xs
xsm
sm
md
lg

ดงดอกงิ้ว ตอนที่ 3

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ดงดอกงิ้ว ตอนที่ 3

ระรินเดินปึงปังเข้ามาในห้อง สงครามเดินตามมาติดๆ พลางถามด้วย น้ำเสียงหงุดหงิด

“ไอ้คนที่มันมาส่งมันเป็นใคร?”
“ใครจะมาส่งแล้วทำไม?” ระรินไม่ตอบ แต่กลับย้อนถาม พร้อมทำสีหน้าว่าเบื่อหน่ายเต็มที
“แต่มันเป็นผู้ชาย”
“นี่รินจะมีเพื่อนเป็นผู้ชายที่อยากขับรถมาส่งหน่อยไม่ได้เลยรึไง”
“คุณก็รู้ว่าผมไม่ชอบ”
ระรินหันขวับมาทันที
“คุณไม่สิทธิ์จะมาชอบไม่ชอบเรื่องส่วนตัวของฉันนะ”
“อ๋อ เดี๋ยวนี้มีเรื่องส่วนตัวไม่ส่วนตัวด้วยเหรอ”
ระริน ส่ายหน้า รำคาญ“ฉันเบื่อจะพูดกับคนไม่มีเหตุผล เบื่อๆ” พลางสะบัดหนีไปอีกทาง
สงครามรีบเดิน เข้าไปง้อ
“โธ่ริน ผมก็ไม่ได้อยากอารมณ์เสียใส่คุณ แต่ว่า”
“ผมไม่ชอบ” ระรินประชด
“ก็ผมไม่ชอบจริงๆ ผมไม่ชอบให้คนอื่นมายุ่งกับของของผม”
ระรินยิ้ม พลางหันกลับไปกอดคอสงครามไว้ เข้าไปพูดยั่วใกล้ๆ
“ของของคุณเหรอคะ กลัวว่าซักวันคุณจะเบื่อของแบบรินนะสิ”
สงคราม มองหน้าระรินด้วยสายตาที่เปี่ยมไปด้วยความเสน่หา “ผมจะเบื่อคุณได้ยังไง”
“จริงเหรอ วันนี้ยังอยากได้ของที่ว่าอยู่รึเปล่าล่ะ”
“อยากได้สิ” สงครามตอบโดยไม่ต้องคิด “ของตอบแทนของขวัญชิ้นนี้เป็นอะไรดีล่ะ กระเป๋าสวยๆ ซักใบดีไหม”
“พูดเหมือนจะได้ตอนนี้เลย”
“ลองดูกล่องที่วางไว้บนเตียงสิ”
สงครามปรายคามองไปที่เตียง ระรินหันไปมองตาม แล้วก็ตาวาว เพราะมีกล่องว่าอยู่จริงๆ
“มาทันใจแบบนี้ต้องให้รางวัลยังไงน้า”
สงครามโอบเอวระรินแทนคำตอบ พลางก้มลงจะจูบ แต่ระริน กลับรู้สึกรังเกียจขึ้นมา เอามือดันห้ามไว้เสียก่อน
“แต่วันนี้รินเหนื่อยมากเลย”
ระรินดันตัวสงครามออก สงครามยังพยายามรุกต่อ
“เดี๋ยวผมช่วยให้หายเหนื่อย”
คราวนี้ระรินผลักเลย “ก็บอกแล้วไงคะว่ารินเหนื่อยแล้ว”
สงคราม สวนกลับ น้ำเสียงโมโห
“เหนื่อยหรือว่าไปสนุกกับไอ้คนขับรถนั่นมากันแน่”
“นี่ คุณพูดแบบนี้ไม่ให้เกียรติกันเลยนะ”
“ให้เกียรติเหรอ” สงครามใช้น้ำเสียงดูถูก “ผู้หญิงแบบเธอมันคู่ควรจะสุภาพด้วยแค่ไหนกันเชียว หา”
พลางปราดเข้าไปจับตัวระริน พยายามจะปล้ำ ระรินดิ้น พร้อมตะโกนเสียงดัง
“หยุดนะ ไม่งั้นฉันจะโทรไปแฉกับเมียแกให้หมด”
ได้ผล สงครามหยุดกึก
“กล้าแฉเหรอ ตลกแล้ว อนาคตในวงการเธอล่ะ แคร์มันมากไม่ใช่รึไง”
ระริน ยักไหล่ย่างไม่แคร์
“ช่างมันสิ ข่าวออกเดี๋ยวคนก็ลืม ถ้าอยากโดนตัดจากกองมรดกเมียตัวเองก็เชิญ ดูซิเป็นยาจกมีแต่ตัวแล้วใครจะเอา”
สงครามกำมือแน่นด้วยความโกรธ พลางชี้หน้าระริน ก่อนที่จะเดินฮึดฮัดออกไป

ระรินทิ้งตัวลงบนเตียงในห้องอย่างเหนื่อยอ่อน พลางปรายมองไปที่ของขวัญของสงคราม ก่อนที่จะหยิบมาเปิดด้วยท่าทีเนือยๆ แล้วก็พบว่าภายในเป็นกระเป๋าแบรนด์เนมหรูราคาแพง
ระรินหยิบกระเป๋าขึ้นมาพิจารณา แล้วก็โยนทิ้งอย่างไม่ไยดี
“สวยดีนะ แต่เสียใจด้วย ฉันมีคนที่พร้อมจะซื้อให้แบบที่ทั้งแพง ทั้งสวยกว่าแกซะแล้วสิ”
ระรินยิ้มระรื่น เมื่อนึกถึงศึกรบ

ทางด้านเพชรกำลังเปิดดูรูปที่นักสืบส่งมาในไลน์บนโทรศัพท์มือถือ เป็นรูปที่สงครามขึ้นไปคอนโดกับระริน สีหน้าเพชรหงุดหงิดแต่พยายามเก็บอาการ
แพรวแอบมอง ทักขึ้น
“หงุดหงิดเหรอ? ไหนบอกไม่สนไง”
เพชรมองไปทางอื่น พยายามสงบสติ แต่ก็ทนไม่ไหว ระเบิดออกมา
“ฉันจะไม่ทนแล้วนะ! แกดูรูปนี่สิ นี่มันไม่ได้กะกินเล่นเอาสนุกๆแล้ว”
แพรว ก้มมาดูรูป “ตามไปเฝ้ากันถึงคอนโด กะกินรวบหัวรวบหางไม่ให้เหลือเลยนะเนี่ย
“ฉันควรจะทำยังไง ยัยแพรว”
“อ้าว ตอนแรกมั่นอกมั่นใจนักไม่ใช่เหรอพี่ ว่ายังไงผัวพี่เขาก็ไม่เอาจริงเอาจังน่ะ” แพรวย้อนพี่สาว
“ก็หลักฐานมันคาตาแบบนี้ จะให้ฉันทนรึยังไง ป่านนี้พากันไปนอนกกถึงไหนต่อไหนแล้วก็ไม่รู้”
แพรวมองรูปในโทรศัพท์ พลางคิดอะไรบางอย่าง ก่อนจะพูดเน้นๆ

“ไม่ต้องทนหรอกค่ะ ผู้ชายแบบนี้ทนไปก็ไม่ประโยชน์ หญิงร้าย ชายเลว มันต้องจัดการ”

ชโยดมเก็บเสื้อผ้าใส่กระเป๋าเตรียมกลับต่างจังหวัด พลันเสียงออดหน้าบ้านก็ดังขึ้น เขารีบออกไปดู ก็เห็นสู่ขวัญยืนอยู่หน้าบ้าน ชโยดมยิ้มกว้าง ดีใจที่พี่สาวมาหา

