xs
xsm
sm
md
lg

ดงดอกงิ้ว ตอนที่ 1

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ดงดอกงิ้ว ตอนที่ 1

บรรยากาศงานวิวาห์ระหว่าง สู่ขวัญ กับ ศึกรบ อบอวลด้วยกลิ่นไอความรัก ที่ฉาบฉายไปทั่วบริเวณ ภายในงานจัดเต็มไว้ด้วยดอกไม้และอ่างน้ำพุรูปนางฟ้าสยายปีกขนาดใหญ่ เจ้าบ่าวเดินจูงมือเจ้าสาวมาตามทางเดิน ทุกคนในงานต่างพร้อมใจกันโปรยดอกไม้แสดงความยินดีต่อการวิวาห์ครั้งนี้

ภาวดี มารดาของเจ้าบ่าว ยืนยิ้มหน้าบานหน้าตาปลาบปลื้มแสนยินดี พลางเอ่ยปากชมเจ้าสาวไม่ขาดปาก
“เหมาะสมกันที่สุด ไม่มีใครจะเหมาะสมกันขนาดนี้อีกแล้ว ลูกชายฉันเลือกเจ้าสาวไม่ผิดคนจริงๆ
สวยเหลือเกิน งามเหลือเกิน”
“รวยเหลือเกิน” ทรงยศ บิดาของเจ้าบ่าว ที่ยืนรับแขกอยู่ข้างๆ อดที่จะเหน็บไม่ได้
ภาวดี หันมาทำตาเขียวใส่ “เอ๊ะ คุณนี่ พูดจาอะไรไม่ระวังปาก”
“ทำไม กลัวแขกเขาจะจับได้รึไงว่าคุณคิดจะเกาะสะใภ้กิน” ทรงยศย้อน ภาวดีตีแขนสามีเผียะ “พูดอะไรบ้าๆ น่าเกลียดที่สุด”
“เอ้า หรือไม่จริง ถามหน่อยเถอะถ้าหนูสู่ขวัญเขาไม่รวย ไม่ใช่ทายาทเจ้าของกรุสมบัติ ที่พ่อแม่เขาทิ้งไว้ให้ก่อนตาย คุณจะยอมให้รบมันแต่งด้วยจริงๆ เหรอ”
“เขาเป็นคนรักกัน เขาแต่งเพราะเขารักกัน ไม่เกี่ยวกับเรื่องอื่น” ภารดียิ้ม ดวงตาเป็นประกาย
“แน่ใจเรอะ?”
ภาวดีค้อนควับๆ พลางหันมาทำตาเขียวใส่สามี
“ที่ฉันต้องหิวเงินก็เพราะคุณน่ะแหละ ไม่ใช่เพราะคุณเหรอที่สิ้นเนื้อประดาตัว จนฉันต้องควานหาสะใภ้รวยๆ มากอบกู้ให้”
พูดพลางก็หันไปโปรยยิ้มหวานให้แขก ที่มาร่วมงาน ก่อนหันกลับมาถลึงตาใส่สามี
“ฉันว่าคุณควรจะไปก้มกราบหนูสู่ขวัญ ตอบแทนที่เขาช่วยคุณไม่ให้เป็นแค่เจ๊กล้มละลาย ดีกว่าจะมายืนพล่ามปากเสียอยู่แถวนี้นะ”
ยังไม่ทันที่ทรงยศจะโต้ปากคำกับภรรยา เสียงสาธร พิธีกรหนุ่มประจำงานดังขึ้นขัดจังหวะ
“แด่เจ้าบ่าวเจ้าสาวที่เพอร์เฟ็คที่สุดในโลก”

สิ้นเสียงของสาธร เสียงเฮจากแขกร่วมงานก็เฮลั่น พร้อมกับปรบมือเกรียว
จากนั้นสาธรก็เขย่าขวดแชมเปญ ก่อนที่จะเปิดจุกขวด จนแชมเปญที่อัดแน่นพุ่งกระฉูด
“เจ้าสาวจะโยนช่อดอกไม้แล้วนะคะ” มีนา หันมาส่งสัญญาณบอกสาวๆ ในงาน ที่ต่างก็รีบกรูกันเข้ามาเตรียมรอรับอย่างสนุกสนาน ในขณะที่ตัวเองพยายามเบียดคนอื่นเข้าไปอยู่ตรงกลาง ท่าทาง เอาจริงเอาจังมาก
“ฉันต้องได้ ฉันต้องได้” พูดพลางกระแทกคนอื่นออก
“เราจะได้รู้กันแล้วนะครับว่าใครจะได้เป็นเจ้าสาวรายต่อไป” เสียงสาธรประกาศ

สู่ขวัญหันหลังให้เวที ก่อนที่จะโยนช่อดอกไม้ลงมายังกลุ่มสาวๆ ที่กรี๊ดกร๊าดแย่งกันรับ มีนากระชากแย่งมาจากมือทุกคน ก่อนชูดอกไม้ที่ถูกแย่งจนยับเยินขึ้นเหนือหัว แล้วร้องด้วยความยินดี
“อ๊าย ฉันได้ดอกไม้ ฉันไม่ต้องขึ้นคานแล้ว” มีนาเหน็บตัวเอง ทำเอาแขกในงานหัวเราะชอบอกชอบใจ พร้อมกับยกแก้วดื่มแชมเปญขึ้นดื่ม ในขณะที่ตากล้องในงาน ลั่นชัตตเตอร์กันมือเป็นระวิง แสงแฟลชวูบวาบทั่วงานตลอดเวลา ในขณะที่ บ่าว สาวหันมามองหน้ากันด้วยรอยยิ้ม ที่เปี่ยมไปด้วยความรัก
“ผมรักคุณ ต่อไปนี้ คุณจะเป็นผู้หญิงคนเดียวของผมนะ”
สู่ขวัญ มองสบตาเจ้าบ่าว รอยยิ้มกว้างปรากฏขึ้นที่ริมฝีปากอิ่มงาม “ฉันก็รักคุณค่ะ”
จากนั้นคู่ บ่าว สาว ก็บรรจงจูบกันอย่างหวานชื่น ท่ามกลางเสียงเฮของแขก และแสงแฟลช ที่วูบวาบ ยิ่งขึ้นกว่าเดิม

