่ก็รับได้ ขอแค่พี่รบรักวี่ก็พอ วี่จะดูแลเอาใจพี่รบให้มากกว่าเมียพี่ล้านเท่า” ศึกรบส่ายหน้า “ไม่มีประโยชน์หรอกวี่ อย่ามาจมปลักกับพี่เลย วี่ลองเปิดใจให้ป้อมเถอะ เขาดีกับวี่มากที่สุดแล้ว” ศึกรบก้มดูนาฬิกาข้อมือตนเอง ก่อนจะพูดกับไอวี่ “พี่ต้องไปแล้ว ไว้มีโอกาสจะมาเยี่ยมใหม่นะ” ศึกรบผละเดินออกไปจากห้อง ไอวี่มองตามหมดแรงจะเรียก น้ำตาค่อยๆ ไหล แล้วปล่อยโฮออกมา

ป้อมนั่งหน้าเศร้าอยู่ที่มุมหนึ่งของโรงพยาบาล ศึกรบเดินตามออกมาเจอ “อ้าว ทำไมมานั่งนี่ล่ะป้อม” ป้อมเงยหน้าขึ้นมามองศึกรบ พูดเสียงซึมๆ “เขาไม่อยากให้ผมอยู่ในนั้นหรอกครับ” ศึกรบบอก “เขาอยากหรือเปล่าไม่สำคัญ สำคัญคือนายอยากดูแลเขารึเปล่า” ศึกรบยิ้มให้ป้อม ป้อมสีหน้าลำบากใจ“ถ้าอยากแล้วผมจะทำอะไรได้” ศึกรบว่า “ก็แค่ดูแลเขาให้ดี นายทำได้ และทำได้ดีด้วยเรื่องค่ารักษาไม่ต้องห่วง ฉันจะรับผิดชอบให้ทั้งหมด” ป้อมรีบบอก “ไม่ได้นะ” ศึกรบงง “ทำไม” ป้อมนิ่งไปก่อนจะพูดขึ้น “เรื่องนี้มันไม่เกี่ยวกับคุณ แล้วมันก็ไม่เหมือนเรื่องค่ารักษาแม่ผมด้วย คุณไม่ต้องรับผิดชอบอะไรหรอก” ศึกรบว่า “ทำไมจะไม่เกี่ยว ถ้าแสงดาวทำร้ายไอวี่ แสงดาวเป็นคนของฉัน ฉันก็ต้องรับผิดชอบ ที่ทุกคนต้องมาเจอเรื่องแบบนี้ก็เพราะฉัน ให้ฉันทำอะไรบ้างเถอะนะ” ป้อมลำบากใจ แต่ก็ไม่รู้จะเถียงอะไร ศึกรบมองป้อมสีหน้ามุ่งมั่น

ในห้องไอวี่ที่โรงพยาบาล ไอวี่ร้องไห้โฮที่ศึกรบทิ้งไปไม่สนใจไยดี ป้อมเดินกลับเข้ามาในห้อง รีบเข้าไปปลอบไอวี่ จับมือไอวี่ไว้ “วี่ อย่าร้องไห้เลยนะ” ไอวี่สะอื้นบอก “พี่รบไม่รักฉัน เขาไม่สนใจฉันแล้ว เพราะหน้าฉันมันเป็นแบบนี้ไปแล้วไง ฮือ” ไอวี่สติแตกจะดึงผ้าก๊อซที่ปิดหน้าออก แล้วร้องโวยวายลั่น ป้อมรีบเข้าไปห้ามไว้ “ไอวี่ หยุด! อย่าทำแบบนี้” ไอวี่ตวาดกลับ “ไม่ ปล่อย” ไอวี่ดิ้นไม่เลิก ป้อมผละออกมาจากไอวี่ แล้วพูดขึ้นเสียงดัง “ได้ ชีวิตเธอ อยากจะทำอะไรก็เรื่องของเธอ ไม่อยากหายไม่อยากดีขึ้น เพราะคนๆ เดียวก็ตามใจ” ไอวี่ชะงักไป เลิกโวยวาย แต่ยังร้องสะอื้นอยู่ ป้อมพูดต่อ “เขาไม่ใช่ของเธอมาตั้งแต่แรก อย่ามาเสียใจเพราะผู้ชายคนนั้นอีกเลยนะ ฉันขอร้อง” ไอวี่หันไปทางอื่นแล้วร้องไห้ต่อ ป้อมมองเศร้าๆ แอบน้ำตาไหล

ศึกรบถือช่อดอกไม้เข้ามาในห้องสู่ขวัญ สู่ขวัญนอนหลับอยู่บนเตียง ศึกรบค่อยๆ วางดอกไม้ไว้ใกล้สู่ขวัญแล้วพูดเสียงเบาๆ “ผมอยากให้คุณตอนตื่นนะ แต่ไม่เป็นไร” ศึกรบลูบผมสู่ขวัญ มองเศร้าๆ “ผมรู้ว่าเจ้าช่อนี้ชดเชยสิ่งที่ผมทำกับคุณไม่ได้ แต่ถ้าคุณให้โอกาสผมอีกครั้ง ผมจะไม่ยอมปล่อยมันไปอีก ผมจะเป็นคนใหม่ที่ดีกว่านี้ เพื่อคุณผมขอโทษ” ศึกรบพูดจบก็ก้มลงไปจูบหน้าผากสู่ขวัญ ก่อนจะลุกเดินออกจากห้องไป สู่ขวัญลืมตาขึ้น มองไปที่ช่อดอกไม้ของศึกรบ แอบยิ้ม แต่แล้วก็เปลี่ยนเป็นเฉยเมยเหมือนเดิม “เรากำลังจะหย่ากับเขา เราต้องไม่ใจอ่อนอย่าให้อภัยเขาเด็ดขาด” สู่ขวัญพยายามข่มตาหลับอีกครั้ง รู้สึกสับสน

เช้าวันต่อมา ศึกรบถือถาดอาหารเช้าเดินเข้ามาในห้องสู่ขวัญเงียบๆ สู่ขวัญตื่นแล้ว พอรู้ว่าศึกรบเข้ามา ก็ทำเป็นไม่สนใจ ศึกรบหันไปถาม “ขวัญ ตื่นหรือยัง” สู่ขวัญไม่ตอบ ศึกรบพูดต่อ “ผมวางอาหารเช้าไว้นะ ตื่นมากินซะหน่อย แล้วก็กินยาจะได้หาย” สู่ขวัญหันหลังให้ศึกรบ “แค่นี้ใช่ไหม” ศึกรบพยักหน้า“ครับ” สู่ขวัญตอบน้ำเสียงเย็นชา “เดี๋ยวฉันกิน คุณออกไปได้แล้ว” ศึกรบหน้าเศร้า กำลังจะเดินออกจากห้องไป แต่จู่ๆ สู่ขวัญก็ลุกพรวดขึ้นแล้วทำท่าพะอืดพะอม สู่ขวัญเอามือปิดปาก พะอืดพะอมมาก ศึกรบตกใจรีบหันกลับไปดู สู่ขวัญลุกจากที่นอนวิ่งไปอาเจียนในห้องน้ำ ศึกรบตามเข้าไปดูแล้วช่วยลูบหลังให้ สู่ขวัญยังดื้อจะไล่ศึกรบ “ไม่ต้องมายุ่งกับฉัน ออกไป ไป” ศึกรบดุ “คุณไม่สบายยังจะมาทำเก่งอีก ทำไมคุณถึงดื้อนักนะขวัญ” สู่ขวัญนั่งลงอย่างหมดแรง ศึกรบมองสักพักก็ตัดสินใจช้อนตัวสู่ขวัญอุ้มขึ้น สู่ขวัญตกใจจะโวยวายแต่ก็ไม่มีแรง ศึกรบอุ้มสู่ขวัญไปนอนบนเตียงสำเร็จ จัดการเทน้ำให้ดื่ม ห่มผ้าให้อย่างดี สู่ขวัญมองศึกรบอย่างไม่เข้าใจนักว่าเขาคิดอะไร