“พี่ขวัญ”
จากนั้นก็รีบเปิดประตูให้สู่ขวัญเข้ามาในบ้าน และพาเข้ามานั่งในห้องรับแขก
“นึกไงมาหาน้องชายถึงที่บ้านได้เนี่ย”
“แหม มีน้องอยู่คนเดียว อยากมาหาบ้างไม่ได้รึไง”
“มาได้สิครับพี่สาว ดวงดีนะเนี่ยมาวันนี้ มาวันอื่นไม่เจอแล้ว”
สู่ขวัญ มองกระเป๋าเสื้อผ้า แล้วเงยหน้ามาถามน้องชาย
“จะไปต่างจังหวัดอีกแล้วเหรอ มาทั้งทีอยู่นานๆหน่อยก็ไม่ได้”
“เป็นหมอนี่ครับ คนป่วยคนไม่สบายมีทุกวัน รักษาเขาก็งานของเรา แว้บไปหาได้ก็เก่งละนะ”
“จ้า พ่อคนเก่ง เอ้อนี่” สู่ขวัญชูของกินที่เอาติดตัวมาด้วย “อ่ะ เอามาฝาก”
ชโยดมรับของมาจากสู่ขวัญ แล้วยกขึ้นดม
“หอมจัง ทำเอง?”
สู่ขวัญยิ้ม “แน่นอนอยู่แล้ว กินซะนะ แล้วก็อย่าลืมดูแลตัวเองด้วย ทำงานหนักๆอยู่คนเดียว แฟนก็ไม่มี นอกจากพี่จะไม่มีคนคอยดูแลแล้ว รู้ไหม?”
“แฟนน่ะผมไม่รีบหาหรอก ถ้ามีแล้วไม่ดี ไม่มีซะยังจะดีกว่า พี่ก็ระวังเรื่องคุณสามีตัวเองไว้บ้างเถอะ”
ชโยดมอดเป็นห่วงพี่สาวไม่ได้
“คุณรบ? ก็ไม่เห็นมีอะไรนี่นา ทำไมล่ะ” สู่ขวัญย้อนถาม
“พี่ขวัญอาจจะคิดว่าตัวเองเอาอยู่ แต่กับผู้ชายด้วยกันน่ะผมดูออก สามีพี่น่ะเสือซ่อนเล็บชัดๆ”
“บ้าน่า โยไปเอาความคิดนี้มาจากไหน?”
ชโยดมชะงัก กลัวสู่ขวัญไม่สบายใจ พยายามเปลี่ยนเรื่องคุย
“ทำอะไรมาเนี่ยพี่ ของโปรดผมรึเปล่า”
แต่สู่ขวัญรู้ทัน“อย่าเปลี่ยนเรื่อง”
“ก็ได้ครับ”
“ทำไมโยคิดแบบนั้น โยไปเห็นอะไรมา” สู่ขวัญถามน้องชายด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“วันก่อนผมเห็นพี่รบไปกินข้าวกับผู้หญิงอีกคน ตอนผมออกจากโรงพยาบาล”
“จริงเหรอ เห็นหน้ารึเปล่าว่าเป็นใคร” สู่ขวัญถามต่อ
“เห็นหน้าไม่ค่อยชัดครับ เพราะอยู่ไกล แต่หน้าคุ้นๆ เหมือนเคยเห็นในทีวี”
“พวกดาราเหรอ”
ชโยดมเห็นท่าไม่ค่อยดี ก็เลยพยายามพูดปลอบใจ
“ไม่แน่ใจเหมือนกันครับ อาจจะเป็นลูกค้าหรือแขกในโรงแรมก็ได้”
“พี่จะไปถามเขาให้รู้เรื่อง”
“อย่าเพิ่งโวยวายดีกว่าครับ” ชโยดมเตือน “ถ้าอะไรยังไม่ชัวร์ เดี๋ยวพี่รบจะรู้ตัวแล้วจับไม่ได้ไล่ไม่ทัน” “งั้นพี่จะเฉยไว้ก่อนแล้วคอยจับสังเกต ถ้ามีอะไรขึ้นมาจริงๆ ละก็ โยก็รู้คนอย่างพี่ไม่มีทางยอมอยู่เฉยๆแน่”
สู่ขวัญหน้าเหี้ยม ชโยดมมองพี่สาว เริ่มรู้สึกหวั่นใจอย่างบอกไม่ถูก

สู่ขวัญกลับมาถึงบ้าน ก็มานั่งเครียดอยู่ที่ม้านั่งในสวน ภาวดีผ่านมาเห็นเข้าก็ทัก
“หนูขวัญกลับมาแล้วเหรอจ๊ะ กินน้ำกินท่ามารึยัง”
“ไม่เป็นไรค่ะ ขวัญไม่หิว”
ภาวดีมองหน้าสะใภ้อย่างจับสังเกต “งั้นเหรอ แต่แม่ว่าหนูดูสีหน้าไม่ค่อยดีเลยนะ”
สู่ขวัญยกมือจับหน้าตัวเอง “เหรอคะ?”
“ใช่สิ หมองๆพิกล เหมือนคนมีเรื่องไม่สบายใจ”
“ขวัญแค่” สู่ขวัญอึกอัก “เครียดเรื่องงานที่ร้านน่ะค่ะ”
“แน่นะ ไม่มีอะไรเกี่ยวกับเจ้ารบใช่ไหม”
“ค่ะ”
”งั้นก็แล้วไป”
สู่ขวัญพยายามทำนิ่ง ภาวดีแอบมอง ดูออกว่าต้องเกี่ยวกับศึกรบแน่ๆ

จากนั้นภาวดีก็เดินหน้าเครียดเข้ามาในบ้าน ทันทีที่เห็นหน้าทรงยศ ก็โวยวายขึ้นมาทันที
“คุณ ฉันไปคุยกับหนูขวัญมา ฉันว่าต้องมีเรื่อง”
“เรื่อง?”
“ก็ไอ้ลูกชายตัวดีของคุณไง วันนี้ลูกสะใภ้เราเดินเข้าบ้านมา หน้าเครียด คิ้วแทบจะชนกันอยู่แล้ว ทำเป็นบอกว่าเรื่องงาน แต่ฉันดูออก ต้องเป็นเรื่องนายรบแน่”
ทรงยศ ถอนหายใจ “อย่าบอกนะว่านิสัยเดิมมันกลับมาอีกแล้ว”
“ฉันจะไปรู้เรอะ ถ้าเกิดตารบมันทำตัวไม่ดีแล้วหนูขวัญจับได้ จะทำยังไง?”
“กลัวไม่เข้าเรื่อง”
“กลัวไว้ก่อนก็ไม่เสียหายนี่ ถ้ามีอะไรขึ้นมา กองสมบัติที่กอบกู้ชีวิตคุณกับฉันไว้มันจะหมดทุกอย่างเลยนะ”
ภารดีพูดด้วยสีหน้าเคร่งเครียด
“คุณพูดเหมือนไม่รู้จักลูกตัวเอง นายรบน่ะมันฉลาดเหมือนพ่อ ลื่นอย่างกับปลาไหล แค่นี้มันไม่ปล่อยให้เมียตัวเองจับได้ง่ายๆหรอก”
ภาวดียิ้มเยาะ “ฉลาดมากจ้ะ ก็แค่ทำบริษัทเจ๊งจนต้องหาเมียให้ลูกมาแต่งงานหาเงินใช้หนี้” “แน่นอน เอ๊ะ คุณ”
ภาวดียักไหล่ทำไม่รู้ไม่ชี้ ทรงยศกัดฟันกรอดที่โดนภาวดีเหน็บให้