ทั้งคู่ใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันมาอย่างมีความสุข 1 ปีเต็ม
เช้าวันนี้ สู่ขวัญที่แต่งตัวเสร็จเรียบร้อยแล้ว และกำลังใช้แปรงปัดไล้ไปรอบกรอบหน้า พลาง ปรายตามาหยุดอยู่ที่ภาพแต่งงาน อดยิ้มอย่างมีความสุขไม่ได้
สู่ขวัญเหลือบตามองไปที่ศึกรบที่ยังหลับสนิทอยู่อยู่บนเตียง แลเห็นท่อนบนเปลือยเปล่า มีผ้าห่มคลุม ท่อนล่างไว้เท่านั้น
สู่ขวัญลุกขึ้น จากหน้าโต๊ะเครื่องแป้ง ก่อนเดินไปปลุกศึกรบ ด้วยการไล้มือไปที่ใบหน้าของศึกรบเบาๆ ด้วยความรักใคร่
“หนึ่งปีแล้วนะคะที่รัก”
สู่ขวัญพูดเบาๆ พลางก้มตัวลงไปหอมแก้มศึกรบ ศึกรบตื่น แต่ยังงัวเงียๆ อยู่ ทว่าพอเห็นหน้าสู่ขวัญ ก็ยิ้มกว้าง พลางดึงตัวสู่ขวัญเข้ามาใกล้ แล้วจูบ มือไม้เลื้อยไปทั่วเรือนร่างของสู่ขวัญ หากฝ่ายถูกกระทำตอบสนองกิริยานั้นด้วยการดันตัวสามีออกเบาๆ
“ไม่ได้นะคะ ขวัญต้องรีบไป”
“จะทิ้งผมไปได้ลงคอเชียวเหรอ” ศึกรบทำเสียงออดอ้อน พลางพยายามนัวเนีย ไม่ยอมปล่อยมือ แต่จะปลดกระดุมเสื้อสู่ขวัญ
“ทิ้งที่ไหนกันล่ะคะ ไปร้าน เย็นๆ ก็กลับแล้วค่ะ”
สู่ขวัญพูดพลางพยายามห้ามมือศึกรบ
“ผมทนถึงเย็นไม่ไหวหรอก”
“ไม่ได้จริงๆ ค่ะ” สู่ขวัญยิ้มให้สามี
หากศึกรบไม่สนใจ กลับล้วงมือเข้าไปในเสื้อสู่ขวัญจนได้ อีกมือพยายามดึงให้ใกล้เข้ามาอีก
“รบนี่ซนจริงๆ เลยนะคะ มือไวชะมัดเลย” “คุณก็รู้ว่าตอนเช้าผมเป็นยังไง” ศึกรบส่งสายตาเจ้าชู้ สู่ขวัญเกรงตัวเองจะเตลิดไปกับการปลุกเร้าอารมณ์ของสามี จึง รีบผละตัวออกมา “ไม่ได้จริงๆค่ะรบ”
หากศึกรบยังไม่รามือ จนสู่ขวัญต้องดันตัวไว้ก่อนยิ้มปลอบใจ
“เอาไว้คืนนี้นะคะ”
พูดพลางลุกขึ้น และจัดเสื้อผ้าให้เข้าที่ ศึกรบมองด้วยสายตาเสียดาย แอบซ่อนสายตาร้ายๆ ไว้อย่างแนบเนียน
“คืนนี้ผมไม่ให้คุณนอนแน่” “มั่นใจขนาดนั้นเชียวเหรอคะ” “คอยดูก็แล้วกัน” “ค่ะ แล้วขวัญจะรอดูนะคะ” จากนั้นสู่ขวัญ ก็คว้ากระเป๋าเปิดประตูห้องแล้วออกไป ศึกรบมองตามยิ้มๆ

สู่ขวัญลงบันได เข้ามาในห้องโถงชั้นล่าง พร สาวใช้ รีบปราดเข้ามาปรนนิบัติ“เช้านี้มีข้าวต้มเครื่องนะคะคุณขวัญ รับเลยไหมคะ” “ฉันขอแต่กาแฟแล้วกันจ้ะ” สาวใช้หน้าง้ำ “พรอุตส่าห์ตื่นมาเคี่ยวตั้งแต่ตีห้า คุณขวัญจะรับแค่กาแฟจริงๆ เหรอคะ” “ฉันรีบน่ะ” สู่ขวัญตอบยิ้ม ๆ พลางเดินไปที่โต๊ะอาหาร เห็นภาวดีนั่งกินข้าวต้มอยู่กับทรงยศ ซึ่งซดน้ำเสียงดัง “เบาๆ สิคุณ กลัวคนเขาไม่รู้กำพืดรึไงว่าเป็นเจ๊กโพ้นทะเล” สู่ขวัญหัวเราะเบาๆ ก่อนนั่งลง ภารดีปรามสามีต่อ“ทำอะไร หัดอายสะใภ้ซะบ้างสิ หนูสู่ขวัญเขาผู้ดีนะ ไม่ใช่เจ๊กอย่างเรา” ทรงยศ จ้องหน้าภรรยาเขม็ง“ฮึ่ย ยิ่งแก่ยิ่งปากเสียนะเธอเนี่ย ไอ้ที่ซดแรงๆ ก็เพราะมันร้อน” “ร้อนก็เป่าสิ” ทรงยศ ส่ายหน้าหงุดหงิด “บ๊ะ มันจะอะไรกันนักกันหนา ไม่กงไม่กินมันแล้ว”สู่ขวัญส่งยิ้มให้พ่อสามี “ตามสบายเถอะค่ะคุณพ่อ” ภารดีเห็นสาวใช้ยกกาแฟมาเสิร์ฟ ก็หันมาถาม “ไม่กินข้าวต้มซะหน่อยเหรอจ้ะ” “ไม่หรอกค่ะ ขวัญรีบ” สู่ขวัญจิบกาแฟอย่างผู้ดี ก่อนหันไปบอกพร “เย็นนี้ไม่ต้องทำกับข้าวนะ ฉันจะกลับมาทำเอง” “ให้แม่ช่วยอะไรไหม มื้อสำคัญครบรอบปีทั้งที” ภารดีเสนอตัวอย่างเอาใจ สู่ขวัญยิ้มให้อย่างสุภาพ“ไม่เป็นไรค่ะ ขวัญอยากทำเองมากกว่า มัวแต่ทำงาน ไม่ได้ทำกับข้าวให้รบทานมานานมากแล้ว”พูดพลาง วางถ้วยกาแฟลง “ขวัญไปก่อนนะคะ” สู่ขวัญลุกออกไป

ภาวดีมองตามไปอย่างชื่นชม
“ทั้งสวยทั้งเก่ง ฉันเลือกสะใภ้ไม่ผิดจริงๆ ไม่น่าเชื่อเลยนะคุณว่าลูกเราจะแต่งงานมาครบหนึ่งปีแล้ว ตั้งแต่แต่งกับหนูขวัญเนี่ย ตารบอยู่ติดบ้านขึ้นเยอะ ไม่เอาแต่เที่ยวหายหน้าหายตาไปทั้งคืนเหมือนเมื่อก่อนอีกเลย” ทรงยศ แค่นยิ้ม “เหอะ”ภารดีหันกลับมาทันที “ทำเสียงอย่างนั้นหมายความว่ายังไงคะ”“ไม่มีใครปราบไอ้รบได้หรอก ต่อให้เก่งมาจากไหนก็เถอะ ไม่มีทาง! ไม่เชื่อก็คอยดู” ทรงยศพูดพลางหัวเราะชอบใจ ภาวดีมองสามี อย่างไม่สบอารมณ์ “คุณนี่มองโลกในแง่ร้ายจริงๆ ถามหน่อยเถอะเคยคิดอะไรดีๆ กับเขาเป็นบ้างไหม”“ไม่ได้มองในแง่ร้าย แต่มองในแง่จริง ผู้ชายอย่างไอ้รบ ที่มันดีอยู่ตอนนี้ ก็เพราะมันยังไม่หายเห่อเมีย ยังสนุกกับการมีเมีย รอดูเวลามันหายเห่อก่อนเถอะ รอให้สันดานเดิมมันกลับมาก่อน แล้วค่อยมาดูว่าคน แสนดีอย่างหนูสู่ขวัญของคุณจะเอามันอยู่ไหม”ทรงยศพูดอย่างบิดาที่รู้เช่นเห็นนิสัยของผู้เป็นลูกชายจริงๆ