ทางด้านไอวี่นอนหลับอยู่บนเตียงกระสับกระส่ายไปมา พึมพำไม่เป็นภาษา “อย่า…อย่าเข้ามา” ไอวี่ลืมตาขึ้น มองไปปลายเตียง เห็นแสงดาวยืนอยู่ เป็นภาพเบลอๆ มองด้วยแววตาโกรธแค้น “นังไอวี่! แกจะแย่งคุณรบไปจากฉันงั้นเหรอ” ไอวี่มองอย่างตกตะลึง กลัวจนตัวสั่นไปหมด “แกจะทำอะไรฉัน” แสงดาวยิ้มร้าย “ตาย คนอย่างแกมันต้องตาย” ไอวี่พยายามขอร้อง “อย่านะ อย่าทำอะไรฉัน ฉันกลัวแล้ว” แสงดาวควักมีดขึ้นมา พุ่งเข้ามาจะแทงไอวี่ “ช่วยด้วย ช่วยด้วย” ไอวี่ตกใจตะเกียกตะกายหนีลงจากเตียง วิ่งหนีออกไปนอกห้อง ไอวี่วิ่งหนีไปตามทางเดินโรงพยาบาล อย่างยากลำบากเพราะแรงไม่ค่อยมี

ที่ 24 วันพุธ ที่ 11 มิถุนายน 2557
แสงดาววิ่งไล่ตามไอวี่มาเรื่อยๆ จนเกือบจะตามไอวี่มาทัน ไอวี่พยายามวิ่งหนีแต่โชคร้ายสะดุดล้มลงกับพื้น ไอวี่ร้องโอดควรญด้วยความเจ็บปวด แสงดาวมาหยุดยืนอยู่ด้านหน้าไอวี่ แล้วก้มลงเอามือไปจิกหัวไอวี่ขึ้นมาง้างมีดจะจ้วงแทง ไอวี่ฮึดสู้จับมือแสงดาวไว้ เกิดการยื้อกันขึ้น ในที่สุดไอวี่ก็เหวี่ยงมือแสงดาวออกไปได้ มีดกระเด็นไปอีกทาง ไอวี่เจ็บไปหมดทั้งตัว พยายามคลานหนีอย่างลนลาน แสงดาวเดินไปหยิบมีดขึ้นมา แล้วเดินเข้าไปหาไอวี่ สีหน้าเคียดแค้น “คนอย่างแกมันโง่ไม่เคยเปลี่ยน คิดเหรอว่าจะสู้ฉันได้” ไอวี่พยายามคลานหนีอีก แต่ก็ไปไม่ไหวแล้ว แสงดาวเข้าไปคว้าตัวไอวี่ได้ “ตาย” แสงดาวเอามีดแทงไอวี่ ไอวี่กรีดร้องลั่น แสงดาวกระหน่ำแทงซ้ำๆ หัวเราะสะใจไปด้วย “กรี๊ด” ไอวี่ร้องกรี๊ดลั่น สะดุ้งตื่นขึ้นมา ป้อมตกใจตื่นตามไปด้วย “เป็นอะไรวี่” ป้อมเดินเข้าไปดูอย่างเป็นห่วง ไอวี่ไม่พูดอะไรเอาแต่ร้องไห้ พึมพำ ตกใจกลัว “มันจะฆ่าฉัน มันจะฆ่าฉัน ฮือ” ป้อมงง “ใครจะฆ่าเธอ” ไอวี่บอกน้ำเสียงตื่นๆ “นังแสงดาว มันเอามีดไล่แทงฉัน” ป้อมมองไอวี่แล้วรู้สึกสงสารสงสาร ตัดสินใจคว้าตัวไอวี่เข้าไปกอด “มันก็แค่ความฝันนะวี่” ป้อมลูบหัวไอวี่ปลอบ “ไม่เป็นอะไรแล้วนะ ไม่เป็นไร” ไอวี่ร้องไห้ โผเข้ากอดป้อมแน่นเหมือนคนต้องการหาที่พึ่ง “อย่าไปไหนนะ” ป้อมพยักหน้ายิ้ม “อื้ม ไม่ไปหรอก ฉันจะอยู่กับเธอที่นี่ ฉันจะดูแลเธอเอง” ไอวี่กอดป้อมทั้งน้ำตา รู้สึกอบอุ่นใจขึ้น

ที่ห้องสู่ขวัญ ศึกรบเช็ดหน้าเช็ดแขนให้สู่ขวัญ สู่ขวัญมองสังเกตอาการศึกรบสักพักถึงพูดออกมา“ขอบคุณ” ศึกรบชะงัก นึกว่าได้ยินผิด “คุณว่าไงนะ” สู่ขวัญยังคงมึนตึงบอก “ขอบคุณที่ช่วย” สู่ขวัญพูดจบก็หันมองไปทางอื่น ศึกรบแอบยิ้ม “คุณดูไม่ดีขึ้นเลยขวัญ ไปหาหมอเถอะนะ เดี๋ยวผมพาไป” สู่ขวัญสวนทันที “ฉันไม่ไป” ศึกรบบอก “หรือว่าคุณไม่อยากไปกับผม ให้ผมตามน้องชายคุณมารับก็ได้” สู่ขวัญนิ่งไปก่อนตอบ “ขอคิดดูก่อนแล้วกัน” ศึกรบไม่เห็นด้วย “โธ่ ขวัญ” สู่ขวัญพูดตัดบท “ฉันไม่เป็นอะไรแล้ว ฉันอยากพัก” ศึกรบถามทันที “อ้าวขวัญ แล้วอาหารล่ะ” สู่ขวัญบอกปัด “กินไม่ลงแล้วล่ะ” สู่ขวัญทำเป็นหลับไปเฉยๆ ศึกรบถอนหายใจทำอะไรไม่ถูก

ชโยดมนั่งทำงาน พยาบาลนำซองใบหนึ่งเดินเข้ามา “ผลตรวจเลือดของคุณสู่ขวัญค่ะ” ชโยดมรับซองมาแล้วบอก “ขอบคุณครับ” ชโยดมเปิดออกดูแล้วอึ้ง “พี่ขวัญ” ชโยดมเปลี่ยนสีหน้าเป็นดีใจขึ้นมาทันทีก่อนจะหันไปหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาจะโทรหาสู่ขวัญ ชโยดมตื่นเต้น “พี่ขวัญ ทำไมไม่รับสายนะ” สู่ขวัญยังไม่รับสาย พยาบาลอีกคนเคาะประตูแล้วเปิดเข้ามาในห้อง ดูร้อนรน “คุณหมอคะ มีคนไข้หอบกำเริบค่ะ อยู่ห้องฉุกเฉิน” ชโยดมรีบตัดสายทิ้งลุกขึ้นทันที “งั้นรีบไปกันเถอะ” พยาบาลวิ่งนำไปทางห้องฉุกเฉิน ชโยดมรีบตามไปทันที