ศึกรบกลับมาที่บ้าน สู่ขวัญเดินเอาน้ำออกมาให้ พลางจ้องหน้า จนเขาศึกรบสงสัย
“ขวัญ ทำไมจ้องผมแบบนั้น”
“คือ รบคะ ขวัญมีเรื่องจะถาม”
ศึกรบ เลิกคิ้วด้วยความแปลกใจ “ครับ”
“เมื่อวานรบไปไหนมาคะ ถึงไม่ได้กลับมากินข้าวบ้าน”
ศึกรบทำท่านึก แล้วก็นึกขึ้นได้
“อ๋อ ผมออกไปกินข้าวที่ร้าน....” ศึกรบเอ่ยชื่ร้าน เป็นร้านเดียวกับที่โยเห็น “กับลูกค้าน่ะ ทำไมเหรอ”
สู่ขวัญแอบโล่งใจ พยายามกลบเกลื่อนไม่ให้ศึกรบรู้ว่าสงสัย
“ก็ขวัญทำกับข้าวไว้รอคุณเยอะเลย แต่คุณไม่ยอมมากิน เสียดาย”
“โห ขอโทษครับ ภรรยาคนเก่งอุตส่าห์ทำกับข้าวรอ ผมนี่มันแย่จริงๆ”
“เดี๋ยวนี้กับข้าวที่บ้านเริ่มน่าเบื่อแล้วใช่ไหมละคะ ถึงต้องไปกินที่อื่น” สู่ขวัญทำเสียงงอนๆ
“ทำเสียงน้อยใจอีกแล้ว ไม่เอาน่า ผมไม่ได้เบื่อซักหน่อย นานๆ เชฟมือทองอย่างขวัญจะทำให้สามีกิน คนอื่นที่ทำงานอิจฉาผมจะแย่ นี่ผมต้องไปเพราะจำเป็นหรอก”
“ลูกค้าขวัญไม่ว่าหรอกค่ะ แต่ถ้าไปกับกิ๊กกั๊กละก็ น่าดู”
ศึกรบพูดขำๆ
“มีเมียดีแบบนี้จะไปมองคนอื่นทำไมให้เสียเวลาล่ะครับ แล้ววันนี้มีอะไรให้ผมกินบ้างเอ่ย?” “วันนี้ฝีมือพรนะคะ ไม่ใช่ขวัญ เพราะงานขวัญยุ่งมาก”
“โอเคครับ ฝีมือใครก็ได้ แค่ได้กินข้าวกับขวัญผมก็มีความสุขแล้ว ไปกินข้าวกันเถอะ”

ศึกรบรีบประคองสู่ขวัญไปอย่างเอาใจ กลบเกลื่อนพิรุธของตัวเอง

อ่านต่อหน้า 2

ดงดอกงิ้ว ตอนที่ 3 (ต่อ)

“นี่อะไร ระรินรับมีไฮโซหนุ่มใหญ่ตามจีบ ทุ่มไม่อั้น? ใครอีกล่ะคราวนี้”

แจ๊สแผดเสียงพลางปาหนังสือพิมพ์ลงบนโต๊ะในคอนโดของระริน หากเจ้าตัวหลับยืนดูอย่างไม่ทุกข์ร้อน
“ใครแล้วจะทำไม?”
“โอ๊ย เจ๊ปวดหัว ปวดตัว ปวดตับกับหล่อนจริงๆ เตือนจนหูจะมีสามรู นี่ยังไม่เข้าใจอีกเหรอ?”
“เข้าใจว่า?” ระรินลอยหน้าลอยตาถาม
“อย่า ทำ ตัว ให้ เป็น ข่าว” แจ๊สพูดเน้นทีละคำ “ภาษาไทยฟังรู้เรื่องไหมคะ หรือว่าต้องให้ใช้ภาษาฮิบรูด้วย ถึงจะเข้าใจ”
ระริน ยักไหล่ “เป็นข่าว? ดีออก มีแต่คนพูดถึง กระแสในโซเชียลถึงฉันก็เยอะดีนะ”
“เยอะมากเลยจ้ะ โพสด่าทั้งนั้น ซาดิสม์รึไง ชอบให้คนด่า ชื่อเสียงขาวสะอาดนี่ไม่ชอบ”
“นั่งเรียบร้อยอยู่ห้องในหับมันจะไปดังอะไร มันต้องคาวๆ ถึงจะดังดี ไม่เชื่อเจ๊คอยดู”
แจ๊สส่ายหน้าอย่างระอา ในขณะที่ระรินยิ้มพอใจ
ทางด้านศึกรบ ที่เห็นอ่านข่าวในเว็บ รู้สึกไม่สบายใจเลยโทรหาระริน ระรินเห็นชื่อของศึกรบปรากฏที่หน้าจอ ก็รีบกดรับสายทันที
“ว่าไงคะคุณรบ อะไรดลใจให้โทรหารินเนี่ย?”
“ผมเห็นข่าวคุณ เลยจะโทรมาถามว่าเป็นไงบ้าง”
“โอ้ย ไม่เป็นไรเลยค่ะ รินสบายมาก คนแบบระรินเจอข่าวเสียหายคนชินแล้วล่ะค่ะ”
“แสดงว่าข่าวคุณมีเศรษฐีไฮโซคอยทุ่มให้นั่นก็ไม่จริง?”
ระรินแกล้งเสียงเศร้า “ตอนแรกคุณรบเชื่อหรือคะ?”
“เปล่านะครับ ไม่งั้นผมจะโทรหาคุณทำไม ผมเลิกคุยกับคุณไม่ดีกว่าเหรอ”
“ดีใจจังเลยค่ะที่คุณรบไม่เชื่อ รินก็ไม่รู้จะทำยังไง”
ศึกรบรุกต่อ “แล้วเรื่องมันเป็นยังไงกันแน่ครับ”
ระริน รีบปั้นเรื่องปด “มีคนจ้องทำลายชื่อเสียงรินค่ะ ยิ่งข่าวเยอะงานรินก็ยิ่งเยอะ คนที่อิจฉาก็คอยจะใส่ไฟริน แต่ก็ดีเหมือนกันค่ะ ยิ่งมีข่าวฉาวงานยิ่งเยอะกว่าเก่าอีก”
“คุณรินพูดเหมือนเป็นเรื่องตลก นี่มันไม่ใช่เรื่องเล่นเลยนะ ผมเป็นห่วงซะแทบแย่”
ระรินแอบยิ้ม “ไม่ต้องห่วงค่ะ คนพวกนั้นน่ะทำอะไรระรินไม่ได้หรอก”
“แต่ยังไงคุณเป็นผู้หญิงก็เสียหายอยู่ดี เอาเถอะ มีปัญหาอะไรอยากระบายโทรมาบอกกันได้นะครับ ผมยินดีรับฟัง”
ศึกรบเสนอตัว
“ยินดีที่สุดเลยค่ะ ขอบคุณนะคะ”
ศึกรบวางสายไป ระรินยิ้มพอใจที่เห็นศึกรบแสดงท่าทีเป็นห่วง