ในขณะที่สู่ขวัญเข้ามาถึงร้าน ก็เห็นมีนากำลังเช็คชุดที่หุ่นใส่อยู่ “อ้าว ตกลงเธอมาเหรอ ฉันคิดว่าจะไม่มาซะอีก” มีนาหันมาทักสู่ขวัญ “แล้วทำไมต้องหยุดด้วยล่ะ” สู่ขวัญย้อนถาม “แหม ฉันก็คิดว่าเธอต้องไปบำรุงโฉม ไปนวด ไปสปา เตรียมตัวฉลองครบรอบแต่งงานนี่ยะ” “แค่นี่คุณรบก็หลงฉันจะแย่อยู่แล้ว ไม่เห็นต้องทำอะไรเลย” สู่ขวัญพูดอย่างมั่นใจ “อื้อหือ มั่นนะ กล้าพูด” “หรือไม่จริง?” “เธอนี่มันทั้งน่าอิจฉาทั้งน่าสงสาร” มีนาพูดกำกวม จนสู่ขวัญอดสงสัยไม่ได้ “ฉันเนี่ยนะน่าสงสาร? ยังไง?” “อ้าว ก็คุณศึกรบทั้งหล่อทั้งเก่ง แต่ดันเจ้าชู้ซะได้” สู่ขวัญเผลอเชิดหน้าขึ้นโดยที่ไม่ได้ตั้งใจ “ก็ตามประสาผู้ชาย” “แหม พูดเหมือนไม่เดือดร้อนเลยนะยะ ใช่สิ ตอนนี้เขาถอดเขี้ยวถอดเล็บแล้วนี่ แต่เมื่อก่อนไม่ใช่ฉันหรอกเหรอที่ต้องช่วยเธอไล่ปราบผู้หญิงของเขา เออ พูดก็พูดเถอะ เธอคิดว่าเขาเปลี่ยนไปแล้วจริงๆ เหรอ เธอแน่ใจเหรอว่าเขาหยุดแล้วจริงๆ”
มีนาถามด้วยน้ำเสียงจริงจัง “ถ้าไม่แน่ใจ ฉันไม่แต่งด้วยหรอก” มีนา ค้อน “ย่ะ แม่คนเก่ง ปราบเสือได้ ระวังเถอะ จะเจอเสือซ่อนเล็บ “สู่ขวัญยักไหล่ “ฉันเป็นเมียแต่ง ที่เหลือก็แค่ผู้หญิง มีฉันคนเดียวที่เป็นเมีย” “เก่งจ้ะ มั่นจ้ะ”
“ชีวิตคู่มันคือเกม ถ้าอยากมี ก็ต้องเล่นเกมให้เป็น มันก็แค่นั้น”
สู่ขวัญพูดอย่างผู้หญิงที่เชื่อมั่นใจในตัวเองสูง

โรงแรม เลอ วิมาน แห่งนี้ เป็นโรงแรมขนาดกลาง ตกแต่งในสไตล์กึ่งฝรั่งกึ่งตะวันออก สาธรเดินคุยโทรศัพท์มาตามทางเดิน “ขอบคุณที่ใช้บริการโรงแรมเราครับ หวังว่าเราจะได้รับใช้คุณในครั้งต่อไปนะครับ สวัสดีครับ”
จากนั้นก็แวะสั่งงานกับพนักงานชาย ที่ยืนอยู่ตรงห้องโถงส่วนหน้า
“เช็คห้องจัดเลี้ยงด้วย อีกชั่วโมงผมจะลงไปดู”
“ครับ”
ในขณะที่อีกด้านหนึ่ง แสงดาว เลขาของศึกรบ กำลังชะเง้อรอเจ้านาย สาธรเดินเข้ามา ก่อนที่จะส่งยิ้มอย่างรู้ทัน
“ไม่ต้องรอหรอกครับน้องดาว วันนี้ยังไงเจ้านายคุณก็ต้องมาสาย เพราะเมื่อคืนมันคงจัดหนัก ฉลองครบรอบแต่งงาน”
“ใครบอกว่าดาวรอกันล่ะคะ ดาวก็แค่ห่วงเรื่องเอกสารที่คุณรบต้องอ่านเช้านี้เท่านั้นแหละค่ะ”
“อ๋อเหรอครับ งั้นผมคงเข้าใจผิดไปเอง ขอโทษทีนะครับที่ผมบังเอิญไปเข้าใจว่าคุณกำลังรอไอ้รบ อยู่อย่างกระสับกระส่าย” สาธรจงใจเน้นคำว่ากระสับกระส่าย
แต่ยังไม่ทันที่แสงดาวจะทันได้เถียง คนที่ถูกพูดถึงก็เดินเข้ามา
“เอ้า กำลังนินทาก็มาพอดี” พูดพลาง สาธรก็หันไปส่งยิ้มให้แสงดาวแบบรู้ทันก่อนเดินไปที่มุมกาแฟ
แสงดาวรีบส่องกระจกเช็คหน้า-ผม อีกรอบ ก่อนยิ้มให้ศึกรบอย่างอ่อนหวาน
“สวัสดีค่ะคุณรบ รับกาแฟมารึยังคะ”
“เรียบร้อยแล้วครับ ขอบคุณ”
สาธรถือแก้วกาแฟเดินเข้ามาหน้าตายิ้มๆ กวนๆ
“มาเช้าได้แสดงว่าเมียไปทำงานเร็ว”
“รู้สึกว่าแกจะรู้จักชีวิตฉันดีจริงนะ”
“มีอะไรที่ฉันไม่รู้ นอกจากฐานะผุ้จัดการทั่วไปแล้ว แกควรจะจ้างฉันเป็นทนายส่วนตัว อีกตำแหน่ง หนึ่งนะ เผื่อวันใดวันหนึ่งเมียแกเขาจะฟ้องหย่า ข้อหาหย่าเพราะมีชู้”  
ศึกรบยิ้มอย่างมั่นใจ “คนอย่างฉัน ไม่มีผู้หญิงที่ไหนอยากตีตัวออกห่างหรอก มีแต่จะวิ่งเข้าหา”
“ครับ คุณหล่อ คุณรวย คุณกามสูตรตัวพ่อ”
สาธรพูดประชดทำเอาแสงดาวเขินจนหน้าแดง พลางขยับตัวเตรียมจะเดินแยกไป
“เดี๋ยวดาว เอาเอกสารไปวางไว้ให้ในห้องนะคะ”
ศึกรบยิ้ม ในขณะที่สาธรมองตาอย่างงงๆ  “คุณดาว เขาจะเขินอะไรวะ อยู่กับพวกเรามาตั้งปีแล้ว ไม่รู้รึไง ผู้ชายน่ะ นอกจากเรื่องงานแล้ว ไม่คุยเรื่องอื่นหรอกนอกจากเรื่องอย่างว่า”
“ผู้หญิง ถ้าไม่คิดก็ไม่เขินหรอก” ศึกรบพูดอย่างมั่นใจ
“ฮ่ะๆๆ นี่แกรู้ทันเหรอว่าน้องดาวเขาคิดยังไงกับแก”
“แกยังรู้แล้วทำไมฉันจะไม่รู้”
ศึกรบย้อนถาม “แล้วแกคิดจะทำยังไง อันที่จริงฉันก็ไม่น่าถาม คนอย่างแก มีเหรอจะปล่อยไปเฉยๆ แต่ที่ถามเพราะเห็นว่าตั้งแต่แต่งงาน ดูแกไม่นิยมเรื่องอย่างว่าเหมือนเมื่อก่อน”
“ฉันไม่มีเวลามานั่งถกเรื่องนี้กับแกหรอก มีงานต้องทำเว้ย”  จบประโยค ศึกรบเดินหนีเข้าห้องทำงานไปยิ้มๆ
สาธรมองตามไปอย่างหมั่นไส้“จะรีบไปทำงานหรือทำอะไรกันแน่”


ศึกรบเดินเข้ามาในห้องทำงาน เป็นจังหวะที่แสงดาววางเอกสารลงบนโต๊ะเสร็จแล้วหันกลับมาพอดี เลยชนเข้ากับศึกรบอย่างจัง
“อุ๊ย” ศึกรบสบตากับแสงดาวในระยะประชิด แสงดาวใจเต้นแรง หน้าแทบจะชิดกับศึกรบ
“ขอโทษค่ะ” แสงดาวพูดพร้อมกับหลบหน้าหลบตาด้วยความเขิน พลางขยับตัวออกห่าง รีบก้มหน้าก้มตารีบออกไปจากห้อง ศึกรบมองตามไปด้วยความเอ็นดู
“แค่นี้ยังหน้าแดงซะขนาดนั้น ถ้าฉันเอาจริงขึ้นมา จะรอดเหรอ”
แสงดาวเดินออกมาทรุดลงนั่งที่โต๊ะทำงานของตัวเอง ด้วยอาการใจเต้นแรง สีหน้าบ่งบอกถึงความตื่นเต้นอย่างเห็นได้ชัด
“ใจเย็นๆแสงดาว มันเป็นไปไม่ได้ จำไว้ มันเป็นไปไม่ได้”
แสงดาวบ่นกับตัวเอง พลางถอนใจอย่างเศร้าๆ