ที่หน้าบ้านศึกรบ แสงดาวเดินมายืนแอบดูที่ข้างรั้ว แสงดาวมองเข้าไปในบ้าน เห็นศึกรบพาสู่ขวัญออกมานั่งเล่นอยุ่ที่สวนหน้าบ้าน ศึกรบยกถาดอาหารและยามาให้ ค่อยดูแลเอาใจใส่สู่ขวัญไม่ยอมห่าง สู่ขวัญถึงจะไม่แสดงอาการอะไร แต่ก็ไม่ขัดขืนหรือโวยวาย แสงดาวมองดูทั้งคู่อย่างอิจฉา ทั้งเจ็บทั้งแค้น “มีความสุขกันนักนะ” แสงดาวกัดฟันกรอด มือกำแน่น เวลาผ่านไป สู่ขวัญนอนพักอยู่ในห้อง เสียงมือถือดังขึ้น สู่ขวัญควานหาโทรศัพท์เพื่อรับสาย “ฮัลโหล” ที่หน้าบ้านสู่ขวัญ แสงดาวหลบมาโทรหาสู่ขวัญทำเสียงแบบเจียมเนื้อเจียมตัว “คุณขวัญเหรอคะ ดาวรบกวนขอคุยสักครู่กับคุณขวัญได้ไหมคะ” สู่ขวัญแปลกใจ “แสงดาว มีอะไรอีก ฉันไม่ค่อยสบายอยู่” แสงดาวว่า “ดาวอยากนัดเจอคุณค่ะ พอจะสะดวกไหมคะ” สู่ขวัญตอบเสียงเหนื่อยๆ “ฉันไม่ค่อยอยากออกจากบ้าน” แสงดาวตื้อ “แต่นี่เรื่องสำคัญจริงๆ นะคะ” สู่ขวัญสงสัย “เรื่องอะไร” แสงดาวยิ้มร้าย “ดาวรู้มาว่าคุณรบยังแอบเจอกับปองฤทัย เจ้าของร้านดอกไม้นั่นอยู่ค่ะ” สู่ขวัญไม่อยากเชื่อ “เป็นไปได้ยังไง ก็เขาอยู่ที่นี่กับฉันตลอด” แสงดาวใส่ไฟทันที “คุณไม่สบายไม่ใช่เหรอคะ คุณจะเอาเวลาที่ไหนมาเฝ้าเขาได้ทั้งวัน” สู่ขวัญถาม “เธอมีหลักฐานงั้นเหรอ” แสงดาวยั่ว “ถ้าคุณขวัญอยากรู้ ก็ไปที่ร้านดอกไม้นั่นเย็นนี้สิคะ ฉันจะพิสูจน์ให้คุณเห็นเอง” แสงดาวตัดสายไปทันที สู่ขวัญลังเลเริ่มรู้สึกกังวลใจ

ปองฤทัยกำลังจัดดอกไม้ให้ลูกค้าอยู่ เสียงโทรศัพท์ที่ร้านดังขึ้น ปองฤทัยวิ่งไปรับสาย “สวัสดีค่ะ” แสงดาวโทรจากหน้าบ้านศึกรบ “ใช่ร้านดอกไม้รึเปล่าคะ” ปองฤทัยตอบรับ “ใช่ค่ะ สนใจสั่งดอกไม้หรือคะ” “ค่ะ ฉันเป็นแม่บ้าน บ้านคุณศึกรบ” ปองฤทัยแปลกใจนิดหน่อยที่ได้ยินชื่อศึกรบ “วันนี้คุณรบไม่ว่างเหรอคะ เห็นปกติจะมาสั่งด้วยตัวเอง” แสงดาวว่า “คุณรบต้องดูแลคุณขวัญ เลยให้ฉันโทรมาแทนค่ะ” ปองฤทัยเชื่อที่แสงดาวบอกทันที “อ๋อ ค่ะ แล้วจะเอาแบบไหนดีคะ” แสงดาวสะใจที่หลอกปองฤทัยสำเร็จ “เอ่อ ขอดอกลิลลี่กับกุหลาบนะคะ ตอนเย็นจะเข้าไปรับนะคะ” ปองฤทัยตอบรับ “ได้ค่ะ เดี๋ยวเตรียมไว้ให้ ขอบคุณมากนะคะ” แสงดาววางสาย ยิ้มเจ้าเล่ห์

ที่ห้องพักไอวี่ที่โรงพยาบาล ไอวี่หยุดร้องไห้แล้ว ป้อมกำลังนั่งป้อนข้าวให้ไอวี่ ป้อมกำลังตักข้าวให้อีกคำ แต่จู่ๆ ไอวี่ก็นั่งนิ่งเหมือนคิดอะไรบางอย่าง “อิ่มแล้วเหรอวี่ กินไปไม่เท่าไหร่เองนะ” ไอวี่ว่า “เปล่า แค่กำลังคิดอะไรอยู่” ป้อมวางจานข้าวลงแล้วมองหน้าไอวี่ “บอกฉันได้ไหม” ไอวี่พยักหน้าก่อนจะตอบด้วยน้ำเสียงเศร้าๆ ดูน่าสงสาร “เรื่องที่ฉันโดนสาดน้ำกรดจนมีสภาพแบบนี้ นายอย่าไปบอกใครได้ไหมป้อม” ป้อมงง “แม้แต่พ่อกับแม่เธอเหรอ” ไอวี่ว่า “ใช่ จะพ่อแม่ หรือเปรี้ยวหรือใคร ก็อย่าบอก” ป้อมสงสัย “ทำไมล่ะ” ไอวี่บอก “ดูสภาพฉันสิ เป็นแบบนี้ ไปไหนใครเขาก็รังเกียจ ฉันทนไม่ได้หรอก” ป้อมมองไอวี่แล้วสงสารจับใจ พยายามพูดยิ้มๆ “ไม่เห็นยาก ใครรังเกียจไม่อยากคบเรา เราก็ไม่ต้องคบ ดีซะอีกจะได้รู้ว่าใครที่ไม่จริงใจ แล้วใครที่รักเราจริงๆ” ไอวี่ถอนใจ “รู้แล้วจะได้อะไร ขนาดฉันโดนแบบนี้ยังไม่มีคนใกล้ตัวคิดจะตามหาฉันด้วยซ้ำ ไม่ต้องรู้ก็ดีแล้ว” ป้อมพูดขึ้น “พ่อแม่เธอเขาอาจจะเป็นห่วงเธอก็ได้นะ เขาควรจะเห็นใจเธอมากกว่าที่เธอพูด” ไอวี่ไม่เห็นด้วย “นายไม่รู้จักพวกเขาดีเท่าฉัน ขอร้องล่ะ อย่าบอกใคร ฉันไม่อยากตอบคำถามอะไรทั้งนั้น” ป้อมถามอีก “แล้วงานเธอล่ะ” ไอวี่ตอบน้ำเสียงเซ็งๆ “หน้าแบบนี้จะไปทำงานพริตตี้คงไม่ได้แล้ว ส่วนงานที่โรงแรมเลอวิมาน ฉันคงออกเลย ไหนๆพี่รบก็ไม่ได้ทำที่นั่นแล้ว” ไอวี่ตอบป้อมเสร็จก็นั่งซึมไม่พูดไม่จา