ในขณะที่มีนาอ่านข่าวของระรินแล้วหงุดหงิด รีบปิดหนังสือพิมพ์วางทิ้งแบบอารมณ์เสีย
“หนุ่มใหญ่ไฮโซทุ่มไม่อั้น แหวะ ใครกันกล้ามาทุ่มให้ยัยระรินจอมสตอเบอแหลกันเนี่ย จะโดนหลอกกินไม่รู้ตัว”
สู่ขวัญเดินเข้ามา พลางเอ่ยแซว
“อินข่าวมากไปแล้วมั้ง เธอรู้จักเขาดีเหรอ ถึงไปว่าเขาแบบนั้น”
“มันต้องอินสิยัยขวัญ เธอดูหน้ายัยนี่ แอ๊บแน่นอน มีนานิวส์ฟันธง”
สู่ขวัญ ยิ้มขำ “เว่อร์ละ”
“ไม่เว่อร์แกเชื่อฉัน คนดีที่ไหนจะมีข่าวเสียหายไม่เว้นวัน แถมเจ้าตัวปล่อยเองด้วยนะ ทำเป็นพูดแอ๊บใสๆว่าหนูไม่รู้ค่ะ หนูไม่ได้เป็นอะไรกับเขาค่ะ คอยดู ไม่เกินเดือนสองเดือน เดี๋ยวได้มีข่าวเซอร์ไพรส์”
“เซอร์ไพรส์แบบไหน”
“ก็แบบ อาจจะเปิดตัวว่าคบใครอยู่ พวกไฮโซหนุ่มใหญ่ใจดี สปอร์ต กทม.ซักคน ดีไม่ดีประกาศแต่งฟ้าแลบ ท้องแล้วจ้า อะไรแบบนี้อะ”
“ยัยนี่มันร้ายไม่ใช่เล่น” สู่ขวัญเริ่มเห็นด้วย
“ใช่น่ะสิ เธอก็ระวังของของตัวไว้ให้ดีเถอะ เขาว่านางชอบกินไฮโซกระเป๋าหนัก ประเภทเมียเผลอแล้วเจอกันซะด้วย”
“ก็ลองดูสิ ถ้านางมาเจอเมียไม่เผลออย่างฉัน จะเล่นงานให้เป็นข่าวหน้าหนึ่งเลย”
สู่ขวัญจบประโยค ด้วยสายตาเหี้ยม เจือกังวล มีนามองหน้าเพื่อนอย่างหวาดหวั่นขึ้นมา
“ว้าย ใจเย็นๆ นะขวัญ ฉันแค่โยงมาเล่นๆ ยังไงคงไม่บังเอิญขนาดนั้นหรอก”

แจ๊สคุยโทรศัพท์ง่วนอยู่ในร้านกาแฟ ระรินนั่งอยู่ตรงข้าม พอวางสายก็หันมาสีหน้าดีใจสุดๆ
“ยัยริน มีคนจ้างเธอไปออกงานอีเว้นท์! หลายงานเลยนะเธอจ๋า เงินมามหาศาลแน่แล้วค่ะ เจ๊จะเป็นลม”
แจ๊สเอามือทาบอกทำท่าจะเป็นลม ระรินพูดสีหน้ามั่นใจ
“เป็นไง นี่ล่ะอิทธิพลของข่าว”
“ค่ะ เริ่ดค่ะ แม่คนดัง” แจ๊สอดเหน็บไม่ได้
“ถ้าไม่มีข่าว ใครที่ไหนจะมาสนใจเรา จริงไหม”
“นั่นก็ถูก แต่ชื่อเสียงแบบนี้มันเหมือนพลุนะเธอจ๋า อยู่บนฟ้าสว่างวูบเดียวแล้วก็หายไป ผลงานต่างหากที่ยืนยง”
แจ็สพยายามพูดให้ข้อคิด แต่ระรินเหมือนบัวใต้ตมที่ไม่ยอมรับรู้
“แค่งานน่ะมันจะไปได้อะไร คนสมัยนี้ เรื่องดีๆไม่สน เรื่องคนอื่นล่ะหูไว เราก็ต้องฉวยโอกาสนี้ให้เป็นประโยชน์”
“ฉกฉวยจากคนอื่น ก็ระวังคนอื่นเขาฉวยจากเธอด้วยแล้วกัน เอ๊ะ หรือว่าเต็มใจให้ฉกอยู่แล้ว?”

พูดจบแจ๊สก็หัวเราะร่วม ในขณะที่ระรินเชิดหน้า ยิ้มกริ่ม

ระรินทำงานเสร็จ กำลังออกมาจากงานอีเวนท์ เห็นสงครามมาจอดรถดักรออยู่ กำลังจะหลบ แต่สงครามเห็นก่อน รีบพุ่งเข้ามาหา

“จะไปไหน”
ระรินสะดุ้ง หันกลับมาคุย
“คุณมาที่นี่ทำไม”
สงครามปราดเข้ามาประชิดตัวระริน
“อ้าว ก็อยากมาเจอสุดที่รักซะหน่อย ไม่ได้รึไง เดี๋ยวนี้นัดกันทีไร อ้างว่าไม่ว่างตลอด”
ระรินถอยหนี “รินไม่ว่างจริงๆ นี่คะ คุณก็เห็นว่างานเยอะ เพิ่งเสร็จจากอีเวนท์นี้เดี๋ยวก็ต้องไปต่ออีก” “เดี๋ยวนี้มีถอยหนี เมื่อก่อนยังออดอ้อน ที่รักคะที่รักขาอยู่เลย หรือว่าไอ้เสี่ยคนใหม่คอยป้อนทรัพย์สมบัติให้คุณเยอะกว่าผม”
ระรินทำใจเย็น พยายามพูดจาดีๆกับสงคราม
“ไม่ใช่นะ รินก็แค่ ไม่อยากเป็นข่าวน่ะ”
“ถ้าไม่มีอะไร งั้นก็ไปด้วยกันสิ”
สงครามพูดแกมบังคับ พลางคว้าข้อมือระริน แต่ระรินยื้อไว้
“นี่คุณจะทำอะไรน่ะ?”
“คราวที่แล้วเธอทำฉันอารมณ์ค้าง จะไม่รับผิดชอบหน่อยรึไง”
“ปล่อยนะ ไม่งั้นฉันจะตะโกนให้คนช่วย”
“กล้าก็เอาเลย” สงครามท้าทาย
“ได้” ระรินเชิดหน้า พลางหันไปตะโกน “ช่วยด้วยค่ะ ช่วยด้วย”
คนเริ่มหันมามอง สงครามตกใจ รีบปล่อยแขนระริน และเดินหลบออกไป แต่ก็ไม่วายชี้หน้าคาดโทษไว้อย่างแค้นใจ
ระรินยืนหอบ โล่งที่รอดจากสงครามมาได้

ระรินขึ้นมาในรถ พร้อมๆ กับเสียงโทรศัพท์ดังขึ้น เป็นเบอร์ ที่ไม่คุ้น ระรินตัดสินใจรับสาย
“สวัสดีค่ะ”
“นั่นระรินใช่ไหม” เสียงของเพชรถามมาทางปลายสาย
“ใช่ค่ะ จะติดต่องานรึเปล่าคะ จะได้ให้คุยกับผู้จัดการ”
เพชรยิ้มเหยียด
“ไม่ต้อง ฉันไม่ได้โทรมาเรื่องนั้น ฉันชื่อเพชร เป็นภรรยาคุณสงคราม”
ระรินอึ้งไปทันที เพชรรีบรุกต่อ
“ฉันอยากจะนัดเธอออกมาคุยอะไรด้วยซักหน่อย วันนี้เธอพอจะมีเวลาว่างรึเปล่า”
“รินไม่ว่างค่ะ ติดงานอีเวนท์ทั้งวัน ตอนนี้ยุ่งมากด้วย มีเรื่องอะไรไว้รินโทรกลับนะคะ”
ระรินพูดพลางจะกดวางสาย แต่เพชรรีบพูดดักไว้
“ฉันมีรูปถ่ายของเธอกับสามีของฉัน ตอนที่เขาไปที่คอนโดของเธอ”
“แล้วยังไง?”
“ลองเปิดโทรศัพท์เธอดูก็ได้นะ ฉันส่งรูปไปแล้ว ถ้าเธอไม่มา พรุ่งนี้มันอาจจะไปขึ้นหน้าหนึ่งหนังสือพิมพ์หัวใหญ่ๆก็ได้”
ระรินอึ้ง เพชรยามย้ำ
“เธอว่าเรามีเรื่องอะไรที่ต้องคุยกันรึยังจ๊ะ”