ต่างจากสาวสวย ระริน ที่พูดด้วยความมั่นใจ
“ไม่มีอะไรที่เป็นไปไม่ได้ถ้าฉันต้องการ”
ระริน เป็นนางแบบสาวสวย เซ็กซี่ เวลานี้เธออยู่ในชุดเจ้าสาวเก๋ๆ กำลังถ่ายทำโฆษณา ประกบข้างหลังด้วยนายแบบที่สวมแค่กางเกงในกับหูกระต่าย
“คัท เยี่ยมมากครับระริน ต่อไปขอเก็บสต็อกภาพนิ่งนะครับ โพสไปเรื่อยๆ เลยครับ”
ผู้กำกับตะโกนสั่ง ระรินโพสท่าร่วมกับเหล่านายแบบอย่างลื่นไหล
“ดีมาก เพอร์เฟค ระวังคาง เยี่ยม โอเค ช็อตสุดท้ายครับ”
ช่างภาพออกปากชมเปาะ ในขณะที่นายแบบเดินเข้ามาคลอเคลียระริน  “เยี่ยมมาก เสร็จแล้วครับ”

จบประโยค ทุกคนในสตูดิโอก็ปรบมือกันเกรียว
 
อ่านต่อหน้า 2

ดงดอกงิ้ว ตอนที่ 1 (ต่อ)

ระรินเดินออกจากเซ็ท แกล้งเฉียดเอ็ดดี้ หนึ่งในนายแบบ พลางส่งสายตาเชิญชวน ก่อนจะพูดลอยๆ เบาๆ แค่พอให้เอ็ดดี้ได้ยิน

“หิวจังเลย”
“รินอยากไปกินที่ไหนละครับ”
ระรินจิกตาเซ็กซี่ให้เอ็ดดี้ “เอาเป็นที่ที่ส่วนตั๊วส่วนตัวดีไหมคะ เราจะได้ผ่อนคลายหลังอาหารด้วย”
พูดพลางปรายตามองซิกแพ็คของเอ็ดดี้
เอ็ดดี้เคลิ้มอ้าปากจะตอบ แต่เสียงบิ๋มดังแทรกเข้ามาก่อน“ไม่ดีมั้ง!”
ระรินกับเอ็ดดี้หันไปมอง เห็นบิ๋ม นางแบบคู่ปรับเดินเข้ามา หน้าตาเอาเรื่อง
“เดี๋ยวเห็นร่องรอยเมื่อคืนก่อน จะหมดอารมณ์กันพอดี”
“หมายความว่าไง” ระรินจ้องหน้าบิ๋มเขม็ง
บิ๋มยิ้มเหยียดมุมปาก  
“ก็ตามที่พูดนั่นแหละ แถมยังเป็นรอยกับผัวชาวบ้านด้วย สงสัยหล่อนจะเป็นพวกชอบซาดิสต์ ได้อารมณ์เหมือนกำลังปีนต้นงิ้วอยู่ใช่ไหม”
“พูดเรื่องอะไร ฉันไม่เห็นจะรู้เรื่อง” ระรินแสร้งตีหน้าซื่อ
“ไม่ต้องมาแอ๊บ ฉันรู้ว่าแกชอบอ่อยผัวชาวบ้าน”
ระรินเชิดหน้า  “เชอะ ทำมาเป็นใส่ร้ายคนอื่น ทำไมยะ แกมันอยากได้ผู้ชายสักคน แต่ไม่มีแม้แต่ตัวผู้ที่ไหนชายตามาแลใช่ไหมล่ะ ถึงได้อิจฉาจนตัวสั่น "
“ว้าย นังปากส้วมซึม น่าตบ”  
ปากพูด พร้อมมือไป บิ๋มตบระริน ระรินตบกลับ สองคนตบกัน ทึ้งผมกัน ในขณะที่เอ็ดดี้ยืนอึ้ง ทำอะไรไม่ถูก
 
บิ๋มดึงชุดระรินขาดแคว่กจนโป๊ ทุกคนตะลึง ทีมงานตกใจรีบเข้ามาแยก ในขณะที่บางคนยกมือถือเตรียมจะถ่ายคลิปฉากตบของทั้งคู่ ดีที่แจ๊ส ซึ่งเป็นผู้จัดการส่วนตัวของระรินคว้ามือถือออกมาได้มัน
“อย่าถ่ายนะ”  จากนั้นก็รีบเข้าไปดึงระรินออกมา
“หยุด พอเลย! มานี่เลยยัยริน”  แจ๊สเอาเสื้อคลุมให้ระริน แล้วกึ่งฉุดแขนให้ออกไป ก่อนที่จะพาเข้าไปที่ห้องแต่งตัว แล้วปิดประตูทันที
“โอ๊ย! ปล่อยแขนฉันได้แล้วเจ๊ ฉันเจ็บนะ”
“รู้สึกเจ็บด้วยเหรอยะ นึกว่าด้านไปแล้ว”
“เอ๊ะ นี่เจ๊แทนที่จะช่วย กลับมาว่ากันอีก นังนั่นมันตบฉันก่อนนะ”
“แล้วแกไปแอบกินของของมันก่อนหรือเปล่าล่ะ” แจ๊สย้อนถาม
“กินอะไรเจ๊” ระรินแกล้งไก๋
“ฉันเป็นคนตัดสายสะดือหล่อนเข้าวงการนะยะ เรื่องแค่นี้คิดหรือว่าฉันจะไม่รู้ สายฉันมีอยู่ทั่วไปหมดอย่าคิดนะว่าจะปิดอะไรฉันได้”
“ฉันไม่ได้คิดจะจริงจังสักหน่อย ก็แค่เล่น ๆ ฆ่าเวลา”
แจ๊สส่ายหน้าอย่างระอา “จะเล่นไปทำไมยะ เปลืองเนื้อเปลืองตัวให้มันกินฟรีเนี่ยนะ”
“เอ๊ะ ก็ฉันบอกแล้วว่าไม่ได้จริงจังไงล่ะ อย่าจุ้นหน่อยเลยน่ะเจ๊” ระรินเริ่มหงุดหงิด
“จุ้นเหรอยะ” แจ๊สทำเสียงดุ
“ก็แน่ล่ะสิ ไม่ใช่ฉันหรือไงยะที่ต้องคอยตามล้างตามเช็ดเรื่องคาว ๆ เวลาหล่อนร่าน แล้วเผอเรอให้ปาปารัซซี่มันเจอน่ะ”  
ระรินเงียบไป นึกรู้ว่าถ้าทำให้แจ๊สโกรธ ก็จะเสียประโยชน์
“จำใส่สมองเล็ก ๆ ของแกไว้เลยนะ แกจะเอาของของแกไปทำอะไร กับใครที่ไหน ฉันจะทำเป็นไม่รู้ไม่เห็น แต่ถ้าเรื่องคาว ๆ โผล่มาเมื่อไร ฉันจะตัดหางแกทิ้งแน่ ถ้ายังอยากจะเฉิดฉายในวงการนี้ต่อล่ะก็ อย่าคิดว่าจะรุ่งถ้าไม่มีผู้จัดการอย่างฉัน”
พูดจบ แจ๊สก็สะบัดหน้า แล้วเดินออกจากห้องไป ปิดประตูใส่ระรินโครมใหญ่
ระรินทำได้แค่ด่า ตามหลัง  “หนอย นังแจ๊ส คิดรึว่าฉันจะยอมเป็นเบี้ยแกชั่วชีวิต แกมันก็แค่ทางผ่าน ฉันได้ดีเมื่อไหร่จะถีบหัวส่ง ให้ดู”
ทันใดนั้นมือถือของระรินก็ดัง ระรินหยิบมาดู พอเห็นชื่อคนโทรเข้าก็ยิ้มออก พลางรีบกดรับสาย
“คิดถึงเหรอคะ”
“คุณรู้ทันผมจนได้ ทำงานอยู่รึเปล่าครับ” สงครามที่กำลังนั่งอยู่ในห้องทำงาน ภายในโรงแรมหรู ทักทายมาทางปลายสาย
“เสร็จงานแล้วล่ะค่ะ”
“หวังว่าคุณจะไม่ลืมนัดของเรานะครับ”
“ไม่ลืมหรอกค่ะ ไม่อยากลืม” ระรินทำเสียงอ้อน
“เจอกันคืนนี้ครับ”
“เจอกันค่ะ” ระรินพูดจบ ก็กดปุ่มวางสาย
 