ที่บ้านสู่ขวัญ ศึกรบเตรียมอาหาร กำลังจะเอาขึ้นไปให้สู่ขวัญที่ห้องนอน เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น ศึกรบกดรับสาย “ครับ” ที่มุมหนึ่งแถวหน้าบ้าน แสงดาวยิ้มกริ่มที่ศึกรบรับสาย พยายามทำเสียงอู้อี้ไม่ให้รู้ว่าเป็นใคร “คุณรบเหรอคะ” ศึกรบตอบ “ครับ ว่าแต่ใครครับผมได้ยินไม่ชัดเลย” แสงแกล้งดัดเสียง “ปองเองค่ะ” ศึกรบแปลกใจ “คุณปอง คุณอยู่ไหนครับเนี่ย ทำไมคุณดูเสียงแปลกๆ เบอร์ก็แปลกๆ ด้วย” แสงดาวบีบเสียงตอยอู้อี้ “ปองอยู่หน้าร้านค่ะ นี่เบอร์สำรองของที่ร้าน แต่สัญญาณไม่ค่อยดี ปองไม่ค่อยสบายด้วย เสียงเลยอู้อี้” ศึกรบเริ่มเชื่อว่าเป็นปองฤทัยโทรมา “งั้นเหรอครับ เป็นอะไรมากไหม” แสงดาวบอก “ก็นิดหน่อยค่ะ ว่าจะไปหาหมอ แต่ตอนนี้ไม่มีใครอยู่เลย แม่กับน้องออกไปข้างนอกกันหมด ไม่รู้เมื่อไหร่กลับ” ศึกรบอาสา “’งั้นผมพาคุณไปได้นะ” แสงดาวยิ้มร้ายออกมาทันที “จริงเหรอคะ” ศึกรบพูดต่อ “แต่ตอนนี้คงไม่ได้นะครับ” แสงดาวรีบรับคำ “คะๆ ตอนเย็นๆ ก็ได้ค่ะ ไว้ร้านปิดแล้วไปตามคลินิกนอกเวลาก็ได้” “โอเคครับ ไว้เจอกัน” ศึกรบกดวางสาย แสงดาวยิ้มพอใจ หัวเราะที่ทุกอย่างเข้าแผนไปหมด ศึกรบเอาถาดอาหารกลางวันขึ้นมาให้สู่ขวัญ สู่ขวัญมองศึกรบด้วยสายตาเย็นชา จนศึกรบสงสัยว่าสู่ขวัญเป็นอะไร แต่ก็พยายามเทคแคร์สู่ขวัญ “กินข้าวกันนะขวัญ” สู่ขวัญตอบน้ำเสียงเย็นชา “ไม่หิว” ศึกรบงง “เป็นอะไรอีกล่ะครับ กินไหวไหม ไม่ไหวผมป้อนก็ได้” สู่ขวัญถามศึกรบนิ่งๆ “เย็นนี้คุณจะไปไหนรึเปล่า” ศึกรบมองสู่ขวัญแปลกใจ “ไปครับ มีธุระต้องไปทำตอนเย็นคุณมีอะไรเหรอ” สู่ขวัญไม่ตอบแต่ผลักจานข้าวทิ้งอย่างโมโหแล้วก็หันไปนอนไม่สนศึกรบอีก “เอาไปเก็บ ขวัญไม่มีอารมณ์จะกินแล้ว” ศึกรบงงๆ เก็บจานข้าวแล้วเดินออกจากห้องไป สู่ขวัญแอบมองตามโกรธๆ ศึกรบเดินลงบันไดมาจากชั้นบน แต่งตัวเหมือนจะไปไหนสักแห่ง สู่ขวัญแอบเปิดประตูห้องดู เห็นศึกรบลงไปแล้ว เลยรีบตามไปดู ศึกรบเดินออกจากบ้านไปที่รถ จะขับรถไปข้างนอก สู่ขวัญตามมาทัน ยืนมองศึกรบด้วยความแค้นใจ สู่ขวัญทั้งเจ็บใจทั้งเสียใจ “คนโกหก” รถของศึกรบค่อยๆ ขับออกจากบ้านไป สู่ขวัญกลับเข้าไปในบ้านหยิบกุญแจรถตัวเองขึ้นมา

ตอนที่ 25 วันจันทร์ ที่ 16 มิถุนายน 2557
ชโยดมเดินออกมาจากห้องฉุกเฉินแล้วนึกขึ้นได้เลยจะโทรศัพท์หาสู่ขวัญ สู่ขวัญกำลังขับรถ โทรศัพท์ดังขึ้นเลยหยิบบลูทูธขึ้นมาสวมแล้วกดเพื่อรับสาย “ค่ะ สู่ขวัญพูด” ชโยดมพูดด้วยน้ำเสียงร่าเริง “พี่ขวัญ โยเอง” สู่ขวัญว่า “อ้าวโยเหรอ มีอะไร ดูเหมือนมีเรื่องน่าตื่นเต้นนะ” ชโยดมบอก “ตื่นเต้นสิครับ แล้วก็เป็นข่าวดีมากๆ ด้วย ผมต้องบอกพี่ขวัญเดี๋ยวนี้” สู่ขวัญขัด “พี่ขับรถอยู่นะโย ไว้ค่อยคุยได้ไหม” ชโยดมถาม “แป๊บเดียวก็ไม่ได้เลยเหรอ” สู่ขวัญบอก “พี่ต้องไปจัดการเรื่องบางอย่างนะ” ชโยดมฟังแล้วสงสัย “เรื่องอะไรครับพี่” สู่ขวัญนิ่งไปก่อนตัดสินใจพูดขึ้น “ศึกรบ คนทรยศ เขาโกหกพี่ เขายังคบยัยเจ้าของร้านดอกไม้นั่น” ชโยดมตกใจทันทีที่ได้ยินชื่อปองฤทัย “เอ่อ พี่ขวัญเอาเรื่องนี้มาจากไหน” สู่ขวัญตอบเลี่ยงๆ “พี่จะเอาเรื่องนี้มาจากที่ไหนกก็ช่างเหอะ เธอเองก็ควรจะเลิกหน้ามืดตามัวได้แล้วเลิกยุ่งกับผู้หญิงคนนั้นซะที” ชโยดมพยายามพูด “พี่ขวัญ ใจเย็นก่อนดีกว่านะ ฟังผมก่อน” สู่ขวัญบอกน้องชายเสียงเข้ม “ไม่ ถ้าอยากรู้ว่าอะไรเป็นยังไง ไปเจอกันที่ร้านนั่น จะได้เห็นดำเห็นแดงกันไปเลย” สู่ขวัญกดตัดสายชโยดมทันที แล้วรีบขับไปที่ร้านปองฤทัย ชโยดมถูกสู่ขวัญตัดสายแล้วรู้สึกใจไม่ดี รีบถอดชุดกาวน์ออกแล้ววิ่งไปที่ลานจอดรถทันที