ระรินนั่งลงที่โต๊ะอาหารตรงข้ามเพชร ที่มากับแพรว เพชรถามระรินตามมารยาท
“ทานอะไรมารึยังจ๊ะระริน อยากสั่งอะไรก็ได้นะ ฉันเลี้ยง”
ระรินปฎิเสธ “คงไม่ล่ะค่ะ ไม่อยากเป็นหนี้บุญคุณข้าวน้ำใคร”
แพรวหัวเราะ แล้วพูดแบบเหยียดๆ
“ดีจ้ะ ถือว่ายังมีสำนึกกันอยู่บ้าง เพราะที่เธอได้ไปจากสามีพี่ฉันนี่ก็ไม่รู้เท่าไหร่แล้ว”
“มีอะไรก็รีบพูดมาดีกว่า” ระรินพยายามลากเข้าเรื่อง
เพชรหยิบโทรศัพท์มาเปิดรูประรินกับสงครามให้ระรินดู
“เธอเห็นรูปนี้แล้วสินะ”
ระรินเชิดหน้า ไม่ตอบ แพรวพูดต่อ
“อันที่จริงฉันกับพี่สาวก็รู้มาซักพักแล้วเรื่องเธอกับพี่เขย แต่คิดซะว่าแบ่งๆกันกิน เขาคงไม่จริงจังอะไร แต่ดูจากรูปถึงรู้ว่ามันไม่ใช่แค่คบกันเอาสนุกซะแล้วสิ”
“เกริ่นมากไปแล้วล่ะยัยแพรว เข้าเรื่องเลย”
เพชรหันมาปรามน้องสาว แพรวพยักหน้ารับ
“ที่เราจะพูดคือ เราอยากให้เธอเลิกยุ่งกับพี่สงครามซะ”
ระรินถอดแว่นดำออก มองรูปในโทรศัพท์ แล้วหัวเราะเหยียดๆ
“อุตส่าห์นัดมาร้านอาหารหรูขนาดนี้เพื่อจะบอกให้เลิกยุ่งกับผัวตัวเองเหรอ ลงทุนดีนะ”
แพรวเห็นท่าทีของระริน ก็ชักไม่พอใจ แต่เพชรปรามไว้ ก่อนจะหันมาถามย้ำกับระริน
“เธอจะว่ายังไง จะเลิกหรือไม่เลิก”
“ฉันไม่เลิก เพราะฉันก็ไม่เคยไปยุ่งกับสามีของคุณอยู่แล้ว ลองไปถามเขาดูสิว่าใครกันแน่ที่มายุ่งกับฉัน”
“เธอจะบอกว่า พี่เขยฉันไปยุ่งกับเธอเอง” แพรวย้อนถาม
“อ้าว ก็ใช่นะสิคะ”
เพชร จ้องหน้าระริน “แต่ถ้าเธอไม่ยั่วก่อน เขาจะไปยุ่งกับเธอได้ยังไง”
ระริน หัวเราะขำ
“โอย นี่ฉันฟังเรื่องตลกอะไรอยู่เนี่ย ฉันยั่วเหรอ ขำจัง คุณน่ะเอาเวลาไปบอกให้ผัวคุณเลิกยุ่งกับฉันซักทีดีกว่านะ ฉันเบื่อจะแย่แล้ว ตามตื๊ออยู่ได้”
เพชร โกรธจนมือไม้สั่น “แก”
ระริน เชิดหน้าพูดต่อแบบไม่เกรงกลัว
“เอ้อ ไม่ก็เอาโซ่ไปล่ามขาสามีตัวเองไว้เลยสิ จะได้อยู่กับเหย้าเฝ้ากับเรือน เมียก็ไม่ต้องเดือดร้อนนัดชาวบ้านออกมาด่าให้เสียสุขภาพจิต”
เพชรกับแพรว หันมามองหน้ากันเหรอหรา เพราะเถียงไม่ทัน
“วันนี้ฉันงานยุ่ง คงไม่เสียเวาลามานั่งฟังพวกคุณนาน ไปก่อนนะจ๊ะ บาย คุณภรรยาแสนดี คุณน้องเมียดีเด่น”
พูดจบระรินก็ลุกขึ้นสะบัดหน้า เดินเชิดออกไป เพชรมองตาม พลางด้วยความโมโห
“ยัยบ้านี่มันร้าย หน้าด้านชะมัด คอยดูเถอะ ฉันจะทำให้อนาคตในวงการมันไม่เหลือเลย คอยดู”
แพรวหยิบโทรศัพท์ตัวเองขึ้นมา กดหยุดอัดเสียง

“เพราะว่าหลักฐานมันอยู่ในนี้แล้ว”

อ่านต่อหน้า 3

ดงดอกงิ้ว ตอนที่ 3 (ต่อ)

สู่ขวัญมาช่วยชโยดมขนของ จะไปส่งกลับต่างจังหวัด ชโยดมหิ้วกระเป๋าออกมาที่รถสู่ขวัญ

“ผมบอกว่ากลับเองได้ พี่ก็ไม่เชื่อ นี่ยังจะไปส่งที่ท่ารถอีก”
สู่ขวัญ ยกกระเป๋าขึ้นรถ พลางหันมาบกน้องชาย “ไม่ได้หรอก มีน้องคนเดียว เป็นห่วง”
“ขนาดน้องชายโต ทำงานเป็นหมอแถมหล่อมากด้วยแล้วเนี่ยนะ”
สู่ขวัญยิ้มขำ “ก็เพราะว่าหล่อมากนี่ไงถึงเป็นห่วง”
“ประชดนี่”
สู่ขวัญหัวเราะ พลางปิดกระโปรงหลังรถ ชโยดมมองสู่ขวัญ แล้วก็นึกอะไรขึ้นมาได้
“แล้วเรื่องสามีพี่ เป็นยังไงมั่ง”
“เรื่องไหน?”
“อ้าว ก็ที่คุยกันวันก่อนไง ตกลงผู้หญิงที่ผมเห็นน่ะใคร”
“อ๋อ พี่ถามเขาแล้ว ก็แค่ลูกค้า เราน่ะอคติกับเขา” สู่ขวัญมองหน้าน้องชายด้วยความเอ็นดู
“ถ้าแค่ผมอคติไปเองก็แล้วไป ผมไม่อยากให้พี่ไม่สบายใจ”
“พี่บอกแล้ว ว่าเอาอยู่ ไป มัวแต่พูดมาก ไปกันเถอะ”
สู่ขวัญเดินนำชโยดมไปขึ้นรถ ชโยดมเดินตามไป

ศึกรบอาบน้ำแต่งตัวเสร็จออกมาเห็นสู่ขวัญนั่งทาครีมอยู่ ทำทีเข้าไปกอดด้านหลัง
“จะบำรุงทำไมนัก แค่นี้ก็สวยจะแย่อยู่แล้ว”
สู่ขวัญหัวเราะ แกะมือศึกรบออกหันมาถามแบบติดตลก
“ตกลงจะสวย หรือจะแย่ดีล่ะคะ?”
“ต้องสวยสิ นี่ผมชมนะ”
“ถ้าสวยก็ต้องบำรุงค่ะ จะได้สวยให้คุณดูไปนานๆไง”
ศึกรบยิ้มอารมณ์ดี พลันเสียงเตือนโปรแกรมไลน์ ก็ดังขึ้น
“ไลน์ใครดัง ของคุณรึเปล่า?”
“ไม่ใช่ของขวัญหรอกค่ะ ขวัญปิดเสียงเตือนไว้”
“งั้นเหรอ”
ศึกรบเดินไปดูมือถือตัวเอง เห็นระรินส่งข้อความมาในไลน์
“ใครคะไลน์มาเอาป่านนี้”
ศึกรบมองข้อความของระริน แล้วแกล้งทำเป็นถอนหายใจ
“ไอ้ธรนี่เอง เบื๊อกเอ๊ย ดึกป่านนี้ยังไลน์มาคุยเรื่องงานอยู่ได้ ไม่รู้จักเวล่ำเวลา”
“คุณสาธรนี่เขาขยันขนาดนี้เลยเหรอคะ”
“ก็ไม่รู้มาขยันอะไรตอนนี้เหมือนกัน ช่างมันก่อน นอกเวลาทำการไม่คุยเรื่องงาน”
ศึกรบกดปิดโทรศัพท์ เดินไปหาสู่ขวัญอีก
“เวลานี้มันเวลาครอบครัว จริงไหม”
ศึกรบเข้าไปกอด สู่ขวัญตีศึกรบเบาๆ ศึกรบหัวเราะชอบใจ แต่สีหน้ายังระแวงไม่หาย