สงครามวางสายตาม สีหน้ามีความสุข พลันก็มีเสียงเคาะประตูหน้าห้อง ก่อนที่เลขาสาวจะเดิน เข้ามา
“ขอโทษค่ะท่าน”
“มีอะไร”
“ภรรยาของท่านโทรมาเตือนเรื่องปาร์ตี้วันเกิดคืนนี้น่ะค่ะ”  
สงครามหุบยิ้ม “บอกไปว่าผมต้องไปพบลูกค้า อาจจะกลับดึก”
“นัดลูกค้า นัดไหนคะ ทำไมดิฉันไม่ทราบ”
“นัดเป็นการส่วนตัว”สงครามเน้นคำ เลขาพยักหน้าช้าๆ อย่างรู้ทันความหมายของเจ้านาย
“ผมไม่ชอบให้ใครมาวุ่นวายเวลาที่ผมอยู่กับลูกค้า คุณเป็นเลขาผม คุณคงรู้ดีนะว่าควรทำยังไง”
“ค่ะ ดิฉันทราบดีค่ะว่าต้องเคลียร์ทุกอย่างให้เรียบร้อย” เลขารับคำสั่ง ก่อนที่จะเดินออกจากห้องไป
สงครามยิ้มอย่างชอบใจ แววตาเจ้าชู้

สู่ขวัญกำลังดูแลลูกค้า ที่เข้ามาลองชุดที่ร้าน “พอดีไหมคะ”
“มันฟิตไปนะ คัทติ้งก็ไม่เนี้ยบ ตะเข็บก็ไม่สวย งานไม่ดีเลยอ่ะ” ลูกค้าตำหนิเสียงเข้ม
“ว่ายังไงนะคะ”  สู่ขวัญเสียงแข็งสู้
มีนารีบเข้ามาขวางไว้  “เดี๋ยวฉันจัดการเอง” พลางผลักสู่ขวัญเบาๆ แล้วหันไปยิ้มกับลูกค้า
“คุณใส่แล้วสวยมากนะคะ ถ้าไม่พอดีตรงไหน เราแก้ไขให้ได้ค่ะ”
“โอ๊ย จะแก้ไหวเหรอ เยอะนะ แล้วจะแก้เนี้ยบนึเปล่าก็ไม่รู้” 
“เนี้ยบสิคะ” มีนาพูดอย่างใจเย็น “ร้านเรารับประกันเรื่องฝีมือ ลูกค้าส่วนใหญ่สั่งตัดกับเราก็เพราะพอใจฝีมือตัดเย็บของเรานี่แหละค่ะ ดีไซเนอร์เราจบมาจากเมืองนอกเชียวนะคะ งานไม่เนี้ยบเราไม่กล้าเอามาวางขายหรอกค่ะ”
“เนี่ยนะเหรอเนี้ยบ” ลูกค้าทำเสียงแหวใส่
สู่ขวัญทนไม่ไหวรีบเดินเข้ามา “ไม่ต้อง ถ้าไม่ชอบ ก็ไม่ต้องซื้อค่ะ” พูดจบ ก็ดึงชุดออกจากมือลูกค้า  
“เอ๊ะ ทำไมทำแบบนี้ ฉันเป็นลูกค้านะ เสียมารยาทที่สุด”  
สู่ขวัญจ้องหน้า “มารยาทมีไว้ใช้กับคนมีมารยาทเท่านั้นค่ะ”
“นี่เธอด่าฉันเหรอ”
“ก็คงไม่เท่ากับที่คุณตำหนิชุดของฉันหรอกมั้งคะ”
สู่ขวัญไม่ยอมแพ้ "ถ้าคิดจะติเพื่อให้ลดราคาให้ อย่าเลยค่ะ ถ้าเงินไม่ถึง ไปประตูน้ำสิคะ ของสวยๆ ราคาถูกๆ พอจ่ายไหว มีให้เลือกเยอะเชียวล่ะค่ะ” พูดจบสู่ขวัญก็เดินสะบัดหน้าเข้าไปด้านใน
ลูกค้าแทบจะกรี๊ด “นี่มันดูถูกกันชัดๆ ปากแบบนี้จะขายของได้เหรอ”  
“ก็ขายได้มาตลอดนั่นแหละค่ะ” มีนาพูดเสียงเรียบๆ พยายามใจเย็นเต็มที่  
“ขายให้คนโง่ๆ น่ะสิ พอกันที ฉันจะไม่มีวันเหยียบเข้ามาอีกเป็นอันขาด ทุเรศที่สุดเลย” พูดจบก็ปึงปังออกจากร้านไป

มีนาถอนใจ เดินไปหาสู่ขวัญที่ด้านใน  “อีกแล้วนะขวัญ เมื่อไหร่เธอจะเลิกใช้อารมณ์กับลูกค้าซะทีนะ”
“ฉันไม่ชอบให้คนมาวิจารณ์ของๆ ฉัน ถ้าชอบก็ซื้อ ไม่ชอบก็ไม่ต้องซื้อ ไม่เห็นต้องหาเรื่องมาด่าโน่นด่านี้ ฉันไม่อยากฟัง”
“แต่เราทำการค้านะ มันก็ต้องอดทนกันบ้าง” มีนาพยายามเตือนสติ
“ไม่ ฉันไม่อดทนกับอะไรแบบนี้เด็ดขาด ฉันรักงานของฉัน เสื้อผ้าทุกชิ้น ฉันตั้งใจและทำมันออกมาด้วยใจรัก ถ้าใครไม่ชอบก็ไม่ต้องมาซื้อ ฉันไม่ง้อ”  สู่ขวัญยักไหล่อย่างไม่แคร์
“ย่ะ แม่คุณ เอาเถอะ มันร้านของเธอ เธอจะทำยังไงก็ได้นี่ นิสัยอย่างเธอนี่ ใครกล้ามีเรื่องด้วยก็บ้าแล้ว เพราะนิสัยอย่างนี้น่ะสิ คุณรบเขาถึงไม่กล้าร้ายกับเธอ”

“ฉันไม่ร้ายหรอก ถ้าใครไม่มาร้ายกับฉันก่อน”

 
อ่านต่อหน้า 2

ดงดอกงิ้ว ตอนที่ 1 (ต่อ)

สาธร นั่งอยู่ในห้องทำงานของศึกรบ พลางเลื่อนไอแพ่ดที่เปิดไฟล์ภาพส่วนต่างๆของโรงแรมไว้