ศึกรบขับรถมาถึงร้านของปองฤทัย เดินลงมาจากรถ ปองฤทัยมองมาจากข้างในร้านเห็นศึกรบก็หันไปหยิบช่อดอกไม้แล้วรีบเอาออกไปให้ข้างนอก ปองฤทัยยื่นช่อดอกไม้ส่งให้ศึกรบ “ดอกไม้ของคุณได้แล้วค่ะ” ศึกรบมองดูงงๆ “ของผมเหรอ แล้วไหนว่าคุณไม่สบาย คุณก็ดูแข็งแรงนี่” ปองฤทัยมองหน้าศึกรบงงๆเช่นกัน “ปองสบายดีนี่คะ ปองบอกเหรอคะ ว่าไม่สบาย” ศึกรบว่า “ใช่ คุณบอกผม แล้วผมก็ไม่ได้สั่งดอกไม้ด้วย” ศึกรบกับปองฤทัยกำลังงงกันอยู่ สู่ขวัญขับรถมาถึงพอดี เห็นทั้งคู่ยืนคุยกันก็โมโหจนขาดสติ“คนทรยศ คนโกหก อย่าอยู่เลย” สู่ขวัญเหยียบคันเร่งจะขับพุ่งเข้าไปจะชน ศึกรบได้ยินเสียงแปลกๆ หันไปมองเห็นรถคันหนึ่งพุ่งเข้ามา ปองฤทัยร้องกรี๊ดลั่น

สู่ขวัญขับรถตรงเข้ามาเรื่อยๆ ศึกรบเอาตัวบังปองฤทัยไว้ สู่ขวัญเห็นศึกรบปกป้องปองฤทัยก็เสียใจมาก จนเสียจังหวะ จะเบรกแต่ก็ไม่ทันแล้ว สู่ขวัญตัดสินใจหักหลบ จนเฉี่ยวรถศึกรบไปชนต้นไม้ ต้นไม้ค่อยๆ ล้มลงมาศึกรบผลักปองออกไป ต้นไม้ใหญ่ล้มลงมาทับศึกรบจนหมดสติไป

ปองฤทัยช็อกมาก ชโยดมขับรถมาถึงพอดีเห็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น วิ่งเข้ามาหาปองฤทัย ปองฤทัยตกใจตะโกนบอก “คุณหมอ ช่วยคุณรบด้วย ช่วยด้วย” ชโยดมหันไปมองรถอีกคันก็ตกใจ “รถพี่ขวัญ!” ชโยดมเข้าไปดูสู่ขวัญ สู่ขวัญหมดสติอยู่ในรถเลือดไหลอาบหน้าผาก ชโยดมรีบช่วยออกมาปั๊มหัวใจ ก่อนจะหันไปบอกปองฤทัยให้โทรศัพท์ตามรถพยาบาล ปองฤทัยหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทรตามที่ชโยดมสั่งอย่างตื่นๆ “ช่วยส่งรถพยาบาลมารับคนเจ็บทีค่ะ”

ที่โรงพยาบาล พยาบาลช่วยกันเข็นเตียงของศึกรบกับสู่ขวัญไปที่ห้องฉุกเฉิน ชโยดมกับปองฤทัยตามมาด้วย วิ่งตามมาดูอาการทั้งคู่ สีหน้าร้อนใจ

ศึกรบกับสู่ขวัญถูกเข็นเข้าไปในห้องฉุกเฉิน ปองฤทัยตกใจมาก เป็นห่วงทั้งคู่ “ถ้าคุณรบไม่มาหาปอง คงไม่เกิดเรื่องแบบนี้” ชโยดมปลอบ “อย่าโทษตัวเองคุณปอง อะไรจะเกิดก็เกิด เราห้ามไม่ให้เขามาไม่ได้” ปองฤทัยยังวิตก “แล้วทั้งคู่จะเป็นอะไรมากไหมคะ” ชโยดมว่า “ถึงมือหมอแล้ว ยังไงทุกคนต้องพยายามอย่างเต็มที่ครับ” ชโยดมเองก็กังวลใจไม่แพ้ปองฤทัย แต่พยายามทำเป็นไม่คิดมาก ปองฤทัยสงบสติอารมณ์ได้มากขึ้น แต่ก็เป็นห่วงอยู่

อีกมุมหนึ่งไม่ไกล แสงดาวแอบตามมามองดูอยู่ห่างๆ “คุณรบคะ ดาวไม่ตั้งใจ ดาวขอโทษ” แสงดาวเริ่มร้องไห้ มองตามศึกรบไป เสียใจมาก

หลายวันต่อมา ในห้องผู้ป่วย เห็นสู่ขวัญนอนหลับอยู่ มีผ้าพันแผลพันอยู่รอบตัว พยาบาลเข้ามาในห้องจะวัดความดัน แต่สังเกตเห็นบางอย่าง สู่ขวัญค่อยๆขยับตัว พยาบาลรีบเข้าไปดู “คุณคะ คุณคะ” สู่ขวัญลืมตาขึ้นมา ยังเบลอๆอยู่ “ฟื้นแล้วเหรอคะ เดี๋ยวฉันเรียกคุณหมอให้นะ” สู่ขวัญพยายามจับแขนพยาบาลไว้ “คุณ” พยาบาลถาม “คะ?” “เกิดอะไรขึ้น” พยาบาลบอก “คุณเกิดอุบัติเหตุค่ะ แต่ว่าปลอดภัยแล้ว มีกระดูกหักบ้าง เดี๋ยวคงดีขึ้นแต่ว่า” สู่ขวัญรีบถาม “แต่..อะไร” พยาบาลตอบ “เด็ก…เสียใจด้วยค่ะ ที่เราช่วยเขาไว้ไม่ได้” สู่ขวัญทั้งอึ้งทั้งงงทันที “เด็ก” พยาบาลพยักหน้า “ค่ะ ลูกของคุณ” “ลูก… ฉันท้องเหรอ ไม่ เป็นไปไม่ได้” สู่ขวัญร้องไห้โฮออกมา พยาบาลรีบปลอบ “คุณคะ... ทำใจดีๆ ไว้ค่ะ”

ชโยดมกับปองฤทัยเดินมาที่หน้าห้องผู้ป่วยอาการโคม่า มองผ่านห้องกระจกเข้าไป “หลายวันแล้วยังไม่ดีขึ้นเลย” ปองฤทัยหน้าเศร้า “ปองไม่คิดว่าเขาจะต้องมาเจ็บหนักขนาดนี้” ชโยดมว่า “อากาภายนอกอาจจะดูไม่เป็นไรนะครับ แต่หัวกระแทกแล้วก็อวัยวะภายในบอบช้ำ ก็อาจจะทำให้ยังไม่ฟื้นขึ้นมาทันที” ปองฤทัยถามต่อ “คุณรบจะหายเป็นปกติไหมคะ” ชโยดมตอบ “ก็ต้องขึ้นอยู่กับกำลังใจของเขาแล้วล่ะครับ” ปองฤทัยถอนใจ “ปองไม่อยากเห็นใครต้องมาเจ็บตัวแทนปองแบบนี้เลย จริงๆ คนที่ควรไปนอนอยู่ตรงนั้นควรจะเป็นปอง” ชโยดมขัดขึ้น “อย่าพูดอย่างนั้นเลยครับ ในเมื่อเราโชคดีไม่เป็นอะไร เราก็ต้องทำหน้าที่เราให้ดีที่สุด” ปองฤทัยหันไปมองหน้าชโยดมก่อนจะถามขึ้น “แล้วคุณสู่ขวัญล่ะคะ คุณจะทำยังไงต่อจะบอกเธอหรือเปล่า” ชโยดมบอก “พี่ขวัญยังไม่ควรรู้เรื่องนี้ ตอนนี้เจ้าตัวคงช็อกมากอยู่แล้วที่ต้องเสียลูกไป” “ลูก… เธอท้องเหรอคะ” ปองฤทัยช็อกมาก ชโยดมพยักหน้าช้าๆ