ทางด้านระรินก็เลื่อนหน้าจอไลน์ไปมา รอว่าศึกรบตอบมาหรือยัง แต่ก็เงียบ
“อ่านก็ไม่อ่าน ตอบก็ไม่ตอบงั้นเหรอ?”
ระรินวางโทรศัพท์ลงอย่างขัดใจ
“สงสัยจะอยู่กับเมีย รักเมียมากสินะ ชักจะท้าทายขึ้นทุกทีแล้วสิ คุณศึกรบ”
ระรินมองโทรศัพท์ในใจคิดอะไรบางอย่าง

ศึกรบตื่นขึ้นมากลางดึก มองไปทางสู่ขวัญ เห็นยังหลับอยู่ ลองเอามือไปโบกๆ ตรงหน้าเพื่อเช็คให้แน่ใจ จากนั้นก็ค่อยๆย่องออกจากเตียง คว้าโทรศัพท์มือถือเข้าห้องน้ำไปด้วย
เมื่อเข้ามาในห้องน้ำ ศึกรบก็รีบกดปุ่มเปิดโทรศัพท์ดู เห็นข้อความไลน์จากระรินรีบส่งกลับ
ระรินนอนไม่หลับพลิกตัวไปมา เสียงเตือนไลน์ดังขึ้น หยิบมาดูเห็นข้อความจากศึกรบ ยิ้มออก
แล้วก็พิมพ์ข้อความโต้ตอบกันไปมา
“สวัสดีครับ”
“ทักมาซะดึก”
“นอนไม่หลับครับ”
“เหมือนกันค่ะ กลุ้มเรื่องข่าว”
“งั้นเหรอ ไม่เป็นไรครับ เดี๋ยวเรื่องก็เงียบ”
“เหรอคะ”
“มีอะไรเล่ามาในนี้ก็ได้ครับ ไม่มีคนตามเช็คหรอก”
ระรินอ่านข้อความ พลางนอนยิ้มอย่างมีความสุข

ที่สตูดิโอถ่ายทำรายการ ระรินกำลังนั่งให้ช่างทำผมอยู่ในห้องส่ง พร้อมกับอ่านสคริปท์ไปด้วย
พลันเสียงโทรศัพท์ระรินดังขึ้น ระรินขออนุญาตช่างหยิบโทรศัพท์ในกระเป๋า เห็นชื่อแจ๊สโทรเข้ามา ระรินรีบกดรับสาย
เสียงตะโกนของแจ๊สก็ดังลอดหูฟังโทรศัพท์มาทันที
“ยัยริน เรื่องใหญ่แล้ว โอ๊ย หัวใจจะวาย”
ระรินตกใจ “มีอะไร ไหนเล่ามาซิ”

หนังสือพิมพ์หลายฉบับลงรูประรินพาสงครามขึ้นคอนโด พร้อมพาดหัว
“เซ็กซี่ตัวแม่พาไฮโซเมียเผลอขึ้นคอนโด”
“รร.ย่องเงียบแอบกินผัวไฮโซ”
รายการบันเทิง 108 ขึ้นภาพ พร้อมเสียงบรรยายของพิธีกร “เอิ๊ก-พรหมพร”
“มือดีปล่อยภาพเด็ดของเซ็กซี่สตาร์ตัวแม่ อักษรย่อ รร. แอบพาไฮโซเมียเผลอ ย่องขึ้นคอนโดกินเงียบ”
ตามด้วยเสียงของพิธีกรคู่
“ดาราสาวคนนี้ชอบมีข่าวฉาวๆ แบบนี้กับผู้ชายมีเมียแล้ว สงสัยจะเป็นพวกล่าแต้ม แต่หล่อนก็ไม่แคร์สื่อ ใครกระเป๋าหนักหล่อนพร้อมจะโผไปซบทันที”
“ผู้หญิงหน้าเหมือนรร.จริงๆนะ แต่ฝ่ายชายเห็นหน้าไม่ชัด อาจจะไม่ใช่คนที่สงสัยก็ได้”

“ถึงจะไม่ชัด แต่ถ้าเมียเขามาเห็นก็ต้องจำผัวตัวเองได้อยู่แล้ว งานนี้รร.โดนจัดหนักถึงขั้นกระอักเลือดแน่”

หลังบันทึกเทปรายการเสร็จ ระรินก็รีบหลบออกมากับแจ๊ส หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูรูปที่เพชรส่งมา พลางกำโทรศัพท์แน่น ด้วยความไม่พอใจ

“อีแก่ จะเล่นกันแบบนี้ใช่ไหม”
“เธอไปสร้างเรื่องอะไรอีกแล้วเนี่ย บอกฉันมานะ รูปนี่อะไร ใครเป็นคนถ่าย อีแก่คือใคร? เมียนายสงครามใช่ไหมฮะ”
แจ๊สยิงคำถามเป็นชุด ระรินยิ่งหงุดหงิด
“โอ๊ย ฉันจะไปรู้ไหมล่ะ รูปมันก็หลุดออกไปแล้ว ทำไงได้”
“คุณพระคุณเจ้า แล้วจะทำยังไงเนี่ย”
“ไม่ต้องทำอะไร มันทำอะไรฉันไม่ได้หรอก”
แจ๊ส หันมามองหน้าระรินงงๆ “ยังไงยะ”
“วันนั้นสงครามไม่ได้ขึ้นไป ฉันไล่เขากลับไปก่อน”
แจ๊ส ถอนหายใจ “แล้วไปเถอะ เตรียมตัวเจอฝูงนักข่าวในงานไว้แล้วกัน โอย พารา ขอพาราเจ๊ทีค่ะ หัวจะระเบิดแล้ว”