“ส่วนต่างๆของโรงแรมที่ต้องการการรีโนเวท ปรับปรุงใหม่ ดูซะจะได้คุยกันเรื่องงบประมาณต่อ”
ศึกรบส่ายหน้าช้าๆ  
“แกนี่มันถนัดทำเรื่องให้ฉันเสียเงินเหลือเกินนะ ปีก่อนก็เพิ่งปรับปรุงห้องพัก ปีนี้จะให้ฉันเสียเงินเรื่องอะไรอีกล่ะ”
“อ้าว ก็ฉันหวังดี อยากให้เพื่อนเป็นเจ้าของโรงแรมสวยๆ หรูๆ ไม่น้อยหน้าใคร ผิดด้วยเหรอวะ”
“แต่ไอ้ความสวยความหรูของแกเนี่ย มันต้องใช้เงินซื้อนะเว้ย”
“จะห่วงทำไมวะ ไม่ใช่เงินแกซะหน่อย อย่าลืมสิว่าเจ้าของโรงแรมเนี่ยคือคุณสู่ขวัญเมียแก ไม่ใช่แก”
“เฮ้ย พูดดีๆ นะ พูดอย่างนี้ฉันเสียหาย” ศึกรบเสียงแข็ง
“อ้ะ ล้อเล่น เห็นเป็นเพื่อนกันก็เลยล้อหนักไปหน่อยๆ เฮะๆๆ แต่มันก็จริงนะ แกนี่มันโชคดีจริงๆ ได้เมียทั้งสวยทั้งดี แถมรวยอีกต่างหาก มีโรงแรมให้แกนั่งบริหารเล่น เฮ่อ ยิ่งพูดยิ่งอิจฉาว่ะ”
“ขวัญเขาไม่ถนัดเรื่องบริหาร โรงแรมนี่พ่อแม่เขาทำไว้ก็จริง แต่พอขวัญเขาไม่ชอบ ฉันก็เลยต้องช่วย” ศึกรบพูดแบบยกความดีเข้าตัว
“อ่อ ตกลงแกจะบอกว่าแกมีบุญคุณต่อเมีย ว่างั้น”
“เฮ่ย ปากเสียอย่างนี้ ฉันไล่ออกเลยดีไหมวะ ไม่น่าชวนมาทำงานด้วยเลย” ศึกรบไม่ตลกด้วย
“เฮะๆๆ ใจเย็นๆ ก็บอกแล้วไงว่าล้อเล่น ถ้าคุณขวัญไม่มีแก ป่านนี้โรงแรมเจ๊งไปหมดแล้ว แต่ถ้าแกไม่มีฉันช่วย แกก็เจ๊งด้วยเหมือนกัน เพราะฉะนั้นนอกจากเอาใจเมียแล้ว แกต้องเอาใจฉันให้มากๆ ด้วย เอ้า ตกลงจะเอาไง ดูเสร็จรึยังรูปน่ะ เร็วๆ“            
ศึกรบจิ้มไอแพ่ดดูรูปต่อ สาธรเหมือนจะนึกอะไรขึ้นมาได้  “เฮ้ย เกือบลืม คืนนี้แขกวีไอพีที่พักเพนเฮ้าส์ เขาจะจัดปาร์ตี้ เขาเชิญแกกับฉันด้วย รับรองความ บันเทิง เต็มรูปแบบ”
“คืนนี้เหรอ” ศึกรบทวนคำ
“เออ ทำไม อย่าบอกนะว่าจะกลับไปกกเมีย จะไม่ไปจริงๆ เหรอ แขกเชิญทั้งที เสียมารยาท นะเว้ย”
“ฉันขอกลับเร็วแล้วกันนะ” ศึกรบออกตัว
“โอเค เดี๋ยวป๋าโทร.คอนเฟิร์มทางโน้นก่อน” สาธรกดมือถือเดินออกไป
ศึกรบส่ายหน้ายิ้มๆ “คืนร้อนๆ แบบนี้ ใครจะยอมพลาด”

ทางด้าน เพชร ภรรยาสงคราม และแพรว น้องสาว กำลังนอนนวดอยู่ในห้องส่วนตัว ภายในสปาหรู
“นี่ตกลงพี่ไม่รู้จริงๆ หรือว่าแกล้งโง่กันแน่”  แพรวหันมาถามพี่สาว ที่นอนนวดอยู่เตียงติดกัน
“ถ้าจะพูดเรื่องเดิมๆ ก็พอเถอะ เบื่อจะฟัง”
“ฉันก็ไม่อยากพูดหรอกนะถ้าผัวพี่จะเป็นผู้ชายที่ไว้ใจได้”  เพชรหันมาทางน้องสาว แล้วพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“ฉันไม่ได้ไว้ใจใครทั้งนั้น แต่ถ้าไม่มีหลักฐาน มีแค่ข่าวลือ จะไปทำอะไรได้”
“พวกแอบลักแอบกิน มีเหรอที่จะทิ้งหลักฐานไว้ง่ายๆ แต่ถ้าอยากได้หลักฐานจริงๆ ก็ไม่ยาก แค่จ้างนักสืบ ก็แค่นั้น”
แพรวออกความคิด ในขณะที่เพชรยังคงนิ่งไม่ตอบอะไร
“พี่เพชร ถามจริงๆเถอะ พี่ไม่หึงบ้างรึไง ผัวพี่กำลังมั่วกับนังระรินอยู่นะ ทำไมพี่ไม่คิดจะทำอะไรบ้าง ไม่กลัวมันแย่งไปได้งั้นเหรอ”
“เฮอะ แย่งงั้นเหรอ?” เพชรพูดด้วยน้ำเสียงเหยียดๆ “ระรินมันก็แค่ดารา คิดจะเกาะเซเลบอัพตัวเอง สงครามเขาไม่โง่ทิ้งฉันไปคว้ามันหรอก มันก็แค่ของเอาไว้กินเล่น เขารู้ดี”
“มั่นใจจริงนะ ประมาทอย่างนี้ ถ้าเกิดอะไรขึ้น อย่ามาขอให้ฉันช่วยก็แล้วกัน“
พูดจบ แพรวก็หันหน้าหนีไปทางอื่น ในขณะที่เพชรยิ้ม อย่างไม่สะทกสะท้าน

“หมดเวลาทำงานแล้วเว้ย เตรียมตัวไปหาความสุขกันได้แล้ว”  สาธรพูดด้วยน้ำเสียงร่าเริง เมื่อเข้ามาหาศึกรบในห้องทำงาน
“ถามจริงๆ เถอะไอ้ธร วันๆ เนี่ย ในหัวแกเคยมีเรื่องงานบ้างไหมวะ”
“ฉันไม่ได้แน่เหมือนแกนี่ เอาอยู่หมด ทั้งเรื่องงาน แล้วก็เรื่องอย่างว่า ไ ป เตรียมตัวได้แล้ว ความสุขกำลังจะเริ่มขึ้นแล้วเว้ย”
พูดจบ สาธรก็ออกจากห้องไป พร้อมๆ กับที่มือถือของศึกรบดัง
ศึกรบดูชื่อคนโทรเข้าแล้วรีบกดรับ “ว่าไงครับที่รัก”
“ลูกค้าที่นัดลองชุดแต่งงานจะมาถึงช้าหน่อยน่ะค่ะ กว่าจะลองกว่าจะแก้คงจะดึกเลย ขวัญเลยโทรมาบอกไว้ก่อน กลัวรบจะคอยนาน”
สู่ขวัญบอกมาทางปลายสาย ศึกรบแอบยิ้ม “ผมเองก็มีประชุมด่วน ท่าทางจะยาว มีปัญหาต้องเคลียร์นิดหน่อยน่ะครับ”
“มีอะไรรึเปล่าคะ เล่าให้ขวัญฟังได้นะคะ”  สู่ขวัญถามด้วยความเป็นห่วง มากกว่าที่จะจับผิด
“อย่าดีกว่าครับ วันนี้เป็นวันดีๆ ของเรา อย่าคุยเรื่องเครียดๆ กันเลยดีกว่า”
“แล้วเจอกันคืนนี้นะคะ ขวัญต้องไปแล้ว รักนะคะ”
สู่ขวัญส่งเสียงหวานมาทางปลายสาย
“รักที่สุดครับ”
ศึกรบวางสายแล้วลอบยิ้มร้ายๆ
“สงสัยงานนี้ฟ้าดินจะเป็นใจซะแล้ว”