ตอนที่ 26 วันอังคาร ที่ 17 มิถุนายน 2557

ที่ห้องพักสู่ขวัญ ชโยดมกับปองฤทัยเดินเข้ามาในห้องพร้อมของเยี่ยม ชโยดมดีใจมากที่เห็นสู่ขวัญปลอดภัย “พี่ขวัญ เป็นยังไงบ้าง ผมกับคุณปองเอาของมาเยี่ยม” ปองไหว้สู่ขวัญ สู่ขวัญรับไหว้ สีหน้าเศร้า ชโยดมกับปองฤทัยจัดแจงเอาของฝากมาวางไว้ข้างเตียง “ผมดีใจมากเลยนะตอนพยาบาลโทรบอกว่าพี่ขวัญฟื้นแล้ว” สู่ขวัญมองชโยดม พูดเหมือนจะร้องไห้ “ลูก…เขาไม่อยู่กับพี่แล้ว” สู่ขวัญร้องไห้ออกมา  ชโยดมจับมือสู่ขวัญให้กำลังใจ ปองฤทัยยืนมองเศร้าๆ “ไม่เป็นไร ไม่เป็นไร” สู่ขวัญสะอื้น “พี่ไม่รู้เลยว่าที่ป่วยเพราะว่าพี่ท้อง ถ้าพี่รู้พี่คงจะดูแลเขาให้ดีๆ จะได้ไม่เสียเขาไปแบบนี้” ชโยดมปลอบ “ผมรู้ว่าพี่เสียใจ แต่พี่ขวัญต้องทำตัวเองให้แข็งแรงเดี๋ยวเขาก็จะกลับมาเกิดกับเราอีกแน่ๆ นะ” สู่ขวัญว่า “ถ้ารบไม่ทำอย่างนั้น พี่คงไม่” สู่ขวัญร้องไห้อีก ก่อนจะหันไปมองปองฤทัยโกรธๆ ชโยดมรีบอธิบาย “พี่ขวัญ ฟังผมนะ พี่ขวัญกำลังเข้าใจผิด” สู่ขวัญทำหน้าไม่เข้าใจ ปองฤทัยเดินเข้ามาช่วยอธิบาย “คุณรบมาหาปองเพราะเรื่องดอกไม้ที่จะเอาไปให้พี่ขวัญค่ะ” สู่ขวัญได้ยินแล้วอึ้ง ปองฤทัยพูดต่อ “ถ้าพี่ขวัญไม่เชื่อ ปองมีหลักฐาน ปองจะจดบันทึกทุกออเดอร์ของลูกค้าเอาไว้ มีวันที่ เวลากำกับ พี่ขวัญสามารถดูได้เลย ปองยืนยันว่าปองบริสุทธิ์ใจ” ชโยดมเสริม “แล้ววันนั้นก็มีเรื่องแปลกมากด้วยครับ ทั้งที่ออเดอร์มาจากพี่รบ แต่พอพี่รบไปที่ร้าน เขากลับบอกว่าไม่ได้สั่งดอกไม้ไว้ แต่คนที่โทรมาสั่งเป็นผู้หญิง บอกว่าเป็นคนใช้ที่บ้าน แต่พอถามใครก็ไม่มีใครรู้เรื่อง” สู่ขวัญคิดตาม “มีคนจงใจจะให้พี่เข้าใจผิดงั้นเหรอ” ปองฤทัยพยักหน้า“คิดว่าอย่างนั้นค่ะ” สู่ขวัญหน้าเศร้าลง หันไปทางปองฤทัย “คุณปอง ฉันไม่รู้จริงๆ ฉันขอโทษนะคะ” ปองฤทัยเข้าไปจับมือสู่ขวัญ “ไม่เป็นไรค่ะ แค่พี่ขวัญไม่โกรธอะไรปองแล้ว ปองก็สบายใจ” สู่ขวัญหันไปถามชโยดม “โย แล้วรบ รบเป็นยังไงบ้าง” ปองฤทัยกับชโยดมมองหน้ากัน ปองฤทัยจะพูดแต่ชโยดมแทรกขึ้น “เขาทำแผลแล้วก็กลับไปพักที่บ้านแล้วครับ” สู่ขวัญถามย้ำ “เขาไม่เป็นอะไรมากใช่ไหม” ชโยดมพยักหน้า “ครับ ไว้ผมจะให้เขามาเยี่ยมพี่ขวัญนะ” สู่ขวัญถอนหายใจ ค่อยโล่งใจยิ้มออก ปองฤทัยมองดูสู่ขวัญแล้วอดรู้สึกกังวลใจไม่ได้

ปองฤทัยเดินออกมากับชโยดม ปองฤทัยพูดขึ้นสีหน้าเป็นกังวล “คุณไม่น่าบอกพี่ขวัญแบบนั้น” ชโยดมถาม “เรื่องพี่รบ” “ใช่ค่ะ” ชโยดมบอก “เข้าใจผมเถอะนะ ถ้าพี่ขวัญรู้เขาจะต้องไม่อยู่เฉยๆ แน่” ปองฤทัยไม่เห็นด้วย “แต่ซักวันพี่สาวคุณหมอก็จะรู้อยู่ดี” ชโยดมว่า “ผมรู้ครับ” ปองฤทัยบอก “คุณหมอรู้ คุณหมอก็น่าจะให้เขาไปเยี่ยมกันบ้างนะคะ เราคงรู้สึกไม่ดี ถ้าสามีเรานอนป่วยอาการปางตาย แต่เราไม่รู้เรื่องอะไรเลย” ชโยดมว่า “แต่พี่ขวัญต้องรักษาตัว ถ้าพี่ขวัญจิตใจแย่ไปอีกคน อาจจะมีผลกับร่างกาย ผมยอมให้ใครเป็นอะไรมากกว่านี้ไม่ได้ ไว้ถึงเวลาผมจะบอกเองนะครับ” ชโยดมพูดสีหน้าจริงจัง จนปองฤทัยเห็นใจพยักหน้า ปองฤทัยยิ้มให้กำลังใจชโยดม ชโยดมรู้สึกดีขึ้น

หน้าห้องไอซียูที่ศึกรบนอนอยู่ แสงดาวยืนดูอยู่ร้องไห้เป็นห่วงศึกรบ “คุณรบ ดาวไม่ตั้งใจ ดาวไม่อยากให้คุณเป็นแบบนี้เลย ถ้าคุณเป็นอะไรไป ดาวจะทำยังไง ฮือ” แสงดาวร้องไห้ท่าทางเศร้าสร้อยหมดอาลัยตายอยาก แต่จู่ๆ สีหน้าก็เปลี่ยน กำมือแน่น “ไม่ ดาวไม่ได้ทำอะไรผิด ดาวไม่ได้ทำอะไรคุณ นังขวัญ นังขวัญคนเดียว ถ้ามันไม่โง่ไม่โมโหร้ายถึงขนาดจะขับรถชนคุณ คุณก็ไม่เป็นแบบนี้” แสงดาวมองไปที่ร่างของศึกรบ สีหน้าเคียดแค้น “ฉันจะแก้แค้นให้คุณเอง” แสงดาวเปลี่ยนเป็นยิ้ม มองศึกรบเพ้อๆ