ทางด้านเพชรกับแพรว กำลังลองเสื้ออยู่ที่ร้านของสู่ขวัญ
“พอดีไหมคะ มีตรงไหนอยากแก้รึเปล่า อย่างคัทติ้งไม่เนี้ยบอะไรแบบนี้”
มีนาถามอย่างนอบน้อม สู่ขวัญรีบเสริม
“ใช่ค่ะ บอกได้เลยนะคะ”
เพชรหมุนไปมาสำรวจตัวเองหน้ากระจก พลางยิ้มพอใจ
“งานเนี้ยบมากเลยนะคะเนี่ย พอดีเลย ไม่แน่นไม่ฟิตอะไรทั้งสิ้น”
แพรว ที่ยืนอยู่ข้างๆ พลอยเออออตามพี่สาวไปด้วย
“เห็นไหมพี่เพชร แพรวบอกแล้วว่าร้านนี้ฝีมือดี ตัดออกมาสวยเป๊ะ ไม่ผิดหวัง”
“ชมกันเกินไปแล้วละตัวเอง” สู่ขวัญยิ้มเขิน แต่แอบภูมิใจ
“ไม่หรอกค่ะน้องขวัญ อะไรดีเราก็ชม อะไรไม่ดีเราก็ต้องด่าสั่งสอนกันบ้าง ธรรมดาจ้ะ”
เพชรแอบเหน็บไปถึงระริน มีนารีบแทรกขึ้นมา
“พี่เพชรพูดประโยคหลังมีอินเนอร์แปลกๆนะคะ อินกับเรื่องอะไรมารึเปล่าเอ่ย “
เพชรสะดุดกึก สู่ขวัญตีแขนมีนาเบาๆ เป็นเชิงปราม
“อุ้ย พี่เพชรไม่พอใจรึเปล่าคะ”
เพชร ส่ายหน้า “ไม่เป็นไรค่ะ ข่าวมันก็ออกทุกวันอยู่แล้ว จะทำไม่รู้ไม่เห็นก็แปลกเต็มทน”
“งั้นข่าวเรื่องข่าวสามีพี่กับยัยสิบเอ็ดรด. เอ๊ย รร. นั่นเรื่องจริงเหรอคะ?”
สู่ขวัญดีมีนาเข้าให้อีกป้าบ
“ยัยมีนา”
มีนา ใช้มือลูบแขนตัวเองไปมา “ขอโทษค่ะ”
“คนมันหน้าด้าน ต่อให้เอาอะไรมาปิด ความด้านมันก็โผล่ออกมาอยู่ดีล่ะค่ะ คนอย่างน้องมีนาคง มองออก พี่ไม่ถือสา”
มีนาเอียงหน้ามากระซิบกับสู่ขวัญ “เห็นไหม”
“งั้นแสดงว่าที่เป็นข่าว”
สู่ขวัญถามขึ้นมาด้วยความเป็นห่วง
“ถึงจะปฏิเสธ แต่รูปหราซะขนาดนั้น จะบอกว่าไม่มีอะไรคงไม่ใช่ น้องขวัญก็ระวังตัวไว้เถอะค่ะ คนสมัยนี้ยางอายมันไม่มีแถมติดลบ คนดีๆไม่มีพันธะไม่ชอบ ชอบลักกินขโมยกินของชาวบ้าน”
สู่ขวัญมองหน้าเพชรอย่างสงสัย “ขวัญเหรอคะต้องระวัง?”
แพรว พูดด้วยน้ำเสียงจิกๆ “ใช่จ้ะ โดยเฉพาะพวกดาราหน้าเป๊ะ แต่หลังม่านเน่าเฟะซะไม่เหลือชิ้นดีแบบยัยระริน”
“โห มาเต็ม” มีนาอุทาน
เพชรมองสู่ขวัญ “แต่พี่ว่าน้องขวัญสวยกว่าดาราอีกนะคะเนี่ย สามีคงไม่เปลี่ยนใจง่ายๆ สวยๆเลอค่าแบบนี้ใครจะทิ้งลง”
“แหม โลกนี้มันไม่มีอะไรแน่นอนหรอกค่ะ ผู้ชายบางคนเขาชอบเก็บของสวยของดีไว้บนหิ้ง” มีนาพูดเป็นเชิงเปรียบเทียบ สู่ขวัญยิ้ม พลางเชิดหน้าขึ้นนิดๆ
“แต่ขวัญจะไม่ยอมเป็นของดีที่เป็นของตายหรอกนะคะ ถ้าคุณรบเขามีกิ๊กขึ้นมาจริงๆ เขาจะได้เจอของจริงเหมือนกัน”
เห็นท่าทีเอาจริงของสู่ขวัญ มีนาถึงกับยกนิ้วโป้งให้
“ยัยสู่ขวัญซะอย่าง เอาอยู่แน่นอนค่ะ”

ในขณะที่ระรินกำลังอยู่ในวงล้อมของนักข่าว ที่กรูเข้ามารุมสัมภาษณ์ทันทีที่ลงจากเวทีงานอีเว้นท์
“ภาพที่เห็นรินพาหนุ่มขึ้นคอนโดใช่รินจริงหรือเปล่าคะ”
ระรินปั้นหน้ายิ้ม แล้วตอบกลับไป
“คือรูปที่ว่ารินยังไม่เห็นนะคะ ถ้าเห็นแล้วถึงจะตอบได้”
“รูปนี้เกี่ยวข้องกับไฮโซที่คุณรินมีข่าวก่อนหน้านี้รึเปล่าคะ”
“อย่างที่บอกว่ายังไม่เห็นรูปนะคะ คงยังตอบไม่ได้ ไว้เจอกันงานหน้าแล้วค่อยตอบแล้วกันเนาะ ขอตัวค่ะ”

แจ๊สเข้ามาช่วยกันระรินออกไป ในขณะที่นักข่าวตะโกนสัมภาษณ์ไล่หลังไม่หยุด

อ่านต่อหน้า 4

ดงดอกงิ้ว ตอนที่ 3 (ต่อ)

ระริน กลับเข้ามาที่คอนโด ก็ต้องตกใจเมื่อเห็นสงครามมาดักรออยู่

“มาที่นี่ทำไมอีก”
“ทำไมจะมาไม่ได้ อย่าลืมสิว่าใครซื้อห้องนี้ให้เธอ”
ระรินจะหลบออกจากห้อง แต่สงครามพุ่งมาจับตัวไว้ก่อน
“จะหนีอีกแล้วเหรอ คิดว่าจะหนีไปได้ตลอดรึยังไง? มานี่มาคุยกันให้รู้เรื่อง”
ระรินพยายามสะบัดแต่สงครามยิ่งจับแน่นกว่าเดิม
“อย่าทำแบบนี้นะ ไม่งั้นฉันจะร้องเหมือนรอบที่แล้ว”
“เอาเลย อยากร้องก็เชิญ” สงครามท้าทาย “ รอบนี้ฉันไม่กลัวหรอก จะได้รู้กันไปเลยว่าข่าวมันจริงวันนี้แต่งตัวเซ็กซี่มาก ฉันไม่กลับง่ายๆ แน่”
สงครามจ้องมองระรินด้วยสายตาหื่น ระรินพยายามสะบัดออก
“เลิกยุ่งกับฉันซะที เมียคุณรู้เรื่องแล้วนะ”
“รู้ก็ช่างมันสิ ฉันไม่สนแล้ว”
พูดพลางระดมปล้ำจูบระริน ที่เปลี่ยนแผนมาใช้วิธีพูดจาดีๆแทน
“คุณสงคราม ทำไมต้องทำกันแบบนี้ด้วยล่ะ ปล่อยรินเถอะนะ”
“ใช้ไม้อ่อนเหรอ คิดว่าฉันจะเชื่อ? คนอย่างเธอน่ะมันเจ้ามารยา”
สงครามมองระรินเหมือนรู้ทัน
“ฟังรินก่อนนะ รินมีเหตุผล”
“เหตุผลคือเธออยากเลิกกับฉันไง รู้ไหมฉันลงทุนกับเธอไปตั้งเท่าไหร่ คิดว่าฉันจะเลิกง่ายๆเหรอ “แต่ว่า นี่แน่ะ”
ระรินพูดพลางเอาส้นสูงเหยียบที่เท้าสงครามแล้วขยี้ๆ จนอีกฝ่ายร้องโอดโอย พลางก้มดูเท้าตัวเอง แล้วเผลอปล่อยมือ ระรินวิ่งหนีออกนอกห้องไป