ทันทีที่ศึกรบกับสาธรมาถึงงานปาร์ตี้ แขกวีไอพี ที่เป็นเจ้าของงาน ก็รีบเดินเข้ามาต้อนรับ
“เชิญครับคุณศึกรบ ขอบคุณมากนะครับที่เนรมิตรปาร์ตี้นี่ให้ผม แล้วยังให้เกียรติมาร่วมงานอีก”
“ยินดีครับ คุณเป็นแขกระดับวีไอพีของโรงแรมเรา ใช้บริการกันมาหลายปี ยังไงเราก็ต้องต้อนรับคุณให้ดีที่สุดอยู่แล้วครับ”
ศึกรบพูดยิ้มๆ ในขณะที่ สาธรกวาดสายตามองสาวๆ ไปทั่วงาน ก่อนจะหันมาบอก “โห ไอ้รบ คืนนี้สงสัยเจอศึกใหญ่ว่ะ”
ศึกรบยังคงวางมาดนิ่งๆ ในขณะที่เปรี้ยวส่งสายตามาสบกับศึกรบ พลางตั้งใจเดินแทรกตัวมาตรง กลางระหว่างศึกรบกับสาธร “ขอโทษนะคะ”
ระหว่างเดินแทรก เปรี้ยวก็จงใจเอาหน้าอกไซส์ใหญ่เบิ้มของตัวเองเบียดศึกรบ ก่อนหันกลับมาสบตาอีกครั้ง เพื่อเช็คผล ศึกรบยิ้มให้อย่างสุภาพ ในขณะที่สาธรถึงกับเข่าอ่อน ต้องรีบคว้าแขนศึกรบไว้เป็นที่ยึด
“ไม่ไหวแล้วว่ะไอ้รบ ขอไปห้องน้ำก่อนนะ”

สาธรผละออกไป ทิ้งศึกรบไว้ท่ามกลางผู้หญิง ละลานตา

ดงดอกงิ้ว ตอนที่ 1 (ต่อ)

“สวัสดีค่ะ คุณขวัญเหรอคะ คุณรบยังไม่กลับมาเลยค่ะ”

พรรีบรายงานทันที ที่รับสายสู่ขวัญ
“อะไรนะคะ คุณขวัญก็จะกลับช้าด้วยเหรอคะ ค่ะๆ งั้นเดี๋ยวพรจะเตรียมของไว้ให้ก็แล้วกันนะคะ กลับมาคุณขวัญจะได้ลงมือปรุงอย่างเดียวเลย รีบๆ กลับมานะคะ”
ในขณะที่ภารดีเดินเข้ามาพอดี “ใครโทร.มา”
พรวางโทรศัพท์ แล้วหันไปตอบ
“คุณขวัญโทร.มาบอกว่าอาจจะมาถึงช้า เลยให้พรช่วยเตรียมพวกของสดไว้ให้น่ะค่ะ“
“แล้วตารบโทรมาบ้างรึเปล่า”
“ยังเลยค่ะ พรว่าเดี๋ยวก็คงกลับล่ะค่ะ วันสำคัญแบบนี้คุณรบคงไม่กล้ากลับช้าหรอกค่ะ พรไปเตรียมของให้คุณขวัญก่อนนะคะ”
พูดจบพรก็เดินผละเข้าไปห้องครัว ในขณะที่ภาวดียืนคิดๆ
“เตือนซะหน่อยก็ดี”จากนั้นก็ตัดสินใจกดโทรศัพท์

ทางด้านศึกรบ ที่กำลังรอรับเครื่องดื่มจากบาเทนดี้สาวที่เขย่าทั้งเชคเกอร์ เขย่าทั้งนม เมื่อมือถือดัง ศึกรบดูเบอร์เห็นว่าขึ้นเป็นชื่อบ้าน ก็ชั่งใจอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะค่อยๆ เดินหลบไปหามุมเงียบๆ ก่อนจะกดรับสาย
“ผมกำลังประชุมอยู่ครับคุณแม่…เสร็จแล้วจะรีบกลับนะครับ อ้อ แบตผมจะหมด ลืมที่ชาร์จ ซะด้วย ถ้าโทรมาแล้วผมไม่ได้รับแสดงว่าแบตหมดนะครับ แค่นี้ก่อนนะครับ”
ศึกรบกดวางสาย แล้วกดปิดเครื่องทันที ก่อนจะกลับเข้าไปในงานอีกครั้ง

เมื่อศึกรบกลับเข้ามา เจ้าของงานปาร์ตี้ก็พาเปรี้ยวเข้ามาหาพอดี “ดูแลคุณศึกรบให้ดีๆ นะเปรี้ยว อย่าให้เสียชื่อพริตตี้ตัวแม่เชียวนะ “พูดพลางหันมาทางศึกรบ “ผมจองตัวมาพิเศษเพื่อคุณโดยเฉพาะเลยนะครับ คุณศึกรบ” “ขอบคุณครับ “ศึกรบรับคำอย่างสุภาพ ในขณะที่เจ้าของงานพูดทิ้งท้าย “ห้องนอนผมไม่ได้ล็อค เชิญตามสบายเลยนะครับ” เปรี้ยว ส่งสายตายั่วยวน และเชิญชวน เต็มที่
ทางด้านสู่ขวัญ ขับรถเข้ามาจอดในบ้าน ก่อนจะรีบลงจากรถมาสีหน้าร้อนอกร้อนใจ พลางเอ่ยปากถามพรที่ทำหน้าที่เปิดประตูรั้วให้
“คุณรบกลับมารึยัง” “ยังเลยค่ะ แต่โทรมาบอกว่ามีงานด่วน อาจจะกลับช้าหน่อยน่ะค่ะ” สู่ขวัญ ยิ้ม “ก็ดี จะได้มีเวลาทำกับข้าว” “ให้พรช่วยนะคะ” พรกุลีกุจอรีบยกกระเป๋าออกจากท้ายรถ ตามหลังสู่ขวัญเข้าบ้านไป

ในขณะที่ศึกรบ กำลังนัวเนียอยู่กับเปรี้ยว “เปรี้ยวมีของขวัญพิเศษให้คุณค่ะ ถ้าไม่พิเศษ เปรี้ยวไม่ให้จริงๆ นะคะเนี่ย”เปรี้ยวเริ่มลีลายั่วยวน ด้วยการเต้นรำบนหน้าตักศึกรบ สาธรมองมาเห็นเข้า เลือดกำเดาจะพุ่ง “โอ้ว”


สู่ขวัญละมือจากการหั่นผัก หันไปผัดกับข้าวในกะทะบนเตา ทำโน่นนี่ง่วนไปหมด ภาวดีกับพรมองมา ด้วยสายตาชื่นชม
“ท่าทางจะอร่อยนะคะคุณผู้หญิง แหม ทำให้ผัวกินนี่มันดูดีนะคะ”
“แน่สิยะ ถ้าเป็นผัวเรานะ ไม่ใช่ผัวคนอื่น”
ภารดีพูดพลางปรายตามองไปทางลูกสะใภ้คนโปรด
“โอ๊ย ก็ต้องผัวเราสิคะ ผัวคนอื่นเราจะไปทำให้กินทำเบื๊อกอะไร”
“คนสมัยนี้มันชอบกินผัวคนอื่น”
“แล้วทีคุณผู้ชายไม่เห็นมีใครกิน มีแต่คุณผู้หญิงโง่กินอยู่คนเดียว”  
ภารดีหันขวัญมาทำตาเขียว ก่อนที่จะผลักพรกระเด็นไป