ระรินกำลังจะออกจากคอนโดไปข้างนอกพอจะเดินไปรถ ธันวาที่มาดักรออยู่ก็โผล่ออกมา “สวัสดีคร้าบ” ระรินผงะตกใจที่ธันวามาที่นี่ “แกมาที่นี่ทำไม” ธันวาว่า “ถามแปลก ผมก็มาหาคุณไง” ระรินไม่พอใจ “ทำไมไม่โทรมาก่อน ไปเจอกันที่เดิมก็ได้นี่” ธันวายิ้มอย่างรู้ทัน “ไม่ได้ ถ้าผมโทรไปหาคุณ คุณจะออกมาเจอผมรึไง” “รู้ก็ดีแล้ว จะไปไหนก็ไป” ระรินจะหนี ธันวาดึงแขนไว้ ระรินรีบสะบัดออก “รังเกียจ ไม่กี่วันก่อนเห็นยังพูดจาหวานๆ ให้ผมฟังอยู่เลยนี่ คุณนี่มันเปลี่ยนเร็วดีนะ หึ” ระรินตวาด “ไม่ต้องประชด อยากได้อะไรก็ว่ามา เงิน ฉันก็ให้ไปแล้วนี่” ธันวาว่า “ผมไม่ได้มาเรื่องนั้น แต่ผมมาเรื่องนายศึกรบอะไรนั่น” ระรินชะงักทันที “ทำไม” ธันวาบอก “ผมเห็นข่าว เขาเจออุบัติเหตุ ยังนอนโคม่าไม่ฟื้น จะลุกขึ้นมาได้วันไหนก็ไม่รู้ เป็นยังไงล่ะ ว่าที่พ่อของลูกคุณน่ะ ยังจะเอาอยู่ไหม สภาพนั้น” ระรินพูดจบก็เบี่ยงตัวแล้วเดินหนี “ฉันมีวิธีจัดการของฉันแล้วกัน” ธันวาเดินตามไป “คุณจะทำอะไร” ระรินหยุดเดินแล้วหันกลับมาพูดยิ้มอย่างสะใจ “มันเกิดได้ ฉันก็เอาออกได้เหมือนกัน” ระรินก้าวฉับๆ ไปที่รถ ธันวาตกใจ ตะโกนตามไป “คุณจะทำบ้าอะไร เพี้ยนไปแล้วเหรอ ลูกทั้งคนนะ ถึงคุณไม่รักเขาคุณก็ไม่ควรฆ่าเขาด้วยวิธีแบบนั้น เฮ้! ฟังผมสิ อย่าทำอะไรแบบนั้นเด็ดขาดเลยนะ” ระรินไม่สนใจ รีบขึ้นรถแล้วขับออกไปทันที ธันวามองตามรถของระรินที่แล่นออกไป หัวเสียสุดๆ

ที่หอพักไอวี่ ป้อมค่อยๆ พยุงไอวี่เข้ามาในห้องแล้วพาไปนั่งพักบนที่นอน ไอวี่มองป้อมเงียบๆ ป้อมจัดแจงหาน้ำหาท่าให้ไอวี่ดื่ม ไอวี่ถามขึ้น “ป้อม ถามอะไรหน่อยได้ไหม” ป้อมพยักหน้า “ได้สิ” ไอวี่ว่า“ได้ไปดูพี่รบมารึเปล่า เขาเป็นยังไงบ้างฟื้นรึยัง” ป้อมแอบเศร้าแต่ก็ตอบไอวี่ไป “ยังเลย แต่เท่าที่ถามพี่ปอง ดูเหมือนจะยังทรงๆ ดูอาการวันต่อวันไป” ไอวี่หน้าเศร้าลง “ฉันอยากไปเยี่ยมเขา” ป้อมเดินมานั่งตรงหน้าไอวี่ “อย่าห่วงพี่รบเขาเลย แฟนเขากับคุณหมอคอยดูแลอย่างดี ตอนนี้เธอต้องรักษาตัวเองก่อนนะ ไว้ถ้าทุกอย่างมันดีขึ้น ฉันจะพาไปนะ” ไอวี่พยักหน้า ป้อมจับมือให้กำลังใจไอวี่

ตอนที่ 27 วันพุธ ที่ 18 มิถุนายน 2557

เช้าวันต่อมา ในห้องพักผู้ป่วยของสู่ขวัญ สู่ขวัญนอนหลับอยู่ พยาบาลเข้ามาเช็คสายน้ำเกลือแล้ววัดความดัน ดูความเรียบร้อยในห้องก่อนจะกลับออกไป สู่ขวัญอยู่คนเดียวไม่มีใคร สู่ขวัญยังคงหลับไม่รู้เรื่อง

ที่หน้าห้องแสงดาวเดินเข้ามาในห้องเงียบๆ ไปหยุดอยู่ข้างเตียงสู่ขวัญ สู่ขวัญสลึมสลือตื่นขึ้นมามองเห็นภาพเบลอๆ ในมุมมืด เป็นใครที่ไม่คุ้นเลยสะดุ้งตกใจลุกพรวดขึ้น “ใคร! ฉันถามว่าใคร!” แสงดาวเดินออกมาจากมุมมืด “ดาวเองค่ะ” สู่ขวัญโล่งใจ “แสงดาว มาแบบนี้ตกใจหมดรู้ไหม” แสงดาวรีบบอก “ขอโทษที่ทำให้ตกใจค่ะ แต่ดาวไม่อยากรบกวน ว่าจะแค่แวะมาดูคุณสองคนแล้วก็ไป” สู่ขวัญถาม “งั้นเหรอ เอ๊ะ เธอไปดูคุณรบมาเหรอ เขาเป็นยังไงบ้างอยู่ห้องไหน น้องชายฉันเขาไม่ยอมบอก” แสงดาวรีบตีหน้าเศร้า “นี่คุณขวัญยังไม่รู้เหรอคะ” สู่ขวัญงง “รู้อะไร” แสงดาวบีบน้ำตา “คุณสองคนเป็นเจ้านายที่ดาวทั้งรักทั้งเคารพ ดาวไม่อยากเห็นทุกคนเป็นแบบนี้เลยค่ะ” สู่ขวัญยิ่งงง “เธอพูดอะไรแสงดาว ฉันไม่เข้าใจ” แสงดาวบอก “ก็คุณขวัญต้องเจ็บหนัก แถมคุณรบ…ตอนนี้ก็โคม่า นอนไม่รู้เรื่อง ไม่รู้เมื่อไหร่จะฟื้นอีก ดาว..” สู่ขวัญตกใจทันที “ว่าไงนะ คุณรบเป็นอะไร” แสงดาวสะอื้น “คุณรบอยู่ที่ห้องไอซียู อาการโคม่า ไม่แน่ว่าจะเป็นหรือตายค่ะ” สู่ขวัญได้ยินก็ร้อนรน ทนไม่ได้ “ฉันจะไปหารบ” สู่ขวัญมองสายน้ำเกลือแล้วตัดสินใจดึงออก รีบลุกวิ่งไปทางไอซียูทันที “คุณขวัญคะ” พอสู่ขวัญออกไป แสงดาวมองกระหยิ่มยิ้มพอใจ