ระรินกำโทรศัทพ์ยืนรอศึกรบ อยู่ที่มุมหนึ่งของโรงแรม ด้วยท่าทางกระวนกระวายใจ
ทันทีที่ประตูลิฟท์ของโรงแรมเปิดออก และศึกรบเดินออกมาหา ระรินรีบพุ่งเข้าไปด้วยความดีใจ
“คุณรินมีเรื่องอะไรรึเปล่าครับ เมื่อกี้โทรมาเสียงไม่ค่อยดีเลย”
ระรินเสียงสั่น “คุณรบคะ ช่วยรินด้วย นะคะ”
ระริมกุมมือศึกรบ ในขณะที่ศึกรบชั่งใจอยู่สักพัก

ศึกรบพาระรินมานั่งในห้องรับรองภายในโรงแรม ระรินนั่งตีหน้าเครียด ไม่สบายใจ ศึกรบถามระรินอย่างเป็นห่วง
“คุณรินไปเจออะไรมาหรือครับ?”
ระรินทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ ไม่อยากเล่า
“ถ้าคุณรินไม่อยากเล่าก็ไม่เป็นไรครับ ผมจะนั่งอยู่เป็นเพื่อน”
“รินเล่าได้เหรอคะ?”
ศึกรบ มองหน้าระริน ด้วยแววตาห่วงใย
“เพื่อนกัน ทำไมจะเล่าไม่ได้ล่ะครับ เหมือนที่คุณระบายเรื่องงานให้ผมฟังในไลน์ไง”
“มีคนพยายามคุกคามรินค่ะเพราะว่าเขามาจีบแล้วรินไม่เล่นด้วย รินนึกว่าเขาจะเงียบไปแล้ว แต่วันนี้เขาตามรินไปถึงคอนโดเลยค่ะ รินเลยหนีออกมา”
ศีกรบมองอย่างเห็นใจ
“ผมมีเพื่อนเป็นตำรวจ จะให้เขาช่วยส่งคนมาคุ้มครองคุณรินดีไหมครับ”
“อย่าเลยค่ะ รินไม่อยากเป็นข่าวอีก”
“จริงสินะครับ”
“รินไม่รู้จะไปพึ่งใคร ตอนนี้ไม่มีคนเชื่อรินหรอกค่ะ เพราะไอ้ข่าวบ้าๆที่ไอ้คนชั่วนั่นมันกุขึ้นมาเพื่อไม่ให้ใครมายุ่งกับริน รินนึกออกแต่คุณคนเดียว”
ระรินปั้นเรื่องหน้าตาเฉย พร้อมๆ กับแสร้งตีหน้าเศร้าหนัก ศึกรบครุ่นคิด แล้วตัดสินใจ
“เอาอย่างนี้แล้วกันครับ ช่วงนี้คุณรินพักที่โรงแรมผมก่อน จนกว่าเขาจะเลิกยุ่ง ผมจะเปิดห้องให้ในชื่อแขกวีไอพีของผม ไม่มีคนนอกรู้แน่ว่าคุณรินอยู่ที่นี่ ถ้าสถานการณ์ดีขึ้นเมื่อไหร่คุณค่อยกลับไป ดีไหมครับ” “แต่รินเกรงใจนี่คะ ไหนจะค่าใช้จ่าย” ระรินแสร้งอึกอัก แอบซ่อนยิ้มไว้ใยหน้า
“เรื่องนั้นเล็กน้อยครับ ความปลอดภัยสำคัญกว่า โรงแรมเราระบบรักษาความปลอดดีเยี่ยม ผมกล้ารับประกันว่าจะไม่มีใครมารบกวนคุณรินแน่นอน”

ระรินปลื้มใจมากที่ศึกรบยื่นมามาช่วย ศึกรบยิ้มพอใจ

ในขณะที่สู่ขวัญอยู่ที่ร้านกำลังจะเตรียมปิดร้าน พลางกดโทรศัพท์หาศึกรบ

“รบคะ เลิกงานรึยัง”
ศึกรบเดินออกมารับสายข้างนอก
“ยังครับ ขวัญมีอะไรเหรอ?”
“วันนี้จะเลิกกี่โมงคะ ขวัญอยากให้คุณกลับมากินข้าวด้วยกัน”
“โห สงสัยวันนี้จะไม่ได้ล่ะ ผมมีประชุมอีกตอนเย็น ขวัญกินไปก่อนได้เลยไม่ต้องรอ”
“งานยุ่งอีกแล้วเหรอคะ” สู่ขวัญเริ่มระแวง
“อย่าทำเสียงแบบนั้นสิครับ เดี๋ยวผมกลับบ้านก็ได้เจอกันแล้ว”
“ก็ได้ค่ะ ไว้เจอกันที่บ้านนะคะ ตั้งใจทำงานด้วย”
“ครับ แล้วเจอกัน”
ศึกรบวางสายสู่ขวัญ แล้วรีบกดสายโทร. หาแสดงดาว
“ฮัลโหล คุณดาว คุณช่วยจัดการเปิดห้องสวีทสำหรับแขกวีไอพีให้ผมหน่อย ผมมีแขกสำคัญจะมาพักที่นี่”

ศึกรบเดินนำระรินเข้ามาในห้องสวีทของโรงแรม ระรินมองไปรอบๆตาโต ตื่นเต้นกับความหรูหรา
“สวยจังเลยค่ะ สวยกว่าห้องที่คุณรบเคยพารินมาดูเสียอีก” ศึกรบ ยิ้ม
“ห้องนี้พิเศษสุดสำหรับแขกวีไอพีโดยเฉพาะครับ ต้อนรับเฉพาะมหาเศรษฐีระดับโลกกับซูเปอร์สตาร์ระดับอินเตอร์ ตามสบายเลยนะครับคุณริน รับรองจะไม่มีใครมากวนใจคุณได้อีก” “รินไม่รู้จะขอบคุณ คุณรบยังไงเลยค่ะ ถ้าไม่มีคุณช่วยรินก็ไม่รู้จะทำยังไง”
“ผมจะย้ำอีกครั้งว่ายังไงผมยินดีช่วยเสมอ ถ้าคุณรินขอ” “ขอบคุณค่ะขอบคุณจริงๆ” ระรินเสียงสั่น
“ผมมีงานต่อคงต้องไปแล้ว ขอตัวนะครับ”
ศึกรบทำทีจะออกจากห้อง ระรินรีบรั้งไว้
“คุณรบอย่าเพิ่งไปได้ไหมคะ”
“ทำไมล่ะครับ”
ระริน แสร้งปั้นหน้า “รินกลัวค่ะ รินไม่อยากอยู่คนเดียว รินไม่เคยเจอเหตุการณ์เลวร้ายเท่าวันนี้เลย”
พลางดึงแขนศึกรบไว้ ศึกรบหันไปมอง ระรินเข้ามาใกล้ พลางบีบน้ำตา ศึกรบใช้หลังมือเข้าไปเช็ดน้ำตาให้ระริน “ไม่ต้องกลัวนะครับ อยู่ที่นี่คุณปลอดภัยเสมอ”
ระรินโผเข้ากอดศึกรบ
“งั้นอย่าเพิ่งทิ้งรินไปปนะคะ”
ศึกรบกอดปลอบ ระรินซุกหน้าลงยิ้มกริ่ม ก่อนที่จะเงยหน้าขึ้นสบตา ศึกรบก้มหน้าเข้าไปใกล้ระรินขึ้นเรื่อยๆ ก่อนที่จะจูบกันอย่างดูดดื่ม
ศึกรบกับระรินนัวเนียกันเข้ามาในห้อง ระรินถอดรองเท้าตัวเองกระเด็นไป แล้วมาจบลงที่เตียงซึ่งโปรยด้วยกลีบกุหลาบเหมือนเตียงคู่ฮันนีมูน

จากนั้นชุดสุดเซ็กซี่ของระริน ก็ถูกโยนลงมากองอยู่ข้างๆ เตียง

จบตอน 3 อ่านต่อตอนที่ 4
กำลังโหลดความคิดเห็น