หลังจากจัดโต๊ะอาหารเสร็จเรียบร้อยแล้ว สู่ขวัญ ก็มานั่งดูทีวีรอ พลางเหลือบตาดูเวลา เห็นว่าสามทุ่มแล้ว
“คุณสู่ขวัญขา กับข้าวเย็นหมดแล้ว ให้พรอุ่นอีกรอบไหมคะ”
“ยังก่อนก็ได้จ้ะ อุ่นบ่อยๆ เดี๋ยวเละหมด หมดอร่อยกันพอดี เดี๋ยวคุณรบก็คงกลับมาแล้วล่ะจ้ะ”
ภาวดีเดินเข้ามาสมทบ “ไม่โทร.ไปถามล่ะค่ะ ว่าถึงไหนแล้ว”
“ไม่ดีกว่าค่ะคุณแม่ ขวัญไม่อยากรบกวนตอนเขาทำงาน เดี๋ยวเสร็จงานก็คงโทร.มาเองล่ะค่ะ”  สู่ขวัญตอบยิ้มๆ
“แต่แม่ว่ามันชักจะดึกไปหน่อยแล้วนะ ขวัญไม่โทร แม่โทร.เอง อยากรู้นัก งานอะไรมันจะด่วนถึงกับ ต้องคุยกันดึกๆ ดื่นๆแบบนี้”
ว่าแล้วภาวดี ก็เดินตรงไปที่โทรศัพท์บ้าน กดเบอร์ศึกรบ
“ปิดเครื่อง สงสัยจะแบตหมด ทำงานแน่รึเปล่า”  ภารดีรำพีงกับตัวเองเบาๆ
สู่ขวัญหน้าเครียดขึ้นนิดหน่อย แต่พยายามข่มสีหน้า และอารมณ์ไว้
“อาจจะกำลังประชุมก็ได้ค่ะ คุณแม่กับพรไปนอนเถอะค่ะ เดี๋ยวขวัญรอเอง ไปนะคะ”
“แม่รอเป็นเพื่อน” ภารดีพูดอย่างเอาใจ
“ไม่เป็นไรค่ะคุณแม่ ดึกแล้ว ขวัญรู้ว่านี่มันเวลาสวดมนต์ของคุณแม่ เดี๋ยวขวัญรอเองค่ะ ไม่ต้องห่วงนะคะ”
“งั้น ถ้าตารบกลับมา ขึ้นไปเรียกแม่ด้วยนะ”  จบประโยคของภารดี พรก็สวนออกมาทันที
“อ้าว แล้วคุณผู้หญิงจะลงมาเป็นก้างขวางคอเขาทำไมล่ะคะ”
ภารดีหันมาถลึงตาใส่ “ปากดีนักนะยัยพร เดี๋ยวเถอะ”
พร หันไปบอกสู่ขวัญ “พรยังไม่นอนหรอกค่ะ พรจะไปดูละคร มีอะไรก็เรียกใช้ได้เลยนะคะ”
“ขอบใจจ้ะ” จากนั้นพรก็เดินออกไป พร้อมๆ กับภารดี “แม่จะนั่งสมาธิรอ”
สู่ขวัญทิ้งตัวลงนั่ง ลองใช้มือถือกดหาศึกรบ “ปิดเครื่องจริงๆ ด้วย”

หลังเต้นจนจบเพลง เปรี้ยวโน้มตัวมากระซิบข้างหูศึกรบ
“คืนนี้อยู่กับเปรี้ยวนะคะ”

เวลาในห้องพักวีไอพีถูกใช้อย่างสาสม เสียงนาฬิกาข้อมือส่งเสียงตือน ศึกรบงัวเงียเอื้อมมาหยิบนาฬิกาข้อมือที่วางที่หัวเตียงดู
“เที่ยงคืน”
ศึกรบทะลึ่งตัวลุกพรวดทันที พลางรีบคว้าผ้าขนหนูเข้าห้องน้ำไป แล้วรีบแต่งตัวกลับออกมาอย่างรวดเร็ว เปรี้ยวตื่นขึ้นมาเห็นว่าศึกรบจะกลับ
“ไหนบอกจะอยู่กับเปรี้ยวทั้งคืนไงคะ”
“ขอเป็นครึ่งคืนก่อนนะครับคนดี อีกครึ่งคืนขอติดไว้ก่อนนะคะ”
พูดพลางก้มตัวลงไปหอมแก้มเปรี้ยว เปรี้ยวแกล้งทำงอน
“คุณรบอ่ะติดไว้ก่อนตลอดเลย แบบนี้คราวหน้าต้องทบต้นทบดอกให้เปรี้ยวนะคะ ไม่งั้นเปรี้ยวไม่ปล่อยคุณกลับไปแน่”
ศึกรบขยับเข้าหาเปรี้ยวอีกครั้ง  “งั้นคราวหน้าผมยกให้คุณทั้งวันเลยโอเคไหม”
เปรี้ยวมองยิ้มๆ“จริงนะคะ”ศึกรบพยักหน้ายิ้มๆ เปรี้ยวดีใจหอมแก้ม และกอดศึกรบแน่น
ศึกรบยิ้มๆ แอบมองดูนาฬิกาที่ข้อมือสีหน้าปลี่ยนเป็นกังวล

ในขณะที่สู่ขวัญเผลอหลับไปหน้าทีวี แสงไฟจากรถที่แล่นเข้ามาจอดสาดเข้ามาจนตื่น สู่ขวัญเหลือบตาดูเวลา เห็นว่าเที่ยงคืนครึ่ง เสียงศึกรบปึงปังๆ เปิดประตูเข้ามาด้วยสีหน้าเครียด
“แย่แล้วขวัญ” “มีอะไรเหรอคะ” “โรงแรมมีปัญหา เราเพิ่งประชุมกันเสร็จ” ศึกรบแสร้งปั้นหน้ายุ่ง “ทำไมล่ะคะ มันเกิดอะไรขึ้นคะรบ”

ครู่ต่อมาสู่ขวัญส่งผ้าเย็นให้ศึกรบที่นั่งกุมขมับอยู่บนเตียงนอน
“ผ้าเย็นค่ะ”
“ขอบคุณครับ”
“เรื่องมันเป็นยังไงคะ” สู่ขวัญถามด้วยความเป็นห่วง
ศึกรบ แกล้งถอนใจ  “เอาไว้พรุ่งนี้ผมจะเล่าให้ฟัง แค่ทิ้งคุณไว้คนเดียวจนดึกป่านนี้ผมก็รู้สึกผิดจะแย่อยู่แล้ว”  พูดพลางดึงตัวขวัญเข้ามากอด “ยกโทษให้ผมด้วยนะครับคนดี”
“ขวัญไม่กล้าโกรธคุณหรอกค่ะ มีอะไรให้ขวัญช่วยได้ก็บอกมานะคะ”
“ผมโชคดีจริงๆ ที่ได้แต่งงานกับคุณ ผมเป็นผู้ชายที่โชคดีที่สุดในโลก”
ศึกรบแอบยิ้มร้าย ภูมิใจในตัวเองที่แผนสำเร็จ
“ผมรักคุณ”
“ขวัญก็รักคุณค่ะ รักคุณคนเดียว”

ธาตุแท้และลวดลายที่ศึกรบซ่อนซุกไว้อย่างแนบเนียนภายใต้บทบาทสามีผู้แสนดีตลอด 1 ปี ของชีวิตคู่ เริ่มโผล่ออกมาแล้ว โดยที่ สู่ขวัญไม่ทันได้สังเกต สำเหนียก หรือฉุกคิดสักน้อย!

จบตอน 1 อ่านต่อตอนที่ 2
กำลังโหลดความคิดเห็น