สู่ขวัญวิ่งมาหยุดที่หน้าห้องพักศึกรบ เห็นศึกรบนอนโคม่าอยู่ก็เสียใจมาก “รบ ไม่จริง ไม่จริงใช่ไหม” เสียงดังขึ้น “จริงสิคะ จริงทุกอย่าง” สู่ขวัญหันไปมองตามเสียงนั้นก็เจอไอวี่ยืนอยู่ มีผ้าพันแผลที่หน้าสู่ขวัญตกใจ “ไอวี่ เธอ” ไอวี่บอก “ฉันจะยังไงมันไม่สำคัญ แต่คุณรบคือคนเดียวที่จะหยุดเรื่องทุกอย่างได้ แล้วดูสิ่งที่คุณทำลงไปสิคะ ดูให้เต็มตา” สู่ขวัญเสียงสั่นตอบ “ฉัน… ฉันไม่ได้ตั้งใจ” ไอวี่ตอกย้ำ “เพราะคุณคนเดียว คุณรบถึงต้องไปนอนอยู่แบบนั้น เพราะคุณ” สู่ขวัญทนไม่ไหว หันไปร้องไห้อีกทาง “ฉันไม่รู้ ฉันไม่รู้ ฮือ..” ไอวี่จ้องหน้าเอาเรื่อง “ถ้าคุณรบเป็นอะไรไป ฉันจะไม่วันให้อภัยคุณเด็ดขาด คอยดู” สู่ขวัญร้องไห้หนักขึ้น พยาบาลวิ่งตามหาสู่ขวัญมาถึงหน้าห้องพอดี “คุณสู่ขวัญคะ มาอยู่นี่เอง คุณยังลุกไม่ได้นะคะ กลับห้องก่อนค่ะ” พยาบาลรีบจับตัวสู่ขวัญไว้ ดึงจะพากลับห้อง สู่ขวัญดิ้นไม่ยอมไป เกิดการยื้อกันขึ้น“ไม่... ฉันไม่กลับ ฉันจะดูแลศึกรบ” พยาบาลบอก “ไม่ได้นะคะ คุณสู่ขวัญ” แสงดาวที่ซุ่มอยู่ไม่ไกลแอบยิ้มสะใจ “ดี โทษกันเข้าไป ฉันจะได้ทำอะไรง่ายๆ”

ไอวี่มาเข้าห้องน้ำโรงพยาบาล ออกมาจะล้างมือที่อ่างล้างหน้า แสงดาวเดินมาข้างหลังพูดเสียงเยาะเย้ย “โอ๊ะ นี่ใครเนี่ย หน้าคุ้นๆ นะคะ” ไอวี่หันไปเจอแสงดาวยืนยิ้มเยาะอยู่ “แกนังแสงดาว” “ตายแล้วน้องไอวี่! ได้ข่าวเข้าออกโรงพยาบาลเป็นว่าเล่นเลยนี่ ไปโดนอะไรมาเหรอจ้ะ” ไอวี่ตวาด “อย่ามายุ่ง” แสงดาวไม่ฟังเดินเข้าไปหา “อ๊ะ ไม่ยุ่งไม่ได้สิ พี่น่ะก็เห็นใจ คนที่มีแต่หน้าตาเป็นอุปกรณ์ทำมาหากิน จู่ๆ เกิดใช้งานไม่ได้ งานก็ไม่มี เงินก็ไม่มี น่าเห็นใจนะ” ไอวี่ทนไม่ไหวถามขึ้น “เยาะเย้ยฉันแบบนี้ต้องการอะไร” แสงดาวยิ้ม “ถามได้ ต้องการความสะใจไงคะ ฮ่ะๆๆ” แสงดาวหัวเราะไม่หยุด ไอวี่โกรธมาก “อยากโดนมากใช่ไหม ได้ จะสงเคราะห์ให้” ไอวี่พุ่งเข้าไปตบแสงดาว แสงดาวรีบหลบ ไอวี่ตามไปดึงเสื้อไว้ ดึงจะมาตบให้ได้ แสงดาวอาศัยว่าแข็งแรงกว่ายื้อไอวี่ไว้ ฉวยจังหวะจับคอไอวี่ไว้แล้วเอื้อมมือไปกระชากผ้าพันแผลออกไอวี่ตกใจมาก หันไปมองในกระจกเห็นหน้าตัวเองเละ ร้องกรี๊ดดังลั่น “กรี๊ด!!!” แสงดาวสะใจ บอก “ใครกันแน่ที่ควรจะโดนสงเคราะห์ ดูตัวเองซะก่อนไป๊ หน้าตาทุเรศ นังหน้าผี” ไอวี่รีบเอามือปิดหน้าตัวเอง ร้องไห้ วิ่งหนีออกไป

ไอวี่วิ่งปิดหน้าตัวเองออกมา ชนคนอื่นไปทั่วไม่มองทาง ป้อมเดินมาทางนั้นพอดี เห็นไอวี่รีบเข้าไปจับตัวไว้ ไอวี่กรีดร้อง “ปล่อย อย่ามาจับตัวฉัน ปล่อย!” ป้อมตะโกน “ไอวี่ นี่ฉันเอง” ไอวี่ยอมเปิดหน้าออก เห็นเป็นป้อมก็ร้องไห้ออกมาทันที “ช่วยด้วย ป้อม ช่วยฉันด้วย ฉันไม่อยากมีสภาพแบบนี้” ป้อมถอดเสื้อแจ็กเก็ตของตัวเองออกมาคลุมไอวี่ไว้ แล้วรีบพาเดินหลบไป แสงดาวตามมา มองไปไม่พอใจ แต่ก็รีบหลบกลัวมีคนเห็น

มีนามาเยี่ยมสู่ขวัญ นั่งปอกผลไม้ไปคุยกับสู่ขวัญไป สู่ขวัญนั่งหมดอาลัยตายอยาก ดูไม่สบายใจมาก “แกนี่มันดื้อไม่เปลี่ยน พิเรนทร์นะ ถอดสายน้ำเกลือวิ่งไปดูคุณรบเนี่ย ดูสิ พยาบาลเลยขอให้ฉันช่วยเฝ้าแกเลย” สู่ขวัญบอกลอยๆ “แกเบื่อจะกลับก็ได้นะ” มีนาว่า “เห้ย บ้า ไม่กลับหรอก ที่มาเนี่ยก็อยากมาเยี่ยมเลยมานะ” “อื้อ ฉันรู้” สู่ขวัญนั่งพิงขอบเตียง ถอนหายใจ มีนามองขวัญเป็นห่วง “โธ่ขวัญ จะซังกะตายไปถึงไหน ฉันรู้แกเป็นห่วงคุณรบ” สู่ขวัญพยักหน้ารับเศร้า “ใช่” มีนาบอก “จะว่าไป คุณรบเป็นแบบนี้ก็ดีนะ ไปเจ้าชู้ไปมีกิ๊กไม่ได้ ชีวิตแกสงบ จนแกมีเวลามานั่งถอนหายใจทิ้งเลยเนี่ย” สู่ขวัญทำเสียงดุใส่มีนาทันที “มีนา ไม่ตลกนะ” มีนาหน้าเจื่อน “จ้า รู้ๆ แค่ไม่อยากให้แกเครียดเอง” สู่ขวัญขัด “ต้องเครียดสิ ก็ที่เขาเป็นแบบนี้มันก็เพราะฉันนะ” มีนางง “หมายความว่ายังไง” สู่ขวัญหน้าเศร้า บอก “ถ้าวันนั้นฉันไม่ใจร้อน อุบัติเหตุมันคงไม่เกิด เขาก็ไม่ต้องมาอยู่สภาพนี้ มันเป็นความผิดของฉัน ของฉันคนเดียว และฉันต้องชดใช้ให้เขา” สู่ขวัญทำหน้าเหมือนจะร้องไห้อีก มีนาบีบไหล่ปลอบใจ



















กำลังโหลดความคิดเห็น